วชิ าภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔ สอนโดย นางสาวพรรณทริ าภรณ์ อนิ ทรพ์ รหม (ครบู วิ )
กิ จกรรมวันน้ี ช่วงน้ีช้ีแนน ทาความเขา้ ใจเน้อื หาเร่ือง การอ่านออกเสียงรอ้ ยแก้ว ทบทวน ก า ร บ้ า น ส.ค.ส ปีใหม่ (ภาษาถนิ่ )
ทดสอบก่อนเรียน ๑. บตุ ร อา่ นว่า ๖. เกสร อา่ นวา่ ๒. วชริ ญาณ อ่านวา่ ๗. ไผท อา่ นว่า ๓. กร อ่านวา่ ๘. สัมมนา อ่านวา่ ๔. สรรพชวี ติ อ่านวา่ ๙. มกราคม อ่านว่า ๕. คมนาคม อา่ นวา่ ๑๐. โลกาภิวฒั น์ อ่านว่า
การอ่าน หมายถึง การแปลความหมายของ ตวั อักษรท่ีอ่านออกมาเป็นความรู้ความคิด และเกิด ความเข้าใจเร่ืองราวที่อ่านตรงกับเร่ือราวท่ีผู้เขียน เขียน ผู้อ่านสามารถนาความรู้ ความคิด หรือ สาระจากเรอื่ งราวทีอ่ า่ นไปใชใ้ ห้เกดิ ประโยชนไ์ ด้
การอ่านแบ่งเปน็ ประเภทใหญ่ๆ ได้ ๒ ประเภท คอื ๑. การอ่านออกเสียงร้อยแกว้ ๒. การอา่ นออกเสียงร้อยกรอง
๑. การอา่ นเพ่อื หาความรู้ ๒.การอ่านเพื่อความบันเทงิ การอ่านหนงั สือจากหนงั สือประเภทตารา การอา่ นจากหนังสือประเภทสารคดีท่องเท่ียวเรือ่ งส้ัน ทางวิชาการ หรือการอ่านผ่านส่ือ เรือ่ งแปล การ์ตูน บทประพันธ์ บทเพลง ผู้อ่านจะได้ อิเล็กทรอนิกส์ การอ่านจากหนังสอื ท่มี สี าระ ความรูท้ ส่ี อดแทรกอยใู่ นเรื่องด้วย การอา่ นประเภทนม้ี ี ขอ้ ควรระวังเนอื้ หาสาระและรูปภาพที่ขดั ต่อวฒั นธรรม และจารีตประเพณไี ทย ผู้อา่ นจึงควรพจิ ารณาเลือกใหด้ ี จดุ ม่งุ หมาย ๓. การอา่ นเพอื่ ทราบขา่ วสาร ของการอ่าน ๔. การอา่ นเพอื่ จดุ ประสงค์เฉพาะ การอ่านหนังสือประเภทบทความ บทวิจารณ์ ข่าว การอ่านที่ไมไ่ ดเ้ จาะจง แตเ่ ป็นการอ่านเป็นคร้ังคราว รายงานการประชุม ข้อควรระวังในกาอ่านประเภท ในเรื่องท่ีตนสนใจหรืออยากรู้ เช่น การอ่านประกาศ น้ี คือ ผู้อ่านมักเลือกอ่านส่ือท่ีสอดคล้องกับ ต่ า ง ๆ ก า ร อ่ า น โ ฆ ษ ณ า แ ผ่ น พั บ ความคิดและความชอบของตน จึงทาให้ปิดกั้นการ ประชาสัมพันธ์ สลากยา การอ่านประเภทนี้มักใช้ รบั รู้และแนวคิดด้านอืน่ ๆ เวลาไม่นานและไม่กระทาทุกวัน ส่วนใหญ่เป็นการ อ่านเพอ่ื ให้ความรแู้ นะนาไปใช้
ความสาคญั ของการอา่ น เป็นเครื่องมือในการแสวงหา เป็นเคร่อื งมือช่วยให้ประสบ สง่ เสริมใหค้ นมคี วามคิดอา่ นและฉลาด ความรู้ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัย ความสาเร็จในการประกอบอาชพี รอบรู้ เพราะประสบการณท์ ่ไี ดจ้ ากการ ศึกษาเล่าเรียน จาเป็นต้องอ่าน เพราะสามารถนาความรู้ทีไ่ ด้จาก อา่ นเมือ่ เก็บสะสมเพิม่ พนู นานวันเข้า หนงั สือเพ่ือการศกึ ษาหาความรู้ การอ่านไปพฒั นางานของตนได้ ก็จะทาใหเ้ กิดความคิด เกิดสติปัญญา
การอ่าน ออกเสียงบทรอ้ ยแนก้ว ปร โยชน์ของการ อ่านออกเสียง
การอา่ นออกเสียงบทร้อยแก้ว บทรอ้ ยแกว้ คอื ถอ้ ยคาทเ่ี รยี บเรยี งขน้ึ อยา่ งไพเราะ เปน็ ความเรยี งท่ีไมบ่ งั คับคาสัมผสั แต่มคี วามสละสลวย ไพเราะดว้ ยเสยี งและความหมาย คาประพนั ธ์ทเี่ ปน็ บทร้อย แกว้ เชน่ เรียงความ สารคดี บทความ
การอ่านออกเสยี งข้อความทเี่ ป็นรอ้ ยแกว้ ในปัจจุบันกล่าวกันว่าเรากาลังอยู่ในยุคโลกาภิวัฒน์หรือเรียกอีกอย่างวา่ โลกไร้พรมแดน แต่จะเรียกอย่างไรก็ตามเถิดการอ่านก็เป็นกระบวนการสาคัญอย่างย่ิงในการพัฒนาคนใน ทศวรรษนี้เพราะโลกของการศึกษามิได้จากัดอยู่ภายในห้องเรียนที่มีลักษณะรูปทรงสี่เหล่ียม เเคบๆ เท่านั้นเเต่ข้อมูลข้าวสารสารสนเทศต่างๆได้ย่อโลกให้เล็กลงเท่าที่เราอยากรู้ได้ รวดเร็วในช่ัวลัดน้ิวมือเดียวอย่างที่คนโบราณกล่าวไว้จะมีสื่อให้อ่านอย่างหลากหลายให้ เลอื กท้งั ส่ือสิง่ พิมพ์ทีเ่ ราคุ้นเคยไปจนส่ืออิเลก็ ทรอนิกสท์ ่เี รยี กว่า “ อนิ เทอร์เน็ต \"
การอา่ นออกเสียงข้อความทีเ่ ปน็ ร้อยแก้ว ในปัจจุบันกล่าวกันว่า/ เรากาลังอยู่ในยุคโลกาภิวัฒน์/หรือเรียกอีกอย่างว่าโลกไร้พรมแดน/ แต่จะเรียกอย่างไรก็ตามเถิด/การอ่าน/ ก็เป็นกระบวนการสาคัญอย่างย่ิงในการพัฒนาคนใน ทศวรรษน้ี/ เพราะโลกของการศึกษา/ มิได้จากัดอยู่ภายในห้องเรียน/ ท่ีมีลักษณะรูปทรง สี่เหล่ียมเเคบๆ เท่าน้ัน/ เเต่ข้อมูลข้าวสารสารสนเทศต่างๆ /ได้ย่อโลกให้เล็กลงเท่าท่ีเราอยากรู้ ได้รวดเร็ว/ ในชั่วลัดนิ้วมือเดียวอย่างที่คนโบราณกล่าวไว้/ จะมีส่ือให้อ่านอย่างหลากหลายให้ เลือก/ ทงั้ ส่ือสิ่งพมิ พ์ที่เราคุ้นเคย/ ไปจนสื่ออิเล็กทรอนกิ ส์ที่เรียกวา่ \"อนิ เทอรเ์ นต็ \"
หลักการอ่าน ออกเสียงบทร้อยแนก้ว
อา่ นสารวจเนอ้ื เร่อื งในใจอยา่ งครา่ ว ๆ ๑ รอบ เพือ่ ทาความเข้าใจเบื้องตน้ พิจารณาประเภทของเรื่องทีอ่ า่ น เพอื่ ให้ อา่ นไดถ้ กู ต้องตามลกั ษณะของเร่อื ง ตรวจสอบคาศัพทท์ ไ่ี ม่แน่ใจว่าอา่ นอยา่ งไร โดยคน้ คว้าเสยี งอ่านของคาจากพจนานกุ รม
ฝกึ อ่านเสยี งดงั พอประมาณ ออกเสยี งให้ชดั เจน ถกู ต้อง ทงั้ พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ของคาตามอักขรวธิ ี เห็นคุณครหู รือความสาคัญของการอ่าน ตง้ั ใจอ่าน ด้วยนา้ เสียงท่ีชัดเจนแจ่มใส เมอ่ื อา่ นใหผ้ ู้อ่นื ฟงั ควร ละสายตามองผู้ฟงั เป็นระยะ ๆ อยา่ งเหมาะสม ไม่ กม้ หน้าอ่านอยา่ งเดยี ว มีสหี น้ายม้ิ แยม้ ร้จู กั เน้นคา หรอื ขอ้ ความสาคัญ ไม่อ่านเสียงราบเรยี บไปตลอด
เวน้ วรรคตอนให้ถกู ต้องเหมาะสม กวาดสายตาดูตัวหนงั สอื แต่ละบรรทดั และบรรทัดต่อไปให้รวดเร็วพอสมควร ไม่อา่ นคาตก ตดั คา หรอื เติมคา อา่ นด้วยอตั ราเรว็ ทเ่ี หมาะสม ไม่ช้าหรือเรว็ เกินไป
การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว นอกจากหลกั ในการอ่านออกเสียง แล้ว ควรคานึงถึงโวหารที่ใช้ในงานเขียน ซ่ึงย่อมแตกต่างกันไป ตามประเภทของเรื่องน้ัน ๆ การรู้จักโวหารทาให้อ่านได้ถูกต้อง ตามลักษณะของเรื่อง เพ่ิมอรรถรสในการอ่าน ผู้ฟังเกิดอารมณ์ คลอ้ ยตามและเข้าใจขอ้ ความหรือเรื่องนั้นไดช้ ดั เจนย่ิงข้ึน
โวหารทใ่ี ชใ้ นงานเขียนซ่งึ นกั เรยี นควรรู้จกั มีดังน้ี
บรรยายโวหาร บรรยายโวหาร คือ สานวนที่อธบิ าย หรอื เล่าเรื่องราวโดยละเอยี ดเพื่อใหค้ วามรู้ แจ่มแจง้ ชดั เจนในเรื่องน้ัน ๆ
ตวั อยา่ ง พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช ทรงพระ ราชนิพนธ์ บทละคร เร่อื ง รามเกียรต์ิ ข้ึนเมอื่ พ.ศ. ๒๓๔๐ อันเปน็ ช๒่ว๒ฯงเ๑วลปาีมแหะเ่งสก็งารนฟบั ืน้เปฟน็ วู พรรรณะรการชรนมิพใหน้รธ่งุบ์ เรทอื ลงะทคดั รเเทรอื่ยี งมแอรยกธุ ใยนารชั ตสรมงกยั ับ ของพระองค์ ท้งั น้ี เพื่อรวบรวมเรอ่ื งไวม้ ิใหส้ ูญหายและใช้เป็นบท สาหรบั เลน่ ละคร เพอื่ ให้ความบนั เทงิ สขุ และคตสิ อนใจแกป่ ระชาชน เรียบเรียงจาก บทละครเรือ่ ง รามเกยี รต์ิ เลม่ ๔ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช
ฝึกอ่านคาศพั ท์ คา คาอา่ น ทรงพระราชนิพนธ์ ซง-พระ-ราด-ชะ-นิ-พน รามเกยี รต์ิ ราม-มะ-เกยี น พ.ศ. ๒๓๔๐ วรรณกรรม พดุ -ทะ-สัก-กะ-หราด-สอง-พนั -สาม-ร้อย-ส่ี-สบิ ๒ ฯ๒๑ วัน-นะ-กา รชั สมยั วัน-จนั -เดอื น-อา้ ย-ขึ้น-สอง-คา่ (ตรงกับวันจันทร์ เดอื นมกราคม ขึ้น ๒ ค่า) รัด-ชะ-สะ-ไหม
พรรณนาโวหาร พรรณนาโวหาร คือ สานวนท่กี ลา่ วเปน็ เรือ่ งราวอยา่ งละเอยี ดเพ่อื ใหผ้ ู้อ่านนกึ เห็นเป็นภาพ มกั จะราพันถึงความงาม และความรสู้ ึก
ตวั อยา่ ง ตน้ ผกั บุ้งชายน้าทอดยาวชูดอกงามทกั ทาย สายลมอย่ไู หว ๆ ปลุกดวงดาวสมี ่วงท่ีหลบั ใหลอยใู่ จกลางดอก ให้ลมื ตาตื่น แตม้ แตง่ พ้ืนดนิ และพ้นื นา้ ใหง้ ดงามด้วยสีม่วงขาวพราวตา ด้วยความท่เี ปน็ พรรณไม้เลอื้ ยไล้ไปตามนา้ ตามดิน ไมช่ ตู น้ ไต่ ตรงขึ้นสู้ฟ้าหรอื เลาะเลย้ี วเกี่ยวหลักเหมือนเช่นไมเ้ ถาชนิดอื่น ต้นผกั บุง้ จึงมชี ื่อเรยี กอกี อยา่ งหน่งึ วา่ ผักทอดยอด ฟังดูนุม่ นวล เนิบช้า และ อ่อนโยนสมชื่อ สมอาการยิง่ นัก จาก “ดวงดาวดอกผักบุ้ง” หนงั สือ เรอ่ื งเล่าของดอกไม้ ของนภพรรณ รักษิตานนท์
สาธกโวหาร สาธกโวหาร คอื สานวนท่มี ีการยกตัวอย่างมาอา้ ง ให้เห็น เพอ่ื ให้ผู้อ่านเขา้ ใจเร่อื งราวไดง้ ่ายขึน้ ตวั อย่าง ที่ยกมาอาจเปน็ นิทาน เรื่องราวหรือเหตุการณ์กไ็ ด้
ตวั อย่าง นอกครู เป็นสานวน หมายความว่า ไมถ่ ือตามหรือไมท่ าตามคาสั่งสอน ของครูบาอาจารย์ สานวนนบ้ี างทกี ม็ ีคาวา่ “หัวล้าน” ตดิ อยดู่ ้วย คอื “หัวลา้ น นอกครู” มนี ทิ านเล่ากนั มาแตโ่ บราณว่า มีชายคนหนง่ึ ผมไม่ขึน้ จึงไปหาอาจารย์ ขอใหช้ ่วยใหผ้ มขนึ้ อาจารยใ์ ห้ไปดานา้ ในสระ ๓ ครงั้ ชายคนนน้ั ดาครง้ั ทห่ี น่งึ โผล่ขน้ึ มาผมกเ็ ริ่มข้ึน คร้งั ท่ี ๒ ผมกม็ าข้ึน และคร้งั ท่ีสามกม็ ากข้นึ อีก ชายคนนนั้ อยากให้ผมดกมากขน้ึ อกี จึงดาครง้ั ทส่ี พ่ี อโผล่ขนึ้ มาผมเลยเกลยี้ งล้านไปท้งั หวั จึงพดู กันว่า “หัวลา้ นนอกครู” คือ ไม่ทาตามคาส่งั ของครู หัวจึงลา้ น จาก สานวนไทย (ก-ป) ของกาญจนาคพันธ์ุ
เทศนาโวหาร พรรณนาโวหาร คอื สานวนที่สอดแทรก คาแนะนาสงั่ สอนอยา่ งมีเหตุผลและมตี ัวอยา่ ง ประกอบ
ตวั อยา่ ง “...การทีเ่ ราศึกษาวิชาความร้นู น้ั ความจริงไมใ่ ชเ่ พือ่ ใครเลย แตเ่ พ่ือตัวเองในการทจ่ี ะไดด้ าเนินชวี ติ ไปในวนั หน้า ถา้ เรยี นดีก็จะได้ ใช้ความรูท้ ่ีเรยี นมาประกอบกิจการให้เปน็ ประโยชน์ เป็นที่พึ่งแก่ตน และเปน็ ทช่ี ื่นชมแกว่ งศ์ตระกลู ตอ่ ไปดว้ ย...” พระบรมราโชวาทพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู ิพลอดยุ เดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพธิ ีพระราชทานประกาศนียบตั รแก่นักเรียนวชิราวธุ วทิ ยาลยั ณ หอประชมุ วชริ าวุธวิทยาลัย วนั ที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๐
สรปุ ความรู้ การอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วต้องออกเสยี งให้ ถูกต้อง ชัดเจนตามอกั ขรวิธี เว้นวรรคตอนเหมาะสม ใชน้ ้าเสียงนา่ ฟัง มเี สยี งหนกั เสยี งเบา การอา่ นน้ันจึงจะมี ประสิทธภิ าพ เกิดความนา่ สนใจ ผฟู้ งั สามารถจบั ใจความ ได้ง่ายและถูกตอ้ ง
ทดสอบก่อนเรียน ๑. บตุ ร อ่านวา่ บุด ๒. วชริ ญาณ อา่ นวา่ วะ – ชิ – ระ - ยาน ๓. กร อ่านวา่ ๔. สรรพชีวิต อา่ นว่า กอน ๕. คมนาคม อ่านวา่ สบั – พะ – ชี - วิด คะ – มะ – นา - คม
ทดสอบก่อนเรียน ๖. เกสร อา่ นว่า เก - สอน ๗. ไผท อ่านว่า ผะ - ไท ๘. สัมมนา อา่ นว่า สา – มะ - นา ๙. มกราคม อา่ นว่า มก – กะ – รา – คม มะ – กะ – รา - คม ๑๐. โลกาภิวัฒน์ อ่านว่า โล – กา – พิ -วดั
ฝกึ อา่ นหนงั สอื สม่าเสมอนะคะนักเรยี น
กิ จกรรมถัดไป ช่วงน้ีช้ีแนน ทาความเข้าใจเนื้อหาเร่อื ง การอ่านออกเสยี งร้อยกรอง ทบทวน การอา่ นออกเสียงร้อยแกว้ ก า ร บ้ า น -
วชิ าภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๔ สอนโดย นางสาวพรรณทริ าภรณ์ อนิ ทรพ์ รหม (ครบู วิ )
กิ จกรรมวันน้ี ช่วงน้ีช้ีแนน ทาความเข้าใจเนื้อหาเรอื่ ง การอา่ นออกเสยี งร้อยกรอง ทบทวน การอ่านออกเสียงรอ้ ยกรอง ก า ร บ้ า น
การอา่ นออกเสียงบทร้อยแก้ว บทรอ้ ยแกว้ คอื ถอ้ ยคาทเ่ี รยี บเรยี งขน้ึ อยา่ งไพเราะ เปน็ ความเรยี งท่ีไมบ่ งั คับคาสัมผสั แต่มคี วามสละสลวย ไพเราะดว้ ยเสยี งและความหมาย คาประพนั ธ์ทเี่ ปน็ บทร้อย แกว้ เชน่ เรียงความ สารคดี บทความ
การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว นอกจากหลักในการอ่าน ออกเสยี งแลว้ ควรคานึงถงึ โวหารท่ีใช้ในงานเขียน ซ่ึงย่อมแตกต่าง กันไปตามประเภทของเรื่องนั้น ๆ การรู้จักโวหารทาให้อ่านได้ ถูกต้องตามลักษณะของเร่ือง เพิ่มอรรถรสในการอ่าน ผู้ฟังเกิด อารมณ์คลอ้ ยตามและเขา้ ใจข้อความหรือเร่ืองน้ันได้ชดั เจนย่ิงข้นึ
การอา่ นบทรอ้ ยกรอง
การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรองเป็นทานองเสนาะ บทรอ้ ยกรอง คอื ถอ้ ยคาทเ่ี รยี บเรยี งให้เปน็ ระเบียบตาม ข้อกาหนดของคาประพันธแ์ ต่ละประเภท คาในบทรอ้ ยกรองมี ความหมายเท่ากบั พยางค์ เชน่ คาว่า พนู พิพัฒน์ สวสั ดี นับเปน็ ๓ คา
การเตรียมอ่านออก เสยี งบทร้อยกรอง ก่อนการอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยกรองควรศึกษาบทรอ้ ยกรองในประเด็น ตอ่ ไปนี้ เพือ่ ใหเ้ กดิ ความเข้าใจและซาบซึ้งในบทรอ้ ยกรองนั้น
๑ ศกึ ษาคาศัพท์ท้งั เสียงอา่ นและความหมายของคา ๒ ศึกษารูปแบบของบทรอ้ ยกรองและจังหวะในการอา่ น ๓ ศกึ ษาเนอ้ื ความของบทร้อยกรอง
หลกั การอ่านออกเสียง บทร้อยกรอง
๑ อ่านออกเสียงคาใหช้ ดั เจนและถูกตอ้ งตามอกั ขรวธิ ี ๒ อา่ นเว้นจังหวะใหถ้ กู ตอ้ งตามฉันทลกั ษณ์และ ท่วงทานองของบทร้อยกรองแต่ละประเภท ถ้าอ่านทานอง เสนาะต้องรจู้ ักทอดเสยี ง เอ้อื นเสียง หรอื หลบเสียง
๓ นา้ เสียงชัดเจน ไพเราะนา่ ฟัง เปลง่ เสยี ง ๔ ไมเ่ บาหรือดงั เกินไป เน้นเสียงแสดงอารมณ์ให้เปน็ ไปตามเนอื้ ความของ บทร้อยกรอง เชน่ รัก ร่าเริง โกรธ เศรา้
จังหวะการอ่านออก เสียงบทร้อยกรอง จังหวะการออกเสียงบทรอ้ ยกรองแตล่ ะประเภทแตกตา่ งกันไปตาม จานวนคาในแต่ละวรรค และจังหวะการลงสัมผัส ดงั นี้
กาพย์ยานี ๑๑ วรรหนา้ ใชจ้ งั หวะการอ่าน ๒/๓ วรรหลงั ใชจ้ งั หวะการอา่ น ๓/๓ / / //
ตวั อยา่ ง ศรศี ร/ี กวแี ก้ว// ประกาศแล้ว/ก้องโลกา// ยอดกว/ี ผปู้ รีชา// สนุ ทรภู่/ชเู กยี รตไิ ทย// อภวิ าท/ปราชญเ์ กรียงไกร// ภูมิใจ/ไทยทั้งชาติ// ด้วยบุปผา/มาลาพรรณ บชู ติ /จิตแจม่ ใส// สดุดีรัตนกวี ของฐะปะนยี ์ นาครทรรพ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144