Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภูมิปัญญาท้องถิ่น เทศบาลเมืองแพร่

ภูมิปัญญาท้องถิ่น เทศบาลเมืองแพร่

Published by อัศนี ศรีสวัสดิ์, 2021-07-21 03:47:17

Description: ภูมิปัญญาท้องถิ่น เทศบาลเมืองแพร่

Search

Read the Text Version

๑๔๘ ๖. การประชาสมั พันธแ์ ละเผยแพรภ่ ูมิปญั ญาท้องถ่ิน ✓ ยังไม่เคยมีการเผยแพร่ / ใช้เฉพาะบคุ คล ✓ เคยเผยแพร่ให้กบั ผู้สนใจ - เป็นทูตวัฒนธรรม เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมด้านการขับร้องซอล้านนาในงาน Lanna folk dance group ประจำปี 2561 จัดโดยสถานเอกอคั รราชทตู ไทย รว่ มกบั องค์กร Cioff Poland ณ ประเทศโปแลนด์ - ขับร้องเพลงโฟล์คซองคำเมือง ในงานถนนสายวัฒนธรรม ณ กาดกองเกา่ - ขับร้องซอลา้ นนา ในงานถวายความอาลยั ในหลวงรชั กาลท่ี 9 - ขับร้องซอล้านนา “ไหว้สาพระพุทธโกศัย” ในงานประเพณีไหว้สาพระพุทธโกศัย พระคู่บ้านค่เู มืองแพร่ ณ วัดพระบาทม่งิ เมอื งวรวิหาร มีการดงู านแล้วจากบคุ คลภายนอกแลว้ ...........……..ครัง้ /…………….…..ราย มีการนำไปใช้ - ในพน้ื ทีเ่ ดียวกัน…………..ราย - นอกพื้นที่………………….ราย อื่น ๆ (ระบุ)……………………………………………………..…………………………. ๗. ลักษณะของภูมิปญั ญาท้องถิ่น ✓ ภูมิปัญญาท้องถน่ิ ดั้งเดิม ไดร้ บั การถา่ ยทอดมาจาก ………….ศึกษาเรยี นรดู้ ้วยตนเองและผู้เช่ียวชาญ.. ✓ ภูมปิ ัญญาท้องถิ่นทีไ่ ด้พัฒนาและตอ่ ยอด - แบบเดิม คอื …......การขับร้องซอพ้นื เมอื งและดนตรีพ้ืนเมอื งแบบดั้งเดมิ ......................................... - ได้พฒั นาและต่อยอด คือ ……….....การขับรอ้ งดนตรโี ฟลค์ ซองคำเมือง.............................................. ภูมิปัญญาท้องถน่ิ /นวตั กรรมท่คี ิดคน้ ข้นึ มาใหม่ ................................................................................. ๘. วัตถุดิบที่ใช้ประโยชน์ในผลติ ภณั ฑ์ที่เกดิ จากภมู ิปญั ญา ซึ่งมใี นพน้ื ท่ี พ้ืนทอ่ี ่นื ไม่มี มี ได้แก่ ๑ ………………………………………………………………………..…………………………………………………………….. ๒. ……………………………………………………………………………………………….…………………………………….. ๓. ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ✓ ไม่มี ภาพประกอบ

๑๔๙ ข้อมูลภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ และปราชญ์ชาวบา้ น ชุมชนในเขตเทศบาลเมืองแพร่ 41. ดนตรีพ้นื เมอื ง และดนตรไี ทย ๑. ช่อื ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ............................ดนตรีพื้นเมอื ง และดนตรไี ทย…………....................................... ๒. เจา้ ของภูมปิ ญั ญาท้องถิน่ /ปราชญ์ชาวบ้าน ..............นายอรุณ ทิพยวงศ์…(ครภู ูมิปญั ญาไทย รุ่นที่ 3) …………. อาย.ุ ....... 81 ปี................... อาชีพ ข้าราชการบำนาญ ทอี่ ยู่ บ้านเลขท่ี …7/2... ชมุ ชน ..สวรรคนิเวศ.... ตำบล ...ในเวียง.... อำเภอ ..เมืองแพร่.. จังหวดั ...แพร่.... รหสั ไปรษณีย์ ...54000.................... โทรศัพท์ ……………08 1961 3614 และ 0 5452 1493…. E-mail address …………………………………………………………………………..…………………………………………….. ๓. ประเภทของภูมปิ ญั ญาท้องถ่ิน คหกรรม (อาหาร/ขนม/งานฝีมือ) เกษตร ศลิ ปกรรม/จิตรกรรม/ประติมากรรม ศลิ ปหตั ถกรรม ✓ ดนตรี/นาฎศิลป์ การแพทย์แผนไทย ✓ ศาสนา ประเพณีและวฒั นธรรมท้องถ่นิ ✓ ภาษาและวรรณกรรม อน่ื ๆ ...................................……… ๔. จดุ เด่นของภูมิปัญญาท้องถนิ่ ดนตรีพื้นเมืองลา้ นนา หรอื การบรรเลงเคร่ืองดนตรีและการขับขานในลา้ นนาน้นั มีบทบาทในวิถีชีวิต ของชาวบา้ นอยา่ งแยกไม่ออก ท้ังในด้านความบันเทงิ และการประกอบพิธีกรรม แงพ่ ธิ ีกรรมในลา้ นนาแลว้ มีสองแนวคือ แนวพุทธกับแนวผี คือ พิธีกรรมเชิงพุทธศาสนาและพิธีกรรมเกีย่ วกบั ผี ซึ่งทั้งสองแนวดังกล่าวมดี นตรีเป็นส่วนประกอบ เชน่ ในงานฉลองร่นื เรงิ หรอื ในงานศพซง่ึ มีพิธีทางพุทธศาสนาน้นั พบวา่ ดนตรีมสี ว่ นชว่ ยให้งานคกึ คักหนักแน่นข้ึน ย่ิงใน กิจกรรมเกี่ยวกับผี เช่นการฟ้อนผีนัน้ ต้องมีดนตรีเขา้ มาเกี่ยวข้อง เพราะมีการฟ้อนรำอันเป็นสว่ นประกอบสำคัญในพิธี เล้ียงผีดว้ ย

