๔. ผูน้ ำผมู้ ประสทิ ธิผล ย่อมสำนึกอยู่ในใจตลอดเวลา ถึงบญหาเร่งดว่ นทอ่ี าจเกดิ ข้ํน และประสทิ ธผิ ลระยะยาวของ กลุม่ ๔. ผ้นใํ ผ้มู ประสทิ ธิผล ยอ่ มไม่ขาดความร*บผดิ ชอบ โดยการมอบให้กลมุ่ ตดั สินใจแนวทางปฎิบ่ตเรอื่ งท่เี กิดขน ๖. ผู้นำผมู้ ประสิทธิผล ย่อมเขไใจชดิ เจนว่าจะให้ กลุม่ ตดั สินใจเมอใด และในสถานการณ์ใด เขาตัองตัดสนิ 'ใจ ตัวยตนเอง การ!เคราะหบ์ ญหา เมอท่านเบนผู้นำทีย่ อมร*บนบั ถือของกลุม่ ท่านย่อมมี อำนาจและอภิสทิ ธ้ื ข*อนยึ อ่ มเบนความจรืง ไม่วา่ ทา่ นจะเบน ประธานบรืษทํ ผู้อำนวยการกองหรอื ประธานคณะกรรมการ อาสาสมคร ทา่ นใชอ้ ำนาจนึอย่างไรนนั ย่อมมีผลกระทบต่อ ภาวะผลติ ผลเพมี พูนของกลมุ่ และเสรภี าพของผูใ้ ต้บังค'บบญั ชา หรอื สมาซิกท่ีงหลายของกลมุ่ ในฐานะทีเ่ บนผนู้ ำ หากท่านใช้ อำนาจและ อภิสิทธ้นื ัอยสมาชิกของกลุ่มย่อม มีเสรภี าพ มากใน การตัดสนิ ใจ ตรงก*,นขไม หากทา่ นใช้อำนาจของทา่ นมาก ๆ
เพียงใด เสรีภาพของกลมุ่ กิมีนํอยลง ๆ ตามลำดบั เพียงนน้ ลม่ พ*นธภาพเรองน์ อาจเฃย็ นเบนภาพได้ดังตอ่ ไปน์ ภาพขา้ งบนนแ์ สดงถงึ แบบพฤตกํ รรมผู้นำที่แตกตา่ งกัน ดนั มีผลกระทบตอ่ ตราชแู หง่ อำนาจระหว่างผู้นำกับกลมุ่ พฤต. กรรมดัานชำยมอี ของภาพอาจเรยี กวา่ “ผู้นำเบนใหญ่” (1.63(161- —06๐161:6(1 ) เพราะว่าการดัดสนใจทกุ ประการเกดิ จากการ วเคราะหบ์ ญหาต่าง ๆ ของผู้นำเอง สว่ นแบบพฤตกรรมดัาน ขวามอื เรียกว่า “ กลุ่มเบนใหญ่ ” ( 01-0111) — 06๐161-6(1 ) เพราะว่าการดัดสนํ ใจเกดิ จากการวิเคราะห์บญหา ผลประโยชน์ ความจ*ดเจนอทธํพลดลใจของกลมุ่ เอง
๑ ๔ ฟ่ แบบนฤติกรรมผ้นู ำ ผ้นู ำทีม่ ีความอัดเจนยอ่ มสามารถใชว้ ธิ กี ารอันละเอยี ด ออ่ นและซ*บซอ่ นอเนกประการ เพื่อสรา่ งอิทธพิ ลและเรง่ เรา่ บุคคลท้งหลายที่เขานำให้เกิดความพยายามสรรคสร่างและเกด ภาวะผลติ ผลเพมี พูน ฉะน1น ขอให้เรามาวิเคราะหแ์ บบพฤต- กรรมผู้นำ ๕ แบบ ตังตอ่ ไปน.— ๑. การสงํ การ (ร6พฑ8) ผนู้ ำวเิ คราะห์บญหาท่ีเกดิ ขน พจ่ื ารณาแนวแกบ้ ญหาอันเบนไปไดห้ ลาย ๆ วิธี เลือกแนวแก้ บญ่ หาทด่ี ที ่ีสุดวธิ ีหน่ึง และสงการให้บุคคลในกลุ่มที่เขาปกครอง ทราบว่าจะตไ)งปฎํบ่ตอยา่ งไร ตัวผ้นู ำเองอาจจะอดิ หรือไมอ่ ดิ ก้ไดว้ า่ สึงทเ่ี ขาเชอนนํ้ สมาชก้ ของกลมุ่ ย่อมอดิ หรอื มคี วามรู้สกึ เท่ยี วกบั การตดั สินใจของเขาอย่างไรบ่าง แตส่ งึ ท่ีแนน่ อนก็อิอ สมาชกิ ของกลุ่มทุกคนไม่มีส่วนร่วมตวั ยเลยในการตดั สนิ ไจ นน้ ๆ ไ®). การจูงใจ ( ?01■ รง๗๒8 ) พฤติกรรมแบบนกึ่ ็ดจุ เดยี วกับแบบที่ ๑ ผ้นู ำตัดสินใจแนวปฎิบต่ ํคนเดยี วโดยมีได้ ปรึกษาหารือกับสมาชิกของกลุ่ม แทนการสง่ การวา่ เขาตดั สนิ ใจ
©๔๘ ขอ่ ต*ดสนิ 'ใจของตน โดยอธิบายใหเ้ หน็ วา่ การตดั สนิ ใจนเึ่ บน. ประโยชน์ตอ่ หน่วยงานและต่อสมาชิกทกุ คน ๓. การปรกษาหารอ (00*๓801*08) พฤติกรรม แบบที่ ๓ ผนู้ ่าปลอ่ ยให้สมาชิกของกล่มุ มีโอกาสร่วมการ ตัดสินใจตวั ย ผู้นา่ จะเสนอบญหา พรไอมที่ง'ขอ่ มูลพํ้นฐานของ บญหา แล*วกข็ อรอ้ งใหส้ มาชิกทุกคนได้แสดงความติดเพอแก้ บญหา ผ้นู า่ อาจเสนอแนะแกบ้ ญหาของตนตวั ยก็ได้ แตส่ มาชกิ ทุกคนได้ร*บการขอรอ้ งใหแ้ สดงความติดแนวแก้บญหาท่เี ขาเห็น ว่าด็ท่สี ุดข่นสดุ ท*ายผูน้ ่าจะตดั เลอื กแนวแกบ้ ญหาที่เขาเหน็ ว่าติ ที่สดุ ๔. การรว่ มมอก่น (10๓๓8) พฤติกรรมแบบนํ้ ผูน้ า่ เขา่ มามสี ว่ นวเิ คราะห์บญหาดจุ ว่าเขาเบนสมาชกิ คนหนึ่งของ กล่มุ และเห็นตวั ยตับขอ่ ตกลงหรือแนวการแกบ้ ญหาทก่ี ลมุ่ ได้ ตัดสนิ ใจลงไป ๔. การมอบอำนาจ (061688(108) ผนู้ ่าจะวิเคราะห์ บญหาและขอบเขตที่จะต*องแก้ แล*วกม็ อบบญหาน1นให้กลุ่ม ทำอะไร ผู้นา่ พยายามจงู ใจให้สมาชิกท,งหลายของกลมุ่ ยอมร*บ
แสวงหาขอ่ แกไ้ ขกนั ผ้นู ำเหน็ ควั ยกบั การสน*บสนนุ ขอ่ แ์ กบ้ ญหา ซองสมาชกิ กาั หากว่าขอ่ แก้น้นเหมาะสมกับขอบเขตของบญหา อฑึ ธนิ ลเหนอื ต่ไผ้นู ำ การทผี่ ู้นำจะกดั สนใจเลือกแบบพฤติกรรมใด — สงการ เร่งเรา่ ปรกึ ษาหารือ รว่ มมอื และ การมอบอำนาจ — เบนแบบ พฤติกรรมของตนน1น ยอ่ มฃนํ้ อย่กู บั อทิ ธิพลสำคญั ๓ ประการ กงั ตอ่ ไปน.— ๑. อิทธิพลในควั ผนู้ ำ ( ?01065 111 4๒ 16๗61- ) การ ที่ผนู้ ำทุกคนจะเขา่ ใจบญหาภาวะประมขุ ศลิ 'ใ]ของเขา'ใต้อยา่ ง ถูกกอั ง ยอ่ มขนอยกู่ ับพํน้ ฐาน ความ! และประสบการถ; ของเขาเอง อทิ ธพิ ลภายในคัวผู้นำซึง่ สำคญั มากและมผี ลกระทบ คัวเขากไดแ้ ก่ ©.๑ ระบบคา่ นยิ มสว่ นบุคคล (พ13 V31116 ร75เ6111) ......ผู้นำมีความรลู้ กื มากนอํ ยเพียงใดวา่ สมาชกิ ของกลมุ่ ควรมี สว่ นร่วมคัดสนิ ใจในเร่ืองต่าง ๆ อันมีผลกระทบตอ่ คัวเขา? ......ผนู้ ำมคี วามเช่อื อยา่ งไรว่า เจ*าหนำที่ผูถ้ ูกคัดเลอื กให้มีความ ร*บผดํ ชอบในฐานะเบนผู้นำควรแบกภาระอยา่ งเต็มทใ่ี นการ
๑๙© ตดั สนิ ใจ 1 พลงั แนวคดในบญหาตงั กล่าวมานึเ่ อง จะเบนแนว โน้มให้ผู้นำสร่างแบบพฤตกิ รรมผ้นู ำแบบใดแบบหนงึ่ ในจำนวน ๕ แบบทีก่ ลา่ วมา ๑.๒ ความเชอ่ื มน่ ในสมาชกิ ของกลุ่ม (00ถผ61106 10 เ}โ©ฐ1:0ง1ว 11161ะ1เ)61:ร) ผนู้ ำทง่ี หลายย่อมจะมรี ะตบั แตกตา่ งกัน. ในความไว้วางใจท่ีพวกเขามตี ่อคนอ่นื ๆ ผลข่อนึย่ อ่ มครอบคลุม ไปถงึ สมาชกิ ของกลุม่ ที่พวกเขาทำหน้าทีเ่ บนผ้นู ำตวั ย ในการ วิเคราะห์สมาชิกของกลุ่มผูน้ ำม*,กจะพิจารณาถึงความรู้และความ สามารถของสมาชกิ ของกลมุ่ ทจี่ ะเขา่ ไปแกบ้ ญหาน1น ๆ บญหา สำคัญท่ีผ้นู ำจะถามตวั เองเสมอก้คึอ ใครมีคุณสมบดเหมาะสม ท่สี ดุ ในการแกบ้ ญหาน่ึ ใ บ่อยครํง้ ท่สี ดุ ผู้นำมกั เช่ือมนในความ สามารถของตนเองมากกว่าความสามารถของสมาชกิ ของกลุ่ม ๑.๓ อ้ตลกั ษณทาง ประมุขตลิ !] (1.63(161-81111) 10011ฑ3เ10118) ผนู้ ำบางคนสามารถแสดงบทบาทผนู้ ำแบบลงั การ และแบบจงู ใจไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธผิ ล การวเิ คราะห์บญหาและ: การออกคำลังกระทำไดอ้ ยา่ งง่ายดาย ตรงกันขำม ผู้นำบางคน กลบั สามารถแสดงบทบาทแบบทำงานเบนกลมุ่ กับสมาชกิ ของ กลมุ่ ได้อย่างมปี ระสทิ ธิผล
©๕๑ ๑.๔ ความเสกเรืองสวัสดีภาพ ของตนเอง ( ผ๒ {661๒8 ง{ 86001-1^) ผนู้ ำคนใดปลอ่ ยวางอำนาจการดดั สินใจ ใหอ้ ยู่ก*บสมาชิกของกลมุ่ ผนู้ ำคนน้นยอ่ มจะลดความเครยี ด และความกดดนั ทางจิตเกีย่ วก*บการ คาด คะเน ผลท่ีจะ เกดิ ขนใน อนาคต ผ้นู ำคนใดดอั งการความมนคงแห่งสถานภาพในหนำท่ี ของตนหรอื ไม่ไว้วางใจคนอน ผู้นำนนํ ยอ่ มจะเลือกพฤต-ิ กรรมผ้นู ำแบบ “ การล่งการ ’ หรอื “ การจงู ใจ” มากกวา่ แบบ “ การร่วมมอื ” ถไหากวา่ ผนู้ ำได้จิเคราะหอ์ ิทธพิ ลดังกลา่ วข้างดัน เหลา่ น้ํ และดัวแปรสว่ นบุคคลประการอ้นื ๆ ของ เขาโดย ละเอยดจนเข้าใจวา่ อิทธพิ ลเหลา่ นมือิทธพิ ลต่อพฤตกิ รรม ของเขา เขาย่อมเข้าใจได้ถกู ต*องยงี ขนว่าเขาจะดอั งปฏบิ ่ต อย่างไรกบั เรอื งท่เี กิลขํน้ การเข้าใจขอ้ นํจ้ ะสรา่ งให้เขากลายเบน ผูน้ ำทม่ี ปื ระสิทธิผลมากยีงขนตามกาลทผี่ า่ นไป ๒. อทิ ธพิ ลในสมาชิกของกล่มุ (?01-668 ๒ 1}ใ6 8โ0110 1ฑ61ฑ๖61:8) ก่อนการดัดสินใจวา่ จะแสดงบทบาทพฤติ กรรมประมขุ อิลใ]แบบใด ผูน้ ำควรพิจารณาถงึ อทิ ธิพลของ
๕® I® สมาชกิ ของกลุ่มด้วย เขาด้องระลกึ ไวต้ ลอดเวลาว่าสมาชิกแตล่ ะ คนก็มิสภาพดจุ เดียวกับตัวเอง กล่าวดอี ย่อมตกอย่ใู นอำนาจ ของบจจไ]ต่าง ๆ ที่มอี ทธิพลเหนือบคุ ลกภาพของแตล่ ะคน นอกไปจากนื แตล่ ะคนย่อมคาดหมายเอาไวล้ ่วงหนำในใจดว้ ย วา่ ผนู้ ำควรจะมคี วามส*'มพ*'นธ์กบั เขาในรปู ใด เหดนุ ื กัาหากว่า ผู้นำเข่าใจบจจไ)เหลา่ นื ได้ถกู ตัองมากเพียงใด เขายอ่ มสามารถ ตัดสินใจไดถ้ ูกตัองมากเพียงนืนว่า เขาจะทำอยา่ งไรจงึ จะให้ สมาชกิ แต่ละคนในกลมุ่ ของเขามีพฤติกรรมทางประสิทธผิ ลได้ มากทีส่ ุด กลา่ วอกี นไ)หนึ่ง กัาหากวา่ เด้าเงอน ( 00๗111008 ) สำคัญด้งต่อไปน่ึมีอยู่ ในกลมุ่ แล่วไซร้ ผูน้ ำยอ่ มสามารถให้ สมาชกิ ของกลุ่มมเี สรีภาพในการตัดสินใจได้มาก (๑) กัาหากวา่ สมาชิกฑงหลายมคี วามตัองการเพ่อื ความเสรอี ยูใ่ นระดับสูง (๒) กาั หากวา่ สมาชิกท,งหลายมคี วามพร'อมท่จี ะเขา่ ร*บมดี ชอบในการด ดั สินใจ ( บางคนมีทรรศนะว่าการมสี ่วนใน ความรับมดี ชอบเบนการแสดงความสามารถของตนเอง ส่วน บางคนกล*บเหน็ ว่าการทผ่ี ู้กังดบ้ บัญชามอบหมายความรับมีดชอบ ให้ ผกู้ ังคบั กญั ชาได้บดความรับมดี ชอบมาใหต้ น )
©(^๓ ( ๓) อาั หากว่าสมาชิกทํงหลายมคี วามสนใจใน บญหาและคืดวา่ เบนเรองสำคญั (๔) ถ,าหากวา่ สมาชิกท1งหลายมีความรู้และประสบ- การณ์เพยี งพอเพอแกับญหา (๕) ลำหากว่าสมาชิกทงหลายเข,าใจเบาหมายของ หนว่ ยงาน (๖) ลำหากว่าสมาชิกท,งหลายมุ่งหว*งจะมีสว่ นรว่ ม ตัดสินใจแกบ้ ญหา ๓. อทธพลในสถานการณ ( ?01:06ร 111 น16 81เซ3- *1011 ) สถานการณ์สำคัญอนั มีผลกระทบต่อพฤตกิ รรมของผูน้ ่า ไดแ้ ก่สภาพตอ่ ไปนํ้ (๑) รูปแบบของหนว่ ยงาน ( 0* 01-231112*1- 11๐0 ) หน่วย งานก็ดจุ เดียวกับบคุ คลแต่ ละคนเหมอื นกัน กล่าวคือ มีระบบค่านิยม ขนบประเพณี เบนของตนเอง สีงเหล่านแหละมอี ทิ ธิพลมหาศาลตอ่ พฤติกรรมของคนทุกคนท็่ ปฎิบตงานในหน่วยงานนํน ตัวอยา่ งเช่น หนว่ ยงานบางหนว่ ย มหี อักนิยมว่า ผู้บริหารทพี่ งี ปรารถนาอยา่ งยงี คอื บคุ คลผูม้ ี
6) & (2 . แนวคดิ กา้ วหนำ มจนิ ตนาการสรรค์สร่าง และตดั สินใจ เดดขาด แต่หน่วยงานบางหน่วยมหี สกั นยํ มวา่ ผ้,ูนำท่ีดคี อื บุคคลผู้มดื ,วามสามารถปฎิบ่ตงานอย่างมประสทิ ธิผลกบั บุคคล อ๋ึน ๆ หรอื กลา่ วอกี นย้ หนึ๋งเบนบุคคลผฉู้ ลาดในเรืองมนุษย์ สมั พนั ธ์ หสักนยิ มตังกล่าว ร่างตัน ของ ผู้มีอำนาจสูง สดุ ใน หน่วยงานยอ่ มมีผลผสักตันให้ผู้นำตอั งมีแบบพฤตกิ รรมแบบใด แบบหน๋งึ อันสอด คลไองกับหลักนยิ มของหนว่ ยงาน นนํ ๆ นอก จากนํบ้ จจยอน ๆ เชน่ จำนวนมากหรอื นอ้ ยของสมาชกิ ในกลุม่ หน่วยงานท่แี ยกสาั ยกันต้งอยู่ ณ ท่ีต้ํงทางภมู ศี าสตรหา่ งไกลกัน ความจำเบนทีจะตัองร*'กษาความสบั สดุ ยอดของแผน การของ หนว่ ยงาน ลํว์นแต่เบนองค์กำหนดแบบพฤตกิ รรมของผนู้ ำ ท1งสน (๒) ประสิทธผํ ลของกลมุ่ (0)-0น1) 2#601^61168ร) กอ่ นการตดั สนิ ใจเข่ารบ่ ผิดชอบสมาชกิ ของกลุ่ม ผ้นู ำควร พจิ ารณาดวู า่ สมาชกิ ท1งหลายของกลุม่ น้น ทำงานรว่ มกนั มี ประสทิ ชิผลมากน้อยเพียงใด คุณสมบต่ ของกลุ่มตอ่ ไปนํ้ การ ร่วมมีอ การวางเฉย การเขา่ ใจเบาหมายของหนว่ ยงาน สัวน
๑๕๕ เบน่ มาตรการบง่ ชร้ํ ะตบั สงู — ตา่ ของประสทิ ธผิ ลของกลมุ่ ได้ เบนอยา่ งดี (๓) บ่ญหา ( XII© ?10ผ61ฑ ) ลกั ษณะฟ้ญหา แตล่ ะปญ้ หาจะเบ่นตวั กำหนดระด*,บอำนาจทางเอกสิทธท้ื ่ผี นู้ ำจะ มอบการตัดสินใจให้แกส่ มาชิก ของกล่มุ แน่นอนทีส่ ุดกํคอื ผนู้ ำตอั งถามตนเองเสยี ก่อนว่า สมาชิกทงหลายของกลุ่มมคี วาม รอบเตรงกบั ความต้องการที่จะใหแ้ กบ้ ่ญหาหรือไม่ เพราะว่า บางครง้ํ ความช*บซํอนของฟ้ญหาจำเบนต,องไข้กลุม่ คนหลายคน ผู้มีความรู้ และประสบการณพ์ เิ ศษแต่ละอย่างเข้ามาประสาน กนั ในการแก้ฟญ้ หา แตบ่ างฟญ้ หา ท่ีซบํ ซ่อน ระตับสูงอาจ'ใช้ บุคคลลัจฉรืยะเพียงคนเดยี วเข้าแกบ้ ่ญหา (๔) เวลาทเรง่ ดวน ( ใ'!:!© ?เา688ง16 111X16 ) ลาั ผนู้ ำมคี วามรสู้ ึกวา่ จำเบน่ ต,องตัดสินใจอยา่ งฉํบพลันเพราะ มเี วลาจำกดั โอกาสท่จี ะใหส้ มาชกิ ของกลมุ่ มสี ่วนร่วมในการ แกฟ้ ญ้ หา ยอ่ มเบนไปได้นํอยมาก แต่ลาั บ่ญหาทเ่ี กิดขนมิได้ ถกู จำกัดตัวยห,วงเวลา การท่ีสมาชิกที่งหลายของกลุม่ จะเข้าไป มีส่วนในการแก้บ่ญหาร่วมกับผู้นำยอ่ มเบ่นไปได้งา่ ย
๑ (3เ๖ ยุหธศาสต ใ ร ะอะยาว ดา่ หากว่าผู้นำปฏบํ ไ!งานแก้บญหาตา่ ง ๆ ให้แก่หน่วยงาน ทตี่ นริบผิด ชอบในล*'กษณะการ แก้บญหาว*'นต่อว*'น เพราะ ถูก เร่งริ'ดโดยกาลเวลาแด'่ วไซร้ การเลือกแบบผู้นำมาเบนแนวทาง ในการปกครองยอ่ มเบนไปไดย้ ากยืง แต่หากวา่ เขามเี วลา ครนุ่ คิดไตร่ตรองลว่ งหนำเบนเวลานาน ๆ พอควรผู้นำย่อม สามารถวางแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวได้ เชน่ วางแผน เสรมิ สร้างท*'กษะ และความรใู้ หแ้ ก่ตนเองกำหนดห่วงเวลา ผืกฝนบุคลากรในหน่วยงาน เสรมิ สร้างประสบการณแ์ ก่ สมาชิกที่งหลายของกล่มุ การวเิ คราะหข์ องน*'กส*'งคมศาสตร์ คร1งแด'่ วคร์งเลา่ ยนื ย'นวา่ ผ้นู ำยคุ มจี จุบ*'นทุกคนด่วนสนใจใน “ ยทุ ธศาสตร์” หรอิ “ กโลบาย” ระยะยาวดงั ตอ่ ไปน้ํ ๑. การสร้างพล*'งดลใจแก่สมาชกิ ( 1*313๒8 เ*16 1^61 1ฑ61ฑเ)61โ 1X101๒3เ 10X1 ) ๒. การปริ'บปรงุ คณุ ล*'กษณ์การดดั สินใจทกุ รูปแบบ ( 101?1‘07๒8 ะ๒6 (31131๒7 311 (1601310118 ) ๓. การพ*'ฒนาการปฏปํ ตร่วมกนั เบนชดุ และการพ*'ฒนา ฃวญกาลงใจสมาชก (061(6100๒8 เ63ถ1^01^ 311(1 1X101:316 )
®{5(๘ ๔. การพฒั นาศกั ยภาพทางรา่ งกายของสมาซกิ ( 7116 111(3ฬปง้ 3โ (^610{)ถ1601; โถ©ณ๖61: ) ๕. การเพมี จติ สำนกึ ความพร*อมทจ่ี ะรบิ ความเปลย่ี นแปลง ใด ๆ อ*นจะเกดิ ขน ( 1โ101โ6351ฑ8 เ1ไ6 1-63(110038 *0 30061)1; 01ใ3ถ26 ) จากผลการทดสอบครงิ แล*วคร,งเลา่ ปรากฏผลช*ดเจนวา่ ยทุ ธศาสตรร์ ะยะยาว ๕ ประการดงั กลา่ วขา่ งศนั น จะบรรลุ ประสทิ ธผิ ลสงู มาก ดำหากหนว่ ยงานนนึ ผนู้ ำใชแ้ บบพฤต-ิ กรรม “ แบบกลมุ่ เบนใหญ,่ ฑง้ํ นมึ ใิ ดห้ มายความวา่ ผนู้ ำ จะปลอ่ ยวางอำนาจการตดั สนิ ใจไว้ ให้แกส่ มาซกิ ของหนว่ ยงาน โดยเดด็ ขาด แตห่ มายถงึ วา่ การทผ่ี นู้ ำรจู้ ไา “ จ*งหวะ ” และ ‘ กาล” ในการใหเ้ สรภี าพแกส่ มาซกิ ในหนว่ ยงาน ประสทิ ธผิ ล และภาวะสราิ งสรรคของหนว่ ยงาน ยอ่ มมมี ากกวา่ ล*มเหลวและ การชะง*กง*น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163