Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ ม4

แผนการจัดการเรียนรู้ ม4

Published by พัชรญดา โอบเอื้อ, 2019-09-13 02:11:05

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ ม4

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรียนรู้ รายวชิ า ภาษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 รหสั วิชา ท 31102 นางสาวพชั รญดา โอบเอ้อื ตาแหน่งพนกั งานราชการ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 อาเภอแมแ่ จม่ จงั หวัดเชียงใหม่ สังกัดสานักบรหิ ารงานการศึกษาพเิ ศษ

แผนการจดั การเรียนรู้ ช่ือหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง แผนการสอนที่ 1 เรื่อง การอ่านบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง รายวชิ า ภาษาไทย ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 4 รหสั วชิ า ท 31102 ครูผู้สอน นางสาวพชั รญดา โอบเออื้ ตาแหน่ง พนักงานราชการ เวลาทใี่ ช้ 2 ชว่ั โมง ตัวชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล กิจกรรมการเรยี นรู้ สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ ชน้ิ งาน ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน 1) หนงั สือเรียน ท 1.1 ม.4-6/1 อ่านออก - สงั เกตการ 1. ตรวจแบบทดสอบ 1. ครูใหน้ กั เรียนที่มีประสบการณ์ใน ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใช้ อ่านออกเสียง เสียงบท อ่านออก ก่อนเรียน หน่วยการ การประกวดอ่านบทรอ้ ย ภาษา ม.4 กรองออกมาเล่าประสบการณ์ให้ 2) ใบความรู้ที่ 1.1 บทรอ้ ยแกว้ ร้อยแกว้ เสียงบท เรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง การ บทร้อยแกว้ เร่ือง เพอื่ นฟัง ทาไมตอ้ งกินฝร่งั และบทร้อย ประเภท ร้อยแกว้ อ่านออกเสียงบทรอ้ ย 2. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อน ตอนเป็ นไข้ 3. ) ใบความรูท้ ี่ 1.2 กรองไดอ้ ยา่ ง ต่างๆ เช่น และบทรอ้ ย แกว้ และบทร้อยกรอง เรียน เรื่อง คน้ พบสิงโต ข้นั สอน ทองผาภูมิ ถูกตอ้ ง บทความ กรอง 1)ประเมินการอ่านออก 1. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 กลว้ ยไมห้ ายาก ควรค่าแก่การ ไพเราะและ เร่ืองทาไม เสียงบทร้อยแกว้ คน คละกนั ตามความสามารถ อนุรักษ์ จากน้นั ใหส้ มาชิกในแต่ละกลุ่ม เหมาะสมกบั ตอ้ งกิน 2) ประเมินการอ่าน เลือกหมายเลขประจาตวั ตาม 4. ) ใบความรูท้ ่ี 1.3 ความสมคั รใจต้งั แต่หมายเลข บทรอ้ ยกรอง เรื่องทอ่ี ่าน ฝรงั่ ตอน ออกเสียงบทรอ้ ยกรอง 1-4 โคลงโลกนติ ิ ราตรี 2. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มส่ง กาพยเ์ ห่เรอื เป็ นไข้ ตวั แทนออกมาจบั สลาก รชั กาลท่ี 6 (เห่ชม หมายเลข 1-5 โดยครูแจกบท ชายทะเล) ขนุ ชา้ ง ร้อยกรองใหน้ กั เรียน ขนุ แผน ตอน แต่ละกล่มุ ตามหมายเลขท่ี พลายงามพบพอ่ ตวั แทนกลุ่มจบั สลากได้ 3. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ศกึ ษาลกั ษณะประเภทของบท

รอ้ ยกรองทีก่ ลุ่มจบั สลากได้ และมหาเวสสนั ดร โดยใหศ้ กึ ษาคน้ ควา้ หลกั การ ชาดก กณั ฑม์ ทั รี อ่านออกเสียงบทร้อยกรองที่ได้ จากหนงั สือเรียน หอ้ งสมุด และ แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ 4. สมาชิกในแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภิปรายสรุปความรู้ท่ีไดศ้ กึ ษา มา แลว้ บนั ทกึ ความรู้ลงใน กระดาษ A4 จากน้นั ร่วมกนั ฝึก อ่านออกเสียงบทร้อยกรอง โดย ใหน้ กั เรียนนาหลกั การอ่านท่ี ศกึ ษามาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการอ่าน ออกเสียง 5. ครูเลือกหมายเลขใดหมายเลข หน่ึงจาก 1-4 แลว้ ใหน้ กั เรียนแต่ ละกลุ่มทมี่ ีหมายเลขประจาตวั ตรงกบั หมายเลขทค่ี รูเลือก ออกมาเป็นตวั แทนกลุ่มอ่าน ออกเสียง และพดู สรุปหลกั การ อ่านออกเสียงบทรอ้ ยกรอง ท่ี กลุ่มจบั สลากได้ หนา้ ช้นั เรียน 6. ครูตรวจสอบความถูกตอ้ งใน การอ่านออกเสียง และการพดู สรุปหลกั การอ่านบทรอ้ ยกรอง ข้ันสรุป 1. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มเขยี นสรุป หลกั การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง ประเภทต่างๆ เสร็จแลว้ นาส่งครูตรวจ 2. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนแตล่ ะคน เลือกบทร้อยแกว้ และบทรอ้ ย กรอง อยา่ งละ 1 บท แลว้ มาอ่าน ออก เสียงกบั ครู (นอกเวลาเรียน)

แบบทดสอบกอ่ นเรียน คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเลือกคาตอบท่ถี ูกต้องท่สี ุดเพยี งขอ้ เดยี ว 1. รปู แบบของงานเขยี นประเภทรอ้ ยแกว้ แบ่งได้ 6. คาประพนั ธท์ เ่ี ก่าแกท่ ส่ี ดุ ของไทย คอื คา เป็น กป่ี ระเภท อะไรบา้ ง ก. 2 ประเภท คอื คมั ภรี ์ และนยิ าย ประพนั ธช์ นิดใด ข. 2 ประเภท คอื สารคดี และนวนยิ าย ค. 2 ประเภท คอื บนั เทงิ คดี และสารคดี ก. รา่ ย ข. โคลง ง. 2 ประเภท คอื สารคดี และความเรยี ง ค. กาพย์ ง. ฉนั ท์ 2. บุคคลใดไม่ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั การอา่ นบทรอ้ ย แกว้ 7. ขอ้ ใดไมไ่ ดเ้ ป็นวธิ กี ารเพม่ิ ความไพเราะของการ ก. ขา้ วสวยอา่ นบทความดว้ ยความมนั่ ใจ อา่ นทานองเสนาะ ข. ขา้ วปนั้ อ่านขา่ วใหเ้ พอ่ื นฟงั ดว้ ยน้าเสยี งทด่ี งั ก. การครนั่ เสยี ง ข. การเปิดเสยี ง เกนิ ไป ค. ขา้ วป้นุ ศกึ ษานทิ านใหเ้ ขา้ ใจก่อนจะอา่ นให้ ค. การหลบเสยี ง ง. การครวญเสยี ง น้องฟงั 8. “มดื ตอ้ื กระพอื พริ ุณพรม และฤเราจะแยแส” ง. ขา้ วเหนยี วอา่ นเรอ่ื งสนั้ ดว้ ยน้าเสยี งทด่ี เู ป็น บทรอ้ ยกรองน้อี า่ นออกเสยี งวา่ อย่างไร ธรรมชาติ เน้นเสยี งหนกั เบา 3. “น้อมเกลา้ ฯ” อา่ นออกเสยี งวา่ อย่างไร ก. มดื – ตอ้ื – กระ – พอื – พิ – รนุ – พรม – ก. น้อม – เกลา้ – ละ และ – รึ – เรา – จะ – แย – แส ข. น้อม – เกลา้ – น้อม – เกลา้ ค. น้อม – เกลา้ – ไป – ยาน – น้อย ข. มดื – ตอ้ื – กระ – พอื – พิ – รุ – นบ – พรม ง. น้อม – เกลา้ – น้อม – กระ – หมอ่ ม 4. การอา่ นใหถ้ กู ตอ้ งตามอกั ขรวธิ ี จะตอ้ งอาศยั – และ – ลึ – เรา – จะ – แย – แส หลกั การอา่ นจากแหลง่ ใดเป็นสาคญั ก. เพ่อื น ค. มดื – ตอ้ื – กระ – พอื – พิ – รุน – นะ – ข. สารคดี ค. อนิ เทอรเ์ น็ต พรม – และ – รึ – เรา – จะ – แย – แส ง. พจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ง. มดื – ตอ้ื – กะ – ระ – พอื – พิ – รุ – นะ – 2542 5. บทรอ้ ยกรองชนดิ ใดทเ่ี ป็นการนาบทรอ้ ยกรอง พรม – และ – ลึ – เรา – จะ – แย – แส ต่างรูปแบบมาประสมกนั 9. การอ่านร่ายทม่ี เี น้อื ความบรรยายการรบ การ ก. กาพย์ ข.โคลง ค. ร่าย ง. ลลิ ติ ตอ่ สู้ จะตอ้ งอ่านดว้ ยน้าเสยี งแบบใด ก. อ่านดว้ ยน้าเสยี งเบา สนั่ เครอื ข. อ่านดว้ ยน้าเสยี งดงั หนกั แน่น หว้ นกระชบั ค. อ่านดว้ ยน้าเสยี งต่า เน้นบา้ ง สะบดั เสยี งบา้ ง ง. อา่ นดว้ ยน้าเสยี งปานกลาง ไมเ่ บา ไมด่ งั เกนิ ไป 10. ขอ้ ความใดใชภ้ าพพจน์แบบสทั พจน์ ก. ครนื ครนื ใชฟ่ ้ารอ้ ง เรยี มครวญ ข. วา่ จากเรอื นเหมอื นนกมาจากรงั ค. สายลมลูบไลพ้ ฤกษาลดามาลย์ ง. เรงิ รอ้ งถวายชยั พภิ พเพยี งทาลาย

ใบความรู้ท่ี 1.1 บทควำม เรอ่ื ง ทำไมต้องห้ำมกินฝรงั่ ตอนเป็นไข้ ผใู้ หญ่มกั บอกต่อๆ กนั มาว่า เม่อื เป็นไขต้ วั ร้อนหา้ มกนิ ฝรงั่ แต่ไม่เคยจะบอกเหตุผลให้ เข้าใจว่าทาไมต้องห้ามกนิ วนั น้ีเราจงึ ขอไขข้อขอ้ งใจขอ้ น้ีค่ะ ท่วี า่ ห้ามกนิ ฝรงั่ ตอนเป็นไขน้ ัน้ ไม่ได้เป็นแค่ความเชอ่ื โบราณเท่านัน้ นะคะ แต่มผี ล การพสิ ูจน์และวเิ คราะห์ทางวทิ ยาศาสตร์ และพบวา่ ในฝรงั่ นนั้ มสี ารโพแทสเซยี มอยใู่ นปรมิ าณทส่ี ูงมาก และเจา้ สารโพแทสเซยี มน้กี ส็ ่งผล กระทบต่อรา่ งกาย ทาใหร้ า่ งกายมอี ณุ หภูมทิ ส่ี งู ขน้ึ ไดค้ ะ่ และถา้ หากกาลงั เป็นไข้ ตวั รอ้ น อย่แู ลว้ แลว้ กย็ งั กนิ ฝรงั่ เขา้ ไปเพม่ิ อุณหภูมใิ ห้แก่รา่ งกายอกี จงึ มผี ลทาให้ตวั รอ้ นเพม่ิ มากขน้ึ และอาจ เกดิ อาการชกั ไดเ้ ลยนะคะ เพราะฉะนนั้ จรงิ ๆ แล้วไม่ใช่แค่เพยี งฝรงั่ ทห่ี า้ มกนิ ในตอนท่เี ป็นไขเ้ ท่านนั้ นะคะ แตเ่ ป็น อาหารทุกชนดิ ทม่ี โี พแทสเซยี มสูงค่ะ ท่เี ราควรหลกี เล่ยี ง ทนี ้ีกร็ แู้ ลว้ นะคะวา่ ทาไมตอ้ งหา้ มกนิ ฝรงั่ ตอนเป็นไขด้ ว้ ย ยงั ไงกอ็ ย่าดอ้ื ฝืนกนิ เขา้ ไปนะคะ เพอ่ื สขุ ภาพของตวั เองคะ่ ที่มำ : http://www.thaieditorial.com/

