เปิดธรรมท่ถี ูกปิด : แกก้ รรม ? คหบดี ! ท่านจะสำ�คัญความข้อน้ีเป็นอย่างไร สมณะหรอื พราหมณผ์ มู้ ฤี ทธ์ิ ถงึ ความเปน็ ผชู้ �ำ นาญในทางจติ พึงมาในบ้านนาลันทาน้ี สมณะหรอื พราหมณน์ นั้ พึงกล่าว อย่างน้ีว่าเราจักทำ�บ้านนาลันทานี้ให้เป็นเถ้า ดว้ ยใจคิด ประทษุ รา้ ยคร้ังเดียว. คหบด ี ! ทา่ นจะสำ�คัญความขอ้ นั้น เป็นอย่างไร สมณะหรือพราหมณ์ผู้มีฤทธิ์ ถึงความเป็น ผู้ชำ�นาญในทางจิตนั้น จะสามารถทำ�บ้านนาลันทานี้ ใหเ้ ปน็ เถา้ ดว้ ยใจคดิ ประทษุ รา้ ยครง้ั เดยี วไดห้ รอื ไมห่ นอ ? ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! บ้านนาลันทา ๑๐ บ้านก็ดี ๒๐ บ้านก็ดี ๓๐ บา้ นกด็ ี ๔๐ บ้านก็ดี ๕๐ บ้านกด็ ี สมณะหรอื พราหมณผ์ มู้ ีฤทธ์ิ ถงึ ความเป็นผ้ชู �ำ นาญในทางจิตนัน้ ยังสามารถ ท�ำ ให้เป็นเถา้ ไดด้ ว้ ยใจคิดประทุษร้ายครั้งเดยี ว แล้วบ้านนาลนั ทา ที่ทรุดโทรมหลังเดียวคณาอะไรเล่า. คหบด ี ! ท่านจงมนสกิ าร ครนั้ แล้วจงพยากรณ์ คำ�หลังกับคำ�ก่อนก็ดี คำ�ก่อนกับคำ�หลังก็ดี ของท่าน ไม่ต่อกันเลย... 29
หลักการพิจารณาว่า กรรมชนิดนั้นควรทำ�หรือไม่
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปดิ : แกก้ รรม ? เม่อื จะกระทำ� 09 -บาลี ม. ม. ๑๓/๑๒๖/๑๒๙. ราหลุ ! เธอใคร่จะท�ำกรรมใดด้วยกาย พึง พิจารณากรรมนั้นเสียก่อนว่า “กายกรรมที่เราใคร่จะ กระท�ำน้ี เปน็ ไปเพื่อเบียดเบียนตนเองบ้าง เบียดเบยี น ผอู้ ื่นบา้ ง เบียดเบยี นทั้งสองฝา่ ยบา้ ง เปน็ กายกรรมท่ี เปน็ อกศุ ล มที กุ ขเ์ ปน็ ก�ำไร มที กุ ขเ์ ปน็ วบิ าก หรอื ไมห่ นอ” ดงั นี้. ราหุล ! ถ้าเธอพิจารณา รู้สึกอยดู่ ังนน้ั ไซร้ เธอไมพ่ ึงกระท�ำ กายกรรมชนดิ นั้นโดยถ่ายเดยี ว. ราหุล ! ถ้าเธอพิจารณา รู้สึกอยู่ดังนี้ว่า “กายกรรมทเ่ี ราใครจ่ ะกระท�ำนี้ ไมเ่ ปน็ ไปเพอ่ื เบยี ดเบยี น ตนเองบา้ ง ไมเ่ ปน็ ไปเพอื่ เบยี ดเบยี นผอู้ น่ื บา้ ง ไมเ่ ปน็ ไป เพอื่ เบยี ดเบยี นทงั้ สองฝา่ ยบา้ ง เปน็ กายกรรมอนั เปน็ กศุ ล มสี ุขเป็นก�ำไร มสี ขุ เปน็ วบิ าก” ดังน้ี ราหุล ! เธอพงึ กระท�ำ กายกรรมชนดิ นนั้ . 32
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี กู ปิด : แก้กรรม ? เมือ่ กระท�ำอยู่ 10 -บาลี ม. ม. ๑๓/๑๒๖/๑๒๙. ราหุล ! เมื่อเธอกระทำ�กรรมใด ด้วยกายอยู่ พงึ พจิ ารณากรรมนน้ั วา่ “กายกรรมทเ่ี ราก�ำ ลงั กระท�ำ อยนู่ ้ี เปน็ ไปเพ่อื เบยี ดเบยี นตนเองบ้าง เบียดเบียนผู้อนื่ บา้ ง เบียดเบยี นท้งั สองฝ่ายบ้าง เป็นกายกรรมท่ีเป็นอกุศล มีทกุ ขเ์ ป็นกำ�ไร มที กุ ขเ์ ปน็ วบิ าก หรือไมห่ นอ” ดังนี.้ ราหุล ! ถ้าเธอพจิ ารณา รูส้ กึ อยูด่ ังนนั้ ไซร้ เธอพึงเลิกละกายกรรมชนิดน้นั เสยี . ราหุล ! ถ้าเธอพิจารณา รู้สึกอยู่ดังน้ีว่า “กายกรรมที่เราก�ำลังกระท�ำอยู่น้ี ไม่เป็นไปเพื่อ เบยี ดเบยี นตนเองบา้ ง ไมเ่ ปน็ ไปเพอื่ เบยี ดเบยี นผอู้ นื่ บา้ ง ไมเ่ ปน็ ไปเพอื่ เบยี ดเบยี นทง้ั สองฝา่ ยบา้ ง เปน็ กายกรรม อันเปน็ กุศล มสี ุขเป็นก�ำไร มสี ุขเปน็ วบิ าก” ดงั นี.้ ราหุล ! เธอพงึ เรง่ การกระท�ำ กายกรรมชนดิ นน้ั . 33
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี กู ปิด : แกก้ รรม ? เม่ือกระท�ำแล้ว 11 -บาลี ม. ม. ๑๓/๑๒๖/๑๒๙. ราหุล ! เมื่อกระทำ�กรรมใดด้วยกายแล้ว พึงพจิ ารณากรรมนนั้ ว่า “กายกรรมที่เรากระทำ�แล้วนี้ เปน็ ไปเพ่อื เบยี ดเบียนตนเองบา้ ง เบียดเบียนผอู้ ่ืนบ้าง เบยี ดเบยี นทั้งสองฝ่ายบ้าง เปน็ กายกรรมท่เี ปน็ อกุศล มีทกุ ขเ์ ป็นก�ำ ไร มีทุกข์เปน็ วิบาก หรอื ไมห่ นอ” ดงั น้ี. ราหุล ! ถ้าเธอพิจารณา รู้สึกอยู่ดังนั้นไซร้ เธอพึงแสดง พึงเปิดเผย พงึ กระท�ำ ใหเ้ ปน็ ของหงาย ซง่ึ กายกรรมนน้ั ในพระศาสดา หรอื ในเพอ่ื นสพรหมจารี ผเู้ ปน็ วญิ ญชู นทง้ั หลาย ครน้ั แสดง ครน้ั เปดิ เผย ครน้ั กระท�ำ ใหเ้ ป็นของหงายแลว้ พึงถงึ ซง่ึ ความระวงั สงั วรต่อไป. ราหุล ! ถ้าเธอพิจารณา รู้สึกอยู่ดังนี้ว่า “กายกรรมทเ่ี รากระท�ำ แลว้ น้ี ไมเ่ ปน็ ไปเพอ่ื เบยี ดเบยี น ตนเองบา้ ง ไมเ่ ปน็ ไปเพอ่ื เบยี ดเบยี นผอู้ น่ื บา้ ง ไมเ่ ปน็ ไป เพอ่ื เบยี ดเบยี นทง้ั สองฝา่ ยบา้ ง เปน็ กายกรรมอนั เปน็ กศุ ล มสี ุขเปน็ กำ�ไร มสี ขุ เป็นวบิ าก” ดงั น.้ี 34
เปดิ ธรรมท่ีถูกปดิ : แกก้ รรม ? ราหุล ! เธอพึงอยู่ด้วยปีติและปราโมทย์ ตามศึกษาในกุศลธรรมทง้ั หลายอยู่ ทัง้ กลางวนั และ กลางคนื เถดิ . (ในสว่ นของวจกี รรมและมโนกรรม กท็ รงตรสั ในท�ำ นอง เดยี วกนั ). 35
ข้อควรทราบ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดเกี่ยว กับเรื่องกรรม
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถกู ปิด : แกก้ รรม ? การพยากรณ์บุคคลอื่น 12 ท�ำได้หรือไม่ -บาลี ทสก. อํ. ๒๔/๑๕๐/๗๕. อานนท์ ! ... เพราะกระแสแหง่ ธรรมยอ่ มถกู ตอ้ งบคุ คล ใครเลา่ จะพงึ รเู้ หตนุ น้ั ได้ นอกจากตถาคต. อานนท์ ! เพราะเหตุน้ันแหละ เธอทั้งหลาย อย่าได้เป็นผู้ชอบประมาณในบุคคลและอย่าได้ถือ ประมาณในบคุ คล เพราะผถู้ อื ประมาณในบุคคลย่อม ทำ�ลายคุณวิเศษของตน เราหรือผู้ท่ีเหมือนเราพึงถือ ประมาณในบคุ คลได.้ 38
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ ูกปดิ : แกก้ รรม ? ทกุ ข์เกดิ เพราะมเี หตปุ จั จัย 13 -บาลี นทิ าน. สํ. ๑๖/๔๑/๗๖. อานนท์ ! คราวหน่ึงเราอยทู่ ่ีป่าไผ่ เปน็ ท่ใี ห้ เหยื่อแก่กระแตใกล้กรุงราชคฤหน์ ่แี หละ ครงั้ นน้ั เวลาเช้า เราครองจีวรถือบาตร เพื่อไปบณิ ฑบาตในกรงุ ราชคฤห์ คดิ ขน้ึ มาวา่ ยงั เชา้ เกนิ ไปส�ำ หรบั การบณิ ฑบาตในกรงุ ราชคฤห์ ถา้ ไฉน เราเขา้ ไปสอู่ ารามของปรพิ าชก ผเู้ ปน็ เดยี รถยี เ์ หลา่ อน่ื เถดิ . เราไดเ้ ขา้ ไปสอู่ ารามของปรพิ าชก ผเู้ ปน็ เดยี รถยี เ์ หลา่ อน่ื กระท�ำ สมั โมทนยี กถาแกก่ นั และกนั นง่ั ลง ณ ทค่ี วรขา้ งหนง่ึ . อานนท์ ! ปริพาชกเหล่านั้น ได้กล่าวกะเรา ผู้น่งั แล้ว อยา่ งน้วี ่า “ทา่ นโคตมะ ! มีสมณพราหมณ์บางพวก ทก่ี ลา่ วสอน เรอ่ื งกรรมยอ่ มบัญญัติความทกุ ข์วา่ เปน็ สงิ่ ท่ีตนทำ�เอาด้วยตนเอง มสี มณพราหมณ์อีกบางพวกท่ีกล่าวสอนเร่ืองกรรม ย่อมบัญญตั ิ ความทุกข์ ว่าเปน็ สิ่งท่ผี ู้อืน่ ทำ�ให้ มสี มณพราหมณอ์ ีกบางพวก ที่กลา่ วสอนเรื่องกรรม ยอ่ มบญั ญตั คิ วามทกุ ขว์ ่า ไมใ่ ชท่ ำ�เองหรือ ใครท�ำ ให้ กเ็ กดิ ขน้ึ ได.้ ในเรอ่ื งน้ี ทา่ นโคตมะของพวกเรา กลา่ วสอน อยู่อย่างไร ? และพวกเรากล่าวอยอู่ ย่างไร ? จงึ จะเปน็ อนั กล่าว ตามคำ�ที่ท่านโคตมะกล่าวแล้ว ไม่เป็นการกล่าวตู่ด้วยคำ�ไม่จริง 39
พทุ ธวจน - หมวดธรรม แต่เป็นการกล่าวโดยถูกต้อง และสหธรรมิกบางคนที่กล่าวตาม จะไม่พลอยกลายเป็นผูค้ วรถูกตเิ ตียนไปดว้ ย ?” ดังน้ี. อานนท์ ! เราได้กล่าวกะปริพาชกทั้งหลาย เหลา่ นน้ั วา่ ปรพิ าชกทง้ั หลาย ! เรากลา่ วว่า ทกุ ข์ อาศัยเหตปุ ัจจัย (ของมนั เอง เปน็ ลำ�ดับๆ) เกิดข้นึ . มันอาศัยเหตุปจั จัยอะไรเล่า ? อาศยั ปจั จัยคอื ผสั สะ. ผกู้ ลา่ วอยา่ งนแ้ี ล ชอ่ื วา่ กลา่ วตรงตามทเ่ี รากลา่ ว. 40
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถกู ปดิ : แก้กรรม ? ทาง ๒ สายท่ีไมค่ วรเดิน 14 -บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๕๒๘/๑๖๖๔. ภิกษทุ ้งั หลาย ! มสี ง่ิ ทแ่ี ลน่ ดง่ิ ไปสดุ โตง่ (อนตฺ า) อยู่ ๒ อยา่ ง ทบ่ี รรพชติ ไมค่ วรข้องแวะดว้ ย. สิง่ ทแี่ ลน่ ดิง่ ไปสดุ โตง่ นนั้ คอื อะไร ? คอื การประกอบตนพัวพนั อยูด่ ว้ ยความใคร่ ในกามทงั้ หลาย (กามสุขลั ลกิ านโุ ยค) อันเปน็ การกระท�ำ ทีย่ งั ต่�ำ เปน็ ของชาวบ้าน เป็นของชั้นบถุ ุชน ไมใ่ ช่ของ พระอริยเจ้า ไมป่ ระกอบด้วยประโยชน์ และการประกอบความเพียรในการทรมานตน ใหล้ ำ�บาก (อัตตกลิ มถานุโยค) อันนำ�มาซ่ึงความทกุ ข์ ไม่ใช่ของพระอริยเจ้า ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ สองอยา่ งนแี้ ล. ภิกษุท้ังหลาย ! ข้อปฏิบัติเป็นทางสายกลาง (มชั ฌมิ าปฏิปทา) ทีไ่ มด่ ่งิ ไปหาสง่ิ สดุ โตง่ สองอยา่ งน้ัน เปน็ ขอ้ ปฏบิ ตั ทิ ต่ี ถาคตไดต้ รสั รเู้ ฉพาะแลว้ เปน็ ขอ้ ปฏบิ ตั ิ 41
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ทำ�ให้เกิดจักษุ เป็นข้อปฏิบัติทำ�ให้เกิดญาณ เป็นไป เพอ่ื ความสงบ เพอ่ื ความรอู้ นั ยง่ิ เพอ่ื ความตรสั รพู้ รอ้ ม เพื่อนพิ พาน. ภิกษุทั้งหลาย ! ข้อปฏิบัติท่ีเป็นทางสายกลาง ทีไ่ ม่ด่ิงไปหาทส่ี ุดโต่งสองอยา่ งนัน้ เปน็ อยา่ งไรเลา่ ? ภิกษทุ ั้งหลาย ! ขอ้ ปฏบิ ตั อิ นั เปน็ ทางสายกลาง นน้ั คอื ขอ้ ปฏบิ ตั อิ นั เปน็ หนทางอนั ประเสรฐิ ประกอบอยู่ ด้วยองคแ์ ปดประการ นเ่ี อง. แปดประการ คืออะไรเลา่ ? คือ สมั มาทิฏฐ ิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมนั ตะ สมั มาอาชวี ะ สมั มาวายามะ สมั มาสติ สมั มาสมาธิ. 42
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี กู ปดิ : แก้กรรม ? บาปกรรมเก่า ไม่อาจสิ้นได้ 15 ดว้ ยการทรมานตนเอง -บาลี มู. ม. ๑๒/๑๘๔/๒๑๙. มหานาม ! คราวหน่ึง เราอยู่ท่ีภูเขาคิชฌกูฏ ใกลน้ ครราชคฤห์ ครั้งนั้นพวกนคิ รนถ์เป็นอันมาก ประพฤติวัตรยนื อย่างเดียว งดการนั่ง อยู่ ณ ท่กี าฬสิลา ขา้ งภเู ขาอสิ คิ ลิ ิ ตา่ งประกอบความเพยี รแรงกลา้ เสวย เวทนาอนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ แขง็ แสบเผด็ . มหานาม ! คร้ังน้ัน เปน็ เวลาเยน็ เราออกจากทเี่ รน้ แลว้ ไปสกู่ าฬสลิ า ขา้ งภเู ขา อิสิคิลิ อันพวกนิครนถ์ประพฤติวัตรอยู่ ได้กล่าวกะ พวกนคิ รนถ์เหลา่ นั้นวา่ “ท่านผูเ้ ป็นนิครนถท์ ้งั หลาย ! เพราะอะไรหนอ พวกท่านทง้ั หลายจงึ ประพฤติ ยนื ไม่นั่ง ประกอบความเพียรไดร้ บั เวทนาอนั เปน็ ทกุ ข์ กลา้ แข็งแสบเผ็ด ?” ดงั นี.้ มหานาม ! นิครนถเ์ หลา่ นน้ั ไดก้ ลา่ วกะเราว่า 43
พทุ ธวจน - หมวดธรรม “ท่านผมู้ ีอายุ ! ทา่ นนคิ รนถนาฏบตุ ร เปน็ ผรู้ สู้ งิ่ ทง้ั ปวง เหน็ สง่ิ ทงั้ ปวง ไดย้ นื ยนั ญาณทสั สนะของตนเอง โดยไมม่ กี ารยกเวน้ วา่ เมอื่ เราเดนิ อยู่ ยนื อยู่ หลบั อยู่ ตนื่ อยู่ กต็ าม ญาณทสั สนะของเรา ยอ่ มปรากฏตดิ ตอ่ กนั ไมข่ าดสาย” ดงั น.้ี ทา่ นนคิ รนถนาฏบตุ รนน้ั กลา่ วไวอ้ ยา่ งน้ีวา่ “นิครนถ์ผู้เจรญิ ! บาปกรรมในกาลก่อนทีไ่ ด้ ท�ำไว้ มีอยู่แล พวกท่านจงท�ำลาย กรรมน้ันให้สิ้นไป ด้วย ทุกรกิริยาอันแสบเผ็ดนี้ อนึ่ง เพราะการส�ำรวม กาย วาจา ใจ ในบัดนี้ ยอ่ มชอ่ื วา่ ไม่ไดก้ ระท�ำกรรม อนั เป็นบาปอกี ต่อไป. เพราะการเผาผลาญกรรมเกา่ ไม่มเี หลือ และเพราะการไม่กระท�ำ กรรมใหม่ กรรมตอ่ ไปก็ขาดสาย เพราะกรรมขาดสาย ก็ส้นิ กรรม เพราะสน้ิ กรรม กส็ น้ิ ทกุ ข์ เพราะสน้ิ ทกุ ข์ กส็ น้ิ เวทนา เพราะสนิ้ เวทนา ทุกขท์ ัง้ หมด ก็เหือดแหง้ ไป ดังนี.้ ค�ำสอนของทา่ นนาฏบุตรนนั้ เป็นทช่ี อบใจและควรแกเ่ รา และพวกเราก็เป็นผูพ้ อใจต่อค�ำสอน น้นั ด้วย” ดังนี้. มหานาม ! เราได้กล่าวคำ�น้ีกะนิครนถ์เหล่าน้ัน สืบไปวา่ “ท่านผู้เป็นนิครนถ์ท้ังหลาย ! ท่านท้ังหลาย รู้อยู่หรือว่า พวกเราท้ังหลาย ได้มีแล้วในกาลก่อน หรือว่ามไิ ดม้ ี ?”. “ไมท่ ราบเลยท่าน !”. 44
เปดิ ธรรมที่ถกู ปิด : แก้กรรม ? “ท่านผู้เป็นนิครนถ์ท้ังหลาย ! ท่านทั้งหลาย รอู้ ยหู่ รอื วา่ พวกเราทง้ั หลาย ไดท้ �ำ กรรมทเ่ี ปน็ บาปแลว้ ในกาลกอ่ นหรอื วา่ พวกเราไม่ไดท้ �ำ แลว้ ?”. “ไม่ทราบเลยทา่ น !”. “ท่านผู้เป็นนิครนถ์ท้ังหลาย ! ท่านทั้งหลาย รอู้ ยหู่ รอื วา่ พวกเราทง้ั หลาย ไดท้ �ำ กรรมทเ่ี ปน็ บาปอยา่ งนๆ้ี ในกาลกอ่ น ?”. “ไมท่ ราบเลยทา่ น !”. “ท่านผู้เป็นนิครนถ์ท้ังหลาย ! ท่านท้ังหลาย รู้อยู่หรือว่า (ต้ังแต่ทำ�ตบะมา) ทุกข์มีจำ�นวนเท่าน้ีๆ ได้ส้นิ ไปแล้ว และจำ�นวนเท่าน้ๆี จะส้นิ ไปอีก หรือว่า ถ้าทกุ ขส์ ิ้นไปอกี จ�ำ นวนเท่าน ี้ ทกุ ขก์ จ็ กั ไมม่ เี หลือ ?”. “ไมท่ ราบได้เลยท่าน !”. “ท่านผู้เป็นนิครนถ์ท้ังหลาย ! ท่านทั้งหลาย รอู้ ยหู่ รอื วา่ อะไรเปน็ การละเสยี ซง่ึ สง่ิ อนั เปน็ อกศุ ล และ ทำ�สิง่ ทเี่ ปน็ กศุ ลใหเ้ กดิ ขนึ้ ไดใ้ นภพปัจจุบันนี้ ?”. “ไมเ่ ข้าใจเลยท่าน !”. 45
พทุ ธวจน - หมวดธรรม มหานาม ! เราไดก้ ลา่ วค�ำ น้ี กะนคิ รนถเ์ หลา่ นน้ั สืบไปว่า “ทา่ นผเู้ ปน็ นคิ รนถท์ ง้ั หลาย ! ดงั ไดฟ้ งั แลว้ วา่ ทา่ นทง้ั หลาย ไมร่ อู้ ยู่ วา่ เราทง้ั หลายไดม้ แี ลว้ ในกาลกอ่ น หรอื ไมไ่ ดม้ แี ลว้ ในกาลกอ่ น ...ฯลฯ... อะไรเปน็ การละเสยี ซง่ึ สง่ิ อนั เปน็ อกศุ ลแลว้ และท�ำ สง่ิ ทเ่ี ปน็ กศุ ลใหเ้ กดิ ขน้ึ ได้ ในภพปจั จบุ ันน้.ี ครั้นเมื่อไมร่ ู้อยา่ งนี้แลว้ (น่าจะเหน็ ว่า) ชนทง้ั หลายเหลา่ ใดในโลก ทเ่ี ปน็ พวกพรานมฝี า่ มอื คร�ำ่ ไปด้วยโลหิต มกี ารงานอย่างกักขฬะ ภายหลงั มาเกดิ เป็นมนุษยแ์ ล้ว ยอ่ มบรรพชาในพวกนคิ รนถท์ ัง้ หลาย ละกระมัง ?”. 46
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ : แก้กรรม ? สุข-ทกุ ข์ ทไี่ ดร้ บั 16 ไม่ใช่ผลของกรรมเก่าอย่างเดียว -บาลี อปุ ริ. ม. ๑๔/๗/๘. ภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวกะพวกนิครนถ์น้ัน ตอ่ ไปอีกอยา่ งน้ีวา่ “ท่านผู้เป็นนิครนถ์ทั้งหลาย ! พวกท่านจะ ส�ำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน สมัยใด พวกท่านมี ความพยายามแรงกลา้ มคี วามเพยี รแรงกลา้ สมยั นน้ั พวกท่านย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อนั เกดิ แตค่ วามพยายามแรงกลา้ แตส่ มยั ใด พวกทา่ น ไม่มีความพยายามแรงกล้า ไม่มีความเพียรแรงกล้า สมัยน้ัน พวกท่านย่อมไม่เสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจบ็ แสบ อนั เกดิ แตค่ วามพยายามแรงกลา้ ”. พวกนิครนถร์ ับว่า “พระโคดมผมู้ อี ายุ ! สมยั ใด พวกขา้ พเจา้ มคี วามพยายาม แรงกลา้ มีความเพยี รแรงกลา้ สมัยน้ัน พวกขา้ พเจ้ายอ่ มเสวย เวทนาอนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ เจบ็ แสบ อนั เกดิ แตค่ วามพยายามแรงกลา้ 47
พทุ ธวจน - หมวดธรรม สมัยใด พวกข้าพเจ้าไม่มีความพยายามแรงกล้า สมัยนั้น พวกข้าพเจ้าย่อมไม่เสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อนั เกดิ แต่ความพยายามแรงกล้า”. “ท่านผู้เป็นนิครนถ์ท้ังหลาย ! เท่าที่พูดกันมานี้ เป็นอันว่า สมัยใด พวกทา่ นมคี วามพยายามแรงกลา้ มคี วามเพียรแรงกล้า สมยั น้นั พวกทา่ นยอ่ มเสวยเวทนา อนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ เจบ็ แสบ อนั เกดิ แตค่ วามพยายามแรงกลา้ แต่สมัยใด พวกท่านไม่มีความพยายามแรงกล้า ไม่มี ความเพยี รแรงกล้า สมยั นัน้ พวกทา่ นย่อมไมเ่ สวยเวทนา อนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ เจบ็ แสบ อนั เกดิ แตค่ วามพยายามแรงกลา้ เม่ือเปน็ เชน่ น้ี กไ็ ม่เปน็ การสมควรแก่ทา่ นผเู้ ป็นนิครนถ์ ทงั้ หลายทจ่ี ะกลา่ ววา่ บคุ คลเรานย้ี อ่ มเสวยเวทนาอยา่ งใด อยา่ งหนงึ่ เป็นสุขกด็ ี เป็นทุกขก์ ด็ ี มิใช่ทกุ ขม์ ิใชส่ ขุ ก็ดี ทง้ั หมดนน้ั เปน็ เพราะเหตแุ หง่ กรรมทต่ี นท�ำไวใ้ นกาลกอ่ น และวา่ เพราะหมดกรรมเกา่ ดว้ ยตบะ และเพราะการไมท่ �ำ กรรมใหม่ กระแสแห่งกรรมต่อไปก็ไม่มี เพราะกระแส แหง่ กรรมตอ่ ไปไมม่ ี กส็ น้ิ ทกุ ข ์ เพราะสนิ้ ทกุ ข์ กส็ นิ้ เวทนา เพราะสิน้ เวทนา ทุกขท์ ้งั ปวงก็สูญสนิ้ ไป ดังน้”ี . 48
เปดิ ธรรมท่ถี กู ปิด : แก้กรรม ? “ทา่ นผเู้ ปน็ นคิ รนถท์ ง้ั หลาย ! ถา้ สมยั ใด พวกทา่ น มคี วามพยายามแรงกล้า มคี วามเพียรแรงกล้า สมยั นน้ั เวทนาอันเป็นทกุ ข์กล้า เจ็บแสบ อนั เกิดแตค่ วามเพียร พยายามนน้ั ก็ยงั ตั้งอยู่ แมเ้ มื่อใด พวกทา่ นไม่มคี วาม พยายามแรงกล้า ไม่มีความเพียรแรงกล้า สมัยน้ัน เวทนาอนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ เจบ็ แสบ อนั เกดิ แตค่ วามพยายาม พึงหยดุ ไดเ้ อง เม่ือเป็นเชน่ นี้ พวกนิครนถ์ผมู้ ีอายุกค็ วร กล่าวได้วา่ บุคคลเราน้ียอ่ มเสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนงึ่ เป็นสุขก็ดี เปน็ ทกุ ขก์ ็ดี มใิ ชท่ กุ ขม์ ิใช่สขุ ก็ดี ทง้ั หมดนั้น เปน็ เพราะเหตแุ หง่ กรรมทตี่ นท�ำไวใ้ นกาลกอ่ นและวา่ เพราะ หมดกรรมเก่าด้วยตบะ และเพราะการไม่ท�ำกรรมใหม่ กระแสแหง่ กรรมตอ่ ไปกไ็ มม่ ี เพราะกระแสแหง่ กรรมตอ่ ไป ไมม่ ี กส็ นิ้ กรรม เพราะสนิ้ กรรม กส็ น้ิ ทกุ ข ์ เพราะสน้ิ ทกุ ข์ กส็ นิ้ เวทนา เพราะสน้ิ เวทนา ทกุ ขท์ งั้ ปวงกส็ ญู สน้ิ ไป ดงั น”ี้ . “ท่านผู้เป็นนิครนถ์ท้ังหลาย ! ก็เพราะเหตุท่ี สมยั ใดพวกทา่ นมคี วามพยายามแรงกลา้ มคี วามเพียร แรงกลา้ สมยั นน้ั พวกทา่ นจงึ เสวยเวทนาอนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ เจบ็ แสบ อันเกดิ แตค่ วามพยายามแรงกล้า แตส่ มัยใด 49
พทุ ธวจน - หมวดธรรม พวกท่านไมม่ คี วามพยายามแรงกล้า ไม่มคี วามเพียร แรงกล้า สมัยนั้น พวกท่านจึงไม่เสวยเวทนาอันเป็น ทุกข์กล้า เจ็บแสบ อนั เกิดแตค่ วามพยายามแรงกลา้ พวกท่านนั้นเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบ อนั เกดิ แตค่ วามเพยี รเองทเี ดยี ว ยอ่ มเชอ่ื ผดิ ไป เพราะ อวิชชา คือความไม่รู้ เพราะความหลงว่าบุคคลเรานี้ ย่อมเสวยเวทนาอย่างใดอย่างหน่ึง เป็นสุขก็ดี เป็น ทุกข์ก็ดี มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ดี ข้อนั้นทั้งหมดเป็นเพราะ เหตุแห่งกรรมที่ตนทำ�ไว้ในกาลก่อน และว่าเพราะ หมดกรรมเก่าด้วยตบะ และเพราะไม่ทำ�กรรมใหม่ กระแสแห่งกรรมต่อไปก็ไม่มี เพราะกระแสแห่ง กรรมตอ่ ไปไมม่ ี กส็ น้ิ กรรม เพราะสน้ิ กรรม กส็ น้ิ ทกุ ข ์ เพราะสิ้นทกุ ข์ ก็สน้ิ เวทนาเพราะส้นิ เวทนา ทุกข์ทงั้ ปวง ก็สูญสิ้นไป ดังนี้”. ภิกษุท้ังหลาย ! เรามีถ้อยคำ�และความเห็น แม้อย่างนี้แล จึงไม่เล็งเห็นการโต้ตอบ ถ้อยคำ�และ ความเหน็ อันชอบดว้ ยเหตุอะไรๆ ในพวกนคิ รนถ.์ 50
เปิดธรรมทีถ่ กู ปดิ : แก้กรรม ? ภิกษุท้ังหลาย ! เรากล่าวกะพวกนิครนถ์น้ัน ตอ่ ไปอีกอย่างนวี้ า่ “ทา่ นผเู้ ปน็ นคิ รนถท์ ง้ั หลาย ! พวกทา่ นจะส�ำ คญั ความขอ้ นน้ั เปน็ ไฉน พวกทา่ นจะพงึ ปรารถนาไดด้ งั นห้ี รอื วา่ กรรมใดเปน็ ของใหผ้ ลในปจั จบุ นั ขอกรรมนน้ั จงเปน็ ของใหผ้ ล ในอนาคต ดว้ ยความพยายามหรอื ด้วยความเพียรเถดิ ”. พวกนคิ รนถ์นนั้ กล่าวว่า “ท่านผู้มอี ายุ ! ข้อน้หี ามิไดเ้ ลย”. “และพวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังน้ีหรือว่า กรรมใดเปน็ ของใหผ้ ลในอนาคต ขอกรรมนน้ั จงเปน็ ของใหผ้ ล ในปจั จบุ นั ดว้ ยความพยายามหรอื ดว้ ยความเพยี รเถิด”. “ทา่ นผมู้ อี ายุ ! ขอ้ น้ีหามิได้เลย”. “ทา่ นผเู้ ปน็ นคิ รนถท์ ง้ั หลาย ! พวกทา่ นจะส�ำ คญั ความขอ้ นน้ั เปน็ ไฉน พวกทา่ นจะพงึ ปรารถนาไดด้ งั นห้ี รอื วา่ กรรมใดเปน็ ของใหผ้ ลเปน็ สขุ ขอกรรมนน้ั จงเปน็ ของใหผ้ ล เปน็ ทกุ ข์ ดว้ ยความพยายามหรอื ดว้ ยความเพยี รเถดิ ”. “ทา่ นผู้มอี าย ุ ! ขอ้ น้หี ามไิ ดเ้ ลย”. 51
พทุ ธวจน - หมวดธรรม “และพวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังนี้หรือว่า กรรมใดเปน็ ของใหผ้ ลเปน็ ทกุ ข ์ ขอกรรมนน้ั จงเปน็ ของใหผ้ ล เปน็ สขุ ดว้ ยความพยายามหรือดว้ ยความเพียรเถิด”. “ทา่ นผ้มู อี าย ุ ! ข้อน้ีหามไิ ด้เลย”. “ทา่ นผเู้ ปน็ นคิ รนถท์ ง้ั หลาย ! พวกทา่ นจะส�ำ คญั ความขอ้ นน้ั เปน็ ไฉน พวกทา่ นจะพงึ ปรารถนาไดด้ งั นห้ี รอื วา่ กรรมใดเปน็ ของใหผ้ ลเสรจ็ สน้ิ แลว้ ขอกรรมนน้ั อยา่ พงึ ใหผ้ ล เสรจ็ สน้ิ ดว้ ยความพยายามหรอื ดว้ ยความเพยี รเถดิ ”. “ทา่ นผ้มู อี ายุ ! ขอ้ นห้ี ามิได้เลย”. “และพวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังน้ีหรือว่า กรรมใดเปน็ ของใหผ้ ลยงั ไมเ่ สรจ็ สน้ิ ขอกรรมนน้ั จงเปน็ ของให้ ผลเสรจ็ สน้ิ ดว้ ยความพยายามหรอื ดว้ ยความเพยี รเถดิ ”. “ทา่ นผู้มีอายุ ! ข้อนี้หามิได้เลย”. “ทา่ นผเู้ ปน็ นคิ รนถท์ ง้ั หลาย ! พวกทา่ นจะส�ำ คญั ความขอ้ นน้ั เปน็ ไฉน พวกทา่ นจะพงึ ปรารถนาไดด้ งั นห้ี รอื วา่ กรรมใดเปน็ ของใหผ้ ลมาก ขอกรรมนน้ั จงเปน็ ของใหผ้ ลนอ้ ย ดว้ ยความพยายามหรือด้วยความเพียรเถิด”. “ท่านผ้มู ีอาย ุ ! ขอ้ นี้หามิไดเ้ ลย”. 52
เปิดธรรมท่ีถกู ปิด : แก้กรรม ? “และพวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังน้ีหรือว่า กรรมใดเปน็ ของใหผ้ ลนอ้ ย ขอกรรมนน้ั จงเปน็ ของใหผ้ ลมาก ดว้ ยความพยายามหรือด้วยความเพียรเถดิ ”. “ท่านผมู้ อี าย ุ ! ข้อนี้หามไิ ดเ้ ลย”. “ทา่ นผเู้ ปน็ นคิ รนถท์ ง้ั หลาย ! พวกทา่ นจะส�ำ คญั ความขอ้ นน้ั เปน็ ไฉน พวกทา่ นจะพงึ ปรารถนาไดด้ งั นห้ี รอื วา่ กรรมใดเปน็ ของให้ผล ขอกรรมนน้ั จงเปน็ ของอยา่ ใหผ้ ล ด้วยความพยายามหรือด้วยความเพียรเถิด”. “ทา่ นผมู้ อี าย ุ ! ข้อนห้ี ามไิ ดเ้ ลย”. “และพวกท่านจะพึงปรารถนาได้ดังนี้หรือว่า กรรมใดเป็นของไม่ใหผ้ ล ขอกรรมนั้นจงเปน็ ของใหผ้ ล ดว้ ยความพยายามหรอื ดว้ ยความเพียรเถิด”. “ท่านผู้มอี าย ุ ! ขอ้ นห้ี ามิได้เลย”. “ท่านผู้เป็นนิครนถ์ท้ังหลาย ! เท่าที่พูดกันมาน้ี เปน็ อนั วา่ พวกทา่ นจะพงึ ปรารถนาไมไ่ ด้ ดงั นว้ี า่ กรรมใด เปน็ ของใหผ้ ลในปัจจุบัน ขอกรรมน้นั จงเปน็ ของใหผ้ ล ในอนาคต ... วา่ กรรมใดเปน็ ของใหผ้ ลในอนาคต ขอกรรมนน้ั จงเปน็ ของใหผ้ ลในปจั จบุ นั ... วา่ กรรมใดเปน็ ของใหผ้ ลเปน็ สขุ 53
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ขอกรรมนนั้ จงเป็นของให้ผลเป็นทกุ ข์ ... วา่ กรรมใดเป็น ของใหผ้ ลเปน็ ทกุ ข์ ขอกรรมนน้ั จงเปน็ ของใหผ้ ลเปน็ สขุ ... วา่ กรรมใดเปน็ ของใหผ้ ลเสรจ็ สนิ้ แลว้ ขอกรรมนน้ั อยา่ พงึ ให้ ผลเสรจ็ ... วา่ กรรมใดเปน็ ของใหผ้ ลยงั ไมเ่ สรจ็ สน้ิ ขอกรรมนนั้ จงเป็นของใหผ้ ลเสรจ็ สิน้ ... วา่ กรรมใดเปน็ ของใหผ้ ลมาก ขอกรรมนนั้ จงเป็นของใหผ้ ลน้อย ... ว่ากรรมใดเป็นของ ใหผ้ ลนอ้ ย ขอกรรมนนั้ จงเปน็ ของใหผ้ ลมาก ... วา่ กรรมใดเปน็ ของใหผ้ ล ขอกรรมนนั้ จงเปน็ ของอยา่ ใหผ้ ล ... วา่ กรรมใดเปน็ ของไมใ่ หผ้ ล ขอกรรมนน้ั จงเปน็ ของใหผ้ ล ดว้ ยความพยายาม หรอื ดว้ ยความเพยี รเถดิ เมอ่ื เปน็ เชน่ นี้ ความพยายามของ พวกนคิ รนถผ์ มู้ อี ายกุ ไ็ รผ้ ล ความเพยี รกไ็ รผ้ ล”. ภิกษุท้ังหลาย ! พวกนิครนถ์มีถ้อยคำ� และ ความเห็นอย่างนี้ การกล่าวก่อนและการกล่าวตาม ๑๐ ประการอนั ชอบดว้ ยเหตุของพวกนคิ รนถ์ ผ้มู ีถ้อยคำ� และความเห็นอย่างน้ยี อ่ มถึงฐานะนา่ ต�ำ หน.ิ ภิกษุทั้งหลาย ! ถา้ หมสู่ ตั วย์ อ่ มเสวยสขุ และทกุ ข์ เพราะเหตแุ หง่ กรรมทตี่ นท�ำไวใ้ นกอ่ น พวกนคิ รนถต์ อ้ งเปน็ ผทู้ �ำกรรมชวั่ ไวก้ อ่ นแน่ ในบดั น้ี พวกเขาจงึ ไดเ้ สวยเวทนา 54
เปิดธรรมทถี่ ูกปดิ : แกก้ รรม ? อนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ เจบ็ แสบ เหน็ ปานนี้ ถา้ หมสู่ ตั วย์ อ่ มเสวย สขุ และทกุ ข์ เพราะเหตทุ อี่ ศิ วรเนรมติ ให้ พวกนคิ รนถต์ อ้ งเปน็ ผถู้ กู อศิ วรชน้ั เลวเนรมติ มาแน่ ในบดั นี้ พวกเขาจงึ ไดเ้ สวย เวทนาอนั เป็นทุกขก์ ล้า เจบ็ แสบ เห็นปานน้ี ถา้ หม่สู ัตว์ ยอ่ มเสวยสขุ และทกุ ข์ เพราะเหตทุ มี่ คี วามบงั เอญิ พวกนคิ รนถ์ ตอ้ งเปน็ ผมู้ คี วามบงั เอญิ ชวั่ แน่ ในบดั นี้ พวกเขาจงึ ไดเ้ สวย เวทนาอันเป็นทกุ ขก์ ลา้ เจ็บแสบ เหน็ ปานนี้ ถ้าหมูส่ ัตว์ ยอ่ มเสวยสขุ และทกุ ข์ เพราะเหตแุ หง่ อภชิ าติ พวกนคิ รนถ์ ตอ้ งเป็นผ้มู อี ภิชาติเลวแน่ ในบัดนี้ พวกเขาจึงไดเ้ สวย เวทนาอนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ เจบ็ แสบ เหน็ ปานน้ี ถา้ หมสู่ ตั วย์ อ่ ม เสวยสขุ และทกุ ข์ เพราะเหตแุ หง่ ความพยายามในปจั จบุ นั พวกนิครนถ์ต้องเป็นผู้มีความพยายามในปัจจุบันเลวแน่ ในบดั น้ี พวกเขาจงึ ไดเ้ สวยเวทนาอนั เปน็ ทกุ ขก์ ลา้ เจ็บแสบ เห็นปานนี้. ภิกษุท้ังหลาย ! ถา้ หมสู่ ตั วย์ อ่ มเสวยสขุ และทกุ ข์ เพราะเหตุแห่งกรรมท่ีตนท�ำไว้ในก่อน พวกนิครนถ์ต้อง น่าต�ำหนิ ถ้าหมู่สัตว์ไม่ได้เสวยสุขและทุกข์ เพราะเหตุ แหง่ กรรมทตี่ นท�ำไวใ้ นกาลกอ่ น พวกนคิ รนถก์ ต็ อ้ งนา่ ต�ำหนิ ถา้ หมสู่ ตั วย์ อ่ มเสวยสขุ และทกุ ข์ เพราะเหตทุ อ่ี ศิ วรเนรมติ ให้ 55
พทุ ธวจน - หมวดธรรม พวกนคิ รนถต์ อ้ งนา่ ต�ำหนิ ถา้ หมสู่ ตั วไ์ มไ่ ดเ้ สวยสขุ และทกุ ข์ เพราะเหตุที่อิศวรเนรมิตให้ พวกนิครนถ์ก็ต้องน่าต�ำหนิ ถา้ หมสู่ ตั วย์ อ่ มเสวยสขุ และทกุ ข์ เพราะเหตทุ ม่ี คี วามบงั เอญิ พวกนคิ รนถต์ อ้ งนา่ ต�ำหนิ ถา้ หมสู่ ตั วไ์ มไ่ ดเ้ สวยสขุ และทกุ ข์ เพราะเหตุที่มีความบังเอิญ พวกนิครนถ์ก็ต้องน่าต�ำหนิ ถ้าหมู่สัตว์ย่อมเสวยสุขและทุกข์ เพราะเหตุแห่งอภิชาติ พวกนคิ รนถต์ อ้ งนา่ ต�ำหนิ ถา้ หมสู่ ตั วไ์ มไ่ ดเ้ สวยสขุ และทกุ ข์ เพราะเหตแุ หง่ อภชิ าติ พวกนคิ รนถก์ ต็ อ้ งนา่ ต�ำหนิ ถา้ หมสู่ ตั ว์ ยอ่ มเสวยสขุ และทกุ ข์ เพราะเหตแุ หง่ ความพยายามในปจั จบุ นั พวกนคิ รนถต์ อ้ งนา่ ต�ำหนิ ถา้ หมสู่ ตั วไ์ มไ่ ดเ้ สวยสขุ และทกุ ข์ เพราะเหตุแห่งความพยายามในปัจจุบัน พวกนิครนถ์ก็ ต้องนา่ ต�ำหนิ. ภิกษุทั้งหลาย ! พวกนิครนถ์มีถ้อยคำ� และ ความเหน็ อยา่ งน้ี การกลา่ วกอ่ นและการกลา่ วตาม ๑๐ ประการ อนั ชอบดว้ ยเหตขุ องพวกนคิ รนถ์ ผมู้ ถี อ้ ยค�ำ และความเหน็ อย่างน้ี ยอ่ มถงึ ฐานะนา่ ตำ�หน.ิ ภิกษทุ ั้งหลาย ! ความพยายามไรผ้ ล ความเพยี ร ไร้ผล อยา่ งนี้แล. 56
เปิดธรรมที่ถูกปดิ : แก้กรรม ? ภิกษุท้ังหลาย ! ก็อยา่ งไร ความพยายามจึง จะมีผล ความเพียรจงึ จะมีผล. ภิกษทุ ้งั หลาย ! ภิกษใุ นธรรมวินัยนี้ ไม่เอาทกุ ข์ทบั ถมตนทีไ่ ม่มีทกุ ขท์ บั ถม ๑ ไมส่ ละความสขุ ทีเ่ กิดโดยธรรม ๑ ไมเ่ ปน็ ผูห้ มกมุ่นในความสขุ น้ัน ๑ เธอยอ่ มทราบชดั อยา่ งน้ีว่า ถงึ เรานี้จักยงั มเี หตุแห่งทุกข์ เมอ่ื เรม่ิ ตั้งความเพยี ร วิราคะยอ่ มมีได้ อนง่ึ ถงึ เราน้จี ะยงั มีเหตแุ ห่งทุกข์ เมอ่ื วางเฉย บ�ำ เพญ็ อเุ บกขาอยู่ วริ าคะกย็ อ่ มมไี ด้ เธอนน้ั จงึ เรม่ิ ตง้ั ความเพยี ร และบ�ำ เพญ็ อเุ บกขาอยู่ ด้วยการท�ำ เชน่ นี้ ทุกขน์ ัน้ กเ็ ปน็ อนั เธอสลัดไดแ้ ลว้ . ภิกษทุ ง้ั หลาย ! อกี ประการหนงึ่ ภกิ ษพุ จิ ารณาเหน็ ดังนว้ี า่ 57
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เมือ่ เราอยตู่ ามสบาย อกุศลธรรมย่อมเจรญิ ย่ิง กศุ ลธรรมยอ่ มเสอ่ื ม แต่เมือ่ เราด�ำ รงตนอยูใ่ นความล�ำ บาก อกุศลธรรมย่อมเสอ่ื ม กศุ ลธรรมยอ่ มเจรญิ ยงิ่ อยา่ กระน้ันเลย เราพึงดำ�รงตนอยูใ่ นความลำ�บากเถดิ เธอนัน้ จงึ ด�ำ รงตนอยใู่ นความลำ�บาก เมือ่ เธอด�ำ รงตนอยู่ในความล�ำ บากอยู่ อกุศลธรรมยอ่ มเสอื่ ม กุศลธรรมยอ่ มเจรญิ ย่งิ สมยั ตอ่ มา เธอไมต่ อ้ งด�ำ รงตนอยใู่ นความลำ�บากอีก เพราะเหตวุ ่า ประโยชนท์ ่ีเธอหวังนั้น ส�ำ เรจ็ แล้วตามทีเ่ ธอประสงค์. ภกิ ษุทั้งหลาย ! ความพยายามมผี ล ความเพยี ร มผี ล แมอ้ ยา่ งน.ี้ 58
ลัทธิความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับกรรม ๓ แบบ
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ ูกปิด : แก้กรรม ? ลัทธทิ ี่เชอื่ วา่ สขุ และทุกข์ 17 เกิดจากกรรมเกา่ อย่างเดยี ว -บาลี ตกิ . อ.ํ ๒๐/๒๒๒/๕๐๑. ภกิ ษุท้งั หลาย ! ลทั ธิ ๓ ลทั ธเิ หลา่ น ี้ มอี ย ู่ เปน็ ลทั ธซิ งึ่ แมบ้ ณั ฑติ จะพากนั ไตรต่ รอง จะหยบิ ขน้ึ ตรวจสอบ จะหยบิ ขน้ึ วพิ ากษ์ วจิ ารณก์ นั อยา่ งไร แมจ้ ะบดิ ผนั กนั มาอยา่ งไร กช็ วนใหน้ อ้ มไป เพื่อการไม่ประกอบกรรมท่ดี งี ามอยนู่ ั่นเอง. ภกิ ษทุ ัง้ หลาย ! ลัทธิ ๓ ลัทธิน้ัน เป็นอยา่ งไรเลา่ ? ๓ ลทั ธคิ ือ (๑) สมณะและพราหมณ์บางพวก มีถ้อยค�ำ และ ความเห็นว่า“บรุ ษุ บคุ คลใดๆ กต็ าม ท่ไี ดร้ บั สขุ รับทุกข์ หรือไมใ่ ชส่ ขุ ไมใ่ ชท่ ุกข์ ทง้ั หมดนน้ั เป็นเพราะกรรม ท่ที �ำ ไว้แต่ปางก่อน” ดังนี.้ (๒) สมณะและพราหมณบ์ างพวก มีถอ้ ยคำ�และ ความเหน็ วา่ “บรุ ษุ บคุ คลใดๆ กต็ าม ทไ่ี ดร้ บั สขุ รบั ทกุ ข์ 60
เปิดธรรมทถ่ี ูกปิด : แกก้ รรม ? หรอื ไมใ่ ชส่ ขุ ไมใ่ ชท่ กุ ข์ ทง้ั หมดนน้ั เปน็ เพราะการบนั ดาล ของเจ้าเป็นนาย” ดงั นี.้ (๓) สมณะและพราหมณ์บางพวก มีถ้อยค�ำ และ ความเหน็ วา่ “บรุ ษุ บคุ คลใดๆ กต็ าม ทไ่ี ดร้ บั สขุ รบั ทกุ ข์ หรอื ไมใ่ ชส่ ขุ ไม่ใชท่ กุ ข์ ท้งั หมดนั้น ไม่มอี ะไรเปน็ เหตุ เป็นปัจจยั เลย” ดังน้ี. ภิกษุท้ังหลาย ! ในบรรดาลัทธิท้ัง ๓ น้ัน สมณพราหมณ์พวกใด มีถ้อยค�ำและความเห็นว่า “บุคคลได้รับสุข หรือทุกข์ หรือไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ เพราะกรรมทที่ �ำไว้แต่ปางกอ่ นอย่างเดยี ว” มีอยู่ เราเขา้ ไปหาสมณพราหมณเ์ หลา่ นน้ั แลว้ สอบถาม ความท่ีเขายังยืนยันอยู่ดังน้ันแล้ว เรากล่าวกะเขาว่า “ถ้ากระน้นั คนที่ฆ่าสัตว์ ... ลักทรพั ย์ ... ประพฤตผิ ิด พรหมจรรย์ ... พดู เทจ็ ... พดู ค�ำ หยาบ ... พดู ยใุ หแ้ ตกกนั ... พดู เพ้อเจ้อ ... มใี จละโมบเพ่งเลง็ ... มีใจพยาบาท ... มคี วามเหน็ วปิ รติ เหลา่ น ้ี อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ (ในเวลาน)้ี น่นั ก็ต้องเป็นเพราะกรรมที่ทำ�ไวแ้ ตป่ างกอ่ น. 61
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เมอื่ มัวแต่ถือเอา กรรมทที่ ำ�ไว้แต่ปางกอ่ น มาเป็นสาระสำ�คญั ดงั นี้แล้ว คนเหล่านนั้ ก็ไม่มีความอยากท�ำ หรอื ความพยายามทำ�ในข้อทวี่ ่า สง่ิ นีค้ วรท�ำ (กรณยี กิจ) ส่งิ นไี้ ม่ควรท�ำ (อกรณียกจิ ) อีกตอ่ ไป. เมอ่ื กรณียกจิ และอกรณียกิจ ไมถ่ ูกทำ�หรือถกู ละเวน้ ใหจ้ ริงๆ จงั ๆ กนั แลว้ คนพวกท่ีไม่มีสติคมุ้ ครองตนเหลา่ น้ัน กไ็ มม่ อี ะไรทีจ่ ะมาเรยี กตนวา่ เปน็ สมณะอยา่ งชอบธรรมได”้ ดงั น้ี. 62
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปิด : แกก้ รรม ? ลทั ธทิ ี่เชื่อวา่ สุขและทุกข์ 18 เกดิ จากเทพเจ้าบันดาลให้ -บาลี ตกิ . อํ. ๒๐/๒๒๓/๕๐๑. ภิกษุท้ังหลาย ! ในบรรดาลัทธิท้ัง ๓ น้ัน สมณพราหมณพ์ วกใดมถี อ้ ยค�ำและความเหน็ วา่ “บุคคล ไดร้ บั สุขหรอื ทกุ ข์ หรือไมใ่ ชส่ ขุ ไมใ่ ชท่ ุกข์ ทั้งหมดน้นั เปน็ เพราะอศิ วรเนรมติ ให้ (อสิ สฺ รนมิ มฺ านเหตตู )ิ ” ดงั นี้ มอี ยู่ เราเขา้ ไปหาสมณพราหมณเ์ หลา่ นน้ั แลว้ สอบถาม ความที่เขายังยืนยันอยู่ดังนั้นแล้ว เรากล่าวกะเขาว่า “ถ้ากระนั้น (ในบัดนี้) คนที่ฆ่าสัตว์ ... ลักทรัพย์ ... ประพฤติผดิ พรหมจรรย์ ... พดู เท็จ ... พูดคำ�หยาบ ... พูดยุให้แตกกัน ... พูดเพอ้ เจอ้ ... มีใจละโมบเพง่ เล็ง ... มใี จพยาบาท มคี วามเหน็ วปิ รติ เหลา่ น้ี อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ อยู่ นั่นก็ต้องเป็นเพราะการเนรมิตของอิศวรด้วย. 63
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เมอื่ มัวแต่ถอื เอา การเนรมติ ของอิศวร มาเป็นสาระสำ�คัญดังนีแ้ ลว้ คนเหลา่ น้นั ก็ไมม่ คี วามอยากทำ� หรอื ความพยายามทำ�ในข้อที่ว่า สงิ่ น้ีควรท�ำ (กรณยี กิจ) สงิ่ น้ีไม่ควรท�ำ (อกรณียกจิ ) อกี ตอ่ ไป. เมือ่ กรณียกิจและอกรณียกิจ ไม่ถูกท�ำ หรอื ถกู ละเว้นให้จริงๆ จงั ๆ กนั แลว้ คนพวกท่ีไมม่ ีสตคิ มุ้ ครองตนเหล่าน้ัน ก็ไมม่ ีอะไรท่จี ะมาเรียกตนวา่ เป็นสมณะอยา่ งชอบธรรมได้” ดังนี.้ 64
พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถกู ปดิ : แกก้ รรม ? ลทั ธทิ เี่ ชอื่ วา่ สขุ และทกุ ขเ์ กดิ ขน้ึ เองลอยๆ 19ไม่มอี ะไรเป็นเหตุ เปน็ ปัจจยั -บาลี ติก. อํ. ๒๐/๒๒๔/๕๐๑. ภิกษุท้ังหลาย ! ในบรรดาลัทธิท้ัง ๓ น้ัน สมณพราหมณพ์ วกใด มีถ้อยคำ�และความเห็นวา่ “บุคคล ไดร้ บั สุข หรอื ทกุ ข์ หรือไมใ่ ช่สุขไม่ใช่ทกุ ข์ ทง้ั หมดนนั้ ไม่มอี ะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัยเลย” ดังน ี้ มอี ยู่ เราเขา้ ไปหาสมณะพราหมณเ์ หลา่ นนั้ แลว้ สอบถาม ความที่เขายังยืนยันอยู่ดังนั้นแล้ว เรากล่าวกะเขาว่า “ถ้ากระนั้น (ในบัดน้ี) คนท่ีฆ่าสตั ว์ … ลักทรัพย์ … ประพฤติผิดพรหมจรรย์ … พูดเท็จ … พูดค�ำหยาบ … พดู ยใุ ห้แตกกนั … พูดเพ้อเจอ้ … มีใจละโมบเพ่งเล็ง … มใี จพยาบาท … มคี วามเหน็ วปิ รติ เหลา่ น้ี อยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ อยู่ นน่ั ก็ตอ้ งไมม่ อี ะไรเปน็ เหตุ เป็นปัจจัยเลยดว้ ย. 65
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เมอ่ื มวั แตถ่ อื เอา ความไม่มีอะไรเปน็ เหตุ เป็นปจั จัยเลย มาเป็นสาระสำ�คญั ดังนีแ้ ลว้ คนเหล่าน้ันกไ็ มม่ ีความอยากท�ำ หรอื ความพยายามทำ�ในข้อทวี่ า่ สิง่ นีค้ วรท�ำ (กรณยี กิจ) สงิ่ น้ไี ม่ควรทำ� (อกรณียกิจ) อีกต่อไป. เม่อื กรณียกจิ และอกรณยี กจิ ไมถ่ กู ท�ำ หรอื ถกู ละเวน้ ใหจ้ รงิ ๆ จงั ๆ กนั แลว้ คนพวกทีไ่ มม่ สี ตคิ ุ้มครองตนเหลา่ นั้น ก็ไม่มีอะไรท่จี ะมาเรียกตนว่า เป็นสมณะอย่างชอบธรรมได้” ดงั น้.ี 66
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ ูกปิด : แก้กรรม ? เชือ่ วา่ “กรรม” 20 ไม่มี อนั ตรายอย่างยง่ิ -บาลี ตกิ . อ.ํ ๒๐/๓๖๙/๕๗๗. ภิกษุทั้งหลาย ! ในบรรดาผ้าที่ทอด้วยส่ิงที่เป็น เส้นๆ กันแลว้ ผา้ เกสกมั พล (ผา้ ทอดว้ ยผมคน) นับวา่ เปน็ ผา้ เลวทส่ี ดุ . ผา้ เกสกมั พลน้ี เมอ่ื อากาศหนาว มนั กเ็ ยน็ จดั เมื่ออากาศร้อน มันก็ร้อนจัด. สีก็ไม่งาม กลิ่นก็เหม็น เนอื้ ก็กระด้าง ขอ้ นีเ้ ป็นฉนั ใด ภิกษุทั้งหลาย ! ในบรรดาลัทธิต่างๆ ของ เหล่าปุถุสมณะ (สมณะอ่ืนทั่วไป) แล้ว ลัทธิมักขลิวาท นับว่าเป็นเลวทส่ี ุด ฉันนั้น. ภิกษุทง้ั หลาย ! มกั ขลโิ มฆบรุ ษุ นน้ั มถี อ้ ยค�ำ และ หลกั ความเหน็ วา่ “กรรมไมม่ ี กริ ยิ าไมม่ ี ความเพยี รไมม่ ”ี (คอื ในโลกนี้ อยา่ วา่ แตจ่ ะมผี ลกรรมเลย แมแ้ ตต่ วั กรรม เองกไ็ มม่ ี ท�ำอะไรเทา่ กบั ไมท่ �ำ ในสว่ นของกริ ยิ าและความเพยี ร กม็ นี ยั เชน่ เดยี วกัน). ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! แมพ้ ระอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทง้ั หลาย ทเี่ คยมแี ลว้ ในอดตี กาลนานไกล ทา่ นเหลา่ นน้ั กล็ ว้ น 67
พทุ ธวจน - หมวดธรรม แตเ่ ปน็ ผกู้ ลา่ ววา่ มกี รรม มกี ริ ยิ า มวี ริ ยิ ะ. มกั ขลโิ มฆบรุ ษุ ยอ่ มคดั คา้ นพระอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา้ นนั้ วา่ ไมม่ กี รรม ไมม่ กี ริ ยิ า ไมม่ วี ริ ยิ ะ ดงั น.้ี ภกิ ษทุ งั้ หลาย ! แมพ้ ระอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา้ ทง้ั หลาย ทจี่ กั มมี าในอนาคตกาลนานไกลขา้ งหนา้ ทา่ น เหลา่ นน้ั กล็ ว้ นแตเ่ ปน็ ผกู้ ลา่ ววา่ มกี รรม มกี ริ ยิ า มวี ริ ยิ ะ. มกั ขลโิ มฆบรุ ษุ ยอ่ มคดั คา้ นพระอรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา้ เหลา่ นน้ั วา่ ไมม่ กี รรม ไมม่ กี ริ ยิ า ไมม่ วี ริ ยิ ะ ดงั น.้ี ภิกษทุ งั้ หลาย ! ในกาละนี้ แมเ้ ราเองผ้เู ป็น อรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธะกเ็ ปน็ ผกู้ ลา่ ววา่ มกี รรม มกี ริ ยิ า มีวิริยะ. มักขลิโมฆบุรุษ ย่อมคัดค้านเราว่า ไม่มีกรรม ไม่มกี ริ ิยา ไม่มวี ิรยิ ะ ดงั นี้. ภิกษุทั้งหลาย ! คนเขาวางเครอ่ื งดกั ปลา ไวท้ ่ี ปากแม่น�้ำ ไมใ่ ช่เพ่ือความเกื้อกลู แต่เพอื่ ความทกุ ข์ ความวอดวาย ความฉบิ หาย แกพ่ วกปลาทง้ั หลาย ฉนั ใด มกั ขลโิ มฆบรุ ษุ เกดิ ขน้ึ ในโลก เปน็ เหมอื นกบั ผู้วางเคร่ืองดักมนุษย์ไว้ ไม่ใช่เพื่อความเกื้อกูล แต่ เพอื่ ความทกุ ข์ ความวอดวาย ความฉบิ หาย แกส่ ตั วท์ งั้ หลายเปน็ อันมาก ฉันน้นั . 68
ผลของกรรม แบ่งโดยระยะเวลาให้ผลของกรรม
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี ูกปิด : แกก้ รรม ? ระยะเวลาการใหผ้ ลของกรรม 21 -บาลี ฉกกฺ . อํ. ๒๒/๔๖๕/๓๓๔. ภิกษุทั้งหลาย ! วิบาก (ผลแห่งการกระทำ�) แห่งกรรมทั้งหลาย เป็นอยา่ งไรเล่า ? ภิกษุท้ังหลาย ! เรากล่าววิบากแห่งกรรม ทง้ั หลายว่ามอี ยู่ ๓ อยา่ ง คือ (๑) วิบากในทิฏฐธรรม (คือทันควัน) (๒) วบิ ากในอปุ ปัชชะ (คือในเวลาต่อมา) (๓) วบิ าก ในอปรปรยิ ายะ (คอื ในเวลาตอ่ มาอกี ). ภิกษุทง้ั หลาย ! นีเ้ รากล่าววา่ วบิ ากแห่งกรรม ท้งั หลาย. 70
ผลของกรรม แบ่งโดยผลที่ได้รับ
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถูกปดิ : แก้กรรม ? ผู้ฉลาดในเรอ่ื งวิบากแห่งกรรม 22 -บาลี ม. ม. ๑๓/๖๔๔/๗๐๗. วาเสฏฐะ ! ก็ในหมู่มนุษย์ ผู้ใดอาศัยการรักษาโค เล้ียงชีวิต ท่านจงรู้อย่างน้ีว่า ผู้น้ันเป็นชาวนา ไม่ใช่พราหมณ์ วาเสฏฐะ ! อนึ่ง ในหมมู่ นษุ ย์ ผใู้ ดเลย้ี งชวี ิตด้วยศลิ ป มากอย่าง ท่านจงรู้อยา่ งน้วี า่ ผนู้ ัน้ เปน็ ศิลปิน ไมใ่ ช่พราหมณ์ วาเสฏฐะ ! อนึ่ง ในหมู่มนุษย์ ผู้ใดอาศัยการค้าขาย เล้ียงชีวิต ท่านจงรู้อย่างน้ีว่า ผู้น้ันเป็นพ่อค้า ไม่ใช่พราหมณ์ วาเสฏฐะ ! อนึ่ง ในหมู่มนุษย์ ผู้ใดเลี้ยงชีวิตด้วยการ รบั ใชผ้ อู้ ื่น ท่านจงรอู้ ย่างน้ีว่า ผ้นู ้นั เป็นคนรับใช้ ไม่ใช่พราหมณ์ วาเสฏฐะ ! อนง่ึ ในหมมู่ นษุ ย์ ผใู้ ดอาศยั ของทเ่ี ขาไมใ่ ห้ เล้ยี งชีวติ ท่านจงรอู้ ยา่ งนี้วา่ ผนู้ ้เี ปน็ โจร ไม่ใชพ่ ราหมณ์ วาเสฏฐะ ! อนึ่ง ในหมู่มนุษย์ ผู้ใดอาศัยศาตราวธุ เลีย้ งชีวิต ทา่ นจงรูอ้ ย่างน้วี ่า ผนู้ ้นั เปน็ ทหาร ไมใ่ ชพ่ วกพราหมณ์ วาเสฏฐะ ! อนง่ึ ในหมมู่ นษุ ย์ ผใู้ ดเลย้ี งชวี ติ ดว้ ยการงาน ของปโุ รหติ ทา่ นจงรอู้ ยา่ งนว้ี า่ ผนู้ น้ั เปน็ เจา้ หนา้ ทก่ี ารบชู า ไมใ่ ชพ่ ราหมณ์ วาเสฏฐะ ! อนงึ่ ในหมมู่ นษุ ย์ ผใู้ ดปกครองบา้ นและเมอื ง ท่านจงรู้อย่างนี้ว่า ผู้นี้เป็นพระราชา ไมใ่ ชพ่ ราหมณ์ และเรากไ็ มเ่ รยี กบคุ คลผเู้ กดิ ในก�ำ เนดิ ไหนๆ หรอื เกดิ จาก มารดาว่าเป็นพราหมณ์ บุคคลถึงจะเรียกกันว่าท่านผู้เจริญ ผู้นั้น ก็ยังเปน็ ผู้มีกเิ ลสเคร่อื งกังวลอยู่น่นั เอง 72
เปดิ ธรรมท่ถี ูกปดิ : แกก้ รรม ? เราเรียก บคุ คลผู้ไม่มีกเิ ลสเคร่ืองกงั วล ผ้ไู ม่ยึดมน่ั น้นั ว่า เป็นพราหมณ์ ผใู้ ดแลตัดสงั โยชน์ทง้ั ปวงได้แล้วไม่สะดุ้ง เราเรยี ก ผู้นั้นผู้ล่วงกิเลสเครื่องข้อง ไม่ประกอบด้วยสรรพกิเลส ว่าเป็น พราหมณ์… บุคคลเป็นพราหมณ์เพราะชาติ (ก�ำเนิด) ก็หามิได้ จะมใิ ชพ่ ราหมณ์เพราะชาติ (ก�ำเนิด) ก็หามิได้ บุคคลเปน็ พราหมณ์ กเ็ พราะกรรม ไมเ่ ปน็ พราหมณ์ กเ็ พราะกรรม บคุ คลเปน็ ชาวนา ก็เพราะกรรม เปน็ ศลิ ปนิ ก็เพราะกรรม บคุ คลเปน็ พอ่ ค้า ก็เพราะกรรม เป็นคนรบั ใช้ กเ็ พราะกรรม บุคคลแม้เปน็ โจร กเ็ พราะกรรม เปน็ นกั รบ กเ็ พราะกรรม บุคคลเปน็ ปโุ รหิต ก็เพราะกรรม แมเ้ ปน็ พระราชา ก็เพราะกรรม บัณฑิตท้ังหลายย่อมเห็นซึ่งกรรมนั้น ตามที่เป็นจริง อย่างน.้ี ช่อื วา่ เปน็ ผูเ้ ห็นซ่ึงปฏจิ จสมปุ บาท เป็นผูฉ้ ลาดในเร่อื ง วิบากแหง่ กรรม. โลกย่อมเปน็ ไปตามกรรม หมูส่ ตั วย์ อ่ มเปน็ ไปตามกรรม. สัตว์ทั้งหลาย มีกรรมเป็นเครื่องรึงรัด เหมือนลิ่มสลักขันยึดรถ ทก่ี �ำ ลงั แลน่ ไปอย.ู่ สตั วท์ ้งั หลาย เป็นผู้มกี รรมเป็นของตน เปน็ ทายาท แห่งกรรม มีกรรมเป็นก�ำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรม เป็นที่พ่ึงอาศัย กระท�ำกรรมใดไว้ดีก็ตาม ช่ัวก็ตาม จักเป็น ผู้รับผลของกรรมนั้น. 73
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถกู ปิด : แกก้ รรม ? เหตใุ หไ้ ดค้ วามเป็นผูม้ รี ปู งาม 23 มีทรพั ย์มากและสูงศักด์ิ -บาลี จตกุ ฺก. อํ. ๒๑/๒๗๘/๑๙๗. มลั ลกิ า ! มาตคุ ามบางคนในโลกนไ้ี มเ่ ปน็ ผมู้ กั โกรธ ไมม่ ากไปดว้ ยความคบั แคน้ ใจ ถกู วา่ แมม้ ากกไ็ มข่ ดั เคอื ง ไม่ฉุนเฉียว ไม่กระฟัดกระเฟียด ไม่กระด้างกระเดื่อง ไม่แสดงความโกรธ ความขัดเคืองและความไม่พอใจ ให้ปรากฏ เป็นผู้ให้ทาน คือ ข้าว น้�ำ เครื่องนุ่งห่ม ยานพาหนะ ดอกไม้ ของหอม เครอ่ื งลบู ไล้ ทนี่ อน ทอ่ี ยู่ และประทปี โคมไฟ แกส่ มณะหรอื พราหมณแ์ ละเปน็ ผมู้ ใี จ ไมร่ ษิ ยา ย่อมไม่ริษยา ไม่มงุ่ รา้ ย ไม่ผกู ใจอจิ ฉา ในลาภ- สกั การะ ความเคารพ ความนบั ถอื การไหว้ และการบชู า ของคนอนื่ ถา้ มาตคุ ามนนั้ จตุ จิ ากอตั ภาพนน้ั แลว้ มาสู่ ความเปน็ อยา่ งนกี้ ลบั มาเกดิ ในชาตใิ ดๆ ยอ่ มเปน็ ผมู้ รี ปู งาม นา่ ด ู นา่ ชม ประกอบดว้ ยความเปน็ ผมู้ ผี วิ พรรณงามยง่ิ นกั ทง้ั เปน็ ผมู้ งั่ คง่ั มที รพั ยม์ าก มโี ภคสมบตั มิ ากและสงู ศกั ด.ิ์ 74
พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถกู ปิด : แกก้ รรม ? ผลของให้ทานแบบต่างๆ 24 -บาลี ปญจฺ ก. อ.ํ ๒๒/๑๙๒/๑๔๘. ภิกษทุ ้งั หลาย ! สัปปรุ สิ ทาน ๕ ประการนี้ ๕ ประการอย่างไรเล่า ? คอื ๑. ยอ่ มให้ทานด้วยศรทั ธา ๒. ยอ่ มให้ทานโดยเคารพ ๓. ยอ่ มใหท้ านโดยกาลอันควร ๔. เปน็ ผมู้ ีจติ อนเุ คราะห์ให้ทาน ๕. ย่อมใหท้ านไมก่ ระทบตนและไมก่ ระทบผอู้ น่ื ภกิ ษทุ ้งั หลาย ! สตั บรุ ษุ (๑) คร้ันให้ทานด้วยศรัทธาแล้ว ย่อมเป็น ผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคทรัพย์มาก และเป็นผู้มี รูปสวยงาม น่าดูน่าเล่ือมใส ประกอบด้วยผิวพรรณ งามยงิ่ นกั ในท่ีที่ทานน้ันให้ผล. (๒) คร้ันให้ทานโดยเคารพแล้ว ย่อมเป็น ผูม้ ่ังคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคทรัพย์มาก และเป็นผู้มี บุตรภรรยา ทาส คนใช้หรือคนงาน เป็นผู้เชื่อฟัง เง่ยี โสตลงสดับค�ำสั่ง ตงั้ ใจใคร่รู้ ในที่ท่ที านน้ันให้ผล. 75
พุทธวจน - หมวดธรรม (๓) ครั้นให้ทานโดยกาลอันควรแล้ว ย่อม เป็นผู้มั่งคัง่ มีทรพั ยม์ าก มโี ภคทรพั ยม์ าก และย่อม เป็นผู้มีความต้องการที่เกิดข้ึนตามกาลบริบูรณ์ ในท่ี ที่ทานน้ันให้ผล. (๔) คร้ันเป็นผู้มีจิตอนุเคราะห์ให้ทานแล้ว ย่อมเป็นผมู้ ัง่ คง่ั มีทรัพยม์ าก มโี ภคทรัพย์มาก และ เปน็ ผู้มีจติ นอ้ มไปเพ่อื บรโิ ภคกามคณุ ๕ สงู ยงิ่ ขนึ้ ในที่ ที่ทานน้นั ใหผ้ ล. (๕) คร้ันให้ทานไม่กระทบตนและไม่กระทบ ผอู้ นื่ แลว้ ยอ่ มเปน็ ผมู้ งั่ คงั่ มที รพั ยม์ าก มโี ภคทรพั ยม์ าก และยอ่ มเปน็ ผมู้ โี ภคทรพั ยไ์ มม่ ภี ยนั ตรายมาแตท่ ไี่ หนๆ คอื จากไฟ จากนำ้� จากพระราชา จากโจร จากคนไม่เป็น ที่รกั หรือจากทายาท ในทที่ ที่ านน้นั ให้ผล. ภิกษุทง้ั หลาย ! น้ีแลสปั ปุริสทาน ๕ ประการ. 76
พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี ูกปดิ : แก้กรรม ? กรรมทท่ี �ำใหไ้ ดร้ บั ผลเปน็ 25 ความไมต่ กตำ่� -บาลี อติ ิวุ. ข.ุ ๒๕/๒๔๐/๒๐๐. ภิกษุท้ังหลาย ! แต่ชาติท่ีแล้วมาแต่อดีต ตถาคตไดเ้ คยเจรญิ เมตตาภาวนาตลอด ๗ ปี จงึ ไมเ่ คย มาบงั เกดิ ในโลกมนุษยน์ ้ี ตลอด ๗ สังวฏั ฏกปั ป์ และ วิวัฏฏกัปป์. ในระหว่างกาลอันเป็นสังวัฏฏกัปป์นั้น เราได้บังเกิดในอาภัสสรพรหม. ในระหว่างกาลอันเป็น วิวฏั ฏกัปปน์ น้ั เราก็ไดอ้ ยพู่ รหมวิมานอันวา่ งเปลา่ แล้ว. ภิกษุท้ังหลาย ! ในกัปป์น้ัน เราได้เคยเป็น พรหม ไดเ้ คยเปน็ มหาพรหมผยู้ ง่ิ ใหญ่ ไมม่ ใี ครครอบง�ำ ได้ เปน็ ผเู้ หน็ สง่ิ ทง้ั ปวงโดยเดด็ ขาด เปน็ ผมู้ อี �ำ นาจสงู สดุ . ภิกษุทั้งหลาย ! เราได้เคยเป็นสักกะ ผู้เป็น จอมแห่งเทวดา นับได้ ๓๖ ครงั้ เราไดเ้ คยเป็นราชา จกั รพรรดผิ ปู้ ระกอบดว้ ยธรรม เปน็ พระราชาโดยธรรม มแี วน่ แคว้นจดมหาสมุทรท้ังสเ่ี ป็นทสี่ ดุ เปน็ ผชู้ นะแลว้ อย่างดี มีชนบทอนั บรบิ ูรณป์ ระกอบด้วยแกว้ เจด็ ประการ นบั ด้วยร้อยๆ ครงั้ ทำ�ไมจะตอ้ งกล่าวถงึ ความเปน็ ราชา ตามธรรมดาด้วย. 77
พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภิกษุทั้งหลาย ! ความคิดได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ผลวบิ ากแหง่ กรรมอะไรของเราหนอ ทท่ี �ำ ใหเ้ ราเปน็ ผมู้ ฤี ทธิ์ มากถึงอยา่ งน้ี มีอานุภาพมากถงึ อย่างนี้ ในคร้ังน้ันๆ. ภิกษุทั้งหลาย ! ความรู้สึกได้เกิดขึ้นแก่เราว่า ผลวบิ ากแหง่ กรรม ๓ อยา่ งนแ้ี ล ที่ท�ำ ใหเ้ รามีฤทธิม์ าก ถงึ อย่างนี้ มีอานภุ าพมากถงึ อยา่ งนี้ วิบากแหง่ กรรม ๓ อย่าง ในคร้ังน้นั คอื (๑) ผลวบิ ากแหง่ ทาน (การให้) (๒) ผลวิบากแห่งทมะ (การบีบบังคบั ใจ) (๓) ผลวิบากแห่งสัญญมะ (การสำ�รวมระวงั ) ดงั น.ี้ 78
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220