คมู่ ือครู Teacher Script เทคโนโลยี ม.1 (การออกแบบและเทคโนโลยี) ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ 1 กลมุ สาระการเรียนรูวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ผเู รียบเรียงหนังสอื เรยี น ผูต รวจหนังสอื เรียน บรรณาธกิ ารหนังสือเรยี น นางสาวเมษ ศรีพัฒนาสกลุ ผศ. ดร.จฬุ ารตั น บุษบงก ดร.ฉทั ทวุติ พชี ผล ดร.เอกเทศ แสงลับ ผูเรียบเรยี งคูม ือครู นางสาวพนดิ า พานิชกลุ นางสาวอารยี า ศรีประเสริฐ บรรณาธกิ ารคมู ือครู นายสิรนั ทร เพยี รพิทกั ษ พิมพค ร้ังท่ี 2 สงวนลิขสทิ ธติ์ ามพระราชบญั ญัติ รหัสสินคา 2148035
ค�ำแนะน�ำกำรใช้ คู่มือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.1 จัดท�าข้ึนส�าหรับให้ครูใช้เป็น แนวทางวางแผนการจัดการเรียนการสอน เพ่ือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนและประกันคุณภาพผู้เรียนตามนโยบายของส�านักงาน คณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน (สพฐ.) Chapter Overview นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ โซน 1 โครงสรา้ งแผนและแนวทางการประเมินนกั เรียน ขน้ั นาํ ประจา� หน่วยการเรียนรู้ กระตนุ้ ความสนใจ Chapter Concept Overview 1. ครูใหนักเรียนดูที่ค้ันน้ํามะนาว แลวสอบถาม สรุปสาระส�าคญั ประจ�าหน่วยการเรยี นรู้ นกั เรยี นวา สง่ิ ประดิษฐช น้ิ นค้ี อื อะไร มีความ สําคัญกับการใชชีวิตของนักเรียนหรือไม อยางไร 2. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ ใหน กั เรยี นเขา ใจวา ทค่ี นั้ นา้ํ มะนาวเปนเทคโนโลยีใกลตัวท่ีถูกสรางข้ึนมา เพ่ืออาํ นวยความสะดวกในการใชช วี ิตของเรา 3. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางสิ่งประดิษฐ ใกลตัวที่นักเรียนรูจัก พรอมท้ังอธิบายวา สิ่งประดิษฐน้ันเปนเทคโนโลยีใกลตัวท่ีชวย อํานวยความสะดวกในการใชชีวิตประจําวัน ของนกั เรียนอยางไร 4. ครูต้ังคําถามถามนักเรียนวา รูหรือไมวา เทคโนโลยีคืออะไร โดยใหนักเรียนรวมกัน อภิปรายเพอ่ื หาคาํ ตอบอยางอิสระ โซน 1 ช่วยครจู ัด เกร็ดแนะครู โซน 3 กำรเรยี นกำรสอน การจดั การเรยี นการสอนในหนว ยการเรียนรูที่ 1 ครูควรจัดการเรยี นรูเพ่ือ แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้แก่ครู เนนใหนักเรียนมีความรูความเขาใจเก่ียวกับความสําคัญของเทคโนโลยีกับการ โดยแนะนา� ขนั้ ตอนการสอน และการจัดกจิ กรรมอยา่ งละเอยี ด ดาํ เนินชีวติ ของมนุษย โดยใชก ระบวนการถามตอบ การทํางานรว มกันเปนกลมุ เพอ่ื ให้นักเรยี นบรรลผุ ลสมั ฤทธติ์ ามตวั ช้วี ัด การศกึ ษาคน ควา และการอภปิ รายรว มกนั เพอ่ื ใหน กั เรยี นเกดิ ความรคู วามเขา ใจ ในเน้ือหาทเ่ี รยี นอยา งแทจริง นาํ สอน สรปุ ประเมนิ โซน 2 T4 โซน 2 ช่วยครูเตรียมสอน ความรเู สรมิ (การออกแบบและเทคโนโลยี) ประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ท่ีเป็นประโยชน์เพ่ือ อธบิ ายความรูเ้ สริมท่ีมีในบทเรียนเพิ่มเติม ชว่ ยลดภาระในการสอนของครู สอ่ื Digital เกร็ดแนะครู การแนะน�าแหล่งคน้ ควา้ จากสอื่ Digital ต่าง ๆ ความรเู้ สรมิ สา� หรบั คร ู ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ สงั เกต แนวทางการจดั กิจกรรม เพอ่ื ประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอน นักเรยี นควรรู ความรเู้ พม่ิ เตมิ จากเนอ้ื หา เพอื่ ใหค้ รนู า� ไปใชอ้ ธบิ ายใหน้ กั เรยี น
โดยใช้ หนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.1 และ แบบฝกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.1 ของบริษัท อักษร เจรญิ ทัศน ์ อจท. จ�ากดั เป็นสอื่ หลัก (Core Material) ประกอบการสอนและการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู ้ เพือ่ ให้สอดคล้องกับ มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั ของกลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี(ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู ร แกนกลางการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ซง่ึ ค่มู ือครเู ลม่ น้มี อี งค์ประกอบที่งา่ ยต่อการใช้งาน ดังนี้ โซน 1 นาํ สอน สรปุ ประเมนิ โซน 3 ช่วยครูเตรยี มนักเรียน 1 2 ขนั้ สอน ประกอบด้วยแนวทางการจัดกิจกรรมและเสนอแนะ แนวขอ้ สอบ เพื่ออ�านวยความสะดวกใหแ้ กค่ รผู ูส้ อน สาํ รวจคน หา 1. ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ วา เทคโนโลยี กจิ กรรม 21st Century Skills เกย่ี วของกับชีวิตประจาํ วนั ของมนษุ ยอ ยา งไร กิจกรรมท่ีให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้มาสร้างช้ินงาน 2. ครูใหนักเรียนแบงกลุม แลวใหแตละกลุม หรอื ทา� กจิ กรรมรวบยอด เพอ่ื ใหเ้ กดิ คณุ ลกั ษณะทร่ี ะบใุ นทกั ษะ แหง่ ศตวรรษที ่ 21 รวมกันศึกษาและสืบคนขอมูลวา เทคโนโลยี คืออะไร ขอสอบเนนการคิด 3. ครูสุมถามตัวแทนแตละกลุมใหอธิบายวา เทคโนโลยคี อื อะไร จนครบทกุ กลมุ โดยครคู อย ตัวอย่างข้อสอบท่ีมุ่งเน้นการคิด มีท้ังปรนัย-อัตนัย พร้อม อธิบายเสริมขอ มลู ท่ถี กู ตอง เฉลยอยา่ งละเอยี ด 4. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวา เทคโนโลยีคือ อะไร โดยครูคอยช้ีประเด็นใหนักเรียนสรุปวา กิจกรรมทาทาย เทคโนโลยี คอื สิง่ ทีม่ นุษยสรา งหรอื พฒั นาข้นึ เพอ่ื ใชใ นการแกป ญ หา ตอบสนองความตอ งการ เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรม เพอื่ ตอ่ ยอดสา� หรบั นกั เรยี น หรอื เพมิ่ ความสามารถในการทาํ งานของมนษุ ย ทเ่ี รยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และตอ้ งการทา้ ทายความสามารถใน ซงึ่ อาจเปน ไดทง้ั ช้นิ งานหรอื วธิ กี าร ระดบั ท่สี งู ข้ึน แนวตอบ คาํ ถามสาํ คัญประจาํ หัวขอ กิจกรรมสรา งเสรมิ เทคโนโลยเี กยี่ วขอ งกบั ชวี ติ ประจาํ วนั ของมนุษย เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรมซอ่ มเสรมิ สา� หรบั นกั เรยี นท่ี อยตู ลอดเวลา เนอ่ื งจากในการดาํ รงชวี ติ ประจําวนั ควรได้รบั การพฒั นาการเรียนรู้ มนุษยต อ งพบกบั ปญหาตางๆ มากมาย จงึ ตองคดิ หาแนวทางในการแกป ญ หาทงั้ แบบวธิ กี ารหรอื สรา ง ช้ินงาน ทําใหการดํารงชีวิตมีความสะดวกสบาย มากข้ึน ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ขอ ใดไมใชประโยชนของเทคโนโลยีในชีวิตประจําวัน ครอู าจใหนักเรียนชว ยกันคนหาตัวอยา งผลงานการออกแบบเทคโนโลยที ่ี 1. ตาลสงงานผาน e-mail นา สนใจหลายๆ แบบ แลว นาํ มาอภปิ รายรว มกนั วา ผลงานการออกแบบดงั กลา ว 2. ตองโทรศพั ทห าแมที่อยูตา งจังหวดั มคี วามนา สนใจและชว ยแกป ญ หาหรอื สรา งความสะดวกสบายในการดาํ เนนิ ชวี ติ 3. โบขาดการออกกําลังกายเนื่องจากเลน Facebook เปน ของมนุษยอยา งไร ประจําทกุ วัน 4. โอใชโปรแกรม PowerPoint มาสอนนักเรียนทาํ ใหน ักเรียน นักเรียนควรรู โซน 3เขา ใจมากขึน้ 1 ชน้ิ งาน (product) คอื สง่ิ ใดๆ ทท่ี าํ ขน้ึ มาเพอ่ื ตอบสนองความจาํ เปน หรอื ความตอ งการของมนุษยใหไ ดร บั ความพงึ พอใจ (วเิ คราะหค าํ ตอบ เทคโนโลยีมีประโยชนตอชีวิตประจําวันของ 2 วธิ กี าร (process) หมายถงึ ขนั้ ตอนการทาํ สง่ิ ใดสงิ่ หนง่ึ ตงั้ แตต น จนสาํ เรจ็ เรามากมาย เชน เพ่ิมความสะดวกสบายตั้งแตส วนบคุ คล จนถงึ การคมนาคมและสื่อสารทวั่ โลก เปน แหลง ความบันเทงิ ทาํ ใหเ กิด โซน 2หรือข้ันตอนการแกปญหาหรือตอบสนองตอความตองการ ซึ่งจะกอใหเกิดการ ความเทาเทียมกนั ในสงั คม แตห ากเราใชเ ทคโนโลยมี ากไปหรือใช ผดิ วิธีก็จะทาํ ใหเกิดโทษเชนกนั ดงั นัน้ ตอบขอ 3.) เปล่ียนแปลงจากทรัพยากรใหเปนผลผลติ หรือผลลัพธ T5 แนวทางการวัดและประเมนิ ผล การเสนอแนะแนวทางในการวดั และประเมนิ ผลนกั เรยี นทส่ี อดคลอ้ ง กับแผนการสอน
ค�ำอธิบายรายวิชา เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 เวลาเรยี น 20 ชัว่ โมง / ปี ศกึ ษาแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยใี นชวี ติ ประจำ� วนั วเิ คราะหส์ าเหตหุ รอื ปจั จยั ทสี่ ง่ ผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี ระบปุ ญั หาหรือความต้องการในชวี ิตประจ�ำวัน รวบรวม วเิ คราะห์ขอ้ มลู แนวคิดที่เกยี่ วขอ้ งกบั ปัญหา การออกแบบวิธีการ แกป้ ญั หา ตดั สินใจเลือกขอ้ มลู ท่จี �ำเป็น นำ� เสนอแนวทางการแกป้ ัญหาให้ผอู้ ื่นเข้าใจ วางแผน ด�ำเนินการแก้ปัญหา ดว้ ย การทดสอบ ประเมินผล ระบุข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งหาแนวทางการปรับปรุงแก้ไข และน�ำเสนอผลการแก้ปัญหา เลือกใช้วัสดุ อปุ กรณ์ เคร่อื งมือ กลไก ไฟฟ้า หรืออิเล็กทรอนกิ สเ์ พ่ือแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสมและปลอดภัย โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem-Based Learning) และวัฏจักรการเรียนรู้แบบ สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เนน้ ใหผ้ เู้ รยี นไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิ ฝกึ ทกั ษะการคดิ เผชญิ สถานการณก์ ารแกป้ ญั หา วางแผนการเรยี นรู้ และน�ำเสนอผา่ นการท�ำกจิ กรรมโครงงาน เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจความสมั พนั ธข์ องความรวู้ ทิ ยาศาสตรท์ ม่ี ผี ลตอ่ การพฒั นาเทคโนโลยปี ระเภทตา่ ง ๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีท่ีส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ท่ีก้าวหน้า ผลของเทคโนโลยีต่อชีวิต สังคมและ สิง่ แวดล้อม ตลอดจนนำ� ความรคู้ วามเข้าใจในกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์ต่อสงั คม และการด�ำรงชีวติ จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและจนิ ตนาการ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและการจดั การทกั ษะใน การสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจ เป็นผทู้ ี่มจี ิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ตัวชีว้ ัด ว 4.1 ม.1/1 อ ธิบายแนวคิดหลักของเทคโนโลยีในชีวิตประจ�ำวันและวิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปล่ียนแปลง ของเทคโนโลยี ว 4.1 ม.1/2 ระบปุ ัญหาหรือความต้องการในชีวติ ประจ�ำวนั รวบรวม วเิ คราะห์ขอ้ มูลและแนวคดิ ท่เี กีย่ วขอ้ งกับปัญหา ว 4.1 ม .1/3 อ อกแบบวธิ กี ารแกป้ ญั หา โดยวเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บ และตดั สนิ ใจเลอื กขอ้ มลู ทจี่ ำ� เปน็ นำ� เสนอแนวทางการแก้ ปัญหาใหผ้ อู้ น่ื เขา้ ใจ วางแผนและด�ำเนนิ การแกป้ ัญหา ว 4.1 ม.1/4 ทดสอบ ประเมนิ ผล และระบขุ ้อบกพร่องท่ีเกิดขึ้น พรอ้ มทง้ั หาแนวทางการปรบั ปรุงแก้ไข และนำ� เสนอผลการ แก้ปัญหา ว 4.1 ม .1/5 ใชค้ วามร้แู ละทักษะเก่ียวกับวัสดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมือ กลไก ไฟฟ้า หรอื อเิ ล็กทรอนิกส์ เพือ่ แกป้ ัญหาได้อย่าง ถูกตอ้ ง เหมาะสมและปลอดภยั ร วม 5 ตัวชี้วดั
Pedagogy คูมอื ครูรายวิชาพ้ืนฐาน เทคโนโลยี (กำรออกแบบและเทคโนโลย)ี ม.1 จดั ทา� ขน้ึ เพอื่ ใหค้ รนู า� ไปใชเ้ ปน็ แนวทางวางแผนการสอนเพอ่ื พฒั นาผลสมั ฤทธ์ิ ทางการเรยี นของนกั เรยี น โดยครสู ามารถวางแผนการจดั การเรยี นรปู้ ระกอบการใชห้ นงั สอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เทคโนโลย ี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 1 (ฉบบั อนญุ าต) ทที่ างบรษิ ทั อกั ษรเจรญิ ทศั น ์ อจท. จา� กดั จดั พมิ พจ์ า� หนา่ ย เพ่ือให้สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนร้ ู (Instructional Design) สอดคล้องตามรปู แบบการเรยี นรทู้ ส่ี า� คญั 2 รปู แบบ คอื รปู แบบการสอนแบบ 5Es และรปู แบบการสอนแบบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน (PBL) โดยมรี ายละเอยี ด ดงั นี้ รปู แบบกำรสอนแบบสบื เสำะหำควำมรู้ รปู แบบกำรสอนแบบใชป้ ญ หำเปนฐำน (5Es Instructional Model) (Problem-Based Learning: PBL) กรeะตngุนaคg1วeาmมeสnนt ใจ PBL 6 นาํ เสนอและ สาํ รวexจpแloลrะaคtiนoหn า ประเมินผลงาน elaขยาย ตeรvaวlจuaสtiอoบnผล 5 สรปุ และประเมิน ามรูtion คาของคาํ ตอบ 52 4 สงั เคราะหค วามรู 5Es 3 ดาํ เนนิ การศกึ ษาคน ควา ควาbมoเrขa4าtioใจn exอ3pธlaิบnาaยคว 2 ทําความเขาใจปญหา 1 กําหนดปญหา เลือกใช้วัฏจักรการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เลือกใช้รูปแบบการสอนแบบใช้ปญหาเปนฐาน (Problem- เน่ืองจากเป็นกระบวนการเรียนรู้ท่ีต้องการให้ผู้เรียนสร้างองค์ Based Learning: PBL) เพราะเป็นรูปแบบการสอนที่ให้ผู้เรียน ความรู้ด้วยตนเองผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติ และใช้ สรา้ งความรใู้ หมจ่ ากการใชป้ ญั หาทเี่ กดิ ขน้ึ จรงิ ในชวี ติ ประจา� วนั ซ่ึง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือให้ผู้เรียนได้ฝึกวิธี เป็นบริบทของการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ การทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางการออกแบบและ และคดิ แกป้ ญั หา การเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐานจงึ เปน็ ผลมาจาก เทคโนโลยี และทกั ษะแห่งศตวรรษท ่ี 21 โดยเฉพาะทกั ษะดา้ นการ กระบวนการทา� งานทตี่ อ้ งอาศยั ความเขา้ ใจและการแกไ้ ขปญั หาเปน็ เรยี นรแู้ ละนวัตกรรมกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร ์ และทกั ษะการ หลัก ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั การออกแบบและเทคโนโลยี เรยี นรูแ้ ห่งศตวรรษที ่ 21 วิธีสอน (Teaching Method) ผู้จัดท�าเลือกใช้วิธีสอนที่หลากหลาย เช่น การสาธิต การอภิปรายกลุ่มย่อย การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาที่ผู้เรียนสนใจ เพื่อ ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดต่อผู้เรียนอันจะช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ และเกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ท่ีคงทน ซ่ึงครูจะต้องมีการจัดแผนการ เรยี นรู้ตามความสนใจของผู้เรียนอยา่ งเหมาะสม เทคนิคกำรสอน (Technique) ผ้จู ดั ท�าเลอื กเทคนิคการสอนที่หลากหลายและเหมาะสมกับเร่อื งท่เี รยี น เพอื่ สง่ เสริมวธิ สี อนใหม้ ีประสทิ ธภิ าพ เชน่ การใช้ค�าถาม การเลน่ เกม ซง่ึ เทคนิคการสอนต่าง ๆ จะชว่ ยให้ผเู้ รียนเกดิ การเรยี นรแู้ ละสามารถปฏบิ ตั ิกิจกรรมไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ รวมทง้ั ได้พฒั นา ทักษะในศตวรรษท่ี 21 อกี ดว้ ย
Teacher Guide Overview เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.1 หนว่ ย ตวั ชี้วดั ทกั ษะท่ไี ด้ เวลาท่ใี ช้ การประเมนิ สอ่ื ทใ่ี ช้ การเรยี นรู้ 1 - อธบิ ายแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยี - ทกั ษะการแก้ปญั หา - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น - ห นังสือเรียนรายวิชา ในชีวิตประจ�ำวันและวิเคราะห์ - ทักษะการคิดอยา่ งมี - ประเมินการนำ�เสนอผลงาน พ้ืนฐาน เทคโนโลยี เทคโนโลยกี บั สาเหตุหรือปัจจัยท่ีส่งผลต่อการ วจิ ารณญาณ - ตรวจใบงาน (การออกแบบและ มนุษย์ เปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี - ทักษะการสังเกต - สงั เกตพฤตกิ รรมการทำ�งาน เทคโนโลย)ี ม.1 (ว 4.1 ม.1/1) - ท กั ษะการนำ�ความรู้ 4 รายบคุ คล - ใบงาน - ระบุปัญหาหรือความต้องการใน ไปใช้ - สังเกตพฤตกิ รรมการทำ�งานกลมุ่ - แบบทดสอบ ช่วั โมง - สงั เกตคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - ต รวจแบบทดสอบหลังเรียน กอ่ นเรยี น ชวี ติ ประจ�ำวัน รวบรวม วิเคราะห์ - แบบทดสอบ ข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับ ปัญหา (ว 4.1 ม.1/2) หลังเรยี น - PowerPoint 2 - ระบุปัญหาหรือความต้องการใน - ทักษะการแก้ปญั หา - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น - หนงั สอื เรียนรายวิชา ชีวติ ประจ�ำวัน รวบรวม วเิ คราะห์ - ท กั ษะการคิดอยา่ งมี - สังเกตการอภิปรายร่วมกนั พืน้ ฐาน เทคโนโลยี กระบวนการ ข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับ วจิ ารณญาณ - ต รวจช้นิ งาน/ผลงานผังมโนทัศน์ (การออกแบบและ ออกแบบเชิง ปญั หา (ว 4.1 ม.1/2) - ทักษะการสงั เกต - ตรวจใบงาน เทคโนโลยี) ม.1 วศิ วกรรม - ท กั ษะการน�ำความรู้ - ป ระเมินการน�ำเสนอผลงาน - ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา โดย ไปใช้ - สังเกตพฤตกิ รรม - ใบงาน วเิ คราะหเ์ ปรยี บเทยี บ และตดั สนิ ใจ - ทกั ษะการสือ่ สาร 5 - แบบทดสอบ เลือกข้อมูลท่ีจ�ำเป็น น�ำเสนอ การท�ำงานรายบุคคล แนวทางการแก้ปัญหาให้ผู้อ่ืน ช่วั โมง - สังเกตพฤตกิ รรม กอ่ นเรียน เขา้ ใจ วางแผนและด�ำเนินการแก้ - แบบทดสอบ ปญั หา (ว 4.1 ม.1/3) การท�ำงานกลุ่ม - ส ังเกตคุณลักษณะ หลังเรยี น - PowerPoint อนั พงึ ประสงค์ - ท ดสอบ ประเมินผล และระบุ - ต รวจแบบทดสอบหลงั เรียน ข้อบกพร่องทีเ่ กิดขึ้น พรอ้ มท้ังหา แนวทางการปรับปรุงแก้ไข และ นำ� เสนอผลการแก้ปญั หา (ว 4.1 ม.1/4) 3 - ใช้ความรู้และทักษะเก่ียวกับวัสดุ - ทักษะการคดิ อยา่ ง - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - หนังสือเรียนรายวชิ า อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก ไฟฟ้า มวี จิ ารณญาณ - ตรวจใบงาน พืน้ ฐาน เทคโนโลยี ผลงาน หรอื อิเลก็ ทรอนิกส์ เพ่อื แก้ปัญหา - ท กั ษะการสงั เกต - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน (การออกแบบและ ออกแบบ ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมและ - ท ักษะการน�ำความรู้ - สงั เกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน เทคโนโลย)ี ม.1 เทคโนโลยี ปลอดภยั (ว 4.1 ม.1/5) ไปใช้ 11 รายบุคคล - ใบงาน - ทกั ษะการแกป้ ัญหา - สงั เกตพฤติกรรมการท�ำงานกล่มุ - แ บบทดสอบ - ทักษะการสือ่ สาร ชั่วโมง - สงั เกตคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน ก่อนเรยี น - ทักษะการท�ำงาน - แบบทดสอบ รว่ มกัน - ท กั ษะการใชเ้ ทคโนโลยี หลังเรียน สารสนเทศ - PowerPoint