ใบความรู้ที่ 1.2 บทควำม เรื่อง ค้นพบสิงโตทองผำภมู ิ กล้วยไม้หำยำก ควรค่ำแกก่ ำรอนุรกั ษ์ เรอื่ ง/ภาพ สลลิ สทิ ธสิ จั จธรรม ภาควชิ าชวี วทิ ยาปา่ ไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ กลว้ ยไมจ้ ดั เป็นพรรณ พชื ทม่ี คี วามหลากหลายของชนดิ และมคี วามแปรผนั ทางชวี ภาพค่อนขา้ งสูง โดยเฉพาะในเขต รอ้ นอยา่ งประเทศไทยทถ่ี อื เป็นแหลง่ กลว้ ยไมเ้ ลอ่ื งชอ่ื นานาชนิด กลว้ ยไมท้ พ่ี บในประเทศไทยมี ทงั้ หมด 174 สกุล รวมทงั้ สน้ิ 1,160 ชนดิ และเมอ่ื เรว็ ๆ น้ี เราไดล้ งบนั ทกึ กลว้ ยไมร้ ายงานใหม่ (new record) อกี หน่งึ ชนิดทเ่ี พง่ิ ถูกคน้ พบเป็นครงั้ แรกในเมอื งไทย ช่อื วา่ “สงิ โตทองผาภูม”ิ โดย นายสลลิ สทิ ธสิ จั จธรรม นิสติ ปรญิ ญาโท ภาควชิ าชวี วทิ ยาปา่ ไม้ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ ซ่ึงได้ตงั้ ช่อื ของกล้วยไม้ชนิดน้ีตามช่อื ของถนิ่ ฐานท่ีพบเป็นครงั้ แรกในประเทศไทย นัน่ คือ บริเวณผนื ป่าตะวนั ตก พ้ืนท่ีทาวจิ ยั ในชุดโครงการ “ทองผาภูมิตะวนั ตก” ของโครงการ BRT นนั่ เอง กล้วยไม้ชนิดน้ีเคยถูกค้นพบมาก่อนเม่ือราว 127 ปี ท่ีผ่านมา ท่ีเมืองเทนเนสเซริม ประเทศพมา่ แตย่ งั ไมเ่ คยพบในประเทศไทยมากอ่ น พบครงั้ แรกโดยนายสลลิ สทิ ธสิ จั จธรรม มี ช่อื วทิ ยาศาสตร์วา่ Bulbophyllum reichenbachii (Kze.) Schltr. ลกั ษณะทางพฤกษศาสตรจ์ ดั เป็น กล้วยไม้อิงอาศยั ท่ีมขี นาดเลก็ มาก เจรญิ เตบิ โตได้ดใี นป่าดบิ เขาท่มี รี ะดบั ความสูงประมาณ 1,000 เมตร เหนือระดบั น้าทะเลปานกลาง ออกดอกในชว่ งปลายฤดูหนาวคอื ชว่ งเดอื นมกราคม ระหว่างท่ีออกดอกจะผลดั ใบท้ิงทงั้ หมด และใบอ่อนจะเรมิ่ ผลิมาใหม่เม่ือย่างเข้าสู่ฤ ดูฝน เน่อื งจากกลว้ ยไมช้ นิดน้พี บเฉพาะเพยี งบางพน้ื ทเ่ี ท่านนั้ นนั่ คอื พบในประเทศพม่าและประเทศ ไทย ซ่ึงถือเป็นขอบเขตการกระจายพนั ธุ์ท่แี คบมากเม่อื เทยี บกบั กลว้ ยไม้ชนิดอ่นื ๆ หรอื อาจ กล่าวได้ว่าเป็นพืชท่ีมีลกั ษณะเฉพาะถนิ่ (endemic) ท่ีต้องอาศยั ปจั จัยหลายๆ อย่างในการ เจรญิ เตบิ โตและอยู่รอด อาทิเช่น ระดบั ความสูง และลกั ษณะสงั คมพชื เป็นตน้ ทาให้จานวน ประชากรและการแพรก่ ระจายพนั ธขุ์ องกลว้ ยไมส้ งิ โตทองผาภูมจิ งึ มนี ้อยกวา่ กลว้ ยไมช้ นดิ อ่นื ๆ ซ่งึ ในประเทศไทยพบเฉพาะท่อี ุทยานแห่งชาตทิ องผาภูมเิ พียงแห่งเดียวเท่านัน้ และยงั ไม่มี รายงานการคน้ พบในพน้ื ท่อี น่ื ๆ ของประเทศเลย ดงั นนั้ เราจงึ ควรอนุรกั ษ์และคุม้ ครองกล้วยไม้ สงิ โตทองผาภูมพิ รรณไมห้ ายากชนิดน้ใี หค้ งอยตู่ ่อไป

ใบความรู้ที่ 1.3 โคลงโลกนิ ติ โคลงสส่ี ภุ าพ เสยี สนิ สงวนศกั ดไิ์ ว้ วงศห์ งส์ เสยี ศกั ดสิ์ ปู้ ระสงค์ สงิ่ รู้ เสยี รเู้ รง่ ดารง ความสตั ย์ ไวน้ า เสยี สตั ยอ์ ยา่ เสยี สู้ ชพี มว้ ยมรณา สนิ ทรพั ย์ ความรดู้ ยู งิ่ ล้า ยง่ิ ไซร้ คดิ วา่ ควรเมอื งนบั กายอาต-มานา เพราะเหตุจกั อยกู่ บั เร่งรูเ้ รยี นเอา โจรจกั เบยี นบ่ได้ สดบั ฟงั ไปร่ ู้ เวน้ วจิ ารณว์ า่ งเวน้ เกตวา่ ง เวน้ นา เวน้ ทถ่ี ามอนั ยงั ปราชญ์ไดฤ้ ๅมี เวน้ เล่าลขิ ติ สงั - เวน้ ดงั่ กลา่ ววา่ ผู้ (สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาเดชาดศิ ร) รำตรี อนิ ทวสนั ตดลิ กฉนั ท์ ราตรกี แ็ มน่ มี ขณะดแี ละรา้ ยปน ไปผ่ ดิ กะคนคน นฤโทษประโยชน์ถม ราตรกี ลกี ลพโิ รธ หฤโหดคระหมึ ลม มดื ตอ้ื กระพอื พริ ณุ พรม และฤเราจะแยแส ราตรดี ถิ สี ขุ นริ ทกุ ขป์ ระเทอื งแด ฟ้างามอรา่ มแล ระกะดอกกดุ นั่ หาว โสมสอ่ งสนองชษุ ณปกั ษ์ ศภุ ลกั ษณ์ลายองคราว ยงั่ ยม้ิ ณ รมิ พภิ พราว ทพิ ลาภบาเรอเรา (เจา้ พระยาธรรมศกั ดม์ิ นตร)ี

กำพยเ์ ห่เรือ รชั กำลท่ี 6 (เห่ชมชำยทะเล) สชี งั ชงั แตช่ อ่ื กาพยย์ านี 11 ขอแต่แม่ดวงใจ เกาะนนั้ ฤๅจะชงั ใคร อยา่ ชงั ชงิ พจ่ี รงิ จงั ตวั ไกลใจพอ่ี ยู่ เป็นคู่น้องครองยนื ยงั ห่างเจา้ เฝ้าแลหลงั ตงั้ ใจตดิ มติ รส์ มาน บูชนียท์ ส่ี กั การ บางพระนึกถงึ พระ แทบหวั นอนขอพรครอง แต่งตงั้ ยงั สถาน จติ ตล์ ะหอ้ ยละเหย่ี หมอง คลอ้ งคอเจา้ เยา้ กระมล ผา่ นทางบางปลาสรอ้ ย อนั ออกนามวา่ เมอื งชล นกึ สรอ้ ยสายเพช็ รทอง ชลนยั น์ไหลลงธาร ทย่ี ุพนิ เคยสนาน บางน้บี รุ งี าม จะอา้ งวา้ งรมิ อา่ งหนิ แลทอ้ งทะเลวน แมส้ ามารถจะพงั ภนิ ตนาส่งถงึ นงเยาว์ อ่างหนิ นึกอา่ งหนิ โอว้ า่ ยพุ าพาล เรอื ผา่ นเกาะกระดาษ จะเขยี นสาราจนิ (พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ) ขนุ ช้ำงขนุ แผน ตอน พลำยงำมพบพอ่ กลอนสภุ าพ เจา้ พลายงามความแสนสงสารแม่ ชาเลอื งแลดหู น้าน้าตาไหล แลว้ กราบกรานมารดาดว้ ยอาลยั ลกู เตบิ ใหญ่คงจะมาหาแมค่ ุณ แต่ครงั้ น้มี กี รรมจะจาจาก ตอ้ งพลดั พรากแมไ่ ปเพราะไอข้ นุ เทย่ี วหาพอ่ ขอใหป้ ะเดชะบุญ ไมล่ มื คุณมารดาจะมาเยอื น แม่รกั ลูกลูกกร็ อู้ ยวู่ า่ รกั คนอ่นื สกั หมน่ื แสนไม่แมน้ เหมอื น จะกนิ นอนวอนวา่ เมตตาเตอื น จะจากเรอื นรา้ งแมไ่ ปแตต่ วั แม่วนั ทองของลูกจงกลบั บา้ น เขาจะพาลวา้ วนุ่ แม่ทูนหวั จะกม้ หน้าลาไปมไิ ดก้ ลวั แม่อยา่ มวั หมองนกั จงหกั ใจ (สุนทรภู่)

หมายเลข 5 มหำเวสสนั ดรชำดก กณั ฑม์ ทั รี รา่ ยยาว “...จงึ ตรสั วา่ โอโ้ อเ๋ วลาปานฉะน้เี อ่ยจะมดิ กึ ดน่ื จวนจะสน้ิ คนื คอ่ นรงุ่ ไปเสยี แลว้ หรอื กระไร ไม่รเู้ ลย พระพายราเพยพดั มารเ่ี รอ่ื ยอยเู่ ฉ่อื ยฉวิ อกแมน่ ้ใี หอ้ อ่ นหวิ สดุ ละหอ้ ย ทงั้ ดาวเดอื นก็ เคลอ่ื นคลอ้ ยลงลบั ไม้ สุดทแ่ี มจ่ ะตดิ ตามเจา้ ไปในยามน้ี ฝงู ลงิ คา่ งบา่ งชะนีทน่ี อนหลับ กก็ ลง้ิ กลบั เกลอื กตวั อย่ยู วั้ เยย้ี ทงั้ นกหกกง็ วั เงยี เหงาเงยี บทุกรวงรงั แตแ่ ม่เทย่ี วเซซงั เสาะแสวงทกุ แห่งหอ้ งหมิ เวศทวั่ ประเทศทุกราวปา่ สดุ สายนยั นาทแ่ี มจ่ ะตามไปเลง็ แล สดุ โสตแลว้ ทแ่ี ม่จะซบั ทราบฟงั สาเนียง สุดสรุ เสยี งทแ่ี มจ่ ะร่าเรยี กพไิ รรอ้ ง สดุ ฝีเทา้ ทแ่ี ม่จะเยอ้ื งย่องยกยา่ งลงเหยยี บ ดนิ กส็ ดุ สน้ิ สุดปญั ญาสดุ หาสดุ คน้ เหน็ สดุ คดิ จะไดพ้ านพบประสบรอยพระลกู น้อยแตส่ กั นดิ ไม่ มเี ลย จง่ึ ตรสั วา่ เจา้ ดวงมณฑาทองทงั้ คขู่ องแมเ่ อ๋ย หรอื วา่ เจา้ ทง้ิ ขวา้ งวางจติ ไปเกดิ อ่นื เหมอื น แมฝ่ นั เมอ่ื คนื น้ีแลว้ แล...” (เจา้ พระยาพระคลงั (หน))

แผนการ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เร่ือง การ แผนการสอนที่ 1 เรื่ รายวิชา ภาษาไทย ช้ันมธั ยม ครูผู้สอน นางสาวพชั รญดา โอบเออื้ ตา ตวั ชวี้ ัด/ ความรู้ ภาระงาน/ การวัดและประเมนิ ผล ผลการเรียนรู้ ชิ้นงาน 1. ตรวจแบบทดสอบก่อน ท 1.1 ม.4-6/6 1) ตอบคาถาม แผนผงั ความคดิ เรียน หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 2.ประเมินการนาเสนอ ตอบคาถามจาก จากการอ่านงาน ผลงาน การอ่านงาน เขยี นประเภท เขยี นประเภท ต่างๆ ภายในเวลา ต่างๆ ภายใน ทกี่ าหนดได้ เวลาทีก่ าหนด 2) อ่านเรื่อง ม.4-6/7อ่าน ต่างๆ แลว้ นามา เรื่องต่างๆ แลว้ เขยี นแผนผงั เขยี นกรอบ ความคดิ ได้

รจดั การเรียนรู้ รอ่านส่ือสิ่งพมิ พ์และสื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ รอง การอ่านส่ือส่ิงพมิ พ์ มศึกษาปี ที่ 4 รหัสวิชา ท 31102 าแหน่ง พนักงานราชการ เวลาที่ใช้ 2 ชว่ั โมง กิจกรรมการเรียนรู้ สือ่ /แหลง่ เรียนรู้ ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน 1) หนงั สือเรียน 1. ครูนาบตั รภาพตวั อยา่ งส่ือส่ิงพมิ พป์ ระเภทตา่ งๆ มาใหน้ กั เรียนดู ภาษาไทย : หลกั แลว้ ถามนกั เรียนวา่ สื่อส่ิงพมิ พท์ ่คี รูนามาใหด้ ู เป็นส่ือ ภาษาและการใช้ ภาษา ม.4 ส่ิงพมิ พป์ ระเภทใด 2 2) ใบความรู้ 2. ครูใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน เรอ่ื ง การเขยี น ข้นั สอน 1. ครูสนทนากบั นกั เรียนเก่ียวกบั ส่ือสิ่งพมิ พป์ ระเภทต่างๆ แผนผงั ความคดิ 3) ขา่ วจากส่อื ทน่ี าเสนอข่าวในปัจจบุ นั สงิ่ พมิ พท์ น่ี กั เรยี น

