พคูมนือักกงารานบรริหาาชรกงาานร ๒๕๕๕
คํานํา ระบบพนักงานราชการ (Government Employee System) เป็นการจ้างงานระบบสัญญาจ้างในหน่วยงานภาครัฐ ท่ีมุ่งเน้นให้ภาครัฐมีรูปแบบการจ้างงานท่ีหลากหลายมีหลักเกณฑ์และวิธีการท่ียืดหยุ่น ช่วยให้เกิดความคล่องตัวต่อสภาพและความจําเป็นตามเงื่อนไขของการทํางานในภาคราชการท่ีสอดรับกับระบบการบริหาร มี “ระบบสัญญาจ้าง”เป็นกลไกรองรับ และผู้บริหารสามารถบริหารรูปแบบการจ้างให้เหมาะสมกับลักษณะงานและภารกิจ โดยมีระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗และประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการเกี่ยวกับระบบการบริหารทรัพยากรบุคคลของพนักงานราชการในเร่อื งตา่ งๆ เป็นเคร่อื งมอื ในการบริหารจัดการ ระบบพนักงานราชการได้เริ่มใช้ในส่วนราชการตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ จนถึงปัจจุบันเปน็ ระยะเวลากวา่ ๗ ปี สาํ นกั งาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานกุ ารคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการจึ ง ไ ด้ ดํ า เ นิ น ก า ร ศึ ก ษ า ติ ด ต า ม ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก า ร บ ริ ห า ร ร ะ บ บ พ นั ก ง า น ร า ช ก า รปัญหา อุปสรรคของส่วนราชการในการใช้ระบบพนักงานราชการ และได้จัดทําข้อเสนอเพื่อพัฒนาระบบพนักงานราชการต่อคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ ในการประชุมคร้ังที่ ๒/๒๕๕๓ เมื่อวันท่ี ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๓ มีมติเห็นชอบแนวทางการพัฒนาระบบพนักงานราชการ และได้มีประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการเก่ียวกับระบบการบริหารงานบุคคลในเรื่องต่างๆ ให้เหมาะสมตอบสนองต่อสภาพการณ์ ลักษณะงานและการปฏบิ ัตภิ ารกิจของสว่ นราชการได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ สาํ นักงาน ก.พ. ไดจ้ ดั ทาํ คู่มอื การบรหิ ารงานพนักงานราชการ เพื่อเป็นเอกสารการใช้งานระบบพนกั งานราชการโดยได้รวบรวมระเบียบสาํ นักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ และประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการเกี่ยวกับระบบการบริหารงานบุคคลในเร่ืองต่างๆการกําหนดตําแหน่ง การสรรหาและเลือกสรร ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ การประเมินผลการปฏบิ ตั งิ าน ทีไ่ ดม้ กี ารแกไ้ ขปรับปรงุ พร้อมคาํ อธบิ ายประกอบการดําเนินการ โดยจัดพิมพ์รวมเล่มและเผยแพร่แก่ผู้ปฏิบัติงานของส่วนราชการในการบริหารทรัพยากรบุคคลของพนักงานราชการให้มีความเข้าใจและสามารถดําเนินการตามกระบวนการต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อราชการตามเจตนารมณ์ของระบบพนักงานราชการได้ต่อไป สํานกั พัฒนาระบบจาํ แนกตาํ แหน่งและคา่ ตอบแทน สาํ นกั งาน ก.พ.
สารบญั หนา้ส่วนท่ี ๑ ความเปน็ มาของระบบพนักงานราชการ ๑ส่วนที่ ๒ ระเบยี บสาํ นกั นายกรฐั มนตรวี ่าด้วยพนกั งานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ๗สาระสาํ คญั ของระเบียบสํานกั นายกรฐั มนตรีวา่ ดว้ ยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ หมวด ๑ พนกั งานราชการ ๘ หมวด ๒ คา่ ตอบแทนและสทิ ธิประโยชน์ ๑๑ หมวด ๓ การประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ าน ๑๒ หมวด ๔ วนิ ยั และการรกั ษาวินยั ๑๓ หมวด ๕ การส้นิ สุดสัญญาจ้าง ๑๔ หมวด ๖ คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ ๑๖ บทเฉพาะกาล ๑๗ คําอธิบายระเบียบสํานักนายกรฐั มนตรวี า่ ด้วยพนกั งานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ๑๙ส่วนท่ี ๓ ประกาศและข้อกําหนดเก่ยี วกบั พนักงานราชการ การกาํ หนดลกั ษณะงานคณุ สมบัติเฉพาะของกลมุ่ งานและ การจดั ทาํ กรอบอตั รากําลงั พนกั งานราชการ- ประกาศคณะกรรมการบรหิ ารพนกั งานราชการ เรอ่ื ง การกําหนด ๒๓ ลกั ษณะงานและคณุ สมบัติเฉพาะของกลมุ่ งานและการจดั ทาํ ๓๕ กรอบอตั รากาํ ลังพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๔- คําอธิบายประกาศคณะกรรมการบรหิ ารพนกั งานราชการ เร่ือง การกาํ หนดลกั ษณะงานและคณุ สมบตั ิเฉพาะของกล่มุ งาน และการจดั ทาํ กรอบอัตรากาํ ลงั พนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๔ การสรรหาและเลอื กสรรพนักงานราชการ- ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรอื่ ง หลกั เกณฑ์ ๕๑ วิธีการและเงื่อนไขการสรรหาและการเลือกสรรพนกั งานราชการ และแบบสัญญาจา้ งของพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๒
สารบญั (ต่อ) หน้า ๖๓ - คําอธิบายประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรื่อง หลกั เกณฑ์ วธิ ีการและเงอื่ นไขการสรรหาและการเลอื กสรร ๘๗ พนักงานราชการ และแบบสัญญาจ้างของพนกั งานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๙๑ การสรรหาและเลือกสรรคนพกิ ารเปน็ พนักงานราชการ ๙๕ - กฎกระทรวงกําหนดจาํ นวนคนพกิ ารทน่ี ายจ้างหรือเจ้าของ ๑๐๑ สถานประกอบการและหนว่ ยงานของรัฐจะตอ้ งรบั เข้าทาํ งานและ ๑๐๙ จํานวนเงนิ ที่นายจ้างหรอื เจา้ ของสถานประกอบการจะต้องนําส่งเขา้ ๑๑๑ กองทุนส่งเสรมิ และพัฒนาคุณภาพชวี ติ คนพกิ าร พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑๑๕ ๑๒๑ - ประกาศกระทรวงการพัฒนาสงั คมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่องประเภทและหลักเกณฑค์ วามพิการ - แนวทางปฏิบัติในการสรรหาและเลือกสรรคนพิการเปน็ พนักงานราชการ และคําอธิบายตามหนงั สือคณะกรรมการบริหารพนกั งานราชการ ที่ นร ๑๐๐๔.๑/คพร./พิเศษ ๑๗๙๑ ลงวนั ท่ี ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๔ ค่าตอบแทนของพนกั งานราชการ - ประกาศคณะกรรมการบรหิ ารพนักงานราชการ เรอ่ื ง คา่ ตอบแทน ของพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ประกาศคณะกรรมการบรหิ ารพนักงานราชการ เรอื่ ง ค่าตอบแทน ของพนักงานราชการ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ - ประกาศคณะกรรมการบริหารพนกั งานราชการ เรอื่ ง คา่ ตอบแทน ของพนกั งานราชการ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๔ - ประกาศคณะกรรมการบริหารพนกั งานราชการ เรอื่ ง ค่าตอบแทน ของพนกั งานราชการ (ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๕๕ - คาํ อธิบายประกาศคณะกรรมการบรหิ ารพนกั งานราชการ เรื่อง ค่าตอบแทนพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๔ และทแ่ี กไ้ ขเพมิ่ เติม
สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ ๑๒๗ สทิ ธปิ ระโยชนข์ องพนักงานราชการ ๑๓๑ - ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรอื่ ง สิทธปิ ระโยชน์ ๑๓๕ ของพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑๔๗ - คําอธิบายประกาศคณะกรรมการบริหารพนกั งานราชการ ๑๖๗ เรอ่ื ง สทิ ธิประโยชนข์ องพนกั งานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๔ ๑๖๙ ๑๗๑ แนวทางการประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงานของพนักงานราชการ ๑๗๔ ๑๗๕ - ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เรอ่ื ง แนวทาง การประเมินผลการปฏิบัตงิ านของพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๔ - คาํ อธบิ ายประกาศคณะกรรมการบรหิ ารพนักงานราชการ เรือ่ ง แนวทางการประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ านของพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๔ เคร่อื งแบบพิธีการของพนกั งานราชการ - ประกาศคณะกรรมการบรหิ ารพนกั งานราชการ เรอื่ ง เคร่ืองแบบพิธกี ารของพนกั งานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๒ - คําอธิบายประกาศคณะกรรมการบรหิ ารพนักงานราชการ เรอื่ ง เครอ่ื งแบบพิธีการของพนกั งานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๒ การขอพระราชทานเครอื่ งราชอสิ ริยาภรณใ์ ห้แกพ่ นักงานราชการ การเทยี บตาํ แหนง่ ของพนักงานราชการ บัตรประจําตัวของพนกั งานราชการ
สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ภาคผนวก องค์ประกอบและอํานาจหน้าท่ขี องคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ ๑๗๗ ประกาศคณะกรรมการบริหารพนกั งานราชการ เรอ่ื ง ต้ังคณะอนกุ รรมการ บริหารพนกั งานราชการ - คณะที่ ๑ ดา้ นการกําหนดลกั ษณะงาน กรอบอัตรากาํ ลงั พนักงานราชการ ๑๗๙ ค่าตอบแทนและสทิ ธิประโยชน์ - คณะที่ ๒ ดา้ นการสรรหาและเลือกสรรและการประเมินผลการปฏิบัติงาน ๑๘๑ - คณะท่ี ๓ ดา้ นกฎหมายและวินัย ๑๘๓ มติคณะรัฐมนตรเี กย่ี วกับพนักงานราชการ ๑๘๕
สว่ นท่ี ๑
สว่ นท่ี ๑ ความเป็นมาของระบบพนักงานราชการ สืบเน่ืองจากการปรับระบบราชการให้มีประสิทธิภาพ มีโครงสร้างที่กระชับเหมาะสมกับสถานการณ์ ทําให้ต้องปรับเปลี่ยนระบบการบริหารงานบุคคลให้สอดคล้องกับระบบบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่โดยปรับขนาดกําลังคนให้เหมาะสมกับภารกิจท่ีรัฐต้องปฏิบัติ ถ่ายโอนภาระงานทีไ่ ม่ใชภ่ ารกจิ หลกั ของรฐั ส่ภู าคเอกชนด้วยการจ้างเหมาบริการหรอื ซอ้ื บริการ และถา่ ยโอนอัตรากําลังคนจากส่วนกลางไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินและภาคเอกชนอย่างเหมาะสมและพัฒนาบุคลากรในระบบราชการให้มีศักยภาพเหมาะสมกับภารกิจ ระบบสัญญาจ้างจึงเป็นเคร่ืองมือที่ช่วยให้การปรับระบบราชการสัมฤทธิ์ผล เพราะระบบสัญญาจ้างเป็นระบบการจ้างบุคคลภาครัฐระบบใหม่เพื่อทดแทนการจ้างลูกจ้างประจําและลูกจ้างชั่วคราว และกรณีที่ไม่สามารถใชร้ ะบบจ้างเหมาบริการ รวมทัง้ กรณีท่มี คี วามจาํ เป็นเร่งด่วนตอ้ งจา้ งบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อปฏิบัติงานในภารกิจที่มีระยะเวลาส้ินสุดตามแผนงาน/โครงการตามนโยบายรัฐบาล คณะรัฐมนตรใี นการประชมุ เม่ือวนั ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๒ ได้มีมติเห็นชอบแผนปรับระบบบริหารภาครัฐ ซึ่งเป็นแผนปรับเปล่ียนระบบราชการไปสู่การจัดการภาครัฐแนวใหม่ท่ีมีองค์กรขนาดเล็ก กะทัดรัด และมีประสิทธิภาพ โดยมีการพัฒนารูปแบบ เง่ือนไขการทํางานและการจ้างงานภาครัฐเป็นโครงการหนึ่งในแผนปรับระบบบริหารภาครัฐท่ีมุ่งเน้นให้ภาครัฐมีรูปแบบการจ้างงานท่ีหลากหลาย และมีหลักเกณฑ์ วิธีการท่ียืดหยุ่น ซ่ึงจะทําให้เกิดความคล่องตัวต่อสภาพและความจําเป็นตามเงื่อนไขของการทํางานในภาคราชการที่สอดรับกบั ระบบบรหิ ารจัดการภาครฐั แนวใหม่ การจ้างงานระบบใหม่ในภาครัฐ เป็นส่วนหนึ่งจากการศึกษาของโครงการพัฒนารปู แบบ เงอื่ นไขการทาํ งานและการจา้ งงานภาครฐั เพื่อสร้างระบบการจ้างงานภาครัฐระบบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงจากการที่ภาครัฐเป็นผู้ดําเนินการเองท้ังหมดไปสู่ระบบที่ภาครัฐจะดําเนินการเท่าท่ีจําเป็นและมีข้าราชการประจําจํานวนไม่มากแต่มีคุณภาพสูงโดยเฉพาะงานท่ีเป็นภารกิจหลักสําหรับงานท่ีเป็นภารกิจรองหรือภารกิจสนับสนุนสามารถจ้างบุคคลหรือนิติบุคคลภายนอกมาชว่ ยปฏิบตั งิ านโดยมขี า้ ราชการประจาํ บางส่วน ควบคมุ ดแู ลบคุ คลเหลา่ น้ี
๒ สํานักงบประมาณซ่ึงได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการกําหนดเป้าหมายและนโยบายกําลังคนภาครัฐ (คปร.) ได้วางระบบลูกจ้างสัญญาจ้างโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดแทนลูกจ้างประจํา (ซ่ึงในขณะน้ันอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงบประมาณ)และคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการให้มีการใช้ระบบสัญญาจ้างในการบริหารลูกจ้างของสว่ นราชการ ตลอดจนเหน็ ชอบหลักการร่างระเบยี บวา่ ด้วยลกู จ้างสญั ญาจา้ งของส่วนราชการพ.ศ. …. ที่สํานักงบประมาณได้นําเสนอไป ซึ่งการวางระบบลูกจ้างสัญญาจ้างดังกล่าว สอดคล้องกับผลการศึกษาของสํานักงาน ก.พ. เร่ือง การจ้างงานระบบใหม่ในหน่วยงานภาครัฐที่เน้นให้มีรูปแบบการจ้างงานท่ีมีความหลากหลาย และยืดหยุ่น โดยข้อเสนอเรื่องหน่ึงคือการมี“ระบบสัญญาจ้าง” เป็นกลไกรองรับ ซ่ึงจะมีผลให้กําลังคนภาครัฐในอนาคตอาจมีเพียง“ข้าราชการ และบุคคลภายนอกทีป่ ฏบิ ตั ิงานตามสัญญาจ้าง” ภายหลังการปรับเปลี่ยนโครงสร้างส่วนราชการ ตามการปรับระบบราชการเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ภารกิจที่เก่ียวข้องกับการกําหนดตําแหน่งลูกจ้างประจําของส่วนราชการได้ถ่ายโอนมาอยู่ในความรับผิดชอบของสํานักงาน ก.พ. ซ่ึงสํานักงาน ก.พ. ก็ได้นําเรื่องระบบลูกจ้างสัญญาจ้างมาดําเนินการต่อ พร้อมทั้งได้ขยายผลให้มีความหลากหลายของรูปแบบการจ้างงานในส่วนของการจ้างผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เช่ียวชาญทั้งชาวไทยและต่างประเทศการเปลี่ยนช่ือ “ลูกจ้างสัญญาจ้าง” เป็น “พนักงานราชการ” และวางระบบบริหารงานบุคคลที่เก่ียวข้องตั้งแต่เรื่องการกําหนดลักษณะงาน ตําแหน่ง และกรอบอัตรากําลัง การกําหนดค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ การสรรหาและเลือกสรร และการประเมินผลการปฏิบัติงานท้งั น้ี ภายใต้หลักการบริหารทรัพยากรบุคคลที่สําคัญได้แก่ หลักสมรรถนะ (Competency Based)หลักผลงาน (Performance Based) และหลักคุณธรรม (Merit Based) และเพ่ือให้สอดคล้องกับการบริหารภาครัฐแนวใหม่ จึงมุ่งเน้นการมอบอํานาจให้ส่วนราชการบริหารจัดการเองภายใต้ระเบี ยบ หลั กเกณฑ์และวิ ธีการต่างๆ ท่ีได้กํ าหนดไว้อย่างกว้างๆ เป็ นแนวทางสําหรบั สว่ นราชการถือปฏิบัตไิ ดอ้ ย่างคล่องตัวและยืดหยนุ่ (Freedom and Flexibility)
๓การจัดระบบพนกั งานราชการ ระบบพนักงานราชการได้รับการพัฒนาต้ังแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๕ และต่อมาคณะรัฐมนตรีในการประชุมเม่ือวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๔๖ ได้มีมติเห็นชอบกับระบบบริหารงานบุคคลของพนักงานราชการ และประกาศใช้ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการพ.ศ. ๒๕๔๗ โดยมีผลใช้บังคับต้ังแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๗ โดยมีหลักการพ้ืนฐานในการพฒั นาระบบการจ้างงาน ดังนี้ (๑) เพ่ือให้ภาครัฐมีทางเลือกสําหรับการจ้างงานท่ีหลากหลายรูปแบบตามลักษณะงานและภารกิจจากรูปแบบเดิมท่ีข้าราชการปฏิบัติ ซ่ึงเป็นการจ้างงานระยะยาว(Life time employment) เพียงลักษณะเดียว เนื่องจากงานบางอย่างในภาครัฐเป็นงานท่ีมีปริมาณมากน้อยตามฤดูกาล หรือช่วงเวลา หรือตามความจําเป็นของสถานการณ์ในแตล่ ะส่วนราชการ รวมท้งั นโยบายของรฐั บาลในแตล่ ะช่วงเวลา (๒) เพื่อแก้ปัญหาการจ้างลูกจ้างประจํา ซึ่งมีลักษณะงานท้ังท่ีเหมือนและแตกต่างจากข้าราชการ ทําให้ลูกจ้างประจําที่มีสายงานหลากหลายแต่ปฏิบัติงานได้เฉพาะเจาะจงอกี ทัง้ ยงั ตอ้ งจา้ งเป็นระยะยาวจนเกษียณอายุราชการ (๓) เพื่อยกเลิกการจ้างลูกจ้างช่ัวคราวท่ีปฏิบัติงานเหมือนกับข้าราชการ ซ่ึงแม้จะมีลักษณะการจ้างในรูปแบบปีต่อปี แต่ในทางปฏิบัติหลายส่วนราชการมีการจ้างบุคคลอยา่ งต่อเน่อื งเช่นเดียวกบั การจ้างลูกจา้ งประจํา ดั งนั้ น ระบบพนั กงานราชการ (Government Employee System)๑ จึ งให้ มี“ระบบสัญญาจ้าง” เป็นกลไกรองรับในการจ้างงาน ซึ่งทําให้ผู้บริหารสามารถบริหารรูปแบบการจ้างงานให้เหมาะสมกับลักษณะงานและภารกิจ โดยใช้ “สัญญาจ้าง” เป็นข้อกําหนดหรือเง่ือนไขในการจ้างงาน ถือเป็นเครื่องมือสําหรับการบริหารผลการปฏิบัติงาน การบริหารงบประมาณด้านบุคลากร และการบริหารกําลังคนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความจําเป็นตามเงื่อนไขการทํางาน สอดคล้องกับแนวคิดการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ที่เน้นความยืดหยุ่น คล่องตวั๑ ราชบัณฑิตยสถานไดบ้ ัญญัติศพั ท์ภาษาองั กฤษของ “พนกั งานราชการ” ว่า “Government Employee” และ“ระบบพนักงานราชการ” ว่า “Government Employee System”
๔ ปรชั ญาของระบบพนักงานราชการ เพือ่ เป็นทางเลอื กของการจ้างงานภาครฐั ท่ียดื หยุ่นและคลอ่ งตัว เนน้ การจ้างบคุ ลากรตามหลกั สมรรถนะ และหลกั ผลสมั ฤทธ์ขิ องงาน ให้มีการเข้าออกจากงานตามสญั ญาจ้าง ซ่ึงเป็นไปตามภารกิจ โดยมกี ารตอ่ สัญญาได้ ไม่ใช่การจ้างงานตลอดชพี กลา่ วคอื ตอ้ งมรี ะยะเวลาสิน้ สดุ ตามแผนงานหรอื โครงการ ภาพลกั ษณ์ของ “พนกั งานราชการ” มีเกียรตแิ ละศักดิศ์ รใี นฐานะบคุ ลากรของรัฐ ปฏบิ ัติงานโดยยดึ หลกั ขดี สมรรถนะและผลงาน ทาํ งานในภาคราชการควบคกู่ บั ขา้ ราชการ ทาํ งานหลากหลายต้งั แตร่ ะดับปฏบิ ัตจิ นถึงระดับผ้เู ช่ยี วชาญ เปน็ กําลังคนของภาครฐั ตามหลักการบริหารจดั การยุคใหม่ ลกั ษณะเดน่ ของพนกั งานราชการ ส่วนราชการสามารถวางแผนกําลังคนได้ตามความต้องการ และตามสถานการณไ์ ด้อย่างคลอ่ งตวั ภายใตห้ ลักการบริหารกจิ การบา้ นเมืองที่ดี ส่วนราชการมีทางเลอื กในการจ้างงานเพ่มิ ข้ึน ในการจ้างจะมีการกาํ หนดภารกจิ และผลงานไว้ชัดเจน ส่วนราชการสามารถให้พนักงานราชการออกจากระบบได้ง่ายหากหย่อนประสิทธภิ าพ พนักงานราชการได้รับค่าตอบแทนสอดคล้องกับสภาพการจา้ ง การบรหิ ารจดั การระบบพนักงานราชการ จ้างได้ทุกลักษณะงานต้ังแต่งานบริการไปถึงงานที่ปรึกษาในระดับสากลจึงกาํ หนดพนักงานราชการเปน็ ๒ ประเภท คอื พนกั งานราชการทวั่ ไป และพนักงานราชการพิเศษ ใหม้ ีการบริหารจดั การโดยคณะกรรมการประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ (คพร.) โดยมีรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีท่ีได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ และมีคณะอนุกรรมการบริหารพนักงานราชการ (อ.คพร.)ทาํ หน้าทีแ่ ทน คพร. ในดา้ นตา่ งๆ จํานวน ๓ คณะ ไดแ้ ก่ คณะท่ี ๑ ด้านการกําหนดลักษณะงานกรอบอัตรากําลังพนักงานราชการ ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ คณะท่ี ๒ ด้านการสรรหาและเลือกสรร และการประเมินผลการปฏบิ ัตงิ าน และคณะท่ี ๓ ด้านกฎหมาย และวนิ ัย
๕ เน้นการวางแผนอตั รากําลงั ล่วงหนา้ มี “สญั ญาจา้ ง” เป็นกลไกรองรับกระบวนงานจา้ ง แนวปฏิบัติในการจ้างงานแตกต่างกันตามประเภท และลักษณะงานของตาํ แหนง่ พนกั งานราชการ การมอบอาํ นาจสว่ นราชการเป็นผบู้ รหิ ารจดั การเองภายใตแ้ นวปฏิบตั ิ เครือ่ งมือในการบริหารจดั การ ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยให้มผี ลใช้บงั คบั ต้งั แต่วันท่ี ๑ มกราคม ๒๕๔๗ ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการเก่ียวกับระบบการบริหารงานบุคคลเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ เรื่องการกําหนดลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงานและการจัดทํากรอบอัตรากําลังพนักงานราชการ เรื่องค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ของพนักงานราชการ เร่ืองหลักเกณฑ์ วิธีการและเง่ือนไขการสรรหาและการเลือกสรรพนักงานราชการและแบบสัญญาจ้างของพนักงานราชการ และเรื่องแนวทางการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานราชการการพัฒนาระบบพนกั งานราชการ ในชว่ งปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ถึงปัจจบุ นั โดยที่ระบบพนักงานราชการได้เริ่มใช้ในส่วนราชการต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ จนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า ๗ ปี สํานักงาน ก.พ. ได้มีการประเมินผลการนําระบบพนักงานราชการไปใช้ในส่วนราชการต่างๆ อย่างต่อเน่ือง ทําให้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคของส่วนราชการในการใช้ระบบพนักงานราชการ คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ (คพร.) ในการประชุมคร้ังท่ี ๔/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๒ มีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการบริหารพนักงานราชการ (อ.คพร.) เฉพาะกิจเพื่อพิจารณากําหนดทิศทางการพัฒนาระบบพนักงานราชการ โดยมีอํานาจหน้าท่ีพิจารณากําหนดทิศทางการพัฒนาระบบบริหารงานพนักงานราชการในภาพรวม และระบบบริหารทรัพยากรบุคคลของพนักงานราชการให้เหมาะสมสอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณากําหนดทิศทางการพัฒนาระบบพนักงานราชการในภาพรวมนําเสนอ คพร. ในการประชุมคร้ังท่ี ๑/๒๕๕๓ เมื่อวันพุธท่ี ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ และ คพร.ได้มีมติเห็นชอบกับมติของคณะอนุกรรมการบริหารพนักงานราชการเฉพาะกิจเพ่ือพิจารณากําหนดทศิ ทางการพฒั นาระบบพนักงานราชการ โดยมีสาระสาํ คัญสรปุ ได้ ดงั นี้
๖ (๑) การกําหนดสัดส่วนกรอบอัตรากําลังพนักงานราชการตามภารกิจ โดยเน้นให้ส่วนราชการวิเคราะห์งานและการใช้กําลังคนประเภทต่างๆ อย่างเหมาะสม โดยเน้นการจ้างพนักงานราชการปฏิบัติงานในภารกิจหลัก (Core Function) ที่ควรปฏิบัติโดยข้าราชการไม่เกินร้อยละ ๑๐ – ๒๐ ในภารกิจสนับสนุนทางวิชาการ (Technical Support Function)และภารกิจสนับสนุนทางการบริหารจัดการ (Administrative Support Function) ได้ไม่เกินรอ้ ยละ ๕๐ และ ๗๕ ตามลําดบั (๒) การบริหารสัญญาจ้าง ปรับปรุงการบริหารผลการปฏิบัติงานของพนักงานราชการ ให้ส่วนราชการกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติงานโดยมุ่งเน้นผลสัมฤทธ์ิของงานและพฤติกรรมในการปฏิบัติงาน กําหนดตัวชี้วัดค่าเป้าหมายที่ชัดเจน ให้สอดคล้องกับผลผลิต/ผลลัพธ์ของโครงการ/แผนงานที่ระบุในสัญญาจ้างของพนกั งานราชการ (๓) การปรับปรุงค่าตอบแทน โดยปรับปรุงบัญชีโครงสร้างค่าตอบแทนของพนักงานราชการประเภทท่ัวไปให้เป็นโครงสร้างค่าตอบแทนแบบช่วง และปรับปรุงการเล่ือนค่าตอบแทนพนักงานราชการ ให้สอดคล้องกับระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานราชการ และกําหนดวงเงินที่ใช้ในการเลื่อนค่าตอบแทนไม่เกินอัตราร้อยละ ๖ของฐานค่าตอบแทน ตามผลการปฏิบัติงาน ทั้งน้ี ภายในวงเงินงบประมาณการเล่ือนค่าตอบแทนไม่เกินร้อยละ ๔ ของอตั ราคา่ ตอบแทนพนกั งานราชการ ณ วันที่ ๑ กนั ยายน ของปี (๔) การปรับปรุงแนวทางปฏิบัติในการดําเนินการทางวินัย ให้สอดคล้องกับระบบก า ร ดํ า เ นิ น ก า ร ท า ง วิ นั ย ข อ ง ข้ า ร า ช ก า ร ต า ม พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ร ะ เ บี ย บข้ า ร า ช ก า ร พ ล เ รื อ นพ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งรวมท้ังระบบเสริมสร้างวินัยเชิงบวก ท่ีเน้นการป้องกันและสร้างจิตสํานึกเพื่อกําหนดแนวทางการดําเนินการทางวินัยสําหรับพนักงานราชการที่เป็นมาตรฐานให้สว่ นราชการถือปฏิบตั ิ (๕) การจัดทําระบบสารสนเทศพนักงานราชการ (Government EmployeeInformation System : GEIS) เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการ และเป็นฐานข้อมูลสนับสนุนการบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คลของสว่ นราชการและจังหวดั ต่างๆ (๖) การวางระบบการตรวจสอบการดําเนินการจ้างพนักงานราชการตามภารกิจเพื่อเป็นกลไกในการติดตามการดําเนินการของส่วนราชการในการใช้ระบบพนักงานราชการเพ่ือให้การจ้างพนักงานราชการเป็นทางเลือกในการจ้างงานที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกลไกของระบบพนักงานราชการ เพ่ือประโยชน์ในการพัฒนารูปแบบการจา้ งงานภาครัฐต่อไปในอนาคต
สว่ นท่ี ๒
๗ ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าดว้ ยพนกั งานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยท่เี ป็นการสมควรกาํ หนดใหม้ กี ารปรบั ปรุงกระบวนการจา้ งงานภาครัฐในส่วนของลกู จ้างของส่วนราชการใหม้ คี วามหลากหลาย เพือ่ ให้เกดิ ความเหมาะสมในการใช้กําลังคนภาครัฐและให้การปฏิบัติราชการมีความคล่องตัวเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยสอดคล้องตามแนวทางการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ คณะรัฐมนตรีจึงเห็นสมควรให้มีการจ้างพนักงานราชการสําหรบั การปฏิบัตงิ านของสว่ นราชการ อาศยั อาํ นาจตามความในมาตรา ๑๑ (๘) แหง่ พระราชบญั ญัตริ ะเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงวางระเบียบไว้ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบน้ีเรียกว่า “ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยพนักงานราชการพ.ศ. ๒๕๔๗” ขอ้ ๒ ระเบียบนี้ใหใ้ ชบ้ งั คบั ตง้ั แต่วันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นตน้ ไป ขอ้ ๓ ในระเบยี บน้ี “คณะกรรมการ” หมายความวา่ คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ “ส่วนราชการ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการท่ีเรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม หรือหน่วยงานอ่ืนใดของรัฐที่มีฐานะเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวงทบวง กรม เว้นแต่ราชการสว่ นทอ้ งถ่ิน
๘ “หัวหน้าส่วนราชการ” หมายความว่า ปลัดกระทรวง ปลัดทบวง อธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม หรือหัวหน้าหน่วยงานอื่นของรัฐท่มี ฐี านะเปน็ ส่วนราชการ และผวู้ ่าราชการจงั หวดั ซง่ึ เป็นผู้วา่ จา้ งพนักงานราชการ “พนักงานราชการ” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับการจ้างตามสัญญาจ้างโดยได้รับค่าตอบแทนจากงบประมาณของส่วนราชการ เพื่อเป็นพนักงานของรัฐในการปฏิบัติงานให้กับส่วนราชการน้นั “สัญญาจา้ ง” หมายความว่า สญั ญาจ้างพนักงานราชการตามระเบยี บน้ี ขอ้ ๔ บรรดากฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ ขอ้ บงั คับ คาํ สั่ง หรอื มติคณะรัฐมนตรีท่ีกําหนดให้ข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหรือเป็นข้อห้ามในเร่ืองใด ให้ถือว่าพนักงานราชการมีหน้าที่ต้องปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหรือต้องห้ามเช่นเดียวกับข้าราชการหรือลูกจ้างด้วย ท้ังนี้ เว้นแต่เร่ืองใดมีกําหนดไว้แล้วโดยเฉพาะในระเบียบนี้หรือตามเงื่อนไขของสัญญาจ้าง หรือเป็นกรณีท่ีส่วนราชการประกาศกําหนดให้พนักงานราชการประเภทใดหรือตําแหน่งในกลุ่มงานลักษณะใด ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกับข้าราชการหรือลูกจ้างในบางเร่ืองเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการปฏิบัติงานของพนักงานราชการ ในกรณีท่ีคณะกรรมการเห็นสมควรอาจกําหนดแนวทางการดําเนินการตามวรรคหนึ่ง เพอ่ื เปน็ มาตรฐานทว่ั ไปใหส้ ่วนราชการปฏิบตั ิก็ได้ ขอ้ ๕ ให้เลขาธิการคณะกรรมการขา้ ราชการพลเรอื นรกั ษาการตามระเบยี บนี้ หมวด ๑ พนกั งานราชการ ข้อ ๖ พนกั งานราชการมสี องประเภท ดังตอ่ ไปนี้ (๑) พนักงานราชการท่ัวไป ได้แก่ พนักงานราชการซ่ึงปฏิบัติงานในลักษณะเป็นงานประจําทั่วไปของส่วนราชการในด้านงานบริการ งานเทคนิค งานบริหารทั่วไป งานวิชาชีพเฉพาะหรอื งานเช่ยี วชาญเฉพาะ
๙ (๒) พนักงานราชการพิเศษ ได้แก่ พนักงานราชการซึ่งปฏิบัติงานในลักษณะท่ีต้องใช้ความรู้หรือความเช่ียวชาญสูงมากเป็นพิเศษเพื่อปฏิบัติงานในเร่ืองท่ีมีความสําคัญและจําเปน็ เฉพาะ เรือ่ งของส่วนราชการ หรือมคี วามจําเปน็ ต้องใชบ้ ุคคลในลกั ษณะดังกล่าว ข้อ ๗ ในการกําหนดตําแหน่งของพนักงานราชการ ให้กําหนดตําแหน่งโดยจําแนกเปน็ กลมุ่ งานตามลกั ษณะงานและผลผลติ ของงาน ดงั ตอ่ ไปนี้ (๑) กลมุ่ งานบรกิ าร (๒) กลมุ่ งานเทคนิค (๓) กลุ่มงานบรหิ ารท่วั ไป (๔) กลมุ่ งานวิชาชีพเฉพาะ (๕) กลุม่ งานเชย่ี วชาญเฉพาะ (๖) กลุ่มงานเชย่ี วชาญพิเศษ ในแต่ละกลุ่มงานตามวรรคหนึ่ง คณะกรรมการอาจกําหนดให้มีกลุ่มงานย่อยเพอ่ื ให้เหมาะสมกบั ลกั ษณะงานของพนกั งานราชการได้ การกําหนดให้พนักงานราชการประเภทใดมีตําแหน่งในกลุ่มงานใด และการกาํ หนดลกั ษณะงานและคุณสมบตั เิ ฉพาะของกลุ่มงาน ให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการ ส่วนราชการซ่ึงเป็นผู้ว่าจ้างพนักงานราชการอาจกําหนดชื่อตําแหน่งในกลุม่ งานตามความเหมาะสมกบั หนา้ ท่กี ารปฏบิ ตั ิงานของพนกั งานราชการท่จี ้างได้ ข้อ ๘ ผู้ซ่ึงจะได้รับการจ้างเป็นพนักงานราชการ ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะตอ้ งห้าม ดังตอ่ ไปนี้ (๑) มสี ัญชาตไิ ทย (๒) มีอายไุ ม่ต่ํากว่าสบิ แปดปี (๓) ไมเ่ ปน็ บุคคลล้มละลาย (๔) ไม่เป็นผู้มีกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไร้ความสามารถหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคตามท่ีกําหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรอื น (๕) ไม่เป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง กรรมการพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าท่ีในพรรคการเมือง (๖) ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงท่ีสุดให้จําคุกเพราะกระทําความผดิ ทางอาญา เวน้ แตเ่ ปน็ โทษสาํ หรบั ความผดิ ทไี่ ดก้ ระทาํ โดยประมาทหรือความผดิ ลหุโทษ
๑๐ (๗) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออกจากราชการรัฐวิสาหกจิ หรอื หน่วยงานอื่นของรัฐ (๘) ไม่เป็นข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานอนื่ ของรัฐ รัฐวสิ าหกจิ หรอื พนักงานหรือลูกจา้ งของราชการส่วนทอ้ งถิ่น (๙) คุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามอื่นตามท่ีส่วนราชการกําหนดไว้ในประกาศการสรรหาหรือการเลือกสรรบุคคลเพ่ือจ้างเป็นพนักงานราชการ ท้ังน้ี ต้องเป็นไปเพื่อความจาํ เปน็ หรอื เหมาะสมกบั ภารกจิ ของสว่ นราชการนนั้ ความใน (๑) ไม่ให้ใช้บังคับกับพนักงานราชการชาวต่างประเทศซึ่งส่วนราชการจําเปน็ ต้องจา้ งตามขอ้ ผกู พนั หรือตามความจาํ เป็นของภารกิจของสว่ นราชการ ในกรณีท่ีเห็นสมควรคณะกรรมการอาจประกาศกําหนดคุณสมบัติหรือลกั ษณะต้องห้ามเพม่ิ ขึ้น หรือกําหนดแนวทางปฏิบัติของส่วนราชการในการจ้างพนักงานราชการเพ่ือใหส้ อดคล้องกับวัตถปุ ระสงคข์ องการกาํ หนดใหม้ พี นักงานราชการตามระเบยี บน้ี ข้อ ๙ ให้ส่วนราชการจัดทํากรอบอัตรากําลังพนักงานราชการเป็นระยะเวลาสี่ปีโดยให้สอดคล้องกับเป้าหมายการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและแผนงบประมาณเชิงกลยุทธ์ทัง้ นี้ ตามแนวทางการจัดกรอบอัตรากําลงั พนกั งานราชการทค่ี ณะกรรมการกําหนด กรอบอัตรากําลังพนักงานราชการของส่วนราชการตามวรรคหน่ึง จะต้องเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อให้ความเห็นชอบ เม่ือคณะกรรมการให้ความเห็นชอบแล้วให้สํานักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณเพ่ือเป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคคลตามความจําเป็นและสอดคล้องกับกรอบอัตรากําลังพนักงานราชการดังกล่าว ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามประเภทรายจ่ายทไ่ี ด้รบั การจัดสรรตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธีการท่กี ระทรวงการคลังกาํ หนด ในกรณีท่ีมีเหตุผลความจําเป็น ส่วนราชการอาจขอให้เปลี่ยนกรอบอัตรากําลังพนักงานราชการได้ โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ และแจ้งใหส้ าํ นักงบประมาณทราบ ข้อ ๑๐ การสรรหาและการเลือกสรรบุคคลเพื่อจ้างเป็นพนักงานราชการใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขทีค่ ณะกรรมการกาํ หนด ในกรณีที่ส่วนราชการใดจะขอยกเว้นหรือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสรรหา หรือการเลือกสรรตามท่ีคณะกรรมการกําหนดตามวรรคหน่ึง ให้สามารถกระทําได้โดยทําความตกลงกบั คณะกรรมการ
๑๑ ข้อ ๑๑ การจ้างพนักงานราชการให้กระทําเป็นสัญญาจ้างไม่เกินคราวละส่ีปีหรือตามโครงการท่ีมีกําหนดเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดไว้ โดยอาจมีการต่อสัญญาจ้างได้ ท้ังน้ี ตามความเหมาะสมและความจาํ เป็นของแตล่ ะสว่ นราชการ แบบสัญญาจ้างให้เป็นไปตามท่ีคณะกรรมการกาํ หนด การทําสัญญาตามวรรคหนึ่ง ให้หัวหน้าส่วนราชการหรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากหัวหน้าส่วนราชการเป็นผู้ลงนามในสัญญาจ้างกับผู้ได้รับการสรรหาหรือการเลือกสรรเปน็ พนักงานราชการ ข้อ ๑๒ การแต่งกายและเครื่องแบบปกติ ใหเ้ ป็นไปตามท่ีส่วนราชการกาํ หนด เครอ่ื งแบบพิธกี ารใหเ้ ป็นไปตามท่ีคณะกรรมการกาํ หนด ข้อ ๑๓ วันเวลาการทํางาน หรือวิธีการทํางานในกรณีที่ไม่ต้องอยู่ปฏิบัติงานประจําส่วนราชการ ให้เป็นไปตามที่ส่วนราชการกําหนด ซ่ึงอาจแตกต่างกันได้ตามหน้าท่ีของพนกั งานราชการในแต่ละตําแหน่ง โดยคํานงึ ถงึ ผลสําเรจ็ ของงาน หมวด ๒ ค่าตอบแทนและสทิ ธิประโยชน์ ข้อ ๑๔ อัตราค่าตอบแทนของพนักงานราชการให้เป็นไปตามท่ีคณะกรรมการประกาศกําหนด ข้อ ๑๕ ส่วนราชการอาจกําหนดให้พนักงานราชการประเภทใดหรือตําแหน่งในกลุ่มงานใดไดร้ ับสทิ ธิประโยชนอ์ ยา่ งหน่งึ อย่างใด ดังต่อไปนี้ (๑) สิทธิเกย่ี วกบั การลา (๒) สทิ ธิในการได้รับคา่ ตอบแทนระหวา่ งลา (๓) สทิ ธใิ นการไดร้ ับคา่ ตอบแทนการปฏิบัตงิ านนอกเวลางาน (๔) ค่าใชจ้ ่ายในการเดนิ ทาง (๕) คา่ เบย้ี ประชมุ (๖) สทิ ธิในการขอรับเคร่อื งราชอิสรยิ าภรณ์ (๗) การได้รับรถประจาํ ตําแหนง่ (๘) สิทธิอ่นื ๆ ทีค่ ณะกรรมการประกาศกาํ หนด
๑๒ หลักเกณฑ์การได้รับสิทธิตามวรรคหน่ึง ให้เป็นไปตามท่ีส่วนราชการกําหนดท้ังนี้ เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับหลักเกณฑ์ที่กําหนดเกี่ยวกับการได้รับสิทธิน้ันตามกฎหมายกฎ ระเบียบ ประกาศ หรือมติคณะรัฐมนตรี ในกรณีท่ีเห็นสมควรคณะกรรมการอาจเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้แก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ หรือมติคณะรัฐมนตรี เพ่ือให้ได้รับสทิ ธปิ ระโยชน์ตามวรรคหน่งึ ในกรณีท่ีเห็นสมควรคณะกรรมการอาจกําหนดมาตรฐานท่ัวไปเกี่ยวกับการกาํ หนดสิทธปิ ระโยชน์ใหแ้ กพ่ นักงานราชการเพอื่ ให้สว่ นราชการปฏิบตั กิ ็ได้ ข้อ ๑๖ ให้คณะกรรมการพิจารณาทบทวนอัตราค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ของพนักงานราชการตามขอ้ ๑๔ และข้อ ๑๕ เพือ่ ปรบั ปรงุ ให้เหมาะสมเปน็ ธรรมและมีมาตรฐานโดยคํานึงถึงค่าครองชีพท่ีเปล่ียนแปลง ค่าตอบแทนของเอกชน อัตราเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนและฐานะการคลังของประเทศ รวมทัง้ ปจั จยั อ่นื ทีเ่ ก่ยี วข้อง ข้อ ๑๗ ให้พนักงานราชการได้รับสิทธิประโยชน์และมีหน้าท่ีต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการประกนั สงั คม ข้อ ๑๘ ส่วนราชการอาจกําหนดให้พนักงานราชการประเภทใดหรือตําแหน่งในกลุ่มงานใดได้รับค่าตอบแทนการออกจากงานโดยไม่มีความผิดได้ตามหลักเกณฑ์ท่คี ณะกรรมการกาํ หนด หมวด ๓ การประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ าน ข้อ ๑๙ ในระหว่างสัญญาจ้าง ให้ส่วนราชการจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานราชการ ดังตอ่ ไปน้ีดังตอ่ ไปนี้ (๑) การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานราชการท่ัวไป ให้กระทําในกรณี (ก) การประเมินผลการปฏิบตั งิ านประจาํ ปี (ข) การประเมินผลการปฏบิ ตั งิ านเพือ่ ตอ่ สัญญาจ้าง (๒) การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานราชการพิเศษ ให้กระทําในกรณกี ารประเมินผลสําเรจ็ ของงานตามช่วงเวลาท่ีกาํ หนดไวใ้ นสญั ญาจา้ ง
๑๓ การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานราชการตามวรรคหน่ึงให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ส่วนราชการกําหนด ในการน้ีคณะกรรมการอาจกําหนดแนวทางการประเมินผลการปฏิบตั ิงานดังกลา่ วเพือ่ เปน็ มาตรฐานทัว่ ไปใหส้ ว่ นราชการปฏบิ ตั ิกไ็ ด้ ข้อ ๒๐ พนักงานราชการผู้ใดไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานตามข้อ ๑๙ให้ถือว่าสัญญาจ้างของพนักงานราชการผู้น้ันสิ้นสุดลง โดยให้ส่วนราชการแจ้งให้พนักงานราชการทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันท่ีทราบผลการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานราชการผู้นน้ั ข้อ ๒๑ ให้ส่วนราชการรายงานผลการดําเนินการจ้างพนักงานราชการ รวมท้ังปญั หาอุปสรรคหรือขอ้ เสนอแนะตอ่ คณะกรรมการภายในเดือนธนั วาคมของทุกปี หมวด ๔ วนิ ัยและการรักษาวนิ ยั ข้อ ๒๒ พนักงานราชการมีหน้าท่ีต้องปฏิบัติงานตามท่ีกําหนดในระเบียบน้ี ตามที่ส่วนราชการกําหนด และตามเง่ือนไขท่ีกําหนดไว้ในสัญญาจ้าง และมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคําส่ังของผบู้ ังคับบญั ชาซึง่ สั่งในหนา้ ทีร่ าชการโดยชอบดว้ ยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ข้อ ๒๓ พนักงานราชการต้องรักษาวินัยโดยเคร่งครัดตามท่ีกําหนดไว้เป็นข้อห้ามและข้อปฏิบตั ทิ ีส่ ว่ นราชการกําหนด พนักงานราชการผู้ใดฝ่าฝืนข้อห้ามหรือไม่ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติตามวรรคหนึ่งพนักงานราชการผนู้ ั้นเปน็ ผูก้ ระทาํ ผิดวนิ ยั จะต้องไดร้ บั โทษทางวนิ ยั ขอ้ ๒๔ การกระทาํ ความผิดดงั ต่อไปนี้ ถือว่าเป็นความผิดวินยั อยา่ งร้ายแรง (๑) กระทําความผดิ ฐานทจุ ริตตอ่ หนา้ ที่ราชการ (๒) จงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือเงื่อนไขท่ีทางราชการกาํ หนดให้ปฏบิ ตั จิ นเป็นเหตใุ ห้ทางราชการได้รบั ความเสยี หายอย่างร้ายแรง (๓) ปฏิบัติหน้าท่ีโดยประมาทเลินเล่อจนเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสยี หายอย่างรา้ ยแรง (๔) ไม่ปฏิบัติตามเง่ือนไขที่กําหนดในสัญญา หรือขัดคําส่ังหรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคําส่ังของผู้บังคับบัญชาตามข้อ ๒๒ จนเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
๑๔ (๕) ประมาทเลนิ เลอ่ จนเปน็ เหตุใหท้ างราชการไดร้ ับความเสียหายอยา่ งร้ายแรง (๖) ละทิ้งหรือทอดท้ิงการทํางานเป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่าเจ็ดวัน สําหรับตําแหนง่ ท่สี ว่ นราชการกาํ หนดวันเวลาการมาทาํ งาน (๗) ละทิ้งหรือทอดทิ้งการทํางานจนทําให้งานไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลาท่ีกําหนดจนเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง สําหรับตําแหน่งท่สี ว่ นราชการกําหนดการทํางานตามเป้าหมาย (๘) ประพฤติช่ัวอย่างร้ายแรง หรือกระทําความผิดอาญาโดยมีคําพิพากษาถึงทสี่ ดุ ใหจ้ ําคุกหรือหนกั กว่าโทษจําคกุ (๙) การกระทาํ อ่ืนใดทสี่ ว่ นราชการกาํ หนดว่าเป็นความผดิ วินัยอย่างรา้ ยแรง ข้อ ๒๕ เม่ือมีกรณีที่พนักงานราชการถูกกล่าวหาว่ากระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรงให้หัวหน้าส่วนราชการจัดให้มีคณะกรรมการสอบสวนเพ่ือดําเนินการสอบสวนโดยเร็ว และต้องให้โอกาสพนักงานราชการที่ถูกกล่าวหาช้ีแจงและแสดงพยานหลักฐานเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในกรณีที่ผลการสอบสวนปรากฏว่าพนักงานราชการผู้นั้นกระทําความผิดวินัยอย่างร้ายแรงใหห้ วั หน้าสว่ นราชการมีคําส่งั ไลอ่ อก แตถ่ ้าไมม่ ีมูลกระทาํ ความผิดให้สั่งยตุ เิ รื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการการสอบสวนพนักงานราชการ ให้เป็นไปตามที่ส่วนราชการกาํ หนด ข้อ ๒๖ ในกรณีท่ีปรากฏว่าพนักงานราชการกระทําความผิดวินัยไม่ร้ายแรงตามท่ีส่วนราชการกําหนด ให้หัวหน้าส่วนราชการสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ ตัดเงินค่าตอบแทน หรือลดข้ันเงินคา่ ตอบแทน ตามควรแกก่ รณใี หเ้ หมาะสมกับความผิด ในการพิจารณาการกระทําความผิดตามวรรคหน่ึง ให้หัวหน้าส่วนราชการพจิ ารณาสอบสวนให้ได้ความจริงและยตุ ธิ รรมตามวิธกี ารทเี่ ห็นสมควร ข้อ ๒๗ ในกรณีท่ีคณะกรรมการเห็นสมควรอาจกําหนดแนวทางการดําเนินการทางวนิ ยั แก่พนักงานราชการ เพ่อื เปน็ มาตรฐานท่ัวไปให้สว่ นราชการปฏิบตั กิ ็ได้ หมวด ๕ การสิน้ สดุ สญั ญาจ้าง ขอ้ ๒๘ สญั ญาจา้ งสนิ้ สุดลงเมอ่ื (๑) ครบกําหนดตามสญั ญาจ้าง
๑๕ (๒) พนักงานราชการขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามระเบียบนี้หรอื ตามทีส่ ่วนราชการกาํ หนด (๓) พนักงานราชการตาย (๔) ไมผ่ ่านการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านตามขอ้ ๑๙ (๕) พนักงานราชการถูกใหอ้ อก เพราะกระทาํ ความผิดวนิ ยั อย่างรา้ ยแรง (๖) เหตุอื่นตามท่ีกําหนดไว้ในระเบียบน้ีหรือตามข้อกําหนดของส่วนราชการหรอื ตามสญั ญาจา้ ง ข้อ ๒๙ ในระหว่างสัญญาจ้าง พนักงานราชการผู้ใดประสงค์จะลาออกจากการปฏบิ ัติงาน ใหย้ ื่นหนงั สือขอลาออกต่อหัวหน้าสว่ นราชการตามหลกั เกณฑ์ทสี่ ่วนราชการกาํ หนด ข้อ ๓๐ ส่วนราชการอาจบอกเลิกสัญญาจ้างกับพนักงานราชการผู้ใดก่อนครบกําหนดตามสัญญาจ้างได้ โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า และไม่เป็นเหตุที่พนักงานราชการจะเรียกร้องค่าตอบแทนการเลิกสัญญาจ้างได้ เว้นแต่ส่วนราชการจะกําหนดให้ในกรณีใดได้รับคา่ ตอบแทนการออกจากงานโดยไม่มีความผดิ ไว้ ข้อ ๓๑ เพ่ือประโยชน์แห่งทางราชการ ส่วนราชการอาจส่ังให้พนักงานราชการไปปฏิบัติงานนอกเหนือจากเง่ือนไขที่กําหนดไว้ในสัญญาจ้างได้ โดยไม่เป็นเหตุให้พนักงานราชการอ้างขอเลิกสัญญาจ้างหรือเรียกร้องประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ในการน้ีส่วนราชการอาจกําหนดให้คา่ ลว่ งเวลาหรือค่าตอบแทนอื่นจากการสงั่ ให้ไปปฏิบตั ิงานดังกล่าวก็ได้ ข้อ ๓๒ ในกรณีท่ีบุคคลใดพ้นจากการเป็นพนักงานราชการแล้ว หากในการปฏบิ ตั งิ านของบุคคลนัน้ ในระหว่างที่เป็นพนักงานราชการก่อให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนราชการให้บุคคลดังกล่าวต้องรับผิดชอบในความเสียหายดังกล่าว เว้นแต่ความเสียหายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย ในการนี้ส่วนราชการอาจหักค่าตอบแทนหรือเงินอื่นใดที่บุคคลน้ันจะได้รับจากส่วนราชการไว้เพ่ือชาํ ระค่าความเสยี หายดังกลา่ วกไ็ ด้ ข้อ ๓๓ ในกรณีท่ีคณะกรรมการเห็นสมควรอาจกําหนดแนวทางการดําเนินการเกยี่ วกับการเลิกสัญญาจา้ งตามหมวดน้ี เพอื่ เปน็ มาตรฐานทั่วไปใหส้ ว่ นราชการปฏิบัตกิ ไ็ ด้
๑๖ หมวด ๖ คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ ข้อ ๓๔ ให้มีคณะกรรมการคณะหน่ึงเรียกว่า “คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ”เรียกโดยย่อว่า “คพร.” ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีซ่ึงนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เปน็ ประธานกรรมการ เลขาธกิ ารคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เป็นรองประธานกรรมการ ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการสํานักงานประกันสังคมอัยการสูงสุด อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงการคลังผู้แทนกระทรวงแรงงาน ผู้แทนสํานักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเป็นกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒจิ ํานวนส่คี นซง่ึ ประธานกรรมการแต่งต้ังจากผู้เช่ียวชาญในสาขาการบรหิ ารงานบคุ คล กฎหมาย เศรษฐศาสตร์ และแรงงานสมั พันธ์ สาขาละหนง่ึ คน ให้ผู้แทนสํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เป็นกรรมการและเลขานุการ และผู้แทนสํานักงบประมาณและผู้แทนกรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการและผู้ชว่ ยเลขานุการ ข้อ ๓๕ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้มีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสองปี กรรมการผทู้ รงคณุ วุฒซิ ึง่ พ้นจากตาํ แหน่งอาจไดร้ บั แตง่ ต้ังอกี ได้ ข้อ ๓๖ นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระแล้ว กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพน้ จากตําแหน่ง เมื่อ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ประธานกรรมการใหอ้ อก ในกรณีที่มีการแต่งต้ังกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนตําแหน่งที่ว่างหรือแต่งตั้งเพิ่มขึ้น ให้ผู้ซ่ึงได้รับแต่งต้ังมีวาระเท่ากับวาระการดํารงตําแหน่งที่เหลืออยู่ของกรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิซง่ึ ยงั อย่ใู นตาํ แหน่ง ขอ้ ๓๗ ใหค้ ณะกรรมการมอี ํานาจหน้าท่ดี งั น้ี (๑) กําหนดแผนงานและแนวทางปฏิบัติ รวมทั้งเสนอแนะส่วนราชการในการปรับปรงุ หรอื แกไ้ ขระเบียบหรอื ประกาศเก่ยี วกับการบริหารพนักงานราชการเพ่ือให้เป็นไปตามระเบยี บน้ี
๑๗ (๒) กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการสรรหาและการเลือกสรรบุคคลเพือ่ จา้ งเป็นพนกั งานราชการ รวมท้งั แบบสัญญาจ้าง (๓) กําหนดกลุ่มงานและลักษณะงานในกลุ่มงาน และคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงานของพนักงานราชการ (๔) ใหค้ วามเหน็ ชอบกรอบอตั รากําลังพนกั งานราชการที่สว่ นราชการเสนอ (๕) กําหนดอัตราค่าตอบแทนและวางแนวทางการกําหนดสิทธิประโยชน์อื่นของพนักงานราชการ (๖) กาํ หนดมาตรฐานการประเมินผลการปฏิบตั ิงานของพนักงานราชการ (๗) ตีความและวนิ ิจฉยั ปัญหาทเ่ี กิดขึน้ จากการใชบ้ ังคบั ระเบียบนี้ (๘) แตง่ ตัง้ คณะอนุกรรมการตามทเ่ี หน็ สมควร (๙) อาํ นาจหน้าที่อน่ื ตามทกี่ าํ หนดไว้ในระเบียบน้ีหรือกฎหมายอื่น ข้อ ๓๘ ให้สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนรับผิดชอบในงานธุรการของคณะกรรมการและปฏบิ ตั ิหนา้ ที่ตามทคี่ ณะกรรมการมอบหมาย ข้อ ๓๙ ในกรณีที่เรื่องใดตามระเบียบน้ีกําหนดให้ส่วนราชการกําหนดหลักเกณฑ์หรือปฏิบัติในเร่ืองใด คณะกรรมการอาจกําหนดให้เร่ืองนั้นต้องกระทําโดย อ.ก.พ. กรมองค์การบริหารงานบุคคลอื่นของส่วนราชการ หรือให้หัวหน้าส่วนราชการแต่งตั้งคณะกรรมการเป็นผู้ดาํ เนินการกไ็ ด้ บทเฉพาะกาล ข้อ ๔๐ ในระหว่างท่ียังไม่มีคณะกรรมการตามระเบียบนี้ ให้คณะกรรมการบริหารงานลูกจ้างสัญญาจ้างตามคําสั่งคณะกรรมการกําหนดเป้าหมายและนโยบายกําลังคนภาครัฐท่ี ๓/๒๕๔๖ เร่ือง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารงานลูกจ้างสัญญาจ้าง ลงวันท่ี ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖ปฏิบัติหนา้ ทเ่ี ปน็ คณะกรรมการตามระเบยี บนี้ จนกวา่ คณะกรรมการตามระเบยี บนจ้ี ะเขา้ รับหนา้ ที่ ข้อ ๔๑ ในกรณีท่ีส่วนราชการยังจัดทํากรอบอัตรากําลังพนักงานราชการไม่แล้วเสร็จถ้ามคี วามจาํ เปน็ ต้องจา้ งพนกั งานราชการในกลุ่มงานเชี่ยวชาญพิเศษ ให้ดําเนินการจ้างไดใ้ นกรณีที่มีงบประมาณและโครงการแล้ว หรือสําหรับโครงการใหม่ โดยเสนอคณะกรรมการพิจารณาอนุมตั กิ ารจา้ ง
๑๘ ข้อ ๔๒ ในกรณีท่ีอัตราลูกจ้างประจําว่างลงและคณะกรรมการกําหนดเป้าหมายและนโยบายกําลังคนภาครัฐ กําหนดให้จ้างเป็นลูกจ้างช่ัวคราว ส่วนราชการจะดําเนินการจ้างเป็นพนักงานราชการตามระเบียบน้ีได้ต้ังแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นต้นไป หรือตามที่คณะกรรมการกาํ หนด ข้อ ๔๓ ในกรณีท่ีอัตราลูกจ้างประจําว่างลงระหว่างปี ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗ซึ่งต้องยุบเลิกตําแหน่งนั้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๔๖หากส่วนราชการยังมีความจําเป็นและไม่ใช่กรณีการจ้างเหมาบริการ ให้ขออนุมัติคณะกรรมการเพอื่ พิจารณากําหนดให้เปน็ พนกั งานราชการ ประกาศ ณ วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ พันตาํ รวจโท (ทักษณิ ชนิ วัตร) นายกรัฐมนตรี
๑๙ คาํ อธบิ าย ระเบียบสํานกั นายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนกั งานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ----------------------------------- ระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นเคร่ืองมือสําคัญในการบริหารระบบพนักงานราชการ ที่สอดคล้องกับแนวทางการบริหารภาครัฐแนวใหม่และหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยเน้นความยืดหยุ่น คล่องตัวกระจายอาํ นาจการบริหารจดั การใหส้ ว่ นราชการ และมเี จ้าภาพทช่ี ดั เจน หมวดท่ี ๑ มสี าระสําคญั คอื - การกาํ หนดพนักงานราชการเป็น ๒ ประเภท คือ ๑) พนักงานราชการทั่วไป ได้แก่ พนักงานราชการที่ปฏิบัติงานประจําท่ัวไปในด้านงานบรกิ าร งานเทคนิค งานบรหิ ารท่วั ไป งานวิชาชีพเฉพาะ และงานเชยี่ วชาญเฉพาะ และ ๒) พนักงานราชการพิเศษ ได้แก่ พนักงานราชการซ่ึงปฏิบัติงานที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญสูงมากเป็นพิเศษ ในงานที่มีความสําคัญ หรือมีความจําเป็นต้องใช้บคุ คลในลกั ษณะดังกล่าว - การจําแนกกลมุ่ งานตามลักษณะงาน และผลผลิตของงานเป็น ๖ กลมุ่ คือ ๑) กลมุ่ งานบริการ ๒) กลุ่มงานเทคนิค ๓) กลมุ่ งานบรหิ ารทัว่ ไป ๔) กลุ่มงานวชิ าชีพเฉพาะ ๕) กลุ่มงานเชยี่ วชาญเฉพาะ และ ๖) กล่มุ งานเชีย่ วชาญพเิ ศษ - การกําหนดคุณสมบัติสําหรับผู้ที่จะได้รับการว่าจ้างเป็นพนักงานราชการเช่น มีอายุไมต่ ่ํากว่า ๑๘ ปี ไม่เป็นบคุ คลลม้ ละลาย เปน็ ต้น - การกําหนดให้ส่วนราชการต้องจัดทํากรอบอัตรากําลังเป็นระยะเวลา ๔ ปีตามแนวทางการจัดทํากรอบอัตรากําลังพนักงานราชการท่ีคณะกรรมการกําหนดและขอความเห็นชอบผ่าน อ.ก.พ. กระทรวง และคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการตามลําดบั
๒๐ - การกําหนดการสรรหาและเลือกสรรพนักงานราชการ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการทคี่ ณะกรรมการบรหิ ารพนักงานราชการกําหนดข้ึน - การกําหนดการจ้างพนักงานราชการ ให้ทําสัญญาจ้างสูงสุดได้คราวละไม่เกิน ๔ ปี หรือตามแผน/โครงการท่ีกําหนดเวลาเร่ิมต้นและส้ินสุดไว้ ตามแบบสัญญาจ้างท่ีคณะกรรมการกําหนด และอาจต่อสัญญาจ้างได้ตามความเหมาะสมและจําเป็นของสว่ นราชการ - การกําหนดเครอื่ งแบบพิธีการ ให้เปน็ ตามทคี่ ณะกรรมการกาํ หนด หมวดที่ ๒ มีสาระสําคัญในเร่ืองค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ โดยพนักงานราชการจะได้รับอัตราค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการประกาศกาํ หนด และมหี น้าที่ตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายว่าดว้ ยประกนั สงั คม หมวดท่ี ๓ มีสาระสําคัญในเรื่องการประเมินผลการปฏิบัติงาน โดยค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร บ ริ ห า ร พ นั ก ง า น ร า ช ก า ร จ ะ เ ป็ น ผู้ กํ า ห น ด แ น ว ท า ง ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ลการปฏิบตั งิ านเพอ่ื เปน็ มาตรฐานทว่ั ไปใหส้ ่วนราชการถือปฏิบัติ หมวดที่ ๔ มีสาระสําคัญในเรื่องวินัยและการรักษาวินัย โดยระเบียบฯได้กําหนดกรณีการกระทําผิดวินัยร้ายแรงไว้ ประกอบด้วย การทุจริตต่อหน้าที่ การจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบของทางราชการหรือคําสั่งของผู้บังคับบัญชา หรือการประมาทเลนิ เล่อ หรือการไม่ปฏบิ ตั ิตามเงอ่ื นไขทก่ี าํ หนดในสญั ญา หรือการประพฤติชั่ว หรือการละทิ้งหน้าท่ีจนทําให้งานไม่แล้วเสร็จตามที่กําหนด จนเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ตลอดจนการละท้ิงหน้าท่ีติดต่อกันเกิน ๗ วัน และกรณีการกระทําผิดวินัยไมร่ ้ายแรงให้สว่ นราชการกําหนด หมวดท่ี ๕ มีสาระสําคัญในเร่ืองการสิ้นสุดสัญญาจ้างท่ีกําหนดลักษณะของการสิ้นสุดสัญญาจ้างไว้ เช่น ครบกําหนดตามสัญญา เสียชีวิต ไม่ผ่านการประเมินผลการปฏบิ ัติงาน กระทาํ ผดิ วนิ ยั หรือขาดคณุ สมบตั ิ เปน็ ต้น
๒๑ หมวดที่ ๖ มีสาระสําคัญในเร่ืองขององค์ประกอบ และอํานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ หรือเรียกโดยย่อว่า “คพร.” ประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีท่ีนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน เลขาธิการ ก.พ.เป็นรองประธาน ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการสํานักงานประกนั สงั คม อัยการสงู สุด อธบิ ดีกรมบัญชีกลาง ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงการคลังผแู้ ทนกระทรวงแรงงาน ผู้แทนสํานักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นและผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารงานบุคคล กฎหมาย เศรษฐศาสตร์และแรงงานสัมพันธ์รวม ๔ ท่าน เป็นกรรมการ โดยมีผู้แทนของสํานักงาน ก.พ. เป็นกรรมการและเลขานุการและผแู้ ทนสํานกั งบประมาณและผู้แทนกรมบญั ชกี ลาง เป็นกรรมการและผชู้ ่วยเลขานุการ ส่วนอํานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการประกอบด้วย การกําหนดแผนงานและแนวปฏิบัติในเร่ืองต่างๆ ตามท่ีระเบียบฯ กําหนด การให้ความเห็นชอบกรอบอัตรากําลังข้อเสนอแนะส่วนราชการในการปรับปรุงหรือแก้ไขระเบียบหรือประกาศเกี่ยวกับการบริหารพนักงานราชการ การตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นจากใช้ระเบียบฯ รวมถึงการแต่งต้ังคณะอนุกรรมการตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ โดยมีสํานักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานท่ีรับผิดชอบงานธรุ การของคณะกรรมการชุดดงั กล่าว บทเฉพาะกาล มีสาระสําคัญในการกําหนดกรณีต่างๆ ที่เอ้ือให้ส่วนราชการสามารถจ้างพนักงานราชการได้ทันทีในปีนี้ (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗) เช่น กรณีท่ีส่วนราชการสามารถจ้างบุคคลในกลุ่มเชี่ยวชาญพิเศษได้ถ้ามีงบประมาณแล้ว ในกรณีที่อัตราลูกจ้างประจําว่างลงและคณะกรรมการกําหนดเป้าหมายและนโยบายกําลังคนภาครัฐกําหนดให้จ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราว ส่วนราชการสามารถดําเนินการจ้างเป็นพนักงานราชการตามระเบยี บนีไ้ ดต้ ามที่คณะกรรมการกาํ หนด เปน็ ต้น
สว่ นท่ี ๓
๒๓ ประกาศคณะกรรมการบริหารพนกั งานราชการ เรือ่ ง การกําหนดลกั ษณะงานและคณุ สมบตั ิเฉพาะของกลุ่มงาน และการจดั ทํากรอบอัตรากาํ ลงั พนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อให้การกําหนดลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงานและการจัดทํากรอบอัตรากําลังพนักงานราชการเป็นระบบและมาตรฐาน สําหรับการดําเนินการในกระบวนการบริหารงานบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การกําหนดตําแหน่ง การกําหนดค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ การสรรหาและเลือกสรร และการประเมินผลการปฏิบัติงานรวมท้ังเป็นแนวทางปฏิบัติในการกําหนดชื่อตําแหน่งให้สอดคล้องตามความจําเป็นของภารกิจและยทุ ธศาสตร์ของส่วนราชการ อาศัยอํานาจตามความในข้อ ๗ วรรคสาม ข้อ ๘ วรรคสาม และข้อ ๙ วรรคหน่ึงของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการจึงกําหนดลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงาน และการจัดทํากรอบอตั รากาํ ลังพนักงานราชการไวด้ งั ตอ่ ไปน้ี ข้อ ๑ ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการเรื่อง การกําหนดลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงาน และการจัดทํากรอบอตั รากาํ ลงั พนกั งานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๔” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เร่ืองการกําหนดลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงาน และการจัดทํากรอบอัตรากําลังพนกั งานราชการ ลงวนั ท่ี ๕ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๔๗
๒๔ ส่วนท่ี ๑ การกาํ หนดลกั ษณะงานและคณุ สมบตั ิเฉพาะของกล่มุ งาน ข้อ ๓ ในการกําหนดตําแหน่งพนักงานราชการ ให้ส่วนราชการพิจารณากําหนดตามประเภทและลักษณะงานตามกลุ่มงานของพนักงานราชการ ซ่ึงมิใช่เป็นงานที่สามารถจ้างเหมาบริการได้ ตามท่ีกระทรวงการคลังกําหนด โดยคํานึงถึงอํานาจหน้าท่ีและภารกจิ ของสว่ นราชการผูว้ า่ จา้ ง ขอ้ ๔ ใหม้ ีกล่มุ งานตามประเภทของพนกั งานราชการ ดงั น้ี (๑) พนักงานราชการประเภททว่ั ไป ได้แก่ พนกั งานราชการในกลุม่ งานบริการกลุ่มงานเทคนิค กลุม่ งานบริหารทั่วไป กลุม่ งานวชิ าชีพเฉพาะ และกลุ่มงานเชีย่ วชาญเฉพาะ (๒) พนักงานราชการประเภทพิเศษ ได้แก่ พนักงานราชการในกลุ่มงานเชยี่ วชาญพิเศษ ข้อ ๕ กลุ่มงานบริการ มลี ักษณะงานและคณุ สมบตั เิ ฉพาะของกลมุ่ งาน ดังนี้ (๑) ลักษณะงานของกลุ่มงานบริการ เป็นงานทีม่ ีลักษณะดงั ตอ่ ไปนี้ (ก) เป็นงานปฏิบัติระดับต้นที่ไม่สลับซับซ้อน หรือมีการกําหนดขน้ั ตอนการปฏิบัติงานไวช้ ัดเจนและไม่ต้องใชท้ ักษะเฉพาะดา้ น (ข) มีการใช้เคร่อื งมอื เครื่องใช้ตามลักษณะงาน (ค) มกี ารแก้ไขปญั หาและการตดั สนิ ใจในระดับทีไ่ ม่ยุง่ ยาก (๒) คณุ สมบัตเิ ฉพาะสาํ หรับกลุม่ งานบรกิ าร กาํ หนดคณุ วุฒิดงั ตอ่ ไปน้ี (ก) คุณวุฒิประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนต้น หรือประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทยี บไดใ้ นระดบั เดียวกัน หรอื (ข) คุณวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค (ปวท.) หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบได้ในระดับเดยี วกัน ในสาขาวิชาที่เหมาะสมกับลักษณะงานท่ปี ฏิบัติ
๒๕ ข้อ ๖ กลุ่มงานเทคนิค จําแนกตามลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลมุ่ งาน ดงั น้ี (๑) กลมุ่ งานเทคนคิ ท่วั ไป (๑.๑) ลักษณะงานของกลุ่มงานเทคนิคท่ัวไป เป็นงานท่ีมีลักษณะดังต่อไปน้ี (ก) เป็นงานท่ีปฏิบัติโดยใช้ความรู้ความชํานาญทางเทคนิคซ่ึงต้องผ่านการศึกษาในระบบการศึกษาในสาขาวิชาที่ตรงตามลักษณะงานที่ปฏิบัติ หรือเป็นงานท่ีปฏิบัติโดยใช้ทักษะเฉพาะของบุคคล ซ่ึงมิได้ผ่านการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาใดเป็นการเฉพาะ (ข) มกี ารใชเ้ คร่อื งมอื เคร่อื งใช้ตามลกั ษณะงาน (ค) มีการแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจที่ต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคหรอื ทักษะเฉพาะของบุคคลในสาขานั้นๆ (๑.๒) คุณสมบัติเฉพาะสําหรับกลุ่มงานเทคนิคท่ัวไป กําหนดคุณสมบัตดิ ังตอ่ ไปน้ี ( ก ) คุ ณ วุ ฒิ ป ร ะ ก า ศ นี ย บั ต ร วิ ช า ชี พ ( ป ว ช . ) ห รื อประกาศนยี บัตรวชิ าชีพเทคนิค (ปวท.) หรือประกาศนยี บัตรวชิ าชพี ชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบได้ในระดบั เดยี วกัน ในสาขาที่เหมาะสมกบั ลักษณะงานที่ปฏบิ ตั ิ หรือ (ข) ในกรณีที่เป็นงานท่ีต้องใช้ทักษะเฉพาะของบุคคลซ่ึงมิได้ผ่านการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาใดเป็นการเฉพาะ ผู้น้ันจะต้องมีความรู้ความสามารถ และทักษะในงานทจ่ี ะปฏบิ ัติไมน่ อ้ ยกว่า ๕ ปี (๒) กลมุ่ งานเทคนคิ พเิ ศษ (๒.๑) ลักษณะงานของกลุ่มงานเทคนิคพิเศษ เป็นงานที่มีลักษณะดงั ตอ่ ไปน้ี (ก) เป็นงานท่ีต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัว ทักษะพิเศษประสบการณ์ และความชํานาญงานในการปฏิบัติงาน ซ่ึงต้องผ่านการศึกษาในระบบการศึกษาในสาขาวิชาทตี่ รงตามลักษณะงานที่ปฏิบัติ หรือเป็นงานท่ีปฏิบัติโดยใช้ทักษะเฉพาะของบุคคลในระดบั สงู แตม่ ิไดผ้ ่านการเรียนการสอนในสถาบนั การศึกษาใดเปน็ การเฉพาะ (ข) มีการใชเ้ คร่อื งมือเครอ่ื งใช้ตามลกั ษณะงาน
๒๖ (ค) มีการแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจท่ีต้องใช้ความรู้ทางเทคนคิ หรอื ทกั ษะเฉพาะของบคุ คลในสาขานัน้ ๆ ด้วยความชาํ นาญ (๒.๒) คุณสมบัติเฉพาะสําหรับกลุ่มงานเทคนิคพิเศษ กําหนดคณุ สมบัติ ดังต่อไปนี้ (ก) คุณวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเทียบได้ในระดบั เดยี วกัน ในสาขาที่เหมาะสมกับลักษณะงานท่ีปฏิบัติ และต้องมีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ในงานท่ีปฏบิ ตั ิไม่น้อยกว่า ๑๒ ปี หรือ (ข) คณุ วฒุ ปิ ระกาศนยี บตั รวชิ าชีพเทคนิค (ปวท.) หรือเทียบได้ในระดบั เดียวกัน ในสาขาที่เหมาะสมกับลักษณะงานที่ปฏิบัติ และต้องมีความรู้ ความสามารถและประสบการณใ์ นงานทีป่ ฏิบัตไิ ม่นอ้ ยกว่า ๑๑ ปี หรือ (ค) คุณวุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบได้ในระดบั เดียวกนั ในสาขาที่เหมาะสมกับลักษณะงานที่ปฏิบัติ และต้องมีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ในงานท่ีปฏิบตั ไิ มน่ ้อยกว่า ๑๐ ปี หรือ (ง) คุณวุฒิปริญญาตรี หรือเทียบได้ในระดับเดียวกัน ในสาขาทีเ่ หมาะสมกับลักษณะงานที่ปฏิบัติ และต้องมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในงานท่ีปฏิบัติไมน่ ้อยกวา่ ๘ ปี หรอื (จ) ในกรณีท่ีเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะของบุคคลซึ่งมิได้ผ่านการเรียนการสอนในสถาบันการศึกษาใดเป็นการเฉพาะ ผู้นั้นจะต้องมีความรู้ความสามารถ และทักษะความชํานาญในงานทจี่ ะปฏบิ ัติไมน่ ้อยกวา่ ๑๒ ปี ข้อ ๗ ทักษะเฉพาะบุคคลที่กําหนดเป็นคุณสมบัติเฉพาะในข้อ ๖ (๑.๒) (ข)และ ข้อ ๖ (๒.๒) (จ) จะต้องสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความมีทักษะในงานน้ันๆ โดยมีหนังสือรับรองการทํางานจากนายจ้างหรือหน่วยงานซ่ึงระบุถึงลักษณะงานท่ีได้ปฏิบัติ หรือมีการทดสอบทักษะเฉพาะบุคคลดว้ ยการทดลองปฏิบัติ ข้อ ๘ กลุ่มงานบริหารทั่วไป มีลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงานดังนี้ (๑) ลักษณะงานของกลมุ่ งานบริหารทวั่ ไป เป็นงานท่ีมลี กั ษณะดังต่อไปน้ี
๒๗ (ก) เป็นงานในลักษณะเช่นเดียวกับท่ีข้าราชการปฏิบัติซึ่งเป็นภารกิจหลักหรือเป็นงานตามนโยบายสําคัญของรัฐบาล หรือเป็นงานท่ีมีความจําเป็นเรง่ ดว่ น โดยมรี ะยะเวลาเรม่ิ ต้นและส้ินสุดแนน่ อน หรอื (ข) เป็นงานท่ีไม่ใช่ลักษณะเช่นเดียวกับที่ข้าราชการปฏิบัติแตจ่ าํ เป็นตอ้ งใชผ้ ้ปู ฏิบัติทม่ี ีความรู้ระดับปรญิ ญา (๒) คุณสมบัติเฉพาะสําหรับกลุ่มงานบริหารทั่วไป กําหนดคุณวุฒิไมต่ ่ํากว่าปรญิ ญาตรใี นสาขาวชิ าทีเ่ หมาะสมกบั ลักษณะงานทีป่ ฏิบัติขอ้ ๙ กลุม่ งานวชิ าชพี เฉพาะ มลี กั ษณะงานและคณุ สมบัติเฉพาะของกลุ่มงาน ดงั นี้ (๑) ลักษณะงานของกลมุ่ งานวชิ าชีพเฉพาะ เป็นงานท่มี ลี กั ษณะดังต่อไปน้ี (ก) เป็นงานวิชาชีพที่ต้องปฏิบัติโดยผู้สําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาที่ไม่อาจมอบหมายให้ผู้มีคุณวุฒิอย่างอื่นปฏิบัติงานแทนได้ และเป็นงานที่มีผลกระทบต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด โดยมีองค์กรตามกฎหมายทําหน้าท่ีตรวจสอบ กลั่นกรอง และรับรองการประกอบวิชาชีพ รวมท้ังลงโทษผูก้ ระทาํ ผดิ กฎหมายเก่ยี วกับการประกอบวชิ าชีพดังกล่าว หรอื (ข) เป็นงานวิชาชีพท่ีต้องปฏิบัติโดยผู้สําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาท่ไี มอ่ าจมอบหมายให้ผู้มคี ุณวฒุ อิ ยา่ งอื่นปฏิบัติงานแทนได้ และเป็นงานท่ีมีผลกระทบต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งเป็นงานท่ีขาดแคลนกําลังคนในภาคราชการ หรือ (ค) เป็นงานวิชาชีพที่ต้องปฏิบัติโดยผู้สําเร็จการศึกษาในระดับปริญญาที่ไม่อาจมอบหมายให้ผู้มีคุณวุฒิอย่างอื่นปฏิบัติงานแทนได้ และเป็นงานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีลักษณะในเชิงวิจัยและพัฒนา อีกทั้งเป็นงานที่ขาดแคลนกาํ ลังคนในภาคราชการ (๒) คุณสมบัติเฉพาะสําหรับกลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ กําหนดคุณสมบัติดงั ต่อไปนี้ (ก) คุณวุฒิไม่ต่ํากว่าปริญญาตรี และได้รับใบอนุญาตประกอบวชิ าชีพเฉพาะ หรือ
๒๘ (ข) คุณวุฒิไม่ต่ํากว่าปริญญาตรี และได้รับประกาศนียบัตรหรือหนังสือรบั รองความรใู้ นสาขาวิชาชพี เฉพาะในระดับที่สงู กวา่ ปริญญาตรี หรอื (ค) คุณวฒุ ิไม่ต่าํ กวา่ ปรญิ ญาตรี ข้อ ๑๐ กล่มุ งานเชย่ี วชาญเฉพาะ มีลักษณะงานและคุณสมบตั เิ ฉพาะของกลุม่ งาน ดงั น้ี (๑) ลกั ษณะงานของกลมุ่ งานเช่ียวชาญเฉพาะ เปน็ งานท่มี ีลักษณะดงั ตอ่ ไปนี้ (ก) เป็นงานที่ปฏิบัติโดยอาศัยพื้นฐานความรู้ ประสบการณ์ การฝึกฝนทฤษฎี หลักวิชาการที่เก่ียวข้องกับงาน หรือภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือเป็นงานเชิงพัฒนาระบบหรือมาตรฐานของงานทต่ี ้องใชค้ วามรู้ ความสามารถ และประสบการณ์เช่ยี วชาญเฉพาะดา้ นนัน้ ๆ และ (ข) มกี ารใชเ้ คร่ืองมือเครอื่ งใชท้ ่ีเกยี่ วขอ้ งในบางลกั ษณะงาน และ (ค) เป็นงานหรือโครงการที่มีภารกิจหรือเป้าหมายชัดเจน และมีกําหนดระยะเวลาส้นิ สุดแน่นอน โดยได้รับอนุมัตจิ ากหวั หน้าสว่ นราชการให้ดําเนินการได้ และได้รับจัดสรรงบประมาณ และ (ง) เป็นงานหรอื โครงการที่ไมอ่ าจหาผู้ปฏิบัติทีเ่ หมาะสมในหนว่ ยงานได้ (๒) คุณสมบัติเฉพาะสําหรับกลุ่มงานเชี่ยวชาญเฉพาะ กําหนดคุณสมบัติดงั ตอ่ ไปน้ี (ก) คุณวุฒิไม่ต่ํากว่าปริญญาตรี และมีประสบการณ์ในงานที่จะปฏิบัติเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๕ ปี สําหรับวุฒิปริญญาตรี ๑๒ ปี สําหรับวุฒิปริญญาโท และ ๑๐ ปีสาํ หรบั วฒุ ปิ รญิ ญาเอก หรือ (ข) คุณวุฒิไม่ตํ่ากว่าปริญญาตรี และได้รับประกาศนียบัตรในสาขาที่ตรงกับความจําเป็นของลักษณะงาน โดยจะต้องมีประสบการณ์ในงานที่จะปฏิบัติเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๕ ปี สําหรับวุฒิปริญญาตรี ๑๒ ปี สําหรับวุฒิปริญญาโท และ ๑๐ ปี สําหรับวุฒิปรญิ ญาเอก หรอื (ค) มีประสบการณ์ในงานท่ีจะปฏิบัติเป็นเวลาไม่ต่ํากว่า ๑๕ ปี และมีผลงานเปน็ ที่ยอมรบั ในวงการน้ัน
๒๙ ข้อ ๑๑ ประสบการณ์ท่ีกําหนดเป็นคุณสมบัติเฉพาะในข้อ ๑๐ (๒) (ก) (ข)และ (ค) จะต้องสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความมีทักษะ ผลงาน ผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นที่ประจักษ์ และประสบการณ์ในงานนั้นๆ โดยมีหนังสือรับรองการทํางานจากนายจ้างหรือหนว่ ยงานซ่งึ ระบถุ ึงลกั ษณะงานที่ได้ปฏิบัติ หรือมีการทดสอบความชํานาญหรือความเช่ียวชาญในงานท่ีจะปฏิบัติ หรือมีผลงานซึ่งแสดงถึงความมีประสบการณ์ในลักษณะงานที่จะปฏิบัติอย่างนอ้ ย ๒ ชนิ้ ทง้ั น้ี ตามทส่ี ่วนราชการกําหนด ข้อ ๑๒ กลมุ่ งานเช่ยี วชาญพเิ ศษ มีลักษณะงานและคณุ สมบตั ิเฉพาะของกลมุ่ งาน ดงั นี้ (๑) ลักษณะงานของกลุ่มงานเชี่ยวชาญพิเศษ เป็นงานท่ีมีลักษณะดงั ตอ่ ไปน้ี (ก) เป็นงานที่ต้องปฏิบัติโดยบุคคลท่ีมีความรู้ ความสามารถประสบการณ์ และความเช่ียวชาญเป็นพิเศษในสาขาวิชาท่ีเกี่ยวข้องกับงานหรือโครงการซ่ึงเป็นทีย่ อมรับในวงการด้านน้นั ๆ และ (ข) เป็นงานหรือโครงการท่ีมีภารกิจหรือเป้าหมายชัดเจน และมีกําหนดระยะเวลาส้ินสุดแน่นอน โดยได้รับอนุมัติจากหัวหน้าส่วนราชการให้ดําเนินการได้ภายในวงเงินงบประมาณทีไ่ ด้รับจดั สรร และ (ค) เป็นงานหรือโครงการท่ีมีความสําคัญ เร่งด่วน ท่ีต้องดําเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และ (ง) เป็นงานหรือโครงการที่ไม่อาจหาผู้ปฏิบัติที่เหมาะสมในหน่วยงานได้ (๒) คุณสมบัติเฉพาะสําหรับกลุ่มงานเชี่ยวชาญพิเศษ ให้ส่วนราชการพิจารณากําหนดจากคุณวุฒิการศึกษา ประสบการณ์ และผลงานความเช่ียวชาญพิเศษตามความต้องการของงานหรือโครงการ ตามรายละเอยี ดทแ่ี นบท้ายประกาศนี้ ข้อ ๑๓ คุณสมบัติเฉพาะสําหรับกลุ่มงานทั้ง ๖ กลุ่มในส่วนท่ีเกี่ยวกับคุณวุฒิการศึกษาต้องเปน็ คุณวฒุ ิที่ ก.พ. พจิ ารณารบั รองแล้ว
๓๐ ข้อ ๑๔ สําหรับกลุ่มงานที่ไม่ได้กําหนดประสบการณ์ไว้เป็นคุณสมบัติเฉพาะแต่ส่วนราชการพิจารณาแล้วเห็นว่า ตําแหน่งในกลุ่มงานนั้นสมควรสรรหาและเลือกสรรจากผู้มีประสบการณ์ในงานท่ีจะปฏิบัติ ส่วนราชการนั้นอาจกําหนดเป็นคุณสมบัติเฉพาะสําหรับตําแหน่งได้ ท้ังน้ี จะต้องสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความมีประสบการณ์ของบุคคลนั้นโดยมีหนังสือรับรองการทํางานจากนายจ้างหรือหน่วยงานซึ่งระบุถึงลักษณะงานท่ีได้ปฏิบัติหรอื วิธีการอ่ืนใดทเ่ี หมาะสมกับลักษณะงานทจ่ี ะปฏิบตั ิ ข้อ ๑๕ การกําหนดคุณสมบัติเฉพาะเกี่ยวกับอายุขั้นสูงของผู้สมัครเข้ารับการสรรหาและเลือกสรร สําหรับกลุ่มงานทั้ง ๖ กลุ่ม ส่วนราชการอาจกําหนดได้ตามความเหมาะสมของลักษณะงาน และอาจโดยพจิ ารณาตามแนวทางดังนี้ (๑) ลักษณะงานที่ต้องใช้ความพร้อมทางสมรรถภาพร่างกาย หรือท่เี สี่ยงอันตราย ตรากตราํ หรอื มีผลเสียตอ่ สุขภาพ อาจกําหนดใหจ้ า้ งผ้ทู อ่ี ายุไม่เกนิ ๕๐ ปี (๒) ลักษณะงานทั่วไป ท่ีมิใช่กรณีตาม (๑) อาจกําหนดให้จ้างผู้ที่อายุไมเ่ กนิ ๖๐ ปี ได้ (๓) ลักษณะงานท่ีต้องใช้ความรู้ ความเช่ียวชาญ และประสบการณ์ท่ีสั่งสมมาเป็นเวลานาน ซึ่งไม่อาจหาได้โดยท่ัวไปหรือมีความขาดแคลนและเป็นท่ีต้องการของสว่ นราชการ อาจกําหนดอายขุ นั้ สงู เกินกว่า ๖๐ ปีได้ สว่ นท่ี ๒ การจดั ทาํ กรอบอัตรากําลงั พนกั งานราชการ ----------------------------- ข้อ ๑๖ การกําหนดจํานวนพนักงานราชการตามกลุ่มงาน ให้ส่วนราชการจัดทําเป็นกรอบอัตรากําลัง โดยพิจารณาถึงการใช้กําลังคนในภาพรวมของส่วนราชการให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับความจําเป็นตามภารกิจ ยุทธศาสตร์ แผนงาน โครงการของส่วนราชการ และให้ อ.ก.พ. กระทรวง หรือองค์กรที่เรียกชื่ออย่างอ่ืนท่ีทําหน้าที่เหมือนกับ อ.ก.พ. กระทรวง พิจารณาให้ความเห็นชอบกรอบอัตรากําลังดังกล่าว ก่อนเสนอคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการอนุมัติ
๓๑ ข้อ ๑๗ ในกรณีที่ส่วนราชการใดจําเป็นต้องจ้างพนักงานราชการนอกเหนือจากกรอบอัตรากําลังพนักงานราชการท่ีได้กําหนดไว้ เพ่ือปฏิบัติงานที่มีความจําเป็นเร่งด่วนตามนโยบายสําคญั ของรัฐบาล หรือมติคณะรัฐมนตรีได้ส่ังการให้ดําเนินการตามที่กําหนดไว้ในกฎหมาย และมีงบประมาณสําหรับการดําเนินการแล้ว ถ้าไม่ดําเนินการจะทําให้เกิดผลเสียหาย ให้ส่วนราชการน้ันดําเนินการจัดทําคําขอกรอบอัตรากําลังพนักงานราชการเพ่ิมเติมไดต้ ามข้อ ๑๖ ข้อ ๑๘ ให้กระทรวงจัดส่งสําเนากรอบอัตรากําลังพนักงานราชการท่ีคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการเห็นชอบแล้วให้หน่วยงานกลางที่เก่ียวข้อง ได้แก่สํานกั งบประมาณ และกรมบัญชกี ลาง เพ่อื ดําเนินการต่อไป ข้อ ๑๙ ให้ส่วนราชการรายงานผลการดําเนินการบริหารงานพนักงานราชการใหค้ ณะกรรมการบรหิ ารพนักงานราชการทราบ ภายในเดือนธนั วาคมของทุกปี บทเฉพาะกาล ข้อ ๒๐ พนักงานราชการผู้ใดปฏิบัติงานอยู่ในกลุ่มงานใด ประเภทใด ในวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้พนักงานราชการผู้นั้นยังคงปฏิบัติงานในกลุ่มงานนั้น ประเภทน้ัน ต่อไปจนกว่าจะพน้ จากการเป็นพนักงานราชการ โดยใหไ้ ดร้ ับค่าตอบแทนเร่ิมแรกตามท่ไี ด้รับอยู่เดิมในวันทป่ี ระกาศนี้ใช้บงั คับ หากพนักงานราชการผู้ใดตามวรรคหน่ึงมีคุณสมบัติเฉพาะสําหรับกลุ่มงานหรือประเภทงานตามที่กําหนดไว้ในประกาศนี้ ให้ส่วนราชการดําเนินการจัดให้พนักงานราชการผู้นั้นลงและปฏิบัติงานในกลุ่มงานหรือประเภทงานตามคุณสมบัติเฉพาะในประกาศน้ี แล้วให้ได้รับค่าตอบแทนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราท่ีคณะกรรมการประกาศกําหนด ในการพิจารณาเพ่ือเล่ือนค่าตอบแทนของพนักงานราชการตามวรรคหนึ่งให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารทคี่ ณะกรรมการประกาศกําหนด
๓๒ ข้อ ๒๑ ในกรณีที่ส่วนราชการใดมีภารกิจท่ีจําเป็นต้องจ้างพนักงานราชการเพ่ือปฏิบัติงาน และมีงบประมาณจากการที่อัตราลูกจ้างประจําว่างลงระหว่างปี เกษียณ ตายหรือลาออก ให้ส่วนราชการนั้นดําเนินการจ้างพนักงานราชการได้ โดยให้ถือกรอบอัตรากําลังลูกจ้างประจําท่ีคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการอนุมัติ เป็นกรอบอัตรากําลังพนักงานราชการ ทั้งน้ี ให้หักจํานวนตําแหน่งท่ีสามารถใช้การจ้างเหมาบริการได้ออกก่อนและให้รายงานคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการทราบภายใน ๓๐ วัน หลังจากทไี่ ด้ทําสัญญาจ้างแล้ว ทง้ั น้ี ตัง้ แต่ วนั ท่ี ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ เปน็ ตน้ ไป ประกาศ ณ วันท่ี ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) รฐั มนตรีประจําสํานักนายกรฐั มนตรี ประธานกรรมการบรหิ ารพนกั งานราชการ
๓๓ คุณสมบตั เิ ฉพาะสาํ หรบั กลมุ่ งานเช่ยี วชาญพิเศษระดับความเชยี่ วชาญ วฒุ กิ ารศกึ ษา ประสบการณ์ ผลงาน พิเศษ ดา้ นทเ่ี กยี่ วขอ้ ง๑. ระดับสากล สําเรจ็ การศกึ ษาจาก เป็นทีย่ อมรับในวงการ มีผลงานท่ีเกี่ยวขอ้ งกับงาน/(World Class) สถาบนั การศึกษา วชิ าการในระดับสากล โครงการในระดับสากลชาวตา่ งประเทศ หรอื ชน้ั นาํ ของต่างประเทศ ไม่นอ้ ยกว่า ๑๐ ปี และ อยา่ งน้อย ๕ ชน้ิชาวไทย ในสาขาวิชาท่ีเก่ียวขอ้ ง มีความเชย่ี วชาญรอบรู้ กบั งาน/โครงการท่จี ะ ในสาขาวชิ าอื่น ๆ ทเ่ี ป็น ปฏิบตั ิ ประโยชนต์ ่องาน๒. ระดบั ประเทศ สําเรจ็ การศึกษาจาก เปน็ ท่ยี อมรบั ในวงการ มีผลงานท่ีเก่ียวขอ้ งกับงาน/ สถาบันการศึกษา วชิ าการดา้ นที่เก่ยี วขอ้ ง โครงการในระดบั ประเทศ ช้ันนาํ ของต่างประเทศ ในระดับประเทศ อยา่ งน้อย หรือในประเทศใน ไม่นอ้ ยกวา่ ๑๐ ปี และ ๕ ชนิ้ สาขาวชิ าท่เี กยี่ วขอ้ งกบั มีความเช่ยี วชาญรอบรู้ งาน/โครงการทจ่ี ะ ในสาขาวิชาอื่น ๆ ท่เี ป็น ปฏิบตั ิ ประโยชน์ต่องาน๓. ระดบั ท่ัวไป สาํ เรจ็ การศกึ ษาจาก เปน็ ทย่ี อมรบั ในวงการ มผี ลงานทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับงาน/ สถาบนั การศกึ ษา วิชาการดา้ นท่เี กยี่ วขอ้ ง โครงการในระดับประเทศ ชนั้ นาํ ของต่างประเทศ ๕–๑๐ ปี อย่างนอ้ ย หรอื ในประเทศ ใน ๓ ช้ิน สาขาวิชาท่ีเกี่ยวข้องกับ งาน/โครงการท่ีจะ ปฏบิ ัติแนบท้ายประกาศคณะกรรมการฯ เรื่อง การกําหนดลกั ษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงานและการจัดทํากรอบอตั รากําลงั พนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๔ ลงวนั ท่ี ๒๘ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๕๔
๓๕ คําอธบิ าย ประกาศคณะกรรมการบรหิ ารพนกั งานราชการ เรอ่ื ง การกําหนดลกั ษณะงานและคุณสมบตั ิเฉพาะของกลุ่มงาน และการจัดทํากรอบอัตรากําลงั พนกั งานราชการ พ.ศ. ๒๕๕๔ --------------------------------------------------------------- ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เร่ือง การกําหนดลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงานและการจัดทํากรอบอัตรากําลังพนักงานราชการ กําหนดข้ึนตามข้อ ๗ วรรคสาม ข้อ ๘ วรรคสาม และข้อ ๙ แห่งระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗แนวคดิ ประกาศคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ เร่ือง การกําหนดลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงานและการจัดทํากรอบอัตรากําลังพนักงานราชการ ได้กําหนดขึ้นจากพื้นฐานแนวความคิด ดังต่อไปน้ี ๑) การจัดกลุ่มภารกิจตามลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละกลุ่มงาน ให้มีจํานวนท่ีเหมาะสม เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาการบริหารอัตรากําลังลูกจ้างประจําเดิมท่ีมีหลากหลายสายงาน แต่ปฏิบัติงานได้เฉพาะเจาะจง เป็นเหลือกลุ่มงานที่ชัดเจนเพียง ๖ กลุ่มงานโดยพนกั งานราชการแตล่ ะตาํ แหนง่ จะสามารถปฏิบัตงิ านได้หลากหลายมากข้ึน ๒) การมอบอํานาจให้ส่วนราชการบริหารจัดการกําลังคนได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ ตามความจําเป็นของภารกิจท่ีมีท้ังงานประจําตามภารกิจหลัก หรือภารกิจเร่งด่วนท้ังภารกิจที่ต้องใช้ทักษะและไม่ใช้ทักษะ รวมทั้งภารกิจที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะและความเชี่ยวชาญพิเศษ โดยสามารถกําหนดช่ือตําแหน่งได้เองภายใต้ลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงาน และกรอบอัตรากําลังพนักงานราชการที่คณะกรรมการบรหิ ารพนกั งานราชการกําหนด
๓๖ ๓) การเปิดโอกาสให้มีการนําศักยภาพของบุคคล ท้ังในส่วนของความรู้ ทักษะและประสบการณ์มาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างเต็มท่ี ตามหลักสมรรถนะ และผลสัมฤทธิ์ของงาน ตลอดจนหลักการจัดคนให้เหมาะสมกับลักษณะงาน โดยให้ส่วนราชการกําหนดคณุ สมบัติเฉพาะเก่ยี วกับอายุข้ันสูงได้ตามความเหมาะสมกบั ลกั ษณะงาน ๔) การกําหนดตําแหน่งพนักงานราชการจะต้องมีระบบ และไม่ส่งผลกระทบต่องบประมาณด้านบุคคลในระยะยาว โดยการให้ส่วนราชการจัดทําเป็นกรอบอัตรากําลังซง่ึ เป็นการวางแผนกําลงั คนลว่ งหนา้ ภายใต้สภาพจํากัดของทรพั ยากร ๕) การพัฒนาระบบพนักงานราชการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยให้มีระบบการรายงานผลการดําเนินการ ปัญหาและอุปสรรค เป็นประจําปีละ ๑ คร้ัง เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการปรบั ปรงุ ระบบพนักงานราชการในโอกาสตอ่ ไปสาระสําคัญของประกาศฯ จากแนวคิดดังกล่าวข้างต้น คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ (คพร.) จึงได้กําหนดแนวทางการปฏิบัติให้ส่วนราชการดําเนินการให้เป็นไปตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗ ตามประกาศ คพร. เร่ือง การกําหนดลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงาน และการจดั ทํากรอบอตั รากําลงั พนักงานราชการ โดยมสี าระสําคญั ดังต่อไปน้ี ๑. การกําหนดลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงาน ตามประเภทพนักงานราชการ ๑.๑ การกําหนดลักษณะงานของกลุม่ งานพนักงานราชการ ในการกําหนดตําแหน่งพนักงานราชการ คพร. มอบอํานาจให้ส่วนราชการกําหนดตําแหน่งพนักงานราชการต่างๆ ได้เอง ตามประเภทพนักงานราชการ ๒ประเภท คือ ประเภทท่ัวไปและประเภทพิเศษ และลักษณะงานตามกลุ่มงานพนักงานราชการจํานวน ๖ กลุ่มคือ กลุ่มงานบริการ กลุ่มงานเทคนิค กลุ่มงานบริหารท่ัวไป กลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะกลุ่มงานเชี่ยวชาญเฉพาะ และกลุ่มงานเช่ียวชาญพิเศษ ซึ่งจะต้องไม่ใช่งานที่สามารถจ้างเหมาบริการได้ โดยต้องพิจารณาว่ามีความเหมาะสมกับอํานาจหน้าท่ีและภารกิจของส่วนราชการท่จี ะจา้ งพนกั งานราชการดว้ ย
๓๗ ลักษณะงานท่ีกําหนดในกลุ่มงานทั้ง ๖ พิจารณากําหนดขึ้นจากองค์ประกอบดังต่อไปนี้ ๑) ความยากง่ายของงาน เรียงลําดับต้ังแต่กลุ่มงานบริการ (กลุ่มท่ี ๑)ถึงกลุ่มงานเช่ียวชาญพเิ ศษ (กลมุ่ ที่ ๖) ๒) การใช้ทักษะหรือประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญ ทดแทนความรู้ที่ไดร้ บั จากการศกึ ษาในระบบในบางกลุ่มงาน ไดแ้ ก่ กลุ่มงานเทคนคิ กลมุ่ งานเชีย่ วชาญเฉพาะ ๓) ผ ล ก ร ะ ท บ จ า ก ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น ที่ มี ต่ อ ชี วิ ต แ ล ะ ท รั พ ย์ สิ นของประชาชน ได้แก่ กลุ่มงานวชิ าชีพเฉพาะ สําหรับการพิจารณาว่างานใดสามารถจ้างเหมาบริการได้ให้ใช้แนวทางตามท่ีกระทรวงการคลังกําหนด ซ่ึงได้แก่ งานรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการงานทําความสะอาดอาคารที่ทําการ งานดูแลรักษาต้นไม้หรือสวนไม้ประดับหรือสวนหย่อมหรือสนามหญ้าของทางราชการ และงานยานพาหนะ ส่วนการกําหนดชื่อตําแหน่งพนักงานราชการ อาจใช้ชื่อตําแหน่งตามช่ือกลุ่มงาน หรืออาจกําหนดชื่อตําแหน่งขึ้นใหม่ โดยให้สามารถมีหน้าที่และความรับผิดชอบหลากหลายมากขึ้นได้ เช่น ตําแหน่งพนักงานบริการ ตําแหน่งพนักงานเทคนิค ตําแหน่งพนักงานบริหารท่วั ไป ฯลฯ ๑.๒ คุณสมบัติเฉพาะของกล่มุ งานพนกั งานราชการ คุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงานพนักงานราชการที่กําหนดจะสอดคล้องกับลักษณะงานของแต่ละกล่มุ งาน ดงั นี้ ๑) งานที่ไม่มีความยุ่งยาก จะกําหนดวุฒิข้ันตํ่าในระดับที่เพียงพอท่ีจะปฏิบตั ิงานได้ เช่น งานในกลุ่มบริการ กําหนดคุณวุฒิขั้นตํ่าไว้เป็นประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนต้นหรือประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบได้ในระดับเดียวกัน ส่วนงานที่มีความยุ่งยากมากอาจต้องใช้ท้ังความรู้และประสบการณ์ ก็กําหนดคุณสมบัติไว้เป็นระดับปริญญาตรีข้ึนไปจนถึงปริญญาเอก ได้แก่ กลุ่มงานบริหารทั่วไป กลุ่มงานเช่ยี วชาญเฉพาะ กลมุ่ งานเชีย่ วชาญพเิ ศษ
๓๘ ๒) กําหนดให้งานที่ใช้ทักษะหรือประสบการณ์ทดแทนคุณวุฒิการศึกษาจะต้องมีการพิสูจน์ความมีทักษะหรือประสบการณ์ด้วย เช่น มีหนังสือรับรองจากนายจ้างหรือหน่วยงานท่ีผู้น้ันเคยทํางานด้วย การทดสอบโดยการทดลองปฏิบัติหรือโดยวิธีการอ่ืนใดหรอื มีผลงานมาแสดง ๓) สําหรับกลุ่มงานที่ไม่ได้กําหนดประสบการณ์ไว้เป็นคุณสมบัติเฉพาะแต่ส่วนราชการพิจารณาแล้วเห็นว่า ตําแหน่งในกลุ่มงานนั้นสมควรสรรหาและเลือกสรรจากผู้มีประสบการณ์ในงานที่จะปฏิบัติ ก็อาจกําหนดเป็นคุณสมบัติเฉพาะได้ ทั้งน้ีจะต้องสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความมีประสบการณ์ของบุคคล โดยมีหนังสือรับรองการทํางานจากนายจ้างหรือหน่วยงานซ่ึงระบุถึงลักษณะงานท่ีปฏิบัติ หรือวิธีการอื่นใดที่เหมาะสมกับลกั ษณะงานทีป่ ฏิบตั ิ ๔) การกําหนดคุณสมบัติเฉพาะเก่ียวกับอายุขั้นสูงของผู้สมัครเข้ารับการสรรหาและเลือกสรรเป็นพนักงานราชการ ส่วนราชการอาจกําหนดคุณสมบัติเฉพาะเกี่ยวกับอายุขั้นสงู ไดต้ ามความเหมาะสมของลกั ษณะงาน ซง่ึ มีแนวทาง ดงั นี้ ๔.๑) ลักษณะงานท่ีต้องใช้ความพร้อมทางสมรรถภาพของร่างกายหรือเสยี่ งอนั ตราย ตรากตรํา หรอื มีผลเสยี ต่อสุขภาพ อาจกาํ หนดอายุไมเ่ กิน ๕๐ ปี ๔.๒) ลักษณะงานทั่วไป ที่มิใช่ตาม ๔.๑) อาจกําหนดให้จ้างผู้ที่อายุไมเ่ กิน ๖๐ ปีได้ ๔.๓) ลักษณะงานที่ต้องใช้ความรู้ ความเช่ียวชาญและประสบการณ์ซ่ึงไม่อาจหาได้ทั่วไป หรือมีความขาดแคลนและเป็นที่ต้องการของส่วนราชการ อาจกําหนดอายุขัน้ สูงเกนิ กว่า ๖๐ ปไี ด้ การกําหนดตําแหน่งตามลักษณะงานและคุณสมบัติเฉพาะของกลุ่มงานตามประเภทพนกั งานราชการและตัวอย่างลกั ษณะงานท่จี ะใช้กําหนดชือ่ ตําแหน่ง สรุปได้ดังนี้
ประเภทพนักงานราชการ/กลุม่ งาน ลักษณะงานที่สําคญั คุณสมบัติเฉพาะ ตวั อย่างลกั ษณะงานพนักงานราชการประเภททว่ั ไป๑. กลมุ่ งานบรกิ าร - งานปฏิบัติระดับต้นท่ีไม่สลับซับซ้อน หรือมีข้ันตอน - คุณวุฒิประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนต้น - ง า น พ่ี เ ลี้ ย ง เ ด็ ก ง า น เ ดิ น ห ม า ย ปฏิบัตไิ วช้ ัดเจน และไมใ่ ชท้ ักษะเฉพาะด้าน ห รื อ ป ร ะ ก า ศ นี ย บั ต ร มั ธ ย ม ศึ ก ษ า ต อ น ป ล า ย งานช่วยการพยาบาล งานบริการประจํา - มกี ารใชเ้ คร่อื งมือเคร่ืองใชต้ ามลักษณะงาน หรือเทยี บไดใ้ นระดับเดยี วกนั สาํ นกั งาน ฯลฯ - มกี ารแก้ไขปญั หาและการตัดสนิ ใจทไ่ี มย่ ุ่งยาก - ปวช. ปวท. ปวส. ในสาขาวิชาท่ีเหมาะสมกับ ลกั ษณะงานท่ีปฏิบัติ๒. กลุ่มงานเทคนคิ - ใช้ความรู้ความชํานาญทางเทคนิค ซ่ึงต้องผ่าน - คณุ วุฒิ ปวช. ปวท. ปวส. ในสาขาที่ - ง า น ช่ า ง รั ง วั ด ง า น ช่า ง เ ค รื่อ ง เ รื อ ๒.๑ กลุ่มงานเทคนิคทั่วไป งานช่างกษาปณ์ งานขับเครื่องจักรกล ล่าม งานจดชวเลข งานประณีตศิลป์ งาน การศึกษาในระบบการศึกษาในสาขาวิชาท่ีตรงกับ เหมาะสมกบั ลักษณะงานท่ีปฏิบัติ หรอื นาฏศิลป์ งานฝึกฝีมือแรงงาน งานเขียน โฉนด ลกั ษณะงานท่จี ะปฏิบัติ หรอื - มีทกั ษะในงานทจี่ ะปฏบิ ัตไิ ม่น้อยกวา่ ๕ ปี ๓๙ - ใช้ความรู้และทักษะเฉพาะของบุคคลท่ีไม่ได้ผ่าน การศึกษาในระบบ - มกี ารใชเ้ ครอ่ื งมือเคร่อื งใช้ตามลกั ษณะงาน - มีการแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจที่ต้องใช้ความรู้ ทางเทคนคิ /ทกั ษะเฉพาะ๒.๒ กลุ่มงานเทคนคิ พิเศษ - ใ ช้ ค ว า ม ส า ม า ร ถ เ ฉ พ า ะ ตั ว ทั ก ษ ะ พิ เ ศ ษ - คุณวุฒิ ปวช. ในสาขาที่เหมาะสมกับลักษณะ - งานช่างประณีตศิลป์ ช่างวิทยุการบิน ประสบการณ์ และความชํานาญงานในการปฏิบัติซึ่ง งานที่ปฏิบัติ และมีประสบการณ์ในงานไม่น้อยกว่า งานควบคุมวิทยุสื่อสา รกา รบิน ช่า ง ต้องผ่านการศึกษาในสาขาวิชาที่ตรงกับลักษณะงานที่ ๑๒ ปี หรอื เคร่ืองบิน ปฏิบัติ หรืองานท่ีปฏิบัติโดยใช้ความรู้และทักษะเฉพาะ - คุณวุฒิ ปวท. ในสาขาท่ีเหมาะสมกับลักษณะ ของบุคคลท่ไี มไ่ ด้ผา่ นการศกึ ษาในระบบ งานท่ีปฏิบัติ และมีประสบการณ์ในงานไม่น้อยกว่า - มกี ารใช้เครือ่ งมอื เครอื่ งใชต้ ามลกั ษณะงาน ๑๑ ปี หรอื - มีการแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจท่ีต้องใช้ความรู้ - คุณวุฒิ ปวส. ในสาขาที่เหมาะสมกับลักษณะ ทางเทคนิค/ทกั ษะเฉพาะ งานที่ปฏิบัติ และมีประสบการณ์ในงานไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี หรือ
ประเภทพนักงานราชการ/กลุ่มงาน ลกั ษณะงานที่สําคญั คณุ สมบตั ิเฉพาะ ตวั อยา่ งลักษณะงาน - คุ ณ วุ ฒิ ไ ม่ ตํ่ า ก ว่ า ป ริ ญ ญ า ต รี ใ น ส า ข า ท่ี เ ห ม า ะ ส ม กั บ ลั ก ษ ณ ะ ง า น ที่ ป ฏิ บั ติ แ ล ะ มีประสบการณใ์ นงานไมน่ อ้ ยกว่า ๘ ปี - งานท่ีใช้ทักษะเฉพาะของบุคคลท่ีไม่ผ่าน การศึกษาในระบบ แต่มีความรู้ ความสามารถ และ ทักษะความชํานาญในงานไมน่ อ้ ยกว่า ๑๒ ปี๓. กล่มุ งานบรหิ ารทว่ั ไป - ลักษณะงานเช่นเดียวกับท่ีข้าราชการปฏิบัติ แต่มี - คุณวฒุ ิไมต่ ํ่ากว่าปรญิ ญาตรี - งานนิติการ งานวิเคราะห์นโยบายและ ระยะเวลาเร่ิมตน้ และสนิ้ สดุ แน่นอน หรอื แผน งานวิชาการเกษตร งานคุมประพฤติ - ไม่ใช่ลักษณะเดียวกับท่ีข้าราชการปฏิบัติ แต่ งานวิชาการสาธารณสุข งานฝึกฝีมือ ๔๐ จาํ เปน็ ตอ้ งใช้ความรรู้ ะดบั ปริญญา แรงงาน๔. กลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ - ตอ้ งใช้วฒุ ิเฉพาะทาง และ - คุ ณ วุ ฒิ ไ ม่ ต่ํ า ก ว่ า ป ริ ญ ญ า ต รี แ ล ะ - แพทย์ พยาบาลวิชาชีพ เทคนิค๕. กลมุ่ งานเชี่ยวชาญเฉพาะ - เป็นงานที่มีผลกระทบต่อชีวิต และทรัพย์สินของ มใี บอนุญาตประกอบวชิ าชพี หรือ การแพทย์ เภสัชกรรม วิศวกรรมไฟฟ้า ประชาชน ซ่ึงมีองค์กรตามกฎหมายตรวจสอบ และ - คุ ณ วุ ฒิ ไ ม่ ต่ํ า ก ว่ า ป ริ ญ ญ า ต รี แ ล ะ มี วิศวกรรมโยธา สถาปัตยกรรม ฟิสิกส์รังสี รับรองการประกอบวิชาชีพ หรือเป็นงานที่ขาดแคลน ประกาศนียบัตรรบั รองในสาขาวชิ าชีพ หรือ วิศ ว ก ร ร ม ช ล ป ร ะ ท า น วิ ศ ว ก ร ร ม กําลังคนในภาคราชการ หรือเป็นงานทางวิทยาศาสตร์ - คณุ วฒุ ไิ มต่ ํา่ กวา่ ปรญิ ญาตรี ปิโตรเลียม วิศวกรรมการเกษตร และเทคโนโลยีในเชงิ วิจัยและพัฒนา วศิ วกรรมเหมืองแร่ งานคอมพวิ เตอร์ - ใช้ความรู้ ประสบการณ์ หลักวิชาหรือภูมิปัญญา - ปริญญาตรี และประสบการณ์ ๑๕ ปี หรือ - การบิน - ปริญญาโท และประสบการณ์ ๑๒ ปี หรือ ท้องถ่นิ หรอื - งานเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย - งานเชิงพัฒนาระบบ หรือมาตรฐานท่ีต้องใช้ความรู้ - ปรญิ ญาเอก และประสบการณ์ ๑๐ ปี หรือ - ปริญญาตรีและประกาศนียบัตรในสาขาท่ีตรง - งานเชยี่ วชาญดา้ นศลิ ปะแขนงตา่ ง ๆ กับงาน และประสบการณ์ ๑๕ ปี หรือปริญญาโท ความเชย่ี วชาญเฉพาะ ๑๒ ปี หรอื ปรญิ ญาเอก ๑๐ ปี - งานเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ตามภารกิจหลัก - งานหรือโครงการท่ีไม่อาจหาผู้ปฏิบัติท่ีเหมาะสมใน - ประสบการณ์ในงานไม่ต่ํากว่า ๑๕ ปี และมี ของส่วนราชการ หน่วยงานได้ ผลงานเปน็ ทีย่ อมรบั
ประเภทพนักงานราชการ/กลุ่มงาน ลกั ษณะงานท่ีสําคัญ คุณสมบตั ิเฉพาะ ตัวอยา่ งลกั ษณะงานพนกั งานราชการประเภทพิเศษ๖. กลมุ่ งานเชี่ยวชาญพเิ ศษ - ใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์และความ - ส่ว น ร า ช ก า ร กํ า ห น ด คุ ณ วุ ฒิก า ร ศึ ก ษ า - งานท่ีปรึกษาด้านต่าง ๆ เช่น ด้าน เช่ียวชาญเป็นพิเศษในสาขาที่เกี่ยวข้องกับงานหรือ ประสบการณ์ และผลงาน ความ เชี่ยวชาญ กฎหมาย ด้านการลงทุน ด้านเจรจาการค้า โครงการ ซง่ึ เปน็ ที่ยอมรบั ในวงการด้านนั้นๆ และ ตามระดับของความเช่ียวชาญพิเศษ ๓ ระดับ เปน็ ตน้ - เป็นงานหรือโครงการที่มีภารกิจหรือเป้าหมาย (ระดับสากล ระดับประเทศและระดับทว่ั ไป) - ผู้ทรงคณุ วฒุ ิสาขาต่าง ๆ ชดั เจนและมกี ําหนดระยะเวลาสิน้ สุดแน่นอน และ - ผบู้ รหิ ารโครงการ - เป็นงานหรือโครงการที่มีความสําคัญเร่งด่วน และ ไมอ่ าจหาผปู้ ฏบิ ัตทิ ่เี หมาะสมในหนว่ ยงานได้ ๔๑
๔๒ ๒. การจดั ทํากรอบอตั รากาํ ลงั พนกั งานราชการ ตามข้อ ๙ แห่งระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. ๒๕๔๗และข้อ ๑๖ ของประกาศคณะกรรมการบริหารพนกั งานราชการกําหนดว่า ในการกําหนดจํานวนพนักงานราชการ ส่วนราชการจะต้องจัดทํากรอบอัตรากําลังท่ีมีระยะเวลา ๔ ปี โดยพิจารณาถึงการใช้กําลังคนในภาพรวมของส่วนราชการให้สอดคล้องกับความจําเป็นตามภารกิจ ยุทธศาสตร์แผนงาน โครงการของส่วนราชการ และเสนอ อ.ก.พ. กระทรวง หรือองค์กรที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่ทาํ หน้าที่เหมอื น อ.ก.พ. กระทรวงพิจารณาให้ความเหน็ ชอบกรอบอัตรากําลังดังกล่าว ก่อนเสนอคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการอนุมัติ เห็นควรกําหนดแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีที่มีวัตถุประสงค์ให้ส่วนราชการสามารถนําระบบพนักงานราชการไปใช้ได้อยา่ งคล่องตวั ตามหลักการดังตอ่ ไปนี้ ๒.๑ หลักการจดั ทาํ กรอบอัตรากาํ ลงั พนกั งานราชการ ๑) ไมซ่ บั ซ้อน แต่มีความยืดหย่นุ คล่องตัวและสอดคล้องกับสถานการณ์ ๒) เป็นการวางแผนกําลังคนล่วงหน้า ซ่ึงสามารถปรับเปล่ียนได้ตามความจาํ เป็นและสถานการณ์ท่ีเปล่ียนแปลงไป ๓) เป็นการพิจารณาภาพรวมการใช้กําลังคนของส่วนราชการท้ังข้าราชการและลูกจ้าง โดยในส่วนของข้าราชการให้พิจารณาจํานวนเท่าน้ัน ไม่ต้องพิจารณาระดับตําแหน่ง ๔) จัดอัตรากําลังพนักงานราชการตามภารกิจของส่วนราชการ ไม่ยึดโครงสร้างที่เป็นสาํ นัก/กอง ๕) บัญชีกรอบอัตรากําลังพนักงานราชการจะแสดงเฉพาะกลุ่มลักษณะงานและจาํ นวนของพนกั งานราชการในแตล่ ะกลมุ่ ลกั ษณะงาน ๒.๒ ขน้ั ตอนในการจดั ทํากรอบอตั รากาํ ลังพนกั งานราชการ ๑) สํารวจภารกิจและอัตรากําลังที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตามแบบสํารวจภารกิจข้างทา้ ยน้ี
๔๓ ๒) ตรวจสอบภารกิจตามข้อ ๑ ว่าควรดําเนินการต่อไปหรือไม่ ตามแบบการวเิ คราะหภ์ ารกิจและการใชก้ ําลงั คนต่อไปน้ี ท้ังนี้ จะต้องคํานึงถึงหลักการบริหารจัดการบ้านเมืองท่ีดี และการทําข้อตกลงเกี่ยวกับการส่งมอบผลงานท่ีส่วนราชการมีกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สํานักงบประมาณสํานกั งาน ก.พ. สาํ นักงาน ก.พ.ร. เปน็ ต้นดว้ ย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196