89 นาม วา่ ดว้ ยบททปี่ ระกอบวภิ ัตตินาม ๓. นบิ าตบอกสถานที่ สมนตฺ า ในท่โี ดยรอบ เช่น สมนตฺ า จกฺกวาเฬสุ อตรฺ าคจฺฉนตฺ ุ เทวตา สทฺธมมฺ ํ มนุ ริ าชสสฺ สณุ นตฺ ุ สคคฺ โมกขฺ ทํ อ.เทวดา ท. ในจกั วาฬ ท. ในที่โดยรอบ ขอจงมา ในท่นี ี้ จงฟงั ซ่งึ พระสัทธรรม อันใหซ้ ึง่ สวรรค์ และนิพพาน ของพระจอมมุนี สามนตฺ า ในทใี่ กล,้ ในทโ่ี ดยรอบ เชน่ ราชคหสสฺ สามนตฺ า เวปลุ ลฺ ปพพฺ ตพภฺ นตฺ เร ในระหวา่ ง แห่งภูเขาเวปลุ ละ ในทใี่ กล้ แหง่ เมอื งราชคฤห์ ปริโต ในทีโ่ ดยรอบ เช่น ปริโต คามํ วสติ ย่อมอยู่ ในทโ่ี ดยรอบ แหง่ หมบู่ า้ น อภิโต ในภายใน เช่น มจุ ลนิ ทฺ ํ สรํ อภิโต ในภายใน แห่งสระมุจลินท์ สมนฺตโต ในทรี่ อบๆ เช่น อคฺยาคารํ สมนฺตโต แวดลอ้ มแล้ว ซึ่งโรงไฟ ในทร่ี อบๆ เอกชฺฌ ํ ในสว่ นหนึ่ง เชน่ เอกชฌฺ ํ สนนฺ ปิ ตึสุ ประชมุ กนั แลว้ ในส่วนหนึ่ง เอกมนฺต ํ ในทีส่ มควรข้างหน่งึ เชน่ เอกมนตฺ ํ อฏฺาสิ ไดย้ นื อยูแ่ ลว้ ในท่ีสมควรขา้ งหนง่ึ เหฏฺา ในภายใต้ เชน่ มญจฺ สสฺ เหฏฺา ในภายใต้ แหง่ เตียง อุปร ิ ในเบื้องบน เช่น ปาทตลโต อปุ ริ ในเบ้อื งบน จากชน้ั แห่งพนื้ อทุ ธฺ ํ ในเบือ้ งบน เชน่ อทุ ฺธํ ปาทตลา ในเบอื้ งบน จากชัน้ แห่งพนื้ อโธ ในเบ้ืองล่าง เช่น อโธ เกสมตฺถกา ในเบื้องลา่ ง จากปลายแห่งผม ติรยิ ํ ในดา้ นขวาง เช่น นาโค คนฺตวฺ า คตมคเฺ ค ตริ ยิ ํ อฏฺ าสิ อ.ชา้ งพลาย ไปแล้ว ไดย้ ืนแล้วขวาง ในทางเปน็ ทีเ่ สดจ็ ไป สมฺมขุ า ในท่ีเฉพาะหนา้ เชน่ โส ตปํ ิ สมมฺ ขุ า ติ ํ ทสิ วฺ า อ.เขา เหน็ แลว้ ซง่ึ บคุ คลแมน้ นั้ ผู้ยืนแล้ว ในที่เฉพาะหน้า ปรมฺมขุ า ในทีล่ ับหลัง เช่น กถํ ปรมมฺ ุขา วิกปปฺ นา โหตีติ อ.การใคร่ครวญ ย่อมมี ในทล่ี ับหลงั ไดอ้ ยา่ งไร? อาว ิ ในทแี่ จง้ , แจม่ แจง้ เชน่ อาวิ ภวิสฺสติ จักมี อยา่ งแจ่มแจง้ รโห ในท่ลี บั เชน่ รโห ติฏฺ ติ ยนื อยู่ ในทล่ี บั ตโิ ร ในฝ่ังข้างนอก เช่น ตโิ รปากาเร ในฝ่ังขา้ งนอกแหง่ ก�ำแพง อุจจฺ ํ ในทส่ี งู เชน่ อุจฺจํ นิปนฺโน นอนแล้ว ในท่ีสูง นจี ํ ในที่ตำ�่ เชน่ นีจํ นสิ ีทิ น่ังแล้ว ในทตี่ ่�ำ อนฺโต ในภายใน เชน่ อนโฺ ตกฏุ เฺ ฏ ปทโี ป วยิ ราวกะ อ.ประทบี ในภายใน แหง่ ฝา อนฺตรา ในระหว่าง เช่น อนตฺ ราจราชคหํอนตฺ ราจนาฬนทฺ ํอทธฺ านมคคฺ ปปฺ ฏปิ นโฺ น อ.พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ด�ำเนินไป สู่หนทางไกล ในระหว่างแห่งเมืองราชคฤห์ด้วยในระหว่างแห่งเมือง นาฬนั ทาดว้ ย ย่อมเป็น
90 ไวยากรณบ์ าลีเบ้อื งต้น อชฺฌตฺต ํ ในภายใน เชน่ ยงฺกิญฺจิ รูปํ อตตี านาคตปจจฺ ปุ ปฺ นฺนํ อชฌฺ ตฺตํ วา พหทิ ฺธา วา... อภิสญฺญหู ิตฺวา อภิสงขฺ ิปิตวฺ า... อ.รูป อย่างใดอยา่ งหนงึ่ ทเี่ ปน็ อดตี อนาคต และ ปัจจุบัน ยอ่ แลว้ สรปุ แล้ว ซ่ึงรูปน้ัน ในส่วนหน่ึง ในภายใน หรือ หรือว่า ในภายนอก... พหทิ ธฺ า ในภายนอก เช่น พหิทฺธา ธมฺมา อ.ธรรม ท. ในภายนอก พาหริ า ในภายนอก เชน่ พาหริ า อาลินเฺ ท นสิ ีทิ น่งั แล้ว ท่ีระเบียง ในภายนอก พาหริ ํ ในภายนอก เชน่ พาหริ ํ อาลนิ เฺ ท นปิ นโฺ น นอนแลว้ ทร่ี ะเบยี ง ในภายนอก พห ิ ในภายนอก เช่น พหิ อาลนิ เฺ ท นิปนฺโน นอนแลว้ ที่ระเบียง ในภายนอก โอร ํ ในฝั่งน,้ี ท่ีฝงั่ ใน เช่น โอรํ สมทุ ทฺ สสฺ อตติ ตฺ รโู ป มรี ปู อนั ไมอ่ ม่ิ แหง่ สมทุ ร ในฝง่ั ใน ปาร ํ ในฝ่ังโน้น, ท่ฝี ัง่ นอก เชน่ ปารํ สมทุ ทฺ สสฺ ปิ ปตฺถเยถ พึงปรารถนา แมแ้ หง่ สมทุ ร ท่ฝี งั่ นอก อารา ในที่ห่างไกล เช่น อารา สิงฆฺ ามิ วารชิ ํ อ.เรา ย่อมสดู กลน่ิ ซ่ึงปลา ในที่ห่างไกล อารกา ในท่หี ่างไกล เช่น อารกา ปริวชฺเชหิ อ.ท่าน จงเว้น ในท่ีห่างไกล ปจฉฺ า ในภายหลงั เช่น ปจฺฉา น หาเยถ ไมพ่ ึงเสื่อม ในภายหลัง ปุเร ในกาลก่อน เช่น อหํ ปเุ ร สญฺมสิ สฺ ํ อ.เรา จักส�ำรวม ในกาลกอ่ น หรุ ํ ในโลกอืน่ เชน่ อธิ วา หรุ ํ วา ในโลกน้ี หรอื หรอื ว่า ในโลกอื่น เปจจฺ ในโลกหนา้ เชน่ ส เว เปจจฺ น โสจติ อ.เขาแล ยอ่ มไมเ่ ศรา้ โศก ในโลกหนา้ ๔. นบิ าตบอกปริจเฉท (การก�ำหนด) ยาว เพยี งใด เชน่ ยาวสสฺ กาโย สสฺ ติ อ.พระวรกาย ของพระผมู้ พี ระภาคนน้ั จกั ด�ำรง อยู่เพียงใด? ตาว เพยี งน้นั เช่น ตาว นํ ทกฺขนฺติ เทวมนุสสฺ า อ.เทวดาและมนุษย์ ท. ยอ่ มเหน็ ซึ่งพระวรกายน้ัน เพียงนนั้ ยาวตา เพยี งใด เชน่ ยาวตา ภกิ ขฺ เว กาสโิ กสลา ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. อ.แควน้ กาสี และแควน้ โกศล ท. มีอยู่ เพียงใด? ตาวตา เพยี งนน้ั เชน่ ตาวตา ตวฺ ํ ภวสิ สฺ สิ อิสิ วา อสิ ิตฺถาย วา ปฏิปนฺโน อ.เธอ เปน็ ฤาษี หรอื หรอื วา่ เปน็ ผปู้ ฏบิ ตั ิ เพอ่ื ความเปน็ ฤาษี เพยี งน้ัน
91 นาม วา่ ดว้ ยบททปี่ ระกอบวภิ ัตตินาม กิตตฺ าวตา มปี ระมาณเพียงไร เชน่ กติ ตฺ าวตา นุ โข ภนเฺ ต อปุ าสโก โหตตี ิ ขา้ แตพ่ ระองค์ ผเู้ จรญิ อ.บุคคล ชอื่ ว่าเปน็ อบุ าสก ดว้ ยเหตมุ ี ประมาณเทา่ ไร? ดังนี้ เอตตฺ าวตา มีประมาณเพยี งน้ ี เช่น เอตตฺ าวตา โข มหานาม อปุ าสโก โหตตี ิ ดกู อ่ นมหานามะ อ.บุคคล ชื่อวา่ เป็นอบุ าสก ด้วยเหตมุ ปี ระมาณเพียงนี้ ดงั นี้ กวี เพียงไร เชน่ กีว ทูโร คาโม อ.หมบู่ า้ น ไกล เพยี งไร? ๕. นิบาตบอกอปุ มา-อปุ ไมย ยถา ฉนั ใด เช่น นครํ ยถา ปจจฺ นตฺ ํ คตุ ตฺ ํ สนตฺ รพาหริ ํ อ.เมอื ง อนั ตงั้ อยู่ ในที่สุด ปลายแดน อันบคุ คล คุม้ ครองแลว้ ในภายใน และในภายนอก ฉันใด ตถา ฉนั นัน้ เชน่ ตถปู มํ สปฺปรุ สิ ํ วทามิ อ.เรา ย่อมกล่าว ซ่ึงสตั บรุ ุษ ว่า ไม่หวัน่ ไหว อันมเี สาเขอื่ นเป็นเครอ่ื งเปรียบ ฉนั น้นั ยเถว ฉันใดน่นั เทยี ว เช่น ยเถว ตฺยาหํ วจนํ อ.เรา จะท�ำ ซึ่งคำ� ของท่าน ฉันใด น่นั เทยี ว ตเถว ฉันนั้นน่นั เทยี ว เชน่ ตเถว สทโฺ ธ สตุ วา อภสิ งขฺ จจฺ โภชนํ อ.บคุ คลผมู้ ศี รทั ธา เป็นพหสู ตู ร ปรงุ แต่งแลว้ ซ่ึงโภชนะ ย่อมเล้ียงดู ใหอ้ มิ่ หน�ำ เหมือนอย่างน้ันนน่ั เทียว เอว ํ ฉนั นั้น เชน่ เอวํ วิชติ สงคฺ ามํ สตฺถวาหํ, อนุตตฺ รํ อ.สาวก ท. ยอ่ มบำ� รุง ซ่ึงพระผู้มพี ระภาค ผู้ยอดเยีย่ ม เป็นดุจนายกองเกวียน ผมู้ ีสงครามอนั ชนะแลว้ เหมอื นอยา่ งนน้ั เอวเมว ฉันนัน้ น่ันเทยี ว เชน่ เอวเมว ตวฺ มฺปิ ปมญุ จฺ สสฺ ุ สทฺธํ แม้ อ.เธอ จงปลอ่ ย ซงึ่ ศรัทธา เหมือนอย่างน้นั เอวเมว ํ ฉันนั้นน่นั เทยี ว เชน่ เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปรยิ าเยน ธมโฺ ม ปกาสโิ ต อ.พระธรรม อนั พระโคดม ผเู้ จริญ ทรงประกาศแล้ว โดยอเนกปริยาย ฉันน้ันนัน่ เทียว เอวมฺป ิ แมฉ้ ันนนั้ เช่น เอวมปฺ ิ โย เวทคู ภาวติ ตฺโต อ.บคุ คลใด ผ้มู ีตน อันอบรมแลว้ เปน็ ผูถ้ งึ ซึ่งพระนิพพาน แมฉ้ ันน้ัน ยถาป ิ แม้ฉนั ใด, ฉันใด เช่น ยถาปิ รหโท คมภฺ โี ร วิปปฺ สนฺโน อนาวิโล อ.หว้ งน�ำ้ อนั ลึก อนั ใสสะอาดแล้ว ไม่ขุ่นมวั แมฉ้ นั ใด
92 ไวยากรณ์บาลเี บ้ืองตน้ เสยฺยถาป ิ แม้ฉนั ใด เชน่ เสยยฺ ถาปิ ภกิ ขฺ เว มหารกุ โฺ ข ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. อ.ตน้ ไมใ้ หญ่ แมฉ้ ันใด เสยยฺ ถาปิ นาม ช่ือแมฉ้ นั ใด เชน่ เสยฺยถาปิ นาม มหตี นงคฺ ลสีสา อ.งอนไถ อันใหญ่ ชือ่ แมฉ้ ันใด วยิ ราวกะ, ดจุ เช่น หตถฺ ปิ ปฺ ภนิ นฺ ํ วยิ องกฺ สุ คคฺ โห ราวกะ อ.นายควาญชา้ ง ปราบอยู่ ซงึ่ ช้างตัวตกมนั อิว เพยี งดัง, เหมอื น เชน่ ตูลํ ภฏฺวํ มาลุโต เพยี งดัง อ.ลม พดั ไปอยู่ ซงึ่ ปุยนุ่น ให้ลอยไป ยถรวิ ฉนั ใดนน่ั เทียว เชน่ ยถริว โภตา โคตเมน ด้วยพระโคดมผูเ้ จรญิ ฉันใดนั่นเทยี ว ตถรวิ ฉนั นน้ั นนั่ เทียว เช่น ตถริว ภควา อ.พระผมู้ ีพระภาคเจา้ ฉนั น้ันนัน่ เทยี ว ยถานาม ชื่อฉนั ใด เช่น ยถานาม วปิ ปฺ วาสา อาคตํ ปุตตฺ ํ มาตา สกึ อภนิ นทฺ ติ อ.มารดา ผู้อยู่ปราศจาก เหน็ แล้ว ซึง่ บตุ ร ผมู้ าแลว้ ยอ่ มยินดียิง่ ครง้ั หนงึ่ ชื่อฉนั ใด ตถานาม ชือ่ ฉันน้นั เชน่ ตถานาม ภควา เหมอื นพระผมู้ พี ระภาคเจ้า ยถาห ิ ฉนั ใด เชน่ ยถาหิ เมโฆ ถนยํ อ.เมฆ ค�ำรามอยู่ ฉนั ใด ตถาห ิ ฉันน้ัน เช่น ตถาหิ ภควา เหมอื นพระผูม้ พี ระภาคเจ้า ยถาจ ฉนั ใด เช่น ยถาจ มหาราช ขา้ แตม่ หาบพติ ร ...ฉันใดน่นั เทียว ตถาจ ฉันนนั้ เชน่ ตถาจ ภควา เหมอื นพระผูม้ พี ระภาคเจ้า ๖. นบิ าตบอกประการ เอว ํ ดว้ ยประการฉะน ี้ เชน่ เอวํ ปสสํ ยิ ภาวํ อาปชชฺ ิ อ.บรุ ษุ นน้ั ถงึ แลว้ ซง่ึ ความเปน็ แห่งบุคคลผู้อนั บัณฑติ พึงสรรเสริญ ด้วยประการฉะนี้ ยถา โดยประการใด เช่น ยถา สา ราชานํ น ปสสฺ ิสฺสติ อ.หญิงนน้ั จกั ไม่เห็น ซ่งึ พระราชา โดยประการใด ตถา โดยประการน้ัน เช่น ตถาหํ กรสิ สฺ ามิ อ.เรา จกั กระทำ� โดยประการน้นั ๗. นบิ าตบอกปฏเิ สธ น ไม ่ เช่น น วาหํ ปณฺณํ ภญุ ฺชามิ อ.เรา จะไม่กิน ซง่ึ ผัก แน่นอน โน ไม่ เช่น สภุ าสิตํว ภาเสยฺย โน จ ทุพฺภาสติ ํ ภเณ อ.บคุ คล ควรพูด ซึง่ คำ� อนั เป็นสุภาษติ เทียว อน่งึ ไมค่ วรพูด ซ่งึ คำ� อันเปน็ ทพุ ภาสติ
93 นาม วา่ ด้วยบททีป่ ระกอบวภิ ัตตินาม มา อยา่ เช่น มา เอวมกตถฺ อ.ทา่ น ท. อยา่ ได้กระท�ำแลว้ อยา่ งน้ี อ ไม่ เชน่ อญฺ าตํ อสุตํ อทิฏฺํ อวทิ ติ ํ อสจฺฉกิ ตํ อปสสฺ ิตํ ปฺ าย อันเรา ไม่ร้แู ล้ว ไม่ไดย้ ินแล้ว ไมเ่ ห็นแลว้ ไม่เขา้ ใจแลว้ ไม่กระจา่ งแลว้ ไม่บรรลแุ ล้ว ดว้ ยปัญญา อลํ อย่าเลย, พอละ เชน่ อลํ เต อธิ วาเสน อย่าเลย ดว้ ยการอยู่ ในที่น้ี แก่ท่าน หลํ อย่าเลย, ไมค่ วร เชน่ หลํ ทานิ ปกาสติ ุํ ไมค่ วร เพอ่ื อนั แสดง ในกาลน้ี เอว, ว นั่นเทียว, เทา่ นั้น เช่น ปุพฺเพว เม ภกิ ขฺ เว สมโฺ พธา อนภิสมฺพุทธฺ สสฺ โพธสิ ตตฺ สเฺ สวสโต เอตทโหสิ อ.ความปรวิ ติ กนี้ ไดม้ แี ลว้ แก่เรา ผู้มิได้ตรัสรู้ สัมโพธิญาณ ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ นน่ั เทยี ว มอี ยู่ ในกาลกอ่ น นนั่ เทยี ว แตก่ าลเปน็ ทตี่ รสั รู้ กิร ไดย้ ินว่า ๘. นบิ าตบอกความได้ยนิ เลา่ ลอื เชน่ เอวํ กริ อกาสิ ไดย้ นิ วา่ อ.เธอ ไดก้ ระทำ� แลว้ อยา่ งนหี้ รอื ? ขลุ ได้ยนิ วา่ เช่น สมาโน ขลุ โภ โคตโม ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ได้ยินว่า อ.พระสมณะ ผโู้ คดม มอี ยู่ สทุ ํ ได้ยนิ ว่า เชน่ โส สทุ ํ เถโร มหลลฺ กกาเล ปพพฺ ชิ ไดย้ นิ วา่ อ.พระเถระนนั้ บวชแล้ว ในกาลแหง่ ตนเป็นคนแก่ ๙. นิบาตบอกความปรกิ ปั (ก�ำหนดเงอื่ นไข) เจ หากว่า เชน่ มํ เจ ตวฺ ํ นกิ ขฺ ณํ วเน หากวา่ อ.ทา่ น ฝงั ไว้ ซง่ึ เรา ในปา่ ไซร้ สเจ ถ้าว่า เชน่ สจาหํ อปปฺ มตโฺ ต ภเว ถา้ วา่ อ.เรา เปน็ ผไู้ มป่ ระมาทแลว้ พงึ เปน็ ไซร้ ยท ิ ผิวา่ เชน่ ยทมิ สสฺ โลกนาถสสฺ , วริ ชฌฺ สิ สฺ าม สาสนํ ผวิ า่ อ.เรา ท. จักผดิ ซึ่งค�ำสอน ของพระโลกนาถนน้ั ไซร้ อถ ถ้าวา่ เชน่ อถาหํ ปมวเย ปพฺพเชยยฺ ํ ถ้าว่า อ.เรา พึงบวช ในปฐมวัย ไซร้ อปเฺ ปว ไฉนหนอ เชน่ อปฺเปว มํ ภควา อฏฐฺ กิ ํ โอวเทยฺย ไฉนหนอ อ.พระผู้มี พระภาค พงึ สั่งสอน ซ่ึงเรา ด้วยดี อปฺเปว นาม ชอ่ื แม้ไฉน, ไฉนหนอ เชน่ อปเฺ ปวนาม อยมายสฺมา อนโุ ลมิกานิ เสนาสนานิ ปฏเิ สวมาโน อฺมาราเธยยฺ ไฉนหนอ? อ.ท่านผู้มีอายุน้ี ใช้สอยอยู่ ซงึ่ เสนาสนะ ท. อันสปั ปายะ พงึ บรรลุ ซึ่งพระอรหนั ต์
94 ไวยากรณบ์ าลีเบอื้ งต้น นุ หนอ เช่น กึ นุ โขสมฺ ,ิ กถํ นุ โขสมฺ ิ อ.เรา จะเปน็ อะไรหนอแล ยอ่ มเปน็ ยนนฺ ูน ไฉนหนอ, กระไรหนอ เชน่ ยนฺนนู าหํ เอโกว วเสยยฺ ามิ ไฉนหนอ อ.เรา ผู้เดยี วเทยี ว พงึ อยู่ ๑๐. นิบาตบอกความถาม (ปจุ ฺฉนตฺถ) กจฺจิ หรอื , แลหรอื เช่น กจฺจิ ภกิ ขฺ เว ขมนีย,ํ กจฺจิ ยาปนยี ํ ดูกอ่ นภกิ ษุ ท. อ.อัตภาพ อันเธอ ท. ยังพอทนได้หรอื , อ.อัตภาพ อันเธอ ท. ยงั พอ ใหเ้ ป็นไปไดห้ รอื ? นุ หรือ, หนอ เชน่ โก นุ โข ภนฺเต เหตุ สิตสสฺ ปาตกุ มมฺ าย ข้าแต่พระองคผ์ ูเ้ จรญิ อ.อะไรหนอแล เปน็ เหตุ แห่งการแยม้ ท�ำให้ปรากฏ กินนฺ ุ หรอื หนอ, เหตุใด เช่น กนิ นฺ ุ สนตฺ รมาโนว รบี เรง่ อยเู่ ทยี ว เพราะเหตอุ ะไรหนอ? กถํ อยา่ งไร เชน่ กถํ สุ ตรติ โอฆํ ยอ่ มขา้ ม ซงึ่ โอฆะ (หว้ งนำ�้ ) ไดอ้ ยา่ งไร? กึส ุ อะไรส ิ เช่น กสึ ุ เฉตฺวา สุขํ เสติ อ.บคุ คล ตดั แล้ว ซ่ึงอะไรสิ ย่อมนอน เป็นสุข กึ อะไร เช่น กึ เสวมาโน ลภตีธ ปญฺํ อ.บคุ คล ในโลกนี้ เสพอยู่ ซงึ่ อะไร ย่อมได้ ซ่ึงปญั ญา นนุ มิใชห่ รอื เช่น นนุ จ โภ สทฺทกกฺ มานุรูเปน อตเฺ ถน ภวิตพฺพํ แน่ะทา่ นผู้เจริญ ก็ อนั อรรถ พึงมี ตามสมควรแก่ ล�ำดบั ของศัพท์ มใิ ช่หรอื ? เอว ํ อยา่ งนั้น ๑๑. นิบาตบอกความรบั (สมปฺ ฏิจฉฺ นตถฺ ) เชน่ เอวํ ภนเฺ ตติ โข เต ภกิ ขฺ ู ภควโต ปฏสิ สฺ ตุ วฺ า อ.ภกิ ษุ ท. เหลา่ นน้ั รบั แลว้ ซง่ึ พระดำ� รสั ของพระผมู้ พี ระภาค วา่ ข้าแตพ่ ระองค์ผเู้ จรญิ อ.อยา่ งนน้ั สาห ุ ดแี ล้ว เช่น สาหูติ รบั แล้ววา่ อ.ดีละ ดังน้ี ลหุ เบา, ไมเ่ ป็นไร เชน่ ลหูติ รับแลว้ ว่า ไมเ่ ปน็ ไร ดงั น้ี โอปายิก ํ เหมาะสม เชน่ โอปายิกนตฺ ิ รับแลว้ ว่า เหมาะสมแลว้ ดงั นี้ ปตริ ูป ํ สมควร เช่น ปติรปู นฺติ รับแลว้ วา่ สมควรแลว้ ดังนี้ อาม ครบั , คะ่ เช่น อามาวโุ ส ชานามิ ดกู อ่ นผมู้ ีอายุ ครบั อ.ผม ย่อมรู้ สาธ ุ ดลี ะ, ครับ, คะ่ เชน่ สาธุ สุฏฺฐุ ภนฺเต สวํ ริสสฺ ามิ ขา้ แตท่ า่ นผเู้ จริญ ดลี ะ อ.กระผม จักสำ� รวม ดว้ ยดี
95 นาม ว่าดว้ ยบทท่ีประกอบวิภัตตนิ าม ๑๒. นิบาตบอกความเตือน (โจทนตฺถ) อิงฆฺ เชิญเถอะ, เอาเถอะ เชน่ องิ ฺฆ เม ตฺวํ อานนทฺ ปานียํ อาหร ดกู ่อนอานนท์ เอาเถอะ อ.เธอ จงน�ำมา ซึ่งน้ำ� ดมื่ แก่เรา หนทฺ เชิญเถดิ , เอาเถอะ เช่น หนทฺ ทานิ ภกิ ขฺ เว อามนฺตยามิ โว, วยธมมฺ า สงขฺ ารา, อปปฺ มาเทน สมปฺ าเทถ ดูกอ่ นภิกษุ ท. เอาเถอะ ในกาลนี้ อ.เรา ขอเตอื น ซงึ่ เธอ ท., อ.สังขาร ท. มีความเส่ือมไป เป็นธรรมดา, อ.เธอ ท. ยังกิจ จงให้ ถึงพรอ้ ม ดว้ ยความไม่ประมาทเถดิ ๑๓. นบิ าตส�ำหรับผกู ศัพทแ์ ละประโยคมอี รรถเปน็ อเนก จ ด้วย, อนึง่ , ก็, จรงิ อย่ ู ปน ส่วนวา่ , ก็ วา หรือ, บ้าง, ด้วย อป ิ แม้, บ้าง ห ิ ก็, จรงิ อย,ู่ เพราะว่า อปิจ เออก็ ต ุ สว่ นว่า, ก็ อถวา อกี อย่างหนง่ึ ๑๔. นิบาตสกั วา่ เปน็ เคร่อื งท�ำบทใหเ้ ตม็ (ปทปูรณะ) นุ หนอ โข แล ส ุ สิ วต หนอ เว เวย้ หเว เว้ย, แล โว เวย้ ๑๕. นิบาตมีเนอ้ื ความต่างๆ (๑) อตฺถ,ิ สกฺกา, ลพฺภา ใช้ในอรรถ ปฐมาวิภตั ติ อตฺถ ิ มอี ยู่ เช่น ปุตฺตา มตถฺ ิ. อ.บตุ ร ท. ของเรา มอี ยู่ สกฺกา อาจ, สามารถ เชน่ สกฺกา ภกิ ฺขเว อกุสลํ ปชหติ ํุ กุสลํ ภาเวตุํ ดูกอ่ นภิกษุ ท. อนั บคุ คล อาจ เพอ่ื อนั ละ ซงึ่ อกศุ ล เพอ่ื อนั ยงั กศุ ล ใหเ้ จรญิ ลพฺภา ได ้ เชน่ ลพภฺ า ภกิ ขฺ เว ปถวี เกตํุ วิกเฺ กตุํ าเปตํุ โอจินติ ํุ วจิ นิ ิตํุ ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. อ.แผน่ ดนิ อนั บคุ คล พงึ ได้ เพอื่ อนั ซอื้ เพอ่ื อันขาย เพือ่ อนั จำ� นอง เพอื่ อนั ตรวจสอบ เพอื่ อัน เลอื กเฟ้น
96 ไวยากรณบ์ าลีเบอ้ื งต้น (๒) ทิวา, ภยิ โฺ ย, นโม ใชใ้ นอรรถของ ปฐมาวภิ ตั ติ และ ทุตยิ าวิภตั ติ ทวิ า เวลากลางวนั เชน่ รตฺตเึ ยว สมานํ ทิวาติ สญชฺ านนตฺ ิ อ.หม่ชู น ยอ่ มสำ� คญั ซงึ่ เวลากลางคนื นั่นเทียว วา่ เปน็ เวลากลางวัน ภยิ ฺโย ยง่ิ เชน่ อุปฺปชฺชติ สขุ ํ, สุขา ภยิ โฺ ย โสมนสสฺ ํ อ.ความสุข ย่อมเกิดขนึ้ , อ.ความโสมนัส อนั ยง่ิ กว่าความสุข ย่อมเกิดขน้ึ นโม ความนอบนอ้ ม เชน่ นโม เต พุทฺธวรี ตถฺ ุ ขา้ แต่พระพุทธเจ้าผูก้ ลา้ หาญ อ.ความนอบน้อม ขอจงมี แด่พระองค์ (อรรถปฐมา วภิ ัตติ) นโม กโรหิ นาคสสฺ อ.ทา่ น จงกระทำ� ซ่งึ การนอบน้อม แก่พระอรหันต์ (อรรถทตุ ิยาวิภตั ติ) (๓) สย,ํ สาม,ํ สํ, สมมฺ า, กินฺติ ใชใ้ นอรรถของ ตตยิ าวภิ ตั ติ สย ํ ดว้ ยตนเอง เช่น สยํ อภิญฺาย กมุทฺทเิ สยยฺ ํ อ.เรา ตรัสร้แู ล้ว ดว้ ยตนเอง พงึ อา้ ง ซง่ึ ใคร? สาม ํ ด้วยตนเอง เช่น สามํ สจจฺ านิ อภสิ มพฺ ชุ ฌฺ ติ วฺ า ตรสั รยู้ ง่ิ แลว้ ซง่ึ สจั จะ ท. ดว้ ยพระองคเ์ อง ส ํ ด้วยตนเอง เชน่ สมฺพุทโฺ ธ ผู้ตรัสรู้ด้วยพระองคเ์ อง สมมฺ า โดยชอบ เชน่ เย เอวํ ชานนฺติ, เต สมฺมา ชานนตฺ ิ อ.ชน ท.เหลา่ ใด ยอ่ มรู้ อย่างน้,ี อ.ชน ท.เหล่านัน้ ย่อมรู้ โดยชอบ กนิ ฺติ อย่างไร เชน่ กนิ ตฺ ิ เม สาวกา สทธฺ าย วฑเฺ ฒยยฺ ํุ อ.สาวก ท. ของเรา พงึ เจรญิ ด้วยศรัทธา อยา่ งไร? (๔) บทท่ีลง โส, โต และ ธา ปจั จยั เปน็ ที่สุด ลงในอรรถ ตติยาวภิ ัตติ สตุ ตฺ โส โดยสูตร เช่น สตุ ตฺ โส ธมมฺ ํ วาเจยยฺ ยงั อนปุ สมั บนั พงึ ใหก้ ลา่ ว ซง่ึ ธรรม โดยสูตร ปทโส โดยบท, โดยสว่ น เชน่ ปทโส ธมมฺ ํ วาเจยยฺ ยงั อนปุ สมั บนั พงึ ใหก้ ลา่ ว ซง่ึ ธรรม โดยบท อนจิ จฺ โต โดยความไมเ่ ท่ยี ง เชน่ อนิจฺจโต สมมฺ สติ ย่อมพิจารณา โดยความเป็นสภาพ ไม่เท่ียง ทกุ ฺขโต โดยความเป็นทุกข ์ เชน่ ทกุ ขฺ โต สมฺมสติ ย่อมพิจารณา โดยความเปน็ ทุกข์ เอกธา โดยส่วนเดยี ว เชน่ เอเกน วภิ าเคน เอกธา โดยส่วนหนง่ึ ชอ่ื วา่ เอกธา ทฺวิธา โดยสองสว่ น เชน่ ทฺวหี ิ วิภาเคหิ ทฺวิธา โดยสว่ น ท. สอง ชือ่ วา่ ทวฺ ิธา
97 นาม วา่ ดว้ ยบททป่ี ระกอบวิภตั ตินาม (๕) บททีล่ ง ตเว และ ตุํ ปัจจัย เปน็ ทีส่ ดุ ใช้ในอรรถ จตุตถวี ภิ ัตติ กาตเว เพ่ืออันกระท�ำ เช่น ปฺุานิ กาตเว เพื่ออันกระทำ� ซึ่งบุญ ท. ทาตเว เพ่อื อันให ้ เช่น ทานานิ ทาตเว เพ่อื อนั ให้ ซ่ึงทาน ท. กาตุํ เพอื่ อันกระท�ำ เช่น ปฺุ านิ กาตุํ เพอื่ อนั กระทำ� ซ่งึ บุญ ท. กาเรตุํ เพื่ออนั ยงั ...ใหท้ ำ� เชน่ วิหารํ กาเรตุํ เพ่อื อนั ยงั ช่างให้สรา้ ง ซ่ึงวหิ าร ทาตํุ เพ่ืออันให ้ เชน่ ทานานิ ทาตุํ เพอ่ื อนั ให้ ซึง่ ทาน ท. ทาเปต ุํ เพอ่ื อันยัง... ให้ให ้ เช่น ทานํ ทาเปตํุ เพ่อื อันยังบคุ คลนัน้ ใหถ้ วาย ซ่งึ ทาน (๖) บททลี่ ง โส และ โต ปัจจยั เปน็ ทีส่ ุด ใชใ้ นอรรถ ปญั จมีวิภตั ติ ทีฆโส จากส่วนยาว โอรโส จากฝง่ั น้ี ราชโต วา จากพระราชา ก็ด ี โจรโต วา จากโจร กด็ ี (๗) บทที่ลง โต ปจั จยั เป็นทส่ี ุด ใช้ในอรรถ สตั ตมีวภิ ัตติ เอกโต ทดี่ า้ นหนง่ึ ปรุ โต ทขี่ ้างหน้า ปจฉฺ โต ที่ขา้ งหลัง ปสฺสโต ที่ด้านข้าง ปิฏฺ โต ทข่ี ้างหลงั ปาทโต ทีเ่ ท้า, บนพน้ื สีสโต บนศีรษะ อคคฺ โต บนยอด มลู โต ใกลโ้ คนต้น, ที่ราก (๘) บทท่ีลง ตฺร และ ถ ปัจจยั เป็นตน้ เปน็ ทส่ี ดุ ใชใ้ นอรรถ สัตตมีวภิ ตั ติ ยตฺร ใน... ใด ยตถฺ ใน... ใด ยห ึ ใน... ใด ตตรฺ ใน... น้นั ตตฺถ ใน... น้นั ตห ึ ใน... นน้ั ตห ํ ใน... นนั้ (๙) อทธฺ า, อญฺ ทตถฺ ,ุ ตคฆฺ , ชาต,ุ กาม,ํ สสกกฺ ํ ใชใ้ นอรรถ เอกสํ โดยสว่ นเดยี ว อทธฺ า แนแ่ ท ้ เชน่ อทธฺ า อาวโุ ส ภควา ชานํ ชานาต,ิ ปสสฺ ํ ปสสฺ ติ ดกู อ่ นทา่ นผมู้ อี ายุ อ.พระผมู้ พี ระภาค เมอื่ รู้ ยอ่ มตรสั วา่ ยอ่ มร,ู้ เมอ่ื เหน็ ยอ่ มตรสั วา่ ย่อมเหน็ แน่แท้ อฺทตถฺ ุ โดยแนแ่ ท ้ เช่น อฺ ทตถฺ ุ มาณวกานเฺ ว สตุ วฺ า ฟงั แลว้ ซงึ่ คำ� ของมาณพ ท. นัน่ เทียว โดยแนแ่ ท้ ตคฺฆ แน่แท ้ เชน่ ตคฺฆ สุคต โพชฺฌงฺคา ข้าแต่พระสุคต อ.ธรรม ท.เหล่านั้น เป็นโพชฌงค์ แน่แท้
98 ไวยากรณบ์ าลีเบือ้ งตน้ ชาต ุ โดยแนแ่ ท ้ เช่น อทิ ญหฺ ิ ชาตุ เม ทฏิ ฺ ,ํ นยทิ ํ อติ หิ ตี หิ ํ ก็ อ.ความเปน็ พระอรหนั ตน์ ้ี อันเรา เห็นแล้ว โดยแน่แท้, อ.ความเป็น พระอรหันต์น้ี ไมใ่ ช่เรอ่ื งเล่าตอ่ ๆ กันมา กามํ แนแ่ ท้ เช่น กามํ จชาม อสุเรสุ ปาณํ อ.เรา ท. จะสละ ซ่ึงชีวติ ในอสรู ท. เปน็ แนแ่ ท้ สสกกฺ ํ แนแ่ ท้ เชน่ เอวรูปํ เต ราหลุ กาเยน กมฺมํ สสกกฺ ํ น จ กรณยี ํ ดกู อ่ นราหลุ อ.กรรม อนั เหน็ ปานน้ี อนั เธอ ไมค่ วรกระทำ� ดว้ ยกาย อยา่ งแนแ่ ท้ (๑๐) เอวํ, อิต,ิ อิตถฺ ํ ใชใ้ นอรรถ นทิ สฺสน ชีแ้ จง แสดงตัวอย่าง เอว ํ อยา่ งน้ ี เช่น เอวมฺปิ เต มโน อ.ใจ ของเธอ แมอ้ ยา่ งน้ี อติ ิ อย่างน้ ี เช่น อิติปิ เต มโน อ.ใจ ของเธอ แม้อย่างน้ี อติ ถฺ ํ อยา่ งน้ี เชน่ อติ ถฺ มฺปิ เต มโน อ.ใจ ของเธอ แม้อย่างนี้ (๑๑) อติ ิ เพราะเหตุนัน้ , จบแลว้ , ดงั นแ้ี ล - เหต ุ เพราะเหตนุ ้ัน เชน่ สาสตีติ สตฺถา ย่อมสั่งสอน เพราะเหตนุ น้ั ชือ่ ว่า พระศาสดา - วากฺยปรสิ มตฺติ จบคำ� พดู , ดงั น้ีแล เช่น อิติ ปทรูปสทิ ฺธิยํ สนฺธกิ ณโฺ ฑ ปโม อ.สนธิกัณฑ์ อนั เป็นกณั ฑท์ ่ี ๑ ในคมั ภรี ์ปทรปู สิทธิ จบแล้ว (๑๒) ยถา สมควรแกส่ ภาพ, กลา่ วซำ�้ , ตามล�ำดับ, แสดงตวั อย่าง - โยคตฺตา ความเหมาะสม เชน่ ยถารูปํ อุปสหํ รติ ย่อมน้อมเข้าไป ตามสมควร - วิจฺฉา กลา่ วซ�้ำ เช่น เย เย วฑุ ฒฺ า ยถาวฑุ ฒฺ ํ อ.ผเู้ จรญิ ท.ใดใด ชอ่ื วา่ ยถาวฑุ ฒฺ - ปทตถฺ านตวิ ตตฺ ไมข่ า้ มอรรถบท เช่น ยถากกฺ มํ ตามล�ำดับ - นิทสฺสน แสดงตัวอยา่ ง เชน่ โก คสสฺ ยถา กลุ ปู โก อ.การแปลงเปน็ ก แหง่ ค ยอ่ มมี เช่น กุลปู โก (ผเู้ ขา้ ถึงตระกลู ) (๑๓) เอวํ อย่างน้ี, อยา่ งน้ีหรอื - อปเทส ชีแ้ นะ, บอกวิธี เชน่ เอวํ เต อภกิ กฺ มติ พพฺ ํ อนั เธอ พงึ กา้ วไปขา้ งหนา้ อยา่ งน้ี - ปญหฺ การถาม เชน่ เอวํ กริ อกาสิ ไดย้ นิ วา่ อ.เธอ ไดก้ ระทำ� แลว้ อยา่ งนห้ี รอื ? (๑๔) กิญฺจาปิ ใช้ในอรรถ อนคุ ฺคหณ การคลอ้ ยตาม กิญฺจาปิ แมก้ จ็ รงิ เชน่ กญิ ฺจาปิ เม ภนฺเต ภควา สทธฺ ายิโก ปจจฺ ยิโก ขา้ แตพ่ ระองค์ผ้เู จรญิ อ.พระผ้มู ีพระภาค เป็นผู้ อนั ข้าพระองคค์ วรศรทั ธา ควรเชอื่ แมก้ จ็ รงิ
99 นาม ว่าดว้ ยบททป่ี ระกอบวภิ ตั ตนิ าม (๑๕) อโห พโิ ธ,่ โอ, นา่ อัศจรรย ์ - ครห การตเิ ตียน เช่น อโหวตเรอสมฺ ากํปณฑฺ ติ ก เฮย้ ดกู อ่ นบณั ฑติ ผนู้ า่ รงั เกยี จ ของเรา ท. โวย้ โอหนอ - ปสํสน การสรรเสริญ เช่น อโห พุทโฺ ธ โอ อ.พระพทุ ธเจา้ - ปตถฺ น ความปรารถนา เชน่ อโห วต มํ อรเฺ วสมานํ รชเฺ ช อภิสิเฺ จยยฺ โอหนอ อ.มหาชนพงึ อภเิ สกซงึ่ เราผอู้ ยอู่ ยู่ในปา่ ในความเปน็ แหง่ พระราชา (๑๖) นาม ชอ่ื , ชอื่ ว่า, หนอ, หรือ - ครห การตเิ ตียน เช่น อตถฺ ิ นาม ตาต รฏฐฺ ปาล อมหฺ ากํ แนะ่ พอ่ รฐั บาล อ.ทรพั ย์ ของเรา ท. มอี ยูห่ นอ - ปสสํ น การสรรเสรญิ เชน่ สาวกาปินามเอวํมหทิ ธฺ กิ า ชอ่ื แม้อ.สาวกท.เปน็ ผมู้ ฤี ทธิ์ มาก อยา่ งนี้ ย่อมเป็น - สญฺ า ช่ือ เชน่ วิสาขา นาม อุปาสกิ า อ.อุบาสิกาช่ือวา่ วสิ าขา - ปญหฺ การถามปัญหา เชน่ อตถฺ ิ นาม ตาต สทุ นิ นฺ แนะ่ พอ่ สทุ นิ อ.ทรพั ย์ ของเรา มอี ยู่ มใิ ช่หรอื ?, กึ นาเมตํ. อ.ข้อนัน้ ชือ่ อะไร? (๑๗) สาธุ ดีละ, ดังข้าพเจ้าขอโอกาส - ปสสํ น การสรรเสรญิ เช่น สาธุ สาธุ สาริปุตฺต ดกู ่อนสารีบตุ ร ดลี ะๆ - ยาจน การขอ เช่น สาธุ เม ภนเฺ ต ภควา ธมมฺ ํ เทเสตุ ขา้ แตพ่ ระองคผ์ เู้ จรญิ ดงั ขา้ พระองคข์ อโอกาส อ.พระผมู้ พี ระภาค ขอจงแสดง ซ่งึ ธรรม แกข่ า้ พระองค์ (๑๘) สาธ,ุ สฏุ ฺฐ,ุ เอวเมตํ ใชใ้ นอรรถ อนโุ มทน การพลอยยนิ ดี สาธ ุ ดแี ลว้ เชน่ สาธุ เต กตํ อ.กรรม อันท่าน กระท�ำแล้ว ดแี ล้ว สฏุ ฺฐุ ดีแล้ว เชน่ สุฏฐฺ ุ เต กตํ อ.กรรม อันท่าน กระทำ� แลว้ ดแี ลว้ เอวเมต ํ ขอ้ น้ีชอบแล้ว เชน่ เอวเมตํ มหาราช ขา้ แต่มหาบพิตร อ.ข้อน้ี ชอบแลว้ (๑๙) นนู แน่, จริงๆ, หนอ - อนมุ าน คาดคะเน เช่น นนู หิ น โส ธมฺมวนิ โย โอรโก, น สา โอรกา ปพฺพชฺชา อ.พระธรรมวนิ ยั นีน้ นั้ เหน็ จะไม่ต�ำ่ เป็นแนแ่ ท,้ อ.บรรพชานั้น เหน็ จะไม่ตำ�่ เปน็ แนแ่ ท้ - อนุสฺสรณ หวนระลกึ เช่น สา นนู กปณยิ า อนธฺ า อปรณิ ายกิ า อ.ชา้ งพงั นนั้ เปน็ ชา้ ง ก�ำพร้า ตาบอด ไมม่ ีผนู้ ำ� ทาง ชา่ งนา่ สงสารจรงิ ๆ
100 ไวยากรณ์บาลเี บ้ืองตน้ - ปรวิ ติ กกฺ น ความดำ� ร ิ เช่น ยนนฺ นู าหํ อนปุ ขชฺช ชวี ติ า โวโรเปยยฺ ํ ไฉนหนอ? ' อ.เรา เขา้ ไปใกล้แลว้ พงึ ปลงลง จากชีวติ (๒๐) กสฺมา ใชใ้ นอรรถ การณปุจฺฉน การถามถึงเหตุการณ์ กสมฺ า เพราะเหตอุ ะไร เช่น กสมฺ า ภวํ วชิ นมรญฺ นสิ ฺสิโต อ.พระองค์ (พระโคดม) อาศัยอยใู่ นปา่ ที่ปราศจากคน เพราะเหตไุ ร? (๒๑) ยสมฺ า, ตสมฺ า, ตถาห,ิ เตน ใชใ้ นอรรถ การณจเฺ ฉทน การกำ� หนดขอบเขตเหตุ ยสมฺ า เพราะเหตุใด เช่น ยสมฺ า จ โข ภกิ ขฺ เว รปู ํ อนตตฺ า ดกู อ่ นภกิ ษุ ท. ก็ อ.รปู เปน็ อนตั ตา ย่อมเปน็ เพราะเหตใุ ดแล ตสฺมา เพราะเหตุนน้ั เชน่ ตสฺมา รูปํ อาพาธาย สํวตฺตติ เพราะเหตุน้ัน อ.รูป ย่อมเป็นไป เพอ่ื อาพาธ ตถาห ิ เพราะเหตุนั้น เช่น ตถาหิ ปน เม อยยฺ ปตุ ตฺ า ภควา นมิ นตฺ โิ ต สวฺ าตนาย ภตตฺ ํ สทธฺ ึ ภิกขฺ สุ ํเฆน ขา้ แต่พระคุณเจา้ ท. กเ็ พราะเหตนุ ัน้ แล อ.พระผู้มพี ระภาค อันดิฉนั นิมนต์แล้ว เพอื่ ฉนั อาหาร ในวันรุ่งขึน้ กับ ดว้ ยหมแู่ ห่งภิกษุ เตน เพราะเหตนุ น้ั เชน่ สญุ ฺ ํ เม อคารํ ปวสิ ติ พพฺ ํ อโหส,ิ เตน ปาวสิ นิ ตฺ ิ อ.เรอื น อนั ว่าง อนั เรา พึงเข้าไป ไดม้ ีแลว้ , เพราะเหตุนั้น อ.เรา ไดเ้ ข้าไปแลว้ (๒๒) สห, สทธฺ ,ึ สมํ, อมา ใชใ้ นอรรถ สมกฺรยิ า กระทำ� พรอ้ มกัน สห กับ เช่น เวเทโห สหมจฺเจหิ อมุ งฺเคน คมสิ ฺสติ อ.พระเจ้าเวเทหะ จักเสด็จไป โดยทางอุโมงค์ กับ ดว้ ยอำ� มาตย์ ท. สทฺธึ กับ เช่น มยา สทฺธึ คมิสสฺ ติ อ.เขา จักไป กับ ด้วยข้าพเจ้า สม ํ เสมอ เช่น สหสเฺ สน สมํ มิตา ถูกเปรียบเทยี บแล้ว เสมอ ด้วยพนั อมา กับ เชน่ สพพฺ กจิ ฺเจสุ อมา รฺา วตตฺ ติ อ.บุคคลใด ย่อมเปน็ ไป กับด้วยพระราชา ในกิจท้ังปวง ท. (๒๓) วินา, ริเต ใชใ้ นอรรถ วิปปฺ โยค การไมป่ ระกอบ การพลัดพราก วนิ า เว้น เชน่ วินา สทธฺ มมฺ า นตฺถฺโ โกจิ โลเก นาโถ วิชชฺ ติ อ.ทพ่ี ง่ึ อะไรๆ ในโลก มีอย,ู่ อ.ท่พี ึ่ง อนื่ เว้น จากพระสทั ธรรม ย่อมไม่มี ริเต เวน้ เชน่ รเิ ต สทธฺ มมฺ า กโุ ต สขุ ํ เวน้ จากพระสทั ธรรม อ.ความสขุ จักมี แต่ทีไ่ หน
101 นาม วา่ ดว้ ยบทที่ประกอบวิภตั ตินาม (๒๔) นานา, ปุถุ ใชใ้ นอรรถ พหุปปฺ การ มีประการตา่ ง ๆ จ�ำนวนมาก นานา ต่าง เช่น นานาผลธรา ทมุ า อ.ต้นไม้ ท. ทรงไว้ซึ่งผลต่าง ๆ ปถุ ุ จำ� นวนมาก, ตา่ งๆ เช่น ปุถุ สมณพฺราหฺมณา อ.สมณะและพราหมณ์ ท. จ�ำนวนมาก (๒๕) ปุถุ, วสิ ํุ ใช้ในอรรถ อสงฆฺ าต ไม่เก่ยี วขอ้ งกัน ปถุ ุ ตา่ งหาก เชน่ อรเิ ยหิ ปุถุ ภูโต ชโน อ.ชน เปน็ ผ้ตู า่ งหาก จากพระอริยะ ท. วิส ุํ เฉพาะ, ต่างหาก เช่น วสิ ํุวสิ ํุรกขฺ ณตถฺ าย เพอื่ ประโยชนแ์ กก่ ารรกั ษาเฉพาะขอ้ ๆ (๒๖) ทฏุ ฺฐ,ุ กุ ใชใ้ นอรรถ ชคิ ุจฺฉา นา่ รังเกียจ ทุฏฐฺ ุ ไม่ดี, นา่ รงั เกยี จ เชน่ ทุฏฺฐุ านํ อ.ที่ อนั ไม่ดี กุ น่ารงั เกยี จ เชน่ กุปรุ ิโส บุรษุ ผู้นา่ รงั เกยี จ (๒๗) ปนุ ใชใ้ นอรรถ อปปฺ ม ในท่ีไม่ใช่คร้ังแรก ปุน อีก เช่น ปุน วทามิ อ.ข้าพเจ้า จะกลา่ ว อีก (๒๘) กถญฺจิ ใช้ในอรรถ กิจฉฺ ยาก, ล�ำบาก กถญจฺ ิ อย่างยากลำ� บาก เชน่ โก จาปิ ปชชฺ ลติ โลหคฬุ ํ คเหตํุ สกฺโกติ กถญฺจิทปิ ปาณติ เลน ภมู ึ อ.ใครเลา่ ยอ่ มอาจ เพ่ืออันจบั ซึ่งก้อนเหลก็ อนั ลกุ โพรงแลว้ บนพน้ื ดนิ แมด้ ว้ ยฝา่ มือ อย่างยากลำ� บาก (๒๙) ธา, กฺขตตฺ ,ุํ สกึ ใช้ในอรรถ สงขฺ ฺยาวิภาค การจำ� แนกสงั ขยา(จำ� นวน) ธา สว่ น, อยา่ ง, ประการ เช่น เอกธา หนึ่งสว่ น กฺขตฺตุํ คร้ัง เชน่ ติกฺขตตฺ ํุ ปทกขฺ ิณํ กตวฺ า กระท�ำ ปทักษณิ สามครั้ง สก ึ คร้ังเดยี ว เชน่ สกึ นิมุคโฺ ค ดำ� ลงแล้ว ครัง้ เดียว (๓๐) อีสกํ ใชใ้ นอรรถ อปปฺ เลก็ นอ้ ย อสี ก ํ นิดหน่อย, เลก็ นอ้ ย เชน่ อสี กํ หสติ ยอ่ มยมิ้ เล็กนอ้ ย (๓๑) สณิกํ ใช้ในอรรถ มนฺท เบาๆ ค่อยๆ สณิกํ ค่อยๆ, เบาๆ เชน่ สณิกํ มนฺทมกขฺ ิกํ อปเนตวฺ า น�ำออกแลว้ ซง่ึ ผ้ึงตวั อ่อน ค่อยๆ
102 ไวยากรณ์บาลีเบอ้ื งต้น (๓๒) ขิปปฺ ํ, อร,ํ ลหุ, อาส,ํุ ตณุ ฺณ,ํ อจริ ํ ใช้ในอรรถ สีฆ เรว็ ขิปฺป ํ พลัน เชน่ ขปิ ปฺ เมว สมชิ ฌฺ ตุ อ.มโนรถ ขอจงสำ� เรจ็ ฉบั พลนั นนั่ เทยี ว อรํ เรว็ , พลนั เชน่ อรํ สีฆํ ชรา อสฺสาติ อรญชฺ โร อ.ความครำ่� คร่า เร็ว ของนำ้� สม้ นน้ั มอี ยู่ เพราะเหตนุ น้ั ชอ่ื วา่ อรญชฺ ร (นำ้� สม้ ) ลหุ เรว็ , พลัน เช่น ลหุ อตฺถํ วิจินฺตกา อ.บคุ คลผดู้ ำ� ริ ท. ซ่ึงประโยชน์ เรว็ อาส ุํ เร็ว, พลนั เชน่ อาสุํ คมนตฺถาย อสฺโส. อ.ม้า ยอ่ มมี เพือ่ ประโยชน์ แก่การไป เรว็ ตุณณฺ ํ เรว็ , พลัน เช่น ตุณฺณํ วายตีติ ตุณฺณวาโย ย่อมเยบ็ เรว็ เพราะเหตนุ น้ั ช่ือวา่ ตณุ ณฺ วาย (ผูเ้ ยบ็ เร็ว) อจริ ํ ไมน่ าน เชน่ อจิรํ วตยํ กาโย, ปถวึ อธเิ สสฺสติ ไมน่ านหนอ อ.กายนี้ จักนอนทับ บนแผ่นดิน (๓๓) จริ ,ํ จริ สสฺ ํ ใชใ้ นอรรถ ทีฆกาล เวลายาวนาน จิรํ กาลนาน เชน่ จริ ํ ตฏิ ฺ ตุ สทฺธมฺโม อ.พระสัทธรรม ขอจงต้งั อยู่ ตลอดกาลนาน จิรสฺส ํ กาลนาน เช่น จริ สสฺ ํ วต ปสสฺ าม,ิ พรฺ าหมฺ ณํ ปรนิ พิ พฺ ตุ ํ อ.เรา ยอ่ มเหน็ ซง่ึ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ้ทู รงดบั กเิ ลสแลว้ สิ้นกาลนานหนอ (๓๔) ธุวํ แน่นอน ใช้ในอรรถ ถิร มนั่ คง, อวธารณ ตัดสิน, ช้ชี ดั ถิร มนั่ คง เช่น อทธฺ วุ ํ เม ชีวิตํ, ธุวํ มรณํ อ.ชวี ิต ของเรา ไมเ่ ท่ียงแท้, อ.ความตาย เทีย่ งแท้ อวธารณ ตดั สิน, ชี้ชดั เชน่ ธวุ ํ พทุ โฺ ธ ภวามหํ อ.เรา จะเป็นพทุ ธเจ้า แนแ่ ท้ จะเปน็ (๓๕) หา ใช้ในอรรถ วิสาท ความเหน่ือยใจ หา เฮย้ เช่น หา มฏฐฺ กุณฺฑลี เฮ้ย มัฏฐกณุ ฑลี (๓๖) ตณุ หฺ ี ใช้ในอรรถ อภาสน การไม่กลา่ ว ตณุ ฺห ี นง่ิ เชน่ ตณุ หฺ ีภูโต อุทิกเฺ ขยยฺ อ.เขา เปน็ ผนู้ ิ่ง พงึ แลดู (๓๗) สจฉฺ ิ ใช้ในอรรถ ปจฺจกฺข ความประจักษแ์ กอ่ นิ ทรีย์ สจฉฺ ิ แจง้ เชน่ อรหตตฺ ผลํ สจฉฺ ิ อกาสิ อ.เขา ไดก้ ระทำ� ใหแ้ จง้ แลว้ ซง่ึ อรหตั ผล
103 นาม วา่ ดว้ ยบทที่ประกอบวภิ ัตตินาม (๓๘) มุสา, มิจฉฺ า, อลกิ ํ ใชใ้ นอรรถ อสจฺจ ความไม่จรงิ เท็จ มุสา เทจ็ เช่น ตจุ ฺฉํ มุสา วิลปนิ ฺติ อ.ข้าพเจ้า กล่าวแล้ว วา่ งเปล่า เท็จ มจิ ฺฉา ผิด เชน่ อทิ ํ โว มิจฺฉา อ.สิง่ น้ี เปน็ ความผดิ ของเธอ ท. อลกิ ํ ไมจ่ รงิ , เหลาะแหละ เชน่ อลกิ ํ ภาสติ อยํ ธตุ โฺ ต อ.นักเลงการพนันผูน้ ี้ ย่อมกลา่ ว ซงึ่ คำ� ไมจ่ รงิ (๓๙) สุวตถฺ ิ ใชใ้ นอรรถ อาสสี ความหวัง ความปรารถนา สวุ ตฺถ ิ ความสวัสดี เชน่ เอเตน สจเฺ จน สุวตถฺ ิ โหตุ ด้วยสัจจวาจาน้ี อ.ความสวัสดี ขอจงมี (๔๐) บททีม่ ี ตนุ , ตวฺ าน และ ตวฺ า ปจั จยั เปน็ ท่ีสดุ ใชใ้ นอรรถ อุสสฺ กุ กฺ น ความพยายามในการสืบต่อกิริยา หมายความว่า ยังมีกิริยาอื่นๆ ต่อไปอีก เป็น “ปุพพฺ กาลกรฺ ิยา” กริ ิยาทที่ �ำกอ่ นกริ ิยาถัดไป ปสฺสิตุน เห็นแลว้ ปสสฺ ิย เห็นแลว้ ทสิ วฺ า เหน็ แลว้ ทสิ วฺ าน เห็นแลว้ ทสเฺ สตฺวา แสดงแลว้ ทาตนุ ใหแ้ ล้ว ทตวฺ าน ใหแ้ ล้ว ทตฺวา ให้แลว้ อปุ าทาย ถือเอาแลว้ ทาเปตฺวา ให้ให้แล้ว วิญฺ าเปตวฺ า ใหร้ แู้ ล้ว วิเจยฺย พิจารณาแล้ว วเิ นยฺย แนะน�ำแลว้ นิหจฺจ กระทบแล้ว สเมจฺจ สงบแลว้ อเปจฺจ ไปปราศแลว้ , ละไปแล้ว อเุ ปจจฺ เขา้ ไปใกล้แล้ว อารพภฺ ปรารภแล้ว, เริ่มแล้ว อาคมมฺ อาศัยแล้ว R สุตตฺ นฺเต รกฺขิเต สนเฺ ต ปฏิปตฺติ โหติ รกขฺ ิตา ปฏปิ ตฺติยํ โิ ต ธโี ร โยคกฺเขมา น ธสํ ติ (นิคมนคาถา สัททนตี ิ สตุ ตมาลา) เมือ่ พระสตู รและพระอภธิ รรมไดร้ บั การรักษาไว้ยงั มอี ยู่ การปฏบิ ตั ิก็เป็นอันไดร้ บั การรักษาไวด้ ว้ ย ผูฉ้ ลาดดำ�รงม่นั ในการปฏิบัตแิ ลว้ ย่อมไม่คลาดจากธรรมอนั เป็นแดนเกษมจากโยคะ
บทท่ี ๔ อาขยาต ว่าด้วยการสร้างค�ำศัพทก์ ิรยิ า ความหมายของอาขยาต คำ� วา่ “อาขยาต” แปลว่า กิริยา (Verb) ศพั ทท์ ก่ี ลา่ วกริ ิยามี ยนื เดิน น่ัง นอน กิน ดมื่ ท�ำ พดู และ คดิ เปน็ ต้น มวี ิเคราะห์วา่ “กรฺ ยิ ํ อาจิกขฺ ตตี ิ อาขฺยาต,ํ กฺรยิ าปทํ” (อา + ขยฺ า กถเน ในการกล่าว + ต) บทใด ยอ่ มกล่าว ซ่ึงกริ ยิ า เพราะเหตนุ ั้น บทนน้ั ชือ่ วา่ อาขฺยาต ไดแ้ กก่ ริ ยิ าบท (ชือ่ ว่าอาขยาต เพราะกล่าวกิรยิ า) ส่วนประกอบที่ส�ำคญั ของอาขยาต สว่ นประกอบท่ีส�ำคัญของกริ ิยาอาขยาตนน้ั มี ๓ ประการ คอื ธาตุ ปัจจยั และวภิ ตั ติ เชน่ คจฉฺ ติ ย่อมไป มาจาก คมุ ธาตุ คตมิ ฺหิ ในการไป + อ ปจั จยั + ติ วตั ตมานาวิภตั ต ิ วภิ ัตติ วิภัตติ คือศัพท์ที่จ�ำแนกอรรถของธาตุมี กาล บท วจนะ และ บุรุษ มีวิเคราะห์ว่า “กาลาทิวเสน ธาตฺวตฺถํ วิภชนฺตีติ วิภตฺติโย, ตฺยาทโย อ.ศัพท์ ท. เหล่าใด ย่อมจ�ำแนก ซงึ่ อรรถของธาตุ ดว้ ยสามารถกาลเวลาเปน็ ตน้ เพราะเหตนุ น้ั อ.ศพั ท์ ท. เหลา่ นน้ั ชอ่ื วา่ วภิ ตตฺ ิ ได้แก่ วิภัตติ มี ติ เปน็ ตน้ (ชื่อวา่ วภิ ตั ติ เพราะจ�ำแนกอรรถของธาตมุ กี าลเปน็ ตน้ ได้แก่ วภิ ตั ติ มี ติ เป็นต้น) เชน่ คจฉฺ ติ มาจาก คมุ + อ + ติ ตวิ ตั ตมานาวภิ ัตตนิ ้ี บอกกาล เป็นปัจจุบนั กาล, บอกบท เป็นปรสั สบท, บอกวจนะ เป็นเอกวจนะ และบอกบุรษุ เป็นปฐมบุรษุ เปน็ ตน้ วภิ ัตตอิ าขยาตนน้ั จัดเป็นหมวดๆ มี ๘ หมวดหนึง่ ๆ มี ๑๒ วภิ ตั ติ ดงั นี้ ๑. วัตตมานาวิภัตติ แปลวา่ “...อย่,ู ย่อม..., จะ...” ปรสสฺ ปท อตตฺ โนปท บุรษุ เอก. พห ุ เอก. พห ุ โยค ปฐม. ติ อนตฺ ิ เต อนเฺ ต นาม มชั ฌิม. สิ ถ เส วเฺ ห ตุมฺห อุตตมะ. มิ ม เอ มเฺ ห อมฺห
105 อาขยาต วา่ ดว้ ยการสรา้ งคำ�ศัพทก์ ริ ยิ า ๒. ปญั จมีวภิ ัตติ แปลวา่ “จง..., ...เถิด, ขอจง...” ปรสสฺ ปท อตตฺ โนปท บรุ ุษ เอก. พห ุ เอก. พหุ โยค ปฐม. ต ุ อนฺตุ ตํ อนตฺ ํ นาม มชั ฌมิ . หิ ถ สฺสุ วโฺ ห ตุมหฺ อตุ ตมะ. มิ ม เอ อามเส อมหฺ ๓. สตั ตมีวิภัตติ แปลวา่ “พึง..., ควร...” อตตฺ โนปท โยค ปรสฺสปท เอก. พห ุ นาม เอถ เอรํ ตุมฺห บุรุษ เอก. พหุ เอโถ เอยฺยาวโฺ ห อมหฺ ปฐม. เอยยฺ เอยฺยุํ เอยยฺ ํ เอยฺยามฺเห มชั ฌิม. เอยยฺ าส ิ เอยฺยาถ อุตตมะ. เอยยฺ าม ิ เอยยฺ าม ๔. ปโรกขาวภิ ตั ติ แปลว่า “...แล้ว” ปรสฺสปท อตฺตโนปท บุรุษ เอก. พห ุ เอก. พห ุ โยค ปฐม. อ อ ุ ตถฺ เร นาม มัชฌิม. เอ ตถฺ ตฺโถ วโฺ ห ตมุ หฺ อุตตมะ. อํ มหฺ อ ึ มเฺ ห อมฺห ๕. หยิ ยัตตนวี ิภตั ติ แปลวา่ “...แล้ว” มี อ อาคมหนา้ ธาตุ แปลว่า “ได.้ ..แล้ว” ปรสฺสปท อตฺตโนปท บุรุษ เอก. พห ุ เอก. พหุ โยค ปฐม. อา อู ตฺถ ตถฺ ุํ นาม มชั ฌิม. โอ ตถฺ เส วหฺ ํ ตมุ ฺห อุตตมะ. อํ มฺหา อ ึ มฺหเส อมฺห
106 ไวยากรณ์บาลเี บอ้ื งตน้ ๖. อัชชตนวี ภิ ตั ติ แปลวา่ “...แลว้ ” มี อ อาคมหนา้ ธาตุ แปลวา่ “ได้...แลว้ ” ปรสสฺ ปท อตตฺ โนปท บรุ ษุ เอก. พห ุ เอก. พห ุ โยค ปฐม. อี อํุ อา อ ู นาม มชั ฌิม. โอ ตฺถ เส วหฺ ํ ตมุ หฺ อุตตมะ. อ ึ มหฺ า อํ มเฺ ห อมหฺ ๗. ภวสิ สนั ตีวภิ ัตติ แปลวา่ “จัก...” อตตฺ โนปท โยค ปรสสฺ ปท เอก. พห ุ นาม บรุ ษุ เอก. พหุ สสฺ เต สฺสนเฺ ต ตมุ ฺห ปฐม. สสฺ ต ิ สสฺ นตฺ ิ สฺสเส สสฺ วเฺ ห อมหฺ มชั ฌิม. สฺสสิ สฺสถ สสฺ ํ สฺสามฺเห อุตตมะ. สสฺ าม ิ สฺสาม ๘. กาลาติปัตตวิ ภิ ัตติ แปลวา่ “จัก...แล้ว” มี อ อาคมหน้าธาตุ แปลวา่ “จกั ได้...แลว้ ” ปรสฺสปท อตตฺ โนปท บุรุษ เอก. พหุ เอก. พหุ โยค ปฐม. สฺสา สสฺ สํ ุ สสฺ ถ สฺสิสุ นาม มัชฌิม. สเฺ ส สสฺ ถ สฺสเส สสฺ วฺเห ตมุ หฺ อุตตมะ. สสฺ ํ สฺสามหฺ า สฺส ึ สฺสามฺหเส อมฺห กาล กาล คือ เวลากระทำ� ของกิริยานน้ั ๆ ในอาขยาตแบง่ กาลทเ่ี ป็นประธานไว้ ๓ กาล คือ (๑) กาลท่ีเกดิ ขึ้นเฉพาะหนา้ เรยี กว่า ปัจจุบนั กาล (๒) กาลท่ลี ่วงแลว้ เรียกว่า อดตี กาล และ (๓) กาลทยี่ งั ไม่มาถึง เรียกว่า อนาคตกาล กาลทั้ง ๓ น้ี แบ่งให้ละเอียดออกไปอีก เป็น ๘ ประการ โดยใช้วิภัตติ ๘ หมวด เป็นเครอื่ งหมาย ดังน้ี ปัจจุบันกาล แบ่งเป็น ๓ คือ ๑. ปัจจุบนั แท้ แปลว่า “...อยู่” ใช้วตั ตมานาวภิ ตั ติ เช่น ภกิ ฺขุ ธมฺมํ เทเสติ อ.ภกิ ษุ แสดงอยู่ ซึ่งธรรม
107 อาขยาต วา่ ด้วยการสรา้ งคำ�ศพั ทก์ ิริยา ๒. ปจั จบุ นั ใกลอ้ ดตี แปลวา่ “ยอ่ ม...” ใชว้ ตั ตมานาวภิ ตั ติ เชน่ กโุ ต อาคจฉฺ สิ ตวฺ ํ อ.ทา่ น ยอ่ มมา จากท่ไี หน? ๓. ปัจจุบันใกล้อนาคต แปลว่า “จะ...” ใช้วัตตมานาวิภัตติ เช่น อหํ วิหารํ คจฺฉามิ อ.เรา จะไป ส่วู หิ าร ปัจจบุ ันกาลทั้ง ๓ นี้ หมายร้ดู ้วยวตั ตมานาวิภัตติ อดีตกาล แบง่ เปน็ ๓ คอื ๑. อดีตล่วงแล้วไม่มีก�ำหนด ท่ีไม่ประจักษ์ต่ออินทรีย์ ใช้ปโรกขาวิภัตติ แปลว่า “...แล้ว” เชน่ โส กริ ราชา พภวู ได้ยินวา่ อ.เขา เปน็ พระราชา เปน็ แลว้ ๒. อดีตล่วงแล้วเมื่อวานน้ี จะประจักษ์ต่ออินทรีย์หรือไม่ประจักษ์ก็ตาม ใช้หิยยัตตนี วิภัตติ แปลวา่ “...แล้ว” ถา้ มี อ อาคมน�ำหน้าธาตุ แปลวา่ “ได.้ ..แลว้ ” เชน่ โส คามํ อคจฉฺ า อ.เขา ได้ไปแล้ว สู่หมูบ่ ้าน ๓. อดีตล่วงแล้ววันนี้ ท้ังประจักษ์และไม่ประจักษ์ต่ออินทรีย์ ใช้อัชชตนีวิภัตติ แปลว่า “...แลว้ ” ถา้ มี อ อาคมนำ� หนา้ ธาตุ แปลวา่ “ได.้ ..แลว้ ” เชน่ โส ทานํ อทาสิ อ.เขา ไดใ้ หแ้ ลว้ ซงึ่ ทาน อนาคตกาล แบ่งเป็น ๒ คือ ๑. กาลที่ยังมาไม่ถึง ใช้ภวิสสันตีวิภัตติ แปลว่า “จัก...” เช่น อหํ ธมฺมํ สุณิสฺสามิ อ.เรา จกั ฟัง ซ่ึงธรรม ๒. อนาคตของอดีตท่ีผ่านมาแล้ว แต่ไม่ได้เกิดขึ้น ใช้กาลาติปัตติวิภัตติ แปลว่า “จัก...แล้ว” ถ้ามี อ อาคมน�ำหน้าธาตุ แปลว่า “จักได้...แล้ว” เช่น โส เจ ปมวเย ปพฺพชฺชํ อลภิสฺสา, อรหา อภวิสฺสา หากว่า อ.เขา จักได้ได้แล้ว ซึ่งการบวช ในปฐมวัยไซร้, อ.เขา เปน็ พระอรหันต์ จกั ได้เปน็ แลว้ กาลพเิ ศษ วภิ ัตติ ๒ หมวด คอื ปญั จมี และสตั ตมีวิภตั ติ ไม่บอกกาลอะไร แต่สงเคราะหเ์ ข้าในปัจจุบันกาล ดังนี้ ปญั จมวี ภิ ัตติ ใชใ้ นกาลอันถูกกล่าวใกล้ ๆ จดั เข้าในปัจจุบนั กาล เรียกอกี อยา่ งหนง่ึ วา่ “อาณตั ติกาล” แปลวา่ “จง..., ...เถิด, ขอจง..., กรุณา..., โปรด..., ช่วย...” ใชใ้ นอรรถ ๘ อย่าง คอื ๑. อาสีสน ความหวัง ความปรารถนา เช่น โส สุขี ภวตุ อ.เขา เป็นผู้มีความสุข ขอจงเปน็ ๒. อาณตฺติ การสั่งบังคับให้กระท�ำส่ิงใดสิ่งหน่ึง เช่น เทวทตฺโตทานิ โอทนํ ปจตุ อ.นายเทวทัต จงหงุ ซงึ่ ข้าวสุก ในกาลนี้ ๓. วิธิ การกระท�ำ เช่น อยํ ปาสาโท สุวณฺณมโย โหตุ อ.ปราสาทนี้ เป็นปราสาท อนั สำ� เรจ็ แลว้ ดว้ ยทอง จงเป็น
108 ไวยากรณบ์ าลีเบือ้ งตน้ ๔. นิมนตฺ น การนมิ นต์ เชน่ อธวิ าเสตุ เม ภนเฺ ต ภควา โภชนํ ขา้ แต่พระองค์ ผ้เู จริญ อ.พระผูม้ ีพระภาค ขอจงนมิ นต์รบั ซึ่งอาหาร ของขา้ พระองค์ ๕. อชเฺ ฌสน การเช้อื เชิญ เช่น เทเสตุ ภนเฺ ต ภควา ธมฺมํ ข้าแตพ่ ระองค์ผู้เจรญิ อ.พระผูม้ ีพระภาค ขอเชิญแสดง ซึง่ พระธรรม ๖. อนมุ ติ การเหน็ คล้อยตาม เช่น ปจุ ฺฉตุ ภวํ ปญหฺ ํ อ.ทา่ นผู้เจริญ ขอจงถาม ซึ่งปัญหา ๗. ปตฺถนา การขอ เชน่ เอกํ เม นยนํ เทหิ อ.ท่าน ขอจงให้ ซ่ึงนยั นต์ า ข้างหนึ่ง แก่กระผม ๘. ปตฺตกาล บอกเวลาทีม่ าถึงแลว้ เชน่ สมปฺ ตฺโต เต กาโล กฏกรเณ. กฏํ กโรตุ ภวํ อ.เวลา ในการกระท�ำซง่ึ เส่อื ของท่าน ถงึ พรอ้ มแลว้ อ.ท่านผเู้ จรญิ จงกระท�ำ ซึ่งเส่อื สตั ตมวี ภิ ตั ติ ใช้ในกาลอนั ถูกกล่าวใกล้ๆ จดั เข้าในปจั จบุ ันกาล เรียกชอื่ อีกอย่างหน่ึงว่า “ปริกปั ปกาล” แปลวา่ “พงึ ..., ควร...” ใช้ในอรรถ ๗ อย่าง คือ ๑. อนุมติ การอนุญาตแก่บุคคลอื่นผู้ประสงค์จะท�ำ เช่น โส คามํ คจฺเฉยฺย อ.เขา ควรไป สู่หมบู่ ้าน ๒. ปริกปฺป การคาดคะเนระหว่างเหตุกับผล เช่น ยทิ โส ปมวเย ปพฺพเชยฺย, อรหา ภเวยยฺ ผิว่า อ.เขา พึงบวช ในปฐมวยั ไซร,้ อ.เขา เป็นพระอรหนั ต์ พึงเป็น ๓. ปตฺถน ความปรารถนา เชน่ อหํ สขุ ี ภเว อ.เรา เป็นผมู้ ีความสขุ พึงเปน็ ๔. วธิ ิ การกระท�ำ เช่น โส โอทนํ ปเจยฺย อ.เขา พึงหงุ ซงึ่ ขา้ วสุก ๕. นมิ นฺตน การนิมนต์ เชน่ อธวิ าเสยฺย เม ภนฺเต ภควา โภชนํ ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ อ.พระผมู้ ีพระภาค ขอนิมนต์รับ ซง่ึ อาหาร ของข้าพระองค์ ๖. อชเฺ ฌสน การเชอื้ เชญิ เชน่ เทเสยยฺ ภนฺเต ภควา ธมฺมํ ขา้ แต่พระองค์ผู้เจรญิ อ.พระผมู้ พี ระภาค ขอเชิญแสดง ซงึ่ พระธรรม ๗. ปตฺตกาล บอกเวลาที่มาถึงแล้ว เชน่ สมปฺ ตฺโต เต กาโล กฏกรเณ กฏํ กเรยฺย ภวํ อ.เวลา ในการกระท�ำซ่ึงเส่อื ของท่าน ถงึ พรอ้ มแล้ว อ.ท่านผูเ้ จรญิ พงึ กระทำ� ซึง่ เส่ือ การก ๓ การก คอื สง่ิ ท่เี ปน็ เหตทุ �ำกิริยาใหส้ �ำเรจ็ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยออ้ ม มี ๓ ประเภท คือ ๑. กตั ตกุ ารก คอื ผทู้ ำ� กริ ยิ าใหส้ ำ� เรจ็ ใชใ้ นประโยคกตั ตวุ าจก และประโยคเหตกุ ตั ตวุ าจก (กตั ตุรปู ) ๒. กัมมการก คือ เหตุท่ีช่วยท�ำให้กิริยาส�ำเร็จ ใช้ประโยคกัมมวาจก และประโยค เหตกุ ัมมวาจก (กมั มรูป) ๓. ภาวการก คือ เปน็ ตัวกริ ิยาเอง (ภาวรูป)
109 อาขยาต ว่าด้วยการสร้างค�ำ ศัพท์กริ ิยา บทของวิภตั ติ แบ่งออกเปน็ ๒ ฝา่ ย ๑. วภิ ัตตฝิ า่ ยปรัสสบท คอื บททรี่ ะบอุ รรถเพอ่ื ผอู้ นื่ ไดแ้ ก่ วภิ ตั ติ ๖ ตวั แรกของวภิ ตั ติ ทงั้ ๘ หมวด รวมทง้ั หมด ๔๘ ตวั โดยมากนยิ มใชใ้ นประโยคกตั ตวุ าจก และประโยคเหตกุ ตั ตวุ าจก ๒. วภิ ตั ตฝิ า่ ยอตั ตโนบท คอื บททร่ี ะบอุ รรถเพอ่ื ตน ไดแ้ ก่ วภิ ตั ติ ๖ ตวั หลงั ของวภิ ตั ติ ทัง้ ๘ หมวด รวมมี ๔๘ ตวั โดยมากจะนิยมใชใ้ นประโยคกัมมวาจก ประโยคเหตุกัมมวาจก และ ประโยคภาววาจก แตใ่ นประโยคกัตตุวาจกก็มีใช้ วภิ ตั ติ มี ๒ ประเภท ๑. สพั พธาตกุ วิภตั ติ วภิ ัตตทิ ป่ี ระกอบไดก้ ับธาตทุ ุกตวั มี ๔ หมวด ได้แก่ วตั ตมานา, ปญั จม,ี สัตตมี และหิยยัตตนี ๒. อสัพพธาตุกวิภัตติ วิภัตติท่ีไม่สามารถประกอบกับธาตุทุกตัวได้ มี ๔ หมวด ไดแ้ ก่ ปโรกขา, อัชชตนี, ภวิสสันตี และกาลาติปัตติ วจนะ (พจน์) วจนะ คือ ค�ำที่แสดงจ�ำนวนถึงสิ่งของที่พูดถึงว่ามีมากน้อยเพียงใด ในอาขยาตมี ๒ วจนะ เหมือนในนาม คือ (๑) เอกวจนะ มีจ�ำนวนหนึ่งเดียว (๒) พหุวจนะ มีจ�ำนวนมาก ต้ังแต่สองอย่างขึ้นไป สาเหตุที่มี ๒ วจนะ เพราะจะต้องสัมพันธ์กับสุทธนามซ่ึงท�ำหน้าท่ีเป็น ประธานในประโยคเสมอ สงิ่ ทจี่ ะต้องสมั พนั ธ์กบั สุทธนาม ในอาขยาตมี ๒ ประการ คือ บรุ ุษ และ วจนะ ตอ้ งตรงกนั เสมอ บุรุษ บุรุษ คือช้ันของกิริยาอาขยาต สัมพันธ์กับบุรุษสัพพนาม หมายรู้ด้วยวิภัตติ จัดเป็น ๓ บรุ ุษ เหมอื นบุรษุ สพั พนาม ดงั น้ี ๑. ปฐมบุรุษ สรรพนามท่ีใช้เรียกบุคคลท่ีเราพูดถึง ใช้ประกอบกับสุทธนาม และ ปรุ สิ สพั พนาม เฉพาะ ต ศัพท์ (นามโยค) ๒. มชั ฌิมบุรุษ สรรพนามทีใ่ ช้เรียกคสู่ นทนา ใช้ประกอบกับ ตุมฺห ศพั ท์ (ตมุ ฺหโยค) ๓. อุตตมบุรุษ สรรพนามทีใ่ ชแ้ ทนตัวผู้พูดเอง ใช้ประกอบกับ อมหฺ ศัพท์ (อมฺหโยค)
110 ไวยากรณ์บาลเี บือ้ งตน้ ธาตุ ธาตุ คือ รากศัพท์ ซ่ึงแสดงความหมายของศัพท์ มีสภาพทรงกิริยาไว้ มีวิเคราะห์ว่า “กฺรยิ ํ ธาเรนฺตีติ ธาตโว” อ.ศัพท์ ท. เหลา่ ใด ย่อมทรงไว้ ซึ่งกิรยิ า เพราะเหตนุ ัน้ อ.ศัพท์ ท. เหล่านั้น ช่ือว่า ธาตุ (สภาพที่ทรงกิริยาไว้) ธาตุแต่ละตัวมีอรรถมาก บางตัวมีความหมาย เปลี่ยนไปตามปจั จยั ทีล่ งประจำ� หมวดธาตุ บางตวั มคี วามหมายเปลีย่ นไปตามอปุ สคั ท่ีประกอบ อยขู่ ้างหน้าธาตเุ ปน็ ต้น เป็นเหตใุ หธ้ าตแุ ต่ละตวั มีอรรถมากดังกล่าว ธาตนุ ัน้ มี ๗ หมวด ตามประเภทของวกิ รณปัจจัย ดังน้ี ๑. หมวด ภู ธาตุ เรียก ภวู าทคิ ณะ ลง อ ปัจจัย ภวติ ย่อมม,ี ยอ่ มเปน็ (ภวู าทโิ ต อ) โหติ ภู สตตฺ ายํ ในความมี, ความเป็น + อ + ติ ปจต ิ ย่อมมี, ย่อมเป็น หู สตตฺ ายํ ในความม,ี ความเปน็ + อ + ติ ลภต ิ ยอ่ มหุง, ยอ่ มตม้ ปจ ปาเก ในการหุง, การต้ม + อ + ติ มรต ิ ยอ่ มได้ ลภ ลาเภ ในการได้ + อ + ติ หรติ ยอ่ มตาย มร ปาณจาเค ในการสละชวี ติ + อ + ติ อาหรต ิ ย่อมน�ำไป หร หรเณ ในการน�ำไป + อ + ติ ปหรติ ย่อมน�ำมา อา + หร หรเณ ในการนำ� ไป + อ + ติ นีหรต ิ ย่อมตี ป + หร ปหาเร ในการตี + อ + ติ สํหรติ ย่อมนำ� ออกไป นี + หร หรเณ ในการนำ� ไป + อ + ติ วหิ รต ิ ย่อมรวบรวม สํ + หร หรเณ ในการน�ำไป + อ + ติ ปริหรต ิ ย่อมอยู ่ วิ + หร นวิ าเส ในการอยู่ + อ + ติ จรติ ยอ่ มบริหาร ปริ + หร หรเณ ในการนำ� ไป + อ + ติ สรต ิ ยอ่ มเท่ียวไป จร จรเณ ในการเทยี่ วไป + อ + ติ ผรต ิ ย่อมระลึกถงึ สร คติจนิ ตฺ ายํ ในการไปและการคิด + อ + ติ วจต ิ ย่อมแผ่ไป ผร พฺยาปเน ในการแผไ่ ป + อ + ติ ภาสติ ยอ่ มกล่าว วจ วิยตตฺ ิยํ วาจายํ ในการพูดชัด + อ + ติ ปุจฉฺ ติ ย่อมกล่าว ภาส วยิ ตฺตยิ ํ วาจายํ ในการพูดชดั + อ + ติ รกขฺ ต ิ ย่อมถาม ปจุ ฺฉ ปจุ ฉฺ เน ในการถาม + อ + ติ ยาจติ ย่อมรักษา รกฺข รกฺขเณ ในการรกั ษา + อ + ติ ภกขฺ ต ิ ยอ่ มขอ, ย่อมออ้ นวอน ยาจ ยาจเน ในการขอ + อ + ติ พนฺธต ิ ย่อมกนิ ภกขฺ อทเน ในการกนิ + อ + ติ ยอ่ มผูก พนธฺ พนธฺ เน ในการผูก + อ + ติ
111 อาขยาต ว่าดว้ ยการสรา้ งค�ำ ศพั ทก์ ริ ิยา คเวสต ิ ยอ่ มแสวงหา คเวส มคคฺ เน ในการแสวงหา + อ + ติ วสต ิ ย่อมอยู่ วส นวิ าเส ในการอยู่ + อ + ติ ชวี ติ ย่อมเป็นอยู ่ ชวี ปาณธารเณ ในการทรงไวซ้ ่ึงชวี ติ + อ + ติ โรทต ิ ย่อมรอ้ งไห ้ รทุ อสฺสวุ ิโมจเน ในการปล่อยน้�ำตา + อ + ติ อกโฺ กสติ ย่อมดา่ อา + กสุ อกฺโกเส ในการด่า + อ + ติ ปกโฺ กสติ ย่อมเรียก ป + กุส อวฺหาเน ในการรอ้ งเรยี ก + อ + ติ วหต ิ ยอ่ มน�ำไป วห ปาปเน ในการใหถ้ งึ + อ + ติ นนทฺ ต ิ ย่อมบันเทิง นนฺท นนฺทเน ในความบนั เทิง + อ + ติ วนฺทต ิ ยอ่ มกราบไหว้ วนฺท อภิวนทฺ เน ในการกราบไหว้ + อ + ติ ปวิสต ิ ย่อมเขา้ ไป ป + วิส ปเวสเน ในการเขา้ ไป + อ + ติ ปสสฺ ต ิ ย่อมเหน็ ทสิ เปกขฺ เณ ในการดู, การเหน็ + อ + ติ นิสีทต ิ ยอ่ มนง่ั นิ + สท คตฺยาวสาเน ในการสน้ิ สุดการไป + อ + ติ วทต ิ ยอ่ มกล่าว วท วยิ ตฺติยํ วาจายํ ในการพดู ชดั + อ + ติ ฌายต ิ ย่อมเพ่ง เฌ จนิ ตฺ ายํ ในความคดิ + อ + ติ ปรวิ สิ ติ ย่อมองั คาส (เลีย้ งด)ู ปริ + วิส โปสเน ในการเล้ยี งดู + อ + ติ อุททฺ สิ สฺ ต ิ ยอ่ มแสดง อุ + ทิส อติสชชฺ เน ในการแสดง + อ + ติ ผุสติ ยอ่ มกระทบ ผสุ สมผฺ สเฺ ส ในการกระทบ,สมั ผสั + อ + ติ เสติ, สยต ิ ย่อมนอน สิ สเย ในการนอน + อ + ติ เนติ, นยติ ย่อมน�ำไป นี นเย ในการนำ� ไป + อ + ติ เชต,ิ ชยติ ย่อมชนะ ชิ ชเย ในการชนะ + อ + ติ อิจฉฺ ต ิ ยอ่ มปรารถนา อิสุ อิจฉฺ ายํ ในความปรารถนา + อ + ติ คจฺฉต ิ ย่อมไป, ยอ่ มถึง คมุ คตมิ ฺหิ ในการไป + อ + ติ ติฏฺ ต ิ ยอ่ มยนื , ย่อมตงั้ า คตนิ ิวตฺตมิ ฺหิ ในการห้ามการไป + อ + ติ ปิวต ิ ยอ่ มดืม่ ปา ปาเน ในการดืม่ + อ + ติ เทติ ย่อมให้ ทา ทาเน ในการให้ + อ + ติ นมติ ยอ่ มนอบน้อม นมุ นเต ในการโนม้ ลง + อ + ติ นมสสฺ ติ ยอ่ มนมัสการ นมสฺส วนฺทนานตฺยํ ในการนอ้ มไหว้ + อ + ติ
112 ไวยากรณ์บาลเี บ้ืองตน้ ๒. หมวด รธุ ธาตุ เรยี ก รธุ าทคิ ณะ ลง อ และ เอ ปจั จยั และลงนคิ หติ อาคมตน้ ธาตุ (รธุ าทิโต นคิ คฺ หตี ปพุ พฺ ญฺจ) รนุ ธฺ ติ ยอ่ มปิด, ย่อมกน้ั รุธ อาวรเณ ในการปิด,กน้ั + อ + ติ ฉนิ ทฺ ต ิ ยอ่ มตัด ฉิทิ ทวฺ ิธากรเณ ในการท�ำให้เปน็ สองส่วน + อ + ติ ภนิ ฺทต ิ ยอ่ มผ่า, ย่อมท�ำลาย ภิทิ วทิ ารเณ ในการผ่า, ทำ� ลาย + อ + ติ ยญุ ชฺ ต ิ ย่อมประกอบ ยชุ โยเค ในการประกอบ + อ + ติ ภุญฺชติ ยอ่ มกิน ภุช พยฺ วหรเณ ในการกลนื กิน + อ + ติ มญุ ฺจต ิ ย่อมปล่อย มจุ จาเค ในการสละ, ปลอ่ ย + อ + ติ วินทฺ ติ ยอ่ มได้, ยอ่ มประสบ วิท ลาเภ ในการได้ + อ + ติ นพิ ฺพินทฺ ติ ย่อมเบื่อหน่าย นิ + วทิ ตฏุ ฺยิ ํ ในความยนิ ดี + อ + ติ ๓. หมวด ทวิ ุ ธาตุ เรียก ทิวาทิคณะ ลง ย ปจั จัย (ทิวาทโิ ต โย) ทิพพฺ ต ิ ยอ่ มเลน่ , ยอ่ มรงุ่ เรือง ทวิ ุ กฬี ายํ ในการเล่น + ย + ติ สิพฺพติ ย่อมเย็บ สวิ ุ ตนตฺ สนตฺ าเน ในการสบื ตอ่ เสน้ ดา้ ย + ย + ติ อุปปฺ ชฺชต ิ ย่อมเกิดขึน้ อุ + ปท คตมิ หฺ ิ ในการไป + ย + ติ อปุ ปชชฺ ติ ย่อมเข้าถึง อปุ + ปท คตมิ ฺหิ ในการไป + ย + ติ วปิ ชชฺ ต ิ ย่อมวบิ ัติ วิ + ปท คติมฺหิ ในการไป + ย + ติ ปฏิปชฺชต ิ ยอ่ มปฏบิ ัต,ิ ยอ่ มด�ำเนนิ ไป ปติ + ปท คติมฺหิ ในการไป + ย + ติ อาปชฺชติ ย่อมถงึ , ย่อมตอ้ ง อา + ปท คติมฺหิ ในการไป + ย + ติ สวํ ิชชฺ ติ ยอ่ มมปี รากฏ สํ + วทิ ภาเว ในความมี,ความเปน็ + ย + ติ พชุ ฌฺ ติ ย่อมตรสั รู้ พธุ อวคมเน ในการรู้ + ย + ติ ยุชฺฌติ ยอ่ มรบ, ย่อมต่อสู้ ยธุ สมปฺ หาเร ในการตอ่ สู้ + ย + ติ กุชฌฺ ติ ย่อมโกรธ กธุ โกเป ในความโกรธ + ย + ติ วชิ ฌฺ ต ิ ย่อมแทง วิธ ตาฬเน ในการแทง + ย + ติ สนฺนยฺหติ ยอ่ มผูกสอด สํ + นห พนฺธเน ในการผกู + ย + ติ มญฺ ติ ย่อมสำ� คัญ มน าเณ ในความรู้ + ย + ติ สมาทิยติ ยอ่ มสมาทาน สํ + อา + ทา อาทาเน ในการถือเอา + ย + ติ ตสุ สฺ ติ ยอ่ มยนิ ด ี ตสุ ปีติยํ ในความยนิ ดี + ย + ติ กปุ ฺปต ิ ย่อมก�ำเริบ กุป โกเป ในความก�ำเริบ + ย + ติ ชายติ ยอ่ มเกดิ ชน ชนเน ในการเกดิ + ย + ติ
113 อาขยาต ว่าด้วยการสรา้ งค�ำ ศัพทก์ ิรยิ า ๔. หมวด สุ ธาตุ เรียก สวาทคิ ณะ ลง ณุ, ณา และ อุณา ปจั จัย (สฺวาทิโต ณณุ าอุณา จ) สโุ ณติ ย่อมฟัง สุ สวเณ ในการฟัง + ณุ + ติ สุณาติ ยอ่ มฟัง สุ สวเณ ในการฟงั + ณา + ติ ปหิณาติ ย่อมส่งไป ป + หิ คติมฺหิ ในการไป + ณา + ติ ปาปุณาต ิ ย่อมถงึ , ย่อมบรรล ุ ป + อป ปาปณุ เน ในการใหถ้ งึ , บรรลุ + อณุ า + ติ สกกฺ ุณาติ ยอ่ มอาจ สก สตตฺ มิ หฺ ิ ในความสามารถ + อณุ า + ติ ๕. หมวด กี ธาตุ เรียก กยิ าทคิ ณะ ลง นา, ปฺป และ ณฺหา ปัจจยั (กยิ าทิโต นา, คหาทิโต ปปฺ ณฺหา) กณิ าต ิ ย่อมซ้อื กี ทพฺพวินิมเย ในการแลกเปล่ียนด้วยทรัพย์ + นา + ติ วกิ ฺกณิ าติ ยอ่ มขาย วิ + กี ทพพฺ วินมิ เย ในการซอ้ื ขาย + นา + ติ ชนิ าต ิ ย่อมชนะ ชิ ชเย ในความชนะ + นา + ติ จินาต ิ ย่อมส่ังสม จิ จเย ในการสง่ั สม + นา + ติ ชานาติ ยอ่ มรู ้ า อวโพธเน ในการรู้ + นา + ติ วิชานาต ิ ย่อมร,ู้ ย่อมรูแ้ จ้ง วิ + า อวโพธเน ในการรู้ + นา + ติ มนิ าต ิ ย่อมตวง มิ มาเน ในการตวง + นา + ติ ลุนาต ิ ยอ่ มตดั , ย่อมเกย่ี ว ลู เฉทเน ในการตัด + นา + ติ ธนุ าต ิ ยอ่ มหวั่นไป ธู กมฺปเน ในความหวั่นไหว + นา + ติ คณฺหาต ิ ย่อมถือเอา คห อปุ าทาเน ในการถือเอา + ณฺหา + ติ อคุ คฺ ณหฺ าต ิ ยอ่ มเรยี นเอา อุ + คห อุปาทาเน ในการถือเอา + ณหฺ า + ติ ปคคฺ ณฺหาต ิ ย่อมยกย่อง, ย่อมประคอง ป + คห อุปาทาเน ในการถอื เอา + ณฺหา + ติ นคิ คฺ ณหฺ าติ ย่อมขม่ นิ + คห อปุ าทาเน ในการถือเอา + ณฺหา + ติ สงคฺ ณหฺ าต ิ ยอ่ มสงเคราะหเ์ อา สํ + คห อปุ าทาเน ในการถอื เอา + ณฺหา + ติ ปฏคิ คฺ ณหฺ าต ิ ย่อมรับเอา ปติ + คห อปุ าทาเน ในการถอื เอา + ณหฺ า + ติ เฆปฺปติ ยอ่ มถือเอา คห อุปาทาเน ในการถือเอา + ปฺป + ติ
114 ไวยากรณ์บาลเี บื้องตน้ ๖. หมวด ตนุ ธาตุ เรียก ตนาทคิ ณะ ลง โอ และ ยิร ปจั จยั (ตนาทโิ ต โอยิรา) ตโนติ ย่อมแผ่ไป ตนุ วิตถฺ าเร ในการแผไ่ ป + โอ + ติ กโรติ ยอ่ มกระท�ำ กร กรเณ ในการกระท�ำ + โอ + ติ กยิรติ ยอ่ มกระทำ� กร กรเณ ในการกระทำ� + ยิร + ติ อภิสงฺขโรติ ย่อมปรงุ แตง่ อภิ + สํ + กร กรเณ ในการกระทำ� + โอ + ติ สกฺโกต ิ ย่อมอาจ, ยอ่ มสามารถ สก สตตฺ มิ ฺหิ ในความสามารถ + โอ + ติ ปปโฺ ปติ ย่อมถึง, ย่อมบรรลุ ป + อป ปาปณุ เน ในการให้ถงึ + โอ + ติ ๗. หมวด จรุ ธาตุ เรียก จรุ าทิคณะ ลง เณ และ ณย ปัจจัย (จรุ าทิโต เณณยา) โจเรต ิ ยอ่ มขโมย จรุ เถยเฺ ย ในความขโมย + เณ + ติ โจรยต ิ ย่อมขโมย จุร เถยฺเย ในความขโมย + ณย + ติ จนิ ฺเตต ิ ย่อมคิด จนิ ตฺ จนิ ตฺ ายํ ในความคิด + เณ + ติ จนิ ตฺ ยติ ย่อมคดิ จนิ ตฺ จินตฺ ายํ ในความคดิ + ณย + ติ มนเฺ ตติ ยอ่ มปรึกษา มนตฺ คตุ ตฺ ภาสเน ในการกลา่ วคมุ้ ครอง + เณ + ติ ปาเลติ ย่อมรกั ษา ปาล รกฺขเณ ในการรักษา + เณ + ติ เวเทต ิ ย่อมรู้ วทิ าเณ ในความรู้ + เณ + ติ ธาเรต ิ ย่อมทรงไว้ ธร ธารเณ ในการทรงไว้ + เณ + ติ ธาตุ มี ๒ ประเภท คือ ๑. สกัมมกธาตุ ธาตุที่เรียกหากรรม ที่เชื่อมกับค�ำแปลว่า “ซึ่ง” และ “สู่” ได้ดี เช่น กฏํ กโรติ ย่อมกระท�ำ ซ่ึงเส่ือ, คามํ คจฺฉติ ย่อมไป สู่หมู่บ้าน และ โอทนํ ปจติ ย่อมหุง ซึ่งขา้ วสุก เปน็ ต้น ๒. อกัมมกธาตุ ธาตุท่ีไม่เรยี กหากรรม กลา่ วกิรยิ า เช่น อจฺฉติ ยอ่ มอย,ู่ เสติ ย่อม นอน, ติฏฺติ ย่อมยืน เปน็ ตน้
115 อาขยาต ว่าดว้ ยการสรา้ งคำ�ศพั ท์กิรยิ า ปจั จัย ปจั จัย คือศพั ทท์ ล่ี งหลงั จากธาตุ ทำ� หนา้ ทใี่ ห้รู้การกวา่ เป็นกตั ตุการก กัมมการก หรอื ภาวการก เปน็ เหตุให้ร้วู ่า กริ ยิ าศพั ทน์ ท้ี �ำหนา้ ท่เี ป็นวาจกอะไร กล่าวถงึ อะไร (ปัจจยั เปน็ เหตใุ ห้ รูว้ าจก) ดงั ทกี่ ลา่ วแลว้ วา่ ปจั จยั นน้ั ใชส้ ำ� หรบั ประกอบหลงั จากธาตุ เปน็ เครอื่ งหมายใหท้ ราบวาจก ตามโครงสร้างของประโยค ทัง้ ๕ ประโยค ดงั น้ี (๑) วิกรณปจั จัย ๑๗ ตวั คือ อ, อ, อ,ิ อ,ี เอ, โอ, ย, ณุ, ณา, อณุ า, นา, ปฺป, ณฺหา, โอ, ยริ , เณ และ ณย ปัจจัย เปน็ ปัจจัยประจ�ำหมวดธาตทุ ้ัง ๗ หมวด เป็นเครื่องหมายกัตตวุ าจก (๒) การิตปจั จยั ๔ ตัว คอื เณ, ณย, ณาเป และณาปย เปน็ เครอ่ื งหมายเหตกุ ัตตุวาจก (๓) ย ปัจจัย และ อิ, อี อาคมหน้า ย ปัจจัย เป็นเคร่อื งหมายกมั มวาจก (๔) การิตปจั จัย ๔ ตวั คอื เณ, ณย, ณาเป และ ณาปย พรอ้ มกบั ย ปจั จยั และ อิ, อี อาคมหน้า ย ปัจจัย เปน็ เครื่องหมายเหตกุ ัมมวาจก (๕) ย ปจั จัย อิ อาคมหรือ อี อาคมหนา้ ย ปัจจยั และวิภัตติฝา่ ยอัตตโนบท ปฐมบุรษุ เอกวจนะ เป็นเครือ่ งหมายภาววาจก โครงสร้างรปู ประโยคภาษาบาลี ๕ (วาจก ๕) ธาตุที่ประกอบด้วยปัจจัยและวิภัตติ(กาล/บท/วจนะ/บุรุษ) ส�ำเร็จแล้ว เรียกว่า วาจก แปลวา่ กริ ยิ าศพั ทท์ บี่ อกประธาน, ผกู้ ลา่ วประธาน จดั เปน็ ๕ วาจก ตามชนดิ แหง่ ตวั ประธาน ดงั นี้ (๑) ประโยคกัตตุวาจก กล่าวผู้กระท�ำ[กัตตา]เป็นประธานในประโยค เช่น สูโท โอทนํ ปจติ อ.พอ่ ครัว ยอ่ มหุง ซง่ึ ข้าวสุก (ลงปัจจยั ประจ�ำหมวดธาตุทั้ง ๑๗ ตัว คอื อ, อ, อิ, อ,ี เอ, โอ, ย,ณ,ุ ณา, อณุ า, นา, ปปฺ , ณหฺ า, โอ, ยิร, เณ และ ณย) (มขี อ้ สังเกตดงั นี้ : ปฐมา-กตั ตา, ทุตยิ า-กรรม) (๒) ประโยคเหตกุ ัตตวุ าจก กล่าวถึงผูท้ เี่ ป็นเหตใุ ห้คนอ่นื กระทำ� กิรยิ า เชน่ สามิโก สูทํ โอทนํ ปาเจติ อ.เจ้านาย ยังพ่อครัว ย่อมให้หุง ซึ่งข้าวสุก (เจ้านายเป็นเหตุให้พ่อครัว หุงขา้ ว) (ลงการิตปัจจยั ๔ ตัว คอื เณ, ณย, ณาเป และ ณาปย) (๓) ประโยคกรรมวาจก กล่าวส่ิงท่ีถูกกระท�ำ [กรรม] เป็นประธานในประโยค เป็น การยก เอาส่ิงท่ีถูกกระท�ำขึ้นมากล่าวเป็นประธานในประโยค เช่น สูเทน โอทโน ปจียเต อ.ข้าวสุก อันพ่อครวั ยอ่ มหงุ (มีขอ้ สังเกตดังน้ี : ตติยา-กตั ตา, ปฐมา-กรรม) ลง ย ปัจจัย และ ลง อ,ิ อี อาคมหน้า ย ปัจจัย
116 ไวยากรณ์บาลเี บื้องตน้ (๔) ประโยคเหตุกรรมวาจก กล่าวถึงสิ่งท่ีถูกผู้อ่ืนใช้ให้กระท�ำกิริยา เช่น สามิเกน สูโทโอทนํ ปาจาปียเต อ.พ่อครัว อันเจ้านาย ย่อมให้หุง ซึ่งข้าวสุก [บาลีสนามหลวง ยกอวุตตกมั มะขน้ึ มาเปน็ ประธาน เชน่ สามิเกน สทู ํ โอทโน ปาจาปียเต อ.ขา้ วสุก อนั เจ้านาย ยงั พ่อครวั ย่อมใหห้ งุ ] ลงการิตปัจจัย ๔ ตัว คือ เณ, ณย, ณาเป และณาปย พรอ้ มกับลง ย ปจั จัย และ อ,ิ อี อาคมหน้า ย ปัจจยั (๕) ประโยคภาววาจก กล่าวถงึ ภาวะ ความมี ความเป็น ในประโยค เช่น เตน ภูยเต อันเขา ย่อมเป็น ลง ย ปจั จัยและวิภัตตฝิ า่ ยอตั ตโนบท ปฐมบุรุษ เอกวจนะ [มขี อ้ สงั เกตดังน้ี : ประธานจะประกอบดว้ ยตติยาวภิ ตั ติ เอกวจนะหรอื พหุวจนะก็ได]้ ๔.๑ ภูวาทคิ ณะ ฉกาลกิ วภิ ัตติวิธาน ภู ธาตุ + อ ปจั จยั + วัตตมานาวภิ ัตติ (มี, เปน็ ) ปรัสสบท อตั ตโนบท บุรษุ เอก. พห.ุ เอก. พหุ. โยค ปฐม ภวติ ภวนฺต ิ ภวเต ภวนเฺ ต นามโยค มชั ฌมิ ภวส ิ ภวถ ภวเส ภววฺเห ตุมฺหโยค อตุ ตม ภวามิ ภวาม ภเว ภวามเฺ ห อมหฺ โยค ปจ ธาตุ + อ ปัจจยั + วตั ตมานาวิภตั ติ (หุง, ต้ม) ปรสั สบท อตั ตโนบท บรุ ุษ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ปจต ิ ปจนฺต ิ ปจเต ปจนฺเต นามโยค มัชฌมิ ปจส ิ ปจถ ปจเส ปจวฺเห ตมุ ฺหโยค อุตตม ปจามิ ปจาม ปเจ ปจามเฺ ห อมหฺ โยค คมุ ธาตุ + อ ปจั จัย + วตั ตมานาวภิ ตั ติ (ไป) ปรัสสบท อัตตโนบท บรุ ษุ เอก. พหุ. เอก. พหุ. โยค ปฐม คจฺฉติ คจฉฺ นฺต,ิ คจฺฉเร คจฉฺ เต คจฉฺ นเฺ ต, คจฺฉเร นามโยค มัชฌิม คจฉฺ สิ คจฉฺ ถ คจฺฉเส คจฺฉวฺเห ตุมฺหโยค อุตตม คจฺฉาม ิ คจฉฺ าม คจเฺ ฉ คจฺฉามฺเห อมฺหโยค
117 อาขยาต ว่าด้วยการสร้างคำ�ศัพท์กิริยา อนุ บทหนา้ + ภู ธาตุ + ย ปัจจยั + วตั ตมานาวภิ ัตติ (กรรม) (เสวย) อตั ตโนบท บุรษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม อนภุ ยู เต อนุภูยนฺเต นามโยค มชั ฌิม อนุภยู เส อนภุ ยู วเฺ ห ตมุ หฺ โยค อตุ ตม อนภุ เู ย อนภุ ูยามเฺ ห อมหฺ โย คมุ ธาตุ + ย ปจั จยั + วตั ตมานาวภิ ัตติ (กรรม) (ไป) อัตตโนบท บรุ ษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม คจฉฺ ียเต คจฉฺ ียนฺเต นามโยค มัชฌมิ คจฉฺ ยี เส คจฺฉยี วเฺ ห ตุมฺหโยค อตุ ตม คจฉฺ เี ย คจฺฉียามเฺ ห อมหฺ โยค ภู ธาตุ + อ ปจั จัย + ปัญจมีวิภัตติ (มี, เป็น) ปรสั สบท อัตตโนบท บรุ ษุ เอก. พหุ. เอก. พหุ. โยค ปฐม ภวต ุ ภวนฺตุ ภวตํ ภวนฺตํ นามโยค มัชฌิม ภว, ภวาหิ ภวถ ภวสฺสุ ภววโฺ ห ตุมหฺ โยค อตุ ตม ภวามิ ภวาม ภเว ภวามเส อมหฺ โยค อนุ บทหน้า + ภู ธาตุ + ย ปจั จัย + ปญั จมีวิภตั ติ (กรรม) (เสวย) อัตตโนบท ปรัสสปทัตตะ บุรุษ เอก. พหุ. เอก. พห.ุ โยค ปฐม. อนุภูยตํ อนภุ ยู นตฺ ํ อนภุ ยู ยฺ ตุ อนภุ ยู ยฺ นฺต ุ นามโยค มัชฌิม. อนุภูยสสฺ ุ อนภุ ยู วโฺ ห อนุภยู ฺยาหิ อนุภูยฺยาถ ตมุ ฺหโยค อุตตม. อนุภเู ย อนุภูยามเส อนุภูยฺยาม ิ อนภุ ยู ฺยาม อมฺหโยค ปจ ธาตุ + อ ปัจจยั + ปญั จมีวิภัตติ (หงุ , ตม้ ) ปรสั สบท อตั ตโนบท บุรษุ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม. ปจตุ ปจนตฺ ุ ปจตํ ปจนตฺ ํ นามโยค มัชฌิม. ปจ, ปจาหิ ปจถ ปจสฺส ุ ปจวโฺ ห ตมุ หฺ โยค อตุ ตม. ปจาม ิ ปจาม ปเจ ปจามเส อมฺหโยค
118 ไวยากรณบ์ าลีเบือ้ งตน้ ปจ ธาตุ + ย ปัจจัย + ปัญจมวี ิภัตติ (กรรม) (หุง, ตม้ ) อตั ตโนบท ปรัสสปทตั ตะ บรุ ษุ เอก. พหุ. เอก. พห.ุ โยค ปฐม. ปจฺจตํ ปจจฺ นฺตํ ปจฺจตุ ปจฺจนตฺ ุ นามโยค มชั ฌมิ . ปจจฺ สฺส ุ ปจจฺ วโฺ ห ปจจฺ , ปจฺจาหิ ปจฺจถ ตมุ ฺหโยค อุตตม. ปจเฺ จ ปจจฺ ามเส ปจจฺ ามิ ปจฺจาม อมฺหโยค ปรสั สบท คมุ ธาตุ + อ ปัจจยั + ปัญจมีวภิ ัตติ (ไป) อัตตโนบท บุรุษ เอก. พหุ. เอก. พหุ. โยค ปฐม. คจฺฉตุ คจฺฉนตฺ ุ คจฺฉตํ คจฉฺ นตฺ ํ นามโยค มชั ฌมิ . คจฉฺ , คจฉฺ าห ิ คจฺฉถ คจฺฉสฺส ุ คจฉฺ วฺโห ตุมหฺ โยค อตุ ตม. คจฺฉามิ คจฉฺ าม คจเฺ ฉ คจฺฉามเส อมหฺ โยค คมุ ธาตุ + ย ปจั จัย + ปญั จมีวิภัตติ (กรรม) (ไป) อัตตโนบท ปรัสสปทัตตะ บรุ ษุ เอก. พหุ. เอก. พห.ุ โยค ปฐม. คจฺฉยี ตํ คจฉฺ ียนฺตํ คจฉฺ ียต ุ คจฉฺ ยี นตฺ ุ นามโย มัชฌิม. คจฉฺ ยี สฺสุ คจฺฉยี วโฺ ห คจฺฉียาห ิ คจฺฉียถ ตมุ ฺหโยค อุตตม. คจฉฺ เี ย คจฉฺ ียามเส คจฺฉยี าม ิ คจฉฺ ยี าม อมฺหโยค ภู ธาตุ + อ ปัจจยั + สัตตมวี ิภัตติ (ม,ี เปน็ ) ปรัสสบท อตั ตโนบท บุรษุ เอก. พหุ. เอก. พหุ. โยค ปฐม ภเว, ภเวยฺย ภเวยยฺ ํุ ภเวถ ภเวรํ นามโยค มัชฌมิ ภเว, ภเวยฺยาสิ ภเวยยฺ าถ ภเวโถ ภเวยยฺ าวฺโห ตมุ ฺหโยค อุตตม ภเว, ภเวยฺยาม ิ ภเวยฺยาม ภเว, ภเวยฺยํ ภเวยฺยามเฺ ห อมฺหโยค อนุ บทหนา้ + ภู ธาตุ + ย ปจั จัย + สตั ตมีวิภตั ติ (กรรม) (เสวย) อตั ตโนบท ปรสั สปทัตตะ บรุ ุษ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม อนุภูเยถ อนุภเู ยรํ อนภุ ูเยยฺย อนภุ เู ยยฺยุํ นามโยค มชั ฌมิ อนุภูเยโถ อนภุ เู ยยยฺ าวฺโห อนภุ ูเยยยฺ าส ิ อนภุ ูเยยยฺ าถ ตุมหฺ โยค อตุ ตม อนภุ เู ย, อนภุ เู ยยยฺ ํ อนุภูเยยฺยามเฺ ห อนุภูเยยยฺ ามิ อนภุ เู ยยฺยาม อมหฺ โยค
119 อาขยาต ว่าด้วยการสร้างค�ำ ศัพทก์ ริ ยิ า ปจ ธาตุ + ย ปจั จยั + สัตตมวี ิภัตติ (กรรม) (หุง, ต้ม) อัตตโนบท ปรัสสปทัตตะ บรุ ษุ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ปจเฺ จถ ปจเฺ จรํ ปจฺเจ, ปจฺเจยยฺ ปจเฺ จยฺยุํ นามโยค มชั ฌมิ ปจฺเจโถ ปจเฺ จยยฺ าวโฺ ห ปจเฺ จ, ปจเฺ จยฺยาสิ ปจฺเจยฺยาถ ตุมหฺ โยค อตุ ตม ปจเฺ จ, ปจเฺ จยยฺ ํ ปจเฺ จยฺยามเฺ ห ปจเฺ จ, ปจฺเจยฺยามิ ปจเฺ จยยฺ าม อมหฺ โยค คมุ ธาตุ + อ ปัจจัย + สัตตมีวิภัตติ (ไป) ปรสั สบท อัตตโนบท บุรษุ เอก. พหุ. เอก. พห.ุ โยค ปฐม คจฺเฉ, คจฺเฉยยฺ คจฉฺ ,ํุ คจเฺ ฉยยฺ ุํ คจฺเฉถ คจฺเฉรํ นามโยค มัชฌมิ คจเฺ ฉ, คจเฺ ฉยยฺ าสิ คจเฺ ฉยยฺ าถ คจเฺ ฉโถ คจเฺ ฉยยฺ าวฺโห ตมุ ฺหโยค อตุ ตม คจเฺ ฉ, คจเฺ ฉยยฺ าม ิ คจเฺ ฉยยฺ าม คจฺเฉ, คจเฺ ฉยยฺ ํ คจฺเฉยฺยามฺเห อมหฺ โยค คมุ ธาตุ + ย ปัจจัย + สัตตมีวภิ ัตติ (กรรม) (หุง, ตม้ ) อัตตโนบท ปรัสสปทัตตะ บุรุษ เอก. พหุ. เอก. พห.ุ โยค ปฐม คจฉฺ ีเยถ คจฺฉเี ยรํ คจฉฺ เี ย, คจฉฺ เี ยยยฺ คจฺฉเี ยยฺยุํ นามโยค มัชฌิม คจฺฉีเยโถ คจฉฺ ีเยยยฺ าวโฺ ห คจฉฺ เี ย,คจฉฺ เี ยยยฺ าสิ คจฺฉีเยยฺยาถ ตุมฺหโยค อตุ ตม คจฉฺ เี ย, คจฉฺ เี ยยยฺ ํ คจฺฉีเยยฺยามฺเห คจฉฺ เี ย,คจฉฺ เี ยยยฺ ามิ คจฉฺ เี ยยยฺ าม อมหฺ โยค อ อาคม + ภู ธาตุ + อ ปัจจัย + หยิ ยัตตนีวภิ ัตติ (มี, เปน็ ) ปรสั สบท อัตตโนบท บรุ ษุ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม อภวา อภวู อภวตถฺ อภวตถฺ ุํ นามโยค มัชฌมิ อภโว, อภว อภวตฺถ อภวเส อภววหฺ ํ ตมุ หฺ โยค อตุ ตม อภวํ อภวมหฺ า อภวึ อภวมหฺ เส อมฺหโยค อ อาคม + ปจ ธาตุ + อ ปจั จยั + หยิ ยัตตนีวภิ ัตติ (หุง, ต้ม) ปรสั สบท อัตตโนบท บุรษุ เอก. พหุ. เอก. พหุ. โยค ปฐม อปจา อปจ ู อปจตฺถ อปจตฺถุํ นามโยค มัชฌิม อปโจ อปจตฺถ อปจเส อปจวฺหํ ตุมหฺ โยค อตุ ตม อปจํ อปจมหฺ า อปจ ึ อปจมหฺ เส อมฺหโยค
120 ไวยากรณบ์ าลเี บื้องตน้ ปจ ธาตุ + อ ปัจจยั + หยิ ยตั ตนวี ิภัตติ (หุง, ต้ม) ปรสั สบท อตั ตโนบท บรุ ษุ เอก. พหุ. เอก. พหุ. โยค ปฐม ปจา ปจู ปจตฺถ ปจตฺถุํ นามโยค มัชฌมิ ปโจ ปจตฺถ ปจเส ปจวฺหํ ตุมฺหโยค อตุ ตม ปจํ ปจมหฺ า ปจ ึ ปจมฺหเส อมฺหโยค ปจ ธาตุ + ย ปัจจัย + หยิ ยตั ตนวี ิภตั ติ (กรรม) (หงุ , ตม้ ) อตั ตโนบท บรุ ษุ เอก. พหุ. โยค ปฐม อปจฺจถ, อปจฺจตฺถ อปจฺจตถฺ ุํ นามโยค มัชฌิม อปจฺจเส อปจฺจวฺหํ ตมุ ฺหโยค อตุ ตม อปจจฺ ึ อปจฺจมฺหเส อมฺหโยค คมุ ธาตุ + อ ปจั จยั + หยิ ยัตตนวี ิภตั ติ (ไป) ปรัสสบท อตั ตโนบท บุรุษ เอก. พห.ุ เอก. พหุ. โยค ปฐม อคจฺฉา อคจฉฺ ู อคจฺฉตถฺ อคจฉฺ ตถฺ ํุ นามโยค มัชฌิม อคจฺโฉ, อคจฉฺ อคจฺฉตฺถ อคจฉฺ เส อคจฉฺ วหฺ ํ ตุมฺหโยค อุตตม อคจฉฺ ํ อคจฉฺ มฺหา อคจฺฉึ อคจฉฺ มฺหเส อมหฺ โยค อ อาคม + คมุ ธาตุ + ย ปัจจยั + หิยยตั ตนีวภิ ตั ติ (กรรม) (ไป) อตั ตโนบท บุรษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม อคจฉฺ ียตฺถ, คจฺฉยี ตฺถ อคจฺฉยี ตถฺ ํ,ุ คจฺฉียตถฺ ํุ นามโยค มชั ฌมิ อคจฺฉยี เส, คจฉฺ ียเส อคจฉฺ ียวฺหํ, คจฺฉียวฺหํ ตุมฺหโยค อตุ ตม อคจฉฺ ียึ, คจฉฺ ียึ อคจฉฺ ยี มฺหเส, คจฺฉียมหฺ เส อมฺหโยค ปรัสสบท ภู ธาตุ + ปโรกขาวภิ ตั ติ (ม,ี เปน็ ) อัตตโนบท บุรษุ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม พภวู พภวู ุ พภวู ติ ฺถ พภูวเิ ร นามโยค มชั ฌมิ พภเู ว พภวู ติ ถฺ พภวู ติ โฺ ถ พภวู วิ ฺโห ตุมฺหโยค อุตตม พภูวํ พภวู มิ หฺ พภวู ึ พภวู มิ ฺเห อมหฺ โย
121 อาขยาต ว่าดว้ ยการสรา้ งคำ�ศพั ท์กิริยา ปจ ธาตุ + ปโรกขาวิภัตติ (หุง, ตม้ ) ปรสั สบท อัตตโนบท บุรษุ เอก. พหุ. เอก. พหุ. โยค ปฐม ปปจ ปปจุ ปปจติ ฺถ ปปจิเร นามโยค มัชฌิม ปปเจ ปปจิตถฺ ปปจิตโฺ ถ ปปจวิ ฺโห ตุมหฺ โยค อตุ ตม ปปจํ ปปจิมหฺ ปปจึ ปปจมิ ฺเห อมฺหโยค ปจ ธาตุ + ย ปัจจยั + ปโรกขาวภิ ัตติ (กรรม) (หุง, ต้ม) อัตตโนบท ปรสั สปทัตตะ บุรษุ เอก. พห.ุ เอก. พหุ. โยค ปฐม ปปจฺจติ ฺถ ปปจจฺ ิเร ปปจฺจ ปปจฺจุ นามโยค มัชฌิม ปปจฺจติ ฺโถ ปปจจฺ วิ โฺ ห ปปจฺเจ ปปจฺจติ ถฺ ตมุ หฺ โยค อุตตม ปปจจฺ ึ ปปจจฺ ิมฺเห ปปจจฺ ํ ปปจฺจิมหฺ อมฺหโยค คมุ ธาตุ + ปโรกขาวิภตั ติ (หงุ , ต้ม) ปรัสสบท อตั ตโนบท บรุ ษุ เอก. พหุ. เอก. พห.ุ โยค ปฐม ชคาม, ชคม ชคม ุ ชคมิตฺถ ชคมเิ ร นามโยค มชั ฌมิ ชคเม ชคมติ ถฺ ชคมิตฺโถ ชคมิวฺโห ตมุ หฺ โยค อุตตม ชคมํ ชคมิมหฺ ชคมึ ชคมิมฺเห อมหฺ โยค อ อาคม + ปจ ธาตุ + อัชชตนีวภิ ัตติ (หุง, ตม้ ) ปรสั สบท อตั ตโนบท บรุ ษุ เอก. พห.ุ เอก. พหุ. โยค ปฐม อปจิ, อปจี อปจึสุ, อปจุํ อปจติ ฺถ, อปจา อปจ ู นามโยค มัชฌิม อปจิ, อปโจ อปจติ ถฺ อปจเิ ส อปจิวฺหํ ตุมหฺ โยค อุตตม อปจึ อปจมิ หฺ , อปจมิ หฺ า อปจ,ํ อปจ อปจิมฺเห อมหฺ โยค ปจ ธาตุ + ย ปจั จัย + อชั ชตนีวภิ ัตติ (กรรม) (หุง, ต้ม) อัตตโนบท ปรสั สปทัตตะ บุรษุ เอก. พหุ. เอก. พห.ุ โยค ปฐม อปจฺจิตถฺ อปจฺจ ู อปจฺจิ, อปจจฺ ี อปจฺจึส,ุ อปจฺจุํ นามโยค มัชฌิม อปจจฺ เิ ส อปจฺจิวฺหํ อปจจฺ ,ิ อปจโฺ จ อปจจฺ ิตฺถ ตมุ หฺ โยค อุตตม อปจฺจํ อปจฺจิมฺเห อปจจฺ ึ อปจจฺ ิมฺห, -มหฺ า อมฺหโยค
122 ไวยากรณ์บาลีเบอ้ื งต้น อ อาคม + คมุ ธาตุ + อชั ชตนวี ิภตั ติ (ไป) ปรสั สบท อัตตโนบท บุรุษ เอก. พหุ. เอก. พห.ุ โยค ปฐม อคจฺฉิ, อคจฉฺ ี อคจฉฺ สึ ,ุ อคจฉฺ ํุ อคจฉฺ ติ ถฺ , อคจฉฺ า อคจฉฺ ู นามโยค มัชฌิม อคจฉฺ ,ิ อคจโฺ ฉ อคจฉฺ ิตฺถ อคจฉฺ ิเส อคจฉฺ ิวหฺ ํ ตุมหฺ โยค อุตตม อคจฉฺ ึ อคจฉฺ มิ หฺ , -มฺหา อคจฺฉํ อคจฺฉิมเฺ ห อมหฺ โยค อ อาคม + คมุ ธาตุ + อชั ชตนีวิภัตติ (ไป) ปรัสสบท อัตตโนบท บุรษุ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม อคญฉฺ ,ิ อคญฉฺ ี อคญฺฉึสุ, อคญฺฉํุ อคญฺฉติ ฺถ อคญฺฉ ู นามโยค มชั ฌมิ อคญฉฺ ,ิ อคญโฺ ฉ อคญฉฺ ติ ฺถ อคญฺฉิเส อคญฉฺ ิวฺหํ ตมุ หฺ โยค อตุ ตม อคญฺฉึ อคญฉฺ มิ หฺ , อคญฉฺ มิ หฺ า อคญฺฉํ อคญฉฺ มิ เฺ ห อมฺหโยค บรุ ษุ อ อาคม + คมุ ธาตุ + อัชชตนีวิภตั ติ (ไป) โยค ปฐม ปรสั สบท นามโยค มชั ฌิม ตุมฺหโยค อุตตม เอก. พห.ุ อมหฺ โยค อคมิ, อคมาสิ อคมสึ ,ุ อคมํสุ,อคมํุ อคม,ิ อคโม อคมิตฺถ, อคมตุ ถฺ อคมึ อคมิมหฺ , อคมมุ ฺห, อคมิมฺหา อธิ บทหน้า + อ อาคม + คมุ ธาตุ + อชั ชตนวี ิภัตติ (บรรล,ุ ถงึ ทับ) ปรัสสบท บรุ ษุ เอก. พหุ. โยค ปฐม อชฌฺ คา อชฌฺ คุํ นามโยค มัชฌิม อชฺฌโค อชฺฌคตุ ฺถ ตมุ ฺหโยค อุตตม อชฌฺ คึ อชฌฺ คุมหฺ อมหฺ โยค ภู ธาตุ + ภวสิ สนั ตีวภิ ตั ติ (มี, เป็น) ปรัสสบท อัตตโนบท บรุ ษุ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ภวสิ สฺ ติ ภวิสสฺ นตฺ ิ ภวิสสฺ เต ภวิสสฺ นเฺ ต, ภวสิ สฺ เร นามโยค มชั ฌิม ภวสิ สฺ สิ ภวสิ ฺสถ ภวสิ ฺสเส ภวิสฺสวเฺ ห ตุมฺหโยค อตุ ตม ภวสิ สฺ ามิ ภวสิ ฺสาม ภวสิ สฺ ํ ภวสิ สฺ ามฺเห อมหฺ โยค
123 อาขยาต ว่าด้วยการสร้างคำ�ศัพท์กริ ยิ า ปจ ธาตุ + ภวิสสันตวี ภิ ัตติ (หงุ , ตม้ ) ปรัสสบท อตั ตโนบท บุรุษ เอก. พห.ุ เอก. พหุ. โยค ปฐม ปจสิ ฺสติ ปจิสสฺ นฺติ ปจิสฺสเต ปจสิ สฺ นเฺ ต, ปจสิ สฺ เร นามโยค มัชฌมิ ปจสิ ฺสสิ ปจสิ ฺสถ ปจสิ ฺสเส ปจสิ ฺสวเฺ ห ตุมฺหโยค อตุ ตม ปจสิ สฺ ามิ ปจิสสฺ าม ปจสิ ฺสํ ปจสิ สฺ ามเฺ ห อมหฺ โยค ปจ ธาตุ + ย ปัจจัย + ภวสิ สันตีวิภตั ติ (กรรม) (หงุ , ตม้ ) อัตตโนบท ปรัสสปทัตตะ บรุ ุษ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ปจฺจิสฺสเต ปจจฺ สิ ฺสนเฺ ต ปจฺจิสสฺ ติ ปจจฺ ิสฺสนฺต ิ มัชฌมิ ปจจฺ ิสฺสเส ปจฺจสิ สฺ วเฺ ห ปจฺจสิ สฺ สิ ปจฺจิสสฺ ถ นามโยค อุตตม ปจฺจสิ ฺสํ ปจจฺ ิสสฺ ามเฺ ห ปจฺจิสสฺ ามิ ปจจฺ ิสฺสาม ตมุ ฺหโยค อมฺหโยค คมุ ธาตุ + ภวสิ สนั ตวี ิภัตติ (ไป) ปรัสสบท อตั ตโนบท บรุ ุษ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม คจฉฺ ิสฺสติ คจฉฺ สิ สฺ นตฺ ิ คจฉฺ สิ สฺ เต คจฉฺ สิ สฺ นเฺ ต, คจฉฺ สิ สฺ เร นามโยค มัชฌมิ คจฺฉสิ สฺ ส ิ คจฉฺ สิ ฺสถ คจฉฺ ิสฺสเส คจฺฉิสฺสวเฺ ห ตมุ หฺ โยค อตุ ตม คจฺฉิสฺสามิ คจฉฺ ิสสฺ าม คจฺฉสิ สฺ ํ คจฺฉิสฺสามเฺ ห อมหฺ โยค อ อาคม + ภู ธาตุ + กาลาติปัตตวิ ภิ ตั ติ (ม,ี เปน็ ) ปรสั สบท อตั ตโนบท บุรษุ เอก. พหุ. เอก. พห.ุ โยค ปฐม อภวสิ สฺ ,อภวิสฺสา อภวิสฺสํส ุ อภวสิ ฺสถ อภวสิ ฺสิส ุ นามโยค มัชฌมิ อภวสิ สฺ ,อภวสิ ฺเส อภวิสสฺ ถ อภวสิ ฺสเส อภวิสฺสวเฺ ห ตุมฺหโยค อุตตม อภวิสสฺ ํ อภวิสฺสมหฺ ,-ามฺหา อภวิสสฺ ึ อภวสิ สฺ ามหฺ เส อมฺหโยค อ อาคม + คมุ ธาตุ + กาลาติปตั ตวิ ิภตั ติ (ไป) ปรัสสบท อัตตโนบท บุรษุ เอก. พหุ. เอก. พห.ุ โยค ปฐม อคจฺฉสิ ฺส, อคจฉฺ สิ ฺสา อคจฉฺ สิ ฺสสํ ุ อคจฺฉสิ ฺสถ อคจฺฉิสฺสิสุ นามโยค มัชฌมิ อคจฉฺ ิสฺส,อคจฉฺ สิ ฺเส อคจฺฉสิ ฺสถ อคจฺฉสิ ฺสเส อคจฺฉิสสฺ วฺเห ตุมฺหโยค อุตตม อคจฺฉสิ สฺ ํ อคจฺฉิสสฺ มฺห, -ามฺหา อคจฉฺ สิ สฺ ึ อคจฉฺ ิสสฺ ามหฺ เส อมฺหโยค
124 ไวยากรณบ์ าลเี บื้องตน้ ๔.๒ ภวู าทคิ ณะ วิกรณวิธาน หู ธาตุ + อ ปจั จยั + วตั ตมานาวภิ ตั ติ (ม,ี เปน็ ) ปรัสสบท บรุ ุษ เอก. พห.ุ โยค ปฐม โหต ิ โหนฺติ นามโยค มชั ฌิม โหส ิ โหถ ตมุ หฺ โยค อุตตม โหมิ โหม อมฺหโยค หู ธาตุ + อ ปจั จัย + ปญั จมวี ภิ ัตติ (ม,ี เป็น) ปรสั สบท บรุ ุษ เอก. พหุ. โยค โหตุ โหนตฺ ุ นามโยค ปฐม โหหิ โหถ ตมุ ฺหโยค มัชฌิม โหม ิ โหม อมหฺ โยค อุตตม อ อาคม + หู ธาตุ + อชั ชตนวี ิภตั ติ (ม,ี เปน็ ) ปรัสสบท บุรษุ เอก. พหุ. โยค ปฐม อหุ, อโหส ิ อเหสุ,ํ อหํ,ุ อหวุํ นามโยค มชั ฌมิ อโหสิ อโหสติ ฺถ ตมุ ฺหโยค อุตตม อโหส,ึ อหํุ อโหสมิ หฺ , อหมุ หฺ อมฺหโยค สิ ธาตุ + อ ปจั จยั + วัตตมานาวิภัตติ (นอน) ปรัสสบท บุรษุ เอก. พหุ. โยค ปฐม สยติ สยนฺต ิ นามโยค มัชฌิม สยส ิ สยถ ตมุ หฺ โยค อตุ ตม สยาม ิ สยาม อมฺหโยค
อาขยาต วา่ ด้วยการสรา้ งคำ�ศพั ท์กริ ยิ า 125 สิ ธาตุ + อ ปจั จยั + ปญั จมวี ิภัตติ (นอน) โยค ปรัสสบท อัตตโนบท บุรษุ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ นามโยค ปฐม เสต,ุ สยต ุ เสนตฺ ,ุ สยนตฺ ุ สยตํ สยนตฺ ํ ตุมฺหโยค มัชฌมิ เสห,ิ สย, สยาหิ เสถ, สยถ สยสสฺ ุ สยวโฺ ห อมหฺ โยค อุตตม เสม,ิ สยามิ เสม, สยาม สเย สยามเส นี ธาตุ + อ ปจั จยั + วัตตมานาวิภตั ติ (น�ำไป) ปรัสสบท บรุ ษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม เนติ, นยต ิ เนนฺต,ิ นยนฺต ิ นามโยค มัชฌิม เนสิ, นยสิ เนถ, นยถ ตมุ ฺหโยค อตุ ตม เนม,ิ นยาม ิ เนม, นยาม อมหฺ โยค นี ธาตุ + อ ปัจจยั + ปญั จมีวภิ ตั ติ (น�ำไป) ปรัสสบท บรุ ษุ เอก. พหุ. โยค ปฐม เนตุ, นยตุ เนนฺตุ, นยนตฺ ุ นามโยค มัชฌิม เนห,ิ นย, นยาหิ เนถ, นยถ ตุมหฺ โยค อตุ ตม เนม,ิ นยามิ เนม, นยาม อมหฺ โยค นี ธาตุ + อ ปจั จัย + สัตตมีวิภตั ติ (น�ำไป) ปรัสสบท บุรษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม นเย, นเยยฺย นเยยยฺ ํุ นามโยค มชั ฌิม นเย, นเยยฺยาส ิ นเยยยฺ าถ ตุมหฺ โยค อตุ ตม นเย, นเยยฺยาม ิ นเยยฺยาม อมหฺ โยค า ธาตุ + อ ปัจจยั + วัตตมานาวภิ ัตติ (ยืน, ตั้ง, ด�ำรง) ปรสั สบท บรุ ุษ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ตฏิ ฺ ติ ตฏิ ฺนตฺ ิ นามโยค มัชฌมิ ตฏิ ฺ ส ิ ติฏฺถ ตมุ หฺ โยค อุตตม ติฏฺ ามิ ตฏิ ฺ าม อมฺหโยค
126 ไวยากรณ์บาลเี บ้ืองต้น อธิ บทหน้า + า ธาตุ + อ ปจั จยั + วัตตมานาวิภตั ติ (ยืน, ตัง้ , ด�ำรง) ปรสั สบท บรุ ษุ เอก. พหุ. โยค ปฐม อธิฏฺเฐติ อธฏิ เฺ ฐนตฺ ิ นามโยค มัชฌมิ อธิฏฺเฐสิ อธฏิ ฺเฐถ ตุมฺหโยค อตุ ตม อธฏิ เฺ ฐมิ อธิฏฺเฐม อมฺหโยค า ธาตุ + อ ปัจจัย + ปัญจมีวิภตั ติ (ยืน, ตัง้ , ด�ำรง) ปรสั สบท บุรษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ตฏิ ฺตุ ติฏฺนฺต ุ นามโยค มชั ฌมิ ติฏฺ , ตฏิ ฺาห ิ ติฏฺถ ตมุ หฺ โยค อุตตม ตฏิ ฺ ามิ ตฏิ ฺ าม อมหฺ โยค ปา ธาตุ + อ ปัจจัย + วัตตมานาวิภัตติ (ดม่ื ) ปรัสสบท บุรุษ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ปิพติ, ปิวติ ปพิ นตฺ ิ, ปิวนฺต ิ นามโยค มชั ฌมิ ปิพส,ิ ปิวสิ ปิพถ, ปิวถ ตมุ หฺ โยค อตุ ตม ปพิ าม,ิ ปวิ าม ิ ปพิ าม, ปิวาม อมหฺ โยค อส ธาตุ + อ ปจั จยั + วัตตมานาวภิ ตั ติ (มี, เป็น) ปรสั สบท บุรุษ เอก. พห.ุ โยค ปฐม อตฺถิ สนตฺ ิ นามโยค มชั ฌมิ อสิ อตฺถ ตมุ ฺหโยค อตุ ตม อมฺหิ, อสฺมิ อมหฺ , อสมฺ อมหฺ โยค อส ธาตุ + อ ปจั จยั + ปญั จมวี ภิ ัตติ (ม,ี เปน็ ) ปรสั สบท บรุ ุษ เอก. พห.ุ โยค อตถฺ ุ สนฺต ุ นามโยค ปฐม อหิ อตฺถ ตมุ หฺ โยค มัชฌิม อสมฺ ิ อสฺม อมฺหโยค อุตตม
127 อาขยาต วา่ ดว้ ยการสร้างค�ำ ศพั ท์กิรยิ า อส ธาตุ + อ ปัจจยั + สัตตมวี ภิ ตั ติ (ม,ี เป็น) ปรสั สบท บรุ ุษ เอก. พห.ุ โยค สิยา, อสฺส สยิ ํ,ุ อสฺสุ นามโยค ปฐม อสฺส อสสฺ ถ ตุมหฺ โยค มัชฌมิ อสสฺ ํ อสฺสาม อมฺหโยค อุตตม อ อาคม + อส ธาตุ + อัชชตนวี ิภตั ติ (ม,ี เป็น) ปรสั สบท บุรุษ เอก. พหุ. โยค อาสิ อาสึสุ, อาสุํ นามโยค ปฐม อาสิ อาสติ ฺถ ตุมฺหโยค มชั ฌิม อาสึ อาสมิ หฺ อมหฺ โยค อตุ ตม พฺรู ธาตุ + อ ปจั จัย + วัตตมานาวิภตั ติ (กลา่ ว) ปรสั สบท อตั ตโนบท บรุ ุษ เอก. พห.ุ เอก. พหุ. โยค ปฐม พรฺ วตี ,ิ พรฺ ตู ,ิ อาห พฺรวุ นตฺ ,ิ อาห ุ พรฺ ูเต พรฺ ุวนฺเต นามโยค มัชฌิม พรฺ ูส ิ พรฺ ูถ พฺรูเส พรฺ ูวฺเห ตุมฺหโยค อุตตม พฺรูม ิ พรฺ ูม พฺรเุ ว พรฺ มู เฺ ห อมฺหโยค หน ธาตุ + อ ปัจจัย + วตั ตมานาวภิ ตั ติ (เบยี ดเบยี น, ฆา่ ) ปรสั สบท บรุ ษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม หนตฺ ิ, หนต ิ หนนฺติ นามโยค มัชฌมิ หนสิ หนถ ตมุ ฺหโยค อตุ ตม หนาม ิ หนาม อมฺหโยค หน ธาตุ + ย ปจั จยั + วัตตมานาวภิ ัตติ (กรรม) (เบียดเบียน, ฆ่า) ปรสั สบท ปรัสสปทัตตะ บรุ ษุ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม หญฺ เต หฺ นเฺ ต, หฺ เร หฺ ติ หฺนตฺ ิ, หฺ เร นามโยค มชั ฌมิ หฺ เส หฺ วเฺ ห หฺส ิ หฺ ถ ตมุ หฺ โยค อตุ ตม หฺเ หฺามเฺ ห หฺ ามิ หฺาม อมหฺ โยค
128 ไวยากรณบ์ าลเี บอ้ื งตน้ หุ ธาตุ + อ ปจั จยั + วัตตมานาวภิ ตั ติ (บูชา, บวงสรวง) ปรัสสบท บรุ ษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ชโุ หติ, ชุหฺวต ิ ชโุ หนฺติ, ชหุ วฺ นฺต ิ นามโยค มัชฌิม ชุโหส,ิ ชหุ วฺ สิ ชุโหถ, ชหุ ฺวถ ตุมฺหโยค อตุ ตม ชโุ หม,ิ ชหุ ฺวามิ ชุโหม, ชหุ ฺวาม อมฺหโยค หา ธาตุ + อ ปจั จัย + วัตตมานาวิภตั ติ (ละ, สละ) ปรัสสบท บุรุษ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ชหาติ ชหนตฺ ิ นามโยค มัชฌิม ชหาส ิ ชหาถ ตมุ ฺหโยค อตุ ตม ชหามิ ชหาม อมหฺ โยค ทา ธาตุ + อ ปจั จัย + วตั ตมานาวิภัตติ (ให้) ปรสั สบท บรุ ษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ททาติ ททนฺติ นามโยค มัชฌิม ททาส ิ ททาถ ตุมฺหโยค อตุ ตม ททามิ ททาม อมหฺ โยค ทา ธาตุ + อ ปัจจยั + วัตตมานาวภิ ัตติ (ให้) ปรัสสบท บรุ ษุ เอก. พหุ. โยค ปฐม ทชชฺ ติ ทชฺชนตฺ ิ นามโยค มัชฌิม ทชชฺ สิ ทชชฺ ถ ตมุ หฺ โยค อุตตม ทชชฺ ามิ ทชฺชาม อมหฺ โยค ทา ธาตุ + อ ปจั จยั + วัตตมานาวิภัตติ (ให้) ปรัสสบท บรุ ุษ เอก. พหุ. โยค ปฐม เทติ เทนตฺ ิ นามโยค มัชฌิม เทสิ เทถ ตุมฺหโยค อุตตม ทมฺม,ิ เทมิ ทมฺม, เทม อมฺหโยค
อาขยาต วา่ ด้วยการสร้างค�ำ ศัพท์กริ ิยา 129 ทา ธาตุ + อ ปจั จัย + ปัญจมวี ภิ ตั ติ (ให้) โยค ปรสั สบท อตั ตโนบท นามโยค บรุ ษุ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ ตุมฺหโยค ปฐม ททาตุ ททนตฺ ุ ททตํ ททนตฺ ํ อมฺหโยค มชั ฌิม ททาหิ ททาถ ททสฺส ุ ททวฺโห อตุ ตม ททาม ิ ททาม ทเท ททามเส โยค นามโยค ทา ธาตุ + อ ปจั จัย + ปัญจมีวิภตั ติ (ให้) ตมุ หฺ โยค ปรสั สบท อมฺหโยค บรุ ษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม เทต ุ เทนตฺ ุ นามโยค มชั ฌมิ เทหิ เทถ ตมุ ฺหโยค อตุ ตม เทม ิ เทม อมฺหโยค ทา ธาตุ + อ ปจั จยั + สัตตมวี ิภตั ติ (ให)้ ปรัสสบท อตั ตโนบท บรุ ุษ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ ปฐม ทเท, ทเทยยฺ ทเทยยฺ ํุ ทเทถ ทเทรํ มชั ฌิม ทเทยยฺ าสิ ทเทยยฺ าถ ทเทโถ ทเทยฺยาวฺโห อตุ ตม ทเทยฺยามิ ทเทยยฺ าม ทเทยฺยํ ทเทยฺยามฺเห ทา ธาตุ + อ ปจั จัย + สัตตมีวภิ ัตติ (ให)้ ปรัสสบท บุรุษ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ทชฺชา, ทชเฺ ช ทชฺเชยยฺ ทชฺช,ํุ ทชฺเชยฺยุํ นามโยค มัชฌมิ ทชเฺ ชยยฺ าส ิ ทชฺเชยฺยาถ ตมุ ฺหโยค อุตตม ทชชฺ ,ํ ทชเฺ ชยยฺ ามิ ทชเฺ ชยฺยาม อมหฺ โยค ทา ธาตุ + อ ปัจจัย + หิยยัตตนวี ภิ ัตติ (ให)้ ปรสั สบท บุรษุ เอก. พหุ. โยค ปฐม อททา อทท ู นามโยค มชั ฌมิ อทโท อททตฺถ ตมุ หฺ โยค อุตตม อททํ อททมฺห อมฺหโยค
130 ไวยากรณบ์ าลีเบื้องตน้ ทา ธาตุ + อชั ชตนวี ิภัตติ (ให)้ ปรสั สบท บรุ ุษ เอก. พหุ. โยค ปฐม อทาสิ อทํสุ นามโยค มัชฌิม อทาสิ, อโท อทติ ถฺ ตมุ ฺหโยค อตุ ตม อทาสึ อทาสิมหฺ , อทมหฺ อมหฺ โยค ทา ธาตุ + ภวิสสันตวี ิภตั ติ (ให้) ปรัสสบท บุรษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ทสฺสต ิ ทสสฺ นตฺ ิ นามโยค มชั ฌมิ ทสสฺ สิ ทสฺสถ ตมุ หฺ โยค อุตตม ทสฺสาม ิ ทสสฺ าม อมฺหโยค ๔.๓ รธุ าทิคณะ (นิคหติ อาคม + อ ปจั จยั ) รุธ ธาตุ + อ ปัจจัย + วตั ตมานาวิภตั ติ ปรัสสบท อัตตโนบท บุรุษ เอก. พหุ. เอก. พหุ. โยค ปฐม รุนธฺ ติ รุนฺธนฺติ รนุ ฺธเต รนุ ฺธนฺเต นามโยค มัชฌมิ รนุ ฺธส ิ รุนฺธถ รุนธฺ เส รุนธฺ วฺเห ตุมฺหโยค อุตตม รุนฺธามิ รนุ ธฺ าม รุนฺเธ รนุ ธฺ ามเฺ ห อมฺหโยค ยุช ธาตุ + อ ปจั จัย + วัตตมานาวภิ ตั ติ (ประกอบ) ปรัสสบท บรุ ุษ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ยญุ ฺชติ ยุญฺชนฺต ิ นามโยค มชั ฌิม ยุญฺชสิ ยุญชฺ ถ ตุมฺหโยค อตุ ตม ยญุ ฺชามิ ยุญฺชาม อมฺหโยค
131 อาขยาต ว่าดว้ ยการสร้างค�ำ ศัพทก์ ิริยา ภชุ ธาตุ + อ ปจั จัย + วตั ตมานาวิภัตติ (กนิ , บรโิ ภค) ปรัสสบท บุรษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ภุญฺชต ิ ภุญฺชนฺต ิ นามโยค มัชฌมิ ภญุ ฺชส ิ ภญุ ชฺ ถ ตมุ หฺ โยค อุตตม ภุญชฺ ามิ ภุญชฺ าม อมฺหโยค วทิ ธาตุ + อ ปัจจยั + วตั ตมานาวิภัตติ (ได,้ ประสบ) ปรัสสบท บุรุษ เอก. พหุ. โยค ปฐม วินฺทติ วินฺทนตฺ ิ นามโยค มัชฌมิ วนิ ทฺ ส ิ วนิ ฺทถ ตุมฺหโยค อตุ ตม วินทฺ าม ิ วินทฺ าม อมหฺ โยค --------------------------------------------- ๔.๔ ทิวาทคิ ณะ (ย ปัจจัย) อุ บทหนา้ + ปท ธาตุ + ย ปจั จยั + วตั ตมานาวิภตั ติ (กตั ตุ) (เกิดขึ้น) ปรสั สบท อตั ตโนบท บรุ ษุ เอก. พหุ. เอก. พห.ุ โยค ปฐม อุปฺปชชฺ ติ อปุ ปฺ ชฺชนตฺ ิ อปุ ฺปชฺชเต อปุ ปฺ ชชฺ นเฺ ต, อปุ ปฺ ชชฺ เร นามโยค มชั ฌมิ อปุ ฺปชฺชส ิ อุปฺปชชฺ ถ อุปฺปชฺชเส อปุ ฺปชชฺ วเฺ ห ตมุ ฺหโยค อตุ ตม อปุ ปฺ ชฺชามิ อุปฺปชฺชาม อปุ ฺปชฺเช อปุ ปฺ ชฺชามเฺ ห อมฺหโยค พุธ ธาตุ + ย ปัจจัย + วัตตมานาวภิ ัตติ (กัตตุ) (ร,ู้ ตรัสรู้) ปรสั สบท อตั ตโนบท บุรษุ เอก. พห.ุ เอก. พหุ. โยค ปฐม พุชฺฌติ พุชฺฌนฺต ิ พชุ ฺฌเต พุชฺฌนฺเต, พชุ ฺฌเร นามโยค มชั ฌมิ พชุ ฺฌส ิ พุชฌฺ ถ พชุ ฌฺ เส พุชฺฌวเฺ ห ตุมหฺ โยค อตุ ตม พุชฺฌามิ พชุ ฌฺ าม พุชฺเฌ พชุ ฺฌามฺเห อมหฺ โยค
132 ไวยากรณ์บาลเี บอื้ งต้น สํ บทหน้า + นห ธาตุ + ย ปัจจัย + วัตตมานาวิภัตติ (กัตตุ) (ผกู สอด) ปรัสสบท บุรษุ เอก. พหุ. โยค ปฐม สนนฺ ยฺหติ สนฺนยฺหนฺต ิ นามโยค มัชฌมิ สนฺนยหฺ สิ สนฺนยฺหถ ตุมหฺ โยค อตุ ตม สนฺนยฺหามิ สนฺนยฺหาม อมฺหโยค มน ธาตุ + ยปจั จยั + วัตตมานาวภิ ัตติ (กัตตุ) (ส�ำคญั , รู้) ปรัสสบท บุรุษ เอก. พหุ. โยค ปฐม มญฺต ิ มฺ นฺติ นามโยค มชั ฌิม มฺสิ มฺ ถ ตุมฺหโยค อตุ ตม มฺ ามิ มฺาม อมหฺ โยค สํ + อา บทหน้า + ทา ธาตุ + ย ปัจจยั + วตั ตมานาวภิ ตั ติ (กตั ตุ) (สมาทาน) ปรสั สบท บุรษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม สมาทิยติ สมาทยิ นตฺ ิ นามโยค มชั ฌมิ สมาทิยส ิ สมาทยิ ถ ตุมฺหโยค อตุ ตม สมาทยิ ามิ สมาทยิ าม อมฺหโยค ตสุ ธาตุ + ย ปจั จยั + วตั ตมานาวิภตั ติ (กตั ตุ) (ยินด)ี ปรัสสบท บุรุษ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ตุสฺสต ิ ตุสฺสนฺต ิ นามโยค มัชฌิม ตสุ ฺสส ิ ตุสสฺ ถ ตุมหฺ โยค อุตตม ตสุ ฺสามิ ตสุ ฺสาม อมหฺ โยค สมุ ธาตุ + ย ปัจจยั + วัตตมานาวภิ ตั ติ (กตั ต)ุ (สงบ) ปรสั สบท บุรุษ เอก. พหุ. โยค ปฐม สมฺมติ สมฺมนฺติ นามโยค มชั ฌิม สมฺมสิ สมมฺ ถ ตุมหฺ โยค อตุ ตม สมมฺ าม ิ สมมฺ าม อมฺหโยค
133 อาขยาต ว่าดว้ ยการสร้างคำ�ศพั ท์กิริยา ชน ธาตุ + ย ปัจจยั + วัตตมานาวิภตั ติ (กัตตุ) (เกิด) ปรสั สบท อัตตโนบท บรุ ุษ เอก. พหุ. เอก. พห.ุ โยค ปฐม ชายติ ชายนฺต ิ ชายเต ชายนเฺ ต, ชายเร นามโยค มชั ฌิม ชายส ิ ชายถ ชายเส ชายวเฺ ห ตมุ ฺหโยค อตุ ตม ชายามิ ชายาม ชาเย ชายามฺเห อมฺหโยค ๔.๕ สวาทคิ ณะ (ณ,ุ ณา, อุณา ปัจจยั ) สุ ธาตุ + ณุ ปจั จัย + วตั ตมานาวภิ ัตติ (ฟงั ) ปรสั สบท บรุ ษุ เอก. พหุ. โยค ปฐม สโุ ณต ิ สณุ นฺติ นามโยค มัชฌิม สุโณส ิ สโุ ณถ ตุมฺหโยค อุตตม สโุ ณม ิ สุโณม อมฺหโยค สุ ธาตุ + ณา ปัจจยั + วัตตมานาวิภัตติ (ฟัง) ปรสั สบท บรุ ษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม สณุ าต ิ สณุ นฺติ นามโยค มัชฌิม สุณาสิ, สุณสิ สุณาถ, สณุ ถ ตุมฺหโยค อุตตม สุณาม ิ สณุ าม อมหฺ โยค สุ ธาตุ + ณุ ปจั จยั + ปัญจมีวภิ ตั ติ (ฟงั ) ปรัสสบท บุรุษ เอก. พห.ุ โยค ปฐม สโุ ณต ุ สณุ นฺต ุ นามโยค มชั ฌิม สุโณห ิ สโุ ณถ ตมุ หฺ โยค อตุ ตม สุโณม ิ สโุ ณม อมฺหโยค
134 ไวยากรณบ์ าลีเบ้อื งต้น สุ ธาตุ + ณา ปัจจัย + ปัญจมีวภิ ตั ติ (ฟัง) ปรสั สบท อัตตโนบท บรุ ษุ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม สุณาต ุ สุณนตฺ ุ สุณตํ สณุ นตฺ ํ นามโยค มัชฌมิ สุณ, สณุ าหิ สณุ าถ สุณสสฺ ุ สณุ วโฺ ห ตุมฺหโยค อตุ ตม สุณาม ิ สณุ าม สุเณ สณุ ามเส อมหฺ โยค สุ ธาตุ + ณา ปัจจยั + สัตตมีวภิ ตั ติ (ฟงั ) ปรสั สบท อัตตโนบท บุรุษ เอก. พหุ. เอก. พหุ. โยค ปฐม สเุ ณ,สเุ ณยฺย สเุ ณยยฺ ุํ สุเณถ สุเณรํ นามโยค มัชฌมิ สุเณ,สุเณยฺยาสิ สเุ ณยยฺ าถ สเุ ณโถ สุเณยยฺ าวฺโห ตุมฺหโยค อุตตม สเุ ณ,สเุ ณยยฺ าม ิ สเุ ณยฺยาม สเุ ณ,สุเณยฺยํ สุเณยฺยามฺเห อมฺหโยค สุ ธาตุ + ณา ปจั จัย + ภวิสสันตวี ภิ ัตติ (ฟงั ) ปรัสสบท อัตตโนบท บรุ ุษ เอก. พหุ. เอก. พหุ. โยค ปฐม สุณสิ ฺสต ิ สุณสิ ฺสนตฺ ิ สุณสิ สฺ เต สณุ สิ สฺ นฺเต นามโยค มัชฌิม สณุ ิสสฺ สิ สณุ ิสสฺ ถ สณุ สิ สฺ เส สุณสิ สฺ วเฺ ห ตมุ หฺ โยค อุตตม สุณิสสฺ ามิ สณุ ิสฺสาม สณุ สิ ฺสํ สุณิสฺสามฺเห อมหฺ โยค ป บทหน้า + อป ธาตุ + อุณา ปจั จัย + วัตตมานาวภิ ตั ติ (ถึง, บรรล)ุ ปรัสสบท บรุ ุษ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ปาปณุ าติ ปาปณุ นฺต ิ นามโยค มชั ฌมิ ปาปุณาส ิ ปาปุณาถ ตมุ ฺหโยค อตุ ตม ปาปุณามิ ปาปณุ าม อมหฺ โยค ป บทหน้า + อป ธาตุ + อุณา ปัจจยั + อชั ชตนวี ภิ ัตติ (ถึง, บรรลุ) ปรัสสบท บรุ ษุ เอก. พหุ. โยค ปฐม ปาปณุ ิ ปาปณุ สึ ุ นามโยค มัชฌมิ ปาปณุ ิ ปาปุณติ ฺถ ตุมฺหโยค อุตตม ปาปณุ ึ ปาปณุ มิ ฺห อมฺหโยค
135 อาขยาต วา่ ดว้ ยการสร้างคำ�ศพั ท์กิรยิ า สก ธาตุ + อุณา ปจั จัย + วัตตมานาวภิ ตั ติ (อาจ, สามารถ) ปรัสสบท บุรษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม สกกฺ ุณาติ สุกฺกณุ นตฺ ิ นามโยค มัชฌิม สกกฺ ุณาส ิ สกกฺ ณุ าถ ตมุ หฺ โยค อุตตม สกฺกุณาม ิ สกฺกุณาม อมฺหโยค อ อาคม + สก ธาตุ + อุณา ปัจจัย + อัชชตนวี ิภัตติ (อาจ, สามารถ) ปรัสสบท บรุ ุษ เอก. พห.ุ โยค ปฐม อสกฺขิ อสกฺขึสุ นามโยค มชั ฌิม อสกฺข ิ อสกฺขติ ฺถ ตุมฺหโยค อุตตม อสกขฺ ึ อสกขฺ ิมฺห, -มฺหา อมหฺ โยค สก ธาตุ + อุณา ปัจจยั + ภวิสสนั ตวี ิภัตติ (อาจ, สามารถ) ปรัสสบท บุรษุ เอก. พหุ. โยค ปฐม สกขฺ สิ ฺสติ สกขฺ ิสสฺ นตฺ ิ นามโยค มชั ฌมิ สกขฺ สิ สฺ สิ สกขฺ สิ สฺ ถ ตมุ หฺ โยค อุตตม สกฺขิสสฺ าม ิ สกขฺ สิ สฺ าม อมฺหโยค ๔.๖ กยิ าทคิ ณะ (นา, ปฺป, ณหฺ า ปัจจัย) วิ บทหน้า + กี ธาตุ + นา ปจั จัย + วัตตมานาวภิ ตั ติ (ขาย) ปรัสสบท บรุ ุษ เอก. พห.ุ โยค ปฐม วกิ กฺ ิณาต ิ วิกฺกณิ นฺติ นามโยค มชั ฌิม วกิ ฺกิณาส ิ วิกกฺ ิณาถ ตมุ หฺ โยค อุตตม วกิ กฺ ิณามิ วิกกฺ ิณาม อมฺหโยค
136 ไวยากรณบ์ าลีเบื้องตน้ ชิ ธาตุ + นา ปจั จยั + วตั ตมานาวภิ ตั ติ (ชนะ) ปรสั สบท บรุ ษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ชินาต ิ ชนิ นตฺ ิ นามโยค มัชฌมิ ชนิ าส ิ ชนิ าถ ตุมหฺ โยค อตุ ตม ชนิ ามิ ชินาม อมฺหโยค วิ บทหนา้ + า ธาตุ + นา ปจั จัย + วตั ตมานาวิภัตติ (รู้) ปรสั สบท บุรุษ เอก. พห.ุ โยค ปฐม วชิ านาติ วิชานนฺติ นามโยค มชั ฌมิ วิชานาส ิ วิชานาถ ตมุ ฺหโยค อุตตม วชิ านามิ วชิ านาม อมฺหโยค วิ บทหน้า + า ธาตุ + นา ปัจจัย + ปญั จมวี ภิ ัตติ (รู)้ ปรสั สบท อัตตโนบท บุรษุ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม วิชานาตุ วชิ านนตฺ ุ วิชานตํ วิชานนตฺ ํ นามโยค มชั ฌมิ วชิ าน, วชิ านาหิ วิชานาถ วิชานสฺสุ วิชานาวฺโห ตุมหฺ โยค อุตตม วชิ านามิ วิชานาม วชิ าเน วิชานามฺเส อมฺหโยค วิ บทหน้า + า ธาตุ + นา ปัจจัย + สตั ตมีวิภัตติ (ร)ู้ ปรัสสบท บุรษุ เอก. พหุ. โยค ปฐม วชิ านยิ า, วิชฺ า, วชิ าเนยยฺ วิชาเนยฺยุํ นามโยค มชั ฌมิ วชิ าเนยยฺ าส ิ วิชาเนยฺยาถ ตุมหฺ โยค อตุ ตม วชิ าเนยฺยาม ิ วิชาเนยฺยาม, วชิ าเนม ุ อมฺหโยค ป บทหน้า + า ธาตุ + ย ปจั จยั + ภวิสสนั ตวี ภิ ตั ติ (กรรม) (ปรากฏ) ปรสั สบท บุรษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม ปญฺ ายสิ ฺสติ, ปฺ ายหิ ิติ ปฺ ายสิ สฺ นตฺ ,ิ ปฺ ายหิ นิ ตฺ ิ นามโยค มชั ฌมิ ปฺ ายิสฺสสิ, ปฺ ายิหสิ ิ ปฺ ายสิ สฺ ถ, ปฺ ายหิ ถิ ตมุ หฺ โยค อตุ ตม ปฺายิสสฺ าม,ิ ปฺายหิ มิ ิ ปฺ ายสิ สฺ าม, ปฺ ายหิ มิ อมหฺ โยค
อาขยาต ว่าดว้ ยการสร้างค�ำ ศัพทก์ ริ ยิ า 137 คห ธาตุ + ณหฺ า ปัจจยั + วตั ตมานาวภิ ตั ติ (ถือเอา) โยค ปรสั สบท นามโยค บรุ ษุ เอก. พหุ. โยค ตมุ ฺหโยค ปฐม คณฺหาติ, คณหฺ ติ คณฺหนตฺ ิ นามโยค อมหฺ โยค มชั ฌิม คณฺหาสิ คณฺหาถ ตุมหฺ โยค อุตตม คณฺหามิ คณหฺ าม อมฺหโยค คห ธาตุ + ณหฺ า ปจั จยั + ปญั จมีวภิ ตั ติ (ถอื เอา) ปรัสสบท อตั ตโนบท บรุ ษุ เอก. พห.ุ เอก. พหุ. ปฐม คณฺหาตุ คณหฺ นตฺ ุ คณหฺ ตํ คณหฺ นฺตํ มชั ฌมิ คณหฺ , คณฺหาหิ คณหฺ าถ คณฺหสสฺ ุ คณฺหาวโฺ ห อตุ ตม คณหฺ าม ิ คณหฺ าม คณเฺ ห คณฺหามฺเส คห ธาตุ + ณหฺ า ปัจจยั + สตั ตมีวภิ ตั ติ (ถอื เอา) ปรสั สบท บุรษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม คณฺเห, คณฺเหยยฺ คณเฺ หยฺยํุ นามโยค มชั ฌมิ คณฺเหยยฺ าสิ คณฺเหยฺยาถ ตุมฺหโยค อตุ ตม คณเฺ หยยฺ ามิ คณฺเหยฺยาม อมหฺ โยค ๔.๗ ตนาทิคณะ (โอ, ยริ ปจั จัย) กร ธาตุ + โอ ปจั จัย + วัตตมานาวภิ ตั ติ (กระท�ำ) ปรัสสบท อัตตโนบท บุรุษ เอก. พหุ. เอก. พห.ุ โยค ปฐม กโรติ กพุ พฺ นตฺ ,ิ กโรนตฺ ิ กุรุเต กุพฺพนเฺ ต นามโยค มชั ฌิม กโรสิ กโรถ กรุ ุเส กรุ วุ ฺเห ตุมฺหโยค อุตตม กโรมิ กโรม กพุ เฺ พ กรุ ุมเฺ ห อมหฺ โยค
138 ไวยากรณบ์ าลเี บ้อื งต้น กร ธาตุ + โอ ปัจจัย + ปญั จมวี ิภตั ติ (กระท�ำ) ปรสั สบท อัตตโนบท บุรุษ เอก. พหุ. เอก. พหุ. โยค ปฐม กโรตุ, กุรุตุ กพุ ฺพนตฺ ,ุ กโรนฺตุ กุรุตํ กพุ ฺพนฺตํ นามโยค มัชฌมิ กโรหิ กโรถ กรุ สุ สฺ ุ, กรุ สสฺ ุ กุรวุ โฺ ห ตมุ ฺหโยค อุตตม กโรมิ กโรม กพุ ฺเพ กุพพฺ ามเส อมฺหโยค กร ธาตุ + โอ ปจั จัย + สัตตมีวภิ ตั ติ (กระท�ำ) ปรสั สบท บรุ ษุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม กเร,กเรยฺย, กพุ ฺเพ, กพุ เฺ พยยฺ กเรยฺยํุ นามโยค มชั ฌมิ กเร, กเรยฺยาสิ กเรยยฺ าถ ตมุ ฺหโยค อตุ ตม กเร, กเรยฺยามิ กเรยยฺ าม อมฺหโยค กร ธาตุ + ยิร ปจั จยั + สตั ตมีวภิ ัตติ (กระท�ำ) ปรสั สบท อัตตโนบท บุรุษ เอก. พหุ. เอก. พห.ุ โยค ปฐม กยริ า กยิรุํ กยริ าถ, กพุ เฺ พถ, กเรถ, กรฺ พุ เฺ พถ กรฺ ุพเฺ พรํ นามโยค มัชฌมิ กยริ าสิ กยริ าถ กฺรพุ ฺเพโถ กรฺ ุพฺเพยฺยาวโฺ ห ตมุ หฺ โยค อตุ ตม กยิรามิ กยริ าม กฺรพุ ฺเพยยฺ ํ กฺรพุ ฺเพยยฺ ามฺเห อมหฺ โยค กร ธาตุ + โอ ปัจจยั + หิยยัตตนวี ภิ ตั ติ (กระท�ำ) ปรัสสบท อัตตโนบท บุรุษ เอก. พห.ุ เอก. พห.ุ โยค ปฐม อกา, อกรา อกรู อกตถฺ อกตฺถํุ นามโยค มัชฌิม อกโร อกตถฺ , อกโรตถฺ อกรุ เุ ส อกุรวุ ฺหํ ตุมฺหโยค อตุ ตม อกํ, อกรํ อกมหฺ , อกรมฺห อกรึ อกรมหฺ เส อมหฺ โยค อ อาคม + กร ธาตุ + โอ ปัจจัย + อชั ชตนวี ิภัตติ (กระท�ำ) ปรัสสบท บรุ ษุ เอก. พหุ. โยค ปฐม อกาสิ, อกริ อกาสํุ, อกรึส,ุ อกํส,ุ อกรํุ นามโยค มัชฌมิ อกาสิ, อกริ อกาสติ ฺถ, อกรติ ถฺ ตุมหฺ โยค อุตตม อกาสึ, อกรึ อกาสิมฺห, อกรมิ หฺ อมหฺ โยค
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308