แนวคิด ผงั ความคิดบนั ทกึ ยอ่ ความ และ รายงาน

2. นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นวา่ สื่อส่ิงพมิ พป์ ระเภทใด สนใจ ทีน่ าเสนอขา่ วไดน้ ่าเช่ือถือมากท่สี ุด พรอ้ มอธิบายเหตุผล ประกอบ 3. ครูแบ่งนกั เรียนเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกนั ตาม ความสามารถ คอื เก่ง ปานกลางคอ่ นขา้ งเก่ง ปานกลาง ค่อนขา้ งอ่อน และอ่อน จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มเลือกอ่านขา่ ว จากส่ือส่ิงพมิ พ์ กลุ่มละ 1 ประเภท 4. นกั เรียนตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ ขอ้ 1-2 ข้นั สรุป 1. ครูแจกใบความรูเ้ ร่ือง การเขยี นแผนผงั ความคิด ใหน้ กั เรียน ศึกษา จากน้นั ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั เขียนแผนผงั ความคิด สรุปใจความสาคญั ของข่าวท่นี กั เรียนอ่าน แลว้ นาเสนอผลงานที่ หนา้ ช้นั เรียน 2. สมาชิกแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลงานการเขยี น แผนผงั ความคดิ ท่หี นา้ ช้นั เรียน 3. ครูประเมินการนาเสนอผลงานของนกั เรียน และใน ขอ้ เสนอแนะในการพฒั นาปรับปรุงงานในกรณีท่ยี งั มีปัญหา

แบบทดสอบ ก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบท่ถี ูกต้องท่สี ุดเพยี งขอ้ เดยี ว 1. สอ่ื สง่ิ พมิ พป์ ระเภทใดไม่ใช่เพอ่ื เผยแพรข่ า่ วสาร 7. การอา่ นนวนยิ าย ผอู้ า่ นสว่ นใหญ่มี ก. จลุ สาร จุดม่งุ หมาย ข. วารสาร ในการอา่ นอย่างไร ค. จดหมายปิดผนกึ ก. เพ่อื หาความรู้ ง. สงิ่ พมิ พโ์ ฆษณา ข. เพอ่ื หาขอ้ เตอื นใจ 2. แนวทางในการอ่านสอ่ื สงิ่ พมิ พป์ ระเภทเร่อื งสนั้ ค. เพ่อื หาความเพลดิ เพลนิ จะไมพ่ จิ ารณาเร่อื งใด ง. เพอ่ื หาขอ้ มลู ขา่ วสารทเ่ี ป็นประโยชน์ ก. พจิ ารณาชอ่ื เร่อื ง 8. ทรรศนะของผแู้ ตง่ จะไม่ปรากฏอยใู่ นสว่ น ข. พจิ ารณาชอ่ื ผแู้ ตง่ ใดของเรอ่ื ง ค. พจิ ารณาแก่นของเรอ่ื ง ก. กลวธิ กี ารแต่ง ง. พจิ ารณารูปแบบการเขยี น ข. คาพดู ของตวั ละคร 3. ส่อื สง่ิ พมิ พป์ ระเภทเร่อื งสนั้ องคป์ ระกอบใดไม่ ค. ความคดิ เหน็ ของตวั เอก สมั พนั ธก์ นั ง. การบรรยายเหตกุ ารณต์ า่ งๆ ก. ฉาก 9. ทรรศนะของผแู้ ตง่ หมายความวา่ อย่างไร ข. โครงเร่อื ง ก. ขอ้ คดิ เหน็ ของผแู้ ตง่ ทต่ี อ้ งการเสนอตอ่ ค. การบรรยายเน้อื เร่อื ง ผอู้ ่าน ง. ตวั ละครและบทสนทนา ข. วธิ กี ารของผแู้ ตง่ ทจ่ี ะแสดงความคดิ 4. สงิ่ พมิ พป์ ระเภทเร่อื งสนั้ มอี งคป์ ระกอบท่ี ความรสู้ กึ คลา้ ยคลงึ กบั สอ่ื สง่ิ พมิ พป์ ระเภทใด ค. จุดสาคญั ของเรอ่ื งทจ่ี ะเชอ่ื มโยงเรอ่ื ง ก. นิทาน ข. นิยาย ทงั้ หมด เขา้ ดว้ ยกนั ค. สารคดี ง. นวนยิ าย ง. เร่อื งทเ่ี กย่ี วพนั กบั ปญั หาความขดั แยง้ 5. นวนยิ ายเป็นงานเขยี นทไ่ี ทยรบั อทิ ธพิ ลมาจาก ทส่ี าคญั ยโุ รปพรอ้ มๆ กบั งานเขยี นประเภทใด ของตวั ละครเอก ก. นทิ าน ข. เร่อื งสนั้ 10. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี ไมถ่ อื เป็นส่วนสาคญั ของ ค. สารคดี ง. นิยาย สง่ิ พมิ พเ์ พ่อื การบรรจภุ ณั ฑ์ 6. นทิ านมจี ดุ เดน่ อยา่ งไร ก. ชอ่ื ผลติ ภณั ฑ์ ก. เขยี นโดยใชข้ อ้ คดิ เหน็ ข. ชอ่ื ทอ่ี ยู่ ผผู้ ลติ ข. เขยี นโดยใชข้ อ้ เทจ็ จรงิ ค. สรรพคณุ สนิ คา้ ค. เขยี นโดยใชจ้ นิ ตนาการ ง. เลขสารบบอาหารหรอื เลข อย. ง. เขยี นโดยใชอ้ ารมณค์ วามรสู้ กึ

ใบความรู้ กำรเขยี นแผนผงั ควำมคิด หรือแผนท่ีควำมคิด (Mind Map) Mind Map คอื อะไร? Mind Map คอื การถ่ายทอดความคดิ หรอื ขอ้ มูลต่างๆ ท่มี อี ยู่ในสมอง ลงกระดาษ โดยการใชภ้ าพ สี เสน้ และการโยงใย แทนการจดย่อแบบเดมิ ท่เี ป็นบรรทดั ๆ เรยี ง จากบนลงล่าง ขณะเดยี วกนั มนั กช็ ่วยเป็น ส่อื นาขอ้ มูลจากภายนอก เชน่ หนงั สอื คาบรรยาย การประชมุ ส่งเขา้ สมองใหเ้ กบ็ รกั ษาไวไ้ ดด้ กี วา่ เดมิ ซ้ายงั ชว่ ยให้ เกดิ ความคดิ สรา้ งสรรคไ์ ดง้ ่าย ขน้ึ เน่อื งจากจะเหน็ เป็นภาพรวม และเปิดโอกาสใหส้ มองเช่อื มโยงตอ่ ขอ้ มูล หรอื ความคดิ ต่างๆ เขา้ หากนั ไดง้ า่ ยกวา่ “ใชแ้ สดงการเชอ่ื มโยงขอ้ มูลเก่ยี วกบั เรอ่ื งใดเร่อื งหน่งึ ระหวา่ งความคิดหลกั ความคดิ รอง และความคดิ ยอ่ ยทเ่ี กย่ี วขอ้ งสมั พนั ธก์ นั ” ผงั ความคดิ (Mind Map) “ใชแ้ สดงการเชอ่ื มโยงขอ้ มูลเกย่ี วกบั เร่อื งใดเร่อื งหน่งึ ระหวา่ งความคดิ หลกั ความคดิ รอง และความคดิ ยอ่ ยทเ่ี กย่ี วขอ้ งสมั พนั ธก์ นั ” ลกั ษณะการเขยี นผงั ความคิด เทคนิคการคดิ คอื นาประเดน็ ใหญ่ๆ มาเป็นหลกั แลว้ ต่อ ดว้ ยประเดน็ รองในชนั้ ถดั ไป กำรสร้ำงแผนที่ควำมคิด หรือ Mind Map ขนั้ ตอนกำรสร้ำง Mind Map 1. เขยี น/วาดมโนทศั น์หลกั ตรงกง่ึ กลางหน้ากระดาษ 2. เขยี น/วาดมโนทศั น์รองทส่ี มั พนั ธก์ บั มโนทศั น์หลกั ไปรอบ ๆ 3. เขยี น/วาดมโนทศั น์ย่อยทส่ี มั พนั ธก์ บั มโนทศั น์รองแตกออกไปเร่อื ยๆ 4. ใชภ้ าพหรอื สญั ลกั ษณส์ อ่ื ความหมายเป็นตวั แทนความคดิ ใหม้ ากทส่ี ุด 5. เขยี นคาสาคญั (Key word) บนเสน้ และเสน้ ตอ้ งเชอ่ื มโยงกนั 6. กรณใี ชส้ ี ทงั้ มโนทศั น์รองและย่อยควรเป็นสเี ดยี วกนั 7. คดิ อย่างอสิ ระมากทส่ี ุดขณะทา เขยี นคาหลกั หรอื ขอ้ ความสาคญั ของเร่อื งไวก้ ลาง โยง ไปยงั ประเดน็ รองรอบๆ ตามแตว่ า่ จะมกี ป่ี ระเดน็ กฎกำรสร้ำง Mind Map 1. เรม่ิ ดว้ ยภาพสตี รงกง่ึ กลางหน้ากระดาษ 2. ใชภ้ าพใหม้ ากท่สี ุดใน Mind Map ของคุณ ตรงไหนท่ใี ชภ้ าพได้ใหใ้ ชก้ ่อนคา หรอื รหสั เป็นการชว่ ยการทางานของสมอง ดงึ ดดู สายตา และชว่ ยความจา

3. ควรเขยี นคาบรรจงตวั ใหญ่ๆ ถ้าเป็นภาษาองั กฤษให้ใชต้ วั พมิ พ์ใหญ่ จะช่วยให้เรา สามารถประหยดั เวลาได้ เม่อื ยอ้ นกลบั ไปอา่ นอกี ครงั้ 4. เขยี นคาเหนือเสน้ ใต้ แตล่ ะเสน้ ตอ้ งเชอ่ื มตอ่ กบั เสน้ อน่ื ๆ เพ่อื ให้ Mind Map มโี ครงสรา้ ง พน้ื ฐานรองรบั 5. คาควรมลี กั ษณะเป็น “หน่วย” เปิดทางให้ Mind Map คล่องตวั และยดื หยนุ่ ไดม้ ากขน้ึ 6. ใชส้ ที วั ่ Mind Map เพราะสชี ว่ ยยกระดบั ความคดิ เพลนิ ตา กระตนุ้ สมองซกี ขวา 7. เพ่อื ให้เกดิ ความคดิ สรา้ งสรรค์ใหม่ ควรปล่อยให้สมองคดิ มีอสิ ระมากท่สี ุดเท่าท่จี ะ เป็นไปได้ วิธีกำรเขียน Mind Map โดยละเอียดอีกวิธีหนึ่ง 1. เตรยี มกระดาษเปลา่ ทไ่ี มม่ เี สน้ บรรทดั และวางกระดาษภาพแนวนอน 2. วาดภาพสีหรอื เขยี นคาหรอื ข้อความท่ีส่อื หรอื แสดงถงึ เร่อื งจะทา Mind Map กลาง หน้ากระดาษ โดยใชส้ อี ยา่ งน้อย 3 สี และตอ้ งไม่ตกี รอบดว้ ยรปู ทรงเรขาคณติ 3. คดิ ถงึ หวั เร่อื งสาคญั ทเ่ี ป็นส่วนประกอบของเร่อื งทท่ี า Mind Map โดยให้เขยี นเป็นคา ท่ี มลี กั ษณะเป็นหน่วย หรอื เป็นคาสาคญั (Key Word) สนั้ ๆ ทม่ี คี วามหมายบนเสน้ ซ่งึ เส้นแต่ละ เสน้ จะตอ้ งแตกออกมาจาก ศนู ยก์ ลางไม่ควรเกนิ 8 กง่ิ 4. แตกความคดิ ของหวั เรอ่ื งสาคญั แต่ละเรอ่ื งในขอ้ 3 ออกเป็นกงิ่ ๆ หลายกงิ่ โดยเขยี น คาหรอื วลบี นเสน้ ทแ่ี ตกออกไป ลกั ษณะของกงิ่ ควรเอนไม่เกนิ 60 องศา 5. แตกความคดิ รองลงไปท่เี ป็นส่วนประกอบของแต่ละกง่ิ ในข้อ 4 โดยเขยี นคาหรอื วลี เสน้ ทแ่ี ตกออกไป ซ่งึ สามารถแตกความคดิ ออกไปเร่อื ยๆ 6. การเขยี นคา ควรเขยี นด้วยคาทเ่ี ป็นคาสาคญั (Key Word) หรอื คาหลกั หรอื เป็นวลที ่มี ี ความหมายชดั เจน 7. คา วลี สญั ลกั ษณ์ หรอื รปู ภาพใดทต่ี อ้ งการเน้น อาจใชว้ ธิ กี ารทาใหเ้ ด่น เชน่ การลอ้ ม กรอบ หรอื ใส่กลอ่ งเป็นตน้ 8. ตกแต่ง Mind Map ทเ่ี ขยี นดว้ ยความสนุกสนานทงั้ ภาพและแนวคดิ ทเ่ี ชอ่ื มโยงตอ่ กนั กำรนำไปใช้ 1. ใชร้ ะดมพลงั สมอง 2. ใชน้ าเสนอขอ้ มลู 3. ใชจ้ ดั ระบบความคดิ และชว่ ยความจา 4. ใชว้ เิ คราะหเ์ น้อื หาหรอื งานตา่ งๆ 5. ใชส้ รุปหรอื สรา้ งองคค์ วามรู้ ท่ีมำ : http://www.sahavicha.com/readme.php?name=media&file=readmedia&id=1483

บตั รภาพ  ภำพที่ 1 ภำพท่ี 2 ภำพท่ี 3 ภำพที่ 4

แผนการ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่ือง การ แผนการสอนท่ี 1 เรื่อง รายวิชา ภาษาไทย ช้ันมัธยม ครูผู้สอน นางสาวพชั รญดา โอบเออื้ ตา ตวั ชีว้ ัด/ ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และประเมนิ ผล ผลการเรียนรู้ ชิน้ งาน 1. ตรวจแบบทดสอบหลงั ท 1.1 ม.4-6/ 1) การอ่านจบั 1. เรยี น หน่วย เรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 สงั เคราะห์ ใจความจากสอ่ื การเรยี นรทู้ ่ี 2 2.ประเมินการนาเสนอ ผลงาน ความรูจ้ ากการ ตา่ งๆ เชน่ อ่านส่ือส่ิงพมิ พ์ -ขา่ วสารจากส่อื ส่ือ สงิ่ พมิ พ์ ส่อื อิเลก็ ทรอนิกส์ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ และแหลง่ เรยี นรู้ และแหล่ง ตา่ งๆ ในชมุ ชน เรียนรู้ตา่ งๆ มา

รจดั การเรียนรู้ รอ่านสื่อส่ิงพมิ พ์และสื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ การอ่านสื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์ มศึกษาปี ท่ี 4 รหัสวชิ า ท 31102 าแหน่ง พนักงานราชการ เวลาท่ใี ช้ 2 ช่ัวโมง กจิ กรรมการเรยี นรู้ สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน 1. หนงั สือเรียน 1. ครูสนทนากบั นกั เรียนเกี่ยวกบั พธิ ีกร ซ่ึงทารายการเก่ียวกบั การ ภาษาไทย : หลกั วเิ คราะหข์ ่าวทีน่ กั เรียนช่ืนชอบหรือสนใจ พร้อมบอกจุดเด่นของ ภาษาและการใช้ พธิ ีกรคนน้นั ๆ ภาษา ม.4 ข้นั สอน 2. บทความ เร่ือง 1. ครูใหน้ กั เรียนกลุ่มเดิมร่วมกนั ศกึ ษาความรู้เร่ือง การอ่านส่ือ ภาษาไทยกบั วยั รุ่น อิเล็กทรอนิกส์ จากหนงั สือเรียน จากน้นั ใหร้ ่วมกนั อภิปรายสรุป ไทย ความรู้ 3.ใบความรู้ เรื่อง

พฒั นาตน พฒั นาการเรียน และพฒั นา ความรู้ทาง อาชีพ ม.4-6/9 มี มารยาทในการ อ่าน ม.4-6/7 ท4.1วเิ คราะห์ และประเมิน การใชภ้ าษา จากสื่อส่ิงพมิ พ์ และสื่อ อิเล็กทรอนิกส์

2. นกั เรียนแต่ละกลุ่มนาความรูท้ ่ไี ดจ้ ากการศกึ ษามาจดั ทาเป็ น การเขยี นแผนผงั แผนผงั มโนทศั น์ ความคิด 4. ข่าวจากสื่อ 3. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมานาเสนอแผนผงั มโนทศั น์ สิ่งพมิ พท์ นี่ กั เรียน หนา้ ช้นั เรียน สนใจ 4. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคนศกึ ษาบทความเร่ือง ภาษาไทยกบั วยั รุ่น ไทย แลว้ สงั เคราะห์ความรู้ วเิ คราะห์ และ ประเมินการใช้ ภาษาจากบทความ โดยบนั ทกึ ผลลงในสมุดของแตล่ ะคน ข้นั สรุป 1. ครูสุ่มนกั เรียน 3-4 คน ออกมานาเสนอบนั ทกึ ผลจาก การศกึ ษาบทความเรื่อง ภาษาไทยกบั วยั รุ่นไทย หนา้ ช้นั เรียน 2. นกั เรียนร่วมกนั วเิ คราะหจ์ ดุ เด่น และจดุ ดอ้ ยของงานทเี่ พอ่ื น นาเสนอ





ภำษำไทยกบั วยั รนุ่ ไทย สงั คมเราในปจั จุบนั น้ีโลกเราได้มเี ทคโนโลยมี าเกย่ี วขอ้ งอย่างมากในชวี ติ ของคนไทยเรา ทาใหม้ คี วามสะดวกในการใชช้ วี ติ ประจาวนั รวมทงั้ การสอ่ื สารด้วย ซ่งึ ในประเทศไทยน้ีเยาวชน ยุคใหมบ่ างส่วนไดน้ าคา่ นิยมผดิ ๆ มาใชก้ นั นนั้ กค็ อื การใชภ้ าษาไทยทผ่ี ดิ โดยเยาวชนกลุ่มนนั้ คดิ ว่าเม่อื ใชแ้ ล้วมนั เก๋ดี มนั เท่ดี แต่หารู้ไม่ว่าอาจจะทาให้ภาษาไทย ของเราเปล่ยี นไปโดย ส้นิ เชงิ และทาให้เยาวชนยุคหลงั ๆ ใช้ภาษาไทยไม่ถูกตอ้ งตามไปด้วย ประเทศไทยของเรามี ภ า ษ า เป็ น ข อ ง ต น เอ ง แส ด งอ อ ก ถึง ค วาม เป็ น เอ ก รา ชแ ละค วา ม ภ าค ภู มิใจ ข อ ง ค น ไ ท ย เรา ภาษาไทยเป็นมรดกของคนไทยมายาวนาน แตเ่ ยาวชนยุคใหม่บางสว่ นกลบั ไมร่ ูค้ ณุ ค่าของมนั เลย การใชภ้ าษาไทยทผ่ี ดิ ๆ ของวยั รนุ่ นนั้ เป็นสง่ิ ทจ่ี ะทาใหภ้ าษาไทยวบิ ตั ลิ งไปจรงิ ๆ ซง่ึ จะเหน็ ได้จากท่วี ยั รุ่นใช้ส่อื สารกนั ทาง msn เช่นคาว่า ทามอะไรอยู่-ทาอะไรอยู่ เปนอะไร-เป็นอะไร เพราะคาเหล่าน้ีทาให้พิมพ์ง่าย ส่อื สารกนั ได้เรว็ และดูเก๋ด้วย แต่ถ้าคิดอีกแง่มุมหน่ึง การท่ี ภาษาไทย 1 คา สามารถเขยี นไดห้ ลายแบบ เพราะภาษาไทยมพี ยญั ชนะทอ่ี อกเสยี งเหมอื นๆ กนั มีสระท่เี สียงคล้ายๆ กนั จงึ ทาให้สามารถเขยี นออกมาได้หลายแบบ ซ่ึงแสดงให้เห็นว่า ภาษาไทยนนั้ สามารถดดั แปลง เปลย่ี นแปลงคาไดห้ ลากหลาย โดยทค่ี วามหมายเหมอื นเดมิ แต่ ลกั ษณะการเขยี นผดิ ออกไป เป็นเสมอื นการสรา้ งคา สร้างภาษาใหม้ กี ารวบิ ตั มิ ากขน้ึ การใชค้ า ใชภ้ าษาไปผดิ ๆ ทาใหเ้ ป็นการฝึกนิสยั ในการใชภ้ าษาไทยท่ไี ม่ถูกต้องตามหลกั ภาษา และฉัน กล้าพูดได้เลยวา่ วยั รุ่นไทยสมยั น้ีเขยี นคา สะกดคาในภาษาไทยได้ไม่ถูกตามตวั สะกด และ เขยี นภาษาไทยได้ไม่ถูกต้องตามหลกั ภาษา พูดไม่ถูกอกั ขระ ไม่มีคาควบกล้า บางคนพูด ภาษาไทยไม่ชดั เจนดว้ ยซ้าไป และอยากจะยกตวั อย่างการใช้ภาษาไทยของวยั รุ่นจากความ คิดเห็นของ ดร.นพดล กรรณิกา ว่า เม่ือวนั ท่ี 24 ก.ค. ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อานวยการ ศนู ย์วจิ ยั ความสุขชุมชน มหาวทิ ยาลยั อสั สมั ชญั เปิดเผยผลวจิ ยั เชงิ สารวจภาคสนาม เรอ่ื ง วนั ภาษาไทยแห่งชาติ กบั สง่ิ ท่คี นไทยตอ้ งการรกั ษาไวใ้ นสงั คมไทย: กรณีศกึ ษาตวั อย่างประชาชน ทม่ี อี ายุ 18 ปีขน้ึ ไป ในเขตกรุงเทพมหานครและปรมิ ณฑล จานวน 2,277 ตวั อย่าง ระหวา่ ง วนั ท่ี 17-20 ก.ค. พบประเดน็ แรกทน่ี ่าเป็นห่วงคอื ส่วนใหญ่หรอื รอ้ ยละ 85.3 ไม่ทราบวา่ วนั ภาษาไทย แห่งชาตติ รงกบั วนั ใด มเี พยี งรอ้ ยละ 14.7 ทท่ี ราบและตอบถูกวา่ วนั ภาษาไทยแห่งชาตติ รงกบั วนั ท่ี 29 กรกฎาคมของทุกปี เม่อื สอบถามความรู้เก่ยี วกบั องคป์ ระกอบสาคญั ของภาษาไทย พบว่า ส่วนใหญ่หรอื ร้อยละ 84.9 ไม่ทราบว่าภาษาไทยมีสระก่ีรูป ร้อยละ 81.2 ไม่ทราบ ความหมายของร้อยกรอง ร้อยละ 75.0 ไม่ทราบความหมายของร้อยแก้ว ร้อยละ 64.2 ไม่ทราบวรรณยกุ ตใ์ นภาษาไทยวา่ มกี ร่ี ูป และรอ้ ยละ 11.7 ไมท่ ราบวา่ พยญั ชนะไทยมกี ต่ี วั เม่อื ถามถึงพยญั ชนะภาษาไทยท่สี บั สนในการใช้มากท่ีสุด พบว่า ร้อยละ 26.1 ระบุเป็นตวั “ฎ”

รองลงมาคือ ร้อยละ 13.6 ระบุ เป็น “ฏ” ร้อยละ 9.8 ระบุเป็น “ร” รอ้ ยละ 5.8 ระบุเป็น “ฑ” รอ้ ยละ 4.5 ระบุเป็น “ณ” และรอ้ ยละ 4.5 เท่ากนั ระบุเป็น “ฐ” ตามลาดบั นอกจากน้ี ผลสารวจ พบวา่ สว่ นใหญ่หรอื รอ้ ยละ 65.9 มปี ญั หาเรอ่ื งเขยี นภาษาไทยผดิ ร้อยละ 31.9 จบั ใจความผดิ รอ้ ยละ 29.6 พูดผดิ รอ้ ยละ 27.5 อ่านผดิ รอ้ ยละ 18.6 ฟงั ผดิ เป็นตน้ ส่วนกลุ่มบุคคลทม่ี สี ่วนทาให้เกดิ ปญั หาในการใชภ้ าษาไทย ผลสารวจพบวา่ สว่ นใหญ่หรอื รอ้ ยละ 80.6 ระบุ คือกลุ่มวยั รุ่น ร้อยละ 46.0 ระบุเป็นกลุ่มนักรอ้ ง ร้อยละ 44.8 ระบุเป็นกลุ่ม ดารานกั แสดง ร้อยละ 18.1 ระบุผดู้ าเนินรายการวทิ ยุ รอ้ ยละ 17.2 ระบุเป็นนกั การเมอื ง รอ้ ยละ 17.2 ระบุเป็นพธิ กี รรายการโทรทศั น์ ร้อยละ 15.8 ระบุเป็นผปู้ ระกาศขา่ ว และรอ้ ยละ 8.9 ระบุ เป็นครูอาจารย์ ตามลาดบั ประชาชนส่วนใหญ่หรอื รอ้ ยละ 92.5 ระบุต้องเร่งแก้ไขอนุรกั ษ์ฟ้ืนฟู การใชภ้ าษาไทยในชว่ งเวลาน้ี ในขณะทเ่ี พยี งร้อยละ 7.5 ระบุว่าไม่ต้องเรง่ แกไ้ ข เม่อื สอบถาม ถึงส่ิงท่ีต้องรักษาไว้ในสังคมไทย ผลสารวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.2 ระบุเป็น ศลิ ปวฒั นธรรม รองลงมาคอื ร้อยละ 68.5 ระบุภาษาไทย รอ้ ยละ 68.1 ระบุเป็นการชว่ ยเหลอื มี น้าใจต่อกนั รอ้ ยละ 60.1 ระบุความกตญั ญู รจู้ กั ตอบแทนบุญคุณ รอ้ ยละ 59.5 ระบุการเคารพผู้ อาวโุ ส รอ้ ยละ 59.0 ระบุความสามคั คี ร้อยละ 56.9 ระบุความรกั ชาติ รอ้ ยละ 54.1 ระบุการให้ อภยั และรอ้ ยละ 46.9 ระบคุ วามเชอ่ื เร่อื งบาปบุญคณุ โทษและกฎแหง่ กรรม ตามลาดบั แตถ่ งึ อย่างไรแลว้ การรกั ษาภาษาไทยทเ่ี ป็นเอกลกั ษณ์ดงั้ เดมิ ของไทยทม่ี มี าแตส่ มยั พ่อขุน รามคาแหง ทรงประดษิ ฐอ์ กั ษรไทยให้คนไทยได้ใชม้ าจนถงึ ทุกวนั น้ี ย่อมเป็นสง่ิ ทด่ี กี วา่ ท่จี ะใช้ ภาษาท่เี ก๋ไก๋ แต่ทาให้ภาษาพ่อภาษาแม่ของเราวบิ ตั ิไป จงึ อยากเชญิ ชวนให้คนไทยทุกคน ชว่ ยกนั รณรงค์ใหใ้ ชภ้ าษาไทยท่ถี ูกตอ้ ง และชว่ ยกนั รักษาอนุรกั ษ์ภาษาทเ่ี ป็นสง่ิ ทเ่ี ราใชแ้ สดง ความเป็นไทย ความเป็นเอกราชของประเทศไทยเราเอง ช่วยกนั สบื ต่อใหค้ นรุ่นหลงั ของเราได้ ใชภ้ าษาไทยต่อไป ที่มำ : http://thchanudda.blogspot.com

แผนการจดั ชื่อหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่อง การอ แผนการสอนท่ี 1 เร่ือง การอ่านต รายวิชา ภาษาไทย ช้ันมธั ยมศ ครูผู้สอน นางสาวพชั รญดา โอบเออื้ ตาแ ตวั ชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และประเมินผล ผลการเรยี นรู้ ชิ้นงาน 1) อธิบายการ 1.ประเมินการนาเสนอ ท 1.1 อ่านแปลความ 1. ใบงานที่ 3.1 ผลงาน ม.4-6/ตีความ ตคี วาม และ 2. ใบงานท่ี 3.2 แปลความ ขยายความได้ และขยาย ความเรื่องที่ อ่าน ม.4-6/3 วเิ คราะหแ์ ละ

ดการเรียนรู้ อ่านตีความแปลความและขยายความ ตคี วาม แปลความ และขยายความ ศึกษาปี ท่ี 4 รหัสวชิ า ท 31102 แหน่ง พนักงานราชการ เวลาที่ใช้ 2 ชั่วโมง กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน 1. หนงั สือเรียน ภาษาไทย : หลกั 1. ครูนาบทกวพี ระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเด็จพระเทพ ภาษาและการใช้ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทท่ี รงพระราช ภาษา ม.4 นิพนธไ์ วใ้ นบทความ เร่ือง ฉนั ชอบอ่านหนงั สือ เม่ือ 2) บทกวพี ร ทรงมีพระชนมายไุ ด้ 12 พรรษา มาแสดงใหน้ กั เรียนดู ราชนิพนธใ์ น บนกระดาน จากน้นั ใหน้ กั เรียนอ่านพรอ้ มกนั 1 รอบ พระบาทสมเดจ็ พระเทพ 2. ครูถามนกั เรียนวา่ บทกวพี ระราชนิพนธท์ น่ี กั เรียน อ่านตคี วามไดว้ า่ อยา่ งไร

วจิ ารณ์เร่ืองที่ อ่านในทุกๆ ดา้ นอยา่ งมี เหตุผล

3. ครูขออาสาสมคั รนกั เรียน 1-2 คน ออกมาพดู ตีความ หนา้ ช้นั เรียน รตั นราชสุดาฯ 4. ครูตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากน้นั สุ่มเลขทน่ี กั เรียน 1 สยามบรมราช กุมารี คน พดู ขยายความเพมิ่ เติม 3) ใบงานท่ี 3.1 5. นกั เรียนตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ เรอ่ื ง การอา่ นแปล ข้นั สอน ความ ตคี วาม และ ขยายความ (1) 1. นกั เรียนศกึ ษาความรู้เรื่อง การอ่านแปลความ การอ่าน 4) ใบงานท่ี 3.2 ตคี วาม และการอ่านเพอื่ ขยายความ จากหนงั สือเรียน หอ้ งสมุด และแหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ เร่อื ง การอา่ นแปล 2. ครูแบ่งนกั เรียนเป็ นกลุ่ม กลุม่ ละ 4 คน คละกนั ตาม ความ ตคี วาม และ ความสามารถ คอื เก่ง ปานกลางคอ่ นขา้ งเก่ง ปานกลาง ขยายความ (2) ค่อนขา้ งออ่ น และออ่ น จากน้นั ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่ม ทา ใบงานท่ี 3.1 เร่ือง การอ่านแปลความ ตีความ และ ขยายความ (1) 3. สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มอ่านเร่ือง แลว้ เขยี นแปลความ ตคี วาม และขยายความดว้ ยตนเอง เมื่อทาเสร็จแลว้ ให้ ผลดั กนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ชดั เจนกบั สมาชิกใน กลุ่ม ถา้ การเขียนแปลความ ตคี วาม และขยายความไม่ ถูกตอ้ ง ไม่ชดั เจน ใหร้ ่วมกนั อภิปรายแลว้ เขยี น คาตอบใหถ้ ูกตอ้ ง ชดั เจน



4. ครูใหต้ วั แทนแต่ละกลุ่มนาเสนอคาตอบของการเขียน แปลความ ตีความ และขยายความ หนา้ ช้นั เรียน แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มผลดั กนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง ชดั เจน ดงั น้ี - กลุ่มหมายเลข 1 นาเสนอคาตอบ - กลุ่มหมายเลข 2 ตรวจสอบ จากน้นั ใหน้ าเสนอ คาตอบ - กลุ่มหมายเลข 3 ตรวจสอบ แลว้ นาเสนอคาตอบ ผลดั กนั ไปเร่ือยๆ จนครบทุกกลุ่ม ข้ันสรุป 1. นกั เรียนตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ 2. ครูใหต้ วั แทนนกั เรียนแต่ละกลุ่มสรุปความรู้เร่ือง การ อ่าน แปลความ การอ่านตคี วาม และการอ่านเพอื่ ขยาย ความ ท่ีหนา้ ช้นั เรียน 3. ครูตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากน้นั ครูสรุปความรู้ให้ นกั เรียนฟังเพม่ิ เตมิ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนสามารถนาความรู้ ของการอ่าน แต่ละประเภทไปปรบั ใชใ้ น ชีวติ ประจาวนั

พระราชนิพนธใ์ นสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี หนงั สอื น้มี มี ากมายหลายชนดิ นาดวงจติ เรงิ ร่นื ชน่ื สดใส ใหค้ วามรสู้ าเรงิ บนั เทงิ ใจ ฉนั จงึ ใฝใ่ จสมานอ่านทกุ วนั มวี ชิ าหลายอย่างตา่ งจาพวก ลว้ นสะดวกคน้ ไดใ้ หส้ ุขสนั ต์ วชิ าการสรรมาสารพนั ชวั่ ชวี นั ฉนั อา่ นไดไ้ มเ่ บอ่ื เลย

ใบงานท่ี 3.1 กำรอ่ำนแปลควำม ตีควำม และขยำยควำม (1) คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นอ่านเร่อื งสนั้ แลว้ แปลความ ตคี วาม และขยายความ ฆำตกรรมจำกกน้ ครวั โดยหมอ่ มราชวงศค์ กึ ฤทธ์ิ ปราโมช “คนเราน่ีแปลก” พนั ตารวจโทหลวงกาจดั โจรภยั ผกู้ ากบั การตารวจจงั หวดั รตั นบุรี นึกใน ใจขณะทก่ี า้ วขน้ึ บนั ไดเรอื นของคุณนายองนุ่ เศรษฐนี ีผมู้ ชี อ่ื เสยี งของจงั หวดั นนั้ “บางทหี น้าตา ดๆี เงนิ ทองกม็ พี อกนิ พอใช้ ไม่น่าจะเป็นผรู้ า้ ยใจอามหติ กเ็ ป็นไปได้” หลวงกาจดั กา้ วขน้ึ บนั ไดเรอื นอย่างชา้ ๆ เรอื นนัน้ เป็นไม้สกั ทงั้ หลงั หลงั คามุงกระเบ้อื ง เป็นเรอื นขนาดใหญ่ ปลูกตามสบาย ตามแบบชนบท ตวั เรอื นและบรเิ วณบ้านแผว้ ถางและปดั กวาดไวเ้ รยี บร้อยร่มร่นื ไปด้วยไม้ดอกไม้ผลนานาชนิด แสดงให้เห็นวา่ เจา้ ของบ้านเป็นผูม้ ี หลกั ทรพั ยม์ นั่ คงและเป็นคนเจา้ ระเบยี บสะอาดสะอา้ น เจา้ ของบา้ นนนั้ กใ็ ชอ่ น่ื ไกล คอื คุณนาย องุน่ เศรษฐนี ีผมู้ คี นรจู้ กั ทวั่ ทงั้ จงั หวดั คุณนายองนุ่ มอี ายุ 40 ปีบรบิ ูรณ์ ตามปกตหิ ลวงกาจดั กไ็ ม่เคยใหค้ วามสนใจเป็นพเิ ศษแก่ คุณนายแต่อย่างใด แต่ประวตั ขิ องคณุ นายองุ่นในระยะเวลา 3-4 ปีทแ่ี ลว้ มา ทาใหห้ ลวงกาจดั ตอ้ งใหค้ วามสนใจแกเ่ ธอในหน้าทร่ี าชการ ในฐานะทเ่ี ป็นตารวจ เพราะเม่อื 4 ปีมาแลว้ เม่อื คณุ นายองุ่นมอี ายคุ รบ 3 รอบ เธอไดแ้ ต่งงานกบั นายเพม่ิ กายกาแหง อายุ 56 ปี เศรษฐใี หญ่ใน จงั หวดั รตั นบุรี เจ้าของโรงสตี งั้ 5-6 โรงขน้ึ ไป และมรี ถยนตเ์ ดนิ ระหว่างจงั หวดั อ่นื ๆ พรอ้ มทงั้ เป็นเจา้ ของทด่ี นิ รายใหญ่ทส่ี ุด แต่พออยู่กินกนั มาไดป้ ีเศษ นายเพมิ่ กต็ ายลงดว้ ยโรคกระเพาะ อาหารและลาไส้พกิ าร ท้งิ มรดกกองมหึมาไวใ้ ห้คุณนายองุ่นแต่เพยี งผเู้ ดยี ว พอปลงศพนาย เพมิ่ ไดแ้ ลว้ ไมน่ าน กป็ รากฏวา่ คณุ นายองุ่นแต่งงานกบั เศรษฐใี หม่อกี นายหน่งึ ชอ่ื นายชติ กาลงั กลา้ อายุราวๆ 53 ปี นายชติ นบั วา่ เป็นบุคคลทร่ี ุม่ รวยไม่แพน้ ายเพมิ่ เพราะนายชติ ทาปา่ ไม้ มี โรงเล่อื ยหลายโรง มที ่ดี นิ เรอื กสวนไร่นาพอๆ กบั นายเพมิ่ และยง่ิ กวา่ นนั้ ยงั มเี สยี งกระซิบกนั ดงั ๆ วา่ นายชติ คา้ ฝิ่น หาเงนิ ไดม้ ากมายหลายลา้ น แต่พอคณุ นายอง่นุ อยู่กนิ กบั นายชติ มาได้ 2 ปี นายชติ กต็ ายลงดว้ ยโรคกระเพาะอาหารและลาไสพ้ กิ ารเชน่ เดยี วกบั นายเพม่ิ ไม่มผี ดิ และ เชน่ เดยี วกบั นายเพม่ิ นายชติ ไดท้ ง้ิ มรดกกองมหมึ าไวใ้ หค้ ณุ นายอง่นุ รบั แต่เพยี งผเู้ ดยี ว การเป็นหมา้ ยทรงเคร่อื งถงึ สองครงั้ สองหนตดิ ๆ กนั น้ี ทาให้เกดิ เสยี งกระซบิ กระซาบกนั ขน้ึ ในจงั หวดั ว่าคุณนายเป็นผูร้ ้ายฆ่าคนตาย วางยาผวั ซ่ึงมที รพั ย์มากเสยี ถงึ สองคนเพ่อื เอา สมบัติ เพราะนายเพิ่ม นายชิตตายด้วยโรคเดียวกัน เก่ียวกับกระเพาะอาหารและลาไส้ มหิ นาซ้าเวลาทต่ี ายนนั้ กใ็ กลช้ ดิ กนั นกั เสยี งกระซบิ เรม่ิ เกดิ ขน้ึ ในวงหม่ญู าตขิ องผตู้ ายถงึ สองคน โดยเฉพาะอย่างยงิ่ เม่อื ผตู้ ายทงั้ สองคนนนั้ ตายโดยมพี นิ ยั กรรมโดยถูกตอ้ ง ยกทรพั ยส์ มบตั ิ

ของตนทงั้ หมดใหค้ ุณนายองุน่ แต่เพยี งผเู้ ดยี ว โดยทญ่ี าติผตู้ ายมไิ ด้ส่วนแบ่งในทรพั ย์สมบตั แิ ต่ อย่างใดเลย ตอ่ มาเสยี งกระซบิ นนั้ กแ็ พร่จากวงญาตเิ ขา้ สู่รา้ นกาแฟ เขา้ สบู่ ่อนไก่ จนในทส่ี ุดก็ เป็นข่าวเล่ืองลือท่ีโด่งดังท่ีสุดในจงั หวดั รตั นบุรี และก็เป็นธรรมดาท่ีข่าวลือชนิดน้ีจะต้อง กระทบกระเทือนถึงเกียรติของเจ้าพนักงานตารวจ ในข้อท่ีว่า เซ่อเซอะงมงาย หย่อน ความสามารถและอน่ื ๆ จปิ าถะ หลวงกาจดั เป็นตารวจมานาน บดิ าของหลวงกาจดั กเ็ ป็นตารวจ สมยั เจา้ คุณวาสเุ ทพ ตวั หลวงกาจดั เรม่ิ ตงั้ แต่เป็นนักเรยี นนายร้อยตารวจสมยั โรงเรยี นตงั้ อยู่ท่ี จงั หวดั นครปฐม มนี ้องชายอยู่อกี คนหน่ึงก็ได้ขา่ วว่าเป็นอศั วนิ อยู่ในกรุงเทพฯ ฉะนัน้ หลวง กาจดั จงึ รกั ราชการตารวจเป็นชวี ติ เม่อื มีเร่อื งราวมากระทบถงึ ช่อื เสยี งตารวจในจงั หวดั ท่ตี น เป็นผกู้ ากบั อยู่กเ็ กดิ ความรอ้ นใจ ครนั้ ขา่ วลอื เรอ่ื งคุณนายองุ่นฆา่ ผวั ดงั ขน้ึ ทกุ ที แทนทจ่ี ะเงยี บ หายไปเอง หลวงกาจดั กอ็ ดรนทนไม่ไหว ตอ้ งเรม่ิ ออกสบื สวน ในชนั้ แรกกใ็ ห้นายตารวจในชนั้ รองๆ รบั เอาไปทา แตก่ ไ็ มป่ รากฏผลสาเรจ็ อย่างใดเกดิ ขน้ึ มหิ นาซ้าข่าวคราวกย็ ง่ิ สลบั ซบั ซอ้ น หนาหูขน้ึ ทุกที หนกั เขา้ หลวงกาจดั กต็ อ้ งเรยี กเรอ่ื งมาทาเสยี เอง การสบื สวนยง่ิ ทาใหห้ ลวงกาจดั ตอ้ งหนกั ใจมากขน้ึ ถา้ จะดรู ปู เรอ่ื งโดยทวั่ ไป กม็ เี หตทุ น่ี ่า สงสยั ว่า ทงั้ นายเพม่ิ และนายชติ ตายดว้ ยเหตุธรรมชาติ เพราะคนทงั้ สองนัน้ มชี ่อื ว่าเป็นคน แขง็ แรงไม่มโี รคภยั ไขเ้ จบ็ ทงั้ ท่ีเป็นผสู้ ูงอายุ แต่พอได้มาอยู่กินกบั คุณนายองุ่นได้ไม่เท่าไรก็ เรมิ่ กระเสาะกระแสะจนถงึ แก่ความตายไปทงั้ สองคน ถา้ จะคานงึ ถงึ เหตุ จูงใจใหก้ ่อฆาตกรรม ทรพั ยส์ มบตั ขิ องผตู้ ายทงั้ สองคนกม็ ากมายเอาการอยู่ หลวงกาจดั มองดว้ ยสายตาของตารวจ กเ็ หน็ ไดว้ า่ ขา่ วทค่ี นเล่อื งลอื นัน้ มมี ูลอย่ไู ม่น้อย แต่พอไปลงมอื สบื สวนดดู ว้ ยตนเอง หลวงกาจดั กต็ ้องจนมุมเสยี ทุกทาง จะหาหลกั ฐานทแ่ี น่นอนอย่างไรกไ็ มไ่ ด้ ว่าคุณนายองนุ่ วางยาผวั ตาย ไปสองคน หลกั ฐานสาคญั ท่จี ะพสิ จู น์ว่าสามี ของคุณนายองุ่นตายดว้ ยยาพษิ จรงิ หรอื ไม่นนั้ ยงั เหลอื อยู่กแ็ ต่ศพนายชติ ซ่ึงฝากไว้ท่วี ดั ยังไม่ได้เผา ถ้าได้นาอวยั วะบางส่วนส่งตรวจท่ี กรงุ เทพฯ กจ็ ะได้รทู้ นั ทวี า่ นายชติ ตายดว้ ยยาพษิ จรงิ หรอื ไม่ หลวงกาจดั เคยส่งนายรอ้ ยตารวจ ไปขออนุญาตตรวจศพนายชติ แต่คุณนายองุ่นกลบั ปฏเิ สธเดด็ ขาด อ้างไม่มคี ดี ไม่มเี จ้าทุกข์ และผตู้ อ้ งหา ตารวจจะเขา้ มากา้ วก่ายไม่ได้ เม่อื คุณนายองุ่นเป็นฝา่ ยถูก หลวงกาจดั กต็ ้องนิ่ง ไป วนั น้ีเป็นวนั ทห่ี ลวงกาจดั ตดั สนิ ใจเดด็ ขาดวา่ จะเรมิ่ ทาการโจมตดี ้วยตนเอง ชวั่ ดผี ดิ ถูก อย่างไรกต็ อ้ งพูดจากบั คณุ นายองุน่ ใหแ้ ตกหกั ไป พอหลวงกาจดั กา้ วขน้ึ ไปถงึ กลางบนั ไดเรอื น กไ็ ดย้ นิ เสยี งคุณนายองุ่นรอ้ งเชญิ มาจากขา้ งบน “แหม วนั น้ที ่านผกู้ ากบั มาถงึ น่ี เชญิ ซเิ จา้ คะ มธี รุ ะอะไรกบั ดฉิ นั จะรบั ใชท้ ่านไดก้ ย็ นิ ด”ี คุณนายองุ่นนัง่ อยู่กบั พ้ืนบนระเบียงเรือน พอหลวงกาจดั ก้าวข้นึ บนนอกชาน เธอก็ กระพมุ่ มอื ไหวพ้ ลางเชญิ ใหน้ งั่ บนเกา้ อ้ี “ไม่มธี ุระอะไรดอกครบั ” หลวงกาจดั ตอบออ้ มแอม้ สหี น้าแสดงพริ ุธ “ว่างๆ ผา่ นมาผมก็ แวะเขา้ มาเย่ยี ม” หลวงกาจดั พูดพลางกวาดสายตาไปรอบๆ ระหวา่ งบนั ไดเรอื นและเฉลยี งท่ี

คณุ นายองุน่ นงั่ อยู่ เป็นนอกชานกวา้ ง พน้ื ขดั ถูสะอาดจนกระดานขาว มกี ระถางไมด้ ดั กระถาง บอน และตน้ ไมด้ อกตงั้ อยเู่ ป็นระยะๆ ดูสวยงาม ตามโคนเสาระเบยี งนนั้ กต็ งั้ กระถางก่อเขามอ ใส่ ตามชายคานนั้ กแ็ ขวนกระเชา้ กล้วยไม้ กาลงั ออกดอกหลายกระเชา้ ในท่รี ่มกต็ งั้ กระถาง หน้าววั กาลงั ออกดอกเช่นเดยี วกนั หลวงกาจดั เล่นต้นไมแ้ ก้เหงาในยามว่างมาหลายปี เม่อื มองดูสงิ่ เหล่าน้ีดว้ ยสายตานกั เล่นกอ็ ดชมในใจไม่ไดว้ ่าคุณนายองุ่นช่างเล่นและรูจ้ กั ของดี ตวั ระเบยี งทค่ี ุณนายองนุ่ นงั่ อยูพ่ น้ื กระดานขดั ถจู นเป็นมนั นงั่ เลน่ นอนเลน่ ได้ และตงั้ อยทู่ ท่ี ถ่ี ูกชอ่ ง ลม อากาศภายนอกจะรอ้ นเพยี งใดกร็ ม่ เยน็ อยเู่ ป็นนติ ย์ มองจากระเบยี งไปในหอ้ ง เหน็ มา้ หมู่ท่ี บูชาปิดทองอรา่ ม มพี ระดๆี ตงั้ อยู่หลายองค์ หลวงกาจดั อดนึกไมไ่ ดว้ า่ ถ้าชอบพอกนั และมา หาในลกั ษณะทด่ี กี ว่าน้ีกต็ ้องขอชม และนึกตอ่ ไปวา่ เรอื นหลงั น้ีถา้ ไดแ้ ขวนนกเขาคารมอกี สกั กรงสองกรงกจ็ ะครม้ึ ขน้ึ อกี หาน้อยไม่ ตวั คุณนายองุ่นแต่งตวั อยู่กบั บ้านตามคนวยั อายุ 40 เธอนุ่งผา้ ลายสีนวลดอกแดง สวม เส้อื ผา้ ปา่ นดอกอย่างบาง ตดั ให้หลวมๆ ใส่สบาย ผ่าอกตลอด และขดั ไวด้ ้วยกระดุมทองคา เล็กๆ ฝงั ทบั ทมิ ท่ขี ้อมอื เธอใส่สร้อยทองเกล้ียงๆ สองหรอื สามเส้น สร้อยคอและต่างหูไม่ใส่ คุณนายองุ่นตดั ผมสนั้ แต่ไว้ทรง ผมค่อนข้างยาว ประกอบกับเป็นคนผมหยักศกจงึ ดูรบั กับ ใบหน้า ถงึ แม้ว่าจะรบั ประทานหมากกม็ ไิ ด้ปล่อยฟนั ให้ดา รอยของหมากท่ีกนิ นัน้ ท้งิ ไวท้ ่ีริม ฝีปากซ่งึ แดงเรอ่ื ๆ ทาใหค้ มขายงิ่ ขน้ึ คณุ นายองุ่นไม่ใชค่ นผอม แต่กไ็ ม่ใชค่ นอว้ นเน้อื หนงั เตม็ ตวั พอสบาย ผวิ เน้อื ของเธอจะวา่ ขาวกไ็ ม่ใช่และไม่ดาเป็นแน่ หลวงกาจดั เหลอื บดเู หน็ รอยประ แป้งไวร้ างๆ พลางนึกในใจวา่ “อย่างน้ีซหิ นอท่เี ขาเรยี กกนั วา่ ผวิ เป็นแตงร่มใบ” หลวงกาจดั ไม่ เคยสงั เกตรูปโฉมคุณนายองนุ่ อย่างใกล้ชดิ มาแต่ก่อน เคยแต่ผา่ นกนั ในตลาด พอจาหน้ากนั ได้ เมอ่ื ไดม้ าสงั เกตใกลๆ้ กเ็ กดิ ความรสู้ กึ ขน้ึ วา่ คุณนายองุน่ นนั้ ถงึ จะไมส่ วยฉูดฉาด กง็ ามสมกบั วยั และรูปร่างหน้าตาคุณนายองุ่นนัน้ จะไม่มเี ปล่ยี นแปลงทรุดโทรมลงไปภายในเวลา 20-30 ปี ขา้ งหน้า จะคงอยู่อยา่ งไรกอ็ ย่างนนั้ เป็นนจิ จงั ในของทเ่ี ป็นอนจิ จงั ทงั้ หลาย เสยี งของคุณนายองุ่นพดู ขน้ึ วา่ “อุ๊ย ดฉิ นั รหู้ รอกค่ะ อย่างทา่ นผกู้ ากบั วา่ ไม่มธี รุ ะอะไรนนั้ ไม่มเี สยี ละ คงต้องมอี ะไรบ้างไม่มากก็น้อย” ทาใหห้ ลวงกาจดั สะดุ้งต่นื จากภวงั ค์ กลบั เขา้ สู่ ความเป็นจรงิ นึกถงึ เรอ่ื งธรุ ะทม่ี า “ครบั กม็ บี ้างเลก็ น้อย” หลวงกาจดั กล่าวตอบ “ผมขอพูดกบั คณุ นายตรงๆ ดกี วา่ คณุ นาย กค็ งทราบขา่ วทค่ี นอน่ื เลอ่ื งลอื กนั ...” “ทราบดที เี ดยี วคะ่ ” คณุ นายพดู สวนทนั ควนั ขน้ึ มา “น่ที ่านผกู้ ากบั จะมาสอบสวนดฉิ ันหรอื เจ้าคะ หรอื วา่ จะมาคน้ บา้ น จะเหน็ ควรอย่างไรกส็ ุดแลว้ แต่ เพราะดฉิ นั ถอื วา่ ท่านผกู้ ากบั เป็น ผใู้ หญ่ทน่ี ่าเคารพ ความจรงิ ดฉิ นั ไมม่ อี ะไรจะปิดบงั ทด่ี ฉิ นั ไม่ยอมให้คุณนายรอ้ ยตารวจหนุ่มๆ นนั้ ตรวจศพนายชติ ก็เพราะวา่ พูดจากนั ไม่รเู้ ร่อื ง คุณคนนนั้ แกยงั เป็นเดก็ แลว้ กย็ โส ถ้าท่านผู้ กากบั มาขอเองแตแ่ รก ดฉิ นั กย็ อมซเิ จา้ คะ” “ครบั ขอบคณุ แต.่ ..”

“แตแ่ ลว้ ท่านผกู้ ากบั กส็ ่งคนไปลกั ตรวจศพคุณชติ จนได้ จนในทส่ี ุดกไ็ มพ่ บอะไรใช่ไหมล่ะ เจา้ คะ” คุณนายอง่นุ ชงิ พูดขน้ึ มาอกี แล้วก็กล่าวต่อไป “ดฉิ นั นกึ ไวแ้ ลว้ ว่าไมช่ า้ ไม่นาน ทา่ นผู้ กากบั กต็ ้องมาหาดฉิ ันถงึ บ้าน แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดฉิ ันทราบเจตนาของท่านผกู้ ากบั ดวี ่า ท่านมไิ ดจ้ องลา้ งจองผลาญดฉิ ันเป็นส่วนตวั เม่อื คนเล่อื งลอื กนั มากไป จนกระทบถงึ ท่านเขา้ ทา่ นกต็ อ้ งทาไปตามเร่อื ง เมอ่ื ทา่ นผกู้ ากบั อตุ สา่ หม์ าหาดฉิ นั ถงึ บา้ น ดฉิ นั กค็ ดิ ไวแ้ ลว้ เหมอื นกนั วา่ จะสารภาพกบั ท่านผกู้ ากบั ใหห้ มดเน้อื ถอ้ ยกระทงความเสยี ที เอาละดฉิ นั ยอมรบั ละเจา้ คะ่ วา่ ดฉิ นั ฆา่ ผวั ตายถงึ สองคนโดยเจตนา” “เดยี๋ วกอ่ น” หลวงกาจดั รอ้ งสะดงุ้ สุดตวั “เร่อื งน้มี นั เร่อื งคอขาดบาดตายนาคุณนายนา จะ พูดจาอะไรคดิ ดเู สยี ใหด้ ๆี เดยี๋ วจะหาวา่ ผมไม่เตอื น” “โอ๊ย เป็นพระคุณละเจ้าคะ่ ” คุณนายตอบ “ดฉิ นั กไ็ ม่ใชเ่ ดก็ ๆ แลว้ รตู้ วั ดที เี ดยี วละเจ้าค่ะ ขอใหท้ ่านอดใจเอาสกั เลก็ น้อย ดฉิ นั จะเลา่ เร่อื งทผ่ี า่ นมาใหฟ้ งั ” คณุ นายหยดุ พูดครหู่ น่งึ ค่อยๆ บรรจงเปิดตลบั งา เอาขผ้ี ง้ึ พงั แพวอบดอกชะลูดขน้ึ สปี ากชา้ ๆ ลมพดั มาจากขา้ งนอกวูบหน่ึง พาเอากลนิ่ หอมมาเขา้ จมูกหลวงกาจดั จะเป็นกลน่ิ ดอกไมจ้ ากนอกบา้ น หรอื กลน่ิ อบร่าจากตวั คุณนายกไ็ มท่ ราบแน่ “เม่อื ดฉิ นั ไดก้ บั นายเพมิ่ นนั้ ดฉิ นั อายุ 30 กวา่ แลว้ ไม่ใชเ่ ดก็ ๆ แตน่ นั่ แหละเจา้ ค่ะ จะวา่ ไปก็ เหมือนเดก็ ๆ เพราะดฉิ นั ไปอยู่ในวงั ทก่ี รุงเทพฯ แต่ยงั เลก็ ๆ กลบั มาบา้ นเดมิ กอ็ ายุมากแล้ว ไม่ รจู้ กั ว่าใครเป็นใคร พวกญาตพิ น่ี ้องของดฉิ นั แหละเจา้ ค่ะ เขามาชกั นาวา่ พ่อเพม่ิ เป็นผใู้ หญ่ และ เป็นคนมศี ลี มสี ตั ย์ และมหี ลกั ฐานดี ดฉิ นั กห็ ลงเชอ่ื พอเขาส่งคนมาพูด ดิฉนั กเ็ อออวย แต่พอได้ เสยี อยู่กนิ กนั ไปแลว้ ซเิ จา้ คะ่ ดฉิ นั ถงึ ไดร้ วู้ า่ นายเพมิ่ เป็นคนเลวอย่างไร ทรพั ยส์ มบตั ทิ แ่ี กมนี นั้ แก ไดม้ าจากการขดู เลอื ดขดู เน้อื คนจนทงั้ นนั้ นาและทด่ี นิ ทกุ แปลงแกไมต่ อ้ งซ้อื หา แต่ไดม้ าจากการ บงั คบั จานาจานอง เอาคนทห่ี มดหนทาง ทน่ี ายเพิ่มทาโรงสรี ่ารวยเป็นนักหนา กเ็ พราะขูดเลอื ด ชาวนา ไหนจะกดราคาขา้ ว ไหนจะโกงด้วยสดั ด้วยถงั ท่ตี วง ไหนจะเอารดั เอาเปรยี บไปเสยี ทุก ทาง นายเพมิ่ เป็นคนโลภและโลภในสมบตั ขิ องผอู้ ่นื เหน็ ใครกต็ ้องอจิ ฉา ตาร้อน คดิ โค่นทาลาย เขาไป ตวั ยงิ่ มากขน้ึ กย็ ิ่งโลภมากขน้ึ ยง่ิ เอารดั เอาเปรยี บทาใหค้ นอ่นื เดอื ดรอ้ นมากขน้ึ ดฉิ ันเป็น คนขส้ี งสารมนุษย์ เหน็ คนจนตาดาๆ กอ็ ยากจะชว่ ยเหลอื ยง่ิ เหน็ คนพวกน้ีตอ้ งลาบากเพราะนาย เพมิ่ ดฉิ ันกย็ ง่ิ เกลยี ดชงั แกมากขน้ึ จนในทส่ี ุด ตดั สนิ ใจวา่ ถ้านายเพม่ิ ยงั อยู่ต่อไปกร็ งั แต่จะทาให้ คนเดอื ดรอ้ น ดฉิ นั จงึ กาจดั เสยี ” “แลว้ คณุ ชติ ละ่ ครบั ” หลวงกาจดั ถามขน้ึ “ออ๋ นายชติ มาทหี ลงั ดฉิ นั กน็ ึกวา่ เขาจะดกี วา่ นายเพมิ่ ท่านกค็ งทราบดวี า่ นายชติ คา้ ฝิ่น กอ่ นทจ่ี ะไดเ้ สยี กนั ดฉิ นั กเ็ อาคามนั่ สญั ญาวา่ ตอ้ งเลกิ เพราะทาต่อไปกบ็ าปกรรมเปลา่ ๆ แต่พอ อยู่กนิ กนั แลว้ เขากไ็ ม่เลกิ จรงิ ดฉิ ันย่งิ ดูไปกย็ ง่ิ เหน็ วา่ นายชติ ไม่ผดิ กบั นายเพมิ่ ทามาหาได้ ไม่ใช่น้าพกั น้าแรงของตน ดแี ต่สบู เลอื ดเพ่อื นมนุษย์ดว้ ยกนั นายชติ ยง่ิ เลวกวา่ นายเพม่ิ ไปอกี เพราะนายเพม่ิ แกเป็นคนเอาซง่ึ ๆ หน้า โผงผางไมก่ ลวั คน แตน่ ายชติ เป็นคนขร้ี ะแวงขส้ี งสยั คน อ่นื และลอบทาคนลบั หลงั ใครเขา้ มาคา้ ขายกบั นายชติ แลว้ เป็นต้องเสยี เปรยี บทุกคนไป ถ้า

เป็นฝ่ินแลว้ กต็ อ้ งถงึ ชวี ติ นายชติ ลอบฆา่ คนมาแลว้ เสยี นกั ตอ่ นกั พอดฉิ นั รคู้ วามจรงิ เขา้ ก็ ทนไม่ได้ กรรมตอ้ งสนองกรรม ดฉิ นั จงึ ตกลงใจกาจดั นายชติ เสยี อกี คนหน่งึ เร่อื งมนั เป็นอย่างน้ี แหละเจา้ ค่ะ ใครๆ ก็พาว่าดฉิ นั หวงั สมบตั ิ แต่ท่านกค็ งทราบแลว้ ไม่ใชห่ รอื ว่าดฉิ ันกไ็ ม่ใชค่ น ยากจน ถงึ ไมร่ ุ่มรวยหนักหนากพ็ อมกี นิ มใี ช้ ตงั้ แตส่ องคนนนั้ ตายไปแลว้ ดฉิ นั กม็ ุ่งหน้าแตก่ าร กศุ ล ทาบุญบา้ งชว่ ยเหลอื เพ่อื นมนุษยด์ ว้ ยกนั บา้ ง” “เดยี๋ วก่อนครบั คุณนาย ท่ีคุณนายว่าคุณนายกาจดั สามีเสียตงั้ สองคนนัน้ คุณนายทา อย่างไร ผมอยากทราบวธิ กี าร” “อ๋อ ไม่ยากหรอกเจา้ ค่ะ ท่านกท็ ราบแลว้ ไม่ใชห่ รอื เจา้ คะ วา่ ดฉิ นั ไปอยู่กบั คุณป้าในวงั มา ตงั้ แต่เด็กๆ คุณป้าดฉิ ันท่านเป็นคนห้องเคร่อื งต้น ท่านได้อบรมดฉิ ันในการทากบั ข้าว จน ชานาญทงั้ หวานทงั้ คาว พูดไปก็จะเป็นคุยนะเจา้ คะ แต่ใครๆ กพ็ าชมฝีมอื ของดฉิ นั ไปทงั้ วงั สมเดจ็ ละโปรดนักทเี ดยี ว แกงบวนของดฉิ นั นะถงึ กบั รบั สงั่ วา่ ถา้ ไมใ่ ชแ่ กงบวนแม่อง่นุ แลว้ อย่า รบั ดกี ว่า เสดจ็ กรมหลวงนะเจา้ คะทา่ นพถิ พี ถิ นั เคร่อื งเสวยออกจะตายไป ท่านยงั เคยรบั สงั่ เลย วา่ กระบวนทอดกระบวนแกงแล้ว ไม่มใี ครสู้แม่องนุ่ จะหาตวั จบั ได้กแ็ ต่ทางผดั ยา แต่เจา้ นาย ขณะนนั้ ท่านยงั ออกพระโอษฐช์ มนับประสาอะไรแกน่ ายเพมิ่ นายชติ ทเ่ี ป็นคนบา้ นนอก ดฉิ ันก็ ปรนเปรอดว้ ยอาหารอย่างเตม็ ฝีมอื ปรกตวิ นั ละ 4 เวลา บางวนั ปะเหมาะกม็ ากกวา่ นนั้ สองคน นนั้ ไม่เคยพบกก็ นิ ไม่ลมื หลู มื ตา” “แลว้ ในอาหารนนั้ คุณนายใส่?...” หลวงกาจดั ตงั้ ใจจะพูดใหจ้ บประโยค แต่คุณนายองุ่นก็ สวนทนั ควนั ขน้ึ มาวา่ “ใส่ฝีมอื เจา้ คะ่ ใสฝ่ ีมอื ดฉิ นั ปรงุ อาหารเตม็ ความสามารถ บารงุ บาเรอเตม็ ท่ี เป็นตน้ วา่ เชา้ ขน้ึ มากใ็ ชอ้ าหารเบาแตม่ ปี ระโยชน์ ไขล่ วกแต่พอดบี า้ ง ไขท่ อดใหเ้ ตม็ จานน่ารบั ประทาน ไมส่ ุก ไม่ดบิ เกนิ ไป บางทกี ไ็ ข่เจยี วแบบฝรงั่ ใส่ไส้เซียงจ้บี า้ ง เป็ดบา้ ง ไก่บ้าง แลว้ ก็ต้องมนี มสด มี ขนมปงั กาแฟพรอ้ ม ถา้ เหน็ จะเบ่อื ดฉิ นั กพ็ ลกิ แพลงไปเป็นไขไ่ ก่ผงิ ไฟแบบไทยๆ พอเป็นยาง มะตูมกใ็ สน่ ้าปลา ซอยหอมใส่โรยพรกิ ไทยมากๆ ทานกบั ขา้ วตุ๋นรอ้ นๆ เอากาลงั มอ้ื กลางวนั ดฉิ นั กใ็ สส่ ารบั เขา้ ไปเตม็ เพยี บ ใชอ้ าหารน้อยชนดิ แต่ทาใหช้ วนกนิ บางวนั กก็ บั ขา้ วฝรงั่ ใชเ้ น้อื สนั บ้าง ลน้ิ ววั บ้าง ถา้ หาได้ ดฉิ นั กใ็ ห้รบั หอยนางรมสดๆ บางวนั กย็ กั ย้ายไปเป็นพวกขนมจนี ขนมจนี บา้ นนอกหรอื เจา้ ค่ะจะมาสูข้ นมจนี ในวงั อย่างทเ่ี ขาเคยรบั กนั มาอย่างขนมจนี น้าพรกิ อย่างน้ี ดฉิ นั เคยเหน็ แต่น้าพรกิ ใสๆ เหมอื ดหวั ปลหี ยาบๆ มใี บกระถินสองสามใบ แต่ของดฉิ ัน ไมอ่ ยา่ งนนั้ น้าพรกิ ของอฉิ นั ตอ้ งควั่ ถวั่ ทองใหห้ อมแลว้ โขลก ใส่มนั กุง้ ใสป่ ทู ะเล ขนมจนี แป้งสด หวั เลก็ ๆ เหมอื ดหนั่ เป็นฝอยขยาน้ามะนาวใหข้ าวสะอาด รบั กบั มนั ทอด กงุ้ ฝอย ทอดใหก้ รอบ ผกั ทุกชนิดทอดกรอบมที งั้ ไขต่ ม้ ไขด่ าวทอดกรอบเช่นเดยี วกนั ถา้ ถงึ หน้าร้อนดฉิ นั กต็ งั้ ขา้ วแช่ กะปิทอดเมด็ เลก็ ๆ น่ารบั ประทาน หอมสอดไส้ พรกิ ทอด โรยไข่เป็นฝอยอยา่ งมอื ชาววงั เท่านนั้ จะทาได้ ผกั กม็ มี ะม่วงดบิ แตงกวา กระชาย หอมตน้ จดั เป็นรปู ตา่ งๆ น้าขา้ วกแ็ ชน่ ้าแขง็ ใสด่ อก กระดังงา มะลิอบควนั เทียนเสยี ก่อน ก่อนจะรบั ก็โรยพิมเสนเล็กน้อย ยามบ่ายกม็ ีของว่าง ไสก้ รอก ปลาแนมบา้ ง ขนมแป้งสบิ บา้ ง บางทกี ห็ มูแนมแขง็ อาหารค่ากม็ สี ารบั เตม็ ทพ่ี รอ้ มทงั้

ของเคยี ง หม่กี รอบของดฉิ ันหาท่ตี มิ ไิ ด้ แกงก็มีแกงปลาไหล ปูเคม็ ตวั เลก็ ๆ คลุกหวั กะทิใส่ มะดนั บางทกี แ็ กงมสั มนั่ ไก่ทงั้ ตวั ใส่มนั ฝรงั่ หนั่ ผกั กองเป็นกองๆ ใหน้ ่าดู ก่อนจะรบั จงึ ให้ราด น้าเครอ่ื งจม้ิ กต็ อ้ งดูใหถ้ ูกตอ้ ง ถา้ เป็นผกั ตม้ กะทกิ ต็ อ้ งตาน้าพรกิ ใหเ้ หลวสกั น้อย ถา้ เป็นผกั ดบิ ก็ ตาให้ขน้ ถา้ เป็นปลาร้าหลนก็ใส่กะลามะพร้าวขดั มนั ถ้าถึงฤดูน้าพรกิ ปูนา เอากระดองปูตวั เลก็ ๆ ประดบั จม้ิ สายบวั ผกั กระสงั ...” “พอที พอทคี รบั คณุ นาย อย่างน้ใี ครจะไปทนทานไหว” หลวงกาจดั รอ้ ง “กน็ นั่ น่ะซเี จา้ ค่ะ” คณุ นายตอบอยา่ งอารมณ์เยน็ ๆ “ทงั้ นายเพม่ิ นายชติ กก็ นิ กนั เตม็ คราบ ไปเลย เหลา้ ยาอะไรดฉิ นั กไ็ มไ่ ดห้ า้ มเชญิ พ่อกนิ เขา้ ไป ธรรมดาผชู้ ายนะเจา้ คะถา้ อาหารถงึ ปาก กนิ ได้ทเ่ี ขาเรยี กความรกั กม็ มี าก เม่อื มคี วามรกั เกดิ ขน้ึ เม่อื ใด ดฉิ นั กพ็ รอ้ มท่จี ะรบั รองความรกั อยู่ทน่ี ้ี ถา้ ดฉิ นั คนเดยี วไม่พอ จะมนี างเลก็ ๆ ไวป้ รนนิบตั อิ กี ก่คี น ดฉิ นั กไ็ ม่หา้ ม กท็ งั้ นายเพม่ิ นายชติ เป็นคนมอี ายุแลว้ ทนี ่ีเจา้ ขา โดนอยา่ งน้ีเขา้ จะไปทนทานอะไรไหว ไม่กว่ี นั กต็ ายไปเอง น่แี หละเจา้ คะ่ ท่ที ่านเรยี กวา่ วธิ กี าร ทงั้ หมดน้เี ป็นคาสารภาพของดฉิ นั ถา้ ไมใ่ ชท่ า่ น ดฉิ นั กไ็ ม่ บอก” “คุณนายขอรบั ” หลวงกาจดั หยบิ หมวกพลางลกุ ขน้ึ “เตรยี มตวั ไปในเมอื งกบั ผมเดยี๋ วน้ี” “ท่านหมายความวา่ จะเอาตวั ดฉิ นั ไปโรงพกั อย่างนนั้ หรอื เจา้ คะ” คณุ นายถาม “เปล่า” หลวงกาจดั ตอบ “แต่ไปหาอะไรทานกนั หน้าอาเภอแล้วคุยกนั ต่อไป ผมหวิ แล้ว” หลวงกาจดั หยุดพูด ครู่หน่งึ “แมอ่ งุน่ ขอใหฉ้ ันเรยี กเธอวา่ แม่องนุ่ เถดิ นะ เรากเ็ ป็นผใู้ หญ่ ดว้ ยกนั แล้ว ฉนั อยากพูดตรงๆ ฉนั พนั ตารวจโทหลวงกาจดั ภยั อายุ 46 ปี ยงั เป็นโสด รูปร่าง หน้าตาตามทค่ี นเขาวา่ กพ็ อดไู ด้ ฉนั รบั ราชการมา 26 ปีแลว้ ถา้ ออกเดยี๋ วน้ีกม็ บี านาญ ระหวา่ ง อยใู่ นราชการฉันกไ็ มใ่ ชค่ นสุรุ่ยสรุ า่ ย ไดเ้ กบ็ เงนิ เกบ็ ทองไวไ้ ดบ้ ้าง มบี า้ นมที ด่ี นิ พอสมควร ฉนั ขอบอกเธอใหท้ ราบเดยี๋ วน้ีวา่ ฉนั อยากตาย” “อยุ้ ท่านก”็ คณุ นายพูดพลางหลบตา “ถา้ หวิ ขา้ วกท็ านเสยี ทน่ี ่กี ไ็ ดเ้ จา้ ค่ะ ดฉิ ันเตรยี มไว้ พรอ้ มแลว้ อาหารทด่ี นี นั้ ถา้ รบั พอสถานประมาณ กไ็ ม่เป็นอนั ตรายถงึ ชวี ติ ดอกเจา้ คะ่ ”

1. แปลความ 2.ตคี วาม

3. ขยายความ

ใบงานที่ 3.2 กำรอ่ำนแปลควำม ตีควำม และขยำยควำม (2) คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นอา่ นพระบรมราโชวาท เรอ่ื ง อนาคตทานายได้ แลว้ แปลความ ตคี วาม และ ขยายความ ทุกสงิ่ ทกุ อยา่ งทเ่ี กดิ ทเ่ี ป็นอยู่แก่เราในวนั น้ี ยอ่ มมตี น้ เรอ่ื งมากอ่ น ตน้ เรอ่ื งนนั้ คอื เหตุ สงิ่ ท่ี ไดร้ บั คอื ผล และผลทท่ี า่ นมคี วามรอู้ ยขู่ ณะน้ี จะเป็นเหตุใหเ้ กดิ ผลอยา่ งอน่ื ตอ่ ไปอกี คอื ทาให้ สามารถใชค้ วามรทู้ ม่ี อี ย่ทู างานทต่ี อ้ งการได้ แลว้ การทางานของท่าน กจ็ ะเป็นเหตุใหเ้ กดิ ผลอน่ื ๆ ต่อเน่อื งกนั ไปอกี ไมห่ ยดุ ยงั้ ดงั นนั้ ทพ่ี ดู กนั วา่ ใหพ้ จิ ารณาเหตุผลใหด้ นี นั้ กลา่ วอกี นยั หน่งึ กค็ อื ใหพ้ จิ ารณาการกระทาหรอื กรรมของตนใหด้ นี นั่ เอง คนเราโดยมากมกั นกึ วา่ อนาคตจะเป็น อยา่ งไรเราทราบไมไ่ ด้ แต่ทจ่ี รงิ เราย่อมจะทราบไดบ้ า้ งเหมอื นกนั เพราะอนาคต กค็ อื ผลของ การกระทาในปจั จุบนั พระบรมราโชวาทในพธิ พี ระราชทานปรญิ ญาบตั ร จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 8 กรกฎาคม 2519 1. แปลความ 2. ตคี วาม 3. ขยายความ

แผนการจดั ชื่อหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร แผนการสอนที่ 1 เรื่อง ควา รายวิชา ภาษาไทย ช้ันมัธยมศ ครูผู้สอน นางสาวพชั รญดา โอบเออื้ ตาแ ตัวชี้วัด/ ความรู้ ภาระงาน/ การวดั และประเมินผล ผลการเรยี นรู้ ช้ินงาน 1. แบบประเมินความ ท 1.1 1) การอ่านออก 1. ใบงานที่ 1.1 เขา้ ใจใบงาน ม.4-6/1 อ่าน เสียง -บทรอ้ ย ออกเสียงบท ร้อยแกว้ และ กรอง เช่น กาพย์ บทร้อยกรอง ไดอ้ ยา่ ง ถูกตอ้ ง ไพเราะ และ เหมาะสมกบั

ดการเรียนรู้ รื่อง คานมัสการคุณานุคุณ ามเป็ นมาและประวตั ิผู้แต่ง ศึกษาปี ท่ี 4 รหัสวชิ า ท 31102 แหน่ง พนักงานราชการ เวลาทใ่ี ช้ 1 ชั่วโมง กิจกรรมการเรยี นรู้ สอื่ /แหลง่ เรยี นรู้ ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน 1) หนงั สอื 1. ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็ นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน คละกนั เรยี น ภาษาไทย : วรรณคดแี ละ ตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลางคอ่ นขา้ งเก่ง ปาน วรรณกรรม ม.4 2) บทคา กลางคอ่ นขา้ งออ่ น และอ่อน นมสั การพระ 2. ครูท่องคานมสั การพระพทุ ธคุณเป็ นทานองสรภญั ญะ พทุ ธคณุ ใหน้ กั เรียนฟัง 1 รอบ แลว้ ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดง ความคดิ เห็น 3. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มทอ่ งคานมสั การพระพทุ ธคุณ 3) ใบงานท่ี เป็ นทานองสรภญั ญะ โดยครูเช่ือมโยงความสมั พนั ธส์ ู่ 1.1 เร่อื ง ความ เป็นมาและ

เร่ืองท่อี ่าน

คานมสั การคุณานุคุณ ประวตั ผิ แู้ ตง่ เรอ่ื ง คำนมสั กำรคุณำ 4. นกั เรียนตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ นุคุณ ข้นั สอน 1. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มอภิปรายเก่ียวกบั หลกั การอ่าน ออกเสียงบทร้อยกรอง ตามทเ่ี คยไดเ้ รียนมา 2. ครูจบั สลากเลือกนกั เรียน 2-3 กลุ่ม อ่านออกเสียง บทร้อยกรองเรื่อง คานมสั การคุณานุคุณ จากหนงั สือ เรียน 3. ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ศึกษาความรู้เร่ือง ความเป็นมาและประวตั ิผแู้ ต่งเรื่อง คานมสั การคณุ านุ คุณ จากหนงั สือเรียน 4. นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั อภปิ รายเก่ียวกบั ความ เป็ นมาและประวตั ผิ แู้ ตง่ เร่ือง คานมสั การคุณานุคุณ 5. ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนออกมานาเสนอ ความรูเ้ ร่ือง ความเป็ นมาและประวตั ิผแู้ ตง่ เร่ือง คา นมสั การคุณานุคุณ หนา้ ช้นั เรียน 6.นกั เรียนทุกคนทาใบงานที่ 1.1 เรื่อง ความเป็ นมาและ ประวตั ิผู้แต่งเรื่อง คานมัสการคณุ านุคณุ เสร็จแลว้ ตรวจสอบความเรียบร้อย



7. ครูจบั สลากเลือกนกั เรียน 2-3 คน ออกมานาเสนอ คาตอบในใบงานที่ 1.1 หนา้ ช้นั เรียน ข้นั สรุป ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปความเป็ นมาและประวตั ผิ แู้ ต่ง เรื่อง คานมสั การคุณานุคณุ





เอกสารประกอบการสอน บทคานมสั การพระพทุ ธคุณ องคใ์ ดพระสัมพุทธ สุวสิ ุทธสันดาน ตดั มลู เกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมวั ก็เบกิ บานคือดอกบวั หน่ึงในพระทยั ท่าน สุวคนธกาจร ราคี บ พนั พวั พระกรุณาดงั สาคร มละโอฆกนั ดาร องคใ์ ดประกอบดว้ ย และช้ีสุขเกษมสานต์ โปรดหม่ปู ระชากร อนั พน้ โศกวิโยคภยั ษุจรัสวิมลใส ช้ีทางบรรเทาทกุ ข์ ก็เจนจบประจกั ษจ์ ริง ช้ีทางพระนฤพาน สันดานบาปแห่งชายหญิง มละบาปบาเพญ็ บญุ พร้อมเบญจพิธจกั - ศิรเกลา้ บงั คมคุณ เห็นเหตุท่ีใกลไ้ กล ญภาพน้นั นิรันดร กาจดั น้าใจหยาบ สัตวโ์ ลกไดพ้ ่ึงพงิ ขา้ ขอประณตนอ้ ม สมั พทุ ธการุญ-


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook