๙๕ ๑. ชื่อโครงการ เด็กดีในดวงใจ ๒. ระดับชน้ั ทุกระดับชัน้ ๓. หลกั การและเหตุผล เด็กดีในดวงใจเปนผูท่ีมีคุณธรรมทางดานคุณลักษณะอันพึงประสงค ๘ ประการ เปนเด็ก/เยาวชนที่พึงประสงคข องโรงเรยี นและสงั คม ๔. วัตถปุ ระสงค ๔.๑ เพือ่ สง เสริมใหนกั เรยี นมคี ณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค ๔.๒ เพือ่ ใหนักเรียนมขี วญั และกําลงั ใจในการพฒั นาคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค ๕. กลุมเปาหมาย นักเรยี นชั้นประถมศึกษาปท ี่ ๑ – ๖ ๖. ดําเนนิ การ ๖.๑ ประชาสัมพนั ธโ ครงการใหน กั เรยี นทราบ พรอ มแจง เกณฑการสรรหาเด็กดีในดวงใจ ๖.๒ สรรหานักเรียน “เด็กดีในดวงใจ” ระดับหองเรียนตามเกณฑท่ีกําหนด สัปดาห ละ ๑ คน และระดับชน้ั เรยี น เดือนละ ๑ คน ๖.๓ แจง ขา วผทู ่ีมคี ุณสมบตั เิ ปน เด็กดใี นดวงใจทเี่ พมิ่ ขึ้นทุกสัปดาห ๖.๔ ประกาศเกยี รติคณุ ยกยอง เชน ติดภาพถาย เขยี นประวัติ มอบเกียรติบัตร ๖.๕ ประกาศยกยอ งชมเชยผปู กครอง / ชุมชน โดยใชจดหมายหรอื ใบประกาศแจง ใหท ราบ ๗. งบประมาณ คาจดั ทาํ เกียรตบิ ัตร ใบประกาศเกียรติคุณ ปายประกาศ ๘. ผูรบั ผดิ ชอบโครงการ ๘.๑ ครปู ระจําวชิ า / ครูประจาํ ชน้ั ๘.๒ ผูบ ริหารโรงเรยี น ๙. การประเมินผล ๙.๑ การสงั เกต ๙.๒ การสอบถาม หมายเหตุ ๑. ระยะเวลาการประกาศเกยี รตคิ ณุ นักเรยี น พจิ ารณาปฏิบตั ใิ หสอดคลอ งกบั บริบท ของโรงเรยี น ๒. จํานวนนักเรียนที่ไดรับการยกยองเปนเด็กดีในดวงใจข้ึนอยูกับจํานวนนักเรียนที่มี คุณสมบัตติ ามเกณฑของแตละโรงเรยี น
๙๖ ๑. ช่ือโครงการ จติ สาธารณะ ๒. ระดบั ช้ัน มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ๓. แนวคิด ผูท่ีมีจิตสาธารณะเปนผูที่มีความเสียสละ อาสาชวยเหลือผูอ่ืนจึงชวยเหลือสังคมตาม กําลังความสามารถดวยการเสียสละแรงกาย ใจ และสติปญญา หรือลงมือปฏิบัติเพ่ือแกปญหาหรือ สรา งสรรคส งั คมโดยไมห วงั ผลตอบแทน ๔. วัตถุประสงค ๔.๑ เพ่ือสง เสริมใหนกั เรียนมีการจดั กิจกรรมจิตสาธารณะ ๔.๒ เพ่ือเผยแพรคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคด า นจิตสาธารณะ ๕. กลุมเปา หมาย นกั เรียนช้ันมัธยมศึกษาตอนปลาย ๖. วธิ กี ารดาํ เนนิ การ ๖.๑ แตงตงั้ คณะทาํ งาน คณะครูเพือ่ เปนที่ปรึกษานักเรยี นกลมุ ละ ๑ คน ๖.๒ รบั สมัครนกั เรียน กลุมละ ๑๕ – ๒๐ คน ใหนักเรียนเลือกประธาน รองประธาน กรรมการ เหรัญญกิ และเลขานุการ ๖.๓ ประชุมนักเรียนเพื่อช้ีแจงวิธีการเขียนโครงการ เวนชวงเวลาใหนักเรียนประชุม สมาชกิ เพือ่ กําหนด เปา หมาย และวธิ กี ารดาํ เนนิ กิจกรรม ๖.๔ ประชุมนักเรียนเพื่อใหนักเรียนนําเสนอโครงการ โดยครูที่ปรึกษาพิจารณาให ความชวยเหลอื ๖.๕ นักเรียนดําเนินกิจกรม โดยมีครูที่ปรึกษาอํานวยความสะดวกในการจัดกิจกรรม และประเมนิ ผล ๖.๖ รายงานผลการจัดกิจกรรมดวยวิธีการอยางใดอยางหน่ึง เชน จัดนิทรรศการ แสดง ผลงาน หรือประกาศเกียรตคิ ุณ ๗. งบประมาณ ๗.๑ บรจิ าค ๗.๒ โรงเรยี นสนบั สนนุ ๘. การวัดและประเมินผล ๘.๑ การสงั เกตพฤตกิ รรม ๘.๒ รายงานผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ๘.๓ การเขียน / การพูดแสดงความรูสกึ
๙๗ ๙. ผูร บั ผดิ ชอบ ๙.๑ ครทู ่ีปรกึ ษา ๙.๒ นกั เรียนกลมุ จิตสาธารณะ หมายเหตุ ตัวอยางโครงการจติ สาธารณะของนกั เรยี น ๑. พี่สอนนอง (สอนหนงั สอื เดก็ เลก็ / ชวนนองเลนเกม) ๒. พี่ดแู ลนอ ง (ชวยตัดผม / กําจดั เหา / ตดั เลบ็ ) ๓. เก็บขยะในชมุ ชน ๔. ทําความสะอาดวัด ๕. ดแู ลผปู ว ยในโรงพยาบาล ๖. อาสาจราจร ๗. เลยี้ งอาหารกลางวันเด็กพกิ าร ๘. ปลูกตน ไม / ปลกู ปา ๙. ซอมแซมสถานทส่ี าธารณะ เชน ตโู ทรศพั ท ปา ยรถเมล ฯลฯ ๑๐. ดูแลคนชรา ๑๑. อนรุ ักษส ง่ิ แวดลอม ฯลฯ ๑๐. เกณฑคณุ ธรรม มีจติ สาธารณะ ตัวชี้วดั ที่ ๘.๑ ชวยเหลือผอู ่นื ดวยความเต็มใจและพึงพอใจ ดีเย่ียม (๓) ชวยพอแม ผูปกครอง ครูทํางาน อาสาทํางาน ชวยคิด ชวยทํา แบงปนสิ่งของใหผูอ่ืนดว ยความเตม็ ใจ ดี (๒) ชวยพอแม ผูปกครอง ครูทํางาน อาสาทํางาน และแบงปนส่ิงของ ใหผ อู นื่ ดว ยความเตม็ ใจ ผา น (๑) ชว ยพอแม ผปู กครอง ครูทาํ งาน และอาสาทาํ งานใหผูอนื่ ดวยความเต็มใจ ตัวชว้ี ัดท่ี ๘.๒ ชวยกจิ กรรมทเี่ ปนประโยชนต อโรงเรียน ชุมชนและสังคม ดีเยี่ยม (๓) ดูแลรักษาสมบัติ สิ่งแวดลอมของหองเรียน โรงเรียน ชุมชน และเขารว มกิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชนข องโรงเรียนดว ยความเตม็ ใจ ดี (๒) ดแู ลรกั ษาทรัพยส มบตั ิ สิ่งแวดลอ มของหองเรียน โรงเรียน และเขา รวมกจิ กรรม เพ่ือสังคมและสาธารณประโยชนของโรงเรยี นดวยความเต็มใจ ผาน (๑) ดูแลรักษาทรัพยสมบัติ สิ่งแวดลอมของหองเรียน โรงเรียน และ เขารวมกจิ กรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชนของโรงเรียน
๙๘ ๑. โครงการ โลกกวา ง การเรยี นรู ๒. ระดับชน้ั ชนั้ ประถมศกึ ษา ชั้นมธั ยมศกึ ษา ๓. หลกั การและเหตุผล ความต้ังใจเพียรพยายามในการเรียน และการแสวงหาความรูจากแหลงเรียนรูทั้ง ภายในและภายนอกโรงเรยี นเปน คณุ ลกั ษณะนิสยั ของผูใฝเ รียนรู ซึง่ ผทู จ่ี ะใฝเรยี นรูน นั้ จะตอ งมวี นิ ยั ใน ตนเองมีความซ่ือสตั ยสจุ ริตตอ ตนเอง และมคี วามมงุ มั่นเรยี นรเู ปนพืน้ ฐาน ๔. วัตถุประสงค ๔.๑ เพื่อสงเสริม สนับสนุนใหผูเรียนไดเรียนรูจากแหลงเรียนรูภายในและภายนอก สถานศึกษา ๔.๒ เพ่ือสง เสรมิ สนับสนุนผเู รียนใหเ รยี นรูไ ดลกึ ซ้ึงกวางขวาง ๔.๓ เพื่อพฒั นาผเู รียนใหม ีคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค ๕. เปาหมาย ผเู รยี นมีคณุ ลกั ษณะใฝเ รียนรู ซ่อื สตั ย สจุ รติ มุงม่นั ในการทํางาน ๖. วิธีการดาํ เนินงาน ๖.๑ สํารวจแหลง เรยี นรจู ากเว็บไซต และแหลงเรียนรใู นชมุ ชน/ทอ งถน่ิ ๖.๒ จัดทําทะเบยี นแหลงเรยี นรทู ี่ไดจากการสาํ รวจ ๖.๓ ประชาสัมพันธ/ช้ีแจงวัตถุประสงคใหผูเรียนไดรับรูอยางท่ัวถึง ดวยการจัดปาย นิเทศ ประชาสัมพันธ แผน พับ เสยี งตามสาย บอกผานครปู ระจาํ ช้ัน ฯลฯ ๖.๔ รับสมคั รนกั เรียนทีส่ นใจเขารวมกจิ กรรมโครงการ ๖.๕ จัดกลุมนักเรียนโดยจัดโครงสรางกลุมตามรูปแบบประชาธิปไตย มีประธาน รองประธาน เลขานกุ าร และสมาชกิ เปนคณะกรรมการ ๖.๖ กลุมนักเรียนกําหนดเปาหมายความสําเร็จ ระยะเวลาในการศึกษาเรียนรู เวลา สิ้นสุดโครงการ และภาระงานของกลมุ ๖.๗ กลุม นักเรียนดาํ เนินกจิ กรรมตามทก่ี ลุมกําหนด ๖.๘ ประเมนิ ผลการดาํ เนนิ งานของกลุม นกั เรยี น เชน - กลุมประสบผลสําเร็จตามเปาหมายและระยะเวลาที่กําหนดไวมากนอย เพยี งไร และผลสาํ เร็จเปนอยา งไร - ผลงาน/ภาระงานของกลมุ ท่ปี รากฏมีอะไรบา ง - ปญหา อปุ สรรค ทกี่ ลมุ ประสบ และวธิ ีการแกไ ขปญหา หรอื การชนะอุปสรรค - ผูเรยี นสรุปผลการเรียนรขู องกลุม/สรุปองคความรูท ่ไี ดร ับ/เขยี นสะทอนความคิด
๙๙ ๖.๙ กลุมนักเรียนรายงานผลการเรยี นรโู ลกกวางของแตล ะกลมุ ตอสมาชิกโครงการ ๖.๑๐ ประชาสัมพันธความสําเร็จ ความภาคภูมิใจและรับการช่ืนชมดวยการจัด นิทรรศการผลงานหรือจัดตลาดนัดองคค วามรโู ลกกวา ง ๖.๑๑ รายงานโครงการ ๗. ผูรับผดิ ชอบ ๗.๑ ครูผูส อนกลมุ สาระการเรยี นรูภาษาไทย ๗.๒ ครูผสู อนกลุมสาระการเรียนรสู งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ๗.๓ ครผู ูสอนกลุมสาระการเรียนรูการงานพ้ืนฐานอาชพี ๗.๔ ครผู สู อนกลุมสาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตร ๗.๕ ครผู ูสอนกลมุ สาระการเรยี นรูส ขุ ศึกษา พลศกึ ษา ๗.๖ ครูผูสอนกลมุ สาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ ๗.๗ ครูผสู อนกลุมสาระการเรยี นรศู ิลปะ ๗.๘ ครูผสู อนกลุม สาระการเรยี นรูค ณิตศาสตร ๘. งบประมาณ งบอดุ หนุนการศกึ ษา ๙. สถานทหี่ รอื แหลงเรียนรู ๙.๑ แหลง เรยี นรูภมู ิปญ ญาในทอ งถิน่ /ชุมชน ๙.๒ เว็บไซต ๙.๓ เอกสาร วารสาร สือ่ สิ่งพิมพ ฯลฯ ๙.๔ ความรทู ่จี าํ เปน - ความรเู รื่องสุขภาพ - ความรูเรอื่ งส่งิ ประดิษฐ - ความรูเ ร่ืองการอาชีพ - ความรูเร่ืองสตั วเ ล้ียง - ความรูเร่ืองพืช สตั วเศรษฐกิจ - ความรูเรื่องสถาบันการศึกษา - ความรูเรือ่ งภมู ิศาสตร/ประวัตศิ าสตร - ความรเู รื่องศาสนา - ความรเู รื่องวฒั นธรรม - ความรเู รอื่ งภาษา - ความรเู ร่อื งสิง่ แวดลอม - ความรูเรอ่ื งปญหาสังคม
๑๐๐ - ความรเู ร่ืองภยั ธรรมชาติ - ความรเู รื่องวรรณคดี วรรณกรรม - ความรเู รื่องแฟชนั่ - ความรูเร่ืองเทคโนโลยี - ความรเู รอ่ื งภาพยนตร - ความรเู รือ่ งดารา/เพลง ฯลฯ ๑๐. ตวั ชี้วดั วามสาํ เร็จ ๑๐.๑ ผูเรยี นศกึ ษาคน ควาหาความรูจากหนังสือ ส่ือสิ่งพิมพ เอกสาร สื่อเทคโนโลยี ภูมิปญ ญาทองถนิ่ แหลง เรียนรทู ง้ั ภายในและภายนอกโรงเรียน ๑๐.๒ ผูเรียนบันทึกความรูจากส่ิงท่ีเรียนรสู รุปเปนองคค วามรู ๑๐.๓ ผูเรียนไดแลกเปล่ียนความรูดวยวิธีการตาง ๆ (การนําเสนอดวยวาจาประกอบ หลักฐานอางองิ การจดั นทิ รรศการ) เพือ่ นาํ ไปใชใ นชวี ิตประจําวัน ๑๑. การประเมนิ ผล สงั เกต ตรวจสอบผลงาน ผูเรียนประเมินตนเอง ๑๒. เกณฑคณุ ภาพ ๑๒.๑ ใฝเรยี นรู คุณภาพระดบั ๑ (ผาน) ผูเรียนศึกษาคนควาหาความรูจากหนังสือ ส่ิงพิมพ เอกสาร สื่อเทคโนโลยี หรือจากแหลงเรียนรูอน่ื ๆ คุณภาพระดับ ๒ (ด)ี ผูเรียนศึกษาคนควาหาความรูจากหนังสือ ส่ิงพิมพ เอกสาร สื่อเทคโนโลยี แหลง เรยี นรูอ น่ื และมกี ารบันทึกความรู คุณภาพระดบั ๓ (ดเี ย่ียม) ผูเรียนศึกษาคนควาหาความรูจากหนังสือ สิ่งพิมพ เอกสาร สื่อเทคโนโลยี ภูมปิ ญ ญาแหลงเรยี นรูอืน่ มบี ันทึกความรูและแลกเปลย่ี นความรูกับผูอ ่ืน ๑๒.๒ ซอื่ สัตยสจุ รติ คณุ ภาพระดับ ๑ (ผาน) ใหขอมูลที่ถูกตองและเปนจริง ปฏิบัติในส่ิงท่ีถูกตอง ทําตามสัญญาที่ตนให ไวกับตนเอง กลมุ เพอ่ื นและครู
๑๐๑ คุณภาพระดบั ๒ (ด)ี ใหขอมูลท่ีถูกตองและเปนจริง ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกตอง ทําตามสัญญาที่ตนให ไวก บั เพ่ือน และครู ละอาย เกรงกลวั ทจี่ ะทาํ ความผดิ คุณภาพระดบั ๓ (ดีเยยี่ ม) ใหขอมูลที่ถูกตองและเปนจริง ปฏิบัติในส่ิงท่ีถูกตอง ทําตามสัญญาที่ตนให ไวกับเพ่ือน และครู ละอาย เกรงกลัวที่จะทําความผิด เปนแบบอยางที่ดีดานการประพฤติตรงตาม ความเปน จรงิ ๑๒.๓ มุงมั่นในการทํางาน คณุ ภาพระดบั ๑ (ผา น) ทํางานดวยความขยนั และพยายามใหง านสําเรจ็ ตามเปา หมาย คณุ ภาพระดับ ๒ (ดี) ทํางานดวยความขยัน และพยายามใหงานสําเร็จตามเปาหมาย และเสนอ ผลงานดว ยความภาคภูมใิ จ คุณภาพระดบั ๓ (ดีเยย่ี ม) ทํางานดวยความขยัน และพยายามใหงานสําเร็จตามเปาหมาย ไมยอทอตอ ปญ หาในการทํางาน และเสนอผลงานดวยความภาคภมู ิใจ
๑๐๒ ๑. ชอื่ โครงการ มงุ สนู ักเรียนคณุ ภาพ ๒. ระดับชน้ั ม.๑ – ม.๖ ๓. วตั ถุประสงค ๓.๑ เพ่อื ใหน กั เรยี นมพี ฤติกรรมการใฝเรียนรู รักความเปนไทย มีวินัย มุงมั่นในการ ทํางาน และเทิดทูนสถาบนั พระมหากษตั รยิ ๓.๒ เพ่อื ใหนักเรยี นใชช วี ิตประจําวนั อยางพอเพยี ง อยูรว มกนั ในสังคมอยา งเปน สุข ๔. กลุม เปาหมาย นักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ ๑ – ๖ ๕. วิธกี ารดาํ เนนิ การ ๕.๑ กาํ หนดฐานกิจกรรมเพ่อื พัฒนาผเู รียนตามวัตถปุ ระสงค ๕.๒ จัดทําคมู ือครูในแตละฐานกจิ กรรม จํานวน ๕ ฐาน ทุกระดับช้ัน ๕.๓ แบง หนาท่ีความรบั ผิดชอบใหค รูศึกษาคมู ือ ๕.๔ ดําเนินการจัดกิจกรรมแตละระดับชั้น ฐานละ ๑ วัน รวม ๕ ฐาน ๕ วัน ๆ ละ ๓๐ นาที (๐๘.๓๐ – ๐๙.๐๐น.) ๕.๕ ประเมินผลการจัดกิจกรรมตามที่กําหนดในคูมือ โดยครูท่ีปรึกษาและครู ผูร บั ผิดชอบโครงการ กิจกรรมในแตล ะฐาน กจิ กรรมที่ ๑ ฐานใฝเ รยี นรู วัตถปุ ระสงค ๑. เพื่อใหนักเรียนรูจักคนควาหาความรูจากหนังสือเอกสาร ส่ิงพิมพ ส่ือเทคโนโลยี ตาง ๆ แหลงเรียนรูทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรยี น ๒. เพือ่ ใหน ักเรยี นมีการบันทกึ ความรู และสรุปเปนองคความรไู ด ๓. เพอ่ื ใหน ักเรียนมีการแลกเปลี่ยนเรยี นรูซง่ึ กนั และกนั วธิ ดี ําเนินการ กําหนดสถานการณตาง ๆ ไดแก เร่ืองทั่ว ๆไปท่ีเหมาะสมกับระดับชั้น ใหผูเรียน วิเคราะหสถานการณเปนรายบุคคล เลือกตัวแทนนําเสนอ แตละสัปดาหจะเปล่ียนสถานการณท่ี กําหนดโดยครผู สู อนในระดับชั้นนนั้ ๆ
๑๐๓ กจิ กรรมท่ี ๒ ฐานรกั ความเปน ไทย วัตถปุ ระสงค ๑. เพ่อื ใหนกั เรียนมีมารยาทงามแบบไทย ๒. เพื่อใหน กั เรียนปฏบิ ตั ติ นตามหลักของศาสนา วิธดี าํ เนินการ กําหนดสถานการณตาง ๆ ท่ีเกี่ยวของกับวัฒนธรรมประเพณีไทย คร้ังละ ๑ สถานการณ แลวใหน ักเรียนวเิ คราะหสถานการณ หรือจัดกิจกรรมใหนักเรียนปฏิบัติตามสถานการณ ทกี่ ําหนด เชน ทําบุญตักบาตร มารยาทแบบไทย ประเพณีตาง ๆ การปฏบิ ัตติ นตามศาสนากจิ เปนตน กจิ กรรมที่ ๓ ฐานสวนพฤกษศาสตรโ รงเรียน วัตถปุ ระสงค ๑. เพื่อใหน ักเรยี นอนุรกั ษส ิง่ แวดลอ ม ๒. เพือ่ ใหน กั เรยี นมคี วามรบั ผดิ ชอบในการทาํ งาน ๓. เพ่ือใหน ักเรยี นบําเพญ็ ประโยชนตอโรงเรียน วิธดี าํ เนินการ กําหนดกิจกรรมตามรูปแบบของโครงการอนุรักษพันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจาก พระราชดําริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา โดยใหนักเรียนสํารวจพืชในทองถ่ิน จัดทําปายชื่อพันธุ ไม ปลกู พชื เพ่มิ เตมิ ดูแลรกั ษา การนาํ พชื มาใชป ระโยชนในกิจกรรมการเรยี นการสอน การฝก ทําเว็ป ไซตเ พ่ือเผยแพรพ นั ธุพ ชื ในทอ งถน่ิ กิจกรรมที่ ๔ ฐานตามรอยพอ พออยพู อกิน และพอเพียง วตั ถปุ ระสงค ๑. เพอื่ ใหน กั เรียนดาํ เนนิ ชวี ิตตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒. เพ่อื ใหนักเรียนสาํ นึกในพระมหากรณุ าธคิ ุณของพระมหากษตั รยิ ๓. เพอ่ื ใหนกั เรยี นอยูในสังคมไดอ ยา งมีความสขุ วิธีดําเนนิ การ จัดใหผูเรียนศึกษาพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระ เจาอยูหัว ฯ โครงการในพระราชดําริตาง ๆ รวมทั้งหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แลวนํามา ประยุกตใชในชีวิตประจําวัน และจัดทํารายงานช้ินงาน จัดทําโครงงาน เพ่ือนําเสนอ แลกเปลี่ยน เรยี นรู และจัดเปน นิทรรศการ
๑๐๔ กจิ กรรมท่ี ๕ ฐานเพือ่ นสัมพนั ธ วตั ถุประสงค ๑. เพือ่ ฝก ใหน กั เรยี นชว ยเหลือซึง่ กันและกัน ๒. เพ่อื สรา งความสมั พันธระหวา งนักเรยี นกับผูอืน่ วิธีดาํ เนนิ การ ครูที่ปรึกษาจัดทําขอมูลสารสนเทศของนักเรียน คนหาความสามารถพิเศษ และจุด พัฒนาของนกั เรียน ใหนักเรียนคนหาตนเอง รูจักตนเองและความตองการของตนเอง แลวใหนักเรียน รวมกลมุ ตามลักษณะความตอ งการ และคิดคน วิธีการที่จะพัฒนาตนเอง เขียนเปนแผนการดําเนินงาน โดยมีครูเปนทีป่ รกึ ษา ดูแล และสนบั สนุนในดาํ เนินการ ๖. งบประมาณ ๖.๑ คาจดั ทําเอกสารคูมอื ๖.๑ คา วิทยากร ๗. ผรู ับผิดชอบ ๗.๑ ครทู ป่ี รึกษา ๗.๒ ครูผรู ับผิดชอบระบบดแู ลชวยเหลอื นกั เรียน ๗.๓ ครแู นะแนว ๗.๔ ครรู ะดับชน้ั ๗.๕ ครรู บั ผดิ ชอบกลมุ สาระ / งานตา ง ๆ ในโรงเรยี น ๘. การประเมินผล ๘.๑ การสงั เกต ๘.๒ การสอบถาม ๘.๓ การทดสอบ
๑๐๕ ตัวอยา งการพัฒนาผูเรยี นใหม ีคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค โดยสอดแทรกในกจิ วตั รประจาํ วัน คุณลักษณะสรา งไดด วยวินัยเชิงบวก โรงเรียนวินัยวิทยาคม เปนโรงเรียนท่ีเปดสอนต้ังแตระดับชั้นอนุบาลจนถึงระดับ มัธยมศึกษาตอนตน ทุกๆ เชาเวลา ๘.๐๐ น. นักเรียนทุกคนจะตองมาเขาแถวเคารพธงชาติ สวดมนตไหวพระ ทําสมาธิ และรายงานผลการตรวจสอบการทํางานของนักเรียนแตละชวงชั้นตามที่ ไดร ับมอบหมายใหทาํ งาน เรียกวา “งานกลมุ ส”ี และที่สําคัญมีการรายงานความสะอาดของหองเรียน ซ่งึ ดําเนนิ การโดย “สภานักเรียน” เสียงประกาศของสภานักเรียนแทบทุกเชาตลอดระยะเวลา ๑ สัปดาหที่ผานมาคือ “หองเรียนท่ีไมสะอาด ไมเปนระเบียบ ตองปรับปรุง ไดแก หองเรียนช้ัน ม.๒ และ ชั้น ม.๓” จนเด็กนักเรียนช้ันอื่นๆ สงเสียง ฮือ...ฮา...โห.... เมื่อเสียงประกาศจบลง สรางความหงุดหงิด คับของ ใจ ใหก ับคณะครูผสู อนชน้ั ม.๒ และ ม.๓ เปน อยางยิ่ง “ไมอ อ นดดั งา ย....ไมแกดดั ยาก” “เดก็ ถกู ละเลยมานาน...พอมาถงึ เราก็สายเกนิ แก” “เราตอ งหามาตรการลงโทษทลี ะคน ทลี ะกลุมใหอ ยูห มดั ” “อบั อายขายขี้หนา ทําไงกท็ าํ เถอะ” “ครูแนะแนว ชวยแนะแนวใหมวี นิ ัยหนอยส”ิ “พีไ่ มอยากเปน ครูประจาํ ช้ันเลย เหน่อื ย” เสียงของครูผูสอนในสายชั้นมัธยมศึกษาตางระเบ็งเซ็งแซดวยความกังวล เบื่อหนาย ทอแท ครูปาอุบลก็มีสีหนากังวล แตแววตาครุนคิด “เด็กก็คือเด็ก ไมใชผูใหญตัวเล็กเสียเมื่อไหร การอบรม บม นสิ ัย ปรับเปล่ยี นพฤติกรรมเปนหนา ท่ีของ “คร”ู เราตองทําได ครูปาอุบล ครูแนะแนว เขามาพบนักเรียนในหองดวยทาทางปกติ พูดทักทายอยาง เปนกัลยาณมิตร และเริม่ ใชว นิ ยั เชิงบวกกบั นกั เรียนดังนี้
๑๐๖ ๑. สรางสมั พันธดวยการเปดเผยตนเอง “นักเรียนคะ นักเรียนไมตองเสียใจนะ ท่ีถูกประเมินเร่ืองหองเรียนไมสะอาด สมัยกอนครูก็โดนแบบนี้ รุนพี่ของนักเรียนก็โดนแบบนี้ แตครูเปนหวงความรูสึกของพวกเรานะ ถา ถกู ประเมนิ แบบน้ี ประกาศวา เราตองปรบั ปรุงไปเรือ่ ย ๆ.....เราจะรสู ึกอยางไร” ๒. ใชค ําถามกระตนุ ใหผ เู รียนเปดเผยตนเอง “แลวพวกเราคิดเห็นอยา งไรกบั เรือ่ งนี้” เด็กตอบวา “เขาไมช ว ยกันทาํ ความสะอาด” “เขาเลน กนั ในหอง ใสร องเทามาในหอ ง” “เวรไมท าํ ความสะอาด” “เขาเอาขนมมากนิ ในหอง” “เขาเสยี งดัง พบั กระดาษขวา งกนั แลวไมเ กบ็ ” ฯลฯ ๓. ขนั้ ตรวจสอบความตระหนัก “แลวเราจะทาํ อยางไรหองเรียนเราจึงจะสะอาด สวยงามและเปน ระเบียบ” เดก็ ๆ ตอบวา “ลงโทษ ตีเลย ปรบั เลยครบั ” “แบง กลมุ รบั ผดิ ชอบใหม” “ตอ งชวยกนั จรงิ ๆ” “มคี นทาํ ไมดี ไมก่คี น บอกกไ็ มฟง ” “หวั หนาบอกเขากไ็ มทาํ ” ฯลฯ “ถา อยางนน้ั เรามากําหนดกตกิ าการทาํ หอ งเรยี นใหน าอยรู ว มกันดไี หม” ๔. ขั้นสรา งความคาดหวงั “เอาละทีนคี้ รอู ยากรวู า พวกเราตองการใหหองเรยี นของเราเปน อยา งไร” เด็ก ๆ ตอบวา ๑. สะอาด ใหพ ้ืนหองนง่ั นอนเลนได ๒. ไมเ ลน กนั เสยี งดัง ๓. เอาขยะไปทง้ิ ทกุ วนั ๔. จัดโตะเกาอใี้ หเ ปนระเบยี บ ๕. มีความรู มีหนังสือใหอาน ๖. จัดปา ยนทิ รรศการใหส วยงาม
๑๐๗ ๗. ปด พดั ลม ปด ไฟ กอ นออกจากหอง ๘. หาไมกวาด ไมถูพืน้ มาเพมิ่ เติม ๙. ทุกคนตอ งเชอื่ ฟง หวั หนา ดว ย ฯลฯ ๕. ขัน้ จดั ระบบและเสริมแรง “ยอดเยีย่ มมากเลย ถาอยางนั้น เรามาหาคนรับผดิ ชอบกันไหมวา ใครจะทําอะไรบา ง” กลมุ ที่ ๑ เอาขยะไปท้ิงทกุ วนั และปดพดั ลม ปดไฟ กลมุ ท่ี ๒ กวาด ถูพื้นหอง กลุมท่ี ๓ จัดโตะ เกา อี้ ทว่ี างหนงั สือใหเรยี บรอย กลุม ที่ ๔ จัดบอรด เปลย่ี นบอรดความรู กลุมที่ ๕ หาหนังสอื มาไวในหอ งใหเ พือ่ น ๆ อา น ๖. ขนั้ ตรวจสอบ “แลวจะรูไ ดอ ยา งไรวา ใครทาํ หรอื ไมทําตามกตกิ าขอ ตกลง” “แลวถาพวกเรา กลุมหรือคนใดคนหน่ึงไมทําตามกติกาขอตกลงละ จะทําอยางไร นกั เรยี นดูแลกนั เองนะคะ” หลังจากน้ัน มีการปรับปรุงหองเรียนกันอยางจริงจังและสนุกสนาน มีเสียงหยอกลอ กันระหวางทํางาน และมีความมุงมั่นในการทํางานเพ่ือการเปล่ียนแปลง มีการประเมินและ ตรวจสอบโดยหัวหนากลุม และกลุมอ่ืนๆ ก็ประเมินและบันทึกไวดวย เด็ก ๆ ควบคุมดูแลกันเอง ตักเตือนกันเอง ซึง่ เดก็ ใชคําวา “รักเพื่อนตองเตอื นเพ่อื น” ๗. ขัน้ ติดตามผล หลังจากนั้นครูนักเรียน และหัวหนากลุมก็นําผลการประเมินมาสรุปสัปดาหละ ๑ คร้งั เพือ่ ดกู ารเปลี่ยนแปลง ๘. ข้นั ชื่นชม ภาคภมู ใิ จ สปั ดาหต อมา ผลการตรวจความเปน ระเบียบของหองโดยคณะกรรมการสภานักเรียน ทป่ี ระกาศหนาเสาธงตอนเชา ดเู หมอื นวาเปนเสียงท่ีไพเราะชัดเจนที่สดุ ในรอบปว า “หอ งเรียนทสี่ ะอาด เปนระเบยี บเรียบรอ ย ยอดเยยี่ ม ไดแกหอ งเรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาป ที่ ๒ และปที่ ๓” พอส้ินเสียงประกาศนักเรียนมัธยมทุกคนตางปรบมือเสียงดังกึกกองตอเนื่อง ยาวนาน.. เดก็ ๆ มธั ยมปที่ ๒ และ ๓ทกุ คนหัวใจพองโต ใบหนา สีหนา ทาทางย้ิมแยม แจมใส เดิน แถวกลบั หองเรยี นอยางสงา ผา เผย ภาคภูมใิ จในความสําเรจ็ และเปน พ่ขี องนอ ง ๆ อยา งมั่นใจ
๑๐๘ สมั พันธน องพ่ี ทาํ ดเี พื่อพอ โรงเรียนรักชาติศึกษา เปนโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา เปดสอนต้ังแตระดับ อนุบาล ถึงชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ ๓ เน่ืองจากมีนักเรียนหลายระดับในโรงเรยี นเดยี วกัน ทําใหม ปี ญ หาเกิดข้ึน เชน พ่ีรังแก นอง พ่ีเอาเปรียบนอง เปนตน โดยเฉพาะปญหาการเขาแถวเคารพธงชาติ พี่มัธยมจะยืนในรมรอให นองเขาแถวเสร็จกอน เม่ือใกลเวลาเคารพธงชาติจึงจะเดินมาเขาแถว ผูบริหารและคณะครูได ปรึกษาหารือกันเพื่อแกปญหาวา ทําอยางไรจึงจะทําใหนักเรียนเขาแถวอยางพรอมเพรียงกัน ในที่สุด ทางโรงเรียนจึงไดจัดทําโครงการสัมพันธนองพี่ ทําดีเพ่ือพอ โดยจัดแบงนักเรียนคละชั้นกันเปนกลุมๆ ละ ๑๐-๑๕ คน มีนักเรยี นระดับอนุบาล ถงึ ชนั้ มัธยมศึกษาปที่ ๓ มีครูที่ปรึกษากลุมละ ๑ คน การเขา แถวแตล ะวัน ใหห วั หนากลุมดูแลนองเขาแถวใหเปนระเบียบ การทําความสะอาดบริเวณโรงเรียน มี การไหวซ่ึงกันและกัน เวลาพักรับประทานอาหารกลางวันก็ใหแตละกลุมรับประทานอาหารรวมกัน กอนทานอาหารกใ็ หนักเรียนพิจารณาอาหารเพือ่ ระลกึ ถึงบญุ คุณของอาหาร ผูประกอบอาหาร และเห็น คณุ คา ของอาหารท่ีรับประทาน พ่เี ลา นทิ านใหนองฟง พ่ีพานองอานหนังสือ เมื่อใกลงานกีฬาสีของ โรงเรยี น กจ็ ัดใหน กั เรยี นกลุมเดียวกันอยูสีเดียวกัน พี่พานองซอมกีฬา ซอมกองเชียร และรวมกันจัด งานกีฬาสี โดยมีครูเปนท่ีปรึกษา เม่ือเวลาผานไป ๑ ภาคเรียน ผูบริหารและคณะครูไดเห็นภาพการ เปลี่ยนแปลงของนักเรียนอยางชัดเจน คือ พี่รักนอง ไมมีการรังแกนอง มีความเอ้ือเฟอเผื่อแผ มีความ เปนระเบียบเรียบรอยมากขึ้น การจัดการเรียนการสอนของครูก็มีความราบรื่น สงผลตอคุณภาพการ เรียนรูของนกั เรียน ชุมชนใหก ารตอบรบั และชน่ื ชมมากขึ้นดว ย
๑๐๙ บทที่ ๓ การวัดและประเมินผลคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค ๑. การดาํ เนนิ การวัดและประเมินผลคุณลักษณะอันพงึ ประสงคของสถานศกึ ษา การดําเนนิ การวดั คุณลักษณะอนั พึงประสงคข องสถานศกึ ษาจะบรรลุผลไดนั้นจะตอง อาศัยการบริหารจัดการและการมีสวนรวมจากทุกฝาย ดําเนินการพัฒนาท้ังในและนอกหองเรียน โดยมอบหมายภารกิจในการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในหองเรียน ใหครูผูสอน แตละกลุมสาระการเรียนรูเปนผูรับผิดชอบ โดยสอดแทรกการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค ในช่วั โมงการเรียนการสอน/กิจกรรมโครงการ หรือในโอกาสอ่ืน ๆ ซ่ึงมีแนวทางการดําเนินการหลาย รูปแบบ สถานศกึ ษาสามารถเลอื กนาํ ไปใชไดตามความเหมาะสม ดังตอไปน้ี รูปแบบท่ี ๑ เปนรูปแบบท่ีเหมาะสําหรับสถานศึกษาท่ีมีความพรอมในดาน ทรัพยากรตาง ๆ คอนขางสูงถึงสูงมาก และเหมาะสําหรับสถานศึกษาท่ีตองการเนนดานการพัฒนา ผเู รยี นใหม คี ุณลักษณะอนั พึงประสงคสูความเปนเลิศ โดยมีนโยบายที่จะใหบุคลากรและครูทุกคนไดมี สว นรว มในการพฒั นานักเรียนใหม ีคุณลกั ษณะอันพึงประสงคทุกขอตามที่สถานศึกษากําหนด โดยจะ มีคณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคของสถานศึกษา เปนองคคณะบุคคล ในสถานศึกษาที่คอยชวยเหลือคณะครู ในกรณีท่ีพบวานักเรียนบางคนมีปญหาที่ซับซอนและ ไมสามารถจะพัฒนาดวยกระบวนการธรรมดได มีความจําเปนตองทํากรณีศึกษา คณะกรรมการชุดนี้ จะทํางานรวมกับครูประจําช้ัน หรือครูท่ีปรึกษา หรือครูคนอื่นที่สนใจจะทํากรณีศึกษารวมกัน นอกจากนี้อาจนําสภานักเรียนเขามามีสวนรวมในการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงคดวย โดยสถานศึกษารับฟงความคิดเห็นของสภานักเรียน ถึงวิธีการท่ีเหมาะสมกับวัยของผูเรียน ดวยกิจกรรมเสริม ซ่ึงจะเนนการพัฒนาและตรวจสอบคุณลักษณะอันพึงประสงคทุกประการ ตลอดเวลา ทั้งนี้สถานศึกษาอาจมีเปาหมายวา นักเรียนรอยละ ๙๐ ข้ึนไปจะตองมีคุณลักษณะอันพึง ประสงคอยใู นระดบั “ดี” เปน อยา งนอ ย การประเมินรปู แบบน้ดี าํ เนนิ การดงั น้ี ๑. คณะกรรมการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคของสถานศึกษาทํา ความเขาใจกับคณะครูผูสอนทุกกลุมสาระการเรียนรู/รายวิชา ครูที่ปรึกษา ครูผูดูแลกิจกรรมพัฒนา ผูเรียน รวมกันพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงคของผูเรียนทุกคุณลักษณะ และรวมกําหนดตัวชี้วัด หรือพฤติกรรมบงช้ี หรือพฤติกรรมที่แสดงออกของแตละคุณลักษณะตามท่ีคณะกรรมการพัฒนาและ ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคของสถานศึกษาเพ่ิมเติม ใหเหมาะสมกับธรรมชาติของวัยและ วฒุ ิภาวะของนักเรยี น ๒. กําหนดวิธีการประเมิน เกณฑและเครื่องมือ คําอธิบายคุณลักษณะที่สถานศึกษา เพมิ่ เติม ใหสอดคลอ งกับเกณฑก ารประเมินทห่ี ลักสูตรแกนกลางกําหนด
๑๑๐ ๓. กําหนดระดับของพฤติกรรมที่บงชี้วา พฤติกรรมนักเรียนอยูในระดับ “เสี่ยง” กลาวคือ การพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงคของผูเรียนดวยวิธีปกติอาจจะไมสามารถทําใหผูเรียน บรรลุตามเกณฑได มีความจําเปนท่ีครูท่ีปรึกษา หรือครูผูสอนรวมกับคณะกรรมการพัฒนาและ ประเมินคุณลักษณะอันประสงคของสถานศึกษาตอ งใชกระบวนการอ่ืนเขามาชวยในการแกปญหาโดย ทาํ กรณศี กึ ษา ๔. เมอื่ ส้นิ ภาคเรยี น/สน้ิ ป ครูผสู อนสงผลการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคของ นกั เรียนทุกคนท่ีรับผิดชอบใหค ณะกรรมการของสถานศกึ ษา ซึง่ มีครวู ัดผลเปน เลขานุการ ๕. ครวู ัดผลดําเนนิ การประมวลผลตามเกณฑที่สถานศึกษากําหนด ๕. นําเสนอผูบรหิ ารสถานศึกษาเพ่ือพิจารณาอนุมัติ รูปแบบท่ี ๒ เปนรูปแบบท่ีเหมาะสมกับโรงเรียนท่ีมีความพรอมปานกลาง กลาวคือ มจี ํานวนบคุ ลากรครูท่ีครบช้ันเรียน มีครูพิเศษบางแตไมมากนัก ครูคนหนึ่งอาจตองเปนทั้งผูสอนและ ทํางานสงเสริม รวมท้ังรับผิดชอบกิจกรรมพัฒนาผูเรียนอื่น ๆ ดวย สถานศึกษาประเภทดังกลาว สามารถเลือกใชรูปแบบการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงครูปแบบนี้ โดยการเลือกคุณลักษณะ อันพึงประสงคเฉพาะขอท่ีมีเนื้อหาใกลเคียงกับมาตรฐานหรือตัวชี้วัดในกลุมสาระน้ันๆ ท่ีครูแตละคน รับผิดชอบ เพื่อบูรณาการจัดทําแผนการเรียนรู และแผนการพัฒนาคุณลักษณะพึงประสงคในขอ นั้นๆ ดวยในคราวเดียวกัน การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค ก็ดําเนินการประเมินรวมกับ ตัวช้ีวัดในแตละกลุมสาระการเรียนรู โดยสถานศึกษาคาดหวังวาเม่ือไดดําเนินการในภาพรวมแลว การพัฒนาคณุ ลักษณะอนั พึงประสงคจะครบทกุ ขอตามทส่ี ถานศึกษากาํ หนด โดยดาํ เนินการดงั นี้ ๑. คณะกรรมการการพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคของสถานศึกษา รวมกับครูผูสอน รวมกันวิเคราะหมาตรฐาน/ตัวชี้วัดเนื้อหาในกลุมสาระวิชา และพิจารณาเลือก คุณลักษณะ อันพึงประสงควา มีขอใดบางท่ีสอดคลองกับธรรมชาติวิชาท่ีครูแตละคนรับผิดชอบ รวมทั้งสอดคลอ งกับวตั ถุประสงคของกจิ กรรมพัฒนาผูเรียนดว ย ๒. ครูผูสอนนําคุณลักษณะอันพึงประสงคท่ีคัดเลือกไวไปบูรณาการกับตัวช้ีวัดของ กลมุ สาระการเรยี นรู ดาํ เนนิ การพฒั นาและประเมินรวมกัน ๓. ครูผูสอนสงผลการประเมินใหครูวัดผลเพ่ือสรุปผลการประเมิน และนําเสนอ ผบู รหิ ารเพื่อพจิ ารณาอนุมตั ติ อไป รูปแบบที่ ๓ เปนรูปแบบท่ีเหมาะสําหรับโรงเรียนขนาดเล็กที่มีครูไมครบช้ัน หรือ ครบช้ันพอดี แตครูคนหน่ึงตองทําหลายหนาท่ี อีกท้ังความพรอมของทรัพยากรดานอื่นๆ มีนอย ดังน้ันการดําเนนิ การพัฒนาและประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงคข องผเู รียนควรเปดโอกาสใหชุมชน
๑๑๑ อันไดแก พอแม ผูปกครอง ผูนําชุมชน ปราชญชาวบาน เขามามีสวนรวมในการประเมินดวย ซึ่งจะ ทาํ ใหผลการประเมนิ มคี วามเทยี่ งตรงมากขึ้น การพัฒนาและการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคตามรูปแบบนี้ ครูประจําช้ัน และหรอื ครปู ระจําวชิ ารว มกันพฒั นาและประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงคของนักเรียนทุกคน ทุก ประการ โดยดําเนนิ การดังนี้ ๑. ครูประจําช้ันและหรือครูประจําวิชาซ่ึงรับผิดชอบการสอนมากกวาหนึ่งช้ันหรือ หน่ึงกลุมสาระ ใชการบูรณาการทุกกลุมสาระและคุณลักษณะอันพึงประสงคเขาดวยกัน รวมกัน พฒั นาและประเมิน โดยอาจใชการสังเกตพฤติกรรมตามสภาพจริง เปดโอกาสใหชุมชน ไดแก พอแม ผูปกครอง ผูนําชุมชน ปราชญชาวบานรวมประเมินดวย ท้ังนี้ กรณีที่มีนักเรียนบางคนไมผานการ ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคขอใด ครูรวมกับชุมชนดําเนินการพัฒนาจนกระท่ังท้ังสองฝาย มคี วามเหน็ ตรงกันวา นักเรียนมีคณุ สมบัติตามเกณฑแลวจึงใหผานการประเมิน ๒. ครูประจําชั้นและหรือครูประจําวิชารวมกันสรุปผลการประเมิน และนําเสนอ ผบู รหิ ารสถานศกึ ษาเพ่ืออนมุ ัติตอ ไป ๒. แนวปฏบิ ัตใิ นการวัดและประเมินผลคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค ในการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคของผูเรียนนั้น สถานศึกษาสามารถนํา คุณลักษณะอันพึงประสงค ๘ ประการท่ีหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กําหนดข้ึน รวมทั้งคุณลักษณะอันพึงประสงคที่สถานศึกษาอาจกําหนดข้ึนเพิ่มเติม เพ่ือใหสอดคลอง กับวิสัยทัศนของสถานศึกษา สภาพปญหาความตองการหรือความจําเปนของชุมชน มาพัฒนาผูเรียน ตลอดปการศึกษา ท้ังน้ี ครูผูสอนสามารถดําเนินการวัดและประเมินผลคุณลักษณะอันพึงประสงคใน ชนั้ เรยี นได ดงั น้ี ๒.๑ ศกึ ษาคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค นําคุณลักษณะอันพึงประสงคตามท่ีหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กําหนด ทั้ง ๘ ประการ มาศึกษานิยาม / ตัวช้ีวัด / พฤติกรรมบงชี้ เพื่อพิจารณา วาพฤติกรรมบงช้ีท่ีกําหนดครอบคลุมตัวช้ีวัดและนิยามของคุณลักษณะที่ตองการใหเกิดกับผูเรียน หรือไม ซง่ึ ผูสอนอาจเพมิ่ เตมิ หรอื ปรบั ไดตามความเหมาะสม เชน คุณลกั ษณะขอ ท่ี ๓ มวี นิ ยั นิยาม มีวินัย หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการยึดม่ันในขอตกลง กฎเกณฑ และระเบยี บขอ บงั คับของครอบครัว โรงเรยี นและสงั คม ผูที่มีวินัย คือ ผูท่ีปฏิบัติตนตามขอตกลง กฎเกณฑ ระเบียบ ขอบังคับของ ครอบครัว โรงเรยี นและสงั คม เปนปกติวิสัย ไมละเมิดสิทธิของ ผอู ่นื
๑๑๒ ตวั ชีว้ ัด พฤติกรรมบงชี้ ๓.๑ ปฏบิ ัติตามขอตกลง กฎเกณฑ ๓.๑.๑ ปฏิบัติตามขอตกลง กฎเกณฑ ระเบยี บ ระเบียบ ขอ บงั คับของครอบครัว ขอ บงั คับของครอบครวั โรงเรียนและสงั คม โรงเรียนและสงั คม ไมละเมดิ สทิ ธขิ องผูอ ืน่ ๓.๑.๒ ตรงตอ เวลาในการปฏิบัติกจิ กรรมตาง ๆ ในชีวิตประจาํ วัน และรับผดิ ชอบในการทํางาน ๒.๒ วิเคราะหพฤติกรรมสาํ คัญจากพฤติกรรมบงชี้ เมื่อทําความเขาใจกับนิยาม ตัวชี้วัด และพฤติกรรมบงชี้แลว ครูผูสอนควร วิเคราะหพฤติกรรมสําคัญจากพฤติกรรมบงชี้ เพื่อใหเห็นพฤติกรรมที่จะสามารถวัดและประเมินได ชดั เจนยง่ิ ขน้ึ ๒.๓ เลอื กรปู แบบของเครือ่ งมือวัด เครื่องมือวัดและประเมินที่นิยมใชในสถานศึกษา เนื่องจากใชไดงายและ สะดวก ไดแ ก ๑. แบบสงั เกต ( observation) ๒. แบบสมั ภาษณ (interview) ๓. แบบตรวจสอบรายการ (check list) ๔. แบบมาตรประมาณคา (rating scale) ๕. แบบวดั สถานการณ (situation) ๖. แบบบนั ทกึ พฤติกรรม (anecdotal records) ๗. แบบรายงานพฤติกรรมตนเอง (self report) ในการวัดและประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคน้ัน ควรใชเคร่ืองมือและ วิธีการวัดที่หลากหลาย ขอมูลจึงจะนาเช่ือถือ ดังนั้นครูผูสอนจึงควรเลือกเครื่องมือวัดและประเมินให เหมาะสมกับพฤติกรรมบงชี/้ พฤติกรรมสาํ คัญวาควรจะใชเ ครอื่ งมอื ชนดิ ใด ๒.๔ การสรางและพัฒนาเครอ่ื งมือประเมิน ถาตองการสรางเคร่ืองมือท่ีมีคุณภาพ นาเช่ือถือ ครูผูสอนอาจนําเคร่ืองมือที่ สรางข้ึนไปใหผูเชี่ยวชาญตรวจสอบความสอดคลองของพฤติกรรมที่จะประเมินกับตัวชี้วัด และ ความถกู ตอ ง ในการใชภ าษา แลว นาํ มาหาคาดชั นีความสอดคลอง I.O.C (Index Objective Concurrent) ซึ่งอาจเปน ดังน้ี
๑๑๓ แบบประเมินความสอดคลอ งของพฤตกิ รรมทีจ่ ะประเมินกบั ตัวชวี้ ดั คําชแี้ จง ขอใหท านพิจารณารายการพฤติกรรมแตละขอ วาตรงกบั ตัวชี้วัดทีก่ ําหนดใหหรือไม แลว ใส เครื่องหมายถูก (9) ตรงกับทีเ่ ปนจริงในแตล ะชอ ง ๑ หมายถึง พฤติกรรมตรงกบั ตวั ชี้วดั ๐ หมายถึง ไมแนใจวา พฤตกิ รรมตรงกับตัวชว้ี ดั -๑ หมายถึง พฤตกิ รรมไมตรงกับตวั ช้ีวัด ตวั ชี้วัด พฤตกิ รรมบง ช้ี ระดับ ขอเสนอแนะ ๑ ๐ -๑ ๓.๑ ปฏิบตั ติ าม ๓.๑.๑ ปฏบิ ตั ิตามขอตกลง ขอ ตกลง กฎเกณฑ ระเบยี บ ของ กฎเกณฑ ครอบครัว โรงเรียนและ ระเบยี บ สังคม ไมล ะเมิดสิทธขิ อง ขอ บังคับของ ผอู นื่ ครอบครวั ๓.๑.๒ ตรงตอ เวลาในการปฏิบตั ิ โรงเรียนและ กิจกรรมตาง ๆ ใน สงั คม ชวี ติ ประจําวัน และ รบั ผดิ ชอบในการทํางาน ขอเสนอแนะ…………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื ...............................................ผปู ระเมิน (.................................................) ตาํ แหนง.................................. ในการตรวจสอบเครื่องมือโดยผูเช่ียวชาญ จํานวนผูเชี่ยวชาญตองมีอยางนอย ๓ คน ขึ้นไป เม่ือใหผูเช่ียวชาญประเมินแลวนําคะแนนของผูเชี่ยวชาญมารวมกันแลวหาคาเฉล่ีย ถาได คะแนนเฉลี่ย ๐.๖ ข้ึนไปถือวาใชได เม่ือตรวจทาน แกไขการพิมพ การใชภาษา และขอความให ถูกตองแลว จึงนําไปทดลองใชกับนักเรียน เพื่อจะดูวาภาษาท่ีใชเหมาะสมกับระดับอายุของนักเรียน หรือไม มีความเช่ือถือไดหรือไม แลววิเคราะหคุณภาพเครื่องมือวัดเปนรายขอ/ทั้งฉบับ เพื่อหาคา ความเช่ือมน่ั ของแบบวัดทั้งฉบับ หลังจากน้ันจงึ จดั ทําตน ฉบบั เพ่ือนาํ ไปใช
๑๑๔ ๒.๕ การออกแบบการวดั และประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค เมื่อทําความเขาใจเก่ียวกับคุณลักษณะอันพึงประสงค เครื่องมือที่จะใชในการ วัดและประเมิน และวิธีการหาคุณภาพของเครื่องมือแลว ครูผูสอนสามารถออกแบบการวัดและ ประเมินผลคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคในชัน้ เรียนไดดังน้ี ๑. กาํ หนดคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค / ตวั ช้ีวดั / พฤติกรรมบงชีท้ ี่จะประเมิน ๒. วิเคราะหพฤตกิ รรมสาํ คัญจากพฤตกิ รรมบง ชีท้ จี่ ะประเมิน ๓. เลือกใชวิธีการ เครื่องมือใหเหมาะสมกับคุณลักษณะอันพึงประสงคท่ีจะ ประเมนิ ๔. กําหนดเกณฑการใหคะแนน (scoring rubrics) ดังมีรายละเอียดกรอบการออกแบบการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค ตามตวั อยา งตอ ไปนี้
(´ª°¥µn ) ¦°µ¦°°Âµ¦ª´Â¨³¦³Á¤·¨»¨´ ¬³°´ ¡¹ ¦³r
°o Ò ¦´ µ· «µr ¬´ ¦¥· r ¦³´¦³¤«¹¬µ(.Ò-.Ô) ´ªª¸Ê ´ ¡§· ¦¦¤n ¸Ê ¡§·¦¦¤µÎ ´ ª· ¸µ¦/Á¦ºÉ°¤º° nµ(Ò) Ár µ¦Ä®o¦³´³Â ¦³Á¤· (¸ Ó) ¸Á¥É¸¥¤(Ô) Ò. Ò Á} Ò.Ò.Ò ¥º ¦Áµ¦¡ - ¥º¦Áµ¦¡µ· - ´ Á ¥º ¦Á¤º°É Å¥o · ¥º ¦Á¤°Éº Å¥o · Á¡¨ ¥º ¦Á¤É°º Å¥o · Á¡¨ ¡¨Á¤°º ¸
° µ· ¦°o Á¡¨µ· ¨³ - ¦o°Á¡¨µ· - ´¤£µ¬r Á¡¨µ· ¦°o Á¡¨ µ· ¦°o Á¡¨µÅ· o µ· ¦°o Á¡¨µÅ· o µ· °· µ¥ªµ¤®¤µ¥
° - °·µ¥ªµ¤®¤µ¥ µÅ· o °ªµ¤®¤µ¥
° °ªµ¤®¤µ¥
° Á¡¨µÅ· o ¼ °o
°Á¡¨µ· Á¡¨µÅ· o ¼ o° Á¡¨µÅ· o¼ o° Ò.Ò.Ó · ´· µ¤· · - Äo·Á· ¨°º ®ª´ ®µo · ´ ·µ¤· · ·´ · µ¤· · ¨³ ®oµÉ¸¡¨Á¤º°
¸ °µ· ®°o /®ª´ ®oµÁª¦/ ¨³®µo
¸É ° ®oµ
ɸ °´ Á¦¸¥ ¦³µ´ Á¦¥¸ ´ Á¦¸¥ ¨³Ä®o ªµ¤¦ªn ¤¤º° Ò.Ò.Ô ¤¸ ªµ¤µ¤´ ¸ - ¦ªn ¤¤°º ĵ¦µÎ µ ¦nª¤Äĵ¦Îµµ´ ¦°° ¨n¤» /· ¦¦¤ ¤µ·ÄÊ´ Á¦¥¸ ÒÒı
(ª´ °¥nµ) ÒÒˆ ¦°µ¦°°Âµ¦ª´Â¨³¦³Á¤· ¨»¨´¬³°´¡¹ ¦³r
°o Ó É°º ´¥r» ¦· ¦³´ ¦³¤«¹¬µ(.Õ-.×) ´ªÊª¸ ´ ¡§·¦¦¤n ¸Ê ¡§· ¦¦¤Îµ´ ª·¸ µ¦/Á¦É°º ¤°º µn (Ò) Ár µ¦Ä®o¦³´ ³Â ¦³Á¤· (¸ Ó) Á¸ ¥¥¸É ¤(Ô) Ó.Ò ¦³¡§· Ó.Ò.Ò Ä®o
o°¤¼¨É¸ - ¡¼É· Á¸É } ¦· - ´ Á Ä®o
°o ¤¨¼ ¸É ¼ o°Â¨³ Ä®o
o°¤¨¼ ¸É ¼ o°Â¨³ Ä®
o °o ¤¼¨É¸ ¼o°Â¨³Á} ¦µ¤ªµ¤ ¼ o°Â¨³Á} ¦· (Ť¡n ¼ÁÈ Å¤n Á}¦· · ´ ·Ä·É Á} ¦· ·´·Ä·É ¦· · ´Ä· ·É ɸ Á} ¦·n° ¦µ«µªµ¤¨ÎµÁ°¸¥ ®¨°¨ª) ɸ ¼ °o µÎ µ¤ ¸É ¼ °o 嵤 ¼o° µÎ µ¤´µ¸É Á°Ê´ µ Ó.Ò.Ó ·´ · Ã¥ - ŤnµÎ ·Ê´°n ®oµ -¦³Á¤·Á° ´µ¸É Ä®Åo ªo ´ ´µ¸É Ä®Åo ªo ´ Ä®Åo ªo ´ ¡°n ¤n ®¦°º µ¥ ªµµ Ä Îµ¹¹ªµ¤¼°o ¨³¨´ ®¨´ ¼o°ºÉ /Á¡É°º /¡°n ¤n/ ¡°n ¤n ®¦°º ¼o¦° ¡n°Â¤n ®¦°º o¼¦° o¼ ¦° ¨³¦¼ ¨³°µ¥Â¨³Á¦¨´ª o¼¦°/¦¼ ¨³¦¼ ¨³¦¼ ¨³°µ¥Â¨³ ¨³°µ¥Â¨³Á¦¨´ª n°µ¦¦³µÎ · ®¦º° Á¦¨ª´ ɸ ³µÎ ¸É ³Îµªµ¤· -ª´ µµ¦r ªµ¤· Á} °¥µn ¸É ¸ Ó.Ò.Ô · ´· µ¤µÎ ¤´É - µÎ µ¤´µÉ¸ -¦³Á¤·Á° oµªµ¤Éº°´ ¥r ´ µ Ä®Åo ªo´¡°n ¤n ®¦°º /Á¡°Éº /¡n°Â¤n/ ¼o ¦° ¨³¦¼ ¼o¦°/¦¼
(ª´ °¥µn ) ¦°µ¦°°Âµ¦ª´Â¨³¦³Á¤·¨»¨´ ¬³°´¡¹ ¦³r
°o Ô ¤ª¸ · ¥´ ¦³´ ¤´ ¥¤«¹ ¬µ(¤.Ò-¤.Ô) ª´ ¸Êª´ ¡§· ¦¦¤nʸ ¡§·¦¦¤Îµ´ ª· ¸µ¦/Á¦ºÉ°¤º° nµ(Ò) Ár µ¦Ä®¦o ³´ ³Â ¦³Á¤· ¸(Ó) Á¸ ¥É¸¥¤(Ô) Ô.Ò · ´· µ¤ Ô.Ò.Ò · ´ · µ¤
o°¨ - nª¥Îµµµo -¤µ¦µªn ·´· µ¤ ·´· µ¤
°o ¨ · ´· µ¤
o°¨
o°¨Ár Ár ¦³Á¥¸
°o ´´ - Ânµ¥¼¦³Á¸¥ ¦³¤µµn
o°¨ Ár Ár ¦³Á¸¥ Ár ¦³Á¥¸ ¦³Á¥¸
°o ´´
°¦°¦ª´ æÁ¦¥¸ ¨³ - Áµ¦¡¦µ¦ ®¦º° ¦³Á¸¥
°
°¦°¦´ªÂ¨³
°¦°¦ª´
°´¤ ´ ¤Å¤¨n ³Á¤· · ·
°°o¼ ºÉ -Ť®n ¥·
°
°o°¼ ɺ - ¦ª ¦°¦´ª ¨³ æÁ¦¥¸ ¦n°Áª¨µ æÁ¦¸¥ ¨³´ ¤ åŤn
°°» µ ¦µ¥µ¦ æÁ¦¸¥ ¦°n ĵ¦·´ · · ¦¦¤ Ťn¨³Á¤·· ·
°o¼°Éº Ô.Ò.Ó ¦°n Áª¨µÄµ¦ - n µµ¤µÎ ® ®¦°º Áª¨µÄµ¦·´· µn Ç Äª¸ · ¦n°Áª¨µ ĵ¦ · ´· · ¦¦¤µn Ç Ä - Á
oµ¦ªn ¤· ¦¦¤µ¤ - Â妪 · ¦¦¤nµ Ç ¦³µÎ ª´ ¨³ ·´··¦¦¤µn Ç ¸ª· ¦³µÎ ª´ ¨³ Áª¨µ ¡§·¦¦¤ Ώ · ¦³Îµª´ ¦´· °Äµ¦ Ώ · ¦³Îµª´ ¨³ ¦´ · °Äµ¦µÎ µ ®¦º° εµ ¦´ · °Äµ¦ - ª´ µÎ µ µµ¦r ÒÒ˜
(ª´ °¥µn ) ÒÒ¯ ¦°µ¦°°Âµ¦ª´Â¨³¦³Á¤·¨» ¨´¬³°´¡¹ ¦³r
°o Õ Ä Ái ¦¥¸ ¦¼o ¦³´¤´ ¥¤«¹ ¬µ(¤.Õ-¤.×) ª´ ʸª´ ¡§· ¦¦¤n ʸ ¡§· ¦¦¤µÎ ´ ª· ¸ µ¦/Á¦É°º ¤º° Árµ¦Ä®¦o ³´³Â ¦³Á¤· µn (Ò) ¸(Ó) ¸Á¥¸É¥¤(Ô) Õ. Ò ´ÊÄ Õ.Ò.Ò ´ÊÄÁ¦¥¸ - Á
µo Á¦¸¥¦Áª¨µ - ¤µ¦µªn Á
oµÁ¦¥¸ ¦Áª¨µ ´Ê Ä Á
µo Á¦¥¸ ¦Áª¨µ ´ÊÄ Á
oµÁ¦¥¸ ¦Áª¨µ Ê´Ä Á¡¸¥¦¡¥µ¥µ¤ - εµ¼ °o ¦³¤µµn Á¦¸¥ Á°µÄÄn ¨³¤¸ Á¦¸¥ Á°µÄÄn ¨³¤¸ Á¦¥¸ Á°µÄÄn ¨³¤¸ ĵ¦Á¦¥¸ ¨³ Õ.Ò.Ó Á°µÄÄn¨³ n µ¦ ªµ¤Á¡¥¸ ¦¡¥µ¥µ¤Äµ¦ ªµ¤Á¡¥¸ ¦¡¥µ¥µ¤Äµ¦ ªµ¤Á¡¥¸ ¦¡¥µ¥µ¤Äµ¦ Á
µo ¦ªn ¤· ¦¦¤ ¤¸ªµ¤Á¡¥¸ ¦¡¥µ¥µ¤ - µÎ µÉŸ ¦o ´ - ¦ª° Á¦¥¸ ¦o¼ ¤¸ ªn ¦ªn ¤Ä Á¦¸¥¦o¼ ¤¸ªn ¦ªn ¤Ä Á¦¸¥¦¼o ¤¸ ªn ¦nª¤Äµ¦ ĵ¦Á¦¥¸ ¦o¼ ¤°®¤µ¥µÎ Á¦È ¦µ¥µ¦ µ¦Á¦¸¥¦o¼ ¨³ Á
µo ¦ªn ¤ µ¦Á¦¥¸ ¦Â¼o ¨³Á
µo ¦ªn ¤ Á¦¸¥¦Â¼o ¨³Á
oµ¦nª¤ Õ.Ò.Ô ¤¸ªn ¦ªn ¤Ä ¦ªo ¼°o ·¦¦¤µn ǵ¦Ê´ · ¦¦¤µn Ç Ê´ · ¦¦¤nµ Ç Ê´ £µ¥Ä µ¦Á¦¸¥¦Â¼o ¨³Á
µo - Á
oµ¦nª¤«´ «¹¬µ -¦³Á¤· £µ¥Ä¨³£µ¥° ¨³£µ¥°Ã¦Á¦¥¸ Á} ¦nª¤· ¦¦¤nµ Ç - Á
µo ¦ªn ¤/¦nª¤´ Á° /Á¡Éº°/¡n° æÁ¦¥¸ n°¥¦´Ê ¦³Îµ ¨³Á} °¥µn ·¦¦«µ¦Ä/° ¤/n o¼ ¦°/¦¼ ɸ ¸ æÁ¦¥¸
(´ª°¥nµ) ¦°µ¦°°Âµ¦ª´Â¨³¦³Á¤· ¨»¨´ ¬³°´¡¹ ¦³r
°o Ö °¥n°¼ ¥nµ¡°Á¡¥¸ ¦³´¦³¤«¹¬µ(.Ò-.Ô) Árµ¦Ä®o¦³´ ³Â ´ª¸Êª´ ¡§· ¦¦¤n ¸Ê ¡§· ¦¦¤Îµ´ ª·¸µ¦/Á¦°ºÉ ¤º° µn (Ò) ¦³Á¤· ¸(Ó) ¸Á¥¸É¥¤(Ô) ÄoÁ·
°Äo ÄÁo ·
°Äo nªª´ Ö.Ò µÎ Á· ¸ª· Ö.Ò.Ò Äo¦´¡¥r·
° - °°¤Á· - ´¤£µ¬r ÄÁo · ¨³
°Äo ªn ª´ ¨³
° ¨³
°nª¦ª¤°¥µn ªn ¦ª¤°¥nµ ¦³®¥´ »¤o µn ÁÈ °¥µn Á° Án Á· É·
° - Äo ¤» · ° ®¦º° nªª´ °¥µn ¦³®¥´ ¤Á¸ ®» ¨ ¦´ ¬µÂ¼ ¨ °¥nµ¸ ¨³ÁȦ´ ¬µ ¼ ¨ ¤Á¸ ®»¨ ¨³ ¡°¦³¤µ Á¦°Éº Äo ²¨² °¥µn ¥µ¨°¥µn ¦³®¥´ - °µ¤ ¦³®¥´ °¥nµ¸ ŤÁn °µÁ¦¥¸ °o¼ ºÉ ¤¸Á®»¨ ¦³®¥´ »¤o µn ¨³ÁÈ ¦´ ¬µ (Á° / Á¡º°É /¡°n ¦°° ¤¸ ¼ ¨°¥nµ¸ ¦ª¤Ê´ µ¦ÄoÁª¨µ ¤/n o¼ ¦°) »¦¦¤ °¥nµÁ®¤µ³¤ - ´Á Ö.Ò.Ó Äo ¦´¡¥µ¦
° - ¼Â¨dÎµÊ d Å¢ nª¦ª¤°¥nµ¦³®¥´ o»¤µn ®¨´ µ¦Äo ¨³ÁÈ ¦´ ¬µÂ¼ ¨°¥nµ¸ - ÁÈ ¦´ ¬µ°» ¦r/
°Ä®o ¨´µ¦Äo Ö.Ò.Ô · ´·Â¨³´ · Ä - Á¨°º °ºÊ °µ®µ¦/ - ´Á ªo ¥ªµ¤¦°° ¤Á¸ ®»¨
¤É¤¸ ¸»nµ Ö.Ò.Õ Å¤Án °µÁ¦¥¸ ¼o°ºÉ ¨³ - ªn ¥µÎ µ¨»n¤ - ´Á Ťn µÎ Ä®o o¼°ÉºÁ°º ¦°o ¡¦°o ¤ Ä®°o £´¥ Á¤Éº°°¼o ºÉ ¦³µÎ ·¡¨µ ÒÒ˘
(ª´ °¥µn ) ÒÚ ¦°µ¦°°Âµ¦ª´Â¨³¦³Á¤·¨»¨´ ¬³°´ ¡¹¦³r
o° × ¤»n ¤É´Äµ¦Îµµ ¦³´¦³¤«¹ ¬µ(.Õ-.×) ª´ ¸ªÊ ´ ¡§· ¦¦¤n ʸ ¡§·¦¦¤Îµ´ ª·¸µ¦/Á¦°Éº ¤°º µn (Ò) Ár µ¦Ä®¦o ³´³Â ¦³Á¤· (¸ Ó) ¸Á¥¥É¸ ¤(Ô) ×.Ò Ê´ÄµÎ ×.Ò.Ò Á°µÄÄn °n µ¦ - µÎ µÅɸ o¦´ - ´ Á ʴĨ³ Ê´ Ĩ³¦´ ·° ´Ê Ĩ³¦´ ·°Ä ®oµ¸É µ¦µ · ´ ·®µo ¸ÉÅɸ ¦o ´ ¤°®¤µ¥ÎµÁ¦È ¨³ ¦´ · °Äµ¦ ĵ¦· ´®· oµ¸É µ¦· ´ ®· µo ɸ ¸ÅÉ ¦o ´ ¤°®¤µ¥ ¼ o° ·´ ·®oµÉ¸ ɸ ɸŦo ´ ¤°®¤µ¥ ¤°®¤µ¥Ä®o µÎ Á¦È ×.Ò.Ó ´Ê Ĩ³ Åo¦´¤°®¤µ¥ Ä®o εÁ¦È ¤¸ µ¦ ¤¸ µ¦¦´ ¦» ¨³ ¦´ · °Äµ¦ Ä®oεÁ¦È ¦´¦»µ¦Îµµ ¡´ µµ¦µÎ µÄ®o ¸
ʹ εµÄ®o εÁ¦È Ä®o
¸ ʹ ×.Ò.Ô ¦´ ¦»Â¨³ ¡´ µµ¦µÎ µªo ¥ Á°
(´ª°¥µn ) ¦°µ¦°°Âµ¦ª´ ¨³¦³Á¤·¨» ¨´ ¬³°´ ¡¹ ¦³r
°o Ø ¦´ªµ¤Á}Å¥ ¦³´ ¤´¥¤«¹¬µ(¤.Ò-¤.Ô) ª´ ʸª´ ¡§·¦¦¤n ʸ ¡§· ¦¦¤Îµ´ ª· ¸µ¦/Á¦°Éº ¤º° µn (Ò) Árµ¦Ä®o¦³´ ³Â ¦³Á¤· (¸ Ó) ¸Á¥É¥¸ ¤(Ô) Ø.Ò £µ£¤¼ ·Ä Ø.Ò.Ò ¤¸¤µ¦¥µµ¤ - ¤µ¦¥µÄµ¦Â - ´Á · ´·Á} o¼¤¸ · ´·Á} ¼o¤¸ ·´·Á}o¼¤¤¸ µ¦¥µ Ä ÂÅ¥ ¤¸¤´ ¤µµ¦ª³ ªµ¤Áµ¦¡ µ¦Á· - ¤´ £µ¬r/ ¤µ¦¥µÂÅ¥ ¤¸ ¤µ¦¥µÂÅ¥ ¤¸ ÂÅ¥ ¤¸´¤¤µµ¦ª³
¦¦¤Á¸¥¤ ´ s¼Áª¸n°¼o¤¸ µ¦¡¼ °µ¤ ¤´ ¤µµ¦ª³ ´s¼ ¤´ ¤µµ¦ª³ ´ s¼ ´ s¼Áª¸ n°¼o¤¸ ¦³Á¡¸ «·¨³ ¡¦³» Ân µ¥ÂÅ¥ - Ânµ¥Á®¤µ³¤´ Á¡Éº°/ ¡°n ¤n/ Áª¸ n°¼¤o ¸¡¦³» Áª¸°n ¼¤o ¡¸ ¦³» ¡¦³» Ânµ¥ÂÅ¥ ª´¦¦¤Å¥ µ¨Á«³ o¼¦°/¦¼ ¨³Ânµ¥ÂÅ¥ ¨³Ânµ¥ÂÅ¥ oª¥ªµ¤£µ£¤¼ ·Ä ¨³¤¸ªµ¤ - ªn ¥Á®¨º°µ¡n°Â¤n/ Á
µo ¦nª¤®¦°º ¤¸ªn oª¥ªµ¤£µ£¤¼ Ä· Á
oµ¦nª¤®¦°º ¤¸ªn ¦ªn ¤ ´ s¼Áª¸ o¼ ¦°/¦¼ ¦ªn ¤ Ä· ¦¦¤É¸ Á
µo ¦ªn ¤ ®¦º°¤¸ ªn ĵ¦´ · ¦¦¤ Ø.Ò.Ó ¦nª¤·¦¦¤É¸ - Á
µo ¦nª¤/¤¸nª¦nª¤ - ´ Á Áɸ¥ª
o°´¦³Á¡¸ ¦nª¤Ä· ¦¦¤ Á¸É ɸ¥ª
°o ´¦³Á¡¸ Áɸ¥ª
o°´ ¦³Á¡¸ · ¦¦¤Áɸ ¸É¥ª
°o ´ «¨· ³Â¨³ª´¦¦¤ ɸÁ¥É¸ ª
°o ´ ¦³Á¡¸ «¨· ³Â¨³ª´¦¦¤Å¥ «¨· ³Â¨³ª´ ¦¦¤Å¥ ¦³Á¡¸ «¨· ³Â¨³ Å¥ «·¨³Â¨³ª´¦¦¤ Á}°¥µn ɸ ĸ µ¦ ª´¦¦¤Å¥ Å¥ · ´ ·µ¤
¦¦¤Á¸¥¤ Ø.Ò.Ô Á} ¼oεĵ¦Ä®o - Á
µo ¦nª¤/¤¸ nª¦ªn ¤ - ´Á ¦³Á¡¸ «¨· ³Â¨³ °o¼ ºÉ· ´·µ¤ ·¦¦¤Á¸É É¥¸ ª
o°´ - °µ¤ ª´¦¦¤Å¥
¦¦¤Á¥¸ ¤¦³Á¡¸ ¦³Á¡¸ «·¨³Â¨³ Á¡°Éº / ¡n°Â¤n/ «¨· ³Â¨³ª´¦¦¤Å¥ ª´ ¦¦¤Å¥ °¥µn o¼ ¦°/¦¼ ¤ÎµÉ Á¤° ÒÚÒ
(´ª°¥nµ) ÒÚÚ ¦°µ¦°°Âµ¦ª´ ¨³¦³Á¤·¨»¨´ ¬³°´¡¹ ¦³r
o° Ù ¤¸ ·µµ¦³ ¦³´ ¤´ ¥¤«¹ ¬µ(¤.Õ-¤.×) Ár µ¦Ä®¦o ³´ ³Â ª´ ªÊ¸ ´ ¡§·¦¦¤n ʸ ¡§· ¦¦¤µÎ ´ ª·¸µ¦/ nµ(Ò) Á¦°Éº ¤º° (¸ Ó) ¸Á¥¸É¥¤(Ô) ¦³Á¤· Ù.Ò nª¥Á®¨°º Ù.Ò.Ò nª¥¡°n ¤n - Á¤È Īn ¥¡°n ¤n o¼ ¦°Â¨³ - ¤´ £µ¬r nª¥¡n°Â¤n ªn ¥¡n°Â¤n nª¥¡n°Â¤n ¼°o ɺ oª¥ªµ¤ ÁȤĨ³¡¹ o¼¦°Â¨³¦¼ ¦¼ µÎ µ / °µ¤ o¼¦°Â¨³¦¼ ¼o¦°Â¨³¦¼ ¼o ¦°Â¨³¦¼ ¡°Ä µÎ µªo ¥ªµ¤Á¤È Ä Ã¥Á°/ εµ °µµÎµµ µÎ µ °µµµÎ µ εµ °µµÎµµ Ù.Ò.Ó °µµµÎ µÄ®o - °µµµÎ µ ªn ¥· ªn ¥µÎ oª¥ Á¡Éº°/¡n°Â¤n/ ªn ¥· ªn ¥µÎ ªn ¥· ªn ¥µÎ nª¥· ªn ¥µÎ o¼°ºÉªo ¥Îµ¨´ µ¥ ªµ¤¤´ ¦Ä o¼ ¦°/¦¼ ¨³Ân { É·
° Ân{ É·
° Ân{É·
° ε¨´ Ä Â¨³ - ´ Á Ä®oo°¼ ºÉ ªo ¥ªµ¤ ¦¡´ ¥r· ¨³ ¦´¡¥r· ¨³ ÁÈ¤Ä °Éº Ç Â¨³nª¥ °Éº Ç Â¨³nª¥ µÎ ¨´ · { µªo ¥ ªµ¤¤´ ¦Ä Âo { ®µÄ®o°o¼ ɺ Âo{®µ®¦º°¦µo Ù.Ò.Ô Ân { É·
° - ¦· µ¦´¡¥r · / ·É
°Á¡É°º ªo ¥ªµ¤ÁÈ¤Ä ªµ¤
» Ä®oÂn ¦´¡¥r·Â¨³°ºÉ ÇÁ¡É°º ªn ¥Á®¨º°o°¼ ºÉ ¼°o ɺ oª¥ªµ¤ ªn ¥Âo{®µ®¦º°¦oµ - Á
oµ¦nª¤/´ ·¦¦¤Á¡ºÉ°Âo{ ®µ ®¦º° Á¤È Ä ªµ¤»
Ä®o ´ °¼o ɺ ¦oµªµ¤
» Á¡Éº°o°¼ ɺ Án Á} °¥nµÉ¸ ¸ ¦¦r°n µo ¥µÁ¡· , 浦¦¸ ÅÁ¨·
¥³,¦¸oµ¦µ, nµ¥ «¨· ³Á¡ºÉ°°o ²¨²
๑๒๓ ๒.๖ การสรา งเคร่อื งมอื ประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค การสรางเครื่องมือประเมินคุณลักษณะ ควรคํานึงถึงการเขียนขอความหรือ รายการที่จะวัดวามีความชัดเจน และเปนพฤติกรรม/รายการท่ีครอบคลุมตัวช้ีวัด โดยใหพิจารณา พฤติกรรมบงช้ีที่กําหนดไวแลวในคุณลักษณะอันพึงประสงค ถาเปนขอความท่ีแสดงพฤติกรรม สําคัญและยังไมสามารถประเมินได ครูผูสอนตองวิเคราะหเปนพฤติกรรมสําคัญยอยๆ เชน คุณลักษณะการมวี นิ ัย พฤติกรรมบง ช้มี ี ๒ ขอ คอื ขอ ๓.๑.๑ ปฏิบัติตามขอตกลง กฎเกณฑ ระเบียบ ขอบังคับของครอบครัว โรงเรยี นและสงั คม ขอ ๓.๑.๒ ตรงตอเวลาในการปฏิบัติกิจกรรมตาง ๆ ในชีวิตประจําวัน และ รบั ผดิ ชอบในการทาํ งาน เมื่อพิจารณาจากตัวบงช้ีจะพบวา บางพฤติกรรมไมสามารถดูรายละเอียดและ ประเมนิ ได ดังน้ัน จะตอ งวิเคราะหพ ฤติกรรมดังกลา วใหเปน พฤติกรรมทีส่ ังเกตและวัดได ดงั นี้ ๑) จัดเกบ็ สงิ่ ของเปน ท่เี ปนทาง ๒) แตงกายถกู ตองตามระเบียบของโรงเรียน ๓) มมี ารยาทในการเขา ประชุม ๔) เขา แถวซอ้ื อาหารตามลาํ ดบั ๕) ทิง้ ขยะในท่ที จี่ ดั เตรียมไว ๖) ทํากิจวัตรของตนตามเวลา ๗) ไปโรงเรยี นทันเวลา ๘) เมอ่ื ถึงชวั่ โมงเรียน เขา เรียนตามเวลา ๙) ทํางานเสรจ็ ตามเวลาทกี่ ําหนด ๑๐) เขา รวมกิจกรรมตามเวลาท่ีนัดหมาย เม่ือกําหนดขอความหรือรายการท่ีจะวัดแลวก็สามารถนําไปไวในเครื่องมือประเมินได ดังตัวอยาง ตอไปน้ี
๑๒๔ (ตัวอยาง) แบบมาตรประมาณคาเพ่ือประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค ขอ ๓ มวี นิ ยั ชือ่ – สกุล...................................................ชัน้ ....................... ภาคเรยี นท.่ี ............ปการศกึ ษา...................... คําชีแ้ จง ใหพ จิ ารณาพฤตกิ รรมตอ ไปนี้ แลวใหระดับคะแนนทตี่ รงกบั การปฏบิ ตั ิของนกั เรยี นตามความเปน จริง ระดับคะแนน ๓ หมายถงึ ปฏบิ ตั เิ ปน ประจาํ ๒ หมายถงึ ปฏบิ ตั ิเปน บางครั้ง ๑ หมายถงึ ปฏิบัตินอ ย ๐ หมายถึง มพี ฤตกิ รรมไมช ัดเจน หรือไมม ีหลกั ฐานทน่ี าเช่อื ถอื รายการประเมิน คะแนน ๓ ๒๑๐ ๑. จัดเก็บส่งิ ของเปน ท่เี ปน ทาง ๒. แตงกายถูกตอ งตามระเบยี บของโรงเรียน ๓. มีมารยาทในการเขาประชุม ๔. เขา แถวซ้ืออาหารตามลาํ ดบั ๕. ทิง้ ขยะในทีท่ ีจ่ ดั เตรยี มไว ๖. ทาํ กิจวัตรของตนตามเวลา ๗. ไปโรงเรยี นทันเวลา ๘. เมื่อถงึ ชั่วโมงเรียนเขา เรยี นตามเวลา ๙. ทาํ งานเสร็จตามเวลาที่กําหนด ๑๐. เขารว มกจิ กรรมตามเวลาทนี่ ัดหมาย รวมคะแนน คะแนนเฉลย่ี ลงช่อื ....................................ผปู ระเมนิ (..................................................) สถานภาพของผูป ระเมิน ตนเอง เพ่ือน พอแม/ ผปู กครอง ครู เกณฑก ารประเมิน คะแนน ๒.๕ – ๓.๐ ระดบั คุณภาพ ดีเย่ียม (๓) คะแนน ๑.๕ – ๒.๔ ระดบั คณุ ภาพ ดี (๒) คะแนน ๑.๐ – ๑.๔ ระดบั คณุ ภาพ ผา น (๑) คะแนน ๐ – ๐.๙ ระดบั คุณภาพ ไมผ า น (๐) สรปุ ผลการประเมิน ดเี ย่ยี ม ดี ผาน ไมผา น
๑๒๕ (ตัวอยา ง) แบบบันทึกการสังเกตการประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค ขอ ๓ มีวนิ ยั ช่ือ – สกุล..................................................ช้ัน....................... ภาคเรียนท่ี.............ปก ารศึกษา...................... คําช้ีแจง ใหพจิ ารณาพฤตกิ รรมตอไปนี้ แลวทาํ เคร่อื งหมาย / ในแตละคร้ังเมอ่ื นักเรียนแสดงพฤติกรรม รายการพฤติกรรม ๑ คร้ังทสี่ งั เกต ๙ ๑๐ รวม ๒๓๔๕ ๖ ๗๘ ๑. จัดเก็บสิ่งของเปนท่ีเปน ทาง ๒. แตงกายถกู ตองตามระเบยี บของโรงเรยี น ๓. มมี ารยาทในการเขาประชมุ ๔. เขา แถวซอื้ อาหารตามลําดบั ๕. ทง้ิ ขยะในทที่ ี่จัดเตรยี มไว ๖. ทาํ กจิ วัตรของตนตามเวลา ๗. ไปโรงเรยี นทันเวลา ๘. เม่อื ถึงชัว่ โมงเรยี นเขาเรยี นตามเวลา ๙. ทํางานเสร็จตามเวลาท่กี ําหนด ๑๐. เขา รวมกจิ กรรมตามเวลาทน่ี ัดหมาย รวมท้ังหมด ลงช่อื ...................................ผปู ระเมนิ (.............................................) สถานภาพของผูประเมนิ ตนเอง เพือ่ น พอ แม/ผปู กครอง ครู เกณฑการประเมนิ แสดงพฤติกรรม ๙ – ๑๐ คร้ัง หมายถงึ ดีเยีย่ ม(๓) แสดงพฤตกิ รรม ๗ – ๘ ครั้ง หมายถงึ ดี(๒) แสดงพฤติกรรม ๕ –๖ ครงั้ หมายถึง ผา น(๑) แสดงพฤตกิ รรม ตํ่ากวา ๕ ครง้ั หมายถึง ไมผา น (๐) สรุปผลการประเมิน หาคา เฉล่ียรวมของพฤตกิ รรมท่ีแสดงและเทียบกับเกณฑการประเมนิ
๑๒๖ (ตวั อยา ง) แบบสาํ รวจรายการพฤตกิ รรมของนักเรียน เพือ่ ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค ขอ ๓ มวี นิ ัย ชือ่ – สกุล............................................ชั้น....................... ภาคเรียนท.ี่ ............ปการศกึ ษา...................... คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค ขอ ๓ มีวนิ ัย คําชแี้ จง ใหก าเครื่องหมาย / ทต่ี รงกับพฤติกรรมนกั เรยี น ............. ๑. จดั เกบ็ สิง่ ของเปนท่เี ปน ทาง ............. ๒. แตงกายถกู ตองตามระเบยี บของโรงเรียน .............๓. มีมารยาทในการเขา ประชมุ ............. ๔. เขา แถวซอ้ื อาหารตามลาํ ดบั ............. ๕. ทิ้งขยะในที่ทจ่ี ัดเตรียมไว ............. ๖. ทาํ กจิ วตั รของตนตามเวลา ............. ๗. ไปโรงเรียนทันเวลา ............. ๘. เม่อื ถงึ ชัว่ โมงเรียนเขา เรยี นตามเวลา ............. ๙. ทํางานเสร็จตามเวลาท่ีกําหนด ............. ๑๐. เขา รว มกจิ กรรมตามเวลาที่นัดหมาย ลงช่ือ....................................ผปู ระเมิน (.........................................................) สถานภาพของผปู ระเมนิ ตนเอง เพอ่ื น พอแม/ผูปกครอง ครู เกณฑก ารประเมิน แสดงพฤติกรรม ๙ – ๑๐ พฤตกิ รรม หมายถงึ ดเี ยย่ี ม(๓) สรุปผลการประเมนิ แสดงพฤติกรรม ๗ – ๘ พฤตกิ รรม หมายถึง ด(ี ๒) แสดงพฤตกิ รรม ๕ – ๖ พฤตกิ รรม หมายถงึ ผา น(๑) แสดงพฤติกรรม ๑ – ๔ พฤติกรรม หมายถงึ ไมผา น (๐) ผา น มพี ฤตกิ รรม ๕ – ๑๐ ขอ ไมผา น มีพฤติกรรมนอยกวา ๕ ขอ
๑๒๗ (ตวั อยาง) แบบสงั เกตเพ่ือประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค ชัน้ ....................... ภาคเรยี นที.่ ............ปก ารศกึ ษา...................... ขอ ๑ รกั ชาติ ศาสน กษัตริย : ๑.๑ เปนพลเมอื งดีของชาติ ระดบั ประถมศึกษา(ป.๑ - ป.๓) พฤติกรรมบงชี้ พฤติกรรมสาํ คัญ ๑.๑.๑ ยืนตรงเคารพธงชาติ รองเพลงชาติ - ยืนตรงเคารพธงชาติ และอธบิ ายความหมายของเพลงชาตไิ ดถ กู ตอง - รอ งเพลงชาติ ๑.๑.๒ ปฏิบตั ติ นตามสิทธิ หนา ทีพ่ ลเมอื งดขี องชาติ - อธบิ ายความหมายของเพลงชาติ ๑.๑.๓ มีความสามคั คี ปรองดอง - ใชสิทธเิ ลือกหัวหนา หอ ง/หัวหนา เวร/ประธาน นกั เรียน - รว มมอื ในการทาํ งานกลมุ /กจิ กรรม คาํ ชแ้ี จง ใหทาํ เครื่องหมาย / เมอื่ นักเรียนแสดงพฤติกรรมสาํ คญั ได และทาํ เครอ่ื งหมาย x เมื่อนกั เรยี นแสดง พฤติกรรมสาํ คัญไมไ ด ท่ี ช่ือ- ยืนตรงเคารพธง รองเพลงชาติ พฤติกรรมสาํ คัญ ใชสิทธิเลือก รวมมือในการ สรปุ ผล สกุล ชาติ หัวหนา หองฯ ทาํ งาน การ ๑๒๓ส อธิบายความหมาย ประเมนิ ๑๒๓ส ของเพลงชาติ ๑๒๓ส ๑๒๓ส ๑๒๓ส ๑ ๒ ลงช่ือ....................................ผูประเมนิ (..................................................) หมายเหตุ ๑. ๑, ๒, ๓ หมายถงึ ครั้งทปี่ ระเมนิ ๒. ใหนําผลการประเมินจากแบบสัมภาษณมาบันทึกในพฤติกรรมสําคัญ “อธิบายความหมาย ของเพลงชาต”ิ ๓. สรุปผลการประเมนิ ดเี ยยี่ ม(๓) หมายถงึ ปฏิบตั ิไดทกุ พฤติกรรมสาํ คญั ด(ี ๒) หมายถงึ ปฏบิ ัติไดรอยละ ๖๐ ของแตละพฤตกิ รรมสาํ คญั ผาน(๑) หมายถึง ปฏิบตั ไิ ดต ่าํ กวา รอั ยละ ๖๐ ของแตล ะพฤติกรรมสาํ คัญ ไมผ า น(๐) หมายถึง แสดงพฤตกิ รรมไมชัดเจน หรือไมม หี ลักฐานทน่ี า เช่อื ถอื
๑๒๘ (ตวั อยา ง) แบบวัดสถานการณ เพ่ือประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค ช่ือ – สกลุ ..................................................ช้นั ....................... ภาคเรยี นที่.............ปการศกึ ษา...................... คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค ขอ ๒ ซ่อื สัตยสจุ ริต คาํ ถาม ถา นกั เรยี นเปน แมน นักเรยี นรูสึกอยา งไรทเ่ี นตรบอกวาควรทําเองท้ัง ๓ ขอ ก. เหน็ ดวยกับเนตร ข. ดีเราจะไดมคี วามรทู ุกขอ ค. เรานาจะทําตามทเ่ี นตรบอก ง. เนตรคงอยากใหพวกเราทําดว ยตวั เอง คําตอบ/(คะแนน) ก. (๑) ข. (๒) ค. (๔) ง. (๓)
๑๒๙ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค ขอ ๓ มวี นิ ยั คาํ ถาม สายใจนอนต่ืนสายจึงไมไดรับประทานอาหารเชา และในช่ัวโมงกอนพักเที่ยง ครู ปลอ ยนักเรียนใหห ยุดพักเลยเท่ียงไป ๕ นาที เม่ือสายใจเดินไปถึงโรงอาหาร ปรากฏวามีนักเรียนเขา แถวรอซ้ืออาหารยาวมาก บังเอิญสายใจเห็นเพื่อนสนิทยืนอยูในแถวดวย นักเรียนคิดวาสายใจ จะทาํ อยางไร ก. เขา ตอแถวเพ่อื ความเปนระเบียบเรียบรอย ข. คอยจนกวา จะถงึ ควิ เพราะเปนการเคารพสิทธิของผูอื่น ค. บอกเพอื่ นชวยซ้ือใหเ พราะหิวมาก ง. คอยจนกวา จะถึงควิ เพราะจะเปน การเอาเปรียบเพื่อนถาแซงควิ คําตอบ/(คะแนน) ก. (๒) ข. (๔) ค. (๑) ง. (๓) คุณลักษณะอันพึงประสงค ขอ ๔ ใฝเรียนรู คาํ ถาม ขณะท่ีครูกําลังสอนวิชาคณิตศาสตร สมศรีน่ังอยูหลังหองชวนดารณีคุยเร่ืองละคร หลังขา วเม่อื คนื น้ีจากเหตุการณดงั กลา วนกั เรียนมคี วามคดิ ตรงกับขอ ใด ก. สมศรีและดารณีไมควรทําเชนน้ัน ข. ถาฉนั เปนดารณี ฉันจะไมคยุ กับสมศรี ค. ดารณนี า จะเตือนสมศรีใหฟง ครสู อน ง. สมศรแี ละดารณตี อ งเรยี นไมรเู รอ่ื งแนเ ลย คําตอบ/(คะแนน) ก. (๒) ข. (๓) ค. (๔) ง. (๑)
๑๓๐ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค ขอ ๘ มจี ติ สาธารณะ คาํ ถาม ถานักเรยี นพบเห็นเหตุการณด งั กลาวตามภาพโดยบงั เอิญ นักเรียนจะปฏิบัตอิ ยา งไร ก. หาทางทําทกุ อยา ง เพอื่ ใหเกิดความถูกตอ ง ข. หลบหนไี ป เพราะถาพวกขโมยตดั ไมเหน็ จะทาํ รา ยเอา ค. แจง เจา หนาท่ี เพ่อื หาทางจับกุม ง. บอกเพอ่ื น ๆ ใหร ูจะไดไมไ ปบริเวณนน้ั เพราะอาจจะไดรับอนั ตราย คาํ ตอบ/(คะแนน) ก. (๔) ข. (๑) ค. (๓) ง. (๒)
๑๓๑ (ตัวอยา ง) แบบสัมภาษณเ พ่อื ประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค ชน้ั ....................... ภาคเรยี นที.่ ............ปการศกึ ษา...................... ขอ ๑ รักชาติ ศาสน กษตั ริย : ๑.๑ เปน พลเมืองดขี องชาติ ระดับประถมศกึ ษา(ป.๑ - ป.๓) พฤติกรรมสาํ คัญ พฤติกรรมบง ชี้ ๑.๑.๑ อธิบายความหมายของเพลงชาตไิ ดถูกตอง - อธิบายความหมายของเพลงชาติ ประเดน็ สัมภาษณ ๑. ขอความจากเพลงชาตทิ ก่ี ลา ววา “ดว ยไทยลวนหมาย รกั สามัคค”ี นักเรียนเขา ใจวาอยา งไร แนวคาํ ตอบ - คนไทยทุกคนมงุ หวงั / ตอ งการมคี วามรกั ความสามัคคี - ตอ งการใหค นไทยทกุ คนมีความรกั ความสามัคคี ๒. ขอความจากเพลงชาตทิ ่ีกลา ววา “ไทยนร้ี กั สงบ แตถึงรบไมขลาด” นกั เรียนเขา ใจวา อยางไร แนวคําตอบ - คนไทยมคี วามรักสงบ ถงึ เวลารบกไ็ มเ กรงกลัวใคร เกณฑก ารใหร ะดับคะแนน ดเี ยย่ี ม (๓) หมายถึง ตอบไดต รงหรอื ใกลเ คยี งแนวคําตอบ บอกความหมายครบถวน ดี (๒) หมายถึง ตอบไดต รงหรอื ใกลเคยี งแนวคาํ ตอบ แตย ังบอกความหมายไมครบถว น ผาน (๑) หมายถึง ตอบไดใกลเ คยี งแนวคาํ ตอบ แตอ าจบอกความหมายผิดบางสว น
๑๓๒ แบบบันทกึ คะแนนการสมั ภาษณ ขอ ๑ รักชาติ ศาสน กษตั รยิ : ๑.๑ เปน พลเมอื งดขี องชาติ ช้ัน....................... ภาคเรียนท่.ี ............ปก ารศึกษา...................... พฤตกิ รรมบงชี้ บอกความหมายของเพลงชาติไดถูกตอ ง ระดับคะแนน สรุปผล ครง้ั ท่ี ๒ ที่ ช่ือ – สกลุ คร้ังท่ี ๑ ครั้งที่ ๓ การ ๑๒๓ ๑ ๒๓ ๑ ๒ ๓ ประเมนิ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ลงชอื่ ....................................ผูประเมนิ (.................................................) หมายเหตุ ๑. ถา นกั เรยี นบอกความหมายไดระดบั ดเี ยีย่ ม (๓) ต้ังแตคร้ังท่ี ๑ หรอื ๒ ไมจาํ เปนตองประเมิน ครั้ง ตอ ไป ๒. สรปุ ผลการประเมิน หมายถงึ ระดบั คะแนนทไี่ ดค ร้งั หลงั สุด
๑๓๓ (ตวั อยา ง) แบบสงั เกตเพอื่ ประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค ช้นั ....................... ภาคเรียนท.่ี ............ปก ารศกึ ษา...................... ขอ ๑ รกั ชาติ ศาสน กษัตรยิ : ๑.๑ เปนพลเมอื งดีของชาติ ระดบั ประถมศึกษา(ป.๑ - ป.๓) พฤติกรรมบงชี้ พฤติกรรมสาํ คัญ ๑.๑.๑ ยืนตรงเคารพธงชาติ รองเพลงชาติ - ยนื ตรงเคารพธงชาติ และอธิบายความหมายของเพลงชาติไดถ ูกตอ ง - รอ งเพลงชาติ ๑.๑.๒ ปฏิบัติตนตามสทิ ธิ หนาท่ีพลเมืองดขี องชาติ - อธิบายความหมายของเพลงชาติ - ใชสิทธเิ ลือกหัวหนา หอ ง/หัวหนา เวร/ประธาน ๑.๑.๓ มคี วามสามัคคี ปรองดอง นกั เรียน - รว มมือในการทาํ งานกลมุ /กจิ กรรม คาํ ชแ้ี จง ใหทาํ เครอื่ งหมาย / เมอ่ื นักเรียนแสดงพฤติกรรมสาํ คญั ได และทาํ เครอ่ื งหมาย x เมื่อนกั เรยี นแสดง พฤติกรรมสาํ คญั ไมได ท่ี ช่ือ- ยืนตรงเคารพธง รอ งเพลงชาติ พฤติกรรมสําคัญ ใชสิทธิเลือก รวมมือในการ สรปุ ผล สกลุ ชาติ หัวหนา หองฯ ทาํ งาน การ ๑๒๓ส อธบิ ายความหมาย ประเมนิ ๑๒๓ส ของเพลงชาติ ๑๒๓ส ๑๒๓ส ๑๒๓ส ๑ ๒ ลงช่ือ....................................ผูประเมนิ (..................................................) หมายเหตุ ๑. ๑, ๒, ๓ หมายถงึ ครงั้ ท่ีประเมิน ๒. ใหนําผลการประเมินจากแบบสัมภาษณมาบันทึกในพฤติกรรมสําคัญ “อธิบายความหมาย ของเพลงชาติ” ๓. สรปุ ผลการประเมิน ดีเยยี่ ม(๓) หมายถงึ ปฏิบตั ิไดทกุ พฤติกรรมสาํ คญั ด(ี ๒) หมายถึง ปฏิบัติไดรอยละ ๖๐ ของแตละพฤตกิ รรมสาํ คญั ผาน(๑) หมายถงึ ปฏิบตั ไิ ดต ่าํ กวา รอั ยละ ๖๐ ของแตล ะพฤติกรรมสาํ คัญ ไมผ า น(๐) หมายถึง แสดงพฤตกิ รรมไมชัดเจน หรือไมม หี ลักฐานทน่ี า เช่อื ถอื
๑๓๔ ๒.๗ การสรางเกณฑก ารประเมินคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค การประเมินคุณลักษะอันพึงประสงค จะตองกําหนดเกณฑการประเมินให ชดั เจนเหมาะสม เพราะเกณฑก ารประเมินเปนแนวทางในการใหคะแนนท่ปี ระกอบดวยเกณฑดานตาง ๆ เพ่ือใชประเมินคาผลการประพฤติ ปฏิบัติของผูเรียน เกณฑเหลาน้ี คือสิ่งสําคัญท่ีผูเรียนควร ประพฤติจนกลายเปน ลักษณะนิสยั ได เกณฑก ารประเมินมี ๒ ลกั ษณะ คือ ๑. เกณฑการประเมินแบบภาพรวม (holistic rubrics) คือแนวทางการใหคะแนน โดยพิจารณาจากภาพรวมการปฏิบัติ โดยจะมีคําอธิบายลักษณะของการปฏิบัติในแตละระดับไดอยาง ชัดเจน เชน มวี ินัย ระดบั ๓ ปฏิบัติตามขอตกลง กฎเกณฑ ระเบียบขอบังคับของครอบครัวและ โรงเรียน ปฏิบัติกิจกรรม หรือทํางานท่ีไดรับมอบหมายเสร็จทันเวลา ไดดว ยตนเอง ระดบั ๒ ปฏิบัติตามขอตกลง กฎเกณฑ ระเบียบขอบังคับของครอบครัวและ โรงเรยี นโดยตอ งมีการเตอื นเปนบางครงั้ ระดับ ๑ ปฏิบัติตามขอตกลง กฎเกณฑ ระเบียบขอบังคับของครอบครัวและ โรงเรียน โดยตอ งมีการเตอื นเปนสวนใหญ ๒. เกณฑการประเมินแบบแยกประเด็น (analytic rubrics) คือแนวทางการให คะแนน โดยพจิ ารณาแตละสวนของการปฏบิ ตั ิ ซงึ่ แตล ะสวนจะตองกําหนดคําอธิบายลักษณะของการ ปฏบิ ัติในสว นนัน้ ๆ ไวอ ยางชัดเจน เชน มวี นิ ัย รายการประเมิน ๑ ระดับคะแนน ๓ ๒ ปฏบิ ัตติ ามขอตกลง ปฏบิ ัตติ ามขอ ตกลง ปฏิบตั ติ ามขอตกลง ปฏบิ ตั ติ ามขอ ตกลง กฎเกณฑ ระเบียบ กฎเกณฑ ระเบียบ กฎเกณฑ ระเบียบ กฎเกณฑ ระเบยี บ ขอ บงั คับของ ขอ บงั คับของครอบครวั ขอบังคับของครอบครวั ขอบงั คับของครอบครัว ครอบครวั และ และโรงเรียน โดยมกี าร และโรงเรียน โดยมกี าร และโรงเรยี น โดยไมม ี โรงเรยี น เตือนเปนสว นใหญ เตือนบางคร้งั การเตือน ปฏิบัติกจิ กรรมหรือทาํ งาน ปฏิบตั ิกิจกรรมหรือ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหรือ ท่ไี ดรับมอบหมายเสรจ็ ทํางานท่ไี ดรบั มอบหมาย ทํางานท่ไี ดร บั การตรงตอ เวลา ทันเวลาไดดวยตนเอง โดย เสร็จทนั เวลาไดดวย มอบหมายเสรจ็ ทันเวลา ตองมกี ารเตือนเปนสว น ตนเอง โดยมกี ารเตอื น ไดดว ยตนเอง ใหญ เปน บางครัง้
๑๓๕ สรปุ ผลการประเมนิ ๕-๖ คะแนน หมายถงึ ดเี ยี่ยม ๓-๔ คะแนน หมายถงึ ดี ๑-๒ คะแนน หมายถงึ ผา น ๒.๘ การสรุปผลการประเมนิ การวัดและประเมินผลดานคุณลักษณะอันพึงประสงคน้ัน มีความละเอียดออน เพราะเปนเรื่องของการพัฒนาคุณลักษณะท่ีตองการปลูกฝงใหเกิดในตัวผูเรียน การวัดและประเมินผล จึงตองคํานึงถึงผลท่ีเกิดข้ึนในตัวผูเรียนเมื่อไดรับการพัฒนาเปนระยะ หรือเม่ือส้ินปการศึกษา ดังนั้น เพ่ือใหมีแนวทางการสรุปผลการประเมินท่ีชัดเจน เปนธรรมสําหรับผูเรียน จึงขอเสนอแนวทางการ กาํ หนดเกณฑพิจารณาสรุปผลการประเมินในแตละข้นั ตอน ดังน้ี ๒.๘.๑ เกณฑพิจารณาสรุปผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคแตละ คุณลกั ษณะ คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคขอที่ ๑ รกั ชาติ ศาสน กษตั รยิ ตวั ชวี้ ดั ๑.๑ เปน พลเมอื งดีของชาติ ๑.๒ ธาํ รงไวซงึ่ ความเปน ชาติไทย ๑.๓ ศรัทธา ยดึ มั่นและปฏิบตั ติ นตามหลักศาสนา ๑.๔ เคารพเทิดทนู สถาบันพระมหากษัตริย ระดบั เกณฑการพิจารณา ดเี ยย่ี ม (๓) ๑.ไดผลการประเมนิ ระดับดเี ยี่ยมจํานวน ๓-๔ ตวั ช้วี ดั และไมม ี ตวั ชี้วดั ใดไดผลการประเมินตํ่ากวา ระดับดี ดี (๒) ๑. ไดผลการประเมนิ ระดับดเี ยย่ี ม จํานวน ๑-๒ ตัวชี้วดั และไมมี ตัวชว้ี ดั ใดไดผ ลการประเมนิ ตาํ่ กวา ระดบั ดี หรอื ผา น (๑) ๒. ไดผลการประเมนิ ระดบั ดที ุกตวั ชวี้ ดั หรอื ไมผาน (๐) ๓. ไดผ ลการประเมนิ คง้ั แตร ะดับดขี ้นึ ไป จํานวน ๓ ตัวช้วี ัด และ ระดับผา น จาํ นวน ๑ ตัวชวี้ ดั ๑. ไดผ ลการประเมินระดบั ผาน ทกุ ตวั ชว้ี ัด หรอื ๒. ไดผ ลการประเมนิ ตัง้ แตร ะดบั ดีขึ้นไป จาํ นวน ๑- ๒ ตวั ชวี้ ดั และ ตัวช้วี ดั ทีเ่ หลือไดผลการประเมินระดบั ผาน ไดผลการประเมินระดบั ไมผา น ต้งั แต ๑ ตัวชว้ี ัดขึ้นไป
๑๓๖ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงคข อที่ ๒ ซ่อื สัตยสุจริต ตัวชีว้ ดั ๒.๑ ประพฤติตรงตามความเปน จริงตอ ตนเองทง้ั ทางกาย วาจา ใจ ๒.๒ ประพฤติตรงตามความเปนจริงตอผอู ่ืนทัง้ ทางกาย วาจา ใจ ระดบั เกณฑก ารพจิ ารณา ดเี ยย่ี ม (๓) ๑. ไดผ ลการประเมินระดับดเี ยย่ี มทกุ ตัวชว้ี ดั ๑. ไดผลการประเมินระดับดีเย่ียม จํานวน ๑ ตัวชี้วัดและระดับดี ดี (๒) จาํ นวน ๑ ตวั ชวี้ ดั หรือ ๒. ไดผลการประเมนิ ระดับดที กุ ตัวช้ีวดั ผาน (๑) ๑. ไดผลการประเมินระดบั ผา นทุกตวั ช้ีวัด หรือ ไมผาน (๐) ๒. ไดผ ลการประเมนิ ตั้งแตร ะดบั ดีขึน้ ไป จาํ นวน ๑ ตวั ชว้ี ัด และ ระดบั ผา น จํานวน ๑ ตวั ชว้ี ดั ไดผลการประเมนิ ระดับไมผา น ตงั้ แต ๑ ตัวชวี้ ัดขน้ึ ไป คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคข อที่ ๓ มีวนิ ัย ตัวชวี้ ดั ๓.๑ ปฏบิ ัติตามขอ ตกลง กฎเกณฑ ระเบียบขอ บังคับของครอบครวั โรงเรียนและสงั คม ระดบั เกณฑก ารพจิ ารณา ดีเยยี่ ม (๓) ไดผลการประเมนิ ตัวชวี้ ัด ระดับดเี ยย่ี ม ไดผ ลการประเมินตัวชว้ี ัด ระดับดี ดี (๒) ไดผลการประเมนิ ตวั ชวี้ ัด ระดบั ผา น ผา น (๑) ไดผลการประเมนิ ตัวชว้ี ัด ระดบั ไมผา น ไมผาน (๐)
๑๓๗ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงคขอท่ี ๔ ใฝเรียนรู ตวั ชว้ี ดั ๔.๑ ตงั้ ใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขารว มกิจกรรม ๔.๒ แสวงหาความรจู ากแหลงเรียนรตู า ง ๆ ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน ดว ยการเลือกใชสอ่ื อยางเหมาะสม บันทกึ ความรู วิเคราะห สรปุ เปน องคค วามรู สามารถนําไปใชในชีวติ ประจําวนั ได ระดับ เกณฑก ารพจิ ารณา ดีเยย่ี ม (๓) ๑. ไดผ ลการประเมนิ ระดับดีเยีย่ มทุกตวั ช้วี ัด ๑. ไดผลการประเมนิ ระดับดีเยย่ี ม จาํ นวน ๑ ตัวช้ีวดั และระดบั ดี ดี (๒) จาํ นวน ๑ ตวั ชี้วดั หรอื ๒. ไดผ ลการประเมินระดับดีทกุ ตัวชวี้ ัด ผาน (๑) ๑. ไดผลการประเมินระดบั ผา นทกุ ตัวชว้ี ัด หรือ ไมผ า น (๐) ๒. ไดผ ลการประเมินต้งั แตร ะดบั ดขี ้นึ ไป จํานวน ๑ ตวั ชว้ี ดั และ ระดบั ผาน จาํ นวน ๑ ตวั ชวี้ ดั ไดผลการประเมินระดับไมผ าน ต้ังแต ๑ ตวั ชี้วัดขึ้นไป คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข อ ท่ี ๕ อยูอยางพอเพยี ง ตัวชี้วดั ๕.๑ ดําเนินชีวติ อยางพอประมาณ มีเหตผุ ล รอบคอบ มีคุณธรรม ๕.๒ มภี มู ิคมุ กันในตัวที่ดี ปรบั ตวั เพอ่ื อยูใ นสงั คมไดอ ยา งมีความสขุ ระดับ เกณฑก ารพจิ ารณา ดเี ยยี่ ม (๓) ๑. ไดผลการประเมินระดบั ดเี ยี่ยมทุกตัวช้วี ัด ๑. ไดผ ลการประเมินระดบั ดเี ย่ยี ม จาํ นวน ๑ ตวั ช้วี ดั และระดับดี ดี (๒) จาํ นวน ๑ ตัวชวี้ ัด หรือ ๒. ไดผ ลการประเมนิ ระดบั ดที กุ ตัวช้วี ดั หรือ ผาน (๑) ๑. ไดผลการประเมินระดับผานทกุ ตัวชีว้ ัด หรอื ไมผ า น (๐) ๒. ไดผ ลการประเมินตัง้ แตร ะดับดขี น้ึ ไป จาํ นวน ๑ ตวั ชวี้ ัด และระดบั ผาน จาํ นวน ๑ ตวั ชว้ี ัด ไดผ ลการประเมนิ ระดับไมผ าน ตัง้ แต ๑ ตัวชี้วัด ขน้ึ ไป
๑๓๘ คณุ ลักษณะอันพึงประสงคข อท่ี ๖ มงุ มัน่ ในการทาํ งาน ตวั ช้วี ดั ๖.๑ ต้ังใจและรับผิดชอบในหนาท่ีการงาน ๖.๒ ทาํ งานดวยความเพียรพยายาม และอดทนเพอื่ ใหงานสาํ เร็จตามเปา หมาย ระดบั เกณฑก ารพจิ ารณา ดเี ยยี่ ม (๓) ๑. ไดผลการประเมินระดับดเี ยีย่ มทุกตวั ช้ีวัด ๑. ไดผ ลการประเมินระดบั ดเี ย่ียม จํานวน ๑ ตวั ชีว้ ัดและระดับดี ดี (๒) จาํ นวน ๑ ตวั ช้ีวัด หรอื ๒. ไดผลการประเมนิ ระดับดีทกุ ตัวชวี้ ดั ผาน (๑) ๑. ไดผลการประเมนิ ระดบั ผานทุกตวั ช้วี ดั หรือ ไมผ า น (๐) ๒. ไดผลการประเมนิ ตัง้ แตระดบั ดขี ึ้นไป จํานวน ๑ ตัวชว้ี ดั และระดับผา น จาํ นวน ๑ ตัวชว้ี ัด ไดผ ลการประเมินระดบั ไมผา น ตง้ั แต ๑ ตวั ชี้วัด ขนึ้ ไป คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคข อท่ี ๗ รกั ความเปนไทย ตัวชว้ี ัด ๗.๑ ภาคภมู ิใจในขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะ วฒั นธรรมไทยและ มีความกตัญกู ตเวที ๗.๒ เหน็ คุณคาและใชภ าษาไทยในการส่อื สาร ไดอยางถกู ตองเหมาะสม ๗.๓ อนุรกั ษแ ละสบื ทอดภูมปิ ญ ญาไทย ระดบั เกณฑการพจิ ารณา ดเี ยีย่ ม (๓) ๑. ไดผลการประเมินระดับดีเย่ียม จํานวน ๒-๓ ตัวชี้วัด และไมมีตัวช้ีวัดใด ไดผลการประเมินตํา่ กวา ระดบั ดี ดี (๒) ๑. ไดผลการประเมินระดับดีเย่ียม จํานวน ๑ ตัวช้ีวัด และระดับดี จํานวน ๒ ตัวชี้วดั หรือ ผา น (๑) ๒. ไดผลการประเมินระดับดีทุกตวั ช้วี ัด หรอื ๓. ไดผลการประเมินต้ังแตระดับดีข้ึนไป จํานวน ๒ ตัวชี้วัด และระดับผาน ไมผา น (๐) จาํ นวน ๑ ตวั ช้วี ัด ๑. ไดผลการประเมินระดับผา นทกุ ตัวช้ีวดั หรือ ๒. ไดผลการประเมนิ ตัง้ แตระดับดขี ้นึ ไป จาํ นวน ๑ ตัวชว้ี ัด และระดับผา น จํานวน ๒ ตัวชว้ี ัด ไดผ ลการประเมินระดับไมผ า นตง้ั แต ๑ ตัวช้ีวดั ขนึ้ ไป
๑๓๙ คุณลักษณะอันพึงประสงค ขอ ท่ี ๘ มีจติ สาธารณะ ตวั ชว้ี ัด ๘.๑ ชว ยเหลือผูอื่นดวยความเตม็ ใจและพึงพอใจ ๘.๒ เขารว มกจิ กรรมทีเ่ ปน ประโยชนตอโรงเรยี น ชุมชน และสงั คม ระดบั เกณฑการพิจารณา ดีเยย่ี ม (๓) ๑. ไดผลการประเมินระดับดีเยี่ยมทกุ ตวั ชว้ี ัด ๑. ไดผลการประเมินระดบั ดีเยี่ยม จาํ นวน ๑ ตัวช้วี ดั และระดบั ดี ดี (๒) จํานวน ๑ ตวั ชว้ี ดั หรอื ๑. ไดผลการประเมินระดับดีทกุ ตวั ช้ีวัด ผาน (๑) ๑. ไดผลการประเมนิ ระดับผา นทกุ ตัวช้วี ัด หรือ ไมผ า น (๐) ๒. ไดผ ลการประเมนิ ต้งั แตร ะดับดขี นึ้ ไป จํานวน ๑ ตวั ชว้ี ดั และ ระดบั ผา น จาํ นวน ๑ ตวั ชวี้ ดั ไดผลการประเมนิ ระดับไมผ าน ต้ังแต ๑ ตวั ชีว้ ัด ขึน้ ไป
๑๔๐ ๒.๘.๒ เกณฑพิจารณาสรุปผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค แตละคุณลักษณะของผูเรียนจากคณะกรรมการ ระดบั เกณฑการประเมิน ดีเยยี่ ม (๓) ไดผลการประเมินระดับดีเยี่ยมมากกวาหรือเทากับรอยละ ๖๐ของ จํานวนผปู ระเมนิ และไมมผี ลการประเมนิ ต่ํากวาระดบั ดี ๑. ไดผ ลการประเมินระดับดเี ยยี่ มนอยกวา รอ ยละ ๖๐ ของจํานวนผู ดี (๒) ประเมนิ และไมมีผลการประเมินต่ํากวา ระดบั ดี หรือ ๒. ไดผลการประเมินระดับดีขึ้นไปมากกวาหรือเทากับรอยละ ๖๐ ของ จาํ นวนผปู ระเมนิ และมผี ลการประเมนิ สว นทเี่ หลืออยใู นระดบั ผาน ผา น (๑) ๑. ไดผ ลการประเมินระดบั ผา นมากกวา รอยละ ๖๐ ของจาํ นวนผู ประเมนิ และไมม ีผลการประเมินต่ํากวา ระดับผา น ไมผ าน (๐) มผี ลการประเมินระดับไมผ า น จากผูประเมนิ ต้ังแต ๑ คนขึน้ ไป
๑๔๑ ๒.๘.๓ เกณฑพิจารณาสรุปผลการประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค รายป/ รายภาค ของผูเรียนรายบคุ คล ระดับ เกณฑก ารประเมนิ ดีเยยี่ ม (๓) ๑. ไดผลการประเมินระดบั ดีเยีย่ มจํานวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และ ไมม ีคณุ ลกั ษณะใดไดผ ลการประเมินตาํ่ กวา ระดบั ดี ดี (๒) ๑. ไดผ ลการประเมินระดบั ดีเยีย่ ม จํานวน ๑-๔ คณุ ลกั ษณะและ ไมม ีคณุ ลกั ษณะใดไดผลการประเมนิ ตา่ํ กวาระดับดี หรือ ผา น (๑) ๒. ไดผลการประเมนิ ระดบั ดี ท้งั ๘ คณุ ลักษณะ หรือ ไมผา น (๐) ๓. ไดผลการประเมินตั้งแตระดับดีขึ้นไปจํานวน ๕-๗ คุณลักษณะ และมบี างคณุ ลักษณะไดผลการประเมนิ ระดับผาน ๑. ไดผลการประเมนิ ระดับผานท้ัง ๘ คุณลักษณะ หรอื ๒. ไดผลการประเมินตั้งแตระดับดี ขึ้นไป จํานวน ๑-๔ คุณลักษณะ และคุณลักษณะทเ่ี หลือไดผลการประเมนิ ระดบั ผา น ไดผลการประเมินระดับไมผ า น ต้งั แต ๑ คณุ ลกั ษณะขนี้ ไป ๒.๘.๔ เกณฑพิจารณาสรุปผลการประเมินรวมทุกคุณลักษณะอันพึงประสงค แตล ะระดับการศึกษา ระดับ เกณฑก ารประเมิน ดีเยยี่ ม (๓) ๑. ไดผ ลการประเมนิ ระดับดีเยีย่ ม จาํ นวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และ ไมมคี ุณลกั ษณะใดไดผลการประเมนิ ต่าํ กวาระดับดี ๑ . ไดผลการประเมินระดับดีเยย่ี ม จํานวน ๑-๔ คณุ ลักษณะ และ ไมมีคุณลักษณะใดไดผ ลการประเมนิ ตํา่ กวา ระดบั ดี หรือ ดี (๒) ๒. ไดผ ลการประเมนิ ระดับดี ทง้ั ๘ คุณลักษณะ หรอื ๓. ไดผ ลการประเมนิ ตั้งแตร ะดบั ดขี น้ึ ไป จาํ นวน ๕-๗ คุณลกั ษณะ และมีบางคุณลกั ษณะไดผ ลการประเมนิ ระดับผา น ๑. ไดผ ลการประเมินระดับผานท้งั ๘ คณุ ลักษณะ หรือ ผา น (๑) ๒. ไดผลการประเมนิ ต้ังแตร ะดับดีข้นึ ไปจํานวน ๑-๔ คณุ ลกั ษณะ และ คณุ ลกั ษณะทเี่ หลอื ไดผลการประเมนิ ระดบั ผา น ไมผาน (๐) ไดผลการประเมนิ ระดับไมผา น ตัง้ แต ๑ คุณลกั ษณะขนึ้ ไป
๑๔๒ บทที่ ๔ การรายงานผลการประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค เม่ือสถานศึกษาไดดําเนินการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงค ซึ่งอาจ ดําเนินการไดหลายแนวทาง เชน บูรณาการในกลุมสาระการเรียนรู ๘ กลุมสาระ จัดในกิจกรรม พัฒนาผูเ รียน จดั เปนโครงการหรอื กจิ กรรม หรอื ปลกู ฝงโดยสอดแทรกในกิจวัตรประจําวันตามความ เหมาะสมของแตละสถานศึกษาแลว คณะกรรมการท่ีไดรับการแตงตั้งจากสถานศึกษาหรือ ผูท่ีรับผิดชอบตองดําเนินการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคของผูเรียน เพื่อใหเปนไปตามเกณฑ การจบการศึกษาทั้ง ๓ ระดับ คือ ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนตน และระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย ซ่ึงเปนเกณฑกลางการจบการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ซ่ึงกําหนดไววา ผูเรียนทุกระดับจะตองมีผลการประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงคในระดบั ผานเกณฑการประเมินตามทสี่ ถานศึกษากําหนด ในการวัดและประเมินผลตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ น้ัน ตองต้ังอยูบนหลักการพื้นฐาน ๒ ประการ คือ การประเมินเพ่ือพัฒนาและเพื่อตัดสิน ผลการเรียน ขอมูลการประเมินจะเปนประโยชนตอสถานศึกษาในการตรวจสอบ ทบทวน พัฒนา คุณภาพผูเรียน ซ่ึงถือเปนภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาท่ีจะตองจัดระบบดูแล ชวยเหลือ ปรับปรุง แกไข สงเสริม สนับสนุน เพ่ือใหผูเรียนไดพัฒนาเต็มตามศักยภาพ ดังน้ัน เม่ือมีการ ประเมินผลผูเรียนในดานตาง ๆ ตามท่ีหลักสูตรกําหนด จึงจําเปนตองมีการรายงานผลใหผูที่มีสวน รบั ผิดชอบในการพัฒนาผูเรียนไดรับทราบผลของการประเมนิ ดวย การรายงานผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคมีจุดมุงหมายเพื่อแจงคุณภาพ ของผูเรียนในสวนของคุณลักษณะอันพึงประสงคใหผูเกี่ยวของทราบ เพื่อใชเปนขอมูลในการ ปรับปรุง แกไข สงเสริมและพัฒนาผูเรียน ตลอดจนใชเปนขอมูลของสถานศึกษาในการกําหนด นโยบาย วางแผนในการพัฒนาคุณภาพผเู รียน การดําเนนิ การครอบคลุมเร่ืองตาง ๆ ดังน้ี ๑. ผูรบั ผดิ ชอบในการรายงาน ผรู บั ผิดชอบในการรายงานผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคคือครูประจํา ช้ันหรอื ครูทปี่ รกึ ษา โดยมีครูวัดผลเปนผตู รวจสอบและประมวลผลขอมูลของผูเรยี นแตล ะคน ๒. กลมุ เปาหมายในการรายงาน การรายงานผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคของผูเรียน ควรแจง ผมู ีสว นเกย่ี วของ ดงั น้ี - ผูเรียน - ครูทป่ี รกึ ษา/ ครปู ระจําช้ัน
๑๔๓ - ครผู สู อน - ครูวดั ผล/ ครฝู า ยวชิ าการ - นายทะเบียน - ครูแนะแนว - คณะกรรมการบรหิ ารหลกั สูตรและวชิ าการ - คณะกรรมการสถานศึกษา - ผูบ ริหารสถานศึกษา - ผปู กครอง ฯลฯ ๓. ระยะเวลาในการรายงาน การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคเปนการประเมินอยางตอเนื่อง อาจเปน รายสัปดาห รายเดือน รายภาค และรายป สวนการรายงานผลการประเมินควรสรุปและรายงาน ใหก ลุมเปา หมายทราบเปน ระยะ ๆ หรืออยางนอยภาคเรียนละ ๑ คร้ัง ๔. แบบรายงานผลการประเมนิ ผูที่ไดรับมอบหมายใหรายงานผลควรดําเนินการเก็บขอมูลในชวงเวลาหนึ่ง แลวนําผลมาวิเคราะห แปลผลเพ่ือรายงานผูเก่ียวของ โดยบันทึกขอมูลที่ไดจากการสรุปผลให ครบถวน ในกรณีท่ีผูเรียนคนใดควรไดรับการพัฒนาคุณลักษณะอันพึงประสงคก็บันทึกไวดวย ดัง ตวั อยา งตอไปนี้ (แบบที่ ๑)
๑๔๔ (ตวั อยา ง) แบบรายงานผลการประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค ช้นั ......................... ปก ารศึกษา................................ ชอ่ื นักเรียน ......................................................... เลขประจาํ ตวั ....................................เลขท่.ี .............. ขอ ท่ี คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค ภาคเรียนที่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ สรุป ๑ รักชาติ ศาสนา กษตั ริย ไมผ าน ผาน ดี ดเี ยยี่ ม ไมผา น ผา น ดี ดีเย่ยี ม (๐) (๑) (๒) (๓) (๐) (๑) (๒) (๓) ๒ ซอื่ สัตย สุจริต ๓ มวี ินัย ๔ ใฝเ รยี นรู ๕ อยูอยา งพอเพยี ง ๖ มงุ ม่นั ในการทํางาน ๗ รกั ความเปนไทย ๘ มีจิตสาธารณะ สรุป ผลการตัดสินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค ๐ ไมผา น ๑ ผาน ๒ ดี ๓ ดีเยยี่ ม คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคท คี่ วรไดร ับการพฒั นา .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. .................................................................................................................................................................. (ลงช่อื ) ........................................................ (.........................................................) ครูประจาํ ชน้ั /ครูท่ปี รกึ ษา หมายเหตุ ใชไ ดท ุกระดบั การศึกษา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208