Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรโรงเรียนยูงทองพิทยาคม

หลักสูตรโรงเรียนยูงทองพิทยาคม

Published by จิณภพ ศรีชัย, 2022-08-19 06:59:35

Description: หลักสูตรโรงเรียนยูงทองพิทยาคม

Search

Read the Text Version

151 9 การเขียนย่อความ -มคี วามรู้ความ ย่อความ คือ ขอ้ ความโดยย่อซง่ึ เป็นส่วน 4 90 เข้าใจเก่ยี วกับ สำคญั ของขอ้ ความใหญ่ ยอ่ ความเป็น รูปแบบของการ พฤตกิ รรมในการรบั สารและสง่ สารซงึ่ คนเราใช้ ย่อความและยอ่ อยเู่ ปน็ ประจำในการดำรงชวี ติ ในฐานะผรู้ บั ความได้ใจความ สารเมือ่ ฟังคำพดู ของผ้อู นื่ หรืออา่ นหนงั สือ เรา ครบถ้วน คงไมส่ ามารถทำความเขา้ ใจและจดจำข้อความ ไว้ได้ทงั้ หมด เนื่องจากความสามารถในการรบั สารและสง่ สารของแตล่ ะคนไม่เทา่ กัน การยอ่ ความเป็นกระบวนการทางสมอง เพราะตอ้ งใช้ วจิ ารณญาณแยกแยะเร่อื งราวออกเป็น ข้อเทจ็ จริง ข้อคิดเหน็ และขอ้ แสดงความรสู้ ึก หาเหตผุ ลและวนิ ิจฉัยว่าส่วนใดเป็นใจความ สำคัญ ส่วนใดเป็นพลความ แลว้ หา สาระสำคัญ หรือขอ้ สรุปของเรอื่ งราวท้งั หมด ทกั ษะในการยอ่ ความยอ่ มพัฒนาได้โดยการ เรียนรู้วธิ ีการท่ีถกู ต้องและความหมัน่ ฝกึ ฝน ปฏบิ ตั ิ รวม 40 100

152 คำอธบิ ายรายวชิ า รายวชิ า การเขียน 2 รหสั วชิ า ท 30204 เวลา 40 ชวั่ โมงตอ่ ภาคเรียน จำนวน 1.0 หน่วยกติ ศึกษาเกยี่ วกับหลกั การเขยี น อนั ได้แก่ ลีลาหรอื โวหารในการเรียบเรียง การเขียนบรรยาย การเขียนอธบิ าย การเขยี นพรรณนา การเขียนบันทกึ การเขียนคำกลา่ วในโอกาสต่างๆ การเขียน บทความ การเขยี นบทสนทนา การเขียนบนั เทงิ คดีและการแต่งคำประพันธ์ โดยใช้กระบวนการเขียนมา ผลิตงานเขียนสือ่ สารในรูปแบบต่างๆ ทม่ี ีเน้ือหาสาระถูกตอ้ ง ครบถ้วน เลือกใช้ถ้อยคำสำนวนโวหารอยา่ ง สละสลวยกอ่ ให้เกดิ ความเพลิดเพลิน นา่ อ่าน รว่ มกบั การใชท้ กั ษะกระบวนการเรยี นรู้ กระบวนการคดิ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการเขยี น มาฝกึ ฝนปฏิบตั ิให้เกดิ ทักษะความชำนาญในงานเขียนสอ่ื สารตาม โอกาสต่างๆ ดว้ ยรปู แบบทเ่ี หมาะสมท้งั เนื้อหา จุดม่งุ หมาย และมีนสิ ัยรกั การเขียนและมีมารยาทในการ เขียน รูจ้ ักพฒั นาตนเองเพ่อื ให้เกิดความรูแ้ ละทักษะการเขยี น เพ่อื นำไปใช้ในชวี ิตประจำวนั และมี คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ผลการเรยี นรู้ 1. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกีย่ วกบั ลักษณะลีลาหรอื โวหารของงานเขียน 2. มคี วามรู้ความเข้าใจเกย่ี วกบั ลกั ษณะ ประเภท และหลักการเขียนบรรยายและพรรณนา 3. เลอื กใชก้ ลวิธี ลีลาหรอื โวหารในการเขียนเรยี บเรียงงานเขยี นได้ตรงตามจุดมุ่งหมาย

153 4. มีความรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกับหลักการเขียนบันทึก เขียนบนั ทึกประเภทต่างๆ แล้วนำไปปรบั ใชใ้ นชีวิตประจำวันได้ 5. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกับหลกั การเขยี นคำกลา่ วในโอกาสต่างๆ และเขยี นคำกล่าวในโอกาส ต่างๆไดถ้ กู ตอ้ งตามรูปแบบและเหมาะสมกบั สถานการณ์ กาลเทศะและบุคคล 6. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกับหลกั การเขียนบทความและเขยี นบทความประเภทต่างๆไดถ้ ูกตอ้ ง ตามรูปแบบ 7. มคี วามรูค้ วามเข้าใจเก่ียวกบั หลักการเขยี นบทสนทนา เขียนบทสนทนารปู แบบตา่ งๆได้ เหมาะสมกบั งานเขียนและนำไปปรบั ใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ 8. มีความร้คู วามเข้าใจเก่ียวกับหลักการเขยี นบนั เทิงคดแี ละเขียนงานเขียนบนั เทิงคดีประเภท ตา่ งๆ ได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ 9. มีความร้คู วามเข้าใจเกี่ยวกบั หลักการแตง่ คำประพนั ธ์และแต่งคำประพนั ธป์ ระเภทตา่ งๆ ได้ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ รวมท้งั หมด 9 ผลการเรียนรู้ โครงสร้างรายวชิ า รหสั ท 30204 รายวชิ า การเขยี น 2 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย เวลาเรียน 40 ชัว่ โมง (1 หน่วย ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 กติ )

154 ลำดบั ท่ี ชอ่ื หนว่ ย ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก การเรียนรู้ คะแนน (ชว่ั โมง ) 1 ลลี าหรอื โวหารใน - มีความรคู้ วามเข้าใจ การสือ่ สารด้วยภาษาพดู หรือภาษาเขยี นใน 8 15 การเรยี บเรียง เกย่ี วกบั ลักษณะลลี าหรือ ชวี ิตประจำวันทวั่ ไป ตลอดจนในการประกอบ โวหารของงานเขยี น กิจธุระหรือธรุ กจิ ของคนเราไม่ได้ใช้ภาษาใน - มีความรู้ความเขา้ ใจ ลักษณะเดยี วกันเสมอไป การใช้ภาษานอกจาก เก่ียวกบั ลักษณะ ประเภท จะมลี ักษณะแตกตา่ งกันตามความมงุ่ ประสงค์ และหลักการเขียน บรรยายและพรรณนา ของผูส้ ่งสารแล้ว การเรยี บเรียงถ้อยคำท้ังภาษา - เลอื กใชก้ ลวิธี ลลี าหรอื พูดและภาษาเขียนใหถ้ ูกต้องตามหลกั การใช้ โวหารในการเขียนเรยี บ โวหารตา่ งๆ และเลือกใช้ใหเ้ หมาะสม จะช่วย เรยี งงานเขยี นได้ตรงตาม ให้การใช้ภาษาทงั้ ภาษาพดู และภาษาเขียนมี จุดมุ่งหมาย ประสิทธิภาพ ประสบความสำเร็จในการสื่อสาร สมความมงุ่ หมาย 2 การเขียนบนั ทกึ - มีความรคู้ วามเขา้ ใจ บันทึก คอื ความเรยี งเกยี่ วกบั เร่อื งหรอื 5 15 10 เกี่ยวกับหลักการเขยี น เหตุการณท์ ี่ประสบมาดว้ ยตนเอง ได้ยิน ได้ฟัง บนั ทกึ เขียนบันทึก หรืออา่ นพบจากหนงั สอื ความมุ่งหมายประการ ประเภทตา่ งๆ แลว้ นำไป สำคญั ของการจดบนั ทกึ เพ่ือเตือนความจำหรือ ปรบั ใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ ประกอบการค้นควา้ บนั ทึกมลี ักษณะเป็นสาร คดี แต่ถา้ แต่งใหม้ ีศิลปะการประพนั ธ์อาจ เปน็ ไดท้ ้งั สารคดีและบนั เทงิ คดี 3 การเขยี นคำกล่าว - มีความร้คู วามเข้าใจ คำกล่าวในโอกาสตา่ งๆ หมายถึง ขอ้ ความที่ 5 ในโอกาสต่างๆ เกย่ี วกบั หลักการเขยี นคำ กล่าวแกบ่ คุ คล คณะบุคคลหรอื ประชาชนท่ี กลา่ วในโอกาสต่างๆ และ ร่วมชุมนมุ ในโอกาสพิเศษ เชน่ วันคล้ายวันเกิด เขียนคำกลา่ วในโอกาส วนั ข้ึนปีใหม่ วันเดก็ แหง่ ชาติ การประชมุ ฟังการ ต่างๆได้ถูกต้องตาม บรรยาย การประกอบกิจพธิ ี การเปิดหรอื ปิด รปู แบบและเหมาะสมกับ ภาคการศกึ ษา การชุมนมุ ศษิ ย์เกา่ การไหวค้ รู สถานการณ์ กาลเทศะ และบุคคล การอำลาฯลฯ คำกลา่ วมีรูปแบบตา่ งกัน ตาม

155 ลักษณะของโอกาสและความมุ่งประสงคท์ ีก่ ลา่ ว ควรใชใ้ หเ้ หมาะสมกับลักษณะโอกาสที่กลา่ ว และสถานภาพของผฟู้ งั มขี นาดกะทัดรัด ใช้ ถ้อยคำภาษาชวนฟงั ชวนอา่ น แทรกขอ้ คดิ ท่ี ประทับใจ ลำดับที่ ชื่อหนว่ ยการ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก เรยี นรู้ คะแนน (ชัว่ โมง ) 4 การเขียนบทความ - มคี วามรู้ความเข้าใจ บทความเปน็ รปู ลกั ษณะหนง่ึ ของความเรยี งร้อย 5 15 เกี่ยวกบั หลักการเขยี น แกว้ ประเภทสารคดี คือ มุ่งแสดงความคิดเห็น บทความและเขยี น เป็นหลกั และแทรกความรูค้ วามจรงิ ความ บทความประเภทต่างๆได้ ถกู ตอ้ งดว้ ยเหตุผลไวเ้ ปน็ ส่วนประกอบเพือ่ ให้ ถกู ตอ้ งตามรปู แบบ ผ้อู า่ นเห็นคลอ้ ยตามและเกดิ อารมณ์เพลิดเพลนิ พอใจ 5 การเขยี น - มีความรคู้ วามเขา้ ใจ ในการเขยี นหรอื เล่าเร่ืองตา่ งๆ ทั้งท่ีเป็นเรือ่ งจรงิ 5 15 บทสนทนา เก่ียวกับหลักการเขียนบท หรือเรื่องสมมุติ นอกจากจะบรรยายถึงการ สนทนา เขียนบทสนทนา กระทำหรอื ความรู้สกึ นึกคิดของบคุ คลในเรอ่ื ง รูปแบบตา่ งๆไดเ้ หมาะสม กบั งานเขียนและนำไป ซึ่งเรียกว่าตัวละครแลว้ ผ้แู ตง่ มักนำถ้อยคำท่ีตัว ปรบั ใชใ้ นชีวิตประจำวันได้ ละครพูดจาต่อกันมาประกอบเน้อื เร่ืองด้วย ท้ังนีจ้ ำเปน็ ตอ้ งมบี ทสนทนาประกอบ เพราะ บทสนทนาไมเ่ พียงช่วยดำเนนิ เรือ่ ง แต่ยังมีส่วน แสดงรูปรา่ ง หน้าตา ความร้สู ึกนึกคิด และ นิสัยใจคอของตัวละคร ทำให้เรื่องเป็นจรงิ เป็น จงั มชี ีวิตชวี ายิ่งขนึ้ 6 การเขยี น - มีความรู้ความเข้าใจ บนั เทิงคดี คอื เรอ่ื งท่เี ขยี นหรอื แต่งข้ึนโดยมงุ่ 4 15 เกย่ี วกบั หลักการเขยี น ให้ความสนุกเพลิดเพลนิ แก่ผู้อา่ นเปน็ สำคัญ

บนั เทิงคดี บันเทิงคดแี ละเขยี นงาน บันเทิงคดีทด่ี ยี ่อมมเี น้อื หาที่เป็นสาระสำคัญใน 156 เขียนบันเทิงคดีประเภท แง่คตชิ ีวิต และเกร็ดความรู้แทรกอยดู่ ้วย 7 การแต่งคำ ต่างๆ ได้อย่างมี บันเทิงคดอี าจเรยี บเรียงเป็นรอ้ ยแก้วหรอื 8 15 ประพันธ์ ประสทิ ธภิ าพ ร้อยกรองกไ็ ด้ - มีความรคู้ วามเขา้ ใจ คำประพนั ธ์ หมายถึง รอ้ ยกรอง ซงึ่ ไดแ้ กก่ าร เกีย่ วกับหลกั การแต่งคำ เรยี บเรียงถอ้ ยคำตามกำหนดบังคับตามชนดิ ของ ประพนั ธ์และแตง่ คำ ร้อยกรองนน้ั ๆ และประกอบด้วยศลิ ปะของการ ประพันธป์ ระเภทตา่ งๆ ได้ ประพันธ์ กลา่ วคอื จะตอ้ งมคี วามไพเราะเพราะ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ พริง้ และให้ขอ้ คดิ ที่ดีงาม รวม 40 100 คำอธบิ ายรายวชิ า

157 รายวิชา ภาษาไทยเพ่ือพฒั นาการคดิ รหสั วชิ า ท 30205 เวลา 40 ชั่วโมงต่อภาคเรียน จำนวน 1.0 หนว่ ยกติ ศกึ ษาพนื้ ฐานความรู้เกยี่ วกับการคิด ฝกึ ทักษะการคดิ พืน้ ฐานและการคน้ ควา้ ขัน้ สูง ฝกึ การคิดตาม หลกั ลักษณะการคิด ไดแ้ ก่ คิดคล่อง คดิ หลากหลาย คิดละเอียด คิดชัดเจน คิดอย่างมเี หตุผล คดิ ถูกทาง คดิ กว้าง คิดลกึ ซึ้งและคิดไกล ฝกึ ใช้กระบวนการคิดท่สี ำคญั ได้แก่ กระบวนการคิดวเิ คราะห์ กระบวนการ คิดสังเคราะห์ กระบวนการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณและกระบวนการคิดสร้างสรรค์โดยใช้สื่อ และนวัตกรรม อยา่ งหลากหลาย อา่ นวรรณคดวี รรณกรรมประเภทตา่ ง ๆ สื่อสารสนเทศและส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์โดยใชก้ ระบวนการ คิดสามารถแปลความ ตีความ ขยายความ วิเคราะห์ วิจารณ์และประเมนิ ค่าเร่ืองที่อ่าน ฟัง ดู สง่ิ ท่เี ปน็ ความรแู้ ละความบนั เทิงอย่างมีวจิ ารณญาณ ร้จู กั คดิ สามารถนำความรู้และ ประสบการณจ์ ากการฟงั ดไู ปใชแ้ ละเป็นขอ้ มูลในการตัดสินใจตา่ ง ๆ พดู แสดงความคิดเห็นและวเิ คราะห์ วิจารณ์จากการฟงั การดอู ย่างมเี หตุผลใชภ้ าษากริ ยิ าท่าทางเหมาะสม เขียนโดยเตรยี มการเขยี น กำหนดหัวขอ้ ชื่อเร่อื ง รปู แบบ โครงเรือ่ ง เน้ือหา องคป์ ระกอบการ เขยี น ยกรา่ งขอ้ เขยี น การตรวจทาน การปรบั ปรงุ แก้ไขและการเขียนเร่อื งให้สมบรู ณ์ให้เลอื กเขียนประเภท งานอย่างอสิ ระโดยการคดิ คน้ คว้าขอ้ มลู และใชก้ ระบวนการคดิ ผลการเรียนรู้ 1. มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับการคิดของมนษุ ย์และตระหนกั ในความสำคัญของการคิด 2. คิดพ้นื ฐานและทักษะการคดิ ข้นั สูง คิดตามลกั ษณะการคดิ ตา่ ง ๆโดยใชก้ ระบวนการคิดรปู แบบ ตา่ ง ๆ 3. ใชก้ ระบวนการคิดวเิ คราะหอ์ ย่างหลากหลายเป็นเคร่ืองมอื พัฒนาสมรรถภาพการอ่านและการ เรียนรู้ 4. สร้างงานเขียนโดยการค้นคว้าขอ้ มูลและใชก้ ระบวนการคิด 5. พดู หรือเขยี นแสดงความคดิ เหน็ วิเคราะห์ วิจารณ์และประเมินค่าจากการฟงั

158 รวมท้งั หมด 5 ผลการเรียนรู้ โครงสรา้ งรายวชิ า รหัส ท 30205 รายวชิ า ภาษาไทยเพื่อพฒั นาการคิด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เวลาเรียน 40 ช่วั โมง (1 หน่วย ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 กติ ) ลำ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ ห ดับ ชอ่ื หนว่ ย นกั ท่ี การ (ชว่ั โ คะแ เรยี นรู้ มง) นน

159 1 เพ่มิ พนู 1. มคี วามรู้ ความเข้าใจ การอ่านเพ่ือศกึ ษาคน้ คว้า จบั ประเด็นและลำดับ 8 20 ทักษะการ เก่ยี วกับการคิดของ เหตกุ ารณ์สำคญั ของเร่อื งที่อ่านเป็นการเพ่ิมพูนความรู้ อา่ นสูก่ าร มนุษยแ์ ละตระหนกั ใน และประสบการณ์ อนั จะนำไปสกู่ ารเขียนเชิงวชิ าการ เขียน ความสำคัญของการคดิ ได้อยา่ งมีคณุ ภาพ 2 การคดิ สู่ 2.การคดิ พ้นื ฐานและ การคดิ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ วพิ ากษ์เร่ืองราวท่ีอ่าน 8 20 การเขียน ทักษะการคิดขนั้ สูง คิด หรือรบั ฟงั จากส่อื ตา่ งๆ และประเมินคุณค่า แนวคดิ ตามลักษณะการคิดต่าง ความนา่ เช่ือถือแล้วสรปุ เป็นแนวคดิ ของตนเอง ๆโดยใช้กระบวนการคดิ สามารถนำไปใช้ในการเขยี นเชงิ วชิ าการและ รูปแบบต่าง ๆ ประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวัน 5. พดู หรอื เขยี นแสดง ความคิดเหน็ วิเคราะห์ วิจารณแ์ ละประเมนิ ค่า จากการฟัง 3 เขยี น 3. ใชก้ ระบวนการคดิ งานเขยี นเชงิ วชิ าการเป็นงานเขยี นเร่ืองท่ผี เู้ ขยี นสนใจ 12 30 อย่างไรให้ วเิ คราะหอ์ ยา่ ง โดยมีการศกึ ษาค้นควา้ ขอ้ มลู รวบรวม วเิ คราะห์ เปน็ หลากหลายเปน็ สังเคราะห์อย่างมรี ะบบ สมเหตสุ มผลและมีหลกั ฐาน วชิ าการ เครื่องมอื พฒั นา อ้างอิง รวมทั้งแสดงความคิดเห็นเห็นประกอบ โดย สมรรถภาพการอ่าน ใช้ระดบั ภาษาและรูปแบบทถ่ี ูกตอ้ ง และการ เรยี นรู้ 4. สร้างงานเขียนโดย การค้นควา้ ขอ้ มลู และ ใชก้ ระบวนการคิด 4 งานเขียน 4. สรา้ งงานเขียนโดย งานเขียนเชิงวิชาการเป็นงานเขียนเรื่องท่ผี ้เู ขยี นสนใจ 12 30 ของฉัน การค้นควา้ ขอ้ มูลและ โดยมีการศึกษาคน้ คว้าข้อมลู รวบรวม วเิ คราะห์ ใช้กระบวนการคดิ สงั เคราะห์อยา่ งมรี ะบบ สมเหตสุ มผลและมีหลักฐาน อ้างองิ รวมท้ังแสดงความคิดเห็นเห็นประกอบ โดย ใช้ระดับภาษาและรูปแบบที่ถูกตอ้ ง เพอื่ นำเสนอ

