Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสืออนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย

หนังสืออนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย

Description: เล่มหนังสือ ๑๐๐ ปี

Search

Read the Text Version

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๔๕ ๔.๑๑.๑.๑ เสนอความคิดเห็นต่อแม่ทัพภาคและฝ่ายอํานวยการในกิจการที่เกี่ยวกับขวัญ กําลังใจและจรยิ ธรรมของทหาร ๔.๑๑.๑.๒ ช่วยเหลือแม่ทัพภาค และฝ่ายอํานวยการ ในการนําเอาหน้าที่พลเมืองดีและ ธรรมจรรยามาใช้ให้สอดคล้องกับชวี ติ ในกรมกองทหาร ๔.๑๑.๑.๓ กํากับดูแลและประสานในเรื่องเจ้าหน้าท่ี และการฝึกของอนุศาสนาจารย์ที่มา ประจําในกองทพั ภาค รวมทง้ั แนะนาํ ระเบียบวิธกี ารอบรมใหเ้ ป็นไปในแนวทางเดยี วกนั ๔.๑๑.๑.๔ ติดต่อประสานงานกับหน่วยเหนือและหน่วยรอง ตลอดทั้งองค์การศาสนาท่ัวไปเพื่อ สง่ เสริมศาสนาและศลี ธรรมในกองทัพ และประสานพิธกี ารทางศาสนาในกองทัพภาค ๔.๑๑.๑.๕ ตรวจ สอดสอ่ งดแู ลการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีของอนุศาสนาจารย์ในหนว่ ยขึน้ ตรงของกองทัพ ภาค ๔.๑๑.๑.๖ สอดสอ่ ง ดแู ลอนศุ าสนาจารย์หนว่ ยข้นึ ตรงกองทัพภาคในด้านจรรยาบรรณ ๔.๑๑.๒ อนุศาสนาจารยห์ นว่ ยระดบั กองพล ๔.๑๑.๒.๑ ให้คําแนะนําแก่ผู้บัญชาการกองพล และฝ่ายอํานวยการในกิจการต่างๆ ท่ีเกี่ยวกับ ศาสนา ศลี ธรรม ขวัญ ๔.๑๑.๒.๒ ช่วยเหลือผู้บัญชาการกองพลและฝ่ายอํานวยการในการปลูกฝังศีลธรรมวัฒนธรรม แกท่ หาร ๔.๑๑.๒.๓ กํากับดูแลและประสานในเรื่องการฝึกฝนเจ้าหน้าท่ีที่เก่ียวกับอนุศาสนาจารย์ท่ีมา ปฏิบัติงานในกองพล ๔.๑๑.๒.๔ ติดต่อประสานงานกับหน่วยหรือองค์การทางศาสนาอื่นๆ ที่จะช่วยส่งเสริมศีลธรรม วฒั นธรรมอันดงี ามแก่ทหาร และอํานวยการศาสนพธิ ีในกองพล ๔.๑๑.๒.๕ ติดต่อประสานงานกับกองบัญชาการหน่วยเหนือ หน่วยข้างเคียง และกับ อนุศาสนาจารย์ภายในหน่วย ตลอดจนตา่ งเหล่าทพั ๔.๑๑.๒.๖ อํานวยการในด้านขวัญกําลังใจ และศาสนพิธีแก่นักโทษเชลยศึก พลเรือนที่ถูกกักกัน และบุคคลพลัดถิน่ ๔.๑๑.๒.๗ ตรวจ สอดส่องดแู ลการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีของอนศุ าสนาจารยใ์ นหนว่ ยขน้ึ ตรงกองพล ๔.๑๑.๒.๘ สอดสอ่ งดแู ลอนุศาสนาจารย์หน่วยขึน้ ตรงกองพลในด้านจรรยาบรรณ ๔.๑๑.๓ อนุศาสนาจารยห์ นว่ ยระดับมณฑลทหารบกและจงั หวัดทหารบก ๔.๑๑.๓.๑ ให้คําปรึกษาและข้อเสนอแนะแก่ผู้บังคับบัญชา และฝ่ายอํานวยการเกี่ยวกับกิจการ อนุศาสนาจารย์ ๔.๑๑.๓.๒ อํานวยการ กํากับการและปฏิบัติในเรื่องพิธีกรรมทางศาสนา ท้ังปวงตลอดจนการ อบรมศลี ธรรมวัฒนธรรมทหาร ๔.๑๑.๓.๓ ดําเนินการเกี่ยวกับกจิ กรรมทางศาสนา เพอ่ื ใหท้ หารมขี วัญดีอยู่เสมอ ๔.๑๑.๓.๔ ปฏิบัติงานตามระเบียบแบบธรรมเนียมท่ีสายวิทยาการ-อนศุ าสนาจารย์กาํ หนด ๔.๑๑.๓.๕ ปฏิบัติงานทางด้านสังคมจิตวทิ ยาเพ่ือสนับสนุนภารกจิ ของหน่วยและผู้บังคับบัญชา ๔.๑๑.๓.๖ ปฏบิ ตั ิงานทางธุรการท่เี กยี่ วขอ้ ง

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๔๖ ๔.๑๑.๔ อนศุ าสนาจารย์หนว่ ยระดับกรม ๔.๑๑.๔.๑ ควบคมุ ตรวจตราในเรอ่ื งเก่ียวกบั การบํารุงขวญั และกาํ ลงั ใจแก่ทหาร ๔.๑๑.๔.๒ อํานวยการทางศาสนพิธขี องหน่วย ๔.๑๑.๔.๓ อบรมศีลธรรมวฒั นธรรมแกท่ หาร ๔.๑๑.๔.๔ ให้คําแนะนําทางพิธีและศาสนาแก่ญาติของทหารท่ีถึงแก่กรรม รวมท้ังการสร้าง ขวญั กําลงั ใจแก่ญาตทิ หาร ๔.๑๑.๔.๕ ประสานงานทางศาสนาวฒั นธรรมของหน่วย กบั องค์การทางศาสนาทั่วไป ๔.๑๑.๔.๖ ตรวจตรา ประสานงาน ในเร่ืองการอบรมศลี ธรรมวัฒนธรรมแกท่ หาร ๔.๑๑.๔.๗ ปฏบิ ตั ิงานธรุ การท่ีเกยี่ วข้อง หน้าที่และภารกิจของอนุศาสนาจารย์ประจําหน่วยระดับต่างๆ ตามข้อ ๔.๑๑ มีความแตกต่างกันใน รายละเอยี ดและสว่ นยอ่ ย แตห่ นา้ ทตี่ าม ชกท.๕๓๑๐ ทง้ั หน้าทท่ี วั่ ไปและหนา้ ท่เี ฉพาะ ยอ่ มไมแ่ ตกตา่ งกนั ๔.๑๒ ภารกจิ และหนา้ ทอ่ี นศุ าสนาจารยใ์ นสนาม ๔.๑๒.๑ เสนอแนะแกห่ นว่ ย ใหจ้ ดั ชดุ ส่งิ อปุ กรณ์บํารุงขวญั และสง่ิ อปุ กรณ์ที่ใช้ ประกอบ การบรรยายอบรมจิตใจทหาร และเปน็ สิ่งอุปกรณ์ที่มคี วามคลอ่ งตวั ในการเคล่ือนยา้ ยไปกับหน่วยตามกรณี ๔.๑๒.๒ ทําบัญชีทหารแยกตามศาสนา เพ่ือสะดวกในการให้คําแนะนํา การนําประกอบศาสนกิจ และ การทาํ พิธกี รรมทางศาสนา ๔.๑๒.๓ จัดทําบัญชีทหาร ระบุยศ ชื่อ นามสกุล ภูมิลําเนา ของทหารท่ีถือศาสนาส่วนน้อยและแยก ตามนกิ าย ทั้งน้ี เพอื่ ใหบ้ รกิ ารทางศาสนาไดส้ ะดวกในชวี ติ ประจาํ วนั และแม้ในยามทีม่ ีการสญู เสยี กาํ ลงั พล ๔.๑๒.๔ จัดทําบัญชี วัด สุเหร่า โรงสวด สุสาน โบสถ์ ศาสนสถาน และบุคลากรสําคัญของแต่ละศาสนา ในพน้ื ทีใ่ กล้บรเิ วณทีต่ ัง้ หน่วย เพ่ือประสานในการกระทาํ พธิ กี รรมทางศาสนาวัฒนธรรมประเพณี เม่ือจาํ เปน็ ๔.๑๒.๕ ประสานการปฏิบัติร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับฝ่ายกําลังพล ทางด้านงานปกติ การบํารุงขวัญ และ พิธีกรรม และใกลช้ ิดกบั ฝา่ ยกิจการพลเรอื น (ถ้าม)ี ทางด้านสังคมจิตวิทยา ๔.๑๒.๖ เสนอความเห็นแก่ผู้บังคับหน่วย ผู้บังคับบัญชา ในเรื่องการอบรมศีลธรรม การอบรมจิตใจ ทหาร ขวัญกําลังใจ วัฒนธรรมประเพณี ตลอดจนให้ทหารได้มีโอกาสปฏิบัติศาสนกิจและได้รับการบํารุงรักษาขวัญตาม สมควร ๔.๑๒.๗ เอาใจใส่ดูแลศาสนสถานภายในหนว่ ยใหม้ คี วามนา่ ศรทั ธาเลื่อมใส ๔.๑๒.๘ หาโอกาสพบปะเย่ียมทหารท่ีออกปฏิบัติงานนอกท่ีตั้ง ปลุกปลอบบํารุงขวัญและเสริมสร้าง กําลงั ใจทหารปว่ ยเจ็บ หรือทหารทไ่ี ด้รบั ความกระทบกระเทือนทางจิตใจเน่ืองจากการคร่ําเคร่งในการปฏิบัติหน้าที่ ให้กลับ มีจติ ใจรุกรบ อาจหาญ มีพลงั ใจพรอ้ ม ๔.๑๒.๙ เข้าร่วมกิจกรรมบรรเทาสาธารณภัยกับฝ่ายพลเรือนหรือหน่วยในพ้ืนที่ เช่น กรณีช่วยเหลือผู้ ประสบอทุ กภยั วาตภยั และอคั คีภัย เป็นตน้ ๔.๑๒.๑๐ ดาํ เนินการรว่ มกับนายทหารฝ่ายการศพ ในกรณที หารเสียชีวิต ๔.๑๒.๑๑ แสวงหาความรว่ มมือจากบุคคลและองคก์ รในทอ้ งถ่ินเกยี่ วกบั การบาํ รุงขวญั ทหาร ๔.๑๒.๑๒ ศึกษาคําสอน พิธีกรรม ของศาสนาต่างๆ ให้เข้าใจเพ่ือสะดวกในการให้คําแนะนําการนํา ปฏิบตั ิพิธีกรรมทางศาสนาและประเพณี

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๔๗ ๔.๑๒.๑๓ สังเกต จดบันทึก ทําบัญชีทหารที่มีพฤติกรรมล่อแหลมในด้านวินัย ความเช่ือฟัง การหมกมุ่นใน ส่ิงอบายมขุ การมีลกั ษณะเฉือ่ ยชา และเขา้ ใกล้ชิดกับผ้มู ีปัญหาดังกลา่ ว ๔.๑๒.๑๔ ไม่เป็นผ้เู กียจครา้ น ทอ้ แท้ ทอ้ ถอย และฝกึ พลงั จิตของตนเสมอ ๔.๑๒.๑๕ หาโอกาสพบปะสนทนากับผู้บังคับหน่วยและผู้บังคับบัญชาเสมอ เพื่อรับทราบ ปัญหา เพ่ือ นําไปสกู่ ารปฏบิ ัตภิ ารกจิ หน้าท่ีอนศุ าสนาจารย์ ๔.๑๒.๑๖ ต้องตระหนักว่า ในสนามกระทําการอบรมเป็นกลุ่มก้อนได้น้อย แต่กระทําการพบปะเย่ียม เยยี นไดม้ าก ๔.๑๒.๑๗ ประสานให้เกดิ ความเข้าใจ ขวญั จริยธรรม ของกําลงั พลในสนาม และครอบครวั ของกําลังพล นั้นๆ ๔.๑๒.๑๘ กรณีประกอบพิธีศพผู้เสียชีวิตในสนาม ณ วัดหรือศาสนสถานของศาสนาอ่ืนในพ้ืนที่การ ดาํ เนนิ การพิธศี พ ในการกล่าวสดดุ วี ีรกรรมขอให้เพ่มิ การกล่าวธรรมสังเวชท่ีเขียนโดยอนศุ าสนาจารย์เข้าไปดว้ ย ๔.๑๒.๑๙ พิธีสําคัญในทางพระพุทธศาสนา ที่ปฏิบัติในหน่วยในที่ต้ังปกติ เช่น พิธีวิสาขบูชา เป็นต้น แม้ในสนามอนุศาสนาจารย์สามารถเสนอแนะ และปรึกษาผู้บังคับบัญชาให้จัดขึ้นได้ทั้งในวัดใกล้หน่วย และภายในหน่วย ทั้งนี้ ยอ่ มข้ึนอยู่กับสถานการณ์ ๕. การสอบบรรจอุ นศุ าสนาจารย์ ๕.๑ การสอบบรรจอุ นุศาสนาจารย์ กองทัพบกได้จัดให้มีการสอบคัดเลือกบุคคลพลเรือน ทหารกองหนุน เพื่อบรรจุเข้ารับราชการเป็น นายทหารสัญญาบัตรเป็นส่วนรวม ปีละ ๑ คร้ัง ตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ เป็นต้นมา โดยมอบให้กรมยุทธศึกษาทหารบกเป็นหน่วย ดําเนินการ ท้ังน้ีรวมถึงการสอบคัดเลือกบุคคลพลเรือน ทหารกองหนุน เพื่อบรรจุเข้ารับราชการเป็นนายทหารสัญญาบัตร สายงานอนุศาสนาจารย์ ตามจาํ นวนโควตาทไ่ี ดร้ ับอนุมตั จิ ากกองทัพบกเปน็ ปีๆ ไป ๕.๒ คณุ สมบัตขิ องผสู้ มคั รสอบคัดเลือกบรรจุเขา้ รับราชการในสายวิทยาการอนศุ าสนาจารย์ ๕.๒.๑ เป็นผูเ้ คยอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพทุ ธศาสนา ๕.๒.๒ วทิ ยฐานะ ๕.๒.๒.๑ เปรียญธรรม ๙ ประโยค ๕.๒.๒.๒ ปรญิ ญาพทุ ธศาสตรบัณฑติ (พธ.บ.) และเปรียญธรรม ๔ ประโยคขนึ้ ไป ๕.๒.๒.๓ ปริญญาศาสนศาสตรบัณฑติ (ศน.บ.) และเปรยี ญธรรม ๔ ประโยคข้ึนไป ๕.๒.๓ มีสัญชาติไทย และบดิ ามารดามีสญั ชาติไทยโดยกาํ เนดิ ๕.๒.๔ มอี ายตุ ง้ั แต่ ๒๕ ปีบริบรู ณ์ ถงึ ๓๕ ปบี รบิ ูรณ์ นบั ตามพระราชบัญญตั ิรบั ราชการ ทหาร ๕.๒.๕ ไมเ่ คยมปี ระวัตเิ สยี หายทั้งในระหว่างเปน็ พระภกิ ษุ และลาสกิ ขามาแล้ว ๕.๒.๖ มีร่างกายสมบรู ณ์ ไมม่ ีโรคขัดต่อการรบั ราชการทหาร ๕.๒.๗ มคี ณุ สมบตั ิเหมาะสมทีจ่ ะเปน็ อศจ. และไมข่ ัดต่อขอ้ บังคับทหาร ว่าด้วยข้าราชการทหารกลาโหมพล เรือน ท่ี ๓/๒๔๔๖๘๒๒๘ ลง ๑๗ ม.ิ ย. ๘๒ ๕.๒.๘ ต้องเป็นผ้ผู า่ นการตรวจเลอื กทหารมาแลว้

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๔๘ ๕.๒.๙ ผู้ท่ีผ่านการตรวจเลือกทหารแล้ว ถ้าผลการตรวจเลือกระบุว่าไม่ได้ขนาด จะรับเฉพาะผู้ท่ีมีความสูง ตงั้ แต่ ๑๖๐ เซนตเิ มตรข้นึ ไป และมีขนาดรอบอกขณะหายใจออก ๗๖ เซนติเมตร ขณะหายใจเข้า ๗๙ เซนติเมตร แต่ถ้าผล การตรวจเลือกระบุวา่ เปน็ คนจําพวกท่ี ๒ ไม่รบั สมัคร ๕.๒.๑๐ มีความเลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตย ไม่มีประวัติบกพร่องทางศีลธรรม มีความ ประพฤตไิ มเ่ ปน็ ทรี่ ังเกยี จของสาธชุ น ๕.๒.๑๑ คณุ สมบัติเฉพาะบคุ คลชาย ๕.๒.๑๑.๑ เป็นทหารกองเกิน อายุระหว่าง ๒๒ ปี ถึง ๒๙ ปี โดยไม่รับสมัครผู้ท่ีจะรับการตรวจ เลือกเข้าเปน็ ทหารกองประจาํ การ และ/หรอื ผู้ท่ีขอผอ่ นผันเขา้ รับการตรวจเลอื กเป็นทหารกองประจําการในปีท่สี มัครสอบ ๕.๒.๑๑.๒ เปน็ ทหารกองหนนุ อายุไมต่ ํา่ กว่า ๑๘ ปี ถงึ ๓๕ ปี ๕.๒.๑๑.๓ มีอวัยวะ รูปร่าง ลักษณะท่าทาง และขนาดร่างกายเหมาะสมแก่การเป็นทหาร โดย ต้องมีความสูงอย่างต่ํา ๑๖๐ ซม. รอบอก ๗๖/๗๙ ซม. โดยจะพิจารณาจากผลการวัดขนาดร่างกายที่ระบุใน แบบ สด.๔๓ หรือจากผลการวัดขนาดรา่ งกายในวันตรวจโรค ๕.๒.๑๒ คณุ สมบตั ิทว่ั ไป (คณุ สมบัติเพ่มิ เติม) ๕.๒.๑๒.๑ เป็นผมู้ ีคณุ สมบัตคิ รบถว้ นในการขอแตง่ ต้งั ยศเปน็ นายทหารสัญญาบัตร ตามข้อบังคับ กระทรวงกลาโหม ว่าดว้ ยการแตง่ ตงั้ ยศทหาร พ.ศ.๒๕๐๗ และฉบบั ทแี่ ก้ไขทุกฉบับ ๕.๒.๑๒.๒ เป็นผู้มคี ณุ สมบัตทิ ่ัวไปตามพระราชบัญญตั ริ ับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ ๕.๒.๑๒.๓ มสี ญั ชาติไทย และบิดามารดามีสญั ชาตไิ ทยโดยกาํ เนดิ ๕.๒.๑๒.๔ ไม่เปน็ โรคที่ขัดต่อการบรรจุเขา้ เป็นนายทหารสัญญาบัตร ๕.๒.๑๒.๕ ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมไม่เป็นผู้ที่มีหน้ีสินล้นพ้นตัว หรือ เป็นบุคคลล้มละลาย ตามคาํ พพิ ากษา ๕.๒.๑๒.๖ ไมอ่ ยู่ในสมณเพศ ๕.๒.๑๒.๗ ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างเป็นจําเลยในคดีอาญา และไม่เคยต้องโทษจําคุกตามคํา พพิ ากษาของศาลในคดีอาญายกเว้นแต่ความผดิ ฐานประมาทหรือลหุโทษ ๕.๒.๑๒.๘ ไมเ่ ปน็ ผอู้ ย่ใู นระหว่างพักราชการเนอ่ื งจากความผดิ หรอื หนีราชการ ๕.๒.๑๒.๙ ไมเ่ ปน็ ผูเ้ คยถกู ปลดเพราะความผิดหรือถูกไล่ออกจากราชการ ๕.๒.๑๒.๑๐ ไม่เคยทจุ รติ ในการสมคั รสอบหรือการสอบคัดเลอื กเข้าเปน็ นักเรียนทหารมากอ่ น ๕.๒.๑๒.๑๑ ไม่เป็นผูเ้ สพยาเสพติด หรอื สารเคมีเสพตดิ ให้โทษ หรอื มีประวตั ิ คดอี าญาข้อหาเก่ียวกบั ยาเสพติด ๕.๓ การสอบภาควิชาการ (รอบแรก) วิชาทส่ี อบ ๕.๓.๑ วชิ าพ้นื ฐาน ประกอบด้วย ภาษาอังกฤษ, ภาษาไทย และความรทู้ ่วั ไป ๕.๓.๒ วิชาพ้นื ฐานพระพทุ ธศาสนา ๕.๔ การสอบรอบท่ีสอง ๕.๔.๑ การตรวจโรค ๕.๔.๒ การทดสอบด้านจติ เวช ๕.๔.๓ การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๔๙ ๕.๔.๔ การทดสอบภาควิชาเฉพาะตามคณุ วฒุ ิ (เชงิ ลึก) ๕.๔.๕ การสอบสัมภาษณ์ (ปากเปลา่ ) ๖. งานในความรับผิดชอบของอนศุ าสนาจารย์ อนุศาสนาจารย์ มคี วามรบั ผิดชอบงานในด้านปฏบิ ตั ิการ และอาํ นวยการเกย่ี วกบั ด้านศาสนา ขวัญและกําลังใจ ของกําลังพลในกองทัพ รวมทั้งการอบรมด้านคุณธรรมจริยธรรม วัฒนธรรมประเพณี และงานธุรการต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้อง ตามที่กําหนดไว้ในหมายเลขชํานาญการทางทหาร, การจัดและการกําหนดหน้าท่ีของบุคคลและส่วนราชการของกรมยุทธ ศึกษาทหารบก และระเบียบปฏิบัตติ า่ งๆ ทก่ี องอนุศาสนาจารยฯ์ กําหนดข้ึน ๗. การบรรจอุ นุศาสนาจารยใ์ นภารกจิ พเิ ศษ อนุศาสนาจารย์ อาจไดร้ บั การบรรจใุ นตําแหนง่ อนื่ ๆ เปน็ การช่ัวคราว ซึ่งตําแหน่งดังกล่าวน้ัน ต้องไม่ขัดกับการ ดํารงตนอยูใ่ นภาวะอนศุ าสนาจารยโ์ ดยผู้บงั คับหน่วยจะเป็นผูพ้ จิ ารณาในการบรรจุ

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๕๐ บทที่ ๔ สัมพนั ธภาพของอนศุ าสนาจารย์ ๑. ความเกยี่ วข้องสัมพนั ธ์กบั ผ้บู ังคบั หน่วย ก. อนศุ าสนาจารย์ในฐานะฝ่ายอํานวยการพิเศษของผู้บังคับหน่วยจะต้องมคี วามสมั พันธอ์ ย่างใกล้ชิดกบั ผบู้ ังคับ หน่วย เพ่ือเสนอแนะในเรื่องท่ีเกี่ยวกับศาสนาวัฒนธรรมประเพณี ตลอดจน ข้อปฏิบัติเพื่อเสริมสร้างขวัญและกําลังใจของ กําลังพล และในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา อนุศาสนาจารย์จะต้องรับทราบแนวนโยบายของผู้บังคับบัญชา ตลอดจนคําช้ีแจง ต่างๆ ท่ีเอื้ออาํ นวยในการปฏบิ ัติหนา้ ท่ี แลว้ นําไปดาํ เนนิ การจนเกดิ ผลดีต่อหนว่ ยและกาํ ลังพลของหนว่ ยตอ่ ไป ข. รส. ๑๐๑-๔ ได้กําหนดถึงความสัมพันธ์ของอนุศาสนาจารย์ ในฐานะฝ่ายอํานวยการต่อผู้บังคับหน่วยรอง ในลักษณะ ดงั นี้ “ หากปรากฏพบว่า คําส่ังของผู้บังคับบัญชาหน่วยเหนือ ก่อให้เกิดความเข้าใจท่ีผิดพลาดอนุศาสนาจารย์จะ ช่วยประสาน เสริมความเข้าใจแก่ผู้บังคับหน่วยรอง หรือฝ่ายอํานวยการของผู้บังคับบัญชา ในลักษณะให้ข้อมูลเพ่ิมเติมท่ีจําเป็น เพ่อื ชว่ ยให้ผ้บู ังคับหนว่ ยรอง เกดิ ความเขา้ ใจที่ถูกต้องในความต้องการของผ้บู งั คบั หน่วยเหนอื ” ๒. ความสัมพนั ธ์กับฝ่ายอาํ นวยการ หน้าที่ของอนุศาสนาจารย์ ในฐานะท่ีเป็นฝ่ายอํานวยการพิเศษ จะต้องปรึกษาหารือกับฝ่ายอํานวยการอื่นๆ เพื่อรับทราบข้อมูลทางเทคนิค ข่าวสาร และแนวทางปฏิบัติที่ได้วางไว้ ตลอดจนหาแนวทางให้ข้อคิดทางด้านศาสนา ความรสู้ กึ รับผดิ ชอบ และขวัญกําลงั ใจ ดว้ ยสมั พนั ธภาพฉันทม์ ิตร โดยจะไมเ่ ข้าไปกา้ วก่ายในเรอื่ งท่อี ยู่ในความรับผิดชอบของ ฝา่ ยอาํ นวยการอื่น ๓. ความสมั พนั ธก์ ับกาํ ลงั พลของหน่วย ก. อนุศาสนาจารย์ จะต้องอยู่ในฐานะที่กําลังพลทุกระดับ เข้าพบปะปรึกษาหารือขอรับคําแนะนําได้โดยง่าย โดยคงฐานะความเป็นผู้นําทางจิตวิญญาณ, การยอมรับฟังข้อคิดเห็น, ความอ่อนน้อมถ่อมตน, ความสงบเยือกเย็นหนักแน่น มั่นคง และเป็นทีย่ อมรับของกําลังพลในดา้ นความเสียสละ, ความซอื่ สัตย,์ ความอดทน ข. อนุศาสนาจารย์ จะต้องหม่ันออกพบปะกําลังพลอยู่เสมอ ณ สถานท่ีต่างๆ เช่น โรงเลี้ยง,โรงนอน, ห้องฝึกฝน, หอ้ งพักผอ่ น, พน้ื ที่ดาํ เนินการยทุ ธ ท้งั ในยามปกติ และยามสงคราม ๔. ความสมั พนั ธก์ บั ครอบครัวของกาํ ลงั พล อนุศาสนาจารย์ จะต้องหม่ันเยี่ยมเยียนครอบครัวของกําลังพลเพ่ือให้การดูแลและให้คําปรึกษาหารือ, ส่งเสริม ให้เข้ารว่ มกิจกรรมทางด้านศาสนาวัฒนธรรมประเพณี และชว่ ยแกป้ ัญหาทางดา้ นจติ ใจ ๕. ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งอนศุ าสนาจารย์ดว้ ยกนั เอง ความสมั พันธ์ของอนุศาสนาจารย์ระหว่างกันและกัน จะต้องอยู่บนพ้ืนฐานในความเข้าใจซ่ึงกันและกัน, มีความ เคารพกัน, อทุ ิศตนเพื่อสว่ นรวม และปฏิบตั พิ ิธตี า่ งๆ อันกอ่ ใหเ้ กิดขวัญกําลังใจแก่ กาํ ลงั พลและครอบครัว ตามความเหมาะสมแห่งความสมั พันธ์ในดา้ นต่างๆ คือ ก. ความสัมพันธ์ในฐานะผู้ร่วมสายวิทยาการเดียวกัน จึงต้องมีความเคารพกันตามลําดับอาวุโส เชื่อฟังและ ปฏิบัตติ ามระเบยี บตา่ งๆ ที่สายวทิ ยาการกําหนดข้นึ เหมือนๆ กัน

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๕๑ ข. ความสมั พนั ธ์ในฐานะผู้มจี รรยาบรรณเดยี วกัน ต้องประพฤตติ นอยู่ในจรรยาบรรณของอนุศาสนาจารย์อย่าง เคร่งครัด ไม่ประพฤติตนใหเ้ ปน็ ทีร่ ังเกียจของหมู่คณะ ค. ความสัมพันธ์ในฐานะผู้มีบทบาทในการพัฒนาจิตรวมทั้งขวัญ กําลังใจของกําลังพลเช่นเดียวกัน จึงต้องมี ความหนกั แน่นในด้านความร้เู กี่ยวกบั ศาสนาวฒั นธรรมประเพณี และปฏิบัตพิ ิธกี ารตา่ งๆ ได้อย่างถูกต้องเช่นเดียวกนั แบบธรรมเนยี มทางสังคม เป็นความจําเป็นที่อนุศาสนาจารย์จะต้องเรียนรู้แบบธรรมเนียมต่างๆ ของสังคมและปฏิบัติตามแบบธรรมเนียม เหล่าน้ันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เพราะแบบธรรมเนียมเหล่านั้นมีความสัมพันธ์กับวินัยและขวัญกําลังใจของกําลังพลเป็น อย่างมาก อาทิ การแสดงความเคารพ, ความออ่ นน้อม, การใหเ้ กียรตกิ นั และกนั อนศุ าสนาจารย์ซึ่งมบี ทบาทเก่ียวกับศาสนา วฒั นธรรมประเพณที ั้งในสังคมทหาร, สังคมใกล้เคียงหน่วยทหารและสังคมทั่วไป จึงต้องเรียนรู้และปฏิบัติให้ถูกต้อง จนเป็น ท่ยี อมรับในฐานะท่เี ปน็ ทหารทีด่ ีของกองทัพ และเปน็ พลเมอื งท่ดี ีของชาติ ความสาํ คญั ในฐานะพุทธมามกะ ๑. สถานภาพอนศุ าสนาจารย์ในกองทพั ในกองทพั อนุศาสนาจารย์จะเป็นผแู้ ทนของพระพุทธศาสนาที่มีความเชอ่ื ม่ันในหลักคําสอนของพระพุทธเจ้า เป็น ผู้เคร่งครัดในการปฏิบัติต่อหลักคําสอนนั้นๆ รวมท้ังสามารถปฏิบัติพิธีกรรมต่างๆ ได้อย่างถูกต้องท้ังในศาสนสถานประจํา หน่วย, สถานทที่ ีก่ าํ หนดให้มกี ารจดั พธิ ีเปน็ การเฉพาะกจิ และตามเคหสถานของกําลงั พลและครอบครวั ๒. การปฏิบัตหิ นา้ ทใ่ี นฐานะพทุ ธมามกะ กองทัพบกได้กําหนดให้อนุศาสนาจารย์เป็นเจ้าหน้าท่ีหลักในพิธีการต่างๆ ทางพระพุทธ-ศาสนา ดังน้ัน อนุศาสนาจารย์ จึงต้องเสนอแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องให้กําลังพลทราบ และรวบรวมขึ้นเพ่ือใช้ในกองทัพ อนุศาสนาจารย์ จะต้องนํากําลังพลให้มีความใกล้ชิดและแนบแน่นกับพระพุทธศาสนา ด้วยการสอนอบรมหรือจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การ แสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ, การประกอบพธิ ีเวียนเทยี นในวนั สําคญั ทางพระพทุ ธศาสนา, การพัฒนาวดั เปน็ ต้น ๓. กิจกรรมทางดา้ นพธิ กี รรมทางศาสนา ก. เพ่ือสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีต่อกองทัพ อนุศาสนาจารย์ควรเข้าร่วมประชุมเก่ียวกับด้าน จริยธรรม, วัฒนธรรมและประเพณีที่วัดหรือองค์กรการกุศลต่างๆ จัดข้ึน และรวบรวมแนวทางที่ได้จากการประชุมน้ันมา ปฏบิ ัติในหน่วยเพอ่ื ประโยชนแ์ ก่กาํ ลังพลต่อไป ข. เพื่อรักษาสภาพจิตใจให้มั่นคงต่อภารกิจความศรัทธาท่ีมีต่อพระพุทธศาสนา และ ความบริสุทธิ์แห่งจิตใจ ให้มากข้ึน อนุศาสนาจารย์จึงต้องหมั่นเข้าร่วมปฏิบัติธรรมกับวัดหรือสถานท่ีปฏิบัติธรรมที่เหมาะสม โดยขออนุญาตจากผู้ บงั คับหน่วยเป็นคราวๆ ไป ค. เพ่ือแลกเปลี่ยนข้อมูลทางศาสนา อนุศาสนาจารย์จะต้องหาโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับ อนุศาสนาจารย์ต่าง เหล่าทัพและอนุศาสนาจารย์ของศาสนาอื่นด้วย แต่การเข้าร่วมกิจกรรมนั้นต้องไม่ละเมิดกฎแห่งการรักษาความปลอดภัย และความลบั ของทางราชการ

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๕๒ ความสัมพันธก์ ับชมุ ชน ๑. ความสัมพนั ธ์กับชุมชนและบคุ คลท่ีอยใู่ นชมุ ชนนน้ั ๆ อนุศาสนาจารย์ ควรขออนุญาตผู้บังคับหน่วย เพ่ือพบปะกับผู้แทนทุกศาสนา และผู้นําชุมชนต่างๆ ในละแวก ใกล้เคยี ง ความสมั พนั ธท์ ีแ่ น่นแฟ้นดงั กล่าวจะชว่ ยให้การดาํ เนนิ งานทางศาสนาของหน่วยประสบความสําเร็จ และยังช่วยให้ การพัฒนาความสัมพันธ์กบั ชมุ ชนเป็นไปอยา่ งดีย่งิ อกี ด้วย ชมุ ชนดังกล่าว เชน่ ก. องค์การทหารผ่านศกึ หรอื ทหารกองหนนุ ข. สมาคมผปู้ กครอง, สมาคมทางด้านวชิ าชีพ, สมาคมทางด้านเกษตรอตุ สาหกรรม ค. หน่วยงานสวัสดกิ ารและสงั คมสงเคราะห์ ง. องค์การศาสนา, องคก์ ารกศุ ลสาธารณะ เชน่ พุทธสมาคม, สภายุวพุทธกิ สมาคม, สมาคมทางด้านการสงั คม สงเคราะห์ เปน็ ตน้ ๒. สาธารณสถาน การใช้สอื่ ในการสมั พันธก์ บั ชุมชนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม จะก่อใหเ้ กิดประโยชน์ท้ังชมุ ชนและกองทัพเอง อนศุ าสนาจารย์จงึ ควรสง่ เสริมใหม้ ีการจดั กจิ กรรมตา่ งๆ ซง่ึ อยใู่ นความสนใจของชุมชนนนั้ ๆ เชน่ การจัดนทิ รรศการในวัน สําคัญทางศาสนา หรือของชาติ โดยมจี ดุ มุ่งหมายเพ่อื ประชาสัมพันธง์ านของกองทัพและของหนว่ ย เพอ่ื ให้เกดิ ภาพลกั ษณ์ และความเขา้ ใจท่ดี ีตอ่ กนั เป็นส่วนรวม

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๕๓ บทที่ ๕ งานในความรบั ผดิ ชอบของอนศุ าสนาจารย์ ...................... การอบรมศลี ธรรมวฒั นธรรมทหาร ๑. ภารกิจและบทบาทอนศุ าสนาจารยต์ ามระเบยี บกรมยุทธศกึ ษาทหารบก ว่าด้วยการอบรมศลี ธรรม วฒั นธรรมทหาร (ยามปกติ) พ.ศ. ๒๕๔๙ ตามระเบียบฯ ดังกล่าว กําหนดใหห้ นว่ ยและอนุศาสนาจารยป์ ฏบิ ัติดังน้ี ๑.๑ อนศุ าสนาจารย์ตอ้ งใหก้ ารบรรยายอบรมแก่บุคคล ดงั น้ี ๑.๑.๑ นายทหารสัญญาบัตร และขา้ ราชการกลาโหมพลเรือนชน้ั สัญญาบตั ร ๑.๑.๒ นายทหารประทวน ข้าราชการกลาโหมพลเรือนช้ันประทวน และลูกจา้ ง ๑.๑.๓ พลทหารกองประจําการ พลอาสาสมคั ร และอาสาสมคั รทหารพราน ๑.๑.๔ ผตู้ อ้ งขงั ๑.๑.๕ ครอบครัว การจัดการอบรมแต่ละคร้ัง หน่วยสามารถจัดการอบรมแยกประเภทหรือรวมการก็ได้ ตามความ เหมาะสม ๑.๒ ให้หน่วยจดั การอบรมแกบ่ ุคคล ตามข้อ ๑ อย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง ๑.๓ การออกคาํ ส่ังกาํ หนดการอบรมศลี ธรรมวฒั นธรรมทหาร ให้ทําเป็นรายเดอื น ๑.๔ ในการจัดการอบรม ใหด้ าํ เนินการดงั น้ี ๑.๔.๑ ประธานในที่ประชมุ จดุ ธูปเทยี น ณ ทีบ่ ูชาแลว้ กราบพระรัตนตรยั ด้วยเบญจางค- ประดิษฐ์ ๓ คร้งั เคารพธงชาติและพระบรมฉายาลกั ษณ์ เสร็จแล้วกลับมายืนประนมมอื ณ ท่ีของประธาน ๑.๔.๒ อนุศาสนาจารย์ นํากล่าวคํานมัสการพระรัตนตรัย จบแล้วกราบพระรัตนตรัย เคารพธงชาติและ พระบรมฉายาลักษณ์ และดําเนินการอบรม ๑.๔.๓ เมื่ออนุศาสนาจารย์ทําการอบรมจบแล้ว นํากล่าวคําแผ่เมตตา กราบพระรัตนตรัย เคารพธงชาติและ พระบรมฉายาลักษณ์ เสร็จแลว้ กลับท่เี ดิม ๑.๔.๔ ประธานฯ กราบพระรตั นตรยั เคารพธงชาติและพระบรมฉายาลักษณ์ เปน็ อันเสรจ็ การอบรม ๑.๕ การปฏบิ ัติของผู้รบั การอบรม ๑.๕.๑ ตลอดเวลานบั ตัง้ แต่ประธานฯ เร่ิมจดุ ธูปเทียนและกราบพระรัตนตรัย ให้ผู้รับการอบรมท้ังหมดยืน ประนมมอื รําลึกถงึ คณุ พระรตั นตรัย และใหล้ ดมือลงเมือ่ ประธานฯ เคารพธงชาติ และพระบรมฉายาลักษณ์ ๑.๕.๒ ตลอดเวลานับตั้งแต่อนุศาสนาจารย์นํากล่าวคํานมัสการพระรัตนตรัย และกราบพระรัตนตรัย ให้ ผรู้ ับการอบรมทง้ั หมดยืนประนมมอื ให้ลดมือลงเมอ่ื อนุศาสนาจารยเ์ คารพธงชาตแิ ละพระบรมฉายาลกั ษณ์ ในกรณีการอบรมพลทหาร เมื่อจะเร่ิมการอบรม ให้อนุศาสนาจารย์ส่ังพลทหาร คนใดคนหน่ึงในท่ี ประชุมน้นั เป็นผู้แทนจุดธปู เทียนและกราบพระรัตนตรยั เคารพธงชาติและพระบรม-ฉายาลักษณ์ ๑.๖ บทนมสั การพระรัตนตรัยและบทแผ่เมตตาให้ใช้ตาม ผนวก ตามระเบยี บฯ ขา้ งตน้ ๑.๗ ทกุ คร้ังทม่ี กี ารอบรม ให้หนว่ ยรับการอบรมส่งยอดผู้เข้ารับการอบรมแก่อนุศาสนาจารย์

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๕๔ ๑.๘ ผทู้ ําการอบรม ๑.๘.๑ อนุศาสนาจารย์ ๑.๘.๒ ผู้ชว่ ยอนศุ าสนาจารย์ ในกรณีอบรมพลทหาร ๑.๘.๓ พระสงฆ์ หรือผูท้ รงคุณวุฒิ การอบรมเป็นหน้าท่ีของอนุศาสนาจารย์ แต่หากอนุศาสนาจารย์เห็นเป็นการสมควรจะนิมนต์ พระสงฆ์ หรือเชิญผู้ทรงคุณวุฒิทําการอบรมแทนก็ได้ แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้บังคับบัญชาและต้องอบรมเฉพาะเร่ือง ท่ีเกี่ยวกบั ศีลธรรมและวัฒนธรรมเท่าน้ัน ๑.๙ ในท่ีตั้งหน่วยทหารแห่งหนึ่ง ให้มีสถานที่อบรมไว้เป็นส่วนรวม ๑ แห่ง มีความสงบและเหมาะสมท่ีจะใช้ อบรมศีลธรรมทางศาสนา โดยจดั ให้มีอปุ กรณท์ ี่จําเป็น ดังนี้ ๑.๙.๑ โต๊ะหมู่บูชาพร้อมด้วยพระพุทธรูป แจกัน เชิงเทียน กระถางธูป ธงชาติ และพระบรมฉายา ลกั ษณ์ รวมเป็น ๑ ชดุ ขนาดพอเหมาะกบั สถานท่ี ๑.๙.๒ แท่นสาํ หรบั ยืนบรรยาย และเคร่ืองอปุ กรณ์การบรรยายตามความเหมาะสม ๑.๙.๓ เก้าอ้ี หรือม้านั่ง สําหรบั ผูฟ้ ังการบรรยาย ๑.๙.๔ อปุ กรณ์อนื่ ๆ ตามความจําเปน็ สถานท่ีอบรมดังกล่าวและการจัดสถานท่ีอบรมอยู่ในความควบคุมของหน่วยหรืออนุศาสนาจารย์ประจํา หนว่ ย และหน่วยทต่ี ั้งอยใู่ นบรเิ วณเดยี วกนั อาจให้ผู้รับการอบรมไปรับการอบรมในสถานทเ่ี ดียวกันได้ ๑.๑๐ การปฏบิ ัติในกรณพี ิเศษ ๑.๑๐.๑ เมื่อผู้บังคับบัญชาหน่วยใดเห็นว่าทหารคนใดมีความประพฤตินิสัยใจคอเป็นไปในทางอาจ ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ราชการ แก่ตนเอง และครอบครัวของบุคคลผู้น้ัน หากอนุศาสนาจารย์ได้ช่วยแก้ปัญหาทาง จิตใจใหแ้ ลว้ จะเปน็ ผลดี ให้ส่งตัวไปให้อนุศาสนาจารย์ ให้การแนะนําทางใจ เป็นรายบุคคล หรือส่งอนุศาสนาจารย์ไปพบปะ เย่ียมเยียน แล้วแต่ความเหมาะสม ในการให้คําแนะนําทางใจน้ัน เมื่ออนุศาสนาจารย์ได้ทราบความผิดพลาดหรือความ บกพร่องใดๆ ของผูร้ บั การอบรมแล้ว จะตอ้ งรกั ษาไว้เป็นความลบั สว่ นบคุ คล ๑.๑๐.๒ หากมีทหารหรือครอบครัวประสบเคราะห์กรรมต้องโทษ เจ็บป่วยหรือเสียชีวิต อนุศาสนาจารย์ ควรไปเยีย่ มเยียนผูน้ ้ัน และกล่าวปลกุ ปลอบบํารงุ ขวัญ หรอื ให้คําแนะนําตามสมควร ในกรณีทท่ี หารตอ้ งประสบอุปทั วเหตบุ าดเจบ็ หรอื เสียชวี ิต หากมีอนุศาสนาจารย์อยู่ในท่ีไม่ห่างไกลเกินไป ผู้บังคับบัญชาของผู้ได้รับเคราะห์กรรมน้ัน ควรจะได้ติดต่อให้อนุศาสนาจารย์ทราบ เพื่ออนุศาสนาจารย์จะได้ให้ความ ช่วยเหลือทางด้านขวัญและจิตใจ ในการเย่ียมเยียนเพ่ือบํารุงขวัญ และให้คําแนะนําดังกล่าว อนุศาสนาจารย์อาจส่งหนังสือ ไปแทนตนกไ็ ด้ ๑.๑๐.๓ เพื่อผลการอบรมทางจิตใจให้หน่วยอํานวยความสะดวกแก่อนุศาสนาจารย์ทําการพบปะเยี่ยม เยียนทหารได้ตลอดเวลา และหากทหารประสงค์จะพบปะกับอนุศาสนาจารย์ เป็นการส่วนตัว ก็ให้อํานวยความสะดวก ด้วย ผู้บังคับบัญชาพึงเขา้ ใจวา่ อนศุ าสนาจารยค์ อื ผู้ที่จะให้ความช่วยเหลอื แกต่ นในการปกครองทหาร มใิ ชผ่ ้คู อยจบั ผดิ ๑.๑๐.๔ บุคคลพลเรือนที่พํานักอยู่ในหน่วยทหาร หากผู้บังคับบัญชาหน่วยนั้น เห็นเป็นการสมควรจะ จดั ให้ไดร้ ับการอบรมจากอนุศาสนาจารยเ์ ปน็ สว่ นรวม กส็ ามารถดําเนนิ การได้

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๕๕ ๑.๑๐.๕ การอบรมนายทหารสัญญาบัตร นายทหารประทวน พลทหาร ลูกจ้าง และบุคคลอื่นๆ หาก ผู้บังคับบัญชาหน่วยน้ันประสงค์จะให้อนุศาสนาจารย์ช่วยอบรมชี้แจงในเรื่องใดเป็นกรณีพิเศษ สามารถให้อนุศาสนาจารย์รับ พิจารณาอบรมได้ ถา้ ไมผ่ ิดศลี ธรรม ๑.๑๑ การอบรมหมายถงึ ๑.๑๑.๑ การบรรยาย ๑.๑๑.๒ การพบปะเยย่ี มเยยี น ๑.๑๑.๓ การแนะนํา ๑.๑๑.๔ การให้การศกึ ษา ๑.๑๒ การสง่ ยอดผเู้ ขา้ รับฟงั การบรรยาย ๑.๑๒.๑ หน่วยและส่วนราชการท่ีส่งกําลังพลเข้าฟังการบรรยายอบรม มอบให้ ผู้ควบคุมส่งยอด ใหแ้ กอ่ นุศาสนาจารย์เม่อื ไปถงึ สถานทอี่ บรม ๑.๑๒.๒ การสง่ ยอดใช้ใบสง่ ยอดแบบใบส่งยอด ทบ.๓๔๑ - ๐๐๒ โดยลงยอดเตม็ และยอดรับการอบรม ของกําลังพลท่ีเข้าฟังการบรรยายอบรมด้วยทุกคร้ัง เพื่อสะดวกในการคิดเป็นร้อยละ เมื่อรายงานผู้บังคับบัญชาและหน่วย เหนือ ๑.๑๒.๓ ยอดเต็มของผู้เข้าฟังการบรรยายอบรม หมายถึงยอดกําลังพลประจําวัน มิได้หมายถึงยอด บรรจุจรงิ ๑.๑๓ การบนั ทกึ เร่อื งทอี่ บรม ๑.๑๓.๑ อนุศาสนาจารย์ผู้อบรม ต้องบันทึกเร่ืองที่อบรมแต่ละคร้ังและความเห็น ลงในสมุด ทบ.๓๔๑ - ๐๐๓ ดว้ ยทุกคร้งั ๑.๑๓.๒ กรณีท่ีเชิญวิทยากรภายนอกมาบรรยาย หรือนิมนต์พระสงฆ์แสดงธรรมหรือบรรยายจะขอให้ วิทยากรและพระสงฆ์บันทึกเร่ืองและความเห็นด้วยตนเอง หรืออนุศาสนาจารย์ จะบันทึกเร่ืองและความเห็นลงในสมุด ทบ. ๓๔๑ - ๐๐๓ ใหก้ ็ได้ ๑.๑๔ การแสดงธรรม การบรรยายของพระสงฆ์ ๑.๑๔.๑ อนุศาสนาจารย์จะนําผู้ฟังการบรรยายอบรม รับศีลก่อนการฟังบรรยายและให้รับพรเมื่อ ประธานไดถ้ วายเครื่องไทยธรรมแลว้ กไ็ ด้ หรอื จะใหฟ้ งั การบรรยายโดยไมร่ ับศลี ก็ไดข้ ้นึ อยู่กับสถานการณท์ ี่เหมาะสม ๑.๑๔.๒ กรณีพระสงฆ์แสดงธรรมตามรูปแบบ จะต้องมีการรับศีล มีการอาราธนาธรรม ตามแบบของการ แสดงธรรม ๒. ภารกิจและบทบาทอนศุ าสนาจารยต์ ามระเบียบ ยศ.ทบ. ว่าดว้ ยการอบรมศีลธรรมวฒั นธรรม- ทหาร (ยามสงคราม) พ.ศ. ๒๕๐๕ และบทบาทของหนว่ ยทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ๒.๑ ในท่ตี ั้งหน่วยนัน้ ๆ จดั ใหม้ สี ิ่งอปุ กรณท์ ่เี ก่ยี วข้องกับการอบรม คอื ๒.๑.๑ เตน็ ท์ ๒.๑.๒ พระพุทธรปู ขนาดหนา้ ตกั ไม่เล็กกว่า ๕ นวิ้ ๒.๑.๓ ธงชาติและพระบรมฉายาลักษณ์ ๒.๑.๔ แจกนั ดอกไม้ เชงิ เทียน กระถางธูป ๒.๒ ความมงุ่ หมายในการอบรมยามสงคราม

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๕๖ ๒.๒.๑ ใหท้ หารมนี ้าํ ใจเสยี สละ พรอ้ มทจ่ี ะทําการสู้รบเพื่อรักษาประเทศชาติ ศาสนาและพระมหากษัตรยิ ์ ๒.๒.๒ ให้ทหารมขี วัญดี เครง่ ครัดในระเบียบวินยั เชือ่ ถือ เช่ือมั่น ในรฐั บาลและผู้บังคบั บญั ชาของตน ๒.๒.๓ ให้ทหารมีศีลธรรมวัฒนธรรม สมานสามัคคีระหว่างหน่วย ระหว่างบุคคลและระหว่างทหารกับ ประชาชน ๒.๒.๔ ให้ทหารมีความองอาจกล้าหาญ เสียสละและไม่ประมาทในการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ี ๒.๒.๕ ใหร้ ู้จกั ปลูกความนิยมทหารในหมูป่ ระชาชนในด้านจริยธรรม ๒.๓ หน้าท่แี ละบทบาทของกรมยทุ ธศึกษาทหารบก ๒.๓.๑ สนบั สนนุ หน่วยทไี่ มม่ ีอนศุ าสนาจารย์ใหไ้ ดร้ ับการอบรมศลี ธรรมวัฒนธรรม ๒.๓.๒ สอดสอ่ ง ตรวจ ใหค้ าํ แนะนําแก่หนว่ ยในปญั หาเรือ่ งขวญั กาํ ลังใจและศีลธรรม ๒.๓.๓ สรุปรายงานของหนว่ ย เสนอกองทัพบกเปน็ ครั้งคราว ๒.๔ หนา้ ท่ีและบทบาทหน่วยขน้ึ ตรงกองทพั บกทมี่ ีอนุศาสนาจารย์ ๒.๔.๑ จัดอนุศาสนาจารย์อบรมจิตใจทหาร นําประกอบพิธีทางศาสนา พบปะ เยี่ยมเยียน เป็นราย หน่วย หรอื เปน็ บคุ คลตามแตก่ รณี ๒.๔.๒ จัดใหม้ ีการประชุมฟงั การบรรยายอบรมจากอนุศาสนาจารย์เป็นครั้งคราว ๒.๔.๓ ถา้ เคลอ่ื นหนว่ ยเข้าไปใกล้หนว่ ยที่มอี นศุ าสนาจารย์ประจาํ ทํางานอยู่ ให้หาโอกาสพบปะกับผู้บังคับ หนว่ ยและอนุศาสนาจารยข์ องหนว่ ยนั้น เพอื่ แสวงหาการบริการทางศาสนา, ศาสนสถานและทางจิตใจ ๒.๔.๔ ถ้าส่งทหารไปปฏิบัติการนอกที่ต้ัง ตั้งแต่ ๑ หมวดข้ึนไป ควรส่งอนุศาสนาจารย์ ของหน่วยไปเยี่ยม และใหก้ ารอบรม ๒.๔.๕ ให้ความช่วยเหลอื หนว่ ยที่ไมม่ ีอนศุ าสนาจารยซ์ ่งึ อย่ใู กล้ ในด้านการอบรมจิตใจทหาร ๒.๔.๖ มอบหมายใหอ้ นุศาสนาจารย์ตดิ ต่อกับพระสงฆ์ หรอื หวั หนา้ งานทางศาสนา ประจําท้องถน่ิ ๒.๔.๗ แจง้ ผลการดาํ เนนิ การดา้ นขวญั กาํ ลังใจของทหารมายังกรมยุทธศึกษาทหารบก เป็นครั้งคราว ๒.๕ หนา้ ที่และบทบาทอนศุ าสนาจารย์ในสนาม ๒.๕.๑ เสนอแนะแก่หน่วย ให้จัดชุดสิ่งอุปกรณ์บํารุงขวัญและส่ิงอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบ การบรรยายอบรม จติ ใจทหาร และเป็นสิง่ อปุ กรณ์ท่ีมคี วามคล่องตวั ในการเคลอื่ นยา้ ยไปกับหน่วยตามกรณี ๒.๕.๒ ทําบญั ชีทหารแยกตามศาสนา เพอื่ สะดวกในการให้คําแนะนํา การนําประกอบศาสนกิจ และการทํา พิธกี รรมทางศาสนา ๒.๕.๓ จัดทําบัญชีทหาร ระบุยศ ชื่อ นามสกุล ภูมิลําเนา ของทหารท่ีถือศาสนา ส่วนน้อยและแยกตาม นิกาย ทง้ั นี้ เพอ่ื ใหบ้ ริการทางศาสนาได้สะดวกในชีวติ ประจําวัน และแมใ้ นยามท่ีมกี ารสูญเสียกําลังพล ๒.๕.๔ จัดทําบัญชี วัด สุเหร่า โรงสวด สุสาน โบสถ์ ศาสนสถาน และบุคลากรสําคัญของแต่ละศาสนาใน พืน้ ท่ีใกล้บริเวณท่ีต้งั หนว่ ย เพอื่ ประสานในการกระทาํ พธิ ีกรรมทางศาสนาวฒั นธรรมประเพณี เม่อื จําเป็น ๒.๕.๕ ประสานการปฏิบัติร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับฝ่ายกําลังพล ทางด้านงานปกติ การบํารุงขวัญ และ พิธีกรรม และใกล้ชิดกับฝา่ ยกจิ การพลเรือน (ถ้าม)ี ทางด้านสงั คมจิตวิทยา ๒.๕.๖ เสนอความเห็นแก่ผู้บังคับหน่วย ผู้บังคับบัญชา ในเร่ืองการอบรมศีลธรรม การอบรมจิตใจทหาร ขวัญกําลังใจ วัฒนธรรมประเพณี ตลอดจนให้ทหารได้มีโอกาสปฏบิ ตั ิศาสนกจิ และไดร้ บั การบาํ รงุ รกั ษาขวัญตามสมควร ๒.๕.๗ เอาใจใส่ดแู ลศาสนสถานภายในหน่วยให้มคี วามนา่ ศรทั ธาเลอ่ื มใส

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๕๗ ๒.๕.๘ หาโอกาสพบปะเย่ียมทหารท่ีออกปฏิบัติงานนอกท่ีตั้ง ปลุกปลอบบํารุงขวัญและเสริมสร้างกําลังใจ ทหารป่วยเจ็บ หรือทหารท่ีได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเนื่องจากการคร่ําเคร่งในการปฏิบัติหน้าท่ี ให้กลับมีจิตใจ รกุ รบ อาจหาญ มีพลงั ใจพรอ้ ม ๒.๕.๙ เข้าร่วมกิจกรรมบรรเทาสาธารณภัยกับฝ่ายพลเรือนหรือหน่วยในพ้ืนท่ี เช่น กรณีช่วยเหลือผู้ ประสบอทุ กภยั วาตภัย และอัคคภี ยั เป็นตน้ ๒.๕.๑๐ ดาํ เนินการร่วมกบั นายทหารฝา่ ยการศพ ในกรณีทหารเสียชีวติ ๒.๕.๑๑ แสวงหาความร่วมมอื จากบุคคลและองคก์ รในท้องถน่ิ เกี่ยวกบั การบํารงุ ขวญั ทหาร ๒.๕.๑๒ ศึกษาคําสอน พิธีกรรม ของศาสนาต่างๆ ให้เข้าใจเพ่ือสะดวกในการให้คําแนะนําการนําปฏิบัติ พิธีกรรมทางศาสนาและประเพณี ๒.๕.๑๓ สังเกต จดบันทึก ทําบัญชีทหารที่มีพฤติกรรมล่อแหลมในด้านวินัย ความเช่ือฟัง การหมกมุ่นในสิ่ง อบายมุข การมลี ักษณะเฉ่ือยชา และเขา้ ใกลช้ ดิ กับผูม้ ปี ัญหาดงั กล่าว ๒.๕.๑๔ ไมเ่ ปน็ ผ้เู กียจครา้ น ทอ้ แท้ ทอ้ ถอย และฝกึ พลังจติ ของตนเสมอ ๒.๕.๑๕ หาโอกาสพบปะสนทนากับผู้บังคับหน่วยและผู้บังคับบัญชาเสมอ เพื่อรับทราบ ปัญหา เพ่ือนําไปสู่ การปฏบิ ัติภารกจิ หนา้ ท่ีอนุศาสนาจารย์ ๒.๕.๑๖ ต้องตระหนักว่า ในสนามกระทําการอบรมเป็นกลุ่มก้อนได้น้อย แต่กระทําการพบปะเย่ียมเยียน ได้มาก ๒.๕.๑๗ ประสานให้เกิดความเข้าใจ ขวัญ จริยธรรม ของกําลังพลในสนาม และครอบครัวของกําลังพล นน้ั ๆ ๒.๕.๑๘ กรณีประกอบพิธีศพผู้เสียชีวิตในสนาม ณ วัดหรือศาสนสถานของศาสนาอ่ืนในพ้ืนที่การ ดาํ เนินการพิธศี พ ในการกล่าวสดดุ วี ีรกรรมขอใหเ้ พม่ิ การกลา่ วธรรมสังเวชทีเ่ ขยี นโดยอนุศาสนาจารย์เขา้ ไปดว้ ย ๒.๕.๑๙ พธิ ีสําคัญในทางพระพุทธศาสนา ท่ีปฏิบตั ใิ นหนว่ ยในท่ตี ้งั ปกติ เช่น พิธี วิสาขบูชา เป็นตน้ แม้ ในสนามอนศุ าสนาจารยส์ ามารถเสนอแนะ และปรึกษาผู้บังคับบัญชาให้จัดขึ้นได้ท้ังในวัดใกล้หน่วย และภายในหน่วย ท้ังน้ี ย่อมข้นึ อยกู่ ับสถานการณ์ ๒.๖ หวั ขอ้ ท่คี วรใชอ้ บรมเนน้ ย้ําในสนาม ๒.๖.๑ วินัยและความเชือ่ ถือ ๒.๖.๒ ความสามัคคี ๒.๖.๓ ความเสยี สละ ๒.๖.๔ ความอดทน ๒.๖.๕ สังคหวตั ถุ ๒.๖.๖ อบายมขุ ๒.๖.๗ พระรตั นตรัย ๒.๖.๘ วัฒนธรรมประเพณีในพน้ื ที่

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๕๘ การอบรมทางสื่อ ๑. สอื่ ท่อี นศุ าสนาจารยใ์ ช้ในการอบรมปจั จบุ ัน ได้แก่ .- ๑.๑ เสียงทางสายของหนว่ ย ๑.๒ เคเบิลทวี ี ๑.๓ สถานวี ทิ ยุ ๑.๔ วทิ ยุ เทป ๑.๕ ภาพเขียน ภาพวาด แผน่ ชาร์ต ๑.๖ E-learning หรอื Social Network บทบาทในการดําเนนิ การอบรมดว้ ยการใชส้ ่ือ สามารถกระทําไดโ้ ดยปฏบิ ัตทิ ุกวัน ทกุ สปั ดาห์ ทกุ เดอื น ตามวันท่ี กําหนด ในวันสําคัญท่ีเกี่ยวข้องทางด้านศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ท่ีเวียนมาถึง และสามารถดําเนินรายการสด หรือ บันทกึ รายการไวล้ ว่ งหน้ากไ็ ด้ ๒. ขอ้ ท่ีอนศุ าสนาจารย์ ควรวางแผนปฏบิ ตั ิ ๒.๑ กลมุ่ บุคคลเป้าหมายซึ่งมหี ลายระดับ ๒.๒ เนอื้ หาสาระของเรื่อง และหมวดธรรมท่จี ะต้องบรรยาย ๒.๓ นโยบายของหนว่ ย และนโยบายของผู้บังคบั บญั ชา ๒.๔ แตล่ ะเร่อื งจะบรรยายครงั้ เดยี ว หรอื จะแบ่งการบรรยายไปตามลาํ ดบั ๒.๕ จะบันทึกใหท้ นั เวลา และเตรยี มไวล้ ว่ งหน้าอย่างไร ๒.๖ วตั ถุประสงคข์ องเรื่องนั้นเพือ่ อะไร เน้นเรื่องใด ๒.๗ ควรเปน็ เร่อื งใหม่ เรือ่ งใหญ่ และเป็นเรอื่ งใกลต้ ัว ๓. อปุ กรณท์ สี่ ายวิทยาการอนุศาสนาจารย์ ใชใ้ นการเตรยี มขอ้ มลู และใช้ประกอบในการอบรม การบรรยาย ไดแ้ ก่ ๓.๑ เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ ๓.๒ เครอ่ื งฉายโปรเจคเตอร์ ๓.๓ จอภาพขนาดตามความเหมาะสม ๓.๔ กลอ้ งบันทกึ วีดโิ อ ๓.๕ กลอ้ งบันทึกภาพน่ิง การกวดขนั การอบรม โดยปกติการกวดขันการอบรมมิใช่กิจหน้าท่ีของอนุศาสนาจารย์ แม้กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ ที่อนุศาสนาจารย์จะ เคลื่อนไหวให้กําลังพลของหน่วยได้เข้ารับการอบรมในระดับท่ีน่าพอใจ ด้วยการประสาน การเข้าเยี่ยมพบปะกับผู้บังคับบัญชา ทุกระดับ และกับหัวหน้าส่วนราชการน้ัน และที่สําคัญก็คือ พยายามคิดค้นวิธีบรรยาย และเรื่องท่ีจะบรรยายให้น่าสนใจ มากขึน้ ตลอดทัง้ สรรหาวทิ ยากรทจี่ ะดงึ ดูดความสนใจมาบรรยายเปน็ ครงั้ คราว สรุปบทบาทของอนุศาสนาจารย์ในส่วนน้ี ก็ คือ ๑. ประสานกบั ผ้บู ังคบั บัญชาทกุ ระดับชน้ั ๒. ตรวจสอบดวู ันทเ่ี หมาะสมสาํ หรับการอบรมในหน่วยนัน้ ๆ ๓. คดิ คน้ วิธบี รรยายใหน้ า่ สนใจ

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๕๙ ๔. สรา้ งแนวบรรยายและเรอื่ งทจ่ี ะบรรยายใหน้ า่ สนใจ ๕. บรรยายในเรอ่ื งที่อยู่ในความสนใจของหน่วย ๖. บรรยายในเรือ่ งท่ีสอดคล้องกับสถานการณท์ ่ีกําลังพลสนใจ ๗. บรรยายในเรื่องที่สอดคล้องกับนโยบายของผู้บังคับหน่วย, ผู้บังคับบัญชาหน่วยเหนือ และผู้บังคับบัญชา หน่วยรอง ๘. แสวงหาสอ่ื การบรรยายไว้ประกอบการบรรยายของตน ๙. รับผิดชอบเสนอขออนุมัติจัดหาวิทยากรภายนอกที่สามารถมาบรรยายเป็นครั้งคราว และดําเนินการ ประชาสัมพันธ์ ๑๐. ประสานกับฝ่ายอาํ นวยการทเ่ี ก่ียวข้อง เพือ่ วางแผนการอบรมรว่ มกนั ๑๑. เสนอแนะผบู้ งั คบั บัญชา เพ่อื กาํ หนดมาตรการในการจัดกําลังพลเข้ารับการอบรม และให้มีการกํากับดูแล ตามคําสั่งกองทัพบก (คําส่ังช้ีแจง) ท่ี ๑๕๐/๒๒๒๙๐ เร่ืองให้กวดขันการอบรมศีลธรรม ลง ๑๙ ต.ค. ๙๗ กองทัพบกเน้น ความสําคัญและบทบาทการจัดกาํ ลงั พลใหเ้ ขา้ รับการอบรมให้มากไปท่ีผบู้ งั คบั บัญชาทกุ ระดบั และชแี้ จงเหตุผลว่า กองทัพบกมีความประสงค์อย่างแท้จริงท่ีจะให้นายทหาร นายสิบ พลทหาร นักเรียนทหาร ข้าราชการและ คนงาน ตลอดถงึ ครอบครวั ไดร้ ับการอบรมศีลธรรม จรรยามารยาทโดยสมาํ่ เสมอและทวั่ ถงึ - หน่วยมกั จะอ้างเหตตุ ่างๆ นานาในการทีจ่ ะไมน่ ํากาํ ลงั พลเข้ารับการอบรม - บางหนว่ ยไม่พยายามหมุนเวยี นทหารเข้ารบั การอบรมให้ท่วั ถึง เพยี งแต่จดั ทหารจาํ นวนหนงึ่ ใหเ้ ขา้ รับการ อบรมพอใหม้ ียอดส่งรายงานเทา่ นั้น - บางหน่วยทหารเข้าประจําการเกือบปแี ลว้ ยังไมเ่ คยไดร้ บั การอบรมก็มี - บางหน่วยครอบครวั อยเู่ ปน็ กลมุ่ กอ้ น แตก่ ็ไมจ่ ัดให้มกี ารอบรมครอบครวั - กองทัพบกถือว่าครอบครัวเป็นบุคคลกลุ่มหน่ึง ที่อาจนําความดีงามหรือความเส่ือมมาสู่สามีหรือภรรยาของ ตน หรือของหน่วยได้ - ผู้บังคับบญั ชาใกล้ชิดทหาร ไม่ทราบความประสงค์อันแทจ้ รงิ ของทางราชการในเรือ่ งการอบรมศลี ธรรม - ผู้บงั คับบัญชาช้นั สงู ไม่สนใจตรวจผลการรบั อบรมของหนว่ ยเทา่ ทีค่ วร - ถ้าหน่วยใด หัวหน้าหน่วยเอาใจใส่ควบคุมการอบรมด้วยตนเอง หรือไปตรวจขณะทหารรับการอบรมเป็นครั้ง คราว การอบรมมักจะไดผ้ ลดี - หนว่ ยใด หวั หนา้ หนว่ ยหาวิธีชักจงู ผอู้ ยู่ในปกครองให้สนใจรบั การอบรม ก็ย่ิงได้ผลดีเปน็ พเิ ศษ ตามคําสัง่ ในเร่ืองเดียวกันนี้ กองทพั บก ได้แนะนําใหห้ วั หนา้ หน่วยปฏิบตั ดิ งั น้ี - ผู้บังคับบัญชาทหารทุกช้ัน พยายามนําทหารเข้ารับอบรมให้ทั่วถึง ในกรณีท่ีทหารติดราชการเวรยาม หรือ จ่ายไปนอกกอง ก็ให้จัดผลัดหมุนเวียน ให้ทหารได้รับการอบรมโดยทั่วถึงกันและจัดครอบครัวภายในหน่วยให้ได้รับอบรม โดยนัยเดยี วกัน - การบรรยายธรรมทางสถานีวิทยุกระจายเสียงในเครือข่ายของกองทัพบกนับว่าได้ผลดีและประชาชนท่ัวไปก็ ตดิ ตามรบั ฟังเปน็ จํานวนมาก หน่วยทม่ี สี ถานวี ทิ ยุอยใู่ นความรับผิดชอบ ควรจดั ใหอ้ นศุ าสนาจารย์ได้ทาํ หน้าท่ีบรรยายธรรม ทางสถานีวิทยุของหน่วยนั้นๆ ด้วย เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านการปลูกฝังอุดมการณ์ทหารด้านการพัฒนาคุณธรรม ตาม นโยบายการปลกู ฝังและสร้างเสริมอดุ มการณ์ทหาร ด้านการพฒั นาคุณธรรมของกองทัพบก

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๖๐ - ผู้บังคบั บญั ชาทีร่ บั รายงานเกี่ยวกับการอบรมของอนุศาสนาจารย์ ให้เพ่งเล็งถึงจํานวน ผู้เข้ารับอบรม ท่ีมีตัว จรงิ ของแตล่ ะหน่วยดว้ ยว่ามสี ว่ นสมั พนั ธ์กนั กบั ยอดเดิมเพยี งใดหรือไม่ แม้วา่ การกวดขันให้มีผู้เข้ารับการอบรม ไม่ใช่หน้าที่และบทบาทของอนุศาสนาจารย์ก็จริงแต่อนุศาสนาจารย์ก็ สามารถพิจารณาดําเนินการได้ เช่น เสนอแนะให้หน่วยดําเนินรายการบรรยายธรรมทางสถานทีวิทยุ หรือทางเสียงทางสาย ของหน่วย (ถ้ามี) หรือขออนุมัติต่อผู้บังคับหน่วย เพ่ือดําเนินรายการ เสียงทางสายโดยอนุศาสนาจารย์ของหน่วยเป็นผู้บรรยาย ใน ส่วนของกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ซึ่งเป็นหัวหน้าเหล่าสายวิทยาการ ควรมีบทบาทในการเตรียมการเร่ืองท่ี จะบรรยายธรรมทางสถานวี ิทยุให้มีสาระที่น่าสนใจ โดยทําแผนงานและโครงการไว้ล่วงหน้า เพื่อให้เกิดผลดีต่อกําลังพลและ ครอบครัวของหนว่ ยและประชาชนทว่ั ไป ตามวตั ถปุ ระสงค์และเป้าหมายของกองทัพบก

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๖๑ การสอนวชิ าการศาสนาและศลี ธรรม อนศุ าสนาจารย์ ต้องรบั ผิดชอบในการสอนวิชาการศาสนาและศลี ธรรมในหลกั สูตรต่างๆ ดงั น้ี ๑. หลกั สูตรนายทหารอนุศาสนาจารยช์ น้ั ตน้ เป็นหลักสูตรตามแนวทางรับราชการของนายทหารอนุศาสนาจารย์ (เทียบเท่าหลักสูตรช้ันนายร้อย) ตาม อนุมัติ ผบ.ทบ. ท้ายหนังสือ กศ.ยศ.ทบ. ท่ี กห ๐๔๖๑.๑๑/๑๕๐๓ ลง ๒๗ ส.ค. ๕๐ระยะเวลาการศึกษา ๑๓ สัปดาห์ หมายเลขหลกั สูตร ๑๖ - ก - ล.๒ ชกท.๕๓๑๐ ๒. หลกั สตู รนายทหารอนุศาสนาจารย์ช้ันสูง เป็นหลักสูตรตามแนวทางรับราชการของนายทหารอนุศาสนาจารย์ (เทียบเท่าหลักสูตรชั้นนายพัน) ตาม อนุมัติ ผบ.ทบ. ท้ายหนังสือ กศ.ยศ.ทบ. ที่ กห ๐๔๖๑.๑๑/๐๐๔๖ ลง ๗ ม.ค. ๔๕ระยะเวลาการศึกษา ๑๗ สัปดาห์ หมายเลขหลกั สตู ร ๑๖ - ก - ฉ.๒ กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก มีหนา้ ทก่ี ํากับดูแลการเรียนการสอนของหลักสูตรตามแนวทางรับ ราชการของนายทหารอนุศาสนาจารย์ท้ัง ๒ หลักสูตร ให้เป็นไปตามระเบียบของกองทัพบก จัดอนุศาสนาจารย์เข้าสอนใน วิชาหลัก และติดต่อขออาจารยจ์ ากเหล่า/สายวิทยาการชว่ ยสอนในวชิ าที่เหลอื ๓. หลักสูตรการปฐมนิเทศนายทหารอนศุ าสนาจารยบ์ รรจุใหม่ เป็นหลักสูตรอบรมเพ่ิมเติมความรู้สําหรับนายทหารอนุศาสนาจารย์ท่ีบรรจุเข้ารับราชการคร้ังแรก ตาม อนุมัติ ผบ.ทบ. ท้ายหนงั สือ กศ.ยศ.ทบ. ที่ กห ๐๔๖๑.๑๔/๘๙๕ ลง ๙ มิ.ย. ๕๒ระยะเวลาการศึกษา ๔ สัปดาห์ หมายเลข หลกั สูตร ๑๖ - ก - ฉ.๒ ๔. หลักสูตรการพฒั นาบุคลากรกองทัพบก ปีพุทธศักราช ๒๕๒๖ กรมยุทธศึกษาทหารบก ได้อนุมัติให้อนุศาสนาจารย์ทหารบก เข้าค่ายฝึกฝนพัฒนา ทางจิต จํานวนท้ังส้ิน ๓ รุ่นๆ ละ ๗ วัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการการพัฒนาบุคลากรกองทัพบก ต่อมาในปี พุทธศกั ราช ๒๕๒๘ ได้มกี ารจัดส่งกําลังพลเข้ารับการฝึกปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน อําเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี โดยการ อนมุ ัติของผูบ้ ญั ชาการทหารบก ในขณะนั้น การอบรมตามโครงการพฒั นาบคุ ลากรกองทพั บกจงึ ได้พัฒนามาตามลาํ ดับ ปีพุทธศักราช ๒๕๓๖ กองทัพบก ได้อนุมัติให้หลักสูตรการพัฒนาบุคลากรกองทัพบกเป็นหลักสูตรทาง การศกึ ษาอบรมของกองทัพบก หมายเลขหลกั สตู ร ๑๖ - ข - ฉ.๒ และไดเ้ ป็นหลกั สูตรทางการศึกษาอบรมมาจนถงึ ปัจจบุ ัน กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดบุคลากร ของกองทัพบกทุก ระดับช้ันยศให้เข้ารับการศึกษาอบรมในหลักสูตรการพัฒนาบุคลากรกองทัพบก ณ ศูนย์พัฒนาจิตใจกําลังพลกองทัพบก วัดอัมพวัน อาํ เภอพรหมบรุ ี จงั หวัดสงิ ห์บรุ ี ตามอนุมตั ิของกองทพั บก เป็นปๆี ไป ดังน้ี ๔.๑ ความมุ่งหมาย เพ่ือให้ผู้เข้ารับการศึกษาอบรม ได้เรียนรู้หรือฝึกตามหลักคําสอนของพระพุทธศาสนา ท้ังภาคทฤษฎแี ละภาคปฏิบัติ สามารถประยกุ ต์คาํ สอนนั้น ๆ มาปรับปรุงใช้กับ การดํารงชีวิตประจําวันและการปฏิบัติงานใน หน้าท่ีราชการอย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงจะส่งผลให้ผู้เข้ารับการศึกษาอบรมเป็นกําลังพลที่มีคุณภาพย่ิงขึ้น กับท้ังประพฤติตน ให้เป็นประโยชนแ์ ก่กองทพั บก สงั คมและประเทศชาติ ๔.๒ คุณสมบัติของผู้เข้ารับการศึกษาอบรม เป็นนายทหารสัญญาบัตร นายทหารประทวน ในกองทัพบกทุก ชนั้ ยศและลกู จา้ ง ผู้มคี วามสมัครใจ หรือผทู้ ห่ี นว่ ยคัดเลือกเข้ารบั การศึกษาอบรม ๔.๓ งบประมาณและจํานวนผเู้ ขา้ รบั การศึกษาอบรม ตามทก่ี องทัพบกอนุมตั ิในแตล่ ะปี

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๖๒ ๔.๔ การศกึ ษาอบรมในหลกั สูตรดังกล่าว ประกอบด้วยภาคทฤษฎี ๑๕ ช่ัวโมง, ภาคปฏิบัติ ๓๐ ชั่วโมง และ เบด็ เตล็ด ๔ ชัว่ โมง ๔.๕ ระยะเวลาในการศกึ ษาอบรม ๑ สปั ดาห์ ๔๙ ช่ัวโมง ๕. หลักสตู รวชิ าการศาสนาและศลี ธรรม กองพลที่ ๕ และมณฑลทหารบกท่ี ๕ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ออกคําส่ังให้นายสิบที่ได้รับการแต่งตั้ง ใหม่ และนักเรียนนายสิบที่สังกัดอยู่ที่สังกัดอยู่ท้ังสองหน่วยเข้ารับการศึกษาวิชาการศาสนาและศีลธรรม ประมาณ ๒๔ ชั่วโมง เมอื่ วนั ที่ ๒๗ มถิ นุ ายน ๒๔๙๙ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นายทหารประทวนมีศีลธรรมเป็นหลักปกครองตน มีเครื่อง ยึดเหน่ียวทางจิตใจ และให้มีจรรยามารยาทประพฤติตนเหมาะสมกับหน้าที่และได้รายงานให้กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธ ศึกษาทหารบกทราบ พันเอก ป่ิน มุทุกันต์ ขณะดํารงตําแหน่งหัวหน้าแผนกศึกษาอยู่ ได้พิจารณาเห็นว่ามีประโยชน์แก่ นายทหารประทวนเป็นอย่างย่ิง ควรดําเนินการทุกหน่วย จึงเรียนหารือกับหัวหน้ากองอนุศาสนาจารย์ (ตําแหน่งใน ขณะน้ัน) พร้อมท้งั ไดแ้ นบคําสง่ั ของกองพลท่ี ๕ และมณฑลทหารบกที่ ๕เสนอไปยงั กองทัพบก กองทัพบก ไดเ้ หน็ ความสําคัญและกาํ หนดให้หน่วยในกองทัพบกดาํ เนินการใหเ้ ปน็ ไปในแนวทางเดียวกันตาม มาตรฐานการศกึ ษาวชิ าน้ี และให้กรมยุทธศกึ ษาทหารบกดําเนนิ การเปดิ หลกั สูตรวิชาการศาสนาและศีลธรรม สว่ นกลางขน้ึ กรมยุทธศึกษาทหารบก ได้ดําเนินการเปิดการสอนวิชาการศาสนาและศีลธรรมข้ึนเป็นคร้ังแรก เมื่อวันท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๐๐ ตามคําส่ังกองทัพบก ท่ี ๑๕๒/๑๓๒๐๙ ลง ๑๑ ก.ค.๒๕๐๐ เร่ือง ให้นายสิบรับการศึกษาวิชาการ ศาสนาและศีลธรรม การศึกษาได้รับการพัฒนาตลอดระยะเวลา ที่ผ่านมา และกองทัพบก ได้อนุมัติให้มีการปรับปรุง หลักสูตร เม่ือ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๔๘ ตามหนังสือ กศ.ยศ.ทบ. ท่ี กห ๐๔๖๑.๑๑/๑๙๗๖ ลง ๒๓ ส.ค. ๔๘ หมายเลข หลกั สูตร ๑๖ - ง - ฉ.๑ ๖. การอบรมพธิ กี รด้านศาสนา ประเพณี และวัฒนธรรมไทย เนอ่ื งจากหนว่ ยในกองทพั บกระดบั กรมขน้ึ ไปขาดแคลนอนศุ าสนาจารย์ และบางหน่วยมีหน่วยระดับกองพัน อยู่ห่างไกล ทําให้การจัดพิธีทางศาสนาไม่เป็นระเบียบแบบแผนเดียวกัน กองทัพบกจึงให้กรมยุทธศึกษาทหารบก จัดการ อบรมกําลังพลนายทหารประทวนหน่วยต่างๆ เพ่ือปฏิบัติหน้าท่ีพิธีกรด้านศาสนา และลดปัญหาการขาดแคลน อนุศาสนาจารย์ประจําหน่วย โดยได้ทําการเปิดการอบรมต้ังแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๔๙ จนถึงปัจจุบัน ตามอนุมัติ ผบ.ทบ. ท้าย หนังสอื กพ.ทบ. ที่ กห ๐๔๐๑/๒๐๖๔๒ลง ๒๕ ก.ค.๔๙ ๗. หลกั สตู รตามแนวทางรบั ราชการของโรงเรียนเหลา่ สายวิทยาการ การกําหนดให้มีการสอนวิชาการศาสนาและศีลธรรม ในหลักสูตรต่างๆ ของ รร.เหล่าสายวิทยาการ กองทพั บกน้ัน ย่อมจะเปน็ ผลดใี นด้านการปลูกฝังคณุ ธรรมและจริยธรรมให้แก่กําลังพลของกองทัพบก ซ่ึงเป็นการสอดคล้อง กับนโยบายของผ้บู ญั ชาการทหารบก ท่ตี ้องการสร้างสรรคค์ ณุ ธรรมให้เกิดขึ้นในจิตใจของข้าราชการทุกนายในกองทัพบก ดังน้ัน กองทัพบกจึงให้ รร.เหล่าสายวิทยาการ กองทัพบกบรรจุวิชาการศาสนาและศีลธรรมในหลักสูตรต่างๆ ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๓๑ เป็นตน้ ไป ดงั น้ี ๗.๑ หลักสตู รนกั เรยี นนายสิบ ๗.๒ หลกั สตู รนายสิบชัน้ ตน้ ๗.๓ หลกั สตู รนายสิบอาวโุ ส ๗.๔ หลักสตู รการปฐมนเิ ทศนายทหารใหม่

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๖๓ ๗.๕ หลักสตู รชั้นนายรอ้ ย ๗.๖ หลักสูตรชนั้ นายพัน ให้หนว่ ยทมี่ อี ตั ราอนศุ าสนาจารย์ ให้ความร่วมมือส่งอนุศาสนาจารย์ ไปสนับสนุน การสอนวิชาการศาสนา และศลี ธรรม ตามทหี่ น่วยเปดิ การศึกษาร้องขอ ๘. หลักสูตรพเิ ศษตา่ ง ๆ อนุศาสนาจารย์ จะต้องให้การสนับสนุนการสอนวิชาศีลธรรม, วิชาทางด้านพระพุทธศาสนา แก่หน่วยงาน, วัด เป็นต้น ท่ีขอรับการสนับสนุน และเป็นวิทยากรบรรยายถวายความรู้แก่พระสังฆาธิการ และพระนวกะในพรรษา เป็นต้น เพื่อ เป็นการประสานสัมพันธค์ วามรว่ มมอื กบั องคก์ รทางพระพทุ ธศาสนา ๙. ศูนยศ์ ึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทติ ย์ เพ่ือส่งเสริมบุตรข้าราชการทหารในหน่วย และประชาชนใกล้เคียงหน่วยได้รับความรู้และมีความใกล้ชิดกับ พระพุทธศาสนา หน่วยทหารบางหน่วยได้เปิดให้มีการสอนพิเศษในรูปของศูนย์-ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ข้ึน อนุศาสนาจารย์จะเป็นกําลังหลักในการเรียนการสอนตามศูนย์ต่างๆ เหล่านั้น โดยเฉพาะวิชาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา และ ติดต่อประสานขอความร่วมมือกับสถานศึกษาใกล้เคียงหน่วยช่วยจัดอาจารย์สอนวิชาประกอบ เช่น วิชาภาษาอังกฤษ, คณติ ศาสตร,์ นาฏศลิ ป์ เป็นตน้

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๖๔ การปฏิบัติธรรมในเทศกาลเขา้ พรรษา กรมกจิ การพลเรอื นทหารบก ได้ขออนมุ ัตกิ องทัพบกนํากําลังพลของหนว่ ยข้นึ ตรงกองทพั บก ผ้สู นใจไปปฏิบัติธรรมเพื่อสร้างคุณค่าชีวิตให้สูงขึ้น ไปปฏิบัติธรรม ณ วัดอัมพวัน อําเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี รวม ๕ รุ่น จํานวนรวมทั้งสิ้น ๔๙๑ คน ปรากฏว่าทุกคนท่ีร่วมปฏิบัติธรรมได้ประจักษ์ด้วยตนเองว่า ได้พบแสงสว่างแห่งชีวิต ซ่ึงไม่ เคยได้รับมากอ่ นเลย กรมกจิ การพลเรือนทหารบก ได้พิจารณาเห็นว่า การเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมจิตวิทยาของประเทศ เป็นไปอย่างรวดเร็วย่ิง มีผลกระทบต่อการดํารงชีวิตและสภาพทางจิตใจของกําลังพลเป็นอันมาก หากกําลังพลมิได้เรียนรู้ กรรมวิธีการควบคุมจิตใจอย่างมั่นคงแล้ว อาจประกอบพฤติกรรมในทางเสียหายแก่ตนเอง ครอบครัว และหน่วยได้ ใน สถานการณ์สังคมท่ีเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ หากกําลังพลได้รับการฝึกจิตโดยการปฏิบัติธรรม ย่อมเป็นมาตรการสร้างภูมิคุ้มกัน ชีวิตได้อย่างดียิ่ง จึงได้ขออนุมัติหลักการจากกองทัพบก เพื่อนํากําลังพลของหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกไปปฏิบัติธรรม ณ วัดอัมพวัน อาํ เภอพรหมบรุ ี จงั หวดั สิงห์บรุ ี เป็นโครงการตอ่ เน่อื ง และได้รับอนมุ ตั ิจากกองทัพบก เมื่อวันท่ี ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๒๙ ตาม หนงั สือ กร.ทบ. ที่ กห ๐๔๐๕/๘๘๓ ลง ๒๓ พ.ค.๒๙ และได้ดาํ เนนิ การตอ่ เน่ืองมาถึงปจั จุบัน ปัจจุบันโครงการปฏิบัติธรรมในเทศกาลเข้าพรรษา เป็นโครงการท่ีอยู่ในความรับผิดชอบของกรมยุทธศึกษา ทหารบก โดยมอบให้กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบกดาํ เนินการ ๑. การปฏิบัติ ๑.๑ หว้ งระยะเวลา : ในเทศกาลเข้าพรรษา ๓ เดือน ของทุกๆ ปี ปีละ ๓ รุ่น ๆ ละ ๗ วนั ๑.๒ สถานที่ : วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จว.สงิ ห์บรุ ี ๑.๓ อาหารและอื่นๆ : ผู้เข้ารับการปฏิบัติธรรมเสียค่าบริการตามที่กําหนด เพื่อมอบให้ กับทางวัดเป็น คา่ อาหารเช้า - กลางวัน, น้ําปานะ และอน่ื ๆ ๑.๔ สถานท่ีพักพร้อมอุปกรณ์ ทางวัดจัดบริการให้ ส่วนเคร่ืองใช้ส่วนตัว เช่น สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผา้ เช็ดตัว และผา้ ห่มนอน เป็นตน้ ผ้สู มคั รเข้ารับการปฏบิ ตั ธิ รรมต้องจัดไปเอง ๑.๕ ผู้เข้ารบั การปฏิบัตธิ รรม : นายทหาร, นายสบิ , ลูกจ้าง และคนงานของทพั บก ๑.๖ ผู้เขา้ รบั การปฏิบตั ิธรรม ตอ้ งไดร้ ับอนุมัติจากผบู้ ังคบั หน่วยต้นสังกดั ๑.๗ ให้ถือว่า ผู้ได้รับอนุมัติจากผู้บังคับหน่วยต้นสังกัด และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ทุกคนไปราชการ เช่นเดียวกับ การไปราชการทั่วๆ ไป ๒. การปฏิบตั ขิ องหนว่ ยทเ่ี กี่ยวข้อง ๒.๑ กรมยุทธศกึ ษาทหารบก ๒.๑.๑ ประสานการปฏิบัตกิ บั ทางวัดและหน่วยทเ่ี กีย่ วข้อง ๒.๑.๒ จัดอนุศาสนาจารยเ์ ปน็ เจา้ หน้าท่กี าํ กบั ดูแลการปฏบิ ตั ิ ๒.๑.๒ ขอรับการสนับสนุนอนุศาสนาจารย์จากหน่วยที่มีกําลังพลเข้าปฏิบัติธรรมในรุ่นนั้นๆ ร่วมเป็น เจ้าหนา้ ทตี่ ามเหมาะสม ๒.๑.๓ จัดเจ้าหน้าท่ไี ปทาํ ขา่ วออกเผยแพรก่ จิ กรรมพเิ ศษของกองทพั บก ๒.๒ กรมการขนสง่ ทหารบก ๒.๒.๑ จดั พาหนะรับ - สง่ กําลงั พลพร้อมเจา้ หนา้ ทพี่ ลขับ

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๖๕ ๒.๒.๒ ประสานการใช้ สป.๓ กบั กรมพลาธกิ ารทหารบก ๒.๓ กรมแพทยท์ หารบก ๒.๓.๑ จัดรถพยาบาล พรอ้ มเจา้ หนา้ ทีพ่ ลขบั รุน่ ละ ๑ นาย ๒.๓.๒ จดั นายสิบพยาบาล รนุ่ ละ ๑ นาย ๒.๓.๓ ประสานการใช้ สป.๓ กบั กรมพลาธิการทหารบก ๒.๔ มณฑลทหารบกท่ี ๑๓ จัดทหารสารวตั รเป็นเจ้าหนา้ ท่ดี แู ลความเรียบรอ้ ยตามความเหมาะสม ๓. ระเบียบปฏบิ ัติประจําวนั ปฏบิ ัตติ ามระเบยี บ ของวัดอัมพวนั ดังน้ี เวลา ๐๔๐๐ - ต่นื นอน ทํากจิ ส่วนตวั ๐๔๓๐ - ทําวตั รสวดมนต์ ๐๕๐๐ - ชี้แจงการปฏบิ ัต,ิ ฝกึ อบรมฯ, เดินจงกรม และเจรญิ จติ ภาวนา ๐๗๐๐ - รบั ประทานอาหารเช้า ๐๘๓๐ - ฝึกอบรมฯ เดนิ จงกรม และเจรญิ จิตภาวนา ๑๑๐๐ - รบั ประทานอาหารกลางวัน ๑๓๐๐ - ฝึกอบรมฯ เดินจงกรม และเจรญิ จติ ภาวนา ๑๖๐๐ - ด่ืมน้ําปานะ, ทาํ กจิ ส่วนตัว ๑๘๐๐ - ทาํ วตั รสวดมนต,์ ฝึกอบรมฯ, เดนิ จงกรม และเจริญจติ ภาวนา ๒๑๐๐ - พกั ผ่อน, เขา้ นอน

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๖๖ การปลูกฝังและสรา้ งเสริมอดุ มการณท์ หารดา้ นการพัฒนาคณุ ธรรมของกองทัพบก ๑. กลา่ วทัว่ ไป กองทัพบกได้กําหนดคําขวัญอันมีลักษณะเป็นอุดมการณ์กองทัพบก เพื่อให้ทุกหน่วยปฏิบัติยึดม่ันไปใน แนวทางเดียวกัน คือ “เพ่ือชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน” สําหรับกําลังพล ทุกระดับช้ัน นอกจากจะต้องยึดถือ อุดมการณ์ของกองทัพบกแล้ว ยังต้องยึดม่ันต่อคําสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลและน้อมนําพระบรมราชโองการโปรด เกล้าฯ พระราชทานยศทหาร อันมีข้อความที่เป็นพระบรมราโชวาทปรากฏไว้ทุกฉบับ ความว่า “ให้ฟังคําส่ัง ผู้บังคับบัญชาเหนือตน และรักษาวินัยโดยเคร่งครัด จงเว้นการควรเว้น หม่ันประพฤติการควรประพฤติ ให้ต้องตาม บทบญั ญตั แิ หง่ กฎหมายและแบบธรรมเนียมทกุ ประการ” การที่จะทําให้กําลังพลของกองทัพบกตระหนัก ยึดม่ันอุดมการณ์ของกองทัพบก และ พระบรมราโชวาท ดังกล่าวนัน้ หนว่ ยทุกระดับของกองทัพบกต้องยดึ ถอื กฎ ระเบยี บ ข้อบังคบั สายการบังคับบัญชา และฝึกอบรมกําลังพลให้ เป็นผู้มีกําลังกายแข็งแรง มีขวัญกําลังใจเข้มแข็ง มีระเบียบวินัย มีความรู้ความเข้าใจ ยึดมั่นในอุดมการณ์รักชาติ มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตวิญญาณการเป็นทหารอาชีพ ท่ีสําคัญกําลังพลทุกคนจะต้องมีความเสียสละและยึดมั่นหลักการทํางาน ในแนวทางเดียวกัน โดยอุทศิ ตน เพอื่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ อย่างแทจ้ รงิ กองทัพบกได้เห็นความสําคัญการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ให้กําลังพลมีอุดมการณ์เป็นไปในแนวทาง เดียวกัน จึงไดอ้ อกคาํ ส่ัง ทบ. ที่ ๖๖/๒๕๕๑ ลง ๒๕ ก.พ.๕๑ และคําสั่ง คณะกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ ทหารของกองทัพบก ที่ ๑/๒๕๕๑ ลง ๑๘ ส.ค.๕๑ โดยมีคําสั่งแต่งต้ังคณะกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหาร ของกองทัพบก และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก เพ่ือรับผิดชอบงานที่ ได้รับ การแบ่งมอบจากคณะกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก ๕ คณะอนุกรรมการ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหาร คณะอนุกรรมการพัฒนารักษาขวัญ คณะอนุกรรมการ รกั ษาวินยั คณะอนุกรรมการพฒั นาคุณธรรม และคณะอนกุ รรมการประเมนิ ผล กองทัพบกได้กําหนดมาตรการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก ซึ่งประกอบด้วย ๑ มาตรการหลัก เพอ่ื ดําเนินการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารโดยตรง ด้วยวิธีการต่างๆ กับกําลังพลกลุ่มเป้าหมาย และ ๓ มาตรการเสริม เพ่ือดําเนินการด้านการพัฒนารักษาขวัญ ด้านการรักษาวินัย และด้านการพัฒนาคุณธรรม เพ่ือ เสริมการปฏบิ ตั ติ ามมาตรการหลัก สําหรบั มาตรการเสริมดา้ นการพัฒนาคุณธรรม กองทัพบกได้มอบให้กรมยทุ ธศึกษาทหารบก เป็นหน่วยรับผิดชอบ ดําเนินการด้านการพัฒนาคุณธรรม โดยมี รองเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก เป็นประธานอนุกรรมการ และ ผู้อํานวยการกอง อนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ เพื่อกําหนดแนวทางการปฏิบัติ อํานวยการ ประสานงาน กํากับดูแล ในเร่ืองการพัฒนาคุณธรรม ให้กับกําลังพล ของกองทัพบกทุกนายยึดหลักคุณธรรมในด้านต่างๆ มา เป็นแนวทางในการดําเนินชีวิตอย่างเหมาะสม สร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นกับตนเอง ครอบครัว สังคม หน่วยงานและ ประเทศชาติ และเกิดจิตสํานึกในการเทิดทูนและพิทักษ์รักษาไว้ซ่ึงสถาบันหลักของชาติ ตลอดจนดํารงรักษาไว้ซึ่งพระบรม เดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์ มิให้ผู้ใดล่วงละเมิดได้ และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และแสดงออกให้ เป็นที่ปรากฏในทุกโอกาสอันควร โดยยึดถือนโยบายการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก พ.ศ.๒๕๕๑ หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา และแบบสรุปผลการประเมินการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก ด้าน การพฒั นาคณุ ธรรม ตามหนังสอื ยศ.ทบ.ท่ี กห ๐๔๖๑/๒๖๓๙ ลง ๒๖ พ.ค.๕๓ เป็นแนวทางหลักในการดําเนินการพัฒนา คุณธรรมทหาร

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๖๗ ๒. คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณธรรม ๒.๑ รอง จก.ยศ.ทบ. ประธานอนุกรรมการ ๒.๒ เสธ.ยศ.ทบ. รองประธานอนกุ รรมการ ๒.๓ ผแู้ ทน ทภ.๑ อนุกรรมการ ๒.๔ ผแู้ ทน ทภ.๒ อนกุ รรมการ ๒.๕ ผแู้ ทน ทภ.๓ อนุกรรมการ ๒.๖ ผแู้ ทน ทภ.๔ อนกุ รรมการ ๒.๗ ผแู้ ทน นสศ. อนกุ รรมการ ๒.๘ ผแู้ ทน พล.ปตอ. อนกุ รรมการ ๒.๙ ผแู้ ทน พล.ร.๑๑ อนุกรรมการ ๒.๑๐ ผแู้ ทน พล.ม.๒ รอ. อนกุ รรมการ ๒.๑๑ ผแู้ ทน พล.ป. อนกุ รรมการ ๒.๑๒ ผแู้ ทน ขกท. อนกุ รรมการ ๒.๑๓ ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ. อนกุ รรมการและเลขานกุ าร ๒.๑๔ รอง ผอ.กอศจ.ยศ.ทบ. อนกุ รรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๓. หน้าทีแ่ ละความรบั ผดิ ชอบของคณะอนุกรรมการพฒั นาคณุ ธรรม ๓.๑ กาํ หนดแนวทางการปฏิบัติ อาํ นวยการ และประสานงาน ๓.๒ กํากับการในเรื่องการพัฒนาคุณธรรม ให้กําลังพลทุกนายยึดหลักคุณธรรมในด้านต่างๆ มาเป็นแนวทางใน การดํารงชีวติ ทงั้ ในดา้ นส่วนตัวและหน้าที่การงาน ๔. วัตถุประสงคก์ ารพฒั นาคุณธรรมของกองทัพบก ๔.๑ เพอื่ ใหส้ ่วนราชการของ ทบ. ตงั้ แต่ระดับกองพันข้นึ ไป และ นขต.ทบ. มแี นวทางการดาํ เนินการที่ชัดเจนใน การปลกู ฝงั และสร้างเสรมิ อุดมการณ์ทหาร ด้านการพัฒนาคุณธรรมให้กับกําลงั พลในสงั กัด ๔.๒ เพ่ือให้กําลังพลทุกนายยึดม่ันในอุดมการณ์ความเป็นทหารอาชีพและยึดหลักคุณธรรม๘ ประการ มาเป็น แนวทางในการดํารงชีวิตทั้งในด้านส่วนตัว หน้าท่ีการงาน และปฏิบัติตนเป็นแบบอย่าง ที่ดีต่อส่วนรวม เพื่อสร้างความสงบสุข ให้เกดิ ขนึ้ กบั ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน หนว่ ยงาน กองทพั และประเทศชาติในทสี่ ุด ๔.๓ เพื่อให้กองทัพบกเป็นสถาบันหลักท่ีสร้างศรัทธาและเชื่อมั่นแก่ประชาชน และปลูกจิตสํานึกในการเทิดทูนและ พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ ตลอดจนดํารงรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์มิให้ผู้ใดล่วงละเมิด ได้ มีความจงรักภักดีตอ่ สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ และแสดงออกใหเ้ ปน็ ท่ปี รากฏในทุกโอกาส ๕. กลมุ่ เปา้ หมาย ๕.๑ บุคคลท่ีเตรียมเขา้ มาปฏบิ ตั ิราชการใน ทบ. ๕.๒ กาํ ลังพลทแ่ี รกเริ่มเขา้ มาปฏบิ ัติราชการใน ทบ. ๕.๓ กาํ ลงั พลท่เี ขา้ มาปฏิบตั ิราชการใน ทบ. แล้ว ๕.๔ บคุ คลอื่นท่มี ีส่วนเก่ยี วขอ้ งหรือสนบั สนนุ การปฏิบตั ิราชการใน ทบ. ๖. แนวทางการพฒั นาคุณธรรม

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๖๘ คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณธรรม ได้ใช้แนวทางการพัฒนาคุณธรรมตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ๘ ประการ และตามนโยบายที่กองทัพบกกําหนดมาเป็นหลักในการดําเนินการ โดยยึดถือแผนการปลูกฝังและสร้างเสริม อุดมการณ์ทหารของ ทบ. ประจําปี ๒๕๕๕ ตามที่ ผบ.ทบ. อนุมัติท้ายหนังสือ กพ.ทบ. ท่ี กห ๐๔๐๑/๓๘๒๐ ลง ๒๗ ธ.ค. ๕๔ เรอื่ ง รายงานผลการดาํ เนนิ การ ตามนโยบายการปลูกฝงั และสร้างเสรมิ อุดมการณ์ทหารของ ทบ. ดงั น้ี ๖.๑ ความจงรกั ภักดีตอ่ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ๖.๒ ความเสยี สละ ๖.๓ ความรบั ผิดชอบตอ่ หน้าที่ ๖.๔ ความพอเพียง ๖.๕ ความสามคั คี ๖.๖ ความสุขของผู้ครองเรอื น ๖.๗ การอบรมศลี ธรรมวฒั นธรรมทหาร ๖.๘ การปฏิบตั ิธรรม (จิตภาวนา) ๗. วิธดี าํ เนนิ การด้านการพฒั นาคณุ ธรรม ๗.๑ ความจงรกั ภกั ดตี ่อสถาบนั ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ ๗.๑.๑ การจัดให้มีการศึกษาอบรมและเพิ่มพูนความรู้ ด้านประวัติศาสตร์ชาติไทยประวัติศาสตร์ พระพุทธศาสนา พระราชประวัติพระมหากษัตริย์ไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น การอบรม การจัดทัศนศึกษา การจัด นิทรรศการ การจัดฉายภาพยนตร์ การจัดทําเว็บไซต์ทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น เพ่ือปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ให้เกิด ความรกั เคารพ เทดิ ทนู และรซู้ ้ึงถึงคณุ คา่ ย่งิ ของสถาบนั หลักของชาตทิ ีม่ ิอาจแยกออกจากกันได้ ๗.๑.๒ การจัดโครงการหรือกิจกรรมเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพ่ือให้กําลังพล และครอบครัวแสดงออกถึงความจงรักภักดีและเกิดจิตสํานึกในการปกป้อง พิทักษ์ และรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติด้วย เลอื ดเนอื้ และชีวิตของตน ดงั น้ี ๗.๑.๒.๑ ความจงรักภักดตี ่อสถาบนั ชาติ ๗.๑.๒.๑.๑ การจดั หอ้ งเกียรติศักด์ิหรือห้องพพิ ิธภัณฑ์ของหน่วย ๗.๑.๒.๑.๒ การสืบสานและอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมไทยและเอกลักษณ์ของชาติไทย เชน่ ประเพณสี งกรานต์ เข้าพรรษา ลอยกระทง การใช้ภาษาไทย เปน็ ต้น ๗.๑.๒.๑.๓ การร้องเพลงชาติ การปฏิญาณตนหลังเคารพธงชาติ การร้องเพลง ใน ลักษณะทเ่ี กย่ี วข้องกบั ชีวติ การเป็นทหารอาชีพหรือร้องเพลงปลุกใจรกั ชาติตา่ งๆ ๗.๑.๒.๑.๔ การกระทําสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล และการปฏิบัติตนตามคํา ปฏิญาณตอ่ ธงชยั เฉลิมพลอย่างต่อเนื่อง ด้วยวธิ กี ารตา่ งๆ ให้กับกาํ ลงั พลทุกระดับ ๗.๑.๒.๑.๕ การจัดปา้ ยข้อความและส่อื ต่างๆ เพอ่ื รณรงคแ์ ละ ปลกุ จิตสาํ นกึ รักชาติ และ พรอ้ มทีจ่ ะปกป้อง พิทักษ์และรกั ษาไว้ซงึ่ สถาบันหลักของชาติ ๗.๑.๒.๑.๖ การประดับธงชาติ ธงธรรมจักร และธงสัญลักษณ์เกี่ยวกับสถาบัน พระมหากษัตริย์ ๗.๑.๒.๒ ความจงรักภกั ดีต่อสถาบนั พระพุทธศาสนา

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๖๙ ๗.๑.๒.๒.๑ การสอนวชิ าการศาสนาและศลี ธรรมในหลกั สูตรตามแนวทางการรับราชการ ของ ทบ. และ กอศจ.ยศ.ทบ. ๗.๑.๒.๒.๒ การจัดกจิ กรรมวันสําคญั ทางพระพุทธศาสนา เช่นทําบุญตักบาตร รักษาศีล ปฏิบัติธรรม เวียนเทียนประทักษิณ ปฏิบัติศาสนพิธี ประดับธงธรรมจักร จัดนิทรรศการ ประกวดโต๊ะหมู่บูชาและการสวด มนตส์ รรเสรญิ พระรัตนตรยั การเขา้ ค่ายคณุ ธรรม เป็นต้น ๗.๑.๒.๒.๓ การถวายความอุปถัมภ์และทํานุบํารุง เช่น บริจาคเงินเพื่อการกุศลผ้าป่า/ กฐินฯ กจิ กรรม ๑ กองพนั ๑ วัด พฒั นาจิต เปน็ ตน้ ๗.๑.๒.๒.๔ การสืบต่ออายุของพระพุทธศาสนา ด้วยการปฏิบัติหน้าท่ีของความเป็น พทุ ธศาสนกิ ชนที่ดี และสนับสนุนส่งเสริมด้านปริยัติธรรม ปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาของกําลังพลและครอบครัว เช่น การจัดการเรียนการสอนและสอบธรรมสนามหลวง โรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ บวชเนกขัมมะ/บวชชีพราหมณ์ การบรรพชาและอุปสมบท เปน็ ตน้ ๗.๑.๒.๓ ความจงรักภกั ดีต่อสถาบนั พระมหากษัตริย์ ๗.๑.๒.๓.๑ การปฏิบัติธรรมและการบรรพชาอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ เน่ืองในโอกาสมหา มงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั และสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถ ๗.๑.๒.๓.๒ การจดั กิจกรรมเฉลิมพระเกยี รตแิ ละถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันเฉลิมพระ ชนมพรรษาฯ เช่น การทําบุญตักบาตร ไหว้พระสวดมนต์ ปฏิบัติธรรมถวายเป็น พระราชกุศล, การลงนามถวายพระพรชัย มงคล, การปฏิญาณตนเป็นข้าราชการที่ดีและเป็นพลังแผ่นดิน, ปลูกต้นไม้ตามโครงการ พลิกฟ้ืนผืนป่าด้วยพระบารมี, การ บริจาคโลหิต, การจดั ทาํ สอ่ื เผยแผ่พระราช-ประวตั ิและพระราชกรณยี กิจ, การเดิน-ว่ิงเฉลมิ พระเกยี รติ เปน็ ต้น ๗.๑.๒.๓.๓ การจัดที่บูชาประจํากองร้อย ให้ถูกต้องเหมาะสมตามท่ีทบ. กําหนด เพื่อ เฉลิมพระเกยี รตแิ ละถวายเป็นพระราชกศุ ล ๗.๑.๒.๓.๔ การไหว้พระสวดมนต์อธิษฐานจิต ถวายเป็นพระราชกุศล วันเฉลิมพระ ชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทุกวันราชการ เวลา ๐๘๓๐ ตลอดเดือนธันวาคม และสงิ หาคมของทกุ ปี ๗.๑.๒.๓.๕ การปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศล ของพลทหารกองประจําการ หลังจากไหวพ้ ระสวดมนต์ประจาํ วัน ทุกคืน เวลา ๒๐๓๐ ๗.๒ ความเสียสละ ๗.๒.๑ การบริจาคเงินและสิ่งของเพ่ือสาธารณกุศลให้กับวัด บ้าน โรงเรียน หน่วยงานและองค์กรการกุศล ต่างๆ เช่น ผ้าป่าฯ/กฐินฯ อุปกรณ์การศึกษา/กฬี า การพัฒนาส่งิ แวดล้อมและบาํ เพ็ญ สาธารณประโยชน์ เป็นตน้ เพอ่ื กาํ จัดความเหน็ แกต่ ัว ปลูกฝังความเสียสละและเสริมสรา้ งความรรู้ กั สามัคคตี อ่ กนั ๗.๒.๒ การช่วยเหลือและบําบัดทุกข์ผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ เช่น อุทกภัย วาตภัยอัคคีภัย ภัยแล้ง อบุ ัตเิ หตุ เปน็ ตน้ เพื่อปลูกฝงั ความมีน้ําใจเอื้อเฟ้ือเผ่อื แผแ่ ละช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากหรือผู้ที่ด้อยโอกาส เพื่อให้กองทัพบก เป็นที่ยอมรบั เชื่อมั่นของประชาชน ๗.๒.๓ การพฒั นาหนว่ ย เขตสขุ าภิบาลและสิ่งแวดลอ้ ม ด้วยความเสียสละตามทไ่ี ดร้ ับ การแบ่งมอบพน้ื ทีใ่ ห้ดาํ เนนิ การ เพอื่ ใหเ้ ห็นถึงความรบั ผิดชอบและเสยี สละต่อสว่ นรวมของกําลังพล

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๗๐ ๗.๒.๔ การบริจาคโลหิตเพื่อสภากาชาดไทย การอุทิศร่างกายและชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ เพ่ือพิทักษ์รักษา อธิปไตยและเอกราชของชาติไทย ตลอดจนปลกู ฝงั ใหเ้ หน็ คณุ ค่าของความเสียสละ และเกิดความภาคภูมิใจในการเสียสละส่ิง ทีม่ ีคณุ ค่านอ้ ยเพ่อื รกั ษาไวซ้ ึง่ ส่ิงท่ีมคี ณุ ค่ามากกวา่ ๗.๒.๕ การจัดสวัสดิการและบํารุงขวัญของหน่วย เช่น พบปะเยี่ยมเยียน มอบทุน การศึกษา ค่า รักษาพยาบาล มอบของขวัญรางวัล/โล่/เกียรติบัตร การจัดหางานให้พลทหารกองประจําการ เป็นต้น เพ่ือให้เห็นถึงความ เสยี สละและการเอาใจใสด่ ูแลของผูบ้ ังคับหนว่ ย ทม่ี ีต่อกาํ ลังพลและครอบครัวของหนว่ ย ๗.๓ ความรบั ผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ี ๗.๓.๑ จัดกําลังพลเข้ารับการฝึกศึกษาตามวงรอบ และตามที่หน่วยมีความคิดริเร่ิมอย่างเพียงพอต่อการ ปฏิบัติหน้าที่ เพ่ือให้กําลังพลเป็นผู้ท่ีมีทักษะความรู้มีความริเร่ิมและมีการตัดสินใจท่ีถูกต้องรวดเร็วมีคุณธรรมจริยธรรมและ จิตวิญญาณการเป็นทหารอาชีพ มีเกียรติยศและศักด์ิศรี มีความรู้ความสามารถท้ังในงานตามหน้าที่และก้าวทัน วิทยาการที่ทันสมัย มีความตระหนักในความเป็นทหารของชาติและเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น การฝึก ชกท. การเพมิ่ พนู วิทยฐานะการจดั การเรยี นการสอนเฉพาะหนา้ ทภ่ี ายในหน่วย (Unit school) การฝึกตามวงรอบหน่วย เป็น ต้น ๗.๓.๒ การจดั ทาํ ห้องเกยี รตศิ กั ดหิ์ รอื หอ้ งพพิ ิธภณั ฑ์ และบนั ทกึ ประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับ วรี กรรมของกําลัง พลที่ปฏิบัติหนา้ ท่ีดว้ ยความเสียสละและกล้าหาญ เพื่อเป็นสถานที่รวบรวมประวัติศาสตร์ท่ีนํามาซ่ึงความภาคภูมิใจของกําลัง พลและครอบครัว และประกาศเกยี รตคิ ุณใหเ้ ป็นที่ปรากฏตอ่ สาธารณชน ยกยอ่ งเทิดทนู และเป็นทีเ่ คารพของบุคคลทั่วไป ๗.๓.๓ การคดั เลือกและยกย่องกําลังพลดีเด่น ด้านการฝึกศึกษาและปฏิบัติหน้าที่ ในท่ีต้ังปกติและปฏิบัติ ราชการสนามใหเ้ ป็นท่ปี รากฏต่อกาํ ลังพลและครอบครัว ตลอดจนประชาชนทวั่ ไป เชน่ ประกาศยกยอ่ ง มอบใบประกาศเกียรติคุณ มอบของขวัญรางวัล บําเหน็จความดีความชอบ เป็นต้น เพื่อกระตุ้นให้กําลัง พลมีความมุ่งมั่น และเกิดขวัญกําลังใจในการปฏิบัติหน้าท่ีจนเกิดความสําเร็จลุล่วงและเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานและ ส่วนรวม ๗.๓.๔ จัดทําสถิติทหารกระทําความผิดและปฏิบัติหน้าท่ีย่อหย่อน บกพร่อง ละทิ้ง หรือทุจริตต่อหน้าที่ เชน่ ดื้อรั้น ผิดวินัย ขาดหนี การทําผิดกฎหมาย ประพฤติทุจริตและคอร์รัปชั่น เป็นต้น สําหรับเป็นข้อมูลให้ผู้บังคับบัญชา ดําเนินการควบคุม กํากับดูแลและหาแนวทางปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมหรือลงโทษตามฐานของความผิด เพื่อป้องกันมิให้ กาํ ลงั พลกระทาํ ผดิ ท่ีก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และปฏิบัติตนเป็นข้าราชการ ทีด่ ีของแผน่ ดนิ ตลอดจนลงโทษกาํ ลงั พลท่กี ระทาํ ผดิ ร้ายแรงมิใหใ้ ช้ตาํ แหน่งหนา้ ทีข่ องตนกระทําความเสียหายต่อหน่วยและ สว่ นรวมตอ่ ไป อนั เป็นการปอ้ งกนั มใิ ห้คนช่วั มอี าํ นาจและส่งเสริมคนดใี หม้ โี อกาสทาํ หนา้ ทที่ ดแทนตอ่ ไป ๗.๔ ความพอเพียง ๗.๔.๑ การจัดกําลังพลและครอบครัวเข้ารับการอบรม ศึกษาดูงาน และฝึกปฏิบัติตามแนวปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงทั้งในที่ตั้งหน่วยและนอกหน่วยเพื่อให้กําลังพลและครอบครัวมีความรู้ความเข้าใจและเกิดแรงจูงใจในการ นําแนวความคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ และสามารถนํามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดําเนินชีวิตของตนได้ ตอ่ ไป ๗.๔.๒ การจัดโครงการและกิจกรรมสนับสนุนและส่งเสริมการดําเนินชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพยี งของ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ให้ปรากฏผลเป็นรูปธรรม เช่น ปลูกพืชผักสวนครัว ปลูกพืชเศรษฐกิจ ไร่นาสวน ผสม เล้ยี งสตั ว์ เปน็ ตน้

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๗๑ ๗.๔.๓ การรณรงค์ลด ละ เลิก อบายมุข เพ่ือลดรายจ่าย เพิ่มรายเหลือและ เพื่อสุขภาพที่ดี มีความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของกําลังพลและครอบครัว ตลอดจนเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติหน้าท่ีและดําเนินชีวิตด้วย ความสุขและประสบความสําเร็จในชีวิต เช่น การฝึกอบรมเพิ่มเติมความรู้ให้เห็นโทษและพิษภัยของอบายมุข การควบคุม กํากับดูแลเกี่ยวกับการจําหน่วยบุหรี่,สุราให้เป็นไปตามกฎหมายหรือระเบียบของหน่วย การรณรงค์ลด ละ เลิก บุหร่ีเหล้า เขา้ พรรษา การกวดขันมิใหเ้ ลน่ การพนันและกระทําส่งิ ผิดกฎหมาย การบําบัดและฟื้นฟสู ขุ ภาพผูต้ ิดยาเสพตดิ เปน็ ต้น ๗.๔.๔ การจัดผลกําไรของกองทุนชุมชนหรืองบประมาณของหน่วยให้การสนับสนุนและส่งเสริมด้านการ ฝกึ วิชาชีพ การศึกษาและพัฒนาชุมชนทหารภายในหน่วย เพื่อให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมและสร้างความเจริญรุ่งเรืองภายในชุมชน ของตน ๗.๕ ความสามัคคี ๗.๕.๑ การรณรงค์สร้างความสามัคคีและความปรองดองของคนในชาติ การสร้างจิตสํานึกอุดมการณ์รักชาติ และยึดม่ันการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ด้วยการจัดกิจกรรมสร้างความเข้าใจ และทัศนคติท่ีดีให้เกิดความสํานึกในหน้าท่ีในการให้การสนับสนุนความร่วมมือร่วมใจและรู้จักให้อภัยกัน เพื่อความสงบ เรยี บร้อยภายในประเทศ เชน่ การรณรงคใ์ หป้ ฏบิ ัติตามแนวพระราชดาํ รัส “รรู้ กั สามัคคี” เปน็ ต้น ๗.๕.๒ จัดโครงการและกจิ กรรมสนับสนนุ และสง่ เสริมให้กาํ ลงั พล ครอบครัว และชุมชนท่ัวไปเกิดความรัก สามัคคีและพร้อมท่ีจะดําเนินชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและให้อภัยต่อกัน เช่น แข่งขันกีฬา พบปะเย่ียมเยียน ทัศนศึกษา และการบนั เทิง การจัดสวัสดกิ าร เป็นตน้ ๗.๕.๓ การประชมุ ประจําเดอื นของหน่วยและเข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานอ่นื เพื่อความเข้าใจอันดีต่อกัน และรบั ทราบข้อมูลเก่ียวกับการส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีมีความสมานฉันท์ และร่วมกันหาแนวทางป้องกันและแก้ไขเหตุท่ี กอ่ ใหเ้ กดิ ความแตกสามัคคี ๗.๕.๔ การสรา้ งความสมั พันธ์อนั ดกี บั ชุมชนและจัดชดุ เกาะตดิ สถานการณ์ เพื่อทําความเข้าใจและรณรงค์ ใหก้ าํ ลังพล ครอบครวั และประชาชน ไดม้ สี ่วนรว่ มและทาํ กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งความรักความสามคั คีร่วมกนั เช่น การมีส่วนร่วม อนุรักษ์และสืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทย การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ การพัฒนาชุมชน การจัดชุดเกาะติดสถานการณ์ เปน็ ต้น ๗.๖ ความสุขของผู้ครองเรือน คือความสุขอันชอบท่ีผู้ครองเรือนควรมีและควรขวนขวายให้มีอยู่ในตนเสมอ มี ๔ ประการ ดงั น้ี ๗.๖.๑ สุขเกิดจากการมีทรัพย์ การจัดโครงการและจัดกิจกรรมสนับสนุนและส่งเสริมการประกอบอาชีพ เสริมเพ่ิมรายได้ให้กําลังพลและครอบครัวในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน เช่น ตัดเย็บเสื้อผ้า ทําเคร่ืองประดับตกแต่ง ไม้ดอกไม้ ประดบั สนิ ค้าและผลิตภณั ฑ์ OTOP เปน็ ตน้ เพ่ือลดรายจา่ ย เพิม่ รายเหลือ มคี วามเปน็ อยทู่ ี่ดีและไม่มหี น้สี นิ ล้นพ้นตัว ๗.๖.๒ สุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์บริโภค การจัดอบรมและรณรงค์ให้รู้จักประหยัดอดออมและบริหาร ทรัพย์ตามแนวคําสอนของพระพุทธศาสนาโดยยึดหลักโภคอาทิยธรรมคือประโยชน์ท่ีควรถือเอาจากการใช้จ่ายโภคทรัพย์ ๕ ประการ คอื ๗.๖.๒.๑ เลีย้ งตน เลยี้ งมารดาบิดา เลยี้ งครอบครวั เลีย้ งผใู้ ตบ้ ังคบั บญั ชาใหเ้ ป็นสขุ ๗.๖.๒.๒ เลี้ยงเพื่อนฝูงให้เป็นสขุ ๗.๖.๒.๓ บาํ บัดป้องกันภยนั ตราย ๗.๖.๒.๔ ทาํ พลีกรรม (สละเพ่อื ช่วยเหลือหรือบชู า) ๕ อยา่ ง ดังน้ี

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๗๒ ๗.๖.๒.๔.๑ การสงเคราะห์ญาติ ๗.๖.๒.๔.๑ การต้อนรับแขก ๗.๖.๒.๔.๑ การทําบญุ อทุ ิศให้ผ้ตู าย ๗.๖.๒.๔.๑ การเสียภาษอี ากร ๗.๖.๒.๔.๑ การทาํ บญุ อุทิศใหเ้ ทวดา ๗.๖.๒.๕ ทําทานในสมณพราหมณ์ผู้ประพฤติชอบ (การทําบุญตักบาตรพระสงฆ์ สนับสนุนและ ส่งเสริมบคุ คลผปู้ ระพฤตดิ ีมีศีลธรรม) ๗.๖.๓ สุขเกิดจากความไม่เปน็ หนี้ ๗.๖.๓.๑ การตรวจสอบการกู้เงินที่ก่อให้เกิดหนี้สินล้นพ้นตัวของกําลังพล จนอาจส่งผลกระทบ และทาํ ให้เกิดความเสยี หายต่อการปฏิบตั ิหน้าที่และต่อหน่วย ในรูปแบบของการจัดต้ังคณะกรรมการตรวจสอบการกู้เงินของ หน่วย เพื่อหาแนวทางแก้ไขและช่วยเหลือให้กําลังพลมี หนี้สิ้นลดลงและหมดหนี้ในท่ีสุด เช่น การตรวจสอบการกู้เงินท้ังใน ระบบและนอกระบบ รวมท้ังความสามารถในการชําระหน้ีของกําลังพล การจัดทําสถิติและประวัติของกําลังพลท่ีมีเงินเหลือ ไม่ถึงหน่งึ ในสามของเงนิ รายได้ประจําเดือน การใหค้ วามช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่กําลังพลผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เปน็ ต้น ๗.๖.๓.๒ การส่งเสริมให้กําลังพลและครอบครัวจัดทําบัญชีครัวเรือนของตนเพ่ือตรวจสอบรายรับ- รายจ่าย และวางแผนในการใช้จ่ายทรัพย์มิให้เกินรายรับประจําเดือนของตนและป้องกันมิให้ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยจนเกิน ฐานะและเปน็ ผ้ทู ม่ี ีหนสี้ ินล้นพน้ ตัว ๗.๖.๔ สขุ เกดิ จากการประกอบการงานที่ปราศจากโทษ จัดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยา เสพติดให้โทษ เพ่ือควบคุมกํากับดูแลและจัดหามาตรการป้องกันมิให้กําลังพลและครอบครัวประพฤติทุจริตหรือเกี่ยวข้องกับ สิ่งเสพติดให้โทษ กระทําผิดกฎระเบียบของหน่วยและกฎหมายบ้านเมือง เช่น การอบรมชี้แจง รายงานสถิติทหารกระทํา ผิดประจําเดือน การจัดชุดระวังป้องกันการกระทําผิด การตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด การบําบัดและการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพ ตดิ การจัดต้ังหน่วยทหารสขี าว เปน็ ต้น ๗.๗ การอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหาร จัดโครงการและกิจกรรมส่งเสริมให้กําลังพลและครอบครัวมีโอกาส ได้รับการศึกษาและอบรมในโอกาสสําคัญ เพ่ือปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมในจิตใจ ให้ละช่ัว กระทําความดี และฝึกจิตให้ บรสิ ทุ ธิ์ผอ่ งใส ดงั น้ี ๗.๗.๑ การอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหาร (ยามปกติ) ประจําเดือน หน่วยจัดให้มีการอบรมศีลธรรม วัฒนธรรมทหารประจําเดือนทุกเดือนๆ ละ ๑ ครั้ง โดยใช้หัวข้อธรรมท่ี ยศ.ทบ. กําหนดให้ และปฏิบัติตามระเบียบกรมยุทธ ศึกษาทหารบก ว่าด้วยการอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหาร(ยามปกติ) พ.ศ.๒๕๔๙ ลง ๒๒ ธ.ค.๔๙ อย่างต่อเน่ือง โดยให้ หน่วยออกคําสั่งการอบรมศีลธรรมวัฒน-ธรรมทหาร ส่งใบบันทึกยอดผู้เข้ารับการอบรม สมุดบันทึกการอบรม รายงานผล การอบรมศลี ธรรมฯ และรายงานสถติ ทิ หารกระทาํ ความผดิ ประจาํ เดอื นให้หน่วยเหนือทราบทุกเดอื น ๗.๗.๒ การสอนวิชาการศาสนาและศีลธรรมในหลักสูตรตามแนวทางรับราชการ การอบรมและเพ่ิมพูน ความรดู้ ้านศาสนพิธี พิธีกร พธิ ีกรรม ขนบธรรมเนยี มประเพณีและวฒั นธรรมไทยของ ทบ. และของหน่วย ๗.๗.๓ การอบรมคุณธรรมทหารใหม่ การประกอบพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะของทหารใหม่ และอบรม ครูฝึกทหารใหม่ หนว่ ยออกคําสั่ง ดาํ เนินการ และรายงานผลการอบรมคณุ ธรรมทหารใหม่ การประกอบพธิ แี สดงตนเป็นพทุ ธ มามกะสําหรบั ทหารใหม่ และอบรมคณุ ธรรมครฝู ึกทหารใหมใ่ ห้หน่วยเหนอื ทราบทุกผลดั

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๗๓ ๗.๗.๔ การจัดกิจกรรมธรรมสัญจรของอนุศาสนาจารย์ และการอบรมช้ีแจงพลทหารกองประจําการ หน่วยออกคําสั่งและจัดอนุศาสนาจารย์บรรยายธรรมหรือพบปะเย่ียมเยียนกําลังพล ณ ท่ีรวมพลหน้าแถว หน่วยงานและ ชุมชนทหาร ตลอดจนจดั ผูบ้ ังคบั บัญชาอบรมพลทหารกองประจําการ ก่อนการไหวพ้ ระสวดมนต์กอ่ นนอนตาม รปจ. ๗.๗.๕ การจัดโครงการหรือกิจกรรมพบกันวันพระ เช่น การไหว้พระสวดมนต์ทําบุญตักบาตร ปฏิบัติ ธรรม ประดบั ธงธรรมจักร - ธงชาติ - ธงตราสญั ลักษณ์ เปน็ ตน้ ๗.๗.๖ การจัดทําส่ือธรรมะและติดต้ังป้ายข้อความสําหรับเผยแผ่และส่งเสริมให้กําลังพลและครอบครัวได้รับ ความรู้ความเข้าใจและสามารถนําไปประยุกต์ในชีวิตประจําวันได้ เช่น พุทธศาสน-สุภาษิต ข้อคิดคติธรรม พระราชดํารัส พระบรมราโชวาท นิทรรศการ เสียงตามสาย สถานีวิทยุและโทรทศั น์ เปน็ ต้น ๗.๗.๗ การจัดทําสมุดบันทึกความดี หน่วยส่งเสริมให้กําลังพลบันทึกความดีท่ีได้เข้าร่วมโครงการหรือ กิจกรรมด้านการพัฒนาคุณธรรม ๘ ประการ โดยเร่ิมท่ีพลทหารกองประจําการทุกนายและขยายผลถึงกําลังพลและ ครอบครวั ในโอกาสต่อไป ๗.๘ การปฏิบัติธรรม หน่วยจัดให้กําลังพลและครอบครัวได้มีโอกาสปฏิบัติธรรม ตามแนวการปฎิบัติธรรมสม ถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานทางพระพุทธศาสนาตามที่ ทบ. หรือหน่วยจัดดําเนินการ เพื่อพัฒนาและยกระดับจิตใจให้ เกิดความสะอาด สว่าง สงบ และเกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริงตามสัจธรรมของพระพุทธเจ้า และสามารถกําจัดทุกข์และแก้ไข ปญั หาชีวิตดว้ ยสตปิ ญั ญาของตนได้อยา่ งเหมาะสมถกู ต้อง ดงั นี้ ๗.๘.๑ การปฏบิ ตั ธิ รรมในหลักสูตรการพัฒนาบคุ ลากรของ ทบ. ๗.๘.๒ การปฏิบัตธิ รรมในโครงการปฏิบตั ิธรรมในเทศกาลเข้าพรรษาของ ทบ. ๗.๘.๓ การปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติของ ทบ. เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๑๒ สิงหามหา ราชินี และ ๕ ธนั วามหาราช และในโอกาสอ่ืนๆ ๗.๘.๔ การปฏิบัติธรรมของหน่วย หนว่ ยเหนอื หรือร่วมกบั หน่วยงานและองคก์ รอ่ืนๆ ๗.๘.๕ การเขา้ ร่วมโครงการบรรพชาอปุ สมบทของ ทบ. หนว่ ยเหนอื ๗.๘.๖ การไหวพ้ ระสวดมนตแ์ ละปฏิบตั ิธรรมกอ่ นปฏิบตั ิงาน ณ หน้าแถวท่ีรวมพลของหนว่ ย ๗.๘.๗ การไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนและการปฏิบัติธรรม ของพลทหารกองประจําการ หลังจากการไหว้ พระสวดมนตก์ อ่ นนอนประจําวัน ๘. การรายงานผลดา้ นการพฒั นาคณุ ธรรม ให้คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณธรรมของหน่วยรายงานผลตามนโยบายการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ ทหารของ ทบ. ด้านการพัฒนาคุณธรรม โดยผ่านอนุกรรมการพัฒนาคุณธรรม ตามสายการบังคับบัญชา ปีงบประมาณละ ๒ หว้ ง ดังนี้ ๘.๑ หน่วยระดบั กองพนั รายงานภายใน วันท่ี ๒๕ ม.ี ค. และ ๒๕ ก.ย. ของทกุ ปี ๘.๒ หนว่ ยระดับ กรม รายงานภายใน วันท่ี ๑ เม.ย. และ ๑ ต.ค. ของทกุ ปี ๘.๓ หนว่ ยระดับ กองพล รายงานภายใน วันท่ี ๕ เม.ย. และ ๕ ต.ค. ของทุกปี ๘.๔ หนว่ ยระดบั กองทัพภาค และ นขต.ทบ. รวบรวมและรายงานถงึ ยศ.ทบ. (ผา่ น กอศจ.ยศ.ทบ.) ภายในวันท่ี ๑๐ เม.ย. และ ๑๐ ต.ค. ของทกุ ปี

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๗๔ ๘.๕ ยศ.ทบ. (กอศจ.ยศ.ทบ.) รวบรวมและสรุปผลรายงานเพ่ือนําเรียนประธานกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริม อุดมการณ์ทหารของกองทัพบก (ผช.ผบ.ทบ.สายงานกําลังพล) ก่อนสรุปนําเรียนให้ ผบ.ทบ. ทราบต่อไป ภายใน ๒๐ เม.ย. และ ๒๐ ต.ค. ของทุกปี ๘.๖ ให้หน่วยจัดทําภาคผนวกรายละเอียดของกิจกรรมพร้อมภาพกิจกรรม รายงานเป็นรูปเล่มเอกสารและลง ข้อมลู ทัง้ หมดในแผน่ ซดี รี อมแนบกบั ภาคผนวกดว้ ย ๘.๗ ให้ผู้บังคับหน่วยเป็นผู้ลงนามในแบบรายงานผลการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของ ทบ. ด้าน การพัฒนาคณุ ธรรม ๙. การประเมนิ ผล ดาํ เนินการประเมินผลท้ังในระดบั บุคคล หน่วยทหาร และ ทบ. ดังนี้ ๙.๑ ระดับบุคคลและหน่วยทหาร ให้ดําเนินการประเมินตามสายการบังคับบัญชา และคณะอนุกรรมการ ประเมินผล (จบ.) จัดชดุ ตรวจสอบและประเมินผลหนว่ ยต้ังแตร่ ะดับกองพัน จนถงึ ระดบั นขต.ทบ. ปีงบประมาณละ ๑ ครงั้ ๙.๒ ระดับ ทบ. ให้ดําเนินการประเมินผล โดยที่กองทัพบกจะจัดคณะอนุกรรมการดําเนินการรับผิดชอบเป็น การเฉพาะ ๑๐. การปฏบิ ตั ิ ส่วนราชการของกองทัพบก ตั้งแต่หน่วยระดับกองพันขึ้นไปจนถึงระดับกองทัพภาค และ นขต.ทบ. ยึดถือและ เร่งรัดการดําเนินการในส่วนท่ีรับผิดชอบ ให้บรรลุผลในการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมท้ังให้จัดทํารายละเอียดใน การดําเนินการตามนโยบายการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก มาตราท่ี ๔ “ด้านการพัฒนา คุณธรรม” โดยกําหนด แผนงาน, โครงการ และกิจกรรมเก่ียวกับการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม ประกอบเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ ปรบั ปรุงให้ทนั สมัยอยเู่ สมอ และรายงานผลการปฏบิ ัตติ ามวงรอบ ๖ เดอื น ของปีงบประมาณตามห้วงเวลาท่ี ทบ. กาํ หนด ๑๑. วธิ ีดําเนินการ ๑๑.๑ นขต.ทบ.แต่งต้ังคณะกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของหน่วย ถึงระดับกองพัน (กองทพั ภาค กองพล กรม กองพัน) ๑๑.๒ คณะกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของหน่วย ตามข้อ ๑๑.๑ ออกคําสั่ง แต่งต้ัง คณะอนกุ รรมการปลูกฝังและสรา้ งเสรมิ อุดมการณท์ หารของหนว่ ย ดา้ นการพัฒนาคุณธรรม ๑๑.๓ จัดประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณธรรมของหน่วย เพ่ือดําเนินการกําหนดแนวทาง การจัด โครงการ/กิจกรรม ด้านการพัฒนาคุณธรรมของหน่วย ตามโครงการ/กิจกรรมสนับสนุนแผนงานการปลูกฝังและสร้างเสริม อดุ มการณท์ หารของกองทัพบก มาตรการที่ ๔ “ด้านการพฒั นาคุณธรรม” ใหค้ รบทงั้ ๘ ดา้ น ๑๑.๔ ประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้กําลังพลและครอบครัว มีความเข้าใจและเห็นความสําคัญ ของการเข้าร่วม โครงการ/กิจกรรมด้านการพัฒนาคุณธรรม และดําเนนิ การจดั โครงการ/กจิ กรรมตา่ งๆ ตามทห่ี น่วยกําหนด ๑๑.๕ หน่วยที่รับผิดชอบโครงการ/กิจกรรม ประสานงาน กํากับดูแล และรายงานผล เม่ือจบกิจกรรม ให้ คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณธรรมของหนว่ ยทราบทกุ ครง้ั ๑๑.๖ คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณธรรมของหน่วย รายงานผลการปฏิบัติตามสายการบังคับบัญชา และ รวบรวมผลการดําเนินการรายงานให้ ทบ. (ยศ.ทบ.) ทราบ ตามแบบรายงานการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของ ทบ. ดา้ นการพฒั นาคุณธรรม ตามวงรอบ ๖ เดอื น ปงี บประมาณละ ๒ หว้ ง ตามข้อ ๘ ๑๑.๗ ดาํ เนนิ การประเมนิ ผลและรายงานผลการประเมนิ เพอ่ื ใชเ้ ป็นข้อมลู ในการวิเคราะห์ ปรับปรุงและพัฒนา โครงการและกิจกรรม ให้เกดิ ความสมบูรณ์และปรับปรงุ ให้ทนั สมัยอยู่เสมอ

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๗๕ การตรวจกจิ การอนศุ าสนาจารย์ ตามระเบียบกรมยุทธศึกษาทหารบก ว่าด้วยการอบรมศีลธรรมวัฒนธรรมทหาร (ยามปกติ) พ.ศ. ๒๕๔๙ กอง อนุศาสนาจารย์ซึ่งเป็นหัวหน้าเหล่าสายวิทยาการอนุศาสนาจารย์ จะต้องจัดส่งอนุศาสนาจารย์ ไปตรวจและให้คําแนะนํา กิจการอนุศาสนาจารย์แก่หน่วยข้ึนตรงกองทัพบกและหน่วยรอง เป็นประจําทุกปี เพียงแต่ในแต่ละปีไม่สามารถจะตรวจได้ ครบทกุ หน่วย โดยตรวจเกยี่ วกบั ๑. การอบรมศลี ธรรมวัฒนธรรมทหาร ๒. การปลกู ฝังและสร้างเสรมิ อุดมการณ์ทหาร ด้านการพัฒนาคณุ ธรรม ๓. การจดั ที่บชู าประจํากองรอ้ ย ๔. การไหว้พระสวดมนตข์ องทหาร ๕. เอกสารหลกั ฐานในสายงานอนุศาสนาจารย์ ๖. การปฏบิ ัติงานของอนุศาสนาจารย์ประจําหนว่ ย ตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ เป็นต้นมา กองทัพบก ได้มีนโยบายการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก และมีคําส่ังแต่งตั้งคณะกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก และแต่งต้ังคณะอนุกรรมการปลูกฝัง และสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก เพ่ือรับผิดชอบงานที่ได้รับการแบ่งมอบจากคณะกรรมการปลูกฝังและ สร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของกองทัพบก ๕ คณะอนุกรรมการ ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริม อุดมการณ์ทหาร คณะอนกุ รรมการพฒั นารักษาขวัญ คณะอนกุ รรมการรักษาวินัย คณะอนุกรรมการพัฒนาคุณธรรม และ คณะอนุกรรมการประเมินผล โดยกําหนดให้หน่วยต้ังแต่ระดับกองพันและเทียบเท่าข้ึนไป ต้องออกคําส่ังแต่งต้ัง คณะกรรมการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหารของหน่วย รวมทั้งให้จัดทําแผนงานและโครงการพัฒนา กับทั้งได้ กาํ หนดหัวขอ้ ใหห้ นว่ ยรายงานกองทัพบก ปลี ะ ๒ ครัง้ ตามห้วงเวลาที่กองทัพบกกาํ หนด อนุศาสนาจารย์ มีหนา้ ทีแ่ ละบทบาทในการปลูกฝังและสร้างเสริมอุดมการณ์ทหาร ด้านการพัฒนาคุณธรรม แก่กําลังพล เพื่อสนองตอบนโยบายของกองทัพบก เพราะฉะนั้น จึงได้กําหนดหัวข้อในการตรวจกิจการอนุศาสนาจารย์ เพ่ิมขน้ึ อกี ๑ หวั ขอ้ คือ การปลกู ฝงั และสร้างเสริมอดุ มการณ-์ ทหาร ดา้ นการพัฒนาคุณธรรม บทบาทของอนุศาสนาจารย์ทจ่ี ะดําเนินการ ก. บทบาทของกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ๑. วางแผนการตรวจกิจการอนุศาสนาจารยป์ ระจําปี โดยออกคาํ สง่ั กรมยุทธศกึ ษาทหารบก ๒. เสนอของบประมาณการตรวจ ๓. ประชมุ ปรกึ ษาหารอื ในเรือ่ งทจ่ี ะตรวจ ๔. กาํ หนดเนน้ ประเด็นสําคญั ทจี่ ะตรวจในเรอื่ งเดยี วกันทกุ สายทไ่ี ปตรวจ ๕. จัดทาํ ข้อมูลว่าการตรวจหนว่ ยแต่ละหนว่ ย ไดพ้ บข้อดีและข้อบกพรอ่ งในเรื่องใดบ้าง ๖. นาํ ขอ้ ดีและขอ้ บกพรอ่ งที่ตรวจพบตามข้อ ๕ ไปเปน็ ข้อมลู ในการตรวจครง้ั ตอ่ ไปวา่ มกี ารปรับปรุงและพัฒนา เพ่มิ ข้นึ อยา่ งไร ๗. กําหนดหัวข้อบรรยายแก่กําลังพลของหน่วยท่ีรับการตรวจ โดยดูความเหมาะสมกับสถานการณ์และการใช้ หัวข้อธรรมทเ่ี กื้อกลู กันอย่างไร ๘. บนั ทึกผลการตรวจไวเ้ ปน็ หลักฐานท่หี นว่ ยน้ันๆ

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๗๖ ๙. ประชุมช้ีแจงอนุศาสนาจารย์ในพ้ืนที่ ในเรื่องข้อดีและข้อบกพร่องเพื่อให้เร่งรัดการปฏิบัติงานในส่วนของ อนุศาสนาจารย์ต่อไป ๑๐. สรปุ รายงานผลการตรวจไปยงั กองทพั บก ข. บทบาทของอนศุ าสนาจารยป์ ระจําหน่วย ๑. ตรวจให้คาํ แนะนาํ แกห่ นว่ ยของตน ในหวั ขอ้ ท่ีจะตรวจ ก่อนการรบั การตรวจ ๒. เตรยี มเอกสาร และเร่อื งท่จี ะตรวจไวร้ ับการตรวจใหพ้ ร้อม ๓. ประสานกบั หน่วยได้ดําเนินการในสายงานอนุศาสนาจารย์ เพ่อื ความสะดวกแกช่ ดุ ตรวจ ๔. สรุปเรื่องทห่ี นว่ ยไดด้ าํ เนินการในสายงานอนศุ าสนาจารย์ เพื่อความสะดวกแกช่ ดุ ตรวจ ๕. สง่ ตารางการตรวจให้ชุดตรวจทราบลว่ งหน้า ๖. ประสานให้มผี ้นู ําตรวจ และติดตามคณะชุดตรวจในการตรวจหน่วยของตน ๗. ประสานการใช้ยานพาหนะนําตรวจและสง่ ชุดตรวจ ๘. ประสานกับอนุศาสนาจารย์อืน่ ตามทเี่ ก่ียวขอ้ ง

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๗๗ การประกนั คณุ ภาพการศึกษา เพื่อปฏิบัติตามนโยบายการศึกษาของกองทัพบกที่กําหนดให้สถาบันการศึกษา โรงเรียนหน่วยและเหล่าสาย วิทยาการ จัดให้มีการประกันคุณภาพการศึกษา โดยแยกการประกันคุณภาพการศึกษาของการศึกษาในโรงเรียนหน่วยและเหล่า สายวิทยาการให้สอดคล้องกับกองทัพมิตรประเทศ กับการศึกษาในสถาบันการศึกษาของกองทัพบก ให้สอดคล้องกับการศึกษา ของประเทศ และใหถ้ ือว่าการประกันคุณภาพการศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดําเนินการอย่าง ต่อเนื่อง และให้มีการจัดทํารายงานเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ท้ังนี้ เพื่อนําไปสู่การพัฒนาคุณภาพและ มาตรฐานการศกึ ษา และพร้อมรบั การตรวจคุณภาพการศึกษาจากหนว่ ยที่เกีย่ วข้อง กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ถือเป็นหน่วยจัดการศึกษาของกองทัพบก มีหลักสูตรท่ีเปิดสอน จาํ นวน ๖ หลกั สตู ร ไดแ้ ก่ ๑. หลักสตู รการศาสนาและศีลธรรม ๒. หลกั สตู รการอบรมพธิ ีกรด้านศาสนาประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย (ฝึกอบรม) ๓. หลักสูตรการพฒั นาบคุ ลากรกองทัพบก (ฝึกอบรม) ๔. หลักสตู รการปฐมนิเทศนายทหารอนศุ าสนาจารย์บรรจใุ หม่ ๕. หลักสตู รนายทหารอนุศาสนาจารย์ชนั้ ต้น ๖. หลักสูตรนายทหารอนศุ าสนาจารย์ช้ันสูง ดังน้ัน จึงมีภารกิจในการประเมินคุณภาพการศึกษาภายในกองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก และ รบั การประเมินคณุ ภาพการศึกษาภายในจากคณะอนกุ รรมการของกองทัพบก ทกุ ปภี ายใต้ตัวบ่งชี้และเกณฑ์การประเมินตาม ทก่ี องทัพบกกําหนด

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๗๘ การจัดการศกึ ษา กองอนุศาสนาจารย์ ในฐานะเป็นสายวิทยาการและหน่วยจัดการศึกษาของกองทัพบก ได้พัฒนาหลักสูตร การศกึ ษา ใหม้ คี วามทันสมัยสอดคล้องกับการเปลย่ี นแปลงท่เี ปน็ ไปอยา่ งรวดเรว็ ตามนโยบายการศึกษาของกองทัพก โดยเน้นการ เสริมสร้างประสบการณ์ในการปฏิบัติงานแก่ผู้เข้ารับการศึกษา อันจะนําไปสู่การพัฒนาบุคลากรของกองทัพบกให้มีทักษะในการคิด วิเคราะห์ และนาํ ไปใชใ้ นการวางแผนและแกป้ ัญหา อันจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ กองทพั บกตอ่ ไป มีหลกั สูตรดังน้ี ๑. หลกั สตู รวชิ าการศาสนาและศีลธรรม มีรายละเอียดดงั น้ี ก. หลักสตู ร : วชิ าการศาสนาและศีลธรรม หมายเลขหลักสูตร 16 - ง - ฉ.1 ข. ความมงุ่ หมาย : เพ่อื ใหผ้ สู้ ําเร็จการศกึ ษาหลักสตู รนี้ 1. มีความรเู้ ก่ียวกับหลักการและบทบญั ญัติของศาสนาใหญ่ ๆ สามารถนําไปปฏิบตั ิต่อศาสนิก ในศาสนานนั้ ๆ ได้ถูกตอ้ งและเหมาะสม 2. เข้าใจและซาบซ้ึงในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา 3. เป็นคนดี มีคณุ ธรรม มสี ขุ ภาพรา่ งกายแข็งแรง ค. คุณสมบัตขิ องผเู้ ขา้ รบั การศึกษา : 1. เป็นนายทหารสัญญาบัตรหรือนายทหารประทวน ไม่จาํ กัดช้นั ยศ 2. เปน็ ข้าราชการกลาโหมพลเรอื นหรือลูกจ้างประจํา สงั กัดกองทพั บก 3. เป็นบคุ ลากรทีห่ น่วยงานของภาครฐั - เอกชนฝากเข้ารับการศกึ ษา ง. ระยะเวลาการศึกษา : 4 สปั ดาห์ จํานวน 175 ชว่ั โมง จ. ทต่ี ้ังสถานศึกษา : 41 กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศกึ ษาทหารบก ถนนเทอดดาํ ริ เขตดุสิต กรงุ เทพมหานคร 10300 ฉ. เนอื้ หาทส่ี อน ลาํ ดับ วชิ า ช่วั โมง หนว่ ยกิต หมายเหตุ 1 ภาควชิ าการ (85) 1.1 พระพุทธศาสนา 15 1 1 1.2 ศาสนาท่ีสําคญั ในประเทศไทย 15 1 1 1.3 หลกั การครองตน (ภาคศีลธรรม) 15 1 0.5 1.4 หลกั การครองคน (ภาคสังคมและการครองเรอื น) 15 1.5 1.5 หลักการครองงาน (ภาคสมรรถภาพ) 15 1 1.6 ประเพณีและวฒั นธรรมไทย 10 2 2 ภาคปฏบิ ตั ิ (81) 2.1 ศาสนพิธี 26 2.2 การไหว้พระสวดมนต์และการกลา่ วคําอาราธนา 20 ในพุทธศาสนพธิ ี 2.3 การปฏบิ ัตธิ รรมตามหลกั สตปิ ฏั ฐาน 4 35

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๗๙ ลําดับ วชิ า ชัว่ โมง หน่วยกติ หมายเหตุ (8) 3 เบด็ เตลด็ 5- 1.5 - 3.1 การดําเนนิ กรรมวิธเี ปิด-ปดิ การศึกษา 3.2 1.5 - การบรรยายพิเศษเกีย่ วกับกฏหมายทั่วไป, กฏหมายทหาร,กฏการใชก้ ําลัง,กฏหมายความ ม่นั คง และกฏหมายสิทธิมนษุ ยชน 3.3 การบรรยายพเิ ศษธรรมะภาคภาษาองั กฤษ 4 ความตอ้ งการกระสนุ และวตั ถรุ ะเบดิ -- 5 ความตอ้ งการนาํ้ มนั เชอื้ เพลงิ -- 6 ความตอ้ งการเก่ยี วกับการเงิน - - รวม 175 10

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๘๐ ๒. หลกั สตู รการอบรมพธิ ีกรดา้ นศาสนาประเพณีและวฒั นธรรมไทย มรี ายละเอียดดังน้ี ก. หลักสูตร : วชิ าการศาสนาและศลี ธรรม หมายเลขหลกั สตู ร - ข. ความมุ่งหมาย : เพือ่ ให้ผสู้ ําเรจ็ การศกึ ษาหลกั สูตรน้ี 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจในระเบยี บปฏิบัตศิ าสนพธิ ี ประเพณี และวฒั นธรรมไทยได้อย่างถกู ต้อง 2. สามารถปฏิบัตหิ นา้ ทพ่ี ธิ ีกรในงานพธิ ตี า่ ง ๆ เป็นแบบฉบบั เดียวกนั ค. คณุ สมบตั ขิ องผเู้ ข้ารบั การศกึ ษา : 1. เปน็ นายทหารประทวน ชั้นยศ ส.ต. – จ.ส.อ. 2. เปน็ ข้าราชการกลาโหมพลเรอื นหรอื ลูกจา้ งประจํา สงั กัดกองทพั บก 3. เป็นบคุ ลากรที่หนว่ ยงานของภาครัฐ - เอกชนฝากเขา้ รบั การฝกึ อบรม ง. ระยะเวลาการฝึกอบรม : ๕ วัน จํานวน ๓๕ ชัว่ โมง จ. ทต่ี ้งั สถานศึกษา : 41 กองอนุศาสนาจารย์ กรมยทุ ธศึกษาทหารบก ถนนเทอดดําริ เขตดุสติ กรุงเทพมหานคร 10300 ฉ. เน้อื หา ลาํ ดับ วชิ า ชวั่ โมง หนว่ ยกติ หมายเหตุ 1 การปฐมนิเทศ 2 2 การศกึ ษา 2.1 วชิ าหลกั 20 2 1 2.1.1 ศาสนพิธใี นงานของทางราชการ (10) 1 2.1.2 ศาสนพิธีเกยี่ วเนื่องกับส่วนราชการ (10) 0.25 2.2 วชิ ารอง 10 - - 2.2.1 ศาสนพิธีในวิถีชีวิตชุมชนและครอบครวั (5) 4.25 2.2.2 ศาสนพิธีทเี่ กยี่ วเนื่องกบั ศาสนสถาน (5) 2.3 วิชาประกอบ 5 2.3.1 ประเพณีเทศกาลสําคญั ของชาติ (3) 2.3.2 วัฒนธรรมไทย (2) 3 เบด็ เตลด็ 7 3.1 การดําเนนิ กรรมวิธีเปดิ -ปดิ การศกึ ษา (4) 3.2 เวลาผ้บู ังคบั บญั ชา (3) 4 ความต้องการกระสนุ และวัตถุระเบิด (ตอนที่ 5) - เวน้ 5 ความต้องการนาํ้ มันเชื้อเพลิง (ตอนท่ี 6) - 6 ความตอ้ งการเกีย่ วกบั การเงิน (ตอนท่ี 7) - รวม 35

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๘๑ ๓. หลักสูตรการอบรมสาํ หรับพฒั นาบคุ ลากรกองทัพบก มรี ายละเอยี ดดังนี้ ก. หลักสูตร : การพัฒนาบุคลากรกองทัพบก หมายเลขหลกั สูตร 16 - ง - ฉ.1 ข. ความมงุ่ หมาย : เพอ่ื ให้ผสู้ าํ เรจ็ การศึกษาหลักสตู รนี้ ๑. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในหลกั ธรรมที่เกย่ี วข้องกบั การปฏิบตั จิ ิตภาวนาสามารถพฒั นาจิต ของคนให้มีคุณภาพ พรอ้ มที่จะปฏิบตั หิ น้าที่อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถฝกึ จติ ให้ร้จู กั หยุด ในเวลาทค่ี วรหยดุ ร้จู กั ยั้งคิด ระงบั หรอื ข่มอารมณไ์ ด้ ๒. มีความหนกั แนน่ มนั่ คง รเู้ ท่าทันกระแสโลกและกระแสธรรม ๓. สามารถประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างและเป็นประโยชน์ต่อกองทพั บก สังคม และประเทศชาติ ค. คณุ สมบัติของผู้เข้ารับการอบรม : 1. เป็นนายทหารสญั ญาบตั รหรอื นายทหารประทวน ไมจ่ ํากดั ชนั้ ยศ ๒. เป็นขา้ ราชการกลาโหมพลเรอื นและลูกจ้างประจํา สังกัดกองทพั บก ๓. ประชาชนท่ัวไป และครอบครวั ของกองทัพบก ง. ระยะเวลาการฝึกอบรม : ๗ วัน (รวมเสาร์ – อาทิตย์) จํานวน ๗๘ ชว่ั โมง จ. ทต่ี งั้ สถานศึกษา : ๑. 41 กองอนศุ าสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ถ.เทอดดาํ ริ ดุสติ กทม. 10300 ๒. ศูนย์พฒั นาจิตใจกาํ ลังพลกองทัพบก วดั อัมพวัน อาํ เภอพรหมบุรี จงั หวดั สงิ หบ์ ุรี ๓. สํานกั ปฏิบตั ิธรรมประจาํ จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา แหง่ ที่ ๑๕ วัดตาลเอน อาํ เภอบางปะหัน จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา ฉ. เน้อื หา ลาํ ดับ วชิ า ชั่วโมง หน่วยกติ หมายเหตุ (21) S/U 1 ภาควิชาการ 1.1 บุพภาคของการอบรม 5 - สมถกมั มฎั ฐาน และวิปัสสนากมั มฎั ฐาน 5 S/U 1.2 พนื้ ฐานสําคญั ของวิปัสสนากมั มฎั ฐาน 5 1.3 อารมณ์ของวิปัสสนากมั มฎั ฐาน 5 1.4 สตปิ ัฎฐาน 4 1- 1.5 สอบอารมณ์กรรมฐาน (52) S/U 12 S/U 2 ภาคปฏบิ ตั ิ 40 S/U 2.1 บุพกจิ แหง่ การปฏบิ ตั วิ ิปสั สนากมั มัฎฐาน 2.2 การปฏิบตั ิตามหลกั สตปิ ัฎฐาน

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๘๒ ลาํ ดับ วชิ า ชวั่ โมง หนว่ ยกติ หมายเหตุ (5) 3 เบด็ เตลด็ 3- 1- 3.1 การดาํ เนินกรรมวิธีเปดิ - ปดิ การอบรม 3.2 การบรรยายพิเศษเกยี่ วกับกฏหมายท่ัวไป,กฏหมาย 1- ทหาร,กฏการใชก้ าํ ลงั ,กฏหมายความมนั่ คง และ กฏหมายสทิ ธิมนษุ ยชน 3.3 การบรรยายพิเศษวิปัสสนากรรมฐานภาค ภาษาอังกฤษ 4 ความตอ้ งการกระสนุ และวตั ถุระเบดิ -- 5 ความตอ้ งการนํา้ มนั เชอื้ เพลงิ -- 6 ความตอ้ งการเกย่ี วกบั การเงนิ -- 78 - รวม

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๘๓ ๔. หลกั สูตรการการปฐมนิเทศนายทหารอนศุ าสนาจารยบ์ รรจใุ หม่ มีรายละเอยี ดดังนี้ ก. หลกั สูตร : การปฐมนิเทศนายทหารอนุศาสนาจารยบ์ รรจใุ หม่ หมายเลขหลักสูตร ๑๖ – ก – ฉ.๒ ข. ความมงุ่ หมาย : เพื่อใหผ้ สู้ าํ เร็จการอบรมหลักสูตรน้ี ๑. มีอดุ มการณค์ วามรกั และศรทั ธาในวิชาชพี อนุศาสนาจารย์ ตระหนกั และยดึ ม่นั ในจรรยาบรรณ ของอนุศาสนาจารย์ ๒. มีความรู้ ความเข้าใจในการปฏบิ ตั ิงานของอนุศาสนาจารยใ์ นหนว่ ยระดบั กรม และจงั หวดั ทหารบก ๓. มรี ะเบยี บวินัย และปฏิบัติตนเหมาะสมกับความเป็นนายทหารสญั ญาบตั ร ๔. มีความเป็นผ้นู าํ ทด่ี ี มคี ณุ ธรรม ๕. มคี วามรใู้ นวชิ าการพนื้ ฐานของทหารแต่ละเหลา่ ค. คุณสมบตั ิของผูเ้ ขา้ รับการอบรม : ๑. เป็นอนศุ าสนาจารย์ทหารบกท่ไี ดร้ บั การบรรจุใหม่ ชั้นยศ ร.ต.- ร.ท. ๒. เป็นขา้ ราชการกลาโหมพลเรอื น (สญั ญาบตั ร) ของกองทัพบกทีบ่ รรจุใหมใ่ นตาํ แหนง่ อนศุ าสนาจารย์ ๓. เปน็ นายทหารประทวนท่เี ล่อื นฐานะเป็นนายทหารสญั ญาบตั รในตาํ แหน่งอนศุ าสนาจารย์ ๔. เป็นนายทหารการศาสนาและวฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ที่ได้รับการบรรจุใหม่ ง. ระยะเวลาการอบรม : ๔ สัปดาห์ จาํ นวน ๑๔๐ ช่วั โมง จ. ทีต่ ัง้ สถานอบรม : กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศกึ ษาทหารบก ถนนเทอดดําริ เขตดสุ ิต กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๐๐ ฉ. เนือ้ หา ลําดบั วิชา ชว่ั โมง หนว่ ยกติ หมายเหตุ ๑. วิชาหลกั (๕๖) (๔) ๑.๑ การอนศุ าสนาจารย์ ๗ ๑.๒ วาทศาสตร์ ๑๐ ๑.๓ การอบรม ๗ ๑.๔ การแกป้ ญั หารายบคุ คล ๔ ๑.๕ ศาสนพิธีและพิธกี รรม ๗ ๑.๖การพัฒนาจติ เบ้ืองต้น ๒๑ ๒. วิชารอง (๔๒) (๓) ๒.๑ การเยีย่ มบาํ รุงขวญั ทหารป่วย ๗ ๒.๒ หลักการสอน ๗ ๒.๓ พทุ ธปรชั ญา ๗ ๒.๔ ระเบยี บงานสารบรรณ ๑๐ ๒.๕ ระเบยี บแบบธรรมเนยี ม ๖ ๒.๖ ทหารท่วั ไป ๕

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๘๔ ลาํ ดับ วชิ า ชวั่ โมง หนว่ ยกิต หมายเหตุ ๓. วิชาประกอบ (๒๘) (๒) ๑๐ ๓.๑ การจัดฝา่ ยอํานวยการ ๗ ใช้เวลานอก ๓.๒ เหล่าทหาร ๗ เวน้ ๓.๓ กฎหมายเก่ียวกับทหารและมารยาท ทหาร ๔ ๙ ๓.๔ การข่าวเบอ้ื งต้น (๑๔) ๔ เบด็ เตลด็ ๙ ๔.๑ เวลาดําเนินกรรมวธิ ี ๕ ๔.๒ เวลาผบู้ งั คบั บญั ชา ๔.๓ พลศกึ ษา - ๕ ความต้องการกระสุนและวัตถุระเบิด ๖ ความต้องการนาํ้ มนั เช้ือเพลิง : ตอนที่ ๖ ๑๔๐ ๗ ความต้องการเกย่ี วกับการเงนิ : ตอนที่ ๗ รวม

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๘๕ ๕. หลักสูตรนายทหารอนุศาสนาจารย์ชั้นต้น มรี ายละเอียดดังน้ี ก. หลกั สตู ร : นายทหารอนศุ าสนาจารย์ชัน้ ตน้ หมายเลขหลักสตู ร 16 - ก - ล. 1 หมายเลข ชกท. 5310 ข. ความมงุ่ หมาย : เพือ่ ใหผ้ สู้ ําเร็จการศกึ ษาหลักสตู รนี้ 1. มีความรู้ ความเขา้ ใจการปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี ตามภารกิจของนายทหารอนุศาสนาจารย์ระดบั กรม 2. มคี วามรู้ ความเข้าใจการปฏิบัติหนา้ ทตี่ ามภารกจิ ของ ทบ. 5 ประการ ได้แก่ การปอ้ งกนั ประเทศ, การรกั ษาความมัน่ คงภายใน, การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การพัฒนาประเทศ เพ่อื ความมน่ั คง และการปฏิบตั ิภารกจิ อื่น ๆ ทางทหาร ทีไ่ มใ่ ช่การสงคราม 3. เปน็ ผู้นําทด่ี ี มคี ณุ ธรรม จริยธรรม มอี ดุ มการณ์ความรกั ชาติ ศาสนาและพระมหากษัตรยิ ์ มสี ขุ ภาพรา่ งกายแข็งแรง ค. คุณสมบัติของผู้เขา้ รับการศกึ ษา 1. เป็นนายทหารสัญญาบตั รชน้ั ยศ ร.ต. - ร.ท. 2. นายทหารสญั ญาบัตรต่างเหลา่ ทัพ ช้นั ยศ ร.ต. - ร.ท. 3. รบั ราชการเป็นนายทหารสญั ญาบัตรมาแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 1 ปี ง. ระยะเวลาการศึกษา 13 สปั ดาห์ จํานวน 455 ชว่ั โมง จ. ที่ตงั้ สถานศกึ ษา : 41 กองอนุศาสนาจารย์ กรมยทุ ธศกึ ษาทหารบก ถนนเทอดดําริ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 ฉ. เนื้อหา ลาํ ดับ วิชา ชวั่ โมง หน่วยกิต หมายเหตุ 1. การปฐมนเิ ทศ (11) (1) 2 1.1 การอนศุ าสนาจารย์ 2 1.2 ศาสนพธิ ี 2 1.3 วาทศาสตร์ 2 1.4 การอบรม 2 1.5 วิปสั สนากรรมฐาน 1 1.6 สอบ (248) (17) 2. วิชาหลกั 2.1 กลมุ่ วชิ าการอนุศาสนาจารย์ 7 0.5 28 2 2.1.1 การอนศุ าสนาจารย์ 24 2 2.1.2 ศาสนพธิ แี ละพธิ กี รรม 7 0.5 2.1.3 วาทศาสตร์ 7 0.5 2.1.4 การอบรม 2.1.5 การแกป้ ัญหารายบุคคล

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๘๖ ลําดับ วชิ า ชว่ั โมง หน่วยกติ หมายเหตุ 2.1.6 การเยี่ยมบาํ รุงขวญั ทหารปว่ ย 7 0.5 2.1.7 การสอนวชิ าศาสนาและศลี ธรรม 14 1 ใน รร.เหล่าสายวิทยาการ 2.1.8 การเผยแผธ่ รรมะผา่ นสื่อฯ 14 1 2.1.9 การปลกู ฝงั อดุ มการณท์ หาร 7 0.5 2.1.10 ศาสนาเปรยี บเทยี บ 7 0.5 2.1.11 พทุ ธปรัชญา 7 0.5 2.1.12 วิปสั สนากรรมฐาน 35 2 2.2 กลุม่ วชิ าเหลา่ สารบรรณ 2.2.1 ระเบยี บงานสารบรรณ 14 1 2.2.2 ระเบยี บแบบธรรมเนียม 14 1 2.2.3 ธุรการกําลงั พล 7 0.5 2.3 กลุ่มวิชาฝา่ ยอํานวยการ 2.3.1 พื้นฐานการจดั ฝ่ายอาํ นวยการ 7 0.5 2.3.2 การกําลังพล 7 0.5 2.3.3 การข่าวกรอง 7 0.25 2.3.4 ยุทธการและการฝึก 7 0.5 2.3.5 การสง่ กําลังบํารงุ 7 0.25 2.3.6 การกิจการพลเรอื น 7 0.5 2.3.7 ปลดั บัญชี 7 0.5 3. วิชารอง (113) (7) 3.1 กลมุ่ วชิ าเหล่าทหาร 3.1.1 ทหารราบ 7 0.5 3.1.2 ทหารม้า 7 0.5 3.1.3 ทหารปืนใหญ่ 7 0.5 3.1.4 ทหารชา่ ง 4 0.25 3.1.5 ทหารสื่อสาร 4 0.25 3.1.6 ทหารสารบรรณ 4 0.25

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๘๗ ลําดับ วชิ า ชั่วโมง หน่วยกติ หมายเหตุ 4 0.25 3.1.7 ทหารการเงนิ 4 0.25 4 0.25 3.1.8 ทหารขนส่ง 4 0.25 3.1.9 ทหารเรือ 7 0.25 7 0.5 3.1.10 ทหารอากาศ 7 0.5 3.2 กล่มุ วชิ าทหารทัว่ ไป 4 0.25 4 0.25 3.2.1 แผนที่ 7 0.5 3.2.2 การจดั การฝึก 8 0.5 8 0.5 3.2.3 การป้องกันและปราบปรามการ ก่อ 4 0.25 4 0.25 ความไม่สงบ 2 S/U 2 S/U 3.2.4 การตอ่ ตา้ นการก่อการร้าย (57) (2) 20 1 3.2.5 กระสุนและวัตถุระเบดิ 15 1 4 S/U สาํ หรบั หน่วยใช้ 4 S/U 2 S/U 3.2.6 การรกั ษาความปลอดภัย 4 S/U 3.2.7 ผ้นู ําหน่วย 3.2.8 การบรรยายสรุป/ศัพทท์ หาร/ การอา่ นควบกล้าํ /ครูทหาร และการฝึกทเ่ี น้นผลการปฏิบัติ 3.2.9 การบิน ทบ. 3.2.10 กฎหมายทหาร 3.2.11 การต่อสเู้ บ็ดเสรจ็ 3.2.12 สงครามนวิ เคลยี ร-์ ชีวะ-เคมี 4. วิชาประกอบ 4.1 ภาษาองั กฤษ 4.2 คอมพิวเตอรเ์ บื้องตน้ 4.3 การปลกู ฝังอุดมการณแ์ ละความรกั ชาติ 4.4 สทิ ธิมนุษยชนขัน้ พ้ืนฐานฯ 4.5 เอดสศ์ ึกษาและยาเสพตดิ 4.6 ประวัตศิ าสตร์

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๘๘ ลาํ ดับ วิชา ชัว่ โมง หนว่ ยกิต หมายเหตุ 4.7 ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 4 S/U 4.8 พ้ืนฐานการวิจัย 4 S/U (26) - 5. เบด็ เตลด็ 8- 5.1 การดําเนนิ กรรมวธิ ีเปดิ -ปดิ การศกึ ษา 18 - 5.2 เวลาผ้บู งั คบั บัญชา 455 27 รวม

อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารยไ์ ทย ๘๙ ๖. หลักสูตรนายทหารอนุศาสนาจารยช์ นั้ สูง มรี ายละเอยี ดดงั น้ี ก. หลกั สตู ร : นายทหารอนศุ าสนาจารยช์ ัน้ สงู หมายเลขหลักสตู ร 16 - ก - ล. 2 หมายเลข ชกท. 5310 ข. ความมุง่ หมาย : เพือ่ ใหผ้ สู้ ําเรจ็ การศึกษาหลักสูตรน้ี 1. มคี วามรู้ ความสามารถปฏบิ ัติหน้าที่ ตามภารกิจของนายทหารอนุศาสนาจารย์ ระดบั กองพล และกองทัพ 2. ให้ขอ้ เสนอแนะผู้บงั คบั หนว่ ย และสามารถกาํ กับดูแลการปฏบิ ัติหน้าทีข่ องอนศุ าสนาจารยห์ นว่ ยรอง ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ 3. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจหนา้ ทีต่ ามภารกจิ ของ ทบ. 5 ประการ ไดแ้ ก่ การปอ้ งกันประเทศ, การรกั ษาความมัน่ คงภายใน, การรกั ษาความสงบเรยี บรอ้ ยภายในประเทศ การพฒั นาประเทศ เพอื่ ความม่นั คง และการปฏิบตั ภิ ารกจิ อนื่ ๆ ทางทหาร ทีไ่ ม่ใชก่ ารสงคราม 4. เป็นผ้นู ําทดี่ ี มีคณุ ธรรม จริยธรรม มีอุดมการณ์ความรกั ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ มสี ขุ ภาพรา่ งกายแขง็ แรง ปฏิบตั หิ นา้ ทต่ี ามภารกจิ ท่ีไดร้ ับมอบหมายได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ค. คุณสมบตั ขิ องผูเ้ ขา้ รับการศึกษา 1. เป็นนายทหารสัญญาบัตร เหล่า สบ. ช้ันยศ ร.ท.-ร.อ. 2. สําเรจ็ การศกึ ษาหลักสตู รนายทหารอนศุ าสนาจารย์ช้นั ตน้ หรือเทียบเท่า 3. นายทหารสญั ญาบัตรต่างเหลา่ ทพั ทส่ี าํ เร็จชนั้ นายร้อย หรือเทียบเท่า ง. ระยะเวลาการศึกษา 15 สัปดาห์ จํานวน 525 ชวั่ โมง จ. ท่ตี ง้ั สถานศกึ ษา 41 กองอนุศาสนาจารย์ กรมยทุ ธศึกษาทหารบก ถนนเทอดดาํ ริ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 ฉ. เนอ้ื หา ลาํ ดับ วชิ า ชว่ั โมง หนว่ ยกิต หมายเหตุ 1. การปฐมนิเทศ (11) (1) 1.1 พระไตรปฎิ กศึกษา 2 1.2 พุทธปรชั ญา 2 1.3 ศาสนพธิ แี ละพธิ ีกรรม 2 1.4 การพฒั นาจติ 2 1.5 ศาสนาเปรยี บเทียบ 2 1.6 สอบ 1 (259) (18) 2. วชิ าหลกั 154 11 2.1 กล่มุ วชิ าการอนุศาสนาจารย์ 56 4 2.2 กล่มุ วิชาเหลา่ สารบรรณ 49 3 2.3 กลมุ่ วิชาฝา่ ยอํานวยการ

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๙๐ ลําดบั วิชา ชวั่ โมง หนว่ ยกิต หมายเหตุ (137) (9) 3. วชิ ารอง 65 4.25 3.1 กล่มุ วชิ าเหลา่ ทหาร 3.2 กลมุ่ วิชาทหารท่ัวไป 7 0.5 3.2.1 แผนท่ี 7 0.5 3.2.2 การจดั การฝกึ 7 0.5 3.2.3 การปอ้ งกันและปราบปรามการกอ่ ความไมส่ งบ 4 0.25 3.2.4 การต่อต้านการก่อการร้าย 4 0.25 3.2.5 การต่อสเู้ บ็ดเสร็จ 4 0.25 3.2.6 สงครามนวิ เคลยี ร์-ชวี ะ-เคมี 4 0.25 3.2.7 กระสุนและวตั ถุระเบิดสาํ หรบั หนว่ ยใช้ 7 0.5 3.2.8 การรักษาความปลอดภัย 8 0.5 3.2.9 ผูน้ ําหน่วย 8 0.5 3.2.10 การบรรยายสรุป/ศพั ทท์ หาร/ การอา่ นควบกลาํ้ ครูทหารและ 4 0.25 การฝึกท่ีเน้นผลการปฏิบัติ 4 0.25 3.2.11 การบิน ทบ. 4 0.25 3.2.12 กฎหมายทหาร (59) (2) 3.2.13 การกําลงั สาํ รอง 20 1 15 1 4. วชิ าประกอบ 4 S/U 4.1 ภาษาองั กฤษ 4 S/U 4.2 คอมพวิ เตอร์ 4 S/U 4.3 การปลูกฝังอดุ มการณแ์ ละความรักชาติ 4 S/U 4.4 สทิ ธมิ นุษยชนขนั้ พื้นฐานฯ 4 S/U 4.5 เอดส์ศกึ ษาและยาเสพติด 4 S/U 4.6 ประวตั ศิ าสตร์ 4.7 ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง 4.8 พื้นฐานการวิจยั

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนุศาสนาจารย์ไทย ๙๑ ลาํ ดบั วิชา ช่วั โมง หนว่ ยกติ หมายเหตุ 5. การศกึ ษาภาคปฏบิ ตั นิ อกทต่ี ง้ั และดงู าน (35) (1) 6. เบด็ เตลด็ (24) 6.1 การดาํ เนินกรรมวธิ ีเปิด-ปิดการศึกษา 8 6.2 เวลาผู้บังคบั บัญชา 16 7. ความต้องการกระสุนและวตั ถุระเบดิ 8. ความต้องการนา้ํ มนั เชอ้ื เพลงิ 525 31 9. ความต้องการเก่ียวกบั การเงนิ รวม

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๙๒ กระบวนการการใหค้ าํ แนะนาํ งานหนึ่งที่เก่ียวพันอยู่กับการหน้าที่ของอนุศาสนาจารย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือการให้คําแนะนําโดยพ้ืนฐาน เดิม อนุศาสนาจารย์ ไม่ได้ศึกษาวิชาการให้คําแนะนําโดยตรง แม้จะศึกษาการแก้ปัญหารายบุคคลในหลักสูตรนายทหาร อนุศาสนาจารย์ช้ันต้น และชั้นสูงมาบ้าง ก็เป็นการศึกษาภาพรวม ไม่ได้เจาะลึกในทฤษฎีและกฎเกณฑ์อย่างแท้จริง อีก ส่วนหน่ึง อนุศาสนาจารย์ย่อมได้ศึกษามาบ้างในหลักสูตรทางด้านวิชาครู เก่ียวกับการแนะแนว การสัมภาษณ์ ซ่ึงมีส่วนใช้ เกอ้ื กูลกนั ได้ในการใหค้ ําแนะนาํ คณุ วุฒิของผทู้ ่จี ะเข้ามารับราชการเป็นอนุศาสนาจารย์ กาํ หนดผู้สําเร็จการศึกษาเปรียญธรรม ๙ ประโยค หรือจบ ปริญญาทางศาสนาจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ ซ่ึงเป็นผู้ได้คุณวุฒิเปรียญตั้งแต่ ๔ - ๙ ประโยค ย่อมถือว่ามีคุณวุฒิเพียงพอที่จะให้ คําแนะนําได้ อีกประการหนึ่ง หลักคําสอนในพุทธศาสนาเพียบพร้อมไปด้วยคําแนะนํา และการให้คําแนะนําท่ีพระพุทธองค์ และพระสงฆส์ าวกในอดีตได้กระทาํ เป็นตัวอย่างไว้แล้วในหนังสือพุทธประวัติเล่ม ๑-๓ หนังสือพุทธานุพุทธประวัติ (อนุพุทธะ ๘๐ องค์) และในหนังสือธัมมปทัฏฐกถา ๘ ภาค เช่น เร่ิมต้นตั้งแต่การให้คําแนะนําแก่พระยสกุลบุตร ภัททวัคคีย์ ๓๐ คน เปน็ ต้น ลว้ นเป็นการยืนยันได้ว่าอนุศาสนาจารยย์ ่อมเป็นผู้ให้คาํ แนะนําได้ ๑. คุณสมบตั สิ าํ คัญของอนุศาสนาจารย์ผใู้ ห้คําแนะนํา คอื ๑.๑ ตอ้ งมีความรู้ จติ วทิ ยามูลฐาน หรือจิตวิทยาท่ัวไป ๑.๒ ตอ้ งมีความรู้ทางสังคมวทิ ยา โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ เกีย่ วกบั สถาบันทางสังคม ๑.๓ ตอ้ งเข้าใจการจัดหน่วย การบังคับบญั ชา สายการบังคบั บญั ชาของหน่วยน้ันๆ ๑.๔ มีบคุ ลกิ ภาพในการรบั ฟงั ผู้อื่นและมคี วามสนใจในผอู้ ืน่ ๑.๕ มีพลังทางศีลธรรมในตนสงู ๑.๖ มศี รทั ธามนั่ คงตอ่ งานและภารกจิ ๑.๗ เป็นผู้ท่สี ามารถรอคอยและยืดหยนุ่ ได้ ๑.๘ เป็นผู้มีอารมณข์ นั ๑.๙ เป็นผ้มู ีลักษณะเชือ่ มประสานและกลมกลืนกับผ้อู นื่ ได้ ๑.๑๐ เป็นผมู้ ีข้อมลู และปจั จัยต้นเหตุของขอ้ มูล ๑.๑๑ มีวฒุ ภิ าวะในการแยกแยะ ๑.๑๒ มีจติ เมตตาปรารถนาดเี ป็นพื้นฐาน ๑.๑๓ มวี สิ ัยทศั นใ์ นการคาดการณ์ และสงิ่ บอกเหตุ ๑.๑๔ เปน็ ผ้สู ามารถดํารงคุณธรรมและมโนธรรมของตนได้ ๒. วตั ถปุ ระสงค์ของการให้คําแนะนาํ ๒.๑ เพ่ือพัฒนาทศั นคตขิ องผูร้ ับคาํ แนะนาํ ๒.๒ เพ่ือให้ผูร้ บั คําแนะนําเชื่อมั่นในศักยภาพของตน ๒.๓ เพื่อให้ผู้รับคาํ แนะนําได้รบั ความพึงพอใจ ๒.๔ เพ่อื ป้องกันปญั หาทางลบในตวั บคุ คล ๒.๕ เพ่อื ใหผ้ ู้รับคาํ แนะนาํ แก้ปัญหาด้วยตนเองตลอดไป ๓. ปญั หาที่อนุศาสนาจารยจ์ ะตอ้ งพบในกระบวนการการให้คาํ แนะนาํ ๓.๑ ปญั หาทางศีลธรรม

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารย์ไทย ๙๓ ๓.๒ ปญั หาเก่ยี วกับเสถียรภาพทางอารมณ์ ๓.๓ ปัญหาเกี่ยวกับความผดิ หวงั ในงานและอาชพี ๓.๔ ปัญหาความถดถอยดา้ นขวัญและกาํ ลังใจ ๓.๕ ปัญหาทางกายภาพและจิตภาพ ๓.๖ ปัญหาความคับแค้นขมขืน่ อนั เนอ่ื งมาจากความอยตุ ธิ รรม ๓.๗ ปญั หาการปรบั ตวั เข้ากับระเบยี บวินยั ไม่ได้ ๓.๘ ปัญหาความวิตกกงั วลและระแวงในความผดิ ที่ตนกระทํา ๓.๙ ปัญหาสว่ นตัว ปัญหาครอบครัว ปญั หาการงาน ปัญหาการเงนิ และปัญหาสังคม ๔. ความซับซ้อนของปัญหาทีอ่ นศุ าสนาจารย์ต้องเผชญิ ในกระบวนการการใหค้ าํ แนะนํา ๔.๑ มาตรฐานรายได้ของบุคคล ไม่สามารถจะนํามาเป็นเครื่องกําหนดกับสถานภาพของบุคคลได้เสมอไป เช่น บคุ คลมสี ถานภาพทางยศเปน็ จ่าสิบเอก นา่ จะจับจ่ายใช้สอยอย่างจ่าสบิ เอก แต่ในความเปน็ จริงอาจมีปัจจยั อืน่ เป็นตัวแปร ให้ เขาใช้จ่ายมากกว่าฐานะของจ่าสิบเอก เพราะมีปริมาณบุคคลในครอบครัวมากเกินไป เช่น มีบุตรธิดา ๗ คน มีมารดาบิดาแก่ ชราต้องเลีย้ งดู มนี ้องภรรยาหรือนอ้ งของสามมี าอย่ใู นอปุ การะ ๔.๒ เกณฑ์อายุของบุคคลในครอบครัวก็เป็นสาเหตุให้ใช้จ่ายต่างกัน แม้ปริมาณบุคคลเท่ากัน สมาชิกของ ครอบครัวกําลังศึกษาในสถานศึกษาระดับอนุบาล ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ย่อมมีความ แตกต่างในการใชจ้ ่าย ๔.๓ แม้ที่ต้ังของท่ีอยู่อาศัย กับท่ีต้ังของสถานศึกษา ที่ตั้งของสํานักงานท่ีใกล้และไกลต่างกันก็เป็นปัจจัยแห่ง การใช้จา่ ยท่ตี ่างกนั ๔.๔ การเจ็บปว่ ยของสมาชิกภายในครอบครวั ที่แตกต่างกัน แมม้ ีปรมิ าณท่เี ทา่ กนั และ มีสถานภาพทางสังคม เท่ากัน กเ็ ป็นปจั จยั แห่งการใชจ้ า่ ยทแี่ ตกตา่ ง การใชจ้ ่ายทีแ่ ตกต่างย่อมนาํ ไปสปู่ ัญหาทแี่ ตกตา่ งและมากน้อยกว่ากัน ๔.๕ สถานะเดิมของครอบครัวในด้านทรัพย์สิน เป็นปัจจัยสําคัญมีผลกระทบต่อครอบครัวแต่ละครอบครัว แม้ สถานภาพของหวั หน้าครอบครัวจะเทา่ กัน (คอื การมาจากครอบครวั ที่มคี วามแตกตา่ งในทางเศรษฐกิจ) ๔.๖ อาชีพของสมาชิกในครอบครัว และรวมทั้งรายได้ของสมาชิกอ่ืน ๆ ในครอบครัวก็เป็นปัจจัยให้เกิดความ แตกต่างในดา้ นความเพยี งพอและความขาดแคลนของครอบครัวไดอ้ ีกส่วนหนงึ่ ๔.๗ ความรัก ความซ่ือสัตย์ ความไว้วางใจ ความหวาดระแวง ความม่ันคง ความไม่ม่ันคงทางอารมณ์และ รายได้ ความขัดแย้งและทะเลาะวิวาท ของสมาชิกในครอบครัวมีส่วนเป็นตัวเสริม และตัวทําลายความม่ันคง ความไม่มั่นคง ความมีพลัง และความขาดพลงั ของครอบครัวไดท้ ั้งนั้น ๔.๘ ความซับซ้อนแห่งปัญหาของผู้ติดสุรา เหตุผลที่ทําให้ติดสุราก็มีมากหลาย เช่น ติดเพราะความกลัด กล้มุ ผิดหวัง ตดิ เพราะความหลงระเริงมัวเมา ติดเพราะจติ ใจขาดความแข็งแรงทางศีลธรรม จริยธรรม เพราะความขัดแย้งใน ครอบครัว เปน็ ต้น ในจํานวน ผู้ติดสุรา บางคนประเมินตัวเองว่าไม่สามารถเลิกได้ บางคนถ้าได้รับการชักชวนและเหตุผลประกอบ จะสามารถเลิกได้ บางคนได้รับผลกระทบจากการดื่มสุรา เช่น กระทบต่อความก้าวหน้าทางอาชีพ กระทบต่อค่าใช้จ่ายราย เดือน กระทบต่อสุขภาพ และต้องการจะเลิกดื่ม แต่ยังขาดกิจกรรม และมูลเหตุจูงใจท่ีจะเร่งเร้าให้หยุดการดื่ม บางคน กลัวการถูกลงโทษ ต้องการจะหยุด บางคนเห็นโทษของการดื่มสุราอย่างแท้จริง อนุศาสนาจารย์ต้องตระหนักอยู่เสมอว่า ผู้ท่ี งดเพราะกลัวถกู ลงโทษ เพราะค่าใช้จา่ ยไม่เพียงพอนัน้ เป็นการงดที่ไม่มนั่ คง ถา้ ไม่มีผู้ลงโทษ หรือถ้ามีรายได้เพ่ิมข้ึนมาก็กลับ

อนสุ รณ์ ๑๐๐ ปี การอนศุ าสนาจารยไ์ ทย ๙๔ ดื่มสุราอีก สําหรับผู้ท่ีงดการด่ืมสุรา เพราะพิจารณาเห็นประจักษ์ว่าสมควรที่ตนจะต้องหยุด และมองเห็นอิสรภาพความ ปลอดโปร่งทางจิตใจท่ีไม่ต้องถูกครอบงําด้วยน้ําเมาน้ันเป็นส่ิงท่ีก่อประโยชน์โดยส่วนเดียว ย่อมเป็นผู้ที่ถูกคาดหวังว่าจะหยุด การด่มื สุราไดถ้ าวร เหตุผลจากความซับซ้อนของปัญหาที่อนุศาสนาจารย์จะต้องเผชิญในกระบวนการ การให้คําแนะนํา ตาม ตัวอย่างที่กล่าวน้ี เป็นเคร่ืองเตือนให้อนุศาสนาจารย์ตระหนักเป็นหลักการว่า การให้คําแนะนําไม่สามารถจะมองปัญหาเป็น จุดใดจุดหนึ่งได้ตามลําพัง สมควรที่จะมองปัญหาเป็นภาพรวม ทุกกรณี แม้ปัญหาของผู้รับคําแนะนําเป็นปัญหาเดียวกัน ส่วนประกอบของปัญหา สาเหตุของปัญหา ความหนักเบาของปัญหา ย่อมมีความแตกต่างซับซ้อน และเกี่ยวโยงกับปัญหา อืน่ ไมเ่ ทา่ กนั ๕. การแสดงออกและบทบาทของอนุศาสนาจารย์เม่ือปฏิบตั กิ ารให้คาํ แนะนํา ๕.๑ แนวคิดพื้นฐานของอนศุ าสนาจารย์ ต้องไมก่ ดดันให้ผู้รับคําแนะนาํ รู้สกึ วา่ ตนมีปมดอ้ ย ๕.๒ ไม่พึงสะกดิ หรือกระทบจดุ ทีเ่ ป็นข้อบกพร่องของผู้รบั คําแนะนํา ๕.๓ ใหผ้ ูร้ บั คาํ แนะนาํ ร้สู ึกปลอดโปรง่ เปน็ อิสระขณะรบั คําแนะนํา และสนทนา ๕.๔ ตัง้ ใจฟงั ปญั หาด้วยความเคารพ ๕.๕ ฉลาดในการใหผ้ ู้รบั การแนะนําเปิดเผยปัญหา และความรู้สึกอันแทจ้ รงิ ๕.๖ อย่าให้เขารู้สกึ วา่ ถูกสอนอบรม ๕.๗ มจี ิตหวงั ดี และมั่นใจเดด็ เด่ยี วท่จี ะชว่ ยแก้ปญั หา ๕.๘ พูดแนะนําในเชิงประเดน็ วา่ ปญั หาของเขาเป็นส่ิงท่ีแก้ไขได้ ๕.๙ แนะนาํ เสริมและให้หลักปฏิบัติท่ดี ี ๕.๑๐ ดูความเหมาะสมและโอกาสท่เี อื้ออาํ นวยทจี่ ะใหค้ ําแนะนํา ๕.๑๑ เมื่อผู้รับคําแนะนําแสดงทรรศนะถูกต้องและริเร่ิมให้รีบสนับสนุน เพื่อให้เขาได้ใช้พลังเช่นน้ันต่อเน่ืองไป และจาํ ความรเิ ริ่มของเขานี้ให้นาน เพ่ือนาํ มาเป็นปัจจยั กระตุ้นตอ่ ไป ๕.๑๒ หมน่ั พบปะกบั ผนู้ ัน้ บอ่ ย ๆ หรอื ในสถานการณ์ท่ีเอ้ืออาํ นวย ๕.๑๓ แม้เทคนิคทางโหราศาสตร์ก็นํามาเป็นปัจจัยเก้ือกูลต่อการให้คําแนะนํา แต่ต้องไม่ใช่ประเด็นท่ีจะให้เกิด ความงมงาย หรือความหวังในความสําเรจ็ ทป่ี ราศจากการกระทาํ ๕.๑๔ แม้การใช้ตําราดูพระเคร่อื งกน็ ํามาเปน็ ส่อื ในการให้คาํ แนะนาํ ได้ ๕.๑๕ หาโอกาสให้ผู้รับคําแนะนําเกิดจินตนาการ และเกิดความเช่ือม่ันใจตนเองสูง ซ่ึงเป็นตัวหลักท่ีจะ แกป้ ัญหาไดจ้ รงิ และย่งั ยนื ๕.๑๖ ยอมรบั ในเกียรติและศักดศ์ิ รีของความเป็นมนุษย์ ๕.๑๗ ใหเ้ ขาได้มโี อกาสปฏิบัติกจิ กรรมทางศาสนาดว้ ยตนเอง เชน่ การปฏิบตั กิ รรมฐาน เปน็ ตน้ ๕.๑๘ ตระหนักว่า ความเพียงพอและความต่อเนื่องของการพบปะ ย่อมช่วยอนุรักษ์พฤติกรรมและหล่อเลี้ยง พฤตกิ รรมท่ดี ขี องเขา ๕.๑๙ ชักชวนเขาในกิจกรรมท่ีเขาจะได้พิจารณาตัวเอง ๕.๒๐ อนุศาสนาจารยต์ อ้ งปฏบิ ตั ติ นและดํารงความเปน็ แบบอย่างในเรอื่ งทีแ่ นะนํา ๕.๒๑ อนุศาสนาจารยต์ ้องไมห่ วงั สิง่ ตอบแทนใดๆ และไมพ่ งึ รับสงิ่ ตอบแทน ๕.๒๒ พงึ รักษาบุคลกิ ภาพของตนใหด้ ตี อ่ เนือ่ ง