101 ท 1.1 ม. 4–6/4 ท 1.1 ม. 4–6/5 ท 1.1 ม. 4–6/9 ท 5.1 ม. 4–6/1 ท 5.1 ม. 4–6/2 ท 5.1 ม. 4–6/3 ท 5.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/6 หน่วยที่ ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระการเรยี นรู้ จำนวน นำ้ หนกั ตัวชีว้ ัด (ช่ัวโมง) คะแนน 3 สามก๊ก ตอน กวนอไู ปรับราชการ ท 1.1 ม. 4–6/1 – การอา่ นเรือ่ ง สามกก๊ ตอน กวนอูไปรบั 5 10 กบั โจโฉ ท 1.1 ม. 4–6/2 ราชการกับโจโฉ ท 1.1 ม. 4–6/3 5 13 ท 1.1 ม. 4–6/4 ท 1.1 ม. 4–6/5 ท 5.1 ม. 4–6/1 ท 5.1 ม. 4–6/2 ท 5.1 ม. 4–6/4 4 สามัคคีเภทคำฉนั ท์ ท 1.1 ม. 4–6/1 การอา่ นเรอื่ ง สามัคคีเภทคำฉนั ท์ ท 1.1 ม. 4–6/3 ท 1.1 ม. 4–6/4 ท 1.1 ม. 4–6/5
5 พระครูวัดฉลอง ท 5.1 ม. 4–6/1 – การอ่านเรือ่ ง พระครูวดั ฉลอง 102 ท 5.1 ม. 4–6/2 ท 5.1 ม. 4–6/4 38 ท 5.1 ม. 4–6/6 ท 1.1 ม. 4–6/1 ท 1.1 ม. 4–6/3 ท 1.1 ม. 4–6/4 ท 1.1 ม. 4–6/5 ท 1.1 ม. 4–6/7 ท 1.1 ม. 4–6/8 ท 5.1 ม. 4–6/1 ท 5.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/5 หนว่ ยที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระการเรียนรู้ จำนวน น้ำหนกั ตัวชว้ี ดั (ชวั่ โมง) คะแนน 6 นิทานเวตาล เรื่องที่ 10 ท 1.1 ม.4–6/1 – การอา่ นนิทานเวตาล เรื่องที่ ๑๐ 38 ท 1.1 ม. 4–6/2 ท 1.1 ม. 4–6/3 ท 1.1 ม. 4–6/4 ท 1.1 ม. 4–6/5 ท 1.1 ม. 4–6/6 ท 5.1 ม. 4–6/1
7 กาพย์เหเ่ รือ ท 5.1 ม. 4–6/4 – การอา่ นบทร้อยกรองเรื่อง กาพย์เห่เรือ 103 8 นริ าศพระบาท ท 1.1 ม. 4–6/1 38 ท 1.1 ม. 4–6/2 ท 1.1 ม. 4–6/4 38 ท 1.1 ม. 4–6/5 ท 1.1 ม. 4–6/7 ท 1.1 ม. 4–6/8 ท 5.1 ม. 4–6/1 ท 5.1 ม. 4–6/2 ท 5.1 ม. 4–6/3 ท 5.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/5 ท 5.1 ม. 4–6/6 ท 1.1 ม. 4–6/1 – การอ่านบทร้อยกรองเรื่อง นิราศพระบาท ท 1.1 ม. 4–6/3 ท 1.1 ม. 4–6/5 ท 1.1 ม. 4–6/9 ท 5.1 ม. 4–6/1 ท 5.1 ม. 4–6/2 ท 5.1 ม. 4–6/3 ท 5.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/6 หน่วยที่ ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระการเรยี นรู้ จำนวน น้ำหนกั ตัวชี้วัด (ชั่วโมง) คะแนน 9 หลายชีวิต ท 1.1 ม. 4–6/1 – การอ่านเรอ่ื งสั้นเร่ือง หลายชีวิต 38 ท 1.1 ม. 4–6/2 ตอน เจ้าลอย ท 1.1 ม. 4–6/3 ท 1.1 ม. 4–6/4
10 บทร้อยกรอง ท 1.1 ม. 4–6/5 – การอ่านบทรอ้ ยกรองเรอ่ื ง ราตรี 104 ท 1.1 ม. 4–6/6 – การอา่ นบทรอ้ ยกรองเรือ่ ง เปบิ ขา้ ว ท 1.1 ม. 4–6/9 – การอา่ นบทร้อยกรองเร่ือง สวรรค์ช้นั กวี 5 13 ท 5.1 ม. 4–6/1 40 100 ท 5.1 ม. 4–6/4 รวม ท 1.1 ม. 4–6/1 ท 1.1 ม. 4–6/3 ท 1.1 ม. 4–6/4 ท 1.1 ม. 4–6/6 ท 1.1 ม. 4–6/8 ท 1.1 ม. 4–6/9 ท 5.1 ม. 4–6/1 ท 5.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/5 ท 5.1 ม. 4–6/6
105 คำอธบิ ายรายวิชา รายวชิ า ภาษาไทย 3 รหสั วชิ า ท 32101 ภาคเรียนที่ 1 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 เวลา 2 ชัว่ โมง/สัปดาห์ จำนวน 1 หนว่ ยกติ อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ ประเภทตา่ ง ๆ และบทรอ้ ยกรองประเภท รา่ ย กาพย์ และฉนั ท์ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ไพเราะและเหมาะสมกับเรื่องที่อา่ น อ่านตีความ แปลความ ขยายความ และตอบคำถามจาก เรือ่ งที่อา่ น วเิ คราะหแ์ ละวิจารณเ์ รื่องท่ีอา่ นในทุก ๆ ด้านอย่างมีเหตุผล อ่านเรื่องต่าง ๆ แลว้ เขยี นผังความคิด ย่อความ หรือรายงาน มีความรู้ความเขา้ ใจเกีย่ วกับหลักการอ่าน ตระหนกั ในความสำคญั ของการอ่าน รวมท้งั มี มารยาทและมนี สิ ยั รกั การอ่าน เขยี นสอื่ สารในรปู แบบตา่ ง ๆ ไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ โดยใชภ้ าษาเรยี บเรยี งถกู ต้อง มขี ้อมูลและ สาระสำคญั ชดั เจน เขยี นเรียงความแสดงความคิดเชิงสรา้ งสรรค์ ยอ่ ความจากสอื่ ทีม่ ีรูปแบบและเนอ้ื หาท่ี หลากหลาย ประเมนิ งานเขียนของผอู้ น่ื แล้วนำมาพัฒนางานเขียนของตนเองและมมี ารยาทในการเขยี น สรุปแนวคดิ แสดงความคิดเหน็ วิเคราะหแ์ นวคิด การใช้ภาษาและความน่าเช่ือถือจากเร่อื งทีฟ่ ัง และดูอยา่ งมเี หตผุ ล มวี จิ ารณญาณในการเลอื กเรื่องที่ฟงั และดู สามารถประเมนิ เรอื่ งท่ีฟังและดเู พอื่ กำหนด แนวทางนำไปประยุกตใ์ ชใ้ นการดำเนนิ ชวี ติ พดู ในโอกาสตา่ ง ๆ ด้วยภาษาถกู ตอ้ งเหมาะสมรวมทั้งมีมารยาทใน การฟงั การดแู ละการพูด
106 ศกึ ษาความเกย่ี วข้องระหว่างวฒั นธรรมกับภาษา ลักษณะของภาษา สว่ นประกอบของภาษา องค์ประกอบของพยางคแ์ ละคำ คำและสำนวน การร้อยเรยี งประโยค เพื่อสามารถใช้คำและกลุ่มคำ สร้าง ประโยคตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ มีความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั การแตง่ บทรอ้ ยกรอง และแตง่ บทรอ้ ยกรองประเภท รา่ ยยาว ศึกษาวรรณคดี และวรรณกรรม แล้วสามารถวิเคราะห์ วจิ ารณ์ตามหลักการเบื้องต้น วิเคราะห์ลักษณะ เดน่ เกยี่ วกับเหตุการณ์ประวัตศิ าสตรแ์ ละวิถชี วี ติ ของสงั คมในอดตี วเิ คราะหแ์ ละประเมนิ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ด้านสงั คมและวฒั นธรรม สงั เคราะหข์ อ้ คิดจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมเพือ่ นำไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตจริง ทอ่ งจำ และบอกคุณค่าบทอาขยานตามทก่ี ำหนด และบทรอ้ ยกรองท่ีมคี ณุ คา่ ตามความสนใจและนำไปใชอ้ ้างองิ เห็นคณุ ค่าของภาษาไทย ตระหนกั ในความสำคัญทจ่ี ะตอ้ งช่วยกนั อนุรกั ษภ์ าษาไทยในฐานะมรดกของ ชาติ รูจ้ ักพฒั นาตนเองเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความรู้ และทกั ษะทางภาษาไทย เพื่อนำไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั และมี คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ รหสั ตัวช้ีวัด ท 1.1 ม. 5/1 ม. 5/2 ม. 5/3 ม. 5/6 ม. 5/7 ม. 5/9 ท 2.1 ม. 5/1 ม. 5/2 ม. 5/3 ม. 5/7 ม. 5/8 ท 3.1 ม. 5/5 ม. 5/6 ท 4.1 ม. 5/1 ม.5/2 ม. 5/4 ม. 5/6 ท 5.1 ม. 5/1 ม. 5/2 ม.5/3 ม.5/4 ม. 5/6 รวมทง้ั หมด 22 ตวั ช้วี ัด โครงสร้างรายวชิ า
รหสั ท 32101 รายวิชา ภาษาไทย 107 ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย เวลาเรียน 40 ช่วั โมง (1 หนว่ ยกิต) หน่วยท่ี ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระการเรียนรู้ จำนวน น้ำหนกั ตัวชีว้ ัด (ชั่วโมง) คะแนน 1 การใชค้ ำและกล่มุ คำสร้างประโยค ท 4.1 ม. 4–6/1 – พลังของภาษา 4 10 ท 4.1 ม. 4–6/2 – การใชค้ ำ – การใช้กลุ่มคำ 4 12 – การใช้สำนวน – การเขียนสะกดคำ 33 35 2 วิเคราะหแ์ ละสังเคราะห์ประโยค ท 4.1 ม. 4–6/2 – องค์ประกอบของสารหรอื ขอ้ ความ 35 – การแบ่งชนดิ ของประโยคตามเจตนาของผู้ ส่งสาร – ประโยคความซอ้ นหรอื สงั กรประโยค – ประโยคความรวมหรอื อเนกรรถประโยค – ความสมั พนั ธ์ระหว่างส่วนประกอบกับความ หมายของประโยค 3 อทิ ธิพลของภาษาถ่ินและ ท 4.1 ม. 4–6/5 – ภาษาตา่ งประเทศ ภาษาต่างประเทศในภาษาไทย – ภาษาถ่ิน 4 การใชค้ ำราชาศพั ท์ ท 4.1 ม. 4–6/3 – คำราชาศัพท์ 5 การพัฒนาทกั ษะการฟงั และการดู ท 3.1 ม. 4–6/1 – หลักการฟงั และดูอย่างวิเคราะหว์ ิจารณ์ (บูรณาการปรชั ญาเศรษฐกจิ ท 3.1 ม. 4–6/2 – การแสดงความคดิ เห็น วเิ คราะห์ วิจารณ์ พอเพยี ง) ท 3.1 ม. 4–6/3 ท 3.1 ม. 4–6/4 จากการฟังและการดู ท 3.1 ม. 4–6/6 – การนำความรู้ทไี่ ด้จากการฟงั และการดสู ่ือ รปู แบบตา่ ง ๆ ไปใช้แก้ไขปัญหา – มารยาทในการฟังและการดู
108 หน่วยที่ ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระการเรียนรู้ จำนวน นำ้ หนกั ตวั ชวี้ ดั (ชัว่ โมง) คะแนน 6 การพูดให้สมั ฤทธผิ ล ท 3.1 ม. 4–6/5 – การพูดต่อหน้าประชุมชน 5 15 ท 3.1 ม. 4–6/6 – การพูดเชิญชวน – การพูดทางวิชาการ – การพูดแสดงทศั นะ – การพูดเพ่ือจรรโลงใจ – การใช้กิรยิ าท่าทาง ภาษาและการแสดงออก ในการพูด – มารยาทในการพดู 7 การพฒั นาทักษะการอา่ น ท 1.1 ม. 4–6/1 – การพฒั นาการอ่านโดยใช้แหล่งความรู้ 5 15 ท 1.1 ม. 4–6/2 – การอา่ นแสดงความคดิ เหน็ และประเมนิ ค่า ท 1.1 ม. 4–6/3 - การอา่ นแสดงความคดิ เห็นและ ท 1.1 ม. 4–6/4 ประเมนิ ค่าวรรณกรรมรอ้ ยกรอง - การอา่ นแสดงความคิดเหน็ และ ประเมินค่าร้อยแกว้ – การอ่านอย่างมวี จิ ารณญาณ – การเลอื กอา่ นหนงั สือ
109 หน่วยท่ี ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระการเรยี นรู้ จำนวน นำ้ หนกั ตัวชว้ี ดั (ช่ัวโมง) คะแนน 8 ความร้เู พอื่ การพฒั นาทักษะการเขียน ท 2.1 ม. 4–6/1 – กระบวนการเขยี นและกระบวนการคดิ ท่ีมี 10 25 ท 2.1 ม. 4–6/2 ประสทิ ธภิ าพ 3 10 ท 2.1 ม. 4–6/3 – การใชถ้ อ้ ยคำสำนวนในการเขียน ท 2.1 ม. 4–6/4 – แหลง่ ข้อมูลในการเขียน ท 2.1 ม. 4–6/5 – การเขยี นเพ่อื กิจธุระ ท 2.1 ม. 4–6/6 - จดหมายธุรกจิ ท 2.1 ม. 4–6/7 - การเขยี นประกาศ - การจดบนั ทกึ ารประชมุ – การเขยี นเชิงวชิ าการ - บทความเชงิ วิชาการ - เรยี งความเชงิ วิชาการ – การเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์ - การเขยี นย่อความ - การเขยี นคำกลา่ วในโอกาสต่าง ๆ - การเขียนพรรณนา - การเขยี นบรรยาย - การเขยี นบอกเล่าเรอื่ งราว - การแต่งคำประพันธ์ (กาพย์ ฉนั ท)์ 9 ภูมิปญั ญาทางภาษา ท 4.1 ม. 4–6/5 – ความหมายของวัฒนธรรม ท 4.1 ม. 4–6/6 – มนุษยก์ ับวฒั นธรรม ท 5.1 ม. 4–6/3 – ความหลากหลายของวฒั นธรรม ท 5.1 ม. 4–6/4 – เอกลกั ษณ์ทางวฒั นธรรม ท 5.1 ม. 4–6/5 – ภาพสะทอ้ นวฒั นธรรมจากภาษาไทย
110 – ภาษาไทยมาตรฐาน 40 100 – ความนยิ มในการใช้ถ้อยคำคลอ้ งจองในภาษา ไทย – ภาษากับการพฒั นาและสบื ทอดวัฒนธรรม – วรรณคดกี บั วัฒนธรรม – ภาษาถิน่ กับวัฒนธรรม รวม คำอธิบายรายวชิ า รายวชิ า ภาษาไทย 4 รหสั วชิ า ท 32102 ภาคเรียนที่ 2 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 เวลา 2 ชว่ั โมง/สัปดาห์ จำนวน 1 หน่วยกติ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วประเภทต่าง ๆ และบทร้อยกรอง โคลง กาพย์ รา่ ย ลิลิต ไดอ้ ย่างถูกต้อง ไพเราะและเหมาะสมกับเรอ่ื งท่อี า่ น อา่ นตีความ แปลความ ขยายความเร่ืองทอ่ี ่าน คาดคะเนเหตุการณจ์ าก เรอื่ งทอี่ ่านและประเมินคา่ เพ่ือนำความรู้ ความคิดไปใชต้ ัดสินใจแก้ปัญหาในการดำเนินชีวติ วิเคราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นโต้แยง้ เก่ียวกับเรื่องทีอ่ ่าน และเสนอความคิดใหม่อย่างมีเหตุผล อ่านเรอ่ื งตา่ ง ๆ แลว้ เขียนผัง ความคดิ ยอ่ ความและรายงาน สังเคราะหค์ วามรู้จากการอา่ น สอ่ื ส่งิ พิมพ์ ส่อื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ และแหลง่ เรียนรู้ ต่าง ๆ มาพัฒนาตน พัฒนาการเรียน และพัฒนาความรู้ของตน รวมทง้ั มีมารยาทในการอ่าน
111 เขยี นสือ่ สารในรูปแบบตา่ ง ๆ ได้ตรงตามวตั ถุประสงค์ โดยใช้ภาษาเรียบเรยี งถกู ต้อง มขี ้อมลู และ สาระสำคัญชัดเจน เขียนเชิงวชิ าการ เขยี นเชงิ กจิ ธรุ ะ เขียนเรียงความเกีย่ วกบั โลกสาธารณะยอ่ ความจากสอ่ื ท่ีมี รูปแบบและเนือ้ ทห่ี ลากหลาย ผลติ งานเขียนของตนเองในรูปแบบต่าง ๆ ประเมนิ งานเขียนของผู้อนื่ แล้วนำมา พฒั นางานเขียนของตนเองและมมี ารยาทในการเขยี น สรปุ แนวคดิ แสดงความคิดเหน็ วิเคราะห์แนวคดิ การใช้ภาษาและความน่าเช่อื ถือจากเร่อื งท่ฟี ังและดู อยา่ งมเี หตุผล มีวิจารณญาณในการเลือกเรอ่ื งทฟี่ ังและดู สามารถประเมนิ เร่ืองท่ฟี ังและดเู พือ่ กำหนดแนวทาง นำไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ จรงิ พดู ในโอกาสต่าง ๆ ด้วยภาษาถูกต้องเหมาะสม รวมทง้ั มีมารยาทในการฟงั การดู และการพูด ศึกษากระบวนการพฒั นาการส่ือสารเกี่ยวกบั ความคดิ กบั ภาษา คุณธรรมและมารยาทในการสือ่ สาร มี ความรูค้ วามเข้าใจเกี่ยวกับการแตง่ บทร้อยกรอง และแตง่ บทร้อยกรอง ประเภท ร่ายสุภาพ โคลงสภุ าพ และ กาพยย์ านี 11 ศกึ ษาวรรณคดี และวรรณกรรม โดยวิเคราะห์ วจิ ารณ์ตามหลักการเบอ้ื งต้น วเิ คราะหล์ กั ษณะเดน่ เกีย่ วกับเหตกุ ารณป์ ระวัติศาสตร์และวิถีชวี ติ ของสังคมในอดตี วเิ คราะหแ์ ละประเมนิ คุณค่าด้านวรรณศลิ ป์ ดา้ น สงั คมและวัฒนธรรม สังเคราะห์ขอ้ คดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรมเพือ่ นำไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวิตจริง ทอ่ งจำ และบอกคณุ ค่าบทอาขยานตามที่กำหนด และบทรอ้ ยกรองทมี่ ีคุณคา่ ตามความสนใจและนำไปใช้อ้างองิ เห็นคณุ ค่าของภาษาไทย ตระหนักในความสำคัญทจี่ ะตอ้ งชว่ ยกนั อนรุ กั ษภ์ าษาไทยในฐานะมรดกของ ชาติ รู้จกั พัฒนาตนเองเพ่อื ใหเ้ กดิ ความรู้ และทกั ษะทางภาษาไทย เพอื่ นำไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั และมี คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ รหสั ตวั ชี้วัด ท 1.1 ม. 5/1 ม. 5/2 ม. 5/4 ม. 5/5 ม. 5/6 ม. 5/8 ม. 5/9 ท 2.1 ม. 5/1 ม. 5/2 ม. 5/3 ม. 5/4 ม. 5/5 ม. 5/6 ม. 5/8 ท 3.1 ม. 4/1 ม. 5/2 ม. 5/3 ม. 5/4 ม.5/5 ม. 5/6 ท 4.1 ม. 5/4 ม.5/5 ม. 5/6
112 ท 5.1 ม. 5/1 ม. 5/2 ม. 5/3 ม. 5/4 ม. 5/6 รวมทง้ั หมด 28 ตวั ช้ีวัด โครงสรา้ งรายวชิ า รหัส ท 32102 รายวชิ า ภาษาไทย กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 5 เวลาเรยี น 40 ชวั่ โมง (1 หนว่ ยกิต) หน่วยที่ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระการเรยี นรู้ จำนวน นำ้ หนกั ตัวช้ีวดั (ชั่วโมง) คะแนน 1 ความรทู้ ั่วไปเกย่ี วกับวรรณคดีและ ท 1.1 ม. 4–๖/1 – ความรเู้ ก่ียวกบั วรรณคดีและวรรณกรรม 4 10 วรรณกรรมสมัยอยุธยาตอนกลาง ท 1.1 ม. 4–๖/2 สมัยอยธุ ยาตอนกลาง ตอนปลาย และสมัย ตอนปลาย และสมัยธนบรุ ี ท 1.1 ม. 4–๖/3 ธนบรุ ี 4 10 ท 1.1 ม. 4–๖/4 – แนวทางในการอา่ นและพจิ ารณาวรรณคดี ท 1.1 ม. 4–๖/6 และวรรณกรรม ท 1.1 ม. 4–๖/8 -ประวตั ิวรรณคดแี ละวรรณกรรมสมัยอยุธยา ท 5.1 ม. 4–๖/1 ตอนกลาง ท 5.1 ม. 4–๖/2 -ประวตั วิ รรณคดแี ละวรรณกรรมสมัยอยุธยา ท 5.1 ม. 4–๖/3 ตอนปลาย ท 5.1 (ม. 4–๖/4 -ประวตั วิ รรณคดแี ละวรรณกรรมสมยั ธนบรุ ี ท 5.1 ม. 4–๖/5 ท 5.1 ม. 4–๖/6 2 นมสั การมาตาปิตคุ ณุ และนมัสการ ท 1.1 ม. 4–6/1 – การอ่านเรือ่ ง นมสั การมาตาปิตคุ ุณ และ อาจรยิ คุณ ท 1.1 ม. 4–6/3 นมัสการอาจรยิ คณุ ท 1.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/1 -แนวทางในการวิจารณ์วรรณคดีและ ท 5.1 ม. 4–6/2 วรรณกรรม ท 5.1 ม. 4–6/3 ท 5.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/5 ท 5.1 ม. 4–6/6
113 หนว่ ยที่ ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระการเรียนรู้ จำนวน นำ้ หนกั ตัวชี้วัด (ชวั่ โมง) คะแนน 3 บทละครพูดคำฉนั ท์ เร่อื ง ท 1.1 ม. 4–6/1 – การอ่านเร่ือง บทละครพดู คำฉนั ท์ เรือ่ ง 5 10 มัทนะพาธา ท 1.1 ม. 4–6/2 มทั นะพาธาเปน็ วรรณคดที ี่แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ท 1.1 ม. 4–6/3 อิทธิพลของความรัก มกี ลวธิ ใี นการแต่งบท ท 1.1 ม. 4–6/4 ละครพูดคำฉันท์ทีย่ อดเยยี่ ม มคี วามไพเราะ ท 1.1 ม. 4–6/5 ลึกซึง้ กินใจ สะท้อนให้เหน็ คณุ ค่าดา้ น ท 5.1 ม. 4–6/1 วรรณศลิ ป์อย่างชัดเจน และควรแก่การนำมา ท 5.1 ม. 4–6/2 ท่องเปน็ บทอาขยาน สามารถนำคุณคา่ และ ท 5.1 ม. 4–6/3 ข้อคิดท่ไี ด้ไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตจริงให้เกิด ท 5.1 ม. 4–6/4 ประโยชน์ได้ ท 5.1 ม. 4–6/5 -แนวทางในการวิจารณว์ รรณคดแี ละ ท 5.1 ม. 4–6/6 วรรณกรรม 4 โคลนตดิ ลอ้ ตอน ความนยิ มเป็น ท 1.1 ม. 4–6/1 – การอ่านเรื่อง โคลนติดลอ้ ตอน ความนิยม 4 10 เสมียน ท 1.1 ม. 4–6/3 เปน็ เสมียน เป็นบทความแสดงความคิดเห็น ท 1.1 ม. 4–6/4 ท 1.1 ม. 4–6/5 เกี่ยวกับคา่ นิยมของคนไทยในสมยั รัชกาลที่ 6 ท 5.1 ม. 4–6/1 ซึ่งนยิ มอาชพี เสมียนมากกวา่ การกลบั ไปทำ ท 5.1 ม. 4–6/2 เกษตรกรรมยังภูมลิ ำเนาของตนเอง นำเสนอ ท 5.1 ม. 4–6/3 ด้วยการใชภ้ าษาทเี่ รยี บง่าย แตค่ งไวซ้ ึง่ ศลิ ปะ ท 5.1 ม. 4–6/4 แห่งการใช้ภาษา รวมทั้งยังเป็นภาพสะทอ้ น สภาพสงั คมในสมัยนน้ั ได้ เปน็ อยา่ งดี และ สามารถนำข้อคิดและคุณค่าท่ีไดร้ บั ไป
114 ประยุกตใ์ ช้ในชีวติ จริงให้เกิดประโยชน์ได้ -แนวทางในการวจิ ารณ์วรรณคดแี ละ วรรณกรรม หน่วยที่ ช่อื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระการเรียนรู้ จำนวน นำ้ หนกั ตัวชีว้ ัด (ชั่วโมง) คะแนน 5 ลิลติ ตะเลงพา่ ย ท 1.1 ม. 4–6/1 – การอา่ นเรือ่ ง ลิลติ ตะเลงพ่าย เป็น 8 20 ท 1.1 ม. 4–6/2 วรรณคดีเฉลมิ พระเกยี รติสมเด็จพระนเรศวร ท 1.1 ม. 4–6/3 มหาราช มคี ณุ คา่ ดา้ นการใชภ้ าษาที่วจิ ิตร ท 1.1 ม. 4–6/4 งดงามและควรแก่การทอ่ งจำเป็นบทอาขยาน ท 1.1 ม. 4–6/5 เพอื่ นำไปใชอ้ า้ งอิง ทัง้ น้สี ามารถเช่ือมโยง ท 5.1 ม. 4–6/1 ความรทู้ างประวัติศาสตร์และวฒั นธรรม ท 5.1 ม. 4–6/2 รวมท้ังปลุกจติ สำนึกให้เกิดความรกั ชาติและ ท 5.1 ม. 4–6/3 ตระหนักถึงความเสียสละของบรรพบุรษุ ไทย ท 5.1 ม. 4–6/4 ใหค้ ุณค่าทีส่ ามารถนำไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิต ท 5.1 ม. 4–6/5 จริงใหเ้ กิดประโยชนไ์ ด้ ท 5.1 ม. 4–6/6 -แนวทางในการวิจารณว์ รรณคดีและ วรรณกรรม 6 มงคลสตู รคำฉันท์ ท 5.1 ม.4-6/1 -มงคลสตู รคำฉันท์ กล่าวถงึ มงคล 38 5 10 ท 5.1 ม.4-6/3 ประการ อนั เป็นพระสูตรหนง่ึ ใน
115 ท 5.1 ม.4-6/4 พระไตรปิฎก ซ่ึงเป็นพระธรรมคำสอนทจี่ ะ นำมาเพ่ือความสขุ ความเจรญิ ก้าวหนา้ 7 พระราชพธิ สี บิ สองเดอื น ท 1.1 ม. 4–6/2 -พระราชพิธีสิบสองเดือน กล่าวถึงพระราชพธิ ี 2 10 พระราชพธิ ีเดือนแปด ท 1.1 ม. 4–6/3 สำคญั ในเดือนแปด ท 1.1 ม. 4–6/4 ท 1.1 ม. 4–6/5 ท 1.1 ม. 4–6/7 ท 1.1 ม. 4–6/9 ท 5.1 ม. 4–6/1 ท 5.1 ม. 4–6/2 ท 5.1 ม. 4–6/3 ท 5.1 ม. 4–6/4 หน่วยท่ี ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระการเรยี นรู้ จำนวน น้ำหนกั ตวั ชี้วดั (ชั่วโมง) คะแนน 8 มหาเวสสันดรชาดก กณั ฑ์มัทรี ท 1.1 ม. 4–6/1 – การอ่านเร่อื ง มหาเวสสันดรชาดก 8 20 ท 1.1 ม. 4–6/3 กณั ฑ์มัทรี เป็นสำนวนของเจา้ พระยาพระ ท 1.1 ม. 4–6/4 คลงั (หน) ได้รับยกยอ่ งวา่ เปน็ สำนวนท่ีแต่งดี ท 1.1 ม. 4–6/5 เลอื กใช้ภาษาทว่ี ิจติ รงดงาม สะท้อนให้เห็น ท 5.1 ม. 4–6/1 คุณค่าดา้ นวรรณศลิ ปอ์ ย่างชัดเจน และควร ท 5.1 ม. 4–6/2 แกก่ ารนำมาท่องเป็นบทอาขยาน ทงั้ นี้ ท 5.1 ม. 4–6/3 สามารถสอื่ ถงึ อารมณส์ ะเทือนใจทแ่ี สดงถึง ท 5.1 ม. 4–6/4 ความรกั ของแม่ท่ีตอ่ ลกู และเห็นถงึ การ
116 ท 5.1 ม. 4–6/5 บรจิ าคทานอนั ย่งิ ใหญข่ องพระเวทสนั ดร ซงึ่ ท 5.1 ม. 4–6/6 สามารถนำคุณคา่ และข้อคดิ ท่ไี ด้ไปประยุกตใ์ ช้ ในชีวิตจริงให้เกิดประโยชนไ์ ด้เปน็ อยา่ งดี รวม 40 100
117 คำอธิบายรายวชิ า รายวิชาภาษาไทย 5 รหสั วิชา ท 33101 ภาคเรยี นท่ี 1 ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 2 ชัว่ โมง/สัปดาห์ จำนวน 1 หน่วยกิต อา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ ประเภทต่าง ๆ และบทร้อยกรองประเภท โคลง กาพย์ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ไพเราะและเหมาะสมกับเร่ืองที่อา่ น อ่านตคี วาม แปลความ ขยายความ และตอบคำถามจากเรอ่ื งทอ่ี ่าน วเิ คราะห์และวจิ ารณเ์ รือ่ งทอี่ า่ นในทุก ๆ ดา้ นอย่างมเี หตุผล อ่านเรอื่ งตา่ ง ๆ แลว้ เขยี นผังความคิด ยอ่ ความ หรือรายงาน มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับหลกั การอ่าน ตระหนักในความสำคัญของการอ่าน รวมทง้ั มมี ารยาท และมีนิสัยรักการอา่ น เขียนสื่อสารในรปู แบบตา่ ง ๆ ไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ โดยใช้ภาษาเรียบเรียงถกู ตอ้ มีข้อมลู และ สาระสำคญั ชดั เจน เขียนเรยี งความแสดงความคิดเชิงสรา้ งสรรค์ ยอ่ ความจากสอ่ื ท่ีมีรปู แบบและเน้ือหาที่ หลากหลาย ประเมนิ งานเขยี นของผูอ้ น่ื แลว้ นำมาพฒั นางานเขยี นของตนเองและมีมารยาทในการเขยี น สรปุ แนวคิด แสดงความคิดเหน็ วเิ คราะหแ์ นวคดิ การใชภ้ าษาและความน่าเชอื่ ถอื จากเรอ่ื งทฟ่ี ัง และดูอยา่ งมเี หตุผล มวี ิจารณญาณในการเลือกเรื่องทฟี่ ังและดู สามารถประเมินเรอื่ งท่ีฟังและดเู พื่อกำหนด แนวทางนำไปประยุกตใ์ ช้ในการดำเนนิ ชวี ิต พูดในโอกาสตา่ ง ๆ ด้วยภาษาถกู ต้องเหมาะสม รวมท้ังมมี ารยาทใน การฟงั การดูและการพูด ศกึ ษาเกยี่ วกบั พนั ธกิจของภาษา ธรรมชาตขิ องภาษา อิทธิพลของภาษาตา่ งประเทศและภาษาถน่ิ และ แนวทางการใชภ้ าษาให้เหมาะแกก่ าลเทศะและบุคคล เพือ่ ใหม้ ีความเข้าใจ เกดิ ทักษะในการสอ่ื สารอย่างมี ประสิทธภิ าพ
118 ศึกษาวรรณคดี และวรรณกรรม โดยวิเคราะห์ วจิ ารณต์ ามหลักการเบื้องต้น วิเคราะหล์ กั ษณะเดน่ เก่ยี วกบั เหตุการณ์ประวัตศิ าสตร์และวิถชี วี ติ ของสังคมในอดีต วิเคราะหแ์ ละประเมินคณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์ ดา้ น สังคมและวฒั นธรรม สงั เคราะห์ขอ้ คดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนำไปประยกุ ต์ใช้ในชีวิตจรงิ รวบรวม วรรณกรรมพ้นื บ้าน และอธิบายภูมปิ ัญญาทางภาษาเกีย่ วกับวัฒนธรรมทางภาษาและภาษาถ่นิ ท่องจำและบอก คณุ ค่าบทอาขยานตามทกี่ ำหนด และบทรอ้ ยกรองท่ีมคี ุณค่าตามความสนใจและนำไปใชอ้ ้างอิง เหน็ คณุ ค่าของภาษาไทย ตระหนักในความสำคญั ทีจ่ ะตอ้ งชว่ ยกันอนุรักษ์ภาษาไทยในฐานะมรดกของ ชาติ รูจ้ กั พฒั นาตนเองเพ่ือใหเ้ กดิ ความรู้ และทักษะทางภาษาไทย เพอ่ื นำไปใชใ้ นชีวิตประจำวัน และมี คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ รหสั ตวั ชี้วัด ท 1.1 ม.6/1 ม.6/2 ม.6/3 ม.6/4 ม.6/5 ม.6/6 ม.6/7 ม.6/8 ม.6/9 ท 2.1 ม.6/1 ม.6/3 ม.6/4 ม.6/5 ม.6/7 ม.6/8 ท 3.1 ม.6/1 ม.6/2 ม.6/3 ม.6/4 ม.6/5 ม.6/6 ท 4.1 ม.6/1 ม.6/3 ม.6/5 ท 5.1 ม.6/1 ม.6/2 ม.6/3 ม.6/4 ม.6/5 ม.6/6 รวมท้ังหมด 30 ตวั ช้ีวดั โครงสร้างรายวิชา รหสั ท 33101 รายวิชา ภาษาไทย กลุม่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 เวลาเรยี น 40 ชวั่ โมง (1 หนว่ ยกิต)
119 หนว่ ยท่ี ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระการเรยี นรู้ จำนวน นำ้ หนกั ตัวช้วี ัด (ชวั่ โมง) คะแนน 1 มนุษย์กับภาษา ท 4.1 ม. 4–6/1 – ความสำคญั ของภาษา 38 ท 4.1 ม. 4–6/2 - กำเนิดของภาษา - ประโยชนข์ องภาษา - อทิ ธพิ ลของภาษา – ความงามกับภาษา - การเลอื กคำ - การเรียงคำ - การใช้โวหาร 2 ภาษากับการสื่อสาร ท 1.1 ม. 4–6/4 – ระดบั ภาษา 3 8 ท 1.1 ม. 4–6/8 – การร้อยเรียงประโยค 3 การพัฒนาความคดิ แสดงออกเป็น ท 1.1 ม. 4–6/9 - การเพิม่ คำ ภาษา ท 4.1 ม. 4–6/2 – การสรา้ งคำในภาษาไทย ท 4.1 ม. 4–6/3 – การประเมินการใชภ้ าษาจากส่ือสิ่งพิมพแ์ ละ ท 4.1 ม. 4–6/7 ส่อื อิเล็คทรอนกิ ส์ – คุณธรรมและมารยาทในการส่ือสาร ท 1.1 ม. 4–6/3 – ภาษากบั ความคดิ 5 13 ท 1.1 ม. 4–6/4 - ความหมายของการคดิ และความคดิ ท 1.1 ม. 4–6/5 - ภาษากับการแสดงความคดิ และการใช้ ท 4.1 ม. 4–6/1 ความคิด - ทิศทางในการคิด - อปุ สรรคของการคิด – การใชภ้ าษาพัฒนาความคิด - บทบาทของภาษาในการพฒั นาความคิด - วิธคี ดิ - การคดิ เพ่ือการแกป้ ญั หา – เหตุผลกบั ภาษา - โครงสร้างของการแสดงเหตุผล
120 หนว่ ยท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระการเรียนรู้ จำนวน น้ำหนกั ตวั ช้วี ัด (ชั่วโมง) คะแนน - ภาษาท่ีใช้ในการแสดงเหตผุ ล 38 - วิธกี ารแสดงเหตุผลและการอนมุ าน - เหตแุ ละผล 6 16 4 การพฒั นาการฟังและดู ท 3.1 ม. 4–6/1 – การฟงั และดูอยา่ งมีวจิ ารณญาณ 5 การพดู ใหส้ มั ฤทธผิ ล ท 3.1 ม. 4–6/2 • กระบวนการฟงั ท 3.1 ม. 4–6/4 • การพัฒนาวิจารณญาณโดยฟังสาร ท 3.1 ม. 4–6/6 ประเภทตา่ ง ๆ – มารยาทในการฟังและดู ท 3.1 ม. 4–6/5 – การใชว้ ิจารณญาณในการพดู ท 3.1 ม. 4–6/6 – การพดู ในโอกาสต่าง ๆ - การอภิปราย - การพูดแสดงความคดิ เหน็ หรอื วพิ ากษ์ วิจารณ์ - การสมั ภาษณ์ - การโตว้ าที - การพูดอธบิ าย - การพูดเจรจาต่อรอง – มารยาทในการพูด 6 การพัฒนาทักษะการอา่ น ท 1.1 ม. 4–6/1 – การพฒั นาการอา่ น 6 16 ท 1.1 ม. 4–6/2 - การอา่ นตคี วาม ท 1.1 ม. 4–6/3 - การอา่ นแปลความ ท 1.1 ม. 4–6/4 - การอ่านขยายความ ท 1.1 ม. 4–6/5 - การอา่ นวเิ คราะห์ ท 1.1 ม. 4–6/6 - การอา่ นแสดงความคดิ เห็นและวิจารณ์ ท 1.1 ม. 4–6/8 - การประเมินค่า ท 1.1 ม. 4–6/9 – การท่องจำคำประพนั ธ์ – การพจิ ารณาเลอื กอา่ นหนังสอื - การอา่ นเร่อื งสน้ั - การอา่ นบทกวี
121 หน่วยที่ ช่ือหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้/ สาระการเรยี นรู้ จำนวน นำ้ หนกั ตวั ชี้วดั (ช่วั โมง) คะแนน - การอา่ นสารคดี 10 26 - การอ่านบทวจิ ารณ์ 45 – ความร้จู ากการอา่ น - สื่อส่งิ พิมพ์ - สือ่ อเิ ล็คทรอนิกส์ - แหล่งเรยี นรตู้ ่าง ๆ 7 การพฒั นาทกั ษะการเขียน ท 2.1 (ม. 4–6/1) – ความสำคัญของการเขียน (บูรณาการปรชั ญาเศรษฐกิจ ท 2.1 (ม. 4–6/2) – กระบวนการเขยี น พอเพียง) ท 2.1 (ม. 4–6/3) – การเขียนเพ่อื กจิ ธุระ ท 2.1 (ม. 4–6/4) ท 2.1 (ม. 4–/5) - จดหมายกจิ ธรุ ะ ท 2.1 (ม. 4–6/6) - จดหมายธรุ กจิ - ยอ่ ความ – การเขียนเชงิ วิชาการ - การเขียนโครงงาน – การเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์ - เรยี งความ - นิทาน - บนั เทิงคดี - สารคดี - การเขียนวจิ ารณ์ 8 ภูมิปญั ญาทางภาษา ท 1.1 ม. 4–6/1 - การเขียนโนม้ นา้ วใจ - การแต่งคำประพันธ์ (ฉนั ท,์ รา่ ย) – วรรณกรรมพ้นื บา้ น
ท 1.1 ม. 4–6/2 – เพลงพืน้ บ้าน 122 ท 1.1 ม. 4–6/3 – ความเชื่อและโชคลาง ท 1.1 ม. 4–6/4 – คำกล่าวในพิธีกรรม 40 100 ท 1.1 ม. 4–6/5 ท 1.1 ม. 4–6/6 รวม ท 5.1 ม. 4–6/5 คำอธิบายรายวิชา รายวชิ า ภาษาไทย 6 รหัสวชิ า ท 33102 ภาคเรยี นที่ 2 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 เวลา 2 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ จำนวน 1 หน่วยกติ อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วประเภทตา่ ง ๆ และบทรอ้ ยกรอง ประเภท เสภาและฉันท์ ไดอ้ ย่างถูกต้อง ไพเราะและเหมาะสมกบั เรื่องที่อา่ น อา่ นตคี วาม แปลความ ขยายความเรอ่ื งที่อ่าน คาดคะเนเหตุการณ์จาก เร่ืองที่อ่านและประเมนิ ค่าเพ่ือนำความรู้ ความคิดไปใชต้ ัดสนิ ใจแก้ปญั หาในการดำเนินชวี ติ วเิ คราะห์ วิจารณ์ แสดงความคิดเหน็ โต้แย้งเกย่ี วกับเรื่องท่อี ่าน และเสนอความคิดใหม่อยา่ งมีเหตุผล อ่านเรอื่ งต่าง ๆ แล้วเขยี นผัง ความคิด ยอ่ ความและรายงาน สังเคราะหค์ วามรู้จากการอ่าน สอื่ สิง่ พมิ พ์ สื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ และแหล่งเรียนรู้ ต่าง ๆ มาพฒั นาตน พัฒนาการเรยี น และพฒั นาความร้ขู องตน รวมท้งั มมี ารยาทในการอ่าน เขยี นส่ือสารในรูปแบบต่าง ๆ ไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ โดยใชภ้ าษาเรยี บเรียงถกู ตอ้ ง มีข้อมูลและ สาระสำคัญชดั เจน เขียนเรียงความ แสดงความคิดเชงิ สรา้ งสรรค์ ยอ่ ความจากสือ่ ที่มรี ปู แบบและเน้ือท่ี
123 หลากหลาย ผลติ งานเขียนของตนเองในรูปแบบต่าง ๆ ประเมนิ งานเขยี นของผ้อู ืน่ แลว้ นำมาพฒั นางานเขียน ของตนเองและมมี ารยาทในการเขียน สรุปแนวคิด แสดงความคิดเห็น วิเคราะห์แนวคดิ การใช้ภาษาและความน่าเช่อื ถือจากเร่ืองทฟ่ี ังและดู อย่างมเี หตุผล มวี จิ ารณญาณในการเลือกเร่อื งท่ฟี ังและดุ สามารถประเมนิ เรอ่ื งท่ฟี งั และดูเพ่อื กำหนดแนวทาง นำไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจริง รวมท้งั มมี ารยาทในการฟัง การดูและการพดู วเิ คราะหแ์ ละประเมนิ การใชภ้ าษา จากสอ่ื สิ่งพมิ พ์ และส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ มีความรู้ ความเข้าใจ เก่ยี วกบั บทร้อยกรองประเภท ฉันท์ และแตง่ บทร้อยกรองประเภท ฉนั ท์ ศกึ ษาวรรณคดี และวรรณกรรม โดยวเิ คราะห์ วจิ ารณต์ ามหลกั การเบอ้ื งตน้ วิเคราะห์ลักษณะเด่น เกี่ยวกบั เหตกุ ารณป์ ระวตั ิศาสตร์และวถิ ีชวี ติ ของสังคมในอดตี วิเคราะหแ์ ละประเมินคุณคา่ ด้านวรรณศลิ ป์ ด้าน สังคมและวัฒนธรรม สงั เคราะหข์ อ้ คดิ จากวรรณคดีและวรรณกรรมเพื่อนำไปประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตจริง รวบรวม วรรณกรรมพ้นื บา้ น และอธบิ ายภูมปิ ัญญาทางภาษาเก่ยี วกับวัฒนธรรมทางภาษาและภาษาถ่นิ ทอ่ งจำและบอก คณุ ค่าบทอาขยานตามท่ีกำหนด และบทร้อยกรองที่มีคุณค่าตามความสนใจและนำไปใชอ้ ้างอิง เห็นคุณค่าของภาษาไทย ตระหนกั ในความสำคัญทจี่ ะต้องชว่ ยกนั อนุรักษ์ภาษาไทยในฐานะมรดกของ ชาติ ร้จู ักพัฒนาตนเองเพอื่ ให้เกิดความรู้ และทักษะทางภาษาไทย เพ่อื นำไปใช้ในชวี ติ ประจำวัน และมี คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ รหัสตวั ช้ีวัด ม.6/1 ม.6/2 ม.6/3 ม.6/4 ม.6/5 ม.6/6 ม.6/7 ม.6/8 ม.6/9 ท 1.1 ม.6/1 ม.6.2 ม.6/4 ม.6/8 ท 2.1 ม.6/1 ม.6/2 ม.6/3 ม.6/4 ม.6/5 ม.6/6 ท 3.1 ม.6/4 ม.6/7 ท 4.1 ม.6/1ม.6/2 ม.6/3 ม.6/4 ม.6/5 ม.6/6 ท 5.1
124 รวมทง้ั หมด 27 ตัวชี้วัด โครงสร้างรายวชิ า รหัส ท 33102 รายวิชา ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 เวลาเรียน 40 ชั่วโมง (1 หนว่ ยกิต) หน่วยที่ ชื่อหนว่ ยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระการเรยี นรู้ จำนวน นำ้ หนกั ตัวช้วี ดั (ช่วั โมง) คะแนน 1 ความรู้ทวั่ ไปเกย่ี วกับวรรณคดแี ละ ท 1.1 ม. 4–6/1 – ความรู้เกย่ี วกบั วรรณคดแี ละวรรณกรรม 4 10 วรรณกรรมสมยั รัตนโกสนิ ทร์ ท 1.1 ม. 4–6/2 สมัยรตั นโกสนิ ทร์ ท 1.1 ม. 4–6/5 – แนวทางในการอ่านและพิจารณาวรรณคดี 6 15 ท 1.1 ม. 4–6/6 และวรรณกรรม ท 1.1 ม. 4–6/8 ท 5.1 ม. 4–6/1 ท 5.1 ม. 4–6/2 ท 5.1 ม. 4–6/3 ท 5.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/6 2 เสภาเรือ่ งขนุ ช้างขุนแผน ตอน ท 1.1 ม. 4–6/1 – การอ่านเรือ่ ง เสภาเรอ่ื งขุนชา้ งขุนแผน ขนุ ชา้ งถวายฎกี า ท 1.1 ม. 4–6/3 ตอน ขุนช้างถวายฎกี า ท 1.1 ม. 4–6/4 ท 1.1 ม. 4–6/5 ท 1.1 ม. 4–6/9 ท 5.1 ม. 4–6/1 ท 5.1 ม. 4–6/2 ท 5.1 ม. 4–6/3
125 ท 5.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/6 หน่วยท่ี ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระการเรยี นรู้ จำนวน นำ้ หนกั ตวั ช้วี ดั (ชัว่ โมง) คะแนน 3 ไตรภมู ิพระรว่ ง ท 1.1 ม. 4–6/1 – การอา่ นเรื่อง ไตรภมู ิพระร่วง 8 15 ท 1.1 ม. 4–6/2 ท 1.1 ม. 4–6/3 4 10 ท 1.1 ม. 4–6/5 ท 5.1 ม. 4–6/1 ท 5.1 ม. 4–6/2 ท 5.1 ม. 4–6/3 ท 5.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/5 ท 5.1 ม. 4–6/6 4 นิราศนรนิ ทร์ ท 1.1 ม. 4–6/1 – การอ่านเรอ่ื ง นริ าศนรนิ ทร์ ท 1.1 ม. 4–6/2 ท 1.1 ม. 4–6/3 ท 1.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/1 ท 5.1 ม. 4–6/2 ท 5.1 ม. 4–6/3 ท 5.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/5
126 5 คำภีร์ฉนั ทศาสตร์ แพทยศ์ าสตร์ ท 5.1 ม. 4–6/6 – การอา่ นเรื่อง คำภรี ์ฉันทศาสตร์ 6 15 สงเคราะห์ แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ นับเปน็ ตำราแพทย์ ท 1.1 ม. 4–6/1 แผนไทยที่ได้รับการยอมรบั และใช้เปน็ แนว ท 1.1 ม. 4–6/2 ทางการรักษาแผนไทยมาจนถึงปัจจบุ ัน และ ท 1.1 ม. 4–6/3 สะท้อนให้เห็นความงามทางด้านวรรณศลิ ป์ ท 1.1 ม. 4–6/4 ควรแก่การนำมาทอ่ งเป็นบทอาขยาน ท้งั ท 5.1 ม. 4–6/1 ยงั ใหค้ ุณค่าทางสงั คมวฒั นธรรมและสามารถ ท 5.1 ม. 4–6/2 เชอื่ มโยงให้เขา้ กบั องคค์ วามรูด้ า้ นแพทย์แผน ท 5.1 ม. 4–6/3 ไทยในทอ้ งถน่ิ และนำไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จรงิ ท 5.1 ม. 4–6/4 ไดเ้ ป็นอย่างดี ท 5.1 ม. 4–6/5 ท 5.1 ม. 4–6/6 หน่วยที่ ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้/ สาระการเรียนรู้ จำนวน น้ำหนกั ตวั ช้ีวดั (ชว่ั โมง) คะแนน 6 หวั ใจชายหนมุ่ ท 1.1 ม. 4–6/1 – การอ่านเร่อื ง หัวใจชายหนุ่ม 4 10 ท 1.1 ม. 4–6/2 ท 1.1 ม. 4–6/3 6 15 ท 1.1 ม. 4–6/5 ท 5.1 ม. 4–6/1 ท 5.1 ม. 4–6/2 ท 5.1 ม. 4–6/3 ท 5.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/5 ท 5.1 ม. 4–6/6 7 มหาชาตหิ รอื มหาเวสสันดรชาดก ท 1.1 ม. 4–6/1 – การอ่านเร่ือง มหาชาติหรือมหาเวสสนั ดร ท 1.1 ม. 4–6/2 ชาดก ท 1.1 ม. 4–6/3 ท 1.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/1
8 ขตั ตยิ พนั ธกรณี ท 5.1 ม. 4–6/2 – การอา่ นเรื่อง ขตั ตยิ พันธกรณี 127 ท 5.1 ม. 4–6/3 รวม ท 5.1 ม. 4–6/4 2 10 ท 5.1 ม. 4–6/5 40 100 ท 5.1 ม. 4–6/6 ท 1.1 ม. 4–6/1 ท 1.1 ม. 4–6/2 ท 1.1 ม. 4–6/3 ท 1.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/1 ท 5.1 ม. 4–6/2 ท 5.1 ม. 4–6/3 ท 5.1 ม. 4–6/4 ท 5.1 ม. 4–6/5 ท 5.1 ม. 4–6/6 คำอธบิ ายรายวชิ า รายวชิ า วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ รหสั วิชา ท 30201 เวลา 40 ชัว่ โมงต่อภาคเรยี น จำนวน 1.0 หน่วยกิต ศึกษา ความหมาย ประวตั คิ วามเปน็ มา ลักษณะรูปแบบ ประเภทและจุดมุ่งหมายของวรรณกรรม ท้องถ่ิน โดยการอธิบาย บรรยาย ศึกษาเกยี่ วกับเพลงพื้นบา้ นของภาคตา่ งๆ ในดา้ นเนอื้ หาสาระ วเิ คราะห์ คุณค่าของวรรณกรรมทอ้ งถิน่ แต่ละประเภทในท้องถนิ่ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคเหนือและภาคอีสาน เพอื่ ให้
128 เหน็ คณุ ค่า ตระหนกั และเกิดความรกั หวงแหนในวรรณกรรมท้องถิน่ ของชาติ อนั ถอื เปน็ เอกลกั ษณ์และ วฒั นธรรมทางภาษาทด่ี งี ามควรคา่ แก่การอนุรักษ์และสบื ทอดในฐานะทีเ่ ป็นภมู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ ภมู ิปัญญาไทยให้ คงอย่สู บื ไป ผลการเรียนรู้ 1. วิเคราะหล์ ักษณะของวรรณกรรมทอ้ งถนิ่ และการถา่ ยทอดได้ 2. เหน็ คุณค่าและความสำคญั ของวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ทม่ี ตี ่อสังคมไทย 3. อธบิ ายรูปแบบและเนื้อหาของวรรณกรรมท้องถน่ิ ไดอ้ ย่างสงั เขป 4. อธิบายความหมายและลกั ษณะของวรรณกรรมทอ้ งถิน่ ได้ 5. อธิบายสว่ นประกอบและจำแนกประเภทปริศนาคำทายได้ 6. ใช้สำนวนและภาษติ ได้ถกู ต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ 7. วิเคราะห์และจำแนกประเภทของเพลงพืน้ บา้ นได้ 8. เห็นคุณค่าและความสำคญั ของเพลงพ้ืนบา้ นในแตล่ ะภาคของไทย 9. จำแนกประเภทวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ของแต่ละภาคได้ 10. ตระหนักในคุณค่าและความสำคญั ของวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ในภาคของตน 11. เล่าเร่อื งสรปุ วรรณกรรมท้องถนิ่ เรือ่ งเด่นในภาคของตนได้ 12. มีสว่ นร่วมในการอนุรกั ษแ์ ละเผยแพรว่ รรณกรรมทอ้ งถ่ิน รวมท้ังหมด 12 ผลการเรยี นรู้
129 โครงสร้างรายวิชา รหัส ท 30201 รายวชิ า วรรณกรรมท้องถ่นิ กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลาเรียน 40 ชวั่ โมง (1 หนว่ ยกิต) ลำดับท่ี ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก (ชัว่ โมง) คะแนน 1 ความร้เู บื้องตน้ เร่อื ง 1. วเิ คราะหแ์ ละจำแนก คนไทยทุกภมู ิภาคไดส้ ืบทอด 4 10 วรรณกรรมท้องถ่นิ ประเภทวรรณกรรม วัฒนธรรมกันมาตงั้ แตส่ มัยโบราณ ท้องถิ่น ปรศิ นาคำทาย อย่างต่อเน่อื งและเน่ินนาน และเพลงพืน้ บา้ นได้ โดยเฉพาะการสบื ทอดวัฒนธรรมของ สงั คมส่วนรวม คอื มกี ารใช้ ภาษาไทยเหมือนกัน แตม่ ีสำเนียงท่ี แตกต่างกนั ออกไป เราเรียกวา่ ภาษาถนิ่ นอกจากนี้ยังมกี ารนบั ถือ พระพทุ ธศาสนาและมจี ารตี ประเพณีท่ี คล้ายคลงึ กัน อาจจะมีความแตกตา่ ง กนั ในรายละเอียดของวฒั นธรรมตาม
130 สภาพสงั คมและจารีตประเพณี พื้นบ้าน ซึ่งเราเรียกว่าวัฒนธรรม ท้องถ่ิน อนั ไดแ้ ก่ ภาษาถ่ินจารีต ประเพณที ้องถน่ิ และวรรณกรรม ท้องถิ่น 2 ปรศิ นาคำทาย 2. อธบิ ายรปู แบบ เนื้อหา วรรณกรรมทอ้ งถนิ่ ที่สืบต่อกนั มาโดย 6 15 สำนวน และภาษิต สว่ นประกอบของ ผ่านคนรนุ่ หนึ่งไปสคู่ นอีกร่นุ หนึง่ ด้วย วรรณกรรมท้องถิ่น วธิ ีเล่าสูก่ นั ฟงั ไม่มีการบนั ทึกเปน็ ลาย ปริศนาคำทายและเพลง ลักษณอ์ ักษร เราเรียกวา่ วรรณกรรม พ้นื บ้านได้ มุขปาฐะ วรรณกรรมประเภทนไี้ ด้ เป็นมรดกทางภูมิปัญญาของคนใน สงั คมสบื ตอ่ กันมาหลายยุคหลายสมัย วรรณกรรมมุขปาฐะท่ีสำคญั ไดแ้ ก่ ปริศนาคำทาย สำนวน ภาษติ ลำดับที่ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก (ชวั่ โมง) คะแนน
131 ปริศนาคำทาย เพลงพ้นื บา้ น นิทาน และตำนาน สำนวน และภาษติ พ้ืนบ้าน สว่ นวรรณกรรม ลายลักษณ์ คอื เรือ่ งราว นทิ าน นยิ าย ตำนาน ทชี่ าวบา้ นและพระภิกษไุ ด้คดั ลอกตอ่ กันมาโดยไมท่ ราบต้นกำเนดิ หรือ ผู้ประพนั ธ์ แต่ยอมรบั กันว่าเป็นมรดก อย่างหนึ่งของสงั คม 3 เพลงพน้ื บา้ น 1. วิเคราะหแ์ ละจำแนก เพลงพน้ื บ้านเปน็ วรรณกรรม 5 15 ประเภทวรรณกรรม มขุ ปาฐะที่แพรห่ ลายมากในกลมุ่ ทอ้ งถ่ิน ปริศนาคำทาย ชาวบา้ น เพราะเป็นวรรณกรรมท่ีให้ และเพลงพ้ืนบา้ นได้ ความบันเทงิ ใจแกบ่ คุ คล หมูค่ ณะ ครอบครวั และผู้รอ้ งลำ เพลง 4. ตระหนกั ในคุณค่า พื้นบ้านแต่ละภมู ภิ าคยอ่ มมีความ ความสำคัญของ แตกต่างกนั และย่อมองิ อยกู่ ับ วรรณกรรมท้องถ่ิน ฉันทลักษณข์ องท้องถ่ินนั้นๆ ในสมยั ปริศนาคำทาย เพลง อดีตเพลงพ้นื บา้ นเป็นสง่ิ ท่ใี หค้ วาม พ้นื บ้าน บันเทงิ ใจ แตป่ ัจจุบนั ไดค้ ่อยๆเลือน หายไปทา่ มกลางความเปลีย่ นแปลง ของกระแสสังคม การศกึ ษา วรรณกรรมท้องถนิ่ ประเภทเพลง พนื้ บา้ น จะทำใหเ้ ราได้รับรู้ถงึ ลักษณะ นิสยั ภูมปิ ญั ญา และสภาพสังคมใน ยุคสมัยนน้ั ผ่านเนอ้ื รอ้ งและทำนองอัน เปน็ เอกลักษณ์เฉพาะตนของแตล่ ะ ภูมภิ าค
132 ลำดับที่ ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั (ช่วั โมง) คะแนน 4 วรรณกรรมท้องถ่ิน 1. วิเคราะห์และจำแนก วรรณกรรมทอ้ งถิ่นภาคกลางมจี ำนวน 5 10 ภาคกลาง ประเภทวรรณกรรม มาก และแตล่ ะเรอื่ งยังมหี ลายสำนวน ท้องถิน่ ปรศิ นาคำทาย วรรณกรรมเหลา่ น้นั มที ้งั ทเี่ ป็น และเพลงพ้นื บ้านได้ วรรณกรรมมขุ ปาฐะ คือเลา่ สืบทอด 3. เลา่ เรอื่ งสรปุ ของ ต่อกนั มา โดยเฉพาะวรรณกรรม วรรณกรรมทอ้ งถิ่นท่เี ด่น ประเภทนิทาน นิยาย ทมี่ ีเนื้อเรอ่ื ง ในภาคของตนเองได้ สนุกสนานเพลดิ เพลนิ นั้น มักจะได้รับ การบนั ทึกเปน็ วรรณกรรมลายลกั ษณ์ 4. ตระหนักในคณุ ค่า ด้วย ฉันทลักษณ์ทีน่ ยิ มกันใน ความสำคัญของ สมยั นัน้ ๆ เช่น กลอนสวด กลอนบท วรรณกรรมท้องถิน่ ละคร กลอนเสภา กลอนนทิ าน รวมท้งั กลอนแหล่ เป็นต้น
133 ปริศนาคำทาย เพลง พืน้ บ้าน 5 วรรณกรรมท้องถนิ่ 1. วิเคราะห์และจำแนก วรรณกรรมทอ้ งถนิ่ ภาคเหนือได้ 5 10 ภาคเหนือ ประเภทวรรณกรรม เจรญิ รงุ่ เรืองมากในสมยั ราชวงศ์ ท้องถ่ิน ปรศิ นาคำทาย มังราย โดยเฉพาะในรชั สมัยพระเจ้า และเพลงพน้ื บ้านได้ ติโลกราช ( พ.ศ. 1985-2030) ได้มี 3. เล่าเรอื่ งสรุปของ การส่งเสริมพระพุทธศาสนาจนมี วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ทเ่ี ด่น นกั ปราชญ์มากมายทงั้ ฝา่ ยสงฆ์และ ในภาคของตนเองได้ ฝา่ ยฆราวาสนักปราชญ์ภาคเหนือ สมยั นัน้ มีความเจนจดั ทั้งภาษาบาลี 4. ตระหนักในคณุ ค่า และภาษาถิ่นเหนอื จึงได้สรา้ งผลงาน ความสำคญั ของ ดา้ นวรรณกรรมไวม้ ากมาย เช่น วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ สงั คายนาพระไตรปิฎกครัง้ ท่ี 8 (ของ ปรศิ นาคำทาย เพลง โลก) เม่ือ พ.ศ. 2020 อันเปน็ ปัจจัย พ้นื บา้ น สำคญั ที่สง่ เสรมิ ให้วรรณกรรม พระพุทธศาสนาเจรญิ รุ่งเรอื งในสมัย หลงั ตอ่ มา เชน่ ปญั ญาสชาดก จามเทวีวงศ์ ชินกาลมาลีปกรณ์ มูล ศาสนา และวรรณกรรมประเภทโคลง
134 ลำดบั ที่ ช่อื หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั (ชั่วโมง) คะแนน 6 วรรณกรรมท้องถิ่น 1. วเิ คราะหแ์ ละจำแนก วรรณกรรมอสี านส่วนใหญจ่ ะมเี น้อื หา 5 15 อีสาน ประเภทวรรณกรรม เป็นนิทาน แต่กวีมักจะนำมาประพันธ์ ทอ้ งถ่นิ ปรศิ นาคำทาย โดยปรบั ปรงุ ให้ตอบสนองความเชอื่ และเพลงพืน้ บ้านได้ ของท้องถ่ิน โดยใชธ้ รรมเนียมการ 3. เล่าเรื่องสรปุ ของ ประพนั ธ์แบบชาดก (วรรณกรรม วรรณกรรมท้องถิ่นทเ่ี ดน่ พระพุทธศาสนา) หรือนำสาระไป ในภาคของตนเองได้ อธิบายชือ่ บา้ นนามเมอื งในท้องถน่ิ (วรรณกรรมตำนานหรือ 4. ตระหนกั ในคณุ คา่ ประวตั ิศาสตร)์ ฉะนั้นวรรณกรรม ความสำคญั ของ อีสานจงึ มลี กั ษณะประสมประสานเมื่อ วรรณกรรมทอ้ งถ่ิน เทยี บกับวรรณกรรมภาคอนื่ ๆ การ ปริศนาคำทาย เพลง จัดจำแนกประเภทของวรรณกรรม พ้ืนบ้าน อสี านนั้นกระทำไดค้ อ่ นขา้ งยาก ท่จี ะ กำหนดชัดเจนลงไปว่าเปน็ วรรณกรรม ประเภทใด 7 วรรณกรรมทอ้ งถนิ่ 1. วเิ คราะห์และจำแนก วรรณกรรมทอ้ งถิ่นภาคใตม้ ีความ 5 10 ภาคใต้ ประเภทวรรณกรรม คลา้ ยคลงึ กับวรรณกรรมภาคกลาง ทอ้ งถน่ิ ปริศนาคำทาย มาก เน่อื งจากมกี ารสืบทอด และเพลงพน้ื บา้ นได้ วัฒนธรรมซึ่งกนั และกัน ฉะนนั้ 3. เลา่ เรอื่ งสรุปของ วรรณกรรมท้องถิน่ ภาคใตจ้ ึงมีจำนวน วรรณกรรมท้องถิน่ ที่เด่น หนึง่ ทค่ี ัดออกไปจากต้นฉบับภาคกลาง ในภาคของตนเองได้ สว่ นวรรณกรรมท่ีกวีท้องถน่ิ ภาคใตไ้ ด้ สรา้ งสรรคข์ ึ้นเองน้ัน กย็ ังพบว่าไดร้ ับ อิทธพิ ลของวรรณกรรมภาคกลางไม่
135 4. ตระหนักในคณุ ค่า น้อย เชน่ ฉนั ทลักษณ์ โครงเรื่อง ความสำคญั ของ อย่างไรกต็ ามกวที อ้ งถ่ินภาคใต้ได้เสนอ วรรณกรรมทอ้ งถิ่น เอกลักษณ์เฉพาะถ่ินอยู่โดยทั่วไป เช่น ปรศิ นาคำทาย เพลง โครงเรือ่ ง ฉันทลักษณ์ ทศั นะความ พืน้ บ้าน เช่ือและภาษาถน่ิ ใต้ ลำดับท่ี ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั (ช่วั โมง) คะแนน 8 การอนุรักษ์และ 1. ตระหนกั ในคณุ คา่ การอนรุ กั ษว์ รรณกรรมท้องถิ่น คือ 5 15 การสงวนหรอื ดำรงไว้ ส่วนการ เผยแพรว่ รรณกรรม ความสำคัญของ เผยแพร่น้นั หมายถึง กระทำให้ แพร่หลายและให้รับร้กู ันในวงกวา้ งแต่ ทอ้ งถิ่น วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ การเกบ็ รักษาไว้ สงวนไว้เพยี งอยา่ ง เดยี วนนั้ ไมใ่ ชก่ ารอนรุ กั ษ์ โดยเฉพาะ ปรศิ นาคำทาย เพลง วรรณกรรมมุขปาฐะ การอนุรักษค์ ือ การเลา่ สบื ต่อกันมา การขับลำในที่ พ้นื บา้ น
136 5. มีส่วนร่วมในการ ประชมุ ชน เพือ่ ให้อยู่ในความทรงจำ อนรุ ักษแ์ ละเผยแพร่ ของประชาชนทั่วไป ซง่ึ การเล่นการ วรรณกรรมท้องถนิ่ ขับลำการแสดงพื้นบา้ นต่างๆ กถ็ อื วา่ เป็นการอนุรกั ษไ์ ปดว้ ย ฉะนัน้ การ เผยแพรแ่ ละการอนรุ กั ษ์วรรณกรรม พน้ื บา้ นจงึ เปน็ กจิ กรรมเดยี วกัน คอื ย่งิ มกี จิ กรรมเผยแพร่มากเท่าไร เท่ากับยง่ิ เปน็ การอนรุ ักษม์ ากข้นึ รวม 40 100
137 คำอธบิ ายรายวิชา รายวิชา วรรณกรรมปจั จุบัน รหัสวชิ า ท 30202 เวลา 40 ชั่วโมงตอ่ ภาคเรียน จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต อา่ นงานประพนั ธ์ประเภทชีวประวัติ บทความ บทละครพดู เรือ่ งส้ัน นวนิยาย บทรอ้ ยกรอง ขนาดสนั้ พิจารณาการใช้คำข้อความ สำนวนโวหาร ประเด็นสำคญั ของเรือ่ ง แยกเนื้อหาท่ีแสดง อารมณ์ แสดงขอ้ เท็จจริงและความคิดเห็น เพอ่ื ให้เข้าใจสารของผู้แตง่ เกิดจินตนาการ เขา้ ใจถงึ ความ ไพเราะและความงามของวรรณกรรม ผลการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นทราบขอ้ ตกลงเก่ียวกบั การเรยี นการสอนวรรณกรรมปัจจบุ ัน 2. นักเรียนอธบิ ายความหมาย ของวรรณกรรมปัจจุบนั ได้ 3. นกั เรยี นอธบิ ายวิวัฒนาการของวรรณกรรมปจั จบุ นั ได้ 4. นกั เรยี นอธบิ ายความหมายของวรรณกรรมรว่ มสมยั ได้ 5. นักเรียนอธบิ ายความเหมือน/ความแตกตา่ งของวรรณกรรมไทยและวรรณกรรมร่วมสมยั ได้ 6. นักเรียนอธิบายสาเหตทุ ี่ทำใหว้ รรณกรรมเปลย่ี นแปลงได้ 7. นักเรยี นแบ่งประเภทของวรรณกรรมได้ 8. นักเรยี นแสดงทัศนะเกยี่ วกับวรรณกรรมไดอ้ ย่างมเี หตุผล 9. นักเรียนบอกแนวการอา่ นและพิจารณาวรรณกรรมได้ รวมทงั้ หมด 9 ผลการเรียนรู้
138 โครงสร้างรายวชิ า รหสั ท 30202 รายวิชา วรรณกรรมปจั จบุ นั กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 เวลาเรยี น 40 ชัว่ โมง (1 หน่วยกิต)
139 ลำดบั ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก (ชวั่ โมง) คะแนน 1 ความหมายและ -นกั เรยี นทราบ วรรณกรรมปจั จุบนั บง่ บอกวา่ มี 3 10 ขอบเขตของ ข้อตกลงเกย่ี วกับ เงือ่ นไขอยกู่ ับเวลา วรรณกรรมปจั จุบนั การเรียนการ วรรณกรรมปจั จบุ นั รียกอีกชือ่ สอนวรรณกรรม หน่ึงว่า “วรรณกรรมร่วม ปจั จุบนั สมยั ” การจะตดั สินวา่ -นกั เรียนอธิบาย วรรณกรรมใดเปน็ วรรณกรรม ความหมาย ของ ปัจจุบันจะตอ้ งมีปจั จัย วรรณกรรม ประกอบกนั ได้แก่ เรือ่ งเวลา ปัจจุบนั ได้ และลักษณะการเขยี น 2 วิวฒั นาการของ -นกั เรียนอธิบาย วิวัฒนาการของวรรณกรรม 8 15 วรรณกรรมปจั จบุ นั ววิ ฒั นาการของ ปัจจุบัน ท้งั รูปแบบและ วรรณกรรม เนอื้ หามเี ง่อื นไขอยู่กบั การ ปัจจุบนั ได้ เปล่ียนแปลงของสังคม 3 การอ่าน การ -นกั เรยี นแสดง การอา่ นหนังสอื เปน็ ส่ิงที่ 6 15 วิเคราะห์ และการ ทัศนะเกย่ี วกับ เพ่ิมพูนสตปิ ัญญา วจิ ารณ์ วรรณกรรมได้ ประสบการณ์ ความคดิ และ อย่างมีเหตผุ ล ประเทืองอารมณ์ หนงั สอื เกอื บทกุ เล่มมปี ระโยชนแ์ ก่ ผูอ้ า่ นไมแ่ ง่ใดกแ็ ง่หนง่ึ วยั ประสบการณแ์ ละความสนใจ ของผอู้ า่ นมีความสำคัญตอ่ การ
140 เลือกอ่านและการได้รับผล สะท้อนจากการอา่ นดว้ ย ลำดบั ท่ี ชือ่ หนว่ ยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก (ช่ัวโมง) คะแนน 4 สารคดี -นกั เรียนแสดง สารคดี (Non-Fiction) คือ 6 15 ทศั นะเก่ียวกับ วรรณกรรมที่มงุ่ แสดงความรู้ วรรณกรรมได้ ความคิด ความจรงิ ความ อยา่ งมเี หตุผล กระจา่ งแจ้งและเหตผุ ลเปน็ สำคญั -นักเรยี นบอก แนวการอา่ นและ พิจารณา วรรณกรรมได้
5 นวนยิ าย -นักเรยี นอธิบาย นวนยิ าย ( Novel ) คอื 5 141 สาเหตทุ ท่ี ำให้ เรื่องรอ้ ยแกว้ ขนาดยาว มี วรรณกรรม โครงเรือ่ งและตวั ละครแสดง 15 เปลย่ี นแปลงได้ พฤตกิ รรมตา่ งๆ อย่างสมจริง ทส่ี ุด แม้จะเปน็ เร่ืองสมมุตขิ น้ึ -นกั เรียนแสดง ก็ตาม มีลกั ษณะที่แตกต่างจาก ทศั นะเก่ียวกับ เรื่องสน้ั อย่างเหน็ ได้ชดั คือ วรรณกรรมได้ อย่างมีเหตุผล 6 เร่ืองส้นั -นักเรียนอธิบาย เร่อื งสั้น(Short Story) คือ 4 15 สาเหตุทีท่ ำให้ เรอื่ งที่กลา่ วถงึ วิกฤตการณ์ วรรณกรรม อย่างหนึ่งซง่ึ มีตวั ละคร เปลี่ยนแปลงได้ เก่ยี วขอ้ งน้อยท่ีสดุ และ คลีค่ ลายวิกฤตการณ์น้ันจน -นกั เรยี นแสดง บรรลผุ ลเพยี งอย่างเดียวใน ทศั นะเกี่ยวกับ เวลาทสี่ ัน้ ทส่ี ดุ วรรณกรรมได้ อย่างมเี หตุผล -นกั เรียนบอก แนวการอ่านและ พิจารณา วรรณกรรมได้
142 ลำดบั ท่ี ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก (ชว่ั โมง) คะแนน 7 กวีนิพนธ์ -นกั เรยี นแสดง กวีนิพนธ์ คือรูปแบบทาง 8 15 ทศั นะเกีย่ วกบั ศลิ ปะทมี่ นษุ ย์ใชภ้ าษา เพอ่ื วรรณกรรมได้ คุณประโยชน์ด้านสุนทรยี ะ ซงึ่ อยา่ งมีเหตุผล เพิม่ เติมจากเนื้อหาทาง ความหมาย นับเปน็ ส่วนหนง่ึ -นักเรยี นบอก ของวรรณกรรม โดยเปน็ คำ แนวการอ่านและ ประพันธ์ทกี่ วีแต่งเป็นงานเขยี น พิจารณา ทม่ี ีวรรณศิลป์ เรา้ ใหส้ ะเทือน วรรณกรรมได้ อารมณ์ได้[ รวม 40 100
143
144 คำอธบิ ายรายวิชา รายวชิ า การเขียน 1 รหัสวิชา ท 30203 เวลา 40 ชวั่ โมงตอ่ ภาคเรยี น จำนวน 1.0 หน่วยกิต ศึกษาและฝกึ ปฏิบัตกิ ารเขยี นรูปแบบต่างๆ โดยใช้ภาษาสำนวนโวหารเหมาะสมกับเน้ือเรือ่ งและ โอกาสในการผกู ประโยค เขียนยอ่ หน้า เขียนข้อความหลายย่อหน้า เขียนบันทกึ เขยี นจดหมาย เขียน รายงาน เขียนเรยี งความ เขียนย่อความ แต่งรอ้ ยกรองประเภท โคลง กลอน กาพย์ โดยใช้ กระบวนการเขียน พัฒนางานเขียนอย่างมคี ณุ ธรรม มีมารยาทในการเขียน มีนสิ ัยรกั การเขียน การศึกษาค้นควา้ เพื่อพัฒนางานเขียน และประเมนิ คณุ ค่างานเขียนตามหลักการประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. มคี วามรู้ความเข้าใจเก่ยี วกับการผกู ประโยค 2. นำความรู้เกีย่ วกบั การผกู ประโยคไปใชใ้ นการเขียนสือ่ สารไดถ้ กู ตอ้ ง 3. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกบั ลกั ษณะการย่อหน้าและสามารถเขียนยอ่ หน้ารูปแบบตา่ งๆได้อย่าง ถูกต้อง 4. มีความรคู้ วามเข้าใจในหลักการเขยี นข้อความหลายย่อหนา้ และสามารถนำไปใชไ้ ด้ 5. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ียวกับความหมาย ประเภท หลักการเขยี นบนั ทึก และสามารถเขยี น บนั ทกึ ได้ถูกต้องตามรูปแบบ 6. มคี วามรู้ความเข้าใจเกยี่ วกบั หลกั การเขยี นประกาศรปู แบบตา่ งๆ และสามารถเขยี นประกาศได้ ถูกต้องตามหลกั เกณฑ์ 7. มคี วามรู้ความเข้าใจเกย่ี วกบั หลกั การเขยี นจดหมายและเขยี นจดหมายได้อย่างถกู ตอ้ งตาม รูปแบบการเขยี นจดหมาย
145 8. มีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับหลักเกณฑก์ ารเขียนรายงาน และสามารถเขยี นรายงานตาม หลักเกณฑ์ได้อย่างถูกตอ้ ง 9. มคี วามร้คู วามเข้าใจเกี่ยวกบั หลกั เกณฑ์ท่ัวไปในการเขียนเรียงความ และสามารถเขียน เรยี งความได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ 10. มคี วามรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับรปู แบบของการย่อความและยอ่ ความไดใ้ จความครบถ้วน รวมท้งั หมด 10 ผลการเรยี นรู้ โครงสรา้ งรายวิชา รหสั ท 30203 รายวชิ า การเขียน 1 กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย เวลาเรยี น 40 ชวั่ โมง (1 หน่วย ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 กิต)
146 ลำดับที่ ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนกั (ชว่ั โมง) คะแนน 1 การผกู ประโยค - มคี วามรูค้ วาม การเขียน หมายถึง การนำคำพดู มาเขียน 4 10 เขา้ ใจเกีย่ วกับการ ประกอบกนั เปน็ ข้อความเพือ่ ส่ือความหมายให้ ผูกประโยค ผู้อา่ นมคี วามเขา้ ใจตรงตามความประสงค์ของ ผู้เขียน ในการเขยี นขอ้ ความใหม้ ใี จความมาก - นำความรู้ ขึ้น อาจเขยี นเป็นยอ่ หนา้ หรือหลายย่อหน้า เก่ียวกับการผกู ข้อความแต่ละยอ่ หนา้ ยอ่ มเกิดจากการประกอบ ประโยคไปใชใ้ น ประโยคหลายๆ ประโยคเขา้ ด้วยกัน ดังน้นั การเขยี นสื่อสาร ประโยคจงึ เปน็ องคป์ ระกอบสำคัญที่สดุ ของการ ไดถ้ กู ต้อง เขียน การผกู ประโยคทถี่ ูกตอ้ งเหมาะสมจะ ชว่ ยใหข้ อ้ ความทเ่ี ขียนส่อื ความหมายไดช้ ัดแจง้ มคี ุณค่าและชวนใหอ้ า่ น 2 การเขียนย่อหนา้ - มคี วามร้คู วาม พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถานให้คำจำกัด 4 10 เข้าใจเก่ยี วกบั ความของคำวา่ ยอ่ หนา้ ไวส้ องความหมาย ลักษณะการยอ่ ความหมายแรกเป็นคำกริยา หมายถงึ เขียน หนา้ และสามารถ หรอื พิมพห์ นังสือข้ึนบรรทัดใหม่ และร่นจาก เขยี นยอ่ หน้า แนวซ้ายสุดเข้าไปพอสมควร เพอ่ื แสดงว่าขน้ึ รปู แบบต่างๆได้ ความตอนใหม่ ความหมายทสี่ องเป็นคำนาม อยา่ งถกู ต้อง หมายถึง ข้อความตอนยอ่ ยๆ ท่แี ยกออกจาก กันดว้ ยวิธีเขียนยอ่ หน้า ย่อหน้ามใี จความ สำคญั ท่ีสดุ เพยี งประการเดียว ใจความสว่ นน้ี ปรากฏในรปู ประโยค เรียกวา่ ประโยคใจความ สำคญั ประโยคอืน่ ๆ ในย่อหนา้ น้ันเป็นเพียง ส่วนประกอบหรอื สว่ นขยายของประโยค ใจความสำคัญ เรยี กประโยคดงั กล่าววา่ ประโยคประกอบ ลอุ าจมีประโยคเล็กๆ เรยี กว่า ประโยคประกอบย่อย มาเสรมิ ใจความ ของประโยคประกอบต่อไปได้อีก
147 ลำดบั ที่ ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา น้ำหนกั (ช่ัวโมง) คะแนน 3 การเขยี นข้อความ - มคี วามรคู้ วาม ในการส่ือสารกนั ท่วั ไป ข้อความทเี่ รียบเรียง 3 10 หลายย่อหนา้ เขา้ ใจในหลกั การ เพียงหนึ่งประโยค หรอื หน่งึ ย่อหน้ายอ่ มไม่ เขียนขอ้ ความ สามารถสือ่ ความเข้าใจกันได้พอ เปน็ แต่ หลายย่อหนา้ และ ขอ้ ความแสดงขอ้ เท็จจริง ข้อคิดเห็น หรอื สามารถนำไปใช้ได้ อารมณค์ วามรูส้ กึ เพียงประเด็นเดียว ตามปกติ การติดต่อสอ่ื สารระหว่างกันแตล่ ะครัง้ มักมเี ร่อื ง ต้องกลา่ วกหลายอย่างต่างกัน เรอ่ื งท่มี ี สาระสำคัญผดิ แผกกนั หากจัดสรรไวใ้ นยอ่ หนา้ เดยี วกันใจความจะไมจ่ ะแจ้งเขา้ ใจยาก เพื่อให้ ใจความกระจา่ งชดั เป็นสดั สว่ น จำต้องแยก ต่างหากจากกันออกเป็น ยอ่ หน้ามากน้อยเทา่ จำนวนประเด็นสำคัญของ ข้อความ
148 4 การเขียนบนั ทึก -มคี วามรู้ความ บนั ทกึ คอื ขอ้ ความท่จี ดไว้เพอ่ื ช่วยความทรง 4 10 เข้าใจเก่ียวกับ จำเป็นหลักฐานภายหลงั หรอื ให้รู้เร่ืองเดิม 10 ความหมาย ตามปกตมิ ักเปน็ ข้อความย่อๆ กล่าวแต่ ประเภท สาระสำคญั บันทึกเปน็ แบบการเขยี นทใี่ ช้ หลกั การเขียน ประโยชน์ไดท้ งั้ แกผ่ ู้เขยี นโดยตรงและแก่ผู้อ่าน บันทึก และ บันทึก ผูเ้ ขยี นสามารถใช้บนั ทกึ เปน็ เครื่อง สามารถเขียน เตอื นความจำ เกบ็ สาระสำคญั ของเร่อื งไว้หรือ บันทึกได้ถกู ตอ้ ง บอกทีม่ าของเรอื่ งเดิม บันทกึ มหี ลายรปู แบบ ตามรูปแบบ ตามความมุ่งประสงคข์ องผู้เขียน เชน่ บันทกึ ติดต่อ บันทึกประจำวนั บันทกึ เหตกุ ารณ์ บันทึกการเปลย่ี นแปลงของส่ิงต่างๆ บันทึกการ เดนิ ทาง 5 การเขยี นประกาศ -มคี วามรคู้ วาม ประกาศ โดยทัว่ ไปหมายถึงข้อความที่แจ้งให้ 4 เข้าใจเกยี่ วกบั ทราบเพ่ือปฏิบัติ ข้อความประเภทน้ีนอกจาก หลกั การเขยี น จะแจง้ เรอ่ื งใหท้ ราบแลว้ ยังกำหนดใหก้ ระทำ ประกาศรูปแบบ ตามเงื่อนไขเก่ียวกับกิจกรรม เวลา และ ตา่ งๆและสามารถ สถานท่ี ถ้าเปน็ ของทางราชการอาจเปน็ เขียนประกาศได้ ประกาศเรือ่ งเสียภาษีอากรต่างๆ ประจำปีหรือ ถูกตอ้ งตาม ประกาศข้ึนทะเบยี นทหารกองเกิน ประกาศ หลกั เกณฑ์ ดงั กล่าวจะกำหนดส่งิ ทตี่ อ้ งกระทำว่ามอี ะไรบ้าง จะต้องกระทำภายในระยะเวลาใดและ ณ ท่ีใด ลำดบั ที่ ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา น้ำหนัก (ช่วั โมง) คะแนน
6 การเขียนจดหมาย - มีความร้คู วาม จดหมาย คือ ขอ้ ความที่เขียนตดิ ต่อระหวา่ ง 149 3 10 เขา้ ใจเก่ียวกบั ผเู้ ขยี นกบั ผ้รู บั โดยตรง มีลกั ษณะเปน็ ความ หลักการเขยี น เรยี ง จดหมายมีความสำคญั ในชีวิตประจำวนั จดหมายและเขียน มาก เพราะใช้เปน็ สื่อตดิ ต่อระหว่างผู้ท่ีอยู่ จดหมายได้อยา่ ง หา่ งไกลไดล้ ะเอยี ดกว้างขวางและสะดวกกวา่ ถูกตอ้ งตาม การสอื่ สารอย่างอ่ืน การเขียนจดหมายต้องใช้ รูปแบบการเขยี น ความระมัดระวงั เป็นพเิ ศษ เพราะมผี ลกระทบ จดหมาย ต่อความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งผเู้ ขียนกบั ผู้รับโดยตรง ความสำเรจ็ ในการประกอบกิจธุระหรือการงาน สว่ นใหญ่ยอ่ มมาจากจดหมายทีม่ ีไปมาถงึ กัน เชน่ จดหมายขอความชว่ ยเหลอื จดหมาย สมคั รงาน จดหมายลากิจ จดหมายสมัครงาน ฯลฯ 7 การเขยี นรายงาน - มคี วามรู้ความ รายงาน คือ การเขียนเล่าถงึ ส่ิงท่ไี ด้พบเห็น 4 10 เข้าใจเกี่ยวกบั หรอื ไดก้ ระทำมาแลว้ เช่น การคน้ ควา้ ทาง หลักเกณฑก์ าร วิชาการ การไปทัศนศกึ ษานอกสถานท่ี เขยี นรายงาน การไปพกั แรมค่ายเยาวชน การประชุมกลมุ่ และสามารถเขยี น การประสบเหตุการณท์ ส่ี ำคญั ลกั ษณะของ รายงานตาม รายงานคลา้ ยยอ่ ความ คือ เกบ็ เฉพาะ หลักเกณฑไ์ ดอ้ ย่าง ข้อความสำคญั แตอ่ าจเพมิ่ เติมรายละเอยี ด ถูกตอ้ ง บางอยา่ งได้ตามสมควร แบบการเขียนรายงาน ไมม่ ขี ้อกำหนดตายตัว เพือ่ ความเปน็ ระเบียบ อาจกำหนดแบบปกหน้าของรายงานทวั่ ไป ดังนี้ - ช่ือรายงาน - ชือ่ ผู้รายงาน - ชนั้ เรียนหรือโรงเรียน
150 - ชือ่ วิชาที่รายงานเป็น ส่วนประกอบ - วัน เดอื น ปี ทสี่ ง่ ลำดับท่ี ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา น้ำหนกั (ชัว่ โมง) คะแนน 8 การเขยี นเรียงความ -มีความรู้ความ เรียงความ คอื ขอ้ ความหลายย่อหนา้ ซ่งึ 4 80 เข้าใจเกี่ยวกบั ประกอบด้วยชื่อเรอื่ ง และมีขอ้ ความบรรยาย หลกั เกณฑ์ท่วั ไป หรอื อธบิ ายขยายความภายในขอบเขตของชอ่ื ในการเขยี น เรื่อง เรยี งความมลี ักษณะตา่ งกบั ขอ้ ความ เรียงความและ หลายยอ่ หนา้ ทวั่ ไปตรงทีต่ อ้ งมชี ่อื เรือ่ ง สามารถเขยี น เคร่งครดั ในการแบง่ ยอ่ หนา้ คำนำ ย่อหน้าเน้อื เรียงความไดอ้ ย่าง เรอ่ื ง ยอ่ หน้าสรุป และต้องใชภ้ าษาระดบั มีประสิทธิภาพ ทางการ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179