160 ความคดิ นนั้ สือ่ สารให้ผู้อื่นรู้และเข้าใจในเรือ่ งท่ีตนเอง เขียน รวม 40 100 คำอธบิ ายรายวชิ า รายวิชา การพูด รหสั วิชา ท 30206 เวลา 40 ช่วั โมงตอ่ ภาคเรียน จำนวน 1.0 หน่วยกติ ศึกษาความหมายและความสำคัญของการพดู องค์ประกอบของการพูด ฝกึ ทักษะหลกั การพูด และวิธกี ารพูด ศลิ ปะในการพูดสมั ภาษณ์ การกลา่ วสุนทรพจน์ การกล่าวปราศรัย การอภปิ ราย การพูด โนม้ นา้ วใจ การทำหนา้ ทพี่ ธิ กี รและโฆษก การพูดในโอกาสต่างๆของสงั คมและในงานอาชีพ มีมารยาท ในการฟงั การดูและการพูด การใช้สายตา ท่าทางประกอบการพูด การใช้นำ้ เสียง การใช้ถ้อยคำและ สรา้ งภาพพจน์ การใช้ราชาศัพท์ การวจิ ารณ์การพูด จรรยาบรรณของผพู้ ูด ความรบั ผิดชอบคำพดู ท่พี ูด ออกไปและคณุ ธรรมของผพู้ ดู ผลการเรยี นรู้ 1. อธิบายความหมายและองค์ประกอบของการพดู ได้ 2. อธิบายประเภทของการพูดได้ 3. อธบิ ายความสำคัญของการพูดได้ 4. บอกลกั ษณะของผพู้ ดู ทีด่ ีได้ 5. อธิบายมารยาทในการพูดได้

161 6. อธบิ ายการวิเคราะหผ์ ู้ฟังและการเตรยี มการพดู ได้ 7. อธิบายลักษณะของศิลปะการใช้ภาษาในการพดู ได้ 8. อธบิ ายศิลปะในการใช้เสียงได้ 9. อธบิ ายศลิ ปะในการพฒั นาบคุ ลิกของผพู้ ดู ได้ 10. อธบิ ายความหมายของการพดู อภปิ ราย การสัมภาษณ์ การพดู เพ่ือโนม้ นา้ วใจ การพดู ประชาสมั พันธ์ การพดู สุนทรพจน์ คำปราศรัยและพิธีกรได้ 11. อธบิ ายหลกั การทว่ั ไปเกีย่ วกับการพดู ในโอกาสต่างๆได้ 12. บอกแนวเน้ือหาการพูดในโอกาสตา่ งๆได้ 13. สามารถพูดในโอกาสต่างๆได้ 14. บอกความสำคญั และจดุ มุ่งหมายของการพดู อภิปราย การสมั ภาษณ์ การพูดเพอ่ื โน้มน้าวใจ การพูดเพอื่ ประชาสัมพนั ธ์ การกลา่ วสุนทรพจน์ และการกล่าวคำปราศรัยได้ 15. บอกประเภทของการพูดอภิปราย การสมั ภาษณ์ได้ 16. บอกบทบาทหน้าทีแ่ ละคณุ สมบตั ิของผู้ดำเนนิ การอภปิ รายและผู้อภิปราย ผู้สัมภาษณ์และ ผใู้ หส้ ัมภาษณ์ นักประชาสัมพนั ธแ์ ละพิธกี รได้ 17. บอกประโยชน์ของการพูดอภปิ รายได้ 18. สามารถอภิปรายในหัวข้อท่กี ำหนดให้ได้ 19. อธบิ ายวธิ ีการสมั ภาษณ์ ขน้ั ตอนการสมั ภาษณ์ ข้ันตอนการเตรยี มการกล่าวสุนทรพจนก์ าร กลา่ วคำปราศรัยได้ 20. บอกคณุ สมบตั ขิ องผู้สมั ภาษณ์ ผใู้ ห้สมั ภาษณ์ นักประชาสัมพนั ธ์และพธิ ีกรได้ 21. สามารถสมั ภาษณ์บุคคลต่างๆได้ 22. บอกลักษณะ กลวธิ ีการพูดเพอื่ โน้มน้าวใจได้ 23. พดู โนม้ นา้ วใจ พูดประชาสัมพันธ์ และกลา่ วคำปราศรยั ได้ 24. บอกโอกาสในการพูดเพอ่ื ประชาสัมพันธ์ การกล่าวคำปราศรยั การเปน็ พธิ กี รได้ 25. อธิบายหลกั การพดู เพือ่ ประชาสมั พนั ธ์ได้ 26. บอกสื่อที่ใชใ้ นการพดู เพอื่ ประชาสมั พนั ธไ์ ด้ 27. อธบิ ายรปู แบบของสนุ ทรพจนไ์ ด้ 28. อธิบายการปฏิบตั ิหนา้ ที่ของพธิ ีกรและทำหน้าทพ่ี ิธกี รในงานและรายการตา่ งๆได้ รวมทงั้ หมด 28 ผลการเรียนรู้

162 โครงสร้างรายวชิ า

รหัส ท 30206 รายวิชา การพดู 163 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 เวลาเรียน 40 ชว่ั โมง (1 หน่วย กติ ) ลำดับที่ ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนกั สาระสำคญั (ชั่วโมง) คะแนน 1 ความรู้ท่วั ไป 26 เก่ยี วกับการพูด 5 4 14 2 ศลิ ปะในการพูด 3 การพดู ในโอกาส - 6 15 ตา่ งๆ ลำดบั ที่ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ เวลา นำ้ หนกั (ชว่ั โมง) คะแนน 4 การพูดอภิปราย - 6 15 5 การสัมภาษณ์ - 6 การพดู โนม้ น้าวใจ - 6 15 6 15

164 7 การพูดเพอ่ื 10 20 ประชาสมั พนั ธ์ 8 การกล่าวสนุ ทรพจน์ 9 การกลา่ วคำ ปราศรยั 10 การทำหนา้ ทีพ่ ิธีกร รวม 40 100 คำอธบิ ายรายวิชาเพิ่มเติม วิชาการศกึ ษาค้นคว้าและสรา้ งองคค์ วามรู้ ( IS1) (Research and Knowledge Formation) รหัสวชิ า I212 01 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 40 ชัว่ โมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต ศกึ ษา วเิ คราะห์ ฝกึ ทกั ษะต้งั ประเดน็ ปัญหา/ต้ังคำถามในเร่อื งที่สนใจโดยเริ่มจากตนเอง เชือ่ มโยง กบั ชมุ ชน ท้องถน่ิ และประเทศ ตัง้ สมมติฐานและใหเ้ หตุผลโดยใช้ความรู้จากศาสตร์สาขาต่างๆ คน้ ควา้ แสวงหา ความรู้เกีย่ วกบั สมมติฐานที่ตง้ั ไวจ้ ากแหล่งเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลาย ออกแบบวางแผนรวบรวมขอ้ มูล วเิ คราะห์ ข้อมลู โดยใชว้ ิธีการที่เหมาะสม ทำงานบรรลุผลตามเป้าหมายภายในกรอบ การดำเนนิ งานที่

165 กำหนด โดยการกำกบั ดแู ลช่วยเหลอื ของครูอยา่ งต่อเนื่อง สงั เคราะหส์ รปุ องคค์ วามรูแ้ ละรว่ มกันเสนอ แนวคิดวธิ กี ารแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นระบบ ดว้ ยกระบวนการคิด กระบวนการสบื คน้ ขอ้ มลู กระบวนการ แกป้ ญั หา กระบวนการปฏิบัตแิ ละกระบวนการกลมุ่ ในการวิพากษ์ เพอื่ ให้เกิดทักษะในการคน้ คว้าแสวงหา ความรู้ เปรยี บเทยี บเชือ่ มโยงองค์ความรู้ สงั เคราะห์สรปุ อภปิ ราย เพื่อให้เหน็ ประโยชน์และคุณคา่ ของ การศกึ ษาค้นควา้ ดว้ ยตนเอง ผลการเรียนรู้ 1. ตัง้ ประเดน็ ปัญหา โดยเลอื กประเด็นท่ีสนใจ เร่ิมจากตนเอง ชมุ ชนท้องถิน่ ประเทศ 2. ตงั้ สมมตฐิ านประเดน็ ปัญหาท่ีตนเองสนใจ 3. ออกแบบ วางแผน ใช้กระบวนการรวบรวมข้อมูลอยา่ งมีประสิทธภิ าพ 4. ศกึ ษา คน้ ควา้ แสวงหาความรู้เกย่ี วกับประเด็นทเี่ ลือกจากแหลง่ เรียนรู้ท่ีหลากหลาย 5. ตรวจสอบความนา่ เชื่อถอื ของแหล่งที่มาของขอ้ มูลได้ 6. วเิ คราะห์ขอ้ คน้ พบด้วยสถิติทเ่ี หมาะสม 7. สงั เคราะห์สรปุ องค์ความรู้ดว้ ยกระบวนการกลมุ่ 8. เสนอแนวคิด การแกป้ ัญหาอย่างเปน็ ระบบดว้ ยองค์ความรู้จากการคน้ พบ 9. เหน็ ประโยชนแ์ ละคณุ คา่ ของการศกึ ษาค้นควา้ ด้วยตนเอง รวมทง้ั หมด 9 ผลการเรยี นรู้

166 โครงสร้างรายวิชาเพ่มิ เติมการศึกษาคน้ คว้าและสรา้ งองคค์ วามรู้ ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ หนว่ ยที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนักคะแนน 1 ไขขอ้ สงสยั 1. ตั้งประเดน็ ปัญหา โดย - การตง้ั คำถาม 5-9 15 เลอื กประเด็นที่สนใจ เริม่ จาก ในเรอื่ งท่ีสนใจเรม่ิ ตนเอง ชมุ ชน ท้องถ่นิ จากตวั เอง เชอ่ื มโยง ประเทศ กับชมุ ชน ท้องถ่ิน 2. ตั้งสมมตฐิ านประเด็น และประเทศ ปญั หาท่ตี นเองสนใจ -การตง้ั สมมติฐาน 3. ออกแบบ วางแผน ใช้ และใหเ้ หตุผล โดย กระบวนการรวบรวมขอ้ มลู ใชค้ วามรจู้ ากศาสตร์ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ สาขาตา่ ง ๆ 2 หลากหลายจาก 4. ศึกษา คน้ ควา้ แสวงหา - การคน้ ควา้ 10 - 15 20 แหล่งเรียนรู้ ความรเู้ กยี่ วกบั ประเดน็ แสวงหาความรู้ ทีเ่ ลอื ก จากแหลง่ เรยี นรู้ เกีย่ วกบั สมมตฐิ าน ท่ีหลากหลาย ทต่ี ้ังไว้ 3 เปิดประตูสคู่ วามจรงิ 5. ตรวจสอบความน่าเชอื่ ถอื - วเิ คราะห์ 10 - 15 25 ของแหลง่ ทีม่ าของข้อมูลได้ ความนา่ เช่อื ถือของ ขอ้ มลู

6. วเิ คราะห์ข้อคน้ พบด้วย 167 สถติ ิท่ีเหมาะสม 40 4 ประมวลทกุ สิ่งที่คน้ พบ 6. วเิ คราะห์ข้อค้นพบ - การเปรยี บเทยี บ / 15 - 21 100 ด้วยสถิตทิ เ่ี หมาะสม เชอ่ื มโยงองคค์ วามรู้ 7. สังเคราะห์สรปุ องคค์ วามรู้ สังเคราะห์ สรปุ อภปิ รายเพอ่ื ให้เห็น ดว้ ยกระบวนการกลุ่ม ประโยชนแ์ ละคุณคา่ 8. เสนอแนวคดิ การแก้ ของการศึกษา ปัญหาอย่างเปน็ ระบบด้วย ค้นควา้ ด้วยตัวเอง องคค์ วามรจู้ ากการคน้ พบ 9. เหน็ ประโยชน์และคุณคา่ ของการศึกษาค้นคว้าด้วย ตนเอง รวม 40 - 60 คำอธบิ ายรายวิชาเพมิ่ เติม รายวชิ าการสือ่ สารและการนำเสนอ (IS2)(Communication and Presentation) รหัสวิชา I22201 ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ชั่วโมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต

168 ศกึ ษา เรยี บเรยี งและถา่ ยทอดความคิดอย่างชดั เจนเปน็ ระบบจากข้อมลู องค์ความรจู้ ากการศกึ ษา คน้ ควา้ ในรายวชิ าการศกึ ษาค้นคว้าและสร้างองคค์ วามรู้ (Research and Knowledge Formation) โดยเขียน โครงรา่ ง บทนำ เน้อื เรื่อง สรุป ในรูปของรายงานเชงิ วชิ าการ โดยใชค้ ำจำนวน 2,500 คำ มีการอ้างอิง แหล่งความรู้ ที่เช่ือถอื ได้อย่างหลากหลาย เรยี บเรยี งและถา่ ยทอดความคิดอย่างชัดเจน เป็นระบบ มกี าร นำเสนอใน รปู แบบเดยี่ ว (Oral individual) หรือกลุ่ม (Oral panel presentation)โดยใช้สอ่ื ประกอบที่ หลากหลาย และเผยแพร่ ผลงานสสู่ าธารณะ เพอ่ื ให้เกิดทกั ษะ ในการเขียนรายงานเชงิ วชิ าการ และทกั ษะการ ส่อื สารทม่ี ี ประสิทธิภาพ เหน็ ประโยชน์และคุณค่าในการสร้างสรรคง์ านและถา่ ยทอดสงิ่ ทเี่ รียนรู้ใหเ้ ปน็ ประโยชนแ์ ก่ สาธารณะ ผลการเรยี นรู้ 1. วางโครงร่างการเขียนตามหลักเกณฑ์ องค์ประกอบและวธิ กี ารเขียนโครงรา่ ง 2. เขียนรายงานการศึกษาค้นควา้ เชงิ วิชาการภาษาไทย ความยาว 2,500 คำ 3. นำเสนอขอ้ คน้ พบข้อสรุปจากประเด็นทีเ่ ลือกในรปู แบบเดยี่ ว (Oral individual presentation)หรือ กลุม่ (Oral panel presentation) 4. โดยใช้สือ่ อุปกรณ์ในการนำเสนอได้อย่างเหมาะสม 5. เผยแพรผ่ ลงานสู่สาธารณะ 6. เห็นประโยชนแ์ ละคณุ คา่ ในการสรา้ งสรรค์งานและถ่ายทอดสิ่งท่เี รียนรแู้ ก่สาธารณะ รวมท้ังหมด 6 ผลการเรยี นรู้

169 โครงสรา้ งรายวิชาเพิม่ เตมิ การสอื่ สารและการนำเสนอ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น หนว่ ยท่ี ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั ช่วั โมง น้ำหนักคะแนน 10 1 เตรยี มความพร้อม 1. วางโครงร่างการเขียน การเช่อื มโยงทบทวนความรูจ้ าก 4/4 ตามหลกั เกณฑ์ การศึกษาค้นคว้า การวเิ คราะห์ องค์ประกอบและวธิ กี าร สงั เคราะห์ และสร้างองคค์ วามรู้ เขียนโครงรา่ ง มาสู่การสื่อสาร และการนำเสนอ มาเขยี นสรปุ ความใหเ้ ปน็ ความ 5. เห็นประโยชนแ์ ละ เรยี งเชงิ วิชาการพร้อมอา้ งองิ ตาม คณุ ค่าในการสรา้ งสรรค์ หลกั วชิ าการเปน็ พน้ื ฐานสำคัญ งานและถ่ายทอดส่งิ ท่ี ของการสื่อสารและการนำเสนอให้ เรียนรู้แกส่ าธารณะ เหมาะสมกบั ผอู้ า่ น / ผฟู้ ัง

2 ฝึกซ้อมเขยี น 1. วางโครงรา่ งการเขียน การฝึกเขียนโครงร่างรายงาน 6/8 170 โครงรา่ ง ตามหลกั เกณฑ์ เชงิ วิชาการ ซึ่งมีองคป์ ระกอบด้วย องค์ประกอบและวธิ กี าร ชื่อเรื่อง ความนำ วตั ถปุ ระสงค์ 20 เขยี นโครงร่าง สมมุติฐาน ขอบเขตการศกึ ษา เนอื้ หา วิธกี ารศึกษาและการเกบ็ 40 รวบรวมข้อมูล เป็นการวางแผน การเขยี นรายงานเชงิ วชิ าการอยา่ ง เปน็ ระบบ และการตรวจสอบทัง้ ดว้ ยตนเอง และเพ่อื นชว่ ย ตรวจสอบโดยใช้สัญลกั ษณ์ในการ ตรวจสอบช่วยใหร้ ายงานเชิง วิชาการนนั้ ถูกต้องแมน่ ยำและ สมบูรณย์ ่งิ ขน้ึ 3 สรา้ งผลงานเขยี น 2. เขียนรายงานการศึกษา การถา่ ยโอนองคค์ วามรจู้ าก 18 / 28 คน้ คว้าเชงิ วชิ าการ การศึกษา ค้นควา้ และขอ้ ค้นพบ ภาษาไทย ความยาว โดยการรายงานทใี่ ช้รปู แบบการ 2,500 คำ เขยี นรายงานเชิงวชิ าการไดค้ รบ องค์ประกอบและถูกตอ้ งตาม หลกั วิชาการเป็นการส่ือสารที่มี ประสทิ ธภิ าพ

171 หนว่ ยที่ ช่อื หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ สาระสำคญั ชั่วโมง น้ำหนักคะแนน 30 4 เพียรนำเสนอ 3. นำเสนอข้อคน้ พบ การนำเสนอผลงานจากการศกึ ษา 12 / 20 ข้อสรปุ จากประเดน็ ที่ ค้นควา้ ข้อค้นพบโดยมีการเตรียม เลือกในรปู แบบเดย่ี ว ความพร้อมของผู้นำเสนอ (Oral individual การเลอื กรูปแบบประเภทส่อื presentation) หรอื กลุ่ม ประกอบการนำเสนอใหเ้ หมาะสม (Oral panel และสอดคลอ้ งกบั ตามความ presentation) ต้องการ ความสนใจ ความชน่ื ชอบ ของผ้ฟู งั ช่วยให้การเผยแพร่ โดยใช้ส่ือ อุปกรณ์ในการ ผลงานได้อยา่ งมปี ระสิทธผิ ล นำเสนอได้อยา่ งเหมาะสม 4. เผยแพรผ่ ลงานสู่ สาธารณะ รวม 40 / 60 100

172 คำอธบิ ายรายวิชาเพมิ่ เติม วิชาการศกึ ษาค้นควา้ และสรา้ งองคค์ วามรู้ ( IS1) (Research and Knowledge Formation) รหัสวชิ า I312 01 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 เวลา 40 ชว่ั โมง จำนวน 1.0 หนว่ ยกิต ศกึ ษา วเิ คราะห์ ฝึกทกั ษะตั้งประเด็นปญั หา /ต้ังคำถามเกีย่ วกับสถานการณป์ ัจจบุ นั และสงั คม โลก ตั้งสมมุติฐานและให้เหตุผลท่ีสนับสนุนหรอื โตแ้ ย้งประเด็นความรู้ โดยใช้ความรจู้ ากศาสตร์สาขาต่าง ๆ และมีทฤษฎรี องรบั ออกแบบวางแผน รวบรวมขอ้ มลู ค้นคว้า แสวงหาความรเู้ กยี่ วกบั สมมุตฐิ านท่ี ต้ังใจจากแหลง่ เรยี นรู้ทง้ั ปฐมภูมิและทุติยภมู ิ และสารสนเทศ อยา่ งมีประสิทธิภาพ และพจิ ารณาความ นา่ เชอื่ ถอื ของแหล่งเรียนรูอ้ ยา่ งมวี ิจารณญาณ เพ่ือใหไ้ ด้ขอ้ มลู ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยใช้ วธิ กี ารท่ีเหมาะสม สงั เคราะห์สรุปองคค์ วามรแู้ ละรว่ มกัน มีกระบวนการกลมุ่ ในการวิพากษแ์ ลกเปลี่ยน ความคิดเห็นโดยใช้ความรู้จากสาขาวิชาต่าง ๆ เสนอแนวคดิ วิธีการแก้ปญั หาอยา่ งเปน็ ระบบ ดว้ ย

173 กระบวนการคดิ กระบวนการแกป้ ญั หากระบวนการปฏบิ ัติ เพอ่ื ให้เกิดทักษะในการค้นคว้าแสวงหาความรู้ สงั เคราะหส์ รปุ อภิปรายผลเปรยี บเทียบ เชื่อมโยงความรู้ ความเป็นมาของศาสตร์ เข้าใจหลกั การและวิธี คดิ ในสง่ิ ท่ีศึกษา เห็นประโยชน์และคุณคา่ ของการศึกษาคน้ คว้าดว้ ยตนเอง ผลการเรียนรู้ 1. ตัง้ ประเด็นปัญหา จากสถานการณ์ปัจจบุ ันและสังคมโลก 2. ตง้ั สมมุติฐานและใหเ้ หตผุ ลท่ีสนับสนุนหรอื โตแ้ ย้งประเด็นความรโู้ ดยใช้ความรู้ จากสาขาวชิ าตา่ ง ๆ และมที ฤษฎรี องรบั 3. ออกแบบ วางแผน ใชก้ ระบวนการรวบรวมข้อมูลอย่างมีประสิทธภิ าพ 4. ศกึ ษา ค้นควา้ แสวงหาความรู้เก่ียวกบั ประเด็นที่เลือกจากแหล่งเรยี นร้ทู ่ีมี ประสทิ ธภิ าพ 5. ตรวจสอบความน่าเช่ือถอื ของแหล่งที่มาของขอ้ มลู 6. วเิ คราะห์ขอ้ ค้นพบดว้ ยสถิติท่ีเหมาะสม 7. สงั เคราะหส์ รปุ องค์ความร้ดู ้วยกระบวนการกลุ่ม 8. เสนอแนวคดิ การแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นระบบดว้ ยองคค์ วามรจู้ ากการคน้ พบ รวมทงั้ หมด 8 ผลการเรียนรู้

174 โครงสร้างรายวิชาเพ่ิมเตมิ การศึกษาคน้ คว้าและสร้างองคค์ วามรู้ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย หน่วยท่ี ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั เวลา น้ำหนักคะแนน 1 จุดประกายความจรงิ 1. ต้งั ประเด็นปัญหา จาก - การตงั้ ประเด็น 5 - 9 15 สถานการณป์ ัจจบุ ันและ คำถามเกีย่ วกบั สงั คมโลก สถานการณ์ปจั จบุ ัน 2. ตงั้ สมมตฐิ านและให้ และสงั คมโลก เหตุผลท่สี นบั สนุน หรอื - การต้ังสมมติฐาน โตแ้ ยง้ ประเดน็ ความรโู้ ดยใช้ และใหเ้ หตุผลโดยใช้ ความรูจ้ ากสาขาวิชาตา่ ง ๆ ความรจู้ ากศาสตร์ และมีทฤษฎรี องรบั สาขาต่างๆ 3. ออกแบบ วางแผน ใช้ - การออกแบบการ กระบวนการรวบรวมข้อมูล เรียนรู้โดยมีทฤษฎี อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รองรบั 2 ทกุ สง่ิ ท่คี ้นควา้ 4. ศึกษา ค้นคว้า แสวงหา -การคน้ คว้าแสวงหา 10 - 15 20 ความรู้เกี่ยวกบั ประเด็น ความรูเ้ กยี่ วกบั ที่เลอื ก จากแหลง่ เรยี นรู้ที่มี สมมตฐิ านจากแหล่ง ประสิทธภิ าพ ปฐมภมู ิ ทุติยภูมิ และสารสนเทศ 5. ตรวจสอบความนา่ เชือ่ ถือ ของแหล่งที่มาของขอ้ มลู 3 ปรารถนาคำตอบ 5.ตรวจสอบความน่าเชือ่ ถอื - ตรวจสอบความ 10 - 15 25 ของแหล่งทม่ี าของขอ้ มลู ได้ นา่ เชือ่ ถือของ แหล่งท่ีมาของข้อมูล 6. วิเคราะหข์ ้อคน้ พบดว้ ย สถิติทเ่ี หมาะสม - วเิ คราะห์ ความนา่ เชือ่ ถือของ แหลง่ เรยี นรู้

4 สรปุ องค์ประกอบ 7. สงั เคราะห์สรปุ องคค์ วามรู้ - เปรยี บเทยี บ / 15 - 21 175 ทสี่ มบูรณ์ ดว้ ยกระบวนการกลุ่ม เชอ่ื มโยง / สรปุ 40 - 60 องค์ความรู้ด้วย 40 8. เสนอแนวคดิ การแก้ กระบวนการ ปญั หาอยา่ งเปน็ ระบบดว้ ย อย่างเปน็ ระบบ 100 องค์ความรจู้ ากการคน้ พบ แผนการทำงานของนกั เรียน รวม คำอธบิ ายรายวชิ าเพิม่ เตมิ รายวิชาการส่ือสารและการนำเสนอ (IS2)(Communication and Presentation) รหสั วิชา I 32201 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 40 ช่ัวโมง จำนวน 1.0 หน่วยกิต ศกึ ษา เรียบเรยี ง และถ่ายทอดความคดิ อย่างสรา้ งสรรค์จากรายวิชา การศึกษาค้นคว้าและสร้าง องคค์ วามรู้ (IS 1) เกย่ี วกบั สถานการณ์ปจั จบุ ันและสังคมโลก โดยเขยี นโครงรา่ ง บทนำ เนื้อเรื่อง สรปุ ใน รูปของรายงานการศกึ ษาค้นควา้ เชิงวชิ าการเป็นภาษาไทยความยาว จำนวน 4,000คำ หรอื เปน็ ภาษาองั กฤษ ความยาว 2,000 คำ มีการอา้ งอิงแหล่งความรู้ท่ีเชอ่ื ถือไดอ้ ย่างหลากหลายเช่อื ถือได้ ท้ังใน ประเทศและต่างประเทศ เรยี บเรยี งและถา่ ยทอดส่ือสาร นำเสนอความคิดอยา่ งชดั เจนเปน็ ระบบ มีการ เสนอในรูปแบบเดย่ี ว (Oral individual) หรือกลมุ่ (Oral panel presentation) โดยใช้ส่ือเทคโนโลยที ห่ี ลากหลาย และมกี ารเผยแพรผ่ ลงานสู่สาธารณะ เพอ่ื ใหเ้ กิดทักษะในการเขยี นรายงานเชิงวิชาการ และทกั ษะการ

176 ส่ือสารทม่ี ีประสทิ ธิภาพ เหน็ ประโยชนแ์ ละคุณค่าในการสร้างสรรค์งานและถ่ายทอดสิ่งทเ่ี รียนรใู้ หเ้ ปน็ ประโยชน์แก่สาธารณะ ผลการเรียนรู้ 1. วางโครงรา่ งการเขียนตามหลกั เกณฑ์ องคป์ ระกอบและวธิ กี ารเขยี นโครงรา่ ง 2. เขียนรายงานการศึกษาเชงิ วชิ าการเป็นภาษาไทยความยาว 4,000 คำ หรอื เปน็ ภาษาอังกฤษ ความยาว 2,000 คำ 3. นำเสนอขอ้ คน้ พบ ข้อสรปุ จากประเดน็ ท่ีเลือกในรูปแบบเดย่ี ว (Oral individual) หรอื กลุ่ม (Oral panel presentation) โดยใช้สอ่ื เทคโนโลยที ี่หลากหลาย 4. เผยแพร่ผลงานสสู่ าธารณะ โดยใช้การสนทนา/วิพากษ์ผา่ นสื่ออิเลก็ ทรอนิกส์ เช่น e- conference, social media online 5. เห็นประโยชนแ์ ละคณุ ค่าการสรา้ งสรรค์งานและถ่ายทอดสิ่งท่ีเรยี นรู้ให้เป็นประโยชน์ รวมทัง้ หมด 5 ผลการเรียนรู้

177 โครงสรา้ งรายวิชาเพ่มิ เตมิ การสื่อสารและการนำเสนอ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย หน่วยท่ี ชอ่ื หนว่ ยการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ สาระสำคญั ช่วั โมง น้ำหนกั คะแนน 1 ฝกึ ซ้อมเขียน 1.วางโครงร่างการเขียน การฝึกเขยี นโครงร่างรายงาน 6/8 20 โครงรา่ ง ตามหลักเกณฑ์ เชงิ วิชาการซ่งึ มอี งค์ประกอบดว้ ย องค์ประกอบและวิธีการ ชื่อเรอื่ ง ความนำ วตั ถุประสงค์ เขียนโครงร่าง สมมตุ ิฐาน ขอบเขตการศกึ ษา เน้อื หา วิธกี ารศึกษาและการเก็บ รวบรวมข้อมลู เปน็ การวาง แผนการเขยี นรายงานเชงิ วชิ าการ อย่างเป็นระบบ และการ ตรวจสอบท้งั ดว้ ยตนเอง และ เพอื่ นชว่ ยตรวจสอบโดยใช้ สัญลักษณ์ในการตรวจสอบช่วยให้ รายงานเชงิ วิชาการน้ันถูกต้อง แม่นยำและสมบูรณย์ ิง่ ขึน้ 2 สร้างผลงานเขยี น 2. เขียนรายงานการศกึ ษา การถ่ายโอนองคค์ วามร้จู าก 18 / 28 40 คน้ คว้าเชงิ วิชาการภาษา การศกึ ษา คน้ คว้า และขอ้ ค้นพบ ไทย ความยาว 4,000 คำ โดยการรายงานที่ใชร้ ูปแบบการ หรอื ภาษาอังกฤษ เขียนรายงานเชงิ วชิ าการไดค้ รบ ความยาว 2,500 คำ องค์ประกอบและถูกต้องตามหลัก วิชาการเป็นการสื่อสารทีม่ ี ประสิทธิภาพ 3 เพียรนำเสนอ 3. นำเสนอข้อค้นพบ การนำเสนอผลงานจากการศึกษา 12 / 20 30 ข้อสรุปจากประเด็นที่ คน้ คว้า ข้อคน้ พบโดยมีการเตรยี ม เลือกในรปู แบบเด่ยี ว ความพรอ้ มของผู้นำเสนอ (Oral individual การเลอื กรปู แบบประเภทสื่อ presentation) หรอื กลมุ่ ประกอบการนำเสนอใหเ้ หมาะสม (Oral panel และสอดคลอ้ งกบั ตามความ presentation) โดยใชส้ ือ่ ตอ้ งการ ความสนใจ ความชื่นชอบ เทคโนโลยีที่หลากหลาย ของผู้ฟงั ชว่ ยให้การเผยแพร่ ผลงานได้อยา่ งมปี ระสิทธิผล 4 Show and 5. เหน็ ประโยชน์และ การเผยแพรผ่ ลงานการเขียน 4/4 10 Share คุณคา่ ในการสรา้ งสรรค์ รายงานการคน้ ควา้ ดว้ ยการจดั งานและถา่ ยทอดสงิ่ ท่ี นิทรรศการ / เผยแพร่ดว้ ยวธิ กี าร เรียนรแู้ ก่สาธารณะ ที่หลากหลาย รวม 40 / 60 100

178 ภาคผนวก

179 คณะผ้จู ัดทำ คณะทีป่ รึกษา ประวันโต ผู้อำนวยการโรงเรียนยงู ทองพทิ ยาคม โสดากุล รองผู้อำนวยการโรงเรียนยูงทองพิทยาคม 1. นายสมาน โสภณิ รองผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นยูงทองพิทยาคม 2. นายบรรพต มาลาอ่อน หัวหนา้ ฝ่ายบรหิ ารวิชาการ 3. นายก้องตะวนั ภูห้องเพชร หวั หน้างานหลกั สตู รสถานศกึ ษา 4. นายพงษ์พันธ์ 5. นางชยานันท์ คณะครผู รู้ บั ผดิ ชอบกลุม่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ 19. นางสาวนารี ขนุ พรม ครู 20. นางชลธชิ า สรอ้ ยธนู ครู 21. นายจิณภพ ศรีชัย ครผู ู้ช่วย 22. นางสาวพชิ ญาพร ธาตุมี พนักงานราชการ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook