Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 331351

Description: 331351

Search

Read the Text Version

■ ในหอ้ งดูแลผ้ปู ว่ ยฉุกเฉิน (ICU) หรอื หอผ้ปู ่วย นิยมใช้ฟองน้ำทีเ่ รียกว่า oral swab เพ่ือ เอาเศษอาหารก้อนใหญ่ออก ตามด้วยการแปรงฟัน หรือใช้ผ้าก๊อซถูซ้ำ เพราะผู้ท่ีดูแลตัวเองไม่ได้ มักมีเศษ อาหารติดข้างกระพุง้ แกม้ Oral Swab มี 2 แบบ คอื แบบท่ไี มช่ ุบอะไรเลย ถ้าเอามาชุบนำ้ ยาบ้วนปาก จะชว่ ย ให้รู้สึกสดช่นื ขึน้ แตไ่ ม่มผี ลตอ่ ความสะอาด และแบบทชี่ บุ lemon glycerin ห้ามใชใ้ นผสู้ ูงอายุ เพราะจะทำให้ เนื้อเยอ่ื แหง้ 4. ลำดบั ขัน้ ตอนวธิ ีการแปรงฟัน ควรทำเป็นระบบ โดย 1) ใช้ Oral Swab หรอื ผา้ ก็อซ นำเศษอาหารกอ้ นใหญ่ออกก่อน 2) แปรงด้านนอกหรือดา้ นกระพุ้งแก้ม โดยให้คนไข้กัดฟนั ไว้ แลว้ แปรง ดา้ นนอกให้ครบทกุ ซ ่ี 3) แปรงด้านใน ซึ่งมักจะมีปัญหาว่าผู้สูงอายุไม่อ้าปาก ให้เอามือลูบแก้มทั้ง 2 ข้าง โดยใช้นิ้วลูบริมฝีปากให้รู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ แล้วค่อยๆ เอานิ้วล้วงลงไปให้อ้าปาก เริ่มจากแปรงฟันหน้า บน โดยวางแปรงในแนวต้ัง แปรงฟนั หลังบน แลว้ แปรงฟันหนา้ ล่าง ฟนั หลงั ลา่ งเปน็ ตำแหนง่ สดุ ท้าย ลำดบั ที่ 1 แปรงฟนั บน ลำดบั ที่ 2 แปรงฟนั หลงั บน 99คมู่ ือการอบรมการดูแลสุขภาพผูส้ งู อายุ

ลำดบั ที่ 3 แปรงฟันหน้าล่าง ลำดับที่ 4 แปรงฟนั หลงั ล่าง รปู แสดงลำดบั การแปรงฟนั ในกลมุ่ ผสู้ ูงอายุทชี่ ว่ ยเหลอื ตัวเองไม่ได ้ 4) คอยซับน้ำลายและเศษอาหารตลอดเวลา กรณีท่อี ยู่ในโรงพยาบาลก็ใช้ทีด่ ูดน้ำลาย ใน หอผู้ป่วย ซึ่งอนาคตท่ีโรงพยาบาลจะมีผู้สูงอายุกลุ่มที่ติดเตียงมากขึ้น ถ้าเป็นท่ีบ้านก็ใช้ผ้าซับ กรณีที่ไม่มีที่ ดดู นำ้ ลาย แต่สำหรบั ผูส้ งู อายุทม่ี ีปญั หาอน่ื ๆ เชน่ กลนื ลำบาก (dysphagia) ตอ้ งมที ่ดี ูดน้ำลายทบี่ ้าน เพราะนำ้ ท่จี ะใชบ้ ว้ นปาก ตอ้ งใสก่ ระบอกฉดี ยา (Syringe) ขนาด 10 ซซี ี คอ่ ยๆ ฉดี นำ้ ทีละนอ้ ยระหว่างแปรง และตอ้ ง ใช้ที่ดูดน้ำลายตลอดเวลา เพื่อไม่ให้สำลัก ผู้สูงอายุสมองเสื่อม (dementia) บางคนอาจจะกัด เตะ ตี ต้องใจ เย็นๆ เวลาดแู ลผู้สงู อาย ุ สำหรบั ผ้สู ูงอายุที่ชว่ ยเหลอื ตัวเองไม่ได้ เคลด็ ลับสำหรบั ผูด้ ูแล คือ ให้ยืดหยุน่ อาจจะไม่ ตอ้ งแปรงเชา้ และเย็นเสมอไป แปรงเวลาไหนกไ็ ด้ เพราะบางทีตอนเช้ามกี จิ กรรมมาก เชน่ เชด็ ตวั กนิ ข้าว ยา้ ย จากเตียงมาน่ัง เปล่ียนเวลามาแปรงฟันตอนบ่ายก็ได้ มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุ แต่ยังไม่มีหลัก ฐานทางวิชาการว่า ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แปรงฟันแค่วันละครั้งก็พอ โดยใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ และผดู้ แู ลอาจตอ้ งช่วยกันมากกว่าหนงึ่ คน 5. ขอ้ ควรระวังสำหรบั ผดู้ ูแล ■ ใช้แปรงจบั ใหถ้ นดั ทัง้ 2 ดา้ ม ■ ใส่ถุงมอื เสมอ และอย่าเอานิว้ ไปอยูร่ ะหว่างฟัน ■ ใชแ้ ปรงขนนุ่มหัวเล็ก ■ กรณีใส่ฟันเทียม ควรถอดออกก่อนเสมอ เพ่ือทำความสะอาดทั้งฟันเทียมและในช่อง ปากของผ้สู ูงอายุทุกครั้งหลงั รับประทานอาหาร ■ เวลาแปรงให้ผู้ป่วยชูมือข้ึน ผู้ดูแลกอดจากด้านหลัง หรือให้ผู้สูงอายุนอนตะแคง ใช้ เทคนิคลูบหน้า ลบู ริมฝปี าก ให้อ้าปาก ■ ทส่ี ำคญั ตอ้ งมีคนอืน่ เขา้ มาช่วย และตอ้ งสอื่ สารกับญาตใิ ห้ดี 7.2 การดูแลริมฝีปากผูส้ ูงอายุ ควรดูแลริมฝีปาก โดยเฉพาะมุมปากไม่ให้แห้ง ป้องกันการมีรอยแตก เป็นแผล ดูแลภายในช่อง ปากให้ช่มุ ชื้น ถ้าชอ่ งปากแห้งควรใหจ้ ิบนำ้ อุน่ 100 คมู่ ือการอบรมการดูแลสุขภาพผูส้ ูงอาย ุ

7.3 กรณีผู้สงู อายชุ ว่ ยเหลือตวั เองไม่ไดแ้ ละไมร่ สู้ กึ ตวั สามารถช่วยทำความสะอาดช่องปากได้ โดยใชไ้ มก้ ดล้นิ เปิดช่องปากผสู้ ูงอายุ ใชป้ ากคีบ คบี ผ้าก๊อซ สำลี ทช่ี บุ นำ้ หมาดๆ เชด็ ฟัน ล้ิน เหงอื ก กระพุ้งแก้ม ให้ท่วั หรอื ใช้นิว้ พนั ผา้ นุ่มชบุ นำ้ หมาด เชด็ ในปากให้ทวั่ กไ็ ด้ นอกจากน้ี ผู้ดูแลควรจะสังเกตความผิดปกติอ่ืนๆ ในช่องปากผู้สูงอายุ ขณะทำความสะอาดด้วย โดยดูว่า ■ ฟนั ปลอมของผูส้ งู อายทุ ี่ใสอ่ ยู่ หลวมหรอื เสื่อมสภาพแตกหกั ไปบางสว่ น บาดเนอ้ื เยื่อในช่อง ปากเปน็ แผลหรือไม่ มกี ารอักเสบบรเิ วณใตฟ้ นั ปลอมหรอื ไม ่ ■ ตรวจดใู นปากว่ามีรอยโรคลักษณะอื่นๆ เชน่ ฝา้ ขาว แผล เนื้องอกเปน็ กอ้ นท่ผี ดิ ปกติ เชื้อรา หรอื ไม่ ถ้าสงสัยใหป้ รกึ ษาเจา้ หนา้ ทสี่ าธารณสุข แพทย์หรือทันตบคุ ลากรเพอ่ื ทำการรกั ษาตอ่ ไป 4. การส่งเสริมสุขภาพผู้สงู อายดุ ้านอารมณ์ การทำอารมณ์และจติ ใจให้เปน็ สุข ผู้สูงอายุควรดูแลสุขภาพกายของตนให้ดี เนื่องจากสุขภาพ กายส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจ เมื่อผู้สูงอายุมีสุขภาพกายท่ีดี จิตใจ สดชนื่ แจม่ ใส จะชว่ ยใหค้ นรอบขา้ ง ทง้ั สงั คมและครอบครวั มคี วามสขุ ดว้ ย ซงึ่ สามารถทำไดด้ งั น้ ี 1. การดูแลร่างกาย 1.1 อารมณ์และจิตใจของผู้สูงอายุจะแจ่มใสได้ ต้องมีสุขภาพท่ีดี การทำให้สุขภาพดีต้องอาศัย วธิ ีการหลายอยา่ งประกอบกัน เชน่ รบั ประทานอาหารครบ 5 หมู่ อยู่ในทที่ ี่มีอากาศดี มีการออกกำลงั กายทพ่ี อ เหมาะ ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และนอนหลับอย่างเพียงพอ เม่ือเจ็บป่วยรีบรักษา หรือบรรเทาอาการเจ็บ ป่วยใหล้ ดนอ้ ยลง เพื่อว่า ความเจบ็ ปว่ ยนัน้ จะไดไ้ ม่รบกวนจิตใจใหเ้ ปน็ ทุกข์ 1.2 ผู้สูงอายุควรพยายามดูแลร่างกาย และช่วยเหลือตัวเองในการปฏิบัติภารกิจประจำวันของ ตนเองให้มากท่ีสดุ เทา่ ท่ีจะทำได้ เช่น อาบนำ้ /แปลงฟนั แตง่ ตัว รับประทานอาหาร เข้าหอ้ งน้ำ/ขบั ถา่ ย เดินทาง ไปนอกบา้ นและกลบั บา้ นเองในระยะทางท่ีไม่ไกลเกินไปนัก เช่น ไปวดั ไปตลาด ไปบา้ นเพอ่ื น ไปชมรมผสู้ ูงอาย ุ 2. การดแู ลอารมณแ์ ละจิตใจ 2.1 การยอมรบั บทบาทและสถานภาพทีเ่ ปลีย่ นแปลงเม่ือมอี ายุมากข้ึน ■ ผู้สงู อายุควรอยู่กับลูกหลานอยา่ งมศี ักดศิ์ รี ดงั นนั้ จึงตอ้ งร้จู กั โอนอ่อนผอ่ นปรนไปตาม ความคิดเห็นของผู้ที่ตนอยู่ด้วยตามสมควร ไม่เอาแต่ใจตนเอง หรือจู้จี้จุกจิกมาก สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลูกหลาน โดยเปน็ ทีป่ รึกษาใหก้ ำลังใจและให้ความช่วยเหลอื ตามความเหมาะสม ■ ผู้สูงอายุมีความพอใจและยอมรับความเป็นจริงของชีวิตท่ีมีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ว่า เปน็ เรอ่ื งธรรมดา จะทำใหจ้ ติ ใจดขี ึ้น ■ ผูส้ ูงอายคุ วรมองชวี ติ ตนเองในทางท่ดี ี มคี วามภาคภูมใจทส่ี ามารถเปน็ ท่ีพ่ึงพิงแก่ผู้ออ่ น วยั และเป็นผมู้ ีความดงี ามสำหรับเปน็ ตวั อย่างแก่บตุ รหลาน คมู่ ือการอบรมการดแู ลสุขภาพผู้สงู อายุ 101

2.2 เมอ่ื มคี วามกังวลใจในเร่ืองต่างๆ เชน่ เป็นหว่ งลูกหลานจะลำบาก กังวลใจในเร่อื งของการเจบ็ ปว่ ยของตนเอง ควรปรึกษาคนใกล้ชิด เพอ่ื นบ้าน สมาชิกชมรมผู้สงู อายุ เจ้าหน้าทขี่ องรฐั ปฏิบัตธิ รรมมะ เป็นตน้ 2.3 พยายามหากจิ กรรม งานอดเิ รกทที่ ำแลว้ เพลดิ เพลนิ และมคี ณุ คา่ ทางจติ ใจ เชน่ ปลกู ตน้ ไม้ เลยี้ ง สตั ว์ การเลยี้ งสตั วเ์ ปน็ เพอื่ น จะชว่ ยใหผ้ สู้ งู อายไุ มเ่ หงาและมคี วามสขุ สว่ นการปลกู ตน้ ไม้ การทไี่ ดเ้ ฝา้ ดคู วามเจรญิ เตบิ โตของตน้ ไมจ้ ดั เปน็ ความเพลดิ เพลนิ และเปน็ ความสขุ อยา่ งหนงึ่ และถา้ ตน้ ไมน้ น้ั ใหด้ อกผลดว้ ยแลว้ กย็ งิ่ ทำใหผ้ สู้ งู อายมุ คี วามสขุ มากขน้ึ เพราะเกดิ ความภาคภมู ใจ ทส่ี ามารถทำได้ และรสู้ กึ วา่ ตวั เองมคี ณุ คา่ ทท่ี ำงานประสบผลสำเรจ็ 2.4 พบปะสงั สรรคก์ บั บคุ คลอน่ื เพื่อพูดคยุ กัน หรือปรับทกุ ข์กนั และรว่ มกจิ กรรมกับเพื่อนๆ ใน ชมรมผู้สงู อายุ เชน่ ออกกำลงั กาย 2.5 ยึดศาสนาเป็นทีพ่ ่งึ ทางใจ ■ สวดมนต์ ทำบุญ ตามความสะดวก และความเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ เวลาและ สภาพรา่ งกายของผสู้ ูงอายุ ■ หาเวลาอยเู่ งียบๆ เพ่ือปฏิบตั ิธรรม ฝกึ สมาธิ หรอื ศกึ ษาข้อปฏิบัตทิ างศาสนา 3. การดแู ลครอบครวั และสงั คม 3.1 ครอบครวั ■ ผ้สู ูงอายยุ อมรบั ฟังความคิดเหน็ ของลกู หลาน รวมทั้งสมาชกิ ในครอบครวั ซงึ่ จะชว่ ยให้ สมั พันธภาพระหว่างสมาชิกในครอบครวั กบั ผสู้ ูงอายเุ ปน็ ไปในทางด ี ■ เป็นท่ีปรึกษาแนะนำและใหก้ ำลงั ใจแก่ลกู หลาน และสมาชิกในครอบครวั เมื่อมีปัญหา ผูส้ งู อายุเป็นผู้ผ่านปัญหาและอุปสรรคมานานัปการย่อมมีประสบการณ์ท่ีสามารถนำมาเป็นบทเรียนในการให้คำปรึกษา แนะนำ และให้กำลงั ใจแกล่ ูกหลานได้เป็นอยา่ งดี การถ่ายทอดความร้แู ละประสบการณ์ในอดีต จึงเปน็ สิ่งท่มี คี ่าย่งิ ■ ควรช่วยเหลือครอบครัวตามความสามารถและความถนัด เช่น ดูแลหลาน ดูแลบ้าน ชว่ ยทำงานบ้าน เป็นต้น 3.2 สงั คม ผูส้ งู อายสุ ามารถเปน็ ผนู้ ำทางด้านจติ ใจและเปน็ แบบอย่างแกช่ มุ ชนได้ โดยอาจช่วยเหลือผอู้ น่ื ยาม เจ็บป่วย เช่น ช่วยเฝ้าไข้ อยู่เป็นเพื่อน หรืออาจช่วยงานการกุศล เป็นอาสาสมัครในชุมชน และอาจร่วมกับ ชมรมผู้สงู อายใุ หก้ ารชว่ ยเหลือสงั คม เชน่ ชว่ ยดแู ลเดก็ ในศูนยบ์ ริการเดก็ เลก็ ชว่ ยทำอาหารกลางวนั ให้นักเรียน ในโรงเรียน เป็นต้น การทำเชน่ นีจ้ ะทำให้ผสู้ ูงอายมุ ีความสมั พนั ธท์ ดี่ ีกับชมุ ชนและตวั ผสู้ งู อายเุ องก็สขุ ใจด้วย 5. การสง่ เสริมสขุ ภาพผสู้ งู อายเุ รือ่ งงานอดิเรก ความสขุ หลงั เกษยี ณงาน น้ัน ขึ้นอยกู่ ับอารมณท์ ่เี ปลย่ี นไป การปรบั สภาพของตนเอง ไหวพริบและความสนใจในสงิ่ ตา่ งๆ คนที่ ไม่ได้สนใจในการทำงานอื่นนอกจากงานท่ีเคยทำ หรือเตรียมงาน ทำหลังเกษียณ จะมีผลทำให้อายุส้ัน หลังเกษียณไม่ก่ีปี ซ่ึงจะเสีย ชีวิตด้วยโรคแห่งความเบื่อหน่าย สมองเสื่อม ตรงข้ามกับผู้เกษียณ ทีม่ ีงานอดิเรกทำ ทำใหร้ ูส้ ึกว่าตนเองมีคุณคา่ และมีอายยุ นื ยาวต่อไปอีกหลายปี 102 คู่มือการอบรมการดูแลสุขภาพผ้สู งู อาย ุ

นันทนาการสำหรับผู้สูงอายุเป็นการกระทำกิจกรรมยามว่าง เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจหรือเพื่อความ บันเทิง โดยอาจกระทำคนเดียวหรือเป็นหมู่คณะก็ได้ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเหตุ ที่ผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของระบบการทำงานในร่างกาย ดังนั้น กิจกรรมนันทนาการที่จะจัดข้ึน สำหรับผู้สูงอายุ จึงควรคำนึงถึงการให้โอกาสผู้สูงอายุได้มีส่วนร่วมให้มากที่สุด เพ่ือช่วยให้ร่างกายมีความแข็ง แรงสมบรู ณ์อยู่ตลอดเวลา และยดื อายุการเจ็บปว่ ยออกไป งานอดิเรก หมายถึง ส่ิงท่ีทำยามว่าง ซ่ึง งานอดิเรกจะเกิดจากความสนใจและความสนุกสนานเป็น หลัก มากกว่าท่ีจะได้ผลตอบแทนทางการเงิน หรือสิ่งแรกเปล่ียนอื่นๆ งานอดิเรกมักจะเพิ่มพูนทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ในด้านต่างๆ แต่จุดมุ่งหมายของการทำคือความพึงพอใจ ตัวอย่างของงานอดิเรก เช่น การ อา่ นหนงั สอื การเลน่ ดนตรี การออกกำลังกาย การเลน่ กีฬา การวาดรปู ปลกู ต้นไม้ หรือการสะสมสงิ่ ตา่ งๆเช่น ของที่ระลึก แสตมป์ หรือตุก๊ ตา เปน็ ต้น ประเภทของกิจกรรมนันทนาการ กิจกรรมนันทนาการที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุควรเป็นกิจกรรมเบาๆ ที่ผู้สูงอายุเลือกทำตามความ ตอ้ งการ หรอื ผ้ดู ูแลผสู้ ูงอายจุ ัดให้เหมาะสมกบั ผู้สูงอายุ กิจกรรมดงั กลา่ วไดแ้ ก ่ 1. กจิ กรรมทางสังคม ไดแ้ ก่ การร่วมในงานบญุ งานประเพณี งานเทศกาล งานของเพอ่ื นบ้าน ซงึ่ เป็นกิจกรรมภายในชุมชนที่ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ยังเข้าร่วมอยู่ นอกจากนั้นผู้สูงอายุบางส่วนยังเข้าร่วมเป็นสมาชิก ชมรมหรือกลุ่ม เช่น ชมรมผสู้ ูงอายุ กล่มุ ศาสนา ซ่งึ ผู้สงู อายุเองเหน็ ดว้ ยวา่ มีความจำเป็นที่ผ้สู งู อายคุ วรเข้าสงั คม พบปะกับบุคคลต่างๆ ในสังคมบ้าง โดยเฉพาะการพบปะพูดคุยกับลูกหลาน ญาติเพ่ือนฝูง ตลอดจนการดู โทรทศั น์กับครอบครัว ศึกษาปฏิบัติธรรม และปลกู ต้นไม้กบั ครอบครัวหรือเพือ่ นร่วมวัยเดยี วกนั 2. กิจกรรมการออกกำลังกาย เป็นสิ่งท่ีมีประโยชน์แก่ผู้สูงอายุ ซ่ึงมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จากความเสื่อม จึงจำเป็นต้องออกกำลังกายเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพและพิการของอวัยวะต่างๆ เช่น กล้าม เนื้อและข้อต่างๆ ปอดและหัว เป็นต้น การออกกำลังกายยังช่วยให้ร่างกายคล่องตัว ไม่หกล้มง่าย และไม่อ้วน เกินไป ซง่ึ เป็นปัจจัยเลย่ี งตอ่ การเปน็ โรคเบาหวาน ไขมันในเลอื ดสูง หรือความดันโลหิตสูง นอกจากน้ยี ังช่วยให้ ผูส้ งู อายไุ ดล้ ดความเครียด 3. กิจกรรมการท่องเท่ียว ได้แก่ การเดินทางไกลในโลกกว้าง การท่องเที่ยวในเมืองไทย ทั้งใน กรงุ เทพมหานครและต่างจังหวดั การเปน็ มัคคเุ ทศกห์ รือไกดบ์ รรยายในการท่องเท่ยี ว การเขยี นหนังสอื คู่มอื การ ท่องเที่ยว เป็นต้น เนื่องจากการเดินทางท่องเท่ียวเป็นการสั่งสมประสบการณ์ของชีวิต เสริมสร้างความคิดให้ ก้าวไกล ทำให้ชีวิตไมต่ ้องอยู่กบั ท่ีตลอดเวลา เหมือนกับได้ชาร์จไฟหรอื แบตเตอร่ีให้ตวั เอง ทำใหม้ องดูเปลง่ ปลงั่ ดังคนหนุ่มสาวอยู่เสมอ ชีวิตมีความสุขสนุกสนานไปอีกรูปแบบหน่ึง แม้ว่าจะเหน็ดเหน่ือยกับการเดินทางบ้าง กต็ าม แตก่ เ็ ปน็ การสรา้ งความสนกุ สนานรื่นเริงบนั เทิงใจไดเ้ ปน็ อย่างดี เมื่อหวั ใจเปน็ สขุ ทกุ ข์ยอ่ มไมม่ ี เปน็ การ หนีความเปลี่ยนแปลงของร่างกายก่อนวัยอันควรไม่มากก็น้อย กิจกรรมการท่องเท่ียวน้ีอาจเป็นการเข้าชม พิพธิ ภณั ฑ์ สวนสตั ว์ วดั วาอาราม พระราชวัง อุทยานประวตั ศิ าสตร์ อทุ ยานธรรมชาติ การท่องเทย่ี วเชิงเกษตร นิเวศน์ การท่องเที่ยวแบบร่วมอาศัยท่ีบ้านเดียวกันกับคนในท้องถิ่นหรือโฮมเสตย์ การท่องเที่ยวแบบวิถีสุภาพ ซึ่งปัจจุบันสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งให้ผู้สูงอายุเข้าชมโดยไม่เก็บค่าเข้าชม หรือถ้ามีการเก็บก็เพียงครึ่งเดียว นอกจากน้ันยังมีบริการรถน่ังเข็น รถกระเช้าไว้บริการแก่ผู้สูงอายุ รวมท้ังค่าโดยสารรถไฟ รถประจำทาง รถ ปรับอากาศ ลดราคาให้กบั ผ้สู ูงอายุด้วย คมู่ อื การอบรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ 103

4. กิจกรรมงานอดิเรก เช่น การทำงานฝีมือ งานเย็บปักถักร้อย ทอผ้า ทำหุ่น ทำอาหารคาวหวาน งานวาดภาพ ฟ้อนรำหรอื เต้นรำ รอ้ งเพลง งานช่างไม้ การจดั สวน เป็นตน้ กิจกรรมงานอดเิ รกนี้เป็นการทำงานที่ ตนรกั ชอบ และประสงค์ทีจ่ ะทำตอ่ ไป เพ่อื ความผ่อนคลาย ความบนั เทิงใหก้ บั ชีวติ ตนเอง บางครัง้ รสู้ กึ อม่ิ เอมและ พงึ พอใจกบั ผลงานท่ไี ดร้ บั เชน่ งานผีมือตา่ งๆ และยิ่งเป็นสขุ ใจมากย่ิงขนึ้ เมือ่ ไดม้ อบสิง่ ท่ีเป็นงานฝมี ือเหล่านน้ั แก่ ลูกหลาน ญาติพี่น้อง และเพ่ือนฝูง ซ่ึงงานอดิเรกน้ีบางคร้ังทำให้ผู้สูงอายุมีโอกาสได้บำเพ็ญสาธารณะปนระโยชน์ เช่น การเป็นอาสาสมัครการเป็นวิทยากรในการอบรมวิชาการและวิชาชีพแก่สังคม เป็นการถ่ายทอดภูมิปัญญา จากคนร่นุ หนง่ึ สู่รุ่นตอ่ ๆ ไป ทำให้มกี ารดำรงสบื ทอดศิลปวฒั นธรรมอนั ดีงามของท้องถนิ่ และของชาตสิ ืบไป 6. การหลกี เล่ียงการสูบบุหร่ี การสบู บหุ ร่เี ปน็ พฤติกรรมเสีย่ งทส่ี ำคัญทสี่ ดุ ที่นำไปสู่โรคทีส่ ามารถป้องกันได้ เชน่ ■ โรคหลอดลมอุดตนั เรื้อรงั ทำใหผ้ สู้ งู อายุมีอาการไอและหอบเหนอื่ ยเร้อื รัง ■ โรคมะเร็งปอด เป็นมะเร็งทีพ่ บบ่อยเป็นอนั ดบั 2 ในชายไทย และเปน็ อนั ดับ 3 ในหญงิ ไทย ■ โรคหัวใจขาดเลอื ดไปเลี้ยง ยิง่ สบู บุหรีจ่ ำนวนมากตอ่ วนั ก็ย่ิงมโี อกาสเกดิ โรคมากข้นึ ■ โรคเสน้ โลหติ ในสมองตีบตนั ■ โรคกระดูกพรุน ■ สมรรถภาพของรา่ งกายทีถ่ ดถอย ■ และการสูบบุหร่ีเป็นปัจจัยเสี่ยงท่ีสำคัญสำหรับโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น โรคมะเร็งช่องปาก โรค มะเร็งโพรงจมูก เป็นต้น 7. การหลกี เล่ยี งสุรา ผู้สูงอายุควร ลด ละ เลิก ส่งิ ที่เป็นอนั ตรายต่อสขุ ภาพ เชน่ สรุ า ซึ่งกอ่ ให้ เกดิ ผลเสยี ตอ่ สขุ ภาพกายและจิตใจ ผู้ที่ด่ืมสรุ ามากตง้ั แต่วัยรนุ่ ชีวติ อาจไมย่ าวพอ จนเปน็ ผสู้ งู อายุ แตถ่ ้าด่ืมตอนอายมุ ากก็จะเกิดปญั หาต่อสขุ ภาพต่อผสู้ ูงอายุ ดงั น ้ี ■ มโี อกาสเกดิ โรคกระดกู พรุนได้ง่าย ■ มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เน่ืองจากสุราทำให้เสียการควบคุมตนเองได้ง่าย และในคนปกติเมื่อ อายุมากกว่า 55 ปเี มอื่ ขบั รถ มีโอกาสเกิดอุบตั เิ หตไุ ดง้ ่ายกวา่ คนอายุนอ้ ย และเม่ือถ้าดม่ื สรุ าเข่าไป จะมีโอกาส เกิดอบุ ตั ิเหตไุ ดม้ ากกว่าปกต ิ ■ ผู้สูงอายุจะมีอาการเมาเร็วมากกว่าวัยหนุ่มสาวเนื่องจากปริมาณน้ำในร่างกายน้อยกว่า ดังน้ัน ผู้ สงู อายจุ งึ เกิดโรคแทรกซอ้ นจากสรุ าไดบ้ ่อยกว่า ■ ผสู้ งู อายทุ ่ดี ่มื สรุ าจะมอี าการซึมเศร้ามากกวา่ ผทู้ ไ่ี มด่ ืม่ ■ ขัดขวางการออกฤทธ์ิของยาท่ีรับประทานหรือทำให้ยาท่ีรับประทานออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มท่ี เนื่องจากในวัยสงู อายุมักมีโรคประจำตวั และจะมยี าที่รบั ประทานเป็นประจำหลายชนิด เมื่อดื่มสรุ าจะทำใหย้ าท ่ี รบั ประทานออกฤทธ์ิได้ไมเ่ ตม็ ที่ 104 คู่มือการอบรมการดแู ลสุขภาพผู้สงู อาย ุ

บทที่ 9 สขุ ภาพจิตกับผ้สู งู อาย ุ 1. ธรรมชาติและความเปล่ยี นแปลงทางจิตใจของผ้สู ูงอายุ ผู้สูงอายุ มีธรรมชาติท่ีสำคัญเกี่ยวกับอารมณ์จิตใจ แบบใดข้ึนอยู่ กับช่วงวัยท่ผี ่านมามีบคุ ลกิ ภาพเปน็ แบบใด ซึ่งเปน็ ลักษณะเฉพาะตน ความ เปล่ียนแปลงทางอารมณ์และจิตใจเกิดควบคู่กับความเปลี่ยนแปลงทางกาย ซง่ึ ความเปลย่ี นแปลงของผูส้ งู อายุท่เี ป็นไปในลักษณะเส่อื มนี้ ทำใหผ้ ้สู ูงอายุ มองว่าตนเองไร้ค่า ต้องพึ่งพาผู้อื่น เม่ือประกอบกับการสูญเสียอำนาจ ตำแหน่งหน้าท่ีการงานในสังคมแล้ว ผู้สูงอายุย่ิงมีความกังวล ใจน้อยและ กระทบกระเทือนใจได้ง่ายๆ อารมณ์ของผู้สูงอายุก็เหมือนกับอารมณ์ของ คนในวัยอืน่ ๆ แตบ่ างอารมณ์ท่อี าจเกดิ ขนึ้ มากในชว่ งวยั สงู อายุ ดังนี ้ 1. อารมณเ์ หงาและอารมณ์ว้าเหว่ เนื่องจากผ้สู ูงอายมุ เี วลาว่าง จากอาชีพและภารกิจต่างๆ มาก การประสบการพลัดพรากจากไปของผู้ท่ี ใกล้ชิดและเป็นที่รัก นอกจากน้ีสภาวะทางกายได้แก่สายตาไม่ดี หูไม่ดี กิจกรรมท่ีทำจึงมีข้อจำกัด โดยอารมณ์ เหงาในวัยสูงอายมุ กั จะมีอารมณ์อื่นๆ ร่วมด้วย และกอ่ ใหเ้ กิดผลกระทบทางใจหลายประการ เชน่ ซึมเศรา้ เบ่ือ อาหาร เกดิ โรคภยั ไข้เจ็บ หลงๆ ลมื ๆ นอนไม่หลบั เจ็บปว่ ยตามทีต่ ่างๆ 2. การย้อนคิดถึงความหลัง มีหลายรูปแบบ เช่น น่ังคิดคนเดียวเงียบๆ บอกเล่าให้ผู้อ่ืน เขียนด้วย ตัวหนังสอื เดนิ ทางไปในสถานที่คนุ้ เคย ฯลฯ สาเหตขุ องการย้อนคิดถึงความหลังนน้ั เป็นการยอ้ นอดตี เพ่ือดูว่า ชีวิตที่ผ่านมาสมหวังหรือไม่ หากพึงพอใจกับอดีตก็จะยอมรับในส่ิงท่ีเป็น แต่ถ้าย้อนไปแล้วรู้สึกไม่พอใจ ผู้สูง อายุก็จะรู้สึกคับแค้นใจ ทั้งน้ีหากผู้สูงอายุได้ย้อนคิดถึงอดีตด้วยความพอใจและเพื่อปรับตนจะทำให้ตระหนักถึง ความไมเ่ ทย่ี งของชวี ติ จะเป็นผสู้ ูงอายทุ ีป่ รบั ตวั ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมคี วามสุขในวัยสงู อายุ 3. อารมณ์เศร้าจากการพลัดพราก เป็นการเศร้าจากการสูญเสียคนที่รัก โดยจะมีความคิดและ อารมณ์ทางลบต่างๆ เช่น ว้าเหว่ เลื่อนลอย หลงๆ ลืมๆ หรือมีความเจ็บปวดทางกาย หากผู้ที่จากไปมีความ ผูกพันกนั ทางความคิด อารมณ์ จติ ใจอยา่ งมาก เขาอาจตายตามไปในเวลาไม่ชา้ ซ่งึ เป็นเรอ่ื งทอ่ี าจเกดิ ข้ึนได้ หาก สามารถทำใจยอมรับการตาย สามารถพูดถึงคนที่จากไปโดยไม่ขมขื่นอาลัยอาวรณ์ ซ่ึงอารมณ์เศร้านี้ หากมี อาการอน่ื ร่วม กลายเปน็ โรคซึมเศรา้ ไมส่ นใจตนเอง อาจต้องปรกึ ษาแพทย์ 4. วิตกกงั วล กลวั วา่ จะต้องพ่งึ ลกู หลาน ขาดความเชอ่ื มน่ั นอนไม่หลบั กลัวถกู ทอดทิ้ง กลวั ภยั กลวั ขาดความสามารถ กลัวไมไ่ ด้รบั การเอาใจใส่ดูแลจากลูกหลาน ผู้สูงอายุมักกลวั ไปต่างๆ นานา ทำใหอ้ อ่ นเพลีย ไม่มีแรง เปน็ ลมงา่ ย หายใจไมอ่ อก เบ่อื อาหาร เป็นตน้ คมู่ อื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผสู้ ูงอาย ุ 105

5. โกรธ เม่อื มีความเห็นขดั แยง้ ลูกหลานไม่ยอมรบั ฟังความคดิ เห็น 6. กลวั ถกู ทอดทง้ิ เพราะช่วยตัวเองได้นอ้ ยลง 7. ข้ใี จนอ้ ย เพราะคิดวา่ ตนเองไรค้ ่า ลูกหลานไมส่ นใจ 8. หงุดหงดิ เพราะทำอะไรดว้ ยตนเองได้นอ้ ยลง ใครทำกไ็ มถ่ กู ใจ จงึ กลายเปน็ คนจจู้ ี้ ขบี้ น่ แสนงอน กล่าวโดยสรุปไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หรือพฤติกรรม ท่ีเปล่ียนแปลงไปในวัยสูงอายุ ผู้สูงอายุควรได้มีการ ปรบั ตัว ยอมรับกบั การเปลี่ยนแปลงท่เี กิดขน้ึ ดังน้ี 1. เปดิ ใจยอมรับการเปลย่ี นแปลงที่เกดิ ขน้ึ ท้ังของตนเองและสิง่ ใหม่ๆในสงั คมโดยเริ่มจากการปรบั ใจ 2. เปดิ รบั และยอมรบั ความคิดเห็นของลูกหลานและคนอื่นให้มากขึน้ 3. ไมเ่ ก็บตัวหรอื แยกตัว พยายามร่วมกจิ กรรมกับครอบครัว ตามศักยภาพของผู้สูงอาย ุ 4. คิดยืดหยุ่นในเรื่องต่างๆ ว่าทำอย่างไรจึงจะอยู่ร่วมกับครอบครัวและคนอื่นให้ได้อย่างดีท่ีสุดเท่าท่ี ทำได้ และขัดแยง้ กันนอ้ ยที่สดุ 5. ยอมรบั ความช่วยเหลือและการดูแลของลูกหลานเมื่อถงึ เวลาจำเปน็ 6. ทำจิตใจให้เบิกบานอย่เู สมอ ไมใ่ ห้ตนเองเกดิ ความเครยี ด หงุดหงิด รู้จักผ่อนคลาย การปรับตัวของลกู หลานและผดู้ แู ลผูส้ ูงอายุ 1. ผู้ดแู ลต้องปรบั ตนเองด้วย โดยการปรับใจปรบั ความคดิ ยอมรับการเปล่ยี นแปลงทเี่ กดิ ขน้ึ 2. ปรับการทำกจิ วัตรประจำวนั และการทำงานของตนเองให้สอดคล้องกบั การดแู ลผสู้ ูงอายุ 3. เอาใจใสด่ ูแลผสู้ ูงอายุดว้ ยความรัก เช่น การทีล่ ูกหลานมาเยย่ี มผู้สงู อายุบ่อยๆ แสดงความรักดว้ ย การโอบกอด ใหเ้ วลาในการพดู คุย หรือทำกจิ กรรมรว่ มกบั ครอบครวั ตามสภาพผูส้ ูงอายุ ดูแลเร่ืองการทำกจิ วตั ร ประจำวัน ดว้ ยความนุ่มนวล ออ่ นโยน ถนอมจิตใจ 4. ใหเ้ กยี รตแิ ละให้ความสำคัญกับผ้สู งู อายุ เช่น คอยซักถามเกย่ี วกบั สุขภาพ ความรสู้ ึก ความเปน็ อยู่ 5. ให้ผูส้ ูงอายชุ ว่ ยในการอบรมบุตรหลาน ดูแลกจิ การในบา้ นเทา่ ท่ที ำได ้ 6. ผู้ดูแลต้องสร้างบรรยากาศที่จะทำให้เกิดอารมณ์ขันในผู้สูงอายุ จะช่วยลดความเศร้าและความ เหงาได้ เกดิ ความสมั พันธท์ ดี่ ตี ่อกัน 7. อย่าทำให้ผ้สู งู อายรุ ู้สึกว่าเขาเปน็ ผทู้ ี่ทำให้ท่านต้องแบกภาระเหนือ่ ยยากในการดแู ล 8. เม่ือผู้ดูแลเกิดความรู้สึกเบ่ือหน่าย อึดอัดในการดูแลผู้สูงอายุ อาจหาผู้อื่นมาดูแลสลับเวลา และ หาวิธกี ารผ่อนคลายตนเองบา้ ง เพ่อื ไมใ่ ห้เกิดความกดดนั ในการดูแลและช่วยลดภาวะความเครยี ด 9. ให้เวลาผู้สูงอายุในการปรับตัว ผู้สูงอายุที่เคยมีชีวิตอยู่ด้วยตนเอง เมื่อต้องย้ายมาอยู่กับผู้ดูแล การเปล่ียนแปลงในชีวติ เป็นเรอ่ื งทสี่ ำคญั ของผสู้ งู อายุ จำเปน็ จะต้องใชเ้ วลาในการปรบั ตวั โดยเฉพาะผสู้ ูงอายุที่ เคยเป็นพ่อแม่ดูแลลูกมา เมื่อต้องมาอยู่ในความดูแลของลูก ต้องปรับตัวท้ังกายและใจค่อนข้างมาก อาจมีการ ไมพ่ อใจ ไม่ร่วมมอื ตอ้ งเตรียมเผชญิ พฤตกิ รรมเหล่าน้ี 106 คู่มือการอบรมการดูแลสขุ ภาพผูส้ ูงอายุ

2. ภาวะซมึ เศรา้ ในผู้สงู อายุ วยั สูงอายุ เปน็ วัยทีต่ อ้ งเผชญิ กบั ความเปลย่ี นแปลงในหลายๆ ด้าน อาทิ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ สภาพสังคมและส่ิง แวดล้อมที่เปล่ียนแปลงไป แน่นอนว่าการเปล่ียนแปลงดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบ ต่อสภาพจิตใจของผู้สูงอายุ ซ่ึงภาวะซึมเศร้าถือว่าเป็นอาการหน่ึงที่มักเกิดข้ึนใน กลุ่มผู้สูงอายุ ซ่ึงผู้สูงอายุจะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านความรู้สึกและอารมณ์ จากที่เคยร่าเริงสดใสกลับเป็นความรู้สึกซึมเศร้า จิตใจหม่นหมอง ขาดความ กระตือรือร้น รู้สึกเบ่ือหน่ายและไม่มีความสุข มีอาการซึมเศร้า ชอบแยกตัวเอง มาอยู่เงียบๆ ตามลำพังคนเดียว มองชีวิตว่าไม่มีคุณค่า เป็นภาระต่อบุตรหลาน หากผู้สูงอายุมีอาการซึมเศร้า ขน้ั รนุ แรง ผู้สูงอายุจะมีความรสู้ กึ เบื่อหนา่ ยชีวติ มีความรสู้ ึกอยากตาย บางทีกต็ รอมใจหรอื คิดฆ่าตวั ตายได ้ อาการของภาวะโรคซึมเศรา้ ■ รสู้ กึ เบอ่ื ๆ เซง็ ๆ หดหู่ หรือเศรา้ เสยี ใจโดยไมม่ ีเหตผุ ล ■ ความรสู้ ึกสนใจส่ิงต่างๆ รอบตวั ลดลง รวมทัง้ รูส้ กึ เบอ่ื หนา่ ยกจิ กรรมหรือส่ิงท่ีตนเองชอบ ■ รู้สึกขาดสมาธิ ขาดความม่ันใจในตนเอง มอี าการหลงๆ ลืมๆ ■ รูส้ ึกว่าตนเองผิดตลอดเวลา รสู้ ึกวา่ ตนเองไรค้ า่ มกั คอยตำหนิหรือโทษตนเอง ■ มอี าการนอนไมห่ ลับ หรอื บางรายหลบั มากเกนิ ไป ■ รู้สกึ ออ่ นเพลยี ไม่มเี รย่ี วไม่มีแรง ■ รสู้ ึกหงดุ หงดิ ตัวเองเวลาทำอะไรชา้ หรือคิดอะไรไมอ่ อกหรอื จำอะไรไม่ได ้ ■ ไมร่ สู้ กึ อยากอาหาร รู้สึกเบอื่ อาหาร ■ ไม่อยากพบเจอใคร ชอบเกบ็ ตวั เองอยเู่ งยี บๆ คนเดยี ว ■ มีความคิดอยากตายหรอื ฆา่ ตวั ตาย วธิ ีการปฏบิ ตั ิตอ่ ผู้สงู อายทุ ม่ี ภี าวะซมึ เศรา้ ■ บุตรหลานและผู้ดูแลควรเข้าพบและปรึกษากับจิตแพทย์ในการดูแลและวิธีการปฏิบัติต่อผู้สูงอายุ เพ่ือลดอาการซึมเศร้าและฟ้ืนฟสู ภาพจิตใจของผสู้ ูงอายุใหด้ ีข้นึ ■ บุตรหลานและผู้ดูแลควรใจเย็นและมีน้ำใจต่อผู้สูงอายุ ควรสุภาพและไม่ควรแสดงอาการหรือ อารมณ์รำคาญหรือรังเกียจผู้สูงอายุ ควรให้ความรักและความเข้าใจเพราะผู้สูงอายุก็เปรียบเสมือนเสาหลักของ ครอบครวั ■ ควรชวนคุยหรือเล่าขา่ วสารเหตุการณต์ า่ งๆ ใหผ้ ู้สูงอายฟุ ัง เพื่อใหผ้ สู้ งู อายุไมเ่ หงา ■ ไม่ควรตำหนิหากผู้สูงอายุมีอาการหลงๆ ลืมๆ หรือทำอะไรผิด รวมท้ังไม่ควรแสดงอาการเหมือน ว่าผู้สงู อายุเป็นภาระแกบ่ ตุ รหลาน ควรพูดคยุ ให้กำลังใจผ้สู ูงอายุเสมอๆ ■ ไมค่ วรปลอ่ ยผู้สูงอายุให้อย่คู นเดียวลำพัง ■ ควรหากิจกรรมใหม่ๆ เช่นพาผู้สูงอายุไปเท่ียว หรือให้เล่นกับหลานๆ เพ่ือให้ผู้สูงอายุรู้สึกมีความ สขุ มคี ณุ คา่ ต่อครอบครวั เสมอ 107คมู่ ือการอบรมการดูแลสุขภาพผู้สงู อายุ

3. โรคอัลไซเมอร์ โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคในกลุ่มอาการสมองเสือ่ มท่พี บบ่อย เป็นการที่ผู้ ป่วยมีการทำงานของสมองทั้งหมดเสื่อมลง ซ่ึงส่งผลเก่ียวกับความจำ ความคิด เชาวนป์ ญั ญา การใชเ้ หตผุ ลและการแกไ้ ขปัญหา ความสามารถดา้ นอื่นๆ เส่อื ม ลงไปด้วย การรับรู้จะผิดปกติไปจากคนท่ัวไป เช่น ไม่รู้วันและเวลา เห็นภาพ หลอน ความคิดอ่านเส่ือมลง คดิ คำนวณไมไ่ ด้ ไม่รจู้ ักการใชเ้ หตผุ ลวา่ จะต้องทำ อะไร ทำอย่างไร ถูกต้องกับกาลเทศะหรือไม่ ตัดสินใจไม่ได้ ลืมสิ่งท่ีเคยทำได้ ความสามารถในการสื่อสารกับคนอ่ืนถดถอยลง การประสานงานของกลา้ มเนื้อ เสียไป ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเอง มีการเปล่ียนแปลงทางพฤติกรรมและ บคุ ลิกภาพ กลุ่มอาการสมองเสื่อมที่พบมากในผู้สูงอายุ แต่ไม่ได้เกิดข้ึนกับผู้สูงอายุทุกคน ต้องพิจารณาว่าเกิดขึ้น เนอ่ื งจากอายุมากข้ึนหรอื เป็นโรคสมองเสอื่ ม หากเปน็ อาการสมองเสือ่ มที่เกดิ จากอายุทีเ่ พมิ่ ขึ้น ส่วนมากจะสญู เสียความจำเพียงอย่างเดียวซึ่งจะเป็นไปอย่างช้าๆ โดยไม่มีผลต่อการทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวัน แต่หากเป็น โรคสมองเส่ือมน้ันจะมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการสูญเสียของสมองส่วนอื่นร่วมด้วย จนผู้ป่วยไม่ สามารถช่วยเหลอื ตนเองไดแ้ ละจะมีชีวิตส้นั ลง ระบาดวิทยาของโรคสมองเส่ือม พบในผ้สู งู อายทุ ่มี อี ายุมากกว่า 60 ปี ร้อยละ 3.4 โดยโรคสมองเส่อื ม ทีพ่ บในประชากรไทยน้นั พบวา่ มปี จั จัยเสี่ยงท่เี ก่ยี วข้อง คอื โอกาสของการเกิดโรคจะเป็นไปตามอายทุ ่ีเพิ่มขึ้น ประชากรท่ีด้อยการศึกษาเป็นโรคน้ีมากกว่าประชากรท่ีมีการศึกษาดี และผู้สูงอายุในเขตเมืองใหญ่ จะมีโอกาส เป็นโรคนี้มากกว่าผู้อาศัยในเขตท่ีเจริญน้อยกว่า และพบว่าโรคสมองเส่ือมมีความสัมพันธกับความดันโลหิตสูง สมั พนั ธ์กบั การบรโิ ภคเกลอื และภาวะเครยี ดในกลุ่มคนเมือง รวมท้งั ประวตั ิการเจบ็ ปว่ ยของญาติ กรรมพนั ธ ุ์ สาเหตขุ องโรคอัลไซเมอรแ์ ละภาวะสมองเสือ่ ม โรคอลั ไซเมอรแ์ ละภาวะสมองเสอื่ ม เกิดจากสาเหตุหลายประการ ดังนี้ 1. การเสื่อมสลายของเนื้อสมอง เนื้อสมองมีการเส่ือมสลายและการตายเกิดข้ึน โรคอัลไซเมอร์(พบ มากเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มโรคสมองเสื่อม) เกิดจากการสะสมของโปรตีนชนิดหน่ึงในเซลล์ประสาท และ Amyloid plaques ในเนือ้ สมองส่วนความจำ ทำให้เซลล์ตาย ไมส่ ามารถรบั ส่งกระแสประสาทได้ดังเดิม 2. หลอดเลือดที่ไปเล้ียงสมองมีการหนาตัว แข็งตัว หรือมีการตีบตัวผิดปกติ ทำให้ปริมาณเลือดไป เลี้ยงสมองลดลง และทำใหเ้ น้ือสมองตาย กลมุ่ ผปู้ ่วยท่มี ีปัจจยั เส่ียง ผู้ปว่ ยโรคหลอดเลอื ดในสมอง (พบมากเปน็ อันดับสองในกลุ่มโรคสมองเส่ือม) เช่น ผู้ป่วยท่ีมีความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยท่ีมีระดับไขมัน คลอ เลสเตอรอลสูง ผู้ปว่ ยท่สี ูบบุหร่ี เปน็ ตน้ 3. การติดเชอ้ื ในสมอง 4. การขาดสารอาหารบางชนิดโดยเฉพาะวิตามนิ B1วิตามนิ B12 5. การแปรปรวนของเมตาโบลิกในร่างกาย เช่น การทำงานของต่อมไร้ท่อบางชนิดผิดปกติไป การ ทำงานของตอ่ มยั รอยดผ์ ิดปกติ การทำงาของตับ ไตผดิ ปกติ เกิดของเสียคง่ั ในร่างกาย ทำให้สมองไม่สามารถสั่ง การไดต้ ามปกต ิ 108 คมู่ ือการอบรมการดแู ลสขุ ภาพผสู้ ูงอายุ

6. การถูกกระทบกระแทกศรีษะอยู่เสมอ พบบ่อยในนักมวย นักกีฬาบางประเภท การเมาสุราหกล้ม ศรษี ะฟาดพน้ื หากไดร้ บั การกระทบกระเทอื นบอ่ ยๆ ทำใหส้ มองสว่ นนนั้ ตาย และทำใหก้ ารทำงานของสมองไมป่ กติ 7. เน้ืองอกในสมอง โดยเฉพาะเนื้องอกท่ีเกิดจากด้านหน้าของสมอง ส่งผลต่อร่างกาย เช่น แขนขา ไม่มีแรง มองเห็นภาพซ้อน ปวดศรีษะ อาเจียน (ความดันในกระโหลกศรีษะมากข้ึน) อาจทำให้บุคลิกภาพ ความจำ และการตัดสินใจเปลยี่ นแปลง อาการเตอื นและอาการท่เี กดิ ข้นึ ของโรคสมองเสอ่ื ม 1. หลงลมื ซึ่งสง่ ผลตอ่ ชวี ติ ประจำวัน 2. ทำกิจวัตรที่เคยทำไม่ได ้ 3. มีปัญหาในการใชภ้ าษา 4. ไม่รเู้ วลา 5. การตดั สนิ ใจแยล่ ง 6. มปี ัญหาในการคดิ แบบนามธรรม 7. วางของผดิ ท ี่ 8. มพี ฤตกิ รรมและอารมณท์ เ่ี ปลี่ยนไป 9. บคุ ลิกภาพเปล่ียน 10. ขาดความคิดรเิ รมิ่ อาการท่ีเกิดขน้ึ 1. ความจำเส่อื ม ผู้ปว่ ยจะไม่สามารถจดจำสง่ิ ใหมๆ่ ได้ สว่ นใหญจ่ ะจำเร่ืองในอดีตได้ เชน่ ลืมนดั จำ เหตุการณ์หรือคำพูดท่ีผ่านมาไม่ได้ หลงลืมสิ่งของจำไม่ได้ว่าเก็บไว้ท่ีไหนและคิดว่าคนขโมยไป จำบุคคลท่ีเคย ร้จู ักไม่ได้ เปน็ ต้น 2. ผู้ป่วยจะมีการรับรู้แย่ลง ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน สับสนเร่ืองวันเวลา สถานท่ี กลับบ้านไม่ถูก เป็นต้น 3. มีพฤติกรรมผิดปกตแิ ละเปน็ ปัญหา เชน่ หงดุ หงิด ซมึ เศร้า ก้าวร้าว หวาดระแวง หรือแยกตวั จาก สังคม ออกนอกบ้านเวลากลางคนื ไม่สนใจดแู ลความสะอาดตนเอง เปน็ ต้น 4. เมื่อการหยัง่ รตู้ นเอง การตัดสนิ ใจ และความจำเสื่อมลงมากๆ ผูป้ ว่ ยจะไม่สามารถดแู ลตนเองและ ใช้ชีวิตประจำวนั ได้ การตรวจโรคสมองเส่ือม การแยกโรค จากอาการหลงลืมท่วั ไป เมื่อผู้ป่วยหรือญาติอาจสงสัยว่าตนเองหรือผู้ที่ตนดูแลอยู่นั้น มีความจำผิดปกติ อาจมาปรึกษาแพทย์ โดยแพทย์ผู้เช่ียวชาญอาจต้องดำเนินการซักประวัติ ใช้วิธีการตรวจสอบหลายวิธีในการประเมินอาการของผู้ ป่วยเพือ่ วินจิ ฉยั ว่าเปน็ โรคอัลไซเมอร์ โดยการตรวจสอบความสามารถในการรับรูข้ องผปู้ ่วย เช่น ความจำ ความ ใสใ่ จ การใช้ภาษา การตดั สินใจ และการแกป้ ัญหา รวมถึงการทดสอบทางห้องปฎิบตั ิการ(ตรวจเลือด) การตวจ เคมีของเลือด การตรวจน้ำเหลือง เพ่ือดูว่าผู้ป่วยมีความผิดปกติของระบบเมตาบอลิสึมในร่างกายหรือไม่ การ ตรวจคล่ืนสมอง การตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (BRAIN SCAN เช่น CT-scan,MRI (Magnetic คู่มอื การอบรมการดแู ลสุขภาพผู้สงู อาย ุ 109

Resonance Immage)) เพ่ือดูว่าผู้ป่วยมีเน้ืองอก หรือมีความผิดปกติอื่นๆ เพ่ือให้การวินิจฉัยโรคถูกต้องมาก ขน้ึ แพทยจ์ ะถามเก่ยี วกับ ■ ความสามารถของผู้ป่วยในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชวี ิตประจำวัน เชน่ การกิน การอาบน้ำ การ เดิน การแตง่ ตัว การซ้ือของ การทำอาหาร การใช้โทรศพั ท์ ■ ระยะเวลามอี าการ ชา้ เร็ว ■ อาการร่วมอน่ื ๆ มไี ข้ เป็นลม เป็นต้น ■ ประวัตกิ ารบาดเจบ็ ทางสมอง ■ ลกั ษณะอาหารการกนิ การใชย้ า ■ โรคประจำตวั ตา่ งๆ โรคท่เี ป็นพนั ธุกรรมในครอบครวั อัมพฤกษ์ อัมพาต การจำแนกวา่ เป็นการลมื ทธ่ี รรมดา หรือ เป็นการหลงลมื จากภาวะสมองเสือ่ ม มีหลกั ง่ายๆ คอื หากจำ ไดว้ ่าลืมทำอะไร ถอื เป็นการลมื ธรรมดา การป้องกนั โรคอลั ไซเมอร์ สำหรับโรคสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์นั้น ปัจจุบันยังไม่มีทางป้องกันเฉพาะโรค แต่เชื่อว่า การบริหาร สมองที่จะทำใหส้ มองมีสุขภาพท่ดี ี กิจกรรมทสี่ ง่ เสรมิ เช่น ■ การออกกำลังกาย มีงานวิจัยระบุว่าการออกกำลังกายเป็นประจำจะลดความเส่ียงจากการเกิด โรคอัลไซเมอร์ถึง 50 เปอรเ์ ซ็นต์ โดยใชเ้ วลาไม่ตำ่ กว่า 30 นาที สัปดาหล์ ะ 5 ครง้ั ตวั อย่างทีค่ วรเลน่ เชน่ แอ โรบกิ ลลี าศ รำมวยจีน กฬี าเบตอง รำวง ฯลฯ ■ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รับประทานอาหารทส่ี ะอาด สุก ให้ครบ 5 หมู่ ขา้ ว เนอ้ื สตั ว์ ผกั ผลไม้ นำ้ ด่ืมวนั ละ 8 แก้ว ควรงดหรอื หลกี เลยี่ งรบั ประทานอาหารไขมันสงู อาหารทอดต่างๆ อาหารฟาสต์ฟดู งดรับประทานเกลือมากเกนิ ความตอ้ งการ อาหารเคม็ มากๆ ■ นอนหลับอย่างมีคุณภาพ หลับให้ได้วันละ 6-8 ช่ัวโมง เข้านอนเป็นเวลา ให้เป็นปกติ ทุกวัน อารมณด์ ีก่อนเขา้ นอน บางคนอาจสวดมนต์กอ่ นนอน ■ การเครียดและการผอ่ นคลาย เช่น การฝกึ จิตใจใหผ้ ่องใส การน่งั สมาธิ การหายใจคลายเครียด ■ การป้องกันการบาดเจ็บบริเวณศรีษะ หลีกเลี่ยงกิจกรรมทางกีฬาท่ีเกิดการกระทบกระแทกทาง ศรี ษะบอ่ ยๆ เชน่ การเลน่ ฟตุ บอล การชกมวย การเกดิ อุบัติเหตจุ ากการป่นั จกั รยานหรือมอเตอรไ์ ซด ์ ■ การฝึกสมอง ฝกึ ความจำ การเรยี นรูส้ ิ่งใหมๆ่ การเล่นเกมตา่ งๆ เช่น หมากรุก เกมโกะ เกมครอ สเวิรด์ ฯลฯ ฝึก 5 W (who(ใคร) what(อะไร) where(ทีไ่ หน) when (เมื่อไหร)่ และ why(ทำไม)) ■ การมีกิจกรรมทางสงั คม ชว่ ยให้ เชน่ งานเลย้ี ง งานบญุ ตา่ งๆ การพบปะ เพื่อนฝงู ฯลฯ แนวทางการชว่ ยเหลอื ผูป้ ว่ ยโรคสมองเสื่อมกับพฤตกิ รรมทเ่ี ปน็ ปญั หาตา่ งๆ 1. พฤตกิ รรมไม่ชอบอาบน้ำ การอาบน้ำในผปู้ ว่ ยสมองเสือ่ ม อาจทำใหผ้ ู้ปว่ ยกลัวจนเกิดการต่อต้าน ไมย่ อมอาบ สง่ ผลใหเ้ กดิ ความ เหนด็ เหนอ่ื ยแกผ่ ู้ดูแลได้ 110 คมู่ อื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผสู้ งู อายุ

แนวทางการช่วยเหลอื 1.1 พยายามจัดเวลาการอาบนำ้ ใหเ้ ปน็ กิจวัตร ประจำสมำ่ เสมอ เชน่ หลงั ตืน่ นอน หลงั การเดนิ เลน่ ตอนเชา้ เปน็ ต้น 1.2 ทำบรรยากาศการอาบนำ้ ใหง้ า่ ย ๆ ไม่ใช่การบังคับ 1.3 บอกผปู้ ว่ ยลว่ งหน้าว่าตอ้ งอาบนำ้ 1.4 ค่อยๆ ให้ผู้ป่วยคุ้นเคยกับอุณหภูมิของน้ำ ไม่ควรร้อนหรือเย็นจนเกินไป ตลอดจนยืดหยุ่น ตามความต้องการของผปู้ ่วย 2. ปญั หาความสบั สนเรือ่ งเวลาและสถานที่ ความสับสนเก่ียวกับเวลาและสถานท่ี อาจทำให้ผู้ป่วยบางคน ตกใจตื่นกลางดึก และแต่งตัวไปทำงาน หรอื คดิ วา่ โรงพยาบาล คือบ้านของตนเอง เป็นต้น แนวทางการช่วยเหลือ 2.1 ทำป้ายบอกเวลา กลางวันกลางคืน วางไว้ขา้ งเตยี งนอน ในตำแหน่งท่ีผ้ปู ่วยสามารถมองเหน็ ได้ง่าย โดยป้ายดังกลา่ วอาจติดปา้ ยช่ือ รปู ถ่ายหรอื สญั ลกั ษณ์รว่ มด้วย 2.2 ญาติหรอื ผดู้ ูแล คอยพลกิ ป้ายให้ถูกตอ้ งตามเวลา 2.3 พยายามจดั ข้าวข้องในบ้านใหอ้ ยู่ในสภาพเดิมเสมอ ไมค่ วรเปลี่ยนแปลงบ่อยเพราะผู้ป่วยจะ จำไมไ่ ด้ 3. ปัญหาพฤติกรรมชอบถามซำ้ สาเหตุของพฤติกรรม เน่ืองจากความสามารถในการจดจำลดลง บกพร่องไป หรืออาจเป็นความวิตก กงั วลตอ่ เหตุการณน์ ้ันๆ แนวทางการช่วยเหลือ 3.1 แสดงความสนใจกับผู้ป่วย โดยตอบปัญหาทุกข้อคำถาม ให้กำลังใจ ปลอบประโลม โอบ กอดผูป้ ว่ ย 3.2 ถ้าผู้ป่วยยังสามารถพอที่จะอ่านออก และเข้าใจได้ อาจใช้วิธีเขียนคำตอบ หรือเจียน ขอ้ ความใหผ้ ปู้ ว่ ยเกบ็ ไวจ้ ะได้คอยเตอื นตนเอง 3.3 บางคร้ังอาการเหลา่ น้ี อาจเกิดจากความวิตกกังวลอาจพูดคุย ปลอบโยน และความมน่ั ใจให้ ผู้ป่วย ไม่แสดงอาการเบ่ือหน่าย ไม่พอใจ อาการโกรธ แสดงออกทางสีหน้าท่าทาง ทำให้ผู้ป่วยรับรู้ได้เร็ว ย่ิง ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไป 4. ปัญหาการสื่อสาร ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ โดยท่ัวไปจะสูญเสียทักษะในการส่ือสารกับบุคคลอื่นเพ่ิมข้ึน โดยอาจเริ่มจากการจำ ชือ่ คน วตั ถุ และสงิ่ ของตา่ งๆ ไมไ่ ด้ จนอาจพดู ได้แค่ 5-6 คำ หรอื พดู แค่คำใดคำหนึ่ง ซำ้ ไปซำ้ มา แนวทางการชว่ ยเหลอื 4.1 ผู้ดูแลอาจช่วยพูดแทน ในส่ิงท่ีผู้ป่วยต้องการส่ือ โดยสังเกตจากสีหน้าท่าทางและการ แสดงออกของผู้ป่วย เพราะผู้ปว่ ยเหลา่ นมี้ กั มปี ัญหาดา้ นการสอื่ สารเท่านน้ั แต่ภาษาท่าทางตา่ งๆ ยงั ส่ือสารได ้ 4.2 ควรตรวจให้แน่ใจว่าได้ยินสิ่งที่ผู้ป่วยได้ยินชัดเจนหรือไม่ เนื่องจากผู้ป่วยบางรายอาจมี อาการหตู งึ หรือมขี ีห้ ูมากอาจรบกวนการไดย้ ิน 4.3 พยายามกำจัดเสียงรบกวนตา่ งๆ เช่น วิทยุ โทรทศั น์ ขณะทีส่ นทนากบั ผูป้ ว่ ย คู่มือการอบรมการดูแลสุขภาพผสู้ ูงอาย ุ 111

4.4 พูดดว้ ยประโยคง่ายๆ สนั้ และมีความหมายทเี่ ข้าใจงา่ ย พูดใหน้ มุ่ นวล ชดั ถ้อยชดั คำ พูดชา้ ๆ ให้ผูป้ ว่ ยไดค้ ิดและมีโอกาสตอบสนอง ขณะสนทนาควรมีภาษากายรว่ มด้วย เช่น การจบั มอื สบตา 4.5 ในรายทีส่ มองเสอื่ มข้นั รุนแรง จนจำญาติ/ผูด้ ูแลไม่ได้ ในการเขา้ พบตอ้ งมกี ารแนะนำตนเอง พรอ้ มเรียกชอ่ื ผ้ปู ว่ ยทุกคร้ัง 5. ปญั หาการลืมทานยา ปญั หาที่พบบอ่ ย คือผปู้ ่วยมักลืมเรอ่ื งรับประทานยา จำไม่ได้วา่ ทานแล้วหรอื ยัง บางครง้ั ไม่ไดท้ านเลย บางครัง้ อาจทานเกินขนาด ซึ่งเกิดอันตรายได ้ แนวทางการช่วยเหลอื 5.1 หากล่องจ่ายยาจากร้านขายยา มาใช้ในการกำหนดเวลารับประทาน โดยอาจบรรจุยาตาม วนั หรอื สปั ดาห์ ตามความจำเปน็ ของผูป้ ่วย โดยมีญาตหิ รอื ผูด้ ูแลคอยเช็คปริมาณยา 5.2 อาจใช้เคร่ืองช่วยในการเตือนความจำผู้ป่วย เช่น ใช้เสียงนาฬิกาปลุก ใช้เสียงคนหรือเสียง เตอื นอื่นๆ 6. พฤตกิ รรมชอบเท่ยี วเตร่เถลไถล พฤตกิ รรมนมี้ ีสาเหตุ จากการท่ผี ู้ป่วยเกิดความสับสน ย้อนกลบั ไปสู่กิจวัตรที่เคยทำในอดีต ซึง่ ปจั จุบัน สถานทีเ่ หล่าน้ันไมม่ ีแลว้ แตผ่ ู้ป่วยยงั ฝงั ใจว่ายังมีอยู่ และพยายามประกอบกิจกรรมดงั กล่าว ประการทีส่ อง ดัง นัน้ พฤติกรรมทีแ่ สดงออก มีทั้งความสบั สนเรื่องวนั เวลา สถานทีแ่ ละกระสับกระส่าย จงึ ดไู ม่เหมาะสม แนวทางการช่วยเหลอื 6.1 อาจค่อยๆ นำผู้ป่วยกลับมาสู่เวลาและสถานที่ปัจจุบันด้วยความสุภาพ หรือหากิจกรรมเพ่ือ ความเพลิดเพลนิ อน่ื ๆ ท่ีผูป้ ว่ ยชื่นชอบ มาให้ผ้ปู ่วยทำ 6.2 สังเกตเวลาท่ีผู้ป่วยชอบออกนอกบ้าน ชวนทำกิจกรรมไม่ให้ออกจากบ้าน ต้องล็อคประตู ใหเ้ รยี บร้อย 6.3 อาจติดสญั ญาณเตือนถา้ ผูป้ ่วยออกนอกบา้ น 7. พฤตกิ รรมชอบเปลอ้ื งผ้าในท่สี าธารณะ แนวทางการชว่ ยเหลือ 7.1 คน้ หาสาเหตุ และค่อย ๆเบนความสนใจนน้ั พร้อมๆกับช่วยสวมใส่เส้ือผ้าอีกครั้ง 7.2 ค่อยๆ ถามถึงสิ่งที่ผู้ป่วยเข้าใจผิดด้วยความสุภาพ ไม่ควรตำหนิให้ผู้ป่วยอับอายจากการ กระทำ 8. อาการหแู ว่ว ประสาทหลอน ผู้ป่วยสมองเสื่อมจำนวนหนึ่ง จะมีอาการหูแว่ว ประสาทหลอนเกิดข้ึน เช่น ได้ยินเสียงมีคนมาพูดมา คยุ เหน็ ภาพต่างๆ นาๆ ซ่ึงอาการเหลา่ นเ้ี ปน็ ผลโดยตรง ตรวจจากการทำงานที่ผิดปกติของสมอง อาจเนอ่ื งจาก โรคสมองเส่อื มเอง ยาบางชนิด หรอื ภาวะแทรกซ้อนบางอยา่ ง แนวทางการชว่ ยเหลอื 8.1 ในช่วงแรก จะพบอาการน้อยและไม่รุนแรง ผู้ป่วยอาจจะแยกแยะได้ว่าส่ิงเหล่าน้ีผิดปกติท่ี เกิดกับตน 8.2 ไม่ควรโต้แย้งหรือพิสูจน์ว่าสิ่งท่ีผู้ป่วยเห็นเป็นภาพมายาหรือเป็นความจริง ถามความรู้สึก ของผู้ป่วยท่เี กีย่ วขอ้ งกับภาพทผ่ี ้ปู ว่ ยเห็น ประมวลเรอื่ งราว 112 คมู่ อื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผูส้ ูงอาย ุ

8.3 อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจถึงส่ิงที่เกิดขึ้นว่าถึงแม้เป็นเรื่องผิดปกติ แต่ไม่ใช่เร่ืองอันตราย หาก อาการไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตและความปลอดภัยของผู้ป่วยและคนใกล้ชิด ควรปลอบโยนผู้ป่วยว่าไม่ต้องตกใจ กับส่ิงทีเ่ กิดข้ึน 8.4 ควรปรึกษาแพทย์ และพบแพทย ถ้าพฤติกรรมเปน็ ปัญหามาก 9. พฤติกรรมไม่ยอมนอนเวลากลางคนื ปัญหาในการนอนเป็นเร่ืองที่พบบ่อยมากในผู้ป่วยสมองเสื่อม อาจมีสาเหตุหลายประการ เช่น การ เปลยี่ นแปลงในการนอนหลับของผูป้ ่วย (หลบั ๆ ตืน่ ๆ หรือนอนหลับไมต่ อ่ เนื่อง) สมองทเี่ กย่ี วข้องกับการนอน เส่ือมลง โรคหรือภาวะแทรกซ้อนของโรค แนวทางการช่วยเหลอื 9.1 เวลาเขา้ นอน ตนื่ นอนใหเ้ ป็นเวลา 9.2 ควรจัดให้มีการออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวเป็ประจำ เช่น การเดินเล่น ในตอนเช้าหรือ ตอนเยน็ 9.3 ควรหลกี เลี่ยงการนอนกลางวนั อาจหลับได้ช่วงบา่ ยแตม่ ่เกินเวลา 15.00 น. 9.4 ไม่ควรให้ผ้ป่วยอยู่แต่ในห้อง หรือสถานท่ีที่มืดเกินไป อาจทำให้ผู้ป่วยไม่ทราบว่า เป็นเวลา กลางวนั หรือกลางคนื ควรให้พบแสงสวา่ งบ้าง เม่อื เขา้ ไปในหอ้ งทไี่ มค่ อ่ ยสว่างจะหลับได้ง่าย 9.5 ควรบอกผู้ปว่ ยเป็นระยะ เพือให้ผ้ปู ่วยจำไดว้ า่ ถงึ เวลาเขา้ นอนแลว้ และเตรียมตัวเข้านอน 9.6 หลีกเลี่ยงกิจกรรมท่ีตื่นเต้น ในช่วงเย็นและค่ำ เช่น การพาไปที่คนมากๆ หรือสถานท่ีท่ีมี ความอึกทึก เพราะจะทำผ้ปู ่วยว่นุ วายและหลับยาก 9.7 ไม่ควรคาดหวังให้ปัญหาการนอนหลับดีขึ้นโดยเร็ว เน่ืองจากเป็นเร่ืองท่ีค่อย ๆมีการ เปล่ยี นแปลง บางคร้ังการนอนหลับอาจดคี งท่ีระยะหน่งึ สลับกบั บางวนั ท่ีมปี ญั หาก็เปน็ ได้ 9.8 ดูแลเรอ่ื งยาท่ีผูป้ ่วยใชอ้ ยู่ ยาบางตวั อาจมีผลกระทบกับการนอน 10. พฤตกิ รรมไม่รับประทานอาหาร สาเหตุของการไม่รับประทานอาหาร เกิดได้หลายปัจจัย เช่น การเส่ือมของสมองที่มากขึ้น จนไม่ สามารถรับรู้ว่าสิ่งท่ีอยู่ตรงหน้าคือ อาหาร รวมทั้งลืม ไม่รู้จักการใช้ช้อนหรือส้อม ความสามารถของการกลืน การเค้ียวอาหารเส่ือมลง ในทางกลับกันบางคร้ังผู้ป่วยอาจรับประทานอาหารไม่หยุด หรือทานไม่เลือก ไม่ว่าส่ิง น้นั จะรบั ประทานไดห้ รือไม่ สภาวะทางอารมณ์ ผลขา้ งเคียงของยาและโรคแทรกซ้อน ก็มีส่วนทำให้เกิดปญั หาน้ี แนวทางการชว่ ยเหลือ 10.1 ควรพาผปู้ ว่ ยไปพบทนั ตแพทย์ ตรวจสขุ ภาพฟันและแกไ้ ขปญั หาช่องปาก 10.2 ปรึกษาแพทย์ว่า มีสาเหตุการไม่รับประทานอาหาร ที่ตรวจพบได้หรือไม่ เช่น ปัญหาการ เคีย้ ว การกลืน ความผดิ ปกติทางอารมณ์ หรือโรคแทรกซ้อนอนื่ ๆ 10.3 พยายามจัดบรรยากาศ ของการรับประทานอาหารให้สม่ำเสมอ เช่น เรื่องเวลา สถานท่ี (รวมถึงตำแหนง่ ของเกา้ อ)ี้ ชนดิ ของอาหาร ควรสงั เกตวา่ ชอบรับประทานอาหารประเภทใด ควรเป็อาหารประ เภทเดมิ ๆ ทค่ี ุ้นเคย เค้ียวงา่ ยไม่ลำบากต่อการกลืน 10.4 ลดความใส่ใจกับวีธีการทานอาหารบ้าง อาจมีการหกเลอะเทอะในบางครั้ง ถ้าผู้ป่วยไม่รู้จัก ใช้ช้อนสอ้ มอาจต้องป้อน หรือวิธีการรบั ประทานอาหารใหเ้ ป็นเร่อื งง่าย 10.5 อาจปรึกษาแพทย์ เก่ียวกับโภชนาการของอาหารว่า ควรเสริมอาหารประเภทใด เพ่ือให้ผู้ ปว่ ยไดค้ ณุ ค่าทางอาหารครบ คู่มอื การอบรมการดูแลสขุ ภาพผู้สงู อายุ 113

11. ปญั หาการหลงทาง ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ต้ังแต่ระดับปานกลางเป็นต้นไป จะเร่ิมจำบ้านตนไม่ได้ ปัญหาท่ีตามมา เช่น ผู้ป่วย กลับบา้ นไมไ่ ด้ หาห้องนำ้ ไม่เจอ หรืออาจเดนิ ไปเขา้ บ้านของคนอ่ืน แนวทางการชว่ ยเหลือ 11.1 ภายในบ้านควรมีป้าย เครื่องหมายหรือสัญลักษณ์บอกทิศทางเกี่ยวกับ ห้องน้ำ สุขา หรือ หน้าหอ้ งของสมาชกิ คนอืน่ ๆ และมีโคมไฟ หรือแสงสวา่ งเพียงพอ 11.2 ผู้ป่วยท่ีชอบออกนอกบ้าน ควรมีบัตรประจำตัว บอกชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และ ข้อมูลการเจ็บป่วย เพื่อความสะดวกแก่การติดตามและผู้ให้ความช่วยเหลือหรือนำส่งกลับบ้าน หรือบอกเพ่ือน บ้านให้ช่วยเป็นหู เป็นตาใหด้ ว้ ยกรณีผู้ปว่ ยออกนอกบ้าน 12. ปัญหาการเข้ารว่ มกจิ กรรม การมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมของผู้ป่วยอัลไซเมอร์ จะช่วยชะลอความเสื่อมและความสามารถ ทักษะ ต่างๆ แมจ้ ะมีขอ้ จำกัด แต่กส็ มารถใหผ้ ู้ป่วยลลั ไซเมอรท์ ำกจิ กรรมตา่ งๆ ได้ ดงั น ี้ 12.1 กิจกรรมที่จัดให้ควรเร่ิมจากความสนใจของผู้ป่วยและความสามารถท่ีผู้ป่วยสามารถทำได้ จะไดไ้ มเ่ กิดความคบั ขอ้ งใจในกรณที ีท่ ำไมไ่ ด ้ 12.2 การทำกิจกรรมที่กระตุ้นระบบประสาทสัมผัสและการรับรู้ (การได้ยิน การรับรส การได้ กล่ิน การสัมผัส) เช่น การร้องเพลง การเล่าเรื่องหรืออ่านหนังสือให้ฟัง กิจกรรมท่ีทำให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว เชน่ พาไปเดนิ เลน่ การเตน้ รำ การวา่ ยนำ้ กิจกรรมการวาดภาพ ปน้ั ดนิ น้ำมัน การทำสวน การเล้ยี งสตั ว์ที่ผปู้ ่วย ชอบสนใจอยากเลีย้ ง การออกกำลงั กายลดความเครียด ฯลฯ 12.3 ควรพาไปเย่ียมบ้านญาติพ่ีน้อง เพื่อนฝูง พบปะผู้คนที่ผู้ป่วยรัก ชอบพอ หรือกิจกรรมทาง สังคมในญาตมิ ิตรท่ผี ปู้ ว่ ยสามารถไปได้ เช่น งานวนั เกดิ งานทำบญุ เล้ยี งพระ ฯลฯ 12.4 พาไปเที่ยวตา่ งจงั หวดั บ้างตามโอกาส พาไปน่งั รถเลน่ พาไปสวนสาธารณะเดนิ เลน่ หรอื ใหผ้ ู้ ป่วยน่งั เลน่ สนามหญ้าหน้าบา้ นเพลินๆ เพ่อื ใหม้ ีความสุขและลืมเรอ่ื งท่กี ังวล 12.5 ผปู้ ว่ ยที่เลือ่ มใสศาสนา อาจพาไปทำกิจกรรมทางศาสนาทน่ี บั ถือ 13. พฤติกรรมกา้ วรา้ ว มักมีสาเหตุมาจากความผิดปกติด้านความจำ ทำให้เกิดปัญหาการตัดสินใจ การแก้ไขปัญหาต่างๆ ลด ลง กจิ กรรมตา่ งๆ ที่เคยทำได้ ก็ทำไมไ่ ด้ กอ่ ใหเ้ กดิ ความรูส้ กึ ทางลบ คดิ ว่าตนไรป้ ระโยชนเ์ ปน็ ภาระแก่ลูกหลาน มคี วามรู้สึกระแวงว่ามคี นปองร้าย หลงผิด ประสาทหลอน การรบั รู้ต่างๆ ผดิ ไป หรือควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หรือ ความสมั พนั ธก์ บั ผู้ดแู ลไม่ดี และมพี ฤตกิ รรมก้าวร้าวเดิมของผปู้ ว่ ยก่อนการเกิดโรคสมองเสอื่ ม แนวทางการชว่ ยเหลือ 13.1 ไม่ควรแสดงอาการไม่พอใจหรือต่อปากต่อคำกับผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะไม่รู้จักวิธี ควบคุมอารมณ์ตนเองและไม่รู้วา่ พฤตกิ รรมที่แสดงออกน้นั เป็นพฤตกิ รรมท่ไี ม่เหมาะสม 13.2 ระหว่างท่ผี ูป้ ่วยโกรธหรือโมโห พยายามไมส่ มั ผัสรา่ งกายของผปู้ ่วย เพราะการแตะตวั ผูป้ ่วย จะทำให้โกรธมากขึ้น ใหผ้ ู้ป่วยได้แสดงอารมณ์โกรธ 13.3 สังเกต วา่ ความก้าวรา้ วท่ีเกดิ ข้นึ นน้ั มีสาเหตจุ ากอะไร เชน่ หาสิ่งของไม่เจอ การตอ้ งอยู่คน เดียว ความเบ่ือหน่าย หิว เจ็บปวด หรือเหน่ือยล้า ถ้าทราบสาเหตุแล้วควรจัดการ ดูแลไม่ให้เกิดส่ิงกระตุ้น ความโกรธต่างๆ นอกจากนี้ การให้ผู้ป่วยทำงานหรือกิจกรรมใดๆ ควรจะแบ่งงานหรือกิจกรรมเป็นส่วนๆ ให้ผู้ ป่วยสามารถทำได้และไม่หงุดหงดิ 114 คูม่ อื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผสู้ งู อายุ

13.4 หากแสดงอาการโมโห จากการหาส่ิงของไม่เจอ ควรอธิบายและเบ่ียงเบนความสนใจไปสู่ เร่ืองอ่ืน ชักชวนผู้ป่วยออกจากสถานการณ์ ถ้าเป็นของชิ้นเดิม ๆท่ีมักทำหานบ่อย เช่น กระเป๋าสตางค์ อาจ เตรียมกระเป๋าสตางคแ์ บบท่ผี ปู้ ่วยมสี ำรองไวห้ ลายๆอัน เม่อื ผ้ปู ว่ ยหาไมเ่ จอ ก็สามารถหยบิ ใหผ้ ู้ปว่ ยได ้ 13.5 จัดส่ิงแวดล้อมให้สงบ หลีกเล่ียงการย้ายสิ่งของ ของใช้ของผ้ปู ว่ ย 13.6 หากเปน็ ปัญหามากปรึกษาแพทย์ เพื่อรับยาต่อไป 14. พฤตกิ รรมกล้นั อุจจาระ ปสั สาวะไม่อยู่ ปัญหาน้อี าจมีสาเหตุ จากยาที่รับประทาน อาการของโรคทางกายอ่นื ๆ กระเพาะปสั สาวะอักเสบ เกดิ จากโรคทางระบบประสาท และอาการสับสน และภาวะสมองเสื่อม (หาหอ้ งนำ้ ไมพ่ บ เข้าใจว่าของบางสิ่งเป็นโถ ปัสสาวะ) หรือเกิดจากการที่ผู้ป่วยไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ หรือการท่ีท้องผูกมากๆ ทำให้เกิดการ กระตุ้นกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะบ่อย หรือกล้ามเน้ือหูรูดของผู้ป่วยเส่ือม อาการเหล่านี้จะลดลง ถ้าได้ รบั การแกไ้ ขตามสาเหตุ แนวทางการชว่ ยเหลือ 14.1 จัดให้ผู้ป่วยอยู่ช้ันล่างใกล้ห้องน้ำ ทางเดินไม่วกวน มีเปิดไฟสว่างตลอดเวลา เพื่อความ สะดวกและปลอดภัย 14.2 ฝึกการขับถ่ายให้เปน็ เวลา 14.3 ปรบั เร่ืองอาหาร ใหร้ ับประทานง่าน ยอ่ ยง่าย 14.4 สังเกตหรือบันทึกการขับถ่าย ไม่ควรให้ผู้ป่วยท้องผูกเป็นเวลานานๆ ถ้าท้องผูกอาจต้องให้ ยาระบาย หรือสวนอุจจาระ 4. ความเครยี ดของผดู้ ูแลและการผ่อนคลายความเครียด ความตระหนกั และใส่ใจในเรอื่ งความเครียด การมหี นา้ ทดี่ ูแลผ้สู ูงอายุทเ่ี จบ็ ป่วยตอ่ เน่อื ง ยาวนาน อยูใ่ นสถานการณ์ กดดัน สถานการณ์เครียดต่อเน่ือง อาจทำให้ผู้ดูแลละเลยท่ีจะสังเกตตนเองโดย เฉพาะปญั หาดา้ นจิตใจ ด้านอารมณ์ จนกระทั่งผูด้ ูแลมีปญั หาทางรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ และเป็นผู้ป่วยลำดับท่ีสอง (Secondary patient) ความเครียดที่เกิด ต่อเนื่อง ทำให้ระบบภูมิป้องกันตนเองบกพร่องและทำให้เกิดความเจ็บป่วยทาง ร่างกาย เกิดความเบ่ือหน่าย เหน่ือยล้า ไม่อยากทำงานต่อหรือมีภาวะหมดไฟ (burn out) การป้องกนั ปัญหาเหลา่ น้ี คือ การรูจ้ ักจดั การความเครียดทเี่ กิดขนึ้ รู้จักสังเกตความเครียดที่เกิดกับตนเอง รู้สาเหตุของการเกิดความเครียด และ จดั การแกไ้ ขปญั หาทีเ่ กิดขึน้ สาเหตุความเครียดในผดู้ แู ล สาเหตุเกิดจากอะไรก็ได้ที่มีผลกระทบต่อร่างกาย จิตใจ อารมณ์ เศรษฐกิจ สังคม ของผู้ดูแล ผู้ดูแล แต่ละคนกม็ ปี ัญหาแตกต่างกันไป เช่น ความเบอื่ หนา่ ยในงานทท่ี ำประจำ การตอ้ งดแู ลผ้สู งู อายทุ ี่ตอ้ งดแู ลความ ต้องการเหมือนเด็ก การถูกทอดท้ิงให้ดูแลผู้ป่วยคนเดียว รับภาระคนเดียวนานๆ เกิดความขัดแย้งในครอบรัว คู่มือการอบรมการดูแลสขุ ภาพผู้สงู อาย ุ 115

ความโกรธและความรสู้ ึกผิด (โกรธผ้ปู ว่ ยทีท่ ำพฤติกรรมทเี่ ปน็ ปัญหาต่างๆ รู้สึกผิดทีบ่ างคร้ังพูดจาไม่ดี ควบคมุ อารมณ์ตนเองไม่ดพี อ จนกลายเปน็ ความเครียดสะสม ผลของความเครียดตอ่ ความผดิ ปกติทางร่างกาย จิตใจ พฤติกรรม ความเครียดจะสง่ ผลใหเ้ กิดความผิดปกติทางรา่ งกาย จิตใจและพฤติกรรมดังนี้ ■ ความผิดปกติทางร่างกาย ได้แก่ ปวดศีรษะ ไมเกรน ท้องเสียหรือท้องผูก นอนไม่หลับหรือ ง่วงเหงาหาวนอนตลอดเวลา ปวดเม่ือยกล้ามเน้ือ เบื่ออาหารหรือกินมากกว่าปกติ ท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ประจำเดือนมาไม่ปกติ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ มือเย็นเท้าเย็น เหงื่อออกตามมือตามเท้า ใจส่ัน ถอนหายใจ บอ่ ยๆ ผวิ หนงั เป็นผ่ืนคัน เป็นหวดั บอ่ ยๆ แพ้อากาศงา่ ย ฯลฯ ■ ความผิดปกติทางจิตใจ ได้แก่ ความวิตกกังวล คิดมาก คิดฟุ้งซ่าน หลงลืมง่าย ไม่มีสมาธิ หงดุ หงิด โกรธงา่ ย ใจนอ้ ย เบอ่ื หนา่ ย ซึมเศร้า เหงา ว้าเหว่ สนิ้ หวงั หมดความรสู้ กึ สนุกสนาน เปน็ ตน้ ■ ความผิดปกตทิ างพฤติกรรม ได้แก่ สูบบหุ รี่ ด่ืมสรุ ามากขึ้น ใช้สารเสพติด ใช้ยานอนหลบั จจู้ ี้ข้ี บน่ ชวนทะเลาะ มีเร่ืองขดั แย้งกับผ้อู ืน่ บอ่ ยๆ ดงึ ผม กัดเลบ็ กดั ฟนั ผุดลกุ ผุดนั่ง เงียบขรมึ เก็บตวั เปน็ ตน้ การสงั เกตอาการเครียด ผู้ดูแลจะจัดการความเครียดท่ีเกิดกับตนได้ เมื่อสามารถสังเกตอาการที่แสดงว่าตนนั้นเครียดแล้ว อาการทแ่ี สดงว่าคุณเครยี ดและต้องพบแพทย์ จติ แพทย์ มีดังน้ี ■ ปวดศรษี ะ ■ ระบบย่อยอาหารมปี ัญหา ■ ซมึ เศรา้ ■ วติ กกังวล ■ เหน่ือยล้า ■ เบื่อหนา่ ย ■ นอนไมห่ ลับ ■ ร้องใหไ้ ม่หยดุ เป็นเวลานาน ■ สับสน ■ น้ำหนักขึ้นหรอื ลงรวดเร็ว ■ หงดุ หงดิ งา่ ย ■ อารมณข์ น้ึ ๆ ลงๆ ■ เซอ่ื งซมึ เฉอื่ ยชา ■ ลมื ง่าย ■ ไมค่ ่อยมสี มาธ ิ ■ ประสทิ ธภิ าพทำงานต่ำลง ■ มีมมุ มองทัศนคติในด้านลบ ■ ตึงบริเวณคอและกล้ามเน้ือ ■ ใช้สรุ า ยา ยาเสพติดบอ่ ยและมากขน้ึ 116 คูม่ อื การอบรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอาย ุ

แนวทางในการจดั การกบั ความเครียด มดี ังน้ี 1. หมน่ั สังเกตความผดิ ปกติทางรา่ งกาย จติ ใจ และพฤตกิ รรมท่ีเกิดจากความเครยี ด ทัง้ น้อี าจใชแ้ บบ ประเมินและวิเคราะห์ความเครยี ดด้วยตนเองกไ็ ด้ 2. เม่ือรตู้ วั ว่าเครยี ดจากปัญหาใด ให้พยายามแก้ปัญหาน้ันใหไ้ ดโ้ ดยเร็ว 3. เรยี นรู้การปรับเปลย่ี นความคิดจากแง่ลบให้เป็นแงบ่ วก 4. ผ่อนคลายความเครยี ดด้วยวิธที ่คี นุ้ เคย 5. ใช้เทคนิคเฉพาะในการคลายเครยี ด คลายความเครียดด้วยวธิ ีท่ีคุน้ เคย การแก้ไขความเครียดทเ่ี กดิ ขน้ึ ทำไดท้ ัง้ ในการแกไ้ ขความเครียดท่ัวไป และตอ้ งใช้เทคนิคคลายเครียด เมื่อรู้สึกเครียด คนเราจะมีวิธีการผ่อนคลายความเครียดที่แตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่จะเลือกวิธีที่ ตนเองเคยชิน ถนัด ชอบ หรอื สนใจ ทำแล้วเพลิดเพลนิ มคี วามสขุ ซง่ึ วิธคี ลายเครยี ดโดยทว่ั ๆ ไป มีดงั น้ี คอื ■ นอนหลับพักผอ่ น ■ ออกกำลงั กาย ยืดเสน้ ยดื สาย เตน้ แอโรบคิ รำมวยจนี โยคะ ฯลฯ ■ ฟงั เพลง ร้องเพลง เล่นดนตรี ■ เลน่ กฬี าประเภทตา่ ง ๆ ■ ดโู ทรทศั น์ ดูภาพยนตร์ ■ เตน้ รำ ลลี าศ ■ ทำงานศลิ ปะ งานฝมี ือ งานประดิษฐต์ ่าง ๆ ■ ปลูกต้นไม้ ทำสวน ■ เลน่ กบั สัตว์เลยี้ ง ■ จัดห้อง ตกแต่งบ้าน ■ อา่ นหนังสอื เขยี นหนงั สอื เขยี นบทกลอน ■ สะสมแสตมป์ สะสมเคร่ืองประดับ ■ ถา่ ยรูป จดั อัลบม้ั ■ เลน่ เกมคอมพวิ เตอร์ ทอ่ งอนิ เตอร์เนต็ ■ พูดคยุ พบปะสงั สรรค์กับเพ่ือนฝงู ■ ไปเสรมิ สวย ทำผม ทำเล็บ ■ ไปซือ้ ของ ■ ไปทอ่ งเท่ยี วเปลี่ยนบรรยากาศ เทคนคิ เฉพาะในการคลายเครียด การคลายเครียดทีใ่ ชเ้ ทคนิคคลายเครียด เชน่ สมาธคิ ลายเครยี ด หายใจคลายเครียด นวดคลายเครยี ด เทคนคิ การผอ่ นคลายกลา้ มเนอ้ื การคลายเครยี ดจากกายสู่ใจ จนิ ตนาการคลายเครียด โยคะ ฯลฯ เทคนคิ ในการคลายเครียดทจ่ี ะนำเสนอในท่ีนี้มี 2 วิธีคือ 1. การฝึกกายหายใจ 2. การฝึกสมาธิ คมู่ ือการอบรมการดูแลสขุ ภาพผ้สู งู อาย ุ 117

แต่ละวิธีมีรายละเอียดแตกต่างกันออกไป คุณไม่จำเป็นต้องฝึกท้ัง 3 วิธีก็ได้ เพียงเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งที่ คุณชอบ สะดวก ทำแล้วคลายเครียดได้ดเี ท่านั้นกพ็ อ เม่ือฝึกการคลายเครียดไปสักระยะหน่ึง คุณจะรู้สึกได้ว่าตัวคุณมีการเปล่ียนแปลงไปในทางท่ีดีขึ้น เช่น ใจเย็นลง สบายใจข้นึ สุขภาพดขี ้นึ ความจำดีขึน้ สมาธดิ ีขนึ้ การเรียนหรือการทำงานดีขึ้น ความสัมพนั ธก์ บั คน รอบขา้ งดีขนึ้ ฯลฯ การฝึกการหายใจ หลกั การ ตามปกติคนทั่วไปจะหายใจต้ืนๆ โดยใช้กล้ามเน้ือหน้าอกเป็นหลัก ทำให้ได้ออกซิเจนไปเล้ียงร่างกาย นอ้ ยกว่าทค่ี วร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเครียด คนเราจะยง่ิ หายใจถแี่ ละต้ืนมากกว่าเดมิ ทำใหเ้ กดิ อาการถอน หายใจเป็นระยะๆ เพ่อื ให้ไดอ้ อกซเิ จนมากข้นึ การฝึกหายใจช้าๆ ลึกๆ โดยใช้กล้ามเนื้อกระบังลมบริเวณท้องจะช่วยให้ร่างกายได้อากาศเข้าสู่ปอด มากข้ึน เพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือก และยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงแก่กล้ามเนื้อหน้าท้องและลำไส้ด้วย การ ฝกึ หายใจอยา่ งถูกวิธี จะทำใหห้ ัวใจเตน้ ชา้ ลง สมองแจม่ ใส เพราะได้ออกซเิ จนมากข้นึ และการหายใจออกอย่าง ช้าๆ จะทำใหร้ ูส้ ึกว่าไดป้ ลดปลอ่ ยความเครียดออกไปจากตวั จนหมดสน้ิ วิธีการฝึก นัง่ ในทา่ ท่ีสบาย หลบั ตา เอามือประสานไวบ้ ริเวณทอ้ ง คอ่ ยๆ หายใจเข้า พรอ้ มๆ กับนับเลข 1 ถงึ 4 เป็นจังหวะชา้ ๆ 1...2...3...4... ให้มือรสู้ ึกวา่ ท้องพองออก กลั้นหายใจเอาไว้ช่ัวครู นบั 1 ถงึ 4 เป็นจงั หวะช้าๆ เช่นเดียวกับเมื่อหายใจเข้า ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก โดยนับ 1 ถึง 8 อย่างช้าๆ 1...2...3...4...5...6...7...8... พยายามไลล่ มหายใจออกมาใหห้ มด สังเกตวา่ หนา้ ทอ้ งแฟบลง ทำซำ้ อกี โดยหายใจเขา้ ชา้ ๆ กลนั้ ไว้ แล้วหายใจออก โดยช่วงทห่ี ายใจออกใหน้ านกว่าชว่ งหายใจเขา้ ขอ้ แนะนำ การฝกึ การหายใจ ควรทำติดต่อกนั ประมาณ 1 - 5 ครัง้ ควรฝึกทกุ ครง้ั ที่รูส้ ึกเครยี ด รู้สกึ โกรธ รู้สกึ ไม่ สบายใจ หรอื ฝึกทุกคร้งั ทน่ี กึ ได้ ทกุ ครง้ั ท่ีหายใจออก ให้รู้สึกไดว้ ่าผลกั ดนั ความเครียดออกมาด้วยจนหมด เหลอื ไวแ้ ต่ความรู้สกึ โลง่ สบายเทา่ น้นั ในแตล่ ะวัน ควรฝกึ การหายใจที่ถูกวิธีใหไ้ ด้ประมาณ 40 ครงั้ แตไ่ มจ่ ำเปน็ ตอ้ ง ทำติดตอ่ ในคราวเดยี วกนั การฝกึ สมาธิคลายเครยี ด หลักการ การทำสมาธิถือเป็นการผ่อนคลายความเครียดท่ีลึกซึ้งที่สุด เพราะจิตใจจะสงบ และปลอดจากความ คดิ ท่ซี ้ำซาก ฟุ้งซ่าน วิตกกังวล เศรา้ โกรธ ฯลฯ หลักของการทำสมาธิ คือการเอาใจไปจดจ่อกับส่ิงใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว ซึ่งในท่ีนี้จะใช้การนับลม หายใจเปน็ หลัก และยุติการคิดเร่อื งอืน่ ๆ อย่างสน้ิ เชงิ หากฝกึ สมาธิเปน็ ประจำ จะทำใหจ้ ติ ใจเบกิ บาน อารมณ์เย็น สมองแจม่ ใส หายเครียดจนตวั เองและคน ใกลช้ ิดรู้สึกถงึ ความเปลย่ี นแปลงในทางทดี่ ีนไี้ ดอ้ ย่างชดั เจน 118 คูม่ อื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผู้สูงอาย ุ

วิธกี ารฝึก ขัน้ ที่ 1 น่ังในทา่ ทีส่ บาย จะเปน็ การนง่ั ขดั สมาธิ นัง่ พักเพียบ หรอื นอนกไ็ ด้ในกรณีทเ่ี ป็นผู้ปว่ ย หลบั ตา หายใจเข้า หายใจออกช้าๆ เริ่มนบั ลมหายใจเข้าออกดังน ้ี หายใจเข้านบั 1 หายใจออกนบั 1 หายใจเข้านบั 2 หายใจออกนับ 2 นับไปเร่ือยๆ จนถงึ 5 แลว้ เรม่ิ นับ 1 ใหม ่ นับจนถึง 6 แลว้ เริ่ม 1 ใหม่ นับจนถึง 7 แลว้ เริม่ 1 ใหม่ นบั จนถงึ 8 แลว้ เร่มิ 1 ใหม ่ นับจนถึง 9 แล้วเรมิ่ 1 ใหม่ นับจนถึง 10 ครบ 10 ถอื เปน็ 1 รอบ แลว้ เริ่ม 1 - 5 ใหม่ ดงั ตวั อย่างต่อไปน ้ี 1,1 2,2 3,3 4,4 5,5 1,1 2,2 3,3 4,4 5,5 6,6 1,1 2,2 3,3 4,4 5,5 6,6 7,7 1,1 2,2 3,3 4,4 5,5 6,6 7,7 8,8 1,1 2,2 3,3 4,4 5,5 6,6 7,7 8,8 9,9 1,1 2,2 3,3 4,4 5,5 6,6 7,7 8,8 9,9 10,10 1,1 2,2 3,3 4,4 5,5 ฯลฯ ในการฝึกครั้งแรกๆ อาจยังไม่มีสมาธิพอ ทำให้นับเลขผิดพลาด หรือบางทีอาจมีความคิดอ่ืนแทรกเข้า มาทำใหล้ ืมนับเป็นบางชว่ ง ถอื เป็นเร่อื งปกต ิ ต่อไปใหพ้ ยายามตงั้ สติใหม่ เมื่อมคี วามคิดอนื่ แทรกเขา้ มา ก็ให้รีบรู้ แล้วปลอ่ ยให้ผา่ นไป ไมเ่ ก็บมาคิด ตอ่ ในท่ีสดุ ก็จะสามารถนับเลขได้อยา่ งตอ่ เนือ่ ง และไม่ผิดพลาด เพราะมีสมาธิดขี ึ้น ขัน้ ที่ 2 เมื่อจติ ใจสงบมากขึ้น ให้เริ่มนับเลขแบบเรว็ ขน้ึ ไปอกี คือ หายใจเข้านับ 1 หายใจออกนบั 2 หายใจเข้านบั 3 หายใจออกนบั 4 หายใจเข้านับ 5 หายใจออกนบั 1 ใหม่ จนถึง 6, 7, 8, 9, 10 ตามลำดบั ดงั น ้ี 1 2 3 4 5 1 2 3 4 5 6 1 2 3 4 5 6 7 1 2 3 4 5 6 7 8 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 2 3 4 5 ฯลฯ ขัน้ ท่ี 3 เมอ่ื นับลมหายใจไดเ้ ร็วและไมผ่ ิดพลาด แสดงวา่ จิตใจสงบมากแลว้ 119 คูม่ ือการอบรมการดแู ลสุขภาพผ้สู ูงอายุ

5. การเตรียมตวั กอ่ นวาระสดุ ท้ายของชีวติ ความตายหรือการสูญเสียจะเป็นเร่ืองท่ีคนท่ัวไป มกั ไมก่ ล่าวถึง และดเู หมือนเป็นเร่อื งทารุณจิตใจ แต่เปน็ สิง่ จำเป็นสำหรับผู้ท่ีกำลังจะจากไปท่ีจะต้องรับรู้ว่าตนเองจะ ไม่สามารถทำสิ่งต่างๆ หรือมีบทบาทเหมือนเดิม และได้ เตรียมสำหรับความตายท่ีจะมาเยือน ผู้สูงอายุจะได้มีการ วางแผนจัดการกับสิ่งต่างๆ ที่ยังค่ังค้าง เช่น การฝากฝัง เรื่องตา่ งๆ กับคนทยี่ งั มีชวี ติ อยู่ การทำพนิ ยั กรรม ฯลฯ การวางแผนรับความตาย มีดงั นี้ ■ ด้านรา่ งกาย ควรวางแผนจดั การกับศพไว้ล่วงหน้า เชน่ การจดั งานศพ การมอบศพ และบริจาค อวัยวะให้ในโรงเรียนแพทย์ สถานทจ่ี ดั งาน สถานทเ่ี ก็บกระดูก ฯลฯ ■ ดา้ นจติ ใจ ควรเตรียมรับความตายอย่เู สมอ โดยนึกถึงความตายบอ่ ยๆ ฝกึ การปล่อยวาง ไม่ยดึ ติด ในลาภยศ สรรเสรญิ หรือสขุ ไม่ควรดีใจหรอื เสยี ใจจนเกินไปกบั เหตกุ ารณ์ตา่ งๆ ให้อภยั คนรอบขา้ ง ไมค่ ดิ รา้ ย กบั คนอน่ื ศึกษาหลกั ศาสนาท่นี บั ถือให้ลึกซึ้งถงึ แก่น ฝึกสมาธใิ หจ้ ติ ใจสงบ ■ ด้านทรพั ยส์ นิ ควรเตรยี มคา่ ใชจ้ ่ายให้พรอ้ ม เช่น การทำประกนั ชวี ติ การทำฌาปนกิจสงเคราะห์ การทำพินยั กรรม การมีเงนิ ออมหรือทรพั ย์สินต่างๆ เพือ่ เพียงพอสำหรับเป็นค่าใช้จา่ ยในงานศพ เปน็ ทุนสำหรับ ผูท้ ่ยี งั มชี ีวิตอยู่ ผตู้ ายจะได้หมดหว่ งกังวล การดูแลจิตใจและการเตรียมตัวกอ่ นถึงวาระสุดทา้ ย ความตายคือวาระสุดท้ายของผู้สูงอายุ ที่ท่านดูแลจะต้องมาถึงในสักวัน และเป็นสิ่งท่ีหลีกเล่ียงไม่ได้ ซ่ึงหากผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวเร้ือรังอยู่ เช่น มะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ ฯลฯ หรือโรค แทรกซอ้ นต่างๆ เช่นอมั พาต ปอดบวมอย่างแรง ซึ่งการรักษาดูจะหมดหวงั ผ้ดู ูแลตอ้ งตดั สนิ ใจวา่ จะใหก้ ารดูแล ต่อไปหรอื สง่ เข้าโรงพยาบาล หากท่านตัดสินใจดูแลต่อไป มแี นวทางในการดูแลดังน ้ี ■ พยายามให้ผู้สูงอายุเป็นส่วนหน่ึงของครอบครัว ไม่ควรแยกออกไปในลักษณะกักกัน นอกจากจะ ป่วยหนกั และออ่ นแอเกินไป ■ ถ้าผ้สู งู อายทุ ุกคนตอ้ งใช้เวลาส่วนมากนอนบนเตียง ผ้สู ูงอายุอาจต้องการอยูใ่ กลผ้ ้ดู ูแล และสัมผัส กบั กิจกรรมตา่ งๆ มากกวา่ ท่จี ะนอนแยกอยูค่ นเดียว ■ ญาตมิ ติ รควรมาเย่ยี มอย่างสม่ำเสมอ แต่ไมค่ วรอยนู่ านหรอื ทำให้ผสู้ ูงอายุเหนื่อยเกินไป ■ ให้การดูแลอย่างดีที่สุด เพราะเป็นการดูแลสุดท้ายที่ท่านจะให้กับผู้สูงอายุ และหากผู้สูงอายุไม่ สามารถชว่ ยเหลือตัวเองได้ ควรดูแลเรื่องการเคลือ่ นไหว ระวังแผลกดทับ เรอื่ งการขับถา่ ยอยา่ งใกลช้ ดิ ■ ถ้าผู้สูงอายุนอนหลับยาก อาจมีสาเหตุมาจากความเจ็บปวด วิตกกังวล หรือซึมเศร้า มีเทคนิค ง่ายๆ ที่อาจช่วยได้คือ ทำเตียงให้ใหม่ ให้แน่ใจว่านอนสบาย ให้นมอุ่นๆ หรือยาก่อนนอน ให้ฟังดนตรีเบาๆ หรืออาจเป็นเสียงสวดมนต์ของแต่ละศาสนาที่นับถือ นั่งข้างเตียง เป็นเพ่ือน อ่านหนังสือให้ฟัง ชวนให้นึกถึง ความดีงามท่ีเคยทำมา 120 คูม่ อื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผู้สงู อายุ

จิตใจและความรู้สึกของผู้สูงอายุมีความสำคัญ การดูแลจิตใจของผู้สูงอายุท่ีกำลังจะจากไปเปรียบ เสมือนการช่วยเหลือให้ผู้สูงอายุได้จากไปอย่างสงบ บุคคลที่ใกล้ตายจะต้องการอยู่ใกล้ชิดกับคนที่รัก คนรู้จัก หรือคนที่เข้าใจตนเอง มีความจริงใจและพยายามอย่างจริงจังที่จะให้ความช่วยเหลือ ซ่ึงบุคคลเหล่านี้อาจจะ เปน็ สมาชกิ ครอบครวั เครือญาติ เพื่อนสนทิ หรอื บคุ คลอน่ื ๆ เชน่ แพทย์ พยาบาล หรือผู้ทีใ่ หก้ ารดูแลก็ได ้ หลักการสำหรับสมาชกิ ครอบครัวหรอื ผู้ดูแลในการดแู ลบคุ คลใกล้ตาย ได้แก่ ■ การสัมผัส โดยการจบั มือ การลบู ศรี ษะ การสมั ผัสแขน บ่า ใบหนา้ ฯลฯ อยา่ งออ่ นโยน น่มุ นวล เพือ่ ถา่ ยทอดความรกั ความอาลยั ให้ผปู้ ่วยรู้สึกได้ ■ การบอกวา่ รกั เคารพนับถือ ซาบซง้ึ ใจ ขอบคุณ ฯลฯ เพือ่ ใหผ้ ู้ปว่ ยรับรู้ และเกดิ ความภาคภมู ิใจ ในตวั เอง รสู้ กึ ว่าตนเองมีคณุ คา่ ยังมคี นรกั และอาลยั ■ การขอโทษและการให้อภัย ต่อเร่ืองในอดีตที่ยังค้างคาใจอยู่ เพื่อให้ผู้ตายจากไปอย่างสงบ เป็น อสิ ระ ไมจ่ องเวร หรอื ตดิ คา้ งกันอกี ตอ่ ไป ■ การอนุญาตให้จากไป ในกรณีผู้ตายรู้สึกผูกพัน และห่วงใยบุคคลท่ียังมีชีวิตอยู่อย่างมาก จนไม่ อาจสนิ้ ใจได้อยา่ งสงบ ให้บุคคลน้ันบอกอำลาผตู้ าย และบอกใหผ้ ู้ตายจากไปได้ ไมต่ ้องหว่ งคนขา้ งหลงั อกี แลว้ ทั้งน้ีการดแู ลบุคคลใกล้ตายมี 4 ดา้ น ดงั น้ี ■ ดา้ นร่างกาย โดยการดูแลให้ผ้ปู ว่ ยรสู้ ึกสบายตัวมากทส่ี ุด เชน่ การเชด็ ตัว เชด็ หน้าให้ สะอาด ทา แป้ง แต่งหนา้ ทาครมี เปลี่ยนเส้ือผ้าท่ีใสแ่ ล้วสบายตวั หรอื ชุดทีผ่ ู้ปว่ ยชอบ ให้นอนในทา่ ที่สบาย เปดิ เพลงเบาๆ ให้ฟัง สัมผัสบีบนวด ร่างกายส่วนต่างๆ ให้ผ่อนคลาย ถ้ามีอาการเจ็บปวดหรือทุรนทุราย ต้องขอความช่วย เหลือจากแพทยห์ รอื พยาบาลเพื่อลดอาการของผ้ปู ว่ ย ■ ด้านจิตใจ โดยการทำตามความต้องการของผู้ป่วย ให้ผู้ป่วยมีสิทธิในการตัดสินใจเร่ืองสำคัญด้วย ตนเอง เช่น ต้องการทำสังฆทาน ต้องการพบใครสักคน ต้องการทำพินัยกรรม ต้องการถอดเครื่องมือทางการ แพทย์ออก ซ่ึงผู้ที่มีชีวิตอยู่ก็จะได้ใช้เวลาน้ีบอกถึงความรู้สึกในใจ ท่ีมี ขออโหสิกรรม และบอกให้ผู้ป่วยจากไป โดยไม่ตอ้ งหว่ งใยผ้ทู อี่ ย่ขู า้ งหลัง ■ ดา้ นสังคม ให้ผสู้ งู อายไุ ด้อยูก่ บั คนท่ีตนรกั หรอื หากไม่มญี าติ เจ้าหน้าทที่ ่เี ป็นผูด้ แู ล พยาบาลหรอื เจ้าหน้ามูลนิธิการกุศล ควรทำหน้าทีแทน เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าตนเองไม่ได้โดดเด่ียวและถูกทอดท้ิงให้ต้องตาย เพียงลำพงั อยา่ งไร้คุณคา่ ■ ด้านจติ วญิ ญาณ โดยการพดู ให้กำลังใจผปู้ ่วยตามความเชอื่ หรอื ศาสนาท่ีผปู้ ่วยนับถือ เพอื่ ให้เกดิ ความหวงั ในชวี ิตหลังความตาย เกดิ กำลงั ใจ เกิดความสงบ และหมดความหวาดกลวั ตอ่ ความตาย เชน่ ทำดีได้ดี คนดีตายแล้วต้องไดไ้ ปสวรรค์ ตายแล้วจะได้ไปพบกบั ญาติพี่น้อง ตายแลว้ จะไดไ้ ปอยู่กับพระผู้เป็นเจา้ ตายแลว้ จะได้ไปเกิดใหมแ่ ละมีชีวิตทดี่ ีกว่าเดมิ คู่มอื การอบรมการดแู ลสุขภาพผูส้ ูงอาย ุ 121

หากท่านเปน็ ผู้ดแู ลผสู้ ูงอายจุ ะสามารถสงั เกตอาการของบุคคลใกล้ตายไดด้ งั นี้ ■ ผูป้ ว่ ยจะนอนหลบั เปน็ เวลานานมากขึ้น นอนแนน่ ่ิง ดูเหมอื นจะไมต่ อบสนองต่อสงิ่ รอบตัว เกดิ จากความอ่อนเพลีย แต่ยังสามารถรับรู้ได้ ผู้ใกล้ชิดจึงควรคอยอยู่ใกล้ๆ สัมผัสร่างกาย เช่นจับมือ และพูดคุย ด้วยเสยี งเบาๆ และนมุ่ นวล ■ ลดความต้องการอาหารและน้ำ ไม่หิวหรือกระหาย เพราะร่างกาย ลดการทำงานลง และนำผ้า ชุบนำ้ เช็ดรมิ ฝีปากใหช้ ุม่ ชนื้ อยูเ่ สมอ ■ ตวั เยน็ สีผวิ ซดี ลง เนอื่ งจากการไหลเวียนโลหิตน้อยลง ควรหม่ ผ้าเพ่อื ใหร้ ่างกายอบอุ่น ■ ความจำเลอะเลอื น ผู้ดแู ลควรบอกชอ่ื ตนเองให้ทราบ รวมถงึ บอกวันเวลาสถานทใี่ ห้ ■ ทุรนทุราย หรือทำอาการซ้ำๆ เช่น ดึงผ้าปูที่นอน ยกมือขึ้นลงบ่อยๆ เนื่องจากออกซิเจนที่ไหล เวยี นไปเลีย้ งสมองลดลง ควรปรกึ ษาแพทยห์ รอื พยาบาล และผดู้ แู ลควรพดู จาปลอบประโลม นวดเบาๆ บรเิ วณ ขมับ และแขนขา เปดิ เพลงเบาๆ หรอื อา่ นหนงั สอื ท่เี คยชอบให้ฟงั ■ ปัสสาวะลดลง เนื่องจากดื่มน้ำน้อย ไตทำงานน้อยลง เม่ือใกล้เสียชีวิตจะกล้ันปัสสาวะและ อจุ จาระไม่ได้ ควรใสผ่ า้ ออ้ มเพอื่ กันการเปรอะเป้อื น ไม่ควรแสดงทา่ ทางรังเกยี จ ■ น้ำคั่ง มีน้ำลาย เสมหะท่ีไม่สามารถไอ หรือขับออกได้เอง มีเสียงครืดคราดในลำคอ หันศีรษะผู้ ป่วยไปดา้ นขา้ ง ซบั น้ำลายดว้ ยผ้าชบุ นำ้ นุ่มๆ ■ หยุดหายใจเป็นระยะ ควรสัมผัสมือผู้ป่วยเพ่ือถ่ายทอดความรัก แนะนำให้สวดมนต์ หรือนึกถึง ความดที ่เี คยทำมาในอดีต การจากไปของผสู้ ูงอายอุ ย่างสงบ สบาย และมีศักด์ศิ รี คอื เปา้ หมายของการดแู ลผสู้ งู อายใุ นวันสุดท้าย การสร้างบรรยากาศที่สงบ สันติ และมีความสุข แทนความโกลาหลอลหม่าน ตระหนก ตกใจ เพ่ือให้วาระ สุดท้ายของผู้สูงอายุเป็นไปอย่างมีศักดิ์ศรี อีกท้ังผู้ดูแลยังสามารถม่ันใจว่าได้ดูแลท่านอย่างเต็มท่ีจนถึงวาระ สุดทา้ ย 122 คู่มอื การอบรมการดูแลสุขภาพผู้สงู อายุ

บทท่ี 10 การจัดสภาพแวดลอ้ มทีเ่ หมาะสม การจัดสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ มีจุดประสงค์เพ่ือ ให้ผู้ดูแลสามารถจัดสภาพ แวดล้อมภายในบ้านให้เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุได้ เป็นผลให้ผู้สูงอายุสามารถดำเนินชีวิตในบ้ันปลาย อย่างมี ความสุข และปลอดภัยจากสภาพอันตรายที่อาจเกิดจากอุบัติเหตุต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการบาดเจ็บ ทุพพลภาพและเสียชีวิตในผู้สูงอายุ อุบัติเหตุที่พบบ่อยได้แก่ การหกล้ม ตกเตียง ตกบันได น้ำร้อนลวก ซึ่ง อุบัติเหตุเหล่าน้ีเกิดจากสภาพแวดล้อมท่ีไม่ปลอดภัย วางส่ิงของกีดขวางทางเดิน ดังนั้น การจัดสภาพแวดล้อม ภายในบา้ นเรอื น ควรคำนึงพยาธิสภาพทีเ่ ปล่ยี นแปลงทางกายภาพด้านตา่ งๆ ของผสู้ ูงอายุเปน็ หลัก เช่น ■ ด้านการมองเห็น ผู้สูงอายุสายตาจะเส่ือมสมรรถภาพ ในการปรับระยะภาพ ทำให้สายตายาว สายตาฝ้าฟาง การดำเนนิ การจดั สภาพแวดลอ้ มทีเ่ หมาะสม คอื ต้องช่วยในการมองเห็น ■ ด้านการได้ยิน ผู้สูงอายุอาจสูญเสียการได้ยิน เช่น หูตึง หรือได้ยินไม่ชัดเจน การจัดสภาพ แวดลอ้ มทเ่ี หมาะสม คือ กำจัดเสียงรบกวนต่าง ๆ ให้ลดลงมากท่ีสุดเท่าทจี่ ะทำได้ ■ ด้านการทรงตวั ผูส้ งู อายุกลา้ มเนื้อจะเส่ือมสมรรถภาพ กระดกู และขอ้ ต่อตา่ งๆ จะเปราะและหัก งา่ ย การทรงตวั ไมด่ ี การจัดสภาพแวดล้อมทเี่ หมาะสมคือ ทพ่ี ักควรจดั ให้อยู่ชนั้ ลา่ ง เตยี งนอนควรเตย้ี พน้ื หอ้ ง นอน พน้ื หอ้ งน้ำตอ้ งไมข่ ดั มนั ให้ล่ืน ห้องน้ำมีราวขา้ งฝา สำหรบั เกาะ เครอื่ งใช้ตา่ งๆ จัดเกบ็ ใหเ้ ป็นทเี่ พือ่ ไมใ่ ห้ สะดุด หกล้ม เป็นตน้ การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างย่ิง สำหรับผู้สูงอายุ เพราะถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดแต่ละคน ตอบสนองความต้องการ ของผู้สูงอายุ ก็จะลดปัญหาต่างๆรวมท้ังส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเกิดความม่ันใจในการเคล่ือนไหว ลดความพิการอัน เปน็ ผลจากการขาดการเคล่อื นไหวหรืออบุ ัติเหตุ และลดภาระของผูด้ แู ลอกี ดว้ ย การจดั สภาพแวดล้อมประกอบดว้ ยส่งิ แวดลอ้ มภายในบา้ น และนอกบ้าน ในท่นี จ้ี ะขอกล่าวเฉพาะการ จัดสภาพแวดล้อมภายในบา้ น ดังน ี้ 1. การจัดสภาพแวดล้อมในหอ้ งนำ้ ห้องน้ำเป็นห้องที่พบว่าผู้สูงอายุอาจจะประสบ อบุ ตั ิเหตไุ ดง้ า่ ย หอ้ งนำ้ ทเี่ หมาะสมสำหรบั ผู้สูงอายุ ควรจดั ดงั นี้ 1. ไม่ควรอยูห่ ่างจากห้องนอนผสู้ งู อายเุ กิน 9 ฟตุ เพราะผสู้ ูงอายุท่มี ีอายมุ ากๆ มกั จะมปี ัญหาการกล้นั ปัสสาวะไม่ อยู่ อาจไม่สะดวกสำหรับการเดินทางไปห้องน้ำ แต่ถ้าอยู่ไกล อาจแกป้ ญั หาโดยการใช้กระโถน หรอื หมอ้ นอนไวใ้ นห้องนอน คมู่ ือการอบรมการดูแลสุขภาพผสู้ งู อายุ 123

2. ภายในห้องนำ้ ควรมรี าวยดึ เกาะ หรือตลอดทางเดนิ ไปหอ้ งนำ้ 3. พื้นห้องน้ำควรปูด้วยวัสดุเนื้อหยาบ หรือแผ่นยางกันลื่น ไม่มีตะไคร่น้ำ หรือเปียกช้ืน ดังน้ันถ้า เป็นไปได้ควรแยกห้องอาบน้ำออกจากห้องส้วม เนื่องจากผู้สูงอายุไม่มีความจำเป็นต้องอาบน้ำบ่อยเพราะ ผิวหนังแห้ง แต่มักจะปัสสาวะบ่อยเพราะกระเพาะปัสสาวะมีความจุลดลง ถ้าอยู่รวมกันพ้ืนห้องน้ำท่ีเปียกจาก การอาบนำ้ จะทำใหห้ กลม้ ไดง้ ่าย และพื้นหอ้ งน้ำควรลดระดับตำ่ กว่าหอ้ งอน่ื ๆ 3-5 ซ.ม. เพื่อปอ้ งกันน้ำไหลออก จากห้องนำ้ สู่ห้องอ่นื โดยเฉพาะกรณีที่การระบายนำ้ เสียไม่ดี 4. อุปกรณ์ภายในหอ้ งน้ำ 4.1 ควรมีเก้าอี้สำหรับนั่งอาบน้ำโดยเฉพาะผู้สูงอายุท่ีมีอาการเหน่ือยง่าย แต่ต้องเป็นเก้าอ้ีท่ีติด อยู่กบั ทเี่ พือ่ ปอ้ งกนั การล่ืนไถล 4.2 ถ้าเป็นไปได้ควรผูกสบู่ติดกับเชือก หรือมีซองผ้าตาข่ายนิ่มๆ หุ้ม เพราะข้อนิ้วมือผู้สูงอายุ อาจจะแข็ง ทำใหก้ ำมือไดน้ อ้ ยเม่ือผ้สู ูงอายฟุ อกสบ่อู าจหลุดจากมือ และตอ้ งก้มเกบ็ มีโอกาสล่ืนลม้ ไดง้ ่าย 4.3 ควรใช้ฝักบัวอาบน้ำเพ่ือแทนการตักอาบด้วยขัน เพื่อลดการใช้แรงในผู้สูงอายุที่เหนื่อยง่าย แตถ่ า้ ไมม่ คี วรใชข้ นั ทม่ี ีนำ้ หนักเบา ขนาดเล็ก 4.4 โถส้วมควรเป็นโถนั่งราบจะดีกว่านั่งยอง เพราะผู้สูงอายุมักจะมีอาการปวดข้อ หรือข้อแข็ง น่งั ยองลำบาก แต่อาจใช้ Commode แทนได ้ 4.5 ควรมีกระด่งิ หรอื โทรศพั ทภ์ ายในหอ้ งนำ้ เพ่ือขอความช่วยเหลือเม่อื เกิดภาวะฉกุ เฉนิ และไม่ ควรใสก่ ลอนประต ู 4.6 ควรมแี สงสวา่ งเพยี งพอเพือ่ มองเหน็ สง่ิ ของภายในห้องไดง้ า่ ย 4.7 การให้สีของฝาผนงั และพ้นื ห้องควรเป็นสีตดั กนั ตลอดจนเครื่องสขุ ภัณฑ์อื่นๆ เชน่ โถสว้ ม อา่ งลา้ งหน้า ควรมีสแี ตกตา่ งจากพน้ื หอ้ ง 2. การจดั สภาพแวดลอ้ มในหอ้ งนอน ห้องนอนเป็นห้องท่ีผู้สูงอายุใช้มากห้องหนึ่ง โดย เฉพาะถ้าเป็นผู้สูงอายุท่ีเจ็บป่วย ก็มักจะใช้ห้องน้ีเกือบ ตลอดเวลา ห้องนอนผู้สูงอายุควรอยู่ช้ันล่าง ภายในควรจัด สภาพแวดลอ้ ม ดังนี ้ 1. เตียงนอน ควรจัดให้วางในตำแหน่งที่ไปถึงได้ ง่ายและควรจัดให้หัวเตียงอยู่ทางด้านหน้าต่างโดยเฉพาะถ้า ห้องน้ันมีแสงสว่างจ้าเข้าทางหัวเตียง ความสูงของเตียงอยู่ในระดับท่ีผู้สูงอายุนั่งแล้วสามารถวางเท้าได้ถึงพื้นใน ระดับตั้งฉากกับพื้น ท่ีนอนไม่ควรนุ่ม หรือแข็งเกินไปเพราะจะทำให้ปวดหลังได้ และมีโต๊ะข้างหัวเตียงที่วาง สงิ่ ของท่จี ำเปน็ ในตำแหน่งทม่ี อื เออ้ื มถงึ ไดง้ า่ ย 2. แสงสว่างภายในห้องนอนมีเพียงพอ สวิตช์ไฟเป็นสีสะท้อนแสงเพ่ือความสะดวกในการมองเห็น ตอนกลางคืน และอยู่ในตำแหน่งท่ีไม่สูงหรือต่ำจนเกินไปท่ีจะเอ้ือมมือเปิดได้ อาจมีไฟฉายขนาดที่พอเหมาะไว้ ประจำ หลกี เลยี่ งการใชต้ ะเกียง หรือเทยี นไข หรือสบู บุหรี่เวลานอนอาจเกิดอคั คภี ยั ได้ง่าย 124 คู่มือการอบรมการดูแลสขุ ภาพผสู้ ูงอายุ

3. เก้าอี้นั่งสำหรับผู้สูงอายุต้องมีพนักพิง มีที่วางแขน ความสูงพอเหมาะโดยเม่ือน่ังแล้วสามารถวาง เท้าถึงพ้ืนหัวเข่าตั้งฉากกับพ้ืน ตำแหน่งของการวางเก้าอ้ีสำหรับผู้มาเย่ียม กรณีผู้สูงอายุเจ็บป่วย หรืออยู่โรง พยาบาล ควรวางด้านเดียวกัน หลีกเลี่ยงการล้อมผู้สูงอายุเป็นวงกลมเพ่ือป้องกันการวิงเวียนจากการท่ีต้องหัน ศีรษะไปคุยกบั ผมู้ าเย่ยี ม 4. ตู้เสอ้ื ผา้ ไมค่ วรสูงจนต้องปนี ถ้าจำเป็นต้องปนี เอาส่งิ ของควรใชม้ า้ ตอ่ ขาที่ม่ันคง ไมม่ ลี ้อเล่ือนและ การวางสิ่งของถ้าของหนักควรอยชู่ ้นั ลา่ งสุด หรือตู้ไม่ควรต่ำเกินไปจนต้องกม้ ตัวไปหยิบ 5. หอ้ งนอนไมค่ วรมโี ทรทัศน์ เพราะจะรบกวนการนอนหลับพักผอ่ นของผสู้ งู อายุ 6. ถ้ามีแสงสว่างจ้าส่องเข้าในห้องควรใช้ผ้าม่านบังแสง หรือม่านชนิดปรับแสงได้ ซ่ึงจะป้องกัน อาการปวดแสบตาได้ 7. ประตู หรือหน้าตา่ งท่ีเปน็ กระจกใส ควรติดเครอ่ื งหมาย เพือ่ เป็นสญั ลกั ษณใ์ หท้ ราบว่าเป็นกระจก ป้องกนั การเดินชน 8. ฝาผนังอาจติดรูปภาพท่ีมคี วามหมายสำหรบั ผสู้ ูงอายุ เพ่อื การระลกึ ถึงความหลงั ป้องกนั ภาวะซมึ เศรา้ ได้ 9. สิ่งของที่ไม่จำเป็นไม่ควรนำมาวางในห้องนอน เพราะนอกจากจะทำให้เป็นแหล่งสะสมของฝุ่น ละอองแลว้ ยังอาจทำใหผ้ ู้สงู อายุเดนิ ชนได้ แต่ถ้าวางโต๊ะ เก้าอ้ีในหอ้ งกค็ วรหลีกเล่ียงชนดิ ทีม่ ลี อ้ เลือ่ น ถ้าจะให้ ดีของท่ีอยใู่ นหอ้ งควรแข็งแรง มนั่ คงต่อการยึดเกาะของผู้สงู อายุ 3. บนั ได บันไดเป็นบริเวณท่ีผู้สูงอายุอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ซ่ึง ถ้าไม่จำเป็นผู้สูงอายุท่ีการทรงตัวไม่ดี หรือเป็นโรคหัวใจ โรค ปอดท่ีมีปัญหาความทนในการทำกิจกรรมลดลงก็ไม่ควรขึ้นลง บนั ได ลกั ษณะบนั ไดทีเ่ หมาะสม มีดังน ี้ 1. ราวบันไดควรมีรูปรา่ งทรงกลม 2 ข้าง เพ่อื ความ สะดวกในการยึดเกาะ มีแถบสีหรือสัญลักษณ์ที่บอกตำแหน่ง บนสดุ หรือล่างสุด และราวบันไดควรยาวกว่าตัวบันไดเลก็ น้อย เพอ่ื ปอ้ งกันการพลดั ตกหกลม้ กรณที ่กี ้าวผิด 2. ความสูงของบันไดแต่ละข้ันไม่ควรเกิน 6 นิ้ว เน่ืองจากเม่ืออายุเพิ่มขึ้นจะเดินหลังค่อม เข่าและ สะโพกมักงอเล็กน้อย เวลาก้าวเดินฝ่าเท้าจะระไปกับพ้ืน ก้าวขาได้สั้น เรียกการเดินของผู้สูงอายุว่า Senile gait ถ้าบนั ไดแต่ละขน้ั สงู จะข้ึนบันไดลำบาก 3. ขอบบันไดแต่ละข้ันควรติดวัสดุกันล่ืน และมีแถบสีท่ีแตกต่างจากข้ันอ่ืนเพ่ือบอกตำแหน่งของข้ัน แรก และขั้นสดุ ท้าย ตลอดจนสขี องบันไดกับพน้ื ห้องไม่ควรเปน็ สีเดียวกัน 4. แสงสว่างบริเวณบันไดต้องเพียงพอ มีสวิตซ์ไฟท้ังชั้นบนและล่าง ตามขั้นบันไดจะต้องไม่มีแสง สะทอ้ น หรอื ขดั จนเป็นเงามันอาจทำให้มแี สงสะท้อนทำใหก้ า้ วผดิ ขนั้ ได้ หรอื เกดิ การลน่ื ไถลได้งา่ ย 5. ไม่วางส่ิงของใดๆ ตามขั้นบันได โดยเฉพาะบันไดข้ันบนสุดหรือล่างสุด เช่น รองเท้า สัตว์เล้ียง พรมเชด็ เท้า ซงึ่ ตามปกตพิ รมเช็ดเท้าทด่ี ีต้องเกาะกบั พ้ืน ขอบพรมไม่สูง 6. ไม่ควรถือส่ิงของทั้ง 2 มอื เวลาข้ึน-ลงบนั ได อย่างนอ้ ยควรเหลือมอื ไว้อีกข้างเพอ่ื จบั ราวบันได 125คู่มอื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผู้สูงอายุ

4. พ้ืนห้อง พนื้ ห้องไมค่ วรขัดจนเปน็ มัน เพราะอาจเกิดแสงสะทอ้ นขดั ขวางการเดินของผู้สูงอายุ หรือลงน้ำมันจนล่ืน ควรเก็บสายไฟให้ เรียบร้อยป้องกันการสะดุดล้ม ปล๊ักไฟไม่ควรอยู่ต่ำป้องกันการเดิน ชน สีของฝาผนังควรเป็นสีอ่อน และต่างจากสีของพื้นห้อง และไม่ ควรมีธรณปี ระตู แตถ่ า้ แก้ไขไม่ได้ควรทำสีที่แตกตา่ งจากพืน้ หอ้ ง 5. ข้าวของเครือ่ งใช ้ ข้าวของเครื่องใช้ควรจัดวางส่ิงของให้เป็นระเบียบ เป็นที่ เป็นทางไม่กีดขวางทางเดินและไม่ควรเปล่ียนที่เก็บหรือวางของ บ่อย เพราะผู้สูงอายุจะไม่สะดวกในการหยิบใช้ส่ิงของและอาจ หลงลืม ข้าวของเครื่องใช้ควรคำนึงถึงสี เน่ืองจากสายตาของผู้สูง อายมุ กั จะมองเหน็ สสี ว่างไดด้ ีกว่าสที ึบ ดงั น้นั ผ้สู งู อายจุ ะมองเห็นสี เหลือง สีส้ม และสีแดง ได้ดีกว่าสีเขียว สีม่วง สีน้ำเงิน นอกจาก นั้นน้ำหนักของส่ิงของก็ควรจะมีน้ำหนักเบาเพื่อความสะดวกและ ปลอดภยั ในการหยิบจบั ของใช้ผสู้ งู อายคุ วรคำนึงถึง 1. เสื้อผ้า ไม่ควรคับหรือหลวมเกินไป โดยเฉพาะถ้า สวมเสื้อผ้ารุ่มร่าม มีเชือกผูกอาจเกิดการเกาะเกี่ยวส่ิงของหรือ สะดุดล้มได้ง่าย ความหนาของเสื้อผ้าควรเหมาะกับภูมิอากาศ เนื่องจากในวัยสูงอายุการระบายความร้อนไม่ดี และเสื้อผ้าไม่ควรหนักเกินไปจะทำให้ผู้สูงอายุต้องรับน้ำหนัก เส้ือผ้ามากอาจหอบเหนอ่ื ยได้ง่าย 2. รองเท้า ทเ่ี หมาะสมคือรองเท้าหุ้มสน้ ไม่คบั เกินไปอาจทำใหเ้ จบ็ เท้า เกดิ บาดแผล หรอื เปน็ หดู - ตาปลาได้ ในขณะเดียวกันต้องไม่หลวมเกินไปเพราะทำให้การเดินไม่สะดวกหกล้มได้ง่าย รองเท้าท่ีเหมาะ สมควรมลี ักษณะดังนี้ ความยาว มีชอ่ งวา่ งระหว่างปลายน้วิ เทา้ นิว้ ท่ียาวทีส่ ดุ ถึงหวั รองเท้า 1.25 ซ.ม. ความกว้าง นวิ้ เท้าวางได้ไม่ซอ้ นกนั ความลึก รองเทา้ ดา้ นบนตอ้ งไม่กดหลังเท้า หรอื นิ้วเท้า เครอ่ื งผกู รดั อาจเปน็ เชือก หวั เข็มขัด จะเหมาะสมกวา่ ชนดิ ติดซิป เพราะแบบซิปเท้า ไม่สามารถขยายตัวได ้ สน้ รองเท้า ไมค่ วรสูงเกิน 3.75 ซ.ม. พ้ืนรองเทา้ ควรเป็นพ้ืนยาง ไมล่ น่ื วสั ดทุ ที่ ำ หนงั สัตวด์ ีทส่ี ดุ เพราะมีความยืดหย่นุ ดีกวา่ พลาสติก ซึง่ จะเหมาะสำหรับ ผู้สงู อายทุ กี่ ลน้ั ปสั สาวะไมอ่ ย ู่ 126 ค่มู อื การอบรมการดูแลสุขภาพผู้สงู อายุ

3. แก้วน้ำ ถ้วยชาม ควรเป็นชนิดท่ีมีหูจับ น้ำหนักเบา เลือกสีที่ผู้สูงอายุมองเห็นได้ง่าย แก้วนม หรือแก้วน้ำด่ืมไม่ควรจะเป็นสีใสเพราะมองยาก หรือแก้วนมท่ีดีควรใช้สีตัดกับสีของนม เช่น นมสีขาวควรใส่ใน แกว้ สเี ข้มจะทำให้ผสู้ งู อายทุ ราบว่านมอยูใ่ นระดับใดของแกว้ 4. ผ้าปูโต๊ะ ควรเป็นสีต่างจากแก้วน้ำ หรือจานชาม เพราะถ้าเป็นสีเดียวกันหมดผู้สูงอายุจะแยกสี ไมอ่ อกว่าบนโต๊ะมขี องวางอยู่ 5. ไม้เทา้ ควรมียางกนั ลื่นบริเวณปลายไม้ ความยาวอยู่ในระดับท่ีมือห้อยลงในทา่ สบาย งอศอกเลก็ น้อย ฝา่ มอื วางบนหวั ไมเ้ ท้าพอดี 6. โทรศัพท์ ควรวางไว้ในตำแหน่งที่สามารถเอ้ือมมือถึง กรณีหกล้มลงกับพ้ืน จะได้ขอความช่วย เหลอื ไดท้ นั ที และถา้ หกลม้ อยา่ งเพิ่งลุกข้ึน ใหน้ อนนิง่ ๆไวก้ อ่ น สำรวจดูว่ามีอะไรหกั บ้างหรอื ไม่ อาจใช้วธิ ีตรวจ สอบจากความเจบ็ ปวดกไ็ ด้ ถ้าแนใ่ จว่าไม่มีอะไรหกั จึงลกุ ขึ้น ถ้าสงสัยควรรอ้ งขอความชว่ ยเหลอื หรือขยับตวั ไป ยังท่ีวางโทรศพั ท์ขอความช่วยเหลอื 7. สลากยา หรือของบรโิ ภค เช่น เกลือ น้ำตาล ควรปดิ ชอ่ื ตวั โต เพ่อื ให้มองเห็นชดั เจน 6. บรเิ วณทางเดนิ ควรติดไฟฟา้ ใหส้ ว่าง มีราวกลมจบั ตลอดทางเดนิ ไมม่ ีสิ่งกีดขวาง ขอ้ ควรคำนงึ ถึงที่สำคัญอ่นื ๆ 1. ไม่วางพรมเช็ดเท้า สายไฟ สายโทรศัพท์เกะกะ เพราะจะทำให้สะดดุ และหกล้ม 2. เฟอร์นิเจอร์ในบ้านต้องมั่นคง แข็งแรง ผู้สูงอายุจะ ไดไ้ ม่เสียการทรงตวั เวลาจับเพอื่ พยงุ ตัว 3. ตรวจตราเคร่ืองใช้ไฟฟ้าและแก๊สให้อยู่ในสภาพดี ถ้าชำรุดให้ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ ถอดปลั๊ก เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ หรอื ปดิ แกส๊ หลงั ใชง้ านแล้วทุกครัง้ 4. หากผู้สูงอายุมีปัญหาในการทรงตัวควรใช้ไมเ้ ท้าช่วยเดนิ 5. ควรมีโทรศัพท์และเขียนหมายเลขโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ เม่ือเกิดเหตุฉุกเฉินไว้ให้ผู้สูงอายุ ติดต่อ โดยใชต้ วั หนังสือขนาดใหญ่ ชดั เจน ใชส้ ีตัดกับสพี ้ืนกระดาษ วางในตำแหนง่ ท่ีอา่ นได้ง่าย หรือใกลท้ ี่วาง โทรศัพท์ 6. ก่อนนอนควรตรวจตรา ปิดประตูหน้าต่าง ถอดปลั๊กไฟ ปิดเตาแก๊สให้เรียบร้อย เพื่อความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สนิ การจัดสภาพแวดล้อมสำหรับผู้สูงอายุเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน กล่าวคือการเปล่ียนส่ิงแวดล้อมบ่อยๆ อาจทำให้เกิดผลเสียได้มากกว่าผลดี โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุสมองเสื่อมอาจก่อให้เกิดการสับสนได้ง่าย ดังน้ันผู้ ดูแลควรเป็นคนช่างสังเกต และเม่ือจะเปลี่ยนท่ีวางส่ิงของทุกครั้งควรได้บอกกล่าวให้ผู้สูงอายุได้รับทราบด้วย ดังน้ันในการจัดสภาพแวดล้อมควรมีการวางแผนการต้ังแต่เนิ่นๆ เพ่ือการวางแผนโครงสร้างของท่ีอยู่อาศัยให้ พร้อมท่ีจะรองรับความสูงอายุในอนาคต จึงจะได้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ ซ่ึงมีส่วนเอื้อ อำนวยความสะดวกตอ่ การดำรงชีวิต และการปฏิบตั กิ ิจวตั รประจำวนั ของผู้สูงอายุ อนั จะส่งผลใหผ้ สู้ งู อายดุ ำรง ชีวิตอยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ คู่มอื การอบรมการดแู ลสุขภาพผสู้ ูงอายุ 127

บทที่ 11 ภูมิปัญญาพนื้ บ้านกบั การดแู ลผู้สงู อาย ุ วตั ถปุ ระสงค์ เพ่อื ให้ผูด้ ูแลผู้สงู อายุ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ในภูมิปญั ญาชาวบ้านกับการดแู ลสขุ ภาพผสู้ งู อายุ สามารถ ให้คำแนะนำและประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านมาดูแลสุขภาพผู้สูงอายุได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับ บริบทของพื้นท่ ี การดูแลสขุ ภาพของตนเองทส่ี ำคญั ๆ สรปุ ได้ดงั น้ี 1. การดูแลทางด้านอาหาร ผู้สูงอายุส่วนมากท่ีสุขภาพดี กินอยู่ แบบพอเพียง กินไม่จุ กินน้อย กินไม่มาก กับข้าวแตล่ ะมอ้ื มเี พียง 1-2 อย่างเทา่ น้ัน ไมก่ ิน มากมาย เน้นกินผัก, ปลา และผลไม้ บางท่าน กินข้าวกับผลไม้ (กินข้าวกับส้มเขียวหวาน, มะม่วง, แตงโม, กล้วยน้ำว้า) บางท่านก็กินวัน ละมอ้ื บางทา่ นก็ 2-3 ม้อื ยกตวั อยา่ ง คุณลุงเล พาหวล อายุ 100 ปี กินข้าวกับปลาเปน็ ประจำ ลุกเดินเกง่ ไมต่ ้อง จูง บางคร้ังออกมาน่ังทานข้าวใต้ต้นไม้ ใหญ่ใกล้ชายคาลุกเดินมาเองไม่ต้องมีคนจูงเป็นภาพท่ีน่ารักมากที่อายุ ตั้ง 100 ปีแล้วยังสามารถลุกเดินได้เองโดยไม่ต้องจูงมือ หน้าตาย้ิมแย้มท่าทางมีความสุขในชีวิตแต่ละวันของ ทา่ น 128 คูม่ ือการอบรมการดแู ลสุขภาพผู้สงู อายุ

สมนุ ไพรใกลต้ วั กลว้ ยน้ำว้า กล้วยน้ำว้า ถึงจะเป็นผลไม้ ท่ีไม่น่าจะให้ พลังงานได้เยอะ แต่เช่ือหรือไม่ว่า กล้วยเป็นแหล่ง พลังงานสำรองช้ันดี ในกล้วย 1 ผล สามารถให้ พลงั งานได้ร่วม 100 แคลอรี่ มนี ้ำตาลธรรมชาติอยู่ 3 ชนดิ ทั้ง ซโู ครส ฟรุคโทส และกลูโครส รวมไปถึงเสน้ ใยและกากอาหาร ดงั นั้น ถ้าหากหิว ก็สามารถทาน กล้วยรองท้องได้ (ทงั้ นข้ี น้ึ อยู่กับชนิดของกลว้ ยทีก่ ิน เชน่ กลว้ ยไข่ อาจทานไดม้ ากกว่า 3 ผล ต่อ 1 ครงั้ กล้วยน้ำว้า 1-2 ผล กล้วยหอม 1-1 คร่ึงผล) และในกล้วยเอง ยังอุดมด้วย วิตามินบี 6 ท่ีช่วยกระตุ้น ระบบภูมติ า้ นทาน แถมแรธ่ าตอุ ย่างแมกนเี ซียมและโพแทสเซียม ท่ีช่วยปอ้ งกนั โรคความดันอกี ในบรรดา กลว้ ยทัง้ หมด กลว้ ยนำ้ ว้าใหว้ ติ ามินเอสงู สุด นอกจากนัน้ ก็ยงั มวี ิตามนิ บี 1 บี 2 ซี และไนอะซนิ (บี 6) ใน ปรมิ าณท่ีเทา่ ๆ กนั แต่ทที่ ำใหก้ ล้วยนำ้ วา้ มคี ุณค่าสารอาหารท่ีพิเศษกวา่ กลว้ ยชนิดอ่ืน นนั่ ก็คอื โปรตีน ที่อยู่ในกล้วยน้ำว้า มีกรดอะมิโน อาร์จินิน และฮีสติดิน ซ่ึงมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก ถึงเป็นเหตุผลท่ีว่าทำไมตอนเด็กๆ ผู้ใหญ่ถึงให้เรากินกล้วยบด เพราะอุดมด้วยสารอาหาร และวิตามินที่ จำเป็นตอ่ รา่ งกายเรานัน่ เอง สุขภาพดไี ด้ง่ายๆ กับกล้วยน้ำวา้ อย่างน้อย วนั ละ 1-2 ผล ดงั น้ี 1. ชว่ ยบรรเทาอาการเจ็บคอ หรืออาการเจบ็ หนา้ อกจากการไอแหง้ ๆ รบั ประทานวันละ 5-6 ผล จะช่วยใหอ้ าการคะคายเคอื งลดนอ้ ยลงไปไดม้ าก หรือหากจะผสมน้ำผึ้งกย็ ่งิ ดี 2. ช่วยระงับกล่ินปากได้อีกด้วย ถ้าใครมีกลิ่นปากรุนแรงในตอนเช้า กล้วยน้ำว้าก็มี สรรพคณุ ทางยาชว่ ยลดกลน่ิ ปากได้ดี 3. แก้ท้องผูกเน่ืองมาจากสารเพคติน จะเป็นตัวเพ่ิมใยอาหารให้กับลำไส้ เมื่อลำไส้อีก กากอาหารมาก จะไปดันผนังลำไส้ ทำให้ผนังลำไส้เกิดการบีบตัว จึงทำให้รู้สึกอย่างถ่ายนั่นเอง ท้ังนี้วิธี การแก้อาการท้องผูกอีกวิธีหน่ึง คือให้ทานกล้วยน้ำว้าสุข 1-2 ผล ก่อนนอน แล้วดื่มน้ำตามมากๆ จะ ช่วยใหถ้ ่ายทอ้ งไดด้ ใี นวนั ร่งุ ขึ้น 4. แกท้ ้องเดนิ ใช้เนอ้ื กลว้ ยน้ำว้าหา่ มรบั ประทาน หรือใชก้ ล้วยน้ำวา้ ดิบ ฝานเป็นแวน่ ตาก แหง้ รับประทาน 5. รักษาโรคกระเพาะได้ โดยการนำกล้วยนำว้าดิบมาปอกเปลือก แล้วนำเน้ือมาฝานเป็น แผน่ บางๆ แตกแดด 2 วันให้แหง้ กรอบ บดเปน็ ผงใหล้ ะเอยี ด ใชท้ านคร้ังละ 1-2 ช้อนโตะ๊ ละลายนำ้ ขา้ ว หรือน้ำผึ้ง ทานก่อนอาหาร ครึ่งช่ัวโมง หรือก่อนนอนทุกวัน ท้ังน้ีในกล้วยดิบ จะกระตุ้นเซลล์ในเยื่อบุ กระเพาะเพ่อื หลงั่ สารพวก “มวิ ซิน” ออกมาเคลอื บกระเพาะ ซ่งึ มฤี ทธใ์ิ นการรักษาแผลในกระเพาะ คูม่ อื การอบรมการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ 129

ใบย่านาง ใบยา่ นาง เป็นพนั ธไุ์ มเ้ ลอื้ ยในปา่ เขตรอ้ นและ ป่าไม้ผลัดใบในทวีปเอเชียและอเมริกาเหนือ มีถ่ิน กำเนิดทางตอนกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มัก พบขึน้ ตามป่าผลัดใบ ปา่ ดงดบิ และปา่ โปรง่ ในทกุ ภาค ของประเทศไทย โดยมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละ ภาค คอื ภาคกลาง เรียกวา่ เถาย่านาง, เถาวัลย์เขียว, หญา้ ภคินี ภาคเหนือ เรียกว่า จ้อยนาง, ผักจอย นาง ภาคใต้ เรียกวา่ ย่านนาง, ขันยอ, ยาดนาง, วนั ยอ ภาคอสี าน เรยี กวา่ ย่านาง การใช้ย่านางใช้เป็นอาหาร ย่านาง เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นอาหารและเป็นยามาแต่โบราณ ยา่ นางมชี ือ่ ทางยาในภาคอสี านวา่ “หมืน่ ปี บ่เฒา่ ” หรือภาษาภาคกลางว่า “หมื่นปีไม่แก่” ยอดอ่อนของ เถาย่านางใช้กินแกล้มแนมกับอาหารเผ็ด ชาวไทยอีสานและชาวลาวใช้ใบย่านางค้ันเอาน้ำมาปรุงอาหาร ตา่ งๆ ทำให้นำ้ ซุปขน้ ขึน้ เช่น แกงหน่อไม้ ซปุ หน่อไม้ ซึ่งย่านางสามารถลดฤทธ์ิกรดยูรกิ ในหนอ่ ไม้ได้ ลด ความขมของหน่อไม้ เพิม่ คลอโรฟลิ ล์และเบตาแคโรทีนให้กับอาหารดงั กลา่ ว ข้อควรระวัง คือ ต้องทำให้สุก หรือขยี้ใบย่านางสดกับหมาน้อย กินถอนพิษร้อนต่างๆ ชาว กัมพชู ามักใส่ใบย่านางในแกงต่างๆ คุณค่าทางโภชนาการพบว่า ปริมาณสารสำคัญท่ีมีมากและโดดเด่นในใบย่านาง คือ เส้นใย อาหารแคลเซียม เหล็ก เบตาแคโรทีน และวติ ามินเอ กระแสนำ้ ใบยา่ นาง ปัจจุบันมกี ระแสการบริโภคน้ำ ย่านางค้ันบีบเยน็ ซ่งึ เช่อื กนั ว่ารักษาโรคไดม้ ากมาย เชน่ ลดน้ำตาลในเลอื ด ความดนั โลหิตสูง อาการตก เลือดในมดลูก โรคเกาต์ โรคเชื้อราทำลายเล็บ อาการริดสีดวงทวาร หรือเป็นผ่ืนคัน ย่านางเป็นยาเย็น ในปริมาณท่ีมีผู้ด่ืมรักษาโรคเป็นปริมาณสารสกัดน้ำท่ีไม่เข้มข้นมากนัก คล้ายการด่ืมน้ำใบเตยเพื่อความ ชื่นใจดับกระหาย แต่ไม่มีรายงานการวิจัยทั้งในและต่างประเทศสนับสนุนการใช้งานดังกล่าว เพราะ ประเทศตะวนั ตกไมม่ ีตน้ ยา่ นางใหศ้ ึกษา 1. ใบย่านางประมาณ 20 ใบ 2. นำ้ ตม้ สกุ 3 แกว้ (600 มิลลิลิตร) 3. นำใบย่านางสดโขลกให้ละเอียดแล้วเติม น้ำ หรือขยี้ใบย่านางกับน้ำ กรองผ่านกระชอนเอาแต่ นำ้ สเี ขียว ด่มื ครัง้ ละ 1/2 ถงึ 1 แกว้ วนั ละ 2-3 เวลา ก่อนอาหารหรือตอนท้องว่าง เน่ืองจากใบย่านางมี กล่ินเหม็นเขียวจึงอาจใส่ ใบเตยหอม 3 ใบ ใบบัวบก 1 กำ และดอกอัญชัญ 10 ดอกลงไปด้วย เพื่อแตง่ รส และกล่นิ ถ้าแชใ่ นต้เู ย็นควรดม่ื ภายใน 3-7 วัน 130 คู่มือการอบรมการดูแลสขุ ภาพผ้สู งู อาย ุ

ตำลึง ผักตำลึง อีกหนึ่งคุณค่าทางด้านสรรพคุณและ คุณค่าทางอาหาร จัดเป็นสมุนไพรที่ดีราคาไม่แพงแถมยังหา ซื้อได้ง่ายดายมากๆ อีกด้วย ซึ่งตำลึงมีคุณสมบัติช่วยผลิต น้ำดีท่ีจะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีข้ึน นอกจากนี้สารที่มีอยู่ในตำลึงยังช่วยให้ตับสลายไขมันใน รา่ งกายดว้ ย กระเทียม กระเทียมมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดร่างกาย น่ันคือ การกินกระเทียมเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับและฆ่า พยาธิในทางเดินอาหาร และฆ่าเช้อื ไวรัส โดยเฉพาะทำความ สะอาดเลือดและระบบลำไส้ ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่น และลดแรงดันโลหิต นอกจากน้ียังต่อต้านการเกิดมะเร็งและ ทำให้ระบบทางเดินหายใจดีข้ึน แต่ก็ควรระวังเร่ืองการกิน กระเทยี มมากเกินไป ซ่งึ ก่อใหเ้ กดิ ลมหายใจท่ีมกี ล่ินกระเทยี มไปด้วย มะเขือพวง มะเขือพวงเป็นผักที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งสามารถ ช่วยดูดซึมไขมันในอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยจับไขมัอิ่ม ตัว (ไขมันอันตราย) และขับออกจากร่างกายโดยระบบขับ ถ่าย ท้ังยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วย กำจัดของเสียออกจากระบบทางเดินอาหารได้เร็วข้ึนและลด การสะสมของเสีย ข้นึ ฉ่าย ถอื ว่าเป็นสุดยอดอาหารในการทำความสะอาดเลอื ด และช่วยลดความดันโลหิต สำหรับผู้ที่มีความโลหิตสูงควรกิน ขึ้นฉ่ายเป็นประจำ หรือถ้าจะให้ดีควรด่ืมน้ำคั้นจากข้ึนฉ่าย สดในตอนเช้า เพื่อช่วยควบคุมระดับแรงดันเลือดให้คงท่ี ใบ ขึ้นฉ่ายยังประกอบไปด้วยสารต้านการเกิดมะเร็ง และสารที่ ช่วยขับของเสียจากบุหร่ีในคนท่ีสูบบุหรี่หรือผู้ท่ีได้รับควัน บหุ ร่ีดว้ ย คูม่ ือการอบรมการดูแลสุขภาพผูส้ งู อายุ 131

กะหลำ่ เต็มไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และช่วยตับขับฮอร์โมนที่มากเกินไป ซ่ึงอาจ เป็นฮอร์โมนความเครียดที่มีผลเสียต่อร่างกาย ท้ังยังช่วย ทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร รักษาและปกป้องกระ เพราะอาหารจากแบคทเี รียและไวรัสต่างๆ 2. การดูแลการออกกำลังกาย ปฏิบัติ เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ และต่อเน่ือง ผู้สูงอายุ สุขภาพดีไม่ชอบอยนู่ ่ิงเฉย ชอบทำโนน่ น่ี ชีวิตอย่กู บั การ ทำงานเกือบตลอด นอนน้อย ทำสวน/เก็บหญ้ารอบๆ บ้าน, ตัดกิ่งไม้ ถ้าให้อยู่นิ่งแล้วบอกว่าจะไม่สบาย จะ ต้องยืดเส้นยืดสาย ผอ่ นคลายกลา้ มเน้อื อยเู่ ปน็ ประจำ ยกตัวอย่าง ท่านแรก คุณปา้ ทรัพย์ ละมลู อายุ 93 ปี หญิงชราหลังคอ่ ม ออกกำลังกายทกุ วัน เริม่ ทำตงั้ แต่อายุ 80 ปี เป็นต้นมา ก่อนหุงข้าว จะลุกขึ้นมาออก กำลังกายเหยียดแขนเหยียดขาโหนประตูบ้านท่ีห้องครัว มีการยืนห้อยขาจะสามารถยืนได้หลังตรงมาก แต่ละวัน พอออกกำลังกายเสร็จแล้ว จึงจะไปหุงข้าว, ทำสวน, สายๆ จึงกลับเข้าบ้านมากินอาหารเช้า ตั้งแต่ออกกำลัง กายแบบนี้เป็นต้นมา ไม่เคยเป็นโรคเกี่ยวกับปวดเข่า หรือปวดหลังเลย คุณยายบอกเล่าด้วยสีหน้าแววตา อยา่ งมคี วามสุขและความภมู ิใจในกิจวัตรของคุณยาย 132 ค่มู ือการอบรมการดแู ลสุขภาพผูส้ ูงอายุ

นวดแผนไทยเพอื่ คลายเครยี ด การนวดคลายเครียดด้วยตนเอง การนวดเป็นวิธีหน่ึงที่คลายเครียดได้ดี สามารถ ทำได้ทุกเวลา โดยหลักการนวดจะช่วยผ่อนคลายกล้าม เน้ือ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง โลง่ สบายตัว ทำใหห้ ายเครยี ดและลดอาการเจ็บปว่ ยตา่ งๆ ลงได้ เหมาะสำหรับคนที่มีอาการปวดศีรษะ ปวดเม่ือย บรเิ วณต้นคอ ไหล่และหลัง ขอ้ ควรระวงั อย่างไรก็ตามก็ควรพึงระวัง ไม่ควรนวดขณะท่ีมี ไข้ กล้ามเนื้อบริเวณนั้นอักเสบ หรือเป็นโรคผิวหนัง และ ควรตัดเล็บตนเองให้ส้ันทกุ คร้ัง กอ่ นลงมอื นวด นวดอยา่ งไร จงึ จะถูกต้องตามหลกั การ 1. ให้ใชป้ ลายนวิ้ ท่ถี นัด ได้แก่นว้ิ หัวแมม่ อื น้วิ ช้หี รอื น้วิ กลาง ทำการกด 2. การนวดในท่ีน้ี หมายถึงการกดและการปล่อยผ่อนคลายเป็นส่วนใหญ่ โดยใช้เวลาการกดแต่ละ ครั้ง นาน 10 วินาที และใช้เวลาปลอ่ ยผอ่ นคลายนานกว่าเวลากด 3. การกดให้คอ่ ยๆ เพม่ิ แรงทีละน้อย และเวลาปลอ่ ยผอ่ นคลายใหค้ ่อยๆ ปล่อยแต่ละจุดควรนวดซ้ำ ประมาณ 3-5 ครัง้ ตำแหนง่ หรือจุดนวด 1. บริเวณต้นคอ ประสานมือบริเวณท้ายทอย ใช้น้ิวหัวแม่มือท้ังสองข้าง กดตามแนวสองข้างของ กระดูกตน้ คอ โดยกดไล่จากบริเวณตนี ผมลงมาถงึ บรเิ วณบา่ 3 -5 คร้งั 2. บริเวณบ่าใช้ปลายนิ้วมอื ขวาบีบไหล่ซ้าย ไล่จากบา่ เขา้ หาตน้ คอ ใชป้ ลายน้ิวมอื ซา้ ยบบี ไหล่ขวา ไล่ จาก บ่า เขา้ หาต้นคอ ทำซ้ำ 3-5 คร้ัง 3. จุดกึง่ กลางระหว่างคว้ิ ใชน้ วิ้ ทถี่ นัด กด 3 - 5 ครง้ั 4. จดุ ใตห้ วั ค้วิ ใช้ปลายนิ้วทถ่ี นดั กด 3 - 5 ครัง้ 5. จดุ ขอบกระดกู ท้ายทอย จะมอี ยดู่ ว้ ยกนั 3 จุด จดุ กลางใหใ้ ช้น้ิวหัวแม่มือ กด 3- 5 คร้งั * สว่ นจุดสองจุด ด้านข้างใหใ้ ชว้ ธิ ี การประสานมอื บรเิ วณทา้ ยทอยแลว้ ใช้นิว้ หัวแม่มอื ทง้ั สองข้างกดจุด พรอ้ มๆ กนั 3-5 ครง้ั 6. บริเวณบา่ ด้านหน้า ใชน้ ้วิ หวั แม่มือกดจดุ ใตก้ ระดูกไหปลาร้า จุดตน้ แขนและจุดเหนือรักแรข้ องบา่ ซา้ ย ใช้ นิ้วแมม่ ือซา้ ยกดจดุ เดียวกันทบ่ี ่าขวาทำซ้ำ 3-5 ครั้ง 7. บริเวณบา่ ดา้ นหลงั ใช้นิว้ ทีถ่ นดั ของมอื ขวาอ้อมไปกดจดุ บนและจดุ กลางของกระดกุ สะบกั และจุด รกั แร้ ด้านหลงั ของบา่ ซา้ ย ใชน้ ้วิ ทีถ่ นดั ของมอื ซา้ ยกดจุดเดียวกันท่ีบา่ ขวา ทำซ้ำ 3-5 ครงั้ ** จาก ข้อ 1-7 ทำเช่นน้ีเปน็ ประจำทกุ วัน จะชว่ ยให้กล้ามเนอ้ื บริเวณคอและหลังผ่อนคลายลง คมู่ ือการอบรมการดูแลสขุ ภาพผสู้ ูงอาย ุ 133

บทที่ 12 สทิ ธผิ ูส้ ูงอายุตามรฐั ธรรมนูญ / กฎหมายแรงงานท่ีควรร ู้ 1. สิทธิของผู้สูงอายตุ ามรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทยพทุ ธศกั ราช 2550 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นกฎหมาย สูงสุดที่ใช้เป็นแนวทางปกครองประเทศ รัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 มีมาตรการสำคัญท่ี เกี่ยวข้องและครอบคลุมภารกิจที่จะต้องดำเนินการพัฒนาผู้ สูงอายุ ประกอบด้วย - แนวนโยบายพ้ืนฐานของรัฐ ได้ระบุให้รัฐต้อง ดำเนินการตามแนวนโยบายด้านสังคมและด้านเศรษฐกิจ 2 มาตรา คอื มาตรา 80(1) รฐั ตอ้ งสงเคราะห์และจดั สวัสดิการ ให้แก่ผู้สูงอายุ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและพึ่งพาตนเองได้ และมาตรา 84(4) รัฐตอ้ งจดั ให้มกี ารออมเพ่ือการดำรงชีพใน ยามชราภาพแกป่ ระชาชนและเจา้ หน้าทข่ี องรฐั อยา่ งท่วั ถึง - สิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขและ สวัสดิการจากรัฐ ในมาตรา 53 ระบุว่าบุคคลซ่ึงมีอายุเกิน หกสิบปีบริบรู ณ์ และไม่มรี ายไดเ้ พียงพอแก่การยงั ชพี มสี ิทธิ ได้รับสวัสดิการ ส่ิงอำนวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะ อยา่ งสมศกั ดิศ์ รี และความช่วยเหลอื ทเ่ี หมาะสมจากรฐั - สิทธิในกระบวนการยตุ ธิ รรม ในมาตรา 40(6) ระบุว่า ผสู้ ูงอายยุ อ่ มมีสิทธิได้รับความค้มุ ครองใน การดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีอย่างเหมาะสม และย่อมมีสิทธิได้รับการปฏิบัติท่ีเหมาะสมในคดีท่ีเกี่ยวกับ ความรนุ แรงทางเพศ - บทบาทขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ ในการดำเนินการพัฒนาผ้สู งู อายุ ในมาตรา 281 ระบุ วา่ รฐั จะตอ้ งสง่ เสริมให้องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ เปน็ หนว่ ยงานหลกั จัดบริการสาธารณะ และในมาตรา 283 ระบุว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ย่อมมีอำนาจหน้าที่โดยทั่วไปในการดูแลและจัดทำบริการสาธารณะเพื่อ ประโยชน์ของประชาชนในท้องถ่ิน และมีความเป็นอิสระกำหนดนโยบาย การจัดบริการสาธารณะ โดยต้อง คำนึงถึงความสอดคลอ้ งกบั การพัฒนาของจงั หวัดและประเทศเปน็ สว่ นรวมด้วย 134 คู่มอื การอบรมการดแู ลสขุ ภาพผูส้ งู อายุ

2. พระราชบัญญตั ผิ ูส้ งู อายุ พ.ศ.2546 พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.2546 มีผลบงั คับใชต้ ้ังแตว่ ันท่ี 1 มกราคม 2547 โดย ตราข้ึนตามเจตนารมณ์ในมาตรา 54 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ท่ีประสงค์จะให้บุคคลท่ีมีอายุเกิน 60 ปี บริบูรณ์และไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ มี สิทธิได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ ซึ่งในพระราช บัญญตั ิผ้สู ูงอายุ พ.ศ.2546 ไดใ้ หค้ วามสำคญั กบั การคุ้มครองผู้สูงอายุ ให้ได้รับสวัสดิการอย่าง เป็นธรรมและเสมอภาค เป็นหลักประกันด้านสิทธิเสรีภาพ โดยมาตรา 11 ได้กำหนดสิทธิของผู้สูงอายุที่จะได้ รับในดา้ นต่างๆ รวม 12 เรอื่ ง และมาตรา 16 ได้ให้สิทธิในการลดหย่อนภาษแี กผ่ ู้อุปการะเลยี้ งดผู ูส้ ูงอายุ ภาย ใตก้ ฎหมายฉบบั น้ี จะช่วยให้ผู้สงู อายทุ ่ไี ดร้ ับสิทธติ ่างๆ รวมท้งั สิ้น 13 เรื่อง ครอบคลมุ แนวทางการดำเนนิ งาน พฒั นาผู้สูงอายุ 3 ด้าน คอื ■ สิทธิการได้รับบริการ การคุ้มครอง การส่งเสริม และสนับสนุนการพัฒนาผู้สูงอายุด้านสังคม ไดแ้ ก่ การบรกิ ารทางการแพทย์และการสาธารณสุข เพอื่ อำนวยความสะดวกรวดเร็วแก่ผู้สูงอายเุ ป็นกรณีพิเศษ การศึกษา การศาสนา และข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต การพัฒนาตนเอง สร้างเครือข่าย และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม การช่วยเหลือผู้สูงอายุ ซึ่งได้รับอันตรายจากการทารุณกรรม หรือถูก ทอดทิ้ง การจดั หาที่พกั อาศยั อาหาร และเครอ่ื งนุ่งหม่ ใหต้ ามความจำเปน็ อย่างทั่วถึง การสงเคราะหเ์ บย้ี ยังชพี ตามความจำเป็นอย่างท่ัวถึงและเป็นธรรม และการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี การได้รับบริการ คำแนะนำ ปรึกษา ด้านกระบวนการยุติธรรม สำหรับสิทธิสงเคราะห์เงินเบี้ยยังชีพได้ออกระเบียบคณะ กรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเบ้ียยังชีพผู้สูงอายุ พ.ศ.2552 ประกาศใช้เม่ือวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2552 โดยกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบ้ียยังชีพเป็นผู้มีสัญชาติไทยอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่ ได้รบั สวสั ดกิ ารใดๆ จากรัฐ และไม่อยใู่ นสถานสงเคราะหข์ องรัฐเป็นตน้ โดยให้กรมส่งเสรมิ การปกครองส่วนท้อง ถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพทั ยา จา่ ยเงนิ เบ้ียยงั ชีพใหเ้ ปน็ รายเดอื นๆ ละ 500 บาท ตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 เป็นต้นไป ■ สทิ ธิการไดร้ ับการส่งเสริมและสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ ไดแ้ ก่ การสง่ เสรมิ อาชพี การฝึกอาชีพที่ เหมาะสม และสทิ ธิลดหย่อนภาษีแกผ่ อู้ ุปการะเลยี้ งดูผสู้ ูงอาย ุ ■ สิทธิการได้รับบริการด้านโครงสร้างพ้ืนฐานและบริการสาธารณะ ได้แก่ การอำนวยความ สะดวกและปลอดภัยแก่ผู้สูงอายุในอาคารสถานที่ หรือการบริการสาธารณะอื่น การช่วยเหลือด้านค่าโดยสาร ยานพาหนะ ตามความเหมาะสม และการยกเวน้ คา่ เข้าชมสถานท่ีของรฐั คมู่ ือการอบรมการดูแลสุขภาพผู้สงู อาย ุ 135

บทท่ี 13 การจัดนนั ทนาการ ในการดำรงชีวิตประจำวันของคนเราไม่ว่าในฐานะใดย่อมทำให้เกิดความ เหน่ือยเม่ือยล้าท้ังร่างกาย และจิตใจ หากปล่อยให้ความเหน่ือยเมื่อยล้าทับถมทวีขึ้นทุกวัน จะส่งผลให้สุขภาพเส่ือมโทรมท้ังกายและใจ อาจถึงกับทำให้เกิดปัญหาท่ีเรื้อรัง ไม่สามารถดำรงตนอยู่ในสังคมต่อไปได้ จึงมีความจำเป็นจะต้องผ่อนคลาย ความเครียดเสียบ้าง ด้วยการให้ร่างกายหรือจิตใจได้มีโอกาสพักผ่อน การคลายความเครียดดังกล่าว สามารถ ทำได้หลายวิธีตามเวลาและโอกาสทีเหมาะสม และตามความพึงพอใจของแต่ละคนวิธีหนึ่งท่ีสามารถคลาย ความเครียดได้ดีทีส่ ามารถเสริมสรา้ งสขุ ภาพให้ดไี ด้ด้วย คอื วิธีนนั ทนาการ นันทนาการ หมายถึง กิจกรรมที่ทำด้วยความสมัครใจในยามว่าง เพ่ือให้เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ผ่อนคลายความตึงเครียดและเกิดความสุขทางใจ กิจกรรมนี้ต้องไม่เป็นอาชีพ มีคุณประโยชน์ต่อ ตนเองและสว่ นรวม ทง้ั ยังไม่ขดั ตอ่ ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม และกฎหมายบา้ นเมอื ง ลกั ษณะของนันทนาการ นันทนาการจะทำให้เกิดความสนุกสนาน ความ เพลิดเพลินที่เหมาะสม กับวัย บุคลิก ความสามารถ รา่ งกาย จติ ใจ เวลา โอกาส และสถานท่ีของแตล่ ะบุคคล โดยแต่ละบุคคลอาจจะเลือกนันทนาการที่เหมาะสมกับ ตนเองใหม้ ากท่ีสดุ ลกั ษณะของนนั ทนาการที่สำคญั พอสรปุ ได้ดังน้ี 1. เป็นกิจกรรมที่ทำโดยสมัครใจ ไม่ถูกบังคับ เช่น ว่ิงออกกำลังกายเมื่อมีเวลาว่าง เล่นกีฬาตามท่ี ตนเองชอบ เปน็ ต้น 2. เป็นกิจกรรมที่ทำในเวลาว่างนอกเหนือจากเวลาในการทำงาน ในการประกอบกิจวัตรประจำ วนั ซึ่งไม่ก่อให้เกดิ ความเสยี หายกับงานประจำ 3. เป็นกิจกรรมท่ีทำให้เกิดความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดท้ังร่างกาย และจติ ใจ 4. เป็นกิจกรรมที่ไม่มีจุดประสงค์เพื่ออาชีพ เช่น การอ่านหนังสือ การดูโทรทัศน์ ภาพยนตร์ เป็นตน้ และถา้ ทำเปน็ อาชีพ เช่น อาชพี นกั แสดง อาชีพ เพาะปลกู ตน้ ไมเ้ พอื่ จำหนา่ ย ไมจ่ ัดเปน็ นันทนาการ 136 คู่มือการอบรมการดแู ลสุขภาพผู้สงู อาย ุ

5. ต้องไม่ขัดต่อธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และกฎหมายบ้านเมือง และไม่ก่อให้เกิดความ เสยี หายแกต่ นเองและผ้อู น่ื เช่น การเล่นการพนัน การลกั ขโมย เปน็ ตน้ 6. มลี กั ษณะสร้างสรรค์ คือ เกดิ ประโยชนต์ อ่ ตัวเอง เช่น เสริมสร้างสุขภาพกายและสขุ ภาพจติ หรือ เพ่มิ พนู ความรู้ และเกดิ ประโยชนต์ ่อสงั คม เช่น การรณรงคป์ ลูกตน้ ไม้ การอนรุ ักษส์ ิ่งแวดลอ้ มและสัตว์ปา่ ประเภทของกจิ กรรมนนั ทนาการ กิจกรรมนันทนาการท่ีเหมาะสมสำหรับผู้ สูงอายุควรเป็นกิจกรรมเบาๆ ที่ผู้สูงอายุเลือกทำ ตามความต้องการ หรือผู้ดูแลผู้สูงอายุจัดให้เหมาะ สมกบั ผู้สงู อายุ กจิ กรรมดงั กล่าว ไดแ้ ก ่ 1. กิจกรรมทางสงั คม ไดแ้ ก่ การร่วมใน งานบุญ งานประเพณี งานเทศกาล งานของเพ่ือน บ้าน ซึ่งเป็นกิจกรรมภายในชุมชนท่ีผู้สูงอายุส่วน ใหญ่ยงั เข้าร่วมอยู่ นอกจากนนั้ ผสู้ ูงอายุบางส่วนยังเข้ารว่ มเป็นสมาชิกชมรมหรอื กลมุ่ เชน่ ชมรมผสู้ งู อายุ กลมุ่ ศาสนา ซึ่งผู้สูงอายุเองเห็นด้วยว่ามีความจำเป็นท่ีผู้สูงอายุควรเข้าสังคมพบปะกับบุคคลต่างๆ โดยเฉพาะการ พบปะพูดคุยกับลูกหลาน ญาติ เพ่ือนฝูง ตลอดจนการดูโทรทัศน์กับครอบครัว ศึกษาปฏิบัติธรรม และปลูก ตน้ ไมก้ ับครอบครวั หรือเพื่อนร่วมวยั เดียวกัน 2. กิจกรรมการออกกำลังกาย เป็นสงิ่ ท่มี ีประโยชน์แก่ผสู้ งู อายซุ ่งึ มกี ารเปล่ียนของรา่ งกายจากความ เสอื่ มจงึ จำเป็นต้องออกกำลังกายเพื่อปอ้ งกนั การเส่อื มสภาพและ พิการของอวยั วะตา่ งๆ เช่น กลา้ มเน้ือและข้อ ตา่ งๆ ปอด และหวั ใจ เปน็ ต้น การออกกำลงั กายยงั ชว่ ยให้ร่างกายคลอ่ งตัว ไม่หกล้มง่าย และไม่อ้วนเกนิ ไป ซึ่ง เปน็ ปจั จยั เส่ียงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสงู หรอื ความดันโลหติ สูง นอกจากนั้นยังชว่ ยใหผ้ ู้สูงอายุ ไดล้ ดความเครยี ด กจิ กรรมการออกกำลงั กาย มหี ลายรูปแบบ ไดแ้ ก ่ 1) การทำกายบรหิ าร เชน่ การรำมวยจีน การฝึกโยคะ เปน็ ตน้ การทำกายบรหิ ารจะช่วยทำให้ ขอ้ ตอ่ และกลา้ มเนอื้ แขง็ แรง ทรงตัวดี ไม่หกล้มงา่ ย 2) การออกกำลงั กายแบบแอโรบคิ เปน็ การเคลอ่ื นไหวของรา่ งกายอยา่ งตอ่ เน่ือง นานประมาณ 3-5 นาทีขึ้นไป เพ่ือช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ซึ่งควรได้รับการตรวจสุขภาพ และคำแนะนำจากแพทย์ ก่อน ทั้งน้ี ควรเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิคสำหรับผู้สูง อายุโดยเฉพาะและเหมาะสมสำหรับร่างกายของ แต่ละคน ตัวอย่างของการออกกำลังกายแบบแอโรบิค ได้แก่ การวิ่งเหยาะ หรือจ๊อกก้ิง การเดินเร็ว ข่ีจักรยาน วา่ ยน้ำ การเตน้ แอโรบคิ หรือการใชอ้ ปุ กรณ์บางอยา่ ง เชน่ การเดนิ บนสายพาน การข่จี ักรยานอยูก่ ับท ี่ 3) การเล่นกีฬาหรือเกม เช่น เล่นหมากรุก หมากฮอส กอล์ฟ โยนห่วง เปตอง ทอยเกือกม้า และเกมต่างๆ เป็นตน้ ผสู้ ูงอายุสามารถเลือกเล่นกีฬาท่ตี นเองชอบ เปน็ การออกกำลงั กายที่สนกุ สนาน และยัง ได้พบปะผอู้ ่ืนเป็นการส่งเสรมิ ดา้ นการเขา้ สงั คมดว้ ย คมู่ อื การอบรมการดูแลสขุ ภาพผสู้ งู อาย ุ 137

3. กิจกรรมการท่องเที่ยว ได้แก่ การเดินทางไกลในโลกกว้าง การท่องเท่ียวในเมืองไทยท้ังใน กรุงเทพมหานครและตา่ งจงั หวดั การเปน็ มัคคุเทศกห์ รือไกดบ์ รรยายในการท่องเท่ียว การเขียนหนังสอื คู่มือการ ท่องเท่ียว เป็นต้น เน่ืองจากการเดินทางท่องเที่ยวเป็นการส่ังสมประสบการณ์ของชีวิต เสริมสร้างความคิดให้ ก้าวไกล ทำให้ชีวิตไม่ต้องอยกู่ บั ทีต่ ลอดเวลา เหมือนกบั ได้ชาร์จไฟหรอื แบตเตอร่ีใหต้ ัวเอง ทำให้มองดเู ปลง่ ปลั่ง ดังคนหนุ่มสาวอยู่เสมอชีวิตมีความสุขสนุกสนานไปอีกรูปแบบหนึ่ง แม้ว่าจะเหน็ดเหน่ือยกับการเดินทางบ้าง กต็ าม แตก่ ็เปน็ การสรา้ งความสนกุ สนานรนื่ เรงิ บนั เทงิ ใจไดเ้ ป็นอยา่ งดี เม่อื หัวใจเป็นสุข ทุกข์ย่อมไมม่ ี เป็นการ หนีความเปล่ียนแปลงของร่างกายก่อนวัยอันควรไม่มากก็น้อยกิจกรรมการท่องเท่ียวอาจเป็นการเข้าชม พพิ ธิ ภัณฑ์ สวนสตั ว์ วดั วาอาราม พระราชวัง อุทยานประวตั ศิ าสตร์ อุทยานธรรมชาติ การทอ่ งเท่ยี วเชิงเกษตร นเิ วศน์ การท่องเที่ยวแบบรว่ มอาศยั ทีบ่ า้ นเดยี วกันกบั คนในทอ้ งถ่นิ หรือโฮมเสตย์ การท่องเทยี่ วแบบวิถีสขุ ภาพ ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งให้ผู้สูงอายุเข้าชมโดยไม่เก็บค่า เข้าชม หรือถ้ามีการเก็บก็เพียงคร่ึง เดียว นอกจากน้ัน ยังมีบริการรถนั่ง, เข็น รถกระเช้าไว้บริการแก่ผู้สูงอายุ รวมทั้งค่าโดยสารรถไฟ รถประจำ ทาง รถปรับอากาศ ลดราคาใหก้ บั ผ้สู งู อาย ุ 4. กิจกรรมงานอดิเรก เช่น การทำงานฝีมือ งานเย็บปักถักร้อย ทอผ้า ทำหุ่น ทำอาหารคาวหวาน งานวาดภาพ ฟ้อนรำหรอื เตน้ รำร้องเพลง งานช่างไม้ การจดั สวน เป็นต้น กิจกรรมงานอดเิ รกน้ีเปน็ การทำงานที่ ตนรกั ชอบ และประสงคท์ จี่ ะทำต่อไปเพอ่ื ความผ่อนคลาย ความบนั เทิงใหก้ บั ชวี ิตตนเอง บางคร้งั รู้สึกอิ่มเอมและ พงึ พอใจกบั ผลงานทีไ่ ด้รบั เช่น งานฝีมือต่างๆ และยิ่งเปน็ สุขใจมากยิ่งขึ้นเมอื่ ได้มอบสง่ิ ที่เปน็ งานฝมี ือเหล่านนั้ แก่ ลูก หลานญาติพ่ีน้อง และเพื่อนฝูง ซึ่งงานอดิเรกนี้บางคร้ังทำให้ผู้สูงอายุมีโอกาสได้บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ เช่นการเปน็ อาสาสมคั ร การเป็นวิทยากรในกาอบรมวชิ าการและวิชาชพี แกส่ ังคม เป็นการถา่ ยทอดภูมปิ ญั ญาจาก คนร่นุ หนง่ึ ส่รู ุ่นตอ่ ๆ ไป ทำให้มีการดำรงสบื ทอดศลิ ปวัฒนธรรม อนั ดีงามของท้องถนิ่ และของชาติสบื ไป ชนิดกจิ กรรมนนั ทนาการ กิจกรรมนันทนาการมีหลายประเภท เพ่ือให้ บคุ คลเข้าร่วมทำ กิจกรรมไดต้ ามความสนในดังนี้ 1. การฝีมือและศิลปหัตถกรรม (Arts and crafts) เป็นงานฝีมือหรอื สงิ่ ประดิษฐ์ต่างๆ เชน่ การวาดรปู งานแกะสลัก งานปั้น การประดิษฐ์ดอกไม้ เย็บปักถักร้อย ทำ ตุ๊กตา ประดษิ ฐข์ า้ วของเครอื่ งใชแ้ ละงานศลิ ปะอื่นๆ 2. เกมส์ กฬี า และกรฑี า (Games, sport and track and fields) กิจกรรมนันทนาการ ประเภทน้ีเป็นท่ี นิยมกันอย่างแพร่หลาย แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กีฬากลางแจ้ง (Outdoor Games) ได้แก่ กีฬาท่ีต้องใช้ สนามกลางแจ้ง เช่น ฟุตบอล บาสเก็ตบอล และกิจกรรมกลางแจ้งอ่ืนๆ กีฬาในร่ม (Indoor Games) ได้แก่ กจิ กรรมในโรงยมิ เนเซยี ม หรือในหอ้ งนันทนาการ เช่น แบดมินตนั เทเบลิ เทนนิส หมากรุก ฯลฯ 3. ดนตรแี ละร้องเพลง (Music) เป็นกจิ กรรมนันทนาการทใี่ หค้ วามบันเทิง ดนตรีเปน็ ภาษาสากลที่ ทุกชาตทิ ุกภาษาสามารถเขา้ ใจเหมือนกนั แตล่ ะชาตแิ ต่ละท้องถนิ่ จะมีเพลงพน้ื บา้ นของตนเอง และเคร่ืองดนตรี พื้นบ้าน เราสามารถเลือกไดต้ ามความสนใจ ไม่วา่ จะเป็นสากลหรอื พ้ืนบา้ น 138 คู่มอื การอบรมการดูแลสขุ ภาพผู้สงู อาย ุ

4. ละครและภาพยนตร์ (Drama) เปน็ นนั ทนาการประเภทใหค้ วามรคู้ วามบนั เทิง ความสนุกสนาน เพลดิ เพลนิ และสะท้อนให้เหน็ ถงึ สภาพจริงของสังคมยคุ นน้ั ๆ 5. งานอดิเรก (Hobbies) เป็นกิจกรรมนันทนาการท่ีช่วยให้การดำ เนินชีวิตประจำวัน มีความสุข เพลิดเพลิน งานอดิเรกมหี ลายประเภท สามารถเลือกไดต้ ามความสนใจ เช่น 5.1 ประเภทสะสม เป็นการใช้เวลาว่างในการสะสม สิ่งท่ีชอบสิ่งที่สนใจ ที่นิยมกันมาก ได้แก่ การสะสมแสตมป์ เหรียญเงินในสมัยต่างๆ อาจเป็นของในประเทศและต่างประเทศ การสะสมบัตรโทรศัพท์ ฯลฯ 5.2 การปลูกต้นไม้ เป็นงานอดิเรกท่ีให้ทั้งความเพลิดเพลิน และได้ออกกำ ลังกายและได้ผักสด ปลอดจากสารพษิ ไว้รับประทานหากเป็นการปลูกพืชผักสวนครวั 5.3 การเล้ียงสัตว์ อาจเป็นการเลี้ยงในลักษณะไว้เปน็ อาหาร เชน่ เล้ียงเปด็ เลีย้ งไก ่ นกกระทา หรอื เลี้ยงไว้ดูเลน่ เช่น เลย้ี งสุนขั แมว นกปลา ฯ การเลยี้ งสตั วเ์ ป็นกจิ กรรมทช่ี ว่ ยเสริมสร้างลักษณะ นสิ ยั ของเด็กให้มจี ติ ใจอ่อนโยน และฝึกความรับผดิ ชอบ 5.4 การถ่ายรปู เป็นงานอดิเรกทีน่ า่ สนใจอีกอยา่ งหนงึ่ แต่คา่ ใชจ้ ่ายอาจจะค่อนขา้ งสงู เน่ืองจาก อุปกรณ์ราคาแพง และมีค่าใช้จ่ายเก่ียวกับการเดินทางเข้ามาเก่ียวข้อง หากไม่มีข้อจำ กัดทางด้านเศรษฐกิจ การถ่ายรปู กเ็ ปน็ กิจกรรมทใี่ ห้ความเพลนิ เพลดิ และความภาคภมู ิใจต่อผ้ทู ำ กิจกรรมมาก 6. กิจกรรมทางสังคม (Social activities) เป็นกิจกรรมที่กลุ่มคนในสังคมร่วมจัดขึ้น โดยมีจุดมุ่ง หมายเดยี วกนั เช่น การจัดเล้ียงปีใหม่ งานเลย้ี งวนั เกดิ กานฉลองในโอกาสพิเศษต่างๆ 7. เต้นรำ ฟ้อนรำ (Dance) เป็นกิจกรรมท่ีใช้จังหวะต่างๆ เป็นกิจกรรมที่ให้ความสนุกสนาน เช่น เตน้ รำ พนื้ เมอื ง การรำ ไทย รำ วง นาฏศลิ ป์ ลลี าศ 8. กิจกรรมนอกเมือง (Outdoor activities) เป็นกิจกรรมนันทนาการนอกสถานท่ี ท่ีให้โอกาส มนุษยไ์ ดเ้ รียนร้ธู รรมชาติ ไดพ้ กั ผอ่ น เชน่ การอยูค่ า่ ยพกั แรม ไปทอ่ งเทยี่ วตามแหลง่ ธรรมชาต ิ 9. ทัศนศึกษา (Field trip) เพอื่ ศึกษาศลิ ปวัฒนธรรม ตามวดั วาอาราม หรอื ศึกษาความกา้ วหนา้ ใน ด้านตา่ งๆ ในนิทรรศการหรืองานแสดงต่างๆ 10. กจิ กรรมพูด เขยี น อา่ น ฟัง (Speaking Writing and Reading) การพดู เขยี น อ่านฟัง ที่นับ ว่าเป็นกิจกรรมนนั ทนาการ ได้แก่ 10.1 การพดู ได้แก่ การคยุ การโตว้ าที การปาถกถา ฯ 10.2 การเขียน ได้แก่ การเขยี นบนั ทึกเรอ่ื งราวประจำวัน เขียนบทกวี เขียนเพลง เรื่องส้ัน บทความ 10.3 การอา่ น ได้แก่ การอ่านหนังสือพิมพ์ อา่ นหนังสอื ทัว่ ๆ ไป ทีใ่ หท้ ้งั ความร้แู ละความเพลดิ เพลนิ 10.4 การฟัง ไดแ้ ก่ การฟงั วทิ ยุ ฟงั อภปิ ราย โต้วาที ทอล์คโชว์ ฯ 11. กิจกรรมอาสาสมคั ร (Voluntary Recreation) เปน็ กจิ กรรมบำเพ็ญประโยชน์ท่ีบคุ คลเขา้ ร่วม ดว้ ยความสมัครใจ เช่น กิจกรรมอาสาพัฒนา และกิจกรรมอาสาสมัครตา่ งๆ คู่มือการอบรมการดแู ลสุขภาพผ้สู ูงอาย ุ 139

หลักในการเลอื กกิจกรรมนันทนาการ เน่ืองจากกิจกรรมนันทนาการมีอยู่มากมายหลายอย่างและมี ประโยชน์แก่บุคคลแตกต่างกันออกไป จึงควรมีหลักเกณฑ์ในการ พจิ ารณาดังตอ่ ไปน้ ี 1. สุขภาพของร่างกาย ควรเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับ อายุ เพศ ขนาดของรูปร่าง ตลอดจนความพร้อมของร่างกายและ จิตใจ ส่วนกิจกรรมที่เกินกำลังหรือเกินความสามารถควรหลีกเลี่ยง เพราะจะกลับกลายเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรค หัวใจ เบาหวาน และผูส้ งู อายุ กไ็ มค่ วรเลน่ กฬี าหนักหรอื โลดโผน ต่ืน เตน้ น่าหวาดเสียว เปน็ ตน้ 2. ความสนใจ ความสามารถ และความถนัดสว่ นบุคคล ควรเลือกกิจกรรมที่ตนถนัด สนใจ และมีความสามารถ จะทำให้ ประสบความสำเรจ็ ได้เป็นอยา่ งดแี ละมคี วามสขุ สนกุ สนาน เพลิดเพลนิ กับกิจกรรมนนั้ ๆ 3. ความเหมาะกับงานที่ทำอยู่ แต่ละคนจะมีภารกิจในการงานของตนแตกต่างกันออกไป บางคนมี เวลาว่างมาก บางคนมีเวลาว่างน้อย บางคนต้องทำงานใช้แรงและกำลังมาก บางคนทำงานใช้สมองมากแต่ไม่ เหนื่อย ดังนั้น จึงต้องเลือกกิจกรรมนันทนาการให้เหมาะสมในแต่ละคนไป เช่น การทำงานใช้แรงมาก ต้อง เลือกกิจกรรมเบาๆ อาทิ ฟังเพลง ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ ส่วนคนท่ีใช้สมองมากก็ควรเล่นกีฬาท่ีใช้กำลัง เช่น แบดมินตนั ตะกร้อ เป็นตน้ 4. สถานที่ ความสะดวก และความปลอดภัย กิจกรรมบางอย่างจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ เครื่องมือ หรือสถานท่ีเข้ามาเก่ียวข้อง การเลือกกิจกรรมจึงต้องพิจารณาถึงความพร้อมของอุปกรณ์และสถานที่ด้วย เช่น บางคนสนใจวา่ ยน้ำแตไ่ ม่มสี ระ บางคนสนใจฟตุ บอลแต่ไมม่ ีสนาม เป็นต้น 5. ฐานะทางเศรษฐกิจ มีกิจกรรมหลายประเภทที่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากและส้ินเปลืองค่าใช้ จ่ายสูง เชน่ การเล่นกอล์ฟ การสะสมวัตถุโบราณ สะสมรถเก่า เลน่ กล้องถา่ ยรปู เปน็ ต้น กจิ กรรมประเภทนี้จงึ ไมเ่ หมาะสมกบั ผู้ทม่ี ฐี านะทางเศรษฐกิจไมม่ ่นั คง กจิ กรรมท่ปี ระหยดั และสามารถให้ประโยชน์ไดม้ ากกว่า ได้แก่ การออกกำลงั กาย การเลน่ ดนตรี เป็นต้น 6. ไม่ขัดต่อศีลธรรม ประเพณี และวัฒนธรรมของสังคม ตลอดจนกฎหมายของบ้านเมือง กิจกรรมบางอย่างอาจเหมาะสมกับขนบธรรมเนียมประเพณีในท้องถิ่นหนึ่ง แต่อาจขัดกับประเพณีวัฒนธรรม ของอีกทอ้ งถิ่นหนง่ึ 7. ประโยชน์ต่อสังคม ถ้ามีโอกาสควรเลือกกิจกรรมที่นอกจากจะให้เกิดคุณประโยชน์แก่ตนเองแล้ว ยังก่อให้เกดิ ประโยชนแ์ ก่ส่วนรวมและสงั คมด้วย 8. ควรหลีกเลย่ี งกจิ กรรมท่ีจะทำความรบกวนหรอื ทำความรำคาญให้แกผ่ อู้ นื่ ควรเลือกกจิ กรรมที่ ทำให้เกิดความรัก ความพอใจ และความสมคั รสมานสามคั คกี นั 140 คู่มอื การอบรมการดูแลสุขภาพผสู้ ูงอายุ

ประโยชน์ของกจิ กรรมนนั ทนาการ นันทนาการเป็นกิจกรรมอย่างหน่ึงท่ีให้ ประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เป็นอย่างมาก ซ่งึ พอสรปุ ไดด้ ังน ้ี 1. ประโยชน์ต่อตนเอง ทำให้มีสุขภาพ ดีทั้งกายและใจ เนื่องจากชีวิตประจำวันเต็มไปด้วย ส่ิงอำนวยความสะดวกทำให้คนไม่ค่อยได้มีโอกาส ออกกำลังกายมากนัก ร่างกายจึงมักจะไม่สมบูรณ์ แข็งแรง การนันทนาการด้วยการออกกำลังกายก็ จะสามารถทดแทนได้เพ่ือให้สมรรถภาพทางกายสูงข้ึน ส่วนทางด้านจิตใจก็จะได้พักผ่อนคลายความตึงเครียด ลดความวิตกกังวล ทำให้บคุ คลสามารถปรบั ตัวใหเ้ ข้ากับสภาพแวดล้อม หรือประกอบการงานต่างๆ ได้ดขี น้ึ 2. ประโยชน์ต่อครอบครัว กิจกรรมนันทนาการบางอย่างนอกจากจะให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ทำให้ชีวิตครอบครัวเป็นสุขและอบอุ่นแล้ว ยังอาจช่วยเพิ่มรายได้ของครอบครัวโดยทางอ้อมอีกด้วยเช่น การ ปลูกตน้ ไม้ การปลกู ผักสวนครัว เปน็ ตน้ 3. ประโยชน์ต่อสังคม ก่อให้เกิดความสามัคคี รักใคร่กลมเกลียวกันในหมู่คณะ ส่งเสริมความเป็น พลเมืองดี ลดปญั หาการประพฤตผิ ิดศลี ธรรม หรอื ปัญหาอาชญากรรม โดยการรู้จกั ใช้เวลาให้เกดิ ประโยชน์ เชน่ การเข้าร่วมกิจกรรมเพ่ือสาธารณประโยชน์ร่วมกัน ทำให้เกิดความสนิทสนมขณะทำงานด้วยกัน ทำให้เพ่ิมคุณ ธรรมแกบ่ ุคคลผู้รว่ มกนั ทำกิจกรรมนัน้ ๆ คมู่ ือการอบรมการดูแลสขุ ภาพผูส้ งู อาย ุ 141

บทที่ 14 การฝึกปฏิบัติงาน วตั ถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ดูแลผู้สูงอายุ มีความรู้ ความเข้าใจ มีทัศนคติท่ีดีในการดูแลผู้สูงอายุ สามารถนำความรู้ท่ีได้ มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการปฏบิ ัตกิ ารดูแลผสู้ งู อายุได้อย่างถูกตอ้ งตามหลักวชิ าการอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ เนอื้ หาวชิ า 1. ในสถานบรกิ าร (ปฏิบัติ 4 ชวั่ โมง) การฝกึ ปฏบิ ตั ิงานจรงิ ตามองคค์ วามรู้ ขอ้ ท่ี 1-13 ในการดูแลผสู้ งู อายตุ ามกลมุ่ ศกั ยภาพ กลมุ่ ที่ 1 ผสู้ งู อายุที่ช่วยเหลอื ตนเองได้ ช่วยเหลือผอู้ ืน่ สงั คม และชมุ ชนได้ (ตดิ สังคม) เชน่ การส่ง เสริมสุขภาพผสู้ งู อายุ การจัดกจิ กรรมนนั ทนาการ การสง่ เสรมิ ภูมิปญั ญาพืน้ บา้ น กลุ่มท่ี 2 ผู้สูงอายทุ ่ีช่วยเหลอื ตัวเองไดบ้ า้ ง (ตดิ บา้ น) เช่น การจัดกิจกรรมการให้ความรู้ และคำ แนะนำเกี่ยวกับโรคท่ีพบบ่อยในผู้สูงอายุ การใช้ยาในผู้สูงอายุ การช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุเบ้ืองต้น สุขภาพจิต กบั ผู้สูงอายุ การคัดกรองภาวะเครียดและสมองเสอื่ ม กลมุ่ ท่ี 3 ผสู้ งู อายุท่ีช่วยเหลือตวั เองไม่ได้ พกิ าร/ทุพพลภาพ (ตดิ เตยี ง) เชน่ การดแู ลชว่ ยเหลือผู้ สูงอายุที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เนื่องจากความชราภาพที่มีปัญหา ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ ระบบขับถ่าย ระบบอวัยวะสืบพันธ์ การจัดสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ (เช่น บริเวณเตียง/ห้อง พักผสู้ งู อายุ) 2. ในชุมชน (ปฏิบัติ 4 ช่วั โมง) กลมุ่ ท่ี 1 ผ้สู ูงอายุท่ีชว่ ยเหลือตนเองได้ ช่วยเหลอื ผู้อ่ืน สังคม และชุมชนได้ (ตดิ สงั คม) เช่นการสง่ เสรมิ สุขภาพผสู้ งู อายุ การจดั กจิ กรรมนันทนาการ การส่งเสรมิ ภมู ปิ ญั ญาพ้นื บ้าน กลมุ่ ท่ี 2 ผู้สงู อายุที่ช่วยเหลือตัวเองไดบ้ า้ ง (ตดิ บ้าน) เชน่ การจัดกจิ กรรมการใหค้ วามรู้ และคำ แนะนำเก่ียวกับโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ การใช้ยาในผู้สูงอายุ การช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุเบื้องต้น สุขภาพจิต กับผ้สู ูงอายุ การคัดกรองภาวะเครียดและสมองเสื่อม กลุ่มท่ี 3 ผู้สูงอายุท่ีช่วยเหลอื ตวั เองไม่ได้ พิการ/ทพุ พลภาพ (ตดิ เตียง) เชน่ การดแู ลชว่ ยเหลอื ผู้ สูงอายุท่ีช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เนื่องจากความชราภาพที่มีปัญหา ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ ระบบขับถ่าย ระบบอวัยวะสืบพันธ์ การจัดสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุท้ังภายในอาคารและ บริเวณภายนอกอาคาร 142 คู่มือการอบรมการดูแลสุขภาพผสู้ งู อายุ

บทที่ 15 การวดั ผลและประเมนิ ผลการศกึ ษา วตั ถปุ ระสงค์การเรยี นรู ้ • วัตถปุ ระสงค์ทัว่ ไป เพื่อประเมิน/วัดระดับความรู้ ความเข้าใจ ทศั นคติ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และ การปฏบิ ัตใิ นการดูแลผู้สูงอายุ • วัตถุประสงค์เฉพาะ เพื่อประเมิน/วัดระดับความรู้ ความเข้าใจ คุณธรรมจริยธรรม และการ ปฏิบัติในการดูแลผู้สูงอายุเพื่อให้ได้ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน เพื่อ คณุ ภาพชีวิตทด่ี ขี องผ้สู งู อายุ เปา้ หมาย แผนการสอนน้ีม่งุ หมายใหผ้ เู้ ขา้ รบั การอบรม เขา้ ใจวัตถปุ ระสงค์ เน้ือหาวชิ า วิธกี ารวัดและประเมินผล และเกณฑใ์ นการประเมนิ ความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติ และการปฏิบตั ิในการดแู ลผู้สูงอายุ เนอ้ื หาวิชา - ทดสอบและประเมินภาคทฤษฎ ี - ทดสอบและประเมนิ ภาคปฏบิ ตั ิ - ทดสอบและประเมนิ ผลด้านทกั ษะการปฏบิ ัติ - ทดสอบและประเมินผลด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ระยะเวลา 2 ชั่วโมง (ทฤษฎี 1 ชว่ั โมง ปฏบิ ตั ิ 1 ชว่ั โมง) รปู แบบ/วธิ กี ารสอน การทำแบบทดสอบ คมู่ ือการอบรมการดูแลสุขภาพผสู้ งู อาย ุ 143

ขั้นตอนการดำเนินกิจกรรม 1. ดำเนินการทดสอบและประเมินภาคทฤษฎี 2. ดำเนินการทดสอบและประเมินภาคปฏบิ ัติ 3. ดำเนินการทดสอบและประเมินผลด้านทกั ษะการปฏิบัติ 4. ดำเนนิ การทดสอบและประเมนิ ผลด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ส่อื ประกอบการเรยี นการสอน/อปุ กรณ์ - แบบทดสอบวดั ประเมินภาคทฤษฎี - แบบทดสอบวดั ประเมนิ ภาคปฏบิ ัต ิ - แบบทดสอบดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม การประเมินผล มเี กณฑ์ในการประเมิน ดังน้ ี - ผ่านการทดสอบและประเมนิ ภาคทฤษฎี ไม่นอ้ ยกว่า ร้อยละ 80 - ผา่ นการทดสอบและประเมนิ ภาคปฏิบตั ิ ไมน่ ้อยกว่า รอ้ ยละ 80 - ผ่านการทดสอบและประเมินผลดา้ นทักษะการปฏบิ ัติ ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ 80 - ผา่ นการทดสอบและประเมนิ ผลด้านคุณธรรม จริยธรรม ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 100 การวัดผลและประเมนิ ผลการศึกษา (1) ผู้เข้าอบรมต้องมเี วลาเรียนไมต่ ่ำกว่า ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนในแต่ละวชิ า และต้องชำระคา่ ใช้จ่ายในการอบรมตามระเบียบท่ีสถานศึกษากำหนดจึงจะมีสิทธิเข้าสอบ ผู้เข้าอบรมที่มีสิทธิเข้าสอบจะ ต้องปฏบิ ตั ิ ดังนี้ 1. ผูเ้ ขา้ อบรมตอ้ งเข้าสอบตามวนั เวลา และสถานท่ี ที่วทิ ยาลัยกำหนดให้ หากขาดสอบโดยไมม่ ี เหตผุ ลอันสมควร ใหถ้ ือว่าสอบตกในการสอบครัง้ นน้ั 2. ผู้เข้าอบรมต้องใช้กระดาษสอบที่สถานศึกษาจัดให้ และห้ามคัดลอกข้อสอบหรือนำกระดาษ สอบออกจากห้องสอบ 3. ผ้เู ขา้ อบรมจะเข้าห้องสอบไดเ้ ม่ือไดร้ ับอนญุ าตจากอาจารยผ์ คู้ วบคมุ การสอบ 4. ผู้เข้าอบรมจะออกจากห้องสอบเป็นการชั่วคราวได้ต่อเมื่อได้รับการอนุญาตจากอาจารย์ผู้ ควบคุมการสอบ 5. ผู้เข้าอบรมท่ีมาสายเกินกว่า 30 นาที ห้ามเข้าห้องสอบ และไม่ให้ผู้ท่ีเข้าสอบออกจากห้อง สอบกอ่ นเวลา 30 นาท ี 6. ข้อปฏบิ ตั อิ ื่นเก่ียวกบั การสอบใหเ้ ปน็ ไปตามท่ีสถานศกึ ษากำหนด 144 ค่มู อื การอบรมการดแู ลสุขภาพผู้สงู อาย ุ

7. หากผู้ใดทุจริตหรือส่อเจตนาทุจริตในการสอบด้วยวิธีใดๆ ก็ตามอาจารย์ผู้ควบคุมการสอบมี อำนาจส่ังให้ผู้น้ันยุติการสอบ และให้ถือว่าสอบตกในการสอบคร้ังน้ันของวิชาท่ีสอบ โดยให้อาจารย์ผู้ควบคุม การสอบรายงานการทุจริตให้ผู้บริหารสถานศึกษาทราบทุกกรณี เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยร่วมกับคณะ กรรมการบริหารหลกั สูตรของสถานศกึ ษาตอ่ ไป (2) ระบบการให้คะแนนของแต่ละรายวิชา ประเมินผลรายวิชาเป็นระดับคะแนน ผู้เข้าอบรมที่ได้ ผลการสอบได้มากกว่าร้อยละ 60 ถอื วา่ สอบผา่ น (3) ตัวอย่างการให้คะแนน 1. ประเมินจากการแสดงความคิดเห็น คำถาม ข้อเสนอแนะในห้องเรียน และ/หรือในขณะที่ดู งาน (10 คะแนน) 2. การนำเสนอรายงานเก่ียวกับแนวคิด วิธีการต่างๆ ที่เก่ียวข้องกับสาระในวิชาท่ีเรียน (30 คะแนน) 3. การเข้ารว่ มกจิ กรรมอื่นๆ เชน่ การทำโครงการ/โครงงาน/กิจกรรมกลุม่ (20 คะแนน) 4. การวดั ผลดว้ ยการสอบ (40 คะแนน) คู่มอื การอบรมการดแู ลสุขภาพผสู้ งู อาย ุ 145

บทท่ี 16 โรคหลอดเลือดสมอง วยิ ะการ แสงหัวช้าง พยาบาลวิชาชพี ชำนาญการ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สระบรุ ี สถานการณ์โรคหลอดเลือดสมอง รายงานการศึกษาโรคและการบาดเจ็บของประชากรไทย พบ พ.ศ. 2551 พบว่าอัตราผู้ป่วยในโรค หลอดเลอื ดสมอง 257/100,000 ผู้ปว่ ยนอก 980/100,000 คน และในปี พ.ศ. 2552 โรคหลอดเลอื ดสมองมี อตั ราเสียชีวิต 21/100,000 คน รองจากมะเรง็ และโรคหวั ใจ คาดว่าในปี พ.ศ. 2559 คนไทยจะมีอายเุ ฉลี่ย 75.6 ปี ( ชาย 68 ปี หญิง 75 ปี) ในปี พ.ศ.2551 ผู้สงู อายที่เป็นผู้ป่วยในจากโรคอัมพาต อมั พฤกษ์ 995/100,000 คน WHO ประมาณว่าทกุ ปมี ีผ้ปู ว่ ยโรคหลอดเลือดสมองมากกวา่ 15 ลา้ นคนทวั่ โลก 5 ล้านคนพกิ ารถาวร 5 ลา้ นคนเสยี ชวี ติ และ 2/3 อยู่ในประเทศกำลังพฒั นา ปี 2563 จะเพ่มิ ขึ้นเปน็ 2 เทา่ ประเทศไทยคาดว่ามีผู้ ป่วยรายใหมใ่ นแตล่ ะปี 150,000 ราย ปี 2552 เสยี ชีวติ 21ตอ่ แสนประชากร (37 คน/วนั ) คนไทยอายุ 15-74 ปี พ.ศ. 2548-2550 พบความชุกโรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต เพ่ิมขึ้นเป็น 0.5 ล้านคน (ร้อยละ 1.1) พ.ศ.2551 ผู้ปว่ ยนอก 980/100,000 คน ค่ารกั ษาเฉลีย่ 1,629 บาทต่อราย ผู้ป่วยใน 257/100,000 คน (446/วนั ) ค่ารักษาเฉล่ีย 29,571 บาทต่อราย คา่ รกั ษาทั้งสนิ้ 2,973 ล้านบาทตอ่ ปี หากประมาณการผปู้ ่วยโรค หลอดเลอื ดสมอง 0.5 ล้านคนจะตอ้ งเสยี คา่ รักษาประมาณ 20,632 ลา้ นบาทต่อป ี ความหมายโรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดสมอง (Cerebrovascular disease : CVD หรอื stroke) หรอื ทค่ี นไทยนิยม เรียกว่า โรคอัมพฤกษ์ อมั พาต หมาย ถึง ความผิดปกติของระบบประสาทอย่างเฉียบพลัน และมีอาการหรือ อาการแสดงนานกว่า 24 ช่ัวโมง ซ่ึงเกิดจากความปกติของระบบไหล เวยี นเลือดไปเลี้ยงสมอง (Hackey & Less, 2001; Nolan & Naylor, 2003; Yamamoto & Magalong, 2003) กล่าวคือ เกิดจากหลอด เลือดแดงท่ีไปเลี้ยงสมองตีบ ตัน หรือแตก ทำให้เน้ือสมองขาดอาหาร ออกซิเจน เนื้อสมองเสียหาย และการ ทำงานของสมองหยุดชงัก ถ้าไม่รีบรักษาเนื้อสมองจะตายและเกิดความเสียหายถาวร (กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, 2550) ซึ่งสามารถแบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ชนดิ ใหญ่ๆ คอื 1. โรคหลอดเลือดสมองท่ีเกิดจากขาดเลือด (ischemic stroke) สาเหตุท่ีทำให้เกิดคือ Atherosclerosis ทำให้ cerebral blood flow ลดลง การไหลเวยี นไปเลยี้ งสมองไมเพยี งพอ พบประมาณรอ้ ยละ 146 คู่มอื การอบรมการดูแลสุขภาพผ้สู งู อายุ

80 ของผปู้ ว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมองทง้ั หมด ซง่ึ มสี าเหตมุ าจากโรคหลอดเลอื ดสมองตบี ตนั (cerebral thrombosis) และหลอดเลอื ดสมองอดุ ตนั (cerebral embolism) (Millor & Moo, 1999 ; Petit, 2001) การเกดิ ลม่ิ เลอื ดอดุ กน้ั หลอดเลอื ดทง้ั ขนาดใหญแ่ ละขนาดเลก็ สมั พนั ธก์ บั ภาวะผนงั หลอดเลอื ดแขง็ ตวั และการมคี วามดนั โลหติ สงู เปน็ เวลานาน เมอ่ื มหี ลอดเลอื ดอดุ กน้ั อยา่ งทนั ทที นั ใด เซลลป์ ระสาทสมองจะคอ่ ยๆ ตายลงภายในเวลา 6-8 ชว่ั โมง 2. โรคหลอดเลือดสมองท่ีเกดิ จากมเี ลือดออก (hemorrhagic stroke) เนอื่ งจากหลอด เลอื ดสมองแตก พบประมาณร้อยละ 20 ของผูป้ ว่ ยโรคหลอดเลอื ดสมองทั้งหมด (Carrozzla & Jauch ,2002; Petit,2001) ซง่ึ สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลมุ่ คือ 2.1 ภาวะเลือดออกใต้สมองชั้น subarachnoid (subarachnoid hemorrhage: SAH) เกิดขึ้นเม่ือหลอดเลือดบริเวณผิวนอกของสมอง (surface of the brain) แตกและเลือดไหลเข้าสู่ช่องว่าง ระหว่างสมองและกะโหลกศีรษะ สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการแตกของหลอดเลือดสมองโป่งพอง (aneurysm) และความผิดปกติของหลอดเลือดแดงและดำในสมอง (artariovenous malformation: AVM) (American Store Association, 2003) การมีเลือดออกในช่อง subarachnoid ทำให้ผู้ป่วยปวดศรีษะอย่างมากทันที อาเจียน และมีการเปล่ียนแปลงของภาวะรู้สติ เม่ือเปรียบเทียบกับโรคหลอดเลือดสมองจากสาเหตุอ่ืน ผู้ป่วย SAH มกั มอี ายุน้อยกวา่ และมกั ไม่มีโรคประจำตวั 2.2 ภาวะเลอื ดออกในสมอง (intracerebral hemorrhage) พบไดร้ อ้ ยละ 10 ของผปู้ ว่ ยโรค หลอดเลือดสมองท้ังหมด มักพบในผู้ท่ีมีความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ หรือผู้สูงอายุ (American Store Association, 2003) ทำใหห้ ลอดเลอื ดในสมองแตกเกดิ เลอื ดออกในสมองและอาจเขา้ สโู่ พรงสมอง (venticle) ได้ (Millor & Moo, 1999; Petit, 2001) ตำแหนง่ ทม่ี เี ลอื ดออกไดบ้ อ่ ยไดแ้ ก่ basal ganglia, thalamus, กลบี สมอง ของ cerebral hemisphere, cerebellum และ pons เม่ือมีเลือดออกในสมองลึกลงไปใน cerebral hemisphere ผปู้ ว่ ยมกั มอี าการปวดศรี ษะมาก มกั มอี าการชาและออ่ นแรงในสว่ นของรา่ งกายซกี ตรงขา้ มกบั รอยโรค ปัจจยั เสีย่ งการเกิดโรคหลอดเลอื ดสมอง โรคหลอดเลือดสมองเกิดจากการขัดขวางการนำเลือดไปเล้ียง สมอง หรือมีเลือดออกในสมองทำให้เซลล์สมองถูกทำลาย ซ่ึงการเกิด โรคหลอดเลือดสมองมปี ัจจยั เส่ยี งกอ่ ให้เกดิ โรคดังนี้ 1. ปจั จยั เสย่ี งทสี่ ามารถแกไ้ ขได้ 1.1 โรคความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงท่ีสำคัญท่ีทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองชนิดสมองขาด เลอื ดและชนดิ มเี ลอื ดออก (Feitus & Bogousslavsky, 2001) โดยเฉพาะในผสู้ งู อายทุ มี่ กี ารเปลย่ี นแปลงของผงั หลอด เลอื ดแดงหนาและแขง็ (atherosclerosis) (Broderick et al., 1999) ซง่ึ ภาวะความดนั โลหติ สงู นนั้ จะเรง่ การเกดิ artherosclerosis ของหลอดเลอื ดสมอง และทำใหเ้ กดิ thrombosis ในตำแหนง่ นนั้ หรอื มกี ารหลดุ ของ emboli จากผนงั หลอดเลอื ดบรเิ วณนนั้ ไปอดุ ตนั หลอดเลอื ดสมองในสว่ นปลายๆ ทำใหเ้ กดิ ภาวะ cerebral infraction ตามมา 1.2 โรคเบาหวาน เปน็ ปจั จยั เสยี่ งของโรคหลอดเลอื ดสมองขาดเลอื ดตบี ตนั (thrombotic stroke) เนอื่ งจากโรคเบาหวานทำใหเ้ กดิ ภาวะหลอดเลอื ดไดง้ า่ ย โดยจะมหี ลอดเลอื ดแขง็ ทว่ั รา่ งกาย และถา้ เปน็ ทห่ี ลอด คมู่ อื การอบรมการดูแลสขุ ภาพผสู้ ูงอาย ุ 147

เลือดสมองจะเกิดอัมพาตขึ้น อัตราเส่ียงของผู้ป่วยโรคเบาหวานจะมีโอกาสเกิดอัมพาตได้สูงกว่าผู้ป่วยปกติ 2-4 เทา่ เมอื่ เทยี บกบั ผทู้ ไี่ มไ่ ดเ้ ปน็ โรคเบาหวานทม่ี อี ายเุ ทา่ กนั (กชพร ออ่ นอภยั , 2551; Adams et al., 2003) 1.3 ภาวะไขมันในเลือดสูง ภาวะท่ีมีไขมันในหลอดเลือดท้ังชนิด cholesterol , triglyceride ซึ่งเป็นไขมันท่ีไปเกาะผนังหลอดเลือดและจะทำให้ผนังหลอดเลือดแข็ง อันจะมีผลทำให้เกิดอัมพาตได้ง่าย โดย เฉพาะถ้าเกิดขึ้นกับหลอดเลือดแดงที่นำเลือดไปเลี้ยงสมองมีการอุดตัน ทำให้มีการขัดขวางเลือดไปเลี้ยงสมอง เพม่ิ ภาวะเส่ยี งตอ่ การเกดิ โรคหลอดเลอื ดสมองได้ (American Store Association, 2003) 1.4 โรคหัวใจ ผู้ป่วยโรคหัวใจไม่ว่าจะเกิดจาก rheumatic heart disease หรือ non- rheumatic heart disease เป็นปัจจัยสำคัญของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีอายุน้อย ได้แก่ โรคลิ้นหัวใจ (valvular disease) ภาวะหัวใจเต้นผดิ จังหวะ (atrail fibrillaion) และหลงั จากเกิดกลา้ มเน้ือหัวใจตาย (post myocardial infrection) (นิจศรี ชาญณรงค์, 2541; Hock,1999) ต่างก็เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอด เลอื ดสมองชนดิ cerebral embolism โดยเฉพาะผู้ทมี่ ีภาวะหวั ใจเต้นผดิ จงั หวะ หัวใจหอ้ งบนมีขนาดใหญแ่ ต่มี ประสิทธิภาพการบีบตัวของหัวใจห้องบนไม่ดี ทำให้เกิดเลือดคั่งและมีลิ่มเลือดจากหัวใจ (cardiogenic emboli) ล่ิมเลือดดังกล่าวมีโอกาสที่จะหลุดออกมาไปอุดตันหลอดเลือดสมองทำให้สมองขาดเลือดไปเล้ียง (American Store Association, 2003) 1.5 โรคเก่ียวกับหลอดเลือดแดงคาโรทิด เนื่องจากหลอดเลือดแดงคาโรทิดอยู่บริเวณคอที่นำ เลือดไปเลี้ยงสมอง ถ้ามีการอุดตันจาการเกาะของไขมันจะทำให้เกิดขัดขวางเลือดไปเล้ียงสมอง มีผลทำให้เกิด โรคหลอดเลือดสมองได้ (American Store Association, 2003) 1.6 โรคเลอื ด เช่น มกี ารผดิ ปกตขิ องการแข็งตวั ของเลือด (coagulatic factors) ทำให้มีการอดุ ตันได้มากข้ึนหรือมีความผิดปกติของเม็ดเลือดและเกร็ดเลือดพบในโรคต่างๆ เช่น ภาวะเลือดเข้มข้น (polycythmia) ภาวะเลอื ดหนดื (hyperviscosity syndrome) เปน็ ตน้ (เจียมจิต แสงสุวรรณ, 2541; กชพร ออ่ นอภัย, 2551) 1.7 ผู้ท่ีไม่ได้ออกกำลังกายและอ้วน เน่ืองจากปัจจัยเส่ียงทั้งสองอย่างน้ีไปเพิ่มภาวะเสี่ยงท้ังสอง อย่างนี้ไปเพ่ิมภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ (American stroke Assciation, 2003) และเป็นปัจจัยที่ส่งเสริม ให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง และทำให้ผู้ป่วยมีไขมันในเลือดสูง ซ่ึงจะมีโอกาสเกิดอัมพาตได้มากกว่าคนธรรมดา อีกทั้งการไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะเป็นปัจจัยทำให้ผู้ป่วยอ้วนเกิดความเครียด ซึ่งการออกกำลังกาย อยา่ งสมำ่ เสมอจะมผี ลให้ระดบั ไขมนั ท่ีเป้นอันตรายตอ่ ร่างกาย (low density lipoprotein cholesterol: LDL) ลดลง และไขมัน (hight density lipoprotein cholesterol: HDL) เพิม่ ขน้ึ ทำให้หลอดเลอื ดแดงไมแ่ ข็งตวั 1.8 การสูบบุหรี่ อาจทำให้มีเลือดออกในสมองได้ เพราะนิโคตินที่มีอยู่ในบุหรี่ออกฤทธิ์ทำให้ หัวใจกับหลอดเลือดหดตัว มีผลทำให้ความดันโลหิตสูงอย่างเฉียบพลัน ทำให้เส้นเลือดเพิ่มขึ้น ค่าความเข้มข้น ของเลือดเพมิ่ ข้นึ มีผลใหล้ ดการไหลเวยี นไปเลี้ยงสมอง (Freitas&Bogousslavsky, 2001) 1.9 การดื่มสุราอย่างหนัก เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดเลือดในสมองได้ (เจียมจิต แสงสุวรรณ, 2541; Hankey & Less, 2001) เน่ืองจากการดื่มสุรามีความสัมพันธ์กับการเกิดหลอดเลือดแดงแข็ง อาจเกิด จากแอลกอฮอล์ไปลดระดับไลโปโปรติน นอกจากน้ียังเพิ่มอัตราส่วนของพลอสตา แกรนดิน ทำให้เกิดภาวะ ความดันโลหติ สูง (Berger et al. cited in Freitas & Bogousslavsky, 2001) 1.10 การใช้ยาเสพติดโดยเฉพาะการใช้ยาเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้นเลือดดำจะเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อ การเกิดลิม่ เลือด (American stroke Assciation, 2003) 148 คมู่ ือการอบรมการดแู ลสขุ ภาพผสู้ ูงอายุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook