“การศึกษาบทเรยี นในอดีต คอื การศกึ ษาอนาคตที่ดที ีส่ ดุ ” ภิญโญ ไตรสรุ ิยธรรมา จากหนงั สอื Past ปญั ญา อดีต 2
Introduction Back to the future ย้อนอดตี ขดี อนาคต เมื่อ 4,600 ลา้ นปกี อ่ น มีดาวเคราะหด์ วงหน่ึงลอ่ งลอย อยใู่ นจกั รวาลและปราศจากสง่ิ มชี วี ติ ในเวลาตอ่ มาจกั รวาลเกดิ ปฎิ กริ ยิ าทางวทิ ยาศาสตรน์ าำ ไปส ู่ “การระเบดิ ครงั้ ใหญท่ สี่ ดุ ในเอกภพ” หรอื “Big bang” หลงั จากเอกภพจบสน้ิ การระเบดิ ลง ดาวเคราะห์ ดวงนน้ั ใชเ้ วลานบั พนั ลา้ นปใี หค้ วามรอ้ นทรี่ ะออุ ยใู่ นดวงดาวไดส้ งบ เย็นตวั ลง และใน 3,600 ลา้ นปตี อ่ มา จึงเร่ิมมีสิ่งมชี ีวิตกาำ เนดิ ขนึ้ มาในดาวเคราะห์ดวงน้ัน และดาวเคราะหด์ วงนน้ั มีช่ือว่า “โลก” เปน็ ความบงั เอญิ ท่ีมหัศจรรย์ทีส่ ดุ ทางชวี ภาพ ทอ่ี นิ ทรีย์ เคมีท้ังหลายที่กระเด้งกระดอนและกระจัดกระจายอยู่ท่ัวทุกแห่ง ของโลก บงั เอญิ ลอยมาตกทจ่ี ดุ นัดพบเดยี วกัน และสามารถสร้าง พนั ธะเชอ่ื มโยงผสมผสานกนั ไดอ้ ยา่ งลงตวั จนเกดิ เปน็ สายโปรตนี ซงึ่ เรยี กกนั วา่ “ธาราแห่งชวี ิต” หรอื “primordial soup” ความ พเิ ศษหนงึ่ เดียวทไ่ี มม่ ีดาวเคราะห์ดวงใดในจกั รวาลจะมไี ด ้ 3
ภายใตเ้ วลาแหง่ การววิ ฒั นาการกวา่ พนั ลา้ นป ี สายโปรตนี ธรรมดาทลี่ อ่ งลองอยใู่ นธาราแหง่ ชวี ติ ไดก้ ลายเปน็ โครงสรา้ งทส่ี ลบั ซับซอ้ นมากขึ้นก่อเกิดเป็นเซลล์ จากหน่งึ เซลล์ เป็นสองเซลล ์ เป็น เนอื้ เยอ่ื เปน็ อวยั วะ กอ่ เกดิ โครงสรา้ งรวมกนั เปน็ พชื และสตั ว ์ จาก ทม่ี โี ครงสรา้ งงา่ ยๆ จนมคี วามซบั ซอ้ นมากขน้ึ กระทงั่ สรา้ งสง่ิ มชี วี ติ ที่ทรงอานภุ าพทีส่ ุดเรียกวา่ “มนุษย์” ขน้ึ มา แนน่ อนวา่ ธรรมชาตไิ มไ่ ดส้ รา้ งมนษุ ยข์ นึ้ มาอยา่ งเดยี ว แต่ ยังสรา้ ง “เผา่ พนั ธ”ุ์ อืน่ ๆขึ้นมา พร้อมกับเผ่าพนั ธ์มุ นุษยด์ ว้ ย เช่น เสือ สิงโต สิ่งมีชีวิตเหล่าน้ันล้วนแล้วแต่เกิดมาพร้อมคุณสมบัติ ที่เหนือมนุษย์ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเขี้ยวเล็บท่ีแหลมคม พละ กำาลังที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสภาวะทาง ธรรมชาติที่โหดร้าย แต่อะไรคือปัจจัยท่ีทำาให้สัตว์เล้ียงลูกด้วยนม ผู้อ่อนแอทเ่ี คยลักลอบเกบ็ ผลหมากรากไม้เพอ่ื ยงั ชพี กลายมาเปน็ ผู้ทคี่ รองโลกท้งั ใบได ้ ? นักวิทยาศาสตร์จะตั้งชื่อสิ่งมีชีวิตต่างๆตามภาษาละติน โดยขนึ้ ตน้ ดว้ ย Genus (สกลุ ) และลงทา้ ยดว้ ย Species (เผา่ พนั ธ)ุ์ มนุษย์ทุกคนล้วนแลว้ แต่เปน็ Homo Sapiens คำาวา่ Homo แปล วา่ Man และ Sapien กแ็ ปลวา่ Wise, เมื่อนาำ มารวมกัน Homo Sapien กค็ ือ Wise Man หรือ “ผู้มปี ัญญา” และปัญญานแี่ หละ ทำาใหม้ นุษยร์ ู้จกั การใชไ้ ฟ และทกั ษะการจดุ ไฟนเี่ องท่ที าำ ใหม้ นษุ ย์ 4
สตั ว์ ผบู้ ริโภคลำดบั ที่ 2 อดีต คน ผบู้ ริโภคลำดบั ท่ี 1 พชื ผผู้ ลติ หลังจากทม่ี นษุ ยร์ จู้ ักใชไ้ ฟ ผู้บริโภคลำดบั ท่ี 2 คน ปจั จบุ ัน สัตว์ ผู้บรโิ ภคลำดบั ท่ี 1 พืช ผผู้ ลติ 5
ก้าวกระโดดมาอย่จู ุดสงู สดุ ของหว่ งโซอ่ าหาร ตั้งแต่มนุษย์เริ่มทำาความรู้จักกับไฟ จากวันนั้นถึงวันนี้มี มนุษยบ์ างคนสามารถสรา้ งสิง่ น่าอัศจรรย์ เรม่ิ ตง้ั แตก่ าร “กอ่ กอง ไฟ” ในถำ้าเพ่ือสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกายภายใต้สภาพอากาศ ทส่ี ุดแสนเลวรา้ ย การประดิษฐ์ “เรอื เดินสมุทร” ทที่ าำ ใหก้ ารไปมา หาสขู่ า้ มทะเลเปน็ เรอื่ งทเี่ ปน็ ไปได ้ การประดษิ ฐร์ ะบบ“ เวลิ ด ์ ไวด ์ เว็บ”(WorldWideWeb) ที่ทำาให้โลกเป็นสังคมอุดมปัญญาขนาด ใหญ่ จนมาถงึ การผลติ โทรศพั ทส์ มารท์ โฟน เทคโนโลยีทสี่ ะดวก สบายและแทบจะติดตัว บางคนสรรเสริญผู้ที่สามารถเข้าถึงวิทยาการที่ยากจะ คิดค้น และเรียกพวกเขาว่า”พระเจ้า” เพราะพวกเขาเหล่านั้นได้ สรรค์สร้างผลงานท่ีมีการกระโดดลำ้าหน้าข้ามยุคสมัยแต่อันท่ีจริง แล้วพวกเขาล้วนแล้วแตเ่ ป็น “นกั สรา้ งสรรค”์ ในยุคดิจิทัลท่ีโลกท้ังใบเช่ือมถึงกัน ทำาให้ง่ายต่อการค้น พบว่าว่าโลกใบนี้มีผลงานจากนักสร้างสรรค์ช้ันยอดมากมาย ผล งานของพวกเขาลว้ นแลว้ แตส่ รา้ งความตนื่ ตาตน่ื ใจและนา่ ทง่ึ แตส่ ง่ิ ทน่ี า่ ทง่ึ ยง่ิ กวา่ คอื ความคดิ ทส่ี รา้ งผลงานใหเ้ ขานนั้ เขาไดม้ าอยา่ งไร ? ซ่ึงเป็นเร่ืองท่ีน่าศกึ ษามาก 6