๑๕๐ ดนตรีไทย (Thai music) เป็นศิลปะแขนงหนึ่งของไทย ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศต่าง ๆ เช่น อินเดีย, จีน, อินโดนีเซีย และอื่น ๆ เครื่องดนตรีมี 4 ประเภท ดีด สี ตี เป่า เล่น วรรณคดี \"ไตรภูมิพระร่วง\" กล่าวถึง เครื่องดนตรี ได้แก่ ฆ้อง กลอง ฉิ่ง ฉาบ บัณเฑาะว์ พิณ ซอ ปี่ไฉน ระฆัง กรับ สมัยกรุงศรีอยุธยา มีวงปี่พาทย์ที่ยังคง รูปแบบปี่พาทย์เครื่องห้าเหมือนเช่นสมัยกรุงสุโขทัย แต่เพิ่มระนาดเอกเข้าไป นับแต่นั้นวงปี่พาทย์จึงประกอบด้วย ระนาดเอก ปใี่ น ฆอ้ งวงใหญ่ กลองทัด ตะโพน ฉิง่ สว่ นวงมโหรพี ัฒนาจากวงมโหรีเคร่ืองส่ี เป็นมโหรีเคร่อื งหก เพ่ิมขลุ่ย และรำมะนา รวมเป็นมี ซอสามสาย กระจับปี่ ทับ (โทน) รำมะนา ขลุ่ย และกรับพวง ถึงสมัยรัตนโกสินทร์ เริ่มจาก รัชกาลท่ี 1 เพิ่มกลองทัดเขา้ วงปี่พาทย์อีก 1 ลูก รวมเปน็ 2 ลกู ตัวผู้เสยี งสูง ตวั เมยี เสียงต่ำ รชั กาลที่ 2 ทรงพระปรีชา สามารถการดนตรี ทรงซอสามสาย คู่พระหัตถ์คือซอสายฟ้าฟาด และทรงพระราชนิพนธ์เพลงไทย บุหลันลอยเลื่อน รัช สมัยนี้เกดิ กลองสองหน้าพัฒนามาจากเปิงมางของมอญ พอในรัชกาลท่ี 3 พัฒนาเป็นวงปีพ่ าทย์เครือ่ งคู่ มีการประดิษฐ์ ระนาดทุ้มคู่กับระนาดเอก และฆ้องวงเล็กให้คู่กับฆอ้ งวงใหญ่ รัชกาลที่ 4 เกิดวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่พร้อมการประดิษฐ์ ระนาดเอกเหล็ก และระนาดทมุ้ เหล็ก รัชกาลท่ี 5 สมเด็จฯ กรมพระยานริศรานุวัตวิ งศ์ทรงคิดคน้ วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ ประกอบการแสดงละครดึกดำบรรพ์ ในรชั กาลท่ี 6 นำวงดนตรขี องมอญเข้าผสมเรยี กวงป่ีพาทย์มอญโดยหลวงประดิษฐ ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) มีการนำอังกะลุงเข้ามาเผยแพร่เป็นครั้งแรก และนำเครื่องดนตรีต่างชาติ เช่น ขิม ออร์แกน ของฝร่งั มาผสมเปน็ วงเครื่องสายผสม แล้วจงึ เป็นดนตรีไทยทีเ่ ราไดเ้ ห็นจนถึงปจั จุบนั ๕. รายละเอียดของภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ดนตรีไทย เครื่องดนตรีไทยแบ่งตามลักษณะการทำให้เกิดเสียงได้เป็น 4 ประเภท คือ เครื่องดีด เครอื่ งสี เคร่อื งตี และเคร่ืองเป่า เครอ่ื งดดี จะเข้ กระจบั ปี่ พิณ ไดแ้ ก่ พิณเปย๊ี ะ พณิ นำ้ เต้า พณิ อสี าน ซงึ เครอ่ื งสี ซอด้วง ซอสามสาย ซออู้ สะล้อ ซอแฝด รือบบั ซอกันตรมึ เครอ่ื งตี กรบั ไดแ้ ก่ กรบั พวงและกรับเสภา ระนาด ไดแ้ ก่ ระนาดเอก, ระนาดทมุ้ , ระนาดเอก มโหรี, ระนาดทุ้มมโหรี, ระนาดเอกเหล็ก, ระนาดทุ้มเหล็ก, ระนาดแก้ว ฆ้อง ได้แก่ ฆ้องมโหรี, ฆ้องมอญ, ฆ้องวงใหญ่, ฆ้องวงเลก็ , ฆ้องโหม่ง, ฆ้องกระแต, ฆอ้ งระเบง็ ขมิ ฉาบ ฉ่งิ กลอง ได้แก่ กลองแขก, กลองมลายู, ตะโพน, ตะโพนมอญ, กลองทัด, กลองตุ๊ก, กลองยาว, มโหระทึก, บัณเฑาะว์, โทน, รำมะนา, โทนชาตรี, กลองสองหน้า, เปิงมางคอก, กลอง มงั คละ เครอื่ งเปา่ ขล่ยุ ไดแ้ ก่ ขลยุ่ หลบิ , ขลยุ่ เพียงออ, ขลุ่ยอู้ ป่ี ไดแ้ ก่ ป่ใี น, ป่นี อก, ปไี่ ฉน, ปี่ชวา, ปี่ มอญ, ปี่จมุ ดนตรีพ้นื บา้ นภาคเหนอื นยิ มเรยี กตามชนดิ ของเครือ่ งดนตรที ี่นำมาผสมเป็นวงวา่ “วงสะลอ้ ซอซงึ ”วง สะล้อซอซึง เป็นวงที่มีเสยี งจากเคร่ืองสายเป็นหลัก นิยมใช้เล่นกันตามท้องถิ่นภาคเหนอื ทั่วไป จำนวนเครื่องดนตรที ี่ใช้ ประสมวงไมแ่ น่นอน แต่จะมีสะล้อและซึงเป็นหลักเสมอ มเี คร่ืองดนตรอี ื่น ๆ เข้ามาประกอบ เชน่ ปี่ก้อยหรอื ขลยุ่ กลอง เตง่ ถิ้ง ฉ่งิ ฉาบ ใชบ้ รรเลงเพลงพื้นบ้านที่ไม่มกี ารขับร้อง เชน่ เพลงปราสาทไหว เพลงล่องแมป่ งิ เป็นต้น แตก่ ส็ ามารถใช้ บรรเลงเพลงสมัยใหม่ได้ด้วย เครื่องดนตรีหลักในวงประกอบด้วย “สะล้อ” หรือ “ทร้อ” เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมือง ลา้ นนาชนิดหนง่ึ เปน็ ประเภท”เครอ่ื งสี” ซ่งึ มีทง้ั 2 สายและ 3 สาย คันชักสำหรับสีจะอยู่ข้างนอกเหมือนคันชักซอสาม อ้ขู องภาคกลาง ใชไ้ มแ้ ผน่ บาง ๆ ปดิ ปากกะลาทำหลกั ท่ีหัวสำหรับพาดทองเหลืองด้านหลังกะโหลกเจาะเป็นรปู ลวดลาย ต่าง ๆ เช่น รูปหนุมาน รูปหัวใจ ส่วนด้านลา่ งของกะโหลก เจาะทะลุลงข้างลา่ ง เพื่อสอดคันทวนทีท่ ำด้วยไม้ชิงชนั ยาว

๑๕๑ ประมาณ 64 ซมตรงกลางคันทวนมีรัดอกทำด้วยหวาย ปลายคันทวนด้านบนเจาะรูสำหรับสอดลูกบิด ซึ่งมี 2 หรือ 3 อัน สำหรบั ขงึ สายซอ จากปลายลูกบดิ ลงมาถึงดา้ นกลางของกะโหลกมีหย่องสำหรับหนุนสายสะล้อเพ่ือให้เกิดเสียงเวลา สี คันชักสะล้อทำดว้ ยไม้ดัดเปน็ รปู โคง้ ขึงดว้ ยหางม้าหรือพลาสติก เวลาสใี ช้ยางสนถทู ำให้เกิดเสยี งได้ สะล้อใช้บรรเลง ประกอบการแสดงหรือบรรเลงร่วมกับบทร้องและทำนองเพลงได้ทุกชนิดเช่น เข้ากับปี่ในวงช่างซอ เข้ากับซึงในวง พืน้ เมอื ง หรอื ใชเ้ ดย่ี วคลอรอ้ งกไ็ ด้ ๖. การประชาสมั พนั ธ์และเผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถิน่ ✓ ยังไมเ่ คยมกี ารเผยแพร่ / ใช้เฉพาะบุคคล ✓ เคยเผยแพร่ให้กบั ผูส้ นใจ - ศูนย์เรียนรู้ครูภูมิปัญญาไทยภาคเหนือ ณ บ้านเลขที่ 7/2 ชุมชน สวรรคนิเวศ ตำบล ในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จงั หวดั แพร่.... - ชมรมอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมไทยล้าน จังหวัดแพร่ มีการดูงานแลว้ จากบคุ คลภายนอกแล้ว...........……..ครง้ั /…………….…..ราย มกี ารนำไปใช้ - ในพืน้ ที่เดียวกัน…………..ราย - นอกพนื้ ท่ี………………….ราย อน่ื ๆ (ระบุ)……………………………………………………..…………………………. ๗. ลักษณะของภูมิปัญญาท้องถิน่ ✓ ภูมิปัญญาท้องถ่ินดั้งเดิม ได้รับการถา่ ยทอดมาจาก ………….ศกึ ษาเรียนรู้ด้วยตนเองและผู้เช่ยี วชาญ.. ภูมปิ ญั ญาท้องถนิ่ ท่ไี ด้พัฒนาและต่อยอด - แบบเดิม คือ …...............................................…................................................................................. - ได้พัฒนาและต่อยอด คือ ……….....…................................................................................................. ภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น/นวตั กรรมท่คี ิดคน้ ข้ึนมาใหม่ ................................................................................. ๘. วตั ถดุ บิ ทใ่ี ชป้ ระโยชน์ในผลิตภณั ฑท์ ีเ่ กิดจากภูมิปัญญา ซ่ึงมีในพืน้ ท่ี พน้ื ทอ่ี นื่ ไม่มี มี ได้แก่ ๑ ………………………………………………………………………..…………………………………………………………….. ๒. ……………………………………………………………………………………………….…………………………………….. ๓. ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ✓ ไม่มี

๑๕๒ ภาพประกอบ

๑๕๓ ข้อมูลภมู ิปัญญาท้องถิน่ และปราชญช์ าวบ้าน ชมุ ชนในเขตเทศบาลเมืองแพร่ 42. จิตรกรรมภาพล้านนา ดนตรีพน้ื เมือง ดนตรไี ทย และดนตรสี ากล ๑. ชอื่ ภมู ิปัญญาท้องถนิ่ .....จติ รกรรมภาพล้านนา ดนตรีพื้นเมือง ดนตรีไทย และดนตรสี ากล…………...... ๒. เจ้าของภูมิปญั ญาท้องถิน่ /ปราชญ์ชาวบา้ น ..............นายประสงค์ กวาวภวิ งศ…์ …………………………………………. อาย.ุ ....... 81 ปี................... อาชีพ คา้ ขาย ทอ่ี ยู่ บา้ นเลขท่ี …...... ชมุ ชน ..เหมอื งแดง.... ตำบล ...ในเวยี ง.... อำเภอ ..เมอื งแพร่.. จังหวัด ...แพร่.... รหสั ไปรษณีย์ ...54000.................... โทรศพั ท์ ……………09 3258 2825………………………………….. E-mail address …………………………………………………………………………..…………………………………………….. ๓. ประเภทของภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ คหกรรม (อาหาร/ขนม/งานฝีมอื ) เกษตร ศลิ ปกรรม/จติ รกรรม/ประติมากรรม ศลิ ปหัตถกรรม ✓ ดนตร/ี นาฎศิลป์ การแพทย์แผนไทย ✓ ศาสนา ประเพณแี ละวฒั นธรรมทอ้ งถิ่น ✓ ภาษาและวรรณกรรม อน่ื ๆ ...................................……… ๔. จดุ เดน่ ของภมู ิปัญญาท้องถิ่น จิตรกรรมล้านนา นักประวัติศาสตร์จำแนกชนเผ่าไทเป็นสองสาย สายไทใหญ่ในเขตลุ่มน้ำสาละ วินซึ่งต่อมาอพยพเข้าสู่ดินแดนพม่า และอีกพวกอพยพไปในแคว้นอัสสัมของอินเดีย ได้แก่ ชนเผ่าอาหม ส่วนอีกสาย หนึ่งลงมาทางลุ่มแม่น้ำโขงในแถบยูนนาน ลงมาถึงเมืองเชียงรุ้งในสิบสองปันนา เมืองเชียงตุงในพม่า และเมือง เชยี งแสน ประมาณวา่ มีกลุ่มคนพดู ภาษาตระกลู ไทเปน็ จำนวนถึง 90 คน วฒั นธรรมการแตง่ กายของชนเผ่าไท สตรีนิยม นุ่งซิ่น แต่ผ้านุ่งซิ่นเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละเผ่า ดังจะเห็นได้จากกลุ่มไทลื้อในสิบสองปันนา ซึ่งต่อมาเมื่อมีการอพยพ กวาดต้อนลงมาอยู่กันที่เมืองน่าน ก็นำวัฒนธรรมการแต่งกายลงมาด้วยดังจะเห็นได้จากภาพจิตรกรรมฝาผนัง

๑๕๔ ที่วัดภูมินทร์ และวัดหนองบัว ไทยวน (อ่านว่าไท-ยวน) เป็นกลุ่มหลักใหญ่ เป็นคนเมืองแห่งล้านนา นอกจากนี้ยังมีไท ลาว ไทพวน ภูไท แห่งอาณาจักรล้านช้าง (ลาว) เป็นที่น่าเสียดายที่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นภาพวาดเกี่ยวข้อง กับวัฒนธรรมของล้านนาเหลือน้อยเต็มทน เหลือเพียงที่มีอายุในช่วงไม่เกินร้อยห้าสิบปีที่ผ่านมา และศิลปะที่พบเห็นก็ เป็นการผสมผสานของพม่า ฉาน ลาว ไทลือ้ และไทยภาคกลาง ลักษณะเด่นของภาพจิตรกรรมฝาผนังล้านนาคือการบอกเล่าถึงเรื่องราวเรียบง่ายตามความเป็นจริง ผนวกกับกลิ่นอายความเป็นท้องถิ่นอันเข้มข้น ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันของกลุ่มชาติพันธุ์อันหลากหลาย ในภาคเหนือของประเทศไทย เป็นส่วนผสมอันน่าตื่นตาตื่นใจของอิทธิพลจากพม่า ไทใหญ่ ลาว ไทลื้อ และสยาม ซึ่งการหลอมรวมอิทธิพลจากภายนอกเข้ากับประเพณีและความละเมียดละไมของท้องถิ่นนี้เองทำให้มรดกทางศิลปะ เหลา่ น้มี เี สนห่ เ์ ปีย่ มมนตข์ ลงั ไมเ่ หมอื นใคร ดนตรีพื้นเมืองล้านนา หรอื การบรรเลงเคร่ืองดนตรีและการขับขานในล้านนาน้ัน มบี ทบาทในวิถีชีวิต ของชาวบา้ นอยา่ งแยกไม่ออก ท้ังในดา้ นความบันเทงิ และการประกอบพธิ ีกรรม แง่พิธกี รรมในล้านนาแล้ว มีสองแนวคือ แนวพุทธกับแนวผี คือ พิธีกรรมเชิงพทุ ธศาสนาและพิธีกรรมเก่ียวกบั ผี ซึ่งทั้งสองแนวดังกล่าวมีดนตรีเป็นส่วนประกอบ เช่น ในงานฉลองร่นื เรงิ หรือในงานศพซ่งึ มีพิธีทางพุทธศาสนานัน้ พบวา่ ดนตรีมีสว่ นชว่ ยให้งานคกึ คักหนักแน่นขึ้น ยิ่งใน กิจกรรมเกี่ยวกบั ผี เช่นการฟ้อนผีนัน้ ต้องมีดนตรีเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะมีการฟ้อนรำอันเป็นสว่ นประกอบสำคัญในพิธี เลย้ี งผดี ้วย ดนตรีไทย (Thai music) เป็นศิลปะแขนงหนึ่งของไทย ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศต่าง ๆ เช่น อินเดีย, จีน, อินโดนีเซีย และอื่น ๆ เครื่องดนตรีมี 4 ประเภท ดีด สี ตี เป่า เล่น วรรณคดี \"ไตรภูมิพระร่วง\" กล่าวถึง เครื่องดนตรี ได้แก่ ฆ้อง กลอง ฉิ่ง ฉาบ บัณเฑาะว์ พิณ ซอ ปี่ไฉน ระฆัง กรับ สมัยกรุงศรีอยุธยา มีวงปี่พาทย์ที่ยังคง รูปแบบปี่พาทย์เครื่องห้าเหมือนเช่นสมัยกรุงสุโขทัย แต่เพิ่มระนาดเอกเข้าไป นับแต่นั้นวงปี่พาทย์จึงประกอบด้วย ระนาดเอก ป่ีใน ฆอ้ งวงใหญ่ กลองทดั ตะโพน ฉง่ิ สว่ นวงมโหรพี ัฒนาจากวงมโหรีเคร่ืองส่ี เปน็ มโหรเี ครอื่ งหก เพิ่มขลุ่ย และรำมะนา รวมเป็นมี ซอสามสาย กระจับปี่ ทับ (โทน) รำมะนา ขลุ่ย และกรับพวง ถึงสมัยรัตนโกสินทร์ เริ่มจาก รัชกาลที่ 1 เพิ่มกลองทดั เขา้ วงป่ีพาทยอ์ ีก 1 ลกู รวมเปน็ 2 ลกู ตวั ผู้เสยี งสงู ตัวเมยี เสียงต่ำ รัชกาลท่ี 2 ทรงพระปรีชา สามารถการดนตรี ทรงซอสามสาย คู่พระหัตถ์คือซอสายฟ้าฟาด และทรงพระราชนพิ นธ์เพลงไทย บุหลันลอยเลื่อน รัช สมัยนี้เกิดกลองสองหน้าพัฒนามาจากเปิงมางของมอญ พอในรัชกาลที่ 3 พัฒนาเป็นวงปีพ่ าทย์เครือ่ งคู่ มีการประดิษฐ์ ระนาดทุ้มคู่กับระนาดเอก และฆ้องวงเล็กให้คู่กับฆ้องวงใหญ่ รัชกาลที่ 4 เกิดวงปี่พาทย์เคร่ืองใหญ่พร้อมการประดิษฐ์ ระนาดเอกเหล็ก และระนาดทุม้ เหล็ก รัชกาลท่ี 5 สมเด็จฯ กรมพระยานริศรานวุ ตั วิ งศ์ทรงคิดค้นวงป่ีพาทย์ดึกดำบรรพ์ ประกอบการแสดงละครดึกดำบรรพ์ ในรัชกาลท่ี 6 นำวงดนตรีของมอญเขา้ ผสมเรยี กวงป่ีพาทย์มอญโดยหลวงประดิษฐ ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) มีการนำอังกะลุงเข้ามาเผยแพร่เป็นครั้งแรก และนำเครื่องดนตรีต่างชาติ เช่น ขิม ออร์แกน ของฝรั่งมาผสมเปน็ วงเครือ่ งสายผสม แล้วจึงเปน็ ดนตรไี ทยท่ีเราได้เหน็ จนถึงปจั จบุ ัน ดนตรสี ากล เปน็ มรดกของชาวตะวนั ตก เริ่มจากชาวยโุ รปมกี ารบนั ทึกทำนองเพลง โดยใช้สัญลักษณ์ท่ี เรียกว่า โน้ตสากล และใช้กับเครื่องดนตรีสากลที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ในปัจจุบัน เครื่องดนตรีสากล ดนตรีสากลเป็นดนตรีที่ชาวตะวันตกได้นำมาเผยแพร่จนเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก จึงทำให้ หลายชนชาติหลายภาษาสามารถเล่นเครื่องดนตรีสากลได้ เครื่องดนตรีสากลที่ใช้กันในชนชาติต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็น มาตรฐานเดยี วกนั ชนดิ เดยี วกนั มกี ารบันทกึ ทำนองเพลงโดยใช้สัญลกั ษณ์เดียวกนั ซง่ึ สัญลักษณท์ ีใ่ ชบ้ นั ทกึ ทำนองเพลง เรียกว่า โน้ตสากล โน้ตสากลใช้เพื่อบันทึกทำนองเพลงเพื่อกันลืมและเป็นการกำหนดทำนองเพลงว่าจะใช้เสียงสั้นยาว เพียงใด หรือเนน้ เสียงหนักเบาตรงช่วงใดนอกจากนีโ้ นต้ สากลยังมีความหมายอ่ืน ๆ อีกมากมายรูปแบบของดนตรีสากล ในแตล่ ะยคุ แตล่ ะสมัยก็จะแตกต่างกันออกไป ดนตรีสากลได้พัฒนาท้ังรูปแบบของเพลงและเครื่องดนตรีมาสู่ยุคปัจจุบัน เปน็ ท่ีนิยมทวั่ โลก

๑๕๕ ๕. รายละเอยี ดของภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ ดนตรีไทย เครื่องดนตรีไทยแบ่งตามลักษณะการทำให้เกิดเสียงได้เป็น 4 ประเภท คือ เครื่องดีด เครอื่ งสี เครื่องตี และเคร่ืองเปา่ เครอ่ื งดดี จะเข้ กระจับปี่ พิณ ไดแ้ ก่ พิณเป๊ียะ พณิ นำ้ เต้า พิณอสี าน ซงึ เครื่องสี ซอดว้ ง ซอสามสาย ซออู้ สะลอ้ ซอแฝด รอื บบั ซอกันตรึม เครื่องตี กรบั ไดแ้ ก่ กรับพวงและกรบั เสภา ระนาด ไดแ้ ก่ ระนาดเอก, ระนาดทมุ้ , ระนาดเอก มโหรี, ระนาดทุ้มมโหรี, ระนาดเอกเหล็ก, ระนาดทุ้มเหล็ก, ระนาดแก้ว ฆ้อง ได้แก่ ฆ้องมโหรี, ฆ้องมอญ, ฆ้องวงใหญ่, ฆอ้ งวงเล็ก, ฆ้องโหม่ง, ฆอ้ งกระแต, ฆอ้ งระเบ็ง ขิม ฉาบ ฉ่งิ กลอง ได้แก่ กลองแขก, กลองมลายู, ตะโพน, ตะโพนมอญ, กลองทัด, กลองตุ๊ก, กลองยาว, มโหระทึก, บัณเฑาะว์, โทน, รำมะนา, โทนชาตรี, กลองสองหน้า, เปิงมางคอก, กลอง มงั คละ เครอ่ื งเปา่ ขลุย่ ได้แก่ ขล่ยุ หลิบ, ขล่ยุ เพยี งออ, ขลุ่ยอู้ ปี่ ได้แก่ ป่ใี น, ป่นี อก, ปี่ไฉน, ปี่ชวา, ปี่ มอญ, ปจี่ ุม ดนตรีพื้นบา้ นภาคเหนือ นยิ มเรยี กตามชนิดของเครือ่ งดนตรีที่นำมาผสมเป็นวงวา่ “วงสะลอ้ ซอซงึ ”วง สะล้อซอซึง เป็นวงที่มีเสียงจากเครื่องสายเป็นหลกั นิยมใช้เล่นกันตามท้องถิ่นภาคเหนอื ทั่วไป จำนวนเครื่องดนตรที ี่ใช้ ประสมวงไมแ่ นน่ อน แตจ่ ะมีสะลอ้ และซึงเปน็ หลักเสมอ มเี ครอ่ื งดนตรีอน่ื ๆ เขา้ มาประกอบ เช่น ปกี่ อ้ ยหรือขลยุ่ กลอง เตง่ ถ้งิ ฉง่ิ ฉาบ ใชบ้ รรเลงเพลงพืน้ บา้ นที่ไมม่ ีการขับร้อง เชน่ เพลงปราสาทไหว เพลงล่องแมป่ งิ เป็นตน้ แตก่ ส็ ามารถใช้ บรรเลงเพลงสมัยใหม่ได้ด้วย เครื่องดนตรีหลักในวงประกอบด้วย “สะล้อ” หรือ “ทร้อ” เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมือง ลา้ นนาชนดิ หนง่ึ เป็นประเภท”เครอ่ื งสี” ซึง่ มที ัง้ 2 สายและ 3 สาย คนั ชักสำหรบั สจี ะอยูข่ า้ งนอกเหมือนคันชักซอสาม อ้ขู องภาคกลาง ใช้ไม้แผ่นบาง ๆ ปดิ ปากกะลาทำหลกั ที่หัวสำหรับพาดทองเหลอื งด้านหลังกะโหลกเจาะเปน็ รปู ลวดลาย ต่าง ๆ เช่น รูปหนุมาน รูปหัวใจ ส่วนด้านลา่ งของกะโหลก เจาะทะลุลงข้างลา่ ง เพื่อสอดคันทวนทีท่ ำด้วยไมช้ ิงชนั ยาว ประมาณ 64 ซมตรงกลางคันทวนมีรัดอกทำด้วยหวาย ปลายคันทวนด้านบนเจาะรูสำหรับสอดลูกบิด ซึ่งมี 2 หรือ 3 อัน สำหรับขงึ สายซอ จากปลายลูกบดิ ลงมาถึงด้านกลางของกะโหลกมหี ย่องสำหรับหนุนสายสะล้อเพ่ือใหเ้ กิดเสียงเวลา สี คันชักสะล้อทำด้วยไม้ดัดเป็นรปู โค้ง ขึงด้วยหางม้าหรือพลาสติก เวลาสีใช้ยางสนถทู ำใหเ้ กดิ เสียงได้ สะล้อใช้บรรเลง ประกอบการแสดงหรือบรรเลงร่วมกับบทร้องและทำนองเพลงได้ทุกชนิดเช่น เข้ากับปี่ในวงช่างซอ เข้ากับซึงในวง พ้นื เมอื ง หรอื ใชเ้ ดีย่ วคลอรอ้ งกไ็ ด้ ดนตรีสากล แบง่ ตามหลักในการทำเสยี งหรือวิธกี ารบรรเลงเปน็ 5 ประเภท ดังนี้ - เครอื่ งสาย เครื่องดนตรปี ระเภทนี้ ทำใหเ้ กดิ เสียงโดยการทำใหส้ ายส่นั สะเทือนสายที่ใช้เป็นสาย โลหะหรอื สายเอน็ เคร่อื งดนตรีประเภทเครอ่ื งสาย แบ่งตามวิธกี ารเลน่ เป็น 2 จำพวก คอื เครอ่ื งดดี ไดแ้ ก่ กตี าร์ แบนโจ ฮาร์ป

๑๕๖ - เครื่องสี ได้แก่ ไวโอลิน วิโอลา เชลโล ดับเบิลเบส - เคร่ืองเปา่ ลมไม้เคร่ืองดนตรปี ระเภทน้ีแบง่ ตามวิธีทำให้เกิดเสียงเป็น 2 ประเภท คือ จำพวกเป่า ลมผ่านช่องลม ได้แก่ เรคอร์เดอร์ ปิคโคโล ฟลูต จำพวกเป่าลมผ่านลิ้น ได้แก่ คลาริเน็ต แซกโซโฟน เครื่องเป่าโลหะ เครื่องดนตรีประเภทนี้ ทำให้เกิดเสียงโดยการเป่าลมให้ผ่านริมฝีปากไปปะทะกับช่องที่เป่า ได้แก่ ทรัมเป็ต ทรอมโบน เปน็ ต้น - เครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ด เครื่องดนตรีประเภทนี้เล่นโดยใช้นิ้วกดลงบนลิ้มนิ้วของเครื่อง ดนตรี ไดแ้ ก่ เปียโน เมโลเดียน คยี ์บอร์ดไฟฟา้ อเิ ล็กโทน - เครื่องดนตรปี ระเภทเครื่องตี แบ่งเป็น 2 กลมุ่ คอื - เครอื่ งตีที่ทำทำนอง ได้แก่ ไซโลไฟน เบลไลรา ระฆงั ราว - เครื่องตีที่ทำจังหวะ ได้แก่ ทิมปานี กลองใหญ่ กลองแตร็ก ทอมบา กลองชุด ฉาบ กรับ ลกู แซก ๖. การประชาสัมพันธ์และเผยแพรภ่ ูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่ ✓ ยงั ไม่เคยมกี ารเผยแพร่ / ใช้เฉพาะบคุ คล ✓ เคยเผยแพร่ให้กับผู้สนใจ มกี ารดงู านแล้วจากบุคคลภายนอกแล้ว...........……..ครั้ง/…………….…..ราย มีการนำไปใช้ - ในพน้ื ท่ีเดยี วกนั …………..ราย - นอกพื้นท่ี………………….ราย อืน่ ๆ (ระบุ)……………………………………………………..…………………………. ๗. ลกั ษณะของภูมิปัญญาท้องถ่ิน ✓ ภูมิปัญญาท้องถนิ่ ดั้งเดิม ได้รับการถ่ายทอดมาจาก ………….ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองและผู้เชยี่ วชาญ.. ภมู ิปญั ญาท้องถนิ่ ที่ได้พฒั นาและต่อยอด - แบบเดิม คือ …...............................................…................................................................................. - ได้พฒั นาและต่อยอด คือ ……….....…................................................................................................. ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน/นวัตกรรมทคี่ ิดคน้ ขึ้นมาใหม่ ................................................................................. ๘. วตั ถดุ ิบท่ใี ช้ประโยชน์ในผลิตภณั ฑท์ ี่เกดิ จากภูมปิ ัญญา ซ่งึ มีในพืน้ ท่ี พื้นท่อี ่นื ไม่มี มี ได้แก่ ๑ ………………………………………………………………………..…………………………………………………………….. ๒. ……………………………………………………………………………………………….…………………………………….. ๓. ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ✓ ไม่มี

๑๕๗ ภาพประกอบ

๑๕๘ ขอ้ มูลภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ และปราชญช์ าวบ้าน ชมุ ชนในเขตเทศบาลเมืองแพร่ 43. จติ รกรรมล้านนา ๑. ช่ือภูมิปัญญาท้องถ่นิ ......................................จติ รกรรมล้านนา…………................................................ ๒. เจ้าของภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ /ปราชญ์ชาวบา้ น ..............นายวทิ ยา สุริยะ………………………………………………………. อาย.ุ ....... ปี................... อาชพี คา้ ขาย ทีอ่ ยู่ บ้านเลขท่ี …...... ชุมชน ..ชยั มงคล.... ตำบล ...ในเวยี ง.... อำเภอ ..เมอื งแพร่.. จังหวดั ...แพร่.......... รหัสไปรษณีย์ ...54000.................... โทรศัพท์ ……………………………………………………………………………. E-mail address …………………………………………………………………………..…………………………………………….. ๓. ประเภทของภูมิปัญญาท้องถนิ่ คหกรรม (อาหาร/ขนม/งานฝีมอื ) เกษตร ✓ ศลิ ปกรรม/จิตรกรรม/ประติมากรรม ศลิ ปหัตถกรรม ✓ ดนตร/ี นาฎศิลป์ การแพทย์แผนไทย ✓ ศาสนา ประเพณีและวัฒนธรรมทอ้ งถิ่น ✓ ภาษาและวรรณกรรม อนื่ ๆ ...................................……… ๔. จุดเดน่ ของภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ จิตรกรรมล้านนา นักประวัติศาสตร์จำแนกชนเผ่าไทเป็นสองสาย สายไทใหญ่ในเขตลุ่มน้ำสาละ วินซึ่งต่อมาอพยพเข้าสู่ดินแดนพม่า และอีกพวกอพยพไปในแคว้นอัสสัมของอินเดีย ได้แก่ ชนเผ่าอาหม ส่วนอีกสาย หนึ่งลงมาทางลุ่มแม่น้ำโขงในแถบยูนนาน ลงมาถึงเมืองเชียงรุ้งในสิบสองปันนา เมืองเชียงตุงในพม่า และเมือง เชียงแสน ประมาณวา่ มีกลมุ่ คนพดู ภาษาตระกูลไทเปน็ จำนวนถึง 90 คน วฒั นธรรมการแต่งกายของชนเผา่ ไท สตรนี ยิ ม นุ่งซิ่น แต่ผ้านุ่งซิ่นเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละเผ่า ดังจะเห็นได้จากกลุ่มไทลื้อในสิบสองปันนา ซึ่งต่อมาเมื่อมีการอพ ยพ กวาดต้อนลงมาอยู่กันที่เมืองน่าน ก็นำวัฒนธรรมการแต่งกายลงมาด้วยดังจะเห็นได้จากภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัด ภมู ินทร์ และวดั หนองบัว ไทยวน (อ่านวา่ ไท-ยวน) เป็นกลุ่มหลักใหญ่ เป็นคนเมืองแหง่ ลา้ นนา นอกจากนย้ี งั มีไทลาว ไท พวน ภูไท แห่งอาณาจักรล้านช้าง (ลาว) เป็นที่น่าเสียดายที่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นภาพวาดเกี่ยวข้องกับ วัฒนธรรมของล้านนาเหลือน้อยเต็มทน เหลือเพยี งที่มีอายุในชว่ งไม่เกินร้อยห้าสิบปีที่ผ่านมา และศิลปะที่พบเห็นก็เป็น การผสมผสานของพมา่ ฉาน ลาว ไทล้อื และไทยภาคกลาง

๑๕๙ ลักษณะเด่นของภาพจิตรกรรมฝาผนังล้านนาคือการบอกเล่าถึงเรื่องราวเรียบง่ายตามความเป็นจริง ผนวกกับ กลิ่นอายความเป็นท้องถิ่นอันเข้มข้น ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันของกลุ่มชาติพันธุ์อันหลากหลาย ในภาคเหนือของประเทศไทย เป็นส่วนผสมอันน่าตื่นตาตื่นใจของอิทธิพลจากพม่า ไทใหญ่ ลาว ไทลื้อ และสยาม ซึ่งการหลอมรวมอิทธิพลจากภายนอกเข้ากับประเพณีและความละเมียดละไมของท้องถิ่นนี้เองทำให้มรดกทางศิลปะ เหล่าน้มี ีเสน่ห์เปยี่ มมนตข์ ลังไม่เหมือนใคร ๕. รายละเอียดของภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่ิน นายวิทยา สุริยะ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านจิตรกรรม ประติมากรรมและสถาปัตยกรรม มผี ลงานปรากฏตามวดั และสถานที่ต่าง ๆ ในจังหวดั แพร่ และต่างจงั หวดั ไมน่ ้อยกว่า ๕๐ แหง่ เช่น เขยี นลายรดน้ำบาน หน้าต่าง-ประตู พระอุโบสถวัดพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังซุ้ม พระเจ้าแสนตอง วดั หลวง อำเภอเมืองแพร่ จังหวดั แพร่ ออกแบบเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังโบสถว์ ัด พระธาตุสุโทนมงคลคีรี อำเภอเด่น ชัย จังหวัดแพร่ ต่างจังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก เชียงราย พะเยา เป็นต้น ได้รับ รางวัลเสา เสมาธรรมจักร ในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นผู้มี ผลงานดีเด่นดา้ นวัฒนธรรม สาขาศลิ ปะ (ประตมิ ากรรม - สถาปตั ยกรรม) ๖. การประชาสัมพนั ธ์และเผยแพร่ภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ ✓ ยังไมเ่ คยมกี ารเผยแพร่ / ใช้เฉพาะบุคคล ✓ เคยเผยแพร่ให้กับผู้สนใจ มกี ารดูงานแล้วจากบคุ คลภายนอกแล้ว...........……..คร้ัง/…………….…..ราย มกี ารนำไปใช้ - ในพื้นทเ่ี ดยี วกนั …………..ราย - นอกพน้ื ท่ี………………….ราย อ่ืน ๆ (ระบุ)……………………………………………………..…………………………. ๗. ลักษณะของภูมิปัญญาท้องถิน่ ✓ ภูมิปญั ญาท้องถิน่ ดั้งเดมิ ไดร้ บั การถา่ ยทอดมาจาก ………….ศกึ ษาเรียนรู้ด้วยตนเองและผู้เชยี่ วชาญ.. ภมู ปิ ญั ญาท้องถน่ิ ทไ่ี ด้พัฒนาและต่อยอด - แบบเดิม คอื …...............................................…................................................................................. - ได้พฒั นาและตอ่ ยอด คือ ……….....…................................................................................................. ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่ิน/นวัตกรรมทีค่ ิดค้นข้ึนมาใหม่ ................................................................................. ๘. วัตถดุ บิ ท่ใี ชป้ ระโยชน์ในผลติ ภณั ฑท์ เ่ี กิดจากภมู ปิ ัญญา ซงึ่ มีในพ้นื ท่ี พ้นื ทีอ่ น่ื ไม่มี มี ไดแ้ ก่ ๑ ………………………………………………………………………..…………………………………………………………….. ๒. ……………………………………………………………………………………………….…………………………………….. ๓. ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ✓ ไม่มี

๑๖๐ ภาพประกอบ

๑๖๑ ขอ้ มูลภมู ปิ ัญญาท้องถิน่ และปราชญ์ชาวบ้าน ชมุ ชนในเขตเทศบาลเมืองแพร่ 44. ขนมเส้นดวงเนตร (เกา๋ ก๊กึ ) ๑. ชื่อภูมิปัญญาท้องถิน่ ......................................ขนมเส้นดวงเนตร (เกา๋ ก๊ึก)………….......................... ๒. เจา้ ของภูมปิ ญั ญาท้องถนิ่ /ปราชญ์ชาวบา้ น ..............นางสาวชนดิ า หอมขจร……………………………………… อาย.ุ ....... ป.ี .................. อาชพี ค้าขาย ท่ีอยู่ บา้ นเลขท่ี … ...... ชุมชน ..ชยั มงคล.... ตำบล ...ในเวียง.... อำเภอ ..เมืองแพร่.. จังหวัด ...แพร่.......... รหสั ไปรษณยี ์ ...54000.................... โทรศัพท์ ……………………………………………………………………………. E-mail address …………………………………………………………………………..…………………………………………….. ๓. ประเภทของภูมปิ ญั ญาท้องถิน่ คหกรรม (อาหาร/ขนม/งานฝีมอื ) เกษตร ศลิ ปกรรม/จติ รกรรม/ประติมากรรม ✓ ดนตรี/นาฎศิลป์ ✓ ศิลปหตั ถกรรม ✓ ศาสนา ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถนิ่ การแพทย์แผนไทย ✓ ภาษาและวรรณกรรม อืน่ ๆ ...................................……… ๔. จดุ เดน่ ของภูมิปญั ญาทอ้ งถ่ิน ขนมเส้นเมืองแพร่เป็น \"ขนมเส้นน้ำใส” ซึ่งน้ำของเมืองแพร่มีจุดเด่นที่เป็นน้ำซุปกระดูกหมูใสเข้มข้น ไม่เหมือนน้ำเงี้ยวของจังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือ มีกลิ่นหอมของรากผักชีและกระเทียมเจียว คลุกเคล้ากับหมูสับและ เลือดหมู และ ขนมเส้นของเมืองแพร่นั้น นิยมรับประทานคู่กับส้มตำ ข้าวส้มสูตรต้นตำรับเมืองแพร่ และข้าวกั้นจิ้น ซง่ึ ก็เปน็ เมนทู ี่ไม่ควรพลาดด้วยเช่นกัน จะเรยี กว่า \"ขนมเส้นน้ำใส” เป็นอาหารประจำจังหวัดกว็ ่าได้ เพราะกินกันต้ังแต่ ลูกเดก็ เลก็ แดงยนั คนเฒ่าคนแก่ เป็นอาหารท่ีรบั ประทานงา่ ย อม่ิ ท้อง

๑๖๒ ๕. รายละเอยี ดของภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น \"ร้านขนมเสน้ ดวงเนตร (เก๋าก๊ึก)\" กบั เมนขู นมเสน้ น้ำใสหรือน้ำหมู ท่หี าทานไดเ้ ฉพาะท่ี จ.แพร่ เท่าน้ัน อย่คู ู่ชาวแพร่มานานกวา่ 60 ปี ซง่ึ สตู รลับมัดใจชาวแพร่ของทางร้านอยู่ท่ีสตู รน้ำซุปทเี่ ป็นสูตรลับเฉพาะของตระกูล ส่ง ทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณทวด แม้ปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 5 น้ำซุปของทางร้านไม่เหมือนที่อื่น ๆ เพราะทางร้านพิถีพิถันตั้งแต่การ เลือกหมูมาใช้ในการต้มน้ำซุป ซึ่งต้องเป็นหมูชั้นดี น้ำซุปที่ใช้ เคี่ยวจากกระดูกถึง 3 ชนิด ปรุงรสเพิ่มเติมเพียงรากผักชี และเกลือเท่านั้น ไม่ใส่เครื่องปรุงรสแบบร้านอื่น เคี่ยวบนเตาถ่านจนได้นำ้ ซุปที่เข้มข้น หอม หวาน เวลามีลกู ค้ามาทาน ทางร้านจะเสิร์ฟขนมจีนน้ำใสแบบเป็นเซ็ต ให้ทานคู่กับส้มตำร่วง (ส้มตำเปล่าๆที่ไม่ใส่ถั่ว ไม่ใส่ปู ไม่ใส่ปลาร้า) ข้าวส้ม (ข้าวผัดกับมะเขือเทศ) ซึ่งข้าวส้มที่นี่ไม่เหมือนกับที่อื่น คือจะไม่ผัดข้าวกับซอสมะเขือเทศ แต่จะผัดกั บมะเขือเทศลูก ใหญ่ทีค่ ัดเองกบั มอื ใหร้ สชาติทีห่ วานกวา่ ๖. การประชาสมั พนั ธ์และเผยแพร่ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น ✓ ยังไมเ่ คยมกี ารเผยแพร่ / ใช้เฉพาะบคุ คล ✓ เคยเผยแพร่ให้กับผู้สนใจ มีการดงู านแลว้ จากบคุ คลภายนอกแลว้ ...........……..ครั้ง/…………….…..ราย มกี ารนำไปใช้ - ในพ้นื ท่เี ดียวกัน…………..ราย - นอกพ้ืนท่ี………………….ราย อน่ื ๆ (ระบุ)……………………………………………………..…………………………. ๗. ลักษณะของภูมิปญั ญาท้องถิน่ ✓ ภูมิปัญญาท้องถ่ินด้ังเดิม ได้รับการถา่ ยทอดมาจาก ………….ศึกษาเรียนรู้ดว้ ยตนเองและผู้เชยี่ วชาญ.. ✓ ภูมปิ ัญญาท้องถิ่นท่ไี ด้พฒั นาและต่อยอด - แบบเดมิ คอื …........ขนมเสน้ นำ้ ใสเมอื งแพร่ (สตู รด้ังเดมิ )................................................................ - ได้พัฒนาและตอ่ ยอด คือ ………….ขนมเสน้ ดวงเนตร พัฒนาในรปู แบบผลติ ภณั ฑ์ Frozen.............. ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ /นวัตกรรมท่ีคดิ ค้นขน้ึ มาใหม่ ................................................................................. ๘. วัตถดุ ิบทใ่ี ช้ประโยชน์ในผลิตภณั ฑ์ที่เกิดจากภมู ิปัญญา ซ่งึ มีในพ้นื ท่ี พ้ืนที่อื่นไม่มี มี ได้แก่ ๑ ………………………………………………………………………..…………………………………………………………….. ๒. ……………………………………………………………………………………………….…………………………………….. ๓. ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ✓ ไม่มี

๑๖๓ ภาพประกอบ

บรรณานุกรม ประวัติตำบลบ้านระกาศ (ออนไลน์). (2561). สืบค้นจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ตำบล บา้ นระกาศ [20 สิงหาคม 2561] ภูมิปัญญาท้องถิ่น (ออนไลน์). (2561). สืบค้นจาก http://biodiversity.forest.go.th/TK/ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ [20 สงิ หาคม 2561] ปราชญ์ชาวบ้าน (ออนไลน์). (2561). สืบค้นจาก http://biodiversity.forest.go.th/TK/ ปราชญช์ าวบา้ น [20 สิงหาคม 2561]

ภาคผนวก

ภาพประกอบการเก็บขอ้ มูล ภมู ิปญั ญาในทอ้ งถ่นิ หรอื ปราชญช์ าวบ้าน ชมุ ชนในเขตเทศบาลเมืองแพร่ โดย กองการศึกษา เทศบาลเมืองแพร่

ท่ปี รึกษา คณะผจู้ ดั ทำ นายพัฒนพงษ์ พงษน์ วล รองนายกเทศมนตรีเมืองแพร่ รกั ษาราชการแทน นางดารณี ชัยนชิ ยกลุ นายกเทศมนตรีเมืองแพร่ นายสหยศ วงศ์บุรี รองนายกเทศมนตรีเมืองแพร่ นายชัยนนท์ มนกลม รองนายกเทศมนตรีเมืองแพร่ นางปราณี ชิโนทยั เลขานุการนายกเทศมนตรเี มืองแพร่ นายเจตนิพฐิ หล้าประเสรฐิ ทป่ี รึกษานายกเทศมนตรีเมืองแพร่ นางเรณู แกว้ ธิดา ปลดั เทศบาลเมืองแพร่ ผอู้ ำนวยการกองการศกึ ษา คณะทำงาน นายศราวุธ ธราวรรณ หวั หนา้ ฝ่ายบรหิ ารการศึกษา นางจารบุ ุณณ์ คณาดี นักวิชาการศกึ ษาปฏิบตั กิ าร พนกั งานเทศบาลและพนักงานจา้ ง กองการศึกษา เทศบาลเมืองแพร่ ฝ่ายศลิ ป์ (สัมภาษณ์ รวบรวมข้อมลู และออกแบบรปู เล่ม) นางจารบุ ณุ ณ์ คณาดี นกั วชิ าการศกึ ษาปฏบิ ัตกิ าร

จัดทำโดย กองกำรศกึ ษำ เทศบำลเมืองแพร่


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook