Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ประทีปทองส่องทางพลังงานไทย

ประทีปทองส่องทางพลังงานไทย

Published by DPD E-Lidrary, 2020-08-04 01:42:27

Description: ประทีปทองส่องทางพลังงานไทย

Search

Read the Text Version

ความหมายปก หมายถึง ลายไทยที่ประดับบนฉลองพระองคบ์ รมราชภูษติ าภรณท์ ่ีทรงสวมในพระราชพิธบี รมราชาภเิ ษก พื้นลายพ่มุ ขา้ วบิณฑ์ ” ล�ำดับความเป็นพระมหากษตั รยิ ์พระองคท์ ี่ ๑๐ แหง่ ราชวงศจ์ ักรี เลขสบิ ไทย ” สญั ลักษณ์ทสี่ อื่ ถึงการปกปักรกั ษาองค์พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ลายประจำ� ยามประดับเลขสบิ ” ความรุ่งเรือง งดงาม สว่างไสวแห่งรัชสมัย แสงทองท่สี าดสอ่ ง ” พระราชจริยวตั รในพระองค์ที่ทรงมคี วามเข้มแขง็ เฉยี บขาด แตแ่ ฝงดว้ ยความอ่อนโยน กอปรดว้ ยพระมหากรณุ า ลวดลายใต้ช่อื หนังสือ

ประทปี ทอง สอ่ งทางพลังงานไทย



ประทปี ทอง รองเรืองเมอื งสยาม สอ่ งทาง ทวั่ เขตคามอร่ามไสว พลงั งาน รงุ่ โรจน์ด้วยด�ำ ริพระภูวไนย ไทย พรอ้ มพรักจงรกั และภักดี พระ คือแสงทองส่องอาณาประชาราษฎร์ วชิร ราชจกั รวี งศ์ทรงศกั ด์ศิ รี เกลา้ เหนอื เกศพสกนิกรท่วั ธานี เจา้ อยูห่ วั ปวงขา้ บาทนอ้ มสดุดีจอมราชา ดว้ ยเกลา้ ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพทุ ธเจ้า คณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลติ แห่งประเทศไทย





คำ� นำ� เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ อันเป็นพระราชพิธี บรมราชาภิเษกสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย พร้อมทง้ั เฉลิมพระปรมาภไิ ธย พระบาทสมเด็จพระวชริ เกล้าเจา้ อยหู่ วั พระมหากษัตรยิ ์รัชกาลที่ ๑๐ แหง่ ราชวงศจ์ ักรอี ย่างสมบูรณต์ ามโบราณราชประเพณี การไฟฟา้ ฝา่ ยผลติ แหง่ ประเทศไทย (กฟผ.) ขอรว่ มน้อมร�ำลกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ ทท่ี รงมตี ่อ กฟผ. ตั้งแต่เม่ือครั้งยังทรงด�ำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ และสมเด็จ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชริ าลงกรณ ฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร ซงึ่ ไดเ้ สดจ็ พระราชด�ำเนนิ ไปทรงเยย่ี มชม กิจการตามสถานท่ีต่างๆ ของ กฟผ. อยู่หลายครา ยังความปล้ืมปีติอย่างหาที่สุดมิได้ รอยพระบาทยาตรา ในแต่ละคร้ังนั้นยังคงจารึกอยู่ในความทรงจ�ำและเป็นท่ีเทิดทูนอยู่เหนือเกล้าของชาว กฟผ. อย่างมิลืมเลือน ในโอกาสอนั เปน็ มงคลยงิ่ นี้ กฟผ. จึงได้จดั ท�ำหนังสือ “ประทีปทองสอ่ งทางพลงั งานไทย” โดยเนอ้ื หา ในหนงั สอื จะแบง่ เปน็ ๓ สว่ น คอื สว่ นแรก ประมวลพระราชประวตั โิ ดยสงั เขป สว่ นทส่ี อง ประมวลพระราชพธิ ี บรมราชาภิเษกทั้ง ๓ ช่วง คือ พระราชพิธีเบ้ืองต้น พระราชพิธีเบ้ืองกลาง และพระราชพิธีเบ้ืองปลาย ในส่วนที่สาม ประมวลพระราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อ กฟผ. ตั้งแต่แรกเร่ิมการก่อต้ัง จวบจนถงึ ปจั จบุ นั เพือ่ รว่ มเฉลมิ พระเกยี รติดว้ ยความส�ำนกึ ในพระมหากรณุ าธิคุณเป็นล้นพน้ กฟผ. ในนามของพสกนิกรไทยส่วนหน่ึง ขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ขออาราธนา คุณพระศรรี ตั นตรยั อนั ประเสรฐิ อานภุ าพแหง่ พระสยามเทวาธริ าช และสง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธท์ิ งั้ หลายในสากลจกั รวาล ตลอดจนถงึ พระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ โปรดอภิบาลรักษา ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ให้ทรงพระราชสิริสวัสด์ิพิพัฒนมงคล ทรงเจริญพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระ เกษมส�ำราญ พระบารมแี ผไ่ พศาล พรอ้ มดว้ ยพพิ ธิ พรชยั อนั ไพสฐิ พระเกยี รตคิ ณุ วบิ ลู ยข์ จรไกลไปทวั่ ทศิ านทุ ศิ สถติ เสถยี รในไอศรู ยส์ ริ ิราชสมบตั ิ เพื่อเป็นมิง่ ขวญั ปกเกลา้ เหล่าพสกนิกร ตราบจริ ฐั ติ กิ าลเทอญ ด้วยเกลา้ ดว้ ยกระหมอ่ ม ขอเดชะ ข้าพระพทุ ธเจ้า คณะกรรมการ ผบู้ ริหาร และพนักงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลติ แห่งประเทศไทย



สารบญั

๑ พระราชประวตั ิ พระวชิรเกลา้ จอมราชา ๑๐ ๒ เฉลิมฉัตรกษัตรา ทศมราชาภิเษกดิเรกสมยั ๖๘ ๓ รอยพระบาทยาตรายงั จ๑าร๔ึก.๘..ในดวงใจของชาว กฟผ.



พระราชประวตั ิ พระวชิรเกล้าจอมราชา

พระราชประวตั ิ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดศี รีสนิ ทรมหาวชิราลงกรณ มหศิ รภมู ิพลราชวรางกรู กติ ิสริ สิ มบูรณอดลุ ยเดช สยามนิ ทราธิเบศร ราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกลา้ เจ้าอยู่หัว ๒๔๙๕ ๒๕๐๙ เสดจ็ พระราชสมภพ ทรงเขา้ รับการศึกษาทีโ่ รงเรียนคิงส์มดี เม่อื วนั ท่ี 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 เมอื งซฟี อรด์ แคว้นซัสเซกซ์ สหราชอาณาจกั ร ๒๔๙๙ ๒๕๑๕ ทรงเขา้ รับการศกึ ษาระดับอนุบาล ทรงศึกษาตอ่ ท่ีวทิ ยาลัยการทหารชน้ั สูง ท่โี รงเรยี นจติ รลดา ณ กรงุ แคนเบอรร์ า เครอื รฐั ออสเตรเลยี 12 ดั่งดวงประทปี แหง่ การพลงั งาน

๒๕๑๕ ๒๕๖๒ ทรงได้รับการสถาปนาขนึ้ เป็น “สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช พระราชพิธบี รมราชาภิเษก เจ้าฟา้ มหาวชริ าลงกรณ ฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร” ๒๕๓๗ ตง้ั แต่วนั ท่ี 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 ทรงปฏิบตั หิ นา้ ท่ีเปน็ ครกู ารบนิ ขับไลแ่ บบ บ.ข. 18 ข (F-5E) และ บ.ข. 18 ค (F-5F) ของกองทัพอากาศ ๒๕๒๑ ๒๕๕๙ ทรงผนวชในพระพุทธศาสนา วนั ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ทรงตอบรบั มพี ระสมณนาม ว่า “วชิราลงกฺ รโณ” การเชิญเสดจ็ ข้ึนทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ รชั กาลที่ 10 แหง่ ราชวงศจ์ กั รี ดัง่ ดวงประทีปแหง่ การพลังงาน 13

เสด็จพระราชสมภพ ณ พระที่นง่ั อมั พรสถาน พระราชวังดสุ ิต ซึ่งในขณะนนั้ เป็นท่ปี ระทบั ของพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร และสมเด็จพระนางเจา้ สริ กิ ิต์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปีหลวง   พระราชสมภพ  พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริ สมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ รชั กาลที่ ๑๐ แหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ในพระบรมราชจกั รวี งศ์ เสดจ็ พระราชสมภพเมอ่ื วนั จนั ทรท์ ี่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๕ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาท สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนีพันปหี ลวง มีพระเชษฐภคนิ ี คือ ทลู กระหมอ่ มหญงิ อบุ ลรัตนราชกญั ญา สริ วิ ฒั นาพรรณวดี และพระขนษิ ฐภคนิ สี องพระองค์ คอื สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั น ราชสดุ า เจา้ ฟ้ามหาจกั รสี ริ ินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกจิ การณิ พี รี ยพฒั น รัฐสีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี และสมเดจ็ พระเจา้ น้องนางเธอ เจ้าฟา้ จฬุ าภรณวลัยลกั ษณ์ อคั รราชกุมารี กรมพระศรี สวางควัฒน วรขัตตยิ ราชนารี 14 ประทีปทองส่องทางพลังงานไทย

 มหามงิ่ มงคลนาม  นายแพทย์ หมอ่ มหลวงเกษตร สนทิ วงศ์ ก�ำลังชงั่ พระนํ้าหนกั พระองคเ์ มือ่ แรกประสูติ พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ม ห า ภู มิ พ ล อ ดุ ล ย เ ดช ม ห า ร า ช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระนามตามที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวง วชิรญาณวงศ์ (หม่อมราชวงศ์ชื่น นพวงศ์) ขณะดำ�รงสมณศักด์ิ สมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์ วดั บวรนเิ วศวหิ าร ทรงตง้ั ถวายเมอ่ื วนั พธุ ท่ี ๓ กันยายน พุทธศกั ราช ๒๔๙๕ วา่ สมเด็จพระเจา้ ลูกยาเธอ เจา้ ฟา้ วชริ าลงกรณ บรมจักรยาดิศรสันตตวิ งศ เทเวศรธ�ำรงสุบรบิ าล อภิคุณปู ระการมหิตลาดลุ เดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตตสิ ิริสมบูรณสวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร พระนาม “วชริ าลงกรณ” น้ี สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวง วชริ ญาณวงศ์ ไดท้ รงอธบิ ายวา่ เปน็ พระมงคลนามตามพระราชตระกลู คือ ได้อัญเชิญพระนามฉายาในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยาม เทวมหามกุฏวิทยมหาราช (รัชกาลที่ ๔) ในขณะทรงผนวชว่า “วชริ ญาณะ” ผนวกกับ “อลงกรณ์” จากพระนาม “จุฬาลงกรณ์” ของพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาจฬุ าลงกรณ์ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั (รชั กาลที่ ๕) ประทปี ทองสอ่ งทางพลังงานไทย 15

 พระราชพธิ สี มโภชเดือนและขน้ึ พระอ ู่ คร้ันทรงเจริญพระชนมายุ ๑ เดือน ๑๘ วัน พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกอบพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ ตามโบราณขัตติยราชประเพณี ในวันอาทิตย์ที่ ๑๔ และวันจันทร์ท่ี ๑๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๙๕ ณ พระท่ีน่ังอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ซ่ึงพระราชพิธีสมโภชเดือนสมเด็จเจ้าฟ้าพระราชกุมารนี้ว่างเว้น มานานกว่า ๕๙ ปี นับต้ังแต่พระราชพิธีสมโภชเดือนสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ กรมขนุ ศโุ ขไทยธรรมราชา หรอื พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยู่หวั ในพทุ ธศกั ราช ๒๔๓๖ 16 ประทปี ทองส่องทางพลังงานไทย

พระราชพิธสี มโภชเดือนและขึ้นพระอู่ ณ พระทนี่ ัง่ อัมพรสถาน พระราชวังดุสติ พระบาทสมเด็จพระมหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ทรงผูกดา้ ยพระขวญั ทรงจรดพระกรรไกรไทยขริบเสน้ พระเกศาสมเดจ็ พระเจ้าลกู ยาเธอ ประทีปทองสอ่ งทางพลงั งานไทย 17

พระบรมวงศานวุ งศ์ ทรงเวียนเทยี นสมโภช พระมหาราชครูพิธศี รวี สิ ทุ ธคิ ณุ และพราหมณ์พิธี เบิกแว่นเวียนเทยี น 18 ประทปี ทองสอ่ งทางพลังงานไทย

พระบรมฉายาลกั ษณข์ ณะทรงพระเยาว์ ประทปี ทองสอ่ งทางพลงั งานไทย 19

ฉายพระรูปร่วมกบั สมเดจ็ พระศรนี ครินทราบรมราชชนนี 20 ประทีปทองสอ่ งทางพลงั งานไทย

ฉายพระรปู รว่ มกบั พระบาทสมเด็จพระมหาภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร สมเดจ็ พระบรมราชชนนีพนั ปีหลวง และทลู กระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกญั ญา สิรวิ ฒั นาพรรณวดี ประทีปทองสอ่ งทางพลงั งานไทย 21

เดอื นตุลาคม พุทธศกั ราช ๒๕๐๐ ฉายพระรปู ร่วมกบั นกั เรยี นอนุบาลรนุ่ ที่ ๑ และรุน่ ที่ ๒ ของโรงเรยี นจิตรลดา ในหอ้ งเรียนที่พระทน่ี ่งั อุดร ในพระที่นั่งอมั พรสถาน พระราชวงั ดุสิต  การศกึ ษาเบื้องตน้   ในเดือนกนั ยายน พุทธศักราช ๒๔๙๙ ขณะพระชนมายุ ๔ พรรษา ทรงได้รบั การศกึ ษาระดับอนุบาล ณ ห้องช้นั ล่าง พระทีน่ ัง่ อดุ รภาค ในพระทนี่ ง่ั อัมพรสถาน พระราชวงั ดสุ ิต ตอ่ มาทรงไดร้ บั การศกึ ษาระดับ ประถมศกึ ษาและมธั ยมศกึ ษาทโี่ รงเรยี นจติ รลดา ซง่ึ ตงั้ อยใู่ นพระราชวงั ดสุ ติ ทรงศกึ ษาจนถงึ ชนั้ มธั ยมศกึ ษา ปีที่ ๑ 22 ประทปี ทองส่องทางพลงั งานไทย

ทรงศึกษาวชิ าการ รว่ มกบั พระสหาย ในห้องเรียน โรงเรียนจติ รลดา ฉายพระรูป ร่วมกบั พระสหาย ในฉลองพระองค์ เคร่ืองแบบลูกเสอื ส�ำรอง ประทีปทองส่องทางพลงั งานไทย 23

วนั ที่ ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๐๖ เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรนทิ รรศการทางวิทยาศาสตร์ ณ คณะวทิ ยาศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย พทุ ธศักราช ๒๕๐๘ ทรงศึกษาและทดลองวชิ าเคมี ณ โรงเรียนจติ รลดา เดอื นมนี าคม พทุ ธศักราช ๒๕๐๘ ทรงดนตรใี นวันปิดภาคเรียน 24 ประทปี ทองสอ่ งทางพลังงานไทย

ทรงวาดภาพ เมือ่ ครั้งทรงศึกษา ระดับชนั้ ประถมศึกษา ภาพวาดฝพี ระหตั ถ์ (ภาพสเี ทียน) ระหว่างทรงศกึ ษาในระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๔ ภาพวาดฝีพระหัตถ์ (ภาพสนี ํ้า) ระหวา่ งทรงศึกษาในระดบั ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๕ ประทีปทองส่องทางพลังงานไทย 25

วนั ที่ ๒๕ กรกฎาคม พทุ ธศักราช ๒๕๐๙ ฉายพระรปู ณ โรงเรยี นคงิ ส์มีด  การศกึ ษาในต่างประเทศ  วนั ท่ี ๗ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๙ เสดจ็ ฯ ไปประเทศองั กฤษ เพอื่ ทรงเขา้ รบั การศกึ ษาระดบั ประถม ศึกษาท่ีโรงเรียนคิงสม์ ดี (King's Mead School) เมืองซีฟอรด์ (Seaford) แคว้นซัสเซกซ์ (Sussex) ระหวา่ ง เดอื นมกราคมถงึ เดือนกนั ยายน พุทธศกั ราช ๒๕๐๙ จากนน้ั ทรงเข้าศกึ ษาต่อทีโ่ รงเรียนมลิ ลฟ์ ลี ด์ (Millfield School) เมอื งสตรีท (Street) แควน้ ซอเมอรเ์ ซท (Somerset) ถึงเดือนกรกฎาคม พุทธศกั ราช ๒๕๑๓ ตอ่ มา ทรงเตรยี มพระองคเ์ ขา้ ศกึ ษาวชิ าการทหาร ณ ประเทศออสเตรเลยี ตามทท่ี รงตงั้ พระราชหฤทยั ไว้ และในเดือนสิงหาคม พทุ ธศักราช ๒๕๑๓ ทรงเขา้ รับการศกึ ษาระดับเตรียมทหารท่คี งิ สส์ กลู (The King's School) เขตพารร์ ามตั ตา (Parramatta) นครซดิ นยี ์ (Sydney) หลงั จากนนั้ ในเดอื นพฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๕ ทรงเขา้ ศกึ ษาในวิทยาลยั การทหารช้ันสูงท่ีดนั ทรูน (Royal Military College, Duntroon) กรงุ แคนเบอรร์ า (Canberra) เมืองหลวงของออสเตรเลีย 26 ประทีปทองส่องทางพลงั งานไทย

ทรงฉลองพระองคเ์ คร่อื งแบบนกั เรยี นของโรงเรยี นคงิ ส์สกลู ทรงเตรยี มสวนสนามประจ�ำปขี องโรงเรยี นคงิ สส์ กลู ประทีปทองสอ่ งทางพลงั งานไทย 27

เดือนตลุ าคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๓ ขณะมีรบั สงั่ กับ Mr. H.C. Read, Housemaster of Macarthur House (ซา้ ย) และ Mr. H. Abbott, Assistant Headmaster (ขวา) ท่ีโรงเรยี นคิงส์สกูล ทรงเข้าแถวตอนเชา้ ในฉลองพระองคฤ์ ดรู ้อน ท่ีโรงเรยี นคิงสส์ กลู 28 ประทีปทองสอ่ งทางพลงั งานไทย

ทรงศึกษาในช้นั เรยี น โรงเรยี นคงิ สส์ กูล ทรงรับการฝกึ สวนสนามของหนว่ ยนกั เรยี นนายรอ้ ยทหารบกของโรงเรียนคงิ สส์ กลู เดือนเมษายน พุทธศกั ราช ๒๕๑๔ ทรงประชุมนักเรยี นในคณะ Macarthur House ประทปี ทองสอ่ งทางพลังงานไทย 29

ขณะทรงงานในห้องท�ำงานส่วนพระองค์ ทรงศึกษาในห้องสมดุ วิทยาลัยการทหารชนั้ สูง ทรงฝึกการใช้ปนื ไรเฟลิ ทรงร่วมการฝึก 30 ประทปี ทองส่องทางพลงั งานไทย ยงิ ปนื ไรเฟิล

พทุ ธศักราช ๒๕๑๘ ทรงสวนสนามรว่ มกบั พระสหายในพิธสี �ำเร็จการศึกษาของวิทยาลยั การทหารช้นั สงู ประทปี ทองสอ่ งทางพลงั งานไทย 31

พทุ ธศักราช ๒๕๑๘ ทรงร่วมในพิธปี ระสาทปริญญา แก่ผ้สู �ำเรจ็ การศึกษา จากวทิ ยาลัยการทหารชั้นสูง พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๘ สมเด็จพระบรมราชชนนพี นั ปีหลวง เสด็จพระราชด�ำเนินไปทรงรว่ มในพิธี ส�ำเร็จการศกึ ษาจากวทิ ยาลยั การทหารชน้ั สงู 32 ประทีปทองส่องทางพลงั งานไทย

ทรงสวนสนาม ในพิธีประสาทปรญิ ญา แกผ่ สู้ �ำเรจ็ การศึกษา จากวทิ ยาลัยการทหารชั้นสงู พุทธศักราช ๒๕๑๘ ฉายพระรูปร่วมกับ นักเรียนนายรอ้ ยทจ่ี บการศกึ ษา ประทีปทองสอ่ งทางพลงั งานไทย 33

 พระราชพธิ เี ฉลิม พระอสิ รยิ ยศ สมเด็จ พระบรมโอรสาธริ าช สยามมกุฎราชกมุ าร  เมอื่ พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๕ เนอ่ื งใน โอกาสท่ีทรงเจริญพระชนมายุครบ ๒๐ พรรษา พระบาทสมเด็จพระมหา ภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ไดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ง้ั การ พระราชพธิ สี ถาปนาเฉลมิ พระนามาภไิ ธย ใหท้ รงด�ำรงพระอสิ รยิ ยศ “สมเดจ็ พระบรม โอรสาธิราช เจา้ ฟ้ามหาวชริ าลงกรณ ฯ สยามมกุฎราชกุมาร” ตามโบราณ ขัตติยราชประเพณี 34 ประทีปทองส่องทางพลงั งานไทย

วนั พฤหสั บดที ี่ ๒๘ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๕ มพี ระราชพธิ ี สถาปนาเฉลมิ พระนามาภไิ ธยณพระทนี่ งั่ อนนั ตสมาคมพระราชวงั ดสุ ติ ปรากฏพระนามตามท่ีจารึกในพระสุพรรณบฏั วา่ สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สริ ิกติ ยิ สมบรู ณสวางควัฒน์ วรขตั ตยิ ราชสันตตวิ งศ ์ มหิตลพงศอดลุ ยเดช จักรีนเรศยุพราชวสิ ุทธ สยามมกฎุ ราชกุมาร ประทปี ทองสอ่ งทางพลังงานไทย 35

36 ประทีปทองสอ่ งทางพลังงานไทย

วันท่ี ๒๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕ เวลา ๑๕.๓๐ นาฬกิ า ทรงถวายสตั ย์ปฏิญาณสาบานพระองค์ในพระราชพธิ ถี อื นำ้� พระพิพฒั น์สัตยา ในทา่ มกลางมหาสมาคม ณ พระอุโบสถวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม ประทีปทองสอ่ งทางพลังงานไทย 37

  พระวิริยอุตสาหะ ดา้ นการศกึ ษาเพมิ่ เตมิ   หลังจากพระราชพิธีสถาปนา เฉลิมพระนามาภิไธย ได้เสด็จ พระราชด�ำเนินไปประเทศออสเตรเลีย อีกคร้ัง เพ่ือทรงศึกษาต่อหลักสูตร ของวิทยาลัยการทหารช้ันสูงที่ดันทรูน ก�ำหนดแบ่งออกเป็น ๒ ภาค คือ ภาควิชาการทหาร รับผิดชอบและ ด�ำเนินการโดยกองทัพบกออสเตรเลีย นักศึกษาที่ส�ำเร็จตามหลักสูตรจะได้ ประดับยศเป็นนายทหารยศร้อยโท และภาควิชาสามัญ รับผิดชอบ การวางหลักสูตรโดยมหาวิทยาลัย นิวเซาท์เวลส์ แบ่งออกเป็นสาขาวิชา วิศวกรรมศาสตร์ อักษรศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ นักเรียนนายร้อยท่ีผ่าน หลักสูตรดังกล่าวจะได้รับปริญญาตรี ตามสาขาทเี่ ลอื ก โดยทรงเลอื กสาขาวชิ า อักษรศาสตร์ และทรงศึกษาในแขนง วิชาประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และการปกครอง พทุ ธศักราช ๒๕๒๕ - ๒๕๒๖ ทรงเขา้ ศึกษาและฝกึ บนิ หลกั สูตรการบินขบั ไล่ขน้ั พนื้ ฐาน และหลักสูตรการบินขบั ไล่ข้ันสงู F-5 ณ ฐานทัพอากาศวิลเลยี มส์ รฐั แอรโิ ซนา สหรัฐอเมรกิ า 38 ประทปี ทองสอ่ งทางพลงั งานไทย

ทรงต้ังพระราชหฤทัยและทรงพระวิริยอุตสาหะเพื่อการ ทหารอยา่ งแนว่ แน่ ทรงเขา้ รบั การศกึ ษาและฝกึ เพมิ่ เตมิ อกี ทง้ั ทรง ศึกษางานด้านการทหารท้ังในและต่างประเทศ ในช่วงพุทธศักราช ๒๕๑๙ - ๒๕๒๖ อาทิ ทรงศึกษาทโ่ี รงเรียนเสนาธิการทหารบก ทรงเปน็ “สยามมกฎุ ราชกมุ าร” และเจ้าฟ้าพระองค์แรกท่ีทรงเข้า ศกึ ษาและส�ำเรจ็ การศกึ ษาจากสถาบนั การศกึ ษาของกองทพั บกไทย ทรงศึกษางานการทหารและทรงประจ�ำการ ณ กองปฏิบัติการ ทางอากาศพิเศษที่นครเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา องั กฤษ เบลเยยี ม เยอรมนี เนเธอรแ์ ลนด์ และฝรง่ั เศส ดว้ ยหลกั สตู ร การปฏิบัติการพิเศษ อาวุธประจ�ำกายและเคร่ืองยิงพิเศษ อาวุธ พิเศษ การลาดตระเวนและต้นหนชน้ั สงู การตอ่ ตา้ นการก่อการร้าย การสงครามแบบกองโจร การสง่ ทางอากาศ (ทางบกและทะเล) ทรงสนพระราชหฤทัยในเร่ืองการบิน ทรงเข้ารับการศึกษา และฝกึ อบรมหลกั สตู รการฝกึ บนิ เฮลคิ อปเตอรแ์ บบตา่ ง ๆ เครอ่ื งบนิ ปีกติดล�ำตัว เคร่ืองบินขับไล่แบบ F-5 และเคร่ืองบินขับไล่ช้ันสูง จากฐานทัพอากาศวลิ เลียมส์ รฐั แอริโซนา สหรัฐอเมรกิ า จ�ำนวน ชัว่ โมงบนิ กวา่ ๒,๐๐๐ ช่วั โมง ประทีปทองส่องทางพลังงานไทย 39

 พระราชพิธที รงผนวช  ทรงมพี ระราชศรทั ธาในพระบวรพทุ ธศาสนาอยา่ งแนว่ แนแ่ ละ ทรงตงั้ พระราชหฤทยั ทจี่ ะเสดจ็ ออกทรงผนวชตามพระราชประเพณี พระบาทสมเดจ็ พระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีทรงผนวชข้ึน เมื่อวันจันทร์ ท่ี ๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๑ ณ พระอุโบสถวัด พระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวง ชนิ วราลงกรณ (วาสน์ วาสโน) เปน็ พระราชอปุ ธั ยาจารย์ ไดร้ บั ถวาย พระสมณนามวา่ “วชริ าลงกฺ รโณ” และประทบั ณวดั บวรนเิ วศวหิ าร ตลอดจนทรงลาสกิ ขา เมอ่ื วนั ที่ ๒๐ พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๑ วันท่ี ๖ พฤศจิกายน พุทธศกั ราช ๒๕๒๑ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเดจ็ พระบรมราชชนนพี ันปีหลวง ทรงขรบิ เส้นพระเกศา ดว้ ยพระแสงกรรไกรไทยในพระฉากทางดา้ นหลัง พระอุโบสถวดั พระศรรี ัตนศาสดาราม 40 ประทปี ทองส่องทางพลงั งานไทย

ทรงรับพระราชทานเจมิ ณ พระอุโบสถ วดั พระศรีรัตนศาสดาราม ทรงขออุปสมบทต่อสังฆสมาคม ซึ่งมสี มเด็จพระสังฆราชเจา้ กรมหลวงชนิ วราลงกรณ (วาสน์ วาสโน) ทรงเป็นพระราชอปุ ัธยาจารย์ ประทปี ทองสอ่ งทางพลงั งานไทย 41

วนั ท่ี ๑๐ พฤศจิกายน พทุ ธศักราช ๒๕๒๑ ทรงรับภตั ตาหารบณิ ฑบาต จากประชาชนทไ่ี ปรอเฝา้ ทลู เกลา้ ฯ ถวายภายในบรเิ วณ วัดบวรนเิ วศวิหาร วนั ที่ ๑๙ พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๑ ทรงพระด�ำเนนิ ประทกั ษิณรอบองคพ์ ระปฐมเจดยี ์ จังหวดั นครปฐม พระต�ำหนกั ป้ันหยา วัดบวรนเิ วศวิหาร ทปี่ ระทบั เมอ่ื ทรงผนวช 42 ประทปี ทองสอ่ งทางพลังงานไทย

 พระราชโอรสและพระราชธดิ า  พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว มีพระราชธิดา ๒ พระองค์ และพระราชโอรส ๑ พระองค์ ดงั น้ี ๑. สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟ้าพัชรกติ ิยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสารณิ สี ิริพัชร มหาวชั รราชธดิ า ประสูติเม่อื วันพฤหสั บดที ่ี ๗ ธันวาคม พทุ ธศักราช ๒๕๒๑ ๒. สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจ้าฟ้าสริ วิ ัณณวรี นารีรตั นราชกญั ญา ประสตู เิ มือ่ วนั พฤหสั บดที ่ี ๘ มกราคม พุทธศกั ราช ๒๕๓๐ ๓. สมเด็จพระเจา้ ลูกยาเธอ เจ้าฟา้ ทีปงั กรรศั มโี ชติ มหาวชิโรตตมางกูร สริ วิ ิบลู ยราชกุมาร ประสูติเม่ือวันศกุ รท์ ่ี ๒๙ เมษายน พทุ ธศักราช ๒๕๔๘ ประทีปทองสอ่ งทางพลังงานไทย 43

 พระปรชี าสามารถดา้ นการบิน  ทรงมพี ระปรชี าญาณในวทิ ยาการด้านการบนิ ซ่งึ ทรงสนพระราชหฤทัยมาต้ังแต่ทรงพระเยาว์ ทรงเป็น “เจา้ ฟา้ นกั บนิ ขบั ไลไ่ อพน่ ” พระองคแ์ รกแหง่ ราชวงศจ์ กั รี ท�ำการบนิ กบั เครอื่ งบนิ กองทพั อากาศเกอื บทกุ รปู แบบ ทรงผ่านหลักสูตรการบินเฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูง (F-5E) จากสหรัฐอเมริกา ทรงน�ำ ความรู้และประสบการณ์จัดท�ำหลักสูตรการฝึกบินและทรงพระกรุณาปฏิบัติหน้าท่ีครูการบินเครื่องบินขับไล่ แบบ บ.ข. 18 ข (F-5E) และ บ.ข. 18 ค (F-5F) ของกองทัพอากาศ ตั้งแต่วันที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๓๗ เป็นต้นมา รวมท้ังทรงเข้าศึกษาหลักสูตรนักบินพาณิชย์ต้ังแต่พุทธศักราช ๒๕๔๗ ทรงผ่านการสอบใบอนุญาตนกั บินพาณิชยเ์ อก (Certified Aircraft Type B-734) หลักสตู รกปั ตันการบนิ ไทย ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายประกาศนียบัตรผู้ตรวจสอบภาคอากาศและประกาศนียบัตรครูการบินส�ำหรับ เคร่ืองบินพาณิชย์แบบโบอ้ิง ๗๓๗-๔๐๐ (B737-400) ครบ ๓,๐๐๐ ชั่วโมง เม่ือวันที่ ๑ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๒ 44 ประทีปทองส่องทางพลังงานไทย

ประทปี ทองสอ่ งทางพลงั งานไทย 45

วันที่ ๑ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙ เสดจ็ ออก ณ พระท่นี ง่ั อมั พรสถาน พระราชวงั ดสุ ติ พระราชทานพระราชวโรกาสให้ พลเอก เปรม ติณสลู านนท์ ผู้ส�ำเร็จราชการแทนพระองค์ น�ำนายพรเพชร วิชติ ชลชยั ประธานสภานติ บิ ญั ญตั แิ ห่งชาติ พลเอก ประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี และนายวีระพล ต้ังสวุ รรณ ประธานศาลฎีกา เฝา้ ทูลละอองพระบาท กราบบงั คมทูลอัญเชญิ เสด็จข้ึนทรงราชย์  เสด็จขึน้ ทรงราชย์  วันพฤหัสบดที ี่ ๑๓ ตลุ าคม พทุ ธศักราช ๒๕๕๙ พระบาทสมเด็จพระมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร เสดจ็ สวรรคต สริ พิ ระชนมพรรษา ๘๙ พรรษา รวมระยะเวลาทรงครองราชย์ได้ ๗๐ ปี โดยตอ่ มา เมอื่ วนั พฤหสั บดที ่ี ๑ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙ ประธานสภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติ ปฏบิ ตั หิ นา้ ทป่ี ระธานรฐั สภา ได้กราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ ฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระราชอิสริยยศในขณะนั้น) เสดจ็ ขนึ้ ทรงราชยเ์ ปน็ พระมหากษตั รยิ ์ รชั กาลท่ี ๑๐ แหง่ พระบรมราชจกั รวี งศ์ ตามบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย(ฉบบั ชว่ั คราว) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ มาตรา ๒ วรรคสอง ประกอบกับรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๓ วรรคหนึ่ง 46 ประทีปทองสอ่ งทางพลงั งานไทย

ในการน้ี มีพระราชด�ำรัสตอบ ในโอกาสที่ประธานสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ เฝ้าทูลละอองพระบาท ก ร า บ บั ง ค ม ทู ล อั ญ เ ชิ ญ เ ส ด็ จ ขึ้ น ทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต วนั พฤหัสบดีท่ี ๑ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙ ความวา่ “ตามท่ีประธานสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ ปฏิบัติหน้าท่ีประธานรัฐสภา ได้กล่าวในนามของปวงชนชาวไทย เชญิ ขา้ พเจา้ ขนึ้ ครองราชยเ์ ปน็ พระมหา กษตั ริย์ วา่ เป็นไปตามพระราชประสงค์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แ ล ะ เ ป ็ น ไ ป ต า ม บ ท บั ญ ญั ติ ข อ ง ก ฎ ม ณ เ ฑี ย ร บ า ล ว ่ า ด ้ ว ย ก า ร สื บ ราชสันตติวงศ์ กับรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทยน้ัน ข้าพเจ้าขอ ตอบรับ เพื่อสนองพระราชปณิธาน แ ล ะ เ พื่ อ ป ร ะ โ ย ช น ์ ข อ ง ป ร ะ ช า ช น ชาวไทยท้งั ปวง.” วนั ท่ี ๑ ธนั วาคม พทุ ธศักราช ๒๕๕๙ มพี ระราชด�ำรัสตอบรบั การเสด็จข้นึ ทรงราชย์ ประทปี ทองสอ่ งทางพลงั งานไทย 47

48 ประทีปทองสอ่ งทางพลังงานไทย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook