สารบัญ พระราชบัญญัตริ ะเบยี บบริหารราชการฝ่ายรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑ ระเบยี บรัฐสภา - ระเบยี บรัฐสภา ว่าด้วยการรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทน พ.ศ. 2554 ๘ - ระเบยี บรัฐสภา ว่าดว้ ยการแต่งตงั้ บุคคลเพอื่ ปฏบิ ตั ิหน้าที่ อันจะเป็นประโยชนต์ ่อการปฏบิ ัติงานของรัฐสภา สภาผแู้ ทนราษฎร วุฒสิ ภา สมาชกิ สภาผูแ้ ทนราษฎร สมาชิกวุฒสิ ภา และกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎรหรอื วฒุ สิ ภา พ.ศ. 2554 และทแ่ี ก้ไขเพิ่มเติม 11 - ระเบียบรัฐสภา วา่ ด้วยการงบประมาณ พ.ศ. 2557 และท่แี ก้ไขเพมิ่ เตมิ ๑๕ - ระเบยี บรัฐสภา ว่าดว้ ยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเกบ็ รักษาเงนิ ๒๑ และการนาเงนิ ส่งคลงั พ.ศ. 2557 และที่แก้ไขเพ่ิมเตมิ - ระเบยี บรัฐสภา วา่ ดว้ ยการเบิกจา่ ยคา่ ใชจ้ ่ายในการบริหารงาน ๓๘ ของสว่ นราชการสงั กดั รัฐสภา พ.ศ. 2557 และท่ีแก้ไขเพิ่มเตมิ - ระเบียบรัฐสภา ว่าดว้ ยเบ้ียประชุมกรรมการ พ.ศ. 2557 ๔๔ - ระเบียบรัฐสภา ว่าด้วยเงนิ ค่าตอบแทนพเิ ศษของลูกจ้างประจา ๔๘ ของสว่ นราชการสงั กัดรฐั สภา พ.ศ. 2554 และทแี่ ก้ไขเพม่ิ เติม ระเบยี บรัฐสภา ประกาศ ก.ร. และมติ ก.ร. เก่ยี วกบั พนกั งานราชการรฐั สภา - ระเบียบรัฐสภาว่าดว้ ยพนักงานราชการรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๖๐ ๕๑ - การกาหนดลกั ษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลมุ่ งาน ๖๖ ของพนักงานราชการรัฐสภา - แนวทางการจดั ทากรอบอัตรากาลงั พนักงานราชการรฐั สภา ๗๔ - การสรรหาและการเลือกสรรบคุ คลเพ่อื จ้างเป็นพนักงานราชการรัฐสภา ๘๔ - แบบสัญญาจ้างพนักงานราชการรัฐสภา ๘๙
- การได้รบั สิทธิประโยชน์ของพนกั งานราชการรัฐสภา ๙๖ - การได้รบั ค่าตอบแทนการออกจากงานของพนักงานราชการรัฐสภา ๑๐๒ - การประเมินผลการปฏบิ ตั ิงานของพนกั งานราชการรัฐสภา ๑๐๕ - เคร่อื งแบบและการแตง่ กายของพนกั งานราชการรัฐสภา ๑๑๖
เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๓๔ ก หน้า ๑ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ราชกิจจานุเบกษา พระราชบญั ญตั ิ ระเบยี บบรหิ ารราชการฝา่ ยรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นปที ี่ ๖๖ ในรัชกาลปจั จบุ นั พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ใหป้ ระกาศว่า โดยที่เปน็ การสมควรปรบั ปรงุ กฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝา่ ยรัฐสภา จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ใหต้ ราพระราชบัญญัติขน้ึ ไว้โดยคาํ แนะนาํ และยินยอมของรฐั สภา ดงั ต่อไปน้ี มาตรา ๑ พระราชบัญญัติน้ีเรียกว่า “พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔” มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เปน็ ต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลกิ (๑) พระราชบญั ญตั ิจดั ระเบยี บปฏบิ ัติราชการฝา่ ยรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๑๘ (๒) พระราชบัญญัติจดั ระเบียบปฏบิ ตั ริ าชการฝา่ ยรัฐสภา (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตนิ ้ี “ประธานรัฐสภา” หมายความวา่ ประธานรฐั สภาตามบทบัญญตั แิ ห่งรัฐธรรมนญู “รองประธานรัฐสภา” หมายความวา่ รองประธานรฐั สภาตามบทบญั ญัตแิ หง่ รัฐธรรมนญู -1-
เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๓๔ ก หน้า ๒ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ราชกิจจานุเบกษา “ก.ร.” หมายความว่า คณะกรรมการข้าราชการรัฐสภาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ข้าราชการรฐั สภา “สภาผ้แู ทนราษฎร” หมายความว่า สภาผู้แทนราษฎรตามบทบญั ญตั แิ หง่ รัฐธรรมนญู “วฒุ ิสภา” หมายความวา่ วุฒิสภาตามบทบัญญตั แิ ห่งรัฐธรรมนญู “รัฐสภา” หมายความวา่ สภาผแู้ ทนราษฎรและวุฒิสภาตามบทบัญญตั ิแหง่ รัฐธรรมนูญ มาตรา ๕ การบริหารราชการตามพระราชบัญญัตินี้ให้เป็นไปตามวิธีการบริหารกิจการ บา้ นเมืองท่ดี ี ท้งั นี้ ตามความเหมาะสมของแต่ละภารกจิ เพือ่ ประโยชนใ์ นการดําเนนิ การตามวรรคหน่งึ ก.ร. จะออกระเบียบรัฐสภาหรือประกาศรัฐสภา กําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการปฏิบัติราชการและการสั่งการให้ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาและ ข้าราชการรัฐสภาปฏิบตั กิ ็ได้ ระเบียบรัฐสภาหรือประกาศรฐั สภาตามวรรคสอง ให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามและประกาศ ในราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๖ ให้มีส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ดังตอ่ ไปน้ี (๑) สาํ นกั งานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร (๒) สาํ นักงานเลขาธิการวุฒสิ ภา (๓) ส่วนราชการท่เี รยี กชอื่ อย่างอื่น ส่วนราชการตาม (๑) (๒) และ (๓) เป็นนิติบุคคลและมีอิสระในการบริหารงานบุคคล การงบประมาณ และการดําเนนิ การอ่นื ตามทบี่ ญั ญตั ไิ วใ้ นพระราชบญั ญัติน้ี และกฎหมายว่าด้วยระเบียบ ขา้ ราชการรัฐสภา มาตรา ๗ การจัดตง้ั และการกาํ หนดอาํ นาจหนา้ ท่ีของส่วนราชการและหัวหนา้ ส่วนราชการ ตามมาตรา ๖ (๓) ใหต้ ราเป็นพระราชบัญญตั ิ การรวม การโอน หรือการยบุ สว่ นราชการตามมาตรา ๖ ใหต้ ราเปน็ พระราชบัญญัติ มาตรา ๘ การรวมหรือการโอนส่วนราชการตามมาตรา ๖ ไม่ว่าจะมีผลเป็นการจัดต้ัง ส่วนราชการข้ึนใหม่หรือไม่ ถ้าไม่มีการกําหนดตําแหน่งหรืออัตราของข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจา้ งเพิ่มขน้ึ ใหท้ ําเป็นประกาศรัฐสภาโดยความเห็นชอบของรฐั สภา ประกาศรัฐสภาตามวรรคหน่ึง ให้ระบุอํานาจหน้าที่ของส่วนราชการ การโอนอํานาจหน้าท่ี ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายซึ่งส่วนราชการท่ีมีอยู่เดิม การโอนข้าราชการ พนักงานราชการและลูกจ้าง งบประมาณรายจ่าย รวมทั้งทรัพย์สินและหนี้สินเอาไว้ด้วย แล้วแต่กรณี โดยให้ประธานรัฐสภา เปน็ ผู้ลงนามและประกาศในราชกิจจานเุ บกษา -2-
เลม่ ๑๒๘ ตอนที่ ๓๔ ก หน้า ๓ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ราชกจิ จานเุ บกษา มาตรา ๙ การเปลี่ยนช่ือส่วนราชการตามมาตรา ๖ ให้ทําเป็นประกาศรัฐสภาโดย ความเห็นชอบของ ก.ร. และในกรณีที่ชื่อตําแหน่งของข้าราชการในส่วนราชการนั้นเปลี่ยนไป ให้ระบุการเปลีย่ นชอ่ื ไวใ้ นประกาศรัฐสภาด้วย ประกาศรฐั สภาตามวรรคหนงึ่ ใหป้ ระธานรัฐสภาเป็นผ้ลู งนามและประกาศในราชกิจจานเุ บกษา มาตรา ๑๐ สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีอํานาจหน้าที่เก่ียวกับราชการประจํา ทวั่ ไปของสภาผูแ้ ทนราษฎร มเี ลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎรเป็นผบู้ งั คบั บญั ชาขา้ ราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้าง และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการข้ึนตรงต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร และให้มี รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการ และจะให้มีผู้ช่วยเลขาธิการ สภาผ้แู ทนราษฎรเป็นผูช้ ว่ ยส่ังและปฏบิ ตั ริ าชการกไ็ ด้ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและผู้ช่วยเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรมีอํานาจหน้าท่ี ตามที่เลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎรกําหนดหรอื มอบหมาย ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และผู้ช่วยเลขาธิการ สภาผแู้ ทนราษฎรเป็นข้าราชการรฐั สภาสามัญ มาตรา ๑๑ สํานักงานเลขาธิการวุฒิสภามีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการประจําท่ัวไป ของวุฒิสภา มีเลขาธิการวุฒิสภาเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ พนักงานราชการและลูกจ้าง และรับผิดชอบ ในการปฏิบัติราชการข้ึนตรงต่อประธานวุฒิสภา และให้มีรองเลขาธิการวุฒิสภาเป็นผู้ช่วยส่ังและ ปฏิบตั ิราชการ และจะใหม้ ีผู้ช่วยเลขาธิการวฒุ ิสภาเปน็ ผู้ชว่ ยสง่ั และปฏิบัติราชการก็ได้ รองเลขาธิการวุฒิสภาและผู้ช่วยเลขาธิการวุฒิสภามีอํานาจหน้าที่ตามท่ีเลขาธิการวุฒิสภา กําหนดหรือมอบหมาย ให้เลขาธิการวุฒิสภา รองเลขาธิการวุฒิสภา และผู้ช่วยเลขาธิการวุฒิสภา เป็นข้าราชการ รฐั สภาสามญั มาตรา ๑๒ การแบง่ สว่ นราชการภายในของสาํ นกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สาํ นักงาน เลขาธิการวุฒิสภา หรือส่วนราชการตามมาตรา ๖ (๓) ให้ทําเป็นประกาศรัฐสภาโดยความเห็นชอบ ของ ก.ร. และใหร้ ะบอุ ํานาจหนา้ ท่ีของแต่ละส่วนราชการไว้ในประกาศรฐั สภาด้วย ส่วนราชการตามวรรคหนึ่งอาจแบ่งส่วนราชการภายในเป็นสํานักหรือส่วนราชการที่เรียกช่ือ อยา่ งอ่นื ซง่ึ มฐี านะเทียบสาํ นัก ในกรณีทีม่ ีความจาํ เปน็ จะแบ่งสว่ นราชการโดยใหม้ ีสว่ นราชการอนื่ นอกจากท่ีกําหนดไว้ในวรรคสอง ก็ได้ -3-
เลม่ ๑๒๘ ตอนท่ี ๓๔ ก หนา้ ๔ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ราชกจิ จานเุ บกษา ส่วนราชการตามวรรคสองและวรรคสาม ให้มีอํานาจหน้าท่ีตามที่กําหนดไว้ให้เป็นหน้าที่ ของส่วนราชการน้ัน ๆ โดยให้มีผู้อํานวยการสํานัก หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอ่ืน เปน็ ผบู้ ังคับบัญชาข้าราชการ และรับผดิ ชอบในการปฏบิ ัตริ าชการ ให้ ก.ร. เป็นผู้พิจารณาแบ่งส่วนราชการภายใน และกําหนดอํานาจหน้าท่ีของส่วนราชการ ภายในตามมาตราน้ี ประกาศรฐั สภาตามวรรคหนงึ่ ใหป้ ระธานรัฐสภาเปน็ ผลู้ งนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๑๓ ให้ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาตามมาตรา ๖ เสนองบประมาณรายจ่าย ต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาตามมาตรา ๖ ไว้ใน ร่างพระราชบญั ญัตงิ บประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณหรือร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย เพ่ิมเติม แล้วแต่กรณี ในการน้ี คณะรัฐมนตรีอาจทําความเห็นเก่ียวกับการจัดสรรงบประมาณ ของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาตามมาตรา ๖ ไว้ในรายงานการเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายประจําปีงบประมาณหรือร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพ่ิมเติมด้วยก็ได้ และในการ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณดังกล่าว คณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือคณะกรรมาธิการท่ีเกี่ยวข้อง อาจขอให้ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาตามมาตรา ๖ เข้าชี้แจง เพือ่ ประกอบการพิจารณาได้ มาตรา ๑๔ ให้ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาตามมาตรา ๖ เป็นหน่วยรับตรวจตามกฎหมาย ประกอบรฐั ธรรมนูญวา่ ด้วยการตรวจเงินแผน่ ดิน มาตรา ๑๕ ให้ ก.ร. มีอํานาจออกระเบียบรัฐสภาหรือประกาศรัฐสภาเก่ียวกับ การบริหารงานท่ัวไป การงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน และการดําเนินการอ่ืนของส่วนราชการ สงั กดั รฐั สภา โดยเฉพาะในเรอื่ งดงั ต่อไปนี้ (๑) การรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทนในตําแหน่งของประธานรัฐสภา ประธานสภาผแู้ ทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และข้าราชการรัฐสภาสามญั (๒) การแต่งตั้งบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าท่ีอันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา กรรมาธิการของสภา ผ้แู ทนราษฎรหรอื วุฒิสภา และส่วนราชการสงั กดั รฐั สภา รวมทงั้ กําหนดอัตราค่าตอบแทน (๓) การกําหนดอัตราเบ้ียประชุม ค่าตอบแทนหรือประโยชน์ตอบแทนอ่ืนของ ก.ร. คณะอนุกรรมการข้าราชการรัฐสภา และคณะกรรมการอื่น ๆ รวมทั้งให้แก่ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งเพ่ือปฏิบัติ ราชการใด ๆ -4-
เลม่ ๑๒๘ ตอนท่ี ๓๔ ก หน้า ๕ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ราชกิจจานุเบกษา (๔) การบริหารจัดการงบประมาณและการพัสดุของส่วนราชการสงั กดั รฐั สภา (๕) การกําหนดวิธีการ เงื่อนไข และอัตราค่าจ้างในการจ้างพนักงานราชการและลูกจ้าง ของส่วนราชการสงั กดั รัฐสภา รวมทั้งการกาํ หนดเครอ่ื งแบบและการแต่งกาย การกําหนดวันเวลาทํางาน วันหยดุ ราชการตามประเพณี วนั หยดุ ราชการประจาํ ปี การลาหยดุ ราชการ ค่าตอบแทนพิเศษ ค่าครองชีพ ช่ัวคราว และการจัดสวัสดิการหรือการสงเคราะห์อ่ืนของพนักงานราชการและลูกจ้างของส่วนราชการ สงั กดั รฐั สภา (๖) วางระเบียบปฏบิ ัตริ าชการ เพื่อให้การบริหารราชการฝ่ายรัฐสภาเป็นไปโดยรวดเร็วและ มีประสิทธิภาพ เทา่ ท่ไี มข่ ดั หรอื แย้งกบั พระราชบญั ญตั ินี้หรือกฎหมายอืน่ ระเบยี บรฐั สภาหรือประกาศรฐั สภาตามวรรคหนึ่ง ให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามและประกาศ ในราชกจิ จานุเบกษา มาตรา ๑๖ ให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญตําแหน่งเจ้าหน้าท่ีตํารวจรัฐสภาทําหน้าที่รักษา ความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภยั บุคคลและทรพั ย์สนิ ภายในบริเวณรฐั สภา ในการปฏิบัติหน้าท่ีตามวรรคหน่ึง ให้เจ้าหน้าท่ีตํารวจรัฐสภาเป็นเจ้าพนักงานตามประมวล กฎหมายอาญา และให้มีอํานาจและหน้าท่ีเช่นเดียวกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจตามประมวล กฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญาภายในบริเวณรัฐสภา มาตรา ๑๗ ในวาระเร่มิ แรก ใหน้ ํากฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําส่ังใดท่ีใช้บังคับแก่ ข้าราชการพลเรือน พนักงานราชการ หรือลูกจ้าง มาใช้บังคับแก่ข้าราชการรัฐสภา พนักงานราชการ หรือลกู จา้ งของส่วนราชการสังกดั รฐั สภาโดยอนโุ ลมเท่าที่ไมข่ ัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติน้ีหรือกฎหมาย วา่ ด้วยระเบยี บข้าราชการรัฐสภา ท้ังน้ี จนกว่าจะมีระเบียบรัฐสภาหรือประกาศรัฐสภาตามมาตรา ๑๕ ใช้บงั คบั มาตรา ๑๘ บรรดาอํานาจในการส่ัง การอนุญาต การอนุมัติ หรือการปฏิบัติราชการตามท่ี กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือคําสั่งใดกําหนดว่าเป็นอํานาจของคณะรัฐมนตรี ให้เป็นอํานาจของ ก.ร. เฉพาะท่ีเก่ียวกับราชการของส่วนราชการในสังกัดรัฐสภา ท้ังน้ี จนกว่าจะมีระเบียบรัฐสภาหรือ ประกาศรฐั สภาตามมาตรา ๑๕ ใช้บังคับ บรรดาอํานาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ หรือการปฏิบัติราชการตามที่กฎหมาย ระเบยี บ ข้อบงั คบั หรือคําสัง่ ใดกาํ หนดว่าเป็นอาํ นาจของนายกรฐั มนตรีใหเ้ ป็นอํานาจของประธานรัฐสภา อํานาจของรฐั มนตรเี จ้าสงั กดั ใหเ้ ป็นอาํ นาจของประธานสภาผูแ้ ทนราษฎรสําหรับสํานักงานเลขาธิการสภา -5-
เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๓๔ ก หน้า ๖ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ราชกิจจานุเบกษา ผู้แทนราษฎร หรือของประธานวุฒิสภาสําหรับสํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา หรือของประธานรัฐสภา สําหรับส่วนราชการตามมาตรา ๖ (๓) และอํานาจของปลัดกระทรวงให้เป็นอํานาจของเลขาธิการสภา ผแู้ ทนราษฎร เลขาธกิ ารวฒุ ิสภา หรือหวั หน้าส่วนราชการตามมาตรา ๖ (๓) เฉพาะที่เก่ียวกับราชการ ของส่วนราชการในสังกัด ทัง้ นี้ จนกวา่ จะมรี ะเบยี บรฐั สภาหรือประกาศรฐั สภาตามมาตรา ๑๕ ใช้บงั คบั มาตรา ๑๙ ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และผู้ช่วย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรของสํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และเลขาธิการวุฒิสภา รองเลขาธกิ ารวุฒิสภา และผชู้ ว่ ยเลขาธิการวุฒิสภาของสํานักงานเลขาธิการวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติ จัดระเบียบปฏบิ ตั ริ าชการฝา่ ยรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งดํารงตาํ แหนง่ อยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินใี้ ช้บังคับ เป็นเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร รองเลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎร และผชู้ ว่ ยเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร ของสํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และเลขาธิการวุฒิสภา รองเลขาธิการวุฒิสภา และผู้ช่วย เลขาธกิ ารวฒุ ิสภาของสํานักงานเลขาธกิ ารวุฒสิ ภาตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ แลว้ แต่กรณี มาตรา ๒๐ ให้ข้าร าชการรัฐสภาสามัญ ตําแหน่ง เจ้าหน้าท่ีรักษาความปลอดภั ย ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งดํารงตําแหน่งอยู่ในวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใชบ้ ังคบั เป็นเจา้ หน้าทตี่ ํารวจรัฐสภาตามพระราชบัญญตั ินี้ มาตรา ๒๑ บรรดาประกาศรัฐสภา ระเบียบ ก.ร. ประกาศ ก.ร. มติ ก.ร. หรือคําส่ัง ทอ่ี อกตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบปฏบิ ตั ิราชการฝา่ ยรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘ ที่ใช้บังคับอยู่ก่อนหรือใน วันที่พระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าท่ีไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติน้ี จนกว่าจะมรี ะเบยี บรัฐสภา ประกาศรัฐสภา มติ ก.ร. หรือคาํ ส่ังตามพระราชบัญญัตินใี้ ชบ้ งั คบั มาตรา ๒๒ ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้สิน ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง และเงนิ งบประมาณของสาํ นกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา ตามพระราชบญั ญตั ิจัดระเบยี บปฏบิ ตั ิราชการฝา่ ยรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๑๘ ไปเป็นของสํานักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎรและสํานกั งานเลขาธิการวฒุ ิสภาตามพระราชบญั ญตั ิน้ี แล้วแตก่ รณี มาตรา ๒๓ ใหป้ ระธานรัฐสภารกั ษาการตามพระราชบญั ญัตนิ ี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อภสิ ทิ ธิ์ เวชชาชวี ะ นายกรฐั มนตรี -6-
เลม่ ๑๒๘ ตอนที่ ๓๔ ก หนา้ ๗ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ราชกจิ จานเุ บกษา หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติจัดระเบียบ ปฏิบัติราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน และมีบทบัญญัติบางประการ ไม่สอดคลอ้ งกับการบริหารราชการทเี่ ปลย่ี นแปลงไป ดังน้ัน เพอ่ื ใหก้ ารบรหิ ารราชการฝา่ ยรัฐสภาสอดคล้องกบั การบรหิ ารราชการทเ่ี ปล่ยี นแปลงไป สมควรปรบั ปรงุ กฎหมายดังกล่าว โดยกาํ หนดใหส้ ว่ นราชการสังกดั รัฐสภา ไดร้ ับการจัดสรรงบประมาณเป็นเงินอดุ หนุน และกําหนดให้ ก.ร. มีอํานาจออกระเบียบรัฐสภา หรือประกาศ รัฐสภาเก่ียวกับการบริหารงานทั่วไป การงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน และการดําเนินการอ่ืนของ ส่วนราชการสงั กดั รัฐสภา จงึ จําเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั นิ ี้ -7-
เล่ม ๑๒๘ ตอนพิเศษ ๑๔๕ ง หนา้ ๕ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ราชกจิ จานเุ บกษา ระเบียบรฐั สภา ว่าดว้ ยการรักษาราชการแทนและการปฏิบตั ิราชการแทน พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบยี บรัฐสภาวา่ ดว้ ยการรักษาราชการแทนและการปฏิบัตริ าชการแทน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๕ (๑) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ก.ร. จงึ ออกระเบยี บไว้ ดังตอ่ ไปนี้ ข้อ ๑ ระเบยี บนี้เรียกวา่ “ระเบียบรฐั สภาว่าด้วยการรักษาราชการแทนและการปฏิบัติราชการแทน พ.ศ. ๒๕๕๔” ขอ้ ๒ ระเบียบน้ีให้ใช้บังคบั ตง้ั แต่วนั ถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นต้นไป ขอ้ ๓ ใหป้ ระธานรัฐสภารักษาการตามระเบยี บนี้ หมวด ๑ การรกั ษาราชการแทน ขอ้ ๔ ในกรณีที่ประธานรัฐสภาไม่อาจปฏิบัติราชการได้ให้รองประธานรัฐสภาเป็นผู้รักษา ราชการแทน ในกรณที ่ีไม่มปี ระธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หน่ึงเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ารองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนทหี่ นง่ึ ไมอ่ าจปฏบิ ัตริ าชการได้ ให้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนทีส่ องเป็นผู้รักษาราชการแทน ในกรณที ไ่ี มม่ ีประธานวุฒิสภา หรือประธานวุฒิสภาไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองประธาน วุฒิสภาคนท่ีหน่ึงเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ารองประธานวุฒิสภาคนท่ีหนึ่งไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ใหร้ องประธานวฒุ ิสภาคนทสี่ องเป็นผ้รู กั ษาราชการแทน ข้อ ๕ ในกรณีท่ีไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติ ราชการได้ ให้รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองเลขาธิการสภา ผู้แทนราษฎรหลายคน ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรแต่งต้ังรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคนใดคนหนึ่ง เปน็ ผรู้ กั ษาราชการแทน ถ้าไมม่ ผี ดู้ าํ รงตําแหนง่ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติ ราชการได้ ใหป้ ระธานสภาผแู้ ทนราษฎรแต่งตัง้ ผู้ช่วยเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎรหรือข้าราชการรัฐสภา สามญั ในสว่ นราชการนัน้ ซง่ึ ดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าหัวหน้าส่วนราชการภายในระดับสํานักหรือเทียบเท่า ข้ึนไปคนใดคนหน่ึงเปน็ ผ้รู กั ษาราชการแทน ในกรณีท่ีไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งเลขาธิการวุฒิสภา หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รอง เลขาธิการวุฒิสภาเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามีรองเลขาธิการวุฒิสภาหลายคน ให้ประธานวุฒิสภา แตง่ ตั้งรองเลขาธกิ ารวุฒสิ ภาคนใดคนหนึ่งเป็นผรู้ ักษาราชการแทน ถา้ ไมม่ ีผดู้ ํารงตําแหน่งรองเลขาธกิ ารวุฒสิ ภา -8-
เลม่ ๑๒๘ ตอนพเิ ศษ ๑๔๕ ง หนา้ ๖ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ราชกจิ จานุเบกษา หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้ประธานวุฒิสภา แต่งตั้งผู้ช่วยเลขาธิการวุฒิสภาหรือข้าราชการ รฐั สภาสามญั ในสว่ นราชการนั้นซ่ึงดาํ รงตําแหน่งไม่ตํ่ากว่าหัวหนา้ ส่วนราชการภายในระดับสํานักหรือเทียบเท่า ขนึ้ ไปคนใดคนหนึ่งเป็นผรู้ กั ษาราชการแทน ข้อ ๖ ในกรณีท่ีไม่มีผู้ดํารงตําแหน่งรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือรองเลขาธิการ วุฒิสภา หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือเลขาธิการวุฒิสภา แล้วแต่กรณี จะแต่งต้ังผู้ช่วยเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้ช่วยเลขาธิการวุฒิสภา หรือข้าราชการ รัฐสภาสามัญในส่วนราชการนั้น ซ่ึงดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าหัวหน้าส่วนราชการภายในระดับสํานัก หรอื เทียบเทา่ ข้ึนไปคนใดคนหนงึ่ เปน็ ผู้รักษาราชการแทนก็ได้ ขอ้ ๗ ในกรณีทไี่ มม่ ผี ู้ดํารงตาํ แหนง่ หวั หนา้ ส่วนราชการภายในระดับสํานัก หรือมีแต่ไม่อาจ ปฏิบัติราชการได้ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือเลขาธิการวุฒิสภา แล้วแต่กรณี จะแต่งตั้ง ขา้ ราชการรัฐสภาสามญั ในสว่ นราชการนั้น ซึ่งดํารงตําแหน่งไม่ต่ํากว่าหัวหน้าส่วนราชการภายในระดับ สํานักหรอื เทียบเทา่ ขนึ้ ไปคนใดคนหนง่ึ เปน็ ผู้รกั ษาราชการแทนก็ได้ ข้อ ๘ ใหผ้ ้รู ักษาราชการแทนตามระเบยี บนมี้ อี ํานาจหน้าท่ีเช่นเดียวกับผ้ซู ึ่งตนแทน ในกรณีท่ีผู้ดํารงตําแหน่งใดหรือผู้รักษาราชการแทนผู้ดํารงตําแหน่งน้ันมอบหมายหรือมอบ อํานาจให้ผู้ดํารงตําแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทน ให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอํานาจหน้าที่เช่นเดียวกับ ผ้ซู งึ่ มอบหมายหรอื มอบอาํ นาจ ในกรณที ีม่ ีกฎหมายอ่ืนแตง่ ต้งั ให้ผดู้ าํ รงตาํ แหน่งใดเป็นกรรมการหรือให้มีอํานาจหน้าที่อย่างใด ให้ผู้รักษาราชการแทนหรือผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอํานาจหน้าที่เป็นกรรมการหรือมีอํานาจหน้าที่ เช่นเดยี วกบั ผู้ดาํ รงตาํ แหนง่ นน้ั ในการรกั ษาราชการแทนหรอื ปฏบิ ัติราชการแทนด้วย แลว้ แตก่ รณี หมวด ๒ การปฏบิ ัติราชการแทน ขอ้ ๙ อํานาจในการสง่ั การอนุญาต การอนมุ ตั ิ การปฏิบัติราชการหรือการดําเนินการอื่น ที่ผู้ดํารงตําแหน่งใดจะพึงปฏิบัติหรือดําเนินการตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรอื คาํ สง่ั ใด หรือมติของคณะกรรมการขา้ ราชการรัฐสภาในเรื่องใด ถ้ากฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ หรอื คาํ ส่งั นน้ั หรอื มติของคณะกรรมการขา้ ราชการรัฐสภาในเรือ่ งนน้ั มิได้กาํ หนดเร่ืองการมอบ อํานาจไว้เปน็ อย่างอืน่ หรอื มิได้หา้ มเร่ืองการมอบอาํ นาจไว้ ผ้ดู าํ รงตาํ แหน่งนัน้ อาจมอบอาํ นาจให้ผู้ดํารง ตําแหน่งอน่ื ปฏิบตั ริ าชการแทนได้ ดงั ต่อไปน้ี (๑) ประธานรัฐสภาอาจมอบอํานาจให้รองประธานรัฐสภา เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรอื เลขาธิการวฒุ ิสภา (๒) ประธานสภาผู้แทนราษฎรอาจมอบอํานาจให้รองประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร -9-
เล่ม ๑๒๘ ตอนพเิ ศษ ๑๔๕ ง หนา้ ๗ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ราชกจิ จานุเบกษา (๓) ประธานวฒุ ิสภาอาจมอบอํานาจใหร้ องประธานวุฒสิ ภา หรือเลขาธกิ ารวฒุ ิสภา (๔) เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอาจมอบอํานาจให้รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผูช้ ่วยเลขาธกิ ารสภาผูแ้ ทนราษฎร หรอื หัวหน้าสว่ นราชการภายในระดบั สํานกั หรอื เทียบเท่าข้นึ ไป (๕) เลขาธิการวุฒิสภาอาจมอบอํานาจให้รองเลขาธิการวุฒิสภา ผู้ช่วยเลขาธิการวุฒิสภา หรอื หวั หน้าส่วนราชการภายในระดับสํานักหรือเทยี บเทา่ ขึน้ ไป (๖) หัวหน้าส่วนราชการภายในระดับสํานักอาจมอบอํานาจให้ข้าราชการในสํานัก ได้ตามระเบยี บทเ่ี ลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร หรือเลขาธกิ ารวฒุ สิ ภา กาํ หนด การมอบอํานาจตามข้อน้ีใหท้ าํ เปน็ หนังสอื ข้อ ๑๐ เมื่อมีการมอบอาํ นาจแลว้ ผรู้ ับมอบอํานาจมหี นา้ ทต่ี ้องรับมอบอํานาจนั้น โดยผู้มอบ อํานาจจะกําหนดให้ผู้รับมอบอํานาจมอบอํานาจให้ผู้ดํารงตําแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทนต่อไป โดยจะกาํ หนดหลกั เกณฑห์ รอื เงื่อนไขในการใช้อาํ นาจน้นั ไว้ด้วยหรอื ไม่กไ็ ด้ ขอ้ ๑๑ ในการมอบอํานาจ ให้ผู้มอบอํานาจพิจารณาถึงการอํานวยความสะดวกแก่สมาชิก รัฐสภาและประชาชน ความรวดเร็วในการปฏิบัติราชการ การกระจายความรับผิดชอบตามสภาพ ของตําแหน่งของผู้รับมอบอํานาจ และผู้รับมอบอํานาจต้องปฏิบัติหน้าท่ีท่ีได้รับมอบอํานาจ ตามวตั ถปุ ระสงค์ของการมอบอํานาจดังกล่าว เม่ือได้มอบอํานาจแล้ว ผู้มอบอํานาจมีหน้าท่ีกํากับดูแลและติดตามผลการปฏิบัติราชการ ของผ้รู บั มอบอํานาจ และให้มอี าํ นาจแนะนําหรือแกไ้ ขการปฏิบัติราชการของผูร้ ับมอบอํานาจได้ ขอ้ ๑๒ ในกรณีท่ีผู้ดํารงตําแหน่งใดหรือผู้รักษาราชการแทนผู้ดํารงตําแหน่งน้ันมอบหมาย หรือมอบอํานาจให้ผู้ดํารงตําแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทน ให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอํานาจหน้าที่ เชน่ เดียวกบั ผู้ซึ่งมอบหมายหรือมอบอาํ นาจ ข้อ ๑๓ ในกรณีท่ีมีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศอื่นกําหนดหรือแต่งตั้ง ให้ผู้ดํารงตําแหน่งใดเป็นกรรมการหรือมีอํานาจหน้าท่ีอย่างใด ให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอํานาจหน้าที่ เป็นกรรมการหรือให้มีอํานาจหน้าท่ีเช่นเดียวกับผู้ดํารงตําแหน่งนั้นในการปฏิบัติราชการแทนด้วย แล้วแต่กรณี เว้นแต่จะมีกฎหมาย กฎ ระเบียบ ขอ้ บังคบั หรือประกาศระบไุ วเ้ ปน็ อย่างอ่นื ประกาศ ณ วันท่ี ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ สมศกั ด์ิ เกยี รติสุรนนท์ ประธานรฐั สภา - 10 -
ระเบียบรัฐสภา ว่าด้วยการแต่งตงั้ บุคคลเพื่อปฏิบตั หิ นา้ ที่อันจะเปน็ ประโยชน์ตอ่ การปฏิบตั งิ าน ของรฐั สภา สภาผ้แู ทนราษฎร วฒุ ิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวฒุ ิสภา และกรรมาธิการของสภาผูแ้ ทนราษฎรหรือวุฒสิ ภา พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยท่ีเป็นการสมควรให้มีระเบียบว่าด้วยการแต่งต้ังบุคคลเพ่ือปฏิบัติหน้าท่ีอันจะเป็นประโยชน์ ต่อการปฏิบัติงานของรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการของสภาผ้แู ทนราษฎรหรอื วฒุ ิสภา และอตั ราคา่ ตอบแทนสาหรบั บคุ คลทีป่ ฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๕ (๒) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ก.ร. จงึ ออกระเบียบไว้ ดงั ตอ่ ไปนี้ ขอ้ ๑ ระเบียบนเี้ รียกวา่ “ระเบยี บรัฐสภาว่าด้วยการแต่งต้ังบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าท่ีอันจะเป็น ประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการของสภาผแู้ ทนราษฎรหรอื วฒุ สิ ภา พ.ศ. ๒๕๕๔” ขอ้ ๒ ระเบยี บน้ใี หใ้ ชบ้ ังคบั ตงั้ แต่วนั ถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นต้นไป๑ ข้อ ๓ เพ่ือประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ให้มีการแต่งต้ังบุคคลเพ่ือปฏิบัติงานให้แก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา แต่ละคน ในตาแหน่ง จานวนและอตั ราค่าตอบแทน ดังตอ่ ไปนี้ (๑) ผู้เช่ียวชาญประจาตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวน ๑ อัตรา ให้ได้รับค่าตอบแทน ในอัตราเดือนละ ๒๔,๐๐๐ บาท (๒) ผู้เชี่ยวชาญประจาตัวสมาชิกวุฒิสภา จานวน ๑ อัตรา ให้ได้รับค่าตอบแทนในอัตรา เดือนละ ๒๔,๐๐๐ บาท (๓) ผู้ชานาญการประจาตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวน ๒ อัตรา ให้ได้รับค่าตอบแทน ในอัตราเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท (๔) ผู้ชานาญการประจาตัวสมาชิกวุฒิสภา จานวน ๒ อัตรา ให้ได้รับค่าตอบแทนในอัตรา เดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท ๑ ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม ๑๒๘ / ตอนพเิ ศษ ๑๔๙ ง / หนา้ ๑ / ๘ ธันวาคม ๒๕๕๔ - 11 -
-๒- (๕)๒ ผู้ช่วยดาเนินงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จานวน ๕ อัตรา ให้ได้รับค่าตอบแทน ในอัตราเดอื นละ ๑๕,๐๐๐ บาท (๖)๓ ผู้ช่วยดาเนินงานของสมาชิกวุฒิสภา จานวน ๕ อัตรา ให้ได้รับค่าตอบแทนในอัตรา เดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท ขอ้ ๔ เพ่ือประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร รองประธานวุฒิสภา และผู้นาฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้มีการแต่งตั้ง บุคคลเพอ่ื เป็นคณะทางานทางการเมือง ดังต่อไปนี้ (๑) คณะทางานทางการเมืองของประธานสภาผแู้ ทนราษฎร (๒) คณะทางานทางการเมืองของประธานวฒุ ิสภา (๓) คณะทางานทางการเมอื งของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร (๔) คณะทางานทางการเมืองของรองประธานวุฒสิ ภา (๕) คณะทางานทางการเมืองของผ้นู าฝ่ายค้านในสภาผ้แู ทนราษฎร ข้อ ๕๔ คณะทางานทางการเมืองตามข้อ ๔ ให้มีตาแหน่งและอัตราค่าตอบแทน ดังตอ่ ไปน้ี (๑) ทปี่ รกึ ษา ให้ไดร้ บั คา่ ตอบแทนในอตั ราเดอื นละ ๒๐,๐๐๐ บาท (๒) นักวิชาการ ใหไ้ ดร้ ับคา่ ตอบแทนในอตั ราเดือนละ ๑๘,๐๐๐ บาท (๓) เลขานกุ าร ใหไ้ ด้รบั คา่ ตอบแทนในอตั ราเดอื นละ ๑๕,๐๐๐ บาท จานวนตาแหน่งในคณะทางานทางการเมืองตามวรรคหน่ึง ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือ ประธานวฒุ สิ ภา แลว้ แตก่ รณี เปน็ ผูก้ าหนด โดยคานึงถงึ งบประมาณสาหรับปงี บประมาณนนั้ ๆ ข้อ ๖ เพ่ือประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมาธิการสามัญประจาสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการสามัญประจาวุฒิสภา ให้มีการแต่งตั้งบุคคลเพ่ือปฏิบัติงานให้แก่คณะกรรมาธิการสามัญ ประจาสภาในแตล่ ะคณะ ในตาแหนง่ และอตั ราคา่ ตอบแทน ดังตอ่ ไปนี้ ก. กรณแี ตง่ ตัง้ บุคคลท่ีมิไดเ้ ปน็ ขา้ ราชการ พนักงานส่วนท้องถ่นิ หรอื พนกั งานรัฐวสิ าหกิจ (๑) ที่ปรกึ ษาประจาคณะกรรมาธิการ ให้ได้รบั คา่ ตอบแทนในอตั ราเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท (๒) ผู้ชานาญการประจาคณะกรรมาธกิ าร ให้ไดร้ บั ค่าตอบแทนในอัตราเดือนละ ๙,๐๐๐ บาท (๓) นักวิชาการประจาคณะกรรมาธิการ ใหไ้ ด้รบั คา่ ตอบแทนในอัตราเดือนละ ๘,๐๐๐ บาท ๒ ความเดมิ ถกู ยกเลกิ และใหใ้ ชค้ วามท่ีพิมพไ์ ว้แทน โดยข้อ ๓ ระเบียบรฐั สภาว่าด้วยการแตง่ ต้งั บคุ คลเพ่อื ปฏบิ ตั ิ หน้าที่อันจะเป็นประโยชน์ฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙ / ตอนพิเศษ ๑๖๑ ง / หน้า ๑ / ๒๔ ตลุ าคม ๒๕๕๕) ๓ ความเดมิ ถกู ยกเลกิ และให้ใชค้ วามท่ีพมิ พ์ไวแ้ ทน โดยข้อ ๓ ระเบยี บรฐั สภาว่าด้วยการแต่งตั้งบุคคลเพ่ือปฏิบัติ หน้าท่ีอันจะเป็นประโยชน์ฯ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๙ / ตอนพิเศษ ๑๖๑ ง / หน้า ๑ / ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๕) ๔ ความเดิมถูกยกเลกิ และให้ใชค้ วามทีพ่ มิ พไ์ ว้แทน โดยขอ้ ๓ ระเบยี บรัฐสภาว่าด้วยการแตง่ ต้งั บุคคลเพอื่ ปฏิบัติ หน้าท่ีอันจะเป็นประโยชน์ฯ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๐ / ตอนพิเศษ ๑๕๗ ง / หน้า ๕๑ / ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๖) - 12 -
-๓- (๔) เลขานกุ ารประจาคณะกรรมาธิการ ใหไ้ ด้รับคา่ ตอบแทนในอัตราเดือนละ ๖,๐๐๐ บาท ข. กรณีแต่งต้งั บุคคลท่เี ป็นข้าราชการ พนกั งานส่วนทอ้ งถ่ิน หรอื พนักงานรัฐวสิ าหกิจ (๑) ที่ปรึกษาประจาคณะกรรมาธิการ ให้ไดร้ ับคา่ ตอบแทนในอตั ราเดือนละ ๗,๕๐๐ บาท (๒) ผู้ชานาญการประจาคณะกรรมาธกิ าร ให้ได้รับคา่ ตอบแทนในอัตราเดือนละ ๖,๕๐๐ บาท (๓) นกั วชิ าการประจาคณะกรรมาธิการ ให้ไดร้ บั ค่าตอบแทนในอัตราเดือนละ ๖,๐๐๐ บาท (๔) เลขานุการประจาคณะกรรมาธิการ ใหไ้ ดร้ ับค่าตอบแทนในอัตราเดือนละ ๔,๕๐๐ บาท จานวนตาแหน่งที่ปรึกษาประจาคณะกรรมาธิการ ผู้ชานาญการประจาคณะกรรมาธิการ นักวชิ าการประจาคณะกรรมาธิการ และเลขานุการประจาคณะกรรมาธิการ ในคณะกรรมาธิการสามัญประจา สภาแต่ละคณะ ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือประธานวุฒิสภา แล้วแต่กรณี เป็นผู้กาหนด โดยคานึง ถึงงบประมาณสาหรบั ปงี บประมาณนั้น ๆ ข้อ ๗ การแต่งต้ัง คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดารงตาแหน่ง การพ้น จากตาแหน่ง และหน้าท่ีความรับผิดชอบของบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่ประธานสภาผ้แู ทนราษฎร หรือประธานวุฒสิ ภา แลว้ แตก่ รณี เปน็ ผู้กาหนด ข้อ ๘ ให้ ก.ร. มีอานาจตคี วามและวนิ จิ ฉยั ปัญหาเก่ียวกบั การปฏิบัติตามระเบียบนี้ ขอ้ ๙ ใหผ้ เู้ ช่ยี วชาญประจาตัวสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร ผู้เช่ียวชาญประจาตัวสมาชิกวุฒิสภา ผู้ช่วยดาเนินงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้ปฏิบัติงานให้สมาชิกวุฒิสภา ท่ีปรึกษา นักวิชาการ และเลขานุการในคณะทางานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร รองประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นาฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ท่ีปรึกษา ผู้ชานาญการ นักวิชาการ และเลขานุการประจา คณะกรรมาธิการสามัญประจาสภา ที่ดารงตาแหน่งอยู่ในวันท่ีระเบียบนี้ใช้บังคับเป็นบุคคลที่ปฏิบัติหน้าท่ี ตามตาแหนง่ ท่ีกาหนดไวใ้ นระเบียบนี้ แลว้ แต่กรณี และให้ได้รบั ค่าตอบแทนตามอตั ราท่ีกาหนดไว้ในระเบียบนี้ ขอ้ ๑๐ ให้ประธานรฐั สภารักษาการตามระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ นายสมศักด์ิ เกยี รตสิ รุ นนท์ ประธานรัฐสภา - 13 -
-๔- ระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการแต่งต้ังบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าที่อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการของสภา ผู้แทนราษฎรหรอื วฒุ ิสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ เหตผุ ล : โดยทพ่ี ระราชบญั ญัตริ ะเบยี บบริหารราชการฝ่ายรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๑๕ (๒) กาหนดให้ ก.ร. มีอานาจออกระเบียบรัฐสภาเก่ียวกับการแต่งต้ังบุคคลเพ่ือปฏิบัติหน้าท่ีอันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน ของรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการของสภา ผู้แทนราษฎรหรอื วฒุ ิสภา รวมท้งั กาหนดอัตราคา่ ตอบแทน จงึ จาเป็นต้องออกระเบยี บน้ี ระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการแต่งตั้งบุคคลเพื่อปฏิบัติหน้าที่อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการของสภา ผแู้ ทนราษฎรหรือวฒุ สิ ภา (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ เหตุผล : เพ่ือปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนของผู้ช่วยดาเนินงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และผู้ช่วย ดาเนินงานของสมาชิกวุฒิสภา และคณะทางานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร คณะทางาน ทางการเมืองของประธานวุฒิสภา คณะทางานทางการเมืองของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คณะทางาน ทางการเมืองของรองประธานวุฒิสภา และคณะทางานทางการเมืองของผู้นาฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้เหมาะสมกับคณุ วุฒิการศึกษา และค่าครองชีพ จึงจาเป็นต้องออกระเบียบน้ี ระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการแต่งตั้งบุคคลเพ่ือปฏิบัติหน้าที่อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการของสภา ผแู้ ทนราษฎรหรือวุฒิสภา (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖ เหตุผล : เพ่ือปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนของคณะทางานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร คณะทางานทางการเมืองของประธานวุฒิสภา คณะทางานทางการเมืองของรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คณะทางานทางการเมืองของรองประธานวุฒิสภา และคณะทางานทางการเมืองของผู้นาฝ่ายค้าน ในสภาผแู้ ทนราษฎร ให้เหมาะสมย่งิ ข้นึ จึงจาเปน็ ต้องออกระเบียบนี้ - 14 -
ระเบียบรัฐสภา วา่ ด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ---------------------- โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการงบประมาณ สาหรับใช้ในส่วนราชการ สงั กดั รัฐสภา อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ก.ร. จงึ ออกระเบยี บไว้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ขอ้ ๑ ระเบียบนเ้ี รยี กวา่ “ระเบยี บรฐั สภาวา่ ด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗” ข้อ ๒ ระเบยี บนีใ้ ห้ใชบ้ ังคบั ต้งั แต่วนั ถัดจากวนั ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเป็นตน้ ไป ขอ้ ๓ ในระเบยี บนี้ “งบประมาณรายจ่าย” หมายความว่า จานวนเงินท่ีได้รับการอุดหนุนตามที่กาหนดไว้ใน พระราชบัญญตั ิงบประมาณรายจ่ายประจาปี หรอื พระราชบัญญตั งิ บประมาณรายจ่ายเพ่มิ เตมิ “เงินรายรับ” หมายความวา่ เงินท่ีสว่ นราชการไดร้ ับ ได้แก่ (๑) เงนิ งบประมาณรายจา่ ยประจาปีท่ีไดร้ ับตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจาปี หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพ่ิมเติม (๒) เงินชว่ ยเหลือจากต่างประเทศ (๓) เงิน หรอื ทรพั ยส์ ินท่ีไดร้ บั จากการบริจาค (๔) เงินอื่นใดท่ีส่วนราชการได้ทาความตกลงกับกระทรวงการคลังให้เก็บไว้ใช้จ่ายได้โดย ไมต่ อ้ งนาส่งคลัง “ส่วนราชการ” หมายความว่า สำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร หรือสำนักงำน เลขำธิกำรวฒุ สิ ภำ แลว้ แตก่ รณี “หัวหน้าส่วนราชการ” หมายความว่า เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือเลขาธิการวุฒิสภา แลว้ แต่กรณี “ส่วนราชการภายใน” หมายความว่า สานัก หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอ่ืนที่มีฐานะ เทียบสานกั ตามประกาศรฐั สภา เรอ่ื ง การแบง่ ส่วนราชการภายในสานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือ ประกาศรฐั สภา เรอื่ ง การแบง่ สว่ นราชการภายในสานกั งานเลขาธิการวุฒิสภา แล้วแต่กรณี และให้หมายความ รวมถึง ส่วนราชการภายในที่มีฐานะเป็นกลุ่มงานขึ้นตรงต่อเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตามประกาศรัฐสภา เร่ือง การแบง่ ส่วนราชการภายในสานักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร ดว้ ย - 15 -
-๒- ข้อ ๔ ให้นากฎหมายวา่ ดว้ ยวิธกี ารงบประมาณมาใชบ้ ังคับเท่าทไ่ี มข่ ัดหรือแย้งกับความเป็น อสิ ระในการบรหิ ารงานการงบประมาณของรัฐสภา บรรดาหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับงบประมาณท่ีมิได้กาหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ปฏิบัติ ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณของสานักงบประมาณ ระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพัน ข้ามปงี บประมาณ และมติคณะรัฐมนตรที เ่ี ก่ียวข้องโดยอนุโลม ข้อ ๕ ให้ประธานรัฐสภารกั ษาการตามระเบียบนี้ หมวด ๑ คณะกรรมการบรหิ ารเกย่ี วกับการงบประมาณ การเงินและทรัพยส์ นิ ของส่วนราชการสังกัดรฐั สภำ ข้อ ๖ ให้มีคณะกรรมการบริหารเกี่ยวกับการงบประมาณ การเงินและทรัพย์สินของ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา เรียกโดยย่อว่า “คบง.รส.” ประกอบด้วย ประธำนรัฐสภำ เป็นประธำนกรรมกำร รองประธำนรัฐสภำ เป็นรองประธำนกรรมกำร เลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร เลขำธิกำรวุฒิสภำ ปลัดกระทรวงกำรคลัง ผู้อานวยการสำนักงบประมำณ ผู้ว่ำกำรตรวจเงินแผ่นดิน อธิบดีกรมบัญชีกลำง และ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ความเช่ียวชาญ ประสบการณ์ ด้านการเงิน การคลังและการงบประมาณซึ่งประธำน รัฐสภำแต่งต้ังจำนวนสองคน เป็นกรรมกำร ผู้อำนวยกำรสำนักกำรคลังและงบประมำณ สำนักงำนเลขำธิกำร สภำผู้แทนรำษฎร เป็นกรรมกำรและเลขำนุกำร และผู้อำนวยกำรสำนักกำรคลังและงบประมำณ สำนักงำน เลขำธิกำรวุฒิสภำ เป็นกรรมการและผู้ชว่ ยเลขานุการ ให้คณะกรรมกำรแต่งตั้งข้ำรำชกำรจำกสำนักงำนเลขำธิกำรสภำผู้แทนรำษฎร และสำนักงำน เลขำธิกำรวฒุ สิ ภำ หน่วยงำนละหนง่ึ คนเป็นผู้ชว่ ยเลขำนกุ ำร ขอ้ ๗ นอกจากอานาจหน้าท่ีตามที่กาหนดไว้ในระเบียบนี้ ให้ คบง.รส. มีอำนำจหน้ำที่ ดงั ตอ่ ไปน้ี (๑) ตคี วำมและวินจิ ฉัยปญั หำเกยี่ วกบั กำรปฏบิ ตั ติ ำมระเบยี บ (๒) พิจำรณำอนมุ ตั ิ ยกเวน้ หรอื ผอ่ นผันกำรไมป่ ฏบิ ัติตำมระเบยี บ (๓) เสนอแนะกำรแก้ไขปรับปรงุ ระเบยี บ (๔) กาหนดระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ วิธีกำร และแนวทำงกำรปฏิบัติเพ่ือให้เป็นไปตำม ระเบียบนหี้ รอื ระเบยี บอืน่ (๕) พิจารณาดาเนินการตามท่ีกาหนดให้เป็นอานาจหน้าท่ีของ คบง.รส. ในระเบียบน้ีหรือ ระเบยี บอ่ืน (๖) แต่งต้ังคณะอนุกรรมกำร หรือบุคคล เพื่อศึกษา ติดตาม หรือช่วยปฏิบัติงานตามความ เหมาะสมและความจาเป็น รวมทั้งกาหนดแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณของส่วนราชการภายใน หรือ ทำหนำ้ ท่ตี ำมท่ี คบง.รส. มอบหมำย (๗) พจิ ำรณำดาเนนิ การใด ๆ ในสว่ นที่เก่ียวกบั กำรปฏบิ ัติตำมระเบียบนี้ตามท่ีประธาน คบง.รส. มอบหมาย - 16 -
-๓- ข้อ ๗/๑1 ให้ คบง.รส. มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายคร้ังในอัตราเดียวกับคณะอนุกรรมการ ข้าราชการรฐั สภาตามท่กี าหนดในระเบียบรัฐสภาวา่ ดว้ ยเบ้ยี ประชุมกรรมการ และให้คณะอนุกรรมการที่ คบง. รส. แต่งตั้งตามข้อ ๗ (๖) มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมในอัตราเดียวกับคณะอนุกรรมการตามท่ีกาหนดในระเบียบ รฐั สภาวา่ ด้วยเบีย้ ประชมุ กรรมการ ท้งั นี้ ให้เบกิ จ่ายจากงบประมาณของสานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร ข้อ ๘ กำรประชุมของ คบง.รส. ต้องมีกรรมกำรมำประชุมไม่น้อยกว่ำก่ึงหน่ึงของจำนวน กรรมกำรทงั้ หมดเท่ำท่มี ีอยู่ จึงจะเปน็ องคป์ ระชมุ ให้นำบทบัญญัติว่ำด้วยคณะกรรมกำรที่มีอำนำจดำ เนินกำรพิจำรณำทำงปกครอง ตำมกฎหมำยวำ่ ดว้ ยวิธีปฏบิ ัตริ ำชกำรทำงปกครองมำใช้บงั คับแก่กำรประชมุ ของ คบง.รส. โดยอนุโลม กำรประชมุ ของคณะอนุกรรมกำรให้นำควำมในวรรคหนึง่ และวรรคสองมำใชบ้ ังคับโดยอนุโลม หมวด ๒ กำรจัดทำและกำรเสนองบประมำณรำยจำ่ ย ขอ้ ๙ การจัดทาคาของบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการ ให้ส่วนราชการภายในเป็น ผู้จัดทาตามหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และระยะเวลาตามขอ้ ๑๒ เม่ือหัวหน้าส่วนราชการพิจารณาคาขอตามวรรคหนึ่งเสร็จแล้ว ให้เสนอคาของบประมาณ รายจา่ ยตอ่ ประธานสภาผ้แู ทนราษฎร หรือประธานวุฒสิ ภา แล้วแต่กรณี เพ่ือพิจารณาใหค้ วามเหน็ เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานวุฒิสภา แล้วแต่กรณี พิจารณาให้ความเห็นแล้ว ใหห้ วั หนา้ ส่วนราชการเสนอคาของบประมาณรายจ่ายตอ่ คณะรฐั มนตรี กอ่ นเร่ิมตน้ ปงี บประมาณถัดไป ข้อ ๑๐ การจดั ทาคาของบประมาณรายจา่ ยของสว่ นราชการใหป้ ระกอบดว้ ย (๑) แผนปฏิบัติงานประจาปีท่ีแสดงถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจาปี และแผนการ ปฏิบตั ิงานจาแนกตามแผนงาน ผลผลติ โครงการ (๒) คาชี้แจงประกอบแผนปฏิบตั ิงานประจาปีแสดงฐานะเงินรายรับ งบประมาณรายจ่ายในปี ที่ลว่ งมาแลว้ ผลการดาเนินงาน และความสัมพันธ์ระหว่างเงินรายรบั กบั งบประมาณรายจา่ ยท่ีขอตั้ง ขอ้ ๑๑ งบประมาณรายจา่ ยของส่วนราชการ ให้จาแนกเปน็ ๔ ประเภท ดังนี้ (๑) ค่าใชจ้ ่ายบคุ ลากร (๒) ค่าใชจ้ ่ายดาเนินงาน (๓) ค่าครภุ ัณฑ์ (๔) ค่าทด่ี นิ และสงิ่ ก่อสร้าง ค่าใชจ้ า่ ยท่กี ่อหนผี้ ูกพนั งบประมาณข้ามปี ให้กาหนดรายการและจานวนเงินท่ีผูกพันในแต่ละ ปีงบประมาณใหช้ ดั เจน ค่าใช้จ่ายใดตามวรรคหน่ึงจะจาแนกเป็นลักษณะใดให้เป็นไปตามหลักการจาแนกประเภท รายจ่ายของสานักงบประมาณ 1 เพิ่มเตมิ โดยระเบียบรฐั สภาวา่ ดว้ ยการงบประมาณ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ - 17 -
-๔- ขอ้ ๑๒ หลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาในการจัดทาคาของบประมาณของส่วนราชการ ภายในให้เปน็ ไปตามที่หัวหนา้ ส่วนราชการกาหนด โดยได้รบั ความเห็นชอบจาก คบง.รส. หมวด ๓ การจดั ทาและการปรับปรุง แผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จา่ ยงบประมาณ ขอ้ ๑๓ ให้ส่วนราชการจัดทาแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในแต่ละ ปีงบประมาณของส่วนราชการ โดยจาแนกรายการและลักษณะการใช้จ่ายให้สอดคล้องกับแผนงาน ผลผลิต โครงการ เสนอตอ่ คบง.รส. เพือ่ พจิ ารณาใหค้ วามเห็นชอบ และเม่ือ คบง.รส. ให้ความเห็นชอบแล้วให้จัดส่งให้ สานักงบประมาณเพ่ือจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการให้เป็นไปตามแผนดังกล่าวก่อนวันเร่ิมต้น ปงี บประมาณไมน่ ้อยกวา่ สิบหา้ วนั ข้อ ๑๔ รายการหรือโครงการใดท่ีไม่ใช่รายการหรือโครงการผูกพันงบประมาณรายจ่าย ข้ามปีท่ีมีผลการปฏิบัติงานประจาปีและผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณไม่เป็นไปตาม แผนปฏิบัติงานประจาปี ให้ส่วนราชการพิจารณาทบทวนรายการหรอื โครงการน้นั หากมีความจาเปน็ ต้องยกเลิกและหรือนางบประมาณ ไปดาเนินการในรายการหรอื โครงการอื่น ให้หัวหน้าส่วนราชการพิจารณาอนุมัติ ขอ้ ๑๕ หลักเกณฑ์ แนวทาง วิธีการจัดทาแผนปฏิบัติงานประจาปี การจัดสรรและการใช้ จ่ายงบประมาณรายจ่าย การควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณ การติดตามและการประเมินผลการใช้จ่าย งบประมาณ ใหเ้ ป็นไปตามทหี่ วั หน้าสว่ นราชการกาหนด โดยได้รบั ความเห็นชอบจาก คบง.รส. หมวด ๔ การโอนและการเปลย่ี นแปลงรายการงบประมาณรายจ่าย ขอ้ ๑๖ ในกรณที ีม่ ีเหตผุ ลควำมจำเป็นเพอ่ื ประโยชน์ในกำรปฏิบัติรำชกำร ส่วนราชการอาจ โอนหรือเปล่ยี นแปลงงบประมาณรายจ่าย ไปตัง้ จา่ ยเปน็ ค่าใชจ้ ่ายบคุ ลากรเพ่ือกาหนดอตั ราเงินเดือนตงั้ ใหม่ได้ ขอ้ ๑๗ ให้หัวหน้าส่วนราชการมีอานาจโอนหรือเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่าย ประเภทค่าใช้จ่ายบุคลากร ค่าใช้จ่ายดาเนินงาน ค่าครุภัณฑ์ ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้างท่ีไม่ใช่รายการผูกพัน งบประมาณข้ามปี เว้นแต่ รายการค่าครุภัณฑ์ท่ีมีวงเงินต่อหน่วยเกินสองล้านบาท ค่าที่ดินและส่ิงก่อสร้างท่ีมี วงเงนิ ตอ่ หนว่ ยเกนิ ยี่สบิ ล้านบาท ต้องได้รับความเห็นชอบจาก คบง.รส. ก่อน ข้อ ๑๘ ในกรณีที่มีความจาเป็นต้องเปล่ียนแปลงรายการ วงเงิน ระยะเวลา หรือ รายละเอียดของรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณท่ีได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้ดาเนินการ ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรายการโดยไม่เพิ่มวงเงินก่อหน้ีผูกพัน ให้หัวหน้าส่วน ราชการทาความตกลงกับสานักงบประมาณ เว้นแต่ระเบียบการก่อหน้ีผูกพันข้ามปีงบประมาณกาหนดให้ ไมต่ ้องขอทาความตกลงกบั สานักงบประมาณ ใหเ้ ป็นอานาจของหัวหน้าสว่ นราชการในการพิจารณาอนมุ ัติ (๒) การขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันโดยไม่เพ่ิมวงเงินก่อหนี้ผูกพัน ให้หัวหน้าส่วนราชการ พจิ ารณาดาเนนิ การและรายงานสานกั งบประมาณเพื่อทราบภายในสบิ ห้าวนั - 18 -
-๕- (๓) การเปล่ียนแปลงรายการหรือการเพ่ิมวงเงินก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินท่ีคณะรัฐมนตรี อนุมัติ ให้หัวหน้าส่วนราชการขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรี โดยส่งผลการจัดซื้อจัดจ้างหรือรายละเอียดอื่นใดท่ี เกยี่ วข้องใหส้ านกั งบประมาณพจิ ารณาเพ่อื เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรฐั มนตรดี ว้ ย ข้อ ๑๙ หลักเกณฑ์ แนวทาง วิธีการโอนและการเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่าย ใหเ้ ป็นไปตามท่ี คบง.รส. กาหนด หมวด ๕ การควบคมุ การใชจ้ ่ายเงินงบประมาณ และการรายงานผลการปฏบิ ัตงิ าน ขอ้ ๒๐ ให้สว่ นราชการภายในที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่าย รายงานผลการปฏิบัติงาน และผลการใช้จา่ ยเงินงบประมาณตามแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายเป็นรายไตรมาสโดยเปรียบเทียบผลการ ใช้จ่ายเงินกับผลผลิตที่ได้รับ เสนอต่อหัวหน้ำส่วนรำชกำร และเม่ือส้ินสุดปีงบประมำณ ให้ส่วนรำชกำรจัดทำ รำยงำนผลกำรปฏิบัติงำนและผลกำรใช้จ่ำยเงินงบประมำณประจำปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทรำบ และ สำเนำแจ้งสำนักงบประมำณและกรมบญั ชีกลำง ข้อ ๒๑ หลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาในการควบคุมการใช้จ่ายเงินงบประมาณ การติดตามการใช้จ่ายงบประมาณ และการรายงานผลการปฏิบัติงาน และผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ตามแผนการใชจ้ ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามท่ี คบง.รส. กาหนด บทเฉพำะกำล ข้อ ๒๒ การงบประมาณใดซึ่งได้กระทาไปแล้วในข้ันตอนใดก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้เป็นอันใช้ได้ แตก่ ารดาเนนิ การในขน้ั ตอนต่อไปให้ปฏิบตั ติ ามระเบียบนี้ ขอ้ ๒๓ ให้บรรดาระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ คาสั่ง หรือหนังสือเวียน ซึ่งมีผลใช้บังคับ อยู่ก่อนระเบียบนี้ คงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าท่ีไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบน้ี จนกว่าจะได้มีระเบียบ ประกาศ ข้อบงั คบั คาส่งั หรอื หนงั สอื เวียนทอ่ี อกตามระเบยี บนี้ใช้บังคบั ขอ้ ๒๔ ในระหว่างที่ยังมิได้กาหนดหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีการ ตามข้อ ๑๒ ข้อ ๑๕ ข้อ ๑๙ และข้อ ๒๑ ของระเบียบนี้ ในกรณีท่ีมีเหตุผลและความจาเป็น และเพ่ือประโยชน์ของทางราชการ การดาเนินการดงั กลา่ ว ให้เป็นไปตามที่ คบง.รส. กาหนด ประกาศ ณ วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗ นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒสิ ภาทาหน้าที่ประธานรฐั สภา - 19 -
-๖- ระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ระเบยี บรัฐสภาวา่ ดว้ ยการงบประมาณ (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ เหตผุ ล : โดยท่ีเห็นสมควรกาหนดให้กรรมการในคณะกรรมการบริหารเกี่ยวกับการงบประมาณ การเงินและ ทรัพย์สินของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาตามระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และ คณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการบริหารเกี่ยวกับการงบประมาณ การเงินและทรัพย์สินของส่วนราชการ สังกัดรัฐสภาแต่งต้ัง ได้รบั เบ้ียประชมุ ตามระเบียบรฐั สภาวา่ ด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๕๔ และที่แก้ไข เพม่ิ เติม จึงจาเปน็ ต้องออกระเบยี บนี้ - 20 -
ระเบยี บรัฐสภา ว่าดว้ ยการเบกิ จา่ ยเงนิ จากคลัง การเกบ็ รักษาเงนิ และการนาเงินส่งคลงั พ.ศ. ๒๕๕๗ ---------------------- โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงิน และการนาเงินสง่ คลงั สาหรบั ใชใ้ นส่วนราชการสงั กัดรฐั สภา อาศยั อานาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ก.ร. จึงออกระเบยี บไว้ ดังต่อไปน้ี ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษา เงินและการนาเงนิ ส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๕๗” ขอ้ ๒ ระเบยี บนใี้ ห้ใชบ้ ังคบั ตั้งแต่วนั ถดั จากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นตน้ ไป ขอ้ ๓ ในระเบยี บน้ี “ส่วนราชการ” หมายความว่า สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือสานักงาน เลขาธิการวุฒสิ ภา แลว้ แตก่ รณี “หัวหน้าส่วนราชการ” หมายความว่า เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือเลขาธิการวุฒิสภา แลว้ แตก่ รณี “ขา้ ราชการ” หมายความว่า ขา้ ราชการรฐั สภาสามญั “คบง.รส.” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารเกี่ยวกับการงบประมาณ การเงินและ ทรัพย์สนิ ของส่วนราชการสงั กัดรัฐสภาตามระเบียบรฐั สภาวา่ ด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ “หน่วยงานผู้เบิก” หมายความถึง ส่วนราชการ หรือหน่วยงานอื่นใดในลักษณะเดียวกัน ทไี่ ด้รับจดั สรรงบประมาณรายจ่ายและเบิกเงินจากกรมบัญชีกลางหรือสานักงานคลงั จังหวัด แล้วแต่กรณี “สานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน” ให้หมายความรวมถึง สานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ภมู ภิ าค และสานักงานการตรวจเงนิ แผ่นดนิ จงั หวัดดว้ ย “สานักการคลังและงบประมาณ” หมายความว่า สานักการคลังและงบประมาณของส่วน ราชการ และให้หมายความรวมถึง กลุ่มงานการเงิน หรือหน่วยงานผู้เบิกอ่ืนใด ซ่ึงปฏิบัติงานในลักษณะ เชน่ เดียวกนั ดว้ ย “คลงั ” หมายความวา่ สานักการคลังและงบประมาณ และให้หมายความรวมถึงบัญชีเงินฝาก ของกระทรวงการคลังทธ่ี นาคารแหง่ ประเทศไทย “สานกั งานคลังจงั หวัด” หมายความว่าสานกั งานคลังจังหวัด ตามประกาศของกรมบัญชกี ลาง “คลงั จังหวัด” ใหห้ มายความรวมถงึ คลังจงั หวัด (อาเภอ) ด้วย - 21 -
-๒- “เจา้ หน้าทกี่ ารเงิน” หมายความว่า ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานการเงิน และให้หมายความรวมถึง เจา้ หน้าทร่ี บั จ่ายเงนิ ของสว่ นราชการดว้ ย “งบประมาณรายจ่าย” หมายความว่า งบประมาณรายจ่ายตามระเบียบรัฐสภาว่าด้วย การงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ “เงนิ ยมื ” หมายความวา่ เงินทสี่ ว่ นราชการจ่ายให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย ในการเดินทางไปราชการหรือการปฏิบัติราชการอื่นใด ท้ังน้ี ไม่ว่าจะจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายหรือเงินนอก งบประมาณ “หลักฐานการจ่าย” หมายความว่า หลักฐานท่ีแสดงว่าได้มีการจ่ายเงินให้แก่ผู้รับหรือเจ้าหน้ี ตามข้อผูกพันโดยถูกตอ้ งแลว้ “เงินรายได้แผ่นดิน” หมายความว่า เงินทั้งปวงที่ส่วนราชการจัดเก็บหรือได้รับไว้เป็น กรรมสิทธ์ิตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือจากนิติกรรมหรือนิติเหตุและกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและ กฎหมายวา่ ด้วยวธิ ีการงบประมาณบญั ญัตไิ มใ่ ห้สว่ นราชการนั้นนาไปใชจ้ ่ายหรือหักไวเ้ พื่อการใด ๆ “เงินเบิกเกินส่งคืน” หมายความว่า เงินงบประมาณรายจ่ายท่ีส่วนราชการเบิกจากคลัง ไปแล้วแต่ไม่ได้จ่ายหรือจ่ายไม่หมด หรือจ่ายไปแล้วแต่ถูกเรียกคืน และได้นาส่งคลังก่อนสิ้นปีงบประมาณหรือ ก่อนสิน้ ระยะเวลาเบกิ เงินทีก่ นั ไว้เบิกเหลอื่ มปี “เงินเหลอื จา่ ยปเี กา่ สง่ คืน” หมายความว่า เงนิ งบประมาณรายจ่ายที่ส่วนราชการเบิกจากคลัง ไปแล้ว แตไ่ มไ่ ด้จ่ายหรือจ่ายไม่หมด หรือจ่ายไปแล้วแต่ถูกเรียกคืน และได้นาส่งคลังภายหลังส้ินปีงบประมาณ หรือภายหลังระยะเวลาเบกิ เงนิ ทกี่ นั ไว้เบกิ เหลื่อมปี “เงินนอกงบประมาณ” หมายความว่า เงินทั้งปวงที่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการ นอกจากเงนิ งบประมาณรายจา่ ย เงนิ รายได้แผน่ ดนิ เงินเบิกเกนิ สง่ คนื และเงนิ เหลอื จ่ายปเี กา่ ส่งคืน “ระบบ” หมายความว่า ระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Government Fiscal Management Information System : GFMIS) ซึ่งปฏบิ ัติโดยผ่านเคร่ืองคอมพิวเตอร์ โดยตรง หรือผ่านชอ่ งทางอื่นทีก่ ระทรวงการคลังกาหนดก่อนนาข้อมูลเข้าเครื่องคอมพวิ เตอร์ “ข้อมูลหลักผู้ขาย” หมายความว่า ข้อมูลของหน่วยงานผู้เบิกหรือเจ้าหน้ีหรือผู้มีสิทธิรับเงิน เก่ียวกับ ชื่อ ที่อยู่ เลขประจาตัวประชาชน เลขประจาตัวผู้เสียภาษี ช่ือและเลขที่บัญชีธนาคารเลขท่ีสัญญา เงอื่ นไขการชาระเงิน หรือขอ้ มูลอืน่ ใดทจี่ าเป็นแล้วแต่กรณี เพือ่ ใชส้ าหรับการรับเงนิ ขอเบกิ จากคลัง “ตู้นิรภัย” หมายความว่า กาปั่นหรือตู้เหล็กหรือหีบเหล็กอันม่ันคงซ่ึงใช้สาหรับเก็บรักษาเงิน ของทางราชการ ขอ้ ๔ ใหป้ ระธานรัฐสภารักษาการตามระเบยี บน้ี หมวด ๑ ความท่ัวไป ขอ้ ๕ บรรดาแบบพิมพ์ เอกสาร ทะเบียนคุม รายงาน ที่ใช้ในการเบกิ เงินจากคลัง การรับ - จา่ ยเงนิ การเกบ็ รักษาเงนิ และการนาเงินส่งคลัง ตลอดจนวิธีใช้ให้เป็นไปตามระเบียบท่ี คบง.รส. กาหนด - 22 -
-๓- ข้อ ๖1 ให้นาความในข้อ ๖ ข้อ ๗ ข้อ ๗/๑ และข้อ ๘ ของระเบียบรัฐสภาว่าด้วย การงบประมาณ มาใช้บังคบั กบั ระเบียบน้ีโดยอนโุ ลม ข้อ ๗ ในกรณีที่ส่วนราชการมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ให้ คบง.รส. เป็นผ้วู นิ ิจฉัย และในกรณีใดท่ีไม่อาจดาเนินการตามทกี่ าหนดไว้ในระเบียบน้ี ใหห้ วั หนา้ สว่ นราชการขอทาความ ตกลงกับ คบง.รส. หมวด ๒ การใชง้ านในระบบ ขอ้ ๘ ให้หัวหน้าหน่วยงานผู้เบิกหรือผู้ที่หัวหน้าหน่วยงานผู้เบิกมอบหมาย เป็นผู้มีสิทธิ ถือบัตรกาหนดสิทธิการใช้ (GFMIS smart card) รหัสผู้ใช้งาน (user name) และรหัสผ่าน (password) เพ่ือใช้งานในระบบของหน่วยงานผู้เบิกท่ีมีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งโปรแกรมสาหรับใช้ในการปฏิบัติงาน ในระบบ และเช่ือมต่อโดยตรงกับเครือข่ายของระบบ หรือเป็นผู้มีสิทธิถือรหัสผู้ใช้งานและรหัสผ่านของ หนว่ ยงานผ้เู บิกที่ไม่มีเครอื่ งคอมพิวเตอร์ดังกลา่ ว ซึ่งปฏิบตั ิงานโดยใชช้ ่องทางอื่นที่กระทรวงการคลงั กาหนด ขอ้ ๙ ให้ผู้มีสิทธิถือบัตรตามข้อ ๘ ดาเนินการขอเบิกเงินจากคลัง การอนุมัติจ่ายเงิน ให้เจ้าหน้ีหรือผู้มีสิทธิรับเงินโดยการจ่ายตรง การนาเงินส่งคลัง การบันทึกและปรับปรุงข้อมูล และการเรียก รายงานในระบบ ข้อ ๑๐ ให้หัวหน้าหน่วยงานผู้เบิกจัดทาคาส่ังหรือมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษร กาหนด บุคคลที่จะได้รับมอบหมาย กาหนดหน้าที่ความรับผิดชอบและกาหนดแนวทางการควบคุมการปฏิบัติงานของ หน่วยงานผู้เบิก เพ่ือเป็นหลักปฏิบัติในการเข้าใช้งานในระบบสาหรับเจ้าหน้าท่ีผู้รับผิดชอบและผู้ที่ได้รับ มอบหมายหรอื แต่งตัง้ ขอ้ ๑๑ การจัดทา แก้ไข อนุมัติการใช้ และการดาเนินการอื่น ๆ เกี่ยวกับบัตรกาหนดสิทธิ การใช้ รหสั ผูใ้ ช้งาน และรหัสผา่ น ให้เปน็ ไปตามท่ีกระทรวงการคลังกาหนด หมวด ๓ การเบกิ เงนิ ส่วนที่ ๑ สถานทีเ่ บกิ เงนิ และผู้เบิกเงนิ ขอ้ ๑๒ การขอเบิกเงินของส่วนราชการให้ส่งข้อมูลคาขอเบิกเงินในระบบไปยังระบบ ตามหลกั เกณฑ์ทก่ี รมบัญชีกลางกาหนด ข้อ ๑๓ ให้หัวหน้าหน่วยงานผู้เบิกหรือผู้ท่ีหัวหน้าหน่วยงานผู้เบิกมอบหมายตามข้อ ๘ เปน็ ผูเ้ บกิ เงนิ จากคลัง และอนมุ ัตกิ ารจา่ ยเงนิ ให้เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินโดยการจา่ ยตรง 1 แก้ไขเพิม่ เติมโดยระเบยี บวา่ ด้วยการเบิกจ่ายเงนิ จากคลงั การเก็บรกั ษาเงินและการนาเงนิ ส่งคลงั (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ - 23 -
-๔- ส่วนที่ ๒ หลักเกณฑ์การเบิกเงิน ข้อ ๑๔ การขอเบิกเงินทุกกรณีให้ระบุวัตถุประสงค์ที่จะนาเงินน้ันไปจ่ายและห้ามมิให้ขอ เบิกเงนิ จนกว่าจะถงึ กาหนด หรือใกลจ้ ะถึงกาหนดจา่ ยเงนิ เงินที่ขอเบิกจากคลังเพื่อการใด ให้นาไปจ่ายได้เฉพาะเพ่ือการนั้นเท่าน้ัน จะนาไปจ่ายเพ่ือการอ่ืน ไม่ได้ ข้อ ๑๕ หน่วยงานผู้เบิกจะจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันได้แต่เฉพาะที่กฎหมาย ระเบียบ ขอ้ บงั คบั คาสัง่ มติคณะรฐั มนตรีอนญุ าตใหจ้ ่ายได้ หรอื ตามท่ีไดร้ ับอนุญาตจาก คบง.รส. การได้รับเงินจากคลังไม่ปลดเปล้ืองความรับผิดชอบของหน่วยงานผู้เบิกในการที่จะต้องดูแล ใหม้ ีการจ่ายเงนิ หรือก่อหน้ผี กู พนั ใหเ้ ป็นไปตามวรรคหนึ่ง ขอ้ ๑๖ ค่าใช้จ่ายที่เกิดข้ึนในปีงบประมาณใด ให้เบิกเงินจากงบประมาณรายจ่ายของปีน้ัน ไปจ่าย ในกรณีมีเหตุจาเป็นไม่สามารถเบิกจากเงินงบประมาณรายจ่ายของปีนั้นได้ทัน ให้เบิกจากเงิน งบประมาณรายจ่ายของปีงบประมาณถัดไปได้ แต่ค่าใช้จ่ายนั้นจะต้องไม่เป็นการก่อหนี้ผูกพันเกินงบประมาณ รายจ่ายท่ไี ด้รบั อนุมัติ และให้ปฏิบัติตามวิธีการทก่ี ระทรวงการคลงั กาหนด ขอ้ ๑๗ ค่าใช้จ่ายเงินงบกลาง รายการเงินเบ้ียหวัด บาเหน็จ บานาญ เงินช่วยเหลือ ข้าราชการ พนกั งานราชการ ลูกจ้าง และพนักงานของรัฐ เงินสารอง เงินสมทบ และเงินชดเชยของข้าราชการ เงินสมทบของลูกจ้างประจา ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างและพนักงาน ของรัฐหรือรายการอ่ืนท่ีกระทรวงการคลังกาหนด ถ้าค้างเบิกให้นามาเบิกจากเงินงบกลางรายการน้ัน ๆ ของ ปีงบประมาณตอ่ ๆ ไปได้ ข้อ ๑๘ คา่ ใช้จา่ ยตามประเภทท่ีกระทรวงการคลังกาหนดซ่ึงมีลักษณะเป็นค่าใช้จ่ายประจา หรือค่าใช้จา่ ยอน่ื ๆ ให้ถือวา่ คา่ ใชจ้ า่ ยนัน้ เกดิ ข้ึนเม่ือสว่ นราชการไดร้ บั แจง้ ใหช้ าระหน้ี และให้นามาเบิกจ่ายจาก งบประมาณรายจา่ ยประจาปที ไี่ ดร้ ับแจง้ ให้ชาระหน้ี ขอ้ ๑๙ การเบิกเงินเพื่อจ่ายชาระหน้ีผูกพันเป็นเงินตราต่างประเทศให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับ กรณีชาระหน้ีผูกพันเป็นเงินบาท โดยให้ส่วนราชการติดต่อขอซื้อเงินตราต่างประเทศจากธนาคารพาณิชย์ โดยตรง ข้อ ๒๐ การขอเบิกเงินทุกกรณี ส่วนราชการมีหน้าท่ีตามกฎหมายที่จะต้องหักภาษีใด ๆ ไว้ ณ ทจี่ ่าย ให้บันทึกการหกั ภาษเี ปน็ รายไดแ้ ผ่นดนิ ไวใ้ นคาขอเบกิ เงินนนั้ ด้วย เวน้ แต่ไดม้ ีการหกั ภาษีไวแ้ ลว้ ข้อ ๒๑ ส่วนราชการเจ้าของงบประมาณจะมอบหมายให้ส่วนราชการหรือส่วนราชการตาม กฎหมายวา่ ด้วยวิธกี ารงบประมาณ เป็นผูเ้ บิกเงินแทนก็ได้ โดยให้ถอื ปฏบิ ตั ิตามท่ีกรมบญั ชกี ลางกาหนด - 24 -
-๕- สว่ นที่ ๓ วธิ กี ารเบกิ เงิน ข้อ ๒๒ การเบิกเงินจากคลัง ใหห้ นว่ ยงานผ้เู บิกปฏิบตั ิ ดังน้ี (๑) เปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารท่ีเป็นรัฐวิสาหกิจ สาหรับเงินงบประมาณหนึ่งบัญชีและ เงินนอกงบประมาณหน่งึ บญั ชี (๒) นาข้อมลู ของหน่วยงานผู้เบิกตาม (๑) หรือของเจ้าหน้ีหรือผู้มีสิทธิรับเงินสร้างเป็นข้อมูล หลกั ผ้ขู ายในระบบ (๓) ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของคาขอเบิกเงินก่อนส่งคาขอเบิกเงินไปยัง กรมบญั ชีกลางหรอื สานกั งานคลงั จงั หวดั แลว้ แตก่ รณี (๔) ตรวจสอบการจา่ ยเงินของกรมบัญชกี ลางให้กบั หนว่ ยงานผู้เบิกหรอื จ่ายเงินตรงแก่เจ้าหน้ี หรอื ผูม้ ีสทิ ธริ บั เงินตามคาขอเบิกเงินจากรายงานในระบบ ข้อ ๒๓ การขอเบิกเงินของส่วนราชการสาหรับการซื้อทรัพย์สิน จ้างทาของ หรือเช่า ทรัพย์สินตามระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๕๕ หรือระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และทแี่ กไ้ ขเพ่มิ เติม แล้วแต่กรณี ให้ปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี (๑) ในกรณีทมี่ ีใบสงั่ ซือ้ ใบส่งั จา้ ง สญั ญาหรือข้อตกลง ซึ่งมีวงเงินต้ังแต่ห้าพันบาทขึ้นไปหรือ ตามท่กี ระทรวงการคลงั กาหนด ให้ส่วนราชการจดั ทาหรือลงใบสั่งซื้อ หรือใบสั่งจ้างเพื่อทาการจองงบประมาณ ในระบบ โดยกรมบัญชกี ลางจ่ายเงนิ เขา้ บญั ชใี หก้ บั เจ้าหนหี้ รอื ผ้มู สี ิทธริ บั เงนิ ของส่วนราชการโดยตรง (๒) นอกจากกรณีตาม (๑) ส่วนราชการไม่ต้องจัดทาหรือลงใบสั่งซ้ือหรือใบส่ังจ้างในระบบ โดยกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของส่วนราชการเพื่อให้ส่วนราชการจ่ายเงินให้เจ้าหนี้ หรือผู้มีสิทธิรับเงินต่อไป หรือหากส่วนราชการต้องการให้จ่ายเงินเข้าบัญชีให้กับเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินของ ส่วนราชการโดยตรงกไ็ ด้ การซ้ือทรัพย์สิน จ้างทาของ หรือเช่าทรัพย์สิน ให้ส่วนราชการดาเนินการขอเบิกเงินจากคลัง โดยเร็ว อย่างช้าไม่เกินห้าวันทาการนับจากวันที่ได้ตรวจรับทรัพย์สินหรือตรวจรับงานถูกต้องแล้วหรือนับจาก วันที่ไดร้ บั แจ้งจากหน่วยงานย่อย ขอ้ ๒๔ การขอเบิกเงินของส่วนราชการสาหรับค่าไฟฟ้า ค่าประปา ค่าโทรศัพท์ ค่าบริการ ไปรษณีย์โทรเลข ค่าบริการสื่อสารและโทรคมนาคม ให้กรมบัญชีกลางจ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารให้กับ เจา้ หนห้ี รือผมู้ สี ทิ ธริ ับเงินโดยตรง ข้อ ๒๕ การขอเบิกเงินของส่วนราชการสาหรับเงินสวัสดิการ ค่าตอบแทน หรือกรณีอ่ืนใด ที่กระทรวงการคลังกาหนด ให้กรมบัญชีกลางจ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของส่วนราชการเพื่อให้ สว่ นราชการจ่ายเงินให้ผมู้ สี ิทธิรบั เงนิ ต่อไป ข้อ ๒๖ เงินประเภทใดซึ่งโดยลักษณะจะต้องจ่ายประจาเดือนในวันทาการส้ินเดือน ใหส้ ว่ นราชการส่งคาขอเบกิ เงินภายในวนั ทสี่ ิบหา้ ของเดือนนั้นหรือตามท่ีกระทรวงการคลังกาหนด - 25 -
-๖- หมวด ๔ การจา่ ยเงินของสว่ นราชการ สว่ นที่ ๑ หลักเกณฑก์ ารจา่ ยเงิน ขอ้ ๒๗ การจ่ายเงินให้กระทาเฉพาะท่ีมีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ คาสั่ง กาหนดไว้ หรือ มติคณะรฐั มนตรีอนญุ าตให้จ่ายได้ หรอื ตามที่ได้รบั อนุญาตจาก คบง.รส. และผมู้ ีอานาจไดอ้ นมุ ัติใหจ้ า่ ยได้ ข้อ ๒๘ การอนุมัติการจ่ายเงินให้เป็นอานาจของหัวหน้าส่วนราชการ หรือผู้ท่ีได้รับ มอบหมาย ข้อ ๒๙ ใหผ้ ู้มีอานาจอนมุ ตั ิ สั่งอนมุ ตั ิการจ่ายเงินพร้อมกับลงลายมือช่ือในหลักฐานการจ่าย หรอื หลักฐานการขอรับชาระหน้ที กุ ฉบบั หรอื จะลงลายมือชื่ออนุมตั ิในหนา้ งบหลักฐานการจ่ายก็ได้ ข้อ ๓๐ การจ่ายเงนิ ต้องมหี ลักฐานการจา่ ยไวเ้ พ่ือประโยชนใ์ นการตรวจสอบ ข้อ ๓๑ การจ่าย โดยท่ียังมิได้มีการจ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้ีหรือผู้มีสิทธิรับเงิน ห้ามมิให้ผู้มี หนา้ ท่จี า่ ยเงินเรียกหลักฐานการจา่ ยหรอื ใหผ้ ู้รับเงนิ ลงลายมอื ชือ่ รับเงินในหลกั ฐาน ข้อ ๓๒ ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง หรือผู้รับบานาญหรือเบี้ยหวัดที่ไม่สามารถ มารับเงินได้ด้วยตนเอง จะมอบฉันทะให้ผู้อื่นเป็นผู้รับเงินแทนก็ได้ โดยใช้ใบมอบฉันทะตามแบบ ท่ีกระทรวงการคลงั กาหนด การจ่ายเงินให้แก่บุคคลนอกจากที่กาหนดในวรรคหน่ึง หากบุคคลน้ันไม่สามารถมารับเงินได้ ดว้ ยตนเอง จะทาหนงั สือมอบอานาจให้บุคคลอ่นื มารับเงนิ แทนก็ได้ การจา่ ยเงินในกรณที ีม่ กี ารโอนสิทธิเรยี กร้อง ให้เป็นไปตามทก่ี ระทรวงการคลังกาหนด ข้อ ๓๓ ให้เจ้าหน้าท่ีผู้จ่ายเงินประทับตราข้อความว่า “จ่ายเงินแล้ว” โดยลงลายมือช่ือ รับรองการจา่ ยและระบุชอ่ื ผู้จา่ ยเงินด้วยตัวบรรจง พร้อมทั้งวัน เดือน ปี ท่ีจ่ายกากับไว้ในหลักฐานการจ่ายเงิน ทุกฉบบั เพ่อื ประโยชนใ์ นการตรวจสอบ ในกรณที ่ีหลักฐานการจ่ายเป็นภาษาตา่ งประเทศ ให้มีคาแปลเป็นภาษาไทยตามรายการในข้อ ๓๗ ไวด้ ้วย และให้ผใู้ ช้สทิ ธิขอเบกิ เงินลงลายมือชอ่ื รับรองคาแปลด้วย ขอ้ ๓๔ การจ่ายเงินทุกรายการต้องมีการบันทึกการจ่ายเงินไว้ในระบบ และต้องตรวจสอบ การจ่ายเงนิ กับหลกั ฐานการจ่ายทกุ สิ้นวัน สว่ นท่ี ๒ หลักฐานการจ่าย ข้อ ๓๕ การจ่ายเงินของส่วนราชการ ให้ใช้ใบเสร็จรับเงินหรือใบสาคัญรับเงิน ซ่ึงผู้รับเงิน เป็นผู้ออกให้ หรือใบรับรองการจ่ายเงิน หรือเอกสารอื่นใดที่กระทรวงการคลัง หรือส่วนราชการกาหนด เป็นหลกั ฐานการจ่าย - 26 -
-๗- ขอ้ ๓๖ การจ่ายเงนิ โดยกรมบญั ชีกลาง เพ่ือเข้าบญั ชีให้กับเจา้ หนีห้ รือผูม้ สี ทิ ธริ บั เงินโดยตรง ให้ใช้รายงานในระบบตามทก่ี ระทรวงการคลังกาหนด เป็นหลักฐานการจ่าย ขอ้ ๓๗ ใบเสรจ็ รบั เงนิ อยา่ งน้อยตอ้ งมรี ายการดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) ช่อื สถานท่ีอยู่ หรือที่ทาการของผรู้ บั เงิน (๒) วนั เดอื น ปี ทร่ี บั เงิน (๓) รายการแสดงการรบั เงินระบุวา่ เป็นคา่ อะไร (๔) จานวนเงินทง้ั ตัวเลขและตวั อักษร (๕) ลายมือชื่อของผู้รบั เงนิ ข้อ ๓๘ กรณีสว่ นราชการจา่ ยเงินรายใด ซ่ึงตามลักษณะไม่อาจเรียกใบเสร็จรับเงินจากผู้รับ เงินได้ ให้ผูร้ ับเงนิ ลงชือ่ รบั เงนิ ในใบสาคญั รบั เงนิ เพอื่ ใชเ้ ป็นหลักฐานการจ่าย ข้อ ๓๙ กรณขี า้ ราชการ พนักงานราชการ หรอื ลูกจา้ งของส่วนราชการจ่ายเงินไป โดยได้รับ ใบเสร็จรับเงินซึ่งมรี ายการไม่ครบถว้ นตามขอ้ ๓๗ หรอื ซง่ึ ตามลกั ษณะไม่อาจเรียกใบเสร็จรับเงินจากผู้รับเงินได้ ให้ข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างนั้นทาใบรับรองการจ่ายเงินเพ่ือนามาเป็นเอกสารประกอบการขอ เบิกเงินต่อส่วนราชการ และเม่ือมีการจ่ายเงินแล้ว ให้ข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างนั้นทาใบสาคัญ รับเงนิ และลงชื่อในใบสาคญั รับเงินน้ันเพือ่ เป็นหลักฐานการจ่าย ในกรณีที่ได้รบั ใบเสรจ็ รบั เงนิ แล้ว แต่เกดิ สญู หาย ให้ใช้สาเนาใบเสร็จรบั เงิน ซง่ึ ผู้รับเงินรับรอง เปน็ เอกสารประกอบการขอเบิกเงินแทนได้ ในกรณที ี่ไม่อาจขอสาเนาใบเสรจ็ รบั เงนิ ตามวรรคสองได้ ให้ข้าราชการ พนักงานราชการ หรือ ลกู จ้างของสว่ นราชการนนั้ ทาใบรับรองการจ่ายเงนิ โดยช้ีแจงเหตุผล พฤติการณ์ท่ีสูญหายหรือไม่อาจขอสาเนา ใบเสร็จรับเงินได้และรับรองว่ายังไม่เคยนาใบเสร็จรับเงินนั้นมาเบิกจ่าย แม้พบภายหลังจะไม่นามาเบิกจ่ายอีก แลว้ เสนอหวั หนา้ ส่วนราชการ หรือผู้ท่ีได้รับมอบหมาย เพ่ือพิจารณาอนุมัติ เมื่อได้รับอนุมัติแล้วให้ใช้ใบรับรอง น้ันเป็นหลักฐานประกอบการขอเบิกเงินได้และเมื่อมีการจ่ายเงินแล้ว ให้ข้าราชการ พนักงานราชการ หรือ ลกู จา้ งของสว่ นราชการนัน้ ทาใบสาคัญรบั เงนิ และลงชือ่ ในใบสาคัญรบั เงนิ นน้ั เพื่อเปน็ หลักฐานการจ่าย ข้อ ๔๐ กรณีหลักฐานการจ่ายของส่วนราชการสูญหาย ให้ถือปฏิบัติต ามวิธีการ ที่กระทรวงการคลังกาหนด ข้อ ๔๑ หลักฐานการจ่ายต้องพิมพ์หรือเขียนด้วยหมึก การแก้ไขหลักฐานการจ่ายให้ใช้วิธี ขดี ฆา่ แลว้ พมิ พ์หรือเขียนใหม่ และให้ผ้รู ับเงินลงลายมือชื่อกากบั ไว้ทุกแหง่ ขอ้ ๔๒ ให้ส่วนราชการเก็บรกั ษาหลักฐานการจ่ายไวใ้ นท่ปี ลอดภยั มใิ ห้สญู หายหรือเสียหายได้ ทง้ั น้ี เมือ่ สานกั งานการตรวจเงินแผน่ ดนิ ไดต้ รวจสอบแล้วใหเ้ ก็บอย่างเอกสารธรรมดาได้ - 27 -
-๘- ส่วนที่ ๓ วธิ ปี ฏบิ ตั ิในการจา่ ยเงนิ ขอ้ ๔๓ การจ่ายเงินให้จา่ ยเป็นเช็ค ยกเว้นกรณีท่ีจ่ายจากเงินทดรองราชการซ่ึงเก็บรักษาไว้ เป็นเงินสด หรือการจ่ายเงินให้แก่ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง ผู้รับบานาญหรือเบี้ยหวัด หรือการ จา่ ยเงนิ ทม่ี ีวงเงินตา่ กว่าห้าพนั บาท จะจา่ ยเป็นเงินสดก็ได้ การจา่ ยเงนิ ผ่านธนาคารหรอื ด้วยวิธีอ่ืนใด ให้เป็นไปตามท่ีกระทรวงการคลังกาหนด ข้อ ๔๔ การเขยี นเช็คส่งั จา่ ยเงนิ ให้ปฏบิ ตั ิดงั น้ี (๑) การจ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้ีหรือผู้มีสิทธิรับเงิน ในกรณีซ้ือทรัพย์สิน จ้างทาของ หรือเช่า ทรัพย์สิน ให้ออกเช็คส่ังจ่ายในนามของเจ้าหน้ีหรือผู้มีสิทธิรับเงิน โดยขีดฆ่าคาว่า “หรือผู้ถือ” ออกและ ขดี คร่อมด้วย (๒) การจ่ายเงินให้แก่เจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงิน นอกจากกรณีตาม (๑) ให้ออกเช็คสั่งจ่าย ในนามของเจ้าหนห้ี รอื ผมู้ สี ทิ ธิรับเงนิ โดยขดี ฆ่าคาว่า “หรอื ผูถ้ อื ” และจะขดี ครอ่ มหรอื ไมก่ ็ได้ (๓) ในกรณีส่ังจ่ายเงินเพื่อขอรับเงินสดมาจ่าย ให้ออกเช็คสั่งจ่ายในนามเจ้าหน้าที่การเงิน ของสว่ นราชการ และขีดฆ่าคาวา่ “หรอื ผู้ถอื ” ออก ห้ามออกเชค็ ส่ังจา่ ยเงนิ สด ห้ามลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คไว้ล่วงหน้า โดยยังมิได้มีการเขียนหรือพิมพ์ชื่อผู้รับเงิน วันที่ ที่ออกเชค็ และจานวนเงนิ ทส่ี ั่งจ่าย ข้อ ๔๕ การเขียนหรือพิมพ์จานวนเงินในเช็คที่เป็นตัวเลขและตัวอักษรให้เขียนหรือพิมพ์ให้ ชดิ เส้น และชิดคาวา่ “บาท” หรอื ขีดเส้นหน้าจานวนเงินทั้งตวั เลขและตัวอักษร โดยไม่มีช่องว่างที่จะเขียนหรือ พิมพ์จานวนเงินเพิ่มเติมได้ และให้ขีดเส้นตรงหลังช่ือสกุล ชื่อบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนจนชิดคาว่า “หรือผู้ถือ” โดยมิใหม้ กี ารเขียนหรือพิมพช์ ่อื บุคคลอืน่ เพม่ิ เติมได้ หมวด ๕ การเบกิ จ่ายเงินยืม ข้อ ๔๖ สญั ญาการยมื เงนิ สญั ญาวางหลกั ทรพั ย์ และสญั ญาค้าประกัน ให้เป็นไปตามแบบท่ี กระทรวงการคลัง หรอื ทีส่ ว่ นราชการกาหนด ข้อ ๔๗ ให้ผมู้ อี านาจอนมุ ัติการจา่ ยเงินตามข้อ ๒๘ เป็นผมู้ ีอานาจอนุมตั ิการจา่ ยเงนิ ยมื ด้วย ขอ้ ๔๘ การจ่ายเงินยืมจะจ่ายได้แต่เฉพาะท่ีผู้ยืมได้ทาสัญญาการยืมเงิน และผู้มีอานาจได้ อนุมัตใิ ห้จา่ ยเงนิ ยืมตามสญั ญาการยมื เงินนัน้ แล้วเท่าน้นั ข้อ ๔๙ การยืมเงินของผู้ยืมที่ไม่มีเงินใด ๆ ที่ส่วนราชการผู้ให้ยืมจะหักส่งใช้คืนเงินยืมได้ ให้ส่วนราชการผู้ให้ยืมกาหนดให้ผู้ยืมนาหลักทรัพย์มาวางเป็นประกันพร้อมท้ังทาสั ญญาวางหลักทรัพย์หรือ หาบคุ คลท่ี คบง.รส. กาหนดมาทาสญั ญาค้าประกนั ไวต้ ่อสว่ นราชการผูใ้ หย้ มื ข้อ ๕๐ การอนุมตั ิใหย้ ืมเงนิ เพ่อื ใชใ้ นราชการ ใหผ้ มู้ ีอานาจพจิ ารณาอนมุ ตั ใิ ห้ยืมเฉพาะเท่าที่ จาเปน็ และหา้ มมิให้อนุมัติใหย้ มื เงนิ รายใหมใ่ นเมื่อผูย้ มื มิไดช้ าระคืนเงินยืมรายเก่าใหเ้ สร็จสน้ิ ไปก่อน - 28 -
-๙- ข้อ ๕๑ การจา่ ยเงนิ ยมื จากเงินนอกงบประมาณ ให้ส่วนราชการกระทาได้เฉพาะเพื่อใช้จ่าย ในการดาเนินงานตามวัตถุประสงค์ของเงินนอกงบประมาณประเภทนั้น หรือกรณีอื่น ซ่ึงจาเป็นเร่งด่วน แกร่ าชการ และได้รับอนมุ ตั จิ ากหวั หน้าสว่ นราชการผูใ้ หย้ ืมนนั้ ข้อ ๕๒ สญั ญาการยมื เงินให้จดั ทาขึ้นสองฉบบั โดยเม่ือผู้ยืมได้รับเงินตามสัญญาการยืมแล้ว ให้ลงลายมือช่ือรับเงินในสัญญาการยืมเงินทั้งสองฉบับ พร้อมกับมอบให้ส่วนราชการผู้ให้ยืมเก็บรักษาไว้ เปน็ หลกั ฐานหน่งึ ฉบบั ใหผ้ ู้ยืมเกบ็ ไวห้ น่งึ ฉบบั ขอ้ ๕๓ กรณที ี่ตอ้ งจ่ายเงินยมื สาหรบั การปฏิบัติราชการที่ติดต่อคาบเก่ียวจากปีงบประมาณ ปัจจุบันไปถึงปีงบประมาณถัดไป ให้เบิกเงินยืมงบประมาณในปีปัจจุบัน โดยให้ถือว่าเป็นรายจ่ายของ งบประมาณปีปัจจุบัน และใหใ้ ชจ้ า่ ยเงนิ ยมื คาบเก่ียวปงี บประมาณถดั ไป ดังตอ่ ไปน้ี (๑) เงินยืมสาหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ ให้ใช้จ่ายได้ไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วัน เริ่มตน้ ปงี บประมาณใหม่ (๒) เงินยืมสาหรับปฏิบัติราชการอ่ืน ๆ ให้ใช้จ่ายได้ไม่เกินสามสิบวันนับแต่วันเร่ิมต้น ปงี บประมาณใหม่ ข้อ ๕๔ การเบิกเงินเพื่อจ่ายเป็นเงินยืมให้แก่บุคคลใดในสังกัดยืมเพื่อปฏิบัติราชการ ให้กระทาได้เฉพาะงบประมาณรายจ่ายหรอื รายการดงั ต่อไปนี้ (๑) รายการค่าจ้างช่ัวคราว สาหรับค่าจ้างซ่ึงไม่มีกาหนดจ่ายเป็นงวดแน่นอนเป็นประจา แต่จาเป็นต้องจ่ายให้ลกู จ้างแตล่ ะวันหรือแต่ละคราวเมอ่ื เสร็จงานท่จี า้ ง (๒) รายการค่าตอบแทนใช้สอยและวัสดุ (๓) รายการคา่ สาธารณูปโภค เฉพาะค่าบรกิ ารไปรษณีย์โทรเลข (๔) งบกลาง เฉพาะท่ีจ่ายเป็นเงินสวัสดิการเก่ียวกับการศึกษาของบุตร หรือเงินสวัสดิการ เกี่ยวกบั เงินเพ่ิมค่าครองชพี ชว่ั คราวสาหรับลูกจ้างชว่ั คราวซึ่งไม่มีกาหนดจ่ายค่าจ้างเป็นงวดแน่นอนเป็นประจา แตจ่ าเป็นต้องจา่ ยแต่ละวันหรือแตล่ ะคราวเมื่อเสร็จงานที่จา้ ง (๕) งบประมาณรายจ่ายอ่นื ๆ ที่จ่ายในลกั ษณะเดยี วกันกบั (๑) (๒) หรือ (๓) ขอ้ ๕๕ การจ่ายเงินยืมเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการในราชอาณาจักรให้จ่าย ไดส้ าหรับระยะเวลาการเดินทางที่ไม่เกินเก้าสิบวัน หากมีความจาเป็นจะต้องจ่ายเกินกว่ากาหนดเวลาดังกล่าว ส่วนราชการจะตอ้ งขอทาความตกลงกับ คบง.รส. ก่อน ขอ้ ๕๖ ให้ผู้ยืมส่งหลักฐานการจ่ายและเงินเหลือจ่ายที่ยืมไป (ถ้ามี) ภายในกาหนด ระยะเวลา ดังนี้ (๑) กรณีเดินทางไปประจาต่างสานักงาน หรือกรณีเดินทางกลับภูมิลาเนาเดิม ให้ส่งแก่ส่วน ราชการผูใ้ หย้ มื โดยทางไปรษณียล์ งทะเบียน หรือธนาณัติ แลว้ แตก่ รณี ภายในสามสบิ วนั นบั จากวันไดร้ บั เงนิ (๒) กรณีเดินทางไปราชการอื่น รวมท้ังการเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว ให้ส่งแก่ ส่วนราชการผูใ้ หย้ ืมภายในสบิ ห้าวนั นบั จากวันกลบั มาถึง - 29 -
- ๑๐ - (๓) การยืมเงินเพือ่ ปฏบิ ตั ิราชการนอกจาก (๑) หรือ (๒) ให้ส่งแก่ส่วนราชการผู้ให้ยืมภายใน สามสิบวันนบั จากวันไดร้ ับเงิน ในกรณที ่ีผูย้ ืมไดส้ ง่ หลักฐานการจ่าย เพื่อส่งใชค้ นื เงินยืมแล้วมีเหตุต้องทักท้วง ให้ส่วนราชการ ผู้ให้ยืมแจ้งข้อทักท้วงให้ผู้ยืมทราบโดยด่วน แล้วให้ผู้ยืมปฏิบัติตามคาทักท้วงภายในสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ รับคาทกั ทว้ ง หากผู้ยืมมไิ ดด้ าเนนิ การตามคาทักทว้ งและไม่ได้ช้ีแจงเหตุผลให้ส่วนราชการผู้ให้ยืมทราบ ให้ส่วน ราชการผู้ให้ยืมดาเนินการตามเงื่อนไขในสัญญาการยืมเงิน โดยถือว่าผู้ยืมยังมิได้ส่งใช้คืนเงินยืมเท่าจานวน ท่ีทกั ท้วงน้ัน ข้อ ๕๗ เมื่อผู้ยืมส่งหลักฐานการจ่ายและ/หรือเงินเหลือจ่ายที่ยืม (ถ้ามี) ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับ คืนบันทึกการรับคืนในสัญญาการยืมเงินพร้อมทั้งออกใบเสร็จรับเงินและหรือ ใบรับใบสาคัญตามแบบที่ กรมบัญชกี ลาง หรือส่วนราชการกาหนดให้ผู้ยมื ไว้เปน็ หลักฐาน ข้อ ๕๘ ให้ส่วนราชการเก็บรักษาสญั ญาการยมื เงนิ ซึ่งยังมไิ ด้ชาระคนื เงนิ ยืม ให้เสร็จส้ินไว้ใน ทป่ี ลอดภยั อยา่ ใหส้ ูญหายและเม่ือผู้ยมื ไดช้ าระคืนเงินยมื เสรจ็ ส้นิ แล้วให้เกบ็ รักษาเช่นเดียวกบั หลักฐานการจ่าย ข้อ ๕๙ ในกรณีท่ีผู้ยืมมิได้ชาระคืนเงินยืมภายในระยะเวลาที่กาหนด ให้ผู้อานวยการสานัก การคลังและงบประมาณเรียกให้ชดใช้เงินยืมตามเงื่อนไขในสัญญาการยืมเงินให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็ว อย่างช้า ไมเ่ กนิ สามสบิ วนั นับแต่วันครบกาหนด ในกรณีท่ีไม่อาจปฏิบัติตามวรรคหนึ่งได้ ให้ผู้อานวยการสานักการคลังและงบประมาณ รายงานให้หัวหน้าส่วนราชการทราบ เพือ่ พจิ ารณาสั่งการบังคับให้เป็นไปตามสญั ญาการยืมเงินต่อไป หมวด ๖ การรับเงนิ ของสว่ นราชการ ส่วนท่ี ๑ ใบเสรจ็ รับเงิน ขอ้ ๖๐ ใบเสร็จรับเงิน ให้ใช้ตามแบบท่ีกรมบัญชีกลางกาหนดโดยให้มีสาเนาเย็บติดไว้กับ เลม่ อยา่ งน้อยหนง่ึ ฉบับ หรือตามแบบทไ่ี ด้รบั ความเห็นชอบจากกระทรวงการคลงั ใบเสร็จรับเงินท่อี อกด้วยคอมพวิ เตอรใ์ ห้เปน็ ไปตามท่ีกระทรวงการคลังกาหนด ขอ้ ๖๑ ใบเสร็จรับเงิน ให้พิมพ์หมายเลขกากับเล่ม และหมายเลขกากับใบเสร็จรับเงิน เรยี งกันไปทกุ ฉบับ ข้อ ๖๒ ใหส้ ่วนราชการจดั ทาทะเบียนคุมใบเสร็จรับเงินไว้เพ่ือให้ทราบ และตรวจสอบได้ว่า ไดจ้ ัดพิมพ์ข้นึ จานวนเท่าใด ได้จ่ายใบเสร็จรับเงินเท่าใด เลขที่ใดถึงเลขที่ใด ให้หน่วยงานใด หรือเจ้าหน้าที่ผู้ใด ไปดาเนินการจัดเก็บเงนิ เมอ่ื วัน เดือน ปใี ด ขอ้ ๖๓ การจ่ายใบเสร็จรับเงินให้หน่วยงานหรือเจ้าหน้าท่ีผู้ไปจัดเก็บเงินให้พิจารณาจ่าย ในจานวนที่เหมาะสมแก่ลกั ษณะงานที่ปฏิบตั ิ และใหม้ หี ลกั ฐานการรบั สง่ ใบเสร็จรับเงินนัน้ ไว้ดว้ ย - 30 -
- ๑๑ - ข้อ ๖๔ ใบเสร็จรับเงินเล่มใด เมื่อไม่มีความจาเป็นต้องใช้ เช่น ยุบเลิกสานักงานหรือไม่มี การจัดเกบ็ เงินตอ่ ไปอกี ใหห้ ัวหนา้ หน่วยงานท่ีรับใบเสรจ็ รับเงนิ นัน้ นาส่งคืนสว่ นราชการทจี่ ่ายใบเสร็จรับเงินน้ัน โดยดว่ น ขอ้ ๖๕ เมอ่ื สนิ้ ปีงบประมาณ ให้หัวหน้าหน่วยงานซึ่งรบั ใบเสร็จรบั เงนิ ไปดาเนนิ การจัดเก็บเงิน รายงานให้ผู้อานวยการสานักการคลังและงบประมาณทราบว่ามีใบเสร็จรับเงินอยู่ในความรับผิดชอบเล่มใด เลขที่ใดถึงเลขที่ใด และได้ใช้ใบเสร็จรับเงินไปแล้วเล่มใด เลขที่ใดถึงเลขท่ีใด อย่างช้าไม่เกินวันท่ี ๓๑ ตุลาคม ของปงี บประมาณถัดไป ข้อ ๖๖ ใบเสร็จรับเงินเล่มใดสาหรับรับเงินของปีงบประมาณใด ให้ใช้รับเงินภายใน ปงี บประมาณน้ัน เมื่อข้ึนปีงบประมาณใหม่ ให้ใช้ใบเสร็จรับเงินเล่มใหม่ ใบเสร็จรับเงินฉบับใดยังไม่ใช้ให้คงติด ไว้กับเลม่ แต่ใหป้ รุ เจาะรู หรือประทบั ตราเลกิ ใช้ เพอื่ ให้เปน็ ท่สี ังเกตมใิ ห้นามาใช้รับเงินได้อีกต่อไป ข้อ ๖๗ ห้ามขดู ลบเพ่อื แกไ้ ขเพิ่มเตมิ จานวนเงนิ หรือชอื่ ผูช้ าระเงินในใบเสร็จรบั เงนิ หากใบเสร็จรับเงินฉบับใดลงรายการรับเงินผิดพลาด ให้ขีดฆ่าจานวนเงินและเขียนใหม่ ท้ังจานวนโดยใหผ้ ู้รับเงนิ ลงลายมือชื่อกากับการขดี ฆ่านั้นไว้ หรือขีดฆ่าเลิกใช้ใบเสร็จรับเงินน้ันท้ังฉบับแล้วออก ฉบับใหม่ โดยใหน้ าใบเสร็จรบั เงนิ ท่ีขดี ฆา่ เลกิ ใชน้ น้ั ติดไวก้ ับสาเนาใบเสรจ็ รบั เงนิ ในเล่ม ข้อ ๖๘ ให้ส่วนราชการเก็บรักษาสาเนาใบเสร็จรับเงินซึ่งสานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ยังมิได้ตรวจสอบไว้ในที่ปลอดภัย อย่าให้สูญหายหรือเสียหายได้ และเม่ือได้ตรวจสอบแล้วให้เก็บไว้ อย่างเอกสารธรรมดาได้ สว่ นท่ี ๒ การรบั เงิน ขอ้ ๖๙ การรับเงินให้รับเป็นเงินสด เว้นแต่การรับเป็นเช็ค ดร๊าฟท์ หรือตราสารอย่างอื่น หรือโดยวธิ อี น่ื ใด ให้ปฏบิ ัติตามที่กระทรวงการคลัง หรือ คบง.รส. กาหนด ขอ้ ๗๐ ในการจัดเก็บหรือรับชาระเงิน ให้ส่วนราชการซ่ึงมีหน้าที่จัดเก็บ หรือรับชาระเงิน นั้นออกใบเสร็จรับเงินให้แก่ผู้ชาระเงินทุกคร้ัง เว้นแต่เป็นการรับชาระเงินค่าธรรมเนียมที่มีเอกสารของทาง ราชการระบุจานวนเงินท่ีรับชาระอันมีลักษณะเช่นเดียวกับใบเสร็จรับเงิน โดยเอกสารดังกล่าวจะต้องมีการ ควบคุมจานวนทรี่ บั จา่ ยทานองเดยี วกันกับใบเสรจ็ รับเงนิ หรือเป็นการรบั เงนิ ตามคาขอเบิกเงินจากคลัง ในกรณีที่มีความจาเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ไปจัดเก็บหรือรับชาระเงินนอกท่ีตั้งสานักงานปกติ ใหป้ ฏบิ ัติเช่นเดียวกบั วรรคหนง่ึ ข้อ ๗๑ ใหใ้ ชใ้ บเสร็จรับเงินเล่มเดียวกันรับเงินทุกประเภท เว้นแต่เงินประเภทใดท่ีมีการรับ ชาระเปน็ ประจาและมจี านวนมากราย จะแยกใบเสรจ็ รับเงนิ เล่มหน่ึงสาหรบั การรับชาระเงินประเภทนั้นก็ได้ ข้อ ๗๒ ใหส้ ่วนราชการบนั ทกึ ข้อมูลการรบั เงินในระบบภายในวันท่ไี ดร้ ับเงนิ เงินประเภทใดท่ีมีการออกใบเสร็จรับเงินในวันหนึ่ง ๆ หลายฉบับ จะรวมเงินประเภทนั้น ตามสาเนาใบเสร็จรบั เงนิ ทกุ ฉบับมาบันทึกเป็นรายการเดียวในระบบก็ได้โดยให้แสดงรายละเอียดว่าเป็นเงินรับ ตามใบเสร็จเลขทีใ่ ดถึงเลขทใ่ี ดและจานวนเงนิ รวมรบั ท้ังสิน้ เท่าใดไว้ด้านหลงั สาเนาใบเสร็จรบั เงินฉบับสุดทา้ ย - 31 -
- ๑๒ - ในกรณีท่ีมีการรับเงินภายหลังกาหนดเวลาปิดบัญชีสาหรับวันนั้นแล้วให้บันทึกข้อมูลการรับ เงนิ นน้ั ในระบบในวนั ทาการถดั ไป ขอ้ ๗๓ เมือ่ ส้ินเวลารับจ่ายเงิน ให้เจ้าหน้าท่ีผู้มีหน้าที่จัดเก็บหรือรับชาระเงินนาเงินที่ได้รับ พรอ้ มกบั สาเนาใบเสรจ็ รบั เงนิ และเอกสารอ่ืนที่จัดเก็บในวันนั้นท้ังหมดส่งต่อเจ้าหน้าที่การเงินของส่วนราชการ นน้ั ขอ้ ๗๔ ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษร จากหัวหน้า ส่วนราชการตรวจสอบจานวนเงินท่ีเจ้าหน้าที่จัดเก็บและนาส่งกับหลักฐานและรายการท่ีบันทึกไว้ในระบบว่า ถกู ตอ้ งครบถ้วนหรือไม่ เมื่อได้ตรวจสอบความถูกต้องตามวรรคหน่ึงแล้ว ให้ผู้ตรวจสอบแสดงยอดรวมเงินรับตาม ใบเสร็จรับเงินทกุ ฉบบั ท่ีไดร้ บั ในวนั น้นั ไว้ในสาเนาใบเสรจ็ รับเงนิ ฉบบั สดุ ท้าย และลงลายมอื ชอื่ กากับไว้ด้วย หมวด ๗ การเกบ็ รักษาเงนิ ของส่วนราชการ สว่ นที่ ๑ สถานทเ่ี กบ็ รักษา ข้อ ๗๕ ให้ส่วนราชการเก็บรักษาเงินที่จัดเก็บหรือได้รับไว้ในตู้นิรภัยซ่ึงตั้งอยู่ในที่ปลอดภัย ของสว่ นราชการนั้น ข้อ ๗๖ ตูน้ ิรภยั ใหม้ ีลูกกุญแจอย่างน้อยสองสารบั แตล่ ะสารับไม่น้อยกว่าสองดอกแต่ไม่เกิน สามดอกโดยแต่ละดอกต้องมีลักษณะต่างกัน โดยสารับหนึ่งมอบให้กรรมการเก็บรักษาเงิน ส่วนสารับที่เหลือ ให้นาฝากเกบ็ รกั ษาไวใ้ นลกั ษณะหบี ห่อ ณ สถานท่สี านกั บรหิ ารเงนิ ตรา กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลงั ข้อ ๗๗ สานกั งานรัฐสภาประจาจังหวัดใดโดยปกติไม่มีการเก็บรักษาเงินหากมีความจาเป็น จะต้องเก็บรักษาเงินเป็นครั้งคราว หรือกรณีที่ส่วนราชการ มีการเก็บรักษาเงินเป็นจานวนมาก ซึ่งเห็นว่าการ เก็บรักษาเงินไว้ในตู้นิรภัยของส่วนราชการนั้น จะไม่ปลอดภัย จะนาเงินฝากเก็บรักษาไว้ ณ สานักงานคลัง จงั หวัด ในลกั ษณะหีบห่อตามวธิ ีการที่กระทรวงการคลังกาหนดก็ได้ ส่วนที่ ๒ กรรมการเกบ็ รกั ษาเงนิ ข้อ ๗๘ ให้หัวหน้าส่วนราชการพิจารณาแต่งต้ังข้าราชการซึ่งดารงตาแหน่งประเภทวิชาการ ระดบั ปฏิบัตกิ ารขึน้ ไปในสว่ นราชการนน้ั อย่างนอ้ ยสองคนเป็นกรรมการเก็บรกั ษาเงินของส่วนราชการนั้น ขอ้ ๗๙ ให้กรรมการเก็บรักษาเงินถือลูกกุญแจตู้นิรภัยคนละหน่ึงดอกในกรณีท่ีตู้นิรภัย มีลูกกุญแจสามดอก และมีกรรมการเก็บรักษาเงินสองคน ให้กรรมการเก็บรักษาเงินถือลูกกุญแจคนละดอก ส่วนลูกกุญแจท่ีเหลือให้อยู่ในดุลพินิจของหัวหน้าส่วนราชการที่จะมอบให้กรรมการเก็บรักษาเงินผู้ใดถือ ลกู กญุ แจนนั้ - 32 -
- ๑๓ - ในกรณีท่ีมีห้องมั่นคงหรือกรงเหล็ก การถือลูกกุญแจห้องมั่นคงหรือกรงเหล็กให้นาความ ในวรรคหนึง่ มาใช้บงั คบั โดยอนุโลม ขอ้ ๘๐ ถ้ากรรมการเก็บรักษาเงินผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้หัวหน้าส่วนราชการ พจิ ารณาแตง่ ตง้ั ขา้ ราชการตามนัยขอ้ ๗๘ ปฏบิ ัติหน้าทก่ี รรมการเก็บรักษาเงนิ แทนใหค้ รบจานวน การแตง่ ตั้งผปู้ ฏบิ ตั หิ น้าที่กรรมการเกบ็ รักษาเงินแทน จะแตง่ ตงั้ ไว้เปน็ การประจากไ็ ด้ ข้อ ๘๑ ในการส่งมอบและรับมอบลูกกุญแจระหว่างกรรมการเก็บรักษาเงิน กับผู้ปฏิบัติ หน้าที่กรรมการเก็บรักษาเงินแทน ให้บุคคลดังกล่าวตรวจนับตัวเงินและเอกสารแทนตัวเงินซึ่งเก็บรักษาไว้ใน ตู้นิรภัยให้ถูกต้องตามรายงานเงินคงเหลือประจาวัน แล้วบันทึกการส่งมอบและรับมอบพร้อมกับลงลายมือชื่อ กรรมการเกบ็ รักษาเงนิ และผูป้ ฏบิ ตั หิ น้าทก่ี รรมการเก็บรกั ษาเงินแทนทุกคนไว้ในรายงานเงินคงเหลือประจาวัน นั้นด้วย ข้อ ๘๒ กรรมการเก็บรักษาเงินหรือผู้ปฏิบัติหน้าท่ีกรรมการเก็บรักษาเงินแทน ต้องเก็บ รักษาลูกกุญแจไว้ในที่ปลอดภัยมิให้สูญหายหรือให้ผู้ใดลักลอบนาไปพิมพ์แบบลูกกุญแจได้หากปรากฏว่า ลูกกุญแจสูญหาย หรือมีกรณีสงสัยว่าจะมีผู้ปลอมแปลงลูกกุญแจ ให้รีบรายงานให้หัวหน้าส่วนราชการทราบ เพือ่ ส่ังการโดยดว่ น ข้อ ๘๓ ห้ามกรรมการเก็บรักษาเงินหรือผู้ปฏิบัติหน้าท่ีกรรมการเก็บรักษาเงินแทนมอบ ลูกกุญแจใหผ้ อู้ ่ืนทาหนา้ ท่ีกรรมการแทน สว่ นที่ ๓ การเก็บรักษาเงนิ ข้อ ๘๔ ให้สานักการคลังและงบประมาณ จัดทารายงานเงินคงเหลือประจาวันเป็นประจา ทุกวนั ในกรณีท่ีวันใดไม่มีรายการรับจ่ายเงิน จะไม่ทารายงานเงินคงเหลือประจาวันสาหรับวันน้ัน ก็ได้ แตใ่ ห้หมายเหตุไว้ในรายงานเงินคงเหลอื ประจาวนั ทมี่ ีการรับจ่ายเงนิ ของวันถดั ไปด้วย รายงานเงนิ คงเหลอื ประจาวนั ให้เป็นไปตามแบบท่กี รมบญั ชกี ลางกาหนด ขอ้ ๘๕ เม่ือส้ินเวลารับจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่การเงินนาเงินที่จะเก็บรักษา และรายงานเงิน คงเหลือประจาวนั ส่งมอบให้คณะกรรมการเกบ็ รกั ษาเงนิ ให้คณะกรรมการเก็บรักษาเงินร่วมกันตรวจสอบตัวเงิน และเอกสารแทนตัวเงิน กับรายงาน เงินคงเหลือประจาวัน เม่ือปรากฏว่าถูกต้องแล้ว ให้เจ้าหน้าที่การเงินนาเงิน และเอกสารแทนตัวเงินเก็บรักษา ในตู้นริ ภัย และใหก้ รรมการเก็บรกั ษาเงนิ ทกุ คนลงลายมือชื่อในรายงานเงนิ คงเหลือประจาวนั ไว้เปน็ หลกั ฐาน ขอ้ ๘๖ รายงานเงินคงเหลือประจาวัน เม่ือกรรมการเก็บรักษาเงินได้ลงลายมือชื่อแล้ว ใหผ้ ้อู านวยการสานักการคลงั และงบประมาณหรือเจ้าหนา้ ที่การเงนิ เสนอหัวหน้าสว่ นราชการเพื่อทราบ ขอ้ ๘๗ ในกรณีท่ีปรากฏว่าเงินท่ีได้รับมอบให้เก็บรักษาไม่ตรงกับจานวนเงินซ่ึงแสดงไว้ใน รายงานเงนิ คงเหลือประจาวัน ให้คณะกรรมการเกบ็ รักษาเงนิ และเจ้าหน้าท่กี ารเงินผูน้ าส่งร่วมกันบันทึกจานวน เงินท่ีตรวจนับได้น้ันไว้ในรายงานเงินคงเหลือประจาวัน และลงลายมือช่ือกรรมการเก็บรักษาเงินทุกคนพร้อม - 33 -
- ๑๔ - ด้วยเจ้าหน้าที่การเงินผู้นาส่ง แล้วนาเงินเก็บรักษาในตู้นิรภัย และให้กรรมการเก็บรักษาเงินรายงานให้หัวหน้า สว่ นราชการทราบทนั ทีเพ่อื พจิ ารณาสั่งการต่อไป ข้อ ๘๘ เม่ือนาเงินและเอกสารแทนตัวเงินเก็บในตู้นิรภัยเรียบร้อยแล้ว ให้กรรมการเก็บ รกั ษาเงินใสก่ ุญแจให้เรียบรอ้ ย แลว้ ลงลายมอื ชือ่ บนกระดาษปดิ ทบั หรอื ประจาตราคร่ังของกรรมการเก็บรักษา เงินแตล่ ะคนไวบ้ นเชอื กผูกมัดตนู้ ิรภยั ในลกั ษณะท่แี ผน่ กระดาษปิดทับหรอื ตราประจาครั่งจะต้องถูกทาลายเมื่อ มกี ารเปดิ ตูน้ ริ ภยั ในกรณีท่ีตู้นิรภัยตั้งอยู่ในห้องม่ันคงหรือกรงเหล็ก การลงลายมือชื่อบนกระดาษปิดทับ หรือ การประจาตราครง่ั ของกรรมการเกบ็ รกั ษาเงิน จะกระทาทปี่ ระตหู อ้ งมนั่ คงหรือกรงเหล็กเพียงแหง่ เดยี วกไ็ ด้ ขอ้ ๘๙ ในวันทาการถัดไป หากจะต้องนาเงินออกจ่าย ให้คณะกรรมการเก็บรักษาเงินมอบ เงนิ ที่เก็บรักษาทง้ั หมดใหผ้ อู้ านวยการสานักการคลังและงบประมาณหรือเจ้าหน้าท่ีการเงิน แล้วแต่กรณี รับไป จ่ายโดยให้ผู้อานวยการสานักการคลังและงบประมาณหรือเจ้าหน้าที่การเงิน แล้วแต่กรณี ลงลายมือช่ือรับเงิน ไวใ้ นรายงานเงินคงเหลอื ประจาวันกอ่ นวนั ทาการทร่ี ับเงินไปจ่าย ขอ้ ๙๐ การเปดิ ประตหู อ้ งม่ันคง หรือประตกู รงเหล็ก หรือตนู้ ิรภัยให้กรรมการเก็บรักษาเงิน ตรวจกุญแจ ลายมือชื่อบนแผ่นกระดาษปิดทับ หรือตราประจาครั่งของกรรมการเก็บรักษาเงินเม่ือปรากฏว่า อยู่ในสภาพเรยี บรอ้ ยจงึ ให้เปิดได้ หากปรากฏว่าแผ่นกระดาษปิดทับหรือตราประจาคร่ังของกรรมการเก็บรักษาเงินอยู่ในสภาพ ไม่เรียบร้อย หรือมีพฤติการณ์อื่นใดท่ีสงสัยว่าจะมีการทุจริตให้รายงานให้หัวหน้าส่วนราชการนั้นทราบ เพ่ือพิจารณาส่ังการโดยดว่ น หมวด ๘ การนาเงินสง่ คลังและฝากคลัง ขอ้ ๙๑ เงินท่ีเบิกจากคลัง ถ้าไม่ได้จ่ายหรือจ่ายไม่หมด ให้ส่วนราชการผู้เบิกนาส่งคืนคลัง ภายในสบิ ห้าวันทาการ นบั จากวนั รบั เงนิ จากคลัง ในกรณีที่ส่วนราชการมีการรับคืนเงินท่ีได้จ่ายไปแล้ว ให้นาส่งคืนคลังภายในสิบห้าวันทาการ นบั จากวันทีไ่ ด้รับคนื ข้อ ๙๒ การนาเงนิ สง่ คลงั ถ้านาสง่ กอ่ นสน้ิ ปีงบประมาณหรอื กอ่ นสิ้นระยะเวลาเบิกเงินท่ีกัน ไว้เบิกเหลื่อมปี ให้ส่วนราชการนาส่งเป็นเงินเบิกเกินส่งคืน แต่ถ้านาส่งภายหลังกาหนดดังกล่าว ให้นาส่งเป็น รายได้แผน่ ดนิ ประเภทเงินเหลอื จ่ายปเี กา่ ส่งคืน ข้อ ๙๓ เงินทง้ั ปวงท่ีอยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการ ให้นาส่งหรือนาฝากคลังภายใน กาหนดเวลา ดงั ต่อไปนี้ (๑) เช็ค ดร๊าฟท์ หรือตั๋วแลกเงิน ให้นาส่งหรือนาฝากในวันท่ีได้รับหรืออย่างช้าภายใน วนั ทาการถัดไป (๒) เงนิ รายได้แผน่ ดนิ ใหน้ าสง่ อยา่ งนอ้ ยเดือนละหน่ึงครั้ง แต่ถ้าส่วนราชการใด มีเงินรายได้ แผ่นดินเกบ็ รกั ษาในวันใดเกินหน่งึ หมืน่ บาท ก็ใหน้ าเงินส่งโดยด่วนแตอ่ ยา่ งช้าตอ้ งไม่เกินสามวนั ทาการถดั ไป - 34 -
- ๑๕ - (๓) เงนิ เบิกเกินส่งคนื หรือเงินเหลือจ่ายปีเก่าส่งคืน ให้นาส่งภายในสิบห้าวันทาการ นับจาก วนั รบั เงินจากคลงั หรือนบั จากวันทีไ่ ด้รับคนื (๔) เงินนอกงบประมาณ ให้นาฝากคลังอย่างน้อยเดือนละหน่ึงคร้ัง แต่สาหรับเงินท่ีเบิกจาก คลังเพ่ือรอการจา่ ย ให้นาฝากคลงั ภายในสิบหา้ วนั นับจากวันรบั เงินจากคลัง ขอ้ ๙๔ ให้หวั หนา้ หน่วยงานผู้เบิกหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมายตามขอ้ ๘ เป็นผู้นาเงนิ สง่ คลงั ข้อ ๙๕ วิธีการนาเงินส่งคลังหรือฝากคลัง ให้หน่วยงานผู้เบิกจัดทาใบนาฝากเงิน พร้อมทั้ง นาเงินสด เช็ค ดร๊าฟท์ ตั๋วแลกเงิน ฝากเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของกรมบัญชีกลาง โดยปฏิบัติตามวิธีการท่ี กระทรวงการคลังกาหนด ขอ้ ๙๖ หน่วยงานผู้เบิกท่ีใช้วิธีการเชื่อมโยงข้อมูลเข้าระบบหรือวิธีการอื่น ให้ถือปฏิบัติ ตามทกี่ ระทรวงการคลงั กาหนด หมวด ๙ การกนั เงินไวเ้ บกิ เหล่ือมปี ขอ้ ๙๗ ส่วนราชการใดได้ก่อหน้ีผูกพันไว้ก่อนส้ินปีงบประมาณ โดยการซื้อทรัพย์สินจ้างทา ของ หรือเช่าทรัพย์สินที่มีใบสั่งซ้ือ ใบสั่งจ้างหรือสัญญาหรือข้อตกลงและมีวงเงินตั้งแต่ห้าหม่ืนบาทขึ้นไปหรือ ตามท่ีกระทรวงการคลังกาหนด กรณีท่ีไม่สามารถเบิกเงินไปชาระหนี้ได้ทันสิ้นปีงบประมาณ ให้ถือว่าใบส่ังซื้อ หรอื ใบสั่งจา้ งหรือสัญญาหรอื ขอ้ ตกลงทไ่ี ด้จัดทาหรือลงไว้ในระบบเป็นการขอกันเงินไว้เบิกเหล่ือมปีต่อไปได้อีก เปน็ เวลาหกเดือนนบั จากวันส้ินปีงบประมาณ ในกรณีที่ส่วนราชการไม่ได้ก่อหนี้ผูกพัน แต่มีความจาเป็นต้องใช้จ่ายเงินนั้นต่อไปอีก ให้ส่วนราชการขอทาความตกลงกับกระทรวงการคลัง เมื่อได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แลว้ ใหข้ อกันเงนิ ไว้เบิกเหลอื่ มปีได้ ข้อ ๙๘ การขอกนั เงนิ ไวเ้ บิกเหลอ่ื มปี ส่วนราชการต้องดาเนินการก่อนสิ้นปีงบประมาณโดย ปฏิบตั ิตามวธิ กี ารทก่ี ระทรวงการคลังกาหนด หมวด ๑๐ การควบคมุ และตรวจสอบ ข้อ ๙๙ ให้หน่วยงานผู้เบิกนาเอกสารการรับจ่ายเงินมาเป็นหลักฐานบันทึกบัญชี ตามหลักการและนโยบายบัญชที กี่ ระทรวงการคลังกาหนด ขอ้ ๑๐๐ ทุกสิ้นวันทาการ ให้เจ้าหน้าท่ีการเงินของส่วนราชการตรวจสอบจานวนเงินสด และเช็ค ดร๊าฟท์ หรอื ตราสารอยา่ งอืน่ คงเหลือกับรายงานเงนิ คงเหลอื ประจาวนั ที่กรมบญั ชีกลางกาหนด เมื่อสน้ิ ปงี บประมาณ ใหส้ ่วนราชการจดั ทารายงานการเงนิ เสนอหวั หนา้ สว่ นราชการ พร้อมท้ัง ส่งให้สานักงานการตรวจเงนิ แผน่ ดินเพือ่ ตรวจสอบรับรอง ตามวิธกี ารที่กรมบญั ชีกลางกาหนด ข้อ ๑๐๑ ให้หน่วยงานผู้เบิกมีหน้าท่ีให้คาชี้แจงและอานวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าท่ีของ สานักงานการตรวจเงินแผ่นดินในการตรวจสอบรายงานการเงินและหลักฐานการจ่าย กรณีที่ได้รับการทักท้วง - 35 -
- ๑๖ - จากสานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ถ้าหน่วยงานผู้เบิกไม่เห็นด้วยกับข้อทักท้วง ให้ชี้แจงเหตุผลและรายงาน ให้เจ้าของงบประมาณทราบ ภายในสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับแจ้งข้อทักท้วงจากสานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หากเจ้าของงบประมาณดังกล่าวเห็นว่าคาชี้แจงน้ันมีเหตุผลสมควร ให้พิจารณาดาเนินการขอให้ กระทรวงการคลงั วนิ ิจฉยั ภายในสิบวันนบั แต่วันท่ไี ด้รับแจ้งจากหน่วยงานผู้เบิก ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับคาขอจากเจ้าของงบประมาณ เมื่อกระทรวงการคลังได้ วินิจฉัยคาชี้แจงเป็นประการใดแล้ว ในกรณีที่เจ้าของงบประมาณดังกล่าวจะต้องปฏิบัติตามคาวินิจฉัยของ กระทรวงการคลัง ให้ปฏิบัติให้เสร็จส้ินพร้อมทั้งแจ้งสานักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบภายในสิบวันนับแต่ วนั ท่ไี ด้รบั ทราบผลการวินจิ ฉยั ขอ้ ๑๐๒ การตรวจสอบภายในของสว่ นราชการใหเ้ ปน็ ไปตามท่ีกระทรวงการคลังกาหนด ขอ้ ๑๐๓ เมื่อปรากฏว่าส่วนราชการใดปฏิบัติเก่ียวกับการเบิกจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนาเงินส่งคลังไมถ่ ูกตอ้ งตามระเบียบ ให้หัวหนา้ ส่วนราชการพจิ ารณาส่ังการให้ปฏบิ ตั ิให้ถูกต้องโดยดว่ น ข้อ ๑๐๔ หากปรากฏว่าเงินในความรับผิดชอบของส่วนราชการใดขาดบัญชี หรือสูญหาย เสียหายเพราะการทุจริต หรือมีพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริตหรือเพราะเหตุหน่ึงเหตุใดซ่ึงมิใช่กรณีปกติ ให้หัวหน้าส่วนราชการ ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานวุฒิสภา แล้วแต่กรณี ดาเนินการสอบสวนหา ตัวผู้รับผิดตามหลกั เกณฑท์ ่ีกาหนดไว้ในระเบียบสานกั นายกรฐั มนตรวี ่าดว้ ยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความ รับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าท่ี ในกรณีท่ีเห็นว่าเป็นความผิดอาญาแผ่นดินให้ฟ้องร้องดาเนินคดีแก่ผู้กระทา ความผดิ ด้วย บทเฉพาะกาล ข้อ ๑๐๕ การเบิกจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนาเงินส่งคลังที่อยู่ระหว่างดาเนินการ และยังไม่แล้วเสร็จ ในวันท่ีระเบียบนี้ มีผลใช้บังคับ ให้ส่วนราชการดาเนินการต่อไปตามระเบียบท่ีใช้บังคับ อยเู่ ดิมจนกวา่ จะแล้วเสรจ็ หรอื จนกว่าจะสามารถดาเนินการตามระเบยี บนี้ไดเ้ ท่าท่ีไมข่ ดั หรือแย้งต่อระเบียบนี้ ขอ้ ๑๐๖ ให้บรรดาระเบียบ ประกาศ ข้อบังคับ คาสั่ง หนังสือเวียน หรือหนังสืออนุญาต ของกระทรวงการคลัง ซ่ึงมีผลใช้บังคับอยู่ก่อนระเบียบน้ี คงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบน้ี จนกวา่ จะได้มีระเบยี บ ประกาศ ข้อบังคับ คาสงั่ หรือหนงั สือเวียนที่ออกตามระเบยี บนใ้ี ชบ้ งั คับ ประกาศ ณ วันท่ี ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗ นายนิคม ไวยรชั พานชิ ประธานวุฒิสภาทาหนา้ ที่ประธานรัฐสภา - 36 -
- ๑๗ - ระเบียบรัฐสภาวา่ ด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลงั การเก็บรักษาเงินและการนาเงินสง่ คลงั พ.ศ. ๒๕๕๗ ระเบียบรัฐสภาวา่ ดว้ ยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงินและการนาเงนิ สง่ คลงั (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ เหตผุ ล : โดยท่ีเห็นสมควรกาหนดให้กรรมการในคณะกรรมการบริหารเกี่ยวกับการงบประมาณ การเงินและ ทรัพย์สินของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาตามระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และ คณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการบริหารเกี่ยวกับการงบประมาณ การเงินและทรัพย์สินของส่วนราชการ สังกัดรัฐสภาแต่งตั้ง ได้รับเบี้ยประชมุ ตามระเบียบรฐั สภาว่าดว้ ยเบีย้ ประชมุ กรรมการ พ.ศ. ๒๕๕๔ และท่ีแก้ไข เพิ่มเติม ซึ่งระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงินและการนาเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๕๗ กาหนดให้นาบทบัญญัติเกี่ยวกับคณะกรรมการบริหารเกี่ยวกับการงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน ของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาตามระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลม จึงจาเป็นตอ้ งออกระเบยี บน้ี - 37 -
ระเบียบรฐั สภา ว่าด้วยการเบิกจา่ ยคา่ ใชจ้ า่ ยในการบริหารงานของสว่ นราชการสงั กัดรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๗ ---------------------- โดยที่เป็นการสมควรให้มีระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของ สว่ นราชการสงั กัดรัฐสภา สาหรบั ใช้ในส่วนราชการสงั กัดรฐั สภา อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ก.ร. จึงออกระเบียบไว้ ดงั ต่อไปนี้ ขอ้ ๑ ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ของสว่ นราชการสงั กัดรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๗” ข้อ ๒ ระเบยี บนีใ้ หใ้ ช้บังคับตง้ั แตว่ ันถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเป็นต้นไป ขอ้ ๓ ในระเบียบน้ี “ส่วนราชการ” หมายความว่า สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือสานักงาน เลขาธิการวุฒสิ ภา แลว้ แต่กรณี “หัวหน้าส่วนราชการ” หมายความว่า เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือเลขาธิการวุฒิสภา แล้วแต่กรณี “คบง.รส.” หมายความว่า คณะกรรมการบริหารเกี่ยวกับการงบประมาณ การเงินและ ทรัพยส์ ินของสว่ นราชการสงั กดั รัฐสภาตามระเบยี บรฐั สภาวา่ ดว้ ยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ “ค่าใช้จ่าย” หมายความว่า รายจ่ายที่กาหนดให้จ่ายในการบริหารงานประจาตามอานาจ หน้าท่ีของส่วนราชการ หรือรายจ่ายท่ีเป็นผลสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นการเบิกจ่ายจาก ค่าใช้จ่ายดาเนินงาน ในลักษณะค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุและค่าสาธารณูปโภค หรือรายจ่ายอื่นใด ที่เบิกจ่ายในลักษณะเดียวกัน และให้หมายความรวมถึงรายจ่ายที่เกิดจากภารกิจท่ีได้รับมอบหมายจาก คณะรัฐมนตรี หรือ คบง.รส. ดว้ ย ขอ้ ๔ ใหป้ ระธานรัฐสภารักษาการตามระเบยี บนี้ หมวด ๑ บทท่วั ไป ข้อ ๕ การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายตามระเบียบน้ี ส่วนราชการต้องดาเนินการเบิกจ่ายให้ถูกต้อง ตามกฎหมาย กฎ ระเบยี บ ข้อบงั คับ มตคิ ณะรฐั มนตรี และมติ คบง.รส. - 38 -
-๒- ข้อ ๖ ให้นาความในข้อ ๖ ข้อ ๗ ข้อ ๗/๑ และข้อ ๘ ของระเบียบรัฐสภาว่าด้วย การงบประมาณ มาใชบ้ งั คบั กบั ระเบยี บนี้โดยอนโุ ลม1 ให้ คบง.รส. มีอานาจอนุมัติ อนุญาตการเบิกจ่ายเงินเพื่อใช้ในการบริหารงานของส่วนราชการ ตามระเบียบน้ี ข้อ ๗ ค่าใช้จ่ายใดที่มกี ฎหมาย ระเบียบหรือข้อบังคับกาหนดไว้เป็นการเฉพาะ ให้เบิกจ่าย ค่าใช้จา่ ยดงั กลา่ วตามรายการและอตั ราทก่ี าหนดไว้ เช่น (๑) คา่ ใชจ้ ่ายในการเดินทางไปราชการ (๒) เบี้ยประชมุ กรรมการ (๓) ค่าใชจ้ ่ายในการฝึกอบรม การจัดงาน และการประชมุ ระหวา่ งประเทศ (๔) เงนิ ตอบแทนการปฏบิ ัติงานนอกเวลาราชการ (๕) ค่าใช้จ่ายเก่ียวกับการสอบแข่งขันบุคคลเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่หักจากเงินค่าธรรมเนียม การสอบนัน้ (๖) การเช่ารถยนต์มาใชใ้ นราชการ (๗) การประกนั ภัยทรัพยส์ นิ ของรฐั (๘) การตดิ ต้งั และการใชโ้ ทรศัพท์ของทางราชการ (๙) ค่ารับรองของประธานรัฐสภา รองประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธาน วุฒิสภา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร รองประธานวุฒิสภา ผู้นาฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หัวหน้าส่วน ราชการ (๑๐) ค่าตอบแทน ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าท่ีพักในการปฏิบัติหน้าที่เก่ียวกับภารกิจ ของสว่ นราชการตามทไี่ ด้รบั มอบหมาย (๑๑) ค่าใช้จ่ายในการประชมุ ราชการ กรณีท่ีมิได้กาหนดรายการและอัตราการเบิกจ่ายไว้ตามวรรคหน่ึง ให้เบิกจ่ายได้ตามท่ี คบง.รส. จะไดก้ าหนดเป็นคราว ๆ ไปตามความเหมาะสมและประโยชน์ของทางราชการ ข้อ ๘ หลักฐานการจ่ายให้ถือปฏิบัติตามระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงนิ และการนาเงนิ ส่งคลงั พ.ศ. ๒๕๕๗ เว้นแต่ คบง.รส. จะกาหนดไว้เป็นอย่างอน่ื ข้อ ๙ ให้หวั หนา้ ส่วนราชการกากับดแู ลการเบกิ จา่ ยค่าใชจ้ า่ ยให้เปน็ ไปตามระเบียบนี้ ในกรณีที่การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายใดไม่เป็นไปตามระเบียบนี้อันเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับ ความเสียหาย ให้ดาเนินการตามกฎหมายว่าดว้ ยความรบั ผิดทางละเมดิ ของเจ้าหนา้ ทโ่ี ดยเร็ว 1 แก้ไขเพ่ิมเติมโดยระเบียบรฐั สภาว่าด้วยการเบิกจา่ ยคา่ ใชจ้ า่ ยในการบริหารงานของสว่ นราชการสงั กัดรฐั สภา (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ - 39 -
-๓- หมวด ๒ คา่ ตอบแทน ข้อ ๑๐ ค่าใช้จ่ายสาหรับบุคคลภายนอกท่ีหัวหน้าส่วนราชการขอความร่วมมือให้มา ปฏิบัติงานให้ส่วนราชการ ให้หัวหน้าส่วนราชการอนุมัติเบิกจ่ายเป็นค่าตอบแทนได้ตามอัตราท่ี คบง.รส. กาหนด ไดแ้ ก่ (๑) บุคคลภายนอกซ่ึงเป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานหรือลูกจ้างของราชการ ส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค หรอื ราชการสว่ นท้องถ่ิน หรอื เปน็ พนกั งานหรือลกู จ้างของรัฐวสิ าหกจิ (๒) บคุ คลภายนอกซงึ่ มไิ ด้เปน็ บคุ คลตาม (๑) (๓) บุคคลภายนอกที่เป็นหัวหน้าส่วนราชการหรือหน่วยงาน หรือรองหัวหน้าส่วนราชการ หรอื หนว่ ยงาน หรอื ผู้มคี ณุ สมบัติเทยี บเท่า หรอื เปน็ ผ้ทู ่มี ีความร้คู วามสามารถและประสบการณ์เป็นพเิ ศษ หลักเกณฑก์ ารเบกิ จ่าย รายการและอตั ราตามวรรคหนึง่ ให้เปน็ ไปตามท่ี คบง.รส. กาหนด ขอ้ ๑๑ ค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้ ให้หัวหน้าส่วนราชการอนุมัติเบิกจ่ายได้ตามความจาเป็น เหมาะสม ประหยดั และเพ่ือประโยชนข์ องทางราชการ ตามอัตราคา่ ตอบแทนที่ คบง.รส. กาหนด (๑) ค่าตอบแทนล่ามในการแปลภาษาทอ้ งถน่ิ ภาษาต่างประเทศ หรอื ภาษามอื (๒) ค่าตอบแทนในการแปลหนังสอื หรอื เอกสาร (๓) ค่าตอบแทนในการจัดเก็บหรือสารวจข้อมูล เฉพาะในช่วงระยะเวลาท่ีมีการจัดเก็บหรือ สารวจขอ้ มลู (๔) ค่าตอบแทนอยา่ งอื่นทเ่ี กย่ี วข้องกับกจิ การของรัฐสภาตามท่ี คบง.รส. กาหนด ความในวรรคหนึง่ มิใหใ้ ช้บงั คบั กบั เจา้ หน้าท่ขี องสว่ นราชการท่ีปฏิบตั งิ านตามหนา้ ที่ หมวด ๓ คา่ ใช้สอย ขอ้ ๑๒ ค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าใช้สอย ให้หัวหน้าส่วนราชการอนุมัติเบิกจ่ายตามความจาเป็น เหมาะสม ประหยัด และเพ่ือประโยชน์ของทางราชการ ท้ังน้ี ให้เป็นไปตามที่ส่วนราชการกาหนดโดยความ เห็นชอบของ คบง.รส. ข้อ ๑๓ ค่าใช้สอยดงั ต่อไปนี้ มใิ หเ้ บกิ จา่ ย (๑) คา่ ทิป (๒) เงนิ หรือส่ิงของบรจิ าค (๓) ค่าใชส้ อยอ่ืนตามที่ คบง.รส. กาหนด ขอ้ ๑๔ ค่าใชจ้ า่ ยในการเชา่ อาคาร เพอ่ื ใช้ในการปฏบิ ัติงาน เพ่ือเกบ็ เอกสารหรือพัสดุต่าง ๆ หรือเพ่ือเป็นท่ีพักอาศัยของเจ้าหน้าที่ และการเช่าที่ดินเพ่ือใช้ในราชการ รวมท้ังค่าบริการอื่นใดท่ีเก่ียวกับ การเช่า ซึ่งคานวณผลประโยชน์ตอบแทนท่ีจ่ายให้แก่ผู้ให้เช่านอกเหนือจากค่าเช่าด้วยแล้ว ให้หัวหน้าส่วน ราชการอนุมัตเิ บกิ จา่ ยเทา่ ทจ่ี า่ ยจรงิ - 40 -
-๔- ขอ้ ๑๕ ค่าใช้จ่ายในการดาเนินคดีในช้ันศาล การระงับข้อพิพาทโดยการอนุญาโตตุลาการ ใหห้ ัวหน้าสว่ นราชการอนมุ ตั เิ บิกจ่ายเท่าที่จ่ายจริง ขอ้ ๑๖ คา่ ใชจ้ ่ายเกยี่ วกับคา่ สินไหมทดแทนที่ผู้เสียหายยื่นคาขอให้ส่วนราชการชดใช้ กรณี ที่เจ้าหน้าท่ีของส่วนราชการได้กระทาละเมิดต่อบุคคลภายนอกในการปฏิบัติหน้าที่ ให้หัวหน้าส่วนราชการ อนมุ ัติเบกิ จ่ายโดยปฏิบตั ติ ามกฎหมายและระเบียบวา่ ดว้ ยการน้นั หมวด ๔ คา่ วัสดุ ขอ้ ๑๗ คา่ วัสดตุ ามหลักการจาแนกประเภทรายจ่ายตามงบประมาณของสานักงบประมาณ ให้หัวหนา้ สว่ นราชการอนมุ ตั เิ บิกจ่ายเท่าทีจ่ า่ ยจริงตามความจาเป็น เหมาะสม ประหยดั และเพ่ือประโยชน์ของ ทางราชการ เว้นแต่ รายการต่อไปน้ี ให้เบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์ที่ คบง.รส. กาหนดหรือได้รับอนุมัติจาก คบง.รส. (๑) ค่าเคร่ืองแบบ เคร่ืองแต่งกายที่จัดให้เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการ ไว้ใช้ในการปฏิบัติงาน ตามหน้าที่ (๒) คา่ วัสดุทใ่ี ช้เพ่ืออานวยความสะดวกแก่ผปู้ ฏบิ ัตงิ าน หมวด ๕ คา่ สาธารณปู โภค ขอ้ ๑๘ ค่าสาธารณูปโภคและค่าใช้จ่ายที่เก่ียวข้องกับสาธารณูปโภคดังต่อไปน้ี ให้หัวหน้า ส่วนราชการอนุมัติเบิกจ่ายได้เท่าท่ีจ่ายจริงตามความจาเป็น เหมาะสม ประหยัด และเพื่อประโยชน์ของ ทางราชการ (๑) ค่าไฟฟ้า คา่ นา้ คา่ โทรศัพท์ ของสว่ นราชการและบ้านพักราชการท่ีไม่มีผู้พักอาศัยให้จ่าย เท่าที่จ่ายจริง (๒) ค่าบริการไปรษณีย์ ค่าฝากส่งไปรษณีย์ ค่าบริการไปรษณีย์ตอบรับ ค่าดวงตราไปรษณีย์ หรือค่าเชา่ ตไู้ ปรษณยี ์ (๓) ค่าบริการสื่อสารและโทรคมนาคม รวมถึงค่าใช้จ่ายเพ่ือให้ได้มาซ่ึงบริการส่ือสารและ โทรคมนาคม เช่น คา่ ใชจ้ ่ายเกย่ี วกับการใช้ระบบและคา่ ใช้บรกิ ารอนิ เทอรเ์ นต็ คา่ เคเบิ้ลทีวี ค่าเช่าช่องสัญญาณ ดาวเทยี ม ค่าสื่อสารผ่านดาวเทียม คา่ วิทยสุ ่อื สาร วิทยุติดตามตัว เปน็ ต้น (๔) คา่ เช่าพ้นื ท่เี ว็บไซต์ และค่าธรรมเนยี มที่เกยี่ วข้อง (๕) ค่าธรรมเนียมธนาคารเกี่ยวกับการทาธุรกรรมทางการเงินเพ่ือความสะดวก ของ ส่วนราชการทม่ี ใิ ช่เปน็ การรอ้ งขอของผ้มู สี ิทธิรับเงนิ บทเฉพาะกาล ข้อ ๑๙ การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายใดที่ได้ดาเนินการตามหลักเกณฑ์ แนวทางการปฏิบัติตาม หนังสือเวียน หนังสืออนุญาต หรือความตกลงของกระทรวงการคลังที่กาหนดไว้ก่อนวันที่ระเบียบน้ีใช้บังคับ - 41 -
-๕- และยังไม่แล้วเสร็จ ให้ดาเนินการตามหลักเกณฑ์ แนวทางการปฏิบัติตามหนังสือเวียน หรือความตกลงของ กระทรวงการคลงั น้ัน ขอ้ ๒๐ ใหบ้ รรดากฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ประกาศกระทรวงการคลัง และระเบียบค่าใช้จ่าย ในการบริหารงาน เงินชว่ ยเหลือ และสทิ ธิประโยชน์ ของข้าราชการประเภทต่าง ๆ ท่ีส่วนราชการสังกัดรัฐสภา นามาใช้บังคับโดยอนุโลมอยู่ก่อนหรือในวันท่ีระเบียบน้ีใช้บังคับ คงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าท่ีไม่ขัดหรือแย้งกับ ระเบยี บน้ี จนกว่าจะได้มรี ะเบียบ ประกาศ ข้อบงั คบั คาสง่ั หรือหนังสือเวียนทอี่ อกตามระเบียบนีใ้ ช้บังคบั ประกาศ ณ วนั ท่ี ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗ นายนิคม ไวยรชั พานชิ ประธานวฒุ สิ ภาทาหน้าทป่ี ระธานรัฐสภา - 42 -
-๖- ระเบียบรัฐสภาวา่ ด้วยการเบิกจ่ายคา่ ใช้จ่ายในการบรหิ ารงานของส่วนราชการสงั กัดรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๗ ระเบยี บรัฐสภาวา่ ดว้ ยการเบกิ จ่ายคา่ ใช้จ่ายในการบรหิ ารงานของส่วนราชการสังกดั รัฐสภา (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ เหตุผล : โดยที่เห็นสมควรกาหนดให้กรรมการในคณะกรรมการบริหารเก่ียวกับการงบประมาณ การเงินและ ทรัพย์สินของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาตามระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และ คณะอนุกรรมการที่คณะกรรมการบรหิ ารเกีย่ วกับการงบประมาณ การเงินและทรัพย์สินของส่วนราชการสังกัด รัฐสภาแต่งตั้ง ได้รับเบ้ียประชุมตามระเบียบรัฐสภาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๕๔ และท่ีแก้ไข เพิ่มเติม ซ่ึงระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๗ กาหนดให้นาบทบัญญัติเกี่ยวกับคณะกรรมการบริหารเกี่ยวกับการงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน ของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาตามระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลม จึงจาเป็นตอ้ งออกระเบยี บน้ี - 43 -
เลม่ ๑๓๑ ตอนพิเศษ ๑๙๓ ง หน้า ๑ ๓๐ กนั ยายน ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา ระเบยี บรฐั สภา ว่าดว้ ยเบย้ี ประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยทเี่ ปน็ การสมควรปรับปรุงระเบียบรัฐสภาว่าดว้ ยเบี้ยประชมุ กรรมการ อาศยั อํานาจตามความในมาตรา ๑๕ (๓) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ก.ร. จึงออกระเบยี บไว้ ดงั ต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบยี บนี้เรยี กวา่ “ระเบยี บรัฐสภาว่าดว้ ยเบีย้ ประชมุ กรรมการ พ.ศ. ๒๕๕๗” ขอ้ ๒ ระเบียบนใี้ ห้ใชบ้ งั คบั ตัง้ แต่วันถัดจากวนั ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป ขอ้ ๓ ใหย้ กเลิก (๑) ระเบยี บรฐั สภาวา่ ด้วยเบยี้ ประชมุ กรรมการ พ.ศ. ๒๕๕๔ (๒) ระเบียบรฐั สภาว่าดว้ ยเบี้ยประชุมกรรมการ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ (๓) ระเบียบรัฐสภาวา่ ด้วยเบยี้ ประชมุ กรรมการ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๖ ข้อ ๔ ในระเบยี บน้ี “กรรมการข้าราชการรัฐสภา” หมายความว่า กรรมการข้าราชการรัฐสภาใน ก.ร. ตามกฎหมาย ว่าดว้ ยระเบียบข้าราชการรฐั สภา “อนุกรรมการข้าราชการรัฐสภา” หมายความว่า อนุกรรมการข้าราชการรัฐสภาในคณะอนุกรรมการ ขา้ ราชการรฐั สภาที่ ก.ร. แต่งตัง้ ตามกฎหมายวา่ ด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการซึ่งได้รับแต่งต้ังโดยบทบัญญัติของกฎหมาย หรือโดยประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร หรือประธานวุฒิสภา หรือโดยมติของ ก.ร. และให้ หมายความรวมถึงคณะกรรมการซ่ึงได้รับแต่งตั้งและกําหนดองค์ประกอบและอํานาจหน้าที่ไว้โดยระเบียบ รฐั สภาหรือประกาศรัฐสภาตามกฎหมายวา่ ด้วยระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา “กรรมการ” หมายความว่า กรรมการในคณะกรรมการ “คณะอนกุ รรมการ” หมายความว่า คณะอนุกรรมการซ่ึงได้รับแต่งต้ังโดยบทบัญญัติของกฎหมาย หรือโดยประธานรัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา หรือท่ีคณะกรรมการแต่งต้ัง และให้หมายความรวมถึงคณะทาํ งานท่ีคณะอนุกรรมการข้าราชการรฐั สภาแต่งตงั้ “อนกุ รรมการ” หมายความว่า อนุกรรมการในคณะอนุกรรมการ “ท่ีปรกึ ษาคณะกรรมการ” หมายความว่า ทีป่ รึกษาซึ่งไดร้ บั แตง่ ต้งั ใหเ้ ป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการ ขอ้ ๕ ให้กรรมการข้าราชการรัฐสภาได้รับเบ้ียประชุมเป็นรายเดือนตามบัญชีอัตราเบ้ียประชุม กรรมการข้าราชการรฐั สภาท้ายระเบียบนี้ และให้ไดร้ บั เบย้ี ประชมุ เฉพาะในเดอื นท่ีไดร้ ่วมประชุม ข้อ ๖ ให้อนุกรรมการข้าราชการรัฐสภาได้รับเบ้ียประชุมเป็นรายเดือนตามบัญชีอัตราเบ้ียประชุม อนกุ รรมการข้าราชการรฐั สภาท้ายระเบียบนี้ และใหไ้ ดร้ ับเบ้ยี ประชุมเฉพาะในเดอื นทไ่ี ด้ร่วมประชมุ - 44 -
เล่ม ๑๓๑ ตอนพเิ ศษ ๑๙๓ ง หนา้ ๒ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา ในกรณีที่ ก.ร. เห็นสมควรให้อนุกรรมการข้าราชการรัฐสภาคณะใดได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายคร้ัง ตามบัญชีอัตราเบี้ยประชุม หมายเลข ๑ ท้ายระเบียบนี้ ก็ได้ และให้นําข้อ ๙ วรรคหนึ่ง มาใช้บังคับ โดยอนโุ ลม ข้อ ๗ ให้กรรมการ อนุกรรมการ เลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะอนุกรรมการ ข้าราชการรัฐสภา เลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการ หรือเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ ในคณะอนุกรรมการ ไดร้ ับเบย้ี ประชมุ เปน็ รายครง้ั ตามบัญชอี ตั ราเบยี้ ประชุมหมายเลข ๑ ท้ายระเบียบน้ี โดยให้เลขานุการมีสิทธิได้รับเบ้ียประชุมไม่เกินหนึ่งคนและผู้ช่วยเลขานุการมีสิทธิได้รับเบ้ียประชุม ไม่เกนิ สองคน ในกรณีท่ีกรรมการหรืออนุกรรมการผู้ใดเป็นเลขานุการหรือผู้ช่วยเลขานุการด้วย ให้เบิก เบย้ี ประชุมไดเ้ พียงตําแหน่งเดียว ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือประธานอนุกรรมการไม่สามารถร่วมประชุมได้ ให้ผู้ซึ่งทําหน้าท่ีประธาน ในทปี่ ระชมุ ไดร้ บั เบ้ียประชุมในอตั ราเดียวกับประธานกรรมการหรอื ประธานอนุกรรมการ แลว้ แตก่ รณี ขอ้ ๘ ที่ปรึกษาคณะกรรมการ ให้ได้รับเบี้ยประชุมเช่นเดียวกับประธานกรรมการ ในคณะกรรมการนน้ั และให้นําข้อ ๙ มาใช้บงั คบั โดยอนุโลม ข้อ ๙ กรรมการ อนุกรรมการ เลขานกุ ารหรือผชู้ ่วยเลขานกุ าร คณะหนึ่ง ให้ได้รับเบี้ยประชุม สาํ หรับการประชุมคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการ น้นั แลว้ แต่กรณี เพยี งคร้งั เดียวในวันหน่ึง ในกรณีที่กรรมการ อนุกรรมการ เลขานุการหรือผู้ช่วยเลขานุการ ตามวรรคหนึ่งน้ัน มีการประชุม ในคณะกรรมการหรือคณะอนกุ รรมการคณะอน่ื ดว้ ยในวันเดยี วกนั ใหไ้ ดร้ ับเบย้ี ประชมุ ในวนั นนั้ ไม่เกนิ สองครัง้ ข้อ ๑๐ ในกรณีที่กรรมการข้าราชการรัฐสภา อนุกรรมการข้าราชการรัฐสภา กรรมการ หรืออนุกรรมการซ่ึงเป็นการแต่งตั้งโดยตําแหน่งไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ แต่ได้มอบหมายให้ผู้อ่ืน เข้าร่วมประชมุ แทนโดยทําเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานการมอบหมาย ให้ถือว่าผู้ได้รับมอบหมายปฏิบัติหน้าท่ี ในฐานะกรรมการข้าราชการรัฐสภา อนุกรรมการข้าราชการรัฐสภา กรรมการ หรืออนุกรรมการ แทนผู้ดํารงตําแหน่งน้ัน ๆ และให้นับเป็นองค์ประชุม ตลอดจนมีสิทธิได้รับเบ้ียประชุมในอัตราเช่นเดียวกับ กรรมการขา้ ราชการรฐั สภา อนุกรรมการขา้ ราชการรฐั สภา กรรมการ หรืออนกุ รรมการ แลว้ แตก่ รณี ขอ้ ๑๑ ในกรณีท่ีกฎหมาย กฎ กฎ ก.ร. ข้อบังคับ ระเบียบ หรือหลักเกณฑ์วิธีการที่ออก ตามกฎหมาย กําหนดให้ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาตั้งคณะกรรมการเพ่ือดําเนินกิจการตามท่ีกําหนดไว้ โดยหัวหน้าส่วนราชการสังกัดรัฐสภาเป็นผู้แต่งต้ังคณะกรรมการดังกล่าว ให้กรรมการ เลขานุการ หรอื ผูช้ ว่ ยเลขานกุ ารซง่ึ ไดร้ ับแตง่ ตั้งท่ีไม่ใช่ข้าราชการรฐั สภาสามัญ พนักงานราชการ และลูกจ้างประจําของ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ได้รับเบี้ยประชุมตามอัตราเบ้ียประชุม หมายเลข ๑ ท้ายระเบียบน้ี และให้ เป็นไปตามหลกั เกณฑ์และเงือ่ นไขตามทีก่ ําหนดไว้ในระเบยี บน้ี - 45 -
เล่ม ๑๓๑ ตอนพิเศษ ๑๙๓ ง หนา้ ๓ ๓๐ กนั ยายน ๒๕๕๗ ราชกจิ จานุเบกษา ขอ้ ๑๒ การประชุมของคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการตามข้อ ๗ ต้องมีกรรมการ หรืออนุกรรมการร่วมประชุมอย่างน้อยก่ึงหนึ่งของจํานวนกรรมการหรืออนุกรรมการท้ังหมด จึงจะเป็น องคป์ ระชมุ และมสี ิทธเิ บิกเบ้ยี ประชมุ ตามระเบียบนี้ ขอ้ ๑๓ ให้ ก.ร. มีอํานาจตคี วามและวินจิ ฉยั ปญั หาเกยี่ วกบั การปฏิบตั ิตามระเบยี บนี้ ขอ้ ๑๔ ให้ประธานรัฐสภารกั ษาการตามระเบยี บนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วชิ ติ ชลชัย ประธานสภานิตบิ ญั ญัติแห่งชาติ ทาํ หนา้ ท่ปี ระธานรัฐสภา - 46 -
บัญชีอัตราเบย้ี ประชุมของกรรมการขา้ ราชการรัฐสภา ตาํ แหนง่ อัตราเบยี้ ประชมุ (บาท/เดือน) ประธานกรรมการ ๒๐,๐๐๐ รองประธานกรรมการ ๑๘,๐๐๐ กรรมการ ๑๖,๐๐๐ บัญชีอตั ราเบยี้ ประชุมของอนุกรรมการขา้ ราชการรฐั สภา ตําแหนง่ เบ้ียประชมุ (บาท/เดอื น) ประธานอนกุ รรมการขา้ ราชการรัฐสภา ๗,๕๐๐ ๖,๐๐๐ อนุกรรมการขา้ ราชการรัฐสภา บัญชีอัตราเบยี้ ประชุม หมายเลข ๑ ตาํ แหน่ง อตั ราเบยี้ ประชมุ (บาท/ครงั้ ) ประธานอนุกรรมการขา้ ราชการรัฐสภา ๒,๐๐๐ หรอื ประธานกรรมการ ๑,๘๐๐ รองประธานอนุกรรมการขา้ ราชการรฐั สภา ๑,๖๐๐ ๑,๖๐๐ หรอื รองประธานกรรมการ ๑,๒๕๐ อนกุ รรมการขา้ ราชการรัฐสภาหรือกรรมการ ๑,๐๐๐ ๑,๐๐๐ เลขานกุ ารและผูช้ ่วยเลขานุการ ในคณะอนุกรรมการขา้ ราชการรฐั สภาหรือคณะกรรมการ ประธานอนุกรรมการ อนกุ รรมการ เลขานุการและผชู้ ่วยเลขานุการ ในคณะอนกุ รรมการ - 47 -
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125