หน่วยการเรียนรู้ที่ หลักเศรษฐศาสตรว์ า่ ด้วยการกาหนด ราคาและคา่ จา้ งในระบบเศรษฐกจิ
ตวั ชวี้ ัด อภปิ รายการกาหนดราคาและคา่ จ้างในระบบเศรษฐกจิ (ส 3.1 ม.4-6/1) ผังสาระการเรียนรู้ ระบบเศรษฐกิจของโลก ตลาดในระบบเศรษฐกิจ การกาหนดราคา ในปัจจบุ นั ในระบบเศรษฐกิจ หลักเศรษฐศาสตรว์ ่าดว้ ย การกาหนดราคาและ ค่าจา้ งในระบบเศรษฐกจิ การกาหนดคา่ จา้ ง บทบาทของรฐั ในการแทรกแซง อตั ราคา่ จา้ งแรงงานในสงั คมไทย ราคาและการควบคมุ ราคา และกฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ ง
1. ระบบเศรษฐกจิ ของโลกในปัจจบุ ัน เม่ือมนษุ ยม์ าอย่รู ว่ มกนั เป็นสงั คมขนาดท่ีใหญ่ขนึ้ ในระดบั ประเทศนนั้ ทาให้ จาเป็นตอ้ งมีรฐั บาลเป็นผนู้ าสาคญั ในการบรหิ ารประเทศ ซง่ึ แตล่ ะประเทศนนั้ รฐั บาลจะเป็นผู้ “เลอื ก” และ “กาหนด” ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทงั้ นีเ้ ป็นไปตาม นโยบายหรอื ทศิ ทางการพฒั นาประเทศในดา้ นเศรษฐกิจของรฐั และของประเทศนนั้
1.1 ระบบเศรษฐกจิ กบั การจัดสรรทรัพยากรในประเทศ ตามแนวคดิ หลกั ของเศรษฐศาสตรท์ ่วี ่า “ทรพั ยากรมจี ากดั ” (Limited resources) เม่อื เทียบกบั ความตอ้ งการของมนษุ ยท์ ่ไี รข้ ีดจากดั (Unlimited want) กลา่ วคือ ทรพั ยากร ซง่ึ เป็นส่งิ ท่มี ีอยใู่ นโลกและเป็นส่งิ ท่มี นษุ ยต์ อ้ งนามาใชเ้ พ่อื บาบดั ความตอ้ งการของตนนนั้ มีขีดจากดั ดว้ ยเหตนุ ี้ แตล่ ะประเทศท่มี ปี ระชาชนในประเทศเป็นเจา้ ของทรพั ยากรของ ประเทศรว่ มกนั ตา่ งตอ้ งการท่จี ะนาทรพั ยากรมาตอบสนองความตอ้ งการของตนใหไ้ ดม้ าก ท่สี ดุ แตเ่ ง่อื นไขท่สี าคญั คอื ทรพั ยากรของประเทศนนั้ มจี ากดั รฐั บาลจงึ ตอ้ งทาหนา้ ท่ใี นการ จดั สรรทรพั ยากรท่มี อี ย่อู ยา่ งจากดั ใหก้ ระจายไปยงั ประชาชนในประเทศอยา่ งท่วั ถงึ และ เป็นธรรมท่สี ดุ ดว้ ยการเลือกใช้ระบบเศรษฐกจิ มาจดั สรรทรพั ยากรและแกป้ ัญหานี้
เกดิ ภาวะ “ไม่สมดุล” ความต้องการของมนุษย์ ความต้องการในทางเศรษฐศาสตร์ ทรัพยากรในทางเศรษฐศาสตร์ คอื สง่ิ ที่ ทมี่ ไี ม่จากดั ได้แก่ มนุษยใ์ ช้ตอบสนองความตอ้ งการ ได้แก่ •ความจาเป็นตอ่ การดารงชีวิตของมนษุ ย์ •ทรพั ยากรธรรมชาติ •ทรพั ยากรท่มี นษุ ยส์ รา้ งขนึ้ ทรัพยากร (need) ทมี่ อี ยู่จากดั •ความตอ้ งการทรพั ยากรเพ่ือตอบสนอง - ทรพั ยากรท่นี าไปใช้ ความตอ้ งการทงั้ ทางกายและจิตใจ (want) ผลิตสนิ คา้ -บรกิ าร ปัญหาหลกั - ทรพั ยากรท่เี ป็นสินคา้ - บรกิ ารตา่ ง ๆ ความขาดแคลนทรัพยากร (Scarcity) เป็นปัญหาท่ที กุ ระบบเศรษฐกิจและ จากปัญหาหลกั นี้ ทาใหเ้ กิดปัญหาท่ีเป็น การคดิ หาทางออก มนษุ ยท์ กุ คนตอ้ งเผชญิ อยา่ ง คาถามอ่นื ๆ ตามมา เชน่ - จะทาอยา่ งไรใหท้ รพั ยากรตอบสนอง หลกี เล่ยี งไม่ได้ ความตอ้ งการของมนษุ ยใ์ หม้ ากท่สี ดุ และ เศรษฐศาสตร์ ยาวนานท่สี ดุ ทงั้ ๆ ท่มี ีจากดั แผนภาพแสดงแนวคดิ หลักของเศรษฐศาสตร์
“เศรษฐศาสตรเ์ ป็นศาสตรท์ ่ศี กึ ษาพฤตกิ รรมของมนษุ ยแ์ ละสงั คมในการตดั สินใจ เลือกใชท้ รพั ยากรท่มี ีอยอู่ ย่างจากดั เพ่อื นามาใชป้ ระโยชนใ์ นการผลติ สินคา้ และบรกิ ารตา่ ง ๆ อย่างประหยดั หรอื มีประสิทธิภาพมากท่สี ดุ และหาทางจาหน่ายจ่ายแจกสนิ คา้ และบรกิ าร เหลา่ นนั้ ไปยงั บคุ คลในสงั คมใหไ้ ดร้ บั ความพอใจสงู สดุ หรอื มีประสทิ ธิภาพทางเศรษฐกิจ สงู สดุ ” “เศรษฐศาสตร”์ ถือกาเนิดขนึ้ มาเพ่อื คน้ หาวธิ ีการในการจดั สรรหรอื บรหิ ารจดั การ ทรพั ยากร (Allocation) ท่มี จี ากดั ใหเ้ กิดประโยชนค์ มุ้ คา่ และสนองความตอ้ งการของมนษุ ย์ ใหไ้ ดม้ ากท่สี ดุ ดงั นนั้ เศรษฐศาสตรจ์ งึ เสนอแนวทางออกของปัญหาความขาดแคลนดงั กลา่ ว ตามแผนภาพ ดงั นี้
เศรษฐศาสตร์ ทางออกของปัญหาความขาดแคลน วิธีการบริหารจดั การทรัพยากร มนุษยจ์ าเป็ นต้อง ถือเป็ น “หวั ใจ” ของเศรษฐศาสตร์ ตัดสินใจเลือก เพราะทุกกจิ กรรมของมนุษยต์ อ้ งมกี าร “เลือก” และ “แลก” กับส่งิ อื่นมาเสมอ ในระดบั บุคคลทวั่ ไป : ตอ้ งตดั สินใจเลือกหนทางที่คุม้ ค่า กลายเป็น “ปัญหาพ้นื ฐานทางเศรษฐกิจ” ในทกุ ระบบวา่ ท่ีสุดหรือใหต้ นเองไดร้ ับความพอใจสูงสุด จะนาทรัพยากรที่จากดั ไปผลิตอะไร (What) ผลิตอยา่ งไร (How) และผลิตเพือ่ ใคร (For Whom) ในระดบั ผผู้ ลติ : ตอ้ งตดั สินใจเลือกว่าจะผลิตอะไร อย่างไร และเพอ่ื ใคร ใหต้ นไดร้ ับกาไรสูงสุด รัฐบาลตอ้ งเขา้ มาช่วยแกป้ ัญหาพ้ืนฐานดงั กล่าวดว้ ยการ เลือก “ระบบเศรษฐกิจ”” ในระดับประเทศ : รัฐบาลต้องตัดสินใจเลือกแนวทาง จดั สรรทรัพยากรท่ีทาให้ประชาชนในประเทศไดร้ ับอย่าง ระบบเศรษฐกิจ จึงจากดั ข้ึนมาเพ่อื เป็นแนวทางหรือกรอบ ทวั่ ถึงและมีความเป็นธรรม วิธีในการแกไ้ ขปัญหาพ้นื ฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ แผนภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างระบบเศรษฐกิจกับการจดั สรรทรัพยากร
ผลจากทรพั ยากรท่ีมีจากดั ทาใหม้ นษุ ยไ์ มส่ ามารถเลือกใชท้ รพั ยากรไดท้ งั้ หมด การตดั สนิ ใจเลอื กจงึ จาเป็นตอ้ งเกิดขนึ้ และการตดั สินใจเลือกก็จาเป็นตอ้ งเลอื ก เพียงหนทางเดยี วท่ีมีความคมุ้ คา่ ท่ีสดุ หรอื เรยี กวา่ เกิด “ประสทิ ธิภาพ” จงึ ทาใหม้ นษุ ย์ ตอ้ งเสยี ทางเลอื กอ่ืน โดยเฉพาะทางเลอื กท่ีมีประสิทธิภาพมากแต่จาเป็นตอ้ งละทิง้ ไป ซง่ึ ในทางเศรษฐศาสตรจ์ ะเรยี กวา่ “ตน้ ทนุ คา่ เสยี โอกาส” (Opportunity Cost) ดงั นนั้ ทงั้ ในระดบั บคุ คลและระดบั ประเทศจงึ จาเป็นตอ้ งคดิ หาวิธีการท่ีจะทาให้ ตนเกิดตน้ ทนุ คา่ เสยี โอกาสต่าท่ีสดุ
หลักการตัดสินใจเลอื ก ก่อให้เกิด ต้นทนุ ค่าเสยี โอกาส เลอื กวิธีการทมี่ ีประสทิ ธิภาพ เป็ นสัจธรรมของเศรษฐศาสตรว์ ่า “ไดอ้ ยา่ งก็ต้องเสียอย่าง” (Trade-off) ประสทิ ธิภาพทางเทคนิค ประสทิ ธิภาพทาง • บคุ คลจงึ จาเป็ นต้องคิดหาวิธีใหเ้ กดิ (Technical Eficiency) เศรษฐกจิ (Economic ต้นทนุ คา่ เสยี โอกาสน้อยทสี่ ุด Eficiency) • วธิ ีทใี่ ช้ปัจจยั ผลิตน้อย • รัฐบาลจงึ ตอ้ งคดิ หาระบบเศรษฐกิจท่ี ทส่ี ุด โดยสามารถให้ • วธิ ีทใี่ ชต้ ้นทุนการผลิต เขา้ มาจดั สรรใหป้ ระชาชนในประเทศ ผลผลิตเทา่ กับวิธีการอ่ืนๆ ตา่ ทส่ี ุด เพอื่ ใหไ้ ดร้ ับ เกดิ ค่าเสยี โอกาสน้อยทส่ี ุด กาไรสูงทส่ี ุด แผนภาพแสดงหลักการตัดสินใจเลอื กและต้นทนุ ค่าเสยี โอกาส
1.2 องค์ประกอบหลกั ของระบบเศรษฐกจิ ในระบบเศรษฐกิจหน่งึ ๆ จะตอ้ งประกอบดว้ ย ระบบเศรษฐกจิ หน่วยเศรษฐกจิ กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ • หน่วยครัวเรอื น • บริโภค • หน่วยธุรกจิ • ผลติ • หน่วยรัฐบาล • แลกเปลย่ี น แผนภาพแสดงองค์ประกอบของระบบเศรษฐกจิ
1) หน่วยเศรษฐกจิ ทเ่ี ป็ นภาคเอกชน (Private Sector) ไดแ้ ก่ (1) หน่วยครัวเรือน ไดแ้ ก่ •ผบู้ รโิ ภคสนิ คา้ -บรกิ ารท่หี นว่ ยธรุ กิจผลิตขนึ้ โดยมเี ปา้ หมายเพ่อื แสวงหา ความพอใจสงู สดุ (Maximize satisfaction) จากการบรโิ ภคสนิ คา้ -บรกิ าร ภายใต้ งบประมาณท่มี จี ากดั •เจา้ ของปัจจยั ผลิต ซง่ึ ไดแ้ ก่ ปัจจยั การผลิต ทมี่ ีอยตู่ ามธรรมชาติ ทเ่ี ป็ นมนุษย์ ทม่ี นุษยส์ ร้างขึน้ ทดี่ นิ และทรัพยากรธรรมชาติ แรงงาน ผู้ประกอบการ ทนุ ผลตอบแทนคอื ค่าเช่า ผลตอบแทน ผลตอบแทนคือ คือ ค่าจ้าง ผลตอบแทน กาไร คอื ดอกเบีย้ แผนภาพแสดงประเภทของปัจจัยการผลติ
เจา้ ของปัจจยั การผลิตจะเป็นผเู้ สนอขายปัจจยั การผลติ ดงั กลา่ วใหก้ บั หน่วยธุรกิจ โดยมีเปา้ หมายเพ่อื แสวงหาผลตอบแทนจากปัจจยั การผลติ ท่มี ีใหส้ งู สดุ ทงั้ ท่ีเป็นตวั เงิน (คา่ เช่า คา่ จา้ ง กาไร ดอกเบยี้ ) (2) หน่วยธุรกจิ ไดแ้ ก่ •ผผู้ ลิตสนิ คา้ -บรกิ ารตา่ ง ๆ เพ่อื จาหนา่ ยใหแ้ กห่ น่วยครวั เรอื น โดยมเี ปา้ หมายเพ่อื แสวงหา กาไรสงู สดุ (Maximize profit) •เจา้ ของสนิ คา้ -บรกิ ารท่ผี ลติ ขนึ้ จากการซอื้ ปัจจยั การผลติ จากหน่วยครวั เรอื น ผเู้ ป็นเจา้ ของปัจจยั การผลติ 2) หน่วยเศรษฐกจิ ทเ่ี ป็ นภาครัฐบาล (Government Sector) ทกุ ประเทศมกี ารปกครองและรฐั บาล ดงั นนั้ ทกุ ระบบเศรษฐกิจจงึ มหี นว่ ยเศรษฐกิจ ท่เี ป็นภาครฐั บาล ซง่ึ จะเป็นผกู้ าหนดนโยบายทางเศรษฐกจิ และเลือกใชร้ ะบบเศรษฐกิจ เพ่อื ดแู ลและจดั สรรบทบาทของหนว่ ยเศรษฐกิจท่เี ป็นภาคเอกชน ใหด้ าเนินไปอย่างมี ประสิทธิภาพและเป็นธรรม
สนิ ค้าและบริการ หน่วยรัฐบาล คา่ ตอบแทนปัจจยั การผลิต บริการของรัฐ ภาษี ภาษี บริการของรัฐ หน่วยธุรกจิ ปัจจยั การผลิต หน่วยครัวเรือน คา่ ตอบแทนปัจจยั การผลติ สนิ คา้ และบริการ คา่ ใชจ้ า่ ยในการซอื้ สนิ ค้าและบริการ แผนภาพแสดงวงจรการไหลเวียนในระบบเศรษฐกจิ ในกรณีทมี่ ีรัฐบาล
1.3 ระบบเศรษฐกจิ แบบต่าง ๆ ดงั ท่ไี ดก้ ลา่ วไปแลว้ วา่ “ระบบเศรษฐกิจ” เป็นวธิ ีการท่รี ฐั บาลจะเลือกนามาใชก้ บั ประเทศ เพ่อื ใหเ้ กิดการจดั สรรทรพั ยากรท่มี ีประสทิ ธิภาพและเป็นธรรม และเพ่อื แกไ้ ขปัญหา พนื้ ฐานทางเศรษฐกิจของประเทศในเวลาเดยี วกนั นกั เรยี นจงึ ควรทราบวา่ ระบบเศรษฐกจิ ท่เี ป็นทางเลอื กนนั้ มรี ะบบใดบา้ ง ระบบเศรษฐกิจ ทนุ นิยม ผสม สงั คมนิยม แผนภาพแสดงระบบเศรษฐกจิ แบบต่าง ๆ
น่นั หมายความว่า หนว่ ยเศรษฐกิจภาครฐั บาลจะเป็นฝ่ายตดั สนิ ใจเลอื กว่าจะใหห้ นว่ ย เศรษฐกิจภาคเอกชนมีบทบาทมากหรอื นอ้ ย น่นั คอื จะปลอ่ ยภาคเอกชนใหเ้ สรี หรอื ควบคมุ ภาคเอกชน ทางเลอื กของรัฐบาล ระบบเศรษฐกจิ ทเ่ี ลอื กใช้ ตอ้ งการใหภ้ าคเอกชนมบี ทบาทมาก - มากท่ีสดุ ทนุ นิยม ตอ้ งการใหภ้ าคเอกชนมบี ทบาทมาก โดยท่ีรฐั บาลสามารถเขา้ ไป ผสม แทรกแซงไดเ้ ป็นบางครงั้ ตอ้ งการใหภ้ าคเอกชนมบี ทบาทอยู่ แตร่ ฐั บาลควบคมุ และ สงั คมนิยม แทรกแซงอย่มู าก สงั คมนิยมคอมมวิ นิสต์ รฐั บาลเป็นเจา้ ของปัจจยั การผลิตทกุ ชนิด
1) ระบบเศรษฐกจิ แบบทนุ นิยม (Capitalism) ระบบเศรษฐกิจนีม้ พี ฒั นาการมาจากแนวคิดลทั ธิเสรนี ิยมของบิดาวชิ าเศรษฐศาสตร์ คือ อดมั สมธิ (Adam Smith) ซง่ึ เสนอวา่ ในระบบเศรษฐกิจควรลดบทบาทของรฐั บาลให้ นอ้ ยท่สี ดุ น่นั คือ การยตุ บิ ทบาทการผกู ขาดทงั้ ดา้ นการกาหนดปรมิ าณสนิ คา้ และการ กาหนดราคาจากรฐั และเนน้ ใหเ้ กิดการคา้ เสรี ท่อี ดมั สมิธ เรยี กวา่ “Laissez-faire” ซง่ึ อดมั สมิธ เสนอว่า การท่ปี ลอ่ ยใหเ้ อกชนดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเสรี ระบบเศรษฐกิจก็ดาเนินไปไดแ้ ละมีประสิทธิภาพดว้ ย อนั เน่ืองมาจากการจดั การของ “มอื ทมี่ องไมเ่ หน็ ” (Invisible Hand) ซง่ึ น่นั ก็คอื กลไกของตลาด หรอื “ราคา” ของสนิ คา้ และบรกิ ารท่ถี กู กาหนดจากภาคเอกชนทงั้ หน่วยครวั เรอื นและหน่วยธุรกิจน่นั เอง
ลักษณะสาคญั •เอกชนเป็นเจา้ ของปัจจยั การผลิตและทรพั ยส์ นิ ตา่ ง ๆ ได้ •เอกชนมีเสรภี าพอย่างเตม็ ท่ใี นการประกอบการใด ๆ โดยปราศจากการบงั คบั ควบคมุ •มีกาไรเป็นเครอ่ื งจงู ใจ (Profit Motive) ประกอบกบั การแข่งขนั กนั อย่างเสรี นามาสกู่ าร สรา้ งสรรคผ์ ลติ ภณั ฑใ์ หม่ ๆ เพ่อื จงู ใจใหผ้ บู้ รโิ ภคหนั มาบรโิ ภคสนิ คา้ ตน จึงอาจตอ้ งการ แขง่ ขนั กนั ท่คี ณุ ภาพสินคา้ และราคา •ใชก้ ลไกราคาหรอื ความตอ้ งการซอื้ และขายในตลาด ในการแกป้ ัญหาพนื้ ฐานทางเศรษฐกิจ ของผผู้ ลติ โดยท่ผี ผู้ ลิตใชว้ ิธีดแู นวโนม้ ของราคาและพฤติกรรมของผบู้ รโิ ภคมาเป็นขอ้ มลู ใน การตดั สินใจวา่ ตนจะผลิตอะไร อย่างไร และเพ่อื ใคร จงึ กลา่ วไดว้ ่าราคาทาหนา้ ท่ีแทน ผบู้ รโิ ภคและชีท้ างใหผ้ ผู้ ลติ ผลติ เฉพาะสินคา้ ท่ผี บู้ รโิ ภคตอ้ งการ ซง่ึ เรยี กวา่ เป็น “อธิปไตยของ ผบู้ รโิ ภค” (Consumer’s Sovereignty)
• รฐั บาลไมม่ บี ทบาททางเศรษฐกิจ โดยรฐั ทาหนา้ ท่เี พยี งดา้ นยตุ ิธรรมและปอ้ งกนั ประเทศ และเป็นฝ่ายบรกิ ารอานวยความสะดวกแกเ่ อกชนหรอื ผผู้ ลิตสินคา้ -บรกิ าร เช่น การสรา้ ง ระบบสาธารณปู โภคท่เี ป็นโครงสรา้ งพนื้ ฐานทางเศรษฐกิจ (Infrastructure) ไดแ้ ก่ ไฟฟา้ ประปา ถนน โทรศพั ท์ ระบบชลประทาน สะพาน สนามบนิ ข้อดี • การจดั สรรทรพั ยากรเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพทางเศรษฐกิจ เพราะผผู้ ลิตตอ้ ง คานงึ ถงึ ตน้ ทนุ การผลิตเป็นลาดบั แรกวา่ จะบรหิ ารตน้ ทนุ ในการผลติ อยา่ งไร เพ่อื ใหต้ น ไดร้ บั กาไรสงู สดุ • ก่อใหเ้ กิดการเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกจิ เพราะมีกาไรและเสรภี าพในการแขง่ ขนั เป็น แรงจงู ใจ • ผบู้ รโิ ภคมีโอกาสเลือกบรโิ ภคสินคา้ -บรกิ ารตา่ ง ๆ ในราคาท่เี ป็นธรรมมากท่ีสดุ
ข้อเสีย •ทาใหก้ ารกระจายรายไดข้ องประชาชนไมเ่ ทา่ เทียมกนั คนท่มี ที รพั ยส์ ินมากย่อมแสวงหา รายไดจ้ ากทรพั ยส์ ินของตนไดม้ าก และมกั ตามมาดว้ ยอานาจในการตอ่ รองทางเศรษฐกิจ สงู เชน่ เกิดเป็น “กลมุ่ นายทนุ ” หรอื ท่เี รยี กวา่ พวก “กระฎมุ พ”ี (Bourgeoisie) •ทาใหค้ นในสงั คมเหน็ “เงินเป็นพระเจา้ ” เกิดคา่ นิยมยกย่องวตั ถุ ท่ีเรยี กว่า “วตั ถนุ ิยม” และนิยมการบรโิ ภคสินคา้ ท่จี ะทาใหต้ นดดู มี ีระดบั ท่เี รยี กวา่ “บรโิ ภคนิยม” ซง่ึ อาจทาให้ เกิดปัญหาอ่ืน ๆ ทางสงั คมตามมา เชน่ ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาการพนนั ปัญหาการ ขายบรกิ ารทางเพศ ปัญหาสารเสพติด ทงั้ นีเ้ ป็นไปเพยี งใหไ้ ด้ “เงิน” มาตอบสนองความ ตอ้ งการท่เี กินความจาเป็นของมนษุ ย์
ข้อเสีย •ผลจากเสรภี าพของเอกชน ทาใหเ้ อกชนอาจเลือกประกอบธรุ กิจท่ีมงุ่ เนน้ กาไรสงู สดุ จนลืมพจิ ารณาไปถงึ ศลี ธรรมหรอื ความรบั ผิดชอบตอ่ สงั คม เชน่ ธรุ กิจสถานบรกิ าร ธุรกิจ ผลติ สือ่ เชิงทาลายสงั คม การขายบหุ รแ่ี ละสรุ าใหแ้ กเ่ ดก็ และเยาวชน •หากมผี ผู้ ลิตสนิ คา้ และบรกิ ารนอ้ ยราย อาจเกิดการรวมตวั กนั ผกู ขาดการผลิตสนิ คา้ ชนิด นนั้ ซง่ึ ทาใหร้ าคาสินคา้ สงู คา่ แรงต่า จงึ เกิดผลเสยี ตอ่ ผบู้ รโิ ภคและผใู้ ชแ้ รงงาน สวสั ดิการ ของสงั คมโดยรวมจงึ ลดลง
2) ระบบเศรษฐกจิ แบบสังคมนิยม (Socialism) เป็นระบบท่รี ฐั เขา้ ไปแทรกแซงและเป็นเจา้ ของปัจจยั การผลิต แตจ่ ะมากหรอื นอ้ ยนนั้ ตอ้ งขนึ้ อย่กู บั ระบอบการปกครองดว้ ย หาก สงั คมนิยม + ระบอบประชาธิปไตย = สังคมนิยมประชาธิปไตย รฐั บาลเปิดโอกาสใหเ้ อกชนไดม้ ีสว่ นเป็นเจา้ ของปัจจยั การผลติ อยู่ หาก สงั คมนิยม + ระบอบคอมมวิ นิสต์ = สังคมนิยมคอมมวิ นิสต์ รฐั เป็นเจา้ ของปัจจยั การผลิตทงั้ หมด เอกชนไมม่ ีกรรมสิทธิ์ในทรพั ยส์ นิ
(1) ระบบสังคมนิยมหรือระบบสังคมนิยมประชาธปิ ไตย ลักษณะสาคัญ • รฐั เขา้ ไปควบคมุ การดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยมีจดุ มงุ่ หมาย ใหเ้ กิดความยตุ ิธรรมในการกระจายผลผลติ แก่ประชาชน • รฐั บาลเป็นเจา้ ของปัจจยั การผลิต แตย่ งั คงใหเ้ อกชนมีสิทธิในการถือครอง ทรพั ยส์ นิ สว่ นตวั เชน่ ท่พี กั อาศยั •มีการวางแผนการดาเนินงานทางเศรษฐกิจจากสว่ นกลาง ชีใ้ หเ้ หน็ วา่ รฐั บาลเป็นผูต้ ดั สินใจ ในการแกป้ ัญหาพนื้ ฐานทางเศรษฐกจิ
ข้อดี •การกระจายรายไดเ้ ป็นธรรมมากขนึ้ กวา่ ระบบทนุ นิยม •เกิดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เพราะการวางแผนจากสว่ นกลางเป็นหลกั ประกนั ว่าประชาชนจะมีงานทา ไมเ่ กิดปัญหาการวา่ งงาน เงนิ เฟอ้ เงนิ ฝืด มากเช่นทนุ นิยม •ขจดั ปัญหาการกอบโกยผลประโยชนจ์ ากนายทนุ บางกลมุ่ ท่ไี มค่ านงึ ถงึ ศลี ธรรมและความ รบั ผิดชอบตอ่ สงั คม ข้อเสีย •ประชาชนขาดเสรภี าพในการทาธรุ กิจท่ตี นมีความชานาญหรอื ปรารถนาท่จี ะทา •แรงจงู ใจในการทางานต่า เพราะกาไรตกเป็นของรฐั ประชาชนจะไดร้ บั ผลตอบแทน เพยี งปัจจยั ท่จี าเป็นตอ่ การดารงชีพเทา่ นนั้
ข้อเสีย • ความเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจจงึ ชา้ กว่าทนุ นิยม • ผบู้ รโิ ภคไมม่ โี อกาสไดเ้ ลอื กสินคา้ มาก • สินคา้ อาจดอ้ ยคณุ ภาพ เพราะไมม่ ีการปรบั ปรุงประสทิ ธิภาพทางการผลติ อนั เน่ืองมาจากไมม่ กี ารแขง่ ขนั
(2) ระบบสังคมนิยมคอมมวิ นิสต์ ลักษณะสาคัญ •รฐั เป็นผดู้ แู ลกากบั ทงั้ เศรษฐกจิ และการเมืองอยา่ งสมบรู ณ์ •รฐั เป็นผตู้ ดั สนิ ใจในทางเศรษฐกิจและสงั คมทงั้ หมด ควบคมุ กิจกรรม ทางเศรษฐกิจทงั้ หมด •เอกชนไมม่ ีเสรภี าพในการเลอื กผลิตสนิ คา้ และบรกิ าร ไมม่ กี รรมสทิ ธิ์ ในการถือครองและเป็นเจา้ ของทรพั ยส์ ิน
• เอกชนไมม่ เี สรภี าพในการเลอื กประกอบอาชีพ ประชาชนจงึ มีสภาพเป็น “ลกู จา้ งของรฐั บาล” ทกุ คน • รฐั บาลเป็นผกู้ าหนดการผลติ สนิ คา้ และบรกิ าร จงึ ไมม่ กี ลไกราคา จะเหน็ ไดว้ ่าลกั ษณะของระบบสงั คมนิยมคอมมิวนิสตจ์ ะตรงขา้ มกบั ระบบทนุ นิยมอย่างสนิ้ เชิง
ข้อดี • เกิดความเสมอภาคทางเศรษฐกจิ เพราะรฐั เป็นผแู้ จกจา่ ยผลผลติ ใหแ้ ก่บคุ คล ตา่ ง ๆ อย่างเทา่ เทียมกนั • ไมเ่ กิดการผกู ขาดทางเศรษฐกิจโดยผผู้ ลิตหรอื นายทนุ • ไมเ่ กิดการไดเ้ ปรยี บ-เสียเปรยี บของประชาชนในเชิงเศรษฐกิจ ข้อเสีย • ประชาชนขาดเสรภี าพ • การดาเนินงานอาจลา่ ชา้ เพราะผา่ นขนั้ ตอนมาก • ขาดแรงจงู ใจในการผลิต ทาใหไ้ มม่ ีประสิทธิภาพในการผลิตและเศรษฐกิจ อาจเติบโตชา้
2) ระบบเศรษฐกจิ แบบผสม (Mixed Economy) เน่ืองดว้ ยระบบเศรษฐกจิ ทนุ นิยมและสงั คมนิยมยากท่จี ะสรุปหรอื ชีข้ าดวา่ ระบบเศรษฐกิจ ใดดีท่สี ดุ หรอื ดีเทา่ กนั เน่ืองจากตา่ งมที งั้ ขอ้ ดีและขอ้ เสยี ดว้ ยเหตนุ ีจ้ งึ ทาใหเ้ กิดระบบเศรษฐกิจ แบบผสมขนึ้ มา เพ่อื ดงึ ขอ้ ดขี องระบบเศรษฐกิจทงั้ 2 ระบบนีม้ าผสมใหเ้ กิดเป็นระบบเศรษฐกิจ ท่คี ิดวา่ ดที ่สี ดุ กบั ประเทศ ลักษณะสาคัญ • ทงั้ รฐั บาลและเอกชนเป็นเจา้ ของปัจจยั การผลติ และทรพั ยส์ ินอย่างเสรี แตอ่ าจมี การจากดั สิทธิเสรภี าพในการผลติ สินคา้ และบรกิ ารบางประเภทท่เี ก่ียวกบั ความม่นั คงของชาติ หรอื เกินกวา่ กาลงั ของเอกชน เชน่ การปอ้ งกนั ประเทศ การรกั ษาความปลอดภยั การสาธารณปู โภค
• รฐั บาลคอยใหค้ วามชว่ ยเหลอื และอานวยความสะดวกแก่ผปู้ ระกอบการใน ภาคเอกชน โดยการจดั การโครงสรา้ งพนื้ ฐานทางเศรษฐกิจ (Infrastructure) เช่นเดียวกบั ระบบทนุ นิยม • กลไกราคามีบทบาทในการจดั สรรทรพั ยากร แตไ่ มเ่ ทา่ กบั ระบบทนุ นิยม เน่ืองจากในระบบเศรษฐกิจแบบผสมมกี ารรวมกลมุ่ ทางเศรษฐกิจของหลายฝ่ าย เช่น สหภาพแรงงาน หรอื สมาคมการคา้ ต่าง ๆ ซง่ึ สามารถสรา้ งอานาจผกู ขาดได้ นอกจากนี้ รฐั บาลอาจเขา้ แทรกแซงราคาอนั เป็นผลใหก้ ลไกราคาลม้ เหลวได้ เชน่ กนั • รฐั บาลทาหนา้ ท่ไี กลเ่ กล่ยี ขอ้ พิพาทระหวา่ งกลมุ่ เศรษฐกิจท่ีมีผลประโยชนข์ ดั กนั • เอกชนและรฐั บาลมีสว่ นรว่ มในการวางแผนเศรษฐกิจของประเทศ
ข้อดี • จากการท่เี อกชนเขา้ มามีบทบาททาใหเ้ กิดประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและความ เจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจ เกิดเสรภี าพทงั้ การผลิตและการบรโิ ภค • จากการท่รี ฐั บาลเขา้ มามบี ทบาททาใหเ้ กิดความเป็นธรรมมากขนึ้ ทงั้ เรอ่ื งของ ราคาและการกระจายรายได้ และมีทิศทางในการพฒั นาเศรษฐกจิ ท่ชี ดั เจน ข้อเสีย • จากการท่รี ะบบเศรษฐกจิ แบบผสมมีความยืดหยนุ่ และปรบั บทบาททางเศรษฐกิจ ของภาครฐั บาลและเอกชนไดง้ า่ ยขนึ้ ทาใหอ้ าจเกิดผลกระทบตอ่ การลงทนุ ของ นกั ธุรกิจในเรอ่ื งความแน่นอนในกรรมสทิ ธิ์ทรพั ยส์ ินและธุรกิจของตนได้
1.4 ระบบเศรษฐกจิ กบั การแก้ไขพื้นฐานทางเศรษฐกจิ ระบบเศรษฐกจิ การแกป้ ัญหาพนื้ ฐานทางเศรษฐกจิ ตัวอย่างประเทศทเี่ ลอื กใช้ ทนุ นิยม ผู้มบี ทบาทสาคญั เคร่อื งมอื หลักทใี่ ช้ ในโลกปัจจุบนั สงั คมนิยมประชาธิปไตย สงั คมนิยมคอมมิวนิสต์ เอกชน กลไกราคา ไม่มี ผสม (มกั ใชร้ ะบบผสม แตค่ อ่ นมาทางทนุ นิยม) รฐั มากกว่าเอกชน การวางแผนจากสว่ นกลาง + องั กฤษ, นอรเ์ วย,์ สวีเดน, กลไกราคา ฟิ นแลนด์ รฐั การวางแผนจากสว่ นกลาง จนี เกาหลเี หนือ ควิ บา เอกชน + รฐั กลไกราคา + การวางแผน ไทย สหรฐั อเมรกิ า ญ่ีป่ นุ (สว่ นใหญ่เอกชน จากสว่ นกลาง มีบทบาทมาก)
2. ตลาดในระบบเศรษฐกจิ 2.1 ความหมายของตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ “ตลาด (Market)” ในทางเศรษฐศาสตรห์ มายถงึ “กิจกรรม” ในการตกลงซอื้ ขาย แลกเปล่ยี นสนิ คา้ และบรกิ ารรวมถงึ ปัจจยั การผลติ โดยไมจ่ าเป็นตอ้ งมสี ถานท่ีท่เี ป็นตลาด ดงั ท่เี ขา้ ใจกนั และไมจ่ าเป็นตอ้ งพบกนั โดยตรงระหวา่ งผซู้ อื้ และผขู้ าย ดังนนั้ การตกลง ซอื้ ขายผา่ นระบบพาณิชยอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-commerce) การตกลงซอื้ ขายผา่ นการโอนเงนิ ทางธนาคาร จงึ จดั เป็น “ตลาด” ในความหมายทางเศรษฐศาสตรด์ ว้ ยเช่นกนั ตลาดในทาง มคี วามต้องการ เศรษฐศาสตร์ มผี ู้ซือ้ มผี ู้ขาย แลกเปลย่ี น สนิ ค้า - บริการ ซงึ่ กันและกัน
2.2 การจาแนกประเภทของตลาด เน่ืองจากตลาดในทางเศรษฐศาสตรม์ ีความหมายท่กี วา้ งมาก ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งมเี กณฑ์ การจาแนกประเภทของตลาด สรุปไดด้ งั นี้ 1) การจาแนกตลาดตามชนิดของผลผลิต จะแบง่ เป็น นาไปใช้ (1) ตลาดปัจจยั การผลิต คอื ตลาดท่มี กี ารซอื้ ขายปัจจยั การผลิตตา่ ง ๆ เช่น ตลาดวตั ถดุ บิ ตลาดแรงงาน (2) ตลาดสนิ คา้ คอื ตลาดท่มี กี ารซอื้ ขายสนิ คา้ และบรกิ ารท่ีผซู้ อื้ อปุ โภคบรโิ ภคโดยตรง
(3) ตลาดการเงนิ คอื ตลาดท่มี ีการซอื้ ขายสนิ ทรพั ยท์ างการเงิน ซง่ึ แบ่งเป็น ตลาดเงิน คือ ตลาดท่มี กี ารกยู้ ืมเงินทนุ ระยะสนั้ เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี สถาบนั การเงินท่มี บี ทบาทสาคญั ในตลาดเงิน ไดแ้ ก่ ธนาคารพาณิชย์ และบรรษัทเงนิ ทนุ ตลาดทนุ หรอื ตลาดหนุ้ คือ ตลาดท่มี กี ารกยู้ ืมเงนิ ทนุ ระยะยาวเป็น ระยะเวลา 1 ปีขนึ้ ไป เชน่ การซอื้ ขายพนั ธบตั รหรอื หนุ้ ตลาดทนุ นี้ ยงั แบง่ เป็น ตลาดแรก หมายถงึ ตลาดท่มี กี ารซอื้ ขายหนุ้ ใหม่ เป็นการระดมเงนิ ทนุ ของบรษิ ัท ธรุ กิจท่ีมีการออกจาหน่ายเป็นครงั้ แรก และตลาดรอง หมายถงึ ตลาดท่มี กี ารซอื้ ขายหนุ้ ท่ผี า่ นการจาหนา่ ยมาแลว้ ครงั้ หน่งึ เช่น ตลาดหลกั ทรพั ยแ์ หง่ ประเทศไทย
2) การจาแนกตลาดตามลักษณะการซอื้ ขาย จะแบง่ เป็น (1) ตลาดกลาง เป็นตลาดท่มี กี ารซอื้ ขายสนิ คา้ ชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะหรอื หลายชนิด เป็นท่รี วมของผขู้ ายจานวนมาก มกี ฎระเบยี บเจรจาการซอื้ ขายท่ชี ดั เจน นอกจากนี้ อาจมบี รกิ ารอานวยความสะดวกในการซอื้ ขายตา่ ง ๆ เชน่ เครอ่ื งช่งั ตวงวดั การตรวจสอบ ราคากลาง คณุ ภาพสนิ คา้ เชน่ ตลาดหลกั ทรพั ยแ์ หง่ ประเทศไทย ตลาดกลางทา่ ขา้ วกานันทรง จงั หวดั นครสวรรค์ ตลาดกลางคา้ ววั จงั หวดั นครราชสีมา ตลาดไท จงั หวดั ปทมุ ธานี
(2) ตลาดค้าส่ง เป็นตลาดท่ซี ือ้ ขายสนิ คา้ โดยท่ผี ซู้ อื้ นาไปขายต่อในตลาดคา้ ปลีก (3) ตลาดคา้ ปลีก เป็นตลาดท่ซี ือ้ ขายสนิ คา้ ใหผ้ บู้ รโิ ภคนาไปบรโิ ภคสินคา้ นนั้ โดยตรง ซง่ึ รูปแบบธุรกิจการคา้ ปลกี ยงั แบง่ ไดเ้ ป็น • ธุรกิจการคา้ ปลกี แบบดงั้ เดมิ ไดแ้ ก่ ตลาดสด ตลาดนดั รา้ นขายของชา • ธุรกิจการคา้ ปลีกแบบสมยั ใหม่ (Modern Trade) ไดแ้ ก่ หา้ งสรรพสินคา้ ท่มี ี พฒั นาการมาเป็นศนู ยก์ ารคา้ ขนาดใหญ่แบบครบวงจร ซเู ปอรม์ ารเ์ กต็ ดสิ เคานตส์ โตร์ รา้ นคา้ สะดวกซอื้ รา้ นขายสินคา้ เฉพาะอยา่ ง ศนู ยก์ ารคา้ ชมุ ชน
(4) ตลาดซอื้ ขายผ่านระบบอเิ ล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce หรือ E-Commerce) เป็นตลาดซอื้ ขายสินคา้ หรอื บรกิ าร โดยสง่ ขอ้ มลู การซือ้ ขาย ดว้ ยส่ืออิเลก็ ทรอนิกสผ์ ่านทางเครอื ข่ายอนิ เทอรเ์ นต็ และเป็นสมาชิกของบรกิ าร อินเทอรเ์ นต็ ก็สามารถทาการคา้ ผ่านระบบเครอื ขา่ ยได้
3) การจาแนกตลาดตามลักษณะการแข่งขัน แบ่งเป็น (1) ตลาดแขง่ ขนั สมบูรณ์ (Perfect Competitive Market) คือ ตลาดท่มี ีการ แข่งขนั กนั อย่างเตม็ ท่ใี นระหวา่ งผซู้ อื้ และผขู้ าย ทาใหร้ าคาสินคา้ หรอื ปริมาณซือ้ ขายสินคา้ ใน ตลาดมไิ ดต้ กอย่ภู ายใตอ้ ทิ ธิพลของผซู้ อื้ หรอื ผขู้ ายฝ่ายใดฝ่ายหนง่ึ แตจ่ ะถกู กาหนดโดยกลไก ตลาดแทน (2) ตลาดแข่งขนั ไม่สมบรู ณ์ (Imperfect Competitive Market) คือ ตลาดท่ผี ซู้ ือ้ หรอื ผขู้ ายจะมอี ทิ ธิพลในการกาหนดราคาหรอื ปรมิ าณซอื้ ขายสินคา้ ในตลาดมากนอ้ ยตาม ความไมส่ มบรู ณข์ องตลาด
2.3 ประเภทของตลาดตามโครงสร้างของตลาด ในการวเิ คราะหต์ ลาดท่จี ะนาไปสกู่ ารศกึ ษาเรอ่ื งการกาหนดราคาสินคา้ ในหวั ขอ้ ถดั ไปนนั้ นกั เศรษฐศาสตรน์ ิยมแบง่ ประเภทของตลาดท่เี ป็นตลาดสนิ คา้ ตามโครงสรา้ งของ ตลาด
โครงสร้างของตลาด (Market Structure) จานวน ความสามารถ การกาหนด ในการแข่งขัน ผู้ซอื้ ผู้ขาย ราคาสินค้า ปรมิ าณสินค้า แขง่ ขนั สมบูรณ์ แข่งขนั ไมส่ มบรู ณ์ แผนภาพแสดงโครงสร้างของตลาด
ซง่ึ การจาแนกประเภทตลาดจากโครงสรา้ งตลาดนี้ จะพจิ ารณาไปท่คี วามสามารถใน การแข่งขนั เป็นสาคญั ซง่ึ ทาใหต้ ลาดแบง่ ประเภทไดด้ งั นี้ ตลาด แข่งขันสมบรู ณ์ แข่งขันไมส่ มบรู ณ์ ตลาดผูกขาดสมบรู ณ์ ตลาดผู้ขายน้อยราย ตลาดกงึ่ แข่งขันกึ่งผูกขาด
1) ตลาดแข่งขันสมบรู ณ์ มีลกั ษณะสาคญั ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) มีผซู้ ือ้ และผขู้ ายจานวนมาก ผซู้ ือ้ และผขู้ ายแตล่ ะรายต่างเป็นส่วนย่อยของตลาด จงึ ไมม่ ี “พลงั ตลาด” (Market Power) กลา่ วคอื ไมม่ ีความสามารถในการเปล่ยี นแปลงราคา ของสินคา้ และบรกิ ารในตลาดได้ ผขู้ ายแตล่ ะรายจงึ ไมส่ ามารถมอี ทิ ธิพลตอ่ ราคา (Price Taker) ได้ เพราะความตอ้ งการขายสนิ คา้ ของผขู้ ายแตล่ ะรายมจี านวนนอ้ ยมาก เม่ือเทยี บ กบั ความตอ้ งการขายสนิ คา้ ในตลาดทงั้ หมด (2) สินคา้ ท่ซี อื้ ขายในตลาดมลี กั ษณะเหมอื นกนั ทกุ ประการ (Homogeneous Product) ทาใหผ้ บู้ รโิ ภคไมจ่ าเป็นตอ้ งสนใจวา่ ผขู้ ายเป็นใคร ย่ีหอ้ ใด ราคาสินคา้ ในตลาดจงึ เทา่ กนั ความเหมือนกนั ของสนิ คา้ นีร้ วมไปถงึ ยทุ ธวธิ ีการขายหรอื กลยทุ ธท์ างการตลาดดว้ ย
(3) ผซู้ อื้ และผขู้ ายแตล่ ะรายต่างรูส้ ภาพการณใ์ นตลาดเป็นอยา่ งดี (Perfect Knowledge) น่นั คอื ทงั้ ผซู้ ือ้ และผขู้ ายตา่ งรูร้ าคาซอื้ ขายในตลาดขณะหนง่ึ เป็นอย่างดี เ่น่ การปรบั ราคา ของผขู้ ายคนใดท่เี กิดขนึ้ จะตอ้ งเป็นท่ที ราบกนั ท่วั ไป จงึ ไมม่ ีผซู้ อื้ รายใดยอมซอื้ สินคา้ ในราคา สงู กวา่ ตลาดท่วั ไป และผขู้ ายเองกไ็ มจ่ าเป็นตอ้ งขายสินคา้ ในราคาต่ากวา่ ราคาตลาด เพราะ ราคาท่กี าหนดในตลาดกท็ าใหต้ นเองขายสนิ คา้ ไดห้ มด (4) การสามารถเขา้ -ออกจากอตุ สาหกรรมรวมถงึ สามารถโยกยา้ ยปัจจยั การผลติ ทกุ ่นดิ ไดอ้ ยา่ งเสรี (Free Entry and Perfect Mobility) กลา่ วคือ ผซู้ ือ้ สามารถซอื้ สนิ คา้ ในตลาด ไดอ้ ย่างเสรี ผขู้ ายรายใหมม่ ีอสิ ระท่ีจะนาสนิ คา้ มาขายโดยไมม่ ีขอ้ หา้ มประการใด ผขู้ าย รายเก่าก็สามารถลม้ เลกิ กิจการหรอื โยกยา้ ยการผลิตไปยงั อตุ สาหกรรมใหมไ่ ดโ้ ดยไมม่ ี อปุ สรรคใด ๆ ไมว่ ่าจะเป็นกฎหมายการใหส้ ทิ ธิพเิ ศษจากรฐั บาล การกีดกนั จากผผู้ ลิตรายเก่า การผลิตท่ตี อ้ งใ่เ้ งินทนุ สงู จนทาใหผ้ ปู้ ระกอบการทาการผลติ ไมไ่ ด้
จากลกั ษณะของตลาดแขง่ ขนั สมบรู ณ์ นกั เรยี นจะเหน็ ไดว้ ่าในความเป็นจรงิ จะเกิดตลาด ท่มี ลี กั ษณะเ่น่ นีไ้ ดย้ าก แตก่ ม็ ตี ลาดท่อี นโุ ลมหรอื ใกลเ้ คียงกบั ตลาดแข่งขนั สมบรู ณ์ น่นั คอื ตลาดสินคา้ เกษตรกรรม ตลาดหนุ้ ตลาดประเภทนีจ้ งึ เป็นตลาดในอดุ มคติ (Ideal Market) ของนกั เศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะนกั เศรษฐศาสตรแ์ นวเสรนี ิยม 2) ตลาดแข่งขันไม่สมบรู ณ์ ตลาดท่พี บใน่ีวติ ประจาวนั สว่ นใหญ่เป็นตลาดแข่งขนั ไมส่ มบรู ณ์ องคป์ ระกอบท่ที าให้ ไมเ่ ป็นตลาดแขง่ ขนั สมบรู ณ์ คือเรอ่ื งของลกั ษณะเหมอื นกนั ทกุ ประการของสินคา้ ในตลาด จะพบวา่ สินคา้ แมเ้ ป็นประเภทเดียวกนั แตก่ ็ไมไ่ ดม้ ลี กั ษณะเหมือนกนั ทกุ ประการ เ่่น มีย่ีหอ้ ท่ี แตกตา่ งกนั มลี กั ษณะการบรรจหุ ีบหอ่ ท่ตี า่ งกนั มีรส่าติหรอื รูปแบบท่ตี า่ งกนั และทาใหร้ าคา อาจแตกตา่ งกนั ไปดว้ ย
(1) สาเหตุทท่ี าใหต้ ลาดแขง่ ขันไมส่ มบูรณ์ • เกิดการกีดกนั ผผู้ ลิตรายใหม่ อาจเกิดจากกิจการบางอยา่ งใ่เ้ งินลงทนุ สงู มาก การผกู ขาดของธรุ กิจ การพยายามครอบครองตลาดของธุรกิจประเภทนนั้ ๆ • ความพยายาม่่วง่ิงสว่ นแบง่ ทางการตลาด (Market Share) ทาใหผ้ ผู้ ลิต แตล่ ะรายจาเป็นตอ้ งกาหนดกลยทุ ธท์ างการตลาดตา่ ง ๆ เพ่อื สรา้ งความแตกตา่ ง และดงึ ดดู ใหผ้ บู้ รโิ ภคหนั มาซอื้ สนิ คา้ ของตน เ่น่ การสรา้ งแบรนดใ์ หต้ ดิ ตลาด (Brand Building) การบรรจหุ ีบหอ่ ท่ีมีภาพลกั ษณน์ ่าซอื้ (Packaging) การสง่ เสรมิ การขาย (Promotion) การโฆษณาประ่าสมั พนั ธส์ ินคา้ (Advertising) การให้ ผมู้ ี่่ือเสียงมาเป็นตวั แทนโฆษณาสนิ คา้ ของตน (Brand Ambassdor) • กิจการบางอยา่ งรฐั เป็นเจา้ ของ หรอื รฐั จาเป็นตอ้ งเป็นผลู้ งทนุ เพราะเป็น กิจการขนาดใหญ่ เ่่น กิจการสาธารณปู โภค ทาใหผ้ ขู้ ายเป็นเพียงรฐั หรอื เอก่น ท่ไี ดร้ บั สมั ปทานจากรฐั
(2) การแบ่งประเภทของตลาดแขง่ ขันไมส่ มบูรณ์ การศกึ ษาตลาดแขง่ ขนั ไมส่ มบรู ณน์ นั้ มกั ใหค้ วามสาคญั ในดา้ นผขู้ ายมากกว่าผซู้ อื้ เพราะในความเป็นจรงิ ผทู้ ่มี บี ทบาทในการกาหนดราคาท่เี หน็ ่ดั เจน คือ ผขู้ ายท่ีตอ้ งการ แสวงหากาไรสงู สดุ ซง่ึ การแบง่ ประเภทมกั แบง่ ตามจานวนของผขู้ ายเป็นสาคญั จานวนผู้ขาย น้อย น้อย ปานกลาง มาก มากทส่ี ุด ทส่ี ุด ตลาด ตลาดผูกขาด ตลาดผูกขาด ตลาดก่งึ แข่งขัน ก่ึงผูกขาด สมบรู ณ์ น้อยราย แผนภาพแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจานวนผู้ขายกับประเภทของตลาดแข่งขันไม่สมบรู ณ์
จากแผนภาพ จะเหน็ ไดว้ า่ ตลาดผกู ขาดสมบรู ณม์ จี านวนผขู้ ายนอ้ ยท่สี ดุ คอื รายเดยี ว ตลาดผขู้ ายนอ้ ยรายก็มจี านวนผขู้ ายท่มี ากขนึ้ และตลาดกง่ึ แข่งขนั ก่งึ ผูกขาดเป็นตลาดท่มี ี จานวนผขู้ ายเป็นจานวนมาก แตไ่ มม่ ากท่สี ดุ เพราะตลาดท่มี ีผขู้ ายเป็นจานวนมากท่สี ดุ นนั้ จะ เป็นตลาดแข่งขนั สมบรู ณด์ งั ท่ไี ดก้ ลา่ วไปแลว้
ตลาดผูกขาดสมบูรณ์ (Pure Monopoly) ลักษณะสำคัญ •เป็นตลาดท่มี ีผขู้ ายเพยี งคนเดียว (Single Seller) ซง่ึ อาจจะเป็นรฐั บาล หรอื เอก่นกไ็ ด้ •ผขู้ ายนนั้ มีอทิ ธิพลเหนือราคา น่นั คอื มี “พลงั ตลาด” สงู และมอี ิทธิพลเหนือปรมิ าณ สินคา้ อยา่ งสมบรู ณ์ •ผขู้ ายเป็นผกู้ าหนดราคา (Price Maket) เน่ืองจากไมม่ คี แู่ ขง่ ทางการคา้ แตต่ อ้ งยอมรบั ปรมิ าณการขายใด ๆ ท่เี กิดขนึ้ •สินคา้ ท่ผี ลิตมกั ไมม่ ีสินคา้ ใดทดแทนได้ ทาใหผ้ บู้ รโิ ภคไมม่ ที างเลือกอน่ื ใด นอกจากตอ้ งบรโิ ภคสนิ คา้ ท่ผี กู ขาดนี้
• สามารถยบั ยงั้ ไมใ่ หม้ ีผขู้ ายรายใหมเ่ ขา้ มาแขง่ ขนั ในอตุ สาหกรรมของตนได้ (Blocked Entry) โดยอาจจะเป็นเหตผุ ลเรอ่ื งการประหยดั ตอ่ ขนาด (Economy of Scale) ซง่ึ ตอ้ งผลิตคราวละมาก ๆ จงึ จะคมุ้ ทนุ การตอ้ งไดร้ บั ใบอนญุ าตจากรฐั บาล การบรกิ ารสาธารณะตา่ ง ๆ • ตวั อย่างเ่่น กิจการสาธารณปู โภคตา่ ง ๆ ไฟฟา้ ประปา ถนน รถไฟฟา้ แก๊สธรรม่าติ (NGV)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122