Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้การงานอาชีพ ม.2 เทอม1/2564

แผนการจัดการเรียนรู้การงานอาชีพ ม.2 เทอม1/2564

Description: แผนการจัดการเรียนรู้การงานอาชีพ ม.2 เทอม1/2564

Search

Read the Text Version

บันทกึ ผลการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชพี ระดับ ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 เรื่อง งานเกษตร เวลา 14 ชั่วโมง แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 15 เรอ่ื ง ประเภทของสัตวท์ ่นี ิยมเล้ยี งในประเทศไทย สัตว์ปกี เวลา 2 ชัว่ โมง ช่ือครูผสู้ อน นางสาวสิริรตั น์ กลิน่ จนั ทร์ วันที่ เดือน ปี บันทกึ ผลการจดั การเรยี นรู้ 1.การประเมินผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ จดุ ประสงค์ ผลการจัดการเรียนรู้ 1.อธิบายความสำคญั ของการเลย้ี งสตั วป์ ีก จำนวนนกั เรียนทง้ั หมด……….คน จำนวนนกั เรยี นที่ผา่ นการประเมนิ ……….คน คดิ เป็นร้อยละ………. 2.วิเคราะห์ประเภทของสัตวป์ ีกทนี่ ิยมเลี้ยงใน จำนวนนักเรยี นทไ่ี ม่ผา่ นการประเมนิ ……….คน คิดเปน็ ร้อยละ………. ประเทศไทย เลขทนี่ ักเรียนทไ่ี ม่ผา่ นการประเมนิ …………………………………………… จำนวนนักเรยี นทง้ั หมด……….คน 3.สรุปประโยชน์ของการเล้ียงสัตวป์ กี จำนวนนกั เรียนท่ีผ่านการประเมิน……….คน คดิ เป็นร้อยละ………. จำนวนนกั เรียนที่ไม่ผา่ นการประเมนิ ……….คน คดิ เปน็ ร้อยละ………. 4.เหน็ ความสำคัญของการเลย้ี งสตั วป์ กี เพือ่ สร้าง เลขทีน่ กั เรยี นทไี่ ม่ผา่ นการประเมนิ …………………………………………… รายได้ใหก้ บั ตนเองและครอบครวั จำนวนนักเรยี นทั้งหมด……….คน จำนวนนักเรียนที่ผ่านการประเมิน……….คน คดิ เป็นร้อยละ………. จำนวนนักเรียนท่ไี มผ่ ่านการประเมิน……….คน คดิ เปน็ ร้อยละ………. เลขที่นักเรียนทไ่ี มผ่ า่ นการประเมิน…………………………………………… จำนวนนักเรียนทั้งหมด……….คน จำนวนนกั เรยี นที่ผา่ นการประเมิน……….คน คิดเป็นร้อยละ………. จำนวนนกั เรียนทไ่ี ม่ผ่านการประเมนิ ……….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………. เลขทนี่ กั เรียนท่ีไม่ผ่านการประเมิน……………………………………………

2.การประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ผลการจดั การเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ จำนวนนักเรยี นทั้งหมด……….คน จำนวนนักเรยี นทไ่ี ดร้ ะดับดีเยย่ี ม……….คน ระดบั ดี…………..….คน ข้อที่ 4 ใฝเ่ รยี นรู้ ระดับผา่ น…………..คน ระดบั ไมผ่ า่ น……….คน ข้อที่ 5 อยู่อย่างพอเพียง เลขที่นักเรียนที่ไมผ่ า่ นการประเมนิ …………………………………………… จำนวนนกั เรยี นทงั้ หมด……….คน จำนวนนกั เรียนท่ไี ดร้ ะดับดีเยี่ยม……….คน ระดบั ดี…………..….คน ระดับผ่าน…………..คน ระดับไมผ่ ่าน……….คน เลขท่ีนกั เรียนทไ่ี ม่ผ่านการประเมิน……………………………………………

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 16 กลุม่ สาระการเรียนรู้ การงานอาชพี ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564 รายวชิ า การงานอาชีพ รหัสวิชา ง22102 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ช่ือหน่วย งานเกษตร หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 เวลา 2 ชวั่ โมง เร่อื ง ประเภทของสัตวท์ ีน่ ยิ มเล้ยี งในประเทศไทย สตั ว์บก ช่อื ครผู ู้สอน นางสาวสริ ิรตั น์ กลน่ิ จนั ทร์ สอนวนั ท่ี เดอื น พ.ศ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มคี วามคดิ สร้างสรรค์ มีทกั ษะกระบวนการทำงาน ทกั ษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปญั หา ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั และทักษะการแสวงหาความรู้ มีคุณธรรม และลักษณะนสิ ัยในการทำงาน มจี ิตสำนกึ ในการใชพ้ ลงั งาน ทรัพยากร และสิง่ แวดลอ้ ม เพ่ือการดำรงชีวิตและครอบครัว ตัวชว้ี ัด ง 1.1 ม.2/1 ใช้ทกั ษะการแสวงหาความรเู้ พ่ือพัฒนาการทำงาน ง 1.1 ม.2/2 ใช้ทักษะกระบวนการแก้ปญั หาในการทำงาน ง 1.1 ม.2/3 มีจิตสำนึกในการทำงานและใช้ทรัพยากรในการปฏิบัติงานอย่างประหยัดและคุ้มค่า จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายความสำคญั ของการเล้ยี งสตั ว์บก 2. วเิ คราะหป์ ระเภทของสตั ว์บกท่นี ยิ มเลย้ี งในประเทศไทย 3. สรปุ ประโยชนข์ องการเลี้ยงสัตวบ์ ก 4. เห็นความสำคัญของการเลยี้ งสัตวบ์ กเพือ่ สร้างรายไดใ้ หก้ ับตนเองและครอบครัว สาระสำคัญ สัตวท์ ีน่ ิยมเล้ยี งในประเทศไทย เพอื่ จำหนา่ ยเน้อื ไข่ หรือการแปรรปู เป็นผลติ ภัณฑ์ มีทั้งการเล้ียงสตั ว์ปกี สตั วบ์ ก สัตวส์ ะเทินนำ้ สะเทนิ บก และสตั วน์ ำ้ ซง่ึ การเลยี้ งสัตวต์ า่ ง ๆ เหลา่ น้ีเปน็ การสรา้ งอาชีพ และสร้างรายได้ใหก้ บั เกษตรกรไทย สาระการเรยี นรู้ ประเภทของสัตว์ทีน่ ิยมเลี้ยงในประเทศไทย : สตั ว์บก สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. อยู่อย่างพอเพียง คำถามสำคัญ นกั เรยี นจะเล้ียงสัตว์บกชนดิ ใด เพ่ือสรา้ งความเพลิดเพลนิ ให้กับตนเองและครอบครวั การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. นักเรียนสงั เกตภาพเก่ยี วกบั สัตว์ต่าง ๆ ทก่ี ำหนดให้ แลว้ ร่วมกันตอบคำถาม ดงั น้ี • ภาพใดบา้ งทีเ่ ป็นสตั วบ์ ก (กระบอื ววั ) • สตั ว์บก หมายถงึ สตั วอ์ ะไร (ตวั อย่างคำตอบ สตั ว์ท่ีอาศยั อย่บู นบก สว่ นใหญเ่ ปน็ สตั วเ์ ลี้ยงลกู ด้วยน้ำนม คอื พวกท่อี อกลกู เป็นไข่ เชน่ ไก่ พวกท่ีออกลูกเป็นตัว เช่น แมว สุนัข และพวกทีม่ กี ระเปา๋ หน้าทอ้ ง เชน่ จิงโจ)้ 2. นกั เรยี นรว่ มกนั ศึกษาและรวบรวมขอ้ มูลเกี่ยวกบั ประเภทของสตั ว์ท่ีนิยมเลีย้ งในประเทศไทย : สตั ว์บก จากแหลง่ การเรยี นรู้ทีห่ ลากหลาย เช่น หนงั สอื เรยี น อนิ เทอร์เนต็ 3. นักเรยี นรว่ มกนั วิเคราะห์เกยี่ วกับประเภทของสัตวบ์ ก โดยตอบคำถาม ดังน้ี • สัตวบ์ กแบง่ ได้ก่ปี ระเภท อะไรบ้าง และแตล่ ะประเภทมีความสำคญั อย่างไร

โดยบันทึกคำตอบของนักเรียนเปน็ แผนภาพความคดิ บนกระดาน ดงั ตัวอยา่ ง ประเภท ของสัตว์บก สัตว์ปี ก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลยี้ งลกู ด้วยน้านม เป็นสตั วท์ ี่มี 2 เทา้ และปี ก 1 คู่ มขี น เป็นสัตวท์ มี่ ี 4 เทา้ ผิวหนงั มีเกลด็ ปกคลมุ เป็นสัตวช์ ้นั สูง มีต่อมสาหรบั สร้าง ปกคลมุ ร่างกายท้งั หมด โดยสตั วป์ ี ก เกือบทกุ ชนิดสามารถบนิ ได้ เช่น นก บางชนิดจะเป็ นกระดองห่อหุ้ม น้านมไวเ้ ล้ียงลูก บางชนิดบินได้ แต่บางชนิดไมส่ ามารถบนิ ได้ เช่น นกกระจอกเทศ บางชนิดไม่ปรากฏเทา้ เช่น งู เช่น คา้ งคาว 4. นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับสัตวบ์ กทนี่ ิยมเลีย้ งในประเทศไทย โดยตอบคำถาม ดงั น้ี • สัตว์บกทนี่ ยิ มเลยี้ งในประเทศไทยมีอะไรบ้าง โดยบันทกึ คำตอบของนักเรียนเปน็ แผนภาพความคดิ บนกระดาน ดังตวั อย่าง โคนม กระบอื ชา้ ง สัตว์บกท่ีนิยมเลยี้ งในประเทศไทย โคเน้ือ แพะ แกะ

5. นักเรยี นยกตัวอยา่ งสตั ว์บกที่นยิ มเลีย้ งในประเทศไทยมา 1 ชนดิ แล้ววิเคราะห์เก่ียวกับ ลักษณะสำคัญ และการนำไปใช้ประโยชน์ โดยนำเสนอในรปู แบบแผนภาพความคดิ ดังตัวอย่าง สัตวบ์ กทนี่ ยิ มเลย้ี งในประเทศไทย ช้าง ลกั ษณะสำคัญ เป็นสัตว์บกท่ีมขี นาดใหญท่ ี่สุด เลยี้ งลกู ดว้ ยนำ้ นมเป็นสตั ว์ทแ่ี ขง็ แรงและ มีกำลังมาก มขี าใหญ่ 4 ขา พนื้ เท้าออ่ นนุ่ม มีงวงยาวถงึ พนื้ ใชห้ ายใจ ปลายงวงมรี ูสองรูกลวง ตลอดความยาวของงวงไมม่ กี ระดูกมี งาทีเ่ ปน็ ฟันหนา้ หรอื เขย้ี วของชา้ ง มนี ยั น์ตาเล็กมาก ใบหมู ีลกั ษณะ คล้ายใบพัด หางช้างกลมยาวเรียวลงไปถงึ เข่าบรเิ วณปลายหางมีขน สดี ำ และมนี ้ิวเทา้ ท่ีส้ันท่สี ดุ การนำไปใชป้ ระโยชน์ ใช้เพอ่ื สง่ เสริมการทอ่ งเท่ยี ว และดึงดดู นกั ทอ่ งเที่ยว เปน็ การสรา้ งงาน และสรา้ งรายได้ให้กับคนในทอ้ งท่ี 6. นักเรียนคดิ ประเมนิ เพ่ือเพิ่มคุณค่า แล้วสรปุ เปน็ ความคิดรวบยอด โดยตอบคำถาม ดังน้ี • นักเรียนจะเลีย้ งสตั วบ์ กชนดิ ใด เพอ่ื สรา้ งความเพลดิ เพลินใหก้ บั ตนเองและครอบครวั (ตวั อยา่ งคำตอบ สนุ ัข เพราะสุนขั จะช่วยใหค้ ลายเครียด มีความสุข และทำให้ไม่เหงา) 7. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ เลือกศกึ ษาสตั วบ์ กที่นยิ มเล้ยี งในประเทศไทยทต่ี นสนใจมา 1 ชนิด แล้วนำเสนอหรือออกแบบวธิ ีการเล้ียงสัตว์บกให้เจริญเตบิ โตและมคี ุณภาพโดยละเอียด และสรปุ ผลที่เกดิ ข้นึ 8. นกั เรียนตรวจสอบความถูกต้องและความเรียบร้อยของผลงาน หากพบข้อผิดพลาดควรปรบั ปรงุ แกไ้ ขใหถ้ ูกตอ้ ง 9. นักเรียนร่วมกนั สรปุ สิ่งที่เข้าใจเป็นความรู้ร่วมกนั ดังน้ี สัตว์ทีน่ ยิ มเลย้ี งในประเทศไทย เพ่ือจำหนา่ ยเนอื้ ไข่ หรอื การแปรรูปเปน็ ผลติ ภัณฑ์ มีทงั้ การ เลย้ี งสตั วป์ ีก สตั วบ์ ก สตั วส์ ะเทินนำ้ สะเทนิ บก และสัตว์น้ำ ซงึ่ การเลี้ยงสัตว์ต่าง ๆ เหล่านเ้ี ปน็ การสรา้ งอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทย 10. นกั เรยี นนำเสนอผลงานการศกึ ษาวธิ ีการเลย้ี งสัตวบ์ กท่ีนยิ มเลย้ี งในประเทศไทย หน้าชั้นเรยี น

11. นักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายสรปุ เก่ยี วกับวิธกี ารทำงานใหเ้ ห็นการคดิ เชงิ ระบบและวธิ ีการทำงาน ทม่ี แี บบแผน 12. นกั เรียนนำแนวทางหรอื วิธีการเลย้ี งสตั วบ์ กไปเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนนิ ชีวติ เม่อื มโี อกาส ประกอบอาชพี ในการเล้ยี งสัตว์บก เพ่อื สร้างรายได้ 13. นกั เรียนประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สึกหลงั การเรยี นและหลังการทำกจิ กรรม ในประเด็นต่อไปนี้ • สง่ิ ท่นี กั เรียนไดเ้ รียนรใู้ นวันนี้คืออะไร • นักเรยี นมสี ่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพียงใด • เพ่ือนนกั เรยี นในกลมุ่ มสี ว่ นรว่ มกิจกรรมในกลมุ่ มากน้อยเพียงใด • นกั เรียนพงึ พอใจกับการเรยี นในวันนห้ี รือไม่ เพียงใด • นักเรยี นจะนำความรู้ท่ีได้นไ้ี ปใช้ให้เกิดประโยชนแ์ กต่ นเอง ครอบครัว และสังคมทวั่ ไป ไดอ้ ยา่ งไร จากน้นั แลกเปลีย่ นตรวจสอบข้ันตอนการทำงานทุกขั้นตอนวา่ จะเพมิ่ คณุ ค่าไปสสู่ งั คม เกดิ ประโยชน์ตอ่ สังคมให้มากข้นึ กวา่ เดมิ ในขั้นตอนใดบา้ ง สำหรบั การทำงานในครงั้ ต่อไป สอ่ื การเรียนรู/้ แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี น รายวิชาพนื้ ฐาน การงานอาชพี และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ของสถาบันพัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.) 2. ภาพสัตว์ตา่ ง ๆ 3. แหลง่ การเรียนรทู้ ้ังภายในและภายนอกโรงเรยี น 4. google meet,คลปิ วีดีโอการสอน การประเมินการเรยี นรู้ 1. ประเมนิ ความรู้ เร่ือง ประเภทของสตั ว์ทีน่ ิยมเล้ียงในประเทศไทย : สัตวบ์ ก 2. ประเมินกระบวนการทำงานกลมุ่ 3. ประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดา้ นใฝเ่ รียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง แบบประเมนิ ตามสภาพจริง (Rubrics) แบบประเมินกระบวนการทำงานกลมุ่ รายการการประเมนิ ระดบั คุณภาพ กระบวนการ 432 1 ทำงานกลุม่ ไม่มีการกำหนด มีการกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท บทบาทสมาชิก และไม่มีการชี้แจง สมาชกิ ชัดเจน และมีการ สมาชิกชัดเจน เฉพาะหัวหนา้ เป้าหมาย สมาชิก ตา่ งคนตา่ งทำงาน ช้ีแจงเป้าหมายการทำงาน มกี ารชี้แจงเปา้ หมาย ไม่มีการชีแ้ จงเป้าหมาย มีการปฏิบัตงิ านร่วมกัน อย่างชัดเจนและ อยา่ งชัดเจน อย่างร่วมมอื รว่ มใจ ปฏิบตั ิงานรว่ มกนั ปฏบิ ัตงิ านร่วมกัน พรอ้ มกบั การประเมนิ เป็น แตไ่ มม่ กี ารประเมนิ ไมค่ รบทุกคน ระยะ ๆ เปน็ ระยะ ๆ

การวดั ประเมินผลการจดั การเรยี นรู้ 1.การประเมนิ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จุดประสงค์ วิธกี ารประเมนิ เครอื่ งมอื 1. อธบิ ายความสำคญั ของการเลี้ยง ตรวจผลงานการเขยี นอธบิ าย เกณฑ์การใหค้ ะแนน สัตว์บก ความสำคญั ของการเล้ยี งสตั วบ์ ก 2.วิเคราะห์ประเภทของสัตวบ์ กท่ี ตรวจผลงานการเขยี นแผนผงั เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน นยิ มเลี้ยงในประเทศไทย ความคิด วเิ คราะห์ประเภทของสัตว์ บกทนี่ ยิ มเลย้ี งในประเทศไทย 3.สรุปประโยชนข์ องการเลีย้ งสัตว์บก ตรวจผลงานการเขียนอธิบายสรปุ เกณฑก์ ารให้คะแนน ประโยชนข์ องการเลย้ี งสัตวบ์ ก 4.เหน็ ความสำคัญของการเล้ยี งสัตว์ ตรวจผลงานการเขียนอธิบาย เกณฑ์การใหค้ ะแนน บกเพอื่ สร้างรายได้ให้กับตนเองและ ความสำคัญของการเล้ยี งสตั วบ์ กเพ่อื ครอบครวั สร้างรายไดใ้ หก้ ับตนเองและ ครอบครัว 2.การประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ตัวชว้ี ัด วธิ กี ารประเมนิ เครือ่ งมอื ข้อท่ี 4 ใฝ่เรยี นรู้ ประเมนิ จากการทำงานกลุ่ม เกณฑก์ ารให้คะแนน ข้อที่ 5 อยู่อย่างพอเพียง ประเมนิ จากการทำงานกลมุ่ เกณฑ์การให้คะแนน ลงช่ือ...........................................ผู้สอน (นางสาวสิริรตั น์ กลิ่นจนั ทร์) วันท.่ี ..........เดอื น.............พ.ศ…………

บันทกึ ผลการจดั การเรยี นรู้ กลุม่ สาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ ระดับ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เร่อื ง งานเกษตร เวลา 14 ชั่วโมง แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 16 เรือ่ ง ประเภทของสตั วท์ ี่นยิ มเลี้ยงในประเทศไทย สัตว์บก เวลา 2 ชัว่ โมง ชอ่ื ครูผู้สอน นางสาวสริ ริ ตั น์ กลิน่ จันทร์ วันที่ เดือน ปี บันทึกผลการจัดการเรยี นรู้ 1.การประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ ผลการจดั การเรียนรู้ 1. อธิบายความสำคัญของการเลยี้ งสตั วบ์ ก จำนวนนกั เรยี นทง้ั หมด……….คน จำนวนนักเรียนทผ่ี ่านการประเมิน……….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………. 2. วิเคราะหป์ ระเภทของสตั ว์บกท่นี ิยมเลี้ยงใน จำนวนนักเรียนทไี่ มผ่ า่ นการประเมนิ ……….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………. ประเทศไทย เลขทน่ี ักเรียนทไ่ี ม่ผ่านการประเมนิ …………………………………………… จำนวนนักเรยี นทง้ั หมด……….คน 3. สรปุ ประโยชนข์ องการเล้ียงสตั ว์บก จำนวนนักเรยี นทผี่ า่ นการประเมนิ ……….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………. จำนวนนกั เรียนทไ่ี ม่ผา่ นการประเมิน……….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………. 4. เหน็ ความสำคัญของการเล้ยี งสตั ว์บกเพ่ือสร้าง เลขทน่ี ักเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน…………………………………………… รายได้ใหก้ ับตนเองและครอบครวั จำนวนนกั เรียนท้งั หมด……….คน จำนวนนกั เรยี นท่ีผา่ นการประเมนิ ……….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………. จำนวนนกั เรียนท่ีไมผ่ า่ นการประเมิน……….คน คิดเป็นร้อยละ………. เลขทนี่ ักเรียนท่ไี ม่ผา่ นการประเมนิ …………………………………………… จำนวนนกั เรียนทั้งหมด……….คน จำนวนนักเรยี นท่ีผ่านการประเมนิ ……….คน คดิ เป็นร้อยละ………. จำนวนนกั เรยี นที่ไมผ่ า่ นการประเมนิ ……….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………. เลขทน่ี กั เรยี นที่ไม่ผา่ นการประเมิน……………………………………………

2.การประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ผลการจดั การเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ จำนวนนกั เรียนทัง้ หมด……….คน จำนวนนกั เรียนทีไ่ ดร้ ะดบั ดีเย่ียม……….คน ระดบั ดี…………..….คน ข้อที่ 4 ใฝเ่ รยี นรู้ ระดับผา่ น…………..คน ระดบั ไมผ่ า่ น……….คน ข้อที่ 5 อยู่อย่างพอเพียง เลขทนี่ กั เรียนทไี่ มผ่ ่านการประเมนิ …………………………………………… จำนวนนกั เรยี นทัง้ หมด……….คน จำนวนนกั เรยี นท่ีไดร้ ะดับดเี ยยี่ ม……….คน ระดบั ดี…………..….คน ระดับผ่าน…………..คน ระดับไมผ่ ่าน……….คน เลขที่นกั เรยี นทไ่ี มผ่ ่านการประเมิน……………………………………………

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 17 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ การงานอาชีพ ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564 รายวชิ า การงานอาชพี รหสั วิชา ง22102 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 2 ช่อื หน่วย งานเกษตร หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 เวลา 2 ชั่วโมง เรื่อง ประเภทของสัตวท์ นี่ ยิ มเล้ยี งในประเทศไทย สัตว์สะเทินนำ้ สะเทนิ บก ช่อื ครูผสู้ อน นางสาวสิรริ ตั น์ กล่นิ จันทร์ สอนวันท่ี เดือน พ.ศ มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มคี วามคิดสร้างสรรค์ มที กั ษะกระบวนการทำงาน ทกั ษะการจดั การ ทักษะกระบวนการแก้ปญั หา ทักษะการทำงานรว่ มกัน และทักษะการแสวงหาความรู้ มีคณุ ธรรม และลกั ษณะนสิ ยั ในการทำงาน มีจติ สำนกึ ในการใช้พลงั งาน ทรพั ยากร และสิ่งแวดลอ้ ม เพอ่ื การดำรงชวี ติ และครอบครวั ตวั ชว้ี ัด ง 1.1 ม.2/1 ใช้ทักษะการแสวงหาความรเู้ พ่ือพฒั นาการทำงาน ง 1.1 ม.2/2 ใช้ทกั ษะกระบวนการแกป้ ญั หาในการทำงาน ง 1.1 ม.2/3 มจี ติ สำนกึ ในการทำงานและใช้ทรัพยากรในการปฏิบตั งิ านอย่างประหยัดและคุ้มค่า จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความสำคญั ของการเล้ยี งสัตว์สะเทินนำ้ สะเทนิ บก 2. วิเคราะหป์ ระเภทของสตั ว์สะเทินน้ำสะเทินบกทีน่ ิยมเลี้ยงในประเทศไทย 3. สรุปประโยชนข์ องการเล้ยี งสตั ว์สะเทินนำ้ สะเทนิ บก 4. เห็นความสำคัญของการเล้ียงสัตว์สะเทนิ นำ้ สะเทินบกเพื่อสร้างรายไดใ้ หก้ บั ตนเองและครอบครวั สาระสำคัญ สตั วท์ นี่ ยิ มเลย้ี งในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายเนื้อ ไข่ หรือการแปรรปู เป็นผลติ ภัณฑ์ มีทั้งการเลยี้ งสตั ว์ปีก สัตว์บก สัตวส์ ะเทินน้ำสะเทนิ บก และสัตวน์ ้ำ ซ่ึงการเล้ยี งสัตว์ตา่ ง ๆ เหล่าน้เี ปน็ การสร้างอาชีพ และสรา้ งรายได้ให้กับเกษตรกรไทย สาระการเรยี นรู้ ประเภทของสตั วท์ นี่ ิยมเลย้ี งในประเทศไทย : สัตว์สะเทินน้ำสะเทนิ บก สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. อยู่อย่างพอเพียง คำถามสำคัญ ถา้ นักเรยี นต้องการเลี้ยงสตั วส์ ะเทินนำ้ สะเทินบก นกั เรียนจะมีแนวทางการปฏบิ ัตอิ ยา่ งไร การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนรว่ มกนั สนทนาเก่ียวกับความหมายของสัตวส์ ะเทินน้ำสะเทนิ บก โดยตอบคำถาม ดังน้ี • นักเรียนเคยเห็นสตั ว์สะเทนิ นำ้ สะเทนิ บกหรือไม่(เคย/ไม่เคย) • สัตวส์ ะเทนิ นำ้ สะเทนิ บกท่นี กั เรียนเคยเห็นมอี ะไรบ้าง (ตัวอย่างคำตอบ กบ) • เพราะเหตใุ ดสัตว์ดังกล่าวจงึ ถูกเรียกว่าสตั ว์สะเทนิ นำ้ สะเทินบก (ตัวอยา่ งคำตอบ เพราะเปน็ สัตวท์ ่ีสามารถอย่ไู ด้ทั้งในน้ำและอาศัยอยบู่ นบกได้) • สัตวส์ ะเทินนำ้ สะเทนิ บกตามความเข้าใจของนกั เรยี นคืออะไร (ตัวอย่างคำตอบ เปน็ สตั ว์ท่อี ยูไ่ ด้ท้งั ในน้ำและบนบกมีลกั ษณะเฉพาะ คือ มีผิวหนงั มตี อ่ มเมือก ทำ ใหผ้ ิวหนังชุ่มชน่ื ตลอดเวลา ผิวหนังเปยี กลนื่ อยูเ่ สมอไมม่ เี กล็ด ไม่มีขน หายใจทางเหงือก ปอด ผิวหนงั และ ออกลูกเป็นไข่) 2. นกั เรียนรว่ มกนั ศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกบั ประเภทของสัตวท์ ี่นยิ มเลี้ยงในประเทศไทย : สัตว์สะเทนิ นำ้ สะเทนิ บก จากแหลง่ การเรียนรู้ท่หี ลากหลาย เช่น หนังสอื เรยี น อนิ เทอรเ์ นต็ 3. นกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับสัตว์สะเทนิ น้ำสะเทนิ บก โดยตอบคำถาม ดังน้ี • สตั ว์สะเทินนำ้ สะเทินบกท่ีนยิ มเลีย้ งในประเทศไทย มอี ะไรบ้าง และสัตวช์ นิดดังกล่าว มลี ักษณะสำคัญอยา่ งไร

โดยบันทึกคำตอบของนกั เรียนเป็นแผนภาพความคดิ บนกระดาน ดงั ตัวอย่าง สัตว์สะเทนิ นำ้ กบ ลักษณะสำคัญ สะเทนิ บกทนี่ ยิ ม ตะพำบน้ำ เลยี้ งในประเทศไทย มลี กั ษณะผิวหนงั ขรุขระ ไม่มีขนและเกลด็ ที่บริเวณผิวหนงั เตำ่ ของกบ จะมีต่อมเมอื กและน้ำใส ๆ เพือ่ ช่วยใหผ้ ิวหนงั ของกบ อ่งึ อ่ำง มีควำมชุ่มชื่นอยู่เสมอ กบไม่มีคอและหำง ระหวำ่ งนิ้วมีแผ่นบำง ๆ เป็นแผน่ ๆ ยึดติดกนั ใชส้ ำหรับว่ำยน้ำ ลำตวั แบน จมูกแหลม กระดองออ่ นนิ่ม มกี ระดองหลงั ค่อนขำ้ ง เรียบ แบน และค่อนขำ้ งแข็ง ต้งั แต่คอส่วนบนไปจรดขอบ กระดองจะมีต่มุ แข็งเลก็ ๆ ข้ึนอยู่ ส่วนหัวมขี นำดใหญ่ คอเรียว ยำว มีจมูกค่อนขำ้ งยำว ตำมีขนำดเลก็ โปน มีฟัน ขำกรรไกร แขง็ แรงละคม ทีน่ ิ้วมีพงั ผืดเช่ือมตดิ ตอ่ กนั แบบใบพำย อยำ่ งสมบรู ณ์และมหี ำงส้ัน จะมีกระดกู ทแี่ ขง็ คลมุ บริเวณหลงั เรียกว่ำ กระดอง ประกอบดว้ ย แคลเซียมเป็นส่วนใหญ่ ซ่ึงจะสำมำรถหดหวั ขำ และหำงเขำ้ ไป ในกระดองเพื่อป้องกนั ตวั ได้ เต่ำเป็นสตั วท์ ่ีไม่มฟี ัน แต่มีริมฝีปำก ที่แขง็ แรงและคม ใชข้ บกดั อำหำรแทนฟัน และเป็นสตั วท์ ี่ เคล่อื นไหวชำ้ เพศเมียจะมลี ำตวั ขนำดใหญ่กว่ำเพศผู้ คำงคกเพศผจู้ ะมสี ี คอ่ นขำ้ งดำ แผน่ อกจะนูนกว่ำเพศเมยี ในฤดผู สมพนั ธุ์ ตวั ผูจ้ ะมสี ีดำเวลำถกู สิ่งเร้ำรบกวนก็จะพองตวั

4. นกั เรียนร่วมกนั วิเคราะหเ์ กี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากการเล้ยี งสัตว์สะเทินน้ำสะเทนิ บก โดยบันทกึ คำตอบของนักเรียนเปน็ แผนภาพความคิดบนกระดาน ดังตัวอย่าง เป็นกำรเล้ยี งเชิงธุรกิจเพ่อื จำหน่ำย เป็นกำรเล้ียงเชิงธุรกิจ เช่น จำหน่ำย และกำรบริโภค หรือนำมำบริโภค อ่งึ อ่ำง กบ กำรใช้ประโยชน์ จำกกำรเลยี้ งสัตว์ สะเทินน้ำสะเทนิ บก เตำ่ ตะพำบน้ำ เป็นกำรเล้ยี งเชิงอนุรกั ษเ์ พอื่ รกั ษำ เล้ยี งเพ่อื กำรส่งออกไปจำหน่ำย ระบบนิเวศ ยงั ต่ำงประเทศ 5. นักเรียนคิดประเมินเพือ่ เพ่ิมคุณค่า แลว้ สรปุ เป็นความคดิ รวบยอด โดยตอบคำถาม กระตุ้นความคดิ ดังนี้ • ถ้านักเรียนต้องการเลยี้ งสตั ว์สะเทนิ นำ้ สะเทนิ บก นักเรียนจะมแี นวทางการปฏิบตั อิ ย่างไร (ตวั อยา่ งคำตอบ ศกึ ษาขอ้ มูลจากอินเทอรเ์ นต็ หรือสอบถามผูร้ ู้ หรอื ผู้มปี ระสบการณใ์ นการเลีย้ งสัตว์ สะเทนิ นำ้ สะเทนิ บกและนำข้อมลู ท่ีได้มาวิเคราะห์ก่อนลงมือปฏิบตั ิ) 6. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ ศกึ ษาเกีย่ วกับสัตว์สะเทนิ น้ำสะเทนิ บกท่ตี นสนใจมา 1 ชนดิ แลว้ รว่ มกันนำเสนอ วธิ กี ารเลี้ยงให้สตั วส์ ามารถเจรญิ เติบโตอย่างมคี ุณภาพและใหผ้ ลตอบแทนทด่ี ีในฐานะท่นี ักเรียนเปน็ ผปู้ ระกอบการ 7. นักเรยี นตรวจสอบความถูกตอ้ งและความเรียบร้อยของผลงานหากพบขอ้ ผดิ พลาดควรปรบั ปรงุ แก้ไขใหถ้ กู ตอ้ ง 8. นักเรยี นร่วมกนั สรปุ สง่ิ ท่เี ขา้ ใจเปน็ ความรูร้ ว่ มกนั ดังนี้ สตั ว์ที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทย เพ่อื จำหน่ายเนือ้ ไข่ หรือการแปรรูปเป็นผลติ ภัณฑ์ มีทง้ั การเล้ียงสัตว์ปีก สตั ว์บก สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก และสัตวน์ ำ้ ซ่งึ การเลี้ยงสตั ว์ต่าง ๆ เหล่านี้ เปน็ การสรา้ งอาชีพและสรา้ งรายได้ให้กับเกษตรกรไทย 9. นักเรยี นนำเสนอการศึกษาวธิ กี ารเล้ียงสตั ว์สะเทนิ น้ำสะเทินบกหนา้ ช้ันเรยี น

10. นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายสรปุ เก่ียวกับวธิ ีการทำงานใหเ้ ห็นการคดิ เชงิ ระบบและวิธีการทำงาน ท่มี แี บบแผน 11. นักเรียนนำวิธกี ารเลย้ี งสัตวส์ ะเทินนำ้ สะเทินบกไปปรับใช้ในการเลย้ี งสัตวใ์ นปจั จุบัน หรอื ในอนาคต หรือนำเสนอข้อมลู เกย่ี วกับวิธกี ารเลี้ยงสตั ว์ใหก้ บั ผอู้ น่ื ตอ่ ไป 12. นักเรยี นประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สกึ หลงั การเรยี นและหลังการทำกจิ กรรม ในประเด็นต่อไปนี้ • สง่ิ ทนี่ ักเรยี นไดเ้ รยี นรู้ในวันน้ีคอื อะไร • นักเรยี นมสี ่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพยี งใด • เพ่ือนนกั เรียนในกลมุ่ มสี ่วนร่วมกิจกรรมในกลมุ่ มากน้อยเพียงใด • นักเรยี นพงึ พอใจกับการเรยี นในวนั น้ีหรอื ไม่ เพียงใด • นักเรยี นจะนำความรู้ทไ่ี ดน้ ีไ้ ปใช้ให้เกดิ ประโยชนแ์ กต่ นเอง ครอบครัว และสังคมทว่ั ไป ได้อย่างไร จากน้นั แลกเปล่ียนตรวจสอบขนั้ ตอนการทำงานทุกข้ันตอนวา่ จะเพ่ิมคณุ คา่ ไปส่สู ังคม เกิดประโยชน์ตอ่ สงั คมให้มากขึ้นกวา่ เดมิ ในขัน้ ตอนใดบ้าง สำหรับการทำงานในครั้งตอ่ ไป สือ่ การเรยี นรู/้ แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี น รายวชิ าพืน้ ฐาน การงานอาชพี และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 ของสถาบนั พัฒนาคณุ ภาพวชิ าการ (พว.) 2. แหล่งการเรยี นรู้ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน 3. google meet,คลปิ วดี โี อการสอน การประเมินการเรยี นรู้ 1. ประเมนิ ความรู้ เรื่อง ประเภทของสัตว์ทน่ี ยิ มเลย้ี งในประเทศไทย : สตั ว์สะเทนิ น้ำสะเทนิ บก 2. ประเมนิ กระบวนการทำงานกลมุ่ 3. ประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง แบบประเมนิ ตามสภาพจรงิ (Rubrics) แบบประเมินกระบวนการทำงานกลุม่ รายการการประเมนิ ระดบั คุณภาพ กระบวนการ 432 1 ทำงานกลุม่ ไมม่ ีการกำหนด มกี ารกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท บทบาทสมาชิก และไม่มีการชีแ้ จง สมาชิกชัดเจน และมีการ สมาชกิ ชดั เจน เฉพาะหวั หนา้ เปา้ หมาย สมาชิก ตา่ งคนตา่ งทำงาน ชีแ้ จงเป้าหมายการทำงาน มกี ารช้ีแจงเป้าหมาย ไมม่ ีการช้แี จงเป้าหมาย มกี ารปฏบิ ัติงานรว่ มกนั อย่างชดั เจนและ อยา่ งชดั เจน อยา่ งร่วมมือรว่ มใจ ปฏบิ ัติงานร่วมกนั ปฏบิ ตั งิ านร่วมกัน พร้อมกบั การประเมนิ เป็น แต่ไมม่ ีการประเมนิ ไม่ครบทกุ คน ระยะ ๆ เป็นระยะ ๆ

การวัดประเมินผลการจดั การเรยี นรู้ 1.การประเมนิ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นตามจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ จุดประสงค์ วิธกี ารประเมิน เครอื่ งมอื 1.อธิบายความสำคญั ของการเลย้ี ง ตรวจผลงานการเขียนอธิบาย เกณฑก์ ารให้คะแนน สตั ว์สะเทินน้ำสะเทนิ บก ความสำคัญของการเล้ยี งสัตว์สะเทนิ น้ำสะเทนิ บก 2.วเิ คราะห์ประเภทของสัตว์สะเทิน ตรวจผลงานการเขยี นแผนผงั เกณฑ์การให้คะแนน น้ำสะเทินบก ท่ีนิยมเลีย้ งในประเทศ ความคดิ วิเคราะหป์ ระเภทของสตั ว์ ไทย สะเทินน้ำสะเทินบก ท่ีนยิ มเลย้ี งใน ประเทศไทย 3.สรุปประโยชนข์ องการเลยี้ งสัตว์ ตรวจผลงานการเขียนอธบิ ายสรปุ เกณฑ์การใหค้ ะแนน สะเทนิ น้ำสะเทินบก ประโยชนข์ องการเล้ยี งสตั ว์สะเทิน นำ้ สะเทินบก 4.เห็นความสำคัญของการเลีย้ งสตั ว์ ตรวจผลงานการเขยี นอธบิ าย เกณฑ์การให้คะแนน สะเทินน้ำสะเทนิ บก เพือ่ สร้างรายได้ ความสำคัญของการเล้ียงสตั ว์สะเทนิ ใหก้ ับตนเองและครอบครัว น้ำสะเทนิ บก เพอื่ สร้างรายไดใ้ ห้กับ ตนเองและครอบครัว 2.การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ตัวชีว้ ดั วิธีการประเมนิ เครือ่ งมือ ขอ้ ที่ 4 ใฝเ่ รยี นรู้ ประเมินจากการทำงานกลมุ่ เกณฑ์การให้คะแนน ขอ้ ที่ 5 อยู่อย่างพอเพียง ประเมนิ จากการทำงานกล่มุ เกณฑก์ ารให้คะแนน ลงชอื่ ...........................................ผู้สอน (นางสาวสริ ิรตั น์ กล่ินจนั ทร์) วันท่.ี ..........เดอื น.............พ.ศ…………

บันทกึ ผลการจดั การเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอื่ ง งานเกษตร เวลา 14 ช่วั โมง แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 17 เรอื่ ง ประเภทของสตั ว์ที่นยิ มเลี้ยงในประเทศไทย สัตว์สะเทนิ นำ้ สะเทินบก เวลา 2 ชว่ั โมง ชื่อครูผสู้ อน นางสาวสริ ริ ัตน์ กล่นิ จันทร์ วนั ที่ เดือน ปี บนั ทกึ ผลการจดั การเรียนรู้ 1.การประเมนิ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนตามจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ ผลการจัดการเรียนรู้ 1.อธบิ ายความสำคญั ของการเล้ยี งสัตว์สะเทนิ นำ้ จำนวนนักเรยี นท้งั หมด……….คน สะเทนิ บก จำนวนนักเรียนท่ผี ่านการประเมิน……….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………. จำนวนนกั เรยี นทไี่ ม่ผ่านการประเมนิ ……….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………. เลขที่นักเรยี นท่ไี มผ่ ่านการประเมิน…………………………………………… 2.วเิ คราะห์ประเภทของสตั ว์สะเทนิ นำ้ สะเทนิ บก ท่ี จำนวนนักเรียนท้ังหมด……….คน นิยมเลย้ี งในประเทศไทย จำนวนนักเรียนท่ีผา่ นการประเมิน……….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………. จำนวนนักเรียนที่ไมผ่ า่ นการประเมิน……….คน คิดเปน็ รอ้ ยละ………. เลขท่ีนักเรียนที่ไม่ผา่ นการประเมนิ …………………………………………… 3.สรปุ ประโยชนข์ องการเลย้ี งสัตว์สะเทินน้ำสะเทิน จำนวนนกั เรยี นทงั้ หมด……….คน บก จำนวนนักเรยี นทผ่ี ่านการประเมิน……….คน คดิ เป็นร้อยละ………. จำนวนนกั เรียนทไี่ มผ่ า่ นการประเมนิ ……….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………. เลขทน่ี ักเรียนทไ่ี ม่ผ่านการประเมิน…………………………………………… 4.เห็นความสำคัญของการเล้ียงสตั ว์สะเทินน้ำ จำนวนนกั เรียนท้งั หมด……….คน สะเทินบก เพ่ือสร้างรายไดใ้ ห้กับตนเองและ จำนวนนักเรียนทีผ่ ่านการประเมนิ ……….คน คิดเป็นร้อยละ………. ครอบครวั จำนวนนักเรยี นที่ไม่ผา่ นการประเมนิ ……….คน คิดเปน็ ร้อยละ………. เลขทนี่ กั เรยี นทีไ่ มผ่ ่านการประเมนิ ……………………………………………

2.การประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ผลการจดั การเรียนรู้ จดุ ประสงค์ จำนวนนกั เรียนทง้ั หมด……….คน จำนวนนกั เรยี นทไี่ ดร้ ะดบั ดีเย่ียม……….คน ระดบั ดี…………..….คน ข้อที่ 4 ใฝเ่ รยี นรู้ ระดับผา่ น…………..คน ระดบั ไมผ่ า่ น……….คน ข้อที่ 5 อยู่อย่างพอเพียง เลขท่นี ักเรียนทไี่ มผ่ ่านการประเมนิ …………………………………………… จำนวนนักเรียนทงั้ หมด……….คน จำนวนนกั เรยี นท่ีไดร้ ะดับดเี ยยี่ ม……….คน ระดบั ดี…………..….คน ระดับผ่าน…………..คน ระดับไมผ่ ่าน……….คน เลขท่ีนกั เรยี นทไ่ี มผ่ ่านการประเมิน……………………………………………

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 18 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ การงานอาชพี ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 รายวิชา การงานอาชพี รหสั วิชา ง22102 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 ชอื่ หน่วย งานเกษตร หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เวลา 2 ชว่ั โมง เร่อื ง ประเภทของสตั ว์ท่นี ิยมเลย้ี งในประเทศไทย สัตว์น้ำ ชือ่ ครผู ้สู อน นางสาวสิริรตั น์ กล่ินจันทร์ สอนวนั ที่ เดือน พ.ศ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มคี วามคิดสร้างสรรค์ มที ักษะกระบวนการทำงาน ทกั ษะการจัดการ ทกั ษะกระบวนการแก้ปญั หา ทักษะการทำงานร่วมกัน และทักษะการแสวงหาความรู้ มีคณุ ธรรม และลักษณะนสิ ัยในการทำงาน มีจิตสำนกึ ในการใชพ้ ลังงาน ทรพั ยากร และส่ิงแวดล้อม เพือ่ การดำรงชวี ิตและครอบครัว ตัวชี้วัด ง 1.1 ม.2/1 ใช้ทักษะการแสวงหาความรู้เพ่ือพฒั นาการทำงาน ง 1.1 ม.2/2 ใช้ทักษะกระบวนการแกป้ ญั หาในการทำงาน ง 1.1 ม.2/3 มีจติ สำนกึ ในการทำงานและใช้ทรพั ยากรในการปฏิบัตงิ านอย่างประหยัดและคุ้มค่า จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายความสำคญั ของการเล้ียงสัตวน์ ้ำ 2. วิเคราะห์ประเภทของสตั ว์น้ำทน่ี ิยมเลี้ยงในประเทศไทย 3. สรปุ ประโยชน์ของการเล้ยี งสัตวน์ ำ้ 4. เห็นความสำคัญของการเลี้ยงสตั ว์นำ้ เพือ่ สร้างรายได้ใหก้ ับตนเองและครอบครวั สาระสำคญั สัตว์ทน่ี ิยมเลยี้ งในประเทศไทย เพือ่ จำหนา่ ยเนอ้ื ไข่ หรือการแปรรปู เปน็ ผลิตภณั ฑ์ มีทัง้ การเล้ียงสตั ว์ปกี สตั ว์บก สัตว์สะเทินนำ้ สะเทินบก และสตั ว์น้ำ ซง่ึ การเลีย้ งสตั วต์ ่าง ๆ เหล่าน้ีเป็นการสรา้ งอาชีพ และสร้างรายได้ใหก้ ับเกษตรกรไทย สาระการเรยี นรู้ ประเภทของสตั วท์ ี่นิยมเล้ียงในประเทศไทย : สตั ว์น้ำ สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. อยู่อย่างพอเพียง คำถามสำคัญ การเลย้ี งสตั ว์ให้เจริญเตบิ โตและมีคุณภาพควรทำอย่างไร การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. นักเรียนรว่ มกนั สนทนาเกีย่ วกับการเล้ียงสตั ว์น้ำ โดยตอบคำถาม ดงั น้ี • นกั เรียนเคยเห็นสัตว์น้ำหรอื ไม่ (เคย/ไมเ่ คย) • สตั วน์ ้ำที่นักเรยี นเลยี้ งคอื สัตว์อะไร (ตัวอยา่ งคำตอบ ปลาหางนกยูง) • สตั วน์ ้ำดงั กล่าวมีลกั ษณะสำคัญอยา่ งไร (ตวั อย่างคำตอบ เปน็ ปลาน้ำจดื ท่ีมขี นาดเล็กมคี วามยาวเตม็ ทไี่ ม่เกิน 5 เซนติเมตร มีจุดเด่น คือ ครีบหางมีขนาดใหญ่ ตวั ผู้และตวั เมยี มีความแตกต่างกันจนเห็นได้ชดั กล่าวคือ ตวั ผูม้ ขี นาดลำตัวทเ่ี ล็กมากแตม่ ี สสี ันและครีบที่สวยงามกว่าตวั เมยี สามารถสืบพนั ธแ์ุ บบไม่อาศัยเพศได้) 2. นกั เรียนรว่ มกนั ศึกษาและรวบรวมข้อมูลเกย่ี วกบั สตั ว์ทนี่ ยิ มเลี้ยงในประเทศไทย จากแหล่งการเรยี นรู้อืน่ ๆ ทห่ี ลากหลาย เชน่ หนังสือเรยี น อนิ เทอรเ์ นต็ 3. นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับสัตวน์ ้ำทนี่ ิยมเลยี้ งในประเทศไทย โดยตอบคำถาม ดงั นี้ • การเลยี้ งสัตว์น้ำในประเทศไทยนิยมเลีย้ งสัตวช์ นิดใดบ้าง โดยบันทึกคำตอบของนักเรียนเปน็ แผนภาพความคดิ บนกระดาน ดังตัวอยา่ ง ปลาช่อน ปลานิล ปลากะพง ปลาทบั ทมิ สัตว์น้ำทีน่ ิยมเลยี้ ง ในประเทศไทย กงุ้ ปลาสวาย ปูมา้ /ปูทะเล หอยแครง 4. นกั เรียนยกตวั อย่าง สตั วน์ ำ้ ที่นยิ มเลี้ยงในประเทศไทยมา 1 ชนดิ แล้ววเิ คราะห์ลักษณะสำคญั และการ นำไปใชป้ ระโยชน์ โดยนำเสนอข้อมลู เป็นแผนภาพความคดิ บนกระดาน ดังตวั อย่าง

สตั วน์ ำ้ ท่ีนิยมเลี้ยงในประเทศไทย ปมู า้ ลักษณะสำคญั ลักษณะโดยท่ัวไปแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ สว่ นตัว ส่วนอก และสว่ นท้อง สว่ นหัวและส่วนอกจะอยตู่ ดิ กนั มีกระดองหุ้มอยูต่ อนบน ทางด้านข้างทั้งสองของกระดองจะเปน็ รอยหยักคลา้ ยฟนั เลอ่ื ยเปน็ หนามแหลมขา้ งละ 9 อนั ขามี 5 คู่ คู่แรกเป็นกล้ามใหญ่เพ่อื ใชป้ ้องกัน ตัวและจับอาหาร ขา 2, 3, 4 จะใชเ้ ปน็ ขาเดนิ มีขนาดเล็ก ปลายแหลม ขาท่ี 5 มลี กั ษณะเปน็ ใบพายใช้ในการว่ายนำ้ สามารถโตเต็มที่ได้ราว 15-20 ซม. การนำไปใช้ประโยชน์ เปน็ การเลย้ี งเชงิ พาณิชย์และบรโิ ภค 5. นักเรยี นเลน่ เกม “ทำนายลกั ษณะของสตั ว์ตา่ ง ๆ” โดยครจู ะอา่ นลกั ษณะสำคัญของสัตวต์ ่าง ๆ แลว้ ใหน้ กั เรียนตอบคำถามวา่ ลกั ษณะดงั กลา่ วคือสัตวป์ ระเภทใดและเปน็ สัตว์อะไร โดยการยกมอื ตอบ นักเรยี นคนใดตอบถูกกจ็ ะได้คะแนนในขอ้ น้ันไป 6. นักเรยี นคิดประเมนิ เพ่อื เพ่มิ คณุ ค่า แล้วสรุปเป็นความคดิ รวบยอด โดยตอบคำถามกระตนุ้ ความคดิ ดังน้ี • การเลีย้ งสัตวใ์ ห้เจริญเติบโตและมคี ุณภาพควรทำอย่างไร (ตวั อย่างคำตอบ ผเู้ ล้ียงต้องศึกษาลักษณะสำคญั ของสตั ว์ท่จี ะเลี้ยงและศกึ ษาวิธกี ารเล้ยี ง ให้ละเอียดและปฏิบตั ติ ามอยา่ งเคร่งครัดหาความรใู้ หม่ ๆ เพอ่ื พัฒนาการเล้ียงอยู่เสมอ) 7. นักเรยี นศกึ ษาค้นคว้าเก่ียวกบั สตั ว์ที่ตนเองตอ้ งการเล้ยี ง 1 ชนดิ จากแหลง่ การเรียนรูต้ ่าง ๆ แลว้ บนั ทกึ ข้อมลู ลงในชิ้นงานท่ี 4 เรือ่ ง การเลย้ี งสัตวท์ ่นี ยิ มในประเทศไทย 8. นักเรยี นตรวจสอบความถูกตอ้ งและความเรยี บร้อยของชิน้ งานหากพบข้อผดิ พลาดควรปรับปรงุ แกไ้ ขให้ถูกตอ้ ง 9. นักเรยี นรว่ มกนั สรุปสง่ิ ทเ่ี ขา้ ใจเปน็ ความรู้รว่ มกัน ดังน้ี สตั วท์ นี่ ิยมเลยี้ งในประเทศไทย เพอ่ื จำหน่ายเนือ้ ไข่ หรือการแปรรูปเปน็ ผลติ ภัณฑ์ มีทงั้ การเลย้ี งสัตวป์ กี สตั ว์บก สัตวส์ ะเทนิ น้ำสะเทินบก และสัตวน์ ำ้ ซง่ึ การเล้ียงสัตวต์ า่ ง ๆ เหล่าน้ี เปน็ การสร้างอาชีพและสรา้ งรายไดใ้ หก้ บั เกษตรกรไทย 10. นักเรยี นนำเสนอช้ินงานเร่อื ง การเล้ียงสตั ว์ที่นยิ มในประเทศไทย หน้าช้ันเรยี น 11. นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายสรุปเก่ยี วกบั วธิ ีการทำงานให้เหน็ การคิดเชิงระบบและวธิ ีการทำงาน ทีม่ แี บบแผน

12. นักเรียนทดลองเลี้ยงสัตว์ที่ตนสนใจ 1 ชนิด แล้วคอยติดตามผลการเจรญิ เติบโตของสตั ว์ท่เี ล้ยี ง แลว้ บนั ทึกผลเป็นระยะ เพือ่ ฝึกการปฏิบัติและนำความรู้ท่ไี ด้รบั ไปนำเสนอขอ้ มลู แก่ผอู้ น่ื เพ่ือเปน็ วิทยาทาน 13. นักเรียนประเมนิ ตนเองหลงั การเรียนในประเดน็ ตอ่ ไปนี้ • สิ่งท่ีนักเรียนได้เรียนรใู้ นวันน้ีคอื อะไร • นกั เรยี นมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้มากน้อยเพยี งใด • นักเรยี นพึงพอใจกับการเรยี นรู้ในวนั นห้ี รือไม่ เพียงใด • นักเรยี นจะนำความรูท้ ีไ่ ดน้ ไี้ ปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ กต่ นเอง ครอบครัว และสงั คมทวั่ ไป ไดอ้ ย่างไร จากน้ันแลกเปลี่ยนตรวจสอบข้ันตอนการทำงานทกุ ข้ันตอนว่าจะเพมิ่ คณุ คา่ ไปสู่สงั คม เกิดประโยชนต์ ่อสงั คมให้มากข้นึ กว่าเดิมในข้นั ตอนใดบา้ ง สำหรับการทำงานในครัง้ ต่อไป สือ่ การเรยี นร/ู้ แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสอื เรยี น รายวชิ าพนื้ ฐาน การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ของสถาบนั พฒั นาคุณภาพวชิ าการ (พว.) 2. แหล่งการเรียนรทู้ ั้งภายในและภายนอกโรงเรียน 3. google meet,คลิปวดี โี อการสอน การประเมนิ การเรยี นรู้ 1. ประเมินความรู้ เร่ือง ประเภทของสัตวท์ น่ี ิยมเลย้ี งในประเทศไทย : สตั ว์น้ำ 2. ประเมินชิน้ งาน เรือ่ ง การเลีย้ งสตั วท์ ่นี ยิ มในประเทศไทย 3. ประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นใฝเ่ รยี นรู้ อยู่อย่างพอเพียง แบบประเมนิ ตามสภาพจรงิ (Rubrics) แบบประเมนิ ช้ินงาน เร่อื ง การเลี้ยงสัตวท์ ี่นยิ มในประเทศไทย รายการการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ การศกึ ษาข้อมลู 4 32 1 เกี่ยวกับสัตว์ ศึกษาข้อมลู เกย่ี วกบั สัตว์ ศึกษาขอ้ มูลเก่ียวกับสตั ว์ ที่ตอ้ งการเลี้ยง ทต่ี ้องการเล้ยี ง ศึกษาข้อมลู เกยี่ วกบั สตั ว์ ศึกษาข้อมูลเก่ียวกับสตั ว์ ทีต่ ้องการเล้ียง จากแหล่งการเรียนรู้ จากแหลง่ การเรียนรู้ จากแหล่งการเรยี นรู้ ตา่ ง ๆ ต่าง ๆ ได้ถกู ตอ้ ง ที่ต้องการเลี้ยง ท่ีต้องการเล้ียง ต่าง ๆ ได้ตามคำแนะนำ ตรงตามข้อมลู ของครู มีการอธิบายถึง จากแหล่งการเรียนรู้ จากแหลง่ การเรียนรู้ ความสำคัญ วิธีการและ การนำไปใชป้ ระโยชน์ที่ ตา่ ง ๆ ไดถ้ กู ตอ้ ง ต่าง ๆ ไดบ้ ้างบางสว่ น แสดงถึงความสมั พันธ์ กบั ตนเองและผู้อื่น ตรงตามข้อมูล แต่ยังไม่สอดคล้อง มีการอธบิ ายถงึ กบั ข้อมูล ความสำคัญ วธิ กี ารและ เขยี นตามข้อมูลท่อี ่านไม่ การนำไปใช้ประโยชน์ มีการอธบิ ายเพิ่มเตมิ ให้ แสดงใหเ้ หน็ ถึง เข้าใจง่าย ความสัมพันธ์กับตนเอง อย่างเป็นเหตุเป็นผล

การวัดประเมินผลการจัดการเรยี นรู้ 1.การประเมินผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ จดุ ประสงค์ วธิ กี ารประเมิน เครื่องมือ 1.อธบิ ายความสำคัญของการเล้ยี ง ตรวจผลงานการเขยี นอธบิ าย เกณฑก์ ารให้คะแนน สัตว์น้ำ เกณฑก์ ารให้คะแนน ความสำคัญของการเลี้ยงสัตว์นำ้ เกณฑ์การใหค้ ะแนน 2.วิเคราะห์ประเภทของสตั ว์นำ้ ที่ ตรวจผลงานการเขียนแผนผัง เกณฑก์ ารให้คะแนน นิยมเลยี้ งในประเทศไทย ความคิด วเิ คราะหป์ ระเภทของสัตว์ นำ้ ทนี่ ิยมเลย้ี งในประเทศไทย 3.สรปุ ประโยชน์ของการเล้ียงสตั ว์น้ำ ตรวจผลงานการเขียนอธบิ ายสรปุ ประโยชนข์ องการเลย้ี งสัตว์น้ำ 4.เหน็ ความสำคญั ของการเลีย้ งสัตว์ ตรวจผลงานการเขยี นอธบิ าย นำ้ เพ่อื สร้างรายได้ให้กับตนเองและ ความสำคัญของการเลย้ี งสัตว์นำ้ ครอบครวั เพ่ือสรา้ งรายได้ให้กับตนเองและ ครอบครัว 2.การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ตวั ชวี้ ัด วธิ ีการประเมิน เคร่ืองมอื ขอ้ ที่ 4 ใฝ่เรยี นรู้ ประเมนิ จากการทำงานกลุ่ม เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ขอ้ ที่ 5 อยู่อย่างพอเพียง ประเมินจากการทำงานกลุ่ม เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ...........................................ผสู้ อน (นางสาวสิรริ ัตน์ กลนิ่ จันทร)์ วนั ที.่ ..........เดือน.............พ.ศ…………

บันทกึ ผลการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ การงานอาชีพ ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เร่ือง งานเกษตร เวลา 14 ชัว่ โมง แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 18 เรอื่ ง ประเภทของสัตวท์ ่นี ิยมเลย้ี งในประเทศไทย สัตว์น้ำ เวลา 2 ชัว่ โมง ช่อื ครผู ้สู อน นางสาวสิริรัตน์ กลิ่นจนั ทร์ วันที่ เดอื น ปี บันทกึ ผลการจัดการเรยี นรู้ 1.การประเมินผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นตามจดุ ประสงค์การเรียนรู้ จุดประสงค์ ผลการจดั การเรียนรู้ 1.อธิบายความสำคัญของการเลีย้ งสตั ว์น้ำ จำนวนนกั เรียนทง้ั หมด……….คน จำนวนนกั เรยี นที่ผ่านการประเมนิ ……….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………. 2.วิเคราะห์ประเภทของสตั ว์นำ้ ทน่ี ยิ มเล้ียงใน จำนวนนกั เรยี นที่ไม่ผา่ นการประเมนิ ……….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………. ประเทศไทย เลขทนี่ ักเรยี นทไี่ ม่ผ่านการประเมิน…………………………………………… จำนวนนักเรยี นทง้ั หมด……….คน 3.สรุปประโยชน์ของการเลยี้ งสัตว์นำ้ จำนวนนกั เรยี นทผ่ี ่านการประเมิน……….คน คดิ เป็นร้อยละ………. จำนวนนกั เรียนที่ไม่ผ่านการประเมนิ ……….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………. 4.เหน็ ความสำคัญของการเลีย้ งสตั ว์นำ้ เพื่อสร้าง เลขทีน่ กั เรียนที่ไม่ผา่ นการประเมิน…………………………………………… รายไดใ้ หก้ บั ตนเองและครอบครัว จำนวนนักเรียนทัง้ หมด……….คน จำนวนนักเรยี นที่ผ่านการประเมิน……….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………. จำนวนนักเรียนทไ่ี มผ่ ่านการประเมนิ ……….คน คิดเป็นรอ้ ยละ………. เลขที่นักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นการประเมนิ …………………………………………… จำนวนนักเรียนทั้งหมด……….คน จำนวนนกั เรียนที่ผา่ นการประเมิน……….คน คิดเป็นร้อยละ………. จำนวนนกั เรียนทีไ่ ม่ผา่ นการประเมนิ ……….คน คดิ เป็นร้อยละ………. เลขทนี่ กั เรยี นท่ีไมผ่ ่านการประเมนิ ……………………………………………

2.การประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ผลการจัดการเรียนรู้ จุดประสงค์ จำนวนนักเรียนทง้ั หมด……….คน จำนวนนกั เรยี นทไ่ี ด้ระดับดีเยี่ยม……….คน ระดับดี…………..….คน ข้อท่ี 4 ใฝเ่ รยี นรู้ ระดบั ผา่ น…………..คน ระดับไม่ผ่าน……….คน ขอ้ ที่ 5 อยู่อย่างพอเพียง เลขทนี่ กั เรียนทีไ่ มผ่ ่านการประเมิน…………………………………………… จำนวนนักเรียนท้ังหมด……….คน จำนวนนักเรยี นท่ไี ด้ระดับดีเย่ยี ม……….คน ระดบั ดี…………..….คน ระดบั ผา่ น…………..คน ระดับไม่ผ่าน……….คน เลขทีน่ ักเรียนที่ไม่ผา่ นการประเมนิ ……………………………………………

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 19 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564 รายวิชา การงานอาชพี รหัสวิชา ง22102 ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 2 ชือ่ หน่วย งานเกษตร หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 เวลา 2 ชัว่ โมง เร่ือง ข้นั ตอนการเลยี้ งสัตว์เพื่อจำหนา่ ย ชือ่ ครูผู้สอน นางสาวสริ ิรตั น์ กลน่ิ จนั ทร์ สอนวนั ที่ เดือน พ.ศ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจการทำงาน มีความคดิ สร้างสรรค์ มีทกั ษะกระบวนการทำงาน ทักษะการจดั การ ทกั ษะกระบวนการแก้ปญั หา ทกั ษะการทำงานร่วมกนั และทักษะการแสวงหาความรู้ มคี ณุ ธรรม และลกั ษณะนิสยั ในการทำงาน มีจติ สำนกึ ในการใช้พลงั งาน ทรัพยากร และส่ิงแวดล้อม เพ่ือการดำรงชวี ิตและครอบครวั ตัวชว้ี ัด ง 1.1 ม.2/1 ใช้ทกั ษะการแสวงหาความรเู้ พื่อพัฒนาการทำงาน ง 1.1 ม.2/2 ใช้ทักษะกระบวนการแกป้ ัญหาในการทำงาน ง 1.1 ม.2/3 มีจิตสำนกึ ในการทำงานและใช้ทรัพยากรในการปฏบิ ัตงิ านอย่างประหยัดและคุ้มค่า จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายความสำคัญของคุณสมบตั ิของสัตว์เล้ยี ง 2. วิเคราะห์ขั้นตอนการเล้ียงสัตวเ์ พ่อื จำหน่ายไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 3. เห็นความสำคญั ของการเลีย้ งสตั ว์เพื่อจำหนา่ ย เพ่ือสร้างอาชพี และรายได้ใหก้ ับตนเองและครอบครัว สาระสำคัญ การเลย้ี งสตั ว์แต่ละชนิดผู้เลยี้ งสตั วจ์ ะต้องศึกษาข้ันตอนในการเลีย้ งสตั ว์อย่างรอบคอบ เพ่ือใหส้ ตั ว์เจริญเตบิ โตไดด้ ีไมเ่ ป็นโรค และให้ผลผลิตท่มี ีคุณภาพ คมุ้ ค่ากับการลงทนุ สาระการเรียนรู้ ขั้นตอนการเลี้ยงสัตว์เพือ่ จำหน่าย สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ 2. อยู่อย่างพอเพียง

คำถามสำคัญ ถ้านักเรียนตอ้ งการเลีย้ งสตั วแ์ ตม่ ีต้นทนุ อยู่จำกดั นกั เรียนจะแกป้ ัญหาอยา่ งไร การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นร่วมกนั สนทนาเกีย่ วกับความสำคัญของคุณสมบัติของผู้เลย้ี งสัตว์ โดยตอบคำถาม ดงั นี้ • เพราะเหตุใดมนุษยจ์ ึงตอ้ งมีการเล้ียงสัตว์ (ตวั อย่างคำตอบ การเลี้ยงสัตว์ทำให้มนษุ ย์มีแหล่งอาหาร มีอาชีพ และมีรายได้รวมไปถงึ การสรา้ งความเพลิดเพลนิ ใหก้ ับมนษุ ย์ได)้ • ผู้เล้ยี งสัตว์ควรมีคุณสมบตั อิ ยา่ งไร (ตัวอยา่ งคำตอบ ตอ้ งดแู ลเอาใจใส่ ใหอ้ าหาร ทำความสะอาดท่ีอยู่อาศัย ปอ้ งกนั และรักษาโรค ทีเ่ กิดขน้ึ กับสัตวท์ ่เี ลยี้ ง และพฒั นาวธิ กี ารเลยี้ งอย่เู สมอ) • การมคี ุณสมบตั ดิ งั กล่าวสง่ ผลต่อสตั ว์ทเี่ ล้ียงอยา่ งไร (ตวั อย่างคำตอบ สัตว์เจรญิ เตบิ โตได้ดี ไมม่ ีโรค และใหผ้ ลผลิตท่ีมีคณุ ภาพควรคา่ แก่การลงทนุ ) 2. นกั เรียนรว่ มกนั ศกึ ษาและรวบรวมขอ้ มลู เกย่ี วกับขั้นตอนการเลีย้ งสตั ว์เพ่ือจำหนา่ ย จากแหลง่ การเรยี นรู้ท่ีหลากหลาย เช่น หนังสือเรียน อินเทอร์เนต็ 3. นักเรียนรว่ มกนั วเิ คราะห์เก่ยี วกับข้ันตอนการเล้ียงสตั ว์ โดยตอบคำถาม ดังนี้ • การเล้ยี งสตั วใ์ หเ้ จรญิ เติบโตไดด้ ี ไม่มีโรค และให้ผลผลิตทีม่ ีคุณภาพ คมุ้ ค่าแกก่ ารลงทุน มขี ้ันตอนอะไรบ้าง และขัน้ ตอนดงั กล่าวเปน็ การปฏิบัตอิ ยา่ งไร โดยสรปุ คำตอบของนักเรยี นเป็นแผนภาพความคิดบนกระดาน ดังตวั อยา่ ง จดั การผลผลิต : เป็นการนาผลผลิตท่ไี ดม้ าจดั จาหน่าย เล้ยี งและดแู ลรกั ษาสตั ว์ : เป็นการเล้ียงสัตวแ์ ละดแู ลรกั ษาสตั วต์ ามวิธี ทถ่ี กู ตอ้ ง โดยการเอาใจใส่ในเรื่องตา่ ง ๆ เช่น อาหาร ยา ความสะอาด เตรียมพนั ธุส์ ตั ว์ : เป็นการจดั หาพนั ธุส์ ัตวท์ ี่จะเล้ยี ง ซ่ึงตอ้ งเป็นพนั ธุ์ทแี่ ข็งแรง ไมม่ ีโรคและมีอตั ราการเจริญเตบิ โตไดด้ ี เตรียมสถานที่ อุปกรณ์ และเคร่ืองมือในการเล้ียงสัตว์ : เป็นการเตรียมที่อยอู่ าศยั ของสตั ว์ เคร่ืองมอื อาหาร ยา ใหม้ ีความพร้อม วางแผนการเล้ียง : เป็นการกาหนดเป้าหมายในการเล้ยี งสัตว์ เพ่ือเป็นแนวปฏิบตั ิ ใหบ้ รรลเุ ป้าหมายทต่ี อ้ งการ ศึกษาขอ้ มลู เกี่ยวกบั สตั วท์ ่ีเล้ียง : เป็นการศกึ ษารายละเอยี ดเก่ียวกบั ชนิดของสัตวท์ ่เี ล้ยี ง ความตอ้ งการของตลาด งบประมาณ ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ สารวจความตอ้ งการของผูเ้ ล้ยี ง : เป็นการสารวจว่าผูเ้ ล้ียงตอ้ งการเล้ียงสัตวช์ นิดใดและมีเป้าหมาย ในการเล้ียงอยา่ งไร

4. นักเรียนรว่ มกนั วิเคราะห์ผลที่เกิดขนึ้ จากการปฏิบตั ิและไม่ปฏิบัติในการวางแผนการเลย้ี งสัตว์ โดยใชแ้ ผนภาพความคิดในการนำเสนอข้อมลู ดงั ตวั อยา่ ง การวางแผน ผลทเ่ี กดิ ขนึ้ ในการเลีย้ งสัตว์ ถ้าปฏบิ ัติ สตั วท์ ีเ่ ล้ยี งมกี ารเจริญเตบิ โตไดด้ ี และมีคณุ ภาพสามารถใหผ้ ลผลิต ตามท่ีตอ้ งการ ผลทีเ่ กดิ ขนึ้ ถ้าไม่ปฏบิ ัติ สัตวท์ ่ีเล้ียงอาจไม่ไดผ้ ลผลติ ตามความตอ้ งการและทาใหข้ าดทุน 5. นกั เรียนคิดประเมินเพ่ือเพิม่ คณุ คา่ แลว้ สรุปเป็นความคดิ รวบยอด โดยตอบคำถาม กระต้นุ ความคิด ดังนี้ • ถา้ นกั เรียนตอ้ งการเลี้ยงสตั ว์แตม่ ตี น้ ทุนอยจู่ ำกดั นักเรยี นจะแก้ปัญหาอยา่ งไร (ตวั อยา่ งคำตอบ มีการวางแผนให้รอบคอบและเลี้ยงสัตว์ทใ่ี ช้ต้นทุนไมม่ ากแต่ให้ผลตอบแทนสูง) ข้ันปฏบิ ัติและสรปุ ความรู้หลังการปฏบิ ตั ิ (Applying and Constructing the Knowledge) 6. นักเรียนแบ่งกลมุ่ แตล่ ะกลุ่มร่วมกันวางแผนเลีย้ งสตั วท์ ่ตี นสนใจมา 1 ชนิด แล้วสรุปขน้ั ตอน ในการเล้ียงสัตว์ให้เจริญเตบิ โตได้ดี ไม่มีโรค และใหผ้ ลติ ผลทมี่ คี ุณภาพ แล้วนำเสนอ 7. นกั เรียนตรวจสอบความถูกต้องและความเรยี บรอ้ ยของผลงาน หากพบขอ้ ผิดพลาดควรปรบั ปรงุ แก้ไขใหถ้ ูกต้อง 8. นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปสิง่ ทีเ่ ขา้ ใจเปน็ ความร้รู ่วมกัน ดังน้ี การเลี้ยงสตั ว์แต่ละชนิดผเู้ ลีย้ งสตั ว์จะตอ้ งศกึ ษาข้ันตอนในการเลย้ี งสตั ว์อย่างรอบคอบ เพอื่ ให้สตั ว์เจรญิ เตบิ โตได้ดีไมเ่ ปน็ โรค และให้ผลผลติ ท่ีมีคุณภาพ คมุ้ ค่ากบั การลงทนุ 9. นกั เรียนนำเสนอผลงานหน้าชนั้ เรยี น 10. นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายสรุปเกยี่ วกับวธิ กี ารทำงานให้เห็นการคดิ เชงิ ระบบและวธิ ีการทำงาน ทม่ี ีแบบแผน 11. นักเรยี นประเมนิ ตนเอง โดยเขียนแสดงความรสู้ ึกหลังการเรียนและหลังการทำกจิ กรรม ในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี • สิง่ ทน่ี ักเรยี นไดเ้ รยี นรใู้ นวนั นค้ี ืออะไร • นกั เรยี นมีสว่ นรว่ มกจิ กรรมในกลุม่ มากนอ้ ยเพียงใด • เพอื่ นนกั เรยี นในกล่มุ มีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุม่ มากน้อยเพยี งใด • นกั เรียนพึงพอใจกับการเรียนในวนั นีห้ รอื ไม่ เพยี งใด • นกั เรยี นจะนำความรู้ทไ่ี ด้น้ีไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครวั และสังคมท่วั ไป

ได้อยา่ งไร จากนน้ั แลกเปลีย่ นตรวจสอบขน้ั ตอนการทำงานทุกข้นั ตอนวา่ จะเพม่ิ คุณค่าไปสู่สงั คม เกดิ ประโยชน์ต่อสงั คมให้มากขนึ้ กวา่ เดิมในขนั้ ตอนใดบา้ ง สำหรับการทำงานในครั้งตอ่ ไป ส่อื การเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น รายวิชาพื้นฐาน การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ของสถาบนั พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ (พว.) 2. แหลง่ การเรียนรทู้ ้ังภายในและภายนอกโรงเรยี น 3. google meet,คลิปวีดโี อการสอน การประเมนิ การเรยี นรู้ 1. ประเมินความรู้ เรอื่ ง ขั้นตอนการเลยี้ งสตั วเ์ พ่อื จำหน่าย 2. ประเมินกระบวนการทำงานกลมุ่ 3. ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง แบบประเมินตามสภาพจรงิ (Rubrics) แบบประเมินกระบวนการทำงานกลุ่ม รายการการประเมนิ ระดบั คุณภาพ กระบวนการ 432 1 ทำงานกลุม่ ไมม่ ีการกำหนด มกี ารกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท มกี ารกำหนดบทบาท บทบาทสมาชิก และไมม่ ีการช้แี จง สมาชิกชดั เจน สมาชิกชดั เจน เฉพาะหัวหน้า เปา้ หมาย สมาชกิ ต่างคนตา่ งทำงาน และมกี ารชแ้ี จงเปา้ หมาย มกี ารชี้แจงเปา้ หมาย ไม่มีการช้ีแจงเปา้ หมาย การทำงาน อยา่ งชดั เจนและ อยา่ งชัดเจน มีการปฏบิ ตั ิงานรว่ มกนั ปฏิบัตงิ านร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั อยา่ งร่วมมอื รว่ มใจ แต่ไมม่ กี ารประเมนิ ไมค่ รบทกุ คน พรอ้ มกบั การประเมินเป็น เป็นระยะ ๆ ระยะ ๆ

การวดั ประเมนิ ผลการจัดการเรียนรู้ 1.การประเมนิ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ วิธกี ารประเมิน เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน 1.อธบิ ายความสำคัญของคณุ สมบตั ิ ตรวจผลงานการเขยี นอธบิ าย ของสัตวเ์ ลย้ี ง ความสำคัญของคุณสมบตั ิของสัตว์ เลี้ยง 2.วเิ คราะห์ขนั้ ตอนการเลี้ยงสัตว์เพอ่ื ตรวจผลงานการเขยี นแผนผัง เกณฑ์การให้คะแนน จำหนา่ ยไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ความคดิ วเิ คราะห์ข้ันตอนการเลี้ยง สัตว์เพ่ือจำหนา่ ยได้อยา่ งถกู ตอ้ ง 3.เหน็ ความสำคญั ของการเลยี้ งสตั ว์ ตรวจผลงานการเขียนอธบิ าย เกณฑก์ ารให้คะแนน เพ่อื จำหน่าย เพอื่ สรา้ งอาชีพ และ ความสำคญั ของการเลี้ยงสัตวเ์ พอื่ รายไดใ้ หก้ ับตนเองและครอบครวั จำหนา่ ย เพ่อื สร้างอาชพี และรายได้ ใหก้ ับตนเองและครอบครวั 2.การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ตวั ช้ีวัด วิธีการประเมนิ เคร่อื งมอื ขอ้ ท่ี 4 ใฝเ่ รยี นรู้ ประเมินจากการทำงานกลุ่ม เกณฑ์การใหค้ ะแนน ข้อท่ี 5 อยู่อยา่ งพอเพยี ง ประเมนิ จากการทำงานกลุ่ม เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ...........................................ผู้สอน (นางสาวสริ ิรตั น์ กลนิ่ จันทร)์ วนั ที่...........เดอื น.............พ.ศ…………

บันทึกผลการจัดการเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ การงานอาชีพ ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่อื ง งานเกษตร เวลา 14 ชว่ั โมง แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 19 เรอื่ ง ขัน้ ตอนการเลี้ยงสัตว์เพือ่ จำหน่าย เวลา 2 ชว่ั โมง ชือ่ ครูผสู้ อน นางสาวสริ ริ ตั น์ กล่ินจันทร์ วนั ที่ เดือน ปี บนั ทกึ ผลการจัดการเรียนรู้ 1.การประเมนิ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นตามจุดประสงค์การเรยี นรู้ จุดประสงค์ ผลการจดั การเรยี นรู้ 1.อธบิ ายความสำคัญของคณุ สมบตั ขิ องสัตวเ์ ลี้ยง จำนวนนกั เรยี นทง้ั หมด……….คน จำนวนนกั เรียนทผ่ี ่านการประเมิน……….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………. 2.วเิ คราะห์ขัน้ ตอนการเลย้ี งสัตว์เพ่อื จำหน่ายได้ จำนวนนกั เรียนท่ีไมผ่ ่านการประเมิน……….คน คิดเปน็ ร้อยละ………. อย่างถกู ต้อง เลขท่นี กั เรียนท่ีไม่ผ่านการประเมิน…………………………………………… จำนวนนกั เรียนทง้ั หมด……….คน 3.เหน็ ความสำคญั ของการเลย้ี งสัตวเ์ พือ่ จำหน่าย จำนวนนักเรียนทผ่ี า่ นการประเมนิ ……….คน คดิ เป็นร้อยละ………. เพื่อสรา้ งอาชีพ และรายได้ใหก้ บั ตนเองและ จำนวนนกั เรียนที่ไมผ่ า่ นการประเมนิ ……….คน คิดเป็นร้อยละ………. ครอบครัว เลขทีน่ ักเรยี นทไ่ี ม่ผา่ นการประเมิน…………………………………………… จำนวนนกั เรียนทั้งหมด……….คน จำนวนนกั เรยี นท่ผี ่านการประเมิน……….คน คดิ เป็นร้อยละ………. จำนวนนักเรียนทไ่ี ม่ผ่านการประเมิน……….คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ………. เลขทน่ี ักเรียนทไี่ ม่ผ่านการประเมิน……………………………………………

2.การประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ผลการจัดการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ จำนวนนักเรยี นทั้งหมด……….คน จำนวนนักเรียนทไ่ี ดร้ ะดับดีเยีย่ ม……….คน ระดบั ดี…………..….คน ขอ้ ที่ 4 ใฝ่เรยี นรู้ ระดับผา่ น…………..คน ระดบั ไมผ่ า่ น……….คน ขอ้ ที่ 5 อยู่อย่างพอเพียง เลขที่นักเรยี นที่ไมผ่ า่ นการประเมนิ …………………………………………… จำนวนนกั เรยี นทั้งหมด……….คน จำนวนนกั เรียนท่ไี ดร้ ะดับดเี ย่ียม……….คน ระดบั ดี…………..….คน ระดับผ่าน…………..คน ระดับไมผ่ ่าน……….คน เลขท่ีนกั เรยี นทไ่ี ม่ผ่านการประเมนิ ……………………………………………

แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 20 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ การงานอาชพี ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564 รายวิชา การงานอาชีพ รหสั วิชา ง22102 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ช่ือหนว่ ย งานเกษตร หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 เวลา 2 ชวั่ โมง เรื่อง กิจกรรมเสรมิ ทักษะความร้ทู า้ ยหนว่ ยการเรียนรู้ ชอ่ื ครผู ูส้ อน นางสาวสิริรัตน์ กลนิ่ จันทร์ สอนวันท่ี เดือน พ.ศ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ง 1.1 เขา้ ใจการทำงาน มีความคดิ สร้างสรรค์ มีทกั ษะกระบวนการทำงาน ทักษะการจดั การ ทกั ษะกระบวนการแกป้ ญั หา ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน และทักษะการแสวงหาความรู้ มีคณุ ธรรม และลกั ษณะนิสัยในการทำงาน มจี ิตสำนึกในการใช้พลังงาน ทรัพยากร และสง่ิ แวดล้อม เพื่อการดำรงชวี ติ และครอบครวั ตัวช้วี ัด ง 1.1 ม.2/1 ใช้ทกั ษะการแสวงหาความรู้เพื่อพัฒนาการทำงาน ง 1.1 ม.2/2 ใช้ทกั ษะกระบวนการแก้ปัญหาในการทำงาน ง 1.1 ม.2/3 มีจติ สำนึกในการทำงานและใช้ทรพั ยากรในการปฏบิ ตั ิงานอย่างประหยัดและคุ้มค่า จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายสรปุ เกย่ี วกับการเล้ียงสัตว์ในกจิ กรรมเสริมทักษะความรู้ 2. ปฏบิ ัติกิจกรรมเสริมทักษะความรู้ 3. เห็นความสำคัญของการทำกจิ กรรมเสรมิ ทักษะความรู้ สาระสำคัญ การเลยี้ งสัตว์เปน็ งานเกษตรทเี่ ก่ียวข้องกับการเพาะพันธุ์ การเลย้ี งและดแู ล และการจัดการผลผลิต ที่ได้จากสัตว์ เพื่อบริโภคในครัวเรือนหรือเพอื่ จำหน่าย สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมเสริมทักษะความรทู้ ้ายหน่วยการเรยี นรู้ สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ 2. อยู่อย่างพอเพียง คำถามสำคญั นกั เรียนจะนำความรทู้ ่ีได้รบั จากการศกึ ษาการเลย้ี งสัตวไ์ ปปรบั ใชใ้ นการดำเนนิ ชวี ิตอยา่ งไร การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1. นักเรียนสังเกตภาพเกีย่ วกบั การใช้ประโยชนจ์ ากสัตวใ์ นด้านตา่ ง ๆ แลว้ ตอบคำถาม ดงั น้ี • จากภาพเป็นการใช้ประโยชนจ์ ากสตั วใ์ นดา้ นใด (• บริโภคเนื้อเปน็ อาหาร • ใชเ้ ปน็ เครื่องน่งุ หม่ เปน็ เคร่อื งแตง่ กาย • ใช้ทดลองยารกั ษาโรค) • จากภาพเปน็ การใช้ประโยชนจ์ ากสตั วใ์ นด้านใด (• เป็นสตั ว์เลีย้ งสวยงาม • ใหค้ วามเพลดิ เพลนิ ) • จากภาพเป็นการใช้ประโยชน์จากสตั วใ์ นดา้ นใด (ใชส้ ร้างรายได้ เปน็ สิ่งดงึ ดดู ใจใหน้ ักทอ่ งเทย่ี วซื้อบัตรเข้าชม และทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ ภายในสถานที่น้นั )

• จากภาพเปน็ ผลิตภณั ฑ์แปรรูปจากอะไร (เนือ้ ไก่ เนือ้ และนำ้ นมท่ไี ด้จากโคนม) • ใช้ประโยชนด์ ้านใด (ใช้ในการบริโภคเป็นอาหาร) • จากภาพสามารถใช้ประโยชนใ์ นดา้ นใด (• ใช้เปน็ อาหารในการเลี้ยงสตั ว์ • ใชเ้ ก็บรกั ษาเน้อื สัตว์) • เหตผุ ลท่ีต้องมี (เน่อื งจากมกี ารเล้ยี งสัตวแ์ ละแปรรปู เนือ้ สัตว์จำนวนมาก) 2. นักเรียนโยงเสน้ จบั ค่ปู ระโยชน์ของสัตว์กับภาพใหส้ ัมพนั ธ์กนั แลว้ ตอบคำถาม 1. ใชแ้ รงงานในการทาการเกษตร 2. ใชเ้ ป็นอาหาร 3. เป็นวสั ดใุ ชท้ าของใช้ และเคร่ืองนุ่งห่ม 4. ใชเ้ ป็นพาหนะ 5. ใชง้ านดา้ นความปลอดภยั

• จำเปน็ ต้องมกี ารเลีย้ งสตั วเ์ หลา่ นห้ี รอื ไม่ เพราะอะไร (ตัวอย่างคำตอบ จำเปน็ เพราะการเล้ยี งสัตว์สามารถใชแ้ รงงานในการทำการเกษตร ใช้เปน็ อาหาร เป็นวัสดใุ ช้ทำของใชแ้ ละเคร่อื งนุ่งหม่ ใชเ้ ปน็ พาหนะ รวมถึงใช้งานด้านความปลอดภยั ) 3. นักเรียนอ่านแถบประโยค แล้วรว่ มกันวิเคราะห์วา่ แถบประโยคน้นั กลา่ วถงึ การเล้ยี งสตั ว์ ถกู หรือไม่ โดยการเขยี นเครอ่ื งหมาย ✓ หน้าขอ้ ความท่ถี กู ตอ้ ง และเขียนเครื่องหมาย  หนา้ ขอ้ ความ ทไี่ ม่ถกู ต้อง ( ✓ ) 1. การเลย้ี งจระเขใ้ นฟารม์ ท่ีจงั หวัดสมุทรปราการเปน็ การส่งเสริมการท่องเท่ยี ว (  ) 2. ปูม้าเปน็ สัตวส์ ะเทินน้ำสะเทนิ บก (  ) 3. การกำหนดงบประมาณในการเล้ยี งสัตว์เป็นขั้นตอนของการจัดการผลผลิต ( ✓ ) 4. ไก่พันธ์ไุ ฮบรดิ นิยมเลยี้ งมากที่สดุ เพราะใหผ้ ลผลิตสงู ไขฟ่ องโต และเปลือกไขแ่ ข็งแรงทนทาน ( ✓ ) 5. อปุ กรณ์ให้น้ำแบบรางยาวใช้สำหรบั ลูกไก่อายุ 1-3 สปั ดาห์ (  ) 6. สถานทท่ี ่ีเหมาะกบั การเลี้ยงปลานลิ ในกระชงั คอื บ่อดนิ ใกล้แหลง่ ชมุ ชุน (  ) 7. ปลานลิ ทีป่ ลอ่ ยเล้ยี งในกระชงั ตอ้ งมขี นาด 15-20 กรัม ( ✓ ) 8. การให้อาหารปลานลิ ควรให้ในชว่ งเย็น ปลานิลจงึ จะกินอาหารไดด้ ี (  ) 9. อาหารท่ีใช้เล้ยี งปลานลิ ควรใช้ปลาตวั เล็กๆ ( ✓ ) 10. โรคติดเชือ้ แบคทเี รยี แอรโ์ รโมนาสรักษาไดโ้ ดยการใหย้ าปฏชิ ีวนะ 4. นกั เรียนคิดประเมนิ เพอื่ เพ่ิมคุณค่า แลว้ สรุปเป็นความคิดรวบยอด โดยใช้คำถาม ดงั นี้ • นักเรียนจะนำความรทู้ ่ีไดร้ บั จากการศึกษาการเล้ยี งสตั ว์ไปปรบั ใช้ในการดำเนนิ ชวี ติ อย่างไร (ตวั อยา่ งคำตอบ ใช้เป็นพืน้ ฐานในการเลย้ี งสัตวใ์ นอนาคต เพอื่ จะไดม้ ีแนวทางการปฏิบัตทิ ่ีถกู ต้อง) 5. นักเรยี นแบ่งกล่มุ แตล่ ะกลุ่มเลือกทำกิจกรรมเสริมทกั ษะความรูท้ ี่กำหนดความรู้ที่กำหนดให้ ดังนี้

กิจกรรมที่ 1 การเลี้ยงไกไ่ ข่ นกั เรยี นชว่ ยกนั เล้ียงไกไ่ ข่ตามข้ันตอนท่เี รยี นมา เม่ือได้ผลผลิตแล้วให้นักเรียนจดั การผลผลิตร่วมกัน จากนนั้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั สรปุ ผลการดำเนินการลงในแบบสรปุ ผลการดำเนินการ ดังตวั อย่าง แบบรายงานผลการดำเนินการเลยี้ งไก่ไข่ 1. การวางแผนการทำงาน 1. การวางแผนการทางาน • - กกลลุ่มมุ่ ขขอองงนนักกั เเรรียียนนววาางงแแผผนนกกาารรททำางงาานนออยย่าา่ งงไไรร…...….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…......…....…....…........ ………...…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....... 2. การปฏบิ ัตงิ าน 2. การปฏบิ ตั งิ าน 2.21.1รระะหหววา่ า่งงปปฏฏิบิบตั ตัิงางิ นานกลกมุ่ลขุ่มอขงอนงกันเกัรียเรนียพนบพปบัญปหัญาหหารหือรไืมอ่ไอมย่ อ่างยไา่ รงไร……………………………………….. ………...…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....... 2.2 ก.ล...ุ่ม..ข...อ..ง..น...กั...เ.ร.ี.ย..น...แ..ก..ไ.้ ..ข..ป...ัญ...ห...า..น..้นั...อ...ย..า่ .ง..ไ...ร..…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…............ …2….2…กล…่มุ …ขอ…งน…กั เ…รีย…นแ…ก…ไ้ ขป…ญั …ห…าน…น้ั อ…ยา่…งไ…ร …………………………………………………………………. ................................................................3.....ก..า..ร..ป...ร..ะ..เ.ม...นิ ...ผ..ล............................................................................... ............................................3....1...ผ..ล...ง..า..น..ข...อ..ง..ก...ล..มุ่...น...กั ..เ.ร..ีย..น...อ...ย..ใู่ .น...ร..ะ...ด..บั...ใ..ด.......................................................... 3. การประเมินผดลีมาก  ดี พอใช้  ควรปรับปรุง 3.1 ผลงานของกลุ่มนกั เรยี นอย่ใู นระดบั ใด 4. การวเิ คราะห์งาน ด4ีม.า1กผลผลิตทไี่ ดม้ ีจานวนด…ี ………………………พอ…ใช…้ …………………ค…ว…รป…รับ…ปร. ุง 4. การวเิ คราะห4ง์.2านผลผลติ ทไี่ ดอ้ ยใู่ นเกณฑใ์ ด……………………………………………………… 44..13 ผกลารผจลดัติ กทาไ่ี รดผม้ ลีจผำลนิตวนคอื …………………………………………………………………………………………………………………………………………….…...................................... …4….2…ผ…ลผ…ลติ…ท…ไี่ ด…้อย…ู่ใน…เก…ณฑ…ใ์ …ด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………. 5.4น.3กั เกรียารนจจัดะกปารรบั ผปลผรุงลกิตารคทอื าง…าน…ต…น…เ…อง…ใ…ห…้ดีข…้นึ…ไ…ด…อ้ …ยา่…ง…ไร…………………………………………………………………………….…………………… …………....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....... 5. นกั เรียนจะปรับปรงุ การทำงานตนเองให้ดขี ้นึ ไดอ้ ย่างไร ............................................................................................................................................................................ กจิ ..ก..ร..ร..ม...ท..่ี..2......ก..า..ร..เ..ล..ย้ี..ง..ป...ล..า..น..ิล................................................................................................................................ ..........น...ัก..เ..ร..ีย..น...ช..่ว..ย..ก...ัน..เ.ล...ี้ย..ง..ป...ล..า..น..ลิ...ใ.น...ก..ร..ะ..ช...ัง..ต..า..ม..ข...ั้น..ต...อ..น...ท..่ีเ..ร.ีย...น..ม...า...เ..ม..ื่อ..ไ..ด..้ผ...ล..ผ..ล...ิต..แ..ล...้ว..ใ.ห...้น...ัก..เ.ร..ีย...น..จ..ัด...ก..า..ร............ ผล.ผ...ล..ิต...ร.ว่...ม..ก..ัน....จ...า.ก...น..ั้.น..ใ..ห..้น...กั ..เ.ร..ีย...น..ช...ว่ ..ย..ก..นั...ส..ร..ุป...ผ..ล...ก..า..ร..ด...ำ.เ..น..ิน...ก..า..ร..ล..ง..ใ..น..แ...บ..บ...ส..ร..ุป...ผ..ล...ก..า..ร..ด..ำ..เ..น..ิน...ก..า..ร....ด..ัง..ต..ัว..อ...ย..่า..ง.......

แบบรายงานผลการดำเนนิ การเลย้ี งปลานลิ 1. การวางแผนการทำงาน 1. การวางแผนการทางาน • - กกลลุ่มุ่มขขอองงนนกักั เเรรยีียนนววาางงแแผผนนกกาารรททำางงาานนออยย่าา่ งงไไรร…...…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…......…....…....…........ ………...…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....... 2. การปฏิบตั ิงาน 2. การปฏิบตั ิงาน 2.21.1รระะหหวว่าา่งงปปฏฏบิ ิบตั ตังิ างิ นานกลก่มุลขมุ่ อขงอนงักนเกัรียเรนียพนบพปบัญปหัญาหหารหอื รไืมอ่ไอมย่ อ่างยไา่ รงไร……………………………………….. ………...…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....... 2.2 ก.ล...ุม่ ..ข...อ..ง..น...กั...เ.ร.ี.ย..น...แ..ก..ไ้...ข..ป...ัญ...ห...า..น..้น.ั ..อ...ย..า่ ..ง.ไ...ร..…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…............ …2….2…กล…มุ่ …ขอ…งน…ักเ…รยี …นแ…ก…ไ้ ขป…ญั …ห…าน…ัน้ อ…ย่า…งไ…ร …………………………………………………………………. ................................................................3.....ก..า..ร..ป...ร..ะ..เ.ม...ิน...ผ..ล............................................................................... ............................................3....1...ผ..ล...ง..า.น...ข...อ..ง..ก...ล..มุ่...น...กั ..เ.ร..ีย..น...อ...ย..ใู่ .น...ร..ะ...ด..บั...ใ..ด.......................................................... 3. การประเมินผดลีมาก  ดี พอใช้  ควรปรับปรุง 3.1 ผลงานของกลมุ่ นักเรยี นอยู่ในระดับใด 4. การวเิ คราะหง์ าน ด4มี .า1กผลผลิตทไี่ ดม้ จี านวนด…ี ………………………พอ…ใช…้ …………………ค…ว…รป…รับ…ปร. งุ 4. การวเิ คราะห4์ง.2านผลผลิตท่ีไดอ้ ยใู่ นเกณฑใ์ ด……………………………………………………… 44..13 ผกลารผจลดัิตกทา่ไี รดผม้ ลีจผำลนติวนคือ…………………………………………………………………………………………………………………………………………….…...................................... …4….2…ผ…ลผ…ลติ…ท…ไี่ ด…อ้ ย…ู่ใน…เก…ณฑ…ใ์ …ด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………. 5.4น.3กั เกรียารนจจดั ะกปารรบั ผปลผรุงลกิตารคทือาง…าน…ต…น…เ…อง…ใ…ห…้ดีข…้นึ …ไ…ด…อ้ …ยา่…ง…ไร…………………………………………………………………………….…………………… …………....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....….....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....…....... 5. นักเรียนจะปรับปรงุ การทำงานตนเองให้ดขี นึ้ ไดอ้ ย่างไร ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ 6. นกั เรียนร่วมกนั สรปุ ส่ิงทเี่ ขา้ ใจเป็นความรรู้ ว่ มกนั ดงั น้ี การเลี้ยงสตั ว์เป็นงานเกษตรที่เกีย่ วข้องกับการเพาะพนั ธ์ุ การเล้ยี งและดแู ล และการจัดการ ผลผลิตที่ได้จากสัตว์ เพอื่ บริโภคในครัวเรือนหรอื เพื่อจำหน่าย 7. นกั เรียนนำเสนอกิจกรรมเสรมิ ทักษะความรูห้ น้าชัน้ เรยี น

8. นักเรียนร่วมกนั อภิปรายสรปุ เกยี่ วกับวิธกี ารทำงานใหเ้ ห็นการคดิ เชิงระบบและวธิ ีการทำงาน ท่มี แี บบแผน 9. นกั เรียนประเมนิ ตนเอง โดยเขยี นแสดงความรสู้ ึกหลังการเรยี นและหลังการทำกิจกรรม ในประเด็นต่อไปน้ี • สงิ่ ทีน่ ักเรยี นได้เรียนรูใ้ นวันน้คี ืออะไร • นักเรียนมีส่วนรว่ มกิจกรรมในกล่มุ มากนอ้ ยเพยี งใด • เพอ่ื นนักเรียนในกลุม่ มสี ่วนรว่ มกิจกรรมในกลุ่มมากน้อยเพยี งใด • นักเรียนพงึ พอใจกับการเรียนในวันนี้หรอื ไม่ เพยี งใด • นกั เรยี นจะนำความรู้ท่ีได้น้ีไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครวั และสังคมท่วั ไป ไดอ้ ย่างไร จากน้ันแลกเปลี่ยนตรวจสอบข้นั ตอนการทำงานทุกขั้นตอนว่าจะเพม่ิ คณุ ค่าไปสสู่ งั คม เกิดประโยชน์ต่อสงั คมให้มากขนึ้ กวา่ เดิมในขัน้ ตอนใดบ้าง สำหรบั การทำงานในครงั้ ตอ่ ไป สอ่ื การเรียนร/ู้ แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียน รายวิชาพนื้ ฐาน การงานอาชพี และเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ของสถาบนั พฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.) 2. ภาพการใชป้ ระโยชน์จากสัตว์ในด้านตา่ ง ๆ 3. แหล่งการเรียนรทู้ ้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน 4. google meet,คลิปวดี โี อการสอน การประเมินการเรียนรู้ 1. ประเมนิ ความรู้ เรอ่ื ง กิจกรรมเสริมทกั ษะความรูท้ า้ ยหน่วยการเรยี นรู้ 2. ประเมนิ กระบวนการทำงานกลมุ่ 3. ประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ด้านใฝเ่ รยี นรู้ อยู่อย่างพอเพียง แบบประเมินตามสภาพจริง (Rubrics) แบบประเมินกระบวนการทำงานกลุ่ม รายการการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ กระบวนการ 432 1 ทำงานกลมุ่ ไม่มกี ารกำหนด มกี ารกำหนดบทบาท มีการกำหนดบทบาท มกี ารกำหนดบทบาท บทบาทสมาชิก และไม่มกี ารช้แี จง สมาชิกชัดเจน สมาชกิ ชัดเจน เฉพาะหัวหนา้ เป้าหมาย สมาชกิ ต่างคนตา่ งทำงาน และมกี ารช้แี จงเป้าหมาย มีการชแ้ี จงเป้าหมาย ไมม่ ีการชี้แจงเปา้ หมาย การทำงาน อย่างชัดเจนและ อยา่ งชดั เจน มีการปฏิบตั งิ านร่วมกนั ปฏิบัติงานรว่ มกัน ปฏบิ ตั ิงานร่วมกนั อย่างรว่ มมือร่วมใจ แตไ่ ม่มีการประเมนิ ไมค่ รบทกุ คน พร้อมกับการประเมินเปน็ เป็นระยะ ๆ ระยะ ๆ

การวัดประเมนิ ผลการจัดการเรยี นรู้ 1.การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ จดุ ประสงค์ วิธกี ารประเมิน เครื่องมือ 1.อธิบายสรุปเก่ยี วกบั การเลย้ี งสัตว์ ในกจิ กรรมเสรมิ ทกั ษะความรู้ ตรวจผลงานการเขียนอธิบายสรปุ เกณฑ์การให้คะแนน 2.ปฏิบัติกจิ กรรมเสรมิ ทักษะความรู้ เก่ียวกบั การเล้ียงสตั วใ์ นกจิ กรรม 3.เหน็ ความสำคญั ของการทำ เสริมทักษะความรู้ กจิ กรรมเสริมทักษะความรู้ ตรวจผลงานการปฏบิ ัติกจิ กรรมเสรมิ เกณฑ์การให้คะแนน ทักษะความรู้ ตรวจผลงานการเขยี นอธิบาย เกณฑ์การใหค้ ะแนน ความสำคัญของการทำกิจกรรมเสริม ทักษะความรู้ 2.การประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ตวั ชว้ี ัด วิธกี ารประเมนิ เคร่อื งมอื ขอ้ ที่ 4 ใฝ่เรยี นรู้ ประเมนิ จากการทำงานกลมุ่ เกณฑ์การให้คะแนน ข้อที่ 5 อยู่อยา่ งพอเพยี ง ประเมนิ จากการทำงานกลมุ่ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชื่อ...........................................ผู้สอน (นางสาวสิริรัตน์ กลิน่ จนั ทร)์ วนั ท่.ี ..........เดือน.............พ.ศ…………

บนั ทกึ ผลการจัดการเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรียนรู้ การงานอาชพี ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง งานเกษตร เวลา 14 ชว่ั โมง แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 20 เรอ่ื ง กจิ กรรมเสรมิ ทักษะความรทู้ า้ ยหนว่ ยการเรยี นรู้ เวลา 2 ชว่ั โมง ชือ่ ครผู สู้ อน นางสาวสิริรัตน์ กล่นิ จันทร์ วนั ที่ เดอื น ปี บันทกึ ผลการจดั การเรียนรู้ 1.การประเมนิ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ ผลการจดั การเรียนรู้ จำนวนนักเรียนทง้ั หมด……….คน 1.อธบิ ายสรปุ เกี่ยวกับการเลยี้ งสัตว์ในกจิ กรรม จำนวนนกั เรียนทผ่ี า่ นการประเมิน……….คน คดิ เป็นร้อยละ………. เสริมทักษะความรู้ จำนวนนกั เรยี นทไ่ี มผ่ ่านการประเมิน……….คน คดิ เป็นร้อยละ………. เลขท่นี ักเรยี นท่ไี มผ่ า่ นการประเมิน…………………………………………… 2.ปฏิบตั ิกจิ กรรมเสริมทกั ษะความรู้ จำนวนนักเรียนทัง้ หมด……….คน จำนวนนักเรยี นทผ่ี า่ นการประเมิน……….คน คิดเป็นร้อยละ………. 3.เห็นความสำคัญของการทำกจิ กรรมเสรมิ ทกั ษะ จำนวนนักเรียนที่ไมผ่ า่ นการประเมนิ ……….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………. ความรู้ เลขที่นกั เรียนทีไ่ ม่ผ่านการประเมิน…………………………………………… จำนวนนกั เรียนทั้งหมด……….คน จำนวนนกั เรียนทผี่ ่านการประเมนิ ……….คน คดิ เป็นร้อยละ………. จำนวนนักเรยี นที่ไม่ผา่ นการประเมิน……….คน คดิ เป็นรอ้ ยละ………. เลขท่ีนักเรยี นที่ไม่ผา่ นการประเมนิ ……………………………………………

2.การประเมนิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ผลการจดั การเรยี นรู้ จดุ ประสงค์ จำนวนนักเรียนทัง้ หมด……….คน จำนวนนักเรยี นท่ีได้ระดบั ดีเย่ียม……….คน ระดบั ดี…………..….คน ข้อที่ 4 ใฝเ่ รยี นรู้ ระดับผา่ น…………..คน ระดบั ไมผ่ า่ น……….คน ข้อที่ 5 อยู่อย่างพอเพียง เลขที่นักเรยี นท่ีไม่ผ่านการประเมนิ …………………………………………… จำนวนนกั เรยี นทั้งหมด……….คน จำนวนนกั เรียนท่ไี ดร้ ะดับดเี ยยี่ ม……….คน ระดบั ดี…………..….คน ระดับผ่าน…………..คน ระดับไมผ่ ่าน……….คน เลขท่ีนกั เรียนท่ีไมผ่ ่านการประเมิน……………………………………………

ชิ้นงานท่ี 3 เร่ือง การทาเคร่ืองด่ืมตามหลักการเตรียม ประกอบ จดั ตกแต่ง และบริการเครื่องด่ืม วนั ท่ี________เดือน_______________พ.ศ.___________ ได_้ _________คะแนน ชื่อ_____________________________เลขที่______ช้นั __________ คะแนนเตม็ 10 คะแนน นกั เรียนแบง่ กล่มุ ร่วมกนั เลอื กทำเคร่ืองดืม่ ไดแ้ ก่ น้ำฟักทอง และน้ำผลไมผ้ สมสมุนไพร หรือน้ำผกั และผลไมช้ นิดอืน่ ทมี่ มี ำกในทอ้ งถน่ิ 2 ชนิด แลว้ บนั ทึกลงในแบบบนั ทกึ (ตวั อยา่ งคาตอบ) แบบบนั ทึก 1. เครื่องด่ืมที่เลอื กทำไดแ้ ก่อะไรบำ้ ง (น้ำฟักทองและน้ำผลไมผ้ สมสมนุ ไพร) (น้ำฟักทองและน้ำผลไมผ้ สมสมนุ ไพร) 2. ผลงำนเคร่ืองดื่มของนกั เรียนเป็นอยำ่ งไร (รสชำตดิ ี กำรจดั ตกแต่งเหมำะสมสวยงำม) (น้ำฟักทองและน้ำผลไมผ้ สมสมนุ ไพร) 3. นกั เรียนพบปัญหำในกำรปฏิบตั งิ ำนหรือไม่ ถำ้ พบนกั เรียนแกป้ ัญหำน้นั อยำ่ งไร (ไม่พบ) (น้ำฟักทองและน้ำผลไมผ้ สมสมนุ ไพร) 4. นกั เรียนประหยดั ทรัพยำกรในกำรทำงำนอยำ่ งไร (ใชผ้ กั ผลไมท้ ี่หำไดง้ ำ่ ยในทอ้ งถนิ่ มำทำเครื่องดมื่ เพื่อประหยดั ค่ำใช้จำ่ ย) (น้ำฟักทองและน้ำผลไมผ้ สมสมนุ ไพร) 5. นกั เรียนจะนำควำมรู้เร่ือง กำรทำเคร่ืองด่ืมไปใช้ประโยชน์อยำ่ งไร (นำไปประกอบอำชีพเสริมเพ่ือหำรำยไดเ้ พิ่มใหแ้ กค่ รอบครัว) (น้ำฟักทองและน้ำผลไมผ้ สมสมนุ ไพร)

ชิน้ งานท่ี 4 เรื่อง การเลยี้ งสัตว์ทนี่ ยิ มในประเทศไทย ได_้ _________คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน วนั ท่ี________เดือน_______________พ.ศ.___________ ชื่อ_____________________________เลขท่ี______ช้นั __________ นกั เรียนศกึ ษาคน้ ควา้ เก่ียวกบั สตั วท์ ีต่ นเองตอ้ งการเล้ยี ง 1 ชนิด จากแหล่งการเรียนรู้ตา่ ง ๆ แลว้ บนั ทึกผลลงในแบบบนั ทกึ (ตวั อยา่ งคาตอบ) แบบบนั ทึก 1. สัตวท์ ่นี กั เรียนตอ้ งการเล้ียงคอื อะไร เพราะอะไรจึงตอ้ งการเล้ยี ง (กบ เพราะเป็นทน่ี ิยมของคนในทอ้ งถนิ่ ) (น้าฟักทองและน้าผลไมผ้ สมสมนุ ไพร) 2. นกั เรียนศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลของสตั วท์ ี่ตอ้ งการเล้ยี งจากแหลง่ การเรียนรู้ใดบา้ ง (หนงั สือในห้องสมุด เวบ็ ไซตใ์ นอนิ เทอร์เนต็ ผูท้ เี่ คยเล้ียงกบมากอ่ น) (น้าฟักทองและน้าผลไมผ้ สมสมนุ ไพร) 3. สิ่งทน่ี กั เรียนไดจ้ ากการศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู ของสตั วท์ ่ีตอ้ งการเล้ยี งมีอะไรบา้ ง (พนั ธุ์กบ วิธีการเล้ียงกบ การป้องกนั และรกั ษาโรคกบ การจดั การผลผลติ ) (น้าฟักทองและน้าผลไมผ้ สมสมนุ ไพร) 4. นกั เรียนจะนาสิ่งทไ่ี ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลของสตั วท์ ่ตี อ้ งการเล้ียงไปใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งไร (นาไปใชใ้ นการเล้ยี งกบเพ่ือจาหน่าย สร้างรายไดใ้ หแ้ ก่ครอบครัว) (น้าฟักทองและน้าผลไมผ้ สมสมนุ ไพร)

ชิ้นงานท่ี 5 เร่ือง การเลยี้ งไก่ไข่ การเลยี้ งปลานลิ ได_้ _________คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน วนั ท่ี________เดือน_______________พ.ศ.___________ ชื่อ_____________________________เลขที่______ช้นั __________ นกั เรียนแบ่งกลุ่มเลือกศึกษาคน้ ควา้ เก่ียวกบั การเล้ยี งไก่ไขห่ รือปลานิลอยา่ งถกู วธิ ี แลว้ บนั ทกึ ผล ลงในแบบบนั ทึก (ตวั อยา่ งคาตอบ) แบบบันทกึ 1. สัตวท์ ี่นกั เรียนตอ้ งการศึกษาวิธีเล้ยี งคอื อะไร เพราะอะไร (ไกไ่ ข่ เพราะเป็นทต่ี อ้ งการของตลาด และสามารถเกบ็ ผลผลิตขายไดห้ ลายคร้งั ) (น้าฟักทองและน้าผลไมผ้ สมสมนุ ไพร) 2. นกั เรียนศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลของสัตวท์ ต่ี อ้ งการเล้ยี งจากแหล่งการเรียนรู้ใดบา้ ง (หนงั สือในหอ้ งสมุด เวบ็ ไซตใ์ นอนิ เทอร์เน็ต ผูท้ ่เี คยเล้ียงไกไ่ ข่) (น้าฟักทองและน้าผลไมผ้ สมสมนุ ไพร) 3. มีข้นั ตอนวธิ ีการเล้ียงดูอยา่ งไร (การเล้ียงดไู กไ่ ข่เมอื่ อายปุ ระมาณ 20-22 สปั ดาห์ มีแนวปฏิบตั ิ ดงั น้ี 1. เล้ียงไก่ไข่บนพ้ืนคอกหรือเล้ยี งขงั บนกรงตบั กรงละ 1 ตวั หรือ 2-4 ตวั 2. คดั ไก่ไข่ท่ีออ่ นแอ เป็นโรค ให้ไขค่ ุณภาพไม่ดหี รือปริมาณนอ้ ยออกจากฝูง 3. ตอ้ งให้แสงสวา่ งแกไ่ กไ่ ขอ่ ยา่ งเพยี งพอและเหมะสมกบั ขนาดของโรงเรือน 4. ให้อาหารไกไ่ ข่ให้เหมาะสมกบั ช่วงอายุ 5. ใหน้ ้า 3.8 ลิตร ถึง 19 ลิตรต่อวนั 6. ป้องกนั และรกั ษาโรคไก่) 4. นกั เรียนจะนาสิ่งทีไ่ ดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู ของวิธีการเล้ยี งสัตวท์ ่ีสนใจไปใชป้ ระโยชน์อยา่ งไร (นาขอ้ มูลไปเผยแพร่ใหก้ บั ครอบครัวในการเล้ียงไก่ไขเ่ พอ่ื จาหน่ายสร้างรายไดใ้ หค้ รอบครวั ) (น้าฟักทองและน้าผลไมผ้ สมสมนุ ไพร)