สำรบัญ Chapter Title Chapter Chapter Teacher Overview Concept Script หนว ยการเรยี นรูที่ 1 เทคโนโลยีกบั มนษุ ย Overview T2 T4 • เทคโนโลยีคืออะไร T3 T5-T7 • แนวคิดหลกั ของเทคโนโลยี T8-T12 • ระบบทางเทคโนโลยี T20 T21 T13-T17 • ผลกระทบและการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี T18 ทา้ ยหน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 T19 หนว ยการเรียนรูท่ี 2 กระบวนกำรออกแบบ T22 เชิงวศิ วกรรม T23-T36 • กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม T37-T40 • ววิ ฒั นาการของเทคโนโลยี ท้ายหน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 T41 หนว ยการเรียนรทู ่ี 3 ผลงำนออกแบบเทคโนโลยี T42 T43 T44 T45-T51 • การเลอื กใช้วัสดุ อุปกรณ ์ และเครอ่ื งมอื T52-T64 • กรณศี กึ ษาผลงานการออกแบบและเทคโนโลยี T65 ทา้ ยหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 บรรณำนุกรม T66
Chapter Overview แผนการจดั สื่อท่ีใช้ จดุ ประสงค์ วิธสี อน ประเมนิ ทกั ษะท่ีได้ คุณลักษณะ การเรยี นรู้ - แบบทดสอบกอ่ นเรียน อนั พึงประสงค์ แผนฯ ท่ี 1 - หนังสือเรียนรายวชิ า แนวคิดหลกั 1. อ ธิบายความหมายของ แบบสืบเสาะ - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการ - มวี ินัย ของเทคโนโลยี พ้ืนฐาน เทคโนโลยี เทคโนโลยแี ละแนวคิด หาความรู้ (5Es กอ่ นเรียน แก้ปญั หา - ใฝ่เรยี นรู้ และระบบทาง (การออกแบบและ หลักของเทคโนโลยี Instructional - ตรวจใบงาน - ท ักษะการคดิ อย่าง - ม ุ่งมั่นในการ เทคโนโลยี เทคโนโลย)ี ม.1 ในชวี ิตประจำ� วนั ได้ (K) Model) - ส ังเกตพฤติกรรม มีวจิ ารณญาณ ท�ำงาน 2. บอกรูปแบบเทคโนโลยี การนำ�เสนอผลงาน - ทักษะการสงั เกต 3 - แบบทดสอบหลังเรียน ประเภทของเทคโนโลยี - สงั เกตพฤติกรรม - ทักษะการน�ำ - หนังสือเรยี นรายวชิ า และองคป์ ระกอบของ การทำ�งานรายบุคคล ความรไู้ ปใช้ ชัว่ โมง ระบบทางเทคโนโลยี - สงั เกตพฤตกิ รรม พน้ื ฐาน เทคโนโลยี ได้ (K) การทำ�งานกลุ่ม แผนฯ ที่ 2 (การออกแบบและ 3. อ ธิบายเกี่ยวกบั - สังเกตคณุ ลักษณะ ผลกระทบ เทคโนโลย)ี ม.1 ระบบการทำ� งานของ อันพงึ ประสงค์ และการ เทคโนโลยไี ด้ (P) เปลี่ยนแปลง 4. วิเคราะหส์ าเหตุหรือ ของเทคโนโลยี ปจั จัยท่สี ง่ ผลตอ่ การ เปล่ยี นแปลงของ 1 เทคโนโลยไี ด้ (P) 5. เหน็ คุณประโยชน์ของ ชั่วโมง การเรียนวชิ า การออกแบบและ เทคโนโลยีและตระหนกั ในคุณคา่ ของความรู้ ทางเทคโนโลยีที่ใช้ใน ชีวิตประจำ� วัน (A) 1. ระบปุ ญั หาหรอื ความ แบบสบื เสาะ - ต รวจแบบทดสอบ - ท ักษะการ - มวี ินยั ต้องการที่เกี่ยวข้องกับ หาความรู้ (5Es หลงั เรียน แก้ปญั หา - ใฝ่เรียนรู้ เทคโนโลยใี นชวี ติ ประจำ� Instructional - ต รวจใบงาน - ทกั ษะการคดิ อยา่ ง - มงุ่ ม่นั ในการ วันได้ (K) Model) - ต รวจการนำ�เสนอ มวี ิจารณญาณ ทำ� งาน 2. รวบรวม วเิ คราะห์ ผลงาน - ทักษะการสังเกต ข้อมลู และแนวคิดที่ - สังเกตพฤตกิ รรม - ท กั ษะการน�ำ เกย่ี วข้องกับปัญหาที่ การทำ�งานกลุม่ ความรู้ไปใช้ เกิดจากเทคโนโลยใี น - สังเกตคณุ ลักษณะ ชีวิตประจ�ำวนั ได้ (P) อนั พึงประสงค์ 3. ตระหนักถงึ ผลกระทบ ทเี่ ก่ยี วขอ้ งกบั ปญั หา และการเปลย่ี นแปลง ทีเ่ กดิ จากเทคโนโลยี ในชีวิตประจำ� วัน และ เสนอแนวทางในการ แก้ไขปญั หา และการ เปลย่ี นแปลงท่เี กดิ จาก เทคโนโลยีใน ชวี ติ ประจ�ำวนั (A) T2
Chapter Concept Overview หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เทคโนโลยคี ืออะไร แนวคดิ หลักของเทคโนโลยี 1. ความหมายของเทคโนโลยี 1. การพัฒนาแนวทางปฏบิ ัติในการแก้ปัญหา หมายถึง ส่ิงที่มนุษย์สร้างขึ้นเพ่ือแก้ปัญหาหรือสนองความ 2. การตอบสนองความจ�ำเปน็ และความตอ้ งการของมนุษย์ ต้องการในชีวติ ประจ�ำวัน 3. ประเภทของเทคโนโลยี 2. รปู แบบของเทคโนโลย ี 1) เทคโนโลยีการศกึ ษา 1) ผ ลติ ภณั ฑ์ คอื เทคโนโลยที เี่ ปน็ ชน้ิ งาน รวมถงึ วสั ดแุ ละอปุ กรณ์ 2) เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสาร 2) ก ระบวนการ คอื เทคโนโลยที เี่ ปน็ กระบวนการหรอื การจดั ระบบ 3) เทคโนโลยกี ารเงนิ และการธนาคาร 4) เทคโนโลยสี ิง่ แวดลอ้ ม ข้ันตอนในการทำ� งาน 5) เทคโนโลยกี ารเกษตร 3) ผลติ ภณั ฑแ์ ละกระบวนการ คอื เทคโนโลยที ม่ี ลี กั ษณะผสมของ 6) เทคโนโลยกี ารแพทย์ ผลติ ภัณฑ์และกระบวนการ ระบบทางเทคโนโลยี 1. ระบบ หมายถงึ กลุ่มขององคป์ ระกอบต้ังแต่ 2 ส่วนขน้ึ ไป ทที่ �ำงานรว่ มกันภายใตว้ ตั ถุประสงค์เดียวกัน แบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้ 1) ระบบของธรรมชาติ หมายถงึ ระบบทีเ่ ปน็ ไปตามธรรมชาติ 2) ระบบทม่ี นษุ ยส์ รา้ งขึน้ หมายถึง ระบบท่มี นษุ ย์สร้างขึ้นเพ่อื ตอบสนองความตอ้ งการในการด�ำเนินชวี ิต 2. ระบบทางเทคโนโลยี ประกอบด้วยตวั ป้อน กระบวนการ และผลผลิตท่ีสัมพันธ์กนั อาจมีขอ้ มูลยอ้ นกลบั ดว้ ย ระบบทางเทคโนโลยี 12 3 ตวั ป้อน กระบวนการ ผลผลติ (input) (process) (output) 4 ข้อมลู ยอ้ นกลบั (feedback) ภาพที่ 1.25 แผนภาพแสดงระบบทางเทคโนโลยี ผลกระทบและก1 าตรัวปเ้อปนล(inีย่ puนt)แปลงของเทคโนโลยี 2 กระบวนการ (process) 1. ดา้ นสงิ่ แวดล้อม มหมผี าลยใถนึงดา้ขน้อมบูลวหกรแือลสิ่งะทดี่ปา้ ้อนนลเบข้าตส่อู่รสะบิง่ บแวเดพล่ืออ้ใหม้ไใดน้ ธรรมชาหตมิายถึง ขั้นตอนหรือวิธกี ารดา� เนนิ การในระบบ เพือ่ ให้ ผลผลติ ออกมาตอบสนองความตอ้ งการหรอื ความจา� เปน็ ของ ได้มาซง่ึ ผลผลิตท่ีตอ้ งการ 2. ด้านเศรษฐกิจ มมนีผุษยล์กระทบกับระบบธุรกรรมทางการเงนิ 3. ดา้ นวฒั นธรรม มีผลกระทบต่อวิถกี ารดำ� รงชวี ติ และการทำ� งานของมนษุ ย์ 4. ด้านการเมอื ง 3มีอ หผิทมลธาผพิยลถติลึงก(ผoบั ลutทกpีไ่าuดtร)้จตากดั กสรนิะบใวจนทกาางรทกเ่ีากริดเขม้นึ อื ในงรแะลบบะนอโายจบาย ก4ฎ หเขกม้อณามยูลฑถยึง้อ์ หนขกร้อลอืมับูลข ท(อ้ f่ีใeบชe้ปังd้อbคนaับcกkขล)ับอสงู่รระฐั บบ เพื่อให้ระบบเกิด ได้มาซ่ึงผลิตภัณฑ์หรือการท�างานใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้การ การท�างานอย่างสมบูรณ์หรือบรรลุตามความต้องการ โดย ทา� งานมีประสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ลมากข้นึ ระบบแต่ละระบบอาจจะมีข้อมูลย้อนกลับหรือไม่มีข้อมูล T3 ย้อนกลับก็ได้
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ กระตนุ้ ความสนใจ 1. ครูใหนักเรียนดูที่ค้ันน้ํามะนาว แลวสอบถาม นกั เรยี นวา สงิ่ ประดษิ ฐช ้นิ นคี้ อื อะไร มีความ สําคัญกับการใชชีวิตของนักเรียนหรือไม อยา งไร 2. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน กั เรยี นเขา ใจวา ทคี่ นั้ นา้ํ มะนาวเปนเทคโนโลยีใกลตัวที่ถูกสรางขึ้นมา เพอ่ื อาํ นวยความสะดวกในการใชชีวิตของเรา 3. ครูใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยางสิ่งประดิษฐ ใกลตัวท่ีนักเรียนรูจัก พรอมท้ังอธิบายวา ส่ิงประดิษฐนั้นเปนเทคโนโลยีใกลตัวที่ชวย อํานวยความสะดวกในการใชชีวิตประจําวัน ของนักเรยี นอยา งไร 4. ครูต้ังคําถามถามนักเรียนวา รูหรือไมวา เทคโนโลยีคืออะไร โดยใหนักเรียนรวมกัน อภิปรายเพ่อื หาคาํ ตอบอยา งอิสระ เกร็ดแนะครู การจัดการเรียนการสอนในหนวยการเรยี นรูท่ี 1 ครคู วรจดั การเรยี นรูเพ่อื เนนใหนักเรียนมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับความสําคัญของเทคโนโลยีกับการ ดําเนินชีวิตของมนุษย โดยใชกระบวนการถามตอบ การทาํ งานรว มกันเปนกลมุ การศกึ ษาคน ควา และการอภปิ รายรว มกนั เพอื่ ใหน กั เรยี นเกดิ ความรคู วามเขา ใจ ในเนื้อหาทเ่ี รยี นอยางแทจริง T4
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2 1 ขน้ั สอน สาํ รวจคน้ หา 1. ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ วา เทคโนโลยี เก่ียวของกับชีวติ ประจําวันของมนษุ ยอ ยางไร 2. ครูใหนักเรียนแบงกลุม แลวใหแตละกลุม รวมกันศึกษาและสืบคนขอมูลวา เทคโนโลยี คืออะไร 3. ครูสุมถามตัวแทนแตละกลุมใหอธิบายวา เทคโนโลยคี อื อะไร จนครบทกุ กลมุ โดยครคู อย อธบิ ายเสริมขอ มลู ท่ถี กู ตอ ง 4. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวา เทคโนโลยีคือ อะไร โดยครูคอยช้ีประเด็นใหนักเรียนสรุปวา เทคโนโลยี คอื สง่ิ ที่มนุษยส รางหรือพัฒนาขึ้น เพอ่ื ใชใ นการแกป ญ หา ตอบสนองความตอ งการ หรอื เพมิ่ ความสามารถในการทาํ งานของมนษุ ย ซงึ่ อาจเปน ไดทง้ั ช้นิ งานหรือวธิ ีการ ขอ สอบเนน การคิด แนวตอบ คําถามสาํ คัญประจาํ หวั ข้อ ขอใดไมใ ชประโยชนของเทคโนโลยีในชีวติ ประจาํ วัน เทคโนโลยเี กย่ี วขอ งกบั ชวี ติ ประจาํ วนั ของมนุษย 1. ตาลสงงานผาน e-mail อยูตลอดเวลา เน่อื งจากในการดาํ รงชวี ติ ประจําวัน 2. ตองโทรศัพทห าแมท ีอ่ ยตู างจังหวดั มนุษยตอ งพบกบั ปญ หาตางๆ มากมาย จึงตองคดิ 3. โบขาดการออกกําลังกายเน่ืองจากเลน Facebook เปน หาแนวทางในการแกป ญ หาทง้ั แบบวธิ กี ารหรอื สรา ง ประจาํ ทุกวัน ชิ้นงาน ทําใหการดํารงชีวิตมีความสะดวกสบาย 4. โอใชโปรแกรม PowerPoint มาสอนนักเรยี นทาํ ใหนักเรยี น มากขึ้น เขาใจมากขึ้น เกร็ดแนะครู (วิเคราะหค ําตอบ เทคโนโลยีมีประโยชนตอชีวิตประจําวันของ เรามากมาย เชน เพม่ิ ความสะดวกสบายตั้งแตส วนบุคคล จนถงึ ครูอาจใหนักเรียนชวยกันคนหาตัวอยางผลงานการออกแบบเทคโนโลยีท่ี การคมนาคมและสือ่ สารท่ัวโลก เปน แหลงความบนั เทงิ ทาํ ใหเ กิด นา สนใจหลายๆ แบบ แลว นาํ มาอภปิ รายรว มกนั วา ผลงานการออกแบบดงั กลา ว ความเทา เทียมกนั ในสังคม แตห ากเราใชเ ทคโนโลยมี ากไปหรอื ใช มคี วามนา สนใจและชว ยแกป ญ หาหรอื สรา งความสะดวกสบายในการดาํ เนนิ ชวี ติ ผดิ วธิ ีกจ็ ะทาํ ใหเกดิ โทษเชนกนั ดังน้ัน ตอบขอ 3.) ของมนุษยอ ยางไร นักเรียนควรรู 1 ชน้ิ งาน (product) คอื สงิ่ ใดๆ ทท่ี าํ ขน้ึ มาเพอื่ ตอบสนองความจาํ เปน หรอื ความตองการของมนษุ ยใ หไดรับความพงึ พอใจ 2 วธิ กี าร (process) หมายถงึ ขน้ั ตอนการทาํ สงิ่ ใดสงิ่ หนงึ่ ตง้ั แตต น จนสาํ เรจ็ หรือขั้นตอนการแกปญหาหรือตอบสนองตอความตองการ ซ่ึงจะกอใหเกิดการ เปลี่ยนแปลงจากทรพั ยากรใหเ ปนผลผลิตหรอื ผลลัพธ T5
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 1.1 ความหมายของเทคโนโลยี สาํ รวจคน หา เทคโนโลยี (technology) มีรากศัพทมาจากคาํ วา Texere ในภาษาละตนิ ที่แปลวา การสราง (to construct) การสาน (to weave) และเทคโนโลยี ยังมาจากคําวา Technologia ในภาษากรีกที่แปลวา การทําอยางมีระบบ 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาและ (systematic treatment) โดยในป พ.ศ. 2372 เจคอบ บิเกโลว (Jacob Bigelow) ไดนําคาํ วา เทคโนโลยี มาใช สบื คน ขอ มลู เกย่ี วกบั ความหมายและววิ ฒั นาการ คร้งั แรก โดยนํามาใชอ ธิบายถงึ การประยกุ ตใชว ิทยาศาสตร เมื่อเทคโนโลยีไดถ กู นํามาใชอ ยางแพรห ลายจงึ มีแหลง ของเทคโนโลยี ขอ มลู หลายแหลงไดกาํ หนดความหมายไว ดงั ตอ ไปน้ี 6. นกั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ ขอ มลู ทสี่ บื คน ไดม ารว มกนั ความหมายของเทคโนโลยี อภปิ ราย แลว สรปุ ลงในกระดาษ A4 นาํ สง ครู เพื่อตรวจสอบความถกู ตอง จากรากศพั ทใ นภาษาละตนิ เทคโนโลยี หมายถงึ สงิ่ ทมี่ นษุ ยส รา งหรอื พฒั นาขนึ้ เพอ่ื แกป ญ หา สนองความตอ งการ หรอื เพมิ่ ความสามารถในการทาํ งานของมนษุ ย 7. ครูต้ังคาํ ถาม แลวสุมตวั แทนกลมุ ตอบคําถาม จากพจนานกุ รม ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2554 เทคโนโลยี หมายถงึ วทิ ยาการท่นี ําเอาความรทู างวิทยาศาสตร ดงั นี้ มาใชใหเกดิ ประโยชนในทางปฏิบตั ิ อตุ สาหกรรม เปนตน • ววิ ฒั นาการของเทคโนโลยมี ขี ดี จาํ กดั หรอื ไม จากหนว ยงาน Technology and Engineering bring STEM to Life (ITEEA) เทคโนโลยี คือ อยา งไร นวตั กรรมของมนุษย (แนวตอบ ไมม ขี ดี จาํ กดั เพราะมนษุ ยม ปี ญ หา จากพจนานุกรมภาษาองั กฤษของโคลิน (Collins English Dictionary) เทคโนโลยี คอื ความรู และความตองการความสะดวกสบายอยู และทักษะท่ีมีตอ สังคมของมนุษย ตลอดเวลา จงึ ทาํ ใหม นษุ ยพ ฒั นาเทคโนโลยี ใหมอ ยูต ลอดเวลา) โดยปกตแิ ลว เมือ่ มนุษยพบปญหาในชวี ติ ประจาํ วัน มนุษยก็จะหาวิธแี กปญ หา เพอื่ นาํ มาสรางสิง่ ท่นี าํ มาใชแ ก • สาเหตุสําคัญที่ทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลง ปญ หา เมอ่ื วนั เวลาผา นไปความตอ งการของมนษุ ยเปล่ียน มนษุ ยก จ็ ะพัฒนาเทคโนโลยใี หม ๆ โดยใชก ารออกแบบ ทางเทคโนโลยคี ืออะไร จากเทคโนโลยีท่ีมีอยเู ดมิ เปน จุดเรมิ่ ในการพัฒนาและไมว า มนุษยจะสรางเทคโนโลยอี อกมามากเพยี งใด เทคโนโลยี (แนวตอบ ความตองการความสะดวกสบาย ของมนุษย ปญหาท่ีเกิดขึ้นใหม พัฒนา ในปจ จบุ• นั นววิีแ้ ัฒละนใานกอานราขคอตงกเค็ยรงั ือ่คงงเจขะียถนกู1สรา งหรอื พัฒนาออกมาอยา งไรขีดจํากดั ดงั ตวั อยา งตอ ไปน้ี เทคโนโลยเี ดิมใหม ปี ระสิทธภิ าพมากขนึ้ ) • การวิวัฒนาการเทคโนโลยีมีความจําเปน ภาพที่ 1.2 ววิ ฒั นาการของเคร่ืองเขียน ตอการดาํ รงชีวิตของมนษุ ยหรอื ไม อยา งไร (แนวตอบ จําเปน เพราะปญหาและความ • วิวฒั นาการของโทรศัพท ตอ งการของมนษุ ยม ีมากขึ้น จงึ จําเปน ตอง พัฒนาเทคโนโลยดี ั้งเดมิ ทีม่ ีอยูใหด ีขึน้ ) ค.ศ. 1876 1931 1942 1992 2017 1919 1939 1963 2003 ภาพที่ 1.3 ววิ ฒั นาการของโทรศัพท 4 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครูควรใหนักเรียนแบงกลุมทํารายงานเก่ียวกับพัฒนาการของเทคโนโลยี เทคโนโลยีมีความสัมพนั ธก ับขอ ใดมากท่ีสุด ระดับสูงในปจจุบันวามีเทคโนโลยีดานใดบาง มีความสําคัญตอการดําเนินชีวิต 1. นําความรูมาสรางช้ินงานโดยผานกระบวนการ เพ่ือเพิ่ม ของมนษุ ยอยา งไร แลว ใหนกั เรียนออกมานาํ เสนอทห่ี นา ชั้นเรยี น ประสิทธิภาพของงาน 2. นาํ ทรพั ยากรมาสรา งชิ้นงานโดยผา นกระบวนการ เพอื่ เพมิ่ นักเรียนควรรู ประสทิ ธภิ าพของงาน 3. นาํ ความรแู ละทรพั ยากรมาสรา งชน้ิ งานโดยผา นกระบวนการ 1 ววิ ฒั นาการของเครอื่ งเขยี น ในป ค.ศ.1884 Lewis Edson Waterman ไดผ ลติ เพ่ือเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพของงาน ปากกาทมี่ หี มกึ ในตวั เรยี กวา ปากกาหมกึ ซมึ (fountain pen) ทรี่ ฐั นวิ ยอรก ประเทศ 4. นาํ ความรู ทกั ษะ และทรัพยากรมาสรางชิน้ งาน โดยผาน สหรัฐอเมริกา จึงถือวา Waterman เปนบิดาแหงการประดิษฐปากกาหมึกซึม กระบวนการ เพือ่ แกปญหา สนองความตองการ และเพิ่ม มกี ารคดิ คนพฒั นาปากกาชนิดนใี้ หมีคณุ ภาพดขี ึน้ สะดวกในการใชงาน และมี ประสิทธภิ าพของงาน รปู ทรงสวยงาม ผลติ ในระดบั อตุ สาหกรรมทงั้ ในทวปี อเมรกิ า ยโุ รป และญป่ี นุ และ (วิเคราะหคําตอบ เทคโนโลยี คือ การนําความรู ทักษะ และ ประเทศอน่ื ๆ สบื ตอมาจนถงึ ปจ จุบนั ทรัพยากรมาสรางชิ้นงานโดยผานกระบวนการ เพื่อแกปญหา T6 สนองความตอ งการใหก ารทํางานดขี น้ึ เปนการเพม่ิ ประสทิ ธิภาพ ของงานใหมากยง่ิ ข้นึ ดงั นน้ั ตอบขอ 4.)
นํา สอน สรปุ ประเมิน ขน้ั สอน สาํ รวจคน้ หา 8. ใหน กั เรียนแตละกลมุ รว มกันศกึ ษาและสบื คน ขอมูลเก่ียวกับรูปแบบของเทคโนโลยี แลวนํา ขอมูลที่สืบคนไดมารวมกันอภิปรายและสรุป เปน ผังมโนทศั นล งในกระดาษ A4 อธบิ ายความรู้ 1 1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอ ผลงานทีละกลุม โดยใชวิธีการสุมเลขท่ีของ สมาชิกภายในกลมุ 2. นกั เรยี นรว มกนั อภปิ รายความรเู กยี่ วกบั รปู แบบ ของเทคโนโลยี โดยครูคอยอธิบายความรู เพม่ิ เตมิ ใหถ กู ตอ งสมบรู ณ ขยายความเขา้ ใจ 1. ครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อขยายความเขาใจ ของนักเรียนเกี่ยวกับรูปแบบของเทคโนโลยี ในแตละหวั ขอ 2. ครูใหนักเรียนศึกษาความรูเพิ่มเติมเก่ียวกับ รปู แบบของเทคโนโลยจี ากแหลง เรียนรูอื่นๆ ขน้ั สรปุ ตรวจสอบผล 1. ครูใหนักเรียนรวมกันสรุปเก่ียวกับความหมาย และรูปแบบของเทคโนโลยี 2. ครูตรวจความถูกตองของผังมโนทัศนของ นกั เรียนแตละกลมุ 3. ครูใหน กั เรียนทาํ แบบฝกหัด หนา 2-4 กิจกรรม 21st Century Skills นักเรียนควรรู 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน จากนั้นชวยกันสํารวจ 1 หนงั สอื อเิ ล็กทรอนกิ ส หรอื e-book ยอมาจากคาํ วา electronic book เทคโนโลยีท่พี บในชวี ติ ประจําวนั หมายถงึ หนงั สอื ทสี่ รา งขนึ้ ดว ยโปรแกรมคอมพวิ เตอร มลี กั ษณะคลา ยหนงั สอื จรงิ สามารถเปดอานไดในเคร่ืองคอมพิวเตอร และมีลักษณะพิเศษ คือ สามารถ 2. นําขอมูลท่ีไดมาวิเคราะหและจําแนกตามประเภทของรูปแบบ สื่อสารกับผูอานในลักษณะของมัลติมีเดียได ไดแก ขอความ ภาพนิ่ง ภาพ ทางเทคโนโลยี เคล่อื นไหว และเสียง 3. นําขอมูลที่จําแนกแลวมาจัดทําเปนแผนพับเสริมความรู เร่ือง รูปแบบของเทคโนโลยีทใี่ ชใ นชวี ิตประจําวัน พรอ มทงั้ ออกแบบ และตกแตงใหส วยงาม 4. แตล ะกลุมสงตวั แทนออกมานาํ เสนอผลงาน จากน้นั นําผลงาน ไปจดั แสดงตามบรเิ วณตา งๆ ของโรงเรยี นเพื่อเผยแพรความรู T7
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั นาํ ขอ สอบเนน การคดิ ขอ ใดไมใชการใชกรรไกรเปนเทคโนโลยีในการแกปญหา กระตนุ้ ความสนใจ ก. กิ่งใชไขควงขันสกรขู องกรรไกรท่ีหลวมใหแ นนข้นึ ข. โกใชหินลบั มีดลบั กรรไกรใหค มเพ่อื นําไปตดั แผนพลาสติกใส 1. ครูถามนักเรียนวา เทคโนโลยีชวยในการแก ค. ไกใ ชก รรไกรตดั เศษดา ยทย่ี ่ืนออกมาจากตัวตุกตาประดิษฐ ปญหาอยางไร ง. เกใชกรรไกรตัดกระดาษสีทําดอกไมตกแตงกระดานหนา ชนั้ เรียน 2. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา ทเ่ี ทคโนโลยสี ามารถชว ย 1. ขอ ก. และ ค. 2. ขอ ข. และ ง. ในการแกปญหาตางๆ ได เพราะเทคโนโลยี 3. ขอ ก. และ ข. 4. ขอ ค. และ ง. เกดิ จากการนาํ ความรู ทกั ษะ และทรพั ยากรมา สรางเปนผลิตภัณฑหรือสรางสรรควิธีการ (วเิ คราะหคาํ ตอบ ก่ิงใชไขควงเปนเทคโนโลยีในการแกปญหา สําหรับใชใ นการแกป ญหาของมนุษย โกใชห นิ ลับมดี เปน เทคโนโลยใี นการแกปญหา ดงั น้นั ตอบขอ 3.) ขน้ั สอน สาํ รวจคน้ หา 1. ใหนักเรียนแบงกลุม แลวรวมกันศึกษาและ สบื คน ขอ มลู เกยี่ วกบั แนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยี แลวอภิปรายเก่ียวกับขอมูลท่ีสืบคนไดรวมกัน ภายในกลุม 2. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ แบง เปน กลมุ ยอ ย 2 กลมุ แลวแบงหนาท่ีเพ่ือรวมอภิปรายในหัวขอ แนวคิดหลักของเทคโนโลยีที่เกิดจากการ พัฒนาแนวทางปฏิบัติในการแกปญหา และ แนวคิดหลักของเทคโนโลยีที่เกิดจากการ ตอบสนองความจําเปนและความตองการ ของมนุษยบ ริเวณท่ีครูกาํ หนดให ภายในเวลา 5 นาที 3. สมาชิกของแตละกลุมกลับเขากลุมเดิม แลว ผลัดกันอธิบายความรูท่ีไดจากการรวม อภปิ รายกบั กลมุ อนื่ จากนนั้ รว มกนั สรปุ เกย่ี วกบั แนวคิดหลกั ของเทคโนโลยี พรอมยกตัวอยาง ประกอบ แนวตอบ คาํ ถามสําคญั ประจําหัวขอ้ ชว ยประหยดั เวลาในการทาํ งาน ชว ยสรา งงาน ทม่ี คี ณุ ภาพ ชว ยใหท าํ งานไดใ นปรมิ าณมาก ชว ยให สะดวกสบาย เกร็ดแนะครู ครูอธิบายใหนักเรียนเขาใจถึงการพัฒนาแนวทางปฏิบัติในการแกปญหา ทางเทคโนโลยีวา เปนกระบวนการที่นําเทคโนโลยีที่เกิดข้ึนหรือพัฒนาข้ึน ในสถานท่ีหนงึ่ เพือ่ วตั ถปุ ระสงคอ ยา งหนงึ่ ไปใชกับสถานทีอ่ ื่นในวตั ถุประสงค เดียวกัน หรือเพื่อวัตถุประสงคท่ีแตกตางกันออกไป โดยองคประกอบของ การพฒั นาแนวทางปฏบิ ตั ใิ นการแกป ญ หาทางเทคโนโลยจี ะตอ งประกอบไปดว ย • Know how คอื องคความรูห รอื ประสบการณต า งๆ • Show how คอื การฝก ทกั ษะคาํ แนะนาํ ตา งๆ ทชี่ ว ยในการใชอ งคค วามรู ไดอ ยา งชํานาญหรืออยางมีประสทิ ธภิ าพ • Utilization คอื การนาํ องคค วามรูท ่ีไดไ ปใชใ หเกิดประโยชน T8
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 1 ขนั้ สอน ขอ สอบเนน การคดิ สาํ รวจคน้ หา บคุ คลใดตอไปนเ้ี ลือกใชเ ทคโนโลยีอยางชาญฉลาด 4. ตัวแทนกลุมแตละกลุมออกมาสรุปความรู 1. โอเลือกใชเทคโนโลยีที่มีราคาแพงและสามารถปรับเปล่ียน เก่ียวกับแนวคิดหลักของเทคโนโลยีหนา ไดในราคาสงู ช้ันเรียนทีละกลุม โดยครูคอยอธิบายเพ่ิมเติม 2. ออยเลือกใชเทคโนโลยีระดับสูงท่ีมีความยุงยากซับซอน ขอมูลที่ไมส มบูรณจนถูกตอ ง แบบมอื อาชพี 3. อารม เลอื กใชเ ทคโนโลยที สี่ ะดวกสบายและตอบสนองความ 5. ครตู ้ังคําถามใหนกั เรียนชวยกนั ตอบ ดังนี้ ตอ งการของตนเอง • แนวคดิ หลักของเทคโนโลยเี กดิ จากอะไร 4. แอนเลือกใชเทคโนโลยีท่ีสามารถนําทรัพยากรในทองถ่ิน (แนวตอบ มาบรหิ ารจัดการแบบครบวงจร 1. การพัฒนาแนวทางปฏิบัติในการแก (วเิ คราะหคาํ ตอบ การเลอื กใชเ ทคโนโลยอี ยา งชาญฉลาด จะตอ ง ปญหา 2. การตอบสนองความจําเปนและความ คํานึงถึงความเหมาะสมและผลที่จะเกิดข้ึนตอชีวิต สังคม และ ตองการของมนษุ ย) สงิ่ แวดลอ ม โดยมหี ลกั การเลอื กใช คอื มคี ณุ ภาพ มคี วามคมุ คา มี • ปจ จยั สาํ คญั สาํ หรบั ผทู น่ี าํ เทคโนโลยมี าใชใ น ความสะดวก มคี วามปลอดภยั สงู และสามารถใชว สั ดใุ นทอ งถน่ิ ได การแกป ญหาไดแ กปจ จยั ใดบาง ดังนัน้ ตอบขอ 4.) (แนวตอบ 1. ความรู คือ ขอมลู ที่เราจําเปนตอ งรกู อน เริม่ สรางหรอื ทาํ บางสิง่ 2. ทกั ษะ คอื สงิ่ ทผี่ ใู ชเ ทคโนโลยจี าํ เปน ตอ งมี เพื่อที่จะสามารถผลิตบางส่ิงหรือสราง บางส่งิ ได 3. ทรพั ยากร คอื วสั ดุ อปุ กรณ หรอื เครอื่ งมอื ที่จําเปนท่ีนํามาใชสรางสิ่งท่ีชวยแก ปญ หา) • เทคโนโลยีที่สรางข้ึนเพ่ือสนองความจําเปน และสนองความตองการของมนุษยมีความ แตกตา งกันอยา งไร (แนวตอบ เทคโนโลยีที่สรางข้ึนเพ่ือสนอง ความจําเปน (needs) คือ เทคโนโลยีที่ มนุษยขาดไมได สรางขึ้นมาเพื่อชวยให มนุษยสามารถดํารงชีวิตอยูได เทคโนโลยี ที่สรางขึ้นเพ่อื สนองความตองการ (wants) คือ เทคโนโลยีที่มนุษยขาดได สรางขึ้นมา เพื่อชว ยใหม นษุ ยดํารงชวี ิตไดสะดวกขน้ึ ) เกร็ดแนะครู ครูสุมถามนักเรียนเปนรายบุคคลเก่ียวกับสิ่งท่ีจําเปนและส่ิงที่ตองการ หรอื หาตวั อยา งบตั รภาพสง่ิ ตา งๆ มาใหน กั เรยี นดู เพอื่ ฝก ฝนใหน กั เรยี นสามารถ บอกไดว า สง่ิ นน้ั เปน สง่ิ ทจ่ี าํ เปน หรอื สง่ิ ทตี่ อ งการ พรอ มทงั้ สามารถอธบิ ายเหตผุ ล ประกอบได เพอ่ื ใหน กั เรยี นมีความเขา ใจทถ่ี ูกตองตรงกนั นักเรียนควรรู 1 บา น อาหาร เสอ้ื ผา ยารกั ษาโรค คอื ปจ จยั 4 เปน สง่ิ ทม่ี นษุ ยจ าํ เปน ตอ การ ดาํ รงชวี ติ โดยไมต อ งพงึ่ สงิ่ อาํ นวยความสะดวกอน่ื ๆ และมนษุ ยไ มส ามารถขาดได เพราะเม่ือขาดแลวอาจสงผลตอการดําเนนิ ชีวิต T9
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน อธบิ ายความรู้ 1. ครสู มุ นกั เรยี นยกตวั อยา งเทคโนโลยที เี่ กดิ จาก การพัฒนาแนวทางปฏิบัติในการแกปญหา และเทคโนโลยีท่ีเกิดจากการตอบสนองความ จาํ เปนและความตอ งการของมนษุ ย 2. ครูอธิบายความรูเพิ่มเติมจนนักเรียนมีความรู ความเขา ใจทตี่ รงกนั และตงั้ คาํ ถามใหน กั เรยี น ชวยกนั ตอบ ดังนี้ • ส่ิงท่ีจําเปนมีความสําคัญตอการดํารงชีวิต อยา งไรบา ง (แนวตอบ ชวยใหมนุษยสามารถดํารงชีวิต อยไู ดโดยไมตองพบกบั ความยากลาํ บาก) • สิ่งที่ตองการใดบางที่นักเรียนคิดวาจําเปน ตอ งมี เพราะอะไร (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถตอบไดห ลากหลาย) 3. นกั เรยี นทาํ กจิ กรรม Design Activity ในหนา 8 4. ครูสุมถามนักเรียนเปนรายบุคคลทีละภาพ จนครบทุกภาพ โดยระหวางท่ีนักเรียนตอบ ใหเ พอื่ นนกั เรยี นคนอน่ื รว มกนั พจิ ารณาคาํ ตอบ เพ่ือตรวจสอบความถูกตอง และรวมกัน อภปิ รายเพ่อื หาขอ สรปุ รวมกัน เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด หลังจากนักเรยี นทํากจิ กรรม Design Activity เสรจ็ แลว ครูอาจใหน ักเรยี น ขอใดคือสง่ิ ท่ีจําเปน สาํ หรบั มนษุ ย เลน เกมจาํ แนกสง่ิ ทจ่ี าํ เปน หรอื สง่ิ ทตี่ อ งการ โดยการแจกบตั รคาํ ทเี่ ขยี นชอ่ื สงิ่ ของ 1. เงนิ นาฬกา ตา งๆ ใหน กั เรยี นนาํ มาตดิ ใหต รงฝง เมอ่ื นกั เรยี นตดิ บตั รคาํ ครบทกุ คนแลว ใหช ว ย 2. โทรศัพท โทรทัศน กนั ตรวจสอบความถกู ตอ งของคาํ ตอบ และครคู อยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั บตั รคาํ 3. ยารักษาโรค ทีอ่ ยูอาศยั ท่ีติดผิดฝง โดยกิจกรรมนี้เปนกิจกรรมท่ีจัดขึ้นเพื่อตรวจสอบความเขาใจของ 4. คอมพิวเตอร เครอ่ื งปรบั อากาศ นกั เรียนเกยี่ วกับส่งิ ทจ่ี าํ เปนหรอื ส่ิงทีต่ องการในการดําเนินชีวติ ของมนุษย (วเิ คราะหคาํ ตอบ ส่ิงท่ีจําเปน คือ สิ่งที่มนุษยขาดแลวจะไม สามารถดํารงชีวิตอยูได ทําใหมนุษยอาจเสียชีวิตหรือประสบกับ ความลาํ บาก น่ันคอื ปจจยั 4 ซึ่งประกอบดว ยอาหาร เครอ่ื งนงุ หม ทอี่ ยูอาศยั และยารักษาโรค ดังนนั้ ตอบขอ 3.) T10
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 2.3 ประเภทของเทคโนโลยี ขนั้ สอน ในชีวิตประจ�าวันของเราจะพบว่า มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก ท้ังที่เป็นเทคโนโลยีพ้ืนฐาน อธบิ ายความรู้ ธรรมดาไม่ซับซ้อนจนถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวได้เข้ามาช่วยพัฒนาและเพ่ิมประสิทธิภาพในการ ทา� งานของมนษุ ย์ 5. ใหน ักเรยี นแตละกลุมรว มกันศกึ ษาและสบื คน ขอ มลู เกย่ี วกบั ประเภทของเทคโนโลยี แลว สรปุ ตัวอยา่ ง ประเภทของเทคโนโลยี ความรเู ปน ผงั มโนทศั นล งในกระดาษ A4 ตาม ประเดน็ ดังนี้ เทคโนโลยีการศึกษา (Educational Technology) · 1) ความจาํ เปน ในการนาํ ไปใชใ นชวี ติ ประจาํ วนั • เปน็ การพฒั นาการเรยี นรใู้ หม้ ปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ ดว้ ยการ · 2) ประเภทของเทคโนโลยีที่พบบอยในชีวิต น�าเอาเทคโนโลยเี ขา้ มาประกอบการเรยี นการสอน ประจาํ วัน ตัวอยา่ ง · 3) ขอ จาํ กดั ในการใชเ ทคโนโลยแี ตล ะประเภท 6. นักเรียนแตละกลุมออกแบบวิธีการนําเสนอ การเอาระบบวิดีโอออนไลน์มาช่วยพัฒนาการเรียนรู้และ อ�านวยความสะดวกใหแ้ กผ่ เู้ รียน ผลงานท่นี า สนใจ 7. นักเรียนแตละกลุมผลัดกันออกมานําเสนอ ภาพท่ี 1.17 ระบบวดิ โี อออนไลน์ ผลงานตามที่ไดออกแบบเอาไวทีละกลุม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and จนครบทกุ กลุม เม่อื นําเสนอจบแลว ใหแตล ะ Communication Technology) กลมุ นาํ ผลงานไปตดิ ไวบ รเิ วณรอบๆ หอ งเรยี น 8. แตล ะกลุมคดั เลือกตัวแทน 1 คน เพ่อื อธบิ าย • เปน็ ววิ ฒั นาการของเทคโนโลยที ที่ า� ใหเ้ กดิ ชอ่ งทางการสอ่ื สาร เกี่ยวกับผลงานของกลุมตนเอง 9. ครูใหเ วลานักเรียนเดินตามเข็มนาฬก าเพื่อชม ใหม่ ที่สะดวกและประหยัดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการใช้อีเมล ผลงานรอบบรเิ วณหอ ง เมอ่ื ไปหยดุ ทผี่ ลงานใคร (e-mail) และการสื่อสารผ่านเครือข่ายอนิ เทอรเ์ น็ต กใ็ หต วั แทนกลมุ น้นั ทาํ หนา ที่อธิบาย ตัวอ1ย่าง การแชต (chat) ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (social media) ต่าง ๆ เช่น เฟซบกุ๊ (facebook) เปน็ ต้น ภาพท่ี 1.18 ส่ือสังคมออนไลน์ เทคโนโลยกี ารเงนิ และการธนาคาร (Financial Technology) • เปน็ เทคโนโลยที ีเ่ ข้ามามีสว่ นช่วยทา� ใหธ้ ุรกรรมทางการเงิน สะดวกและมปี ระสทิ ธภิ าพมากข้นึ ตัวอยา่ ง การท�าธุรกรรมทางการเงนิ ออนไลน์ การเบกิ ถอนเงนิ จากตู้ กดเงินอัตโนมัติ (ATM: Auto Teller Machine) ภาพท่ี 1.19 การท�าธรุ กรรมทางการเงนิ 9เทคโนโลยี กับมนุษย์ ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู ขอใดไมใ ชก ารประยุกตใชเ ทคโนโลยีสารสนเทศดานการศึกษา ครูควรใหนักเรียนคนควาประเภทของเทคโนโลยีเพิ่มเติมจากในบท 1. การใช e-learning เรียนโดยเฉพาะเทคโนโลยีใกลตัวในชีวิตประจําวัน เชน เทคโนโลยีอาหาร 2. การออกแบบปา ยชอ่ื นักเรียน เทคโนโลยชี วี ภาพ เทคโนโลยขี นสง เพ่ือใหนกั เรียนรูจักประเภทของเทคโนโลยี 3. การใชโ ปรแกรม PowerPoint มากขน้ึ 4. การจดั เกบ็ ขอ มูลประวัตินกั เรยี นในแผน ดสิ ก นักเรียนควรรู (วิเคราะหค ําตอบ การประยุกตใชเทคโนโลยีสารสนเทศดาน การศกึ ษา เปนการใชเทคโนโลยีสมยั ใหมหลายอยา ง สอนดวยส่ือ 1 การแชต (chat) คือ การพูดคุยออนไลนผานอินเทอรเน็ต โดยอาจใช อปุ กรณทท่ี นั สมยั หองเรยี นสมยั ใหม มีอุปกรณเ ครอื่ งฉายวดี ิทัศน โปรแกรมแตกตางกันไป เชน MSN, Google, Yahoo, Messenger, Skype เครอ่ื งคอมพวิ เตอร ระบบการอา นขอ มลู อเิ ลก็ ทรอนกิ สแ บบตา ง ๆ หองสนทนา (chat room) คือ การสนทนาออนไลนอีกประเภทหน่ึง รูปแบบของสื่อที่นํามาใชในดานการเรียนการสอนก็มีหลากหลาย ทมี่ กี ารสงขอความถงึ กนั โตตอบกันไดอ ยา งรวดเรว็ แมไ มไ ดอยสู ถานทเี่ ดยี วกนั ขึ้นอยูกับความเหมาะสมในการนํามาใช เพ่ือใหการเรียนรูมี แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ กนั ไดใ นทนั ที ไมจ าํ กดั อายแุ ละเพศ ซง่ึ การเขา ไปสนทนา ประสิทธิภาพยิ่งข้ึน ดังน้นั ตอบขอ 2.) เราจําเปน ตอ งเขา ไปในเว็บไซตท ่ีใหบริการหอ งสนทนา T11
นํา สอน สรุป ประเมิน ขน้ั สอน 1 ขยายความเขา้ ใจ 1. นักเรียนแตละคนกลับเขาประจํากลุม แลว รวมกันวิเคราะหเก่ียวกับความสําคัญของ เทคโนโลยีประเภทตางๆ กับการดํารงชีวิต ประจําวันของนักเรียน โดยรวมกันสรุปเปน ประเด็นใหครูบนั ทกึ บนกระดาน 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา นอกจากประเภทของ เทคโนโลยที อ่ี ยใู นบทเรยี น ยงั มเี ทคโนโลยอี นื่ ๆ อกี จาํ นวนมากทจ่ี าํ เปน ตอ การดาํ เนนิ ชวี ติ ของ มนุษย เนื่องจากมนุษยทุกคนตองการความ สะดวกสบาย ดังน้ัน เราจึงพบเทคโนโลยีได ตลอดเวลา 3. ครใู หน กั เรยี นทาํ ใบงาน เรอื่ ง แนวคดิ หลกั ของ เทคโนโลยแี ละระบบทางเทคโนโลยี ขอ 1. และ ขอ 2. ขน้ั สรปุ ตรวจสอบผล 1. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั สรปุ เกย่ี วกบั ความสาํ คญั ของเทคโนโลยี 2. ครูตรวจสอบความถูกตองจากการทาํ ใบงาน 3. ครูใหนกั เรยี นทําแบบฝก หัด หนา 5-9 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 รถยนตไฮบริด คือ รถท่ีมีแหลงกําเนิดของพลังงานมากกวา 1 แหง ขอใดคือประโยชนของเทคโนโลยีตอการพัฒนาอุตสาหกรรม หรือรถท่ีเกิดจากการรวมขอดีของแหลงพลังงานแตละชนิดเขาดวยกัน มากทสี่ ุด และหลีกเล่ียงหรอื ขจัดขอ เสยี ของแตละแหลงพลงั งานออกไป ซง่ึ รถยนตไ ฮบรดิ แตล ะประเภทแตกตางกนั อยบู า ง เชน ประเภทใชมอเตอรไ ฟฟา กบั เคร่อื งยนต 1. ประหยดั เวลา ประเภทเผาไหมภ ายใน หรือใชเ คร่ืองยนตกบั ลอ ชว ยแรง หรอื มอเตอรไฟฟากบั 2. รกั ษาสิง่ แวดลอ ม ลอชว ยแรง 3. ลดตน ทนุ การผลิต 4. เพมิ่ ประสิทธิภาพในการผลติ T12 (วิเคราะหค าํ ตอบ ประโยชนของเทคโนโลยีตอการพัฒนา อุตสาหกรรม คือ การนําเทคโนโลยีมาใชในการผลิต ทําให ประสิทธิภาพในการผลิตเพิ่มขึ้น นอกจากน้ี ยังชวยประหยัด แรงงาน เวลา ลดตนทุนการผลิต และรักษาสิ่งแวดลอมอีกดวย เทคโนโลยีท่ีมีบทบาทในการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศไทย เชน คอมพิวเตอร อเิ ล็กทรอนกิ ส ดังน้ัน ตอบขอ 4.)
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ กจิ กรรม สรา งเสรมิ ขน้ั นาํ ใหนักเรียนแบงเปน 4 กลมุ แตล ะกลมุ สืบคน ตวั อยา งระบบ กระตนุ้ ความสนใจ ของธรรมชาตมิ ากลมุ ละ 1 ตวั อยา งไมซ า้ํ กนั แลว วาดลงในกระดาษ A4 สงทายคาบเรยี น 1. ครูถามนักเรียนวา สวนใดของระบบทาง เทคโนโลยีที่ตอบสนองความตองการของ มนุษย 2. ครูใหนักเรียนอภิปรายคําตอบกันอยางอิสระ แลวบอกกับนักเรียนวา เราจะมาตรวจสอบ คาํ ตอบหลงั จากทเ่ี รยี นเรอ่ื งนจี้ บแลว ขนั้ สอน สาํ รวจคน้ หา 1. แบง นกั เรยี นออกเปน กลมุ กลมุ ละ 4-5 คน ให ชว ยกนั สบื คน ขอ มลู เกยี่ วกบั คาํ วา ระบบ จาก ทางอนิ เทอรเ นต็ ทเี่ ครอ่ื งคอมพวิ เตอรข องตนเอง 2. ครสู มุ นกั เรยี น 2-3 กลมุ ออกมานาํ เสนอขอ มลู ตามทไ่ี ดส บื คน มาหนา ชน้ั เรยี นและอธบิ ายความรู อธบิ ายความรู้ 1. ครูอธิบายความหมายและประเภทของระบบ ใหน กั เรียนฟง วา ระบบ หมายถึง การรวมกนั ของกลุมองคประกอบตาง ๆ ตั้งแต 2 สวน ขน้ึ ไป ทาํ งานรวมกันและเก่ยี วขอ งสมั พันธกัน เพ่ือเปาหมายหรือวัตถุประสงคเดียวกัน สามารถจําแนกได 2 ประเภท ดงั นี้ 1. ระบบ ของธรรมชาติ หมายถึง ระบบที่เปนไปตาม ธรรมชาติ เชน ระบบนเิ วศ ระบบตา ง ๆ ใน รางกายมนษุ ย แนวตอบ คําถามสําคัญประจาํ หวั ขอ้ ผลผลติ หรอื ผลลพั ธ เปน ผลทไี่ ดจ ากกระบวนการ แกปญหา เชน ผลติ ภัณฑหรือวธิ ีการใหมๆ ทส่ี นอง ความจําเปนในชีวิตประจําวันหรือความตองการ ของมนุษย ซ่ึงชวยใหสามารถทํางานไดอยางมี ประสิทธภิ าพและประสิทธผิ ลมากขน้ึ เกร็ดแนะครู ครูควรจัดการเรียนรูใหนักเรียนมีความเขาใจเก่ียวกับระบบทางเทคโนโลยี และสามารถวเิ คราะหร ะบบทางเทคโนโลยไี ด โดยใชท กั ษะกระบวนการดงั ตอ ไปนี้ • ทักษะความคิดสรางสรรคในการนําระบบทางเทคโนโลยีมาออกแบบ ช้นิ งานผลติ ภณั ฑ เพ่อื นํามาใชป ระโยชนใ นชวี ติ ประจําวนั • ทักษะการประยุกตใชความรูเก่ียวกับการเลือกใชเทคโนโลยีใหเช่ือมโยง สัมพันธกับวิชาอ่นื ๆ • ทักษะการแกปญหาที่เกิดขึ้นโดยการใชระบบทางเทคโนโลยีเขามาเปน ตวั ชวย สื่อ Digital T13 ศกึ ษาเพิ่มเตมิ ไดจากการสแกน QR Code เรื่อง เทคโนโลยีกับมนุษย
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน อธบิ ายความรู้ 2 ครูอธิบายประเภทของระบบใหนักเรียนฟงวา 2. ระบบทม่ี นษุ ยส รา งขน้ึ หมายถงึ ระบบตา ง ๆ ทมี่ นษุ ยส รา งขน้ึ มาเพอ่ื ตอบสนองความตอ งการ หรือเปนเครื่องมืออํานวยความสะดวกในการ ดําเนินชีวิตในปจจุบัน เชน ระบบรถ ระบบ คอมพิวเตอร ระบบไฟฟา และระบบทาง เทคโนโลยี ซงึ่ ถอื ไดว า เปน ระบบทม่ี นษุ ยส รา งขนึ้ 3. ครอู ธบิ ายระบบทางเทคโนโลยใี หน กั เรยี นฟง วา ระบบทางเทคโนโลยี หมายถึง กลุมของสวน ตา ง ๆ ตงั้ แต 2 สว นขน้ึ ไป ประกอบเขา ดว ยกนั โดยแตละสวนทํางานรวมกันอยางเปนระบบ และสัมพันธกัน เพ่ือใหไดผลผลิตตาม วตั ถปุ ระสงคท ีต่ ัง้ ไว เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน กั เรยี นเขา ใจถงึ ปจ จยั เออื้ และปจ จยั ขดั ขวางตอ ระบบ ขั้นตอนใดในกระบวนการเทคโนโลยีท่ีมีสวนทําใหชิ้นงานมี เทคโนโลยี คือ ทรัพยากรท่ีใชสรางเทคโนโลยี เชน คนหรือแรงงานในระบบ ความสมบรู ณม ากท่ีสดุ เทคโนโลยี วสั ดุ อปุ กรณ เครอ่ื งมอื เครอ่ื งใชท ใี่ ชใ นกระบวนการ เวลา เงนิ ทนุ และ เทคนคิ หรอื วธิ กี าร ปจ จยั เหลา นเ้ี ปน สง่ิ สาํ คญั ในระบบเทคโนโลยี ถา มที รพั ยากร 1. ทดสอบ ทด่ี ี ผลลพั ธกจ็ ะออกมาดี แตถ าขาดทรัพยากรสงิ่ ใดสิ่งหนงึ่ ไปจากที่กลาวมาจะ 2. ประเมนิ ผล กลายเปนปจจัยขัดขวางตอระบบเทคโนโลยี ทําใหไดผลลัพธที่ไมเปนไปตาม 3. รวบรวมขอมูล ตองการหรอื ไมบรรลุจุดประสงคท ตี่ ง้ั ไว 4. เลอื กวิธกี ารแกป ญหา T14 (วเิ คราะหคําตอบ ประเมินผล เปนการตรวจสอบชิ้นงานวาตรง กับปญหาหรือความตองการหรือไม หากผลการประเมินพบวา ชิ้นงานไมสามารถแกปญหาได ควรพิจารณาวาจําเปนตองแกไข ในขน้ั ตอนใด เพอ่ื นาํ ไปปรบั ปรงุ ตามกระบวนการเทคโนโลยอี กี ครง้ั เพื่อทําใหช้ินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีความสมบูรณ มากที่สดุ ดงั นัน้ ตอบขอ 2.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 1 ระบบทางเทคโนโลยี ผลผลิต1 ขน้ั สอน ตวั ปอ้ น (input) 23 (output) อธบิ ายความรู้ กระบวนการ 4. ครูอธิบายระบบทางเทคโนโลยีใหนักเรียนฟง (process) ตอ วา ระบบทางเทคโนโลยปี ระกอบดว ย 4 สว น 4 ดังนี้ ข้อมูลย้อนกลบั · 1) ตัวปอน (feedback) 2) กระบวนการ 3) ผลผลิต ภาพท่ี 1.25 แผนภาพแสดงระบบทางเทคโนโลยี 4) ขอมูลยอ นกลบั 1 ตัวป้อน (input) 2 กระบวนการ (process) 5. ครูใหนักเรียนทําความเขาใจความหมายของ หมายถึง ข้อมูลหรือสิ่งที่ป้อนเข้าสู่ระบบ เพื่อให้ได้ หมายถึง ขน้ั ตอนหรือวิธกี ารดา� เนนิ การในระบบ เพอื่ ให้ สวนประกอบของระบบทางเทคโนโลยีท้ัง 4 สว น ในหนังสอื เรียน หนา 13 ผลผลติ ออกมาตอบสนองความตอ้ งการหรอื ความจา� เปน็ ของ ไดม้ าซงึ่ ผลผลิตท่ตี อ้ งการ มนษุ ย์ 6. ครูใหนักเรียนศึกษา เรื่อง การวิเคราะหการ ทํางานของระบบเทคโนโลยี ในหนังสือเรียน หนา 13 ขยายความเขา้ ใจ 1. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา การที่ระบบทาง เทคโนโลยจี ะทาํ งานไดอ ยา งเตม็ ประสทิ ธภิ าพ ผูใชตองวิเคราะหระบบทางเทคโนโลยีของ เทคโนโลยีท่ีจะนํามาใชไ ด 3 ผลผลติ (output) 4 ขอ้ มลู ยอ้ นกลบั (feedback) หมายถงึ ผลทไ่ี ดจ้ ากกระบวนการทเี่ กิดขึน้ ในระบบ อาจ หมายถึง ข้อมูลท่ีใช้ป้อนกลับสู่ระบบ เพ่ือให้ระบบเกิด ได้มาซ่ึงผลิตภัณฑ์หรือการท�างานใหม่ ๆ เพ่ือช่วยให้การ การท�างานอย่างสมบูรณ์หรือบรรลุตามความต้องการ โดย ท�างานมีประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผลมากข้นึ ระบบแต่ละระบบอาจจะมีข้อมูลย้อนกลับหรือไม่มีข้อมูล ย้อนกลบั ก็ได้ การวิเคราะห์การท�างานของระบบเทคโนโลยี การท่ีระบบจะท�างานได้อย่างมีประสิทธิภาพน้ันเราจ�าเป็นต้อง วิเคราะห์การท�างานของระบบเทคโนโลยี น่ันคือ การตรวจสอบและประเมินผลการท�างานของระบบเทคโนโลยี ในทกุ องคป์ ระกอบวา่ มกี ารทา� งานอยา่ งเปน็ ระบบหรอื ไม่ มขี อ้ บกพรอ่ งอยา่ งไร การวเิ คราะหร์ ะบบเทคโนโลยจี ะทา� ใหท้ ราบ ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นและด�าเนินการแก้ไข ก่อให้เกิดระบบเทคโนโลยีท่ีมีประสิทธิภาพและย่ังยืน และยังรวมถึงการ คา� นงึ ถงึ ผลกระทบของเทคโนโลยีต่อส่ิงแวดลอ้ ม เชน่ มลภาวะท่ีเกิดจากเทคโนโลยี 13เทคโนโลยี กบั มนษุ ย์ กิจกรรม สรางเสรมิ นักเรียนควรรู ใหน ักเรยี นแบงเปน 4 กลมุ แตละกลมุ สืบคน ตัวอยางระบบ 1 ผลผลิต (output) คือ สิ่งท่ไี ดอ อกมาเปน รปู ธรรมหรอื รบั รไู ด ทีจ่ ดั ทาํ ขึ้น งานในอินเทอรเ นต็ มากลุมละ 1 ตวั อยา งไมซ าํ้ กนั นาํ มาเขียนเปน หรอื ผลติ ขนึ้ โดยหนว ยงาน เพอื่ ใหผ ทู เี่ กย่ี วขอ งหรอื บคุ ลากรไดใ ชป ระโยชน หรอื ระบบทางเทคโนโลยี วาดลงในกระดาษ A4 แลวใหตัวแทนกลมุ ตอบคาํ ถามที่วา จะไดร ับอะไรจากการดําเนนิ งานและหรอื กิจกรรมนน้ั ออกมานาํ เสนอหนา ช้ันเรยี น T15
นาํ สอน สรุป ประเมิน ขนั้ สอน ขยายความเขา้ ใจ 2. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางการวิเคราะห ระบบทางเทคโนโลยีของฝนเทียมและระบบ ทางเทคโนโลยีของเคร่ืองปรับอากาศใน หนังสือเรียน หนา 14 แลวแลกเปลี่ยน ความคิดเหน็ กบั เพ่อื นในช้นั เรียน 3. ครูอธิบายใหนักเรียนเขาใจวา การวิเคราะห ระบบทางเทคโนโลยี เปนการตรวจสอบและ ประเมนิ ผลการทาํ งานของระบบทางเทคโนโลยี ทกุ องคป ระกอบวา มกี ารทาํ งานอยา งเปน ระบบ หรือไม มีขอบกพรองอยางไร นอกจากน้ี การวิเคราะหระบบทางเทคโนโลยีทําใหทราบ ขอผิดพลาดที่เกิดข้ึนและขอท่ีตองดําเนินการ แกไข ซึ่งสงผลใหเกิดระบบทางเทคโนโลยี ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน และทําใหเห็น ผลกระทบ เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคดิ ครคู วรนาํ ตัวอยา งระบบเทคโนโลยขี องสิ่งตางๆ นอกเหนือจากในบทเรยี น ขอ ใดไมเ กย่ี วขอ งกบั การวเิ คราะหก ารทาํ งานของระบบเทคโนโลยี มาใหนักเรียนฝกวิเคราะห แลวนําเสนอเพื่อแลกเปล่ียนความรูกับเพ่ือนในหอง 1. เกง ตรวจคาสารพษิ ท่ีรถยนตปลอ ยสธู รรมชาติ เพื่อประเมินความรคู วามเขาใจของผเู รยี นเปนรายบคุ คล 2. กานคํานวณคาใชจายทั้งหมดสําหรับการสรางตูเย็น เครื่องหน่งึ T16 3. ก้ังทดลองเคร่ืองกําจัดขยะดวยการลองใสขยะทุกประเภท ลงไปเพอื่ ดกู ารทํางาน 4. กองพบวาเครื่องปรับอากาศท่ีสรางข้ึนใหความเย็นไมคงท่ี จงึ นําเครื่องไปปรบั ปรุง (วเิ คราะหค ําตอบ การวิเคราะหการทํางานของระบบเทคโนโลยี คือ การตรวจสอบและประเมนิ ผลการทาํ งานของระบบเทคโนโลยี ในทกุ องคป ระกอบใหท าํ งานอยา งเปน ระบบ ไมม ขี อ บกพรอ ง แกไ ข ขอผิดพลาดเพื่อใหมีประสิทธิภาพและยั่งยืน รวมถึงคํานึงถึงผล กระทบตอ สิง่ แวดลอ ม ดังนน้ั ตอบขอ 2.)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ Design Activity ขนั้ สอน ระบบทางเทคโนโลยี ขยายความเขา้ ใจ ให้นกั เรียนวเิ คราะห์หาองคป์ ระกอบพื้นฐานของระบบทางเทคโนโลยขี องสถานการณ์ทกี่ �าหนดให้ พรอ้ มท้ังระบแุ ละอธบิ าย 4. นักเรียนทํากิจกรรมท่ีสอดคลองกับเนื้อหา สถานการณท์ ีส่ อดคลอ้ งของแตล่ ะองค์ประกอบ โดยนักเรยี นอาจจะบนั ทึกในรูปแบบแผนผงั ดังตวั อยา่ งด้านล่าง โดยใหผูเรียนฝกปฏิบัติเพ่ือพัฒนาความรูและ ทกั ษะ (Design Activity) สถานการณ์ การเข้าห้องน้�าถือเป็นเรื่องปกติและส�าคัญของมนุษย์ ดังนั้น จึงมีการผลิตและการพัฒนา 5. ครใู หน กั เรยี นทาํ ใบงาน เรอ่ื ง แนวคดิ หลกั ของ เครอื่ งสขุ ภณั ฑอ์ ยา่ งตอ่ เนอื่ ง ในปจั จบุ นั เครอื่ งสขุ ภณั ฑท์ แ่ี พรห่ ลาย คอื เครอื่ งสขุ ภณั ฑแ์ บบชกั โครก ซง่ึ ไดร้ บั เทคโนโลยแี ละระบบทางเทคโนโลยี ขอ 3. และ การพัฒนาท้ังทางด้านการออกแบบรูปทรงให้สวยงามทันสมัย เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้งาน ขอ 4. มากข้ึน ขน้ั สรปุ เคร่ืองสขุ ภัณฑแ์ บบชักโครกจะมีหลกั การท�างาน คอื เมอ่ื ผใู้ ช้งานกดชกั โครก น้�าจากถงั เกบ็ นา�้ จะ ไหลออกมาชา� ระสงิ่ ปฏกิ ลู ให้ไหลลงไปสู่ถงั เกบ็ ตรวจสอบผล 1 ตวั ป้อน 2 กระบวนการ 3 ผลผลติ 1. ครูประเมินผลการนําเสนอของนักเรียนและ (input) (process) (output) ตรวจสอบความถูกตองจากการทําใบงาน .............................................................. .............................................................. .............................................................. 2. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเก่ียวกับระบบทาง .............................................................. .............................................................. เทคโนโลยี .............................................................. .............................................................. .............................................................. .............................................................. .............................................................. 3. ครใู หน ักเรยี นทาํ แบบฝก หดั หนา 10-21 .............................................................. .............................................................. .............................................................. .............................................................. .............................................................. ขน้ั ประเมนิ .............................................................. .............................................................. .............................................................. ตรวจสอบผล .............................................................. ตารางการวัดและประเมนิ ผล ....................................บ....ัน......ท....กึ......ล....ง....ใ..น....ส......ม....ดุ ............................................ 4 ข้อมลู ยอ้ นกลับ วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑก ารประเมิน (feedback) ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ประเมนิ ตาม กอ นเรยี น สภาพจรงิ .............................................................. กอนเรยี น รอยละ 60 .............................................................. ตรวจใบงาน ใบงาน ผา นเกณฑ .............................................................. รอ ยละ 60 .............................................................. ตรวจแบบฝก หดั แบบฝก หดั ผานเกณฑ .............................................................. ระดับคณุ ภาพ 2 .............................................................. ประเมนิ แบบประเมนิ ผานเกณฑ .............................................................. การนาํ เสนอ การนําเสนอ ระดับคุณภาพ 2 ผานเกณฑ 15เทคโนโลยี ผลงาน ผลงาน ระดับคณุ ภาพ 2 กบั มนษุ ย์ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ผานเกณฑ พฤตกิ รรม การทาํ งาน แบบสังเกต รายบคุ คล พฤตกิ รรม สงั เกตพฤตกิ รรม การทาํ งานกลมุ กิจกรรม สรางเสริม แนวทางการวัดและประเมินผล ใหนักเรียนจับสลากช่ือสิ่งของที่เปนเทคโนโลยีตามท่ีครู ครูสามารถประเมินการนําเสนอผลงาน และสังเกตพฤติกรรมการทํางาน กาํ หนดคนละ 1 ใบ จากนน้ั ใหน กั เรยี นวเิ คราะหร ะบบทางเทคโนโลยี รายบุคคลและการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและ ของสงิ่ ของทจ่ี บั สลากไดต ามตวั อยา งในบทเรยี นลงในกระดาษ A4 ประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรม แลววาดภาพและเขียนอธิบายใหชัดเจน เพ่ือเปนการเสริมความ การทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมที่แนบมา เขาใจเกย่ี วกับเร่ืองการวเิ คราะหระบบทางเทคโนโลยไี ดดีย่งิ ขึน้ ทา ยแผนการจดั การเรียนรูที่ 2 หนว ยการเรียนรูที่ 1 แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม คาชแี้ จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ คาชแ้ี จง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกับระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม 32 32 ความคดิ เหน็ ฟังคนอ่ืน ตามทไี่ ด้รบั ส่วนรว่ มใน 15 1 ความถูกต้องของเน้ือหา 1 การแสดงความคดิ เห็น 1 ลาดับท่ี ชอ่ื –สกุล มอบหมาย การปรับปรุง คะแนน 2 ความคิดสรา้ งสรรค์ 2 การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผู้อ่นื ของนกั เรียน ผลงานกลุ่ม 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน 3 การทางานตามหน้าท่ีที่ได้รับมอบหมาย 4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 4 ความมนี าใจ 321321321321321 5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา รวม รวม ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมนิ ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ ............/................./................... ............/.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชอื่ ...................................................ผู้ประเมนิ ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../............... ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางส่วน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางครงั ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ 14–15 ดมี าก 14–15 ดีมาก ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ 11–13 ดี 11–13 ดี 14–15 ดมี าก 8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ 11–13 ดี ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ T17
นํา นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขนั้ นาํ กระตนุ้ ความสนใจ ครสู มุ ถามนกั เรยี น 3-4 คน เกยี่ วกบั สาเหตขุ อง การเปลยี่ นแปลงเทคโนโลยี ขน้ั สอน สาํ รวจคน้ หา ใหน กั เรยี นศกึ ษาผลกระทบและการเปลยี่ นแปลง ของเทคโนโลยีจากหนังสือเรยี น อธบิ ายความรู้ ครใู หน กั เรยี นชว ยกนั ยกตวั อยา งผลกระทบของ การพฒั นาเทคโนโลยดี านตา งๆ ขยายความเขา้ ใจ ครูชวยยกตัวอยางผลกระทบของการพัฒนา เทคโนโลยดี า นตา งๆ เพมิ่ เตมิ ขน้ั สรปุ ตรวจสอบผล ครใู หน กั เรยี นรว มกนั สรปุ เกยี่ วกบั ผลกระทบและ การเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี ขนั้ ประเมนิ ตรวจสอบผล ตารางการวดั และประเมินผล วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑการประเมิน ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอ ยละ 60 หลงั เรยี น หลงั เรียน ผานเกณฑ ตรวจใบงาน ใบงาน รอ ยละ 60 ผา นเกณฑ ประเมนิ แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2 การนาํ เสนอ การนําเสนอ ผา นเกณฑ ผลงาน ผลงาน สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดบั คณุ ภาพ 2 การทาํ งานกลมุ พฤตกิ รรม ผานเกณฑ แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ สอบเนน การคิด ครสู ามารถประเมนิ การนาํ เสนอผลงาน และสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ ขอ ใดเปน ผลกระทบของการพฒั นาเทคโนโลยดี านเศรษฐกิจ ของนกั เรยี น โดยศกึ ษาเกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลจากแบบประเมนิ การนาํ เสนอ 1. อองสงจดหมายใหเพ่อื นท่ปี ระเทศองั กฤษทางอเี มล ผลงาน และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมท่ีแนบมาทายแผนการจัด 2. ออยตรวจสอบขอกฎหมายจากระบบอินเทอรเน็ตไดอยาง การเรียนรทู ่ี 2 หนวยการเรียนรูท่ี 1 รวดเร็ว 3. อุงขายกางเกงทางออนไลนไดจึงใหลูกคาโอนเงินผานทาง แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม โทรศพั ทม ือถือ 4. แอว สามารถเดนิ ทางดว ยรถไฟฟา ทาํ ใหส ะดวกและลดเวลา คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ คาชแี้ จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ การเดินทางไดมากขึ้น ตรงกบั ระดบั คะแนน ตรงกับระดับคะแนน (วเิ คราะหค าํ ตอบ ผลกระทบของการพัฒนาเทคโนโลยีดาน ลาดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1 การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี า้ ใจ การมี รวม เศรษฐกิจ คือ ผลกระทบทางระบบธุรกรรมทางการเงิน ดังน้ัน 32 ความคดิ เหน็ ฟังคนอื่น ตามท่ีไดร้ ับ สว่ นร่วมใน 15 ตอบขอ 3.) 1 ความถูกต้องของเน้ือหา ลาดับท่ี ชอ่ื –สกลุ มอบหมาย การปรบั ปรุง คะแนน 2 ความคดิ สร้างสรรค์ ของนักเรียน ผลงานกลุ่ม 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน 4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ 321321321321321 5 การตรงต่อเวลา รวม ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน ............/................./................... เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมนิ ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน ............./.................../............... ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ 14–15 ดีมาก ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 11–13 ดี 14–15 ดีมาก 8–10 พอใช้ 11–13 ดี ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง T18
นํา สอน สรุป ประเมิน แนวตอบ Self-Check 1. ถกู 2. ถกู 3. ถกู 4. ผิด 5. ถกู แนวตอบ Unit Activity 1. วิเคราะหระบบทางเทคโนโลยขี องตกู ดเครอื่ งดื่มอัตโนมตั ิ ระบบยอ ยที่ 2 ระบบยอ ยที่ 1 ตัวปอน ตวั ปอ น กระบวนการ ผลผลติ กดปุม กระบวนการ ผลผลติ เงิน ระบบทําใหปมุ กดทํางาน ปุมกดทํางาน เลือกชนิดนํา้ ระบบเลอื กชนดิ น้ํา ชนดิ นาํ้ ที่ตองการ ตามที่กดปมุ สงไปยังชอ งจาย ไหลออกมายังชอ งจา ย 2. ระบบทางเทคโนโลยีในการผลิตตเู ย็น ตวั ปอน กระบวนการ ผลผลติ ไฟฟา ใชพ ลงั งานไฟฟา สรา งความเยน็ อุณหภูมใิ นตลู ดลง และดดู ความรอ นออก ตามทีต่ องการ ขอมลู ยอนกลบั การตรวจสอบอณุ หภมู ใิ นตเู ยน็ เพอ่ื ปรบั ใหเ หมาะสม T19
Chapter Overview แผนการจดั สือ่ ที่ใช้ จดุ ประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลกั ษณะ การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 - แบบทดสอบก่อนเรยี น 1. อ ธบิ ายความหมายของ แบบใช้ปญั หา - การนำ�เสนอผลงาน - ท กั ษะการคิด - มีวนิ ยั กระบวนการ - ห นังสือเรยี นรายวิชา กระบวนการออกแบบ เป็นฐาน - สงั เกตพฤตกิ รรม วิเคราะห์ - ใฝเ่ รยี นรู้ เทคโนโลยี พื้นฐาน เทคโนโลยี เชิงวศิ วกรรม (K) (Problem-Based การทำ�งานรายบุคคล - ท ักษะการคิดอยา่ ง - ม งุ่ มัน่ ในการ (การออกแบบและ 2. บอกองค์ประกอบและ Learning) - สงั เกตพฤตกิ รรม สร้างสรรค์ ท�ำงาน 4 เทคโนโลย)ี ม.1 ความสำ� คัญของ การทำ�งานกลุม่ - ท ักษะการคดิ - ใบงาน เร่ือง กระบวนการออกแบบ - สงั เกตคุณลกั ษณะ อยา่ งเป็นระบบ ชั่วโมง กระบวนการเทคโนโลยี เชิงวศิ วกรรม (K) อนั พงึ ประสงค์ 3. อ ธบิ ายเกย่ี วกับขัน้ ตอน - ต รวจใบงาน การแกป้ ญั หาผา่ น - ต รวจแบบทดสอบ กระบวนการออกแบบ กอ่ นเรยี น เชงิ วิศวกรรม (P) 4. วิเคราะหส์ าเหตุหรอื ปจั จัยท่สี ่งผลตอ่ การแก้ ปญั หาโดยใชก้ ระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม (P) 5. เห็นคุณประโยชนข์ อง การเรียนวชิ าการ ออกแบบและเทคโนโลยี และตระหนกั ในคณุ ค่า ของความรู้ไปแกป้ ัญหา ในชีวติ ประจำ� วนั (A) แผนฯ ท่ี 2 - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. อ ธบิ ายและสรปุ แบบสืบเสาะ - การนำ�เสนอผลงาน - ท ักษะการคิด - มวี ินัย ววิ ัฒนาการของ - ห นงั สอื เรียนรายวิชา วิวัฒนาการของ หาความรู้ (5Es - ส งั เกตพฤติกรรม วเิ คราะห์ - ใฝเ่ รยี นรู้ เทคโนโลยี พืน้ ฐาน เทคโนโลยี เทคโนโลยีได้และการ Instructional การทำ�งานรายบคุ คล - ท ักษะการคดิ - มงุ่ ม่นั ในการ อย่างสรา้ งสรรค์ 1 (การออกแบบและ ประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยี Model) - สงั เกตพฤติกรรม - ทกั ษะการคดิ ทำ� งาน เทคโนโลย)ี ม.1 ในชีวติ ประจ�ำวนั ได้ (K) การทำ�งานกลมุ่ อย่างเป็นระบบ ชั่วโมง - ใบงาน เรือ่ ง 2. รวบรวม วเิ คราะห์ วิวฒั นาการของ ข้อมูลววิ ัฒนาการของ - สงั เกตคุณลกั ษณะ อนั พงึ ประสงค์ เทคโนโลยี เทคโนโลยีและการ - ต รวจใบงาน - แบบทดสอบหลงั เรยี น ประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยี - ต รวจแบบทดสอบ ในชวี ติ ประจ�ำวนั ได้ (P) หลงั เรียน 3. เหน็ ประโยชนข์ องการ เรียนวชิ าออกแบบและ เทคโนโลยี และตระหนัก ในคณุ ค่าของความรู้ วิวฒั นาการของ เทคโนโลยี (A) T20
Chapter Concept Overview หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเป็นกระบวนการที่นำ� มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการท�ำงานเพื่อสร้างสรรค์ช้ินงานหรือวิธีการของการ จดั การศึกษาท่บี ูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วศิ วกรรมศาสตร์ และคณติ ศาสตร์ (STEM Education) เพือ่ ให้ผ้เู รียนสามารถน�ำไปใช้ แก้ปญั หาหรือพัฒนาช้นิ งานในชวี ติ จริงได้ โดยสามารถบูรณาการรว่ มกบั ศาสตรอ์ ่นื ๆ รวมท้งั ความคดิ สรา้ งสรรคเ์ พือ่ ให้ไดผ้ ลลพั ธใ์ นการแก้ ปญั หาทีเ่ หมาะสมท่ีสุดได้ มขี ้นั ตอน ดังนี้ กระบวนการออกแบบ เชิงวิศวกรรม 1 ระบปุ ญั หา 2 รวบรวมข้อมลู และแนวคดิ ทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั ปญั หา ออกแบบ วิธีการ แกป้ ญั หา 3 ทดสอบ 5 4 ประเมินผล และ วางแผน ปรับปรงุ แก้ไขวธิ ีการ และดำ� เนนิ การ แกป้ ัญหาหรอื ช้นิ งาน แก้ไขปญั หา 6 น�ำเสนอวธิ กี ารแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหาหรอื ชน้ิ งาน ววิ ัฒนาการของเทคโนโลยี ประวตั ศิ าสตรข์ องเทคโนโลยตี งั้ แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จบุ นั แบง่ ออกไดเ้ ปน็ 9 ยุค ไดแ้ ก่ 1. ยคุ พาลโิ อลิทิก (Paleolithic Age) หรอื ยคุ หินเกา่ (The Old Stone Age) 6. ยุคกลาง (Middle Age) 2. ยคุ เมโซลทิ กิ (Mesolithic Age) หรือยุคหินกลาง (The Middle Stone Age ) 7. ยุคเรอเนซองซ์ (The Renaissance) 3. ยคุ นโี อลิทิก (Neolithic Age) หรอื ยุคหนิ ใหม่ (The New Stone Age) 8. ยุคอุตสาหกรรม (The Industrial Age) 4. ยคุ สำ� ริด (Bronze Age) 9. ยคุ ขอ้ มลู ข่าวสาร (The Information Age) 5. ยุคเหล็ก (Iron Age) T21
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ นาํ 1. ครูชักชวนนักเรียนสนทนาเก่ียวกับการใช เทคโนโลยีในชีวิตประจําวัน และสุมถาม นักเรียนวา นักเรียนเลนโทรศัพทมือถือบอย แคไ หน อยา งไร 2. ครูบอกนักเรียนเก่ียวกับปญหาการใช เทคโนโลยีที่ไมเหมาะสมในปจจุบันวา เปน ปญหาทจ่ี ะตอ งมีการแกไ ข 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนเขาใจวา สิ่งอํานวยความสะดวกในชีวิตประจําวัน ของมนุษยลวนเปนเทคโนโลยีท่ีเกิดจาก กระบวนการคิดที่เปนระบบเพื่อใชแกปญหา และทําใหคุณภาพชีวิตดีข้ึน แตถานําไปใช อยางไมเ หมาะสมก็อาจเปนโทษได 4. นกั เรยี นทําแบบทดสอบกอ นเรียน เกร็ดแนะครู การจดั การเรียนการสอนในหนวยการเรยี นรทู ่ี 2 ครูผสู อนควรจัดกจิ กรรม การเรียนการสอนท่ีเนนใหนักเรียนเกิดความรูความเขาใจเก่ียวกับกระบวนการ เทคโนโลยีและสามารถนําไปใชในการระบุปญหาหรือความตองการในชีวิต ประจําวัน รวบรวม วิเคราะหขอมูล และแนวคิดที่เกี่ยวของกับปญหา รวมถึง การออกแบบวธิ ีการแกป ญหา โดยสามารถวิเคราะห เปรยี บเทียบ และตดั สนิ ใจ เลือกขอมลู ทจ่ี าํ เปน เพือ่ นําเสนอแนวทางการแกป ญ หาใหผ อู นื่ เขา ใจได นอกจากนี้ ยงั ควรจดั กจิ กรรมทม่ี กี ารยกตวั อยา งสถานการณเ พอื่ ใหน กั เรยี น ไดฝ ก ทดสอบ ประเมนิ ผลและระบขุ อ บกพรอ งทเ่ี กดิ ขน้ึ ของสถานการณเ หลา นนั้ พรอมทั้งหาแนวทางการปรับปรุง แกไข และนําเสนอผลการแกปญหาไดอยาง ถูกตอง ซ่งึ จะทาํ ใหน กั เรยี นเกดิ ความรูความเขาใจและสามารถนําไปใชในชวี ติ ประจําวันไดจรงิ T22
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน กาํ หนดปญ หา 1 1. ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ กบั นกั เรยี นวา กระบวนการเทคโนโลยีชวยตอบสนองความ จาํ เปนและความตองการของมนษุ ยอ ยา งไร 2. ครูใหน กั เรียนแบงกลมุ กลมุ ละ 3-4 คน แลว ใหแตละกลุมรวมกันศึกษาและสืบคนขอมูล เก่ียวกับความหมายและองคประกอบของ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม จากนั้น รวมกันอภิปรายขอมูลท่ีสืบคนไดภายในกลุม และสรุปความรูที่ไดลงในกระดาษ A4 เสร็จ แลวนําสง ครู เพอ่ื ตรวจสอบความถกู ตอ ง 3. นักเรียนและครูรวมกันสนทนาเก่ียวกับ ความหมายและองคป ระกอบของกระบวนการ เทคโนโลยีวา ชว ยตอบสนองความจาํ เปนและ ความตองการของมนุษยอ ยางไร ขอสอบเนน การคดิ แนวตอบ คาํ ถามสาํ คัญประจําหัวข้อ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมมีความสําคัญตอการดํารง กระบวนการเทคโนโลยีชวยตอบสนองความ ชีวิตของมนุษยอ ยางไร ตองการของชีวิตมนุษยในปจจุบัน ดานเทคโนโลยี เพ่ือพัฒนาทางดานส่ิงอํานวยความสะดวก ทําให 1. ชวยใหสามารถอยูรวมกนั เปนหมูคณะ ใชช วี ติ ประจาํ วนั ไดส ะดวกสบายยง่ิ ขน้ึ 2. ชวยใหรกั ษาอุปกรณห รอื เคร่ืองมอื เครอื่ งใชไมใ หชํารุด 3. ชว ยใหสรางผลงานตางๆ ไดอ ยา งเปน ระเบียบเรยี บรอ ย เกร็ดแนะครู 4. ชว ยแกปญหาและสนองความตอ งการทางดานตางๆ ได (วิเคราะหคาํ ตอบ กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม คอื ขนั้ ตอน กอ นครจู ะอธบิ ายความเชอ่ื มโยงของกระบวนการเทคโนโลยกี บั กระบวนการ การแกปญหาหรือตอบสนองตอความตองการที่กอใหเกิดการ ออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ควรใหน กั เรยี นรว มกนั พจิ ารณาและอภปิ รายเปรยี บเทยี บ เปลย่ี นแปลงจากทรพั ยากรใหเปนผลผลติ หรือผลลัพธท ใ่ี ชสําหรับ ความเหมอื นและความแตกตางของกระบวนการท้ัง 2 กระบวนการนี้กอน เพ่อื แกปญหาหรือสนองความตอ งการ ดงั นน้ั ตอบขอ 4.) ใหน ักเรียนเชอ่ื มโยงขอมลู ไดดวยตนเองและเกิดความเขา ใจไดมากขึ้น นักเรียนควรรู 1 กระบวนการเทคโนโลยี เปนขั้นตอนการทํางานเพื่อสรางส่ิงของเครื่องใช หรือวิธีการอยางใดอยางหนึ่งข้ึนมา เพื่อแกปญหาหรือสนองความตองการของ มนษุ ย กระบวนการเทคโนโลยี ประกอบดว ย 7 ขนั้ ตอน ไดแ ก 1. ระบปุ ญ หาหรอื ความตอ งการ 2. รวบรวมขอมูลทเ่ี กี่ยวขอ งกบั ปญ หา 3. เลือกวิธีการแกป ญหา 4. ออกแบบวิธกี ารแกป ญ หา 5. ทดสอบ 6. การปรับปรงุ แกไข และประเมนิ ผล 7. นําเสนอผลงาน T23
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 1 กาํ หนดปญ หา 4. ครูต้ังคําถามและสุมตัวแทนแตละกลุม ตอบคําถาม ดังนี้ • กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมมีความ สาํ คญั อยางไร (แนวตอบ ชว ยแกป ญ หาและสนองความจาํ เปน และความตอ งการของมนุษยได) • องคประกอบของกระบวนการออกแบบ เชิงวศิ วกรรมมกี ่ีข้นั ตอน อะไรบาง (แนวตอบ 6 ขน้ั ตอน ดงั นี้ 1. ระบุปญหา 2. รวบรวมขอมูลและแนวคิดท่ีเกี่ยวของ กับปญหา 3. ออกแบบวธิ ีการแกปญ หา 4. วางแผนและดาํ เนนิ การแกปญหา 5. ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแกไ ข วิธกี ารแกป ญ หาหรอื ชิ้นงาน 6. นาํ เสนอวธิ กี ารแกป ญ หา ผลการแกป ญ หา หรอื ชนิ้ งาน) 5. นักเรียนรวมกันอภิปรายและสรุปเก่ียวกับ ความหมายและองคป ระกอบของกระบวนการ ออกแบบเชงิ วศิ วกรรม 6. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาตวั อยา ง การระบปุ ญ หาจาก หนงั สอื เรยี นหนา 20 จากน้ันรว มกนั อภิปราย เรอ่ื ง ปญ หาการใชเ ทคโนโลยไี มเ หมาะสมในชวี ติ ประจาํ วนั ที่ครูกาํ หนดใหภ ายในเวลา 5 นาที 7. ครจู ดบนั ทกึ ปญ หาทนี่ กั เรยี นไดจ ากการอภปิ ราย ลงบนกระดาน เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ขณะท่ีนกั เรียนรว มกันอภปิ รายหัวขอ ปญ หาการใชเ ทคโนโลยไี มเหมาะสม ตน ชมพทู บี่ า นมผี ลดก รสชาตดิ ี แตต น สงู ใหญเ กบ็ เกย่ี วไมส ะดวก ในชีวิตประจําวัน ครูควรพูดช้ีประเด็นใหนักเรียนเห็นถึงปญหาที่หลากหลาย จากขอมูล เปนขั้นตอนในการสรางและพัฒนาส่ิงของเคร่ืองใช จากการใชเทคโนโลยีไมเหมาะสมจากสถานการณหรือขาวสาร ท่ีเกิดข้ึน ตามกระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรมขั้นตอนใด ในชีวิตประจําวัน เพื่อจุดประกายความคิดใหนักเรียนมองเห็นถึงปญหาท่ี หลากหลายและครอบคลมุ ประเด็นไดม ากขนึ้ 1. ระบุปญ หา 2. ออกแบบวิธกี ารแกปญ หา นักเรียนควรรู 3. วางแผนและดําเนินการแกปญ หา 4. รวบรวมขอ มูลและแนวคดิ ท่ีเกย่ี วขอ งกับปญหา 1 สะพานโกลเดนเกต เปน สะพานขา มอา วทางตอนเหนอื ของเมอื งแซนแฟรนซสิ โก (วเิ คราะหคาํ ตอบ ขอความนี้เปนการระบุปญหาหรือความ รฐั แคลฟิ อรเ นยี ประเทศสหรฐั อเมรกิ า สรา งในสมยั ประธานาธบิ ดแี ฟรงกลนิ ด.ี ตองการกอนท่ีจะนําไปสูการสรางหรือประดิษฐเคร่ืองมือเคร่ืองใช รสู เวลต เมอื่ ป ค.ศ.1933 เปน สถานทที่ อ งเทยี่ วทส่ี าํ คญั ของประเทศสหรฐั อเมรกิ า เพือ่ แกป ญหาน้ี ดังนน้ั ตอบขอ 1.) T24
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 1 ขนั้ สอน กาํ หนดปญ หา 8. ใหนักเรียนแบงกลุมเลือกปญหาการใช เทคโนโลยีไมเหมาะสมในชีวิตประจําวันที่ บันทึกไวบ นกระดานตามความสนใจ 9. นักเรียนแตละกลุมรวมกันวางแผนวิธีการ ศึกษาเกี่ยวกับปญหาการใชเทคโนโลยีไม เหมาะสมทก่ี ลมุ เลอื ก ทาํ ความเขา้ ใจปญ หา 1. ครตู ัง้ คําถามใหน ักเรียนชวยกนั ตอบ ดังนี้ • องคป ระกอบของการระบปุ ญ หามอี ะไรบาง (แนวตอบ 1. ปญ หา คอื ส่งิ ท่จี ําเปนตอ งแกไ ข 2. ใคร คือ ผูที่เผชิญปญหาท่ีเราจําเปน ตอ งแก 3. เหตุผล คือ เหตุใดปญหานี้จึงจําเปน ตองแก) • นวัตกรรมและสิ่งประดิษฐมีความแตกตาง กันอยา งไร (แนวตอบ นวัตกรรม (Innovation) คือ การนําวิทยาการตางๆ มาออกแบบเพื่อ ตอบสนองความจําเปนหรือความตองการ สามารถนํามาใชกอใหเกิดประโยชนทาง เศรษฐกิจและสังคมได สามารถนํามา ทําการคาได สามารถสรางผลกําไรให กับธุรกิจ เชน หุนยนต คอมพิวเตอร สวนสิ่งประดิษฐ (Invention) คือ ส่ิง ที่เปนการคิดคนทางวิทยาศาสตรและ เทคโนโลยี เชน พิมพดดี วิทยุ โทรทัศน) ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู การนําทางเลือกที่ไดเลือกไวมาลําดับความคิดเพื่อสราง เม่ือนักเรียนตอบคําถามเสร็จ ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับความหมายของ แนวทางการแกปญ หา ตรงกบั กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม นวัตกรรมและส่ิงประดิษฐ แลวทดสอบความรูความเขาใจของนักเรียนเปน ขน้ั ตอนใด รายบคุ คล โดยสอบถามเกีย่ วกับความเหมอื นและความแตกตา งของนวตั กรรม และสิ่งประดิษฐ ฝกจําแนกส่ิงประดิษฐและนวัตกรรมรอบๆ ตัวที่รูจักเปนราย 1. ระบปุ ญ หา บุคคล 2. ออกแบบวิธีการแกป ญหา 3. วางแผนและดาํ เนนิ การแกป ญ หา นักเรียนควรรู 4. ทดสอบ ประเมนิ ผล และปรบั ปรงุ แกไ ขวธิ กี ารแกป ญ หาหรอื 1 หลอดไฟแบบไส เปนหลอดไฟที่ใหแสงสวางโดยการใหความรอนแก ชิ้นงาน ไสหลอดที่เปนลวดโลหะจนมีอุณหภูมิสูงและเปลงแสง มีหลอดแกวท่ีเติม (วเิ คราะหคําตอบ เม่ือเลือกวิธีการแกปญหาที่เหมาะสมแลว แกสเฉื่อยหรือเปนสุญญากาศครอบเพื่อปองกันไสหลอดท่ีรอนสัมผัสอากาศ ข้ันตอนตอไปคือการนําวิธีการที่ไดเลือกไวมาลําดับความคิดเพื่อ อุปกรณท่ใี ชห ลอดไฟชนดิ น้ี เชน ไฟตง้ั โตะ ไฟฉาย ไฟตกแตงโฆษณา สรางแนวทางการแกปญหาหรือเรียกวา ออกแบบวิธกี ารแกปญหา ดงั นนั้ ตอบขอ 2.) T25
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน ทาํ ความเขา้ ใจปญ หา 2. นักเรียนทํากิจกรรม Design Activity ใน หนังสือเรียน เสร็จแลวครูสุมตัวแทนนักเรียน อธบิ ายคาํ ตอบทลี ะสถานการณ ครแู ละนกั เรยี น คนอน่ื ๆ รว มกนั พจิ ารณาคาํ ตอบ เพอ่ื ตรวจสอบ ความถกู ตอ งและอภปิ รายหาขอสรปุ รว มกนั 3. ครูใหนักเรียนเขากลุมที่แบงจากการเลือก ปญหาเกี่ยวกับการใชเทคโนโลยีไมเหมาะสม ในชีวิตประจําวันเพื่อรวมกันอภิปรายตาม ประเดน็ ท่ีกาํ หนดให ดังน้ี • ปญหาทีจ่ าํ เปน ตอ งแกคืออะไร • ใครคอื ผูท ี่เผชิญปญ หาท่เี ราจําเปนตองแก • เหตุใดปญหาน้ีจึงจาํ เปนตองแก แลวสรุปลงในกระดาษ A4 พรอมทั้งรวมกัน ออกแบบวิธีการนําเสนอผลงานทีน่ า สนใจ 4. นักเรียนแตละกลุมผลัดกันสงตัวแทนออกมา นําเสนอผลงานตามที่ไดออกแบบไวจนครบ ทุกกลมุ จากนั้นใหแ ตล ะกลุมนาํ ผลงานไปตดิ ไวบรเิ วณรอบๆ หอ งเรียน เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills เมอ่ื ตวั แทนนกั เรยี นระบปุ ญ หาหรอื ความตอ งการของภาพสถานการณจ าก 1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน แลวชวยกันสํารวจ กจิ กรรม Design Activity ครบทง้ั 2 ภาพแลว ครอู าจเตรยี มภาพสถานการณอ น่ื สถานการณท สี่ ง ผลกระทบดา นตา งๆ ในโรงเรยี น 1 สถานการณ นอกเหนอื จากในกจิ กรรมมาใหน กั เรยี นชว ยกนั ระบปุ ญ หาหรอื ความตอ งการ เพอ่ื เพิ่มความรูความเขาใจเกี่ยวกับกระบวนการเทคโนโลยีขั้นที่ 1 การระบุปญหา 2. ระดมสมองชว ยกนั ระบปุ ญ หาหรอื ความตอ งการของสถานการณ หรือความตอ งการ นอกจากน้ี ครูควรสมุ นกั เรยี นสลับกบั ระบุปญ หาหรอื ความ ตามประเด็น ดังนี้ ปญหาท่ีจําเปนตองแกคืออะไร ใครคือผู ตองการตามสถานการณท่ีกาํ หนดให เพ่ือเปน การตรวจสอบความรคู วามเขา ใจ ไดรับผลกระทบจากปญหานี้ สาเหตุท่ีจําเปนตองแกปญหานี้ ของนกั เรียนเปน รายบคุ คล คืออะไร 3. นาํ ขอ มลู ทไ่ี ดม าจดั ทาํ เปน โปสเตอรภ าพ เรอ่ื ง ปญ หาหรอื ความ ตอ งการทคี่ วรไดรบั การแกไขในโรงเรยี น ใหส วยงาม 4. แตละกลุมสงตัวแทนนําเสนอ ครูและนักเรียนกลุมอ่ืนรวมกัน วิเคราะห เสร็จแลวนําไปติดตามหนาบอรดประชาสัมพันธใน โรงเรียน T26
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 1.2 รวบรวมข้อมลู และแนวคิดท่ีเกยี่ วขอ้ งกับปัญหา ขน้ั สอน เมอื่ เราระบปุ ญั หาหรอื ความตอ้ งการแลว้ ขนั้ ตอนตอ่ ไป คอื เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู และความรทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั ปญั หา ทาํ ความเขา้ ใจปญ หา หรือคว1า.ม ตก้อางรกรวาบรนรวน้ั มๆข้อเพม่ือลู ขห้นัาวปธิ ฐกีมาภรมูท1ิี่เห(pมriาmะสaมryส�าdหaรtaบั )แกค้ปือัญกหาารเซกงึ่็บกราวรบรรววบมรขว้อมมขูล้อเมพูล่อื ทศา� กึ ไษด้า2แลวะธิ ทหี า� ลคกั วาดมังเนขี้้าใจ 5. ใหนักเรียนแตละกลุมเดินชมผลงานที่ติดไว บริเวณรอบๆ หองเรียนเปนเวลา 5 นาที เพือ่ ด้วยตนเอง โดยวิธีการรวบรวมขอ้ มูลขน้ั ปฐมภูมนิ นั้ ทา� ได้หลายวิธี แลกเปลย่ี นความรกู บั กลมุ อน่ื ๆ จากนน้ั รว มกนั ตัวอย่าง วิธกี ารรวบรวมข้อมลู ขัน้ ปฐมภูมิ วิเคราะหสถานการณของปญหาการใช เทคโนโลยีไมเหมาะสมในชวี ติ ประจําวัน และ การพดู คยุ หรอื การสมั ภาษณ์ (deepinterview) เปน็ การตง้ั คา� ถามเพอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ความตอ้ งการ แนวทางแกไขที่สามารถนําไปปฏิบัติใชใน ของกลุ่มเป้าหมายท่ีเราต้องการจะแก้ปัญหา การพูดคุยหรือสัมภาษณ์ที่ดีน้ัน คือ การต้ังใจรับฟังเพ่ือเรียนรู้ ชีวิตประจาํ วนั ไดจ ริง ความตอ้ งการเบื้องลึก 6. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ใหน กั เรยี นเขา ใจวา นอกจาก การสังเกต (observation) คือ การพิจารณาปัญหาด้วยการมองอย่างวิเคราะห์เพ่ือสร้างความเข้าใจในปัญหา ปญหาที่เปนตัวอยางสถานการณศึกษาน้ีแลว ท่เี ราตอ้ งการจะแกม้ ากขึ้น ยังมีปญหาอ่ืนๆ อีกมากมาย ซ่ึงนักเรียน สามารถนาํ กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม การร่วมประสบการณ์ (immersion) คือ การท�าความเข้าใจด้วยการลองเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในส่ิงแวดล้อม มาใชใ นการแกป ญ หาเพอื่ การตอบสนองความ เดียวกับผทู้ ีเ่ ราพยายามจะสร้างเทคโนโลยีให้ จาํ เปน หรือความตอ งการได Design Focus แผนผังความเขา้ ใจ ดาํ เนนิ การศกึ ษาคน้ ควา้ แผนผังความเข้าใจ (Empathy Map) เป็นหน่ึงในเคร่ืองมือหรือแนวคิดที่ท�ำให้เรำสำมำรถพิจำรณำปัญหำ 1. ครูถามนักเรียนวา วิธีการรวบรวมขอมูลที่ และควำมต้องกำรจำกข้อมูลข้ันปฐมภูมิได้ในเชิงลึก น่ันคือ เรำควรค�ำนึงถึงควำมต้องกำรและปัญหำในมุมต่ำง ๆ เก่ยี วขอ งกับปญ หามอี ะไรบาง ต่อไปน้ี (แนวตอบ การรวบรวมขอมูลมีหลายรูปแบบ เชน การพูดคยุ หรือการสมั ภาษณ การสังเกต SAY : เขาพูดอะไร แผนผงั THINK : เขาคดิ อยา่ งไร การรวมประสบการณ การศึกษาจากหนังสือ ความเขา้ ใจ วารสาร สืบคน จากอินเทอรเ น็ต เปนตน ) บันทึกสิ่งท่ีเราได้ยิน ได้ฟัง จากการพูดคุย บนั ทึกความคิดเห็นเก่ยี วกบั ปญั หา หรอื ความ หรอื สมั ภาษณ์ ตอ้ งการ 2. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาตวั อยา ง วิธีการรวบรวมขอมูลท่ีเกี่ยวของกับปญหา DO : เขาท�าอะไร FEEL : เขาตอ้ งการอะไร จากหนงั สือเรยี น หนา 23 แลว รวมกันกาํ หนด ปญหาที่พบในชีวิตประจําวันที่สมาชิกในกลุม บนั ทึกพฤตกิ รรม หรอื การกระท�าทีส่ ังเกตเห็น บันทึกความรู้สึกเกี่ยวกับปัญหา หรือความ สนใจรว มกนั 1 ปญหา เกีย่ วกบั ปัญหาหรือความต้องการ ต้องการ 23กระบวนการ ออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู สิตาตองการซ้ือช้ันสําหรับวางของท่ีมีนํ้าหนักมาก จึงทําการ เม่ือนักเรียนแตละกลุมศึกษาวิธีการรวบรวมขอมูลขั้นปฐมภูมิเสร็จแลว ทดสอบความแข็งแรงวัสดุตางๆ ท่ีใชทําช้ันวางของ วิธีการของ ครูควรตรวจสอบความเขาใจของนักเรียนแตละกลุมโดยการสอบถามให สติ าสอดคลอ งกบั ขน้ั ตอนใดของกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม นักเรียนในกลุมชวยกันตอบหรือกําหนดหัวขอส้ันๆ ใหแตละกลุมฝกรวบรวม ขอมูลเพ่ือใหนักเรียนทั้งหองมีความเขาใจที่ตรงกันและสามารถนําไปปฏิบัติ 1. ระบุปญ หา ในการทํากจิ กรรมไดอยางถกู ตอง 2. ออกแบบวิธีการแกป ญหา 3. วางแผนและดาํ เนินการแกปญ หา นักเรียนควรรู 4. รวบรวมขอ มลู และแนวคิดท่เี กยี่ วขอ งกับปญหา (วิเคราะหค ําตอบ สิตารูวาของที่จะใชวางบนชั้นมีน้ําหนักมาก 1 ขอ มลู ขนั้ ปฐมภมู ิ (primary data) เปน ขอ มลู ทผ่ี ใู ชห รอื หนว ยงานทใี่ ชเ ปน สิตาจึงทดสอบความแข็งแรงของวัสดุตางๆ ที่ใชทําชั้นวามี ผทู าํ การเกบ็ ขอ มลู ดว ยตนเอง ซงึ่ วธิ กี ารเกบ็ รวบรวมขอ มลู อาจใชว ธิ กี ารสมั ภาษณ ความแข็งแรงเหมาะสมกับการเลือกนํามาใชหรือไม ซึ่งการ การทดลอง หรอื การสงั เกตการณ ขอ มลู ปฐมภมู เิ ปน ขอ มลู ทม่ี รี ายละเอยี ดตรงตาม กระทําน้ีสอดคลองกับข้ันตอนการออกแบบวิธีการแกปญหาของ ที่ผูใ ชต องการ แตม กั จะเสยี เวลาในการจัดหาและมีคา ใชจายสงู กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ดงั น้นั ตอบขอ 2.) T27
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 2. การรวบรวมขอ้ มลู ขัน้ ทตุ ยิ ภูมิ1(secondary data) คอื การเกบ็ รวบรวมข้อมูลเพื่อศกึ ษาจากขอ้ มลู ทีม่ อี ยู่ ดาํ เนนิ การศกึ ษาคน้ ควา้ ผา่ นการสรปุ ผลและการวเิ คราะหผ์ ล ในทางปฏบิ ตั กิ ารวจิ ยั ขนั้ ทตุ ยิ ภมู เิ ปน็ การรวบรวมขอ้ มลู จากหนงั สอื วารสารตา่ ง ๆ หรือสบื ค้นจากอนิ เทอรเ์ นต็ 3. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาคนควา การเก็บข้อมูลข้ันทุติยภูมิน้ีไม่ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมาก แต่ต้องระมัดระวังในการใช้เพราะข้อมูลอาจ หาขอ มลู เพมิ่ เตมิ ตามประเดน็ ปญ หาของกลมุ เกา่ ลา้ สมยั หรอื ไมส่ มบรู ณ์ ตอ้ งตรวจสอบความถกู ตอ้ งและความสมบรู ณข์ องขอ้ มลู และความนา่ เชอ่ื ถอื ของแหลง่ ขอ้ มลู โดยใหส มาชกิ ในกลมุ แบง หนา ทกี่ นั ทาํ งานตาม การวิเคราะห์แหล่งท่ีมาของข้อมูลว่าเป็นแหล่งข้อมูลท่ีน่าเช่ือถือได้หรือไม่ เป็นข้อมูลที่มาจากใครหรือองค์กรใด ลําดับ ดงั น้ี มีความส�าคัญไม่น้อยไปกว่าความถูกต้องของข้อมูล แหล่งข้อมูลท่ีน่าเช่ือถือท�าให้น้�าหนักของข้อมูลมีมากข้ึน 1) กาํ หนดเปาหมายของงาน และสามารถนา� ขอ้ มูลนน้ั ไปใช้ต่อได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพมากขึน้ 2) กําหนดระยะเวลาการคน ควา หลังจากที่มีการรวบรวมข้อมูลแล้ว สิ่งท่ีตามมาก็คือการน�าข้อมูลท่ีเก็บมาระดมสมอง (brainstroming) 3) กาํ หนดระยะเวลาการบนั ทกึ ขอ มลู สรา้ งค�าถามเพื่อทา� ให้มองเห็นปญั หาอยา่ งแท้จริง และนา� ไปสูก่ ารคน้ พบทางเลอื กในการแกไ้ ขปญั หาขึ้นมา ในการ ระดมสมองหาวิธีแกป้ ัญหาใหม่ ๆ นน้ั มีหลักการส�าคญั คือ การคิดใหฟ้ ุ้ง ไมเ่ อากรอบความคดิ หรือข้อจ�ากัดตา่ ง ๆ 4. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ กอ นทนี่ กั เรยี นแตล ะกลมุ จะ มาปิดกั้นเพ่ือใหเ้ กิดความคิดแหวกแนวใหม่ ๆ การระดมสมองท่ดี นี น้ั มีหลักการ ดงั ต่อไปนี้ ลงมอื ปฏบิ ตั งิ านวา การรวบรวมขอ มลู ทเี่ กย่ี วขอ ง กับปญหาสามารถทาํ ได 2 วิธกี ารหลกั คือ เนน้ ปรมิ าณมากกว่าคุณภาพ 1) การรวบรวมขอมูลขน้ั ปฐมภมู ิ เรมิ่ จากการแยกการคดิ และการประเมนิ ออกจากกนั โดยคดิ และเสนอแนวทางการแกป้ ญั หาใหไ้ ดจ้ า� นวนมากกอ่ น 2) การรวบรวมขอ มลู ข้ันทตุ ยิ ภูมิ แล้วจึงเริม่ ประเมินและคัดเลอื กวธิ กี ารแกป้ ัญหาทเี่ หมาะสมในภายหลัง ตามขอ มูลจากหนงั สอื เรียน หนา 23-24 มองปญั หาให้เป็นโอกาสดว้ ยการต้ังคา� ถาม การตงั้ คา� ถามชว่ ยใหก้ ารคดิ วธิ แี กป้ ญั หามปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ โดยรปู แบบคา� ถามทอี่ งคก์ รระดบั โลกมากมายใช้ คือ การตัง้ คา� ถามวา่ “เราจะ...ได้อยา่ งไร” (How might we...?) เช่น ปญั หา เราจะ... ได้อยา่ งไร คนไมก่ ลา้ ซือ้ ของ ••• เเเรรราาาจจจะะะททท��าาา� ใใใหหห้้้กกกาาารรรซซซืื้ออื้้อขขขออองงงออออออนนนไไไลลลนนนเ์์์นสสนา่ มเกุ ชอื ไ่ือนดถจ้อือรยิงไ่าดไงด้อไ้อรยย่า่างงไรไร ออนไลน์ 24 เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ ครูควรแนะนําใหนักเรียนแตละกลุมกําหนดปญหาท่ีพบในชีวิตประจําวัน ขอใดไมใ ชก ารรวบรวมขอ มลู ทเ่ี กย่ี วของกับปญหาข้นั ทุติยภูมิ สําหรับการศึกษาคนควาที่แตกตางกัน เพื่อใหนักเรียนไดเห็นปญหาในชีวิต 1. วรากรคนควาขอมูลเกี่ยวกับการสรางเครื่องเก็บผลไมจาก ประจําวนั ท่หี ลากหลายและขอ มลู ทีเ่ กีย่ วกบั ปญหาทแ่ี ตกตางกนั ไป อนิ เทอรเ น็ต 2. วราคมศกึ ษางานวจิ ยั ของสถาบนั ชอ่ื ดงั เพอ่ื เปน แนวทางกอ น นักเรียนควรรู การทาํ งานทกุ คร้งั 3. วราลกั ษณร วบรวมขา วเกย่ี วกบั เหตกุ ารณท สี่ ง ผลกระทบตอ 1 ขอ มลู ขนั้ ทตุ ยิ ภมู ิ (secondary data) เปน ขอ มลู ทผี่ ใู ชไ มไ ดเ กบ็ รวบรวมเอง สงิ่ แวดลอมจากหนงั สอื พิมพ แตม ีผอู นื่ หรือหนวยงานอืน่ เกบ็ รวบรวมไวแลว เชน จากรายงานท่พี ิมพแลวหรอื 4. วราพรสาํ รวจความตอ งการเครอ่ื งมอื ทนุ แรงทางการเกษตร ยังไมไดพิมพของหนวยงานของรัฐบาล สํานักงานวิจัย หนังสือพิมพ การใช ของคนในชุมชนโดยการสมั ภาษณ ขอ มลู ทตุ ยิ ภมู ชิ ว ยประหยดั เวลาและคา ใชจ า ย แตข อ มลู ทไ่ี ดอ าจไมต รงกบั ความ (วเิ คราะหคําตอบ การรวบรวมขอมูลดวยตนเองโดยใชการ ตอ งการทง้ั หมดหรอื อาจมคี วามผดิ พลาดของขอ มลู ทสี่ ง ผลกระทบตอ การสรปุ ผล ดงั น้นั ควรตรวจสอบคณุ ภาพของขอมลู กอ นนาํ มาใช สัมภาษณ ถอื เปน ขอมลู ขนั้ ปฐมภมู ิ ดังนั้น ตอบขอ 4.) T28
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ Design Activity ขน้ั สอน แผนผงั ความเขา้ ใจ ดาํ เนนิ การศกึ ษาคน้ ควา้ ใหน้ กั เรียนวเิ คราะหค์ วามตอ้ งการของคนในภาพ แลว้ สรปุ ขอ้ มูลทว่ี เิ คราะห์ไดใ้ นรปู แบบแผนผังความเขา้ ใจ 5. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรม Design Activity จากหนังสือเรียน หนา 25 6. ครูสุมถามคําตอบของนักเรียนเปนรายบุคคล โดยเมอื่ ตวั แทนนกั เรยี นเฉลยคาํ ตอบจบ 1 ภาพ ครูและนักเรียนคนอื่นๆ รวมกันอภิปรายและ หาขอสรปุ คาํ ตอบของภาพน้นั 7. ครูสุมนักเรียนเฉลยคําตอบภาพถัดไป โดยใช วิธีการซา้ํ ตามขอ 6. จนครบทกุ ภาพ ภาพท ่ี 2.10 คนพกิ ารน่งั รถเขน็ ภาพที่ 2.11 ผูส้ ูงอายุ ภาพท่ ี 2.12 แม่ลูกอ่อน 25กระบวนการ ออกแบบเชงิ วิศวกรรม กิจกรรม สรางเสรมิ เกร็ดแนะครู ครูนําภาพ 5-6 ภาพ ไปตดิ ตามมุมตา งๆ ของหอง เชน ภาพ ในขณะทน่ี กั เรยี นทาํ กจิ กรรม Design Activity รว มกนั ครสู งั เกตพฤตกิ รรม เด็กทารกกําลังคลาน ภาพคนตาบอดกําลังจะขามถนน ภาพ การทาํ งานของนกั เรยี นเปน รายบคุ คลวา มคี วามเขา ใจเกยี่ วกบั กจิ กรรมทท่ี าํ หรอื ไม ผูหญิงหิ้วของรุงรัง จากน้ันใหนักเรียนแตละคนเลือกวิเคราะห หลังจากนักเรียนแตละคนทํากิจกรรมเสร็จแลว ใหครูผูสอนสุมเรียกนักเรียน ความตองการของคนในภาพในรูปแบบแผนผังความเขาใจใน ที่ยังเขาใจเก่ียวกับกิจกรรมที่ทําไมชัดเจนเปนผูเฉลยคําตอบ เพื่อที่ครูผูสอน บทเรียนลงในกระดาษ A4 แลวตกแตงใหสวยงาม จากนั้น จะไดแนะนําและอธิบายขยายความเขาใจเพิ่มเติม เพื่อใหนักเรียนเกิดความรู ครูสุมนักเรียนออกมานําเสนอผลงานทีละคน โดยจัดลําดับการ ความเขา ใจที่ถกู ตองชัดเจนมากย่ิงขน้ึ นาํ เสนอเปน กลมุ ตามลาํ ดบั ภาพทนี่ กั เรยี นเลอื ก เพอ่ื ใหน กั เรยี นได เปรียบเทียบการวเิ คราะหของตนเองและเพือ่ นๆ ที่เลอื กวเิ คราะห ภาพเดียวกันวามีความเขาใจตรงกันหรือไม และเปนการเสริม ความรูความเขาใจเก่ียวกับเนื้อหาในบทเรียนของนักเรียนใหดี ยงิ่ ข้ึน T29
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 1 สงั เคราะหค์ วามรู้ 1. ครูยกตัวอยางปญหาที่ควรไดรับการแกไข ภายในโรงเรียน 2-3 ปญ หา เชน ปญ หาการ จราจรติดขัดหนาโรงเรียนในตอนเชา ปญหา นักเรียนท้ิงขยะไมถูกท่ี เพื่อใหนักเรียนแตละ กลมุ รว มกนั คดิ หาวิธีการแกไ ขปญ หา 2. นักเรียนแตละกลุมศึกษาตัวอยาง การเลือก วธิ กี ารแกป ญ หาจากหนงั สอื เรยี น หนา 26-28 จากนั้นสมาชิกแตละคนในกลุมชวยกันคิดวิธี การแกปญ หาคนละ 1 วิธี 3. สมาชกิ ภายในกลมุ รว มกนั เลอื กแนวทางในการ แกป ญ หาของสมาชกิ แตล ะคน โดยใชแ นวทาง การเลือกตามตัวอยางในหนังสือเรียน หนา 26-28 เพ่ือคัดเลือกวิธีการแกปญหาที่ดีที่สุด ของกลมุ 1 วิธี 4. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา เหตุผลท่ีกระบวนการ เทคโนโลยีมีข้ันตอนการเลือกวิธีการ เพราะ ตอ งการหาวิธีการแกป ญ หาทดี่ ที ่สี ดุ 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาเร่ือง ออกแบบวิธีการแกปญหาจากหนังสือเรียน หนา 26-28 จากนั้นใหแตละกลุมรวมกัน อภิปรายวา จะมีแนวทางในการออกแบบ วธิ กี ารแกปญหาของกลมุ อยางไร 6. ครูอธิบายความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับตนแบบวา เปนการสรางแบบจําลองของเทคโนโลยีเพื่อ ตรวจสอบวา ตรงกับความตองการของผูใช หรือไม และส่ิงท่ีผูสรางตนแบบจากผูใช คือ ความคิดเห็นหรือผลสะทอนกลับวาชอบหรือ ไมชอบ เพ่ือท่ีจะนําไปเปนแนวทางในการ พัฒนาตอไป นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ 1 ผลสะทอนกลับ (feedback) คือ สวนแสดงผลที่ใชในการทําใหเกิดการ เหตใุ ดกระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมจงึ ตอ งมขี น้ั ตอนการ เปลย่ี นแปลงตอ สว นทนี่ าํ เขา หรอื สว นประมวลผล เชน ความผดิ พลาดหรอื ปญ หาท่ี ออกแบบวธิ กี ารแกป ญหา เกดิ ขน้ึ อาจจาํ เปน ตอ งแกไ ขขอ มลู นาํ เขา หรอื ทาํ การเปลยี่ นแปลงการประมวลผล เพ่อื ใหไ ดส ว นแสดงผลทถี่ กู ตอ ง ตวั อยา งเชน ระบบการจายเงนิ เดอื นพนักงาน 1. เพราะแหลง เรียนรูม ีมากมาย ทําการปอ นชว่ั โมงการทํางานรายสัปดาหเปน 400 ชว่ั โมง แตก ารกาํ หนดระบบ 2. เพราะตอ งการไดว ธิ ีการแกป ญหาท่ดี ีท่ีสุด ตรวจสอบคา ช่ัวโมงการทํางานใหอยูในชวง 0-100 ช่วั โมง ดังนน้ั เมื่อพบขอมูล 3. เพราะสมาชิกในกลมุ มคี วามคดิ ท่แี ตกตา งกนั นีเ้ ปน 400 ชั่วโมง ระบบจะทาํ การสงผลสะทอนกลบั ออกมา อาจอยูในรปู ของ 4. เพราะตอ งการใหสมาชิกในกลุมมีสว นรว มในการทาํ งาน รายงานความผดิ พลาด ทาํ ใหส ามารถนาํ ไปใชใ นการตรวจสอบและแกไ ขจาํ นวน (วเิ คราะหคําตอบ การออกแบบวิธีการแกปญหาเปนกระบวน ช่ัวโมงการทาํ งานใหถ กู ตอ งได การออกแบบเชิงวิศวกรรมที่เกิดขึ้นหลังจากเขาใจปญหาอยาง ลึกซึ้งแลว เพื่อเลือกวิธีการแกปญหาใหเหมาะสมกับปญหามาก ทส่ี ุด โดยการทดลองสรางตนแบบข้ึนมา ดงั นั้น ตอบขอ 2.) T30
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ การออกแบบวิธีการแก้ปัญหาด้วยการสร้างต้นแบบน้ัน ท�าให้เราสามารถทดสอบสมมติฐานที่เรามีก่อนท่ีจะ ขนั้ สอน ลงทนุ และลงแรงสร้างเทคโนโลยอี อกมาอยา่ งเต็มรปู แบบ ซึง่ หลักการส�าคญั ในการสร้างต้นแบบมี 3 ขอ้ ดังน้ี สงั เคราะหค์ วามรู้ 1 ความง่าย (rough) 2 ความเรว็ (rapid) 3 ความเหมาะสม (right) ไม่เพียงสรา้ งให้เสมือนจริง แต่ 7. นักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ สรา้ งตน้ แบบดว้ ยวสั ดสุ ามารถสอ่ื สารได้ เนน้ ความเร็วเพ่อื รบี นา� ตน้ แบบไป ออกแบบมาเพื่อทดสอบสมมตฐิ านท่ี วิธีการแกปญหาของกลุม พรอมออกแบบวิธี แตไ่ ม่ต้องลงทนุ มาก ทดสอบขอความคิดเห็นและปรับปรุง ผคู้ ิดเทคโนโลยีต้องการจะหาค�าตอบ การแกปญหา แลวสรุปเปนผังมโนทศั น ไดผ้ ลลพั ธป์ ระสทิ ธภิ าพตา่� ได้ผลลัพธ์ประสทิ ธภิ าพสูง 8. ตัวแทนแตล ะกลมุ ออกมานําเสนอผงั มโนทศั น หนาชั้นเรียน จากนั้นครูและนักเรียนรวมกัน ตวั อยา่ ง รูปแบบของต้นแบบอย่างงา่ ยท่ีใชใ้ นการทดสอบสมมติฐาน อภปิ รายความรเู กย่ี วกบั วธิ กี ารออกแบบวธิ กี าร แกป ญหารวมกนั การสรา้ งต้นแบบดว้ ยการสรา้ งผังงาน (concept sheet) 9. ครขู ยายความรเู พม่ิ เตมิ ในหนงั สอื เรยี นเกย่ี วกบั • การสรา้ งตน้ แบบดว้ ยวธิ นี เี้ ปน็ วธิ ที งี่ า่ ยทส่ี ดุ สามารถลงมอื ทา� ไดเ้ ลยดว้ ยการ หลักสําคัญการสรางตนแบบ แลวลองให นักเรียนแตละกลุมรวมกันสรางตนแบบ วาดภาพเพอ่ื ให้คนเข้าใจและรับรแู้ นวคิดของการแกป้ ัญหา อยางงาย โดยเลือกวิธีท่ีนักเรียนถนัดจาก ตัวอยา งในหนงั สอื เรียน หนา 27-28 ภาพท่ี 2.15 การสร้างตน้ แบบดว้ ยการสร้างผังงาน การสรา้ งตน้ แบบดว้ ยกระดาษ (paper prototyping) • ช้ินงานบางช้ินน้ันอาจใช้เวลาในการสร้าง แต่บางชิ้นงานสามารถสรา้ งแบบ จา� ลองเรว็ ๆ ไดจ้ ากกระดาษหรอื วสั ดรุ อบตวั โดยใชว้ ธิ เี ขยี น วาดภาพประกอบ ตัดแปะกระดาษ ซ่งึ ท�าให้แนวคิดน้นั จับตอ้ งไดม้ ากขึ้น ภาพท่ี 2.16 การสรา้ งตน้ แบบด้วยกระดาษ 1 การสรา้ งต้นแบบด้วยสอื่ วดิ โี อ (video prototyping) • เน่ืองจากเทคโนโลยีมีความทันสมัยมากขึ้น การสร้างต้นแบบด้วยวิดีโอจึง สามารถท�าให้เรารู้ถึงค�าติชมได้อย่างรวดเร็ว ดังน้ันทีมผู้ออกแบบสามารถ น�าค�าติชมไปปรับเพ่ือสร้างต้นแบบใหม่อีกคร้ัง โดยเร่ิมต้นจากการท�าวิดีโอ จ�าลองการใช้งานและน�าไปเผยแพร่เพ่ือสอบถามความคิดเห็น ผลลัพธ์ คือ คนสนใจเปน็ จา� นวนมาก วธิ กี ารนที้ า� ใหผ้ ผู้ ลติ เหน็ ถงึ จา� นวนคนทส่ี นใจไดอ้ ยา่ ง ชัดเจนโดยไมต่ ้องลงมอื สรา้ งผลติ ภณั ฑจ์ รงิ ภาพท่ี 2.17 การสร้างต้นแบบด้วยสอ่ื วดิ โี อ 27กระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู การเขียนภาพ 3 มิติของชิ้นงานสําเร็จตรงกับขั้นตอนใดใน 1 วดิ โี อ คอื มลั ตมิ เี ดยี ทส่ี ามารถแสดงภาพเคลอื่ นไหวพรอ มเสยี งบรรยายได กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม วดิ ีโอแบงไดเ ปน 2 ชนิด คือ 1. ระบปุ ญ หา 1) วดิ ีโอแอนะล็อก (analog video) เปนวดิ โี อที่ทาํ การบนั ทกึ ขอ มลู ภาพ 2. ออกแบบวธิ กี ารแกปญ หา และเสียงใหอยูในรูปของสัญญาณไฟฟา มีลักษณะการบันทึกขอมูล 3. รวบรวมขอมูลและแนวคดิ ท่ีเกี่ยวขอ งกบั ปญ หา ท่ีใหความคมชดั ตา่ํ กวาวิดโี อแบบดิจทิ ัล 4. ทดสอบ ประเมนิ ผล และปรบั ปรงุ แกไ ขวธิ กี ารแกป ญ หาหรอื 2) วิดีโอดิจิทัล (digital video) เปนวิดีโอท่ีทําการบันทึกขอมูลภาพและ ชิน้ งาน เสียงดวยการแปลสัญญาณคลื่นใหเปนตัวเลข 0 กับ 1 คุณภาพของ (วิเคราะหค ําตอบ การออกแบบวธิ กี ารแกป ญ หาในการสรา งสรรค วดิ โี อทไ่ี ดจ ะมคี วามใกลเ คยี งกบั ตน ฉบบั มาก ทาํ ใหส ามารถบนั ทกึ ขอ มลู เทคโนโลยีจะเร่มิ ตนดวยการสรางตน แบบกอนทีจ่ ะสรางจริง เพื่อ ลงบนฮารดดิสก ซีดีรอม ดีวีดี หรืออุปกรณบันทึกขอมูลอื่นๆ และ ตรวจสอบวา ตรงตามความตอ งการของผใู ชห รอื ไม การเขยี นภาพ สามารถแสดงผลบนคอมพวิ เตอรไดอยางมีประสิทธภิ าพ 3 มิติของช้ินงานจึงเปนขั้นตอนหน่ึงของการออกแบบวิธีการ แกปญหา ดงั น้ัน ตอบขอ 2.) T31
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน การสรา้ งต้นแบบด้วยการจา� ลองสถานการณ์ หรือบทบาทสมมติ (role play prototyping) สงั เคราะหค วามรู • การแสดงบทบาทสมมตหิ รอื จา� ลองสถานการณถ์ อื เปน็ อกี วธิ ที ง่ี า่ ยและรวดเรว็ 10. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ ศกึ ษาความรเู กยี่ วกบั ขั้นตอนของวิธีการสรางตนแบบจากหนังสือ การสรา้ งตน้ แบบดว้ ยวธิ ีน้ี จะท�าให้ทมี ผอู้ อกแบบไดส้ วมบทบาทตวั ผูใ้ ช้งาน เรียน เองดว้ ยซง่ึ วธิ นี จ้ี ะชว่ ยใหผ้ อู้ อกแบบเขา้ ใจและเขา้ ถงึ วธิ กี ารแกป้ ญั หาทแ่ี ทจ้ รงิ การสร้างตน้ แบบด้วยวิธนี ี้จะเหมาะกับเทคโนโลยีทเี่ ปน็ งานบริการ 11. นักเรียนแตละกลุมลงมือสรางตนแบบอยาง งายตามวิธีที่ท่ีเลือกไว เสร็จแลวครูสุมเรียก ภาพท่ี 2.18 การสร้างตน้ แบบดว้ ยการจา� ลองสถานการณ์ นักเรียนทีละกลุมออกมานําเสนอตนแบบที่ สราง พรอมอธิบายลักษณะสิ่งท่ีสรางและ ตน้ แบบนนั้ ไมไ่ ดเ้ ปน็ ชน้ิ งานสดุ ทา้ ย แตเ่ ปน็ แนวคดิ ของเทคโนโลยที ต่ี อ้ งปรบั และพฒั นาตอ่ ไปจากการทดสอบ วัตถปุ ระสงคข องการสรางใหเ พ่อื นๆ ฟง ดหังรนือั้มนรี าใคนากสาูงรสหร้าางกตจ้น�าเแปบ็นบตเ้อรางจม�าีกเาปร็นสทรา้ี่จงะรตะ้อบงบคไัดฟเลฟือ้าก1วระัสบดบุอกุปลกไรกณ์อหยร่าืองรสะรบ้าบงอสเิรลรก็ คท์ รไอมน่เลกิ ือสก์อวาัสจดจุอะเุปปกน็ รกณา์ทรป่ีซรับะซย้อุกนต์ 12. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ตนแบบไมใชงาน ช้ินสุดทายของกระบวนการออกแบบเชิง จากระบบไฟฟ้างา่ ย ๆ กอ่ นในเบอื้ งตน้ วศิ วกรรม เมอื่ ไดต น แบบของวธิ กี ารแกป ญ หา กระบวนการสร้างต้นแบบ (Prototyping Process) มาแลว จะตองมีการทดสอบวาแนวคิดของ การสร้างต้นแบบจะไม่พัฒนาทั้งระบบทีเดียว เทคโนโลยีน้ันตอบโจทยของผูใชงานหรือ ท้ังหมด แต่จะพัฒนาโดยใช้ต้นแบบ ซ่ึงประกอบด้วย ไม และหลังจากที่ทําการทดสอบแลวพบ ส่วนต่าง ๆ ของระบบใหม่แต่จ�าลองให้มีขนาดเล็กเพื่อ วาเทคโนโลยีที่ออกแบบนั้นมีขอบกพรอง ก็ ให้ผู้ใช้ได้ทดลองใช้ก่อน และให้ข้อเสนอแนะเพื่อใช้ใน จะตองมีการปรับปรุงแกไขใหดีขึ้น ซ่ึงการ การปรับปรุงต้นแบบนี้ให้เหมาะสมต่อไป กระบวนการนี้ ปรับปรุงแกไขน้ีสามารถทาํ ไดหลายครั้ง เพอ่ื จะปฏบิ ตั ิการซา�้ ๆ จนกระทัง่ ผู้ใช้ยอมรับระบบ จึงจะน�า ใหช้ินงานเทคโนโลยีสามารถตอบโจทยการ ตน้ แบบนั้นไปพฒั นาใหเ้ ตม็ รปู แบบตอ่ ไป ใชงานไดดีทส่ี ดุ ขั้นตอนของวธิ ีการสร้างต้นแบบ มี 4 ขั้นตอน ดงั นี้ ภาพท่ี 2.19 กระบวนการสรา้ งตน้ แบบ 1 ก�าหนดความต้องการ เปน็ การหาความตอ้ งการพนื้ ฐานของผใู้ ชร้ ะบบ นกั ออกแบบระบบจะตอ้ งมเี วลาเพยี งพอในการศกึ ษาหาความตอ้ งการดา้ น สารสนเทศพ้นื ฐานของผู้ใช้ 2 ออกแบบตน้ แบบ นกั พัฒนาระบบสามารถใชเ้ คร่อื งมอื ในการพฒั นาตน้ แบบออกแบบระบบ เพื่อใหเ้ กิดความรวดเร็ว 3 นา� ต้นแบบไปใช้ ผู้ใช้จะน�าต้นแบบไปทดลองใช้ว่าสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้เพียงใด โดยผู้ใช้สามารถให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับ ปัญหาหรือข้อแนะนา� ในการปรบั ปรุงตน้ แบบได้ 4 ปรับแตง่ ต้นแบบ เป็นการน�าความเห็นของผู้ใช้มาปรับปรุงต้นแบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้ันตอนนี้จะเกิดซ้�าไปซ้�ามาจนกระทั่งผู้ใช้เกิด ความพอใจ แล้วจึงจะสามารถน�าต้นแบบไปใช้งานได้ 28 นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด 1 ระบบไฟฟา หมายถึง ลักษณะการสงจายกระแสไฟฟาจากแหลงกําเนิด ขอใดเปรียบเทียบความคลายกันของขั้นตอนวิธีการสราง ไปยงั ผใู ชไ ฟฟา ตามประเภทการใชง าน โดยสง จากสถานไี ฟฟา ผา นสายไฟฟา แรง ตน แบบกบั กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมผดิ สงู สถานไี ฟฟา ยอ ย หมอ แปลงแปลงไฟฟา ใหต าํ่ ลง ไปยงั บา นพกั อาศยั สาํ นกั งาน หรือโรงงานอุตสาหกรรม ระบบไฟฟา แบง ออกไดเ ปน 2 ระบบ ดงั นี้ 1. กาํ หนดความตองการกับระบุปญหา 2. ออกแบบตน แบบกับออกแบบวิธแี กปญ หา 1) ระบบไฟฟา 1 เฟส คอื ระบบไฟฟา ทม่ี สี ายไฟฟา จาํ นวน 2 เสน เสน ทมี่ ไี ฟ 3. นําตน แบบไปใชก บั วางแผนและดําเนนิ การแกป ญหา เรียกวา สายไฟฟา สายเฟส หรือสายไลน เสนท่ีไมมีไฟ เรียกวา 4. ปรบั แตงตนแบบกบั ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแกไข สายนวิ ทรลั หรือสายศนู ย แรงดันไฟฟา ทีใ่ ชม ขี นาด 220 โวลต (Volt) ใชสาํ หรบั บานพกั อาศยั ทวั่ ไปท่มี กี ารใชไฟฟาไมมากนกั วธิ กี ารแกปญหาหรอื ชิน้ งาน (วิเคราะหคําตอบ ข้ันการนําตนแบบไปใชของขั้นตอนวิธีการ 2) ระบบไฟฟา 3 เฟส คื อระบบไฟฟา ทมี่ สี ายไฟฟา จาํ นวน 3 เสน และสาย สรางตนแบบเปรียบเทียบไดกับขั้นทดสอบ ประเมินผล และ นิวทรัล 1 เสน ระบบนี้สามารถตอใชงานเปนระบบไฟฟา 1 เฟสได ปรับปรุงแกไขวิธีการแกปญหาหรือชิ้นงานของกระบวนการ และสามารถจา ยกระแสไฟฟา ไดม ากกวาระบบ 1 เฟส ถึง 3 เทา จึง ออกแบบเชิงวศิ วกรรม ดังนน้ั ตอบขอ 3.) เหมาะกบั การใชใ นสถานทท่ี ต่ี อ งการใชไ ฟฟา มากๆ เชน อาคารพาณชิ ย โรงงานอตุ สาหกรรมขนาดเลก็ เปน ตน T32
นาํ สอน สรุป ประเมนิ 1.4 วางแผนและดา� เนนิ การแก้ไขปญั หา ขนั้ สอน วางแผนและด�าเนินการแก้ปัญหาเป็นการก�าหนดล�าดับขั้นตอนของการสร้างช้ินงานหรือวิธีการ แล้วลงมือ สงั เคราะหค์ วามรู้ สร้างช้ินงานหรือพัฒนาวิธีการเพื่อใช้ในการแก้ปัญหา หลังจากที่ได้ออกแบบวิธีการและก�าหนดเค้าโครงของวิธีการ แกป้ ัญหาแล้ว ขนั้ ตอนตอ่ ไปคือการพัฒนาตน้ แบบ (Prototype) ของสง่ิ ทีไ่ ดอ้ อกแบบไวใ้ นขน้ั ตอนน ี้ ผู้แกไ้ ขปญั หา 13. ครูใหนักเรียนแตละกลุมศึกษากระบวนการ ต้องก�าหนดขน้ั ตอนยอ่ ยในการทา� งานรวมกนั ทัง้ ก�าหนดเปา้ หมายและระยะเวลาในการดา� เนินการแต่ละขนั้ ตอนย่อย ออกแบบเชงิ วศิ วกรรมขนั้ วางแผนและดาํ เนนิ ให้ชัดเจน การแกป ญ หาจากหนังสือเรยี น หนา 29 ตวั อย่าง แผนการปฏบิ ตั งิ านการท�ากิจกรรมโครงงานวทิ ยาศาสตร ์ 14. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันเขียนแผน เรือ่ ง เครือ่ งวดั ความเรว็ ลม ปฏิบัติงานและแผนการดําเนินงานในการ พัฒนาตนแบบของแตละกลมุ ตารางท่ ี 2.1 แผนการปฏบิ ัติงาน เรอ่ื ง เครอ่ื งวัดความเรว็ ลม ระยะเวลาท่ีใช้ 15. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา กิจกรรม 1 กันยายน - 15 กนั ยายน นําเสนอแผนปฏิบัติงานและแผนการดําเนิน 16 กนั ยายน - 30 กันยายน งานในการพฒั นาตน แบบของแตล ะกลมุ และ คดิ เลอื กหัวเร่อื งและการศกึ ษาเอกสารทเี่ กี่ยวข้อง 1 ตลุ าคม - 1 พฤศจิกายน แลกเปลยี่ นขอ คดิ เหน็ กบั เพอื่ นในชนั้ เรยี นเพอื่ การเขยี นเค้าโครงของโครงงาน 2 พฤศจิกายน - 30 พฤศจิกายน ปรับปรุงใหม ีความเหมาะสมมากขนึ้ การปฏบิ ตั ิโครงงาน 1 ธันวาคม - 10 ธันวาคม การเขียนรายงาน การน�าเสนอและการแสดงผลงานของโครงงาน ตวั อยา่ ง แผนการด�าเนนิ งานการท�ากจิ กรรมโครงงานวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง เครือ่ งวดั ความเรว็ ลม ตารางที ่ 2.2 แผนการด�าเนินงาน เร่ือง เครอ่ื งวดั ความเรว็ ลม ลา� ดับ กจิ กรรม กันยายน ระยะเวลา (ชั่วโมง) 1. คิดเลอื กหัวเรื่องและการศึกษาเอกสารทเี่ ก่ยี วข้อง ตลุ าคม พฤศจิกายน ธนั วาคม 2. การเขยี นเค้าโครงของโครงงาน 3. การปฏิบัตโิ ครงงาน 4. การเขยี นรายงาน 5. การนา� เสนอและการแสดงผลงานของโครงงาน 29กระบวนการ ออกแบบเชงิ วศิ วกรรม ขอสอบเนน การคิด ความรูเสริม ก า ร เ ขี ย น แ ผ น ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น แ ล ะ แ ผ น ก า ร ดํ า เ นิ น ง า น แผนการปฏิบัติงานและแผนการดําเนินงาน เปนเคร่ืองมือในการแปลง มีประโยชนในการพัฒนางานอยางไร แผนการทํางาน/โครงงานไปเปนกิจกรรมยอยในเชิงปฏิบัติ ชวยในการควบคุม ใหผูปฏิบัติงานทํางานไดสะดวกมากยิ่งขึ้น และสามารถลดภาระในการตัดสิน (แนวตอบ นกั เรยี นตอบตามความคดิ เหน็ ของตนเอง โดยคาํ ตอบ ใจวาจะตองทําอะไร ในชวงเวลาไหน รวมทั้งชวยใหผูปฏิบัติงานในแตละสวน ขึ้นอยกู บั ดลุ ยพนิ ิจของครู เชน ชว ยใหส ามารถควบคมุ การทํางาน ทราบวาใครจะตองทําอะไร เมื่อไหร อยางไร จึงชวยปองกันและลดการเกิด ในแตละขั้นตอนใหเสร็จภายในระยะเวลาท่ีกําหนดไดงายข้ึน ปญหาระหวา งการทาํ งานลวงหนา ได ชว ยปอ งกนั และลดการเกดิ ปญหาระหวางการทาํ งานไดล ว งหนา ) T33
นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขน้ั สอน สงั เคราะหค์ วามรู้ 16. ครูใหนักเรียนแตละกลุมศึกษากระบวนการ ออกแบบเชงิ วศิ วกรรมขนั้ ทดสอบ ประเมนิ ผล และปรบั ปรงุ แกไ ขวธิ กี ารแกป ญ หาหรอื ชน้ิ งาน จากหนงั สอื เรยี น หนา 30 17. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันเขียนแบบ ทดสอบความคิดเห็นในการทดลองใชงาน ตน แบบของแตละกลมุ 18. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนออกมานาํ เสนอแบบทดสอบความคิดเห็นในการพัฒนา ตน แบบของแตล ะกลมุ และแลกเปลย่ี นขอ คดิ เห็นกับเพ่ือนในชั้นเรียนเพื่อปรับปรุงใหมี ความเหมาะสมมากขึ้น เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด ครูควรอธิบายเพ่ิมเติมใหนักเรียนเห็นความสําคัญของกระบวนการ ผลิตภัณฑท่ีวางจําหนายในตลาดไดแลว จําเปนตองนํามา ออกแบบเชิงวิศวกรรมและการนํามาใชวา กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม วิเคราะหค ณุ ภาพทางดา นตา ง ๆ อีกหรือไม เพราะอะไร เปน กระบวนการที่นกั เรยี นสามารถนาํ ความรูไ ปใชแ กป ญ หาในชีวติ จรงิ รวมทง้ั การพัฒนากระบวนการหรือผลผลิตใหมท่ีเปนประโยชนตอการดํารงชีวิตและ 1. ไมจ ําเปน เพราะสามารถจําหนายไดแลว การทํางานได 2. ไมจําเปน เพราะมีขอมลู เกย่ี วกับผลิตภณั ฑน น้ั ๆ อยูแลว 3. จาํ เปน เพราะจะทาํ ใหผ ลติ ภณั ฑน น้ั ๆ มยี อดจาํ หนา ยสงู ขน้ึ T34 4. จําเปน เพราะจะไดแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑนั้นๆ ใหมคี ุณภาพดยี ง่ิ ข้ึน (วเิ คราะหคําตอบ เมื่อจําหนายผลิตภัณฑใหกับลูกคาไปแลว ผูผลิตจําเปนจะตองติดตามวาผลิตภัณฑน้ันตอบโจทยผูใชงาน หรือไม มีสวนใดตองพัฒนาหรือแกไขบาง เพื่อใหผลิตภัณฑน้ัน มีคุณภาพดียิ่งขึ้น ซึ่งข้ันตอนน้ีตรงกับกระบวนการเทคโนโลยี ข้นั ตรวจสอบ ดังนัน้ ตอบขอ 4.)
นํา สอน สรปุ ประเมนิ 1.6 นา� เสนอวธิ กี ารแก้ปัญหา ผลการแกป้ ญั หาหรือช้ินงาน ขนั้ สอน กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรมทด่ี นี น้ั ไมเ่ พยี งประกอบดว้ ยขนั้ ตอนการทา� งานทเี่ ปน็ ระบบ แตย่ งั รวมไปถงึ สงั เคราะหค์ วามรู้ การสื่อสารวิธีการแก้ปัญหาให้ผู้ใช้และสังคมเข้าใจ ดังนั้น การน�าเสนอผลงานจึงเป็นข้ันตอนสุดท้ายที่ส�าคัญของ กระบวนการเทคโนโลยี 19. ครูใหนักเรียนแตละกลุมศึกษากระบวนการ การนา� เสนอผลงานเปน็ การถา่ ยทอดแนวคดิ เพอื่ ใหผ้ อู้ นื่ เขา้ ใจเกยี่ วกบั กระบวนการทา� งานและชนิ้ งาน หรอื วธิ กี าร ออกแบบเชิงวิศวกรรมข้ันนําเสนอวิธีการ ทีไ่ ด้ ซง่ึ สามารถทา� ได้หลายวิธี เช่น การเขียนรายงาน การทา� แผ่นนา� เสนอผลงาน การเล่าเรอื่ ง รปู แบบการนา� เสนอ แกปญหา ผลการแกปญหาหรือช้ินงานจาก หนังสอื เรียน ผสาลมงาานรถทน่ีดา�นี เ้ันสนคอวรเรเรอ่ื มิ่งรตา้นวจไาดกค้ ทรี่มบถาขว้ นองคปรญัอบหคาลแมุ ลทะง้ั คกรรอะบบควนลมุกไาปรอถอึงวกธิแีกบาบรเแชกงิ ้ปวศิัญวหการรโมดยคหอื นสึง่ ตในอเรคบี รอ่อื รงด์ม1ือ(sทto่ชี r่วyยbใoหa้เrรdา) 20. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันเขียนสตอรี หรือการสร้างภาพให้เหน็ ล�าดบั ขนั้ ตอนการท�างาน บอรด สาํ หรบั นําเสนอผลงานของแตละกลุม ตวั อยา่ ง การน�าเสนอผลงานผา่ นสตอรบี อรด์ 21. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมา นําเสนอสตอรีบอรดสําหรับนําเสนอผลงาน 1 ปัญหาทตี่ ้องการแก้ไข 2 ข้อมูลท่พี บเก่ียวกบั ปญั หา 3 แนวทางการแก้ปญั หา ของแตละกลุม และแลกเปล่ียนขอคิดเห็น กับเพื่อนในช้ันเรียนเพื่อปรับปรุงใหถูกตอง 4 การทดลอง 5 ผลการทดลองและการ 6 เทคโนโลยที ่พี ัฒนาส�าเร็จ มากขน้ึ ประเมินผล ขน้ั สรปุ การสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยี มีผู้สร้างที่เราเรียกว่า วิศวกร (engineer) ซ่ึงวิศวกรจะประยุกต์ใช้ หลักการทางวิทยาศาสตร์ผ่านคณิตศาสตร์ รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีท่ีมีอยู่เดิมในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ผ่าน สรปุ และประเมนิ คา ของคาํ ตอบ กระบวนการเทคโนโลยี หรอื เรยี กอกี อยา่ งหนง่ึ วา่ กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม (Engineering Design Process) 1. ครใู หน กั เรยี นสอบถามเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั เนอ้ื หา กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม มี 2 สว่ น คอื สว่ นทน่ี า� วทิ ยาศาสตรแ์ ละคณติ ศาสตรม์ าใชใ้ หเ้ ปน็ ประโยชน์ ท่ียงั ไมเ ขาใจ แลว ครูชว ยอธบิ ายขยายความรู กับส่วนที่ออกแบบให้ได้ผลงานท่ีต้องการ ซึ่งเทคโนโลยีมากมายท่ีมนุษย์สร้างและพัฒนาขึ้น ท้ังหมดน้ีอยู่ในการ เพมิ่ เติมให ออกแบบเชิงวิศวกรรม เน่ืองจากเทคโนโลยีคือส่ิงที่มีกระบวนการท�างาน เพ่ือตอบสนองความต้องการของมนุษย์ และการออกแบบคือกระบวนการท่ีเอาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มาท�าความเข้าใจว่า เราจะจัดการดัดแปลง 2. นกั เรยี นทาํ ใบงาน เรอื่ ง กระบวนการเทคโนโลยี ทรัพยากรธรรมชาติแล้วนา� มารวมกันได้อยา่ งไร เพือ่ ใหส้ ิง่ นั้นทา� งานได้ 3. ครูใหน กั เรยี นทําแบบฝก หัด หนา 23-29 ตวั อย่าง การผลิตเครื่องปรับอากาศ เร่ิมจากวิศวกรออกแบบวัสดุให้มีรูปร่างต่าง ๆ แล้วใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้�า น�้ามัน อากาศ สร้างช้ินสว่ นตา่ ง ๆ ใหม้ ีรูปร่างตามท่ีออกแบบ จากนนั้ นา� ช้ินสว่ นตา่ ง ๆ มาประกอบกนั ตามทอ่ี อกแบบไว้ เราก็จะได้ เทคโนโลยเี ครอื่ งปรบั อากาศทน่ี �ามาดัดแปลงธรรมชาติ คือ เปลี่ยนอากาศรอ้ นให้เป็น อากาศเย็น นน่ั เอง 31กระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู กระบวนการเทคโนโลยีข้ันตอนใดท่ีมีสวนทําใหช้ินงานมีความ เมื่อนักเรียนศึกษาตัวอยางการนําเสนอผลงานผานสตอรีบอรดเสร็จแลว สมบรู ณม ากทสี่ ดุ ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับข้ันตอนการทําทีละข้ันตอนอยางชัดเจน และ มอบหมายใหน กั เรยี นแตล ะคนทาํ สตอรบี อรด เกยี่ วกบั ปญ หาทพ่ี บในชวี ติ ประจาํ วนั 1. ระบุปญหา ของตนเอง แลวนํามาเสนอหนาชั้นเรียนในชั่วโมงถัดไป เพื่อตรวจสอบความ 2. ออกแบบวธิ ีการแกป ญหา เขา ใจของนกั เรยี น 3. วางแผนและดําเนินการแกป ญ หา 4. ทดสอบ ประเมนิ ผล และปรบั ปรงุ แกไ ขวธิ กี ารแกป ญ หาหรอื นักเรียนควรรู ชิ้นงาน 1 สตอรบี อรด (storyboard) คอื การเขยี นภาพนง่ิ และขอความเพือ่ กําหนด (วเิ คราะหค ําตอบ ทดสอบ ประเมินผล และปรบั ปรุงแกไขวิธกี าร แนวทางในการถา ยทาํ หรอื ผลติ ภาพเคลอ่ื นไหวในรปู แบบตา งๆ เชน ภาพยนตร แกปญหาหรือช้ินงาน เปนการทําเพื่อทดสอบองคประกอบตางๆ โฆษณา การตนู ของชนิ้ งานเทคโนโลยี เพอื่ ใหม คี วามสมบรู ณ โดยเปน ขน้ั ตอนของ กระบวนการเทคโนโลยที สี่ ามารถทาํ ไดห ลายครงั้ ยง่ิ มกี ารทดสอบ T35 ประเมินผล และปรับปรุงแกไขวิธีการแกปญหาหรือชิ้นงานมาก ชิ้นงานก็จะมคี วามสมบรู ณม ากข้ึนเรอื่ ยๆ ดงั นน้ั ตอบขอ 4.)
นาํ สอน สรุป ประเมนิ ขน้ั สรปุ สรปุ และประเมนิ คา ของคาํ ตอบ 4. นักเรียนทํากิจกรรมที่สอดคลองกับเน้ือหา โดยใหผูเรียนฝกปฏิบัติเพื่อพัฒนาความรูและ ทักษะ (Design Activity) 5. ครูประเมินผลการนําเสนอของนักเรียนและ ตรวจสอบความถูกตอ งจากการทําใบงาน 6. ครูมอบหมายใหนักเรียนสรุปความรู เร่ือง กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม ขนั้ ประเมนิ นาํ เสนอและประเมนิ ผลงาน ตารางการวัดและประเมินผล วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑก ารประเมนิ ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ ประเมินตาม กอ นเรียน กอ นเรียน สภาพจริง ตรวจใบงาน ใบงาน รอ ยละ 60 ผานเกณฑ ประเมนิ แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 การนาํ เสนอ การนาํ เสนอ ผานเกณฑ ผลงาน ผลงาน สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดับคณุ ภาพ 2 การทาํ งาน พฤตกิ รรม ผานเกณฑ รายบคุ คล สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคณุ ภาพ 2 การทาํ งานกลมุ พฤติกรรม ผานเกณฑ แนวทางการวัดและประเมินผล กจิ กรรม ทาทาย ครูสามารถประเมินการนําเสนอผลงาน และสังเกตพฤติกรรมการทํางาน ใหนกั เรียนแบงกลมุ กลมุ ละ 3-4 คน จากนั้นใหแตล ะกลุม รายบุคคลและการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและ รวมกันระดมความคิดออกแบบวิธีการแกปญหาที่พบในโรงเรียน ประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรม 1 ปญหา จากน้ันใหชวยกันออกแบบตนแบบที่จะใชแกปญหา การทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมที่แนบมา ทั้ง 3 รูปแบบ ไดแก ความงาย ความเร็ว และความเหมาะ ทายแผนการจดั การเรียนรทู ี่ 2 หนวยการเรียนรูท่ี 2 สม โดยครูกําหนดระยะเวลาในการคิดและสรางตนแบบเปน ระยะเวลา 2 สัปดาห จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมนําผลงาน แบบประเมนิ การนาเสนอผลงาน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ การออกแบบมาจัดนิทรรศการภายในหองเรียน เพื่อแลกเปลี่ยน ความรแู ละประสบการณ คาชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ คาช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ คาชแ้ี จง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน 1 ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมีน้าใจ การมี รวม 32 32 ความคดิ เหน็ ฟงั คนอ่นื ตามท่ีไดร้ บั สว่ นร่วมใน 15 1 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา 1 การแสดงความคิดเห็น 1 ลาดับที่ ช่อื –สกลุ มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน 2 ความคดิ สร้างสรรค์ 2 การยอมรับฟังความคดิ เห็นของผู้อืน่ ของนักเรียน ผลงานกลมุ่ 3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน 3 การทางานตามหนา้ ท่ีทไ่ี ด้รับมอบหมาย 4 การนาไปใช้ประโยชน์ 4 ความมีนาใจ 321321321321321 5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา รวม รวม ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน ............/................./................... ............/.................../................ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมิน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../............... ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครงั ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ 14–15 ดมี าก 14–15 ดมี าก ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 11–13 ดี 11–13 ดี 14–15 ดมี าก 8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ 11–13 ดี ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง ตา่ กว่า 8 ปรับปรุง 8–10 พอใช้ ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ T36
นํา นาํ สอน สรปุ ประเมิน ขนั้ นาํ กระตนุ้ ความสนใจ 1. ครถู ามคาํ ถามสาํ คญั ประจาํ หวั ขอ วา เครอ่ื งมอื และวตั ถมุ ผี ลกระทบตอ ววิ ฒั นาการของมนษุ ย และสังคมอยา งไร 2. ครูนําภาพเก่ียวกับสิ่งประดิษฐที่ใชในการ ดํารงชีวิตในยุคหิน เชน ขวานหิน เข็มที่ ทําจากกระดูก เตาไฟ มาใหนักเรียนดูแลว สอบถามนกั เรยี นวา เคยเหน็ สงิ่ ประดษิ ฐเ หลา นี้ หรือไม และสิ่งประดิษฐน้ีใชทําอะไร จากน้ัน จึงนําภาพเปรียบเทียบสิ่งประดิษฐต้ังแตอดีต จนถึงปจจุบันมาใหนักเรียนดู แลวบอกกับ นกั เรยี นวา ภาพทน่ี กั เรยี นเหน็ เปน ภาพทแี่ สดง ถงึ ววิ ฒั นาการของเทคโนโลยี ขนั้ สอน สาํ รวจคน้ หา 1. ครใู หน กั เรยี นจบั คกู บั เพอ่ื น แลว รว มกนั สบื คน วา เคร่ืองมือและวัตถุท่ีสรางข้ึนในแตละยุคสงผล กระทบตอวิวัฒนาการของมนุษยและสังคม อยา งไร โดยเขยี นชอื่ เครอื่ งมอื และวตั ถทุ ส่ี รา งขน้ึ ในแตละยุคท่ีสงผลกระทบตอวิวัฒนาการ ลงในกระดาษ จากนนั้ ครสู มุ เรยี กนกั เรยี นทลี ะคู ออกมาเลา ขอมูลท่คี น ควา ไดใ หเพอ่ื นฟง 1 แนวตอบ คาํ ถามสําคญั ประจําหัวขอ้ ขอสอบเนน การคดิ เคร่ืองมือและวัตถุมีผลกระทบตอวิวัฒนาการ ของมนษุ ย โดยการทมี่ นุษยส ามารถนาํ ความคดิ มา ขอใดกลา วไมถูกตองเกย่ี วกับววิ ัฒนาการของเทคโนโลยี พัฒนาเคร่ืองมือและวัตถุใหมีความกาวหนา และ 1. การเพมิ่ ปริมาณงานของมนษุ ยใ หมากขนึ้ สามารถใชงานในการอํานวยความสะดวกในชีวิต 2. การพฒั นาเทคโนโลยีใหดีขึน้ อยางเปน ระบบ ประจําวัน 3. การปรับปรุงกระบวนการผลิตใหดยี งิ่ ข้ึนตามยุคสมัย 4. การพัฒนาผลิตภัณฑใหมๆ เพื่อสนองความตองการของ เกร็ดแนะครู มนุษย (วเิ คราะหค ําตอบ วิวัฒนาการของเทคโนโลยี คือ การพัฒนา ครอู าจใหน กั เรยี นแตล ะคนไปหาภาพเก่ียวกับส่งิ ประดษิ ฐต ามทีค่ รกู ําหนด มาคนละ 1 ภาพ โดยใหน ักเรยี นจบั สลากเลอื กวา ตองไปหาภาพส่งิ ประดษิ ฐยุค ส่ิงของเครื่องใชหรือผลิตภัณฑใหมๆ เพ่ือแกปญหา สนองความ เกา หรอื ยคุ ปจ จบุ นั เชน ภาพขวานหนิ ภาพขวานปจ จบุ นั แลว นาํ มาสลบั กนั ทาย ตองการ หรือเพ่ิมความสามารถในการทํางานของมนุษยอยาง ภายในหองเรียนแทนการดภู าพจากที่ครูเตรยี มมาให ตอ เนอ่ื งและเปน ระบบ ซง่ึ ไมเ กย่ี วขอ งกบั ววิ ฒั นาการของเทคโนโลยี ดงั นน้ั ตอบขอ 1.) นักเรียนควรรู 1 เคียว คือ เครื่องมือทางการเกษตรชนิดหน่ึงใชสําหรับเก็บเกี่ยวพืชผล ประเภทขา วและธญั พชื มลี กั ษณะเปน มดี ทาํ ดว ยเหลก็ โคง คลา ยตะขอและมคี ม อยดู านใน มดี ามจบั สําหรับถือ T37
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ ขน้ั สอน 1 สาํ รวจคน้ หา 2. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและสรุป ววิ ฒั นาการของมนษุ ยแ ละเทคโนโลยพี รอ มกบั เขยี นเปนผงั มโนทศั น 3. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน แลว ให แตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาคน ควา และเปรยี บเทยี บ สิ่งประดิษฐยคุ เกากบั สง่ิ ประดษิ ฐยคุ ปจ จบุ นั 4. นักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายและสรุป วิวฒั นาการของเทคโนโลยี ขนั้ สอน อธบิ ายความรู้ 1. ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา ววิ ฒั นาการทเี่ กดิ จากการ พัฒนาเทคโนโลยีมีประโยชนตอการดํารงชีวิต ของมนษุ ย และชว ยในการอาํ นวยความสะดวก เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรา งเสริม ครอู าจกาํ หนดชือ่ เครอ่ื งมือหรอื วตั ถใุ หนกั เรยี นแตละคสู าํ หรบั สืบคนขอมูล ใหนักเรียนเลือกศึกษาคนควาขอมูลเก่ียวกับยุคของ เพอื่ ทจี่ ะไดข อ มลู ทหี่ ลากหลายหรอื อาจใหน กั เรยี นแตล ะคเู ลอื กกนั เองตามความ ประวตั ศิ าสตรเ ทคโนโลยที ส่ี นใจคนละ 1 ยคุ อยา งละเอยี ด จากนนั้ สนใจก็ได ใหนักเรียนท่ีเลือกยุคเหมือนกันจับกลุม 3-4 คน แลวรวมกัน วเิ คราะหว วิ ฒั นาการในยคุ นน้ั ๆ แลว รว มกนั สรปุ ขอ มลู ทไี่ ด พรอ ม นักเรียนควรรู สงตัวแทนออกมานําเสนอหนาช้ันเรียน เพื่อเพ่ิมเติมความรูเกี่ยว กบั ววิ ฒั นาการของเทคโนโลยใี นแตล ะยคุ ใหม ากขนึ้ นอกเหนอื จาก 1 สาํ รดิ เปน โลหะผสมระหวา งทองแดงกบั ดบี กุ บางชนดิ อาจมสี ว นผสมของ ในหนงั สอื เรียน สังกะสีหรือตะกั่วปนอยูดวย สําริดแบงออกเปนหลายประเภท ตามชนิดและ สวนผสมของสาร เชน สาํ ริดทีม่ ดี บี ุกตํ่ากวา รอ ยละ 8 คอ นขางออ น ตแี ผห รือ รีดไดงาย เหมาะกับงานท่ัวๆ ไป สําริดท่ีมีฟอสฟอรัสผสมอยูรอยละ 0.1-0.6 และดบี ุกรอ ยละ 6-14 สาํ ริดชนดิ นีจ้ ะทนตอ การกดั กรอนของนาํ้ ทะเล จึงเหมาะ ที่จะนําไปใชทาํ ชน้ิ สว นของเรือเดินทะเล T38
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ 6 ยุคกลาง (Middle Age) เป็นยุคหลังจากอาณาจักรโรมันล่มสลาย ถูกแบ่งออกเป็นยุคกลางเริ่มต้น ขน้ั สอน ยุคกลางสงู สดุ และยคุ กลางตอนปลาย อธบิ ายความรู้ ชว่ งเวลา : ค.ศ. 450 - ค.ศ. 1400 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมจําแนกยุคของ ผลกระทบ : ยุคกลางตอนต้น ถูกเพ่ิมความกดดันจากการ ประวัติศาสตรเทคโนโลยี โดยสรุปเปนผัง มโนทศั นล งในกระดาษ A4 เสร็จแลวใหแตละ ภาพที่ 2.31 กงั หันลม ถูกบุกรุกซึ่งน�าไปสู่การลดลงของจ�าน1วนประชากร กลุมออกแบบวิธีการนําเสนอผลงานท่ีหนา ช้ันเรยี น ยุคกลางสูงสุด มีการเร่ิมระบบศักดินา มีประชากร เพิ่มข้ึน และเร่ิมมีนวัตกรรมด้านการเกษตร 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมผลัดกันออกมานํา ยคุ กลางตอนปลาย เกิดภยั พิบัติ ขา้ วยากหมากแพง เสนอผลงานหนา ชน้ั เรยี นทลี ะกลมุ โดยใหเ วลา และเกดิ สงคราม ประชากรล้มตายไปหน่ึงในสามของ นําเสนอกลมุ ละ 3 นาที จนครบทุกกลุม ทม่ี อี ยู่ 4. นักเรียนและครูรวมกันอภิปรายและสรุป วัตถุทส่ี ร้างขึน้ : เหล็กหลอ่ ปืนใหญ่ นาฬกิ าเชิงกล เข็มทิศ เก่ยี วกบั ยคุ ประวัติศาสตรเ ทคโนโลยี ตวั อย่างการออกแบบเชิงวิศวกรรม : ขยายความเขา้ ใจ • กงั หันลมท่ีถูกผลติ โดยเครอ่ื งจกั รกล • แท่นพมิ พม์ ไี ว้เพื่อส่งข้อมูลข่าวสารและความรู้ 1. ครตู ้ังคําถามวา จากการศกึ ษาประวัตศิ าสตร ของเทคโนโลยีทําใหทราบถึงวิวัฒนาการของ 7 ยคุ เรอเนสซองส์ (The Renaissance) เทคโนโลยี แลวนักเรียนมีแนวทางในการ พฒั นาเทคโนโลยอี ยางไรบา ง เป็นยุคการฟ้ืนฟูอทิ ธิพลของสถาปตั ยกรรมคลาสสกิ และมกี ารแบง่ ปนั ทางดา้ น ความคิด 2. ครใู หนกั เรียนทาํ ใบงาน เรอ่ื ง ววิ ัฒนาการของ เทคโนโลยี ชว่ งเวลา : ค.ศ. 1400 - ค.ศ. 1750 ภาพที่ 2.32 เคร่อื งรอ่ น ผลกระทบ : การสร้างเครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ เกิดจากการ สงั เกตปรากฏการณท์ างธรรมชาตขิ องนกั วทิ ยาศาสตร์ วตั ถุทส่ี รา้ งขึน้ : กลอ้ งโทรทรรศน์ กล้องจุลทรรศน์ เทอร์มอมิเตอร์ ตัวอย่างการออกแบบเชิงวศิ วกรรม : • เลโอนาร์โด ดา วนิ ชี เกิดท่ีประเทศอิตาลี ในปี ค.ศ. 1452 เรมิ่ ต้นอาชพี ดว้ ยการเป็นจิตรกร มกี ารแกะสลกั และระบายสี เขาไดอ้ อกแบบอาวธุ ตึก และเครือ่ งจักร • กาลเิ ลโอ กาลเิ ลอี เกดิ ในปี ค.ศ.1564 และเปน็ ทรี่ จู้ กั กนั วา่ เปน็ นกั ฟสิ กิ ส์ นักดาราศาสตร์ และนักปรัชญา เขามีช่ือเสียงในเร่ืองการปรับปรุง กลอ้ งโทรทรรศน์ และการสงั เกตการเคล่อื นทข่ี องดาว 35กระบวนการ ออกแบบเชิงวิศวกรรม ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู ขอใดไมใชสิ่งประดิษฐในยุคปจจุบันท่ีมีพื้นฐานมาจากผลงาน ครอู าจใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ ผงั มโนทศั นท น่ี าํ เสนอเสรจ็ แลว ไปตดิ ไวต าม ของเลโอนารโ ด ดา วนิ ชี บรเิ วณตา งๆ รอบหอ งเรยี น เพอื่ ใหน กั เรยี นไดแ ลกเปลย่ี นแนวคดิ กบั กลมุ อนื่ และ เปรียบเทยี บผลงานเพื่อนาํ ไปเปนแนวทางในการสรางสรรคผลงานในครัง้ ตอ ไป 1. เรอื ดํานํา้ 2. เฮลิคอปเตอร นักเรียนควรรู 3. รถถังหมุ เกราะ 4. ชุดมนุษยกบ 1 ระบบศักดินา หรือระบอบฟวดัล (feudalism) เปนระบอบการเมืองการ (วเิ คราะหคาํ ตอบ เลโอนารโด ดา วินชี นอกจากจะเปนจติ รกร ปกครองและเศรษฐกิจของยุโรปในสมัยกลาง ท่ีเกี่ยวกับที่ดินท่ีเปนพันธสัญญา เอกของโลกแลว ยงั มคี วามสามารถอีกหลายดาน โดยเฉพาะดาน ระหวางเจานายที่เปนเจาของที่ดินกับผูที่หาประโยชนในที่ดิน สังคมในระบอบ วทิ ยาศาสตร นอกจากนเี้ ขายงั ออกแบบนวตั กรรมทเี่ ปน พน้ื ฐานของ ฟวดัล ประกอบดวย สง่ิ ประดษิ ฐใ นยคุ ปจ จบุ นั เชน เฮลคิ อปเตอร เรอื ทอ งแบน เรอื ดาํ นา้ํ 1) กษตั รยิ มฐี านะเปน เจานายสงู สดุ 3) อศั วนิ ปนกล ชุดมนุษยกบ ไฮโกรมิเตอร สวนรถถังหุมเกราะไมได 2) ขนุ นาง รบั กรรมสทิ ธท์ิ ดี่ นิ จากกษตั รยิ 4) ชาวนา ขา ทาส มาจากแนวคิดของเลโอนารโด ดา วินชี ดงั น้นั ตอบขอ 3.) และเปน เจา ของชาวนาและขา ทาส T39
นํา สอน สรปุ ประเมนิ ขนั้ สอน 8 ยุคอตุ สาหกรรม (The Industrial Age) ขยายความเขา้ ใจ เป็นยคุ ทีม่ กี ารเริ่มใช้เครื่องจกั รทมี่ คี วามซับซ้อน มีโรงงานเกิดขน้ึ และมีความ เป็นสงั คมเมอื ง 3. นักเรียนและครูรวมกันสรุปวิวัฒนาการของ เทคโนโลยี ชว่ งเวลา : ค.ศ. 1750 - ค.ศ. 1950 4. ครูใหน ักเรยี นทาํ แบบทดสอบหลงั เรียน ขนั้ สรปุ ผลกระทบ : การปฏวิ ตั อิ ตุ สาหกรรมเกดิ ศนู ยก์ ลางของเมอื ง มคี วาม ต้องการบริการจากเทศบาล เกิดระบบเศรษฐกิจที่ ตรวจสอบผล ภาพท่ ี 2.33 รถไฟไอน้�า พง่ึ พากนั และการแผข่ ยายของเศรษฐกจิ ทา� ใหเ้ กดิ การ เพิ่มข้ึนของประชากร มีความเป็นมืออาชีพในแต่ละ 1. ครูประเมินผลการนําเสนอของนักเรียนและ ด้านเกดิ ขน้ึ และมีการพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตของมนุษย์ ตรวจสอบความถกู ตองจากการทําใบงาน วตั ถทุ ่สี ร้างขึ้น : เคร่ืองใช้ไฟฟ้า รถยนต์ เคร่ืองบิน วิทยุ โทรทัศน ์ 2. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ เกย่ี วกบั ววิ ฒั นาการ โทรศัพท ์ และจรวด ของเทคโนโลยี ตวั อยา่ งการออกแบบเชิงวิศวกรรม : 3. ครูใหนกั เรยี นทาํ แบบฝก หดั หนา 30-41 • เจมส์ วตั ต ์ ปรับแต่งเคร่ืองจักรไอน�า้ เพ่ือนา� มาใชใ้ นทางปฏิบตั ิ • อเลสซานโดร โวลตา คน้ พบหลกั การทา� งานของแบตเตอร่ี ขน้ั ประเมนิ • เฮนรีย ์ ฟอร์ด สร้างแนวคิดระบบการวางเครอ่ื งจักรใหต้ ดิ ต่อกนั ตรวจสอบผล (assembly line) ตารางการวัดและประเมินผล 9 ยุคขอ้ มูลขา่ วสาร (The Information Age) วธิ ีการ เคร่อื งมอื เกณฑก ารประเมิน เปน็ ยุคแหง่ การรวบรวม จัดการ แกไ้ ข และแบ่งปันขอ้ มูล ขา่ วสาร ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบ รอยละ 60 ช่วงเวลา : ค.ศ. 1950 - ปัจจบุ นั หลงั เรยี น หลังเรยี น ผานเกณฑ ผลกระทบ : ข้อมูล ข่าวสารมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และ ตรวจใบงาน ใบงาน รอ ยละ 60 ผานเกณฑ มีการเพ่มิ ของจ�านวนประชากรอย่างรวดเร็ว ตรวจแบบฝก หดั แบบฝก หดั รอ ยละ 60 วตั ถทุ ีส่ ร้างขึน้ : วงจรไฟฟา้ ทซี่ บั ซอ้ น คอมพวิ เตอร ์ พลงั งานนวิ เคลยี ร์ ผา นเกณฑ กลอ้ งดจิ ทิ ัล ประเมนิ แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 ภาพที่ 2.34 เครอื ข่ายเทคโนโลยี การนาํ เสนอ การนาํ เสนอ ผา นเกณฑ ผลงาน ผลงาน สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต ระดบั คุณภาพ 2 การทาํ งาน พฤติกรรม ผานเกณฑ การพฒั นาทางเทคโนโลยเี ปน็ กระบวนการทม่ี วี วิ ฒั นาการ เพราะมนษุ ยม์ กี ารเพม่ิ ขดี ความสามารถใน รายบคุ คล ตวั เองในการสรา้ งสรรคเ์ ทคโนโลยแี ละนวตั กรรมอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง และในปจั จบุ นั นว้ี วิ ฒั นาการของเทคโนโลยี สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดับคณุ ภาพ 2 จ�าเป็นต้องใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ มาเป็นพ้ืนฐานในการสร้างเทคโนโลยีในอนาคต การทาํ งานกลมุ พฤตกิ รรม ผา นเกณฑ ต่อไป 36 แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคดิ ครูสามารถประเมินการนําเสนอผลงาน และสังเกตพฤติกรรมการทํางาน GPS จดั เปนเทคโนโลยีการสอื่ สารและโทรคมนาคมทีเ่ ก่ยี วของ รายบุคคลและการทํางานกลุมของนักเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและ กบั สงิ่ ใด ประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤติกรรม การทํางานรายบุคคล และแบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุมท่ีแนบมา 1. การแลกเปล่ียนขอ มูลเชงิ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส ทา ยแผนการจัดการเรยี นรูที่ 2 หนวยการเรียนรูที่ 2 2. การส่ือสารขอ มูลโดยผานเครอื ขายอนิ เทอรเนต็ 3. การประชุมระหวา งบุคคลทีอ่ ยคู นละพ้นื ทกี่ ัน แบบประเมินการนาเสนอผลงาน แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ 4. การระบุตาํ แหนง สิง่ ของเปา หมายโดยใชด าวเทียม (วิเคราะหคําตอบ หลกั การทํางานของ GPS มาจากดาวเทยี มท่ี คาช้แี จง : ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในช่องที่ คาชแ้ี จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในชอ่ งที่ คาชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ลงในชอ่ งที่ โคจรอยรู อบโลกสง สญั ญาณกลบั มายงั จดุ รบั สญั ญาณทม่ี อี ยทู วั่ โลก ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน ตรงกบั ระดับคะแนน เพอ่ื ระบพุ กิ ดั ของจดุ ทอี่ ปุ กรณส ง สญั ญาณมาชว ยในการคน หาหรอื คาํ นวณระยะเวลาในการเดนิ ทาง ดังน้นั ตอบขอ 4.) ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1 ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมนี ้าใจ การมี รวม 32 32 ความคิดเห็น ฟงั คนอ่ืน ตามทีไ่ ดร้ ับ ส่วนรว่ มใน 15 1 ความถูกต้องของเนือ้ หา 1 การแสดงความคิดเห็น 1 ลาดบั ที่ ชื่อ–สกลุ มอบหมาย การปรับปรงุ คะแนน 2 ความคิดสร้างสรรค์ 2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ ่นื ของนักเรยี น ผลงานกลมุ่ 3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน 3 การทางานตามหนา้ ที่ท่ีไดร้ บั มอบหมาย 4 การนาไปใช้ประโยชน์ 4 ความมนี าใจ 321321321321321 5 การตรงต่อเวลา 5 การตรงต่อเวลา รวม รวม ลงชอื่ ...................................................ผ้ปู ระเมิน ลงชอื่ ...................................................ผูป้ ระเมิน ............/................./................... ............/.................../................ เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 2 คะแนน ............./.................../............... ให้ 1 คะแนน ให้ 1 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ 14–15 ดีมาก 14–15 ดมี าก ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ 11–13 ดี 11–13 ดี 14–15 ดีมาก 8–10 พอใช้ 8–10 พอใช้ 11–13 ดี ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ T40
นํา สอน สรปุ ประเมิน แนวตอบ Self-Check 3. ผิด 1. ถกู 2. ถูก 4. ถกู 5. ถูก แนวตอบ Unit Activity แนวตอบ Unit Question 1. สถานการณท่ี 1 1) ระบปุ ญ หา กลุ ตอ งการปด ไฟหอ งนอนโดยไม ตองลุกออกจากเตยี ง 2) รวบรวมขอ มลู และแนวคดิ ทเี่ กยี่ วขอ งกบั ปญ หา ไดแ นวทางในการแกป ญ หามา 3 วธิ ี คอื • วธิ ที ี่ 1 ยา ยตาํ แหนง สวิตชไฟ ขอด-ี ขอเสยี สะดวกเวลาปด แตไ มสะดวกเวลาเปด • วิธีที่ 2 เปลี่ยนสวิตชไฟเปนระบบรีโมต คอนโทรล ขอ ด-ี ขอ เสีย สะดวกท้งั เวลาปด และเปด รโี มตใชแบตเตอรี่อยไู ดป ระมาณ 6 เดอื น • วิธีท่ี 3 ใชไมขนาดยาว 3.5 เมตร สําหรบั กดปด สวติ ชไฟ ขอดี-ขอเสยี เวลาไมไดใ ช งานจะเปน ของเกะกะ ถา ไมม ที เี่ กบ็ ทเี่ หมาะสม 3) ออกแบบวิธีการแกปญหา เลือกใชวิธีท่ี 2 เน่ืองจากมีความสะดวกท่ีสุดและไมเกิด ปญหาตามมา 4) วางแผนและดําเนินการแกปญหา กําหนด ระยะเวลาตดิ ตงั้ ระบบ 2 ชั่วโมง • ปดไฟทุกหองในบา น • ตัดไฟฟา • ร้ือสวิตชไฟเดิมออก ติดต้ังอุปกรณใหม ลงไป • ตอ ไฟฟาเขาสูร ะบบอกี คร้งั • ทดสอบการทาํ งานของอุปกรณ 5) ทดสอบ ประเมนิ ผล และปรบั ปรงุ แกไ ขวธิ กี าร แกป ญ หาหรอื ชน้ิ งาน ทาํ ตามขนั้ ตอนในขอ 4. 6) นําเสนอวิธีการแกปญหา ผลการแกปญหา หรือชิ้นงาน สรุปผลจากการใชงานจริง ในสถานการณท่ี 2 และ 3 ใหอธิบายตาม แนวทางเดียวกับสถานการณท ่ี 1 ยุค ยคุ หินเกา ยคุ หนิ กลาง ยุคหินใหม ยุคสาํ ริด ยคุ เหล็ก ยคุ กลาง ยุคเรอเนซองซ ยุคอตุ สาหกรรม ยคุ ขอมูล ชว งเวลา (พาลิโอลิทกิ ) (เมโซลทิ กิ ) (นโี อลิทิก) 2,300 700 ป ค.ศ. 450 ค.ศ. 1400 ค.ศ. 1750 ขาวสาร ถึง 700 ป กอ นครสิ ตกาล ถงึ ค.ศ. 1400 ค.ศ. 1950 ผลกระทบที่ 500,000 10,000 4,000 กอ นคริสตกาล ถึง ค.ศ. 450 ถงึ ค.ศ. 1750 ถึง ค.ศ. 1950 ถงึ ปจ จุบัน ทําใหเกิดการ ถงึ 10,000 ป ถึง 4,000 ป ถึง 2,300 ป เปล่ยี นแปลง กอ นคริสตกาล กอนครสิ ตกาล กอนครสิ ตกาล การเพมิ่ จํานวน การยตุ กิ ารเรรอ น มีการแบงหนาท่ี มกี ารพฒั นา มกี ารพฒั นา ประชากรลดลง มกี ารพฒั นา เกิดระบบ เกิดแหลงขอมูล ประชากร สรางท่อี ยอู าศัย ในการทํางานจน วัสดุในการสรา ง วสั ดใุ นการสรา ง จากสงครามและ นวัตกรรมจาก เศรษฐกจิ แบบ ขาวสาร มีการ เปน หลกั แหลง เกดิ เปน ทกั ษะ เครือ่ งมอื เครื่องมือและเร่ิม ภยั พบิ ัติ แนวคดิ เชงิ พง่ึ พาและอาชีพ พฒั นาวิธีการ เฉพาะดานขึ้น มีการปกครอง วทิ ยาศาสตรแ ละ ตา งๆ สอ่ื สารใหเหมาะ ทางทหาร จินตนาการ สมกบั จาํ นวน ประชากรท่เี พิม่ ขึน้ อยางรวดเร็ว T41
Chapter Overview แผนการจดั สอ่ื ที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทกั ษะท่ีได้ คณุ ลักษณะ การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์ - มวี นิ ยั แผนฯ ท่ี 1 - แบบทดสอบกอ่ นเรียน 1. อ ธิบายและสรปุ การ แบบสบื เสาะ - การนำ�เสนอผลงาน - ท ักษะการคดิ - ใฝเ่ รยี นรู้ การเลือกใช้วสั ดุ - หนงั สอื เรียนรายวิชา เลือกใชว้ ัสดุ อปุ กรณ์ หาความรู้ (5Es - ต รวจใบงาน วิเคราะห์ - ม ุ่งมน่ั ในการ อุปกรณ์ และ พ้ืนฐาน เทคโนโลยี และเคร่อื งมือ และการ Instructional - ต รวจแบบทดสอบ - ทักษะการคิด ทำ� งาน เคร่อื งมือ (การออกแบบและ ประยุกต์ใชใ้ นชีวติ Model) กอ่ นเรยี น อย่างสร้างสรรค์ - ท ักษะการคิด - มวี นิ ยั 2 เทคโนโลยี) ม.1 ประจำ� วันได้ (K) - สงั เกตพฤติกรรม อย่างเปน็ ระบบ - ใฝเ่ รยี นรู้ - ใบงาน เรอ่ื ง การเลอื ก 2. รวบรวม วิเคราะห์ การทำ�งานรายบุคคล - มงุ่ มัน่ ในการ ใชว้ สั ดุ อุปกรณ์ และ ขอ้ มูลการเลอื กใช้วสั ดุ - สงั เกตพฤตกิ รรม ชั่วโมง เครื่องมอื อปุ กรณ์ และเครือ่ งมือ การทำ�งานกลุ่ม ท�ำงาน และการประยุกต์ใช้ - สังเกตคุณลกั ษณะ เทคโนโลยใี นชวี ิต อนั พงึ ประสงค์ ประจำ� วนั ได้ (P) 3. เห็นประโยชนข์ อง การเรยี นวิชาออกแบบ และเทคโนโลยี และ ตระหนักในคณุ คา่ ของ ความร้วู วิ ัฒนาการของ เทคโนโลยี (A) แผนฯ ที่ 2 - หนังสือเรียนรายวชิ า 1. อธบิ ายการประยกุ ต์ใช้ แบบใชป้ ญั หา - การนำ�เสนอผลงาน - ท กั ษะการคิด ศึกษากรณี พน้ื ฐาน เทคโนโลยี กระบวนการเทคโนโลยี เปน็ ฐาน - ต รวจใบงาน วิเคราะห์ ตัวอยา่ ง (การออกแบบและ จากกรณตี วั อย่าง (K) (Problem- - ตรวจช้ินงาน/ภาระงาน - ทักษะการคิด เทคโนโลยี) ม.1 2. อ ธบิ ายเก่ียวกบั การแก้ Based (รวบยอด) อยา่ งสรา้ งสรรค์ 9 - ใบงาน เรอื่ ง ศึกษากรณี ปัญหาจากกรณตี ัวอย่าง Learning) - สังเกตพฤตกิ รรม - ทักษะการคดิ ตวั อยา่ งหมวกจกั รยาน ผา่ นกระบวนการ การทำ�งานรายบคุ คล อยา่ งเป็นระบบ ชว่ั โมง อัจฉรยิ ะและหุ่นยนต์ เทคโนโลยีได้ (P) - สงั เกตพฤติกรรม ปากกา 3. วิเคราะห์สาเหตุหรือ การทำ�งานกลุ่ม - ใบงาน เรอ่ื ง พฒั นา ปัจจัยที่สง่ ผลต่อการแก้ - สงั เกตคณุ ลักษณะ โครงงาน ปัญหาจากกรณตี ัวอย่าง อันพึงประสงค์ - ช ิน้ งาน/ภาระงาน โดยใช้กระบวนการ - ตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เทคโนโลยีได้ (P) (รวบยอด) - แบบทดสอบหลังเรยี น 4. เห็นคุณประโยชน์ของ - ตรวจแบบทดสอบ การเรยี นวชิ าการ หลงั เรยี น ออกแบบและเทคโนโลยี และตระหนกั ในคุณคา่ ของความรไู้ ปแก้ปญั หา ใชใ้ นชีวิตประจำ� วนั (A) T42
Chapter Concept Overview หนวยการเรยี นรูที่ 3 การเลอื กใชว้ สั ด ุ อปุ กรณ ์ และเครอื่ งมอื การมคี วามรดู้ า้ นตา่ ง ๆ เกยี่ วกบั วสั ดมุ ปี ระโยชนใ์ นการสรา้ งสรรคเ์ ทคโนโลยเี ปน็ อยา่ งมาก คอื ชว่ ยใหผ้ สู้ รา้ งสรรคส์ ามารถพจิ ารณาเลอื กวัสดจุ ากสมบัตขิ องวัสดุแตล่ ะประเภทไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ปลอดภยั และคุม้ คา่ สง่ ผลใหไ้ ด้ชนิ้ งานท่ี มีคุณภาพอยา่ งแทจ้ ริง ประเภทของวัสดุ สมบัติและการเลือกใชวสั ดุ แบ่งเป็น 4 ประเภท ดงั น้ี สมบัตขิ องวัสดุ แบ่งเป็น 4 ประเภท ดังนี้ 1) ว สั ดุประเภทโลหะ แบง่ เปน็ โลหะกล่มุ เหล็ก โลหะนอกกลมุ่ เหลก็ โดย 1) ส มบัติทางเคมี บอกโครงสร้างและองค์ประกอบธาตุของวัสดุ โดย ทว่ั ไปน�าความร้อนและไฟฟา ไดด้ ี วเิ คราะหแ์ บบทา� ลายหรือไมท่ �าลายตวั อย่าง 2) ว สั ดพุ อลเิ มอร โครงสรา้ งสว่ นใหญไ่ มม่ รี ปู รา่ งผลกึ เปน็ ฉนวนไฟฟา ทดี่ ี 2) ส มบัตทิ างกายภาพ บอกอัตราการเกิดปฏิกิริยาของวัสดุกับพลังงานใน 3) ว ัสดเุ ซรามกิ มีโครงสร้างแบบมีรปู รา่ งผลึก ไมม่ รี ปู ร่างผลึก หรือผสม รปู ตา่ ง ๆ กัน ทง้ั 2 แบบ นา้� หนักเบา มคี วามแข็ง ทนความรอ้ นสูง และเป็นฉนวน 3) ส มบัตเิ ชงิ กล บอกคุณสมบัติเฉพาะตัวของวัสดทุ ถ่ี ูกกระทา� ดว้ ยแรง 4) ว สั ดผุ สม ผลติ ได้หลากหลายชนดิ ชนิดท่ีใช้ส่วนใหญ่ คอื ใชเ้ สน้ ใยแก้ว 4) ส มบัติเชงิ มิติ เปน็ คณุ สมบัติส�าคัญในการพิจารณาเลือกใช้วสั ดุ เสริมแรงและใชเ้ สน้ ใยคารบ์ อนเสริมแรง เคร่ืองมอื วัด เครอ่ื งมอื ตดั เครอ่ื งมอื ชา งพื้นฐาน เคร่ืองมือสาํ หรับยึดติด เครื่องมอื สําหรบั เจาะ กรณีศกึ ษาผลงานการออกแบบและเทคโนโลยี กรณีศกึ ษาที ่ 1 หมวกจกั รยานอจั ฉริยะ กรณีศกึ ษาท่ี 2 หุ่นยนตป์ ากกา T43
Search