26 ดร.สาวิตรี บญุ มี 2) ปญั หาทีไ่ มม่ ีโครงสรา้ ง (Unstructured Problem) เป็นปญั หาที่ไม่สามารถหาวธิ กี ารแก้ไขไดอ้ ย่างชัดเจนและแนน่ อน ไมส่ ามารถจาลองได้ดว้ ยสูตร ทางคณิตศาสตร์ หรือกล่าวอกี นัยหน่งึ คือ ปัญหาท่ผี ู้ตดั สนิ ใจมขี ้อมลู และสารสนเทศไมเ่ พียงพอต่อการ แก้ไขปญั หา จึงต้องอาศยั ประสบการณ์ของผ้ตู ัดสนิ ใจ เชน่ ปัญหาการเลือกลงทนุ กับหุ้นทอี่ ยใู่ นตลาดหลักทรัพย์ เน่ืองจากผตู้ ัดสนิ ใจลงทนุ ไมส่ ามารถ ทราบได้แน่นอนว่าหนุ้ ทีต่ ้องการลงทุนจะใหผ้ ลตอบแทนสงู สุดหรือไมเ่ มือ่ ถึงสิน้ ปี 3) ปญั หาแบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-structured Problem) เป็นปญั หาทม่ี ีลกั ษณะเฉพาะ ส่วนมากจะไม่เกิดซา้ และไม่มกี ระบวนการดาเนนิ การมาตรฐาน หรือ เปน็ ปัญหาที่มีวธิ กี ารแกไ้ ขเพยี งบางสว่ นเทา่ น้ัน สว่ นทเี่ หลอื จะต้องอาศยั ประสบการณ์หรือความ ชานาญในการตดั สินใจแก้ปญั หา สว่ นเทคโนโลยีสารสนเทศใหไ้ ด้แค่การสนับสนนุ เท่านน้ั เช่น จากปญั หาการกาหนดระดับสินคา้ คงคลงั ผ้ตู ดั สินใจไมส่ ามารถทราบปรมิ าณความต้องการ สินค้าท่ีแนน่ อนได้ กจ็ ะไม่สามารถคานวณหาผลลัพธไ์ ดอ้ ย่างถูกต้อง แต่จะต้องอาศัยประสบการณ์ในการ คาดการณ์ปรมิ าณความต้องการท่จี ะเกิดข้นึ ในอนาคตการพัฒนาในด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) อาจจะช่วยใหก้ ารตดั สนิ ใจประเภทนมี้ ีคุณภาพมากข้ึนได้ ระดบั การจัดการในองค์กรและประเภทของปัญหา ปญั หาทั้ง 3 ประเภททีก่ ล่าวมาขา้ งต้น ในแง่ ของระดบั การจดั การในองค์กรแล้ว ผ้บู รหิ ารในแตล่ ะระดบั อาจจะต้องเผชิญกับปัญหาท้งั 3 ประเภท แต่ละ ประเภทในแต่ละระดับก็จะแตกต่างกนั ออกไป เมอื่ องค์กรตอ้ งเผชญิ ปญั หา ผทู้ ี่เกีย่ วขอ้ งจาเปน็ ต้องหาทางแก้ไขปัญหา บ่อยครั้งท่ีปญั หามี ทางเลอื กใหแ้ ก้ไขปญั หาหลายทางเลือก ดังน้ันการตัดสนิ ใจจงึ เปน็ ส่ิงทห่ี ลกี เลย่ี งไม่ได้ในการดาเนินธุรกจิ 2.2. การตดั สินใจทางธุรกิจ การตัดสินใจ (Decision Making) หมายถึง กระบวนการคัดเลือกแนวทางปฏิบตั จิ ากทางเลอื กตา่ ง ๆ ตั้งแต่ 2 ทางเลือกข้นึ ไป เพ่ือให้บรรลุวตั ถุประสงคท์ ่ตี ้องการ (Sharda et. Al, 2014) 2.2.1. ลักษณะของการตัดสินใจทางธรุ กิจ การตัดสินใจทางธรุ กจิ (Business Decision Making) เปน็ การตดั สนิ ใจที่ทกุ ๆ องค์กร ลว้ นให้ความสาคญั เปน็ อยา่ งมาก เพ่ือใหอ้ งค์กรสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ไดต้ ามต้องการ การตัดสินใจ ทางธุรกิจมักจะเกยี่ วข้องกบั ลักษณะตา่ ง ๆ (Sharda et. Al, 2014) ดงั นี้ - เปน็ การตดั สนิ ใจท่ีสามารถทาได้โดยลาพัง หรือร่วมกนั ตดั สินใจเป็นกล่มุ ได้ - การตัดสินใจเป็นกลุ่มก็สามารถนาไปสผู่ ลลพั ธ์ท่ีไม่ดีไดเ้ ชน่ กัน - ผ้ทู ี่ตัดสนิ ใจสนใจในวเิ คราะหจ์ ากการจาลองสถานการณ์ที่สามารถเกดิ ขนึ้ ได้ - เปน็ การตัดสนิ ใจที่อาจมีวัตถุประสงค์ของการตัดสนิ ใจหลายประการที่ขดั แย้งกัน
เอกสารประกอบการสอนวชิ าระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจทางธรุ กจิ 27 - มแี นวทางประกอบการพจิ ารณาตัดสินใจหลายทางเลือก - การทดลองในสถาณการณ์จริงอาจจะสง่ ผลทางลบทาให้ต้องพจิ ารณาทางเลือกที่ เหมาะสมที่สุด - ผลของการตัดสนิ ใจในปัจจุบัน จะใชเ้ ป็นข้อมูลประกอบการพยากรณ์เร่ืองต่าง ๆ ใน การดาเนินธรุ กจิ ได้เปน็ อย่างดี - เป็นการตัดสินใจที่มคี วามเสี่ยงแฝงอยดู่ ว้ ยเสมอ เนือ่ งจากทัศนคติของผูต้ ัดสนิ ใจแต่ ละคนน้นั แตกต่างกัน - ปจั จัยแวดลอ้ มการตัดสนิ ใจ มีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลา - เวลาทใ่ี ชใ้ นการตัดสนิ ใจมผี ลตอ่ ผลการตัดสินใจและการดาเนินงาน โดยท่ผี ตู้ ัดสนิ ใจมักจะตัดสินใจด้วยการวิเคราะห์แบบ What-if กับสถานการณ์ที่จะ เกดิ ข้นึ ในอนาคต เปน็ การตัดสนิ ใจท่เี สมอื นกบั การทดลองเพื่อตอ้ งการดูผลท่จี ะเกิดขึ้น แตใ่ นลกั ษณะนี้ เปน็ การทดลองในสถานการณ์จริง ดงั นนั้ การตัดสินใจจึงสามารถเกิดข้อผดิ พลาดได้ เรียกลักษณะการ ตดั สนิ ใจเช่นนว้ี ่าเปน็ การ “ลองถูก – ลองผิด” นน่ั เอง ทั้งนอ้ี าจเน่ืองมาจากในการตัดสินใจมีเง่ือนไขเพียง อยา่ งเดยี วให้พจิ ารณา 2.2.2. ประเภทของการตดั สนิ ใจ ประเภทของการตดั สินใจสามารถจาแนกได้ 3 ลักษณะ (กิตติ ภักดวี ัฒนะกลุ , 2553) คือ 1) จาแนกตามจานวนผู้ตดั สนิ ใจ จาแนกได้ 2 ประเภท คือ การตัดสนิ ใจโดยมผี ุ้ ตดั สนิ ใจคนเดียว และ การตัดสินใจแบบมผี ตู้ ดั สินใจเป็นกลมุ่ ซึง่ จะใชร้ ะบบสนับสนนุ การตดั สนิ ใจต่างชนดิ กนั 2) จาแนกตามโครงสรา้ งของปญั หา จาแนกได้ตามปญั หา ได้ 3 ประเภท คอื การตัดสินใจ แบบมีโครงสรา้ ง การตัดสินใจแบบก่งึ โครงสร้าง และการตัดสนิ ใจแบบไม่มโี ครงสร้าง 3) จาแนกตามลักษณะการบริหารงานในองค์กร จาแนกได้ 3 ประเภท คือ การตัดสินใจ ระดับปฏิบตั กิ าร การตัดสินใจระดับกลางเพ่ือควบคุม และการตัดสนิ ใจระดับผบู้ ริหาร เพ่ือวางกลยุทธ์ ในยุคเรมิ่ แรกขอฃการนาระบบคอมพวิ เตอร์มาชว่ ยสนับสนนุ การตดั สินใจน้ัน Gorry และ Scott-Morton (1971, อา้ งถึงใน Sharda et. Al, 2014: 41) ได้เสนอกรอบแนวคดิ ในการตดั สินใจของ องค์กรในรปู แบบตารางเมทริกซข์ นาด 3 คูณ 3 ตารางท่ี 2.1 ซง่ึ ประกอบดว้ ย 2 มิติ ดงั น้ี มติ ิแรกตามแนวต้งั คือประเภทของการตัดสนิ ใจตามโครงสรา้ งของปัญหา และอกี มิตตามแนวนอน คือ ระดับการบรหิ ารงานใน องค์กร
28 ดร.สาวิตรี บญุ มี ตารางท่ี 2.1 กรอบแนวคิดของการตัดสนิ ใจ ประเภทของ ระดบั การบริหารงานในองค์กร การตัดสนิ ใจ มโี ครงสร้าง ระดบั ปฏบิ ัติการ ระดับกลางเพ่ือควบคุม ระดบั ผู้บรหิ ารเพ่ือกลยุทธ์ บัญชีลกู หนี้ ก่งึ โครงสรา้ ง บัญชีเจ้าหน้ี การวิเคราะหง์ บประมาณ การจัดการทางการเงนิ รบั คาส่งั ซอื้ ไมม่ โี ครงสร้าง การพยากรณ์ระยะสนั้ การลงทุนกลมุ่ หลักทรัพย์ การจัดตารางการผลติ การควบคมุ สินคา้ คงคลงั รายงานบุคลากร การหาท่ีต้งั คลังสินคา้ การซอื้ ซอฟต์แวร์ การตัดสินใจสร้างหรอื ซอ้ื ระบบกระจายสินคา้ การอนมุ ัติเงนิ กู้ การเลอื กปกนิตยสาร การประเมินสินเชือ่ การสร้างโรงงานใหม่ การเตรียมงบประมาณ การควบรวมกจิ การ การจดั ผงั โรงงาน การวางแผนสนิ ค้าใหม่ การวางแผนโครงการ การวางแผนคา่ ตอบแทน การออกแบบระบบ การประกบั คณุ ภาพ ผลตอบแทน นโยบายบรหิ ารงานบุคคล การจดั กลุม่ สินค้าคงคลัง การวางแผนสนิ ค้าคงคลัง การเจรจาตอ่ รอง การวิจัยและพัฒนา การรับสมคั รผ้บู ริหาร การพฒั นาเทคโนโลยีใหม่ การจัดซือ้ ฮาร์ดแวร์ การวางแผนกจิ กรรมความ รบั ผิดชอบตอ่ สังคม (ที่มา: ปรับปรุงจาก Sharda et. Al, 2014) 2.3. กระบวนการตดั สนิ ใจและการแก้ไขปญั หา การดาเนนิ ธุรกิจตา่ ง ๆ ลว้ นต้องการการตดั สนิ ใจท่ดี ี ไมว่ ่าจะเปน็ การตัดสินใจวางแผนเชงิ กลยทุ ธ์ หรือเชิงกลวธิ ี ทงั้ นเ้ี พื่อใหแ้ ผนงานเหลา่ นบี้ รรลเุ ปา้ หมายได้ในที่สุด และปัจจบุ นั หลายองค์กรยอมรบั ว่า ระบบสารสนเทศสามารถชว่ ยให้การตดั สินใจมีประสิทธภิ าพมากขึ้น การตดั สินใจจัดวา่ เป็นระยะ (Phase) หนึ่งของกระบวนการแก้ไขปัญหา (Problem Solving Process) ของมนุษย์กล่าวคือ เมอื่ พบวา่ มปี ญั หาใด ๆ เกดิ ขน้ึ จะต้องมีการตัดสินใจเลือกแนวทางที่ดที ่ีสุด เพ่อื นาไปส่กู ารแก้ไขปญั หาต่อไป 2.3.1. กระบวนการตัดสนิ ใจ กระบวนการตัดสนิ ใจ (Decision Making Process) คือ การกาหนดขั้นตอนในการ ตัดสินใจแก้ไขปัญหาทเ่ี กดิ ข้ึนภายในองค์กรอยา่ งมหี ลกั เกณฑ์ ดว้ นการกาหนดขน้ั ตอนต้ังแต่ข้ันแรกจนถงึ ขนั้ สดุ ทา้ ยเพื่อให้ไดผ้ ลลพั ธท์ ี่ต้องการ
เอกสารประกอบการสอนวชิ าระบบสนับสนุนการตดั สินใจทางธุรกิจ 29 รปู แบบของกระบวนการตดั สินใจอาจแตกตา่ งกันไป กล่าวคือ อาจมจี านวนขัน้ ตอนแตกตา่ งกนั ไป ตามความเหมาะสมหรือเหน็ สมควรของผ้เู ช่ยี วชาญ โดย Herbert A. Simon (1977, อา้ งถึงใน Sharda et. Al, 2014: 73-74) ไดแ้ บง่ กระบวนการตดั สินใจออกเป็น 3 ข้ันตอน ตามภาพที่ 2.1 -ระบุเป้าหมายองค์กร Intelligence Phase -จดั ประเภทปญั หา -ค้นหาและรวบรวมขัน้ ตอน -ระบปุ ัญหา -แจกแจงปัญหา -ระบผุ ู้รับผดิ ชอบปญั หา Design Phase -สร้างแบบจาลอง -ระบเุ กณฑ์ในการเลือก -ออกแบบทางเลือก -วดั ผลลพั ธ์จากทางเลอื ก ประเมินทางเลอื ก Choice Phase วเิ คราะห์ความอ่อนไหว เลือกทางเลือกที่เหมาะสมทสี่ ดุ Implementation Phase นาทางเลอื กไปใช้ ภาพท่ี 2.1 แบบจาลองกระบวนการตดั สนิ ใจ (ทมี่ า: ปรับปรงุ จาก Sharda et. Al, 2014) 2.3.2. กระบวนการแกไ้ ขปัญหา ในแรกเร่มิ Simon ไดเ้ สนอกระบวนการตัดสินใจไว้ 3 ระยะ คือ ระยะ (Intelligence phase) ระยะ (Design phase) และระยะ (Choice phase) ในภายหลังจงึ เพ่ิมระยะที่ 4 คือระยะนาไปใช้ (Implementation phase) เพ่ิมขึ้นมา
30 ดร.สาวติ รี บญุ มี ตอ่ มา George Huber ไดน้ ามารวมเขา้ กบั กระบวนการแก้ไขปญั หา (Problem solving process) จึงทาให้การตัดสินใจและกระบวนการแก้ไขปัญหารวมแลว้ มีจานวนท้ังหมด 5 ขนั้ ตอน (กติ ติ ภกั ดวี ฒั นะกลุ , 2553) โดยมีขั้นตอนเพ่มิ ขึน้ มา 1 ขนั้ ตอน คือ Monitoring phase ดงั ภาพที่ 2.2 แผนภาพเปรียบเทยี บกระบวนการตัดสินใจและกระบวนการแกป้ ัญหา Intelligence Phase Design Phase กระบวนการ กระบวนการ Choice Phase ตดั สนิ ใจ แกป้ ญั หา Implementation Phase ของ Simon ของ Huber Monitoring Phase ภาพที่ 2.2 แผนภาพเปรียบเทียบกระบวนการตดั สนิ ใจและกระบวนการแกป้ ัญหา (ทมี่ า: ปรับปรุงจาก กิตติ ภกั ดีวัฒนะกลุ , 2553) 2.3.3. ระยะที่ 1 การใชค้ วามคดิ (Intelligence Phase) ประกอบด้วยการคน้ หาสาเหตขุ องปัญหา โดยศึกษาถงึ ต้นเหตุของปัญหา ประเมนิ ผลทจี่ ะ เกิดข้นึ หากไม่ทาการแก้ไขปญั หา วเิ คราะห์ปัจจยั แวดล้อมของปญั หา เพ่ือสรา้ งแบบจาลองที่ใช้อธิบาย ลกั ษณะและสาเหตุของปญั หา โดยอาจใช้การจาแนกปัญหาออกเปน็ ส่วนย่อยและคดิ วธิ ีการแก้ไขปญั หา ซ่งึ ผลทไี่ ด้รบั จากขั้นตอนนี้ เรยี กว่า “Decision Statement” หรอื “การระบุปัญหา” นั่นเอง ส่งิ สาคัญคือ ตอ้ งทาการจาแนกสาเหตุท่ีแท้จรงิ ของปัญหาก่อนทาการแก้ไข ไม่ควรแก้ไขทปี่ ลายเหตุ ในระยะน้ีเปน็ ระยะแรกของกระบวนการตัดสินใจ ระยะนเ้ี กีย่ วกับการตรวจทาน สภาพแวดลอ้ ม อาจจะเปน็ ระยะตามชว่ งเวลาที่กาหนด หรอื อาจจะตรวจตราอย่างต่อเนื่อง โดยในระยะน้ี จะมกี ิจกรรมหลกั ๆ ดังน้ี การระบปุ ญั หาหรือโอกาส (Problem or Opportunity Identification) โดยเร่ิม จากการตรวจทานเป้าหมายและวัตถปุ ระสงคข์ ององค์กรทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับประเดน็ ทส่ี นใจ ตวั อยา่ งเช่น การ จดั การสินคา้ คงคลัง การจัดสรรงาน การแกไ้ ขปรับปรุงเว็บไซต์ และพจิ ารณาวา่ ประเดน็ ต่าง ๆ เหล่านั้น
เอกสารประกอบการสอนวิชาระบบสนับสนนุ การตดั สินใจทางธรุ กิจ 31 ดาเนินการได้ตรงตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์กรหรอื ไม่ ปัญหาจะเกดิ ข้ึนเมอื่ มีความไม่พึงพอใจ ตอ่ สภาพการณ์ทเ่ี ป็นอยู่ ความไม่พึงพอใจ คอื ความแตกต่างระหวา่ งความคาดหวังและส่ิงที่เกดิ ขนึ้ จริง ในระยะแรกน้ี ผูท้ ี่ต้องทาการตดั สินใจจะพยายามหาคาตอบในประเด็นดังต่อไปน้ี 1) มีปัญหาเกิดขึ้นจริงหรอื ไม่ 2) ระบอุ าการของปญั หา 3) ประเมนิ ความรนุ แรงของปญั หา และ 4) อธบิ ายออกมาเปน็ เชิงประจักษ์ บางคร้ังในโลกแห่งความเปน็ จรงิ ส่งิ ทีเ่ ข้าใจวา่ คือปัญหาแท้ท่จี ริงแลว้ อาจจะเป็นแค่ อาการเท่าน้ัน เชน่ ต้นทุนสูงทีจ่ รงิ คอื อาการจากปัญหาท่เี กบ็ สนิ ค้าคงคลงั ไว้มากเกนิ ไป เป็นตน้ การระบปุ ัญหาน้นั สามารถทาได้โดยการติดตามและวเิ คราะหข์ ้อมลู ระดบั ผลผลิตของ องค์กรอย่างตอ่ เน่ือง ประเมินผลผลิตและสร้างแบบจาลองขน้ึ จากข้อมลู จรงิ การเก็บรวมรวมข้อมลู มา วเิ คราะหใ์ นแบบจาลองและพยากรณ์ข้อมูลอนาคตใหไ้ ด้นนั้ คอื ข้นั ตอนทีย่ ากท่ีสดุ ในการวิเคราะห์ เนือ่ งจากปัญหาต่อไปนี้ 1) ไม่มีข้อมูล หรือข้อมูลไม่เพียงพอ อาจจะทาใหแ้ บบจาลองท่ีพยายามสร้างขึ้นมา ไม่ถูกต้องได้ 2) การได้มาซึง่ ข้อมูลนนั้ มีต้นทุนสงู 3) ข้อมลู ท่ีไดม้ าอาจไม่ถูกต้อง หรอื ขัดเจนเพยี งพอ 4) การประมาณการข้อมูลนั้นอาจจะข้นึ อยู่กบั วิจารณญาณสว่ นบุคคลมากเกินไป 5) ข้อมูลอาจจะไมป่ ลอดภัย 6) ข้อมลู ท่ีสาคัญและส่งผลตอ่ การวิเคราะหน์ ั้นอาจจะเปน็ ข้อมูลเชิงคณุ ภาพ 7) อาจจะมีข้อมูลปริมาณมากเกินไป 8) ขอ้ มลู และผลลัพธ์อาจจะมีความคลาดเคลื่อนไปตามเวลา ควรมีการคานงึ ถึง มลู คา่ ของเงินตามเวลา 9) การวิเคราะหจ์ ะต้องต้งั อยูบ่ นสมมตฐิ านท่ีวา่ ข้อมลู ในอนาคตไม่แตกต่างจะ ขอ้ มลู ในปัจจบุ ัน ถา้ ไม่เช่นนัน้ จะต้องระบุและประมาณการปัจจยั ทจี่ ะมี ผลกระทบและนามารว่ มวิเคราะห์ในแบบจาลองด้วย เมอื่ การสบื สวนเบอ้ื งตน้ เสรจ็ ส้นิ แล้วจงึ จะวเิ คราะห์ไดว้ ่าปัญหาเกิดขน้ึ จรงิ หรือไม่ และ เกิดขนึ้ ท่ีใด และมรี ะดบั ความสาคญั มากเพียงใด แลว้ จงึ สรุปถึงประเดน็ ของปัญหาท้ังหมดได้ เพ่ือ ดาเนินการในข้ันต่อไป การจัดประเภทปญั หา (Problem classification) เปน็ การสร้างกรอบแนวคดิ เพ่ือระบุ ประเภทของปญั หา ถา้ หากเป็นปญั หาที่อยู่ในประเภทที่ถูกระบุไวล้ ว่ งหน้าแลว้ จะสามารถนาวิธีการและ ขัน้ ตอนการแก้ปญั หาประเภทนัน้ ที่เปน็ มาตรฐานและกาหนดไวแ้ ลว้ มาใชใ้ นการแกป้ ญั หาได้ทนั ที ถ้าหาก
32 ดร.สาวติ รี บญุ มี ปญั หานน้ั อยู่ในประเภทท่ีไมเ่ คยถูกกาหนดไว้ลว่ งหน้า หรือเป็นปัญหาแบบไมม่ ีโครงสรา้ ง จะต้อง ดาเนินการในขัน้ ตอ่ ไป การแจกแจงปญั หา (Problem decomposition) จะถูกดาเนินการเม่ือปัญหามคี วาม ซับซ้อนมาก ถา้ ปัญหามคี วามซบั ซอ้ นมาก ปัญหาควรไดร้ ับการแจกแจงเปน็ ปัญหาย่อย ๆ เพื่อให้แก้ปญั หา ได้งา่ ยขึ้นจากการแกป้ ัญหาย่อยทีละประเดน็ เมอ่ื ปัญหามีปญั หาย่อยเปน็ ท้ังปญั หาแบบมีโครงสรา้ งและไม่ มโี ครงสร้างผสมกัน จะเรยี กปัญหาชนิดนวี้ ่า ปญั หาแบบก่งึ โครงสรา้ ง การระบผุ ้รู ับผดิ ชอบปญั หา (Problem ownership) ในระยะที่ 1 การใช้ความคิดน้ี นัน้ ส่ิงที่สาคัญนอกเหนอื ไปจากการระบุปัญหาแลว้ คือการระบุเจา้ ของหรอื ผู้รับผิดชอบปญั หา การระบุ ผ้รู ับผดิ ชอบปัญหานั้น ไมไ่ ด้ทาเพื่อระบุวา่ ใครถูกต้องหรอื ใครผดิ หรอื ใครเปน็ ผกู้ ่อปญั หา แตเ่ ปน็ การระบุ เพือ่ ใหม้ ผี ู้รบั ผิดชอบในการดาเนนิ การแก้ไขปัญหานั้น ซึ่งควรเป็นผทู้ ่เี กี่ยวข้องกบั ปญั หาโดยตรง เชน่ บางคร้ังมปี ัญหาเร่ืองอตั ราดอกเบี้ยเงินกู้สงู เมื่อพจิ ารณาแลว้ จะพบว่าผูท้ ่ีกาหนดอัตราดอกเบยี้ น้นั ไม่ใชต่ ัว องค์กรเอง ดังนนั้ ปญั หาท่เี กิดกับองค์กรท่ีแท้จรงิ คอื วิธกี ารรับมอื กับอัตราดอกเบย้ี เงินก้สู ูง เมื่อทราบ ปัญหาเช่นน้ีแลว้ ควรระบุว่าหน่วยงานใดทเี่ ก่ยี วข้องและเป็นผู้ดูแลปญั หา ในบางครง้ั บางปัญหาเกีย่ วข้อง กบั หลายฝ่ายในองคก์ รทาให้ไม่สามารถระบวุ า่ ใครจะเป็นผู้รับผดิ ชอบไดท้ นั ที ในกรณเี ชน่ นีค้ วรมีการ มอบหมายใช้ขัดเจนวา่ หน่วยงานใดจะเป็นผู้รบั ผิดชอบ เม่ือสามารถระบปุ ัญหา อาการ ความสาคัญ ประเภทของปัญหา และผู้รบั ผิดชอบปญั หา ไดแ้ ล้ว ในระยะท่ี 1 การใช้ความคิดนี้ จะสน้ิ สดุ เมื่อนาข้อมูลของปัญหาทั้งหมดมาสรปุ และประกาศออกมา อย่างเปน็ ทางการ 2.3.4. ระยะที่ 2 การออกแบบ (Design Phase) เป็นระยะทส่ี รา้ งและวิเคราะห์ทางเลือกในการตัดสินใจ โดยทางเลอื กที่สรา้ งขน้ึ มาจะตอ้ ง มีความเป็นไปได้ในการแกไ้ ขปญั หาใหไ้ ดป้ ระโยชนส์ งู สดุ และในขัน้ ตอนนต้ี อ้ งมกี ารกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ ของการตดั สนิ ใจ ในขนั้ ตอนนี้อาจมีการสร้างแบบจาลอง (Model) แผนภาพการตัดสินใจแบบตน้ ไม้ (Decision Tree) หรือตารางการตัดสนิ ใจ (Decision Table) ก็ได้ ท้งั นี้ เพือ่ ใชใ้ นการพัฒนาทางเลอื กใน การตัดสินใจ ระยะที่ 2 น้เี ก่ียวข้องกบั การค้นหา พัฒนา และวิเคราะห์ทางเลือกที่เป็นไปได้ในการแก้ไข ปญั หา ซ่งึ ครอบคลมุ ถงึ การทาความเข้าใจปญั หา และการทดสอบทางเลือกเพื่อวิเคราะหค์ วามเป็นไปได้ ของแต่ละทางเลอื ก ในระยะนีจ้ ะจดั ทาแบบจาลอง (model) ทดสอบ และตรวจสอบความถกู ต้อง แบบจาลอง (model) เปน็ องค์ประกอบท่สี าคญั อย่างหนงึ่ ของระบบสนับสนนุ การ ตดั สินใจ (DSS) และ Business Intelligence (BI) ในระบบ DSS มกั จะมแี บบจาลองอยา่ งน้อยหน่ึงแบบ
เอกสารประกอบการสอนวิชาระบบสนับสนนุ การตดั สินใจทางธุรกิจ 33 แบบจาลองคือการนาความเป็นจรงิ หรอื บางส่วนจากความจรงิ มานาเสนอในรูปแบบที่ใช้งานง่ายขึ้น โดย ตัดสง่ิ ทไี่ ม่เก่ยี วข้องในการตดั สนิ ใจออกไป แบบจาลองส่วนใหญ่จะสร้างจากสมการทางคณติ ศาสตร์หรือวธิ ีการวิเคราะห์เชิงปริมาณ อ่นื ๆ โดยทีแ่ บบจาลองมีประโยชน์ดงั น้ี 1) สามารถแก้ไขเปล่ยี นแปลงข้อมูลหรือคา่ ของตวั แปรตา่ ง ๆ ที่อยู๋ในแบบจาลองได้ เพื่อทดลองดูผลลัพธ์ในสถานการณ์ที่ต่างกนั ซึง่ งา่ ยกว่าเปลย่ี นระบบจริง 2) แบบจาลองไม่ข้ึนอย่กู ับเวลาเหมือนของจรงิ ท่ีต้องรอเวลาจึงจะทราบผลการ ดาเนนิ งาน 3) ต้นทนุ ในการวิเคราะห์ตา่ กวา่ ตน้ ทนุ ของการทดลองในระบบจริง 4) ตน้ ทนุ ความผิดพลาดจากการลองผิดลองถูกต่ากวา่ การทดลองใช้ในระบบจรงิ 5) แบบจาลองทางคณิตศาสตร์ช่วยให้สามารถจาลองสถานการณต์ า่ ง ๆ ที่จะเกิดขน้ึ ได้ มากมายมหาศาล เพ่ือใชเ้ ป็นทางเลอื กหรือพจิ ารณาในการตัดสินใจ 6) บางเรื่องมแี บบจาลองสาเร็จรูปจัดจาหน่ายพร้อมใช้งานได้ทันที แบบจาลองสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ แบบจาลองเชงิ บรรทดั ฐาน และ แบบจาลองเชงิ บรรยาย 1) แบบจาลองเชงิ บรรทดั ฐาน (Normative model) เปน็ แบบจาลองที่ทาการวเิ คราะห์ เพอื่ ค้นหาและเสนอแนะทางเลอื กทดี่ ีท่ีสุด โดยจะต้องทาการพจิ ารณาทุกทางเลือกที่ มีและประเมินว่าทางเลอื กได้ทด่ี ที ่สี ุดท่ีตรงตามความตอ้ งการ หรือ เรยี กอกี อย่างว่า การหาทางเลือกที่เหมาะสมท่ีสุด (Optimization) ซง่ึ ประกอบด้วย 3 รปู แบบ คอื หาทางเลอื กทใ่ี ห้ค่าตรงตามเปา้ หมายสงู ทส่ี ุด หาทางเลอื กทใี่ ห้ค่าอัตราสว่ น เป้าหมายตอ่ ตน้ ทนุ สงู ทสี่ ุด หรือ หาทางเลือกที่ต้นทุนตา่ ทีส่ ุด ตัวอยา่ งการวเิ คราะห์ที่ใช้แบบจาลองเชงิ บรรทัดฐาน เช่น การใช้ทฤษฎีแถวคอย เพ่ือ หาตน้ ทนุ ของการเปิดช่องใหบ้ รกิ ารที่ตา่ ท่ีสุด การวิเคราะหเ์ ส้นทางขนส่งเพื่อหา เส้นทางขนส่งสนิ คา้ ที่ต้นทุนต่าที่สุด เปน็ ต้น 2) แบบจาลองเชิงบรรยาย (Descriptive model) เป็นแบบจาลองท่ีใชก้ ารบรรยายสง่ิ ต่าง ๆ ตามทเ่ี ป็น โดยใช้หลกั คณติ ศาสตร์ ส่วนใหญ่แบบจาลองเชิงบรรยายจะ นามาใชใ้ น DSS เม่อื ต้องการทราบผลที่ตามมาของการเปล่ียนแปลงขอ้ มลู นาเขา้ และ กระบวนการต่าง ๆ โดยทาเป็นทางเลือกและผลการวิเคราะห์ของแต่ละทางเลือกท่ี แตกตา่ งกัน โดยไม่เสนอแนะทางเลือกท่ดี ีทส่ี ุด หรอื ไมร่ ับรองกว่าทางเลือกใดจะ เหมาะสมทส่ี ดุ โดยมักใช้คาวา่ ทางเลอื กท่ีพอใจทส่ี ดุ (Satisfactory) แทน เทคนิคที่ ใชจ้ ะเปน็ การสร้างสถานการณ์สมมติ (Scenarios)
34 ดร.สาวิตรี บญุ มี ตัวอยา่ งการวเิ คราะหท์ ่ีใช้แบบจาลองเชงิ บรรยาย เชน่ การวางแผนทางการเงินของ โครงการลงทนุ การใช้ตัวแบบมารค์ อฟ เปน็ ต้น การสร้างแบบจาลองทางธรุ กิจเพ่ือใชใ้ นการสนบั สนนุ การตัดสินใจทางธรุ กิจโดยใช้ Microsoft Excel จะอธิบายโดยละเอยี ด และฝึกปฎิบัตใิ นเนอ้ื หาบทท่ี 11 เมื่อไดแ้ บบจาลองแลว้ ส่ิงต่อไปที่ต้องคานงึ ถึงคือ เกณฑใ์ นการพจิ ารณาทางเลอื ก (Criteria for choices) Simon (1977, อา้ งถึงใน Sharda et. Al, 2014 ) ได้กล่าวไว้ว่า เมือ่ องค์กรหรือ บคุ คลตอ้ งตัดสินใจ พวกเขามักจะ\"เลือกทางออกทีเ่ ป็นทพี่ ึงพอใจมากที่สดุ แมว้ ่าจะไมใ่ ช่ทางออกทด่ี ีที่สดุ \" คาวา่ การทาให้พงึ พอใจ (satisficing) หมายถงึ เม่ือผู้ตดั สินใจได้ตง้ั ความปรารถนา เปา้ หมาย หรอื ระดับ ผลการดาเนนิ งานทต่ี ้องการ แลว้ คน้ หาทางเลือกตา่ ง ๆ ไปจนกระทั่งพบทางเลอื กทีไ่ ด้ตามระดับทตี่ ง้ั ไว้ สาเหตุท่เี นน้ ทางเลือกทนี่ ่าพึงพอใจมากกว่าทางเลือกทีด่ ีทสี่ ุดเนือ่ งจากการตดั สนิ ใจมักจะตอ้ งทาในเวลาที่ จากดั โอกาสทจ่ี ะได้คน้ พบทางเลอื กท่ดี ที ีส่ ดุ อาจจะใช้เวลานาน และผลตอบแทนท่ไี ดร้ บั ระหว่างทางเลือก ทน่ี ่าพงึ พอใจกับทางเลอื กที่ดีท่สี ุดนน้ั อาจจะต่างกันไม่มาก ทาให้ทางเลือกท่ีพงึ พอใจได้รับการเลือก บ่อยครั้ง ดังนั้นก่อนการตัดสินใจผูท้ ี่ตดั สนิ ใจตอ้ งตง้ั เปา้ หมายของทางเลอื กทตี่ ้องการและกาหนดวา่ ทางเลือกท่นี า่ พึงพอใจนั้นต้องอยู่ในระดบั ใด จากน้ันจงึ ออกแบบละพัฒนาทางเลือก (Developing alternatives) ถ้าใช้ Optimization model หรือแบบจาลองสาหรับหาทางเลอื กท่ีดที ีส่ ุดน้ัน สามารถใช้แบบจาลองสร้าง ทางเลือกให้ได้โดยอตั โนมตั ิ แต่ในสถานการณจ์ รงิ ส่วนใหญ่น้นั ไมส่ ามารถสร้างทางเลือกแบบอตั โนมตั ิได้ ผู้ ตัดสนิ ใจหรอื ผทู้ ่เี ก่ยี วขอ้ งต้องสรา้ งทางเลอื กเอง การสร้างและพัฒนาทางเลือกนน้ั เป็นขั้นตอนที่ใช้ระยะ เวลานาน ตอ้ งใชก้ ารเสาะหา และความคดิ สร้างสรรค์ รวมถึงการระดมสมองผ่านระบบสนบั สนนุ เพอ่ื การ ตดั สนิ ใจแบบกลุม่ (GDSS) เพือ่ ให้ไดท้ างเลอื กทีห่ ลายหลาย ทเ่ี ปน็ ไปได้ แลว้ ตรงตามเปา้ หมายของการ แก้ปัญหา บางครงั้ การคน้ พบทางเลอื กมากเกินไปเป็นอุปสรรคต่อการตดั สินใจเช่นกนั การคัดทางเลอื กที่ดีให้คงอยูน่ ้ันจึงมคี วามสาคัญพอ ๆ กับการไม่คัดทางเลอื กที่ดที ้ิงไป ดงั นัน้ การพฒั นาทางเลือกสว่ นใหญ่จะเกิดขน้ึ หลังจากได้มีการกาหนดเกณฑใ์ นการพิจารณาทางเลือกแลว้ เพอ่ื ช่วยประเมนิ แตล่ ะทางเลือกขั้นต้นและลดทางเลือกไมใ่ ห้มีมากเกินไป และยงั เปน็ การระบุไดว้ า่ ทางเลือกได้มีความเป็นไปได้มากกว่า เม่อื พัฒนาทางเลือกมาแลว้ สง่ิ สาคัญอีกอย่างในระยะนี้คือ การวดั ผลลัพธ์ของทางเลอื ก (Measuring outcome) การวัดผลลพั ธข์ องแต่ละทางเลือกนัน้ สว่ นใหญ่ใชเ้ ปา้ หมายท่ีกาหนดไว้เป็นคา่ ในการวดั ยกตัวอยา่ งเชน่ เป้าหมายคือการทาให้เกิดกาไรสูงสดุ ผลลพั ธท์ ใี่ ช้วัดคือ จานวนเงนิ กาไรสทุ ธิ หรือ ถา้ เป้าหมายคือสรา้ งความพึงพอใจให้แก่ลูกคา้ ผลลัพธ์ท่ีใชว้ ดั อาจจะเปน็ จานวนคร้ังท่ลี กู ค้าร้องเรียน หรือ จานวนครงั้ ที่ลูกคา้ กลบั มาซ้ือซ้า หรอื ระดับความพึงพอใจท่ีวดั โดยใชแ้ บบสารวจ แต่ทั้งนี้ การตัดสินใจทางธุรกิจเกดิ ขนึ้ เพราะเปน็ การตัดสินใจเพอื่ การดาเนนิ งานท่ยี งั ไม่ เกิดข้นึ ในปจั จบุ นั และคาดว่าจะเกิดข้ึนในอนาคต เม่ือเหตุการณ์เหลา่ นี้ยังไม่เกดิ ขนึ้ ความเส่ยี ง (risk) จึงเปน็
เอกสารประกอบการสอนวิชาระบบสนับสนนุ การตดั สินใจทางธรุ กิจ 35 ส่งิ ท่ีไม่สามารถหลกี เลยี่ งได้ ความเส่ยี ง คอื ความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ท่จี ะเกดิ ขึ้นในอนาคต ทางเลือกที่ พัฒนาไว้อาจจะใหผ้ ลลัพธ์แปรผนั จากที่คาดการณ์ขน้ึ อยู่กับความเสยี่ งทีต่ ้องเผชญิ ดงั นั้น เครื่องมือท่จี ะ ช่วยในการนาความเส่ียงมาร่วมพจิ ารณาคอื การสร้างสถานการณ์สมมติ สถานการณส์ มมติ (Scenarios) คือ ข้อสมมติฐานเก่ยี วกับสภาพแวดล้อมในการทางาน ของระบบใดระบบหน่ึงในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง สถานการณส์ มมติจะแสดงตวั แปรต่าง ๆ ทไ่ี ม่สามารถ ควบคมุ ได้ หรอื อาจรวมถึงเงื่อนไขทีใ่ ช้ในการตดั สินใจในแบบจาลองที่สรา้ งขน้ึ โดยจะสมมตเิ หตกุ ารณท์ ี่ สามารถเกดิ ขึ้นได้ในอนาคตและค่าตัวแปรท่ีคาดวา่ จะเปลย่ี นแปลงไปเพราะเหตุการณน์ นั้ และนาหลาย ๆ เหตกุ ารณม์ าแสดงเปรียบเทียบกนั ให้ผตู้ ัดสินใจสามารถนามาพจิ ารณาร่วมกับความเสี่ยงทีค่ าดวา่ แตล่ ะ เหตุการณ์จะเกิดขึน้ ประโยชนข์ องการนาสถานการณ์สมมตมิ าใข้ มีดังต่อไปน้ี 1) ช่วยในการระบุโอกาสและปญั หาท่ีอาจจะเกิดขึ้น 2) เพ่มิ ความยดื หยุ่นใหก้ บั การวางแผน 3) ช่วยระบุประเด็นสาคญั ท่ตี ้องคอยเฝ้าระวัง 4) ชว่ ยตรวจสอบความถกู ต้องของสมมตฐิ านของแบบจาลอง 5) ช่วยใหผ้ ตู้ ัดสนิ ใจสามารถเห็นแง่มมุ ต่าง ๆ ได้จากแบบจาลอง 6) ช่วยตรวจสอบความอ่อนไหวของแตล่ ะทางเลือก โดยปกตแิ ลว้ สถานการณส์ มมตทิ ี่ใชใ้ นทางปฏิบัติน้นั จะกาหนดเปน็ สถานการณ์ที่ เลวรา้ ยทสี่ ดุ (Worst possible scenario) สถานการณ์ทดี่ ีทส่ี ุด (Best possible scenario) สถานการณท์ ่ี มโี อกาสเกิดมากทสี่ ุด (Most likely scenario) และสถานการณโ์ ดยท่วั ไป (Average scenario) วธิ กี ารนี้ จะกล่าวถงึ ในเนือ้ หาบทที่ 12 2.3.5. ระยะที่ 3 การเลือกทางเลือกทีด่ ที ส่ี ดุ (Choice Phase) เป็นระยะของการคน้ และการประเมินทางเลือกต่าง ๆ ที่ได้จากการออกแบบและคดั เลือก ให้เหลือทางเลือกเดียว โดยผลลพั ธท์ ่ีไดจ้ ากขน้ั ตอนนคี้ ือ ทางเลอื กเพ่ือการนาไปใชจ้ ริงในการแก้ไขปัญหา ระยะการเลอื กทางเลือกนนั้ เป็นระยะที่สาคญั มากในกระบวนการตดั สนิ ใจและแก้ไข ปัญหา เนื่องจากเปน็ ระยะที่จะนาผลไปปฏบิ ัติจรงิ ในระยะน้ปี ระกอบดว้ ย การประเมนิ ทางเลอื ก การ แนะนาวธิ ีการแกป้ ัญหาท่เี หมาะสมกบั แบบจาลอง วธิ กี ารแก้ปัญหาท่เี หมาะสมกับแบบจาลอง หมายถึง ค่า ของชดุ ข้อมลู ท่ีใช้แทนค่าในตัวแปรต่าง ๆ ที่อยูใ่ นแบบจาลอง วิธีการแกป้ ัญหาที่เลอื กจึงเป็นการระบุ ทางเลอื กหน่ึงทางเลือกจากท้ังหมดทเี่ ตรยี มไว้ การประเมินทางเลือกในแบบจาลองนัน้ สามารถใช้วิธีการศกึ ษาสานึก (Heuristic approach) เช่น หลักการทัว่ ไป (Rule of thumb) เทคนิคการวเิ คราะห์ขอ้ มลู (Analytical techniques) เชน่ การสรา้ งสตู รเพื่อแกส้ มการ วิธีการข้นั ตอนวิธี (Algorithm) เช่น กระบวนการทางาน แต่ถา้ ทางเลอื ก มีเปา้ หมายมากกว่าหนึ่งเป้าหมาย วิธีการทใี่ ช้ประเมนิ ทางเลือกคือ การวเิ คราะหค์ วามอ่อนไหว (Sensitivity analysis) ซง่ึ เป็นวธิ กี ารทีใ่ ชใ้ นการเปลี่ยนค่าตวั แปรทีละน้อยเพื่อดผู ลลัพธ์ ซง่ึ วธิ ีการนี้จะ
36 ดร.สาวติ รี บญุ มี กลา่ วถึงในเน้ือหาบทท่ี 12 นอกจากนี้ยงั มีการใช้วิธกี ารคน้ หาเป้าหมาย (Goal seek) เพอื่ ใช้พจิ ารณาคา่ ตัว แปรที่จะมีผลต่อการตัดสนิ ใจ วธิ ีการนจ้ี ะกล่าวถงึ ในเนื้อหาบทท่ี 12 ทง้ั สองวธิ ีการเรยี กโดยรวมวา่ การ วิเคราะห์แบบ What-if ท่ีเป็นการตัง้ คาถามต่อเหตุการณท์ ี่สามารถเกิดข้ึนได้ในแบบจาลอง 2.3.6. ระยะที่ 4 การนาไปใช้ (Implementation Phase) การนาไปใช้เปน็ ระยะสดุ ท้ายของกระบวนการตัดสินใจของ Simon ในระยะน้เี ปน็ ระยะที่ นาทางเลือกในการแก้ไขปัญหาที่ไดจ้ ากระยะที่ 3 ไปลงมือปฏบิ ตั ิเพื่อแกไ้ ขปัญหาจริง ซงึ่ อาจจะประสบ ความสาเรจ็ หรอื อาจจะประสบกับความลม้ เหลวก็ได้ หากนาไปใช้แลว้ ล้มเหลว ก็อาจย้อนกลบั ไปสู่ระยะใด ระยะหน่ึง เพ่ือทบทวนกระบวนการใหม่ได้เสมอซ่ึงเป็นกจิ กรรมในระยะติดตามผล ตัวอย่างปัญหาท่เี กิดใน ระยะการนาไปใช้นี้ เชน่ การต่อต้านการเปลีย่ นแปลง ระดับการให้ความสนบั สนนุ ของผู้บรหิ าร การอบรม พนักงาน เปน็ ต้น ในระยะการนาไปใช้น้ี Simon เสนอแนะให้มกี ารเก็บข้อมูลและวเิ คราะห์ขอ้ มลู เพื่อให้ เกิดการเรยี นรูจ้ ากการตัดสินใจท่ผี า่ นมาเพื่อใชใ้ นการพัฒนาการตดั สินใจคร้ังต่อไป ซึง่ สอดคล้องกับระยะท่ี 5 การตดิ ตามผลของ Huber 2.3.7. ระยะที่ 5 การติดตามผล (Monitoring Phase) การติดตามผล เปน็ ระยะสดุ ทา้ ยของกระบวนการแก้ไขปัญหาของ Huber ในระยะนี้ ผู้ ตัดสนิ ใจจะทาการประเมนิ ผลหลงั จากนาแนวทางทีไ่ ดเ้ ลือกแลว้ ไปใชใ้ นการแก้ไขปญั หา หากผลลพั ธ์ทไี่ ด้ ไม่เปน็ ทีน่ ่าพอใจจะต้องพจิ ารณาถึงสาเหตวุ า่ เกิดข้นึ จากขน้ั ตอนใด หรือขาดสารสนเทศส่วนใดไปบา้ ง เพอื่ นาไปปรับปรงุ การตดั สินใจแก้ไขปญั หาใหม่อีกครง้ั หน่ึง 2.4. การนาระบบสารสนเทศมาสนบั สนนุ ในกระบวนการตดั สินใจ ในกระบวนการตดั สนิ ใจน้นั แตล่ ะระยะของกระบวนการสามารถนาเทคโนโยลีสารสนเทศมา สนับสนนุ การทางานตา่ ง ๆ ของกระบวนการไดต้ ามภาพท่ี 1.1 แสดงการเปรียบเทยี บระบบสารสนเทศตา่ ง ๆ ทีส่ นับสนนุ การทางานในกระบวนการตัดสนิ ใจและการสนับสนนุ จากระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจ (DSS) ระยะท่ี 1 ระยะการใชค้ วามคดิ เป็นระยะท่ีศกึ ษาปญั หาต้องมีการรวบรวมขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เพ่อื ใช้ใน การวเ่ิ คราะห์เพื่อระบปุ ัญหา เทคโนโลยที สี่ นบั สนนุ การทางานในระยะนี้ประกอบด้วย ระบบสารสนเทศ เพื่อการจัดการ (MIS) โครงข่ายประสาทเทียม (Artificial Neural Networks: ANN) การทาเหมืองข้อมูล (Data mining) เพื่อใชใ้ นการตรวจตราขอ้ มลู เพอื่ มองหาสัญญาณของปัญหาจากข้อมูลทมี่ ภี ายในองค์กร ท้งั น้อี าจจะรวมถงึ เทคโนโลยีอย่าง web mining หรือ generic algoritm การใช้การประมวลผลออนไลน์ เชิงวิเคราะห์ (Online Analytical Processing: OLAP) นามาใช้เพื่อคน้ หาความสัมพันธร์ ะหวา่ งกจิ กรรม ตา่ ง ๆ และปัจจยั ทีเ่ ก่ยี วข้อง ระบบสารสนเทศทางภูมศิ าสตร์ (Geographical information system: GIS ) สามารถนามาใชร้ ่วมกบั ระบบทีก่ ล่าวมาก่อนหน้านีเ้ พ่ือนาเสนอข้อมูลและสารสนเทศให้เหน็ ในเชิงพ้ืนที่ เพ่ือเปรียบเทียบผลการดาเนินงานแต่ละพ้นื ท่ี ระบบจัดการความรู้ (Knowledge management: KMS)
เอกสารประกอบการสอนวิชาระบบสนบั สนุนการตดั สินใจทางธรุ กจิ 37 สามารถนามาใช้เพื่อหาลกั ษณะของปญั หาทเ่ี คยเกิดขนึ้ ในอดีตและวธิ ีการแก้ปญั หาที่เคยปฏิบัติ ระบบ ผู้เชีย่ วชาญ (Expert System: ES) นามาใชใ้ นการวเิ คราะห์ปญั หา อาการและระบุปญั หาโดยผเู้ ชี่ยวชาญใน แตล่ ะดา้ นในองค์กร ระบบสารสนเทศบรู ณาการข้อมลู ในองค์กร (Enterprise Resource Planning: ERP) เป็นแหล่งของข้อมลู ภายในองค์กรทีส่ ามารถนามาใชร้ ว่ มกับเทคโนโลยีอ่ืนๆ ในการคน้ หาปญั หา ระยะการใช้ความคิด ANN MIS Data mining, OLAP ES, ERP ระยะการออกแบบ ESS, ES, SCM DSS ระยะการเลือกทางเลือก CRM, ERP, KMS ES Management Science ANN ระยะการนาไปใช้ ESS, ES CRM KMS, ERP SCM ภาพท่ี 2.3 การสนับสนุนของ DSS (ท่ีมา: ปรบั ปรงุ จาก Sharda et. Al, 2014) ระยะที่ 2 ระยะการออกแบบทางเลือก เกีย่ วข้องกบั การออกแบบและพฒั นาทางเลือก และเกณฑ์ใน การเลือกทางเลือก รวมถึงการพยากรณ์ผลลัพธ์ท่ีคาดว่าจะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต ซึ่งกจิ กรรมเหล่านี้สว่ นใหญ่ สามารถนา DSS มาชว่ ยในการทางานได้ เชน่ แบบจาลองพยากรณท์ างการเงิน นอกเหนอื ไปจากการใช้ DSS แลว้ เทคโนโลยีท่สี ามารถนามาสนบั สนนุ การทางานในระยะนี้ไดย้ งั มี ES OLAP และการทาเหมือง ข้อมูลทส่ี ามารถนามาคน้ หาความสมั พันธ์ของตัวแปรเพื่อใช้ในแบบจาลอง ส่วนใหญ่ DSS จะรบั รองการ วิเคราะห์เชงิ ปริมาณ ระบบ ES สามารถเข้ามาชว่ ยในการวเิ คราะห์ทางเลอื กท่เี ปน็ เชงิ คุณภาพได้ดว้ ย สว่ น ระบบ KMS นน้ั สามารถนามาชว่ ยค้นหาว่าปัญหาทพี บเคยเกดิ ข้ึนหรือไม่และใครคือผู้เชี่ยวชาญในปัญหา ดงั กลา่ ว ระบบการบรหิ ารลกู คา้ สัมพันธ์ (Customer Relationship Management: CRM) ระบบจัดการ รายได้ ระบบ ERP และ ระบบจดั การห่วงโซอ่ ปุ ทาน (Supply Chain Management: SCM) ระบบทง้ั หมด น้สี ามารถนามาช่วยแสดงแนวทางและกระบวนการจดั การทางธุรกิจทใี่ ช้ในการทดสอบสมมตฐิ านและ สถานการณส์ มมตทิ ่ีสรา้ งขน้ึ ในกรณที ี่ปญั หาต้องการการระดมสมองระบบสนบั สนุนการตัดสินใจแบบ กลุ่ม (Group Decision Support System: GDSS) จะชว่ ยอานวยความสะดวกในการตดิ ต่อสื่อสารและ การทางานร่วมกัน (Collabolation) ได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ระยะท่ี 3 ระยะการเลือกทางเลอื กท่ีเหมาะสมท่สี ดุ ระบบ DSS สามารถชว่ ยสนบั สนุนผ่านการ วิเคราะหแ์ บบ What-if และการวเิ คราะห์แบบ Goal seek หรือ ค้นหาเปา้ หมาย รวมถงึ การวเิ คราะห์
38 ดร.สาวิตรี บญุ มี สถานการณ์สมมติและการวเิ คราะหค์ วามอ่อนไหว ในระยะนี้ระบบ KMS สามารถนามาใชค้ ้นหา ประสบการณ์ที่มีในอดตี และวิธีการแกไ้ ข ระบบ CRM ERP และ SCM สามารถนามาใช่ในการทดสอบ ผลกระทบจากการตัดสนิ ใจ ระบบ ES สามารถนามาใช้ประเมินทางเลือกรวมถึงแนะนาทางเลอื กที่ เหมาะสมได้ และในการตดั สนิ ใจแบบกลุม่ ระบบ GDSS ช่วยสนับสนนุ การปรึกษาหารอื ระหว่างการ ตดั สนิ ใจได้ดี ระยะที่ 4 ระยะการนาไปใช้ ระบบ DSS ยังคงมีความสาคัญในระยะน้ีเน่ืองจากสามารถใช้ในการ สอ่ื สารผลการตัดสินใจ คาอธิบาย และเหตผุ ลของการตัดสินใจ โดยจัดทารายงานสนบั สนนุ ทางเลอื กท่ี ตดั สนิ ใจเพ่ือใชใ้ นการสื่อสารได้ หรือรายงานเปรียบเทยี บแต่ละทางเลอื กเพื่อทาความเข้าใจกบั ยบุคคลท่ี เก่ยี วขอ้ ง ระบบ KMS ES ERP CRM และ SCM ยงั คงมบี ทบาทในระยะนีเ้ พื่อใช้ตดิ ตามผลการตดั สนิ ใจที่ นาไปปฏิบตั วิ ่ามีประสิทธิภาพและประสทิ ธผิ ลเพียงใด จากที่กลา่ วมาขา้ งต้นจะพบวา่ ระบบสารสนเทศสามารถข่วยสนับสนนุ การตัดสินใจของธรุ กจิ ได้ ตลอดกระบวนการตามบทบาทและหนา้ ที่ของระบบสารสนเทศน้นั โดยเฉพาะระบบสนับสนุนการตดั สินใจ (DSS) ท่ีสามารถสนับสนุนได้ทกุ ระยะในกระบวนการตดั สินใจ 2.5. บทสรุป ในการดาเนนิ ธุรกจิ นน้ั มกั จะต้องเผชิญปัญหาเปน็ เร่ืองปกติ โดยท่วั ไปแลว้ สามารถแบง่ ปญั หาท่ี ธรุ กิจตอ้ งเผชิญได้ 2 ประเภท คอื ปญั หามีโครงสรา้ ง ปัญหาไมม่ ีโครงสรา้ ง และปัญหากง่ึ โครงสรา้ ง ซ่งึ ใน การแก้ปัญหาธรุ กจิ น้ันอาจจะมที างเลือกในการแก้ปัญหาได้มากกว่าทางเลอื กเดยี ว ดังน้ัน เพ่อื ใหก้ าร ดาเนินงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของธรุ กจิ การตัดสินใจจงึ มบี ทบาทสาคญั ในองค์กร การตัดสินใจใน องค์กรธรุ กิจนั้นสามารถแบ่งเป็นประเภทได้หลายแบบ คือ การแบง่ ตามจานวนผู้ตัดสินใจ เปน็ การตดั สนิ ใจ คนเดยี ว หรอื การตดั สนิ ใจเป็นกลุ่ม การแบง่ ตามประเภทของปัญหา เปน็ 3 ประเภท คือการตดั สินใจแบบ มโี ครงสร้าง แบบไม่มีโครงสร้าง และแบบกึ่งโครงสรา้ ง และการแบ่งตามระดับการใชง้ าน เปน็ 3 ประเภท เช่นกนั คอื ระดบั ผบู้ ริหารระดับสงู ระดับกลาง และระดับปฏิบัติการ ท้งั นี้ ไมว่ ่าจะใชก้ ารแบ่งประเภทการ ตัดสนิ ใจประเภทใด ระบบสารสนเทศทีส่ ามารถนามาชว่ ยสนับสนนุ การตดั สินใจก็จะต่างกันไปตาม ประเภทนั้น ๆ โดยระบบ DSS จะเน้นการช่วยสนับสนนุ การตดั สินใจของผ้บู ริหารระดับสูง นอกจากน้รี ะบ สารสนเทศท่ีใช้สนบั สนนุ การตดั สนิ ใจนนั้ ยังมีบทบาททตี่ า่ งไปตามระยะของกระบวนการตดั สนิ ใจท้งั 4 ระยะคอื ระยะใชค้ วามคิดระบุปัญหา ระยะออกแบบตวั เลือกเพ่ือใชแ้ ก้ปญั หา ระยะเลอื กทางเลือกทพ่ี ึง พอใจตามเปา้ หมาย เพ่ือนาไปใชใ้ นระยะท่ี 4 คือระยะการนาไปใช้ และในสว่ นของกระบวนการแกป้ ัญหา จะเพิ่มเตมิ ระยะที่ 5 คือระยะการติดตามผล เพ่ือประเมนิ วา่ ทางเลอื กที่นาไปแก้ปัญหาน้ันมปี ระสิทธภิ าพ และประสิทธผิ ลอยา่ งไรและบันทึกไวเ้ พ่อื ปรบั ปรุงในการตัดสนิ ใจครงั้ ถดั ไป ระบบสารสนเทศทน่ี ามาช่วย ในการตัดสนิ ใจน้นั นอกจากระบบ DSS แล้วยงั มรี ะบบอื่น ๆ ดงั น้ี ระบบ ESS, ES, SCM, CRM, ERP, KMS Management Science, ANN, OLAP, data mining และ GDSS
เอกสารประกอบการสอนวชิ าระบบสนับสนุนการตดั สินใจทางธรุ กจิ 39 แบบฝึกหัดท้ายบท 1) อธบิ ายความหมายของปญั หา 2) ปญั หามกี ่ีประเภท อะไรบ้างอธบิ าย 3) ยกตวั อย่างปญั หาแต่ละประเภททที่ า่ นต้องเผชิญและมีการตดั สนิ ใจในชีวิตประจาวนั ประเภท ความหมาย ตัวอยา่ ง ปัญหาแบบมโี ครงสรา้ ง ปญั หาแบบไม่มี โครงสรา้ ง ปญั หาแบบก่ึงโครงสร้าง 4) อธิบายความหมายของการตัดสนิ ใจ 5) การตัดสนิ ใจมีกีป่ ระเภท อะไรบ้าง 6) อธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่าง ปญั หา การตดั สินใจ และระบบการจดั การในองค์กร 7) กระบวนการตัดสนิ ใจของ Simon มีก่ีระยะ อะไรบา้ ง 8) กระบวนการแก้ไขปญั หาของ Huber มกี ่รี ะยะ อะไรบ้าง 9) จงวาดแผนภาพเปรยี บเทยี บกระบวนการตัดสนิ ใจและกระบวนการแก้ไขปัญหา 10) อธบิ ายระบบสารสนเทศทีส่ ามารถสนบั สนุนการตัดสนิ ใจในแต่ละระยะได้ - ระยะที่ 1 - ระยะที่ 2 - ระยะที่ 3 - ระยะที่ 4 11) จงเลอื กปญั หาจากข้อ 1 และนามาเขยี นเป็นข้ันตอนตามกระบวนการแก้ไขปญั หาของ Huber 5 ระยะ ตามหวั ขอ้ ต่อไปนี้ - ปัญหาทเ่ี ลือก - ระยะที่ 1 - ระยะท่ี 2 - ระยะที่ 3 - ระยะที่ 4 - ระยะท่ี 5
40 ดร.สาวิตรี บญุ มี เอกสารอา้ งอิง กติ ติ ภกั ดีวฒั นะกุล. (2553). ระบบสนบั สนนุ การตดั สนิ ใจและระบบผูเ้ ชี่ยวชาญ. กรุงเทพฯ: เคทีพี. Eksioglu, S.D., Seref, M.M.H., Ahuja, R.K. and Winston, W.L. (2011). Developing Spreadsheet- Based Decision Support Systems using Excel and VBA for Excel, 2nd edition. Massachusetts: Dynamics Idea. Sauter, V.L. (2010). Decision Support Systems for Business Intelligence, 2nd edition. New Jersey: John Wiley & Sons. Sharda, R., Delen, D., and Turban, E. (2014). Business Intelligence and Analytics: Systems for Decision Support, 10th Edition. London: Prentice-Hall. Sprague, R. H., and E. D. Carlson. (1982). Building Effective Decision Support Systems. Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice-Hall. Turban, E., Aronson, J.E., and Liang, T.(2007). Decision Support Systems and Intelligent Systems, 7th Edition. New Delhi: Prentice-Hall.
แผนบรหิ ารการสอนประจาวชิ าบทท่ี 3 หัวข้อเนอ้ื หาประจาบท 1. ศึกษาความหมายของระบบสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจ 2. เหตุผลในการนาระบบสนับสนุนการตัดสนิ ใจมาใชท้ างธุรกิจ 3. ววิ ัฒนาการของระบบสารสนเทศและระบบสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจ 4. ความแตกตา่ งระหว่างระบบสนบั สนุนการตดั สนิ ใจกบั ระบบประมวลผลรายการและระบบ สารสนเทศทางธรุ กิจ 5. ชนิดของระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจ 6. ความสามารถของระบบสนับสนนุ การตัดสินใจ 7. ประโยชนข์ องระบบสนบั สนุนการตดั สินใจ วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม 1. เพอ่ื ให้ผศู้ ึกษามีความเขา้ ใจเก่ียวกับระบบสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจ 2. เพอ่ื ใหผ้ ู้ศึกษามคี วามเข้าใจเหตผุ ลของการนาระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจมาใช้ทางธรุ กิจ 3. เพื่อใหผ้ ู้ศึกษามคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกับวิวฒั นาการของระบบสารสนเทศและระบบ สนบั สนุนการตัดสินใจ 4. เพ่อื ใหผ้ ศู้ ึกษาสามารถอธบิ ายความแตกต่างของระบบสนบั สนนุ การตดั สนิ ใจกับระบบ ประมวลผลรายการและระบบสารสนเทศทางธุรกจิ ได้ 5. เพื่อให้ผู้ศกึ ษามคี วามรคู้ วามเข้าใจในชนิดของระบบสนบั สนนุ การตดั สนิ ใจประเภทต่าง ๆ 6. เพ่อื ใหผ้ ศู้ ึกษาสามารถอธบิ ายเก่ียวกับประโยชน์ของระบบสนับสนนุ การตัดสินใจได้ 7. เพ่อื ใหผ้ ู้ศึกษาสามารถอธบิ ายเกย่ี วกบั ความสามารถของระบบสนบั สนนุ การตัดสินใจได้ วิธีการสอนและกิจกรรมการเรียนการสอนประจาบท 11. ศกึ ษาเอกสารประกอบการสอน 12. บรรยายและยกตวั อยา่ ง โดยใชโ้ ปรแกรมนาเสนอ 13. ถามตอบในชนั้ เรียน 14. ฝึกทาแบบฝกึ หัด 15. ค้นคว้าข้อมูลจากอนิ เตอรเ์ นต็
42 ดร.สาวิตรี บญุ มี สอ่ื การเรียนการสอน 7. เอกสารประกอบการสอน 8. โปรแกรมนาเสนอ 9. แบบฝกึ หัด การวดั และประเมินผล 7. สงั เกตจากพฤติกรรมความสนใจ และการรว่ มกจิ กรรมในชั้นเรยี น 8. ประเมนิ ผลจากการฝกึ ทาแบบฝกึ ในชน้ั เรยี น 9. ประเมินผลจากการทาแบบทดสอบ
เอกสารประกอบการสอนวชิ าระบบสนบั สนุนการตดั สินใจทางธรุ กจิ 43 บทท่ี 3 ความร้เู บอ้ื งต้นเก่ยี วกับระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจ การตัดสนิ ใจทางธรุ กิจนัน้ มีวัตถุประสงคเ์ พ่ือให้ธุรกิจดาเนินไปตามเป้าหมาย ดังนนั้ ในการตัดสนิ ใจ จึงจาเป็นตอ้ งมกี ารรวบรวมข้อมูล สารสนเทศ และแบบจาลองในการตัดสนิ ใจทเี่ กย่ี วข้อง มาเพ่ือใช้ สนบั สนุนการตดั สนิ ใจ การนาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาชว่ ยในการรวบรวมขอ้ มูล และประมวลผลผล ทางเลอื กในการตัดสนิ ใจน้นั จะช่วยให้ธรุ กจิ สามารถรวบรวมขอ้ มลู ได้จากหลากหลายแหล่งข้อมูลได้อย่าง รวดเร็วและมีประสทิ ธภิ าพ และธุรกจิ ยังสามารถเลือกแบบจาลองในการตดั สนิ ใจไดห้ ลายวธิ ีเพอื่ นาเสนอ ทางเลือกทหี่ ลากหลายประกอบการตดั สนิ ใจ 3.1. ความหมายของระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจ ระบบสนับสนุนการตดั สินใจ คอื ระบบคอมพวิ เตอร์ทใ่ี ชใ้ นการสนับสนนุ และชว่ ยเหลอื ผู้ท่ที าหนา้ ที่ ตัดสนิ ใจจากทางเลือกทไ่ี ดจ้ ากการใช้ข้อมลู และสารสนเทศท่รี วบรวมมาประมวลผลและวเิ คราะหร์ ว่ มกับ แบบจาลองในการตดั สินใจแก้ปัญหาแบบกงึ่ โครงสรา้ งและไม่มโี ครงสร้าง (Sprague and Carlson, 1982; Sauter, 2010; Turban el.al, 2007; กิตติ ภกั ดวี ฒั นะกลุ , 2553) ในเริม่ แรกนัน้ คาว่าระบบสนบั สนุนการตดั สนิ ใจ หรอื Decision Support System (DSS) นนั้ ไดร้ ับ การนิยามวา่ เป็นระบบทต่ี ัง้ ใจนามาสนบั สนนุ การตัดสินใจการการบรหิ ารจดั การของผู้ตัดสนิ ใจ ในการ ตัดสินใจแก้ไขปัญหาก่งึ โครงสรา้ ง (semi-structured decision) และไม่มโี ครงสร้าง (unstructured decision) ซ่งึ ในคานยิ ามนน้ี ั้นไมไ่ ดร้ ะบุออกมาอย่างชัดเจนวา่ “ระบบ” ท่ใี ช้จะต้องเป็นระบบ คอมพิวเตอร์แตก่ ็เปน็ ที่เขา้ ใจว่าหมายถึงระบบคอมพิวเตอร์ ทสี่ ามารถทางานออนไลน์ และแสดงผลลัพธ์ใน รปู แบบกราฟกิ ได้ (Sharda, et.al., 2014) ในปัจจุบนั เทคโนโลยสี ารสนเทศกา้ วหนา้ มากขนึ้ คาว่าระบบ ครอบคลุมถึงทั้งเทคโนโลยเี วบ็ ไซต์และอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์เคล่ือนที่ เปน็ ต้น 3.1.1. คณุ ลกั ษณะของระบบสนับสนนุ การตดั สนิ ใจ จากความหมายในข้างต้น สามารถสรุปคุณลักษณะสาคัญของระบบสนับสนุนการ ตดั สินใจได้ 3 อย่าง ดังนี้ 1) ระบบสนับสนุนการตัดสนิ ใจจะรวบรวมขอ้ มลู (Data) จากแหลง่ ขอ้ มลู ท่ีหลากหลาย เช่น เมื่อมีการพจิ ารณาสนิ เชือ่ ระบบจะสามารถรบั ข้อมูลประวัติของผู้มาขอกทู้ ่ีได้จาก แบบฟอร์ม และสามารถเชอ่ื มต่อกบั ฐานข้อมลู เครดติ บโู รของ บริษัท ข้อมลู เครดิต แห่งชาติ จากัด ซงึ่ เปน็ แหลง่ ข้อมลู จากภายนอกองค์กรได้ด้วย 2) ระบบสนบั สนุนการตัดสินใจจะรวบรวมแบบจาลอง (Model) ต่าง ๆ ท่ีใช้ในการวเิ คราะห์ ทางธรุ กิจ อาจะเปน็ แบบจาลองวิเคราะห์เชงิ ปรมิ าณทางธุรกจิ ตารางการตดั สินใจ หรือ
44 ดร.สาวิตรี บญุ มี แม้แต่โครงข่ายประสาทเทยี ม (Artificial neuron network) เพ่ือประมวลผลข้อมูล จานวนมากที่รวบรวมมาได้ให้เป็นสารสนเทศท่ีพรอ้ มใชใ้ นการสนบั สนนุ การตดั สนิ ใจ 3) ระบบสนบั สนุนการตดั สนิ ใจ จะมีส่วนตดิ ต่อประสานผู้ใช้ (User interface) ทใ่ี ช้งานงา่ ย และมีการโต้ตอบปฏิสัมพนั ธไ์ ด้ ข้อมูลจานวนมหาศาลทีน่ ามาผา่ นการประมวลผลน้นั จะ ถูกจัดให้อยู่ในรูปแบบสรปุ และเขา้ ใจง่าย โดยอาจจะแสดงภาพรวม 3-4 หนา้ ต่างเลก็ ๆ ภายในหนา้ จอเดยี ว ซง่ึ ในแตล่ ะหน้าจอน้ันบางระบบจะอนญุ าตใหผ้ ใู้ ช้เลือกรูปแบบการ นาเสนอและเจาะลกึ (Drill down) ดูรายละเอียดข้อมลู ทม่ี ากข้นึ ไดด้ ว้ ย 3.2. เหตผุ ลในการนาระบบสนับสนนุ การตดั สินใจมาใชท้ างธรุ กจิ การตัดสนิ ใจน้ันมีอยคู่ ู่กับการดาเนนิ ธุรกจิ เปน็ ปกติมาก่อนที่ธุรกิจจะนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เข้ามาใช้ แต่นน่ั ไม่ได้หมายความวา่ ธุรกจิ ไม่มคี วามจาเป็นจะตอ้ งนาระบบสนบั สนนุ การตดั สินใจมา ประยุกต์ใช้ การนาระบบสนับสนุนการตดั สินใจมาใช้น้ัน จะได้ประโยชน์กับองคก์ รอยา่ งมากเมื่อในองคก์ ร พบปัญหาเหลา่ น้ี 1) ผบู้ รหิ ารผูจ้ ดั การหรอื พนักงานใช้เวลานานมากในการคน้ หาข้อมูลท่ีต้องการใช้ 2) การ ประชมุ ของฝ่ายบรหิ ารเยิ่นเย่อเสยี เวลาไปกับการถกเถยี งว่าขอ้ มลู และสารสนเทศท่นี าเสนอในท่ปี ระชุมมี ความถกู ตอ้ งนา่ เชอื่ ถือไดห้ รอื ไม่ 3) เวลาทีฝ่ า่ ยบริหารเหน็ รายงานประจาเดือนตา่ ง ๆ แลว้ เกดิ ความ ประหลาดใจในข้อมลู ท่เี ห็นหรอื ไม่เหมือนตามที่คาดการณ์ไว้ 4) การตดั สนิ ใจขององค์กรมกั จะอ้างองิ จาก หลกั ฐานเอกสารช้นิ เล็กช้นิ นอ้ ยมากกวา่ ทจ่ี ะได้ใช้หลกั ฐานเอกสารสารสนเทศท่ีเหมาะสมกบั ปัญหานัน้ ทง้ั ที่มกี ารเก็บข้อมลู ไว้อยา่ งสม่าเสมอ ปญั หาเหล่านี้แสดงให้เหน็ วา่ ทง้ั ท่อี งค์กรมกี ารเก็บข้อมลู อยา่ งต่อเนื่อง แตก่ ลบั ขาดการนาข้อมลู ท่เี ก็บไวเ้ หลา่ นัน้ มาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์สูงสดุ ในกรณีเช่นนี้ การนาระบบสนบั สนนุ การตดั สินใจมาใชจ้ ะสามารถก่อให้เกิดประโยชน์กบั องค์กรไดอ้ ยา่ งแนน่ อน นอกจากปัญหาภายในองค์กรแล้วสภาพแวดล้อมการแขง่ ขันภายนอกกดดันให้ธรุ กิจในปัจจุบันมี แรงจูงใจให้นาระบบสนับสนุนการตัดสนิ ใจเข้ามาใช้เนื่องจากเหตผุ ลหลายประการ ดังนี้ 3.2.1. เหตผุ ลในส่วนของสารสนเทศ 1) ข้อมูลและสารสนเทศสามารถหามาไดง้ ่าย รวดเร็ว และตอ่ เนื่องมากข้นึ 2) ผ้นู าองค์กรมคี วามต้องการทีจ่ ะทาการตัดสนิ ใจอยู่บนข้อเท็จจริง 3.2.2. เหตผุ ลในส่วนของเวลา 1) การตัดสินใจภายใต้เวลาทีจ่ ากัด 3.2.3. เหตผุ ลในส่วนของสภาพแวดลอ้ มภายในและภายนอกองค์กร 1) สภาพการณ์ในการตัดสนิ ใจมีความผนั ผวนหรือมีความไม่แน่นอนมากขนึ้ 2) อปุ สงค์ของตลาดมีการเปล่ียนแปลงอยตู่ ลอดเวลา 3) กฎ ระเบยี บ มีการเปลย่ี นแปลงอยู่ตลอดเวลา
เอกสารประกอบการสอนวิชาระบบสนบั สนุนการตดั สินใจทางธรุ กิจ 45 3.2.4. เหตุผลในส่วนของทรพั ยากรในการตัดสนิ ใจ 1) ทรพั ยากรบุคคลเช่นผ้เู ชี่ยวชาญอยูต่ ่างสถานทีก่ นั 2) คแู่ ข่งสามารถเข้าถงึ ทรัพยากรและเทคโนโลยใี นลกั ษณะเดียวกันได้ 3) การแข่งขนั แยง่ ชิงทรัพยากรและลกู ค้าทาใหค้ วามตอ้ งการใช้สารสนเทศมีเพิ่มมากขึน้ 4) จานวนทางเลอื กในการแก้ไขปัญหามีมากขึน้ 3.2.5. เหตุผลในสว่ นของเทคโนโลยี 1) เคร่อื งมือในการวเิ คราะห์ใช้งานง่ายมากข้ึน 2) ผบู้ รหิ ารระดับสูงมคี วามค้นุ เคยและพร้อมใช้งานเคร่อื งคอมพวิ เตอรม์ ากขนึ้ กวา่ สมยั ก่อน 3) การประมวลผลทางไกลและอุปกรณต์ า่ ง ๆ ช่วยในการทางานสะดวกสบายมากข้ึน 4) ระบบ ERP และ POS และคลงั ขอ้ มูล ทาใหม้ ีข้อมูลที่พร้อมนามาวเิ คราะห์มากข้นึ 5) ระบบฐานข้อมูลสามารถเชอ่ื มตอ่ ข้ามระบบไดง้ ่ายขน้ึ 6) เคร่อื งมอื ในการวิเคราะห์มคี วามซับซ้อนมากข้นึ รวมถึงความสามารถในการจดจารปู แบบ (Pattern recognition) และการเรียนรูข้ องเครื่อง (Machine learning) 3.3. ววิ ัฒนาการของระบบสารสนเทศและระบบสนบั สนุนการตดั สนิ ใจ ระบบสนบั สนุนการตัดสินใจ (DSS) มวี วิ ฒั นาการมาจากระบบสารสนเทศทางธุรกจิ (MIS) ในองคก์ ร ต่าง ๆ เร่ิมมีการนาเทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์มาใชป้ ระมวลผลงานต่าง ๆ ในธรุ กิจมาก่อนที่จะมีการนาแนวคิด ทฤษฎี และพัฒนา DSS มาใชก้ ันอยา่ งแพร่หลาย แดเนียล พาวเวอร์ (2007, 2008) ได้รวบรวมชว่ งเวลาสาคัญของระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจไว้ อยา่ งละเอียด ซึ่งสามารถสรุปเหตกุ ารณ์ในแตล่ ะช่วงเวลามาเปรียบเทียบกับวิวฒั นาการของระบบ สารสนเทศเพื่อการจัดการได้ดัง ตารางท่ี 3.1 3.3.1. ววิ ัฒนาการในระยะแรก ในช่วงแรกท่ีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเร่ิมพฒั นานนั้ ยังเป็นช่วงของการพฒั นาฮาร์ดแวร์เปน็ หลกั เมอ่ื เครือ่ งคอมพิวเตอร์เร่ิมสามารถทางานอัตโนมตั ิได้มากข้ึนในช่วงปี 1951 เร่มิ มีการนาเคร่อื ง คอมพวิ เตอร์มาใชใ้ นการประมวลผลสานะโนประชากรของประเทศสหรัฐอเมรกิ าแทนการใชบ้ ตั รเจาะรูซง่ึ ทาใหป้ ระมวลผลไดร้ วดเรว็ มากข้ึน ในชว่ งนภี้ าษาที่ใชใ้ นการเขียนโปรแกรมสว่ นใหญย่ ังเปน็ ภาษาเครื่อง (machine language) โปรแกรมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ยงั ใช้บตั รเจาะรูแทนคาสัง่ ในการประมวลผล จนกระทงั่ เลิกใช้ไปในช่วงปลายศตวรรษท่ี 19 เนือ่ งจากฮาร์ดแวรห์ รือเคร่ืองคอมพวิ เตอรม์ ีประสิทธิภาพ สูงข้ึนกอปรกับในช่วงปลายทศวรรษท่ี 1950 มีการพฒั นาเขียนโปรแกรมระดบั สงู ขึ้นคือภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN) และ ภาษาโคบอล COBOL องคก์ รตา่ ง ๆ จึงเรม่ิ มกี ารนาคอมพวิ เตอรม์ าใชใ้ นการดาเนินงาน ทั่วไปมากข้นึ และเกิดระบบ TPS และ MIS มาในช่วงทศวรรษที่ 1950 นี้ ระบบ TPS ท่ีถูกพฒั นาในยุคแรก ๆ เช่น ระบบคานวณเงนิ เดือน และทาใหย้ งั ไม่มกี ารเสนอแนวความคดิ เร่ือง DSS ขนึ้ มาแตอ่ ย่างใด
46 ดร.สาวิตรี บญุ มี ตารางที่ 3.1 วิวัฒนาการของระบบสนบั สนุนการตดั สนิ ใจ ววิ ัฒนาการ ปีค.ศ. ววิ ัฒนาการ ระบบสนบั สนุนการตัดสนิ ใจ (DSS) ระบบสารสนเทศการจัดการ (MIS) ทศวรรษ บัตรเจาะรทู ่ีใช้ในการนับหรือคานวณ 1880 อัตโนมตั ิ เชน่ ข้อมูลสามะโนประชากร 1911 IBM เริ่มกจิ การในช่ือ บรษิ ทั Computing- Tabulating-Recording ทศวรรษ UNIVAC 1 คือเคร่ืองคอมพิวเตอร์เครื่อง 1950 แรกทใ่ี ชใ้ นการประมวลผลขอ้ มลู ทางธุรกิจ ระบบทีน่ ามาใชเ้ รยี กว่าระบบประมวลผล รายการข้อมูล (Transaction Processing System - TPS) ระบบช่วยในการจดั ทารายงานเรยี กวา่ ระบบจดั ทารายงานสารสนเทศ (Information Reporting) ระบบสารสนเทศเพ่อื การจัดการ (Management Information System - MIS) ทศวรรษ มกี ารคดิ คน้ และพฒั นาระบบคอมพิวเตอร์ท่ี 1960 ประมวลผลผา่ นระบบเครือข่ายขน้ึ เจย์ ฟอเรสเตอร์ (Jay Forester) ได้ร่วมพฒั นา 1962 ระบบ SAGE (Semi-Automatic Ground 1964 ดักลาส เอน็ เจลบารท์ (Douglas Environment) ของทหารอากาศ Engelbart) นาเสนอต้นแบบเคร่ือง สหรฐั อเมริกาเหนือ SAGE ถือได้ว่าเป็นระบบ คอมพิวเตอร์สมัยใหม่ที่มีหน้าจอกราฟกิ และ DSS เชิงขอ้ มูลระบบแรกท่ีพัฒนาบนระบบ เมาส์ ซ่งึ เปน็ จดุ กาเนิดใหค้ อมพวิ เตอร์ท่ีใช้ คอมพวิ เตอร์ นอกจากนศ้ี าสตราจารย์ฟอ กนั เฉพาะกลุ่มนักวทิ ยาศาสตร์และนกั เรสเตอร์ ยังพัฒนาแบบจาลองระบบ คณิตศาสตร์ใหเ้ ข้าถงึ ได้ในกลุ่มคนท่ัวไปมาก DYNAMO ท่ีเป็นระบบจาลองสถานการณ์ ข้ึน (Simulation Computer) อีกดว้ ย
เอกสารประกอบการสอนวชิ าระบบสนบั สนุนการตดั สินใจทางธรุ กจิ 47 ววิ ัฒนาการ ปีค.ศ. ววิ ัฒนาการ ระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจ (DSS) 1967 ระบบสารสนเทศการจดั การ (MIS) สกอตต์ มอร์ตัน (Scott Morton) ทาดุษฎี นิพนธเ์ ร่อื งการสรา้ งแบบจาลองในการ 1968 เอดการ์ คอดด์ (Edgar F. Codd) รายงาน วเิ คราะห์และพฒั นาระบบคอมพวิ เตอร์มาเพื่อ 1969 ผลงานวิจัยiระบบฐานขอ้ มูลเชงิ สมั พันธ์ ชว่ ยผู้จดั การในการตัดสินใจวางแผนเรอ่ื ง ให้กบั IBM สาคญั ในการดาเนินธุรกจิ ทศวรรษ อลัน เคย์ (Alan Kay) และทีมงานพฒั นา ดกั ลาส เอน็ เจลบาร์ทและคณะพฒั นาระบบ 1970 ระบบสว่ นตอ่ ประสานกราฟกิ กบั ผใู้ ช้ ทางานร่วมกนั ออนไลน์ขนึ้ เป็นคร้ังแรกเรียกวา่ 1971 (Graphic User Interface – GUI) ให้กับ NLS (oNline System) บรษิ ัท Xerox เรยี กวา่ Xerox PARC เฟอร์กูสันและโจนส์ (Ferguson and Jones) 1972 ชว่ งปลาย 1970 มกี ารพฒั นาชุดโปรแกรม ร่วมกนั พฒั นาระบบจัดตารางการผลิต สาเรจ็ รปู เพื่อใชใ้ นสานักงาน จุดเร่มิ ต้นของระบบสานักงานอตั โนมตั ิ วารสารวิชาการตา่ ง ๆ เรม่ิ มกี ารตพี ิมพ์ (Office Automation System - OAS) บทความวิชาการท่ีเกย่ี วกบั DSS ระบบปฏบิ ตั ิการเครือข่าย UNIX เรม่ิ ใช้ แพร่หลายมากขน้ึ เร่มิ มกี ารใช้คาวา่ ระบบสนับสนุนการตดั สินใจ อลัน ชูการด์ (Alan Shugart) จากบรษิ ัท (Decision Support System - DSS) เป็นครัง้ ไอบเี อม็ พฒั นาแผน่ ดสิ กแ์ บบออ่ น หรือ ฟล แรกในบทความของ กอร์รี่และมอร์ตัน (1971) อปปีดิสก์ (floppy disk) ระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) เร่ิมมใี ช้คร้ังแรกโดยบริษทั SAP เครอ่ื งมินิคอมพิวเตอร์ Xerox PARC เริม่ ใช้ หนา้ จอภาพกราฟิกและเมาส์
48 ดร.สาวติ รี บญุ มี ววิ ัฒนาการ ปีค.ศ. วิวัฒนาการ ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (DSS) ระบบสารสนเทศการจัดการ (MIS) 1973 Ceft พัฒนาโปรโตคอลระบบสอื่ สารข้อมูล ผ่านเคร่อื งอินเตอรเ์ น็ต TCP/IP ในหนงั สือของกอร์ดอน เดวสิ มี 2 บทเกยี่ วกบั 1974 กอรด์ อน เดวิส (Gordon B. Davis) ตพี ิมพ์ ระบบสนับสนนุ การตดั สินใจ คือ บทท่ี 12 หนังสอื เก่ยี วกับระบบสารสนเทศเพ่ือการ หัวข้อ “ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการ จัดการเป้นครง้ั แรก ชอ่ื “Introduction to ตัดสินใจ” และบทท่ี 13 หัวข้อ “ระบบ Management Information Systems” สารสนเทศเพื่อสนับสนุนการวางแผนและ โดยสานกั พมิ พ์ McGraw-Hill ควบคุม” 1976 สตีฟ จอบส์ และสตีฟ วอซเนียก (Steve มดี เดอร์ และ เนส (Meador and Ness) Jobs and Steve Wozniak) ก่อตัง้ บริษัท ตพี ิมพ์บทความเกี่ยวกับระบบสนบั สนุนการ แอปเปิล คอมพิวเตอร์ และเปิดตวั ตดั สินใจ เรอ่ื ง “Decision support systems: คอมพวิ เตอร์ Apple I An application to corporate planning” คนี และมอรต์ ัน (Keen, Peter G.W. and 1978 Michael S. Scott Morton) ตีพิมพ์หนงั สอื เก่ยี วกับระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจ เร่อื ง Decision support systems: an organizational perspective เกรย์ (Gray) ตพี มิ พ์บทความเก่ยี วกับห้อง 1981 ไมโครซอฟต์ออกระบบปฏบิ ัติการ MS-DOS ประชุมสาหรับการตัดสินใจและระบบ สนับสนุนการตัดสนิ ใจแบบกลุ่ม (Group บริษทั ไอบีเอ็ม ประกาศวางจาหน่ายเคร่ือง Decision Support System) คอมพิวเตอรส์ ่วนบุคคล 1982 ESRI วางจาหน่ายระบบสารสนเทศ ภมู ิศาสตร์ (Geographical Information System) ชือ่ ARC/INFO เปน็ คร้งั แรก ระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจ Expert Choice 1983 บรษิ ัท โนเวล (Novell) วางจานา่ ยระบบ วางจาหนา่ ยเปน็ คร้งั แรก เครอื ข่าย Netware เป็นครงั้ แรก บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (Procter 1985 and Gamble – P&G) เรมิ่ ใช้ดาต้ามารท์ (data mart) เพอ่ื วเิ คราะห์ข้อมลู จากจุดขาย
เอกสารประกอบการสอนวิชาระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจทางธรุ กิจ 49 ววิ ัฒนาการ ปีค.ศ. วิวัฒนาการ ระบบสนับสนนุ การตดั สินใจ (DSS) ระบบสารสนเทศการจดั การ (MIS) Solver Add-in ถูกนามาใช้กับ Excel 1987 อิมมอน (Immon) ตีพมิ พ์หนังสือเกย่ี วกบั 1991 World Wide Web (WWW) ถกู นามาใช้ใน คลังข้อมูล และระบบสนบั สนนุ การตดั สนิ ใจ สาธารณชนท่ัวไป ที่มา: รวบรวมและสรุปจาก Power, D.J. (2007, 2008) 3.3.2. ววิ ัฒนาการระยะท่ีสอง ในช่วงปี 1960 – 1970 ฮารด์ แวร์เรมิ่ มีประสิทธภิ าพมากขึ้น เร่ิมมีการนาระบบเครือข่ายและ สอ่ื สารข้อมูลมาใชใ้ นการดาเนินงาน ปี 1960 เร่มิ มีการนาระบบเครือข่ายมาใช้เชงิ พาณิชย์กับระบบจองตัว๋ เครื่องบนิ ในธุรกิจการบนิ ปี 1964 มีการนาเสนอต้นแบบเครื่องมีหนา้ จอกราฟกิ และเมาส์ ปี1969 เร่มิ ใช้ ระบบฐานข้อมูลเชิงสมั พนั ธ์ ปลายทศวรรษ 1970 มีการพัฒนาชดุ โปรแกรมสาเร็จรปู เพ่ือใช้ในสานกั งาน ในสว่ นของระบบ DSS ช่วงปลายทศวรรษ 1950 เร่มิ มีการคิดค้นระบบเครือขา่ ยและส่ือสารข้อมลู กองทพั ประเทศสหรัฐอเมริกามกี ารนาระบบเครือข่ายมาใชใ้ นระบบเรดาห์ทหาร (Semi-Automatic Ground Environment - SAGE) ซงึ่ ระบบดังกลา่ วถือได้วา่ เป็นระบบ DSS เชงิ ข้อมูลระบบแรกท่พี ฒั นา บนระบบคอมพวิ เตอร์ โดยเริ่มพัฒนาเม่ือปี 1955 เริม่ ออนไลน์ครง้ั แรกปี 1958 และเสร็จสมบูรณป์ ี 1962 โดยศาสตราจารย์ฟอเรสเตอร์ (Jay Forester) ซง่ึ เปน็ ทมี งานในการพัฒนาระบบดังกลา่ ว ยงั ได้พฒั นา ระบบจาลองสถานการณ์ (Simulation Computer) ขนึ้ อีกดว้ ย ปี 1967 สกอตต์ มอร์ตนั (Scott Morton) เสนอดุษฎนี ิพนธเ์ รอื่ งการสร้างแบบจาลองในการ วิเคราะหแ์ ละพัฒนาระบบคอมพวิ เตอร์มาเพ่ือชว่ ยผจู้ ัดการในการตัดสินใจวางแผนเร่ืองสาคัญในการ ดาเนินธรุ กจิ โดยไดท้ าการทดลองกบั กลุ่มผจู้ ดั การท่ีใช้ระบบทเ่ี รียกว่า Management Decision System (MDS) โดยระบบดังกล่าวอนญุ าตให้ผจู้ ัดการฝา่ ยการตลาดและผู้จัดการฝา่ ยผลติ ใช้ระบบในการวาง แผนการผลติ สนิ ค้าอปุ กรณ์ซักผา้ ร่วมกัน แนวคิดของมอร์ตันทาใหเ้ กดิ การพัฒนาระบบ DSS อย่าง แพร่หลายในเวลาตอ่ มา ปี 1968 ดักลาส เอ็นเจลบารท์ (Douglas Engelbart) และเพ่ือนรว่ มงานพัฒนาระบบทางาน รว่ มกันออนไลนข์ ้ึนเป็นครั้งแรกเรียกวา่ NLS (oNline System) ซึ่งระบบน้ใี ช้อานวยความสะดวกในการ พฒั นาระบบห้องสมดุ ดิจติ อลและการเรยี กใชข้ ้อมลู ที่เปน็ เอกสารอเิ ลก็ ทรอนิกส์โดยผา่ นข้อความหลายมิติ (Hypertext) ซึง่ รวมถึงระบบประชุมทางไกลผ่านวดิ โี อ เทียบได้กับระบบสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจแบบกลมุ่ (Group DSS) ในปจั จบุ ัน ปี 1969 เฟอรก์ ูสนั และโจนส์ (Ferguson and Jones) รว่ มกันพฒั นาระบบจดั ตารางการผลติ โดย ใชก้ บั เคร่อื ง IBM7094
50 ดร.สาวิตรี บญุ มี 3.3.3. วิวัฒนาการระยะท่ีสาม ในช่วงปี 1971 – 1980 เทคโนโลยีสารสนเทศมีการพัฒนากา้ วหน้าไปอย่างรวดเร็ว ปี 1971 เรม่ิ ใช้ระบบปฏบิ ตั ิการเครอื ขา่ ย UNIX กนั อยา่ งแพรห่ ลาย แลว้ มีการพัฒนาแผน่ ฟลอปปีด้ ิสกใ์ ชเ้ ป็นครัง้ แรก โดยบริษทั IBM ปี 1972 ระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) เริ่มมีใชค้ ร้ังแรกจดั จาหน่ายโดย บริษัท SAP และเคร่ืองมนิ ิคอมพวิ เตอร์รุน่ Xerox PARC เรม่ิ ใช้หนา้ จอภาพกราฟิกและเมาส์ ปี 1973 มี โปรโตคอลระบบส่ือสารข้อมลู ผ่านเครอื่ งอินเตอรเ์ น็ต TCP/IP ปี 1976 สตีฟ จอบส์ และสตฟี วอซเนยี ก (Steve Jobs and Steve Wozniak) ก่อต้ังบริษัทแอปเปลิ คอมพวิ เตอร์ และเปิดตวั คอมพวิ เตอร์ Apple I คอมพิวเตอรเ์ คร่ืองแรกที่ทางานบนแผงวงจรเดียว ปี 1983 บรษิ ทั โนเวล (Novell) วางจานา่ ยระบบ เครอื ข่าย Netware เปน็ คร้ังแรก ในกลางปี 1985 มีการพัฒนาระบบผู้เชีย่ วชาญ (Expert System - ES) ในสว่ นของระบบ DSS ปี 1971 กอรร์ แี่ ละมอรต์ ัน เริม่ มีการใช้คาวา่ ระบบสนับสนนุ การตดั สนิ ใจ (Decision Support System) ในบทความเร่ือง “A framework for management information systems” ทต่ี ีพิมพ์ใน Sloan Management Review มอร์ตันเสนอในบทความวา่ ระบบสารสนเทศท่ใี ช้ ในการควบคุมการดาเนินงานกบั ระบบสารสนเทศทใ่ี หผ้ บู้ ริหารใช้ในการวางแผนกลยุทธ์นนั่ มคี วรมี คณุ ลกั ษณะท่แี ตกตา่ งกนั และไดเ้ รียกระบบที่เสนอสาหรบั ผูบ้ ริหารนวี้ า่ DSS ซึง่ ความแตกต่างนีจ้ ะอธิบาย เพ่ิมเติมในหัวขอ้ ถดั ไปเรือ่ งความเกี่ยวข้องและแตกตา่ งระหว่างระบบสนับสนนุ การตดั สินใจกบั ระบบ สารสนเทศชนิดอ่ืน ในช่วงทศวรรษท่ี 1970 นเ้ี อง DSS ไดร้ ับความสนใจในวงการวชิ าการอยา่ งมากและเรมิ่ มกี ารตีพมิ พ์บทความวชิ าการเก่ยี วกับเกยี่ วกบั ระบบตดั สินใจในการจดั การ (Management Decision System -MDS) ระบบวางแผนกลยุทธ์ (Strategic Planning System) และระบบสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจ (Decision Support System) เพม่ิ ข้นึ นอกจากนห้ี วั ข้อเรอื่ ง DSS ได้ถูกบรรจลุ งในตาราระบบสารสนเทศ เพื่อการจัดการเป็นครง้ั แรกโดย กอรด์ อน เดวสิ (Gordon B. Davis) ในปี 1974 บทความวชิ าการเก่ยี วกับ DSS ยังคงถกู ตีพิมพ์อย่างต่อเน่ืองเม่ือถงึ ปี 1981 มกี ารตีพิมพบ์ ทความที่เกยี่ วกับ ห้องประชมุ สาหรบั การ ตดั สนิ ใจและระบบสนบั สนุนการตดั สินใจแบบกลมุ่ (Group Decision Support System) โดย เกรย์ (Gray) ปี 1985 บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบลิ (Procter and Gamble – P&G) เรม่ิ ใช้ดาตา้ มาร์ท (data mart) เพือ่ วิเคราะห์ข้อมลู จากจุดขาย และปี 1987 บริษทั ไมโครซอฟทพ์ ัฒนา Add-in ทสี่ าคัญต่อ การพัฒนาระบบ DSS แบบตารางคานวณอย่างมากชอื่ Solver ซึง่ ชว่ ยใชแ้ ก้ปัญหาประเภทแบบจาลองใน การหาทางเลือกท่เี หมาะสมที่สุด 3.3.4. ยุคปจั จุบัน ชว่ งปี 1990 ถงึ ปจั จุบนั World Wide Web (WWW) ถกู นามาใชใ้ นสาธารณชนท่วั ไป เทคโนโลยี ฮาร์ดแวรไ์ ด้เตบิ โตขึน้ มากทง้ั ด้านความจุและความเร็วใจการประมวลผล อุปกรณ์นาเข้าขอ้ มูลมรี ูปแบบท่ี หลากหลายท่ีนอกเหนือไปจากเม้าส์ เชน่ เคร่อื งอ่านบาร์โค้ด จอสมั ผัส ขนาดของฮาร์ดแวรท์ ใี่ ช้เลก็ ลงอยา่ ง มืออุปกรณ์พกพาเปน็ ทีน่ ิยมกันอยา่ งแพร่หลาย ซ่ึงทาใหก้ ารพัฒนาของซอฟต์แวรแ์ ละเทคโนโลยเี ครอื ข่าย ก็รดุ หน้าไปอย่างรวดเรว็ เชน่ กัน จากโปรแกรมทใ่ี ช้ในเครอ่ื งเดียวสามารถประมวลผลพร้อมกันไดห้ ลาย
เอกสารประกอบการสอนวิชาระบบสนบั สนุนการตดั สนิ ใจทางธุรกจิ 51 เคร่ือง เช่น ระบบประมวลผลกล่มุ เมฆ (Cloud computing) โปรแกรมในปจั จุบันทางานบนระบบ อนิ เตอรเ์ น็ต (Web application) เชน่ Google Drive หรอื Microsoft Onedrive เทคโนโลยกี ลายเป็น ส่วนหน่ึงในชวี ิตประจาวนั จนเกิดศัพท์ใหมว่ า่ Internet of Things ในสว่ นของระบบ DSS เทคโนโลยีกก็ ้าวหนา้ มากข้นึ มกี ารใช้ ในปี 1990 พฒั นาคลงั ขอ้ มลู (Data Warehouse) ระบบ ES ได้แนวคดิ มาจากระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence :AI) โดยใช้ระบบ เครือข่ายเสน้ ประสาท (Neural Network) ทาใหส้ ามารถเลยี นแบบการทางานสมองของมนุษย์ได้ สามารถ จดจาและเรียนร้อู งค์ความร้ใู หม่ได้ครงั้ ละปรมิ าณมาก สามารถเพ่ิมเติม เปลย่ี นแปลง ปรับปรงุ องค์ความรู้ ไดเ้ อง ตวั แทนปญั ญา –Intelligence Agent เน่ืองจากตัวแทนปญั ญา สามารถลดข้อจากดั ในการเขา้ ถงึ ขอ้ มลู จากฐานข้อมูลอื่น ๆ ท่ัวโลก โดยผา่ นเครือข่ายอินเตอรเ์ นต็ ลดขอ้ จากัดของการไหลของสารสนเทศ และช่วยอานวยความสะดวกในการพาณิชยอ์ เิ ลก็ ทรอนิกสไ์ ด้ มีการเสนอแนวคดิ Business Intelligence เพิม่ ขน้ึ มาเพื่อช่วยในการวางแผนของผบู้ รหิ าร ในขณะเดียวกนั แนวคดิ ของ DSS ยังไม่มีการเปล่ยี นแปลง ไปแต่เทคโนโลยีทพ่ี ัฒนาขน้ึ ทาให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของ DSS เพิ่มข้นึ ตามไปดว้ ย 3.4. ความเก่ยี วขอ้ งระหว่างระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจกับระบบสารสนเทศอืน่ ระบบสนับสนนุ การตดั สนิ ใจเปน็ ระบบสารสนเทศที่ใชใ้ นการจัดการธุรกิจชนดิ หน่งึ จากวิวัฒนาการ ทกี่ ลา่ วถงึ ในหัวข้อท่ีแลว้ จะเห็นไดว้ า่ DSS เป็นระบบท่ีพัฒนาต่อยอดมาจากระบบสารสนเทศเพ่ือการ จดั การ (MIS) Transaction Executive Expert Neural Processing Information System Network System System Management Decision Fuzzy Logic Informaiton Support System System ภาพที่ 3.1 ความเกย่ี วเนอื่ งของระบบสารสนเทศแต่ละชนดิ (ทม่ี า: ปรบั ปรงุ จาก Sauter, V.L., 2010) จากภาพที่ 3.1 แสดงใหเ้ ห็นความเกีย่ วเนอ่ื งกนั ของแตล่ ะระบบสารสนเทศทางด้านซา้ ย ประกอบด้วย ระบบประมวลผลรายการ (TPS) ระบบสารสนเทศเพ่ือการจัดการ (MIS) ซึ่งระบบเหล่าน้จี ะ เน้นการทางานท่เี ป็นงานประจา มีวธิ ีการ ข้นั ตอน และรูปแบบรายงานที่แนน่ อนและกาหนดไวล้ ว่ งหน้า เหมาะกบั การตดั สนิ ใจแบบมีโครงสร้าง ซง่ึ เปน็ ระบบที่ไม่เนน้ การวิเคราะห์และวิธีการประมลผลข้อมูลจะ เป็นแบบชุด (batch) จึงไมเ่ หมาะท่จี ะใชส้ นบั สนนุ การตัดสินใจ ทางฝั่งขวาประกอบดว้ ย ระบบเครือข่ายเส้นประสาท (Neural network) ตรรกศาสตร์คลมุ เครือ (Fuzzy logic) และ ระบบผเู้ ชีย่ วชาญ (Expert system) ท้ังสามระบบนี้นน้ั ถือวา่ เปน็ เทคโนโลยเี กยี่ วกบั
52 ดร.สาวิตรี บญุ มี ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ระบบผู้เช่ยี วชาญน้ันจะเนน้ การพฒั นาโปรแกรมที่เลียนแบบ หลักการใชเ้ หตผุ ลของมนษุ ย์ซงึ่ ในทนี่ ้ีหมายถงึ บุคคลที่มีความเชย่ี วชาญในเร่ืองใดเรื่องหน่ึง ระบบนมี้ ี ประโยชน์ต่อการสนบั สนนุ การตดั สินใจเช่นกันเพยี งแตจ่ ะไดเ้ ฉพาะปญั หาท่ีถูกเขยี นโปรแกรมไว้เท่านัน้ ตรรกศาสตรค์ ลมุ เครือน้นั จะเน้นการใช้หลักเหตุผลเช่นกนั แตใ่ ช้กับปญั หาที่มีความซบั ซอ้ นและคลมุ เครือ ไมส่ ามารถตอบเป็นคาตอบได้แค่สองทางคือใชห่ รือไม่ใช่ เช่น กรณสี เี ทาจะใหต้ ัดสินเป็นขาวหรือดานนั้ เปน็ ไปไมไ่ ด้ ซึง่ ในการจัดการทางธรุ กจิ กเ็ ชน่ กันท่ไี มส่ ามารถบอกไดช้ ดั เจนว่าถา้ ลูกคา้ มคี วามพึงพอใจปาน กลางไม่ได้หมายถงึ ลูกคา้ ไมพ่ อใจหรือพอใจอย่างใดอย่างหนึ่งในสองอยา่ งน้ีเท่านนั้ เครือขา่ ยเสน้ ประสาท เป็นแบบจาลองระบบการประมวลผลทีเ่ หมือนเครือข่ายเส้นใยประสาทของสมองมนุษย์ทเี่ ชือ่ มโยงกันท่ี เรยี กว่า เสน้ ประสาท (Neural) คลา้ ยคลึงกบั การทางานของสมอง มลี ักษณะเดนิ่ คอื สามารถ “เรยี นรู้” (Learn) จากข้อมูลท่ีได้ สามารถประมวลผลคน้ หารูปแบบและความสัมพนั ธใ์ นข้อมลู ซ่ึงวธิ ีการดงั กลา่ วมี ข้อจากดั ทีก่ ารคน้ หานัน้ ทาโดยทผ่ี ้ทู าจะไม่สามารถบอกไดว้ ่าทาอะไรอยู่ หรือที่เรียกกันว่า “กลอ่ งดา” ผลลพั ธ์ทไี่ ด้มาน้นั อาจจะเป็นประโยชน์หรอื ไมเ่ ป็นประโยชน์กไ็ ด้ ต่างจากการสรา้ งจากกฎหรอื แบบจาลอง ที่มเี ป้าหมายองค์ความร้ชู ัดเจน จากภาพจะเหน็ ไดว้ า่ ระบบสนบั สนนุ การตดั สินใจ (DSS) และ และระบบสารสนเทศสาหรับ ผบู้ รหิ าร (EIS) อยตู่ รงกลางระหวา่ งท้ังสองฝงั่ ในปัจจุบนั EIS ถกู เรยี กอีกช่อื หนึ่งวา่ Executive Support System (ESS) ทั้ง DSS และ EIS สองระบบเปน็ ระบบทีถ่ ูกพัฒนามาสนับสนนุ การตัดสินใจของผู้ตดั สนิ ใจ โดยที่ EIS ออกแบบและพัฒนามาใหเ้ ฉพาะผูบ้ ริหารใช้เทา่ นนั้ นอกจากน้ฐี านแบบจาลองที่เปน็ โครงสร้าง หลกั ของ DSS น้นั ไม่ใช่โครงสร้างหลกั ในระบบ EIS สารสนเทศท่ีไดจ้ ากระบบ MIS และ EIS สามารถใช้เปน็ ข้อมูลนาเขา้ ของระบบ DSS ไดเ้ พ่ือใช้ประมวลผลทางเลือกต่อไป ระบบ EIS จะเน้นที่ข้อมลู ภายในและ ภายนอกองค์กร และการนาเสนอข้อมลู เป็นรูปภาพแบบสรุปย่อใหผ้ บู้ ริหารเขา้ ใจงา่ ยในเวลารวดเรว็ ศาสตร์เรอื่ งการนาเสนอภาพขอ้ มลู (Data Visualization) มปี ระโยชน์ต่อระบบน้ีอย่างมาก ลกั ษณะท่ี สาคญั อีกอยา่ งหนึง่ ของระบบ EIS คือ ผบู้ ริหารต้องสามารถเจาะลึก (drill down) เพ่ือดูข้อมลู ท่ีละเอียด มากขึน้ ได้ ซึง่ ทง้ั การนาเสนอภาพข้อมูลและการเจาะลึกข้อมลู เปน็ สงิ่ ที่จาเปน็ ในทั้งระบบ DSS และ EIS ท้งั สองระบบอนุญาตใหผ้ ้ใู ช้สามารถเลือกขอ้ มูลท่ีต้องการนาเสนอและรูปแบบท่นี าเสนอได้เองเนื่องจาก พัฒนาและออกแบบมาเพอ่ื ให้ยืดหยุน่ และรองรับความต้องการในการตัดสินใจในสถานการณต์ า่ ง ๆ ได้ ตารางท่ี 3.2 แสดงให้เหน็ ถงึ ความแตกตา่ งระหว่างระบบสนบั สนนุ การตดั สินใจ (DSS) ระบบ ประมวลผลรายการ (TPS) และระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (MIS) ระบบ TPS เป็นระบบท่ีใช้ในการ ดาเนินงานท่ีเปน็ งานประจา เรียกว่า รายการค้า (transaction) เช่น ระบบงานขาย ระบบประมวลผล เงนิ เดือน หรอื ระบบบันทึกบัญชี โดยขอ้ มูลจะถกู เก็บลงในฐานขอ้ มูลขององค์กรและผลติ สารสนเทศที่ใช้ เฉพาะในรายการค้านน้ั ๆ เช่น ระบบการขายจะจัดทาใบเสร็จ ระบบการประมวลผลเงนิ เดอื นจะจดั ทา ใบสลิปเงนิ เดอื น หรือ ระบบบนั ทึกบญั ชีจะจดั ทาบญั ชีแยกประเภท เป็นต้น สารสนเทศท่ไี ด้รบั จะมี โครงสร้างชัดเจนและมีรายละเอียดการนาไปสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจนัน้ ทาได้ยากเนื่องจากทาใหไ้ ม่เห็น
เอกสารประกอบการสอนวิชาระบบสนับสนนุ การตดั สนิ ใจทางธุรกิจ 53 ภาพรวมของการดาเนินงานขององค์กร ระบบ MIS จึงมหี น้าทีจ่ ดั ทารายงานเพื่อสรปุ ผลการดาเนนิ งานที่ เกบ็ ไว้ในระบบ TPS ซ่ึงทาใหท้ ราบผลการดาเนินงานตามช่วงเวลาที่กาหนดไว้ วัตถุประสงค์หลกั เพ่ือใช้ใน การควบคุมการดาเนินงาน อาจจะเป็นรายงานผลการดาเนินงานหรือรายงานเฉพาะก็ได้ เชน่ MIS ของ ระบบขายสามารถออกรายงานการขายประจาเดือนแยกตามประเภทสนิ ค้า รายงานยอดขายแต่ละเดือน ประจาปี รายงานสินค้าท่ถี ึงจุดสงั่ ซ้อื ระบบเงนิ เดือนสามารถออกรายงานสรปุ ยอดค่าลว่ งเวลาประจาเดือน แยกตามแผนก หรือระบบบันทกึ บัญชสี ามารถออกรายงานงบกาไรขาดทุนประจาปยี ้อนหลงั ห้าปี เป็นตน้ ซงึ่ จะเหน็ ไดว้ ่ารายงานหรอื สารสนเทศที่ได้จากระบบ MIS นั้นเปน็ รายงานแบบมีโครงสรา้ งท่ถี กู วางรูปแบบ ไวล้ ่วงหน้า มีลักษณะสรุปแสดงประสทิ ธภิ าพการทางานในแต่ละช่วงเวลาซ่ึงอาจจะสามารถชี้หรือแสดงให้ เหน็ ปญั หาทเ่ี กดิ ข้ึนได้ แต่ตวั ระบบ MIS ไมส่ ามารถเสนอทางเลือกในการแกป้ ญั หาหรอื มวี ิธีการวิเคราะห์ ทางเลือกใหผ้ ทู้ ตี่ ้องตัดสินใจใชส้ นบั สนุนการตัดสนิ ใจไดอ้ ย่างเตม็ ที่ ตารางที่ 3.2 ความแตกตา่ งระหว่างระบบสารสนเทศ ประเด็น TPS MIS DSS ประโยชน์ ประมวลผลขอ้ มลู ที่เป็นงาน จดั ทารายงานและ สนับสนนุ การแกป้ ญั หาใน ผูใ้ ชร้ ะบบ เปา้ หมาย ประจา (routine) สารสนเทศตามระยะเวลา สถานการณ์ที่หลากหลาย ประเภทของ พนักงานระดบั ปฏิบัติการ ผู้จัดการระดับตน้ ผบู้ รหิ าร ที่ปรึกษา ผ้จู ัดการ ปัญหา ข้อมลู ที่ใช้ เพ่อื ตอบสนองการทางาน เพม่ิ ประสิทธิภาพในการ เพม่ิ ประสิทธิผลในการ ฐานข้อมูล สารสนเทศ ประจาวนั ทางาน ตดั สินใจ ฐาน มโี ครงสรา้ ง มโี ครงสรา้ ง กึง่ โครงสร้าง หรือไมม่ ี แบบจาลอง โครงสร้าง ตามสถานการณ์ กราฟิก คณุ สมบตั ิ อดตี – ข้อมลู ทีเ่ กิดข้นึ แลว้ อดตี – ข้อมลู ทเ่ี กิดข้นึ แล้ว อดีต ปัจจุบนั ฐานข้อมูลองค์กรปกติ ฐานขอ้ มูลองค์กรปกติ สร้างขน้ึ เฉพาะเรื่อง - อดตี รายงานส่ิงทเ่ี กิดขึน้ อดตี รายงานส่งิ ที่เกดิ ขึ้น - ปจั จุบนั อนาคต แลว้ แสดงรายละเอยี ด แล้ว เป็นรายงานสรุป สิ่งท่ียังไม่เกดิ ขนึ้ - สว่ นหน่งึ การการ - ออกตามตารางหรือร้องขอ - เฉพาะเรื่อง ดาเนนิ งาน เช่น ใบเสรจ็ ไมม่ ี อาจจะมีที่กาหนดไว้ องค์ประกอบหลกั สามารถ ลว่ งหนา้ แต่ไมส่ ามารถ จดั การแก้ไขเปลี่ยนแปลง แก้ไขได้ ได้ ส่วนใหญไ่ ม่จาเปน็ ควรมี หรอื มีใช้บ้าง เปน็ สว่ นหนงึ่ ของระบบ มีลกั ษณะคงที่ ตาม มีลกั ษณะคงท่ี ตาม มีความยดื หยนุ่ สามารถ กระบวนการทางานของ กระบวนการทางานของ ปรบั ปรุงใหเ้ ขา้ กับ ธรุ กิจ เน้นความถกู ต้อง ธุรกิจ เน้นความถูกต้อง สถานการณ์ที่แตกต่างกันได้
54 ดร.สาวิตรี บญุ มี 3.5. ประเภทของระบบสนบั สนุนการตัดสนิ ใจ ระบบสนับสนุนการตดั สินใจสามารถแบง่ ประเภทไดห้ ลายรูปแบบตามเกณฑท์ ีใ่ ช้ 3.5.1. ระบบสนบั สนุนการตัดสนิ ใจจาแนกตามหน้าที่ อัลเตอร์ (Alter, 1980 อ้างถึงใน Power, 2008) ได้ทางานวิจัยโดยรวบรวม DSS จานวน 56 ระบบ และจาแนก DSS ออกเปน็ 7 ประเภท โดยใหเ้ กณฑห์ นา้ ที่ท่ีระบบทางานโดยทว่ั ไป ดังนี้ 1. File drawer system ระบบสืบคน้ ข้อมลู เป็นระบบทเี่ นน้ การเข้าถึงข้อมลู และดึงข้อมูลมาใช้ 2. Data analysis system ระบบวเิ คราะห์ข้อมูล เป็นระบบท่ีเนน้ การใช้เครื่องมือในการทางาน กับข้อมลู เรยี กใชแ้ ละประมวลผลข้อมูลให้ตรงตามความต้องการเฉพาะดา้ นของผู้ตัดสินใจ 3. Analysis information system ระบบวเิ คราะหส์ ารสนเทศ เป็นระบบที่เน้นการเข้าถงึ ฐานข้อมูลตา่ ง ๆ ทอ่ี อกแบบมาเพื่อใชใ้ นการตัดสินใจ รวมถงึ แบบจาลองในการคานวณเล็กๆ 4. Accounting and financial model แบบจาลองด้านการเงนิ และการบัญชี เป็นแบบจาลอง ทเ่ี นน้ การคานวณทางบัญชแี ละการเงินต่าง ๆ ท่ีมาจากการรายการคา้ ตามหลกั บันทึกบัญชี 5. Representational model แบบจาลองในการนาเสนอ เปน็ แบบจาลองทช่ี ว่ ยประมาณการ หรือพยากรณผ์ ลการดาเนินการต่าง ๆ โดยใช้แบบจาลองในการจาลองสถานการณ์สมมตติ า่ ง ๆเพ่ือค้นหาแนวทางแกป้ ัญหาและผลการพยากรณ์ท่ีหลายหลาย 6. Optimization model แบบจาลองในการหาทางเลือกทเี่ หมาะสมทสี่ ดุ เปน็ แบบจาลองท่ี เน้นการหาแนวทางในการดาเนินงานโดยใช้วิธีการสรา้ งทางเลือกและประมวลผลหา ทางเลอื กที่เหมาะสมที่สดุ ภายใต้เงอื่ นไขตา่ ง ๆ โดยใชว้ ิธีการวิเคราะหเ์ ชงิ ปรมิ าณ เช่น แบบจาลองแถวคอย แบบจาลองขนส่ง การพยากรณโ์ ดยใชส้ มการเชงิ เส้น เปน็ ตน้ 7. Suggestion model แบบจาลองใหค้ าแนะนา เปน็ แบบจาลองท่เี นน้ การประมวลผลเชงิ ตรรกะ เพ่อื นาไปส่ขู ้อเสนอแนะท่ีนาไปใชใ้ นการตดั สนิ ใจ เหมาะกับงานท่ีมโี ครงสร้างในระดับ หนง่ึ เชน่ การใชต้ ารางการตดั สินใจ แขนงการตัดสินใจ 3.5.2. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจจาแนกตามการใชง้ าน โดโนแวน และ แมดนิกค์ (Donovan and Madnick, 1977 อ้างถึงใน Power, 2008) แบ่ง ประเภทของ DSS เป็น 2 ประเภทโดยใช้เกณฑร์ ปู แบบการใชง้ าน ดังน้ี 1. Institutional DSS ระบบสนบั สนุนการตดั สินใจขน้ั พ้ืนฐาน เป็นระบบทใ่ี ช้สนับสนนุ การ ตัดสินใจเกดิ ข้ึนบ่อยครั้ง และเกิดซ้า สามารถเตรยี มไว้ล่วงหนา้ ได้ 2. Ad hoc DSS ระบบสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจเฉพาะเรื่อง เป็นระบบที่ใช้สนับสนนุ การตดั สินใจท่ี ไมไ่ ดว้ างแผนล่วงหน้า เรยี กใช้เฉพาะกิจตามความต้องการของผู้ใช้
เอกสารประกอบการสอนวิชาระบบสนบั สนนุ การตดั สินใจทางธุรกจิ 55 3.5.3. ระบบสนับสนุนการตดั สินใจจาแนกตามผใู้ ช้งาน แฮคอาธอรน์ และ คีน (Hacathorn and Keen, 1981 อ้างถึงใน Power, 2008) แบ่งประเภท ของ DSS เปน็ 3 ประเภท โดยใชเ้ กณฑ์ตามผ้ใู ชง้ านระบบ ดังนี้ 1. Personal DSS ระบบสนบั สนุนการตดั สนิ ใจส่วนบุคคล เป็นระบบทใี่ ช้สนับสนุนการตัดสินใจ เฉพาะบุคคล ใช้สาหรับการตัดสินใจของผู้บริหารระดบั สูง 2. Group DSS ระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจแบบกลมุ่ เป็นระบบทใี่ ช้สนบั สนุนและอานวยความ สะดวกการตดั สินใจแบบกลุ่มทมี่ ผี ู้ตดั สนิ ใจมากกวา่ หนึง่ คน และอาจจะอยู่ในคนละสถานที่ ซึง่ จาเปน็ ต้องใช้เทคโนโลยกี ารสอื่ สารในการอานวยความสะดวกในการตดั สนิ ใจรว่ มกัน 3. Organizational DSS ระบบสนับสนุนการตัดสินใจระดับองค์กร เป็นระบบที่ใช้สนบั สนนุ การ ตัดสนิ ใจทใี่ ชก้ บั งานตา่ ง ๆ ในองค์กรซง่ึ ลกั ษณะงานท่ีต่างกันจะมรี ะบบที่แตกตา่ งกัน 3.5.4. ระบบสนับสนนุ การตดั สนิ ใจจาแนกตามองค์ประกอบหลัก นอกจากนี้ พาวเวอร์ (Power, 2008) ได้สรปุ เร่ืองการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ DSS และแบง่ ประเภทไว้ 5 ประเภท ตามเกณฑ์องคป์ ระกอบทส่ี าคญั ของระบบ ดงั น้ี 1. Model-Driven DSS ระบบสนับสนุนการตดั สินใจแบบเน้นแบบจาลอง เป็นระบบทเ่ี น้นการ เข้าถงึ ประทางานกบั ขอ้ มลู โดยใช้แบบจาลอง เช่น แบบจาลองหาทางเลือกทเ่ี หมาะสมทส่ี ดุ แบบจาลองทางการเงิน หรอื แบบจาลองสถานการณ์สมมติ มักจะใชว้ ิธกี ารวเิ คราะห์เชงิ ปริมาณอย่างง่ายในการประมวลผล DSS แบบนน้ี น้ั จะใชข้ ้อมลู และตวั แปรในการประมวลผล ไม่มากตามที่ผู้ตดั สินใจกาหนดมา เพ่ือสนบั สนนุ ช่วยเหลอื ผตู้ ดั สินใจในการวิเคราะหต์ า่ ง ๆ 2. Data-Driven DSS ระบบสนบั สนุนการตัดสินใจแบบเนน้ ข้อมูล เปน็ ระบบทเี่ นน้ การเขา้ ถึง และทางานกบั ข้อมูลอนุกรมเวลา (time series data) จานวนมากทร่ี วบรวมมาจากทงั้ ภายใน และภายนอกองคก์ ร รวมไปถงึ ข้อมูลแบบเรยี ลไทม์ โดยมากมักจะทางานรว่ มกนั คลงั ขอ้ มูล (Data warehousing) และการประมวลผลแบบ OLAP (Online Analytical Processing) ซึ่งระบบนีน้ าไปส่รู ะบบสารสนเทศเพ่ือผบู้ รหิ าร (Executive Information System - EIS) 3. Communication-Driven DSS ระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจแบบเน้นการส่ือสาร เป็นระบบ ทเี่ นน้ การใชเ้ ทคโนโลยเี ครือข่ายและการสื่อสารข้อมลู เพือ่ อานวยความสะดวกการ ตดิ ตอ่ สื่อสารและการทางานร่วมกนั ที่เก่ียวข้องกับการตัดสินใจ เชน่ กรุป๊ แวร์ (groupware) ระบบประชมุ ทางไกลผา่ นวดิ โี อ (video conferencing) หรือระบบกระดานขา่ ว อิเล็กทรอนิกส์ (electronic bulletin board) ในภายหลัง DSS ชนดิ น้ีถูกเรยี กใหมว่ า่ ระบบ สนบั สนุนการตัดสินใจแบบกลุ่ม (Group Decision Support System) 4. Document-Driven DSS ระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจแบบเน้นเอกสาร เป็นระบบทีใ่ ช้ เทคโนโลยกี ารเกบ็ ข้อมูลและการประมวลผลเอกสารประเภทต่าง ๆ เชน่ เอกสารทสี่ แกนเกบ็ ไว้ เอกสารข้อความหลายมิติ (hypertext) รปู ภาพ เสียง และวดิ ีโอ โดยเทคโนโลยจี ะช่วย
56 ดร.สาวิตรี บญุ มี เรยี กใช้และวเิ คราะหเ์ อกสารเหลา่ นี้ ตวั อยา่ งเครอ่ื งมือในระบบนี้คอื โปรแกรมค้นหา (search engine) 5. Knowledge-Driven DSS ระบบสนับสนุนการตัดสนิ ใจแบบเนน้ องคค์ วามรู้ เปน็ ระบบ รวบรวมองค์ความรเู้ ฉพาะเรื่องจากผู้เชยี่ วชาญ ความเข้าใจปญั หา และวธิ กี ารแก้ปญั หาของ ผเู้ ช่ียวชาญ เพ่อื นามานาเสนอทางเลือกในการแกป้ ัญหาให้กับผู้ตดั สนิ ใจ ซึง่ เทคโนโลยที ใ่ี ช้จะ เปน็ การผสมผสานระหว่างระบบจดั การฐานความรู้ (Knowledge-base management system) และระบบผู้เช่ียวชาญ (Expert system) 3.5.5. ระบบสนบั สนนุ การตัดสินใจจาแนกตามระบบงานทางาน โฮลสแอปเปิ้ล (Holsapple, 2008) แบ่งประเภทของระบบสนับสนนุ การตัดสินใจไว้ 7 ประเภท ตามเกณฑ์ของระบบการทางานและเทคโนโลยที ีใ่ ชใ้ นระบบ ดังนี้ 1. Text-Oriented DSS ระบบสนับสนุนการตัดสนิ ใจเชงิ ข้อความ เปน็ ระบบทจ่ี ัดเก็บองค์ความรู้ ในรูปแบบข้อความ โดยใชข้ ้อมูลและสารสนเทศท่ีเกบ็ อยูใ่ นรปู แบบข้อความมาช่วยในการ ตดั สินใจ ซงึ่ ขอ้ มูลและสารสนเทศทเี่ กบ็ แบบขอ้ ความน้นั อาจจะอยู่ในลักษณะของการ บรรยาย (descriptive) เช่น บนั ทกึ การตดั สนิ ใจในอดตี รายงานตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ในองค์กร หรอื อยู่ในลักษณะของกระบวนการทางาน (procedure) เชน่ ผงั ขน้ั ตอนอธิบายวธิ กี ารพยากรณ์ ยอดขาย หรือ ขน้ั ตอนวธิ ีการได้มาซึง่ ความรูท้ ีต่ ้องการนามาใช้ หรอื อยู่ในลักษณะการใช้ เหตุผล (reasoning) เชน่ กฎเกณฑเ์ งื่อนไขท่ีอาจจะทาให้เกิดเหตุการณท์ ี่ไม่พึงประสงค์ โดย ชว่ ยให้ผูต้ ัดสินใจสามารถสรา้ ง แก้ไข และเรียกใชเ้ อกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ได้ เนอ่ื งจากการ ประมวลผลข้อความน้ันต้องใช้การเขียนโปรแกรมทีซ่ ับซ้อน ระบบสนับสนุนการตดั สินใจเชิง ข้อความในอดตี จงึ ทาหน้าทแี่ คค่ ้นหาข้อความเท่าน้ัน การสรา้ งองคค์ วามรูท้ ่ีได้จากการ ประมวลผลข้อความยังมีไมม่ ากนกั แต่ในปจั จบุ ันเทคโนโลยีการทาเหมืองข้อความ (text mining) และเทคนิคการวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis) ทาใหร้ ะบบสนับสนนุ การ ตัดสนิ ใจเชิงขอ้ ความมีความสามารถในการทางานมากขึน้ 2. Hypertext-Oriented DSS ระบบสนับสนุนการตดั สินใจเชงิ ข้อความหลายมิติ เปน็ ระบบท่ี จดั เกบ็ องคค์ วามรู้ในรูปแบบข้อความและล๊ิง (link) เช่ือมโยงเอกสารท่ีมคี วามเกี่ยวข้องกันเขา้ ด้วยกนั เพอ่ื ลดข้อจากัดของระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจเชิงข้อความท่ีไม่สะดวกในการ ตดิ ตามความคดิ ที่กระจดั กระจายอยตู่ ามเอกสารต่าง ๆ โดยท่ไี ม่สามารถเช่อื งโยงเอกสารเร่อื ง เดยี วกนั เขา้ หากนั ไดโ้ ดยตรง ผใู้ ชส้ ามารถสร้าง ลบ และแก้ไขลงิ๊ ที่สรา้ งไว้ได้ โดยผูใ้ ช้สามารถ คลกิ ล๊งิ ท่ีสร้างขึ้นเพ่ือดูข้อมูลเพมิ่ เติมจากเอกสารท่ีเก่ียวข้องซึ่งจะมีลงิ๊ ไปยังเอกสารอืน่ ทาให้ ระบบชนิดนมี้ ขี ้อดีคือสามารถเรยี กดูข้อมลู จากเอกสารทีเ่ ก็บรกั ษาไวท้ ่ีมีปริมาณมหาศาลโดย ข้อมลู ดังกลา่ วยงั มีความหมายหรือแนวคดิ ไปในแนวทางทเ่ี ก่ยี วข้องและต่อเน่อื งกนั ทาให้ผู้ ตัดสินใจอาจจะค้นพบข้อมูลท่ีไม่เคยทราบหรืออาจจะลืมไปแล้วได้ ในปัจจุบันระบบสนบั สนนุ
เอกสารประกอบการสอนวิชาระบบสนับสนนุ การตดั สนิ ใจทางธุรกจิ 57 การตัดสินใจเชงิ ข้อความหลายมติ มิ คี วามแพรห่ ลายมากขนึ้ โดยเฉพาะในรปู แบบของ World Wide Web 3. Database-Oriented DSS ระบบสนบั สนุนการตดั สนิ ใจเชิงฐานข้อมูล เป็นระบบท่ีจัดเก็บ องค์ความรู้ในรูปแบบตารางในฐานข้อมลู และประยุกต์ใช้แนวคิดฐานข้อมูลในการพัฒนา โดยเฉพาะฐานขอ้ มลู เชงิ สัมพันธ์ ซึ่งเกบ็ ข้อมลู อย่างมีโครงสร้างท่ีชัดเจนในรปู แบบของตาราง ดังนั้นการประมวลผลในระบบนจี้ ะรวดเรว็ และมีประสิทธิภาพมากกว่าแบบท่เี ปน็ เชงิ ข้อความ และข้อความหลายมิติ เกบ็ ข้อมูลไดป้ ริมาณมากและสามารถบันทึกมมุ มองการเรยี กใชข้ ้อมลู (view) ไวใ้ ช้ใหม่ได้อีกดว้ ย ระบบสนับสนุนการตัดสนิ ใจชนิดน้ีประกอบด้วยองคป์ ระกอบหลกั ๆ 3 สว่ นคือ ระบบบรหิ ารจดั การฐานข้อมลู ระบบเรียกใช้ข้อมลู และระบบประมวลผลท่ีสรา้ ง ขนึ้ มาเฉพาะ ซงึ่ ระบบจะทีลักษณะท่ผี ู้ใชโ้ ต้ตอบได้ (interactive) และมกี ารประมวลผลท่ี สามารถตอบสนองการเรียกใชข้ ้อมูลของผู้ตัดสินใจไดโ้ ดยตัวผตู้ ดั สนิ ใจ และสามารถเลอื ก รูปแบบการนาเสนอได้ ไม่จากัดอยู่ทรี่ ายงานท่ีถูกสร้างไว้ก่อนแล้ว ซ่งึ นีค่ ือส่วนที่แตกตา่ งจาก ระบบท่ีพฒั นาจากฐานขอ้ มลู ทว่ั ไป ในปัจจบุ นั ระบบสนบั สนนุ การตดั สินใจเชงิ ฐานข้อมูล ถกู พัฒนามาใชร้ ว่ มกบั คลังข้อมูล (Data warehouse) ซ่งึ เป็นการรวมรวมขอ้ มลู จากฐานข้อมูล หลาย ๆ แหลง่ มาจดั รูปแบบเพอ่ื จดั เก็บไว้ใชง้ านต่อไป 4. Spreadsheet-Oriented DSS ระบบสนับสนนุ การตดั สนิ ใจเชงิ ตารางคานวณ เปน็ ระบบที่ จดั เก็บองคค์ วามรู้ในรูปแบบของตารางคานวณ มีรปู แบบเปน็ ตารางที่มีแถวและคอลัมนต์ ดั กันเป็นช่อง ๆ เรยี กว่า เซลล์ (cell) ตวั อยา่ งโปรแกรมท่ใี ช้กันแพร่หลายคือ Microsoft Excel ซ่งึ เป็นโปรแกรมชดุ สานักงาน แต่สามารถนามาพฒั นาระบบสนับสนนุ การตัดสินใจได้อยา่ งดี โดยขอ้ มูลท่เี กบ็ ในแตล่ ะเซลล์สามารถแบ่งได้ 2 แบบหลกั ๆ คือ คา่ คงที่ และ สตู ร (formula) ค่าคงท่ีมักใช้เก็บคา่ ทีเ่ ปน็ ข้อมูลนาเข้าของการประมวลผล อาจจะเป็นได้ทัง้ ตัวเลขและ ข้อความ สูตรท่ีเกบ็ คือการประมวลผลซ่ึงโปรแกรมตารางคานวณสามารถประมวลผลได้ หลากหลายรปู แบบ เชน่ ประมวลผลขอ้ ความ สร้างแบบจาลองสาหรับการคานวณทาง คณติ ศาสตร์ ประมวลผลในรูปแบบการทางานของฐานข้อมูล การประมวลผลแบบใชก้ ฎการ ตดั สินใจ เปน็ ตน้ นอกจากน้ียังมีฟงั กช์ น่ั การทางานที่อนุญาตใหผ้ ู้ใช้นาเสนอข้อมลู ในรปู แบบ กราฟิกได้ และมเี ครื่องมือเสริมอนื่ ๆ ทชี่ ่วยในการสร้างรายงานได้ง่ายและตรงตามความ ต้องการของผใู้ ช้ เช่น Pivot Table แตท่ ง้ั นีโ้ ปรแกรมตารางคานวณจะมีข้อจากัดในการ ทางานกบั ขอ้ มูลทีม่ ีจานวนมหาศาลและผู้ใช้ต้องมีความร้แู ละความเชยี่ วชาญในการใช้ โปรแกรมตารางคานวณจึงจะสามารถใช้ได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ 5. Solver-Oriented DSS ระบบสนับสนนุ การตดั สินใจเชงิ แกป้ ญั หา เป็นระบบที่จดั เก็บองค์ ความรใู้ นรูปแบบของวธิ กี ารแก้ปญั หา วิธกี ารแกป้ ัญหา (Solver) คอื กระบวนการทางานที่ ประกอบด้วยคาสัง่ ที่ใหเ้ ครื่องคอมพิวเตอรด์ าเนนิ การตามลาดบั เพื่อใช้แก้ปัญหาเร่ืองใดเร่ือง หน่ึง ระบบสนับสนุนการตัดสินใจชนดิ นีจ้ ะบรหิ ารจัดการ solver ตา่ ง ๆ ทีใ่ ช้แก้ปัญหา
58 ดร.สาวติ รี บญุ มี หลากหลายเร่ือง โดยท่ีผู้ตัดสนิ ใจสามารถเรยี กใช้ solver ทเ่ี หมาะสมกับปัญหาท่ีต้องการ บาง ระบบผู้ใช้ไม่สามารถเพม่ิ ลบหรอื แก้ไข solver ทมี่ อี ยู่ได้ แต่บางระบบที่ขั้นสูงขน้ึ ไปจะอนุญาต ใหผ้ ูใ้ ช้ทาได้ ปัญหาท่ีใชก้ ับ solver สว่ นใหญเ่ ป็นแบบจาลองการคานวณ เชน่ การวิเคราะห์ ทางการเงิน การพยากรณ์ การวางแผน การวิเคราะหท์ างสถติ ิ รวมไปถงึ การหาทางเลือกท่ี เหมาะสมท่ีสุด (optimization) 6. Rule-Oriented DSS ระบบสนับสนนุ การตดั สินใจเชงิ กฎ เปน็ ระบบท่ีจดั เก็บองค์ความรู้ใน รูปแบบของกฎการตัดสนิ ใจ ลักษณะของกฎทเ่ี กบ็ จะอยใู่ นรูปแบบของ If…Then...Because 6) If กาหนดเงื่อนไขหรือเหตุการณ์ท่คี าดวา่ จะเกิดข้นึ 7) Then การกระทาหรอื ดาเนินการทีเ่ กดิ ขนึ้ ถ้าเหตุการณท์ ีค่ าดนั้น เกดิ ขน้ึ จริง 8) Becauseเหตผุ ลอธบิ ายสาเหตทุ ่ีเกิดการกระทาน้ัน 9) รปู แบบดงั กลา่ วสามารถอธิบายไดว้ ่า ถา้ เหตุการณ์ท่ีคาดไว้เกดิ ข้ึนจริง จะสง่ ผลให้ เกิดการดาเนินการหรือการกระทาข้ึนตามเหตุผลที่อธิบายไว้ หรอื กลา่ วอีกนัย หน่ึง ไดว้ ่า ถ้าเหตุการณ์น้ันจรงิ ผลลพั ธ์จากข้อสรปุ ท่ีบอกไว้นัน้ สมเหตุสมผล ลกั ษณะการทางานของระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจชนิดน้นี น้ั ผลลพั ธ์ของการ ทางานระบบน้ีจะแตกตา่ งจากระบบอื่นทรี่ ะบบอน่ื ผลลัพธ์จะเกดิ จาการ ประมวลผลขอ้ ความหรือการคานวณ แต่ผลลพั ธ์จากระบบนจ้ี ะเปน็ การให้ คาแนะนา (advice) หรอื คาอธบิ าย (explanation) ที่ได้มาจากการใชก้ ฎในการ ตดั สินใจประเมนิ ตามเหตแุ ละผลและการอนุมาน (inference) ตัวอยา่ ง แบบจาลองในการตดั สนิ ใจทีเปน็ ลกั ษณะนี้ เชน่ แขนงการตัดสนิ ใจ (decision tree) และตารางการตัดสนิ ใจ (decision table) ในปจั จบุ นั ระบบสนบั สนนุ การ ตดั สินใจเชงิ กฎนีเ้ ปน็ ทีร่ ้จู ักในชื่อ ระบบผู้เชย่ี วชาญ (expert system) 7. Compound DSS ระบบสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจเชิงผสม เป็นระบบทีจ่ ดั เก็บองคค์ วามรู้ใน รูปแบบผสมผสานระหวา่ งทกุ ระบบทกี่ ลา่ วมา ในบางครงั้ ผตู้ ดั สนิ ใจไมส่ ามารถนาผลจาก ระบบสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจเพยี งชนดิ เดยี วไปใชใ้ นการตัดสินใจไดท้ นั ที อาจจะจาเปน็ ต้องมี การนาผลการตดั สนิ ใจท่ีได้ไปนาเข้าในระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจอีกชนดิ เพอื่ มีข้อมูลและ สารสนเทศในการตัดสนิ ใจมากท่ีสุดและเชิงลึกมากขึ้น ดังน้ันผู้ตดั สินใจจงึ มี 2 ทางเลอื ก คอื ใช้ ระบบสนับสนนุ การตดั สนิ ใจหลายชนิดหลายโปรแกรม หรอื ใชร้ ะบบสนบั สนุนการตดั สินใจ ระบบเดยี วโปรแกรมเดยี วทร่ี วบรวมการตัดสนิ ใจไวม้ ากกว่าหน่ึงชนิดหรือเทคนิค ซงึ่ ในท่นี ้ี หมายถงึ ระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจเชงิ ผสม 8. Multiparticipant DSS ระบบสนับสนนุ การตดั สนิ ใจจากผใู้ ช้หลายคน เปน็ ระบบท่เี น้นการ สนบั สนุน และอานวยความสะดวกการตดั สนิ ใจท่ีมีผเู้ กีย่ วขอ้ งตงั้ แตส่ องคนขึ้นไปทง้ั ผู้
เอกสารประกอบการสอนวิชาระบบสนบั สนนุ การตดั สินใจทางธุรกิจ 59 ตัดสินใจหลายคนและผทู้ ี่ไม่ใชผ่ ตู้ ัดสนิ ใจแตม่ ีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ระบบจะเน้นเทคโนโลยี ทเ่ี กี่ยวกบั การติดต่อส่อื สาร การประสานงาน รวมถึงรองรบั การเจรจาต่อรองอกี ด้วย 3.6. ความสามารถของระบบสนับสนนุ การตดั สินใจ จากการแบ่งประเภทของระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจที่มหี ลายเกณฑ์ในการแบง่ ในเน้ือหาขา้ งต้น นนั้ ถึงแมว้ า่ จะยังไมม่ ีขอ้ สรุปทตี่ รงกันเก่ยี วกบั ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ แต่ชาร์ดาและคณะ (Sharda, et.al , 2014) ได้สรปุ ความสามารถหลกั ๆ ของระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจไว้ ดังนี้ 1. สามารถสนับสนนุ การตัดสินใจทงั้ ในสถานการณ์ของปัญหาแบบกงึ่ โครงสรา้ งและปญั หาแบบ ไม่มีโครงสร้าง 2. สามารถรองรบั การใชง้ านของผ้บู ริหารได้ทกุ ระดับ ต้งั แตผ่ ู้บรหิ ารระดบั ลา่ งไปจนถงึ ผูบ้ ริหาร ระดับสงู 3. สามารถสง่ เสรมิ การตัดสนิ ใจแบบกล่มุ และแบบเดยี่ วได้ เนอื่ งจากปญั หาทเ่ี กดิ ข้ึนมีความ แตกต่างกัน ส่งผลให้ตอ้ งใชผ้ ู้ตดั สนิ ใจเปน็ จานวนต่างกันดว้ ย กล่าวคือ บางปัญหาอาจอาศยั การตดั สนิ ใจของบุคคลเพยี งคนเดยี วไดแ้ ต่บางปัญหาอาจต้องอาศยั การตดั สินใจร่วมกนั เป็น ทมี ดงั น้ัน ระบบจึงตอ้ งสามารถสนบั สนุนการตัดสินใจท้งั แบบกล่มุ และแบบเด่ียวได้ 4. สามารถสนับสนนุ การตัดสนิ ใจแบบเดย่ี วทไี่ ม่เกย่ี วข้องกับการตดั สินใจอ่นื และ/หรอื การ ตดั สินใจแบบต่อเนอื่ ง นั้นหมายถงึ การตัดสินใจคร้งั เดียว หลายคร้งั หรือตดั สินใจซ้า 5. สนับสนุนกระบวนการตัดสินใจทง้ั กระบวนการตัดสินใจ (Decision Making Process) คอื Intelligence Phase, Design Phase, Choice Phase และ Implementation Phase 6. สนับสนุนกระบวนการและรูปแบบการตดั สนิ ใจทม่ี คี วามหลากหลายได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ 7. มีความยดื หยุน่ สงู สามารถปรับเปลยี่ นตามสถานการณ์ท่ีเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ และ ดดั แปลงระบบทม่ี ีอยู่เพ่ือนาไปใชก้ ับปญั หาทเี่ ปล่ียนแปลงได้ รวมถึงใช้แกไ้ ขปัญหาทมี่ ี ลักษณะเดยี วกนั ได้ 8. สามารถใชง้ านได้ง่าย เนน้ การนาเสนอในรปู แบบกราฟกิ และการโตต้ อบแบบใช้ ภาษาธรรมชาติ ผใู้ ชง้ านระบบสนบั สนุนการตดั สนิ ใจสว่ นใหญ่เป็นผ้บู ริหารทไ่ี มม่ ีความ ชานาญในการใชค้ อมพวิ เตอร์ ดงั นัน้ ระบบจงึ ตอ้ งสามารถใชง้ านและเขา้ ใจขนั้ ตอนการ ทางานของระบบได้ง่าย เพ่ือใหเ้ หมาะสมกบั การใชง้ านของผูบ้ รหิ ารในทุกระดบั 9. เน้นการเพ่ิมประสิทธิผลในการตัดสนิ ใจ เชน่ ความถูกต้อง ทนั เวลา และคณุ ภาพของการ ตดั สนิ ใจ มากกว่าประสิทธภิ าพ เช่น ตน้ ทนุ ของการตดั สนิ ใจ บางคร้ังเม่อื นาระบบสนับสนุน การตดั สินใจมาใชร้ ะยะเวลาในการตัดสนิ ใจอาจจะนานขึน้ แตก่ ารตดั สนิ ใจจะทาได้ดขี ึน้ 10. ผตู้ ดั สนิ ใจสามารถควบคุมกระบวนการตัดสินใจท่ีใช้ในการแกป้ ัญหา เป้าหมายของระบบ สนับสนุนการตัดสนิ ใจ คือ ช่วยสนับสนนุ การตัดสินใจของผู้บริหารเท่าน้นั DSS นัน้ ไม่ได้ทา หนา้ ท่แี ทนผู้ตัดสินใจ
60 ดร.สาวติ รี บญุ มี 11. ผู้ใช้อาจทาการสรา้ งและปรับปรุงระบบสนับสนุนการตัดสนิ ใจขนาดเล็ก ทีท่ างานอยา่ งา่ ย ๆ ได้ด้วยตนเอง เชน่ ระบบทพี่ ัฒนาจากโปรแกรมตารางคานวณ แตส่ าหรบั ระบบสนับสนุนการ ตดั สนิ ใจขนาดใหญ่ ท่ีมีความซับซอ้ น ควรพฒั นาโดยผู้เชี่ยวชาญดา้ นระบบสารสนเทศ เชน่ ระบบทใ่ี ชเ้ ทคโนโลยีคลังขอ้ มูล 12. ระบบสนบั สนุนการตัดสินใจ เป็นระบบท่ีใช้วเิ คราะหส์ ถานการณ์การตดั สนิ ใจด้วย แบบจาลองแบบต่าง ๆ ระบบจึงต้องสามารถสร้างแบบจาลอง เพ่ือทดลองสรา้ งสถานการณ์ จาลองจากกลยทุ ธท์ ห่ี ลากหลาย ดว้ ยการเปลย่ี นตัวแปรท่ีต่างกนั 13. สามารถเข้าถึงแหล่งเก็บข้อมูลไดห้ ลากหลายแหลง่ หลากหลายรูปแบบ และหลากหลายชนดิ เช่น ระบบสารสนเทศภูมศิ าสตร์ (GIS) ส่อื ประสม (multimedia) และข้อมลู เชงิ วตั ถุ (object- oriented data) และตอ้ งสามารถแสดงผลข้อมลู ในรูปแบบท่ีหลากหลายไดเ้ ช่นกนั 14. สามารถตดิ ตัง้ ให้ใช้แบบสว่ นบคุ คลในสถานที่เดยี ว หรอื กระจายทวั่ ทั้งองค์กรหรือหลาย องค์กรผา่ นเทคโนโลยีเครือข่ายและเวบ็ 3.7. ประโยชนข์ องระบบสนบั สนุนการตดั สนิ ใจ 1. พฒั นาประสิทธิภาพการทางานส่วนบคุ คล โดยเฉพาะงานที่เก่ยี วกบั การตัดสินใจ ทาใหโ้ อกาสเกิด ความผิดพลาดจากการตัดสินใจลดลง เนื่องจากระบบสามารถจัดทาสารสนเทศที่หลากหลายเพื่อ ใช้สนบั สนนุ การตดั สินใจ 2. พฒั นาประสิทธภิ าพการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะปัญหาแบบก่ึงโครงสร้างและไม่มีโครงสรา้ ง ช่วย ใหม้ องปัญหาไดจ้ ากหลายดา้ น วิเคราะห์ทางเลือกในการแก้ไขปัญหา ชว่ ยแก้ไขปัญหาทม่ี ีความ ซบั ซอ้ นสูง นอกจากนนั้ ยงั ชว่ ยทาให้สามารถแก้ไขปญั หาได้รวดเร็วและถูกต้องมากยงิ่ ขึ้นเนอื่ งจาก ไม่ต้องเสียเวลาคน้ หาและประมวลผลข้อมูล 3. ช่วยอานวยความสะดวกในการติดต่อสอ่ื สาร โดยเฉพาะในระบบสนับสนุนการตดั สินใจแบบกลุ่มท่ี เน้นการใช้เทคโนโลยีดา้ นเครือขา่ ยและสื่อสารข้อมลู ช่วยในการระดมสมองพิจารณาทางเลอื กใน การแกป้ ัญหา และสามารถประชุมกับผตู้ ัดสนิ ใจที่อยู่คนละสถานท่ีได้โดยไม่ต้องเสยี เวลาเดินทาง 4. สง่ เสริมการเรยี นรู้หรอื การฝึกหดั เนือ่ งจากระบบสนบั สนุนการตดั สินใจจะประมวลผลข้อมลู และ เสนอสารสนเทศพร้อมคาแนะนาในการตดั สนิ ใจ ในการใช้ระบบอย่างตอ่ เน่ืองผใู้ ช้จะเกดิ การ เรยี นรูก้ ารใชเ้ หตผุ ลในการตดั สนิ ใจ โดยระบบทีช่ ว่ ยส่งเสรมิ การเรียนรู้แบบนี้ คือ ระบบ ผู้เชีย่ วชาญ เนื่องจากระบบดงั กล่าวเป็นการจาลองการใชเ้ หตผุ ลจากองค์ความรู้ของผเู้ ชย่ี วชาญ ผใู้ ชจ้ ึงเปรยี บเหมือนได้ศึกษาจากผเู้ ชย่ี วชาญเชน่ กัน 5. เพ่มิ ประสทิ ธิภาพการควบคมุ องค์กร สามารถรบั มือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อยา่ งรวดเรว็ สามารถนามาช่วยในการตดั สินใจเกี่ยวกับการควบคุมบริหารองค์กร เชน่ การใชแ้ บบจาลอง แถวคอยในการวางแผนการจัดการบรกิ ารลกู คา้ หรือ แบบจาลองขนส่งที่ใช้ในการวางแผน เสน้ ทางขนส่งที่ใหเ้ กดิ ตน้ ทนุ ต่าทสี่ ดุ
เอกสารประกอบการสอนวชิ าระบบสนบั สนนุ การตดั สินใจทางธุรกิจ 61 3.8. บทสรปุ ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ หรือ DSS เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการสนบั สนนุ และช่วยเหลอื ผู้ ตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ได้จากการใช้ข้อมลู และสารสนเทศทรี่ วบรวมมาประมวลผลและวเิ คราะห์ รว่ มกบั แบบจาลอง ในการตดั สนิ ใจแก้ปญั หาแบบกงึ่ โครงสรา้ งและไมม่ ีโครงสร้าง โดยลกั ษณะสาคญั ของ DSS มี 3 ประการคือ มกี ารรวบรวมข้อมลู จากแหล่งข้อมลู ทีห่ ลากหลายทง้ั ภายในและภายนอกองค์กร มกี าร รวบรวมแบบจาลองทางธรุ กิจ และมสี ว่ นติดต่อประสานผู้ใช้ท่ีใชง้ านงา่ ยและโต้ตอบกบั ผู้ใช้ได้ DSS มี ประโยชนก์ บั องค์กรเป็นอยา่ งมาก เมือ่ ต้องมีการตัดสินใจจะข้อมลู มหาศาลในเวลาท่ีจากัด มีความไม่ แน่นอนในการดาเนนิ งานในอนาคต และต้นทนุ ท่เี กดิ จากการตัดสนิ ใจผดิ พลาดมีมูลค่าสูง DSS เรมิ่ เขา้ มามี บทบาทในการดาเนินงานธุรกิจหลังจากระบบ TPS และ MIS โดยระบบแรกเป็นระบบของทหารอากาศ สหรัฐอเมรกิ า แต่ DSS แรกที่นามาใช้ทางธรุ กจิ น้นั เปน็ ดษุ ฎีนพิ นธข์ อง Scott Morton ในปี 1967 หลังจาก นั้น DSS ก็เร่มิ มีบทบาทในองค์กรธุรกจิ มากข้นึ เร่ือย ๆ ระบบ DSS นั้นมคี วามแตกต่างจากระบบ MIS และ TPS ท่ีชดั เจนคือ DSS จะเน้นการเตรียมสารสนเทศจากข้อมูลท่ีเกดิ ขึ้นแล้วท้งั ภายในและภายนอกองค์กร เพอื่ ทานายผลลพั ธใ์ นการดาเนินงานท่ียงั ไม่เกดิ ขึน้ เพื่อใช้ตัดสินใจในปญั หากึ่งโครงสร้างหรือไม่มีโครงสรา้ ง ในขณะท่ี TPS และ MIS น้ันจะเนน้ การรบั เข้าข้อมูลและจดั เตรียมสารสนเทศจากขอ้ มูลท่ีเกิดข้นึ แลว้ ภายในองค์กรเพื่อควบคุมการดาเนนิ งานปจั จบุ นั ในอดีตทผี่ ่านมามีนักวชิ าการหลายคนได้แบ่งประเภท ของ DSS ไวห้ ลากหลายแบบตามเกณฑท์ ่ีแตกต่างกัน เชน่ จาแนกตามหน้าท่ใี นองค์กร จาแนกตามการใช้ งาน จาแนกตามผู้ใข้งาน จาแนกตามองคป์ ระกอบหลัก และจาแนกตามระบบการทางาน แต่ไม่วา่ จะใช้ เกณฑ์ในการจาแนกแบบใด มกั จะ DSS ทเ่ี น้นการทางานกบั การคานวณโดยใชโ้ ปรแกรมกระดานคานวณ ชว่ ยในการพฒั นา เช่น ประเภท Optimization model ของการจาแนกตามการใช้งาน ประเภท Model- Driven DSS ของการจาแนกตามองคป์ ระกอบหลกั ประเภท Spreadsheet-Oriented DSS และประเภท Solver-Oriented DSS ของจาแนกตามระบบการทางาน ในเอกสารประกอบการสอนรายวิชานี้จงึ เนน้ การนาโปรแกรมกระดานคานวณมาใชใ้ นการพัฒนาระบบสนับสนุนกรตดั สนิ ใจซึง่ จะกล่าวถงึ โครงสร้าง และวธิ กี ารพฒั นาระบบสนบั สนนุ การตดั สนิ ใจแบบกระดานคานวณตัง้ แตบ่ ทที่ 8 เปน็ ต้นไป
62 ดร.สาวิตรี บญุ มี แบบฝึกหัดทา้ ยบท 1) อธบิ ายความหมายของระบบสนบั สนุนการตดั สินใจ 2) ระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจมีคุณลกั ษณะสาคัญ 3 อยา่ ง มีอะไรบา้ ง อธิบายโดยสงั เขป 3) ทาไมจึงตอ้ งใช้ระบบสนบั สนุนการตดั สินใจ 4) จงสรปุ ววิ ัฒนาการของระบบสนับสนุนการตดั สินใจในระยะแรก 5) จงสรปุ วิวฒั นาการของระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจในระยะทส่ี อง 6) จงสรุปวิวฒั นาการของระบบสนับสนนุ การตัดสินใจในระยะท่ีสาม 7) จงสรุปวิวฒั นาการของระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจในระยะปัจจบุ ัน 8) ทา่ นมีความเหน็ ว่าในอนาคตระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจจะเปน็ ไปในทิศทางใด อธบิ าย 9) จงวาดเส้นเวลาสรุปวิวฒั นาการของระบบสนับสนนุ การตัดสินใจโดยสังเขป ตามความเข้าใจ 10) จงอธบิ ายความเกีย่ วขอ้ งและแตกตา่ งระหวา่ งระบบสนับสนนุ การตัดสินใจและระบบสารสนเทศ ชนดิ อน่ื ๆ 11) อธิบายความเหมือนและความแตกต่างของระบบสนับสนนุ การตดั สินใจ (DSS) และระบบ สารสนเทศเพ่ือการจัดการมา (MIS) 5 ขอ้ 12) ระบบสนบั สนุนการตดั สนิ ใจจาแนกตามหน้าท่ีมีก่ปี ระเภท อะไรบ้าง 13) ระบบสนบั สนนุ การตัดสินใจจาแนกตามการใช้งานมกี ่ปี ระเภท อะไรบ้าง 14) ระบบสนับสนุนการตดั สินใจจาแนกตามผู้ใช้งานมกี ี่ประเภท อะไรบ้าง 15) ระบบสนบั สนุนการตัดสินใจจาแนกตามองคป์ ระกอบหลักมีกีป่ ระเภท อะไรบ้าง 16) ระบบสนับสนุนการตัดสนิ ใจจาแนกตามระบบการทางานมีก่ีประเภท อะไรบ้าง 17) จากเนื้อหาในบทที่ 3 เกย่ี วกับประเภทของระบบสนับสนนุ การตดั สินใจ ซง่ึ สามารถแบง่ ได้หลาย รูปแบบ ท่านมีความเหน็ วา่ ประเภทใดบ้างทเ่ี หมาะสมในการนา Microsoft Excel มาใช้ พรอ้ มอธฺ ิบายเหตผุ ล รปู แบบ ประเภททีเ่ หมาะสมในการใช้ เหตผุ ล จาแนกตามหน้าท่ี Excel จาแนกตามการใช้งาน จาแนกตามผใู้ ช้งาน
เอกสารประกอบการสอนวชิ าระบบสนับสนนุ การตดั สินใจทางธรุ กิจ 63 รปู แบบ ประเภททเี่ หมาะสมในการใช้ เหตุผล Excel จาแนกตามองคป์ ระกอบ หลัก จาแนกตามระบบการทางาน 18) จากความเข้าใจเก่ยี วกบั ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ ใหท้ ่านเสนอแนะการนาระบบสนบั สนุนการ ตดั สินใจมาใช้ในมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี ในเรือ่ งใด และอย่างไร
64 ดร.สาวติ รี บญุ มี เอกสารอ้างองิ กิตติ ภักดวี ัฒนะกลุ . (2553). ระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจและระบบผู้เชีย่ วชาญ. กรงุ เทพฯ: เคทพี ี. Eksioglu, S.D., Seref, M.M.H., Ahuja, R.K. and Winston, W.L. (2011). Developing Spreadsheet- Based Decision Support Systems using Excel and VBA for Excel, 2nd edition. Massachusetts: Dynamics Idea. Gorry, G. A., & Morton, M. S. S. (1971). A framework for management information systems (Vol. 13). Massachusetts Institute of Technology. Holsapple, P.W. (2008). DSS Architecture and Types. In Handbook on Decision Support Systems 1 (pp. 163-189). Springer Berlin Heidelberg. Power, D. J. (2007). Decision Support Systems Time Line. Retrieved October 12, 2015, from http://dssresources.com/history/DSSTimelinetable.htm Power, D. J. (2008). Decision support systems: a historical overview. In Handbook on Decision Support Systems 1 (pp. 121-140). Springer Berlin Heidelberg. Sauter, V.L. (2010). Decision Support Systems for Business Intelligence, 2nd edition. New Jersey: John Wiley & Sons. Sharda, R., Delen, D., and Turban, E. (2014). Business Intelligence and Analytics: Systems for Decision Support, 10th Edition. London: Prentice-Hall. Sprague, R. H., and E. D. Carlson. (1982). Building Effective Decision Support Systems. Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice-Hall. Turban, E., Aronson, J.E., and Liang, T.(2007). Decision Support Systems and Intelligent Systems, 7th Edition. New Delhi: Prentice-Hall.
แผนบรหิ ารการสอนประจาวชิ าบทที่ 4 หัวข้อเน้อื หาประจาบท 1. ความหมายขององค์ประกอบระบบสนับสนนุ การตัดสินใจ 2. องคป์ ระกอบระบบสนบั สนนุ การตัดสินใจ 3. สิ่งท่ตี ้องพจิ ารณาก่อนพฒั นาระบบสนบั สนนุ การตดั สินใจ 4. ส่งิ แวดล้อมของระบบสนับสนนุ การตดั สินใจ 5. องค์ประกอบของระบบสนบั สนุนการตัดสนิ ใจสว่ นการจัดการขอ้ มลู 6. คลังข้อมูลและเหมืองขอ้ มูล 7. องคป์ ระกอบระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจสว่ นการจดั การแบบจาลอง 8. ประเภทของแบบจาลอง 9. องคป์ ระกอบระบบสนบั สนุนการตัดสนิ ใจสว่ นการจดั การสอื่ ประสานกบั ผใู้ ช้ 10. การออกแบบสว่ นส่ือประสานกับผใู้ ช้ วัตถุประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม 1. เพ่ือให้ผูศ้ ึกษามคี วามเขา้ ใจเก่ียวกับองคป์ ระกอบของระบบสนับสนนุ การตัดสินใจ 2. เพื่อให้ผู้ศึกษามคี วามเขา้ ใจเก่ียวกับองค์ประกอบของระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจสว่ นการ จัดการข้อมูล 3. เพอ่ื ให้ผศู้ ึกษามคี วามเขา้ ใจเก่ียวกบั องค์ประกอบของระบบสนบั สนนุ การตัดสินใจส่วนการ จดั การแบบจาลอง 4. เพื่อให้ผู้ศกึ ษามีความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบของระบบสนับสนุนการตัดสนิ ใจสว่ นการ จัดการสอ่ื ประสานกับผ้ใู ช้ วิธีการสอนและกจิ กรรมการเรียนการสอนประจาบท 16. ศึกษาเอกสารประกอบการสอน 17. บรรยายและยกตัวอยา่ ง โดยใชโ้ ปรแกรมนาเสนอ 18. ถามตอบในชนั้ เรยี น 19. ฝกึ ทาแบบฝึกหัด 20. ค้นคว้าข้อมูลจากอนิ เตอร์เนต็
66 ดร.สาวติ รี บญุ มี สอ่ื การเรยี นการสอน 10. เอกสารประกอบการสอน 11. โปรแกรมนาเสนอ 12. แบบฝกึ หัด การวดั และประเมินผล 10. สงั เกตจากพฤติกรรมความสนใจ และการรว่ มกจิ กรรมในชั้นเรียน 11. ประเมินผลจากการฝกึ ทาแบบฝึกในชนั้ เรยี น 12. ประเมินผลจากการทาแบบทดสอบ
เอกสารประกอบการสอนวิชาระบบสนบั สนนุ การตดั สินใจทางธรุ กิจ 67 บทท่ี 4 องคป์ ระกอบของระบบสนับสนนุ การตัดสินใจ 4.1. ความหมายขององคป์ ระกอบระบบสนบั สนนุ การตดั สินใจ คอื สิ่งท่ใี ชแ้ สดงโครงสร้างส่วนประกอบตา่ งๆ ในระบบสนับสนุนการตัดสินใจ ใช้แสดงความสมั พันธ์ ของแตล่ ะสว่ นประกอบในระบบสนบั สนุนการตัดสินใจ และแสดงความสมั พนั ธข์ องระบบสนับสนุนการ ตัดสินใจกบั ส่งิ แวดล้อมภายนอกระบบ (Turban et. Al, 2007; กิตติ ภักดีวัฒนะกุล, 2553). 4.1.1. ขอ้ ดีของการพัฒนาสถาปัตยกรรมระบบสนับสนนุ การตัดสินใจ การพัฒนาสถาปตั ยกรรมระบบสนับสนนุ การตัดสินใจทาให้ทราบถึงความสามารถในการ ทางานของสว่ นประกอบต่าง ๆ ภายในระบบทาให้สามารถนาสารสนเทศต่าง ๆ จากระบบไปใชง้ านได้ง่าย และสะดวกยิ่งข้ึน หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ในองค์กรสามารถใชท้ รพั ยากรรว่ มกันไดโ้ ดยสะดวกเน่ืองจาก สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ในระบบมคี วามสอดคล้องกันเปน็ อย่างดี ซงึ่ ชว่ ยเพิ่มประสิทธิภาพการทางานรว่ มกัน ในองค์กร เพม่ิ ความสามารถในการส่ือสารระหว่างส่วนประกอบต่าง ๆ ภายในระบบ เพ่ิมความสามารถใน การใช้งานระบบสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจของกลุ่มผู้ใช้ตา่ งๆ และชว่ ยให้หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ในองค์กรสามารถ ทางานร่วมกนั ได้อยา่ งราบรน่ื (กิตติ ภกั ดีวฒั นะกลุ , 2553) 4.1.2. ส่งิ ที่ต้องพจิ ารณากอ่ นพัฒนาสถาปตั ยกรรมระบบสนับสนนุ การตัดสินใจ ในการการพฒั นาสถาปัตยกรรมระบบสนบั สนนุ การตัดสนิ ใจสิง่ แรกทจี่ าเป็นต้องคานงึ ถงึ คือ แผนแม่บทหรือกลยทุ ธ์ขององค์กร เพอื่ ใหร้ ะบบสนบั สนนุ การตดั สินใจทจ่ี ะทาการพฒั นามีความ สอดคล้องกับความต้องการขององค์กร การตัดสินใจของผู้บริหารระดบั ตา่ ง ๆ ในองค์กร ระดบั กลยุทธ์ ระดบั เทคนิค และระดับปฏิบัติ ส่งิ ต่อมาทีต่ ้องคานึงถึง คอื การตัดสินใจแก้ไขปญั หาลักษณะตา่ ง ๆ และการทางานของ ผ้บู รหิ ารระดบั ต่าง ๆ ในองค์กร รวมถงึ พนักงานท่ีมอี งค์ความรหู้ รือพนักงานที่ใช้ทกั ษะตา่ ง ๆ ในองค์กร เนือ่ งจากระดบั การทางานทต่ี ่างกนั จะมลี ักษณะของปัญหาในการตดั สนิ ใจท่ีแตกต่างกันดังที่ได้กลา่ วในบท ท่ี 2 นอกจากนยี้ งั ต้องคานึงถึงลักษณะธรุ กิจทอ่ี งค์กรดาเนนิ การอยู่ โดยต้องประเมิน ผลติ ภณั ฑ์หลกั สายการผลติ ลักษณะการแบง่ สายงานภายในองค์กร (Sauter, 2010) 4.2. องค์ประกอบของระบบสนับสนนุ การตดั สนิ ใจ ในการพฒั นาระบบสนับสนุนการตัดสินใจ สถาปัตยกรรมพ้ืนฐานของระบบสนบั สนนุ การตัดสินใจ หรือองคป์ ระกอบพ้ืนฐานของระบบสนบั สนุนการตดั สนิ ใจกอ่ น จากนน้ั จงึ จะดาเนนิ การในขน้ั อน่ื ๆ (Sharda, 2014: 94) ตามขน้ั ตอนต่อไปนี้
68 ดร.สาวติ รี บญุ มี 1) ศกึ ษาองค์ประกอบพ้นื ฐานของระบบสนบั สนุนการตัดสนิ ใจ 2) ศึกษาความต้องการของผใู้ ชง้ านระบบสนับสนนุ การตัดสินใจ 3) ตดั สินใจเลอื กฮารด์ แวร์ ซอฟต์แวร์ และระบบเครอื ข่ายทีเ่ หมาะสม 4) ลงมือพัฒนาระบบสนับสนุนการตดั สินใจ องคป์ ระกอบของระบบสนบั สนุนการตัดสนิ ใจ (Component of DSS) แบ่งเปน็ ระบบย่อย 4 สว่ น (Sharda, 2014: 94) ตามภาพที่ 4.1 โครงสรา้ งพ้นื ฐาน - เทคโนโลยเี ครอื ขา่ ยและการสอ่ื สารขอ้ มูล - ฮารด์ แวรแ์ ละระบบปฏิบตั ิการ สว่ นการจัดการขอ้ มูล DSSสว่ นการจัดการแบบจาลอง ฐานขอ้ มูล สว่ นการจัดการองคค์ วามรู้ ฐานแบบจาลอง ส่วนสื่อประสานกบั ผ้ใู ช้ ผู้ใช้ ภาพท่ี 4.1 องคป์ ระกอบของระบบ DSS (ที่มา: ปรบั ปรงุ จาก Sharda, 2014: 94; กติ ติ ภกั ดีวฒั นะกุล, 2553: 33) โดยแตล่ ะองค์ประกอบมคี วามหมาย ดงั น้ี 1) สว่ นการจัดการข้อมูล – Data Management ประกอบด้วยฐานขอ้ มูล, ระบบจัดการฐานขอ้ มลู , ส่วนสอบถามข้อมูล 2) ส่วนการจดั การแบบจาลอง – Model Management ประกอบดว้ ย ฐานแบบจาลอง, ระบบ จัดการฐานแบบจาลอง 3) ส่วนการจัดการสือ่ ประสานกับผู้ใช้ – User Interface Management ประกอบดว้ ย ระบบจดั การ สอ่ื ประสานกบั ผู้ใช้ 4) สว่ นการจัดการองค์ความรู้ – Knowledge Management
เอกสารประกอบการสอนวชิ าระบบสนับสนุนการตดั สินใจทางธรุ กจิ 69 ซง่ึ องค์ประกอบในสว่ นของการจดั การองคค์ วามรู้ มเี ฉพาะในระบบสนบั สนุนการตดั สินใจชาญ ฉลาด (Intelligence DSS) เทา่ น้ัน ดงั นนั้ ระบบสนบั สนุนการตัดสินใจไม่ซบั ซ้อนมาก อาจไม่มสี ่วนการ จดั การองคค์ วามรูป้ ระกอบในระบบ 4.3. การจัดการข้อมูล (Data Management) จากเนอื้ หาในบทท่ี 1 สามารถสรปุ อีกครงั้ ไดว้ า่ ขอ้ มูล (Data) คอื ขอ้ เทจ็ จรงิ เกย่ี วกบั สิง่ ตา่ งๆ เชน่ คน สัตว์ สง่ิ ของ เหตุการณ์ รายการค้าทย่ี งั ไมป่ ระมวลผลอาจจะมาจากทงั้ ภายในและภายนอกองค์กร สารสนเทศ (Information) คือ ขอ้ มูลท่ผี ่านการจัดระเบยี บและมีความหมาย และองค์ความรู้ (Knowledge) คือ ข้อมลู และสารสนเทศท่ผี า่ นการประมวลผลท่ีแสดงถึงความเข้าใจ การเรยี นรูท้ พี่ ร้อม นาไปประยุกตใ์ ช้ 4.3.1. ข้อมูลและระบบสนับสนนุ การตดั สินใจ 4.3.1.1. คุณภาพของขอ้ มลู สว่ นการจัดการข้อมลู มวี ตั ถุประสงคเ์ พื่อจดั การให้ขอ้ มูลมีคณุ ภาพเน่ืองจาก คุณภาพคือสิ่งท่สี าคัญมาก การมีคณุ ภาพบง่ บอกถึงประโยชนใ์ นการใช้งานของข้อมลู ซึ่งแบ่งเปน็ คุณภาพ 4 ดา้ น (Turban et. Al, 2007: 220; Sauter, 2010: 73-82; กิตติ ภกั ดีวัฒนะกลุ , 2553: 54) ดงั น้ี Contextual data quality คุณภาพในบริบทของข้อมูล ความสอดคลอ้ ง การนาไปใช้ ความ สมบูรณ์ ปริมาณ Intrinsic data quality คุณภาพในคุณคา่ ของข้อมูล ความถูกต้อง ความน่าเช่ือถือ Accessibility data quality คุณภาพในการเข้าถงึ ขอ้ มลู การเข้าถงึ ได้ ความปลอดภยั Representation data quality คุณภาพในการนาเสนอข้อมูล การสอ่ื ความหมาย งา่ ยตอ่ การใช้ ได้ใจความ การคานวณในแบบจาลอง Garbage In – Garbage Out : GIGO ข้อมลู ไมม่ ีคุณภาพ แบบจาลองถูกต้อง ผลลัพธ์ไมม่ คี ุณภาพ ขอ้ มูลมีคณุ ภาพ แบบจาลองไมถ่ ูกต้อง ผลลัพธ์ไม่มีคุณภาพ ภาพที่ 4.2 คุณภาพของข้อมูลและแบบจาลอง
70 ดร.สาวติ รี บญุ มี จากภาพท่ี 4.2 แสดงให้เห็นว่าแม้แบบจาลองทีใ่ ชใ้ น DSS จะถูกตอ้ งแต่ถ้าขอ้ มูลนาเข้าไม่ มีคุณภาพ เช่น ข้อมลู ไม่ถูกตอ้ ง ผลลพั ธ์ทีไ่ ดจ้ ากแบบจาลองกย็ ่อมไม่ถูกต้องและไม่ควรนาไปใช้ในการ ตดั สนิ ใจ ในทางกลบั กนั ถ้าข้อมูลถูกต้องแตแ่ บบจาลองพัฒนามาไมส่ มบูรณ์หรือคานวณผิดพลาด ผลลพั ธ์ ทไ่ี ดจ้ าก DSS กไ็ ม่สามารถนาไปใชไ้ ดเ้ ช่นกัน กรณีเช่นนี้ โดยท่ัวไปจะเรียกวา่ Garbage In – Garbage Out หรือเรยี กสนั้ ๆ ว่า GIGO 4.3.1.2. ปญั หาของข้อมูล จาก GIGO แสดงให้เหน็ วา่ ขอ้ มลู ท่ีมปี ัญหายอ่ มส่งผลตอ่ ผลลัพธ์ของ DSS ตาม รายละเอียดในตารางที่ 4.1 แสดงปญั หาจากข้อมูล สาเหตุ และแนวทางแก้ไข ตารางท่ี 4.1 ปัญหาจากข้อมูล สาเหตุ และแนวทางแก้ไข ปัญหา สาเหตุ แนวทางแก้ไข ขอ้ มูลไมถ่ ูกต้อง ผนู้ าเข้าข้อมูลขาดความ พฒั นาวธิ กี ารนาเข้าข้อมลู อยา่ งเปน็ ระมดั ระวงั หรอื ไม่รอบคอบ ระบบ กรอกข้อมลู ดบิ ผดิ พลาด พยายามให้การนาเข้าเปน็ ระบบ ข้อมลู ถูกลักลอบดดั แปลงแก้ไข อตั โนมัติ เพิม่ ระบบรักษาความปลอดภยั ของ ขอ้ มูลไม่ทนั เวลา วิธีการรวบรวมขอ้ มูลไมร่ วดเร็ว ขอ้ มูลที่เหมาะสม ทันเวลาทต่ี ้องการใช้ ปรับปรงุ ระบบรวบรวมข้อมูล ขอ้ มูลไม่ไดร้ บั การวดั ข้อมลู รวบรวมไม่ตรงตาม ใชก้ ารรีเฟรชอตั โนมัตจิ าก วัตถปุ ระสงคใ์ นการใชง้ าน แหลง่ ข้อมูล หรือจดั ลาดบั อยา่ ง ใชแ้ บบจาลองท่ีซับซอ้ น ถูกตอ้ ง พัฒนาโปรแกรมสาหรับเตรียมข้อมลู จากหลายแหล่งเข้าด้วยกนั ขอ้ มูลที่ต้องการไม่ ไม่มีใครรวบรวมข้อมูลไว้ ใช้คลังขอ้ มลู สามารถหาได้ หรอื ไม่มี ไมเ่ คยมขี ้อมลู ที่ต้องการ พฒั นาแบบจาลองท่ีใช้งานไม่ซบั ซ้อน เกนิ ไป พยากรณ์ข้อมลู ทต่ี ้องการใชใ้ น อนาคต ใชค้ ลังขอ้ มูล ประมาณค่าข้อมูลข้นึ มาใหม่ (ทีม่ า: ปรับปรงุ จาก Turban et. Al, 2007: 218)
เอกสารประกอบการสอนวชิ าระบบสนับสนุนการตดั สนิ ใจทางธุรกจิ 71 4.3.1.3. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล การเกบ็ รวมรวมข้อมลู นน้ั อาจจะเกบ็ เองหรือใช้เครื่องมือช่วยในการรวบรวม โดยวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล สามารถใชว้ ิธกี ารศกึ ษาจากการปฏิบตั ิงาน กระบวนการ เอกสารท่ีเกี่ยวข้อง สารวจ สงั เกตการณ์ สมั ภาษณ์ (Turban et. Al, 2007: 216) แหล่งข้อมูลน้ัน สามารถรวบรวมขอ้ มลู ไดจ้ ากท้ังภายใน และภายนอก องคก์ ร โดยการทา Data Integration (การบูรณาการข้อมูล) ซึ่งหมายถึงควรเขา้ ถึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่ หลากหลายทวั่ ทงั้ องค์กรจากหลายๆ ฐานข้อมูล โดยใช้เทคโนโลยี XML ทั้งนสี้ ว่ นใหญแ่ หลง่ ขอ้ มลู ภายใน มาจากระบบสารสนเทศภายในองค์กร แหล่งข้อมลู ภายนอก (External Data Sources) มาจากองค์กรภายนอก เชน่ มาจาก Web ประเภท Intelligent agents, Document management systems หรอื Content management systems และมาจาก Commercial databases ทมี่ ีบริษัทรวบรวมเพอื่ นามาขาย (Turban et. Al, 2007: 111,215; กิตติ ภกั ดวี ฒั นะกุล, 2553: 52) 4.3.2. ส่วนประกอบของระบบย่อยการจัดการขอ้ มลู ใน DSS ระบบย่อยการจดั การข้อมูลประกอบดว้ ย 5 สว่ น คอื ฐานขอ้ มลู ของ DSS ระบบจดั การ ฐานข้อมลู สารบัญข้อมูล ส่วนสอบถามข้อมูล และสว่ นกลัน่ กลองข้อมลู (Turban et. Al, 2007: 110; กติ ติ ภกั ดีวัฒนะกลุ , 2553: 38) 4.3.2.1. ฐานขอ้ มลู (Database) ฐานข้อมูล หมายถึง ข้อมูลทีม่ คี วามเก่ยี วขอ้ งกนั ที่ถูกเก็บรวบรวมไว้ด้วยกนั ตามความต้องการแลธโครงสร้างขององค์กรน้นั และสามารถนาไปใชไ้ ดห้ ลายคนพรอ้ มกันในหลาย โปรแกรมพร้อมกนั ฐานขอ้ มูลสามารถแบง่ ได้หลายแบบ แตฐ่ านขอ้ มูลของ DSS จะถูกเก็บสะสมมาจาก ฐานข้อมูลดัง้ เดิมที่ใชม้ านาน หรอื คลงั ขอ้ มลู ในบาง DSS ต้องมีการออกแบบฐานขอ้ มูลเพ่อื ใช้งานเฉพาะ ทาง (Turban et. Al, 2007: 110) ฐานข้อมลู สามารถแบบออกได้ 7 ชนดิ ดงั น้ี 1) แบบลาดบั ชนั้ (Hierarchical) คือ ข้อมลู สมพั ันธ์กนั จากบนลงลา่ ง คล้ายตน้ ไม้กลบั หัว แต่ละฟลิ ด์ ์มี หน่ึง “parent” แตล่ ะ “parent” มีได้หลาย “children” และมี ความสัมพันธแ์ บบ One-to-Many 2) แบบเครือข่าย (Network) สร้างความสัมพนั ธผ์ า่ ยลิสตร์ ายการ เรียกวา่ Pointer “Children” สามารถมี “parents” ไดม้ ากกวา่ หน่งึ มีความยดื หย่นุ มากกวา่ แบบ ลาดับข้นั แต่ดูแลรกั ษายาก 3) เชิงสัมพันธ์ (Relational) เกบ็ ข้อมลู เป็นตารางสองมิติ สรา้ งความสมั พนร์ ะหว่าง ตาราง ยดื หยนุ่ รวดเร็ว และขยายโครงสร้างได้ง่าย
72 ดร.สาวิตรี บญุ มี 4) เชงิ วตั ถุ (Object oriented) วเิ คราะหแ์ ละเกบ็ ตามวตั ถุ มีการถ่ายทอดลักษณะ Inheritance และผกู ตดิ กับ Method เรียกว่าการห่อหุ้ม encapsulation 5) เชงิ มัลตมิ ีเดีย (Multimedia Based) เก็บขอ้ มลู ในหลากหลายรปู แบบ เช่น JPEG, GIF, bitmap, PNG, sound, video, virtual reality ตอ้ งมีฮาร์ดแวรเ์ ฉพาะในการ จดั การ 6) เชิงเอกสาร (Document Based) เนน้ การเกบ็ เอกสารและการจัดการเอกสาร 7) เชงิ อัจฉรยิ ะ (Intelligent) ตวั แทนปญั ญา (Intelligent agents) และ เครือข่าย ประสาทเสมือน ANN (Artificial Neural Network) มคี วามสามารถในการทาความ เข้าใจชอ้ มูล 4.3.2.2. ระบบจดั การฐานข้อมูล (Database Management Systems) ข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมลู จะถูกสรา้ ง ปรบั ปรุง และเรยี กใช้โดยระบบจัดการ ฐานขอ้ มูล (Turban et. Al, 2007: 113) ตวั อย่างโปรแกรมทใ่ี ชใ้ นการบริหารจัดการข้อมูล เชน่ Microsoft Access, Microsoft SQL Server, MySQL หรือ Oracle เป็นตน้ เพ่ือจดั การข้อมูล เรียกใชข้ ้อมูลและจัดทา รายงาน และรักษาความปลอดภยั ของข้อมลู ซ่งึ ในระบบสนบั สนุนการตดั สนิ ใจนนั้ ระบบจัดการฐานข้อมูล จะตอ้ งทางานร่วมกันกับส่วนจดั การแบบจาลอง โดยการเลอื กใชร้ ะบบจัดการฐานข้อมูลควรมีการคานงึ ถงึ ระบบปฏบิ ตั กิ ารทส่ี นับสนนุ 4.3.2.3. สารบญั ข้อมลู (Data Directory) สารบญั ขอ้ มลู คือ รายชอื่ ของข้อมูลทงั้ หมดทเี่ ก็บไวใ้ นฐานข้อมลู (Turban et. Al, 2007) ในที่น้ีไม่ได้หมายถึงตัวขอ้ มูลแต่เปน็ คาจากดั ความ หรือ คาอธิบายข้อมลู การใชง้ าน ทม่ี าของ ขอ้ มลู และความหมายของข้อมูลนั้น ช่วยให้ผู้ใชเ้ ขา้ ใจข้อมลู ท่ีเกบ็ อยู่ในแตล่ ะตารางหรือฟลิ ด์วา่ ใชเ้ ก็บ ขอ้ มูลเรื่องใด เพื่อสะดวกในการนาไปใชแ้ ละทาความเขา้ ใจข้อมลู 4.3.2.4. ส่วนสอบถามข้อมูล (Query Facility) ส่วนสอบถามข้อมูลใช้ในการคน้ หาและเรยี กใช้ข้อมูลจากฐานขอ้ มลู โดยรับคา รอ้ งขอข้อมูลมาจากระบบ DSS และทาการดึงขอ้ มลู จะฐานขอ้ มูลส่งกลบั ไปเพื่อแสดงผลให้กบั ผใู้ ชง้ าน โดย ปกตแิ ลว้ ฐานขอ้ มลู ทีใ่ ชง้ านจะเป็นฐานข้อมูลเชงิ สัมพนั ธ์ที่ใชภ้ าษาเฉพาะในการเรยี กใชข้ ้อมูล เรียกกว่า Structure Query Language หรอื SQL ระบบสอบถามข้อมูลท่ดี ีควรใชง้ านไดง้ ่าย ไมซ่ ับซอ้ น และค้นหา ข้อมลู ได้อย่างถูกต้องและรวดเรว็ (Turban et. Al, 2007) 4.3.2.5. สว่ นกลั่นกลองข้อมูล (Extraction) การเก็บข้อมลู ของ DSS สามารถเกบ็ ได้ท้งั ในรูปแบบฐานข้อมลู และคลงั ขอ้ มลู และทสี่ าคัญข้อมลู ของ DSS มักจะมาจากแหล่งขอ้ มลู หลายแหลง่ ทัง้ ภายในและภายนอกองค์กร ดังนน้ั สว่ นจัดการขอ้ มลู ของ DSS จาเปน็ ต้องมีส่วนท่ีทาหน้าทร่ี วบรวม นาเข้าขอ้ มลู สรปุ ข้อมลู กรองขอ้ มลู
เอกสารประกอบการสอนวชิ าระบบสนับสนนุ การตดั สนิ ใจทางธรุ กิจ 73 จัดรูปแบบขอ้ มลู ใหเ้ ป็นมาตรฐาน และบบี อัดข้อมลู กอ่ นนาไปเกบ็ ไวใ้ นฐานข้อมลู หรอื คลงั ข้อมลู (Turban et. Al, 2007) 4.3.3. คลงั ขอ้ มลู (Data Warehouse) คือ หลักการหรือวิธีการเพื่อรวมระบบสารสนเทศเพื่อการประมวลผลรายการข้อมูลมา รวมเข้าเปน็ หนว่ ยเดียวกนั เพื่อสนบั สนนุ กระบวนการตดั สินใจ (Sharda, 2014: 111; กิตติ ภกั ดวี ฒั นะกลุ , 2553: 69) เน้นการพัฒนาให้ตรงความต้องการของแตล่ ะองค์กร เนน้ ตามประเด็น เนื้อหาทต่ี ้องการใช้งาน Subject oriented ผ่านการขัดเกลาใหช้ ้อมูลที่มาจากแหลง่ ทแ่ี ตกตา่ งกันมีรูปแบบที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพือ่ ใหส้ ามารถนามาใชง้ านร่วมกนั ได้ หรือ Time series เนน้ เกบ็ ข้อมูลท่ีไดจ้ ากช่วงเวลาตา่ ง ๆ กนั คลงั ข้อมูลน้ัน ข้อมลู จะถูกดึงมาจากหลายๆ แหล่ง ทาใหม้ ีลักษณะที่อ่านไดอ้ ยา่ งเดียว เท่านนั้ เพราะไมใ่ ช่ส่วน Data Entry และการอัพเดตขอ้ มูลจะเป็นชว่ งเวลา ไม่เรียลไทม์ ข้อมูลที่รวบรวม มาอาจจะเป็นข้อมูลที่สรุปมาแลว้ ก็ได้ ข้อมลู ที่เก็บไม่มีการ normalized อาจจะมขี ้อมูลซา้ ซ้อน ซง่ึ ได้มา จากการ Denormalized ซ่งึ คลงั ข้อมลู จะเก็บรวบรวมข้อมลู ท้ังจากภายในและภายนอกองค์กร ใน คลังขอ้ มลู จึงจาเป้นต้องมีการจัดทา Metadata หรือ ขอ้ มูลทีอ่ ธบิ ายเกย่ี วกับตวั ขอ้ มลู 4.3.3.1. คุณลกั ษณะของคลังข้อมลู คลงั ข้อมลู มีคุณลักษณะ 9 อย่าง (Sharda, 2014: 111-112) ดังน้ี 1) ข้อมูลที่เก็บเนน้ เรื่องท่ตี ้องการใช้วิเคราะห์ 2) มกี ารบรู ณาการของข้อมูลจากหลายแหล่ง 3) เกบ็ ข้อมูลในอดตี เพอ่ื วเิ คราะหเ์ ป็นชว่ งเวลาได้ 4) ไมส่ ามารถแก้ไขเปล่ียนแปลงขอ้ มูลได้ 5) ส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้ใช้เป็น Web application 6) มกั จะเป็นประเภทฐานข้อมลู เชิงสมั พันธ์ หรือ ฐานข้อมลู หลายมิติ 7) ใช้สถาปัตยกรรม Client/Server 8) มีความเรียลไทม์ หรอื ข้อมูลอัพเดตอยู่เสมอ 9) มี Metadata หรอื ข้อมูลของข้อมูลเกบ็ ไวเ้ ชน่ กนั 4.3.3.2. องค์ประกอบของคลงั ข้อมูล องคป์ ระกอบของคลังข้อมลู จะประกอบดว้ ย องค์ประกอบ 6 สว่ น (Sharda, 2014: 119) ดังต่อไปน้ี 1) แหลง่ ขอ้ มูล ที่มกี ารรวบรวมมาจากหลายแหล่ง เชน่ ระบบดงั้ เดิม ระบบ ERP หรือ Web 2) การสะกัดและการแปลงรูปแบบขอ้ มูล เพื่อคัดเลอื กเฉพาะข้อมูลที เกย่ี วข้องและแปลงใหร้ ูปแบบจากตน้ ทางเข้ากับวธิ กี ารเกบ็ ในปลายทางได้ 3) การนาเข้าข้อมลู เขา้ สู่คลงั ข้อมูล
74 ดร.สาวติ รี บญุ มี 4) ฐานขอ้ มูลเก็บข้อมลู ใหค้ รอบคลุม 5) Metadata รายละเอยี ดของข้อมูล การสรุป เพ่ือให้ง่ายต่อการคน้ หาและ นามาใชง้ าน 6) Middleware โปรแกรมอื่น ๆ ที่นามาใชง้ านรว่ ม 4.3.3.3. การวเิ คราะห์ขอ้ มลู ในคลังข้อมูล การวเิ คราะห์ข้อมูลในคลงั ข้อมูล ประกอบด้วย 1) Query and Reporting คือ เรยี กใชแ้ ละสรา้ งเปน็ รายงาน 2) Multidimensional Data Analysis คอื การประมวลผลขอ้ มูลแบบหลาย มิติ 3) Data Mining คือ การทาเหมืองข้อมลู 4.3.4. ธรุ กจิ ชาญฉลาดและการวิเคราะห์ (Business Intelligence and Analytics) Business intelligence คือ การรวบรวมข้อมูลและสารสนเทศเพื่อใชใ้ นการตัดสินใจ โดย ที่ Business analytics คือ การวเิ คราะห์โดยใช้ Models และ solution ทางธรุ กจิ Data mining คือ การ การนา models และ methods มาวเิ คราะหข์ ้อมูล เพ่ือค้นหารปู แบบและแนวโนม้ Online Analytical Processing (OLAP) คือ การประมวลผลเชงิ วิเคราะหแ์ บบออนไลน์ กระบวนการประมวลผลข้อมลู ใช้ เทคโนโลยี Multidimensional Database สามารถเรียกดูข้อมลู ไดท้ ัง้ แบบเจาะจงและแบบไม่เจาะจง โดย ใชภ้ าษา SQL ทาใหส้ ามารถสร้างรายงานตามความต้องการได้ Ad hoc reports สามารถวเิ คราะห์ขอ้ มูล ทางสถติ ิได้ สามารถนามาสรา้ งระบบสนับสนนุ การตัดสนิ ใจ (DSS) ได้ และมีความสามารถในการจดั การ แบบจาลองและนาเสนอข้อมูล 4.3.5. เหมอื งข้อมูล (Data Mining) คือ จดั ระเบียบและวิเคราะห์ขอ้ มูลท่ีมเี กบ็ อย่ใู นฐานขอ้ มลู หรอื คลงั ข้อมลู โดยใชเ้ ทคนคิ Statistical, mathematical, artificial intelligence, and machine-learning techniques เพอ่ื ค้นหา ความหมายของข้อมลู ท่ถี ูกซอ่ นอยู๋ในข้อมลู จานวนมาก เทคนคิ ในการทาเหมอื งข้อมูลทใ่ี ช้กนั ส่วนใหญ่ คอื การจาแนก (Classification) การจัดกลุ่ม (Clustering) การหาความสัมพันธ์ (Association) การลาดับขนั้ (Sequencing) การ พยากรณ์ (Regression) และการสร้างสมการพยากรณ์ (Forecasting) ข้ันตอนการทาเหมอื งขอ้ มูล คอื ระบุข้อมูล (Identification of data) เตรียมข้อมูล (Preprocessing) แปลงรูปแบบข้อมูล (Transformation to common format) การวเิ คราะห์ (Data mining through algorithms) และ การประเมนิ (Evaluation)
เอกสารประกอบการสอนวิชาระบบสนับสนุนการตดั สินใจทางธรุ กิจ 75 การทาเหมืองข้อมูลมปี ระโยชน์ท้ังในดา้ น การตลาด โดยใช้พยากรณย์ อดขาย แบง่ กลุ่ม ลกู ค้า จัดชน้ั วางสนิ คา้ ดา้ นการเงินการธนาคาร เช่น บริหารลูกหนี้ พฤติกรรมการใช้บตั รเครดติ ดา้ น ผลิต ดา้ นตลาดหลักทรัพย์ และธุรกิจ ประกนั ภัย เป็นตน้ 4.3.6. การแสดงผลข้อมูล (Data Visualization) คอื เทคนิคท่ีสนับสนนุ การนาเสนอข้อมูลและการตีความชอ้ มลู ในรปู แบบรปู ภาพ หรอื กราฟิก เช่น Dashboard, Digital imaging, GIS, GUI, ตาราง, multidimensions, กราฟ, Virtual reality, ภาพสามมิติ 3D, ภาพเคลือ่ นไหว animation เพื่อคน้ หาความสัมพนั ธ์และแนวโน้ม หรือ การเลอื กดูขอ้ มลู แบบเรียลไทม์เพ่ือตรวจสอบผลการดาเนนิ งาน ซึ่งเนือ้ หาเก่ียวกบั หัวข้อนจ้ี ะครอบคลุมในบทท่ี 5 ถึงบทท่ี 7 4.4. การจดั การแบบจาลอง (Model Management) การจดั การแบบจาลองเปน็ อีกส่วนสาคญั ของ DSS โดยความหมาย และประเภทของแบบจาลองมี รายละเอยี ดดังต่อไปนี้ 4.4.1. ความหมายของแบบจาลอง ความหมายของแบบจาลอง แบง่ ออกเป็น 3 นยั ยะหลกั ๆ ได้แก่ ความหมายเชิงบรรยาย ความหมายเชิงสภาวะ และความหมายเชิงแบบจาลองทางคณติ ศาสตร์ ซงึ่ ในความหมายสุดท้ายนคี้ ือ แนวทางของเนื้อหาในบทถัดไปทง้ั หมดของเอกสารเล่มนี้ 1) ความหมายเชงิ บรรยาย • แบบจาลองเชงิ รปู ภาพ ใชแ้ ผนภาพอธิบาย • แบบจาลองเชิงบรรยาย ใช้ภาษาธรรมชาติในการบรรยาย • แบบจาลองเชงิ กายภาพ แสดงสว่ นประกอบตา่ งๆ ในขนาดเล็กกว่าของจรงิ 2) ความหมายเชงิ สภาวะ • แบบจาลองคงที่ ประเมินสถานการณ์เฉพาะช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง • แบบจาลองเคลอ่ื นไหว สามารถเปลีย่ นแปลงตัวแปรได้ทกุ ช่วงเวลา 3) ความหมายเชงิ แบบจาลองทางคณิตศาสตร์ • หาทางเลอื กทีด่ ที ี่สดุ สาหรบั ปญั หาที่มีทางเลอื กนอ้ ย โดยใช้อัลกอริทึม วเิ คราะห์โดยใช้สตู ร การจาลองสถานการณ์ และ ฮวิ ริสตคิ • ทางการเงนิ สาหรับปัญหาท่ีวิเคราะห์ปญั หาทค่ี านวณไดส้ ูตรคานวณทางการเงนิ เช่น การวิเคราะห์ความเปน็ ไปไดข้ องโครงการลงทุน • ทางสถิติ สาหรับปญั หาทสี่ ามารถนาการคานวณดว้ ยสูตรทางสถติ ิมาประยุกต์ใช้ เช่น การวเิ คราะหค์ วามเสีย่ ง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342