ฉบับ ๖ อานาปานสติ 1 33 ๒๙ นวิ รณ–์ ข้าศกึ แห่งสมาธิ วาเสฏฐะ ! เปรียบเหมือนแม่นำ้�อจิรวดีน้ี มนี ้ำ� เต็มเป่ียม กายืนดื่มได้. คร้ังนั้นมีบุรุษคนหนึ่งมาถึงเข้า เขามีประโยชนท์ ีฝ่ งั่ โน้น แสวงหาฝั่งโนน้ มกี ารไปสูฝ่ ่งั โน้น ประสงค์จะข้ามไปสู่ฝ่ังโน้น แต่เขานอนคลุมศีรษะ ของตนอย่ทู ร่ี ิมฝ่ังน้.ี วาเสฏฐะ ! ทา่ นจะสำ�คัญความข้อน้ี วา่ อย่างไร : บรุ ษุ นัน้ จะไปจากฝั่งใน สู่ฝั่งนอกแหง่ แม่น�ำ้ อจิรวดไี ด้หรอื หนอ ? “ไมไ่ ด้แน่ ทา่ นพระโคดม !” วาเสฏฐะ ! ข้อนี้ก็ฉนั นน้ั เหมือนกัน : นิวรณ์ ๕ อยา่ ง เหลา่ นี้ เรียกกนั ในอริยวนิ ัย ว่า “เครอ่ื งปดิ ” บา้ ง วา่ “เครอ่ื งกน้ั ” บา้ ง วา่ “เครอ่ื งคลมุ ” บา้ ง วา่ “เครอื่ งรอ้ ยรดั ” บา้ ง. ๕ อยา่ ง อยา่ งไรเล่า ? ๕ อย่างคือ กามฉนั ทนิวรณ์ พย๎ าปาทนวิ รณ์ ถีนมทิ ธนิวรณ์ อทุ ธจั จกกุ กจุ จนวิ รณ์ วิจกิ ิจฉานวิ รณ.์
1 34 พุทธวจน วาเสฏฐะ ! นิวรณ์ ๕ อย่าง เหลา่ นี้แล ซง่ึ เรียกกัน ในอริยวินยั ว่า “เคร่อื งปดิ ” บา้ ง วา่ “เครอ่ื งกน้ั ” บ้าง ว่า “เครื่องคลมุ ” บ้าง ว่า “เครื่องร้อยรัด” บา้ ง. วาเสฏฐะ ! พราหมณ์ไตรเพททัง้ หลาย ถูกนวิ รณ์ ๕ อย่างเหลา่ น้ี ปิดแลว้ กัน้ แลว้ คลมุ แลว้ ร้อยรัดแล้ว. วาเสฏฐะ ! พราหมณไ์ ตรเพทเหลา่ นั้น ละธรรมะ ทท่ี �ำ ความเปน็ พราหมณเ์ สยี สมาทานธรรมะทไ่ี มท่ ำ�ความ เปน็ พราหมณ์ ด�ำ รงชวี ติ ใหเ้ ปน็ ไปอยู่ อนั นวิ รณท์ ง้ั ๕ อยา่ ง ปิดแล้ว กัน้ แลว้ คลมุ แลว้ ร้อยรัดแลว้ จกั เป็นผูเ้ ขา้ ถงึ ความเป็นสหายแห่งพรหม ภายหลังแตก่ ารตายเพราะ การทำ�ลายแหง่ กาย ดังน้ีนัน้ : น่ันไมเ่ ปน็ ฐานะที่จะเป็น ไปได้. ส.ี ท.ี ๙/๓๐๖-๓๐๗/๓๗๘-๓๗๙.
ฉบับ ๖ อานาปานสติ 1 35 ๓๐ ข้อควรระวงั ในการเจรญิ สตปิ ฏั ฐานส่ี อัคคิเวสนะ ! ...คร้ันภิกษุประกอบพร้อมด้วย สตสิ มั ปชญั ญะแล้ว ตถาคตยอ่ มแนะน�ำ เธอให้ยิง่ ขนึ้ ไปวา่ “มาเถดิ ภกิ ษุ ! เธอจงเสพเสนาสนะอนั สงดั คอื ปา่ ละเมาะ โคนไม้ ภเู ขา ซอกหว้ ย ท้องถ้�ำ ป่าชา้ ปา่ ชฏั ท่แี จง้ หรือ ลอมฟางเถดิ ” ดงั นี้. ภิกษุน้ันย่อมเสพเสนาสนะอันสงดั , ครน้ั กา้ วกลบั จากบณิ ฑบาตในกาลเปน็ ปจั ฉาภตั นง่ั คบู้ ลั ลงั ก์ ตง้ั กายตรง ด�ำ รงสตเิ ฉพาะหนา้ , เธอยอ่ มละอภชิ ฌาในโลก มีจิตปราศจากอภิชฌา คอยชำ�ระจิตจากอภิชฌาอยู่, ละพยาบาท มจี ติ ปราศจากพยาบาท เปน็ ผกู้ รณุ ามจี ติ หวงั ความเกอ้ื กลู ในสตั วท์ ง้ั หลาย คอยช�ำ ระจติ จากพยาบาทอย,ู่ ละถนี มิทธะ มจี ิตปราศจากถีนมิทธะ มุ่งอยู่แต่ความสว่าง ในใจ มีสติสัมปชัญญะ คอยชำ�ระจิตจากถีนมิทธะอยู่, ละอทุ ธจั จกกุ กจุ จะ ไมฟ่ งุ้ ซา่ น มจี ติ สงบอยใู่ นภายใน คอย ชำ�ระจิตจากอุทธัจจกุกกุจจะอยู่, ละวิจิกิจฉา ข้ามล่วง วิจิกิจฉาเสียได้ ไม่ต้องกล่าวถามว่า “นี่อะไร น่ีอย่างไร” ในกุศลธรรมทั้งหลาย คอยช�ำ ระจติ จากวจิ กิ จิ ฉาอยู่.
1 36 พุทธวจน ภิกษุนั้น คร้นั ละนิวรณ์ ๕ ประการ อันเป็นเครอ่ื ง เศร้าหมองจิต ทำ�ปัญญาให้ถอยกำ�ลังเหล่านี้ได้แล้ว, เธอเป็นผมู้ ปี กติ เห็นกายในกายอยู่ ...มีปกติ เห็นเวทนา ในเวทนาทง้ั หลายอยู่ ...มปี กติ เหน็ จติ ในจติ อยู่ ...มปี กติ เห็นธรรมในธรรมท้ังหลายอยู่ มีความเพียรเผากิเลส มสี มั ปชญั ญะ มสี ติ น�ำ อภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกออกเสยี ได.้ ตถาคต ย่อมแนะน�ำ เธอนน้ั ใหย้ ่งิ ขึ้นไปวา่ :- “มาเถดิ ภกิ ษุ ! เธอจงเปน็ ผมู้ ปี กติ เหน็ กายในกาย อยู่ แตอ่ ยา่ ตรกึ ซงึ่ วติ กอนั เขา้ ไปประกอบอยกู่ บั กายเลย (มา จ กายูปสญหติ ํ วิตกกฺ ํ วติ กเฺ กสิ); มาเถดิ ภิกษุ ! เธอจงเป็นผู้มปี กติ เห็นเวทนาใน เวทนาทง้ั หลายอยู่ แตอ่ ยา่ ตรกึ ซง่ึ วติ กอนั เขา้ ไปประกอบ อยู่กับเวทนาเลย; มาเถดิ ภกิ ษุ ! เธอจงเป็นผมู้ ีปกติ เหน็ จติ ในจติ ทง้ั หลายอยู่ แตอ่ ยา่ ตรกึ ซง่ึ วติ กอนั เขา้ ไปประกอบอยกู่ บั จติ เลย; มาเถดิ ภกิ ษุ ! เธอจงเปน็ ผ้มู ีปกติ เห็นธรรมใน ธรรมทง้ั หลายอยู่ แตอ่ ยา่ ตรกึ ซง่ึ วติ กอนั เขา้ ไปประกอบ อยกู่ บั ธรรมเลย” ดงั น้ี.
ฉบับ ๖ อานาปานสติ 1 37 ภิกษุน้ัน เพราะเข้าไปสงบระงับเสียได้ซ่ึงวิตก และวิจาร จึงเข้าถึงทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใส แห่งใจในภายใน นำ�ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่. (...แล้วได้ตรัสถึง ตติยฌาน ...จตุตถฌาน ...ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ...จุตูปปาตญาณ ...อาสวักขยญาณ จนกระทั่ง วิมุตติญาณ ตามหลักท่ีมี กลา่ วอยใู่ นบาลีทว่ั ๆ ไปท่กี ล่าวถึงเรอ่ื งน)ี้ อปุ ริ. ม. ๑๔/๒๖๘-๒๗๐/๓๙๖-๔๐๑.
1 38 พุทธวจน
ฉบับ ๖ อานาปานสติ 1 39 ๓๑ เหตปุ ัจจยั ทพ่ี ระศาสนาจะตั้งอยู่นาน ภายหลงั พทุ ธปรนิ ิพพาน “ขา้ แตพ่ ระโคดมผเู้ จรญิ ! อะไรเปน็ เหตุ อะไรเปน็ ปจั จยั ท่เี ม่ือพระตถาคตปรนิ ิพพานแลว้ พระสัทธรรมจะไมต่ ้ังอยู่นาน ? ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! อะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัย ที่เม่ือ พระตถาคตปรนิ พิ พานแลว้ พระสทั ธรรมจะตง้ั อยนู่ าน พระเจา้ ขา้ !”. พราหมณ์ ! เพราะไม่มีการทำ�ให้เจริญ เพราะ ไม่มีการกระทำ�ให้มากซึ่งสติปัฏฐานทั้งส่ี ในเมื่อตถาคต ปรินิพพานแลว้ สัทธรรมย่อมไม่ตัง้ อยูน่ าน. แตพ่ ราหมณเ์ อย๋ ! เพราะมีการกระท�ำ ใหเ้ จรญิ มีการกระทำ�ให้มาก ซ่ึงสติปัฏฐานท้ังสี่ ในเม่ือตถาคต ปรินิพพานแล้ว สัทธรรมย่อมตั้งอยู่นาน. สติปัฏฐานสี่ อย่างไรเล่า ? พราหมณ์ ! ภิกษุในกรณนี ้ี เปน็ ผ้มู ปี กตเิ หน็ กาย ในกายอยูเ่ ป็นประจำ� มคี วามเพียรเผากเิ ลส มีสมั ปชัญญะ มสี ติ น�ำ อภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกออกเสยี ได;้
1 40 พุทธวจน เป็นผู้เห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่เป็นประจำ� มีความเพยี รเผากิเลส มสี มั ปชญั ญะ มีสติ น�ำ อภชิ ฌาและ โทมนสั ในโลกออกเสยี ได;้ เปน็ ผเู้ หน็ จติ ในจติ อยเู่ ปน็ ประจ�ำ มคี วามเพยี รเผา กเิ ลส มสี มั ปชญั ญะ มสี ติ น�ำ อภชิ ฌาและโทมนสั ในโลกออก เสยี ได้; เป็นผู้เห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่เป็นประจำ� มีความเพยี รเผากเิ ลส มสี มั ปชัญญะ มสี ติ น�ำ อภชิ ฌาและ โทมนสั ในโลกออกเสยี ได.้ พราหมณ์ ! เพราะไมม่ กี ารท�ำ ใหเ้ จรญิ เพราะไมม่ ี การกระทำ�ให้มากซึ่งสติปัฏฐานท้ังสี่เหล่านี้แล ในเม่ือ ตถาคตปรินิพพานแล้ว สัทธรรมย่อมไม่ต้ังอยู่นาน. แตเ่ พราะมกี ารกระทำ�ให้เจริญ มีการกระท�ำ ให้มาก ซงึ่ สตปิ ฏั ฐานทงั้ สเี่ หลา่ นแี้ ล ในเมอ่ื ตถาคตปรนิ พิ พานแลว้ สทั ธรรมยอ่ มต้ังอยูน่ าน, ดังน.้ี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๒๓๒/๗๗๘-๗๗๙.
ฉบับ ๖ อานาปานสติ 1 41 ๓๒ อานสิ งสแ์ ห่งกายคตาสติ ภกิ ษุทั้งหลาย ! กายคตาสตอิ นั ภกิ ษรุ ปู ใดรปู หนง่ึ เจรญิ แลว้ กระท�ำ ใหม้ ากแลว้ กศุ ลธรรมอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ซง่ึ เปน็ ไปในสว่ นวชิ ชา ยอ่ มหยง่ั ลงในภายในของภกิ ษนุ น้ั เปรยี บเหมอื นมหาสมทุ รอนั ผใู้ ดผหู้ นง่ึ ถกู ตอ้ งดว้ ยใจแลว้ แมน่ �ำ้ นอ้ ยสายใดสายหนง่ึ ซง่ึ ไหลไปสสู่ มทุ ร ยอ่ มหยง่ั ลงใน ภายในของผนู้ น้ั ฉะนน้ั ; ภิกษทุ ้งั หลาย ! ธรรมขอ้ หนง่ึ อนั บคุ คลเจรญิ แลว้ กระทำ�ให้มากแล้ว เป็นไปเพื่อความสังเวชมาก เป็นไป เพอ่ื ประโยชนม์ าก เปน็ ไปเพอ่ื ความเกษมจากโยคะมาก เปน็ ไปเพอ่ื สตแิ ละสมั ปชญั ญะ เปน็ ไปเพอ่ื ไดญ้ าณทสั สนะ เป็นไปเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบัน เป็นไปเพื่อทำ�ให้แจ้ง ซ่ึงผล คือวชิ ชาและวิมุตติ. ธรรมข้อหนง่ึ คืออะไร คอื กายคตาสติ. ภกิ ษุท้ังหลาย ! ธรรมข้อหนึ่งน้ีแล อันบุคคล อบรมแล้ว กระทำ�ให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความ
1 42 พุทธวจน สังเวชมาก ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์มาก ย่อมเป็นไป เพื่อความเกษมจากโยคะมาก ย่อมเป็นไปเพื่อสติและ สัมปชัญญะ ย่อมเป็นไปเพอ่ื ได้ญาณทสั สนะ ยอ่ มเปน็ ไป เพอ่ื อยู่เป็นสุขในปจั จุบนั ย่อมเป็นไปเพือ่ ท�ำ ใหแ้ จ้งซ่งึ ผล คือ วิชชาและวิมุตติ; ภกิ ษุทง้ั หลาย ! ธรรมขอ้ หนง่ึ อนั บคุ คลเจรญิ แลว้ กระท�ำ ใหม้ ากแลว้ แมก้ ายกส็ งบ แมจ้ ติ กส็ งบ แมว้ ติ กวจิ าร ก็สงบ ธรรมท่ีเป็นไปในส่วนแห่งวิชชาแม้ท้ังส้ินก็ถึง ความเจรญิ บรบิ รู ณ.์ ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คอื กายคตาสติ. ภิกษทุ ั้งหลาย ! ธรรมข้อหนึ่งนี้แล อันบุคคล เจรญิ แลว้ กระทำ�ใหม้ ากแล้ว แมก้ ายก็สงบ แมจ้ ติ ก็สงบ แม้วิตกวิจารก็สงบ ธรรมที่เป็นไปในส่วนแห่งวิชชา แม้ทัง้ ส้นิ ก็ถงึ ความเจริญบริบรู ณ;์ ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ธรรมขอ้ หนง่ึ อนั บคุ คลเจรญิ แลว้ กระท�ำ ใหม้ ากแลว้ อกศุ ลธรรมทย่ี งั ไมเ่ กดิ ยอ่ มไมเ่ กดิ ขน้ึ ได้ เลย และอกศุ ลธรรมทเ่ี กดิ ขน้ึ แลว้ ยอ่ มละเสยี ได.้ ธรรมข้อหน่งึ คืออะไร คือ กายคตาสติ.
ฉบับ ๖ อานาปานสติ 1 43 ภกิ ษทุ ้ังหลาย ! ธรรมขอ้ หนง่ึ นแ้ี ล อนั บคุ คลเจรญิ แลว้ กระท�ำ ใหม้ ากแลว้ อกศุ ลธรรมทย่ี งั ไมเ่ กดิ ยอ่ มไมเ่ กดิ ขน้ึ ไดเ้ ลย และอกศุ ลธรรมทเ่ี กดิ ขน้ึ แลว้ ยอ่ มละเสยี ได;้ ภิกษทุ ้งั หลาย ! ธรรมขอ้ หนง่ึ อนั บคุ คลเจรญิ แลว้ กระทำ�ให้มากแล้ว กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดข้ึน และกศุ ลธรรมทเี่ กดิ ขนึ้ แลว้ ยอ่ มเปน็ ไปเพอื่ ความเจรญิ ไพบลู ยย์ ่ิง. ธรรมข้อหนง่ึ คอื อะไร คือ กายคตาสติ. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ธรรมขอ้ หนง่ึ นแ้ี ล อนั บคุ คลเจรญิ แลว้ กระทำ�ใหม้ ากแลว้ กศุ ลธรรมทย่ี งั ไมเ่ กดิ ยอ่ มเกดิ ขนึ้ และกุศลธรรมท่ีเกิดข้ึนแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญ ไพบลู ย์ยิ่ง; ภิกษทุ ั้งหลาย ! ธรรมขอ้ หนง่ึ อนั บคุ คลเจรญิ แลว้ กระท�ำ ใหม้ ากแลว้ ยอ่ มละอวชิ ชาเสยี ได้ วชิ ชายอ่ มเกดิ ขน้ึ ย่อมละอัส๎มิมานะเสียได้ อนุสัยย่อมถึงความเพิกถอน ย่อมละสงั โยชนเ์ สยี ได้. ธรรมขอ้ หนึ่ง คอื อะไร คอื กายคตาสต.ิ
1 44 พุทธวจน ภกิ ษุทัง้ หลาย ! ธรรมข้อหนึ่งนี้แล อันบุคคล เจริญแล้ว กระทำ�ให้มากแล้ว ย่อมละอวิชชาเสียได้ วิชชายอ่ มเกิดขึน้ ย่อมละอสั ม๎ ิมานะเสยี ได้ อนุสยั ย่อมถึง ความเพกิ ถอน ยอ่ มละสงั โยชนเ์ สียได้; ภิกษุท้ังหลาย ! ธรรมขอ้ หนง่ึ อนั บคุ คลเจรญิ แลว้ กระทำ�ให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความแตกฉานแห่ง ปัญญา ยอ่ มเปน็ ไปเพอื่ อนุปาทาปรินิพพาน. ธรรมขอ้ หน่งึ คอื อะไร คือ กายคตาสติ. ภิกษุท้งั หลาย ! ธรรมขอ้ หนง่ึ นแ้ี ล อนั บคุ คลเจรญิ แล้ว กระทำ�ให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพ่ือความแตกฉาน แห่งปัญญา ยอ่ มเป็นไปเพือ่ อนปุ าทาปรินพิ พาน; ภิกษุทง้ั หลาย ! ธรรมขอ้ หนง่ึ อนั บคุ คลเจรญิ แลว้ กระทำ�ให้มากแล้ว ย่อมมีการแทงตลอดธาตุมากหลาย ย่อมมีการแทงตลอดธาตุต่างๆ ย่อมมีความแตกฉาน ในธาตมุ ากหลาย. ธรรมข้อหนงึ่ คืออะไร คือ กายคตาสติ. ภกิ ษทุ ัง้ หลาย ! ธรรมขอ้ หนง่ึ นแ้ี ล อนั บคุ คลเจรญิ แลว้ กระท�ำ ใหม้ ากแลว้ ยอ่ มมกี ารแทงตลอดธาตมุ ากหลาย ยอ่ มมกี ารแทงตลอดธาตตุ า่ งๆ ยอ่ มมคี วามแตกฉานในธาตุ มากหลาย;
ฉบับ ๖ อานาปานสติ 1 45 ภิกษุทง้ั หลาย ! ธรรมขอ้ หนง่ึ อนั บคุ คลเจรญิ แลว้ กระท�ำ ใหม้ ากแลว้ ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ท�ำ โสดาปตั ตผิ ลใหแ้ จง้ ย่อมเป็นไปเพอ่ื ท�ำ สกทาคามิผลให้แจง้ ย่อมเปน็ ไปเพ่ือ ท�ำ อนาคามผิ ลใหแ้ จง้ ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ท�ำ อรหตั ตผลใหแ้ จง้ . ธรรมข้อหนึ่ง คืออะไร คือ กายคตาสติ. ภกิ ษทุ ้งั หลาย ! ธรรมขอ้ หนง่ึ นแ้ี ล อนั บคุ คลเจรญิ แลว้ กระท�ำ ให้มากแลว้ ย่อมเปน็ ไปเพือ่ ทำ�โสดาปัตตผิ ล ให้แจ้ง ย่อมเป็นไปเพ่ือทำ�สกทาคามิผลให้แจ้ง ย่อม เป็นไปเพื่อทำ�อนาคามิผลให้แจ้ง ย่อมเป็นไปเพื่อทำ� อรหตั ตผลใหแ้ จง้ ; ภิกษทุ ้งั หลาย ! ธรรมขอ้ หนง่ึ อนั บคุ คลเจรญิ แลว้ กระทำ�ให้มากแลว้ ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา (ปญฺาปฏิลาภาย) ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญแห่งปัญญา (ปญฺาวุฑฺฒิยา) ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ความไพบลู ยแ์ หง่ ปญั ญา (ปญฺ าเวปลุ ลฺ าย) ยอ่ มเปน็ ไปเพื่อความเป็นผูม้ ีปัญญาใหญ่ (มหาปญฺ ตาย) ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ความเปน็ ผมู้ ปี ญั ญาแนน่ หนา(ปถุ ปุ ญฺ ตาย) ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ความเปน็ ผมู้ ปี ญั ญาไพบลู ย์ (วปิ ลุ ปญฺ ตาย) ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ความเปน็ ผมู้ ปี ญั ญาลกึ ซง้ึ (คมภฺ รี ปญฺ ตาย)
1 46 พุทธวจน ย่ อ ม เ ป็ น ไ ป เ พ่ื อ ค ว า ม เ ป็ น ผู้ มี ปั ญ ญ า ส า ม า ร ถ ยิ่ ง (อสมตถฺ ปญฺตาย) ย่อมเป็นไปเพ่ือความเป็นผู้มีปัญญาเพียงดังแผ่นดิน (ภรู ิปญฺ ตาย) ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ความเปน็ ผมู้ ปี ญั ญามาก (ปญฺ าพาหลุ ลฺ าย) ย่อมเป็นไปเพื่อความเป็นผู้มีปญั ญาเร็ว (สฆี ปญฺ ตาย) ยอ่ มเปน็ ไปเพอื่ ความเป็นผมู้ ปี ัญญาเบา(ลหปุ ญฺ ตาย) ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ความเปน็ ผมู้ ปี ญั ญารา่ เรงิ (หาสปญฺ ตาย) ย่อมเป็นไปเพอ่ื ความเป็นผู้มีปัญญาไว(ชวนปญฺ ตาย) ยอ่ มเป็นไปเพ่อื ความเป็นผมู้ ีปัญญาคม (ตกิ ขฺ ปญฺ ตาย) ย่ อ ม เ ป็ น ไ ป เ พ่ือ ค ว า ม เ ป็ น ผู้มี ปั ญ ญ า ชำ � แ ร ก กิ เ ล ส (นิพเฺ พธิกปญฺ ตาย). ธรรมขอ้ หนึง่ คอื อะไร คือ กายคตาสติ. ภิกษทุ ง้ั หลาย ! ธรรมข้อหน่ึงน้ีแล อันบุคคล เจริญแล้ว กระทำ�ให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพ่ือได้ปัญญา ฯลฯ ย่อมเปน็ ไปเพ่ือความเป็นผู้มปี ญั ญาช�ำ แรกกเิ ลส; ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! ชนเหลา่ ใดไมบ่ รโิ ภคกายคตาสติ ชนเหลา่ นน้ั ช่ือวา่ ย่อมไม่บริโภคอมตะ.
ฉบับ ๖ อานาปานสติ 1 47 ภิกษทุ ั้งหลาย ! ชนเหลา่ ใด บรโิ ภคกายคตาสติ ชนเหล่านน้ั ชอ่ื วา่ ย่อมบรโิ ภคอมตะ; ภิกษุทงั้ หลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด ไมบ่ รโิ ภคแลว้ อมตะชอ่ื วา่ อนั ชนเหลา่ นน้ั ไมบ่ รโิ ภคแลว้ . ภิกษทุ ้ังหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด บริโภคแลว้ อมตะชือ่ ว่าอันชนเหล่าน้นั บริโภคแล้ว; ภกิ ษุทัง้ หลาย ! กายคตาสติของชนเหล่าใด เสอ่ื มแลว้ อมตะของชนเหล่านั้นชอ่ื วา่ เสื่อมแลว้ . ภกิ ษทุ ้งั หลาย ! กายคตาสติของชนเหล่าใด ไม่เสื่อมแลว้ อมตะของชนเหลา่ น้ันชือ่ ว่าไม่เส่ือมแล้ว; ภิกษทุ ้ังหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด เบอื่ แลว้ อมตะช่อื วา่ อันชนเหลา่ นน้ั เบือ่ แล้ว. ภกิ ษุทัง้ หลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด ชอบใจแล้ว อมตะช่ือวา่ อันชนเหลา่ น้ันชอบใจแลว้ ; ภิกษทุ ้งั หลาย ! ชนเหลา่ ใดประมาทกายคตาสติ ชนเหลา่ น้ันชือ่ ว่าประมาทอมตะ. ภิกษุทงั้ หลาย ! ชนเหลา่ ใดไมป่ ระมาทกายคตาสติ ชนเหล่านนั้ ชื่อวา่ ไมป่ ระมาทอมตะ;
1 48 พุทธวจน ภกิ ษุท้งั หลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด หลงลืม อมตะชื่อวา่ อันชนเหลา่ น้ันหลงลมื . ภกิ ษุทงั้ หลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด ไมห่ ลงลืม อมตะชื่อวา่ อนั ชนเหลา่ นัน้ ไมห่ ลงลมื ; ภกิ ษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด ไมส่ อ้ งเสพแลว้ อมตะชอ่ื วา่ อนั ชนเหลา่ นน้ั ไมส่ อ้ งเสพแลว้ . ภิกษทุ ัง้ หลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด ส้องเสพแลว้ อมตะชือ่ วา่ อนั ชนเหลา่ น้ันส้องเสพแลว้ ; ภิกษทุ ้งั หลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด ไม่เจริญแลว้ อมตะชอื่ วา่ อนั ชนเหล่านนั้ ไมเ่ จรญิ แล้ว; ภกิ ษุท้ังหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด เจรญิ แล้ว อมตะช่อื วา่ อนั ชนเหลา่ นั้นเจรญิ แลว้ ; ภกิ ษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด ไมท่ �ำ ใหม้ ากแลว้ อมตะชอ่ื วา่ อนั ชนเหลา่ นน้ั ไมท่ �ำ ใหม้ ากแลว้ ; ภิกษทุ ้ังหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด ท�ำ ใหม้ ากแลว้ อมตะชอ่ื วา่ อนั ชนเหลา่ นน้ั ท�ำ ใหม้ ากแลว้ ; ภกิ ษุทง้ั หลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด ไม่รู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นไม่รู้ ด้วยปัญญาอันยง่ิ ;
ฉบับ ๖ อานาปานสติ 1 49 ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด รู้ด้วยปัญญาอันยิ่ง อมตะชื่อว่าอันชนเหล่านั้นรู้ด้วย ปัญญาอันยิ่ง; ภกิ ษุทัง้ หลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด ไมก่ �ำ หนดรแู้ ลว้ อมตะชอ่ื วา่ อนั ชนเหลา่ นน้ั ไมก่ �ำ หนดรแู้ ลว้ ; ภิกษทุ ง้ั หลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด กำ�หนดรู้แล้ว อมตะชอื่ วา่ อนั ชนเหลา่ นน้ั ก�ำ หนดร้แู ล้ว; ภิกษุทั้งหลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด ไมท่ �ำ ใหแ้ จง้ แลว้ อมตะชอ่ื วา่ อนั ชนเหลา่ นน้ั ไมท่ �ำ ใหแ้ จง้ แลว้ ; ภกิ ษุท้งั หลาย ! กายคตาสติอันชนเหล่าใด ท�ำ ใหแ้ จง้ แลว้ อมตะชอ่ื วา่ อนั ชนเหลา่ นน้ั ท�ำ ใหแ้ จง้ แลว้ , ดงั น.้ี เอก. อํ. ๒๐/๕๕-๖๐/๒๒๕-๒๔๖.
มูลนธิ พิ ุทธโฆษณ์ มูลนธิ แิ ห่งมหาชนชาวพุทธ ผซู้ ง่ึ ชดั เจน และมัน่ คงในพทุ ธวจน เรม่ิ จากชาวพทุ ธกลมุ่ เลก็ ๆ กลมุ่ หนง่ึ ไดม้ โี อกาสมาฟงั ธรรมบรรยายจาก ทา่ นพระอาจารยค์ กึ ฤทธ์ิ โสตถฺ ผิ โล ทเ่ี นน้ การน�ำ พทุ ธวจน (ธรรมวนิ ยั จากพทุ ธโอษฐ์ ทพ่ี ระพทุ ธองคท์ รงยนื ยนั วา่ ทรงตรสั ไวด้ แี ลว้ บรสิ ทุ ธบ์ิ รบิ รู ณส์ น้ิ เชงิ ทง้ั เนอ้ื ความและ พยญั ชนะ) มาใชใ้ นการถ่ายทอดบอกสอน ซึง่ เปน็ รปู แบบการแสดงธรรมทต่ี รงตาม พุทธบญั ญตั ิตามทท่ี รงรบั สงั่ แกพ่ ระอรหนั ต์ ๖๐ รูปแรกท่ปี า่ อสิ ิปตนมฤคทายวนั ในการประกาศพระสทั ธรรม และเปน็ ลกั ษณะเฉพาะทภ่ี กิ ษใุ นครง้ั พทุ ธกาลใชเ้ ปน็ มาตรฐานเดยี ว หลกั พทุ ธวจนน้ี ไดเ้ ขา้ มาตอบค�ำ ถาม ตอ่ ความลงั เลสงสยั ไดเ้ ขา้ มาสรา้ ง ความชัดเจน ต่อความพรา่ เลือนสบั สน ในข้อธรรมตา่ งๆ ท่มี อี ยใู่ นสังคมชาวพุทธ ซ่งึ ทั้งหมดนี้ เป็นผลจากสาเหตเุ ดียวคือ การไม่ใช้คำ�ของพระพุทธเจ้าเป็นตวั ตัง้ ตน้ ในการศึกษาเลา่ เรยี น ด้วยศรทั ธาอยา่ งไมห่ วัน่ ไหวต่อองค์สัมมาสมั พุทธะ ในฐานะพระศาสดา ทา่ นพระอาจารยค์ กึ ฤทธ์ิ ไดป้ ระกาศอยา่ งเปน็ ทางการวา่ “อาตมาไมม่ คี �ำ สอนของตวั เอง” และใช้เวลาทีม่ ีอยู่ ไปกบั การรบั สนองพุทธประสงค์ ด้วยการโฆษณาพทุ ธวจน เพอ่ื ความต้ังม่ันแหง่ พระสทั ธรรม และความประสานเปน็ หนง่ึ เดียวของชาวพุทธ เมอ่ื กลบั มาใชห้ ลกั พทุ ธวจน เหมอื นทเ่ี คยเปน็ ในครง้ั พทุ ธกาล สง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ คือ ความชดั เจนสอดคล้องลงตัว ในความรคู้ วามเขา้ ใจ ไม่วา่ ในแง่ของหลกั ธรรม ตลอดจนมรรควธิ ที ต่ี รง และสามารถน�ำ ไปใชป้ ฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ ผล รเู้ หน็ ประจกั ษไ์ ดจ้ รงิ ดว้ ยตนเองทนั ที ดว้ ยเหตนุ ้ี ชาวพทุ ธทเ่ี หน็ คณุ คา่ ในค�ำ ของพระพทุ ธเจา้ จงึ ขยายตวั มากขน้ึ เรอ่ื ยๆ เกดิ เปน็ “กระแสพทุ ธวจน” ซง่ึ เปน็ พลงั เงยี บทก่ี �ำ ลงั จะกลายเปน็ คลน่ื ลกู ใหม่ ในการกลบั ไปใชร้ ะบบการเรยี นรพู้ ระสทั ธรรม เหมอื นดงั ครง้ั พทุ ธกาล
ด้วยการขยายตัวของกระแสพุทธวจนน้ี สือ่ ธรรมทีเ่ ป็นพทุ ธวจน ไม่ว่า จะเป็นหนังสือ หรือซีดี ซง่ึ แจกฟรแี กญ่ าติโยมเรม่ิ มไี ม่พอเพียงในการแจก ท้งั นี้ เพราะจ�ำ นวนของผู้ท่ีสนใจเหน็ ความสำ�คญั ของพทุ ธวจน ไดข้ ยายตวั มากข้ึนอย่าง รวดเรว็ ประกอบกับว่าท่านพระอาจารยค์ กึ ฤทธิ์ โสตฺถิผโล เครง่ ครัดในข้อวตั ร ปฏบิ ตั ทิ พ่ี ระศาสดาบญั ญัตไิ ว้ อันเปน็ ธรรมวินยั ท่ีออกจากพระโอษฐ์ของตถาคต โดยตรง การเผยแผ่พุทธวจนทผ่ี ่านมา จึงเปน็ ไปในลักษณะสันโดษตามมีตามได้ เมือ่ มโี ยมมาปวารณาเปน็ เจา้ ภาพในการจัดพิมพ์ ได้มาจ�ำ นวนเทา่ ไหร่ ก็ทยอยแจก ไปตามทีม่ เี ทา่ น้ัน เม่ือมีมา กแ็ จกไป เมอื่ หมด ก็คือหมด เนอ่ื งจากวา่ หนา้ ทใ่ี นการด�ำ รงพระสทั ธรรมใหต้ ง้ั มน่ั สบื ไป ไมไ่ ดผ้ กู จ�ำ กดั อยู่แตเ่ พียงพทุ ธสาวกในฐานะของสงฆ์เท่านนั้ ฆราวาสกลมุ่ หน่ึงซ่งึ เห็นความสำ�คญั ของพทุ ธวจน จงึ รวมตวั กนั เขา้ มาชว่ ยขยายผลในสง่ิ ทท่ี า่ นพระอาจารยค์ กึ ฤทธ์ิ โสตถฺ ผิ โล ท�ำ อยแู่ ลว้ นน่ั คอื การน�ำ พทุ ธวจนมาเผยแพรโ่ ฆษณา โดยพจิ ารณาตดั สนิ ใจจดทะเบยี น จัดตัง้ เป็นมลู นธิ ิอยา่ งถกู ตอ้ งตามกฏหมาย เพ่อื ให้การดำ�เนินการต่างๆ ท้ังหมด อยูใ่ นรปู แบบทโ่ี ปร่งใส เปิดเผย และเปดิ กว้างตอ่ สาธารณชนชาวพทุ ธทัว่ ไป สำ�หรบั ผทู้ เี่ หน็ ความสำ�คัญของพุทธวจน และมคี วามประสงค์ทจี่ ะด�ำ รง พระสทั ธรรมใหต้ ง้ั มน่ั ดว้ ยวธิ ขี องพระพทุ ธเจา้ สามารถสนบั สนนุ การด�ำ เนนิ การตรงนไ้ี ด้ ดว้ ยวิธงี า่ ยๆ นั่นคอื เข้ามาใส่ใจศกึ ษาพุทธวจน และนำ�ไปใชป้ ฏิบัติดว้ ยตนเอง เม่ือรู้ประจกั ษ์ เห็นได้ด้วยตนแลว้ ว่ามรรควิธีท่ีได้จากการทำ�ความเข้าใจ โดย ใช้คำ�ของพระพุทธเจา้ เปน็ ตวั ตงั้ ต้นน้นั นำ�ไปส่คู วามเหน็ ท่ถี ูกตอ้ ง ในหลกั ธรรม อันสอดคลอ้ งเป็นเหตเุ ป็นผล และเชอ่ื มโยงเป็นหน่งึ เดียว กระท่ังได้ผลตามจรงิ ทำ�ใหเ้ กดิ มจี ติ ศรัทธา ในการชว่ ยเผยแพร่ขยายสอ่ื พุทธวจน เพียงเทา่ น้ี คณุ ก็คือ หนงึ่ หนว่ ยในขบวน “พทุ ธโฆษณ”์ แลว้ นค่ี ือเจตนารมณข์ องมลู นิธพิ ุทธโฆษณ์ นั่นคือเปน็ มลู นิธแิ ห่งมหาชน ชาวพุทธ ซึง่ ชัดเจน และม่ันคงในพุทธวจน
ผู้ทส่ี นใจรบั สื่อธรรมทเี่ ปน็ พุทธวจน เพอ่ื ไปใช้ศึกษาส่วนตวั หรอื น�ำ ไปแจกเปน็ ธรรมทาน แก่พ่อแมพ่ ี่น้อง ญาติ หรอื เพอื่ น สามารถมารับได้ฟรี โดยไมม่ เี งอื่ นไข ท่ีวัดนาป่าพง หรอื ตามท่ีพระอาจารย์คึกฤทธไ์ิ ด้รบั นมิ นตไ์ ปแสดงธรรมนอกสถานท่ี ส�ำ หรับรายละเอยี ดกิจธรรมต่างๆ ภายใต้เครอื ขา่ ยพทุ ธวจนโดยวดั นาป่าพง คน้ หาข้อมูลไดจ้ าก www.buddhakos.org หากมคี วามจำ�นงที่จะรับไปแจกเปน็ ธรรมทานในจำ�นวนหลายสิบชุด ขอความกรณุ าแจ้งความจ�ำ นงไดท้ ่ี มูลนธิ พิ ุทธโฆษณ์ ประสานงานและเผยแผ่ : เลขท่ี ๒๙/๓ หมทู่ ่ี ๗ ถนนเลยี บคลอง ๑๐ ฝงั่ ตะวันออก ตำ�บลบงึ ทองหลาง อ�ำ เภอล�ำ ลูกกา จงั หวดั ปทุมธานี ๑๒๑๕๐ โทรศัพท์ ๐๘ ๘๔๙๔ ๘๐๘๓, ๐๘ ๕๐๕๘ ๖๘๘๘, ๐๘ ๑๕๑๓ ๑๖๑๑ โทรสาร ๐ ๒๕๔๙ ๒๑๗๕ เวบ็ ไซต์ : www.buddhakos.org อเี มล์ : [email protected] สนบั สนนุ การเผยแผ่พทุ ธวจนได้ท่ี ช่อื บัญชี “มูลนิธิพุทธโฆษณ์” ธนาคารกสิกรไทย สาขา ยอ่ ยตลาดไท ประเภท บญั ชอี อมทรพั ย์ เลขท่ีบัญชี ๔๘๔-๒-๑๐๘๗๗-๘ ชอ่ื บญั ชี “มลู นธิ พิ ุทธโฆษณ์ (๒)” (หนงั สือสุตตันตปิฎก) ธนาคารกสกิ รไทย สาขา โลตัส ล�ำ ลกู กา (คลอง ๖) ประเภท บญั ชอี อมทรัพย์ เลขท่ีบัญชี ๖๕๔-๒-๐๘๐๐๐-๙
ลงสะพานคลอง ๑๐ ไปยูเทิร์นแรกมา แผนที่วัดนาป่าพง แล้วเลี้ยวซ้ายก่อนขึ้นสะพาน แนวทิวสน วัดนาป่าพง โทรศัพท์ ๐๘ ๑๕๑๓ ๑๖๑๑, ๐๘ ๔๐๙๖ ๘๔๓๐, ๐๘ ๘๔๙๔ ๘๐๘๓, ๐๘ ๔๑๒๓ ๒๔๕๐ ลงสะพานคลอง ๑๐ เลี้ยวซ้ายคอสะพาน
ขอกราบขอบพระคุณแด่ พระอาจารยค์ กึ ฤทธ์ิ โสตถฺ ผิ โล และคณะสงฆว์ ดั นาปา่ พง ท่ีกรุณาใหค้ ำ�ปรึกษาในการจัดทำ�หนงั สือเลม่ น้ี ตดิ ตามการเผยแผพ่ ระธรรมค�ำ สอนตามหลักพุทธวจน โดย พระอาจารยค์ ึกฤทธ์ิ โสตถฺ ิผโล ไดท้ ี่ เว็บไซต์ • http://www.watnapp.com : หนังสือ และสอ่ื ธรรมะ บนอินเทอร์เน็ต • http://media.watnapahpong.org : ศูนย์บรกิ ารมลั ติมเี ดยี วัดนาป่าพง • http://www.buddhakos.org : มูลนิธพิ ทุ ธโฆษณ์ • http://etipitaka.com : โปรแกรมตรวจหาและเทยี บเคยี งพทุ ธวจน • http://www.watnapahpong.net : แกลอรีร่ ูปภาพ • http://www.watnapahpong.org : เวบ็ ไซตว์ ัดนาป่าพง • http://www.watnapahpong.com : เว็บไซต์วัดนาป่าพง • http://www.buddhawaj.org : ฐานขอ้ มลู พระสูตรออนไลน์, เสียงอ่านพทุ ธวจน • http://www.buddhaoat.org : กลุ่มผู้สนบั สนนุ การเผยแผพ่ ทุ ธวจน ดาวนโ์ หลดโปรแกรมตรวจหาและเทยี บเคยี งพทุ ธวจน (E-Tipitaka) สำ�หรับคอมพวิ เตอร์ • ระบบปฏิบตั กิ าร Windows, Macintosh, Linux http://etipitaka.com/download หรอื รบั แผน่ โปรแกรมไดท้ ี่วัดนาปา่ พง สำ�หรบั โทรศพั ทเ์ คลื่อนท่ี • ระบบปฏบิ ตั กิ าร Android ดาวน์โหลดไดท้ ี่ Google Play โดยพิมพ์ค�ำ ว่า พทุ ธวจน หรือ e-tipitaka • ระบบปฏิบตั ิการ iOS (ส�ำ หรับ iPad, iPhone, iPod) ดาวนโ์ หลดไดท้ ่ี App Store โดยพมิ พ์คำ�วา่ พุทธวจน หรือ e-tipitaka ดาวนโ์ หลดโปรแกรมพทุ ธวจน (Buddhawajana) เฉพาะสำ�หรบั โทรศพั ทเ์ คล่ือนที่ • ระบบปฏิบตั กิ าร Android ดาวนโ์ หลดไดท้ ่ี Google Play โดยพิมพค์ ำ�วา่ พุทธวจน หรอื buddhawajana • ระบบปฏบิ ตั กิ าร iOS (สำ�หรับ iPad, iPhone, iPod) ดาวน์โหลดไดท้ ่ี App Store โดยพิมพค์ ำ�วา่ พทุ ธวจน หรือ buddhawajana วิทยุ-โทรทศั น์ • คลืน่ ส.ว.พ. FM ๙๑.๐ MHz ทกุ วันพระ เวลา ๑๗.๔๐ น.
บรรณานกุ รม พระไตรปฎิ กฉบบั สยามรฐั (บาลีสยามรฐั ) พระไตรปฎิ กภาษาไทยฉบบั หลวง (ไทยสยามรัฐ) หนงั สอื ธรรมโฆษณ์ ชุดจากพระโอษฐ์ (ผลงานแปลพทุ ธวจน โดยทา่ นพุทธทาสภิกขใุ นนามกองต�ำ ราคณะธรรมทาน) ร่วมจัดท�ำ โดย คณะงานธมั มะวดั นาปา่ พง (กลมุ่ อาสาสมคั รพทุ ธวจนหมวดธรรม), คณะศษิ ยว์ ดั นาปา่ พง, กลุ่มศิษย์ตถาคต, กลุ่มสมณะศากยะปุตติยะ, กลุ่มธรรมะสีขาว, กลุ่มพุทธบริษัทศากยบุตร, กลุ่มพุทธโอษฐ์, กลุ่มชวนม่วนธรรม, กลุ่มละนันทิ, กลุ่มพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินบริษัทการบินไทย, กลุ่มมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช สำ�นักงานการศึกษาต่อเนื่อง, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (องครักษ์) ชมรมวิศวกรความรู้เพื่อสังคม, ชมรมพุทธวจนอุดรธานี, ชมรมธรรมปรีดา, เสถียรธรรมสถาน, สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง ๕, ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำ�นักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, กองอำ�นวยการสถานพักผ่อน กรมพลาธิการทหารบก (บางปู), บจก. สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น, บจก. ดาต้าโปรดักส์, บจก. 3M ประเทศไทย, บจก. บางไทรไฟเบอร์บอร์ด, บจก. เอ็นอีซี โทคิน อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย), บจก. สยามรักษ์, บจก. เซเว่นสเต็ปส์, บจก. เมคเทค, บจก. ไดเวอร์ส เคมีคอลส์, บจก. ห้างพระจันทร์โอสถ, บจก.สมสุข สหภัทรสตีลล์, บจก.ทองแป้น, สถานกายภาพบำ�บัด คิดดีคลินิค, ร้านต้นมะขามช่างทอง, ร้านเสบียงบุญ, บ้านเมตตาเรสซิเด้นท์, บ้านพุทธวัจน์
ภิกษุทั้งหล�ย ! อ�น�ป�นสติสม�ธิ นี้แล เป็นธรรมอันเอก ซึ่งเมื่อบุคคลเจริญแล้ว ทำ�ให้ม�กแล้ว ย่อมทำ�สติปัฏฐ�นทั้ง ๔ ให้บริบูรณ์; สติปัฏฐ�นทั้ง ๔ อันบุคคลเจริญแล้ว ทำ�ให้ม�กแล้ว ย่อมทำ�โพชฌงค์ทั้ง ๗ ให้บริบูรณ์; โพชฌงค์ทั้ง ๗ อันบุคคลเจริญแล้ว ทำ�ให้ม�กแล้ว ย่อมทำ�วิชช�และวิมุตติ ให้บริบูรณ์ได้. มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๒๔/๑๔๐๓.
อานาปานสติ กายคตาสติ ภิกษทุ ง้ั หลาย ! เราย่อมกล่าวลมหายใจเข้าและลมหายใจออก ว่าเป็นกายอันหนง่ึ ๆ ในบรรดากายทงั้ หลาย... ภกิ ษุนน้ั ยอ่ มชอ่ื ว่าเป็นผู้ตามเหน็ กายในกายอยู่เป็นประจาํ . ภิกษทุ ง้ั หลาย ! ชนเหลา่ ใดไมบ่ รโิ ภคกายคตาสติ ชนเหล่าน้นั ชอ่ื วา่ ยอ่ มไม่บรโิ ภคอมตะ. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ชนเหลา่ ใดบรโิ ภคกายคตาสติ ชนเหลา่ น้ันชื่อวา่ ย่อมบรโิ ภคอมตะ. ภกิ ษุทงั้ หลาย ! กายคตาสตอิ ันชนเหลา่ ใดไม่สอ้ งเสพแลว้ . อมตะชือ่ ว่าอนั ชนเหล่านน้ั ไมส่ อ้ งเสพแลว้ . ภิกษทุ ั้งหลาย ! กายคตาสตอิ นั ชนเหล่าใดสอ้ งเสพแล้ว อมตะช่อื วา่ อันชนเหลา่ น้นั ส้องเสพแลว้ . ภิกษุทง้ั หลาย ! ชนเหลา่ ใดประมาทกายคตาสติ ชนเหล่านัน้ ชอ่ื วา่ ประมาทอมตะ. ภกิ ษุทั้งหลาย ! ชนเหลา่ ใดไม่ประมาทกายคตาสติ ชนเหล่านน้ั ชอ่ื ว่าไม่ประมาทอมตะ... อุปร.ิ ม. ๑๔/๑๙๕/๒๘๙. , เอก. อ.ํ ๒๐/๕๙/๒๓๕-๒๓๙. สอ่ื ธรรมะนี้ จัดทําเพ่ือประโยชนทางการศึกษาสูสาธารณชนเปน ธรรมทาน ลิขสทิ ธ์ใิ นตน ฉบับนี้ ไดร บั การสงวนไว ไมสงวนสิทธิ์ในการจัดทําจากตนฉบับเพื่อเผยแผในทุกกรณี ในการจัดทําหรือเผยแผ โปรดใชความละเอียดรอบคอบเพื่อรักษาความถูกตองของขอมูล ขอคําปรกึ ษาดานขอ มลู ในการจัดทําเพ่ือความสะดวกและประหยดั ตดิ ตอไดท ี่ มูลนิธพิ ทุ ธโฆษณ โทร.๐๘ ๘๔๙๔ ๘๐๘๓ คณุ ศรชา โทร.๐๘ ๑๕๑๓ ๑๖๑๑ คณุ อารีวรรณ โทร.๐๘ ๕๐๕๘ ๖๘๘๘ ติดตามการเผยแผพ ระธรรมคาํ สอนตามหลักพทุ ธวจน โดยพระอาจารยค ึกฤทธ์ิ โสตถฺ ผิ โล ไดที่ www.buddhakos.org | media.watnapahpong.org | www.watnapp.com | คลน่ื ส.ว.พ. FM 91.0 MHz ทกุ วนั พระ เวลา 17.40 น.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176