Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Sat Apr 09 2022 18:41:27 GMT+0700 (เวลาอินโดจีน)รายงานการปฏิบัติการวิชาชีพการบริหารการศึกษาในหน่วยงานทางการศึกษา

Sat Apr 09 2022 18:41:27 GMT+0700 (เวลาอินโดจีน)รายงานการปฏิบัติการวิชาชีพการบริหารการศึกษาในหน่วยงานทางการศึกษา

Published by Naruemol Poopinta, 2022-05-23 07:07:56

Description: การปฏิบัติการวิชาชีพการบริหารการศึกษาในหน่วยงานทางการศึกษา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1
ระหว่างวันที่ 21 มีนาคม 2565 – 11 เมษายน 2565
จัดทำโดย
นางสาวนฤมล ปูปินตา รหัสนิสิต 63204296
นิสิตชั้นปีที่ 2 ปีการศึกษา 2565
หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
วิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา

Search

Read the Text Version

การปฏบิ ตั ิการวชิ าชีพการบริหารการศกึ ษาในหน่วยงานทางการศกึ ษา สานักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ภำคผนวก ฉ ภำพกำรฝึกปฏิบัติกำรวชิ ำชีพกำรบรหิ ำรกำรศึกษำใน หน่วยงำนทำงกำรศกึ ษำ นิสติ ช้ันปีท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 วิทยาลัยการศกึ ษา มหาวิทยาลยั พะเยา 147

การปฏิบัตกิ ารวชิ าชพี การบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ภำพกำรฝึกปฏิบตั กิ ำรวิชำชีพกำรบริหำรกำรศึกษำในหน่วยงำนทำงกำรศึกษำ นสิ ติ ชนั้ ปที ่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 148

การปฏิบัตกิ ารวชิ าชพี การบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ภำพกำรฝึกปฏิบตั กิ ำรวิชำชีพกำรบริหำรกำรศึกษำในหน่วยงำนทำงกำรศึกษำ นสิ ติ ชนั้ ปที ่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 149

การปฏิบัตกิ ารวชิ าชพี การบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ภำพกำรฝึกปฏิบตั กิ ำรวิชำชีพกำรบริหำรกำรศึกษำในหน่วยงำนทำงกำรศึกษำ นสิ ติ ชนั้ ปที ่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 150

การปฏิบัตกิ ารวชิ าชพี การบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศกึ ษา สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ภำพกำรฝึกปฏิบตั กิ ำรวิชำชีพกำรบริหำรกำรศึกษำในหน่วยงำนทำงกำรศึกษำ นสิ ติ ชนั้ ปที ่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 151

การปฏิบัตกิ ารวชิ าชพี การบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ภำพกำรฝึกปฏิบตั กิ ำรวิชำชีพกำรบริหำรกำรศึกษำในหน่วยงำนทำงกำรศึกษำ นสิ ติ ชนั้ ปที ่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 152

การปฏิบัตกิ ารวชิ าชพี การบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ภำพกำรฝึกปฏิบตั กิ ำรวิชำชีพกำรบริหำรกำรศึกษำในหน่วยงำนทำงกำรศึกษำ นสิ ติ ชนั้ ปที ่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 153

การปฏิบัตกิ ารวชิ าชพี การบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ภำพกำรฝึกปฏิบตั กิ ำรวิชำชีพกำรบริหำรกำรศึกษำในหน่วยงำนทำงกำรศึกษำ นสิ ติ ชนั้ ปที ่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 154

การปฏิบัตกิ ารวชิ าชพี การบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ภำพกำรฝึกปฏิบตั กิ ำรวิชำชีพกำรบริหำรกำรศึกษำในหน่วยงำนทำงกำรศึกษำ นสิ ติ ชนั้ ปที ่ี 2 ปีการศึกษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 155

การปฏิบัตกิ ารวชิ าชีพการบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 นิสิตชัน้ ปที ี่ 2 ปีการศึกษา 2564 วิทยาลัยการศกึ ษา มหาวิทยาลัยพะเยา 156

การปฏิบัติการวชิ าชีพการบริหารการศกึ ษาในหน่วยงานทางการศกึ ษา สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ภำคผนวก ช รำยละเอียดของกำรปฏบิ ัติวชิ ำชีพบรหิ ำรกำรศึกษำใน หน่วยงำนทำงกำรศกึ ษำ นิสิตชน้ั ปที ี่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 วิทยาลัยการศกึ ษา มหาวิทยาลยั พะเยา 157

การปฏบิ ตั ิการวชิ าชพี การบริหารการศกึ ษาในหน่วยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 หนว่ ยกำรเรียนรูท้ ี่ 1 คุณลักษณะผบู้ ริหำรกำรศึกษำที่พึงประสงค์ 1.1 กำรสร้ำงกระบวนทศั น์ใหมก่ ำรเป็นผูบ้ ริหำรกำรศึกษำ การบริหารและการจัดการศึกษาในยุคโลกาภิวัตน์ จาเป็นต้องอาศัยผู้บริหารมืออาชีพ โดยมี ภาวะผู้นาที่มีสมรรถนะในการบริหารการเปล่ียนแปลงผู้นา ซึ่งเป็นลักษณะสาคัญของยุคโลกาภิวัตน์ สมรรถนะภาวะผู้นาดังกล่าว ครอบคลุมหลายลักษณะ เช่น การจัดการองค์กรแห่งการเรียนรู้ การจัดการความรู้ ภาวะผู้นาวิชาการ การขับเคล่ือนองค์กรไปสู่ความสาเร็จ การปรับระบบบริหารให้ โปร่งใส และตรวจสอบได้เสนอยทุ ธศาสตร์การขบั เคลอ่ื น 9 ประการ คือ 1) เรียนรู้เพื่อพึง่ ตนเอง สร้างชมุ ชนให้เข้มแขง็ 2) เปลย่ี นแปลงค่านยิ ม คุณวฒุ เิ พื่อสถานภาพ สคู่ ณุ ภาพการผลติ พฒั นาและบริการ 3) กาหนดหลกั สตู รกระบวนการเรียนรู้ ประเมินโดยให้กลุ่มผู้มสี ว่ นไดเ้ สยี เข้าร่วมดว้ ย 4) สร้างศาสตร์สาขาวิชา และยบุ วิชาที่ซา้ ซ้อนลงไป 5) สง่ เสริมและสนับสนุนการผลติ สอ่ื สารสนเทศทางการศึกษา 6) สร้างมาตรฐานต่างระดบั และมีดุลยภาพระหว่างมูลค่ากับคณุ ค่า 7) ผนกึ กาลังและมียทุ ธศาสตร์ร่วมในการจัดความร่วมมือ 9) ส่งเสริมและเชื่อมโยงเครือข่ายทางปัญญา เพื่อสร้างฐานและงานวิจัยเพื่อเพิ่มขีด ความสามารถ ผู้บริหารจาต้องมีศักยภาพในการใช้ภาวะผู้นาอย่างเหมาะสมในการสร้างความสัมพันธ์ที่มี อิทธิพลต่อการเปล่ียนแปลงให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันของทุกคนในองค์กร สามารถสร้างความเชื่อมน่ั และให้การสนับสนุนทุกคน เพ่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์การ สามารถใช้ศิลป์และกระบวนการของ การมีอิทธิพลต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคล และสามารถทาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเกิดศรัทธา มีความเชื่อถือ มีความเชื่อมั่น ในการปฏิบัติงาน ตลอดทั้งสามารถสร้างสภาวะแวดล้อม สนับสนุนให้ร่วมมือกันสร้าง ประโยชน์ในการปฏิบัตหิ น้าที่ นิสติ ชนั้ ปที ่ี 2 ปีการศึกษา 2564 วทิ ยาลัยการศกึ ษา มหาวิทยาลัยพะเยา 158

การปฏบิ ตั ิการวชิ าชพี การบริหารการศกึ ษาในหน่วยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 1.2 กำรสร้ำงอดุ มกำรณ์และเกยี รตภิ ูมิของผูบ้ รหิ ำรกำรศึกษำ 1.2.1 ผู้นาดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างทีด่ ี ผู้บริหารต้องมีคุณธรรมข้ันพื้นฐาน 8 ประการของกระทรวงศึกษาธิการ คือ ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย สุภาพ สะอาด สามัคคี มีน้าใจ เพื่อเป็นผู้นาในการพัฒนาคุณธรรมพื้นฐานสู่ ครู บคุ ลากรทางการศึกษา นักเรยี น ชมุ ชน การดารงชีวิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผู้บริหารต้องยดึ มั่นใน พรหมวิหาร 4 เป็นหลักธรรมของผู้ใหญ่(ผู้บังคับบญั ชา) ที่ควรถือ ปฏิบัติ 4 ประการ เมตตา (ความรักใคร่ ปรารถนาจะให้ผู้อื่นมีความสุข) กรุณา (ความสงสาร คิด ช่วยเหลอื ผู้อืน่ ให้พ้นทุกข์) มุทิตา (ความพลอยยินดเี มือ่ ผู้อืน่ ได้ดีมสี ขุ ) อุเบกขา (วางตนเปน็ กลาง ไมด่ ใี จ ไมเ่ สยี ใจ เมือ่ ผู้อื่นถึงวิบตั ิ มีทกุ ข)์ ผู้บรหิ ารต้องมีธรรมะของผู้นาวิชาการ ครองใจคน สร้างมนุษยสมั พันธ์ด้วยสังคหวัตถุ 4 ทาน การให้ ปิยวาจา การมีวาจางาม อตั ถจริยา ทาประโยชน์ให้เพือ่ นร่วมงาน สมานตั ตถา และปฏิบัติ ตนคงเสน้ คงวา 1.2.2 วินัยและจรรยาบรรณวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา จรรยาบรรณต่ออาชีพ ต้องมีความรักและศรัทธาต่อวิชาชีพครู ธารงและปกป้องวิชาชีพ พัฒนาองค์ความรู้ในวิชาชีพ สร้างองค์กรวิชาชีพให้แข็งแกร่งสมาชิกในวงวิชาชีพ ร่วมมือในกิจกรรม ขององค์กรวิชาชีพ ต้ังใจถ่ายทอดวิชาการ รักและเข้าใจเพื่อนร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชาและศิษย์ ส่งเสริมการเรียนรู้แก่ครูและนักเรียน ไม่แสวงหาประโยชน์จากผู้เรียน ทาตนเป็นแบบอย่างที่ดี ให้เกียรติผู้ร่วมงานและผู้เรียน อบรมบ่มนิสยั ช่วยเหลอื ศิษย์ผู้เรียน 1.2.3 การมีจติ สานึก ความมุ่งมน่ั การสร้างศรทั ธา และมีอดุ มการณใ์ นวิชาชีพ จากการศึกษาเอกสารและประสบการณ์ในการสร้างจิตสานึก ความมุ่งมั่น การสร้าง ศรัทธา และมีอุดมการณ์ในวิชาชีพ ผู้บริหารมีบทบาทสาคัญในการเป็นแบบอย่างแก่ผู้ใต้บังคับบญั ชา และนักเรียน การปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง เช่น การตรงต่อเวลา การไปถึงโรงเรียนแต่เช้า การแต่งกาย สุภาพ การดารงชีวิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การยึดม่นั ในคณุ ธรรม จริยธรรม มีความ ซือ่ สตั ย์สจุ ริต รกั และศรทั ธาในวิชาชีพ นิสิตชั้นปที ี่ 2 ปีการศกึ ษา 2564 วิทยาลัยการศกึ ษา มหาวิทยาลัยพะเยา 159

การปฏบิ ัติการวชิ าชีพการบริหารการศกึ ษาในหน่วยงานทางการศกึ ษา สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 1.3 พัฒนำเจตคติ ค่ำนยิ ม กำรสรำ้ งวฒั นธรรมคณุ ภำพ จากนิยามของค่านยิ มและวัฒนธรรม จะเหน็ ว่าเปน็ สิ่งเกีย่ วเนื่องกัน โดยมีค่านิยมเปน็ จุดเริ่มต้น ที่สาคัญซึง่ เปน็ รากฐานพฤติกรรมที่บุคลากรของสถาบัน เห็นว่ามีคณุ ค่า ยอมรบั และยึดถือปฏิบัติตาม อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นแบบแผนเฉพาะขององค์กร ซึ่งการสร้างค่านิยมที่เหมาะกับ วิสัยทัศน์ ภารกิจ และกลยุทธ์ขององค์กรจะเป็นแรงผลักดันอนั เข้มแขง็ ทีท่ าให้สถาบันบรรลุวิสัยทัศน์อย่างย่ังยืน ผู้บริหารต้องปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีตามค่านิยมของสถาบัน เพื่อสร้างศรัทธา ความเชื่อมั่นและ สร้างแรงจูงใจในการประพฤติปฏิบัติตนของบุคลากรในทางที่ดี ตรงกับทิศทางที่สถาบันมุ่งหวังให้ถือ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของ “บุคลากรตั้งแต่ระดับหัวหน้าส่วนงานขึ้นไปทุกคน” ในการให้ ความสาคัญกับการเผยแพร่การประชาสัมพันธ์ การชี้แจง การถ่ายทอด การสังเกต การพัฒนา และ การปลกู ฝังค่านิยมให้กบั ผู้ใต้บงั คับบญั ชาทุกคน ตลอดจนทีมงาน หรือ หน่วยงานทีต่ นเกีย่ วข้อง รวมทั้ง การปลูกฝังค่านิยมในทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นให้บุคลากรทุกระดับประพฤติตนอย่างเคร่งครัดและ สม่าเสมอภายใต้ค่านิยมของสถาบัน ดว้ ยการปฏิบัตติ นตามพฤติกรรมทีพ่ ึงประสงค์ PUSH forward 1.4 กำรสรำ้ งคณุ ธรรม จริยธรรมและจรรยำบรรณวิชำชีพ ผู้บริหารต้องเป็นผู้มีวินัย คุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพสาหรับผู้บริหาร การศึกษา ได้แก่ 1) การมีวินัย มีวินัยในตนเองยอมรับและถือปฏิบัติตามกฎกติกามารยาท ขนบธรรมเนียมและแบบอย่าง อันดีงามของสังคมการรักษาและเสริมสร้างวินัยในตาแหน่งหน้าที่ราชการการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนทางราชการ การตรงต่อเวลา การอุทิศเวลาให้แก่ทางราชการอย่างต่อเนื่อง ความ ซื่อสัตย์สุจริตในการปฏิบัติหน้าที่การรักษาผลประโยชน์ของทางราชการและไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน การรกั ษาความสามคั คี มีน้าใจ เออื้ เฟื้อเผือ่ แผ่ ต่อเพือ่ นร่วมงานและชุมชน 2) การประพฤติตนเป็นแบบอย่างทีด่ ี ความอุตสาหะ ขยนั อดทน มุ่งม่นั และรบั ผิดชอบตอ่ ผลสัมฤทธิ์ของงานโดยยึดหลักประหยัด คุ้มค่ามีประสทิ ธิภาพ ยึด มั่นในคุณธรรมจริยธรรม มีความศรัทธาและปฏิบัติตนตามหลักศาสนา การยึดมั่นในหลักนิติธรรม ยืนหยัดกระทาในส่ิงที่ถูกต้อง เป็นธรรมและชอบด้วยกฎหมาย การยึดม่ันในการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและวางตัวเป็นกลางทางการเมือง มีส่วนร่วม อนรุ กั ษ์วฒั นธรรมไทยและสง่ิ แวดล้อม นิสิตช้นั ปที ี่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 160

การปฏิบัติการวชิ าชีพการบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศกึ ษา สานักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 3) การดารงชีวิตอย่างเหมาะสมการดารงชีวิตตามแนวทางหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง การละเว้นอบายมุขและส่ิงเสพติด การใช้หรือให้ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลและของทาง ราชการให้เป็นไปดว้ ยความถกู ต้อง การดารงตนเป็นแบบอย่างที่ดเี หมาะสมกับสถานภาพและตาแหน่ง หน้าที่ ประหยัด มัธยสั ถ์ อดออม 4) ความรักและศรัทธาในวิชาชีพ การเปน็ สมาชกิ ที่ดี สนบั สนุนหรือรว่ มกิจกรรมของวิชาชีพและวิชาการอยา่ งสร้างสรรค์ การศึกษาค้นคว้า ริเรม่ิ สร้างสรรค์ความรู้ใหม่ ๆ มาใช้ในการพัฒนาในวิชาชีพ มีบทบาทเป็นผนู้ าทางวิชาการในวงวิชาชีพ การ รักษาชอ่ื เสยี งปกป้องศักดิศ์ รีแห่งวิชาชีพและการยกย่องเชิดชเู กียรติ การเสริมสร้างปลูกจติ สานึกท่ีดีแก่ ผู้เรยี น ชุมชน สังคม 5) ความรับผิดชอบในวิชาชีพ การเอาใจใส่ ถ่ายทอดความรู้หรือสง่ เสริมการแสวงหาความรู้โดยไมบ่ ิดเบือน ปิดบังหวังสิ่ง ตอบแทน การเอาใจใส่ช่วยเหลือผู้เรียนและผู้รับบริการเต็มความสามารถตามหลักวิชาชีพอย่าง สม่าเสมอ การศึกษา ค้นคว้าริเริ่มสร้างสรรค์ความรู้ใหม่ ๆนวัตกรรมในการพัฒนางานในหน้าที่ การ ประพฤติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพและแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ การมี จิตอาสา จิตสาธารณะและมุ่งประโยชน์ส่วนรวม 1.5 วินยั กำรรักษำวินัย และกระบวนกำรดำเนนิ กำรทำงวินยั วินัยแท้จริงมีอยู่สองอย่าง อย่างหนึ่งคือ วินัยตามที่ทราบกันและถือกัน อันได้แก่ข้อปฏิบัติที่ บัญญัติไว้เป็นกฎหมายระเบียบ ข้อบังคับต่างๆให้ถือปฏิบัติ อีกอย่างหนึ่งคือ วินัยในตนเองที่แต่ละคน จะต้องบญั ญัติข้นึ สาหรบั คอยควบคมุ บังคบั ให้มคี วามจรงิ ใจและให้ประพฤติปฏิบตั ิตามความจริงใจนั้น อย่างม่ันคง มีลักษณะเปน็ สัจจาธิษฐาน หรือการตั้งสัตย์สัญญาให้แก่ตัว วินัยอย่างนี้จัดเปน็ ตัววินัยแท้ เพราะให้ผลจริงและแน่นอน ยิ่งกว่าวินัยที่เป็นบทบัญญตั ิ ทั้งเปน็ ปัจจยั สาคัญที่จะเก้ือกูลให้การถือการ ใช้วินัยที่เปน็ บทบญั ญัตินั้น ได้ผลเที่ยงตรง ถูกต้องสมบูรณ์ เตม็ เปี่ยมตามเจตนารมณ์ โทษทำงวินัย 1. โทษสาหรับความผิดอย่างไม่ร้ายแรง • ภาคทัณฑ์ • ตัดเงินเดอื น • ลดเงินเดอื น นิสิตช้นั ปที ี่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 วิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 161

การปฏบิ ตั กิ ารวิชาชพี การบริหารการศึกษาในหน่วยงานทางการศึกษา สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 2. โทษสาหรับความผิดอย่างร้ายแรง • ปลดออก • ไล่ออก 1.6 กำรพัฒนำบคุ ลิกภำพ และกำรสนุ ทรยี ภำพ บุคลิกภาพของผู้บริหารมีความสาคัญสาหรับผู้บริหารเป็นอย่างยิ่งผู้บริหารที่มีบุคลิกภาพดี ย่อมได้รับการยอมรับนับถอื จากผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อการยอมรับเกิดขึ้นการบริหารงานย่อมดาเนินไป ได้อย่างราบรื่นองค์ประกอบของบุคลิกภาพ บุคลิกภาพของบุคคลประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 ประการดังนี้ 1) บุคลิกภำพทำงกำย แบ่งเปน็ องค์ประกอบย่อย 2 องค์ประกอบ ประการแรก คือ 1.1) รูปลกั ษณ์ภายนอกของผู้บริหารเป็นประการแรกทีป่ รากฏแก่สายตาผู้คน ความสะอาด ของร่างกายเป็นความสาคัญอันดับแรกการแต่งกายเรียบร้อยเหมาะสมกับตาแหน่ง วัย และ สถานการณ์ มีความสาคญั อนั ดับต่อมา สองส่ิงนี้ประกอบกันเข้าเปน็ บุคลิกภาพภายในอกของบคุ คล น้ัน ๆ บุคลกิ ภาพสว่ นนี้ จะเปน็ ตัวสอ่ื สารให้บุคคลที่พบเหน็ รู้จกั ท่านในเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนคี้ ือ ระดับ การศึกษา ตาแหน่ง ฐานะทางเศรษฐกิจ ชนช้ันในสังคม จากสายตาของเขาเอง โดยไมต่ ้องใช้ภาษาพูด ดา้ นวิชาการบางท่านเรียกส่ิงนี้ว่า การส่อื สารที่ไร้ศัพท์ ผู้บริหารที่ขาดการใส่ใจในส่ิงนี้ การส่อื สารที่ ได้ศพั ท์อาจจะส่อื สารให้ผู้พบเห็นเข้าใจในเรือ่ งต่างๆของท่านผิดไปจากความจรงิ 1.2) บุคลิกภาพภายใน ผู้บริหารต้องมีความสามารถในการพูดการโต้ตอบที่ดมี ีความฉลาด แหลมคมในการสนทนาเปน็ ผู้นากลุ่มได้ และต้องมีข้อมูลอย่างเพียงพอ เพื่อประกอบการตอบโต้อย่าง แหลมคมได้ ดังนั้นผู้บริหารจาเป็นต้องอ่านหนังสืออยู่เสมอจะได้ทันสมัย และไวต่อการส่ือสารทาง นิสติ ช้นั ปีที่ 2 ปีการศึกษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 162

การปฏบิ ัตกิ ารวชิ าชีพการบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 ภาษาพดู อย่างมีประสทิ ธิภาพองค์ประกอบย่อยสองบประการนรี้ วมกนั เป็นองค์ประกอบของบคุ ลิกภาพ ทางกายของผู้บรหิ ารทีจ่ ะก่อให้เกิดการยอมรับจากผู้ใต้บงั คับบญั ชา 2) บุคลิกภำพทำงอำรมณ์ และจติ วิทยำ ผู้บริหารที่มีบุคลิกภาพดีต้องเป็นผู้มีความมั่นคงทางอารมณ์ไม่หงุดหงิดฉุนเฉียวบ่นว่า ตลอดเวลามีความกล้าหาญในการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ อย่างไม่ย่อท้อต่อความยากลาบาก มี จิตใจเป็นประชาธิปไตย เคารพสทิ ธิ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รู้จักชมเชยพดู จาโน้มน้าว จงู ใจคนให้ ทางานเพื่อความเจริญก้าวหน้าของสถานศึกษาและส่งเสริมความก้าวหน้าของผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้บริหารที่มีบุคลิกภาพดี ต้องรักษาอารมณ์ได้ ทนต่อความว้าเหว่าได้มากกว่าผู้อื่น และระงับความ โกรธไดอ้ ย่างรวดเร็ว 3) บุคลิกภำพทำงสังคม ผู้บริหารควรเปน็ ผู้นาในการศึกษาหาความรู้ในพิธีการต่างๆตามปทสั ถาน(norms)ของสังคม เ พื่ อ จ ะ ไ ด้ ป ฏิ บั ติ ต า ม ม า ร ย า ท ส า ก ล ไ ด้ อ ย่ า ง ถู ก ต้ อ ง ส า ม า ร ถ เ ป็ น ตั ว อ ย่ า ง ที่ ดี ใ ห้ ค า แ น ะ น า แ ก่ ผู้ใต้บังคับบญั ชา ตลอดทั้งคนรอบข้างได้ 4) บคุ ลิกภำพทำงสติปญั ญำ ผู้บริหารที่มบี คุ ลกิ ภาพดี ต้องมีความคิดริเรม่ิ สร้างสรรค์พอที่จะเป็นผู้นากลุ่ม สามารถคิด สร้างส่ิงที่เป็นประโยชน์แก่สถานศึกษาได้ ซึ่งอาจสรุปได้ว่าสติปัญญาและความรอบรู้ในวิชาชีพของ ผู้บริหาร เปน็ สิง่ สาคญั มากในการบรหิ าร องค์ประกอบท้ัง 4 ด้านของบุคลิกภาพที่ดีของผู้บริหารน้ัน นับได้ว่าทุกด้านมีความสาคัญเท่า เทียมกันสมควรที่ผู้บริหารควรตระหนกั หมน่ั ฝึกฝนจนเป็นภาพลักษณ์ที่ปรากฏแก่สายตาของคนทั่วไป เพราะนั่นคือส่ิงสาคัญอย่างยิ่งในการจูงใจให้ผู้ใต้บังคับบัญชายอมรับนับถือ อันจะส่งผลถึงการ ร่วมมือรว่ มใจในการปฏิบัตงิ านอีกด้วย อย่างไรก็ตามบุคลิกภาพที่ดีของผู้บริหารแม้จะไมเ่ กิดขึ้นเอง แตส่ ามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้ ใน ทานองเดยี วกนั ไม่มใี ครสามารถสร้างบคุ ลกิ ภาพทีด่ ีแก่ผบู้ รหิ ารไดน้ อกจากตวั ผู้บริหารเอง นิสติ ชน้ั ปที ี่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 วิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลยั พะเยา 163

การปฏบิ ตั กิ ารวิชาชีพการบริหารการศกึ ษาในหน่วยงานทางการศกึ ษา สานักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 1.7 กำรพฒั นำทกั ษะกำรสื่อสำร การพัฒนาทักษะการส่ือสาร (Communication) ถือเป็นหัวใจสาคัญ เพราะเราหลีกเล่ียงการ ส่ือสารไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการส่ือสารด้วยเสียง ท่าทางและ/หรือตัวอกั ษร รูปภาพ ท้ังหมดล้วนแสดงถึง แนวความคิดและความรู้สึก รวมท้ังการเข้าใจความคิด ความรสู้ กึ ของผู้อืน่ การส่ือสาร (communication) คือกระบวนการในการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในสังคม หรือในกลุ่ม เป็นกระบวนการที่เกิดขนึ้ ตลอดเวลาระหว่างผู้เกีย่ วข้อง โดยตั้งใจ (รู้ตัว) และไม่ตั้งใจ (ไม่ รู้ตัว) และโดยที่แตล่ ะบคุ คลที่เกี่ยวข้องจะเป็นทั้งผู้สง่ สารและรับสารไปดว้ ยกัน และในเวลาเดยี วกัน ใน ลักษณะ การส่ือสารแบบสองทาง (two-way communication) เช่น ครูในฐานะผู้ส่งสาร พูดกับนักเรียน เป็นรายบุคคลหรือกับท้ังห้อง เป็นการส่ือสารความคิดของครูแก่นักเรียน ขณะเดียวกัน ครูก็เป็นผู้รับ สารที่นกั เรยี นสง่ กลบั มาในรปู ของสีหน้า แววตา ท่าทาง หรือคาพดู ที่สะท้อนถงึ ความคิดและความรู้สึก ของนักเรียนที่มีต่อครู ผู้ส่ือสารที่ดีจึงต้องเป็นทั้งผู้ส่งสารที่ดีและผู้รับสารที่ดีในเวลาเดียวกัน ทักษะ ต่างๆ ที่สาคัญทีเ่ กีย่ วกับการส่อื สาร เช่น - การนาเสนอ พูดคยุ สนทนา (Presentation Skill) - การใช้คาถามที่ทรงพลัง (Powerful Questioning) - การรับฟังเชิงรกุ เข้าใจผู้อืน่ (Active Listening) - การให้ข้อมลู ป้อนกลบั เพื่อผลสมั ฤทธิ์ (Effective Feedback) - การสอ่ื สารและสังเกตท่าทาง (Body Language) กำรสรำ้ งควำมสัมพันธท์ ีด่ ีเป็นส่วนสำคัญ ผู้สือ่ สารจะสร้างความสัมพันธ์ก่อนการสอ่ื สารโดยการเข้าใจความตอ้ งการของผู้ฟงั พดู ในเรือ่ ง ทีผ่ ู้ฟงั สนใจ อยู่ในโลกของผู้ฟัง มีความรกั ให้กับผู้ฟงั อยากช่วยเหลอื ผู้ฟัง มากกว่าความต้องการของผู้ ส่ือสารเพียงอย่างเดียว ทาให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกที่ดี และความเข้าใจในเจตนาของผู้ส่อื สารว่าต้องการ ส่ือสารเพื่อจุดประสงค์ใด ถ้าผู้ส่ือสารเปิดใจก่อน ก็จะได้รับการเปิดใจจากผู้ฟังเช่นเดียวกันการ ประยุกต์ใช้การส่ือสารกับสถานการณ์ต่าง ๆ มากมาย เช่น ความขัดแย้งภายในองค์กรที่เกิดขึ้นไม่ สามารถหลีกเล่ียงได้ ดังนั้น การบริหารจัดการความขัดแย้งทีด่ ี (Conflict Management) ย่อมทาให้เกิด ประสิทธิผลในการทางานร่วมกันเป็นทีม ทาให้องค์กรบรรลเุ ป้าหมายได้ การเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติ ของความขัดแย้งที่เกิดขนึ้ รวมถึงสาเหตุที่ทาให้เกิดความขัดแย้ง และการใช้เทคนคิ บริหารจัดการความ ขัดแย้งจึงเป็นเรื่องสาคัญที่บุคลากรภายในองค์กรต้องเรียนรู้การบริหารจัดการและจูงใจบุคคลใน สถานการณต์ ่าง ๆ เป็นการผสมผสานการส่อื สาร (Communication)และการบรหิ ารจดั การความขัดแย้ง (Conflict Management) เพื่อเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ในองค์กรการบอกให้เพื่อนช่วยเหลือใน นสิ ิตชั้นปที ี่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 วทิ ยาลัยการศกึ ษา มหาวิทยาลยั พะเยา 164

การปฏิบัติการวชิ าชพี การบริหารการศกึ ษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 งานทีร่ ับผิดชอบรว่ มกันการพูดคุยกบั บุคคลท่แี สดงตัวว่าเป็นคนด้อื เงียบการว่ากล่าวตักเตือนลูกน้องที่ ทาผิดให้เขายอมรับด้วยตัวเองการทาให้ผู้อื่นไม่ปฏิบัติต่อคุณในส่ิงที่คุณไม่ชอบการกล้ายืนยัน แนวความคิดตัวเองอย่างเชื่อม่ัน แม้คนอื่นไม่เห็นด้วยการประสานงานให้เกิดข้อตกลงร่วมกัน ในความ คิดเหน็ ทีแ่ ตกต่างกนั เปน็ ต้น ผู้สื่อสารต้องให้ความสาคัญกับผู้ฟังให้มากกว่าตัวเราเอง เพราะจดุ ประสงค์ของการสอ่ื สารคือ ทาให้ผู้ฟังเข้าใจและคล้อยตามแนวความคิด ดังน้ัน หากเราส่ือสารได้ตรงกับความต้องการของผู้ฟัง แล้วย่อมทาให้ กำรสื่อสำรสมบูรณ์ กำรให้ควำมสำคัญในกำรพัฒนำตัวเองให้เป็นนักสื่อสำรที่ดีควร พฒั นำทกั ษะดังน้ี - การสร้างความสัมพนั ธ์ทีด่ ี - การพูดให้จงู ใจผู้ฟัง - การรับฟงั ความตอ้ งการของผู้ฟัง - การเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาตขิ องมนุษย์ - การมองผู้ฟงั ด้วยทศั นคตเิ ชิงบวก การพัฒนาด้านการส่ือสารกับผู้อื่นต้องคอยจับสัญญาณการเชื่อมต่อระหว่างเรากับผู้ฟังให้ได้ ก่อน เพราะหากการเชือ่ มต่อไม่สมบูรณ์การส่ือสารย่อมติด ๆ ขัด ๆ ตวั อย่างของการเชอ่ื มต่อ เช่นผู้ฟัง ให้ความสนใจ ผู้ฟงั เหน็ ดว้ ยและมีส่วนร่วม และผู้ฟงั เปิดเผยแนวความคิด วิธีกำรเข้ำใจพืน้ ฐำนของทกั ษะกำรสื่อสำร 1. รู้ว่าจริง ๆ แล้วการสอ่ื สารคืออะไร การส่อื สารคือกระบวนการถ่ายทอดสญั ญาณ/ข้อความ ระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสารผ่านวิธีการต่าง ๆ (ไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือ ท่าทางบอกใบ้ หรือคาพูด) อีก ท้ังยังเป็นกลไกทีเ่ ราใช้ในการสร้างและปรบั เปลย่ี นความสมั พันธ์ด้วย 2. กล้าพูดในส่ิงที่ตัวเองคิด มั่นใจว่าส่ิงที่คุณพูดนั้นสามารถสร้างคุณค่าในบทสนทนาได้ หา เวลาในแต่ละวันมาตระหนักถึงความคิดเห็นและความรู้สึกของตัวเอง เพื่อที่คุณจะได้ถ่ายทอดความ คิดเห็นและอารมณ์เหล่านั้นไปยังผู้อื่นได้อย่างเพียงพอ คุณไม่ต้องกลัวที่จะพูดเพียงเพราะว่าคุณไม่ มั่นใจว่าส่ิงที่คุณพูดมีคุณค่าพอหรือไม่ เพราะส่ิงที่สาคัญหรือมีคุณค่ากับคนหนึ่งอาจจะไม่สาคัญ หรือไมม่ ีคณุ ค่ากับอีกคนหนึ่ง และอาจจะสาคญั และมีคณุ ค่ามากสาหรบั คนอื่น ๆ ก็ได้ 3. ฝึกฝนการพฒั นาทักษะการสื่อสารขั้นสูงนั้นเริ่มจากการส่อื สารธรรมดา คุณสามารถฝึกฝน ทักษะการส่ือสารได้ทุกวันในโอกาสต่าง ๆ ต้ังแต่งานสังคมไปจนถึงงานที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงาน ทักษะใหม่ ๆต้องใช้เวลาในการขัดเกลา แต่ทุกครั้งที่คุณใช้ทักษะการส่ือสารก็คือคุณได้เปิดโอกาส สาหรบั ตัวเองและความสมั พันธ์ต่าง ๆ ในอนาคตดว้ ย นสิ ิตชั้นปที ี่ 2 ปีการศึกษา 2564 วิทยาลัยการศกึ ษา มหาวิทยาลัยพะเยา 165

การปฏิบตั กิ ารวิชาชพี การบริหารการศึกษาในหน่วยงานทางการศกึ ษา สานกั งานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 1.8 กำรพฒั นำสุขภำพจติ และสขุ ภำพกำย การมีสุขภาพที่ดีเป็นหนึ่งในข้อสาคัญของชีวิตคนเรา ซึ่งไม่ได้ถึงร่างกายภายนอกเท่าน้ัน สุขภาพทางด้านจิตใจก็เป็นเรื่องที่สาคัญเช่นกัน เพราะหากเรามีสุขภาพจิตใจที่ดีแล้ว ย่อมส่งผลต่อ ภาวะอารมณใ์ นการจัดการกบั ชวี ิตประจาวันของเราได้อยา่ งดี สาหรับวิธกี ารสร้างสขุ ภาพจิตทีด่ ีก็ทาได้ ไม่ยาก เรามาดูกันค่ะว่ามีวิธีไหนบ้างฝึกทาจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส มองโลกในแง่ดี ฝึกเป็นคนสุขุม รอบคอบ ไมใ่ จร้อน โกรธง่าย ไมเ่ อาจริงเอาจังกบั ทกุ อย่างจนเกินไป ไมห่ วัน่ ไหวง่าย ไมค่ วรหมกมุ่นกับ เรื่องไร้สาระเสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หรือเพื่อนฝูง สังคมล้อมรอบเรา เปิดใจความรู้สึกของตนเอง และเข้าใจถึงจิตใจของผู้อื่น รู้จักให้เวลาตนเอง และคนสาคัญในชีวิต ให้มี เวลา กิจกรรม ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันดูแลรักษาสุขภาพท้ังกายและจิตใจให้แข็งแรง อยู่เสมอ ออกกาลังกายเป็นประจา รับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอเมื่อมี ความเครียดทางจิตใจหรือมีปัญหา ควรหาโอกาสผ่อนคลาย ด้วยการทางานอดิเรก ออกกาลังกายจะ ทาให้มีจติ ใจทีส่ บายขึ้นเรียนรู้วิธีเข้าใจอารมณ์ของตัวเอง มุ่งเนน้ จดั การความคิดในเชิงบวก ควรมีเวลา แตล่ ะวันในการทาสมาธิ เพื่อทีจ่ ะได้เข้าใจสภาวะจิตใจในแตล่ ะช่วงขณะ นสิ ิตชั้นปที ่ี 2 ปีการศึกษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 166

การปฏบิ ัติการวิชาชีพการบริหารการศกึ ษาในหนว่ ยงานทางการศกึ ษา สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 หนว่ ยกำรเรียนรู้ที่ 2 ภำวะผนู้ ำทำงวชิ ำกำร 2.1 ผูน้ ำทำงวิชำกำรและสง่ เสรมิ ใหค้ รแู ละบุคลำกรทำงกำรศึกำมีภำวะผนู้ ำทำงวิชำกำร ผู้บริหารสถานศึกษาเปน็ ตวั แปรที่สาคญั ในการบรหิ ารจดั การสถานศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุด กบั ผู้เรยี น ดงั นั้นผู้บริหารจึงควรมีความสามารถที่รอบรู้ โดยเฉพาะหวั ใจหลกั ของการ บริหารงาน คือ งานด้านวิชาการ เนื่องจากความสามารถของผู้บริหารสถานศึกษาจะเป็นการ ส่งเสริมและสนับสนุนนาไปสู่ความสาเร็จตามเป้าหมาย โดยการนาความรู้ ทักษะต่างๆ มาใช้ในการ ปฏิบัตภิ าระหน้าที่เพือ่ นาผรู้ ่วมงานให้ร่วมมือปฏิบตั ิงานไปสู่ความมีประสิทธิภาพทางการเรียนการสอน ควำมหมำยของภำวะผูน้ ำ ภาวะผู้นา (Leadership) ได้มีนักวิชาการ และนักการศึกษา ให้ความหมายไว้อย่างหลากหลาย ดังนี้Bass (1985, p. 545 อ้างอิงใน กฤษพล อัมระนันท์, 2559 หน้า 23) กล่าวว่า ภาวะผู้นา หมายถึง กระบวนการเปล่ยี นแปลง ทีผ่ ู้นาจะตอ้ งเปน็ ผเู้ ปล่ยี นแปลงการปฏิบัตงิ านของผู้ตาม ซึง่ จะต้องได้ผลเกิด เป้าหมายทีก่ าหนดไว้ ทศั นคติ ความเชื่อม่นั และความต้องการของผู้ตามจะต้องได้รบั การเปล่ียนแปลง จากระดับต่าไปสู่ระดับที่สูงกว่าDaft (1994, p. 478 อ้างถึงใน กฤษพล อัมระนันท์, 2559 หน้า 24) กล่าวว่า ภาวะผู้นาหมายถึง ความสามารถของคนที่เป็นผู้นา ในการใช้อิทธิพลหรือโน้มน้าวบุคคลอื่น เพือ่ นาไปสกู่ ารบรรลุถึงเป้าหมายขององค์กร ดงั นั้นเมือ่ กลา่ วถึงภาวะผู้นา ก็แสดงว่าตอ้ งประกอบด้วย องค์ประกอบ 3 ประการ คือ ต้องมีทั้งคน ึซ่งได้แก่ ผู้นา กับผู้ตาม การโน้มน้าวหรืออิทธิพล และ เป้าหมายขององค์กรธนาภรณ์ นีลพันธนันท์ (2562, หน้า 18) ได้ให้ความหมายไว้ว่า ภาวะผู้นา หมายถึง ความสามารถในการโน้มน้าวชักนาจูงใจ และมีอิทธิพลมีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกใน กลุ่มเพื่อดาเนินกิจการไปสู่ความสาเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ร่วมกัน และสามารถวัดได้จากการ แสดงออกในการกระทาของผู้นา และความสามารถดาเนินงานให้บรรลเุ ป้าหมายตามทีว่ างไว้ จากข้างต้นสามารถสรุปความหมายของภาวะผู้นาได้ว่า ภาวะผู้นา หมายถึง ความสามารถ ของบุคคลในการจูงใจ โน้มน้าวให้บุคคลหรือกลุ่มเปล่ียนแปลงแนวคิด พฤติกรรม ให้ปฏิบัติงานตาม ดว้ ยความเต็มใจ เพื่อให้บรรลวุ ตั ถุประสงค์ และสามารถดาเนินงานให้เป้าหมายตามที่กาหนดไว้ ภาวะผู้นาทางวิชาการ เดวิส และ มากาเรท (Davis and Magaret. 1989 : 21) ได้ให้ความหมาย ของภาวะผู้นาทางวิชาการว่าเปน็ การกระทาอย่างต้ังใจที่มีจดุ มุ่งหมายทีจ่ ะพัฒนาสภาพการทางานที่น่า พอใจและมีประสิทธิภาพสาหรับครู รวมทั้งการสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ที่น่าพอใจและมี ประสิทธิภาพแมค็ อีแวน (McEwan.1998) ได้กล่าวว่าภาวะผู้นาทางวิชาการ คือ การสร้างบรรยากาศซึ่ง ผู้บริหารโรงเรียน คณะครู นกั เรยี น ผู้ปกครองนักเรียนและกรรมการโรงเรียนซึ่งสามารถทางานรวมกัน นิสิตช้นั ปที ่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 167

การปฏิบัตกิ ารวิชาชพี การบริหารการศึกษาในหน่วยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ในอันจะทาให้งานด้านการศึกษาประสบผลสาเร็จสานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2543, หน้า1) ให้ความหมายของภาวะ ผู้นาทางวิชาการว่า หมายถึง ความสามารถของผู้บริหารโรงเรียนในการนาบุคลากรในโรงเรียน ให้รว่ มมือปฏิบัติงานจนบรรลเุ ป้าหมายของโรงเรียนอย่างมีประสทิ ธิภาพจากความหมายของภาวะผู้นา ทางวิชาการสรุปได้ว่าภาวะผู้นาทางวิชาการ หมายถึง ความสามารถของผู้บริหารโรงเรียนในการ สง่ เสริมและสนบั สนนุ ต่อกลมุ่ ทีจ่ ะนาไปสคู่ วามสาเร็จตามเป้าหมาย โดยการนความรู้ ทกั ษะตา่ งๆ มาใช้ ในการปฏิบัติภาระหน้าที่เพื่อนาผู้ร่วมงานให้ร่วมมือปฏิบัติงานไปสู่ความมีประสิทธิภาพทางการเรียน การสอน ซึง่ ผู้รวมงานสามารถรับรไู้ ด้อยา่ งชัดเจน องค์ประกอบของภำวะผนู้ ำทำงวิชำกำร สานักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2543 : 3-20) ได้กาหนดองค์ประกอบ ของภาวะผู้นาทางวิชาการไว้ 6 ดา้ น คือ 1. ด้านภูมิหลังและประสบการณ์ที่ดี ประกอบด้วย ภูมิหลังและประสบการณ์ด้านการศึกษา ด้านความรู้และประสบการณ์ ด้านศีลธรรม ด้านสภาพเศรษฐกิจและสังคม ด้านความสามารถในการ ปฏิบัตงิ าน 2. ดา้ นบุคลกิ ภาพทีด่ ี หมายถึง ลักษณะสว่ นร่วมของบคุ คลทีเ่ ป็นลกั ษณะเฉพาะของบคุ คลน้ันๆ และเป็นพฤติกรรมการกระทาที่แสดงออกของบุคคล องค์ประกอบด้านบุคลิกภาพที่ดีประกอบด้วย บุคลกิ ภาพดา้ นร่างกาย ดา้ นอารมณ์ความรู้สึก ด้านสงั คม และดา้ นสติปญั ญา 3. ด้านคุณธรรมจริยธรรม คือ คุณธรรมจริยธรรมที่เป็นเครื่องเก้ือหนุนต่อ ภาวะผู้นา ได้แก่ ความรับผิดชอบ ความอดทน อดกล้ัน ความมุ่งมั่น ความเพียร ความเสียสละ ความเที่ยงธรรม และ การเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าสว่ นตวั 4. ด้านความรู้ หมายถึง ความรู้ความเข้าใจในหลักการ ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของ ผู้บริหาร ได้แก่ ความรู้เกี่ยวกับปรัชญา อุดมการณ์ หลักการในการจัดการศึกษา จิตวิทยาการศึกษา จิตวิทยาการเรียนรู้ การบริหารโรงเรียน หลักสูตร การพัฒนาระบบนิเทศภายในโรงเรียน การ ติดต่อสอ่ื สาร เป็นต้น 5. ด้านทักษะ หมายถึง ทักษะที่จะทาให้ผู้บริหารโรงเรียนสามารถนาบุคลากรในโรงเรียนให้ ปฏิบัติงาน ตามภารกิจไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย ทักษะในการ จัดการตนเอง (Self-management skill) และทักษะการสร้างปฏิสัมพนั ธ์ (Interpersonal skills) 6. ด้านความสามารถ (Abilities) ประกอบด้วย ความสามารถในการรวมน้าใจบุคลากรใน โรงเรียน ความสามารถในการสร้างเครือข่ายการปฏิบัติงาน ความสามารถในการนาความคิด วิธีการ นิสติ ชนั้ ปที ี่ 2 ปีการศกึ ษา 2564 วทิ ยาลัยการศกึ ษา มหาวิทยาลัยพะเยา 168

การปฏิบตั ิการวชิ าชีพการบริหารการศึกษาในหน่วยงานทางการศึกษา สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 นวัตกรรมใหม่ๆ มาสู่โรงเรียนเพื่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงไปในทิศทางที่พึงประสงค์และความสามารถ ในการนาโรงเรียนให้ทางานจนบรรลุวตั ถุประสงค์ทีต่ ้ังไว้ จากข้างต้นสรุปได้ว่า การพัฒนาภาวะผู้นาทางวิชาการ เพื่อให้เกิดภาพความสาเร็จของ สถานศึกษา ผู้บริหารโรงเรียน จะต้องแสดงบทบาทฐานะผู้นาในการบริหารจัดการเพื่อผลสาเร็จของ งานที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษาในโรงเรียนทุกด้าน มีการพฒั นาคณุ ภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียน เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ความสามารถและปรับตัวได้ทันต่อการเปล่ียนแปลงของ สังคมที่มีความ เจริญอย่างรวดเร็ว นาการเปล่ียนแปลงใหม่ๆ มาสู่สถานศึกษา อันจะส่งผลต่อการยอมรับและความ ร่วมมืออย่างมั่นใจของผู้ร่วมงานในการปฏิบัตงิ านที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษา มีความเชือ่ มน่ั ตนเองที่จะ ทาให้ผู้ร่วมงานเกิดศรัทธายอมรับและให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจนประสบ ผลสาเร็จและส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียน ตลอดจนอานวยความสะดวกเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงาน ของบุคลากรในโรงเรียนทกุ ๆดา้ น ให้สามารถจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นไปดว้ ยความสะดวกและ เกิดประโยชนสงู สุดต่อการพัฒนาคุณภาพนกั เรยี น 2.2 ปรชั ญำกำรศกึ ษำของชำติและหลักกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปรัชญาพื้นฐาน เป็นปรัชญาที่เป็นรากฐานในการกาเนิด ปรัชญาการศึกษา ดังน้ันการศึกษา พื้นฐาน ทาให้เรามีความเข้าใจที่มา แนวคิด ในลักษณะปรัชญาได้ถ่องแท้มากขึ้น ไม่จิตนิยม ที่เน้นจิต เปน็ สาคัญ เน้นความเชือ่ ในโลกแห่งวัตถุ และการสมั ผสั ประสบการณ์นิยมทีเ่ น้นโลกแห่งประสบการณ์ เปน็ หลกั ให้เรามุ่งทางาน มากกว่าเรียนแต่ทฤษฎี อตั ถิภาวนิยม เหน็ ว่ามนุษย์เกิดมาพร้อมกบั ความว่าง เปล่าและให้ความสาคัญของมนุษย์มากปรัชญาการศึกษาท้ัง 5 ลัทธิดังกล่าว แต่ละปรัชญาจะมี แนวทางในการนาไปสู่การปฏิบัติที่แตกต่างกัน การนาไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการศึกษา จะต้องพิจารณาว่าแนวทางใด จึงจะดีที่สุด ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และการปกครอง ปรัชญาการศึกษาลัทธิหนึ่งอาจจะเหมาะกับประเทศหนึ่ง เพราะเป็นประเทศเล็กๆ ประเทศหนึ่งซง่ึ มีลกั ษณะแตกต่างกนั ต้องใช้ลทั ธิการศึกษาอีกลทั ธิหนึง่ ประเทศไทยกไ็ ดน้ าเอาปรัชญา การศึกษาน้ันมาประยกุ ต์ใช้ให้เหมาะสม 2.3 กำรบรหิ ำรจัดกำรหลกั สูตรและกำรจัดกำรเรยี นรู้ การทาความเข้าใจและให้ความสาคัญกับการบริหารหลักสูตรสถานศึกษาอย่างชัดเจนและ ถกู ต้องถือเปน็ เครือ่ งมือที่สาคัญประการหนึ่งในการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของชาติ โดยมีหลักและ แนวคิดที่สาคัญ 9 ประการ ดงั นี้ 1. การวางแผนงานหลักสูตร ในช่วงระยะเปล่ียนผ่านของการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาข้ัน พนื้ ฐาน ทกุ โรงเรียนจะมีทั้งหลกั สตู รใหม่และหลักสูตรเก่า หลกั สาคญั ในการบรหิ ารหลักสูตรคือจะต้อง ทาให้ผู้เรียนสูญเสียประโยชน์น้อยที่สุด เพราะฉะน้ันจะต้องใช้เวลาในการเปล่ียนหลักสูตรให้น้อยและ นสิ ติ ช้ันปที ่ี 2 ปีการศึกษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลยั พะเยา 169

การปฏบิ ัติการวชิ าชพี การบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 สั้นที่สุด ดังน้ันจึงจาเป็นต้องมีการวางแผนที่ดี ต้องจัดระบบให้ดี มีข้อมูลที่ชัดเจน และตระเตรียมทุก อย่างให้พร้อมรบั การเปล่ยี นแปลง 2. การจัดระบบข้อมูลโรงเรียน นับเป็นพื้นฐานที่สาคัญประการหนึ่งในการบริหารหลักสูตร ระบบข้อมูลโรงเรียนประกอบดว้ ยขอ้ มูลต่างๆ ดังนี้ * หลกั สูตร - ระบบการสร้างหลักสตู ร การบรหิ ารหลักสตู ร และการประเมินผล * การบรหิ ารจดั การ - มีขอ้ มูลด้านผู้เรยี น ผู้สอน ว่ามีความพร้อมหรือไมเ่ พียงใด * ระบบข้อมลู - ครอู าจารย์ นักเรยี น บคุ ลากร ผู้รู้ในชุมชน อาชีพในพืน้ ที่ * การวางแผนกลยุทธ์ 3-5 ปี - แสดงถึงวิสัยทศั น์ จดุ มงุ่ หมาย และขน้ั ตอนการปฏิบตั งิ าน * ระบบงบประมาณ - การบรหิ ารงบประมาณจะต้องมีความชัดเจนตรวจสอบได้ มุ่งผลงาน และเพื่อพัฒนาการศึกษาเป็นสาคญั * การพัฒนาการเรียนรู้ - ส่ือและข้อมูลเกี่ยวกับนวัตกรรมการเรียนการสอน การ ประเมินผล การศึกษาอบรมของครู * ระบบช่วยเหลือ - มีข้อมูลผู้เรียนเป็นรายบุคคล จาแนกเด็กเก่ง เด็กปกติ และเด็กด้อย โอกาส เพือ่ ให้การสนับสนุนช่วยเหลอื อย่างสอดคล้องกับความจาเป็นต้องการของเดก็ แตล่ ะกลมุ่ * บริหารบุคคล - ข้อมูลเกี่ยวกับครูอาจารย์ ทั้งในด้านการศึกษา การอบรม การจัดหา บรรจุ และเลกิ จ้าง เพื่อชว่ ยในการพฒั นาครูให้เหมาะสมสอดคล้องกับหลักสูตรใหม่ * การประเมินภายใน - จัดเตรียมข้อมูลการพัฒนาหลักสูตร บุคลากร และผลสัมฤทธิ์ ทางการศึกษาของเดก็ และโรงเรียน 3. เอกสารหลักสตู ร จะต้องชี้แนวการสอนอย่างถกู ต้อง ชัดเจน และทันสมัย เอกสารประกอบ หลักสูตรและรายวิชาที่ละเอียดประณีต จะช่วยให้การบริหารหลักสูตรเป็นไปโดยง่าย สามารถติดตาม การทางานไดอ้ ย่างใกล้ชิดและเป็นข้ันเป็นตอน 4. คณาจารย์มคี ุณภาพ เข้าใจหลักสูตรอย่างดี เมื่อครูเป็นผเู้ ขียนหลักสูตรเองแล้ว ย่อมจะทา ให้การศึกษาทาความเข้าใจหลักสูตรเป็นไปโดยง่าย สามารถปรับประยุกต์ให้เหมาะสมกับสภาพที่เปน็ จริงในห้องเรียนได้ 5. ผู้เรียนมีความพร้อมด้านความรู้พื้นฐานและคุณธรรม ทั้งด้านวิชาการ คุณธรรม จริยธรรม สถานศึกษาจะต้องจัดเตรียมระบบข้อมูลรายบุคคลของผู้เรียน โดยครูผู้สอนทุกคนมีส่วนร่วมพัฒนา ผู้เรยี นทุกๆ ดา้ น 6. มีทรัพยากรสนับสนุนที่ดีและเพียงพอ การบริหารการศึกษาในอนาคตอันใกล้เป็นการ กระจายอานาจในหลายๆ ด้าน ท้องถิ่นจะมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรในการเรียนการ สอน ซึ่งครอบคลุมทั้งเรื่องงบประมาณ ทรัพยากรบุคคล แหล่งเรียนรู้ และสภาพแวดล้อมในการเรียน การสอน การระดมทรพั ยากรจะต้องกระทาอย่างหลากหลายและกว้างขวางขนึ้ นิสติ ช้นั ปีที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 วิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลยั พะเยา 170

การปฏบิ ัติการวชิ าชีพการบริหารการศกึ ษาในหนว่ ยงานทางการศกึ ษา สานักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 7. ระบบอาจารย์ที่ปรึกษาดีและมีประสิทธิภาพ ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน จุดเน้นอีก เรื่องหนึ่งคือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะมีสอดแทรกอยู่เป็นระยะๆ ตลอดเวลา บทบาทในเรื่องนี้ไม่ใช่ ภาระหน้าทีข่ องครคู นใดคนหนึ่ง แตค่ รูทุกคนจะมีบทบาทเปน็ ครทู ีป่ รกึ ษาหรือครแู นะแนวได้ โดยเฉพาะ ครทู ี่อยใู่ กลช้ ิดเดก็ 8. มีบรรยากาศทางวิชาการที่เออื้ ต่อการแสวงหาความรู้ ทุกจุดทุกมุมของโรงเรียนและชุมชน เป็นสิ่งทีเ่ รยี นรู้ได้ ไมใ่ ช่จะต้องเรียนจากตาราอยา่ งเดยี ว หากครูเข้าใจกจ็ ะสามารถดึงประสบการณ์ของ ผู้เรยี นเข้ามาสู่กระบวนการเรียนรู้ได้ การสร้างบรรยากาศทางวิชาการเป็นเรือ่ งละเอียดอ่อน ต้องอาศัย ความเอาใจใสอ่ ย่างสูงจากผู้เกีย่ วข้อง เช่น การจดั แสดงนิทรรศการหรือข้อมลู ขา่ วสารต่างๆ ในโรงเรียน หากทาให้เป็นปัจจุบันและให้เด็กมีส่วนร่วมในการทา ก็จะเป็นกิจกรรมและแหล่งเรียนรู้ที่ใกล้ตวั เด็กได้ อีกแหลง่ หนึ่ง เช่น นาผลงานของเดก็ ทีด่ ีเดน่ มาแสดง ทั้งดา้ นศิลปะ หรือในโรงอาหาร ติดป้ายให้เดก็ ได้ เกิดการเรียนรู้เกี่ยวกบั โภชนาการ เป็นต้น 9. มีระบบการติดตามและประเมินผล คณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรรายวิชาจะต้องมาพูดคุย กนั ในแตล่ ะภาคการศึกษา และทุกส้ินปีการศึกษา คณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รสถานศึกษาก็จะต้อง จัดการประเมินผล ดภู าพรวม และเขียนรายงานออกมา เปน็ การประเมินภายในไปในตัว เปน็ การทางาน ที่ผลการปฏิรูปการเรยี นการสอนจะไปสตู่ วั ผู้เรียนโดยตรง และควรเนน้ การประเมินตามสภาพจริง ระบบบริหารจัดการหลกั สตู รที่ดจี ึงต้องเป็นระบบที่มคี ุณธรรม อันเป็นคุณสมบตั ิทีด่ ีทางจิตใจมี ความรับผิดชอบต่อการจัดการเรียนการสอนให้ดีที่สุด เมื่อนาไปประพฤติปฏิบัติจริง ถือได้ว่ามี จริยธรรม มีการควบคุมกายวาจา อันเป็นศีลธรรมของผู้สอน ทาให้เกิดความชอบธรรมในการจัดการ เรียนการสอน และทุกคนทุกฝ่ายจะต้องมีความสมานฉันท์ ช่วยกันทางานเพื่อพัฒนาผู้เรียน เติมเต็ม ผู้เรยี นในทุกๆ ดา้ น เมื่อประกอบกบั โรงเรียนมีโครงสร้างและทางานอย่างมีคณุ ภาพ ก็จะทาให้โรงเรียน เปน็ ระบบที่มปี ัญญาเป็นพืน้ ฐานสามารถเรยี นรู้ และปรบั ตวั ได้ต่อเนือ่ ง 2.4 กำรวัดผลและกำรประเมินผลกำรจัดกำรเรยี นรู้ การวัดประเมินผลการเรียนรู้ การวัดผลและประเมินผล เป็นกระบวนการซึ่งประกอบด้วย กระบวนการย่อย ได้แก่ การวัดผล (measurement) และการประเมินผล (assessment) ท้ังการวัดผล และประเมินผลมีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก ในทางการศึกษาจึงมักใช้คาว่า “การวัด ประเมินผล” ในการออกแบบ การเรียนการสอนซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุผลการ เรียนรู้น้ัน การวัดประเมินผลในที่นี้จึง หมายถึงการวัดประเมินผลการเรียนรู้ (assessment of learning) ซึ่งเปน็ กระบวนการรวบรวมหลักฐาน ข้อมูลเชงิ ประจักษ์ต่าง ๆ เมือ่ ส้ินสุดกระบวนการเรียนรู้เพือ่ ตัดสิน คุณค่าในการบรรลุวัตถุประสงค์หรือ ผลลัพธ์การเรียนรู้ เป็นการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซึ่ง แสดงถึงมาตรฐานทางวิชาการในเชิง นสิ ิตช้นั ปีท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 วทิ ยาลัยการศกึ ษา มหาวิทยาลัยพะเยา 171

การปฏิบตั กิ ารวชิ าชพี การบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานักงานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 จุดมุ่งหมำยของกำรวัดประเมินผลกำรเรยี นรู้ 1) เพื่อนาผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรงุ การเรียนรู้ของผู้เรียน 2) ทาให้ทราบจุดอ่อนจุดแข็งของผู้เรียนเป็นรายบุคคล และสามารถนาสารสนเทศไปใช้ วางแผนแก้ไขปัญหาผู้เรียนเปน็ รายบคุ คลไดอ้ ย่างเหมาะสม 3) ประเมินประสิทธิภาพของกิจกรรมและวิธกี ารเรียนการสอนที่ผู้สอนใช้ในการเรียนการสอน 4) ประเมินและปรบั ปรงุ ประสทิ ธิภาพของหลักสตู ร 5) ประเมินและปรับปรุงประสทิ ธิภาพการสอนของผู้สอน 6) ส่อื สารให้ผู้ปกครอง ชุมชน สงั คมทราบผลการเรียนรู้ของผู้เรียน 2.5 กำรนเิ ทศกำรศึกษำ การนิเทศ เป็นกระบวนการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพ ทันต่อสถานการณ์ นโยบาย การศึกษา หลกั สูตรและองค์ประกอบต่างๆ ซึ่งความสาคัญของการนิเทศการสอนมดี ังนี้ 1) เพื่อพัฒนาทางด้านวิชาการ ความรู้ นวัตกรรมทางการศึกษา หลักสูตร นโยบายการจัด การศึกษา มีการปรับเปลย่ี นอย่างรวดเรว็ และต่อเนือ่ ง 2) เพื่อให้ทันต่อการเปล่ียนแปลงสภาวะทางการเมือง เศรษฐกิจ และสงั คม มีการปรับเปล่ียน อยู่ตลอดเวลา 3) เพื่อแก้ไขปัญหาในการจัดการศึกษา เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการจัดการศึกษา เพื่อ ก่อให้เกิด ความคิดสร้างสรรค์ในการจดั การศึกษา 4) เพื่อยกระดับมาตรฐานการศึกษา การนิเทศการสอน เป็นกระบวนการที่คนกระทากับคน คือผู้นิเทศกระทากับผู้สอน เป็น กระบวนการทีม่ ุ่ง พฒั นากระบวนการเรียนการสอน ซึ่งมวี ตั ถุประสงค์ดังนี้ 1) เพือ่ พฒั นาคุณภาพของผู้สอน 1.1) ให้ข้อมูลแก่ผสู้ อนในการปรับปรุงการเรียนการสอน 1.2) ให้ผู้สอนได้พัฒนาความรู้ ความสามารถในดา้ นการสอน 2) เพือ่ พัฒนาคณุ ภาพของผู้เรยี น 2.1) สง่ เสริมประสทิ ธิภาพดา้ นวิชาการของสถานศึกษา 2.2) ปรับปรงุ คุณภาพด้านการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรยี น 3) เพื่อสร้างขวญั และกาลังใจแกผ่ ู้สอน 3.1) มีความมั่นใจในการปฏิบตั กิ ารสอน 4) เพือ่ สร้างความสัมพันธ์ทีด่ ี ระหว่างบคุ คลในการทางานร่วมกันเกี่ยวกับการนิเทศการสอน นิสติ ชนั้ ปที ่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 วทิ ยาลัยการศกึ ษา มหาวิทยาลยั พะเยา 172

การปฏิบัตกิ ารวิชาชีพการบริหารการศกึ ษาในหนว่ ยงานทางการศกึ ษา สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 การนิเทศเป็นกระบวนการที่เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ดังนั้นผู้ที่จะทาหน้าที่ผู้นิเทศ จะต้องมี คณุ ลกั ษณะทีด่ ี ดังนี้ 1) ด้านความรู้ ต้องมีความรู้ ความเข้าใจในหลักทฤษฎี การจัดการเรียนการสอน ตลอดจน องค์ประกอบ อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อันจะผลโดยตรง ต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน นอกจากนี้ต้องรู้เกี่ยวกับ พฤติกรรมของบคุ คล รวมท้ังองค์กรที่เกีย่ วข้อง 2) ด้านทักษะ ต้องมีทักษะการสอนในเกณฑ์ดี มีทักษะในการส่ือสาร การแก้ไขปัญหา การ มองโลกในแง่ดี และมีคณุ ลกั ษณะเฉพาะตวั ที่ดดี ว้ ย 3) ดา้ นเจตคติ ต้องเปน็ คนทีม่ ีลักษณะนิสัยทีด่ ี มีความสนใจ ตั้งใจทางาน มีความรับผิดชอบ ขยนั ขนั แขง็ มีความสภุ าพ เป็นกันเอง เสยี สละและอุทิศตนเพือ่ งาน นักการศึกษาได้แบ่งรูปแบบการนิเทศการสอน ตามลักษณะของปรัชญา และลักษณะของ ผู้นิเทศ ออกเป็น 4 รปู แบบ ดงั นี้ 1) การนิเทศแบบตรวจตรา (Inspection Supervision) เป็นการนิเทศแบบด้ังเดิม ผู้นิเทศทา หน้าที่ตรวจสอบ เช่น การเป็นไปตามหลักสูตรหรือไม่ วิธีสอนเหมาะสมหรือไม่ เมื่อตรวจแลว้ ชแี้ จง ให้ครูแก้ไขขอ้ บกพร่อง 2) การนิเทศแบบให้ผลผลิต (Supervision as Production) บางคร้ังเรียกว่าการนิเทศแบบ วิทยาศาสตร์ ซึง่ มองที่ผลผลติ โดยเปรยี บสถานศึกษาเป็นแหลง่ ผลติ ครูเป็นพนักงาน และนักเรยี น 3) การนิเทศเพือ่ พัฒนา (Developmental Supervision) เป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนา ตาม ความสามารถที่แตกต่างกนั ของแต่ละบคุ คล เช่น ผู้นิเทศจะชนี้ าเมือ่ ครมู ีความรู้ ความสามารถตา่ ครู ขาดประสบการณ์ แตเ่ มือ่ ครูมีความสามารถสูงเมื่อเกิดปัญหากส็ ามารถแก้ไขปญั หารว่ มกนั ได้ 4) การนิเทศแบบคลินิก (Clinical Supervision) การนิเทศแบบนี้ จะได้ข้อมูลโดยตรงจากการ สังเกต การสอนในห้องเรียนจริง เปน็ การร่วมมือกนั ระหว่างครูกับผู้นิเทศ สามารถวิเคราะห์พฤติกรรม การสอน เพื่อนาไปปรับปรุงการเรียนการสอน การนิเทศการศึกษาที่ประสบความสาเร็จ ควรมีกระบวนการที่ต่อเนื่อง มีการเคล่ือนไหวที่เปน็ พลวัตร (Dynamic) นั่นก็คือการนาวงจรคุณภาพ (Quality Loop) หรือวิธีระบบ (System Approach) มาใช้ในการดาเนินงาน ในทุกข้ันตอนการนิเทศ เพราะในปรับปรุงและพัฒนา การปฏิบัติงานนั้น ต้องมี การปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีการประเมินผลการดาเนินการทุกครั้ง จะได้ข้อมลู สาคญั ที่ผรู้ ับการนิเทศ ผู้นิเทศ บุคลากร หน่วยงาน องค์กรผู้รบั ผิดชอบ จะนาไปประกอบการปรับปรุง แก้ไข หรือพัฒนาให้การทางานเป็นไปอย่างสอดคล้อง เหมาะสมตามบทบาทหน้าที่ และมีการผล ดาเนนิ งานทีเ่ กิด ประสิทธิภาพสงู สุด การปรบั ปรงุ และพัฒนาได้ดาเนินการในทุกขั้นตอนของการนิเทศ เช่น การปรับปรุงวิธีการและ เครื่องมือ ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อให้ได้ผลทีแ่ ม่นยา มีประโยชน์ใน นิสิตชนั้ ปีที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 173

การปฏิบตั กิ ารวิชาชพี การบริหารการศกึ ษาในหน่วยงานทางการศึกษา สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 การดาเนินการนิเทศการศึกษา อย่างสูงสุด การปรับปรุงในขั้นตอนการออกแบบและพัฒนา เพื่อให้ วตั ถปุ ระสงค์ของการนิเทศมีความครอบคลมุ สอดคลอ้ งกบั สภาพปญั หา และความต้องการของครแู ละ โรงเรียน รวมทั้งการปรับปรงุ พัฒนาชดุ ฝึกอบรม ให้ได้ประสทิ ธิภาพตามเกณฑ์ที่กาหนดไว้ เลอื กวิธีการ นิเทศที่เหมาะสมกับกลุ่มผู้รับการนิเทศ บริบท เนื้อหาสาระ งบประมาณ รวมทั้งการปรับปรุงแผนการ นิเทศให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนการปรับปรุงพัฒนาวิธีการประเมิน ผลการนิเทศ ให้ได้เครื่องมือที่มี คุณภาพตามหลกั วิชาการ ซึ่งจะสง่ ผลถึงขอ้ มูลทีไ่ ดจ้ ากการประเมิน มีความถกู ต้องตามความเปน็ จริง 2.6 กำรจดั ระบบเทคโนโลยีเพื่อพฒั นำคณุ ภำพกำรศึกษำ ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในการจัดการศึกษาผู้บริหาร การศึกษาทุกระดบั ได้พยายามแข่งขันกนั สร้างห้องคอมพิวเตอร์และโครงสร้างพืน้ ฐานต่าง ๆ เพื่อแสดง ให้เห็นถึงความทนั สมัยของสถานศึกษา โดยมิได้คานึงถึงกระบวนการบริหารจัดการและดาเนินงานให้ สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเหล่านั้นให้คุ้มค่าและตอบสนองการเรียนรู้ของผู้เรียนรูปแบบในการ จัดระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร (ICT) เพือ่ พฒั นาคณุ ภาพการศึกษาให้เกิดคุณภาพสูงสุด น้ัน ควรมีการดาเนินการให้ครอบคลมุ ในดา้ นต่างๆ ดังนี้ 1) การบริหารและการกาหนดนโยบาย ผู้บริหารจาเป็นต้องจัดตั้งคณะทางานเฉพาะเพื่อความ คล่องตัวและประสิทธิภาพในการดาเนินงาน อีกท้ังต้องมีการกาหนดนโยบายในการพัฒนาระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศให้ชดั เจนเพือ่ เป็นเขม็ ทิศให้แก่ผู้รับผิดชอบ 2) โครงสร้างพื้นฐานทาง ICT ต้องมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ดา้ น ICT ที่เพียงพอ แตอ่ ยู่บนพนื้ ฐานของการวิเคราะห์ความจาเปน็ ทันสมัย และคุ้มค่าต่อการลงทนุ 3. ระบบจัดการสารสนเทศ ต้องมีการจัดหาหรือพัฒนา ระบบจัดการสารสนเทศที่เหมาะสม และสอดคล้องกับลักษณะงานและนโยบายของสถานศึกษา ภายในกรอบแนวคิดท่ีว่า ดูดี ทันสมัยและ ง่ายต่อการใช้งาน 4. การพฒั นาสมรรถนะครู ครผู ู้สอนต้องได้รับการพัฒนาสมรรถนะดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการศึกษา ประกอบด้วย ทักษะพื้นฐานการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การออกแบบพัฒนา และวิจัย ส่ือ นวัตกรรมการสอนด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ ทักษะการสืบค้นแหล่งเรียนรู้ในอินเทอร์เน็ต และ ทักษะการบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดการเรียนการสอนอีกทั้งการดาเนินงานต้องตั้งอยู่ บนฐานของความต้องการของครู การพัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้ของครูและการสนับสนุนที่เหมาะสม กับเวลาและสถานที่ที่ครูต้องการ 5. สภาพแวดล้อมการเรียนรู้สาหรับผู้เรียน สถานศึกษาต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่มีอยู่ใน การจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน ให้ผู้เรียนมีความสะดวกในการเข้าถึงเทคโนโลยี สารสนเทศ สร้างระบบบริการทีเ่ อือ้ แก่ผู้เรียนทั้งเวลาและสถานที่ส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ นสิ ิตช้ันปที ี่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 174

การปฏิบัตกิ ารวชิ าชีพการบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงองค์ความรู้สร้างกระบวนการเรียนการสอนโดยให้ ผู้เรยี นได้เรยี นรู้ด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ 2.7 กำรสร้ำงและพัฒนำนวตั กรรมทำงกำรศึกษำ ข้ันตอนที่ 1 การศึกษาเอกสารแนวคิดหลักการ เป็นข้ันตอนของการสารวจว่าในทางวิชาการมีพัฒนาเรื่องนี้ไว้ว่าอย่างไร มีใครที่เคยประสบ ปัญหาการพัฒนาการเรียนรู้หรือการบริหารสถานศึกษาเช่นเดียวกันนี้มาก่อน และคนที่หาปัญหา เช่นเดียวกันนี้มีแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ในห้องเรียนของตนเองอย่างไร เพื่อให้ได้แนวคิดและ แนวทางที่จะนามาแก้ปัญหาของตนเองต่อไป 1.1 การแลกเปลย่ี นเรียนรู้และการแสวงหาแนวคิดและหลกั การ 1.2 การศึกษาเอกสารงานวิจัยและประสบการของผู้เกี่ยวข้อง ข้ันตอนที่ 2 การเลอื กและการวางแผนสร้างนวัตกรรม โดยพิจารณาเลอื กจากลกั ษณะของนวัตกรรมการเรียนรู้ที่ดี ดงั นี้ 2.1 เป็นนวตั กรรมการเรียนรู้ทีต่ รงกบั ความต้องการและความจาเป็น 2.2 มีความหน้าเชื่อถือและเป็นไปได้สูงที่จะสามารถแก้ปัญหา และพัฒนาการ เรียนรู้ของผู้เรียน 2.3 เป็นนวัตกรรมทีม่ ีแนวคิดหรอื หลักการทางวิชาการรองรับจนน่าเช่อื ถอื 2.4 สามารถนาไปใช้ในห้องเรียนได้จริง ใช้ได้ง่าย สะดวกต่อการใช้และการพัฒนา นวตั กรรม 2.5 มีผลการพิสูจน์เชิงประจักษ์ว่าได้ใช้ในสถานการณ์จริงแล้วสามารถแก้ปัญหา หรือพฒั นาคุณภาพการจดั การเรียนรู้ไดอ้ ย่างน่าเพ่งิ พอใจ ขั้นตอนที่ 3 สร้างและพฒั นานวัตกรรม จากแผนการสร้างนวัตกรรม ครูต้องศึกษาถึงรายละเอียดของนวัตกรรมที่จะสร้างและ ดาเนนิ การตามขั้นตอน เช่น การสร้างนวตั กรรมทีเ่ ปน็ ชุดการเรียนรู้ ครูอาจดาเนนิ การสร้างตามขั้นตอน ต่อไปนี้ เช่น 3.1 วิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.2 กาหนดและออกแบบชุดการเรียนรู้ด้วยตนเอง 3.3 ออกแบบสอ่ื เสริม 3.4 ลงมือทา 3.5 ตรวจสอบคุณภาพครงั้ แรกโดยผู้เชีย่ วชาญ นสิ ติ ช้ันปที ี่ 2 ปีการศกึ ษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 175

การปฏิบัติการวิชาชีพการบริหารการศึกษาในหน่วยงานทางการศกึ ษา สานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 3.6 ทดลองใช้ระยะสนั้ เพื่อปรับปรงุ เนอื้ หาสาระ 3.7 นาไปใช้เพือ่ แก้ปญั หาหรือการพัฒนาการเรียนรู้ ข้ันตอนที่ 4 การหาประสทิ ธิภาพของนวัตกรรม ข้ันตอนนี้เป็นข้ันตอนที่พิสูจน์ว่านวัตกรรมที่สร้างขั้นน้ันเมื่อนาไปใช้จะได้ผลตามที่ต้องการ หรือไม่ สามารถแก้ปัญหาในช้ันเรียนหรือพัฒนาผู้เรียนไดจ้ ริงหรือไม่การประสทิ ธิภาพของนวัตกรรมมี หลายวิธี เช่น 4.1 การตรวจสอบโดยผู้เช่ยี วชาญ 4.2 การบรรยายคณุ ภาพ 4.3 การคานวณค่ารอ้ ยละของผู้เรียน 4.4 การหาประสทิ ธิภาพของนวตั กรรม 4.5 การประเมินสอ่ื มัลติมเี ดยี ข้ันตอนที่ 5 ปรบั ปรงุ นวตั กรรม หลังจากที่หาประสิทธิภาพของนวัตกรรมที่สร้างขั้น ไม่ว่าจะโดยวิธีการใดก็ตามควรนาความ คิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเล่านั้นมาปรับปรุงนวัตกรรมให้มีคุณภาพเหมาะสมที่จะนาไปใช้ในห้องเรียน ได้มากข้ึน โดยเฉพาะค่าหาประสทิ ธิภาพโดยการให้ผู้เช่ียวชาญช่วยตรวจและการบรรยายคณุ ภาพก่อน การทดลองใช้และหลงั การทดลองใช้กับผู้เรียนกลุ่มเล็กจะทาให้ไดข้ ้อมูลทช่ี ัดเจนและเปน็ รายละเอียดที่ จะปรับปรุงนวตั กรรมได้งา่ ยขนึ้ 2.8 กำรวิจัยเพ่อื พัฒนำคุณภำพกำรศึกษำ สถานศึกษาต้องกาหนดให้การวิจัยเป็นกระบวนการส่วนหนึ่งของการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการ เรียนรู้และพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาของสถานศึกษาดว้ ยการใช้การวิจยั เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ 1. วิเคราะห์มาตรฐานการปฏิบัติงานงานมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นพื้นฐาน ปัญหาและความ ต้องการเพือ่ กาหนดทศิ ทางและวิสัยทศั น์ และแนวทางการแกไ้ ข ผดงุ พฒั นาสู่ ความย่งั ยืน 2. จัดทาแผนพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาโรงเรียนระยะปานกลาง 3-5 ปี แผนปฏิบัตกิ ารประจาปี 3. ดาเนนิ การตามแผน 4. นิเทศ ติดตาม ประเมินผลการพัฒนา พบปญั หาความตอ้ งการพัฒนาตอ้ งทาวิจัย 4.1 วิเคราะห์ปญั หา การพฒั นา 4.2 วางแผนการแก้ปญั หา การพฒั นา 4.3 จัดกิจกรรมแก้ไขปัญหา การพัฒนา 4.4 เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ขอ้ มลู นิสิตช้ันปีที่ 2 ปีการศึกษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 176

การปฏิบตั กิ ารวชิ าชพี การบริหารการศกึ ษาในหน่วยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 2.9 กำรบรหิ ำรจดั กำรสถำนศกึ ษำเป็นองคก์ รแห่งกำรเรยี นรู้ การพัฒนาองค์การไปสู่การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ จาเป็นต้องผสานแนวคิดทั้งหมดไว้ ดว้ ยกนั สามารถแบ่งเปน็ ข้ันตอนต่างๆ ประกอบดว้ ย 1) การสร้างบรรยากาศแบบเปิดให้สมาชิกในองค์การได้มีโอกาสทราบถึงความจาเป็นและ ประโยชน์ของการเปล่ยี นแปลง เพื่อมุ่งไปสกู่ ารเปน็ องค์การแห่งการเรียนรู้ 2) ทาการพัฒนาวินัยท้ัง 5 ประการ แก่สมาชิกทุกคนในองค์การ เพื่อเป็นการปรับพื้นฐาน วิธีการคิดและวิธกี ารปฏิบัตติ ่อตนเองและต่อองค์การ 3) ทาการพัฒนาองค์การเรียนรู้ในระดับองค์การ คือ การสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานและ ระบบงานต่างๆให้พร้อมตอ่ การเรียนรู้ 4) ทาการพัฒนาตวั ผู้นาให้เกิดทกั ษะตา่ งๆต่อการเป็นผู้นาที่มคี วามเปน็ เลศิ 5) กาหนดรปู แบบของการพฒั นาองค์การแห่งการเรียนรู้ ทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและส่วนรวม ในสว่ นทีเ่ กี่ยวกับหน้าทีแ่ ละความรับผิดชอบ 6) กาหนดมาตรการในการถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะ เข้าสู่การปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่ รบั ผิดชอบ โดยเปน็ ลักษณะของงานที่ท้าทายและการสนบั สนนุ 7) พัฒนาและส่งเสริมระบบการทางานเปน็ ทีม โดยดาเนนิ การอย่างเป็นระบบ 2.10 กำรสร้ำงแรงจูงใจใหค้ รแู ละบคุ คลำกรทำงกำรศึกษำในกำรปฏิบัติงำน แรงจูงใจเป็นปัจจัยหนึ่งในหลายๆ ปัจจัยที่ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมของคนในการทางานว่า ทาไมคนจึงขยนั มานะพากเพียรและปฏิบัติงานได้ดี แรงจงู ใจจึงมบี ทบาทสาคญั ดังต่อไปนี้ แรงจูงใจ สามารถช่วยอธิบายถึงสาเหตุของพฤติกรรมและพยากรณ์พฤติกรรมของบุคคลได้ แรงจูงใจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทาให้เข้าใจว่า ทาไมคนถึงมีพฤติกรรมเช่นนี้ อะไรเป็นส่ิงที่จูงใจทาให้คน มุ่งม่ันที่จะกระทาพฤติกรรมนั้น นอกจากนี้แรงจูงใจยังช่วยอธิบายถึงความมานะพากเพียรในการ กระทาพฤติกรรมและทาพฤติกรรมหรือกิจกรรมน้ันอย่างกระตือรือร้นเตม็ กาลงั ความสามารถ ดังนั้น การทราบถึงสิง่ จูงใจหรือแรงผลกั ดันทีอ่ ยู่เบอื้ งหลังของพฤติกรรมที่บุคคลแสดงออก จะเป็นประโยชน์ อย่างยิง่ ในดา้ นการบริหารจัดการในการเสาะแสวงหาวิธกี ารทีจ่ ะทาให้บุคคลมพี ฤติกรรมที่ต้องการ แรงจูงใจ ช่วยอธิบายความแตกต่างระหว่างบุคคล เช่น ทาไมบางคนมีความเพียรพยายามที่ จะทาพฤติกรรมหรือกิจกรรมต่างๆ ให้บรรลุเป้าหมาย ในขณะที่บางคนไม่มีความเพียรพยายามที่จะ ฝ่าฟันอุปสรรคให้บรรลุเป้าหมาย ตลอดจนเข้าใจว่าทาไมบางคร้ังบคุ คลถึงทาพฤติกรรมหรือกิจกรรม นี้ ในขณะที่บางเวลาพฤติกรรมนีจ้ ะไมเ่ กิดขนึ้ เลย นอกจากนีบ้ ุคคลแตล่ ะคนอาจทาพฤติกรรมเดียวกันดว้ ยเหตุผลทีแ่ ตกต่างกัน เนื่องจากบคุ คล เหล่านั้นมีแรงจูงใจในการทาพฤติกรรมนั้นแตกต่างกัน เช่น จากการศึกษาวิจัยคนงานในโรงงานซึ่ง นิสิตชนั้ ปีที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลยั พะเยา 177

การปฏบิ ตั กิ ารวชิ าชีพการบริหารการศกึ ษาในหนว่ ยงานทางการศกึ ษา สานักงานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 เป็นพนักงานระดับล่าง พบว่า ความต้องการเงินและความมั่นคงในการทางานเป็นส่ิงสาคัญในการ ทางาน ดังนั้นในการจงู ใจให้กลุ่มบคุ คลนีม้ ีความขยนั ขนั แข็งในการทางาน ผู้บริหารอาจใช้มาตรการใน เรื่องเงินจูงใจพนักงานในการปฏิบัติงาน ในขณะที่พนักงานระดับสูง ส่ิงจูงใจในการทางานที่สาคัญ ได้แก่ ความสาเร็จและการได้รับการยกย่อง เพื่อที่พนักงานปฏิบัติงานได้ดีจะได้คงระดับความ พยายามในการทางานต่อไป แรงจูงใจช่วยให้บุคคล หน่วยงานหรือองค์การบริหารจัดการให้บุคคลหรือกลุ่มมีแรงจูงใจทีจ่ ะ กระทาพฤติกรรมที่พึงประสงค์ได้ โดยอาศยั แนวคิดแรงจงู ใจ ซึ่งการจงู ใจมหี ลายประเภท อาจอาศัย การจูงใจประเภทต่างๆ ผสมผสานประกอบกันหรือเลือกใช้วิธีการจูงใจวิธีการใดวิธีการหนึ่งให้ เหมาะสมกับบุคคล กลุ่มสถานการณ์และโอกาส เช่น สร้างกระบวนการจูงใจในการทางานโดยการ ตอบสนองความต้องการของบุคคลได้อย่างเหมาะสม ใช้ส่ิงจูงใจในทางบวกและทางลบในการจูงใจ บุคคล จูงใจบุคคลโดยการกาหนดเป้าหมาย ให้ความเป็นธรรม มีสว่ นร่วมและรบั ผิดชอบในการทา ทากิจกรรมต่าง ๆ การจูงใจมีความสาคัญในการที่จะช่วยกระตุ้นให้บุคคลกระทาพฤติกรรมต่างๆ ที่พึงประสงค์ ด้วยความเต็มใจและพอใจ เช่น หัวหน้างานอาจใช้วิธีการจูงใจลูกน้องให้ใช้ส่ิงแวดล้อมและพลังงาน ต่างๆ ในหน่วยงานของตนอย่างคุ้มค่าและไม่ส้นิ เปลอื ง โดยอาจอาศยั แนวคิดเรื่องแรงจูงใจดว้ ยความ เป็นธรรมและความคาดหวังมาใช้ โดยลูกน้องรับรู้ว่าส่วนที่ตนเองช่วยประหยัดในการใช้ส่ิงแวดล้อม และพลังงานในหน่วยงานของตนนั้น จะได้รับผลตอบแทนกลับคืนมาเป็นเงินบางส่วนที่จะร่วมแบ่งปนั กัน ถ้าทุกคนร่วมมือกันประหยัดการใช้พลังงานให้มาก ก็ยิ่งได้ผลตอบแทนกลับคืนมามากตามด้วย ในทานองเดียวกันหัวหน้าหน่วยงานอาจใช้การจูงใจโดยการกาหนดเป้าหมาย ให้พนักงานร่วมกัน กาหนดเป้าหมายที่เฉพาะร่วมกันในการนาวัสดบุ างอย่างหมนุ เวียนกลับมาใช้ใหม่ โดยเป้าหมายทีว่ าง ไว้เป็นเป้าหมายที่ไม่ยากหรือง่ายเกินไป เมื่อพนักงานสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ร่วมกันได้ พนักงานต่างรับรู้ว่าตนเองมีความสามารถในการทาพฤติกรรม ส่ิงเหล่านี้จะช่วยจูงใจให้พนักงานมี ความเพียรพยายามที่จะกระทาพฤติกรรมนตี้ ่อไป 2.11 ภำษำองั กฤษเพ่อื กำรสือ่ สำร ภาษาอังกฤษเพื่อการส่ือสาร เป็นเพียงหนึ่งภาษา ที่ทุกคนสามารถติดต่อส่ือสารกบั คนบนโลก ใบนี้ เนื่องจากปัจจุบันเรามีการติดต่อส่ือสารกับผู้คนที่หลากหลาย ดังน้ัน ภาษาอังกฤษจึงมี ความสาคัญและจาเปน็ อยา่ งมากทีจ่ ะต้องใช้ในยุคปจั จุบนั นิสติ ชนั้ ปที ี่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 วทิ ยาลัยการศกึ ษา มหาวิทยาลัยพะเยา 178

การปฏิบัติการวิชาชีพการบริหารการศกึ ษาในหน่วยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพืน้ ที่การศกึ ษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ภำคผนวก ซ หนงั สือที่ ศธ 04131/1249 ลงวนั ท่ี 11 เมษำยน 2565 เรอ่ื ง ขอส่งตัวนสิ ิตเขำ้ ฝึกประสบกำรณ์ ด้ำนกำรบรหิ ำรกำรศึกษำ นสิ ติ ช้ันปที ่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 วิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 179

การปฏิบัตกิ ารวชิ าชีพการบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 นิสิตชัน้ ปที ี่ 2 ปีการศึกษา 2564 วิทยาลัยการศกึ ษา มหาวิทยาลัยพะเยา 180

การปฏบิ ตั ิการวชิ าชีพการบริหารการศกึ ษาในหน่วยงานทางการศกึ ษา สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ภำคผนวก ฌ ประวัติส่วนตวั ของนิสติ นสิ ติ ช้นั ปีที่ 2 ปีการศึกษา 2564 วทิ ยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลยั พะเยา 181

การปฏิบตั กิ ารวิชาชพี การบริหารการศกึ ษาในหน่วยงานทางการศึกษา สานกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ประวัติส่วนตัวของนิสิต ชื่อ – สกุล นางสาวนฤมล ปปู ินตา รหัสนิสิต 63204296 สถานท่ศี ึกษา สาขาวิชาการบริหารการศึกษา วิทยาลยั การศึกษา สถานทท่ี างาน มหาวิทยาลยั พะเยา สงั กัด โรงเรียนชุมชนบ้านฟ่อนวิทยา ประวตั กิ ารศึกษา สานกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลาปาง เขต 1 ระดบั ปรญิ ญาตรี ครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏลาปาง นิสิตชนั้ ปีที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 วิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา 182

การปฏิบัตกิ ารวชิ าชีพการบริหารการศึกษาในหนว่ ยงานทางการศึกษา สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาลาปาง เขต 1 นิสิตชัน้ ปที ี่ 2 ปีการศึกษา 2564 วิทยาลัยการศกึ ษา มหาวิทยาลัยพะเยา 183