ขงจ๊ือ นักปราชญ์แห่งตะวันออกบอกว่าทุกคนท่ีเดินมา ล้วนเป็นครูของเรา เราสามารถเรียนรู้จากผู้อื่นได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะศึกษากระบวนคิดของพวกเขาได้ไหม ? ทำาให้หนังสือเล่ม น้ีได้ถูกเขียนข้ึนจากการสืบค้นอัตชีวประวัติของบุคคลสำาคัญใน ประวตั ศิ าสตร ์ ตงั้ แตน่ กั วทิ ยาศาสตรไ์ ปจนถงึ นกั การเมอื ง ศลิ ปนิ ผู้ สรรคส์ รา้ งจนิ ตนาการไปจนถงึ นกั วชิ าการทค่ี น้ พบแนวคดิ สะเทอื น โลก ผปู้ ระกอบการทเี่ รม่ิ ตน้ จากแผน่ กระดาษไปจนถงึ นกั บรหิ ารท่ี เข้ามากอบกู้ธุรกิจ ลามไปจนถึงพุทธประวัติและคัมภีร์ไบเบิลเท่า ท่ีจะสบื ค้นและเสาะแสวงหาได้ รวมไปถึงเรอ่ื งเล่าของส่ิงประดษิ ฐ์ และเร่ืองราวของผลงานท่ีสั่นสะเทือนใจ แล้วจึงสกัดออกมาเป็น ผลกึ ความคิดจำานวนท้งั หมด 10 กอ้ น ผู้แต่งไม่ได้เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์บรรเจิด ท่ี วางตัวประดุจคุณครูผู้เช่ียวชาญในช้ันเรียน แต่ผู้แต่งอยู่ในคราบ นักเรียนเหมือนกับพวกท่านทุกคน แต่เป็นเด็กเนิร์ดใส่แว่นหนา เตอะหลังห้องที่โดนเพื่อนๆข่มขู่แกมบังคับให้ออกไปรายงานหน้า ชนั้ เรยี น เพอื่ นาำ ขอ้ มลู ทเ่ี พง่ิ ไดเ้ รยี นไปกลนั่ กรองและออกมาเลา่ ให้ หนา้ ชนั้ ฟงั 7
หนังสือเล่มนี้จึงไม่ใช่หน่ึงในวิชาตำาราวิชาเรียนจากนัก จดั การศกึ ษาดา้ นวชิ าการ แตม่ าจากการถอดบทเรยี นสง่ิ ตา่ งๆ แลว้ มาผสมผสาน เชือ่ มโยง โค้ง ดดั งอ กบั ประสบการณ์ของผู้เขยี นท่ี ผ่านมาแล้วจึงสกัดออกมาเป็นผลึกจาำ นวนทง้ั หมด 10 กอ้ น หวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ หลงั จากอา่ นหนงั สอื เลม่ นจี้ บแลว้ จะ มีผลึกอย่างน้อย1ก้อนที่จะไปส่ันสะเทือนในหัวใจท่าน สร้างแรง บันดาลใจให้แก่ท่าน และขับเคล่ือนท่านให้ออกไปสร้างเรื่องราว ในอนาคตของตัวท่านเอง พีระวฒั น ์ อุรพพี ฒั นพงศ์ 8
9
จัดทำ�โดย พีระวฒั น์ อุรพีพฒั นพงศ์ พิมพ์ครั้งที่ 1 : มีนาคม 2562 ราคา 250 บาท พิมพ์ที่ www.SOdAPrintinG.com 201 ถ.สุรพันธ์ ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี 76000 Line Official ID: @SOdAPrintinG โทรศัพท์: 089-488-3655 ในกรณีที่หนังสือชำารุดหรือเข้าเล่มสลับหน้า กรุณาส่งหนังสือเล่มนั้นมาตามที่อยู่สำานักพิมพ์ ทางเรายินดีเปลี่ยนเล่มใหม่ให้โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น 10
ข้อมูลบรรณานุกรมของสำานักหอสมุดแห่งชาติ พีระวัฒน์ อุรพีพัฒนพงศ์. Creative Switch เปิดสวิตช์ ความคิดสร้างสรรค์ . – เพชรบุรี : โซดา-พริ้นติ้ง, 2562. 138 หน้า 1. ความคิดสร้างสรรค์ 2. การตลาด I. ชื่อเรื่อง. ISBN 978-616-485-395-9 ที่ปรึกษ� ดผคู้รณอ.ำาธะนีรบวศรยาิหกนาาตรร์ธหสุรหลกักัสิจสสมูตพหราาศ#วนDิท์ NยาAลbัยyศSรPีปUทุม อSOอกdแAบPrบinปtกinG.com วอศรมิลถลปญกแชราร่มเมชกื่นษตรตระการ พพัชิสรูจินนท์อรัก์ ษเตรชะอิศวธรรม 11
Contents 3 15 Introduction 23 Back to the future ยอ้ นอดีต ขีดอนาคต 35 บทท่ี 1 45 ความสามารถที่ธรรมชาติ มอบใหก้ บั ทกุ คน 55 บทท่ี 2 65 พื้นท่ปี ลอดภัย 75 บทท่ี 3 85 ชา้ งที่ถูกลา่ มโซ่ บทท่ี 4 อจั ฉริยะข้ามคนื บทที่ 5 จนิ ตนาการ บทท่ี 6 นักสะสม บทท่ี 7 สขุ ภาพสมองกส็ ำาคญั บทที่ 8 การประสานพลัง 12
บทที่ 9 95 ปัญหาคอื บิดาของนักประดษิ ฐ์ 109 บทที่ 10 ความฉลาดในการสร้างสรรค์ 124 (Creativity Quotient ) 129 บทสง่ ทา้ ย ประวตั ผิ ้เู ขยี น 13
“เด็กทุกคนคือศลิ ปิน แต่การรักษาซึ่ง ความเปน็ ศิลปิน เม่ือเตบิ โตขนึ้ น้นั เปน็ เร่ืองทา้ ทาย” ปาโบล ปกิ ัสโซ่ จติ รกรเอกชาวสเปน 14
บทท่ี 1 ความสามารถทธ่ี รรมชาติ มอบใหก้ ับทกุ คน เซอร์ เคน โรบนิ สนั และ เดวดิ เคลล่ี พวกเขาทั้งสองคน เคยได้รับเกยี รตไิ ปพูดในงานสมั มนาของ TED ในหัวขอ้ “โรงเรียน เป็นแหล่งทำาลายความคิดสร้างสรรค์” (Do schools kill cre- ativity) และ “จงเช่ือมั่นในความคิดสร้างสรรค์ของคุณ” (How to build your creative confidence) ตามลำาดับ ถึงแม้คนหนึ่งเป็นนักการศึกษาส่วนอีกคนเป็นนัก ออกแบบนวัตกรรม แต่พวกเขามีบางส่ิงท่ีคล้ายคลึงกัน นั่นคือ ความเชอื่ ทว่ี า่ “มนษุ ยท์ กุ คนลว้ นเกดิ มาพรอ้ มความสรา้ งสรรคโ์ ดย ธรรมชาติ แตพ่ อเวลาผ่านไปนานๆ มีคนจาำ นวนไม่น้อยที่หลงลืม พรสวรรคเ์ หลา่ นน้ั และปดิ กนั้ ตวั เองจากสง่ิ ทธี่ รรมชาตเิ คยมอบให“้ 15
เดก็ ทกุ คนเกดิ มาพรอ้ มกบั ความคดิ สรา้ งสรรคพ์ รอ้ มกบั จนิ ตนาการ ท่ีไร้ขอบเขตแน่นอนว่าเราทุกคนเคยมีช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่ เอาผ้าห่มมาคลุมไหล่และใส่หน้ากากพลาสติกเพ่ือท่ีจะกลายเป็น ซปุ เปอรฮ์ โี รผ่ ู้มีพลังมหาศาล ออกบนิ สงั เกตการณเ์ พื่อปราบเหล่า รา้ ย แต่เมอื่ เวลาผ่านไป เม่อื ความคดิ จติ ใจร่างกายเตบิ ใหญแ่ ละ แขง็ แรงข้นึ เรากลับรู้สึกวา่ เราชา่ งไม่มีความสร้างสรรคเ์ อาเสยี เลย มมุ มองความรสู้ กึ ของแตล่ ะบคุ คลคงไมม่ ใี ครสามารถตดั สนิ ชช้ี ดั ได้ วา่ ความคดิ นน้ั ถกู หรอื ผดิ แตค่ าำ ถามสาำ คญั คอื อะไรทาำ ใหเ้ ราปฎเิ สธ สงิ่ ทเี่ ราเคยเปน็ เจา้ ของเมอ่ื ครง้ั อดตี ? อะไรทาำ ใหเ้ ราจาำ กดั ความคดิ สรา้ งสรรคไ์ วท้ ีว่ ยั เด็กเทา่ นน้ั ? มีงานวิจัยที่บอกว่าในช่วงอายุ 7 ปีแรกจะเป็นช่วงเวลา ที่มนุษย์จะมีความคิดสร้างสรรค์สูงท่ีสุด ซ่ึงคำาตอบก็เป็นไปได้ หลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเพราะช่วงแรกๆของชีวิตเด็กยังไม่มี ประสบการณ์จากโลกภายนอกมากนัก จึงยังไม่ได้มี “กรอบ” มาก หรือเด็กในวัยนี้มีความสนใจอยู่ล้นปรี่ ถึงได้เรียนรู้ได้อย่าง สนุกสนานและรวดเร็ว แต่ปัจจัยท่ีมีนัยยะสำาคัญก็คือ “สภาพ แวดลอ้ ม” 16
ตอนเดก็ ตอนโต “ตอนเดก็ ในหัวมีแตจ่ ินตนาการ แตพ่ อโตขึน้ ในหวั กลับมีแต่กรอบ” ความรู้ ประสบการณ์ ความกลัว กฎระเบียบ สมมตุ ฐิ าน ธรรมเนียมปฏิบตั ิ ขัน้ ตอนกระบวนการ 17
ลองกลบั ไปดสู ภาพแวดลอ้ มของเดก็ ทอ่ี ยใู่ นวยั พฒั นาการ เช่น ในโรงเรียนอนุบาลหรือห้องเรียนประถมต้นจะพบว่า พ้ืนท่ี เหลา่ นน้ั ลว้ นแลว้ แตถ่ กู ออกแบบมาใหค้ วามคดิ สรา้ งสรรคไ์ ดเ้ ตบิ โต งอกเงย หอ้ งเรยี นมพี น้ื ทกี่ วา้ งขวางและมอี ปุ กรณก์ ารเลน่ ทเี่ พยี งพอ มกี ารตกแตง่ ประดบั ประดาใหด้ สู วยและเสรมิ สรา้ งบรรยากาศการ เรยี น มเี วลางีบหลับเพ่ือพกั ผ่อนสมอง มกี ารจัดกิจกรรม เช่น เล่า นิทานให้ได้ผ่อนคลาย ในตารางสอนก็มีการแบ่งวิชาทั้งฝากของ ศาสตร์และศิลปะอย่างลงตัว และอ่ืนๆอกี มากมาย สภาพแวดล้อมเหล่านั้นเป็นสภาวะท่ีสมบูรณ์เเบบท่ีจะ ฟมู ฟกั ความคดิ สรา้ งสรรคแ์ ตน่ า่ เสยี ดายทเ่ี มอื่ เราโตขนึ้ เราถกู ยา้ ย ไปอยู่ในสถานที่ปราศจากความพยายามที่จะถนอมรักษาความ สามารถในการคิดสรา้ งสรรค์ใหแ้ ก่เด็กทกุ คนอยา่ งเป็นระบบ จากห้องเรียนที่เปิดกว้างที่มีพื้นที่ให้ตีลังกาเล่นกลายมาเป็น หอ้ งเรยี นทม่ี โี ตะ้ เกา้ อวี้ างเรยี งรายและหนั หนา้ ไปในทางเดยี ว จาก เดิมท่ีถูกสั่งสอนว่าเม่ือไม่รู้ให้ยกมือข้ึนถามแต่ตอนนี้เมื่อยกมือขึ้น ถามแสดงวา่ เราเปน็ คนทมี่ ปี ญั หา ตารางสอนทถี่ กู จดั มาใหส้ มองซกี ซา้ ยและซกี ขวาไดพ้ ฒั นาไดถ้ กู จดั ใหมจ่ นกลายเปน็ ชดุ วชิ าทเี่ หมาะ สมกับสมองซกี ซา้ ยเพยี งฝ่ังเดียว 18
แฟรงก ์ ลอยด์ ไรต์ สถาปนกิ ผูเ้ ปน็ ตำานานในศตวรรษท่ี 20 เคยกลา่ วในบทสมั ภาษณว์ า่ “พน้ื ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ เรอ่ื งราวและเรอื่ ง ราวจะกอ่ ใหเ้ กดิ การกระทาำ ” พน้ื ทท่ี เ่ี รายนื อยจู่ ะบอกวา่ เราควรจะ เลน่ บทไหนและเราควรจะปฎบิ ตั ติ วั อยา่ งไรในสภาพแวดลอ้ มนน้ั ๆ นเี่ ปน็ ภาพบรรยากาศจากคลาสทผี่ แู้ ตง่ สอนและทาำ เวริ ค์ ชอปเกย่ี ว กับเร่ืองความคิดสร้างสรรค์ บรรยากาศโดยรวมอาจจะดูยุ่งเหยิง และไม่เปน็ ระเบยี บเหมือนกับหอ้ งเรียน แตก่ ็เป็นพนื้ ทท่ี อ่ี อกแบบ มาใหค้ วามคิดสรา้ งสรรคไ์ ดเ้ จรญิ เติบโต บริษัทท่ีเน้นยำ้าเรื่องความคิดสร้างสรรค์และให้ความ สำาคัญกับนวัตกรรมทราบเร่ืองน้ีเป็นอย่างดี จึงทำาการปรับสภาพ แวดล้อมของห้องทำางานให้มีความสนุกสนาน รู้สึกถึงอิสรภาพใน การทำางานและไมส่ รา้ งความตึงเครียด เพอื่ จะส่งสญั ญาณแก่ผู้อยู่ อาศัยว่า “ ความคดิ สรา้ งสรรค์ นวตั กรรม รวมถึงความสนกุ สนาน ของพนักงาน เป็นส่งิ ที่มีราคาสาำ หรับทน่ี ”ี่ และอ้างอิงจากการประมวลผลหลังคลาสและเวิร์คชอป ทจ่ี ดั และเกบ็ ขอ้ มลู เอง ผแู้ ตง่ สามารถพดู ไดอ้ ยา่ งเตม็ ปากเตม็ คาำ วา่ ความคดิ สรา้ งสรรคน์ นั้ ยงั ไมไ่ ดเ้ ลอื นหายไปจากทกุ คน แตเ่ พยี งแค่ หลบั ใหลอย ู่ ไอเดียและจินตนาการนอนพกั ผ่อนอย่างสงบและเฝา้ รอสภาวะเหมาะสม เพอื่ ใหม้ นั ไดก้ ลบั ขน้ึ มาใชช้ วี ติ คกู่ บั ทา่ นอกี ครง้ั เหมอื นกับตอนท่ีท่านยังเป็นเดก็ นอ้ ย 19
ในโลกยุค4.0 ที่องค์กรมากมายต่างให้ค่าความสำาคัญ กบั ความคิดสรา้ งสรรคแ์ ละนวัตกรรม ผูน้ ำาในองค์กรไม่ควรสงั่ การ และควบคมุ เหมอื นการสั่งงานเครอ่ื งจกั รกลในโรงงานที่ไรช้ วี ติ แต่ บทบาททแ่ี ทจ้ รงิ ของผนู้ าำ คอื สรา้ งบรรยากาศของความเปน็ ไปไดใ้ ห้ เหมอื นกบั เกษตรกรทสี่ รา้ งสภาวะแวดลอ้ มทเ่ี ออื้ อาำ นวยใหพ้ ชื และ ชวี ิตได้ต่นื ข้ึนมา แต่สภาพแวดล้อมอย่างเดียวไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่จะบ่ม เพาะให้ความคิดสรา้ งสรรคไ์ ด้กอ่ กำาเนิด แต่มอี กี สงิ่ หนง่ึ ทส่ี ามารถ เรียกได้ว่าเป็นกุญแจดอกสำาคัญท่ีสามารถปลดล็อกพันธนาการ ความคิดสร้างสรรค์ในตัวมนุษย์ได้ ซ่ึงอยู่ใกล้ตัวเรามากเสียจนเรา อาจจะนึกไม่ถงึ และลืมมองไป มนั เปน็ สิง่ ท่ีอย่ดู ้านตรงข้ามกบั “ความกลวั ” แต่ขอบอก ก่อนวา่ ไม่ใช ่ “ความกลา้ หาญ” เพราะผแู้ ต่งไมเ่ ชือ่ วา่ คนท่มี ีความ มน่ั ใจลน้ ๆ หรอื มคี วามกลา้ หาญในการแสดงออกจะเปน็ ตวั กระตนุ้ ความคดิ สร้างสรรค์ 20
ขั้วตรงข้ามกบั “ความกลวั ” ถา้ ไมใ่ ช่ “ความกลา้ หาญ” แล้วมนั คอื อะไร ? คาำ ตอบคอื “ความรู้สกึ ปลอดภยั ” ซึ่งในบทตอ่ ไปเราจะ มาคยุ เรื่องนีก้ นั 21
“เมอื่ ไหร่ทีเ่ รารสู้ กึ ถงึ ความปลอดภยั เราจะรสู้ กึ อิสระเสรใี นตัวตน สามารถผลติ ผลงานได้อย่างลีน่ ไหล และเต็มศกั ยภาพ โดยท่ไี มร่ สู้ กึ ถงึ ความเหนด็ เหน่อื ยเลย” เซอร์ เคน โรบินสนั นักจัดการศกึ ษาชาวอังกฤษ ผูท้ ไ่ี ด้เคยพูดถึงประเด็นดา้ นการศกึ ษา ในหวั ขอ้ “Do schools kill creativity?” ในงานเสวนา TED talk และกลายเปน็ คลปิ ที่มียอดชมสงู ที่สดุ ในเวบ็ ไซต์ ted.com 22
บทท่ี 2 พื้นทปี่ ลอดภยั การปฏิวัติทางด้านกระบวนการคิดคร้ังสำาคัญของ มนษุ ยชาตนิ นั้ มดี ้วยกนั ทง้ั หมด 3 ครั้งด้วยกัน การปฏิวัติครั้งแรกเกิดขึ้นเม่ือ 70,000 ปีทีแล้ว นั่นคือ “การปฏวิ ัตทิ างดา้ นองค์ความร”ู้ (Cognitive Revolution) เป็น ช่วงที่มนุษย์โบราณเริ่มไปมาหาสู่กันเพื่อเปลี่ยนจากการอาศัย อยู่คนเดียวมาเป็นอาศัยใต้ร่มชายคาที่เรียกว่า “กลุ่มเผ่า” จึงได้ เปล่ียนผ่านจากการท่ีมุ่งมั่นประดิษฐ์คิดค้นแต่อุปกรณ์เพ่ือยังชีพ และปอ้ งกนั ตวั จากสตั วท์ ม่ี เี ขย้ี วเลบ็ แหลมคมและธรรมชาตอิ นั โหด รา้ ย มาเปน็ อปุ กรณ์ทสี่ ร้างความสะดวกสบายในความเปน็ อยู่ เช่น คบเพลิง กองไฟ ตะเกยี งนาำ้ มัน ธนู ลูกศร เรือ และเขม็ เยบ็ ผา้ 23
สังคมอดุ มแนวความคิด Conceptual age สังคมขอ้ มลู ข่าวสาร Information age สังคมอุตสาหกรรม Industrial age สังคมเกษตรกรรม Agricultural age ศตวรรษที่ 18 ศตวรรษที่ 19 ศตวรรษท่ี 20 ศตวรรษท่ี 21 24
การปฎวิ ตั คิ รงั้ ท ี่ 2 คอื “การปฎวิ ตั ทิ างดา้ นเกษตรกรรม” (Agricultural Revolution) ในยคุ สมยั นมี้ นษุ ยเ์ รมิ่ ปลกู พชื ผกั แทน การลกั ลอบเกบ็ อาหารปา่ แขง่ กบั ลงิ บาบนู และนาำ สตั วม์ าเลย้ี งเพอื่ มาเป็นอาหารแทนการส่งทีมออกไปล่าสัตว์ที่ไม่รู้ว่าจะได้กลับมา หรอื เปล่า ยคุ แห่งการเกษตรกรรมเรมิ่ ข้ึนเม่อื ประมาณ 12,000 ปี ที่แล้ว โดยพ้ืนท่ีท่ีมีการทำาเกษตรกรรมครั้งแรกเกิดข้ึนในท่ีพื้นที่ บริเวณริมแม่นำ้าไทกริสระหว่างประเทศตุรกีและอิหร่าน โดยพืช ชนดิ แรกๆ ทีม่ นุษยน์ ำามาเพาะปลกู คอื ข้าวสาลี (wheat) ในชว่ งศตวรรษท ี่ 16-17 หรอื เมอื 500 ปกี อ่ น เกดิ การปฎิ วตั คิ รงั้ ท ี่ 3 คอื “การปฎวิ ตั ทิ างดา้ นวทิ ยาศาสตร”์ (Scientific Rev- olution) เรม่ิ ต้นจากการท ่ี นิโคลัส โครเ์ ปอร์นิคัส นกั ดาราศาสตร์ ชาวโปแลนด ์ ประกาศวา่ “โลกไมไ่ ดเ้ ปน็ ศนู ยก์ ลางของจกั รวาล แต่ ดวงอาทิตย์ต่างหากท่ีเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยจักรวาล และ โลกมีสณั ฐานเปน็ ทรงกลม” ศาสนาคริสต์ที่เช่ืออย่างแรงกล้าตามพระคัมภีร์ไบเบิล ว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาลและมีรูปร่างแบน เขาจึงไม่กล้า ประกาศออกมาเพราะเกรงกลัวอันตรายใน แนวคิดที่อยู่ตรงข้าม กับศาสนจักร แต่พอโคร์เปอรน์ คิ ัสตายลงผลงานของเขาไดร้ บั การ 25
ตพี ิมพ์เปน็ ภาษาเยอรมนั ในช่ือ “การปฏิวัติทางโคจรแห่งดาวบน ฟากฟ้า” (De Revolutionibus Orbrium Codestium) ผลงานของโครเ์ ปอรน์ คิ สั เตม็ ไปดว้ ยทฤษฎ ี สมมตุ ฐิ าน วธิ ี การพิสูจน์ และผลลัพธ์ โลกจึงยอมรับและมุ่งเข้าสู่ “ยุคแห่งการ ตืน่ ร”ู้ (Age of the enlightenment) ทำาให้นกั วทิ ยาศาสตร์ที่ สามารถคน้ พบทฤษฎีนนู่ นไี่ ดไ้ มต่ ้องหลบๆซอ่ นๆจากก้อนหนิ การ โดนเผาทง้ั เป็นและการโดนตรงึ กางเขนอีกตอ่ ไป ครีเอเตอร์ต่างๆจึงกล้าออกมาสร้างสรรค์ผลงาน ทำาให้เกิดความเจริญในด้านต่างๆ ทั้งดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ วศิ วกรรมศาสตร ์ และนาฏศลิ ป ์ รวมถงึ วชิ าการสรา้ งจกั รกลทไี่ รช้ วี ติ ซง่ึ เปน็ ศาสตรท์ เ่ี คยนอกรตี นอกรอยจากขอ้ กาำ หนดของศาสนจกั รก็ ถกู พฒั นาดว้ ย ทำาให้เกิดเครื่องจกั รไอนาำ้ ทางรถไฟ เรือเดินสมทุ ร และไฟฟ้า ความเจริญก้าวหน้าเริ่มต้นจากยุโรปตะวันตก ทวีป อเมริกาเหนอื และส่งผลไปทว่ั โลก การปฎิวัติทั้งสามคร้ังไม่ได้เกิดจากวิวัฒนาการทาง ชวี วิทยา แต่เกดิ จากความสามารถดา้ นจนิ ตนาการของมนุษย์ แม้ ยคุ สมยั ชว่ งเวลาจะแตกตา่ งกนั แตม่ จี ดุ รว่ มจดุ หนงึ่ ทเี่ หมอื นกนั ทงั้ สามยุค จุดทีท่ าำ ให้ความคดิ ตา่ งๆ เชอ่ื มโยง ปลูกถ่าย แลกเปล่ยี น กัน และจดุ ร่วมนนั้ คอื อะไร ? 26
การปฏวิ ัติ 3 ครง้ั สำคญั ของมนุษยชาติ 3. 2. Scientific Revolution การปฏวิ ตั ิด้านวทิ ยาศาสตร์ Agricultural Revolution มนษุ ย์เรม่ิ เปิดใจใหก้ ับ การปฏิวัติดา้ นการเกษตรกรรม วทิ ยาศาสตร์ในสาขาตา่ งๆ 1. ทำให้โลกเริม่ เจริญก้าวหนา้ Cognitive Revolution การปฏิวตั ิด้านองค์ความรู้ มนษุ ย์เริม่ ลงหลักปกั ฐาน ในพน้ื ทม่ี ถี น่ิ ที่อยู่ อาศยั เปน็ หลกั แหลง่ และเริม่ ทำระบบเกษตรกรรม เพอ่ื ยงั ชพี มนษุ ย์อยู่ด้วยกนั จึงคิดรวมกนั เพือ่ สรา้ งอปุ กรณ์อำนวยความสะดวก ในการดำรงชวี ิต 27
การเปล่ยี นผา่ นทางความคิด 3 ครั้งสำาคัญ ลว้ นแลว้ แต่ บอกกบั เราวา่ เมอื่ กลมุ่ โฮโมซาเปยี นสอ์ ยรู่ ว่ มกนั อยา่ งปลอดภยั โดย ไม่ต้องคำานึงถึงอันตราย พวกเขาจะเร่มิ ส่งสญั ญาณอะไรบางอย่าง ออกไป สัญญาณท่ีมีอิทธิพลต่อวิถีการคิดและพฤติกรรมของอีก ฝา่ ย และเมอื่ ไหรท่ เี่ สน้ ใยความคดิ ถกั ทอรอ้ ยเรยี งกนั อยา่ งสวยงาม และลงตวั ความคดิ เล็กๆทีเ่ ปน็ เหมอื นหยดฝนจะคอ่ ยๆวิวัฒนแ์ ละ กลายเป็นสายน้ำาแห่งนวัตกรรมที่เปล่ียนแปลงโลก และที่สำาคัญท่ีสุดคือช่วงเวลาที่มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่าง เป็นสุขและไว้ใจกัน มนุษย์จะมีเวลาและพลังงานสร้างสรรค์และ รวมตวั กันทำาในส่ิงทยี่ ่งิ ใหญแ่ ละมองขา้ มประโยชนส์ ว่ นตนไป “ความรู้สึกปลอดภัย” มีนัยยะสำาคัญต่อการสร้างสรรค์ ผลงาน ความรสู้ ึกอุ่นใจมอี ิทธิพลอย่างมากต่อความคิดสร้างสรรค์ และการสรา้ งผลงาน เราทง้ั หลายสรา้ งผลงานไดบ้ นพน้ื ทปี่ ลอดภยั โดยทเี่ ราไมร่ ตู้ วั ศลิ ปนิ ชอื่ ดงั ไมส่ ามารถสรา้ งศลิ ปะบนผนื ผา้ ใบอนั ต ระการตาได้หากไมอ่ ย่ใู นสตูดโิ อวาดภาพทเ่ี ขาคนุ้ เคย เชน่ เดยี วกบั นักดนตรีไม่สามารถสร้างบทเพลงท่ียิ่งใหญ่ก้องโลกได้หากขาด เคร่ืองดนตรแี ละทมี งานท่ีคุ้นหน้า 28
เมอ่ืไหร่ท่รี ้สู กึ ปลอดภยั ความไมป่ ลอดภยั ความคดิ สร้างสรรค์จะหลั่งไหลออกมาเอง จะทำให้ความคิดสรา้ งสรรคต์ บี ตนั 29
เราทุกคนล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์ตรงในเรื่องน้ีอย่าง ต่างกรรม ต่างวาระ เวลาท่ีเรานินทาเจ้านายในวงข้าวของคนคุ้น เคย เราสามารถเลา่ เรอ่ื งไดอ้ ยา่ งสนกุ สนาน สามารถหยบิ จบั สงิ่ รอบ ตวั มาสรา้ งความเชอ่ื มโยงเพอ่ื เรยี กเสยี งฮาไดอ้ ยา่ งมอื อาชพี แตเ่ มอื่ ตอ้ งออกไปนาำ เสนอโปรเจคใหญต่ อ่ หนา้ ทป่ี ระชมุ ถอ้ ยคาำ ทเ่ี รยี งรอ้ ย และพดู ซอ้ มมาเปน็ อยา่ งดกี ลบั ตดิ ขดั จนรสู้ กึ ถงึ ความอดึ อดั หายใจ แรง มเี หงอ่ื ออกทฝ่ี า่ มอื ประสาทสมั ผสั ทงั้ หา้ ตน่ื จนถงึ ขดี สดุ จนรบั รไู้ ดแ้ มก้ ระทง่ั เสยี งของเขม็ กระทบกบั พน้ื สถานการณเ์ หมอื นจะบบี บังคบั ใหอ้ อกจากท่นี ่ี แต่ก็ไม่สามารถออกไปได้ เม่อื สมองและร่างกายรบั รถู้ งึ ความกงั วล หวน่ั กลัว รสู้ ึก ถึงความไม่ปลอดภัย ไม่ว่ามาจากการผิดหวังหรือสถานการณ์ที่ ตงึ เครยี ด ร่างกายจะผลติ สารเคมีชื่อ “คอรต์ ิซอล” (Cortisol) ซ่ึงเป็นฮอร์โมนในกลมุ่ สเตยี รอยด ์ ที่สรา้ งและหลัง่ จากตอ่ มหมวก ไต และถกู ตง้ั ชอ่ื เลน่ จากนกั วทิ ยาศาสตรว์ ่า “ฮอร์โมนพร้อมรบ” ฮอรโ์ มนชนิดน้เี ม่ืออยใู่ นสภาวะไม่สมดลุ จะทาำ ให้หลอด เลือดท่ีหัวใจตีบแคบลง น้ำาตาลในเลือดสูงข้ึนเพ่ือมอบพลังงาน จำาเป็นชนิดเฉียบพลัน และจะไปลดเซลล์ประสาทในสมองส่วน “ฮิปโปแคมปสั ” (Hippocampus) เป็นสว่ นหน่ึงของระบบลมิ บิก ซึ่งมีบทบาทสำาคัญในการต่อความทรงจำาและการกำาหนดทิศทาง สาำ หรบั ตดั สนิ ใจ 30
รวมไปถึงส่งผลให้มนุษย์กลับไปหาสัญชาตญาณดิบของ ส่งิ มีชวี ิต นน่ั คือ “ความรุนแรง” ทาำ ใหส้ ามารถอธบิ ายไดว้ ่า ทาำ ไม เมอ่ื เวลากดดนั เราถงึ ไดเ้ หน็ ชา้ งตวั เทา่ หมแู ละกลา้ ทาำ ในสงิ่ ทเี่ กรยี ว กราดหรอื สบถคาำ พดู ท่รี นุ แรงที่คนอนื่ นึกไมถ่ ึง แต่เจ้าฮอร์โมนน้ีก็มีประโยชน์อยู่บ้าง (ไม่ง้ันร่างกายจะ สร้างขึ้นมาทำาไม) อย่างท่ีบอกไปข้างต้น ฮอร์โมนชนิดน้ีจะทำาให้ เรากลับไปสู่สัญชาตญาณแรกสุดของมนุษย์ แต่ความรุนแรงไม่ใช่ สัญชาตญาณดิบของมนษุ ยเ์ พยี งแคอ่ ยา่ งเดยี ว มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตและส่ิงมีชีวิตล้วนแล้วแต่ถูกสร้างมา ให้อยใู่ นพืน้ ฐานสมการเดยี วกนั น่นั คือ “แกรง่ ขน้ึ จากปัญหา” เมือ่ เราไดร้ บั ความเครยี ดเมอื่ ไหร ่ เปน็ ธรรมดาทเี่ ราจะไดเ้ รยี นรอู้ ะไรซกั อย่าง เมอื่ ฮอรโ์ มนคอรต์ ซิ อลปรบั ระดบั กลบั มาสภู่ าวะทส่ี มดลุ และเมื่อรู้สึกว่าความรู้สึกกังวลกดดันได้ผ่านพ้นไปแล้ว มนุษย์เรา จะเร่ิมตั้งสติเรียนรู้จากปัญหาน้ันเพ่ือป้องกันไม่ให้ปัญหานี้มันเกิด ขน้ึ อีก 31
สงิ่ ทท่ี าำ ใหม้ นษุ ยแ์ ขง็ แรงเตบิ โตขนึ้ ไมใ่ ชม่ าจากการตดั สนิ ใจท่ีถูก แต่มนุษย์น้ันเรียนรู้จากการผิดพลาด ซ่ึงเป็นบทเรียนที่ดี ทส่ี ดุ ท่ีจะทำาใหค้ นๆหนึง่ เป็นคนท่แี ขง็ แกรง่ ข้ึน มคี าำ กลา่ ววา่ “สงิ่ ใดเกดิ ขนึ้ สงิ่ นนั้ ดเี สมอ”แตใ่ นความเปน็ จริงแลว้ “สิง่ ใดเกดิ ขนึ้ จะมที ั้งดีและไม่ดเี สมอ” อยทู่ ีว่ า่ เราจะมอง อย่างไร ? ชวี ติ คอื การเดนิ ทางไปขา้ งหนา้ ถา้ เจอปญั หากต็ อ้ งแกก้ นั ไป แตถ่ า้ เลอื กแลว้ ขอใหม้ นั่ ใจ และเรยี นรจู้ ากความผดิ พลาดทเ่ี กดิ ข้ึนรอบตัว 32
คลอตซิ อล ฮอรโ์ มนพร้อมรบ 33
“จงเชื่อมน่ั ในตัวเองในสิ่งทีค่ ณุ เป็น และโปรดระลกึ ไว้เสมอวา่ มแี รงบางสงิ่ พลังบางอย่างในตวั ท่าน ทีย่ ่ิงใหญ่กว่าอปุ สรรคใดๆ” ครสิ เตยี น ดี ลาร์สนั นักเขียนหนงั สอื แนวปรชั ญาชาวอเมรกิ ัน 34
บทที่ 3 ช้างทีถ่ ูกลา่ มโซ่ ฆอรเ์ ฆ ่ บกู าย นกั จติ บาำ บดั ผมู้ ชี อ่ื เสยี งและมคี วามสามารถ เปน็ ทย่ี อมรบั ในวงการจติ เวชทวั่ ยโุ รป ไดเ้ ลา่ เรอ่ื งเกย่ี วกบั ชา้ งอยา่ ง น่าสนใจดังน้ ี “ช้างเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วย ขนาด น้ำาหนัก และพละกำาลังมหาศาล แต่ทำาไมกลับยอมถูก พันธนาการไวด้ ว้ ยโซ่เส้นเล็กท่อี ย่ตู รงบรเิ วณขอ้ เท้า? แม้โซ่เส้นนั้นจะใหญ่และทนทานแต่ก็มั่นใจได้ว่า สัตว์ท่ี สามารถล้มต้นไม้และลากท่อนซุงด้วยพละกำาลังของตัวเองย่อม กระชากโซ่เส้นนั้นขาดและปลดปล่อยให้ตัวเองเป็นอิสระจากโซ่ เส้นน้ันได้งา่ ยๆ ดังน้นั อะไรท่เี หนี่ยวรัง้ มันไว้ไมใ่ ห้หนไี ป ? 35
ทำเนียบนกั จิตวทิ ยาที่ยิง่ ใหญ่ของโลก Jorge Bucay (ฆอร์เฆ่ บกู าย) Albert Bandura (อัลเบริ ต์ แบนดูรา) 36
เมอื่ ลกู ชา้ งหยา่ นมแมแ่ ลว้ และเรม่ิ กนิ อาหารเองได ้ ควาญ ช้างจะนำาโซ่เส้นเล็กๆยึดติดกับต้นไม้ขนาดใหญ่และผูกไว้ท่ีข้อเท้า ช้างเพ่ือกันไม่ให้ช้างออกนอกพ้ืนที่ เม่ือลูกช้างเดินไปไม่กี่ก้าวโซ่ก็ ตงึ และไมส่ ามารถเดินได้ตอ่ ไปได้ แน่นอนว่าช้างตัวน้อยต้องทั้งผลักและดึงเพ่ือให้ตัวเอง เปน็ อสิ ระ แตโ่ ซเ่ สน้ นน้ั แขง็ แกรง่ เกนิ ไปสาำ หรบั มนั วนั นม้ี นั จงึ หมด แรงนอนพกั และจะลองใหมใ่ นวนั พรงุ่ น ี้ แตว่ นั แลว้ วนั เลา่ ผลกอ็ อก มาเหมือนเดิม จนวันหนึ่งเจ้าสัตว์ตัวน้ีก็ยอมรับในชะตาชีวิตของ ตนที่อ่อนแอไร้กำาลัง และปลงใจกับชะตาชีวิตท่ีถูกออกแบบมาให้ ไรอ้ สิ ระ ช้างเป็นสัตว์ฉลาด ถึงแม้ไม่มีจินตนาการเหมือนลิง ชิมแปนซีที่สามารถใช้หินเป็นอุปกรณ์เพื่อกระเทาะลูกวอลนัท ได้ แตช่ ้างก็มเี ชาวป์ ัญญาสามารถเรียนร้ไู ด้ ไม่ว่าจะเป็นการชกั จงู ลากไม ้ การบรรทกุ คนสง่ิ ของ แมก้ ระทง่ั เปน็ สตั วพ์ าหนะในยามศกึ สงคราม 37
เวลาผ่านไปเม่ือลูกช้างโตเต็มวัย โซ่เส้นเดิมน้ันก็ยังอยู่ท่ี ขอ้ เทา้ ชา้ งเพอ่ื พนั ธนาการชา้ งไมใ่ หอ้ อกไปเดนิ เลน่ ทไี่ หน แมว้ า่ ชา้ ง ที่โตเต็มวัยจะมีแรงมากพอเพื่อกระชากโซ่ให้ขาดได้อย่างง่ายดาย แต่มันก็ไม่ทำา เพราะมันจดจำาจากประสบการณ์ได้ว่าในตอนเป็น ช้างตัวน้อย มันไม่มีแรงพอที่จะกระชากโซ่ให้ขาดได้ มันจึงเช่ือว่า ตอนนีก้ ไ็ มส่ ามารถทำาได้เช่นกัน” บางครั้งเราไม่กล้าลงมือทำาอะไรเพราะประสบการณ์ใน อดตี ทาำ ใหเ้ รากลวั ทจ่ี ะถกู ตดั สนิ เพราะเคยไดย้ นิ คาำ วจิ ารณท์ ที่ าำ ให้ เราหยดุ ชะงกั ความเหน็ ทโ่ี หดรา้ ย คาำ พดู ทที่ าำ รา้ ยเราจนจาำ ฝงั ใจจน กลายเปน็ คราบฝงั แนน่ ทีส่ ลัดยังไงก็ไม่ออก ในคลาสเวิร์คชอปความคิดสร้างสรรค์ท่ีผู้แต่งจัด หรือ ทาำ งานรว่ มกบั ลกู คา้ พอผแู้ ตง่ กาำ ลงั เรมิ่ กระบวนการทตี่ อ้ งใชค้ วาม คิดนอกกรอบเพอ่ื สร้างความเปน็ ไปได้ใหม่ๆ จะมกี ลุ่มคนบางกลุ่ม ท่ีมีสีหน้าแสดงความไม่สบายใจเอาเสียเลย คนกลุ่มนี้จะพยายาม หาเรอ่ื งโทรศพั ทเ์ พอ่ื จะออกไปนอกหอ้ งและจะกลบั มาใหมเ่ มอ่ื งาน แล้วเสร็จเพ่ือจะส่งสัญญาณบอกว่า “เขาถนัดเร่ืองตรรกะและไม่ ถนัดเรือ่ งสร้างสรรคเ์ ทา่ ไหรน่ ัก” 38
idea IDEA GENERATOR BOARD STEP 1 : ROOT CAUSE ANALYSIS วิเคราะสาเหตุท่ีแทจ้ ริงของปัญหา STEP 3 : IDEA GENERATOR ตั้งต้นแกป้ ัญหาด้วยไอเดยี ทห่ี ลากหลาย ปัญหาท่ีมองเห็น ปญั หาท่มี องไมเ่ หน็ ผสมผสาน ตดั ออก ทดแทน STEP 2 : PERSONA ถอดรหัสเปา้ หมาย ดว้ ยความเข้าใจ ABC WHO : พฤตกิ รรมของเขาเป็นอยา่ งไร ? PROFILE ทา่ นจะเขา้ ถึงเขาได้อย่างไร ? : WHAT ปรับแตง่ เรียบเรยี งใหม่ เอามาใชก้ บั ส่ิงอ่นื ข้อมลู พน้ื ฐานอ้างอิงจากหลกั ประชากรศาสตร์ STEP 4 : IDEA SELECTION คัดเลอื กไอเดยี ที่เปน็ ไปได้ ภายใตต้ วั ชีว้ ัด“ WHY : ทำไมเขาตอ้ งสนใจวิธีแกป้ ัญหาท่ีท่านกำลังจะเสนอ ? ทา่ นจะเข้าถึงเขาได้อย่างไร ? : WHERE & HOW “ไอเดียท่เี ลอื กคอื ตวั ช้ีวัด STEP 5 : SOLUTION SKETCH ภาพร่างของการแก้ปัญหา ตามไอเดียท่ีคัดสรรแลว้ idea idea idea idea @2017 DEVELOPED BY [email protected] 39
ซึง่ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อความสามารถของเขาน้ัน มัน ไม่ใช่เรื่องจริงเลย เขาไม่ได้เป็นคนท่ีไม่สร้างสรรค์ เพียงแต่ว่ายัง ไม่รับรู้ความสามารถของตนเองเท่านั้น ขอเพียงแค่เขาอดทนอยู่ กับเวิร์คชอปอีกสักนิดและทำาต่อไปตามขั้นตอนอีกสักหน่อย เขา จะได้พบว่าจริงๆแล้ว พวกเขาเป็นเจ้าของและรู้วิธีผลิตความคิด สร้างสรรค์อยู่แล้วและมีส่ิงดีๆอีกมากมายที่ยังไม่ถูกดึงออกมาใช้ งาน อลั เบิร์ต แบนดรู า นักจติ วทิ ยาสาขาทฤษฎีปัญญาสังคม เคยเสนอแนวคิดเก่ียวกับทฤษฎีการเรียนรู้ว่า “บุคคลจะแสดง พฤติกรรมก็ต่อเมื่อพวกเขาเชื่อม่ันว่ามีความสามารถน้ัน” ทฤษฎี น้ันถูกเรียกว่า “การรับรู้ความสามารถแห่งตน” (Perceived self-efficacy) การรบั รู้ความสามารถตนเปน็ สว่ นหนึ่งของกระบวนการ คดิ ทมี่ บี ทบาทสาำ คญั ในการเปน็ ตวั เชอื่ มทางจติ ใจ ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความ รสู้ กี วา่ “ฉนั ทาำ ได”้ โดยไมย่ อ่ ทอ้ ตอ่ อปุ สรรคและสนุกทกุ คร้งั เมอ่ื เผชิญกบั ความยากลำาบาก 40
นกั กฬี าไมส่ ามารถทนกบั ความเหนอื่ ยลา้ จากการฝกึ ซอ้ ม ได้ถ้าเขาไม่เชื่อว่า เขาสามารถเป็นคนที่ยืนบนแท่นคว้าเหรียญ รางวัลได้ เช่นเดยี วกับเชฟร้านอาหารท่ีจะไมต่ ามหาอาหารรสชาติ ใหมๆ่ ถา้ ปราศจากแรงบันดาลใจจากเหลา่ เชฟชนั้ ยอด ผทู้ ม่ี กี ารรบั รคู้ วามสามารถตนในระดบั สงู จะทาำ ใหม้ คี วาม พึงพอใจ มีแรงจูงใจในการกระทาำ เต็มเปย่ี มดว้ ยความมั่นใจและมี แนวโนม้ กอ่ ใหเ้ กดิ พฤตกิ รรม ในขณะทผี่ ทู้ มี่ กี ารรบั รคู้ วามสามารถ ตนในระดับตำ่าจะแสดงออกในด้านตรงข้ามคือ เกิดความท้อแท้ ไร้ซึ่งแรงบันดาลใจ ปราศจากความม่ันใจและหลีกเล่ียงการแสดง พฤติกรรม นกั วทิ ยาศาสตรท์ า่ นนแ้ี ละผลงานของเขาไดบ้ อกวา่ พวกเราทกุ คน สามารถไปไกลเกนิ กว่าศกั ยภาพของตนเองได ้ เราทกุ คนสามารถ เปล่ียนแปลงได้ และพวกเราสามารถช้ีนำาผู้คนให้หันหัวเรือไปสู่ ทิศทางใหม่ได้เพียงแค่เริ่มต้นจากการสร้างความเช่ือม่ันในตัวเขา เองและรับรู้ว่าทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์ในธรรมชาติของตัวเอง อยแู่ ล้ว 41
ทกุ สงิ่ มสี วติ ซ ์ เพอื่ เปดิ กลไกใหม้ นั ทาำ งานและสรา้ งผลงาน เราทกุ คนสามารถสรา้ งสภาพแวดลอ้ มทเ่ี ออ้ื อาำ นวยเพอ่ื ชว่ ยอาำ นวย ให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ความสามารถท่ีมี ตามธรรมชาตไิ ด้ ถา้ หากเราเข้าใจมันอยา่ งแทจ้ รงิ และกระชากโซเ่ ส้นน้นั ทิ้งไป 42
ความคาดหวัง Expectations สูง + ต่ำ - สูง + - มีความสุข - ไมย่ อมรบั สนุกกบั ส่งิ ท่ที ำ - ไม่เกิดแรงจงู ใจ การรบั ร้คู วามสามารถ - มแี นวโนม้ ของตนเอง - เต็มไปดว้ ยแรงจงู ใจ - มีแนวโน้ม ไมแ่ สดงพฤตกิ รรม (Perceived Self– efficacy) เกดิ พฤติกรรม - หลกี เลี่ยง ต่ำ - - ไมม่ แี รงจงู ใจ - เกิดอาการท้อแท้ - ไมแ่ สดงพฤตกิ รรม - ร้สู กึ อึดอัด - ไมแ่ สดงพฤตกิ รรม อย่างแน่นอน 43
“ผ้คู นท่ีเปยี่ มไปด้วยความมุ่งม่นั และเพยี รพยายาม จะถกู เรียกขานวา่ อจั ฉรยิ ะ” ซซู ูกิ อิจโิ ร่ นกั เบสบอลสญั ชาติญีป่ นุ่ ที่เล่นให้กบั ทมี “นิวยอรค์ แยงก”้ี ในลคี ส์เบสบอลมือออาชีพของอเมริกา จนไดฉ้ ายาวา่ “ซามูไรท่ีเงยี บขรมึ (The Silent Samurai)” 44
บทท่ี 4 อัจฉรยิ ะขา้ มคืน มนุษย์ทุกคนต้องเคยหลับฝัน แต่จะมีสักกี่คนที่หลับฝัน แลว้ ตื่นมาพร้อมกบั ไอเดยี ทเ่ี ปลีย่ นโลก คีตกวีโมสาร์ท และชูมันน์ ท้ังสองท่านพูดเหมือนกันว่า เวลาจะประพนั ธ์เพลงใด เขาจะได้ยนิ เพลงนั้นๆในฝันกอ่ นเสมอ ละม้ายคล้ายคลึงกับความเช่ือของจักรพรรดิอเล็กซาน เดอรม์ หาราช ทท่ี รงพระศรทั ธาในความหมายของฝันมาก ทันทที ่ี ตื่นบรรทมพระองค์จะทรงจดบันทึกรายละเอียดของกลยุทธ์ต่างๆ ท่ที รงจำาได้ เพ่ือนาำ มาใชใ้ นการทำาสงครามจริงๆ เพราะท่านเชื่อว่า น่นั คือกลวธิ ีท่ีเทพสงครามประธานให้ 45
46
คืนหนง่ึ ในปี 1818 แมร่ี เชลลี่ (Mary Shelly) นกั แตง่ วรรณกรรมสยองขวญั ชาวองั กฤษ ตนื่ ขน้ึ มากลางดกึ ตวั สน่ั เทาดว้ ย ความกลวั จากความฝนั อนั นา่ สยดสยอง เธอบนั ทกึ สง่ิ ทเ่ี ธอฝนั ไวใ้ น หนังสือของเธอว่า “ฉนั มองเหน็ คนคนหน่ึงในความฝนั คนนนั้ นา่ จะเป็นคน ที่ใช้ศาสตร์อนั ช่วั ร้ายหรือมนตด์ ำาผสมเข้ากบั วิชาวทิ ยาศาสตร์ เขา ตัวซีดเผือกและกำาลังประกอบเครื่องจักรกลอะไรสักอย่างเข้ากับ ศพที่ไร้วิญญาณท่ีนอนทอดร่างอยู่บนเตียงทดลอง บนพ้ืนห้องฉัน มองเห็นกองศพท่ีน่าสยดสยองท่ีขุดมาจากป่าช้า หลังจากที่โสต ประสาทฉนั ไดย้ นิ ปฏกิ ริ ยิ าทร่ี นุ แรงของกระแสไฟฟา้ ทกุ อยา่ งสวา่ ง วาบ ทันใดน้ันศพมนุษย์ท่ีไร้ชีวิตบนเตียงทดลองสั่นเทาและขยับ เหมือนมชี วี ิตอกี ครงั้ เมือ่ ฉนั มองเขาออกเดนิ ฉนั ร้ทู ันทีว่าพระเจ้า ไมใ่ ชเ่ ปน็ ผ้เู ดียวทีส่ ร้างมนษุ ยไ์ ดอ้ ีกแล้ว” ขอ้ ความดงั กลา่ วถกู นาำ มาจากวรรณกรรมเรอ่ื ง”แฟรงเกน สไตน ์ โพรมีธีอสั ยุคใหม”่ และหลังจากนิยายเรื่องนถ้ี ูกดัดแปลงให้ เปน็ ภาพยนตรค์ รง้ั แรกในปี 1910 นบั จากนั้นเป็นต้นมา อสูรกาย ยกั ษใ์ หญท่ หี่ นา้ ตาไมห่ ลอ่ เหลา ไดก้ ลายมาเปน็ ตวั ละครสญั ลกั ษณ์ ของวฒั นธรรมความบนั เทิงสมยั ใหมท่ ัว่ โลก 47
แม้แต่ในวงการวิทยาศาสตร์ที่พ่ึงพาได้และเปี่ยมไป เหตุผล ซ่ึงเป็นขั้วตรงข้ามกับศิลปะที่มาจากจิตวิญญาณ ก็มีเร่ือง เลา่ เกี่ยวกบั การคน้ พบสมการทางวิทยาศาสตร ์ ด้วยฝนั เชน่ กนั ออกุสท์ เกอกูเล่ นักเคมีชาวเยอรมัน เขาน่ังเก้าอี้โยก ประจำาตัวของเขาที่อยู่หน้าเตาผิง ด้วยความอบอุ่นจากเตาผิง ประกอบเขา้ กบั ความรสู้ กึ งว่ งเหงาหาวนอน จงึ ทาำ ใหเ้ ขา เผลอหลบั ไป ในความฝนั ของเขาน้ัน เขาฝันเหน็ อะตอมจาำ นวนมากกระโดด โลดเต้นไปมา แล้วเริ่มจับกลุ่มเรียงตัวเป็นเส้นยาวเหมือนงู แต่มีงู ตัวหนึ่งท่ีแปลกประหลาด คือ มันกำาลังกัดหางตัวมันเอง จนเป็น รปู รา่ งของวงกลม เม่ือเขาต่ืนขึ้นจากความฝัน เขาได้นำาแนวคิดแบบงูกิน หางไปคิดต่อ จนได้พบกับโครงสร้างของ “เบนซิน” ซ่ึงมีความ สาำ คญั มาก เพราะยาต่างๆ เชน่ แอสไพรนิ และสียอ้ มทุกชนิดล้วน มโี ครงสรา้ งแบบ “เบนซิน” เป็นหลกั เขาและทมี จงึ ได้พฒั นาวชิ า อินทรียเคมี ซึ่งมีประโยชน์อย่างอเนกอนันต์ต่อมนุษย์ และได้รับ รางวัลโนเบลสาขาเคมี ในเวลาตอ่ มา 48
ดเู หมอื นเรอ่ื งเลา่ แบบ “อจั ฉรยิ ะขา้ มคนื ” มกั จะมบี ทบาท สำาคัญในเรื่องเล่าของการค้นพบไอเดียสร้างสรรค์ท่ีสั่นสะเทือน โลกทั้งใบได้อยู่เสมอ แต่คำาถามสำาคัญคือทำาไมพวกเขาถึงเป็น “อจั ฉริยะข้ามคนื ” ได้ ? การนอนหลับพกั ผอ่ นสามารถปลดลอ็ ค ความสามารถทางสมองของพวกเขาได้จรงิ หรอื ? ส่ิงที่เราเคยรู้มานานแล้วจากการศึกษาของโรเจอร ์ สเป อร ่ี (Roger Sperry) นกั ประสาทวทิ ยาศาสตร์ เจ้าของรางวัลโน เบลในป ี ค.ศ. 1981 ทพ่ี บวา่ ความคดิ สรา้ งสรรคเ์ กดิ ขนึ้ ทส่ี มองซกี ขวาซง่ึ เปน็ ฝงั่ ทถี่ นดั ในดา้ นของสญั ชาตญาณ เชน่ ศลิ ปะและดนตร ี และจะไมเ่ กดิ ทส่ี มองซกี ซา้ ยทมี่ คี วามเชย่ี วชาญในดา้ นตรรกะ เชน่ วทิ ยาศาสตร์ ภาษา วิศวกรรม ช่วงค.ศ 2007 นักวิทยาศาสตร์ประสาทวิทยาสมัยใหม่ ไดพ้ สิ จู น์แล้วว่าความเชื่อดังกลา่ วไม่เปน็ ความจรงิ ผลการทดสอบ ความคดิ สรา้ งสรรคข์ องนกั ศกึ ษาวศิ วกรรมกบั นกั ศกึ ษาดา้ นดนตรี ปรากฏวา่ พวกเขามกี ระบวนการคดิ ที่ไม่แตกตา่ งกัน 49
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140