ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๔
ก คานา บทเรียนสำเร็จรูปชุดพัฒนำทักษะวรรณคดีและวรรณกรรมเรื่อง เงำะป่ำเล่มนี้ จัดทำข้ึนสำหรับใช้เสริมทักษะวรรณคดีและวรรณกรรม ระดับช้ันประถมศึกษำปีที่ ๔ โดยประกอบไปด้วยเนื้อหำ แบบฝึกหัด แบบทดสอบ และแบบเฉลย ซึ่งมีส่ืออิเล็กทรอนิกส์ CAI ประกอบ มี เนอื้ หำสำระสำคญั และผลกำรเรยี นรทู้ ่ีคำดหวงั ตรงตำมมำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ภำษำไทย ระดับช้ันประถมศึกษำปีท่ี ๔ ตรงตำมหลักสูตรแกนกลำง กำรศกึ ษำข้นั พน้ื ฐำนพทุ ธศักรำช ๒๕๕๑ บทเรียนสำเรจ็ รปู เล่มน้ี ผูเ้ รยี นสำมำรถศึกษำได้ด้วยตนเอง จะเกิด ประโยชน์กับผู้เรียนเป็นอย่ำงมำกหำกผู้เรียนสนใจท่ีศึกษำและครูผู้สอนก็ สำมำรถนำมำใช้สอนในกำรบูรณำกำรเรียนให้มีควำมน่ำสนใจและเกิด ประโยชน์มำกย่ิงขึ้น ทั้งนี้ครูผู้สอนก็ต้องคอยให้คำแนะนำและคำปรึกษำ ให้แก่นักเรียนกรณีท่ีนักเรียนมีคำถำมหรือข้อสงสัย คอยชี้แนะแก่นักเรียน เกี่ยวกับบทเรยี นนี้ ผู้จัดทำหวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำบทเรียนสำเร็จรูปเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์ ให้แก่ผู้ท่ีสนใจ สำมำรนำมำกำรบูรณำกำรกับกำรเรียนกำรสอนเพ่ือให้มี ควำมนำ่ เรียนและควำมเขำ้ ใจมำกยง่ิ ข้ึน และหวังเป็นอย่ำงย่ิงว่ำบทเรียนนจ้ี ะ เป็นส่วนสำคัญในกำรพัฒนำทักษะวรรณคดีและวรรณกรรม เรื่องเงำะป่ำ ตอนตอนคนังและไมไ้ ผอ่ อกเท่ยี วปำ่ ลำ่ สัตว์ ระดับชน้ั ประถมศกึ ษำปท่ี ๔ ให้ ได้ผลดีมำกย่ิงขึ้น และขอขอบคุณผู้ท่ีเกี่ยวข้องทุกท่ำนที่ทำให้บทเรียน สำเรจ็ รูปเลม่ น้สี ำเร็จลลุ ่วงไปไดด้ ว้ ยดี
ข สารบญั เร่อื ง หน้ำ คำนำ................................................................................................................................ก สำรบญั ...........................................................................................................................ข คำชแ้ี จงสำหรบั ครูผสู้ อน.....................................................................................ค คำชแี้ จงสำหรบั ผู้เรียน..........................................................................................ง สำระและมำตรฐำนกำรเรียนรู้........................................................................จ แบบทดสอบก่อนเรยี น..........................................................................................๑ ควำมร้ทู ่วั ไปเกี่ยวกับบทละคร เร่ืองเงำะปำ่ .........................................๕ ประวตั ผิ ูแ้ ตง่ ................................................................................................................๖ ประวัตคิ วำมเปน็ มำของบทละคร เรอ่ื งเงำะปำ่ ................................๑๖ ลกั ษณะคำประพนั ธ์.............................................................................................๒๒ ควำมรเู้ กย่ี วกบั ชำวเงำะปำ่ ซำไก................................................................๒๕ เน้ือเรื่องยอ่ เงำะปำ่ ...............................................................................................๓๑ แก่นเร่ืองเงำะปำ่ .....................................................................................................๓๘ บทละครเรอื่ งเงำะ ตอนคนังและไมไ้ ผอ่ อกเทยี่ วปำ่ ลำ่ สตั ว.์ ......๔๐ แนะนำตวั ละคร.......................................................................................................๔๑ เนอื้ เร่อื งยอ่ ของบทละครเรื่องเงำะป่ำ ตอนคนังและไมไ้ ผ่ ออกเทีย่ วป่ำล่ำสตั ว.์ ..........................................................................................๔๖ ถอดคำประพนั ธบ์ ทละครเรื่องเงำะปำ่ ตอนคนังและไม้ไผ่ ออกเทย่ี วปำ่ ลำ่ สตั ว.์ ...........................................................................................๔๗
ค สารบัญ (ตอ่ ) เร่อื ง หนำ้ ศัพทภ์ ำษำกอ็ ย และสำนวนภำษำ........................................................๘๔ คุณค่ำทไ่ี ดร้ ับ......................................................................................................๘๘ ข้อคิดท่ีไดจ้ ำกเรอื่ ง..........................................................................................๙๒ แบบฝกึ หดั ท่ี ๑..................................................................................................๙๔ แบบฝึกหัดท่ี ๒..................................................................................................๙๕ แบบฝกึ หดั ที่ ๓..................................................................................................๙๖ แบบฝกึ หัดท่ี ๔..................................................................................................๙๘ แบบฝกึ หดั ท่ี ๕..............................................................................................๑๐๐ แบบฝึกหดั ที่ ๖..............................................................................................๑๐๕ แบบทดสอบหลงั เรยี น...............................................................................๑๐๖ ภำคผนวก.........................................................................................................๑๑๓ เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน...................................................................๑๑๔ เฉลยแบบฝกึ หัดท่ี ๑..................................................................................๑๑๕ เฉลยแบบฝกึ หดั ท่ี ๒..................................................................................๑๑๖ เฉลยแบบฝกึ หดั ท่ี ๓.................................................................................๑๑๗ เฉลยแบบฝกึ หดั ท่ี ๔..................................................................................๑๑๙ เฉลยแบบฝกึ หัดที่ ๕.................................................................................๑๒๑ เฉลยแบบฝึกหัดท่ี ๖.................................................................................๑๒๖ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น.................................................................๑๒๗ บรรณำนกุ รม.................................................................................................๑๒๘
ง คาช้ีแจงสาหรบั ครูผู้สอน บทเรียนสำเร็จรปู เล่มนี้ จดั ทำขน้ึ มำเพือ่ ให้นกั เรียนมคี วำมรู้ควำมเข้ำใจ เก่ียวกับวรรณคดีเร่ืองเงำะป่ำ ตอนคนังและไม้ไผ่ออกเที่ยวป่ำล่ำสัตว์ ระดับ ช้นั ประถมศึกษำปท่ี ๔ กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ตำมหลักสูตรแกนกลำง กำรศกึ ษำขัน้ พ้นื ฐำนพทุ ธศกั รำช ๒๕๕๑ ประกอบด้วยเน้ือหำของควำมรู้ท่ัวไป เกี่ยวกับบทละครเรื่องเงำะป่ำ คือ ประวัติผู้แต่ง ประวัติควำมเป็นมำ ลักษณะ คำประพันธ์ ควำมรู้เกี่ยวกับชำวเงำะป่ำซำไก เน้ือเรื่องย่อ แก่นเร่ือง บทละคร เร่ืองเงำะป่ำ ตอนคนังและไม้ไผ่ออกเที่ยวป่ำล่ำสัตว์ ตัวละครที่ปรำกฏ ศัพท์ ภำษำก็อย คุณค่ำ ข้อคิดท่ีได้รับ และแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน นอกจำกนี้ยงั มแี บบฝกึ หัด รวมไปถงึ เฉลยแบบฝกึ หัดทกุ แบบฝกึ หดั ประกอบด้วย ก่อนกำรจัดกิจกรรมหรือกำรใช้งำน ครูผู้สอนต้องทำควำมเข้ำใจ เกี่ยวกับบทเรียนสำเร็จรูปนี้ให้เข้ำใจอย่ำงละเอียดก่อน เพรำะครูจะต้องคอย ชี้แจง แนะนำวิธีกำรใช้งำนให้นักเรียนเข้ำใจอีก เพ่ือให้กำรใช้งำนบทเรียน สำเร็จรปู น้เี กิดประสิทธิภำพสูงสุดทงั้ นักเรยี นและครูผู้สอนเอง
จ คาชแี้ จงสาหรบั ผู้เรียน บทเรียนสำเร็จรูปเล่มน้ีจัดทำขึ้นเพ่ือให้ผู้เรียนได้ศึกษำด้วยตนเอง โดยนกั เรยี นควรปฏิบัตติ ำมขัน้ ตอน ดังน้ี ๑. ศึกษำสำระสำคัญและจุกประสงค์กำรเรยี นรู้ของบทเรียนให้เข้ำใจ ๒. ใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี นกอ่ นเรมิ่ กำรเรยี นรู้ ๓. ศึกษำเนือ้ หำในบทเรียนของแต่ประเดน็ ให้เข้ำใจ ๔. ทำแบบฝึกหดั ทใ่ี หเ้ พอื่ เพมิ่ ควำมเขำ้ ใจในเน้ือหำท่ีเรยี นผ่ำนมำ ๕. ตรวจสอบคำตอบจำกเฉลยในหน้ำภำคผนวก ๖. หำกไม่เขำ้ ใจเนอ้ื หำนกั เรียนสำมำรถเรียนใหมไ่ ด้ และสำมำรถสอบใหม่ เพอื่ ทดสอบควำมเข้ำใจไดอ้ ีกด้วย
ฉ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สำระที่ ๕ วรรณคดแี ละวรรณกรรม มำตรฐำน ท ๕.๑ เข้ำใจและแสดงควำมคิดเห็น วิจำรณว์ รรณคดี และวรรณกรรมไทยอยำ่ งเห็นคุณค่ำและนำมำประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ จริง ตัวช้ีวดั ท ๕.๑ ป. ๔/๑ สรุปเร่อื งจำกวรรณคดหี รอื วรรณกรรมที่อ่ำน ท ๕.๑ ป. ๔/๓ อธิบำยข้อคิดจำกกำรอ่ำนเพื่อนนำไปใช้ใน ชีวิตจรงิ
๑ แบบทดสอบก่อนเรียน คำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบที่ถกู ที่สุดเพยี งคำตอบเดียว แล้วทำเครื่องหมำย ลงบนขอ้ ทีถ่ ูกตอ้ งทส่ี ุด ๑. ใครเปน็ ผแู้ ตง่ บทละครเรอ่ื งเงำะปำ่ ก. พระบำทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟำ้ จุฬำโลกมหำรำช ข. พระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หวั ค. พระบำทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หลำ้ นภำลยั ง. พระบำทสมเดจ็ พระจอมเกลำ้ เจำ้ อยหู่ วั ๒. บทละครเร่ืองเงำะปำ่ ผ้แู ต่งได้รบั แรงบนั ดำลใจมำจำกเรอื่ งใด ก. สังขท์ อง ข. รำมเกยี รต์ิ ค. อเิ หนำ ง. สำมกก๊
๒ ๓. ขอ้ ใดกลำ่ วถงึ ลกั ษณะกลอนบทละครได้ถกู ตอ้ ง ก. เมอื่ น้นั ใช้กบั ตวั ละครสำคญั หรือผ้เู ป็นใหญ่ ข. บดั นน้ั ใชก้ ับ ตวั ละครเอก เช่น กษัตริย์ ค. มำจะกล่ำวบทไป ใช้กับ ตวั ละครทไ่ี มส่ ำคัญ ง. ครำนน้ั ใช้สำหรบั กำรเดนิ ทำงของตวั ละคร ๔. ขอ้ ใดคือลกั ษณะของชำวเงำะปำ่ ซำไก ก. ผมตรง ผิวขำว ตวั สูง ข. ผมตรง ผวิ ดำ ตัวเตีย้ ค. ผมหยิก ผิวดำ ตัวเต้ีย ง. ผมหยกิ ผวิ ขำว ตัวสงู ๕. ในปัจจบุ ันชำวซำไกในประทศไทยใช้นำมสกลุ ใด ก. ซำไก ข. เขตธำรำ ค. ศรีวิไล ง. ศรีธำรโต
๓ ๖. สที ่ชี ำวเงำะชอบคอื สใี ด ก. สดี ำ ข. สแี ดง ค. สีขำว ง. สีชมพู ๗. ภำษำทสี่ อดแทรกอยู่ในเร่ืองเงำะป่ำคอื ภำษำใด ก. ภำษำองั กฤษ ข. ภำษำจนี ค. ภำษำลำว ง. ภำษำกอ็ ย ๘. ขอ้ ใดหมำยถึง “มะมว่ งหิมพำนต์” ก. บำซิง ข. บำวดั ค. กะเจ๊ก ง. กำเบอะ
๔ ๙. คำศัพท์ข้อใดไมไ่ ดห้ มำยถงึ “สตั ว์” ก. โกวัล ข. ตำยก ค. ตำเอช๊ ง. ไกพอ็ ก ๑๐. คำวำ่ “ผลไม้” ในภำษำกอ็ ยเรียกวำ่ อะไร ก. กรำ ข. กะเจก๊ ค. กำยัง ง. กำเบอะ
๕
๖ ประวตั ผิ ้แู ตง่ พระรำชประวัติพระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกลำ้ เจ้ำอยูห่ วั พระบำทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว พระรำชสมภพ ๒๐ กันยำยน พ.ศ. ๒๓๙๖ ตรงกับวันอังคำร เดือน ๑๐ แรม ๓ ค่ำ ปีฉลู ณ พระตำหนักตึกด้ำนหลังองค์พระท่ีนั่งจักรีมหำปรำสำทใน บรมมหำรำชวัง ทรงมีพระนำมเดิมว่ำ สมเด็จพระเจ้ำลูกยำเธอเจ้ำฟ้ำ จุฬำลงกรณ์ ทรงเป็นพระรำชโอรสในพระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำ เจ้ำอยู่หวั และสมเด็จพระเทพศิรนิ ทรำบรมรำชนิ ี
๗ เม่ือทรงพระเจริญวัยได้ทรงศึกษำศิลปะวิทยำต่ำง ๆ อันควร แก่รำชบุตร เม่ือพระชนมำยุได้ ๑๐ พรรษำ ได้ทรงศึกษำ ภำษำอังกฤษกับนำงแอนนำ ลีโอโนเวนส์ ต่อมำได้ทรงศึกษำเพ่ิมเติม กับนำยจันทเล และนำยแปตเตอสัน คร้ันมีพระชนมำยุ ๑๕ พรรษำ ทรงได้รับเล่ือนข้ึนเป็นกรม ขุนพินิจประช ำนำถ ต่อม ำเม่ื อ พระบำทสมเด็จพระจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัวเสด็จสวรรคต สมเด็จพระเจ้ำ ลูกยำเธอเจ้ำฟ้ำจุฬำลงกรณ์ กรมขุนพินิจประชำนำถ จึงได้เสด็จ ขึ้นเถลิงถวัลย์รำชสมบัติต่อจำกสมเด็จพระบรมชนกนำถ เมื่อวันท่ี ๑ ตุลำคม พ.ศ. ๒๔๑๑ ขณะนั้นพระองค์มีพระชนมำยุย่ำงเข้ำ ๑๖ พรรษำ นับเป็นพระมหำกษัตริย์องค์ที่ ๕ แห่งพระบรมรำชจักรีวงศ์ ทรงพระนำมว่ำ พระบำทสมเด็จพระปรมินทรมหำจุฬำลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๒๓ ตุลำคม พ.ศ. ๒๔๕๓ ทรงครองรำชย์ ๔๒ ปี (พ.ศ .๒๔๑๑ – ๒๔๕๓) รวมพระชนมำยุ ๕๘ พรรษำ
๘ พ ร ะ อ ง ค์ ไ ด้ ท ร ง ส ร้ ำ ง ค ว ำ ม เ จ ริ ญ รุ่ ง เ รื อ ง ใ ห้ แ ก่ ป ร ะ เ ท ศ นำนัปกำร ทรงปกครองประเทศอย่ำงฉลำดสุขุม แม้ว่ำจะมีควำม คับขันทำงกำรเมืองเกิดขึ้น ท้ังภำยในและภำยนอกประเทศหลำยคร้ัง ก็ทรงสำมำรถแก้ไขเหตุกำรณ์ได้ด้วยพระปรีชำญำณ ทรงบริหำร ประเทศก้ำวหน้ำทัดเทียมนำนำอำรยประเทศ ทรงประกำศเลิกทำส พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัว ทรงเห็นว่ำทำสมักจะถูก นำยเงินกดข่ีข่มเหง ต้องทำงำนอำบเหงื่อต่ำงน้ำ ทำสบำงคนที่ไม่ทำ ตำมคำส่ังจะถูกลงโทษอย่ำงทำรุณถึงเลือดตกยำงออก แม้จะทำผิด เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ พระองค์ทรงพระเมตตำต่อมนุษย์ ด้วยทรงเห็น วำ่ ไมย่ ุตธิ รรม ยังทรงมีพระรำชดำริด้วยว่ำ กำรมีทำสเป็นเคร่ืองถ่วง ควำมเจริญของชำติ กำรเลิกทำสพระพุทธเจ้ำทรงเห็นว่ำควรลด จำนวนทำสลงจึงทรงตรำพระรำชบัญญัติลดทำส เม่ือ พ.ศ. 2411 จนกระท่งั พ.ศ. 2448 จึงมพี ระรำชบญั ญัตเิ ลกิ ทำส
๙ อกี ทัง้ ยงั ปรบั ปรงุ ระบบกำรศำล ตั้งกระทรวงยุติธรรม ปรับปรุงกฎหมำย ต่ำง ๆ ส่งเสริมกำรศึกษำอย่ำงกว้ำงขวำงในหมู่ประชำนชนท่ัวไป ต้ังกระทรวง ธรรมกำร ตั้งโรงเรียนฝึกหัดครู ส่งนักศึกษำไทยไปศึกษำในยุโรป สร้ำงกำร รถไฟ โดยทรงเปิดเส้นทำงเดินรถไฟสำยกรุงเทพฯ ถึงนครรำชสีมำ สร้ำง โรงไฟฟ้ำ จัดให้มีกำรเดินรถรำงขึ้นในกรุงเทพฯ จัดต้ังกำรไปรษณีย์โทรเลข สร้ำงระบบกำรประปำ ฯลฯ
๑๐ ควำมลำ้ ลึกในพระปรีชำสำมำรถในด้ำนวรรณกรรม พระองค์ทรง เปน็ กวี และนักประพนั ธท์ มี่ คี วำมสำมำรถอย่ำงลกึ ซึ้งทีเดยี ว กำรแตง่ โคลง ฉันท์ กำพย์ กลอน บทละคร หรือร้อยแก้ว ร้อยกรอง ทั้งท่ีพระองค์ทรง มีภำรกิจอยู่มำกมำย แต่ก็ด้วยพระวิริยะอุตสำหะทรงสนพระทัยเป็นอย่ำง ยิ่ง ดังท่ีปรำกฏพระรำชนิพนธ์เป็นที่ประจักษ์มีมำกกว่ำ ๓๐ เร่ือง ซึ่งก็มี บำงเรอ่ื งที่มคี วำมหนำถงึ กวำ่ ๕๐๐ หนำ้ กม็ ี
๑๑ พระรำชนิพนธ์ร้อยแก้ว มีทั้งพระรำชหัตถเลขำ พระรำชดำรัส พระบรมรำโชวำท จดหมำยเหตุเสดจ็ ประพำส สภุ ำษิต พระรำชวิจำรณ์ และวินจิ ฉัยประวัติศำสตร์ ลีลำในพระรำชนิพนธ์ของพระองค์ มีลักษณะ พิเศษนับเป็นเลิศในกระบวนร้อยแก้ว ทรงใช้ถ้อยคำง่ำยๆ แต่ชัดเจน มี น้ำหนกั ประโยคกระชับรดั กุม เป็นทำนองเขียนท่ีเข้ำถึงจิตใจผู้อ่ำน พระ รำชนิพนธร์ ้อยแกว้ ที่มีชื่อเสียงมำกท่ีสุด คือ พระรำชพิธีสิบสองเดือน ซึ่ง คณะกรรมกำรแห่งวรรณคดีสโมสรได้ตัดสินให้เป็นยอดแห่งควำมเรียง ประเภทอธิบำย
๑๒ พระรำชหัตถเลขำ ที่ตพี ิมพ์แลว้ มหี ลำยเร่ือง บำงเรอ่ื งเกย่ี วกับกิจกำร แผ่นดิน บ่งเร่ืองเกี่ยวกับกำรในหน้ำท่ีโดยเฉพำะของผู้รับท่ีสำคัญ ๆ คือ พระรำชหัตถเลขำถึงสมเด็จพระศรีพัชรินทรำบรมรำชินีนำถเม่ือเสด็จ ประพำสยโุ รป พ.ศ. ๒๔๔๐ พระรำชหัตถเลขำโต้ตอบกับสมเด็จกรมพระยำ ชิรญำณวโรรส และพระรำชหัตถเลขำถึงสมเด็จพระเจ้ำลูกเธอเจ้ำฟ้ำนิภำ นภดล เม่ือครำวเสด็จประพำสยุโรปคร้ังท่ี ๒ พ.ศ. ๒๔๔๙ ซ่ึงเป็นท่ีรู้จัก กันวำ่ พระรำชนิพนธเ์ รื่องไกลบ้ำน พระรำชนพิ นธ์ ไกลบำ้ น
๑๓ จดหมำยเหตุสมเด็จประพำส พระองค์ได้ทรงจดหมำยเหตุระยะทำง เ ป็ น ร ำ ย วั น เ กื อ บ ทุ ก ค ร ำ ว ท่ี เ ส ด็ จ ป ร ะ พ ำ ส เ ม่ื อ ท อ ด พ ร ะ เ น ต ร สงิ่ ใดก็ทรงเขยี นบรรยำยไว้ ทำใหผ้ ูอ้ ำ่ นรู้สึกคลำ้ ยกับวำ่ ไดม้ โี อกำสโดยเสด็จ พระรำชดำเนินด้วยจดหมำยเหตุเสด็จประพำสท่ีนับว่ำมีชื่อเสียง คือ พระรำชนิพนธ์เสดจ็ ประพำสตน้ พระราชนพิ นธ์ เสด็จประพาสต้น
๑๔ พระรำชดำรัสและพระบรมรำโชวำท เป็น แบบฉบับในกำรพูด หรือในกำรแสดงสุนทรพจน์ ไดเ้ ปน็ อยำ่ งดี ผู้ใดไดฟ้ งั พระบรมรำโชวำทแล้วจะ บงั เกิดควำมปิตซิ ำบซ่ำน และควำมจงรักภักดีแทบ ทุกตัวคน พระบรมรำโชวำทท่ีมีช่ือเสียง คือ พระบรมรำโชวำทที่พระรำชทำนพระเจ้ำลูกเธอ เม่ือครำวเสด็จไปศึกษำ ณ ทวีปยุโรป ส่วน พระรำชดำรัสนั้น ได้แก่พระรำชดำรัสซ่ึงกล่ำวแก่ พระบรมวงศำนุวงศ์ และทูตำนุทูตเม่ือครำวเสด็จ กลับจำกยโุ รป
๑๕ พระรำชนิพนธ์ร้อยกรอง พระองค์ได้ทรงพระรำชนิพนธ์ไว้มำกมำย หลำยเร่ือง มีท้ังบทละคร กำพย์ กลอน โคลง ฉันท์ บทมโหรี พระรำช นิพนธ์ที่มีผู้รู้จักกันมำก คือ ลิลิตนิทรำชำคริต และพระรำชนิพนธ์บทละคร เรอ่ื งเงำะป่ำ บทพระราชนิพนธ์ท่ีโดดเด่นของพระองค์ ไกลบ้าน เงาะป่า นิทราชาคริต อาบหู ะซนั พระราชพิธสี บิ สองเดอื น กาพย์เห่เรือ คาเจรจาละครเรื่องอิเหนา ตารากับข้าวฝร่ัง โคลงบรรยายภาพรามเกยี รต์ิ พระราชวิจารณ์จดหมายเหตุ ความทรงจาของกรมหลวงนรินทรเทวี
๑๖ ประวตั ิความเปน็ มาของ บทละครเร่อื งเงาะปา่ เ ง ำ ะ ป่ ำ เ ป็ น พ ร ะ ร ำ ช นิ พ น ธ์ บ ท ล ะ ค ร ใ น พ ร ะ บ ำ ท ส ม เ ด็ จ พระจลุ จอมเกลำ้ เจำ้ อยู่หัว ทไ่ี ด้รบั กำรยกยอ่ งว่ำเป็นวรรณคดีเร่ืองเอก ของไทยท่ีจัดเข้ำลักษณะวรรณคดีโศกนำฏกรรมแบบตะวันตก ทรง พระรำชนิพนธ์ในชว่ งทีท่ รงพกั ฟ้นื จำกกำรประชวรดว้ ยพระโรคมำเลเรยี เมื่อเดือนกุมภำพันธ์ ร.ศ. ๑๒๔ (พ.ศ. ๒๔๔๘) โดยเวลำทรงนิพนธ์ ๘ วนั เท่ำน้ัน
๑๗ มีจุดมุ่งหมำยเพ่ือให้เกิดควำมเพลิดเพลินพระรำชหฤทัยในระหว่ำง กำรพักฟื้นจำกกำรประชวร ซ่ึงมีบทละครเรื่องอิเหนำ เป็นแรงบันดำลใจ เน้ือเรอื่ งเงำะป่ำบำงตอนคล้ำยคลึงกับบทละครเรื่องอิเหนำ เช่น รักสำมเส้ำ ของ ซมพลำ ลำหับ ฮเนำ กับรักสำมเส้ำของอิเหนำ บุษบำ และจรกำ อิเหนำรู้สึกว่ำรักและปรำรถนำบุษบำเม่ือท้ำวดำหำได้ยกนำงให้จรกำ เช่นเดียวกับเงำะป่ำซมพลำแอบรักลำหับ แต่ปล่อยให้เวลำล่วงเลย มำคิด แยง่ ชงิ เมือ่ พอ่ แมน่ ำงยกให้ฮเนำ เร่ืองอิเหนำมีสียะตรำอนุชำบุษำเป็นพ่อสื่อ เร่ืองเงำะป่ำมีไม้ไผน่ อ้ งลำหบั เปน็ พอ่ สอ่ื ให้ซมพลำ มกี ำรวำงแผนหำสถำนท่ี คือถ้ำเป็นท่ีหลบซอ่ น ตำ่ งกันตรงทอ่ี ิเหนำได้กลับมำหำนำงบุษบำมีควำมสุข ตอนจบ แต่ซมพลำตอ้ งจำกลำหบั ตลอดชวี ติ ในเรื่องเงำะป่ำพระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ เจ้ำอย่หู ัว ไดท้ รงรงั สรรคเ์ รื่องให้มีลกั ษณะแปลกใหม่ และ เปน็ เรอื่ งสมจริง
๑๘ เร่ืองเงำะป่ำมีจุดประสงค์ที่จะแสดงวิถีชีวิตของพวก เงำะอย่ำงสมจริงในด้ำนวิถีชีวิตควำมเป็นอยู่ กำรแต่งกำย ขนบธรรมเนียมประเพณี ควำมเช่ือ ภำษำพูด ตลอดจน ลักษณะทำงกำยภำพและอุปนิสัยใจคอ ฯลฯ โดย ป ร ำ ศ จ ำ ก เ รื่ อ ง ข อ ง เ ว ท ม น ต์ ค ำ ถ ำ ป ร ะ เ ภ ท เ ห ำ ะ เ หิ น เดนิ อำกำศซึง่ เปน็ สงิ่ ท่ี เหนือจริงและเป็นเรือ่ งไกลตัว
๑๙ พระรำชนพิ นธเ์ รือ่ งเงำะปำ่ เป็นเรอ่ื งทีแ่ สดงให้เห็นพระอัจฉริยภำพทำง ศิลปะทั้งในด้ำนวรรณศิลป์ นำฏศิลป์ และคีตศิลป์ นอกจำกน้ียังได้ทรง พระรำชนิพนธ์เกี่ยวกับรูปเงำะโดยสังเขป ควำมรู้เก่ียวกับรูปร่ำงหน้ำตำ นิสัย ใจคอ และสภำพควำมเป็นอยู่ของพวกเงำะ เนื้อเรื่องเต็มไปด้วยสำระ มี แนวคดิ สำคัญทเี่ ป็นสำกล คือ เร่อื งของควำมรกั ซง่ึ เป็นควำมรู้สึกอันย่ิงใหญ่ที่ เกิดขนึ้ ตำมธรรมชำตขิ องมวลมนุษย์ชำติ ทุกภำษำและทุกชนช้นั
๒๐ กำรท่ีทรงเลือก “ควำมรัก” มำเป็นแนวคิดสำคัญของเร่ืองเงำะป่ำซ่ึง เป็นเรอื่ งรำวของชีวิตของตัวละครท่ีเป็นชนกลุ่มน้อยท่ีปรำศจำกควำมสำคัญและยัง ป่ำเถ่ือนในสำยตำคนเมือง แสดงให้เห็นถึงแนวพระรำชดำริว่ำ มนุษย์น้ันมีควำม เ ส ม อ เ ห มื อ น กั น ใ น ด้ ำ น อ ำ ร ม ณ์ แ ล ะ ค ว ำ ม รู้ สึ ก แ ม้ จ ะ ต่ ำ ง เ พ ศ ต่ ำ ง ผิวพนั ธจ์ ะเจรญิ หรอื ล้ำหลงั ก็ตำม
๒๑ ในครงั้ นนั้ ท่พี ระบำทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลำ้ เจ้ำอยู่หัวเสด็จประพำส พัทลุง พระองค์ได้เสด็จไปหมู่บ้ำนชำวเงำะ ได้ทอดพระเนตรเห็นควำม เป็นอยู่ของพวกเงำะซำไก พระองค์จึงได้นำเร่ืองรำวนั้น มำทรง พระรำชนิพนธ์ขึ้น ชื่อเร่ืองว่ำ “เงำะป่ำ” พระองค์ได้ศึกษำหำควำมรู้ เก่ียวกบั สังคมชำวเงำะอยำ่ งละเอียด จึงนับวำ่ “เงำะป่ำ” เป็นพระรำชนพิ นธ์ เล่มสำคัญท่ีทรงพระรำชนิพนธ์ถึงเร่ืองรำวชำวป่ำธรรมดำสำมัญ เมื่อ พระองค์เสด็จกลับจำกหมู่บ้ำนชำวเงำะแล้ว ได้นำเด็กเงำะคนหนึ่งชื่อ คนัง ซ่ึงเป็นเด็กกำพร้ำมำเล้ียงไว้เป็นมหำดเล็กของพระองค์ เมื่อเข้ำสู่ วังหลวง พระบำทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ำเจ้ำอยู่หัวทรงพระกรุณำโปรด เกล้ำฯ ให้พระอรรคชำยำเธอพระองค์เจ้ำสำยสวลีภิรมย์กรมขุนสุทธำสินี นำฏทรงรับเลยี้ ง นายคนัง
๒๒ ลักษณะคาประพนั ธ์ เงำะป่ำเปน็ บทละครรำตำมแบบแผนของละครนอก แต่งด้วยกลอน บทละครตลอดทั้งเร่ืองมีลักษณะเช่นเดียวกับกลอนแปด สิ่งท่ีแตกต่ำง ระหว่ำงกลอนบทละครกบั กลอนแปด คอื กำรขนึ้ ต้น ตวั ละครสาคญั “มาจะกลา่ วบทไป” หรือ “เมอ่ื นนั้ ” ตวั ละครไมส่ าคญั “บดั นั้น”
๒๓ บทละครมีเพลงบอกกำกับไว้ โดยใช้เพลงหน้ำพำทย์บรรจุ ไว้ในบทกลอนตลอดเร่ือง ใช้ภำษำอย่ำงเรยี บงำ่ ย มีควำมไพเรำะ ไม่มีศัพท์สูง ๆ ท่ีเข้ำใจยำกอย่ำงวรรณคดีทั่วไป แต่ได้มีกำร สอดแทรกคำศัพท์ภำษำก็อย (ซำไก) ไว้โดยตลอด ก่อนถึงเนื้อ เร่ืองมีบัญชีศัพท์ภำษำก็อยใส่ไว้เพ่ือให้ผู้อ่ำนสำมำรถเปิดหำ ควำมหมำยของคำศัพท์เหล่ำน้ันโดยสะดวก ถึงแม้ผู้อ่ำนจะไม่ได้ ย้อนกลับมำเปิดคำศัพท์ก็อ่ำนได้ไม่ยำก เพรำะใช้คำศัพท์ก็อย ควบค่กู บั ภำษำไทย ทำให้สำมำรถเดำควำมหมำยของภำษำได้
๒๔ ตัวอยำ่ งกลอนบทละคร มำจะกลำ่ วบทไป ถงึ เด็กน้อยคนังคนขยนั อย่ทู บั แทบปำ่ พนำวัน ชำยเขตขัณฑพ์ ัทลงุ พำรำ บดิ ำมำรดำก็หำไม่ ดำขำวต้องไปดับสงั ขำร์ นำงควำกหอบด้ินสิน้ ชีวำ อยู่ดว้ ยเชษฐำชื่ออำ้ ยแค ตอนจบจบดว้ ยโคลงกระทู้ จบ บทประดษิ ฐแ์ กล้ง กล่ำวกลอน เร่ือง หลำกหลำยเล่นละคร ก็ได้ เงำะ ก็อยเกดิ ในดอน แดนพัท ลงุ ฉฮ ป่ำ เป็นเรือนยำกไร้ ย่อมรู้รักเปน็
๒๕ ความรู้เกีย่ วกบั ชาวเงาะป่าซาไก “เงำะ” หรือ “เงำะซำไก” เป็นคำท่ีคนไทยนิยมใช้เรียก “ชำวซำไก” ชนพ้ืนเมืองกลุ้มหนึ่ง ท่ีอำศัยเร่ร่อนอยู่ในป่ำเขำ บรเิ วณภำคใต้ของประเทศไทย แถบจังหวัดพัทลุง สตูล ยะลำ นรำธวิ ำส ตลอดไปจนถึงประเทศมำเลเซีย ช่ือท่ีเรียกชำวซำไก มีหลำยชื่อ เช่นชำวพัทลุงเรียกว่ำ “เงำะ” หรือ“เงำะป่ำ” ใน ปัจจุบันชำวซำไกในประทศไทยใช้นำมสกุล “ศรีธำรโต” ซ่ึง สมเดจ็ พระศรีนครินรำบรมรำชชนนี โปรดเกล้ำฯ พระรำชทำน
๑๖ ลักษณะบุคลิกของชำวเงำะป่ำซำไก มีนิสัยยิ้มง่ำย ร่ำเริงสนุกสนำน ชอบเสียงดนตรี เป็น มติ รมีน้ำใจ มคี วำมเฉลยี วฉลำด จำแมน่ มสี ผี ิวดำนำ้ ตำลไหม้ รปู รำ่ งเตยี้ เลก็ อำศัยอย่ใู นทอ้ งถ่ินภำคใต้ ตัวไมส่ ูงนักมกั สูงไม่ เกิน ๑๕๐ เซนติเมตร ผมหยิก ไว้ผมกลมรอบศีรษะ ผมหยิก ม้วนเป็นรูปคล้ำยกับหอยแนบติดศีรษะ ผู้หญิงจะมีผมยำวเป็น กระเซิง ตำโต จมูกกว้ำงและแบน ปำกกว้ำง มีฟันท่ีคงทน แข็งแรง
๒๗ วถิ ชี วี ติ ควำมเป็นอยู่ เงำะเป็นชำวป่ำ มีวิถีชีวิตควำมเป็นอยู่ง่ำย ๆ มีถิ่นอำศัย หำกินอยู่ในป่ำ ไม่เพำะปลูก ไม่เลี้ยงสัตว์ แต่หำส่ิงของท่ีเกิดตำม ธรรมชำติ เช่น ตน้ หวำย ตผี ึ้ง ลนนำ้ มันยำง แล้วนำของป่ำเหล่ำนี้ มำแลกเปล่ียนเป็นอำหำรกับชำวบ้ำน เงำะผู้หญิงจะขุดเผือกมัน ในขณะท่ีผู้ชำยออกล่ำสัตว์ ชำวเงำะจะไม่มีบ้ำนเป็นหลักแหล่ง จะทำท่ีพักชั่วครำว เรียกว่ำ \"ทับ\" ซ่ึงทำขึ้นง่ำย ๆ โดยวำง โครงร่ำงเป็นไม้เล็ก ๆ เอียงทำมุม 45 องศำกับพ้ืน แล้วนำใบ กล้วยป่ำ ใบหวำยมำวำงทำบเป็นหลังคำจดกับพ้ืน กำรเลือกที่ สร้ำงทับจะเลือกที่ป่ำทึบ อยู่ใกล้ลำธำร มีอำหำรจำกกำรขุดเผือก ขุดมัน และมีสัตวเ์ ล็ก ๆ ให้ลำ่
๒๘ กำรแต่งกำย ผู้ชำยนิยมนุ่งผ้ำคำบหว่ำงขำ แล้วตวัดรอบเอว ไว้ชำย ท้ังหน้ำหลัง เรียกว่ำ “นุ่งเลำะเตี๊ยะ” ชำยที่ห้อยข้ำงหน้ำ เรียกว่ำ “ไกพ็อก” ชำยท่ีห้อยข้ำงหลังเรียกว่ำ “กอเลำะ” ผู้หญิงนุ่งเตี่ยวชั้นในเรียกว่ำ “จะวัด” คือ มีสำยรัดบั้นเอวและ ผำ้ ทำบหว่ำงขำ แล้วนุ่งหุ้มรอบเอวขำ้ งนอกตำมแตจ่ ะมีผ้ำบ้ำงก็ ใช้ใบไม้ เมื่อมีผ้ำก็ใช้ผ้ำเรียกว่ำ “ฮอลี” ปกลงมำเหนือเข่ำ มี ผ้ำห่มเรียกว่ำ “ซิใบ” ผู้หญิงที่ยังไม่มีสำมีจะสอดตุ้มหู ใช้ ดอกไมจ้ ำปูนโดยมำก
๒๙ อำวธุ อำวุธท่ีสำคัญชองชำวเงำะ เป็นกล้องสำหรับเป่ำลูกดอก ไมก้ ล้องน้ียำวประมำณ 4 ศอกเศษ เรียกภำษำก็อยว่ำ “บอเลำ” ส่วนลูกดอกเรียกว่ำ “บิลำ” ปลำยบิลำทำยำง “อิโปะ” คือ ยำงน่อง กระบอกเก็บบิลำ เรียก “มันนึ” ชำวเงำะรักษำอำวุธของ เขำให้สวยงำมหมดจดอยู่เสมอ เพรำะเป็นของคู่ชีวิตสำหรับ ชำวเงำะ นอกจำกนี้ยังมีอำวุธอ่ืน แต่ไม่ใช่อำวุธประจำถิ่นของ ตนเอง เช่น หอกและ มีดสั้น หรือเรียก บำเดะ ที่รับมำจำก แขกมลำยู
๓๐ ประเพณแี ละควำมเช่ือ กำรสู่ขอภรรยำเป็นหน้ำท่ีของผู้ชำยจะต้องนำผ้ำให้ได้ สองผืน ไปให้แก่บิดำมำรดำของฝ่ำยหญิง เม่ืออีกฝ่ำยรับไว้ เป็นอนั วำ่ ตกลงว่ำยอมให้ สีท่ีชอบคือสีแดงเรียกตำมภำษำก็อยว่ำ “ฮำปอง” ชำวเงำะเช่ือว่ำเมื่อคนตำยไปแล้ว วิญญำณจะยังอยู่เที่ยว หลอกหลอนผู้คน โดยเฉพำะคนท่ีวิญญำณน้ันไม่ชอบ ด้วยเหตุน้ี เม่ือมีผู้ตำยลงครอบครัวเงำะก็จะย้ำยที่อยู่ทันทีที่ฝังศพเรียบร้อย แลว้ นอกจำกนย้ี งั เชอ่ื วำ่ มผี ีป่ำอย่ตู ำมตน้ ไม้ใหญ่อกี ดว้ ย
๓๑ เนื้อเรอ่ื งยอ่ เงาะปา่ เงำะป่ำเป็นวรรณคดีโศกนำฏกรรม เรื่องรำวของหน่ึงหญิงสองชำย ชำวป่ำ ตอนเริ่มต้นกล่ำวว่ำได้เค้ำเรื่องจำกคำบอกเล่ำของยำยลมุด หญิงเฒ่ำ ชำวเงำะ เมืองพัทลุง แล้วดำเนินเร่ืองว่ำ คนัง ชำวเงำะพัทลุง กำพร้ำพ่อแม่ อยู่กบั พช่ี ำยชือ่ แค คนังกบั ไม่ไผ่เป็นเพื่อนรกั กนั วันหนงึ่ คนังคดิ ถงึ ไมไ้ ผ่ที่ไม่ได้ เจอกันหลำยวัน กลัวว่ำไม้ไผ่จะป่วยไม่สบำย คนังจึงไปหำถึงทับ เมื่อไปถึงก็ ชวนกันไปยิงนกตกปลำในป่ำ และท้งั สองเพื่อนรักได้พบกับซมพลำ เงำะหนมุ่ ล่ำ สันแข็งแรง เก่งในทำงใช้บอเลำและล่ำเสือด้วยมือเปล่ำ คนังและไม้ไผ่ชื่นชอบ ควำมสำมำรถของซมพลำ จึงขอให้ช่วยสอนวิชำให้โดยแลกกับอำหำร คือ นกเผำและปลำเผำทีท่ งั้ สองหำมำได้ ซมพลำสอนวชิ ำยงิ ลกู ดอกอำบยำพษิ ใหจ้ น เด็กทง้ั สองชำนำญ ท้งั สำมจึงชวนกนั ไปซมุ่ ยิงเสือเพอ่ื ลองวิชำ เดก็ ทั้งสองได้เหน็ ซมพลำสำมำรถฆ่ำเสอื ได้ คนังและซมพลำก็ยิ่งช่นื ชมซมพลำ
๓๒ ซมพลำท่ีหลงรักนำงลำหับ เมื่อรู้ว่ำไม้ไผ่เป็นน้องลำหับก็ขอให้ไม้ไผ่เป็น พ่อสื่อโดยฝำกดอกจำปูนและเล็บเสือท่ีได้ไปให้ลำหับ ไม้ไผ่ท่ีช่ืนชอบซมพลำและไม่ ชอบฮเนำด้วยแล้วจึงเป็นพ่อส่ือให้แก่ซมพลำ วันต่อมำไม้ไผ่คิดอุบำยชวน ลำหบั ไปเก็บดอกไมใ้ นป่ำ และนัดซมพลำให้ไปพบนำง ขณะทล่ี ำหับเก็บดอกไมอ้ ย่ำง เพลิดเพลินก็ไปจับโดนตัวงูเข้ำ นำงตกใจจนเป็นลม ซมพลำออกมำช่วยและบอกรัก นำงลำหบั กร็ ับรักซมพลำ ตำมควำมเชอ่ื ชำวเงำะทีว่ ำ่ ชำยใดแตะเน้อื ตอ้ งตัวหญงิ ถอื วำ่ เป็นสำมีของหญงิ นัน้
๓๓ แม้ซมพลำและลำหับจะรักกัน แต่พ่อและแม่ของลำหับตกลงใจให้นำงลำหับ แต่งงำนกับฮเนำลูกชำยผู้ใหญ่บ้ำนเรียบร้อยแล้ว ฝ่ำยพ่อแม่ของฮเนำเตรียม พิธีแต่งงำนให้ฮเนำกับลำหับ ฮเนำมำสู่ขอนำงลำหับกับนำงตองยิบและนำงฮอย ซึ่ง เป็นบิดำมำรดำของลำหับ ซ่ึงท้ังสองมีควำมเหมำะสมในฐำนะ ลำหับจำใจเข้ำพิธี แต่งงำนด้วยควำมโศกเศร้ำเพรำะไม่อยำกขัดใจกับบิดำมำรดำ และได้จัด พิธีแต่งงำนอย่ำงย่ิงใหญ่ ให้พวกเงำะมำช่วยงำนกันทั้งหมู่บ้ำน เม่ือนำงลำหับกับ ฮเนำแต่งงำนกนั จะตอ้ งไปเดนิ ป่ำตำมประเพณี ๗ วัน
๓๔ ซมพลำได้ทำอุบำยไปลักตัวนำงลำหับ โดยซมพลำให้เพ่ือนมำแอบซุ่มปำ กอ้ นหินใส่ฮเนำ ฮเนำวิง่ ตำมไปดเู ป็นโอกำสใหซ้ มพลำลกั พำนำงลำหบั ไปอยดู่ ว้ ยกนั ในถ้ำ ฮเนำกลับมำไม่เห็นนำงจงึ กลบั ไปท่หี มบู่ ำ้ นแล้วเลำ่ เรอื่ งใหแ้ ก่ผูใ้ หญฟ่ งั ฮเนำ เสียใจคลุ้มคลั่งอย่ำงเสียสติเหมือนผีเข้ำ ต้องเอำหมอผีมำรักษำจนหำยเป็นปกติ ฮเนำท่ีเสียใจนึกว่ำซมพลำบังคับเอำตัวนำงลำหับไป อีกท้ังยังแค้นซมพลำที่บังอำจ มำหยำมศักด์ิศรีลูกผู้ชำย จึงออกติดตำมหำนำงลำหับเพ่ือเอำตัวกลับมำ และ เพือ่ ทีจ่ ะแกแ้ ค้นซมพลำ
๓๕ ฝ่ำยซมพลำท่ีหนีกันมำอยู่กับลำหับในถ้ำหลำยวันจนเสบียงหมดต้อง ออกไปหำเสบยี ง ซมพลำได้พบฮเนำซง่ึ กำลงั ตำมหำนำงลำหับอยู่ จึงเกิดต่อสู้กัน อยำ่ งดุเดอื ด รำแกว้ พีข่ องฮเนำซง่ึ ซุ่มดูอยูก่ ลัวว่ำฮเนำจะเสียที จึงเป่ำบอเลำด้วย ลูกดอกอำบยำพิษเขำ้ ท่ีหน้ำผำก ซมพลำได้รบั ควำมเจ็บปวดจึงวง่ิ หนไี ป
๓๖ ซมพลำว่งิ ไปชนลำหับซึง่ กำลังออกตำมหำเขำอยู่ ดว้ ยควำมเป็นห่วงว่ำจะเกิด เรอ่ื งไมด่ ีข้นึ และเรอ่ื งรำวท่ไี ด้วติ กกังวลกไ็ ดเ้ กิดข้นึ จรงิ ซมพลำลำตำยกับนำงลำหับ บอกให้นำงไปอยู่กับฮเนำซึ่งรักและดูแลลำหับได้ แต่นำงลำหับรักซมพลำมำก และ คิดว่ำชีวิตนี้จะไม่ยอมมีผัวถึงสองคน จึงใช้มีดแทงซอกคอฆ่ำตัวเองตำยตำมซมพลำ ส่วนฮเนำเมือ่ ไดร้ ู้วำ่ นำงลำหับกับซมพลำรักกัน ก็รสู้ กึ สะเทือนใจเมื่อได้เห็นควำมรัก อันเด็ดเดย่ี วของทงั้ คู่ และคดิ วำ่ ตนเปน็ ต้นเหตุให้ทัง้ สองต้องตำย ด้วยควำมสำนึกผิด จึงใชบ้ ำเดะจำกมอื ลำหับแทงที่อกฆ่ำตัวตำยตำมไปดว้ ย
๓๗ รำแก้วกับน้องชำยปองสองปองสุดท่ีตำมมำเห็นรู้สึกเสียใจมำกจึงรีบ ช่วยกันฝังร่ำงท้ังสำมไว้เคียงกันที่ซุ้มไม้ใหญ่ แล้วกลับไปบอกพ่อแม่ รุ่งเช้ำพวก เงำะทั้งหมู่บ้ำนก็รู้เร่ืองโดยท่ัวรู้สึกเศร้ำเสียใจและหวำดหว่ันกับเหตุกำรณ์ท่ี เกดิ ขน้ึ เพรำะถือเปน็ กำรตำยทีผ่ ิดปกติเป็นเร่ืองอัปมงคลและเตรียมตัวย้ำยถ่ินกัน ทันที
๓๘ แก่นเรอื่ งเงาะป่า บทละครเร่ืองน้ีมีแก่นเรื่องเกี่ยวกับ “ควำมรัก” ควำมรักของหนุ่มสำวน้ันมี อำนุภำพรุนแรงท่ีสุด อำจบันดำลให้ผู้ท่ีอยู่ในห้วงรักทำอะไร เพ่ือควำมรักได้ท้ังนั้น ไม่สนใจศีลธรรม ควำมถูกผิดใดใดท้ังส้ิน เมื่อตกเข้ำสู่ห้วงควำมรักแล้วก็ต้องกำรท่ี จะครอบครอง อยำกเป็นเจ้ำของ ต่อให้สิ่งน้ันเป็นสิ่งท่ีผิด ก็ไม่สน ควำมรักทำให้คน ตำบอดได้จริง ๆ บำงคร้ังก่อให้เกิดโศกนำฏกรรมอย่ำงในเร่ือง เป็นโศกนำฏกรรม เร่ืองรำวควำมรักท่ีจบลงด้วยควำมเศร้ำ คือ กำรตำยของตัวละครสำคัญทั้งสำม ได้แก่ ลำหับ ซมพลำ และฮเนำ ทั้งสำมคนน้ีต้องส้ินชีวิตเพรำะควำมรักเป็นมูลเหตุ สรำ้ งควำมสะเทอื นใจแกค่ นรอบขำ้ งเป็นอย่ำงมำก กล่ำวคือ ผู้ใดมีควำมรัก ไม่ว่ำจะ เป็นควำมรักประเภทใด ผู้น้ันก็มักจะมีควำมทุกข์ตำมมำด้วย เพรำะรักแล้วอำจไม่ สมหวงั หรอื รกั แล้วอำจตอ้ งพลดั พรำกกัน
๓๙ อีกมุมมองหนึ่ง กำรที่ทรงเลือก “ควำมรัก” มำเป็นแนวคิดสำคัญของเรื่อง เงำะป่ำซงึ่ เปน็ เรอ่ื งรำวของชีวิตของตัวละครที่เป็นชนกลุ่มน้อยท่ีปรำศจำกควำมสำคัญ และยังป่ำเถื่อนในสำยตำคนเมือง แสดงให้เห็นถึงแนวพระรำชดำริว่ำ มนุษย์นั้นมี ควำมเสมอเหมือนกันในด้ำนอำรมณ์และควำมรู้สึกแม้จะต่ำงเพศต่ำงผิวพันธ์จะเจริญ หรือล้ำหลงั กต็ ำม พระองคม์ ิได้ทรงรังเกยี จเหยยี ดหยำมพวกเงำะ ยงิ่ กวำ่ นั้นยงั ทรงแผ่ พระเมตตำไปยังกลุ่มชนพวกนี้ในฐำนะท่ีเป็นมนุษย์มีเลือดเน้ือ มีควำมรู้สึกรัก โกรธ เคียดแคน้ หวงแหน เหมอื นมนุษย์ท่ีเจรญิ แล้วทง้ั หลำย
๔๐ บทละครเร่อื งเงาะป่า ตอนคนังและไมไ้ ผ่ออก เท่ียวปา่ ลา่ สตั ว์
๔๑ แนะนาตัวละคร เป็นเงำะหนุ่มรูปร่ำงใหญ่ ร่ำงกำย แข็งแรงล่ำสัน คล่องแคล่วว่องไว กล้ำหำญ มีควำมสำมำรถในกำรล่ำสัตว์ ใช้อำวุธ โดยเฉพำะกำรเป่ำบอเลำและลูกดอก และมี วิชำอำคมต่ำง ๆ มำกมำยท่ีเหมำะสมกับเป็น ชำวเงำะปำ่ บทกลอนกลำ่ วถงึ บคุ ลกิ ซมพลำ มำจะกล่ำวบทไป ถึงเงำะดอลซมพลำเปน็ หนุม่ ใหญ่ มกี ำลังวงั ชำว่องไว ข้ึนตน้ ไม้แกลว้ กล้ำเหมอื นวำนร หกคะเมนเอนหงำยกำยห้อยโหน โจมกระโจนร่ำยไม้ไม่หยุดหย่อน ลำ่ สนั สมชำยทั้งกำยกร เหมอื นภมรหมุนคว้ำงกลำงมรคำ
๔๒ เป็นตวั เอกฝ่ำยหญิง คุณสมบัติของ นำงลำหบั มีรปู โฉมงดงำมตำมรูปแบบของชำว เงำะ นำงลำหับยังเป็นผู้ที่มีน้ำเสียงไพเรำะ เม่ือนำงขับเพลงน้ัน ผู้ที่ได้ยินก็จะมีควำม เคลิบเคล้ิมตำมไปด้วย มีใจม่ันคง เด็ดเด่ียว ยึดมั่นในขนบประเพณี รกั เดียวใจเดยี ว ดังบทกลอนทวี่ ำ่ พศิ พักตรเ์ พียงประยงเม่ือทรงกลด ลออหมดมิได้มีรอยฝีไฝ เนตรคมขำดำดงั เซดสลักใจ แลวิไลปำกหูดตู ิดตำ เรือนผมกลมขมวดเสมอสม่ำ เสน้ ออ่ นดำดอู รำ่ มงำมนักหนำ กรกรำยคลำ้ ยนำงกินรำ นัขำฝำ่ แดงดังแกล้งยอ้ ม อรุ ะรดั ครัดเครง่ ตมู เต่งต้งั ตะโพกผำยพอกำลงั ไมอ่ ว้ นผอม ลำขำบำทำกเ็ รยี นพร้อม งำมละมอ่ มประมวลสิน้ ท้งั อนิ ทรยี ์
๔๓ ฮเนำ เปน็ คู่หม้ันของนำงลำหับ ฐำนะร่ำรวย มีลักษณะรูปงำม ผึ่งผำย องอำจ ฮเนำรู้ตัวว่ำตนเองเป็นท่ีสนใจของสำวเงำะจึง ค่อนข้ำงท่ีจะทะนงตน มีอำรมณ์ท่ีรุนแรง ก้ำวร้ำว หย่ิงใน ศักดิ์ศรี อวดดี ไม่ยอมใหใ้ ครมำเหยยี ดหยำมได้ บทชมโฉมฮเนำ ดังบทกลอนว่ำ องอำจไมม่ ีใครคู่ อกไหลผ่ ำยผงำด ท้งั ปำกทงั้ ตำเปน็ เชงิ เจ้ำชู้ ลำหลกี ล่หู ลบละลำน วำดแขนกรดี กรำยซำ้ ยขวำ หนมุ่ หนุม่ ดว้ ยกันไมข่ นั สู้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135