Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนสารสนเทศการบัญชี

แผนการสอนสารสนเทศการบัญชี

Published by nalinee.2523, 2020-09-21 03:40:07

Description: แผนการสอนสารสนเทศการบัญชี

Search

Read the Text Version

แลว้ กด ok จะแปรผลอยใู่ นหนา้ จอ out put จะแสดงผลความถ่ีของเพศออกมาให้ ตวั ทจ่ี ะนาไปลงในตารางใชแ้ ค่ frequencies กบั เปอร์เซ็นต์ สามารถ คลิกเลือกใหว้ เิ คราะห์พร้อมกนั หลายๆตวั แปรได้ ถา้ จะหาขอ้ มลู ใหม้ ีค่าสูงสุด ต่าสุด และคา่ เฉลี่ย (Mean) ดว้ ย ใหเ้ ลือกตรง statistics แลว้ เขา้ ไปคลิกเลือกท่คี า่ mean ,คา่ minimum(ต่าสุด ) ,คา่ maximum (สูงสุด) แลว้ เลือก continue กด ok จะเขา้ หนา้ จอ out put

การจัดช้ันข้อมูล เช่น ช่วงอายุ ใหค้ ลิกที่ analyze ไปท่ี descriptive statistic ไปท่ี descriptive เลือกขอ้ มูลทจ่ี ะนามาวเิ คราะห์ แลว้ ไปที่ option แลว้ เขา้ ไปคลิกเลอื กท่ีค่า mean ,ค่า minimum(ต่าสุด ) ,ค่า maximum (สูงสุด) แลว้ เลือก continue กด ok จะ เขา้ หนา้ จอ out put ถา้ จะจดั ช้นั ตามปกติใหน้ า ค่า max – ค่า min / จานวนช้นั ทีต่ อ้ งการ แตก่ ารหาค่าอายใุ หด้ ูตามความ เหมาะสมของช้นั เช่น ห่างกนั ช่วงละ 10 ปี

กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ข้ันตอนการเรียนรู้หรือกิจกรรมของนกั เรียน 1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน (20 นาที ) 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (20 นาที ) 8. ผสู้ อนช้ีแจงเรื่องที่จะศกึ ษาและจดุ ประสงค์ 8. ผูเ้ รียนฟังผูส้ อนช้ีแจงเรื่องที่จะศึกษาและ เชิงพฤติกรรมประจาหน่วยท่ี 4 เรื่องการประยกุ ตใ์ ช้ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมประจาหน่วยท่ี 4 เรื่องการ โปรแกรมสาเร็จรูป ประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป 9. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 9. ผเู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 4 หน่วยที่ 4 2. ข้นั ให้ความรู้ (340 นาที) 2. ข้นั ให้ความรู้ (340 นาที ) 7. ผสู้ อนเปิ ด PowerPoint หน่วยท่ี 4 เร่ืองการ 7. ผเู้ รียนศึกษา PowerPoint หน่วยท่ี 4 เร่ือง การ ประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป ประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป 8. ผู้สอนอธิบายเน้ือหาในหน่วยเรียนท่ี 4 8. ผูเ้ รียนฟังผูส้ อนอธิบายเน้ือหาในหน่วยเรียน เรื่อง การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป ที่ 4 เรื่อง การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป

กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนกั เรียน 3. ข้นั ประยุกต์ใช้ ( 330 นาที ) 3. ข้นั ประยุกต์ใช้ ( 330 นาที ) 13.ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทาแบบฝึกหดั หน่วยที่ 4 13.ผเู้ รียนทาแบบฝึกหดั หน่วยที่ 4 14.ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทากิจกรรมนาสู่อาเซียน 14.ผเู้ รียนทากิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยที่ 4 หน่วยที่ 4 15.ผู้สอนให้ผู้เรียนทากิจกรรมบูรณ าการ 15.ผเู้ รียนทากิจกรรมบูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี ง 16.ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทากิจกรรมบูรณาการจิต 16.ผูเ้ รียนทากิจกรรมบูรณาการจิตอาสา หน่วยที่ อาสา หน่วยที่ 4 4 4. ข้นั สรุปและประเมินผล ( 30 นาที ) 4. ข้นั สรุปและประเมนิ ผล ( 30 นาที ) 7. ผสู้ อนและผูเ้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือในหน่วย 7. ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันสรุปเน้ื อหาใน เรียนที่ 4 เรื่อง การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป หน่วยเรียนท่ี 4 เร่ือง การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป 8. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทาแบบทดสอบหลังเรียน 8. ผเู้ รียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 4 หน่วยที่ 4 (บรรลจุ ุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-5) (บรรลจุ ุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-5) (รวม 720 นาที หรือ 12 คาบเรียน)

งานทม่ี อบหมายหรือกจิ กรรมการวดั ผลและประเมนิ ผล ก่อนเรียน 7. เอกสารหน่วยที่ 4 การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป 8. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 4 ขณะเรียน 13. แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 4 14. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยท่ี 4 15. กิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 16. กิจกรรมบูรณาการจิตอาสา หน่วยท่ี 4 หลงั เรียน 4. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 4 ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสาเร็จของผ้เู รียน 19. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยท่ี 4 20. แบบฝึกหดั หน่วยที่ 4 21. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยท่ี 4 22. กิจกรรมบูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 23. กิจกรรมบูรณาการจิตอาสา หน่วยที่ 4 24. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 4

ส่ือการเรียนการสอน/การเรียนรู้ สื่อส่ิงพมิ พ์ 22. เอกสารประกอบการสอนวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ การจดั การอาชีพ (ใชป้ ระกอบการเรียน การสอนจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 1-5) 23. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 4 ใชข้ ้นั นาเขา้ สู่บทเรียนขอ้ 2 24. แบบฝึกหดั หน่วยที่ 4 ใชข้ ้นั ประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ 1 25. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยท่ี 4 ใชข้ ้นั ประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ 2 26. กิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง ใชข้ ้นั ประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ 3 27. กิจกรรมบูรณาการจิตอาสา หน่วยท่ี 4 ใชข้ ้นั ประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ 4 28. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 4 ใชข้ ้นั สรุปผลและประเมินผลขอ้ 2 สื่อโสตทัศน์ (ถ้ามี) 1. เคร่ืองไมโครคอมพวิ เตอร์ 2. งานนาเสนอ สื่อของจริง

แหล่งการเรียนรู้ ในสถานศึกษา 7. หอ้ งสมุด 8. หอ้ งปฏบิ ตั ิการคอมพวิ เตอร์ นอกสถานศึกษา ผปู้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในทอ้ งถิ่น การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วชิ าอ่ืน 10. บูรณาการกบั วชิ าภาษาไทย เรื่อง การอธิบายความหมายของโปรแกรมสาเร็จรูป 11. บรู ณาการกบั วชิ าวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง การจาแนกประเภทของซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ การวเิ คราะห์ ลกั ษณะสาคญั ของซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ 12. บูรณาการกบั วชิ าความรูเ้ กี่ยวกบั งานอาชีพ เรื่อง การใชง้ านโปรแกรมสาเร็จรูปและโปรแกรม ประยกุ ต์

การประเมนิ ผลการเรียนรู้  หลกั การประเมินผลการเรียนรู้ ก่อนเรียน 7. เอกสารหน่วยท่ี 4 การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป 8. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 4 ขณะเรียน 13. แบบฝึกหดั หน่วยที่ 4 14. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยที่ 4 15. กิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 16. กิจกรรมบรู ณาการจิตอาสา หน่วยท่ี 4 หลังเรียน 1. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 4 ผลงาน/ชิ้นงาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน 19. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 4 20. แบบฝึกหดั หน่วยที่ 4 21. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยที่ 4 22. กิจกรรมบูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 23. กิจกรรมบรู ณาการจติ อาสา หน่วยที่ 4 24. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 4

สมรรถนะที่พงึ ประสงค์ ผเู้ รียนสรา้ งความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป 13. วเิ คราะห์และตคี วามหมาย 14. สาธิตพรอ้ มแสดงท่าทางประกอบ 15. อภปิ รายแสดงความคดิ เห็น 16. ประยกุ ตค์ วามรูส้ ู่งานอาชีพ สมรรถนะการปฏบิ ัติงานอาชีพ ใชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูปและโปรแกรมประยกุ ต์ สมรรถนะการขยายผล ความสอดคล้อง จากการเรียนสปั ดาห์ท่ี 13-15 เร่ือง การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป ทาให้ผูเ้ รียนมีความรู้เกี่ยวกบั ความหมายของโปรแกรมสาเร็จรูป โปรแกรมประยกุ ต์ ลักษณะของซอฟต์แวร์ประยกุ ต์ ประเภทของ ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ และการประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป จนผู้เรียนสามารถนาโปรแกรมสาเร็จรูปไป ประยกุ ตใ์ ชก้ บั การทางาน สามารถใชง้ านโปรแกรมสาเร็จรูปและโปรแกรมประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งชานาญ

รายละเอียดการประเมินผลการเรียนรู้  จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ท่ี 1 อธิบายความหมายของโปรแกรมสาเร็จรูปได้ 10.วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 11. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 12.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : อธิบายความหมายของโปรแกรมสาเร็จรูปได้ จะได้ 1 คะแนน  จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ที่ 2 จาแนกประเภทของซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตไ์ ด้ 10.วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 11. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 12.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : จาแนกประเภทของซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตไ์ ด้ จะได้ 2 คะแนน  จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ที่ 3 วเิ คราะหล์ กั ษณะสาคญั ของซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตไ์ ด้ 10. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 11. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 12. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : วเิ คราะห์ลกั ษณะสาคญั ของซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตไ์ ด้ จะได้ 2 คะแนน  จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 4 ใชง้ านโปรแกรมประยกุ ตไ์ ด้ 10.วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 11. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 12.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ใชง้ านโปรแกรมประยกุ ตไ์ ด้ จะได้ 3 คะแนน  จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 5 ประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูปในการทางานได้ 10.วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 11. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 12.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูปในการทางานได้ จะได้ 2 คะแนน

แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 4 คาสั่ง จงเลือกคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งเพยี งขอ้ เดียว 1.ซอฟตแ์ วร์ระบบกบั ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตเ์ ก่ียวขอ้ งกนั อยา่ งไร ก. มีลกั ษณะการใชง้ านทค่ี ลา้ ยคลึงกนั ข. มีประสิทธิภาพในการทางานเท่าเทยี มกนั ค. มีระบบปฏบิ ตั กิ ารเป็นสื่อกลางการทางาน ง. มีหน่วยความจาเพยี งพอในการจดั เกบ็ ขอ้ มูล จ. มีเน้ือกทีใ่ นการจดั สรรขอ้ มูล 2.ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตพ์ ฒั นาข้ึนเพอ่ื อะไร ก. เพอื่ ตอบสนองความตอ้ งการ ข. เพอื่ ใหใ้ ชง้ านคอมพวิ เตอร์ไดร้ วดเร็วข้ึน ค. เพอื่ ความตอ้ งการขององคก์ รใดองคก์ รหน่ึง ง. ช่วยใหค้ อมพวิ เตอร์ทางานตามความตอ้ งการของผใู้ ช้ จ. ช่วยทาใหผ้ ใู้ ชง้ านทางานงา่ ยข้นึ 3.ขอ้ ใดไม่ใช่ภาษาโปรแกรมที่ใกลเ้ คยี งภาษามนุษย์ ก. ภาษาแอสเซมบลี (Assembly) ข. ภาษาซี (C) ค. ภาษาโคบอล (COBOL) ง. ภาษาจาวา จ. ภาษาจาวา# 4. ขอ้ ใดไม่ใช่ประเภทของโปรแกรมสาเร็จรูป ก. โปรแกรมประมวลผลคา ข. โปรแกรมส่ือสารระยะใกล้ ค. โปรแกรมเพอื่ ความบนั เทงิ ง. โปรแกรมเขียนแบบ จ. โปรแกรมจดั การฐานขอ้ มูล 5.ซอฟตแ์ วร์สาเร็จรูปท่ีนิยมใชก้ นั ทว่ั ไปมีก่ีกลุ่ม ก. 3 กลุ่ม ข. 4 กลุ่ม ค. 5 กลุ่ม ง. 6 กลุ่ม จ. 7 กลุ่ม

6. ซอฟตแ์ วร์ในขอ้ ใดท่ีเป็นซอฟตแ์ วร์ดา้ นการคิดคานวณ ก. Word processing software ข. Spread sheet software ค. Data base management software ง. Presentation software จ. Data communication software 7. ขอ้ ใดไม่ใช่เมนูมาตรฐานของโปรแกรมเงินเดือน ก. บนั ทกึ ข. ประเภทรายได้ ค. มาสาย ง. คา่ คงที่ OT จ. กาหนดการหกั ลดหยอ่ น 8. รูปแบบในการคดิ ประกนั สงั คมมีกี่รูปแบบ ก. 2 รูปแบบ ข. 3 รูปแบบ ค. 4 รูปแบบ ง. 5 รูปแบบ จ. 6 รูปแบบ 9. ขอ้ ใดคือความหมายของ Consignor ก. ตวั แทน ข. ผฝู้ ากขาย ค. ผรู้ ับฝากขาย ง. นายหนา้ จ. ผคู้ า้ ส่งฝากขาย 10. ขอ้ ใดต่อไปน้ี คอื โปรแกรมวเิ คราะห์ขอ้ มูล ก. โปรแกรม Procom ข. โปรแกรม WellCall ค. โปรแกรม Payroll ง. โปรแกรม Express จ. โปรแกรม SPSS

แบบฝึ กหัด หน่วยที่ 4 คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามดงั ตอ่ ไปน้ี 1. จงอธิบายความหมายโปรแกรมสาเร็จรูป …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………..……………………………………….…… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………..………………………. 2. จงอธิบายลกั ษณะของซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………..……………………….. 3. ประเภทของซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตม์ ีกี่ประเภท อะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………..……………………….

ตอนท่ี 2 ใหน้ กั ศึกษาหาขา่ วสารท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั โปรแกรมสาเร็จรูป มาคนละ 1 ขา่ วสารซ่ึงสามารถหาไดจ้ าก ส่ือ หนงั สือพมิ พ์ นิตยสาร หรือ อินเทอร์เน็ต ตดิ รูปข่าวสาร หัวข้อข่าวสาร : ............................................................................................................................................... เนื้อหาของข่าว : ............................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................................... ทีม่ า : ..............................................................................................................................................................

กจิ กรรมนาสู่อาเซียน หน่วยที่ 4 คาสง่ั : ใหน้ กั ศกึ ษาทาเคร่ืองหมาย หนา้ รูปภาพที่นกั ศกึ ษาคดิ วา่ ใช่โปรแกรมสาเร็จรูป และทาเครื่องหมาย  หนา้ รูปภาพท่ีนกั ศกึ ษาคิดวา่ ไม่ใช่โปรแกรมสาเร็จรูป

กจิ กรรม บูรณาเศรษฐกจิ พอเพียง กิจกรรม : คิดคน้ ควา้ อนาคตไกล จดุ ประสงค์ : เพอื่ ใหน้ กั เรียนรู้การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป ภาระงาน 1. ใหน้ กั เรียนจบั คู่ ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มรวบรวมขอ้ มูลเก่ียวกบั สิ่งต่าง ๆ ที่ช่วยเกิดความรู้การประยกุ ตใ์ ช้ โปรแกรมสาเร็จรูป 2. จดั ทาป้ายนิเทศ แผน่ พบั เพอ่ื เผยแพร่ความรู้ และเพอื่ เป็ นการประหยดั คา่ ใชจ้ า่ ย 3. สรุปการดาเนินงานเพอ่ื รายงานครูผสู้ อน กจิ กรรม กิจกรรมบูรณาการจติ อาสา หน่วยท่ี 4 จดุ ประสงค์ เรื่อง การประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป ภาระงาน รู้จกั ข้นั ตอน ทดสอบก่อนใชจ้ ริง เพอื่ ใหน้ กั เรียนนาความรูท้ ไ่ี ดจ้ ากการประยกุ ตใ์ ชโ้ ปรแกรมสาเร็จรูป 1. ใหน้ กั เรียนจบั คูก่ นั 2. นาขอ้ มูลทไ่ี ดจ้ ากการศึกษามาทาป้าย แผน่ พบั เพอ่ื บอกข้นั ตอนในการใชโ้ ปรแกรม สาเร็จรูปทน่ี กั ศกึ ษาถนดั พร้อมอธิบายข้นั ตอน อยา่ งละเอียด 3. นาขอ้ มูลและความรู้ทีไ่ ดม้ าบรรยายหนา้ ช้นั เรียน 4. เก็บภาพและขอ้ มูลในการใหค้ วามรูส้ รุปส่งครูผสู้ อนในรูปแบบรายงาน

แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 4 คาสั่ง จงเลือกคาตอบทถ่ี ูกตอ้ งเพยี งขอ้ เดียว 1.ขอ้ ใดคือความหมายของโปรแกรมสาเร็จรูป ก. ซอฟตแ์ วร์ หรือโปรแกรมประยกุ ตท์ ีม่ ีผจู้ ดั ทาไว้ เพอ่ื ใชใ้ นการทางานประเภทตา่ งๆ โดยท่ีผใู้ ชค้ น อ่ืนๆ สามารถนาโปรแกรมไปใชก้ บั ขอ้ มูลของตนเองได้ ข. โปรแกรมท่ีทาหน้าท่ีควบคุมการทางาน ของเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่ต่อพ่วงกบั เคร่ือง คอมพวิ เตอร์ ค. เป็ นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่าง ผูใ้ ช้กับคอมพิวเตอร์ เพ่ือให้เกิดความสะดวก ในการส่ังงาน คอมพวิ เตอร์ ง. กลุ่มชุดคาสงั่ ทใ่ี ชอ้ ธิบายชิ้นงาน หรือกลุ่มงานท่ีจะประมวลผลโดยคอมพวิ เตอร์ จ. โปรแกรมทท่ี าหนา้ ท่ีในการจดั การระบบเพื่อตดิ ต่อระหวา่ งฮาร์ดแวร์กบั กบั ซอฟตแ์ วร์ประเภทต่าง ๆ ใหส้ ะดวกมากข้ึน 2. การติดตอ่ ส่ือสารทางอินเตอร์เน็ต เป็นประเภทของโปรแกรมสาเร็จรูปแบบใด ก. โปรแกรมประมวลผลคา ข. โปรแกรมเวบ็ เพจ ค. โปรแกรมสื่อสารระยะไกล ง. โปรแกรมการฟิกส์ จ. โปรแกรมเพอ่ื ความบนั เทิง 3. การสรา้ งและจดั การรูปภาพในคอมพวิ เตอร์ เป็นประเภทของโปรแกรมสาเร็จรูปแบบใด ก. โปรแกรมประมวลผลคา ข. โปรแกรมเวบ็ เพจ ค. โปรแกรมส่ือสารระยะไกล ง. โปรแกรมการฟิกส์ จ. โปรแกรมเพอ่ื ความบนั เทิง 4. การคานวณ สรา้ งกราฟ และจดั การดา้ นฐานขอ้ มูล ก. โปรแกรมประมวลผลคา ข. โปรแกรมตารางงาน ค. โปรแกรมจดั การฐานขอ้ มูล ง. โปรแกรมการฟิกส์ จ. โปรแกรมเขยี นแบบ

5. ขอ้ ใดไม่ใช่โปรแกรมสาหรับการใชง้ านอินเทอร์เน็ต ก. Internet Explorer ข. FireFox ค. FileZilla ง. Google Chrome จ. FireMozila 6. ขอ้ ใดไม่เกี่ยวขอ้ งกบั การเซ็ตคา่ มาตรฐานใหก้ บั พนกั งานแตล่ ะคน ก. กาหนดมาตรฐานการทางาน ข. กาหนดมาตรฐานประกนั สงั คม ค. กาหนดประเภทรายได้ ง. กาหนดประเภทรายการหกั จ. กาหนดมาตรฐาน OT 7. รูปแบบการคิด OT มีกี่รูปแบบ ก. 2 รูปแบบ ข. 3 รูปแบบ ค. 4 รูปแบบ ง. 5 รูปแบบ จ. 6 รูปแบบ 8. ขอ้ ใดคือความหมายของ Consignee ก. ตวั แทน ข. ผฝู้ ากขาย ค. ผรู้ บั ฝากขาย ง. นายหนา้ จ. ผคู้ า้ ส่งฝากขาย 9. การกาหนดชื่อตวั แปรในโปรแกรม Spss สามารถกาหนดเป็นตวั อกั ษรไดไ้ ม่เกินก่ีตวั ก. 6 ตวั อกั ษร ข. 7 ตวั อกั ษร ค. 8 ตวั อกั ษร ง. 9 ตวั อกั ษร จ. 10 ตวั อกั ษร 10. Missing เป็ นการกาหนดค่าแบบใด ก. กาหนดช่ือหวั ขอ้ /ตวั แปร ข. กาหนดคา่ ใหก้ าหนดเป็น numeric ค. การกาหนดคา่ ที่จะไม่วเิ คราะห์ ไม่ใชใ้ นการคานวณ ง. การกาหนดคา่ ความกวา้ งของคอลมั น์ จ. การกาหนดทศิ ทางของตวั อกั ษรในช่องวา่ จะเป็ น ซา้ ย ขวา หรือ กลาง

แบบประเมนิ ผลการนาเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขที่……. 2……………………………………เลขท่ี……. 3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ขอ้ คิดเห็น 32 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจน (ความรู้เก่ียวกบั เน้ือหา ความถูกตอ้ ง ปฏิภาณในการตอบ และการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ ) 2 รูปแบบการนาเสนอ 3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 4 บคุ ลิกลกั ษณะ กิริยา ท่าทางในการพูด น้าเสียง ซ่ึงทาให้ผฟู้ ังมีความ สนใจ รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… เกณฑ์ การให้ คะแนน 1. เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจนถูกตอ้ ง 3 คะแนน = มสี าระสาคญั ครบถว้ นถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ครบถว้ น แตต่ รงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ถูกตอ้ ง ไม่ตรงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนาเสนอ 3 คะแนน = มรี ูปแบบการนาเสนอที่เหมาะสม มกี ารใชเ้ ทคนิคที่แปลกใหม่ ใชส้ ่ือและเทคโนโลยี ประกอบการ นาเสนอทีน่ ่าสนใจ นาวสั ดใุ นทอ้ งถิ่นมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งคุม้ ค่าและประหยดั 2 คะแนน = มีเทคนิคการนาเสนอท่ีแปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยปี ระกอบการนาเสนอท่ีน่าสน ใจ แตข่ าดการประยกุ ตใ์ ช้ วสั ดุในทอ้ งถ่ิน 1 คะแนน = เทคนิคการนาเสนอไมเ่ หมาะสม และไม่น่าสนใจ 3. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมบี ทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีบทบาทและมสี ่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผฟู้ ัง 3 คะแนน = ผฟู้ ังมากกวา่ รอ้ ยละ 90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื 2 คะแนน = ผฟู้ ังร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื 1 คะแนน = ผฟู้ ังนอ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 70 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื

แบบประเมนิ กระบวนการทางานกล่มุ ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายช่ือสมาชิก 1……………………………………เลขที่……. 2……………………………………เลขท…ี่ …. 3……………………………………เลขท่ี……. 4……………………………………เลขท…ี่ …. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น 1 การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั 321 2 การแบง่ หนา้ ทรี่ ับผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม 3 การปฏิบตั ิหนา้ ทท่ี ่ไี ดร้ ับมอบหมาย 4 การประเมนิ ผลและปรับปรุงงาน รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… วนั ท่ี…………เดือน……………………..พ.ศ………….. เกณฑ์ การให้ คะแนน 1. การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายการทางานอยา่ งชดั เจน 2 คะแนน = สมาชกิ ส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายในการทางาน 1 คะแนน = สมาชกิ ส่วนนอ้ ยมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายในการทางาน 2. การมอบหมายหน้าทร่ี ับผดิ ชอบและการเตรียมความพรอ้ ม 3 คะแนน = กระจายงานไดท้ ว่ั ถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คน มีการจดั เตรียมสถานที่ ส่ือ / อปุ กรณ์ไวอ้ ย่างพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถึง แต่ไมต่ รงตามความสามารถ และมีสื่อ / อปุ กรณ์ไวอ้ ยา่ งพรอ้ มเพรียง แตข่ าด การจดั เตรียมสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไมท่ ว่ั ถงึ และมสี ่ือ / อปุ กรณ์ไมเ่ พยี งพอ 3. การปฏิบตั หิ น้าทท่ี ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย 3 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้าหมาย และตามเวลาทกี่ าหนด 2 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้าหมาย แต่ชา้ กวา่ เวลาทก่ี าหนด 1 คะแนน = ทางานไม่สาเร็จตามเป้าหมาย 4. การประเมนิ ผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชกิ บางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แต่ไมป่ รับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมไม่มสี ่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชกิ บางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แต่ไม่ปรับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมไม่มสี ่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน

บันทกึ หลงั การสอน หน่วยท่ี 4 เรื่อง การประยุกต์ใช้โปรแกรมสาเร็จรูป ผลการใช้แผนการเรียนรู้ 1. เน้ือหาสอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม 2. สามารถนาไปใชป้ ฏบิ ตั ิการสอนไดค้ รบตามกระบวนการเรียนการสอน 3. ส่ือการสอนเหมาะสมดี ผลการเรียนของนักเรียน 1. นกั ศกึ ษาส่วนใหญ่มีความสนใจใฝ่ รู้ เขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคาถามในกลุ่ม และร่วมกนั ปฏบิ ตั ิงานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย 2. นกั ศึกษากระตือรือร้นและรบั ผดิ ชอบในการทางานกลุม่ เพอ่ื ใหง้ านสาเร็จทนั เวลาทีก่ าหนด ผลการสอนของครู 1. สอนเน้ือหาไดค้ รบตามหลกั สูตร 2. แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้ือหาการสอนทาใหผ้ สู้ อนสอนไดอ้ ยา่ งมน่ั ใจ 3. สอนไดท้ นั ตามเวลาทก่ี าหนด

แผนการสอน/แผนการเรียนรู้ภาคทฤษฎี แผนการสอน/การเรียนรู้ภาคทฤษฎี หน่วยที่ 5 ชื่อวชิ า ระบบสารสนเทศการบญั ชี สอนสัปดาห์ท่ี 16- 18 ชื่อหน่วย การนาเสนอและการสื่อสารขอ้ มลู คาบรวม 72 สารสนเทศ ช่ือเร่ือง การนาเสนอและการสื่อสารขอ้ มูลสารสนเทศ จานวนคาบ 12 สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย สร้างงานนาเสนอเพอ่ื การนาเสนอขอ้ มูล สาระสาคญั หลกั การนาเสนอขอ้ มูลและสรา้ งสื่อนาเสนอ การนาเสนองานหรือผลงานน้นั ส่ือนาเสนอเปรียบเสมือน สะพานเชื่อมเน้ือหา ของผบู้ รรยายไปยงั ผฟู้ ังและผชู้ ม ดงั น้ันสื่อจงึ มีบทบาทสาคญั อยา่ งมาก สื่อท่ีดี จะช่วยให้ การถ่ายทอดเน้ือหาสาระทาไดอ้ ยา่ งรวดเร็วยง่ิ ข้ึน ผฟู้ ังและผชู้ มจะสามารถ จดจาเน้ือหาสาระไดน้ านและเขา้ ใจ ในเน้ือหาไดด้ ีมากข้ึน ความหมายการนาเสนอ การนาเสนอขอ้ มูล หมายถึง การส่ือสารเพ่ือเสนอขอ้ มูล ความรู้ ความคิดเห็น หรือความตอ้ งการไปสู่ผชู้ ม ผฟู้ ังโดยใชเ้ ทคนิคหรือวธิ ีการตา่ ง ๆ อนั จะทาใหบ้ รรลุ ผลสาเร็จตาม จดุ มุ่งหมายของการนาเสนอ เร่ืองทจี่ ะศึกษา 37. ความหมายของโปรแกรมนาเสนอ 38.ข้นั ตอนการสรา้ งงานพรีเซนเตชน่ั 39.การสรา้ งงานนาเสนอ 40. เทคนิคในการนาเสนอ 41.การส่ือสารขอ้ มลู สารสนเทศ จุดประสงค์ทวั่ ไป 13.เพอ่ื ใหม้ ีความรู้และความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การนาเสนอและการส่ือสารขอ้ มลู สารสนเทศ (ดา้ นพทุ ธิ

พสิ ยั ) 14.เพอ่ื ใหม้ ีทกั ษะในการนาเสนอขอ้ มลู สารสนเทศ (ดา้ นทกั ษะพสิ ยั ) 15.เพอ่ื ใหม้ ีการประยกุ ตใ์ ชว้ าจาเพอ่ื การนาเสนอขอ้ มูล (ดา้ นจติ พสิ ยั ) จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม a. บอกความหมายของโปรแกรมนาเสนอได้ (ดา้ นความรู้) b. อธิบายข้นั ตอนการสร้างงานพรีเซนเตชน่ั ได้ (ดา้ นความเขา้ ใจ) c. จาแนกประเภทของงานนาเสนอได้ (ดา้ นการวเิ คราะห)์ d. สรา้ งงานนาเสนอได้ (ดา้ นทกั ษะ) e. นาเสนอขอ้ มูลได้ (ดา้ นทกั ษะ) f. ประยกุ ตใ์ ชก้ ารนาเสนอดว้ ยวาจาได้ (ดา้ นจติ พสิ ยั ) เนื้อหาสาระการสอน/การเรียนรู้ ความหมายของโปรเเกรมการนาเสนอ PowerPoint เป็นโปรเเกรมในการนาเสนอไดใ้ นหลายรูปเเบบ ไม่วา่ จะเป็ นนาเสนอ เเบบเป็นอกั ษร ภาพ หรือเสียง โดยตวั โปรเเกรมน้นั สามารถนาส่ือเหล่าน้ีมาผสมผสานได้ อยา่ งลงตวั เเละมีประสิทธิภาพมากทสี่ ุด

ลกั ษณะการของโปรเเกรม Power Point เป็ นการทางานในรูปของภาพน่ิง (slide) คอื เเผน่ เอกสารเด่ียวๆ ทเ่ี เสดง ส่ิงต่างๆ ตวั อกั ษร กราฟตาราง รูปภาพ หรืออ่ืนๆ เเละสามารถเเสดงไลดล์ งบนแผน่ กระดาษหรือเคร่ืองฉายขา้ ม ศรีษะ หรือหนา้ จอคอมพวิ เตอร์ หรือเครื่องฉาย ข้นั ตอนการสร้างงานพรีเซนเตชัน เพอื่ ช่วยใหก้ ารสรา้ งงานนาเสนอเป็นไปไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ขอแนะนาใหน้ าข้นั ตอนต่อไปน้ีไปประยกุ ตใ์ ช้ 1. การวางโครงร่าง ก่อนเริ่มเตรียมงานพรีเซนเตชน่ั เราควรมีความชดั เจนในส่ิงทีต่ อ้ งการส่ือสาร โดย ศึกษากลุ่มผฟู้ ังวา่ มีลกั ษณะเช่นไร การเร่ิมเตรียมงานนาเสนอโดยการวางโครงร่าง จะทาใหเ้ กิดความชดั เจน เก่ียวกบั งานที่จะนาเสนอ และช่วยใหเ้ ราไม่พลาดหวั ขอ้ สาคญั ท่ีตอ้ งสื่อสาร นอกจากน้นั การวางโครงร่างยงั เปรียบเสมือนแผนท่ีในการดาเนินเร่ือง ทาใหเ้ รามนั่ ใจไดว้ า่ การนาเสนอของเราจะไดผ้ ลลพั ธต์ รงตามจุดประสงค์ ที่วางไว้ โปรแกรมสรา้ งขอ้ ความก็ไดเ้ ช่นเราอาจใชโ้ ปรแกรมนาเสนอหรือจะใชโ้ ปรแกรมอ่ืนสาหรบั วธิ ีวางโครง ร่าง 2. การลงรายละเอียดเนื้อหา หลงั จากที่เราไดว้ างแนวทางในการนาเสนองานต้งั แต่เร่ิมจนจบแลว้ ตอ่ ไป เป็นการลงรายละเอียดในหวั ขอ้ ต่างๆ โดยมุ่งเนน้ ทกี่ ลุ่มผชู้ มเป็นหลกั วา่ สไลดข์ องเราตอ้ งมีเน้ือหา หรือรูปแบบ การนาเสนอแบบใดจึงเหมาะสม ซ่ึงตอ้ งพจิ ารณาต้งั แตอ่ งคป์ ระกอบต่างๆ ทีใ่ ชไ้ ม่วา่ จะเป็น ภาพสีและแนวการ นาเสนอเช่น การบรรยายเชิงวชิ าการ กค็ วรใหโ้ ทนสีของสไลดส์ อดคลอ้ งกบั เน้ือหาทเ่ี นน้ ไปทางสาระและขอ้ มูล 3. การใส่ข้อความ รูปภาพ กราฟ ฯลฯ ในสไลด์ ในข้นั ตอนน้ีจะเป็ นการนาส่ิงต่างๆ ทเี่ ราตอ้ งการ นาเสนอมาใส่ในสไลดแ์ ตล่ ะแผน่ โดยเราอาจใชเ้ วลานานพอสมควรในการตระเตรียมขอ้ มูลใหต้ รงและ สนบั สนุนประเดน็ ทเี่ ราตอ้ งการนาเสนอ 4. ปรับแต่งสไลด์ให้สวยงาม หลงั จากทเี่ ราไดใ้ ส่ขอ้ ความทีต่ อ้ งการส่ือสารแลว้ ต่อไปเราจะตอ้ งทาการ ปรบั แต่งตวั อกั ษร สีทใ่ี ชก้ บั สไลด์ และรูปแบบขององคป์ ระกอบต่างๆ ทีแ่ สดง เพอื่ ให้สไลดด์ ูสวยงามและน่า ติดตาม 5. เพิม่ ความน่าสนใจในขณะนาเสนอสไลด์ ถา้ เราใชค้ อมพวิ เตอร์ในการนาเสนอสไลด์ ก็สามารถนา เทคนิคในการเปลี่ยนแผน่ สไลดม์ าใชเ้ พม่ิ ความน่าสนใจใหก้ บั การนาเสนอขอ้ มูลได้ เช่น การเลื่อนสไลดแ์ ผน่ ใหม่มาจากจอภาพดา้ นบน หรือใหก้ ราฟทแี่ สดงดูเหมือนกาลงั เพม่ิ ข้ึน 6. เตรียมการนาเสนอจริงๆ ก่อนถึงเวลาทเี่ ราตอ้ งนาเสนอ ควรซอ้ มการพดู ใหเ้ ขา้ กบั แผน่ สไลดท์ ่เี ตรียม โดยอาจมีการจบั เวลาเพอื่ จะไดท้ ราบวา่ การบรรยายใชเ้ วลาอยา่ งเหมาะสมหรือไม่ 7. การเตรียมเอกสารประกอบการบรรยายแจกผ้ฟู ัง หลงั จากทเี่ ราไดซ้ กั ซอ้ ม จนพร้อมนาเสนอสไลดท์ ่ี ไดจ้ ดั ทาไวแ้ ลว้ ส่ิงสุดทา้ ยทีส่ าคญั ก็คือ การพมิ พเ์ อกสารประกอบการบรรยาย การจดั ทาเอกสารแจกใหผ้ เู้ ขา้ ฟัง จะทาใหเ้ ขาไม่ตอ้ งเสียเวลาจดบนั ทึกสิ่งที่เรานาเสนอ แตใ่ หเ้ ขาใชเ้ วลาในการจดจ่อฟังสิ่งทเ่ี ราตอ้ งการสื่อสาร แทน การสร้างงานนาเสนอ การเรียกใช้งานโปรแกรม Microsoft Word 2010 การเรียกใชง้ านโปรแกรม Microsoft Power Point 2010 มีลกั ษณะคลา้ ยกบั การเรียกใช้ โปรแกรมอ่ืนๆ

ในระบบปฏบิ ตั กิ ารโดยมีข้นั ตอนดงั น้ี 1) คลิกป่ มุ Start 2) เลือก All Program 3) เลือกโฟลเดอร์ (Folder) Microsoft Office 4) เลือกโปรแกรม Microsoft Power Point 2010 ส่วนประกอบขอโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2010 ตารางแสดงความหมายของส่วนประกอบต่าง ๆ ในโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2010 หมายเลข ส่วนประกอบของหนา้ ต่างโปรแกรม หน้าท่ี 1. ป่ ุม แฟ้ม (File) ใชเ้ กบ็ คาสง่ั ต่าง ๆ ที่ใชง้ านในโปรแกรม PowerPoint 2010 2. แถบเครื่องมือด่วน (Quick Access) ใชแ้ สดงคาสงั่ ที่ใชง้ านบ่อย ๆ ข้ึนมาเรียกใชง้ านไดท้ นั ที 3. แถบชื่อเรื่อง (Title bar) แสดงช่ือโปรแกรม และรายชื่อไฟลท์ ไ่ี ดเ้ ปิ ดใชง้ านอยู่ 4. ป่ ุมควบคุม Windows ใชค้ วบคุมการ เปิ ด-ปิ ด และขยายหนา้ ต่างโปรแกรม 5. ริบบอน (Ribbon) เป็ นแถบที่ใชร้ วบรวมเครื่องมือการใชง้ านเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั 6. ภาพน่งิ และเค้าโครง (Slide and outline) ใชแ้ สดงแบบจาลองของภาพนิ่งท้งั หมดทีม่ ีอยใู่ นสไลด์ โชว์ 7. หน้าต่างภาพน่ิง (Slide Pane) เป็ นพ้นื ทท่ี ่ีใชแ้ สดงรายละเอียดของสไลดโ์ ชว์ 8. หน้าต่างบนั ทกึ ย่อ (Note Pane) เป็ นส่วนทีใ่ ชใ้ ส่ขอ้ ความเพม่ิ เตมิ ลงไปในสไลดโ์ ชว์ 9. แถบสถานะ (Status Bar) ใชแ้ สดงรายละเอียดของสไลดโ์ ชวท์ ่เี ปิ ดข้นึ มาใชง้ าน 10. มุมมอง (View) เป็ นส่วนที่ใชเ้ ปลี่ยนมุมมองในการแสดงสไลดโ์ ชว์

การสร้างภาพนิ่ง เมื่อเรียกใชง้ านโปรแกรม Microsoft Power Point โปรแกรมจะสร้างงานนาเสนอเปล่า (Blank Presentation) ใหโ้ ดยอตั โนมตั ิ แตจ่ ะสรา้ งไวเ้ พยี งหน่ึงภาพน่ิงผใู้ ชส้ ามารถเพม่ิ จานวนภาพน่ิงเพอื่ ใหเ้ พียงพอตอ่ ขอ้ มูลท่จี ะนาเสนอโดยมีข้นั ตอนดงั น้ี 1) คลิกแถบคาสงั่ หนา้ แรก (Home) 2) คลิกลูกศรหวั ลงทป่ี ่ ุมสร้างภาพน่ิง 3) เลือกรูปแบบการจดั วางเคา้ โครงภาพนิ่งจากชุดรูปแบบของ Office (ในตวั อยา่ งเลือกชุด รูปแบบช่ือเรื่องและเน้ือหา) 4) จะปรากฏภาพนิ่งตามรูปแบบท่เี ลือก การสร้างงานนาเสนอเปล่า (Blank presentation) เม่ือเขา้ สู่โปรแกรม PowerPoint แลว้ ตอ้ งการสรา้ งงานนาเสนอช้ินใหม่ มีวธิ ีดงั น้ี 1) คลิกป่ มุ แฟ้ม (File) 2) เลือกเมนูสร้าง (Create) 3) เลือกงานนาเสนอเปล่า (Blank Presentation) 4) คลิกป่ มุ สร้าง (Create) การสร้างงานนาเสนอด้วยแม่แบบทตี่ ิดต้ังไว้แล้ว (Template) การสร้างงานนาเสนอดว้ ยแม่แบบทีต่ ิดต้งั น้ีเหมาะสาหรบั ผทู้ ีต่ อ้ งการใหง้ านตรงกบั ลกั ษณะ การนาเสนองานในรูปแบบทก่ี าหนดไวแ้ ลว้ จะไม่มีการจดั เรียงเน้ือหาของ Slideมาให้ 1) คลิกป่ มุ แฟ้ม (File) 2) เลือกเมนูสร้าง (Create) 3) เลือกตวั อยา่ งแม่แบบ (Template) 4) เลือกรูปแบบตวั อยา่ งแม่แบบ (ตวั อยา่ งเลือกรูปแบบการแข่งขนั ตอบปัญหา) 5) คลิกป่ มุ สรา้ ง (Create) การสร้างงานนาเสนอด้วยชุดรูปแบบทตี่ ดิ ต้ังไว้แล้ว (Theme) ในการสร้างงานนาเสนอดว้ ยชุดรูปแบบท่ีตดิ ต้งั ไวแ้ ลว้ ตอ้ งกาหนดหวั ขอ้ และเน้ือหาตา่ งๆ เอาเอง 1) คลิกป่ มุ แฟ้ม (File) 2) เลือกเมนูสรา้ ง (Create) 3) เลือกชุดรูปแบบ (Theme) 4) เลือกรูปแบบชุดรูปแบบ (ตวั อยา่ งเลือกรูปแบบ Austin) 5) คลิกป่ มุ สรา้ ง (Create) การทางานกับภาพนิ่ง มมุ มองในการทางาน มุมมองของโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2010 สามารถปรับมุมมองในการทางานได3้ แบบ โดยแต่

ละแบบจะมีมุมมองและคณุ สมบตั ิในการใชง้ านแตกต่างกนั ออกไป 1) มมุ มองปกติ (Normal View) มุมมองน้ีใชใ้ นการสรา้ งและตกแต่งส่ิงตา่ งๆ ภายในสไลดโ์ ดยจะ ประกอบดว้ ยการทางานที่แตกตา่ งกนั 2 แบบ คอื - แบบสไลด์ (Slide) ใชใ้ นการปรับแต่งองคป์ ระกอบต่างๆ - แบบเค้าร่าง (Outline) จะแสดงเน้ือหาทใ่ี ชใ้ นการนาเสนอ และแกไ้ ขขอ้ ความหรือเพม่ิ หวั ขอ้ ท่ตี อ้ งการ 2) มุมมองตวั เรียงลาดบั ภาพนิ่ง(Slide Sorter View) เป็ นมุมมองทใี่ ชใ้ นการเรียงลาดบั ภาพนิ่ง ซ่ึง สามารถเปล่ียนลาดบั ภาพนิ่งได้ 3) มมุ มองการอ่าน เป็ นมุมมองทีใ่ ชใ้ นการอ่าน ซ่ึงมีลกั ษณะเหมือนมุมมองภาพนิ่ง 4) มุมมองการนาเสนอภาพน่ิง(Slide Show) เป็ นมุมมองที่ใชใ้ นการนาเสนอผลงานจากภาพนิ่ง ซ่ึงภาพ จะแสดงเตม็ จอ การนา Slide จากไฟล์อ่ืนมาใช้ การนา Slide จากไฟลอ์ ื่นมาใชง้ านสามารถทาไดโ้ ดยการเปิ ดไฟลง์ านท้งั 2 ไฟลข์ ้ึนมาพร้อมกนั ยกตวั อยา่ งเช่น ตอ้ งการนา Slide จากไฟลง์ านท่ี 2 มาใชใ้ นไฟลง์ านท่ี 1 จานวน 1 Slide สามารถทาไดด้ งั น้ี 1) คลิกเลือกสไลด์ (Slide) ทตี่ อ้ งการยา้ ยในไฟลง์ านที่ 2 2) คลิกขวาเลือกคาสงั่ คดั ลอก (Copy) 3) คลิกขวาเลือกคาสงั่ วาง (Paste)ในไฟลง์ านท่ี 1 4) จะปรากฏสไลด์ (Slide) จากไฟลง์ านท่ี 2 มาอยบู่ นไฟลง์ านที่ 1 การตกแต่งสไลด์ (Slide) การใส่ ข้อความ หลงั จากท่เี ราสามารถเลือกรูปแบบของแผน่ สไลด์ เราสามารถนาขอ้ ความมาใส่ในแผน่ สไลด์ เพอื่ ใหง้ านนาเสนอท่อี อกมาน้นั มีประสิทธิภาพและส่ือใหผ้ ชู้ มไดเ้ ขา้ ใจมากยง่ิ ข้ึน นอกจากเราจะ นาขอ้ ความมาใส่แลว้ เรายงั สมารถทีจ่ ะทาการตกแตง่ ขอ้ ความหรือแผน่ สไลดน์ ้นั ใหน้ ่าสนใจข้นึ ได้ การที่เราจะนาขอ้ ความมาใส่ลงแผน่ สไลดน์ ้นั จะตอ้ งมารูก้ ่อนวา่ จะนาขอ้ ความจากทีไ่ หนมาใส่ได้ บา้ ง ในโปรแกรม Microsoft PowerPoint สามารถสรา้ งขอ้ ความได้ 3 แบบ กรอบเค้าโครง (Place Holder) จะมากับแผ่นสไลด์ท่เี ราเปิ ด กล่องข้อความ (Text Box) เป็ นกล่องขอ้ ความทนี่ ามาจากแถบเคร่ืองมอื มีวธิ ีสร้างดงั น้ี 1) คลิกแถบแทรก (Insert) 2) คลิกกลอ่ งขอ้ ความ (Text box) 3) คลิกแลว้ ลากบนพ้นื ท่สี ไลด(์ Slide) ลากได้ อักษรศิลป์ (WordArt) เป็ นขอ้ ความทสี่ ามารถสรา้ งความโดดเด่นใหก้ บั งานนาเสนอได้ มี วธิ ีสรา้ งดงั น้ี 1) คลิกแถบแทรก (Insert) 2) คลิกอกั ษรศิลป์ (WordArt)

3) คลิกเลือกรูปแบบตวั อกั ษร 4) จะปรากฏกล่องขอ้ ความในแบบอกั ษรศิลป์ ใหใ้ ส่ขอ้ ความ การคดั ลอกข้อความ 1) ลากเมาส์คลุมขอ้ ความหรือคลิกทข่ี อ้ ความท่ีตอ้ งการคดั ลอกใหก้ รอบเป็นเสน้ ทึบ 2) คลิกขวาเลือกคดั ลอก (Copy) หรือ กดแป้น ctrl+c 3) คลิกท่พี ้นื ที่ท่ตี อ้ งการวางขอ้ ความบนแผน่ สไลด์ (Slide) คลิกขวาเลือกวาง 4) จะปรากฏขอ้ ความอยตู่ รงพ้นื ท่ีท่ีวาง การลบข้อความ 1) ลากเมาสค์ ลุมขอ้ ความทีต่ อ้ งการลบหรือถา้ ตอ้ งการลบขอ้ ความท้งั กล่องก็ใหค้ ลิกทข่ี อ้ ความใหเ้ กิด กรอบ 2) กดป่ มุ Delete ทค่ี ียบ์ อร์ด การย้ายข้อความ 1) คลิกที่ขอ้ ความทีต่ อ้ งการเคลื่อนยา้ ยใหเ้ กิดกรอบ คลิกทก่ี รอบอีกคร้ังใหเ้ ป็ นเสน้ ทึบ 2) นาเมาส์ไปช้ีท่ีกล่องขอ้ ความใหเ้ กิดเป็ นลูกศร 4 หวั สีดา ลากกล่องขอ้ ความไปไวท้ ต่ี าแหน่งที่ตอ้ งการ การหมนุ ข้อความ 1) คลิกท่ีขอ้ ความทต่ี อ้ งการหมุนใหเ้ กิดกรอบคลิกท่กี รอบอกี คร้งั ใหเ้ ป็ นเสน้ ทึบ 2) จะเกิดจดุ วงกลมสีเขยี วข้ึนมาใหน้ าเมาสไ์ ปช้ีท่ีจุดแลว้ หมุนตามตอ้ งการ การปรับขนาดกล่องข้อความ 1) คลิกท่ขี อ้ ความใหเ้ กิดกรอบ 2) จะมีจุดสีขาวข้นึ รอบกรอบ ตอ้ งการปรับขนาดทางดา้ นไหนใหน้ าเมาส์ไปช้ีที่จดุ ใหเ้ กิดเป็ นลูกศร 2 หวั 3) คลิกเมาส์คา้ งไวแ้ ลว้ ลากปรบั ขนาดตามตอ้ งการ การกาหนดรูปแบบ ขนาด สีของตัวอกั ษร งานนาเสนอเป็นงานท่จี ะตอ้ งสร้างความน่าสนใจ ความดึงดูดใจแก่ผชู้ ม นอกจากรูปแบบทเ่ี ลือกใชแ้ ลว้ สิ่งทีจ่ ะดึงดูดความสนใจไดด้ ีคือตวั อกั ษร การกาหนดรูปแบบ ขนาน สี ของตวั อกั ษรท่ใี ช้ การกาหนดรูปแบบตวั อักษร การเลือกใชร้ ูปแบบตวั อกั ษรน้นั เป็ นส่วนหน่ึงท่ีจะทาใหง้ านนาเสนอน่าสนใจได้ ซ่ึงในการเลือกรูปแบบ ตวั อกั ษรจะตอ้ งเลือกใหส้ อดคลอ้ งกบั งานท่ีนาเสนอโดยมีข้นั ตอนการกาหนดรูปแบบตวั อกั ษรสามารถทาได้ 2 วธิ ีดงั น้ี วธิ ีที่ 1 1) คลิกเลือกขอ้ ความหรือกล่องขอ้ ความ 2) คลิกทแี่ ถบเคร่ืองมือฟอนต์ 3) เลือกรูปแบบฟอนตท์ ตี่ อ้ งการในโปรแกรม PowerPoint 2010 แค่นาเมาสไ์ ปไวท้ ีร่ ูปแบบท่ีตอ้ งการ

แลว้ ถึงจะทาการคลิกเมาส์ วธิ ีที่ 2 เมื่อทาการลากคลุมขอ้ ความแลว้ คลกิ ขวาจะมีแถบเครื่องมือฟอนตข์ ้นึ มา แลว้ เลือกรูปแบบอกั ษรท่ี ตอ้ งการดงั รูป การกาหนดขนาดตวั อกั ษร ในการทางานนาเสนอน้นั ขนาดของตวั อกั ษรก็เป็นสิ่งสาคญั ถา้ เลือกขนาดเล็กไปผชู้ มการนา เสนออาจจะมองเห็นไม่ชดั เจนเมื่อมีการนาเสนอผา่ นเครื่องโปรเจคเตอร์ แต่ถา้ ใหญ่เกินไปกอ็ าจจะ ไม่เป็ นทน่ี ่าสนใจ และเปลืองเน้ือท่ีโดยไม่จาเป็ น การกาหนดขนาดของตวั อกั ษรสามารถทาได้ วธิ ี วธิ ีท่ี 1 1) คลิกเลือกขอ้ ความหรือกล่องขอ้ ความ 2) คลิกที่แถบเครื่องมือตวั อกั ษร(Font) 3) เลือกขนาดฟอนตท์ ี่ตอ้ งการในPowerPoint 2010 แคน่ าเมาสไ์ ปไวท้ ่ีขนาดตวั อกั ษร ตวั อกั ษรกจ็ ะ เปลี่ยนขนาดเพอื่ ใหด้ ูเป็นตวั อยา่ ง 4) เมื่อไดร้ ูปแบบทีต่ อ้ งการแลว้ ถึงจะทาการคลิกเมาส์ ก็จะไดต้ วั อกั ษรขนาดท่ีตอ้ งการ วธิ ีท่ี 2 1) เลือกขอ้ ความ 2) คลิกขวาจะมีแถบเคร่ืองมือฟอนตข์ ้นึ มา 3) เลือกขนาดตวั อกั ษรท่ีตอ้ งการ 4) ตวั อกั ษรจะถูกเปล่ียนแปลงไปตามขนาดท่เี ลือก วธิ ีที่ 3 นอกจากท้งั 2 วิธีที่กล่าวน้นั ซ่ึงสังเกตไดว้ า่ ท้งั 2 วธิ ีท่ีจะเป็ นการระบุขนาด บางท่ีอาจะใหญ่เกินไปหรือ เล็กเกินไปไม่ตรงตามความตอ้ งการและจะตอ้ งทาการปรบั บ่อย ๆ ซ่ึงในวธิ ีน้ีไม่ไดเ้ ป็ นการระบุขนาดแต่จะเป็ น การคลิกทส่ี ญั ลกั ษณ์ เพอื่ เป็ นการเพิม่ ขนาดของตวั อกั ษรซ่ึงสามารถท่ีจะคลิกไดจ้ นกวา่ จะไดข้ นาดตวั อกั ษร ทีต่ อ้ งการหรือคลิกท่สี ญั ลกั ษณ์ เพอื่ เป็นการลดขนาดของตวั อกั ษร การกาหนดตัวหนา ตวั เอยี ง ตวั ขดี เส้นใต้ และใส่เงาให้ข้อความ ในส่วนของตวั อกั ษรท่ีพมิ พข์ ้นึ มาน้นั ตวั อกั ษรจะเป็นตวั ตรงปกติ ซ่ึงถา้ เราตอ้ งการทีจ่ ะสร้างลูกเล่น ใหก้ บั ตวั อกั ษรก็สามารถทาได้ ซ่ึงจะทาให้งานนาเสนอดูน่าสนใจยง่ิ ข้ึน โดยสามารถเลือกไดจ้ ากแถบเคร่ืองมือ ฟอนต์ การจัดตาแหน่งของข้อความ ในการพมิ พข์ อ้ ความในงานนาเสนอน้นั ถา้ สงั เกตวา่ เม่ือพมิ พข์ อ้ ความลงไปน้นั ขอ้ ความจะอยชู่ ิด ทางดา้ นซา้ ยมือ ซ่ึงสามารถทาการจดั ตาแหน่งของขอ้ ความใหอ้ ยกู่ ่ึงกลาง หรือชิดขวาไดโ้ ดยการเลือกทกี่ ล่อง ขอ้ ความทตี่ อ้ งการจดั ตาแหน่งและคลิกท่สี ญั ลกั ษณ์ ดงั น้ี การใส่ สีข้อความ

นอกจาการเลือกรูปแบบตวั อกั ษร ขนาดตวั อกั ษรและการจดั ตาแหน่งของขอ้ ความท่จี ะทาใหง้ านนาเสนอ น่าสนใจแลว้ สีของตวั อกั ษรที่ใชก้ เ็ ป็นสิ่งหน่ึงท่ีจะทาใหง้ านนาเสนอน้นั น่าสน ใจเหมือนกนั การใส่สีขอ้ ความมี ข้นั ตอนดงั น้ี 1) เลือกขอ้ ความท่ีตอ้ งการใส่สี 2) คลิกท่ีสญั ลกั ษณ์ 3) เลือกสีท่ีตอ้ งการ 4) ขอ้ ความจะถกู ปรากฏเป็นสีทเี่ ลือก การใส่รูปภาพจาก Clip Gallery Clip Gallery เป็ นโปรแกรมทใี่ ชเ้ กบ็ รูปภาพต่างๆ ทีน่ ามาตกแตง่ งานนาเสนอ ซ่ึงเม่ือติดต้งั Microsoft office น้นั จะมีโปรแกรม Clip Gallery ติดต้งั มาใหโ้ ดยอตั โนมตั ิ สามารถเลือกและคน้ หา รูปภาพที่ตอ้ งการได้ 1) คลิกแถบแทรก (Insert) 2) คลิกทีภ่ าพตดั ปะ (Clip Gallery) ซ่ึงจะมีบานหนา้ ตา่ งข้นึ มาทางดา้ นขวามอื 3) จะปรากฏหนา้ ต่างภาพตดั ปะข้นึ มา เราสามารถพมิ พช์ ่ือหมวดของภาพที่ตอ้ งการคน้ หาเขา้ ไปในช่อง คน้ หา (Search For) แลว้ คลิกทป่ี ่ มุ ไป (GO) ก็จะมีรูปภาพข้นึ มาให้ หรือหากตอ้ งการดูภาพท้งั หมดคลิกที่ จดั ระเบยี บภาพตดั ปะ (Organize Clips)โดยจะมีหนา้ ตา่ งข้นึ มาใหค้ ลิกท่ี Office Collections ที่อยทู่ างดา้ นซา้ ยมือ 4) เม่ือไดภ้ าพทีต่ อ้ งการแลว้ ใหล้ ากปล่อยภายในสไลด์ ซ่ึงสามารถปรับขนาดแลว้ หมุนภาพไดต้ าม ตอ้ งการเหมือนกบั กล่องขอ้ ความ การใส่ รูปภาพจากไฟล์ รูปภาพท่ีนามาใส่ในงานนาเสนอนอกจากจะเลอื กจากภาพตดั ปะ (Clip Art) แลว้ สามารถทจ่ี ะนารูปภาพ จากแฟ้มขอ้ มลู มาใส่ไดด้ ว้ ย 1) คลิกทแ่ี ถบแทรก (Insert) 2) คลิกท่ีรูปภาพ (Picture) 3) จะปรากฏหนา้ ต่างแทรกรูปภาพ (Insert Picture) ข้ึนมา เลือกรูปภาพท่ตี อ้ งการ 4) คลิกทร่ี ูปภาพที่ตอ้ งการแลว้ คลิกทปี่ ่ มุ แทรก (Insert) การตกแต่งพื้นหลงั ในการนาเสนองานน้นั การสร้างความน่าสนใจ นอกจากรูปแบบตวั อกั ษร สีตวั อกั ษร การใส่ รูปภาพแลว้ สามารถสรา้ งความน่าสนใจใหก้ บั งานนาเสนอดว้ ยการตกแตง่ สีพน้ื หลงั ซ่ึงโดยปกติแลว้ พ้นื หลงั จะ เป็นสีขาวแต่สามารถทาการใส่สี การไล่ระดบั สี และการใส่ลวดลายสาเร็จรูปเพอื่ เพม่ิ ความน่าสนใจใหก้ บั งาน นาเสนอได้ การใส่สีพนื้ หลงั 1. คลิกที่เมนูออกแบบ (Design) 2. คลิกเลือกลกั ษณะพ้นื หลงั (Background Styles) จะมีรูปแบบพน้ื หลงั ข้นึ มาใหเ้ ลือก

3. คลิกจดั รูปแบบพ้นื หลงั (Format Background) จะมีหนา้ ตา่ งข้นึ มาเพอ่ื ใหป้ รบั แตง่ รูปแบบพ้นื หลงั ตาม ตอ้ งการ กราฟกับงานนาเสนอ (Graph and Presentation) การสรา้ งกราฟในงานนาเสนอน้นั จะช่วยเพม่ิ ความน่าสนใจและความเขา้ ใจใหก้ บั งานที่ตอ้ งมีการ วเิ คราะหแ์ ละการเปรียบเทียบ เพราะกราฟจะสามารถสื่อความหมายไดช้ ดั เจนกวา่ ขอ้ ความและยงั สามารถเลือก รูปแบบของกราฟใหเ้ หมาะสมกบั ขอ้ มูลท่ีตอ้ งการเสนอดว้ ย การสร้างกราฟลงในสไลด์ ในโปรแกรม PowerPoint ไม่สามารถสร้างกราฟไดโ้ ดยตรง แตจ่ ะตอ้ งเรียกโปรแกรม Excelข้ึนมาทาการ กรอกขอ้ มูลเพอื่ สร้างกราฟ 1) คลิกทแี่ ถบแทรก (Insert) 2) คลิกทีแ่ ผนภูมิ (Chart) 3) จะปรากฏหนา้ ต่างข้นึ มาใหค้ ลิกทชี่ นิดและรูปแบบของกราฟตอ้ งการแลว้ คลิกที่ป่ มุ ตกลง(OK) เพอื่ เขา้ สู่ข้นั ตอนต่อไปของการสรา้ งกราฟ 4) จะปรากฏตารางของโปรแกรม Excel ข้ึนมาใหก้ รอกขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการสรา้ ง กราฟลงไปในตารางใน ขณะทที่ าการกรอกขอ้ มูลลงในตาราง Excel น้นั กราฟที่โปรแกรม PowerPoint น้นั ก็จะทาการเปลี่ยนแปลงไป ตามขอ้ มูลท่กี รอกลงในตาราง 5) เม่ือทาการกรอกขอ้ มลู เสร็จแลว้ ใหป้ ิ ดตารางท่ีกรอกขอ้ มูลกจ็ ะไดก้ ราฟ ขอ้ มูลตามท่ตี อ้ งการ ส่วนประกอบต่างๆ ของกราฟ งาน Presentation กับการพิมพ์ เม่ือสร้างงานนาเสนอเสร็จเรียบรอ้ ยแลว้ ในการท่ีนาเสนองาน หรือบรรยายน้นั สิ่งท่ีจาเป็ นอีก อยา่ งหน่ึงกค็ ือเอกสารประกอบการบรรยาย เพอ่ื จะทาใหผ้ ฟู้ ังมีเอกสารไวศ้ กึ ษาขณะชมการนาเสนอ และสามารถ นากลบั ไปศึกษาเพม่ิ เตมิ หลงั จากจบการนาเสนอ ซ่ึงในโปรแกรม PowerPointสามารถสรา้ งเอกสารประกอบการ บรรยายไดห้ ลายชนิด

1. คลิกทีแ่ ฟ้ม (File) หรือ Ctrl + P 2. คลิกทคี่ าสงั่ พมิ พ์ (Print) 3. เลือกเครื่องพมิ พ์ และ เลือกรูปแบบของการพมิ พซ์ ่ึงมีรูปแบบดงั น้ี เทคนิคในการนาเสนอ (Presentation Technique) การนาเสนอ (Presentation) เป็ นวธิ ีการหรือเครื่องมือในการติดต่อส่ือสาร (Communication) ดว้ ยการ ถ่ายทอด(Delivery) ขอ้ มูล แผนงาน โครงการ ขอ้ เสนอ ฯลฯ จากผนู้ าเสนอผลงาน กบั ผูพ้ จิ ารณาผลงานหรือจากผู้ นาเสนอ ไปสู่บุคคล กลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างความเขา้ ใจร่วมกัน ให้บุคคลกลุ่มเป้าหมายหรือผูร้ ับสาร เห็นดว้ ย คลอ้ ยตาม สนบั สนุน อนุมตั ิ ใหด้ าเนินการ ประเภทของการนาเสนอ (Type of Presentation) 1. การนาเสนอโดยวธิ ีธรรมชาติ (Nature Presentation) เช่น ทาตวั อยา่ งให้ดู สาธิตให้เห็นโดยใชพ้ ฤติกรรม ตามธรรมชาติ 2. การนาเสนอดว้ ยการพดู (Oral Presentation) เช่น พดู และแสดงใหเ้ ห็นจริง 3. การนาเสนอดว้ ยสื่อต่างๆ (Presentation Media) เช่น สิ่งพมิ พ์ โปสเตอร์ วดี ีทศั น์ ภาพยนตร์ นิทรรศการ 4.. การนาเสนอโดยใชเ้ ทคโนโลยสี มยั ใหม่เขา้ มาช่วย (Hi-technology Audiovisual Aids) 5. การนาเสนอดว้ ยวธิ ีการผสมผสาน (Presentation by Integration) ข้ันตอนการนาเสนอข้อมูล (ประพนธ์ เรืองณรงค์ และคนอ่ืน ๆ, 2545, หนา้ 149) 1. การกาหนดเรื่องและขอบเขตของเนื้อหา ควรคานึงถึงส่ิงต่าง ๆ ดงั น้ี 1.1 ความสาคญั หรือความน่าสนใจของเรื่อง เรื่องที่จะทารายงานควรเป็นเร่ืองท่ีมี ประเด็นน่าสนใจและ น่าติดตาม 1.2 เรื่องท่ีจะทารายงานควรเป็นเร่ืองทผ่ี เู้ รียนสนใจและถนดั เพราะจะช่วยใหผ้ เู้ รียน เกิดความ กระตือรือรน้ ในการทารายงานและสามารถศกึ ษาคน้ ควา้ ไดอ้ ยา่ งมี ประสิทธิผล 1.3 แหล่งขอ้ มูลทใี่ ชศ้ ึกษาเร่ืองทจ่ี ะทารายงาน ควรมีแหล่งขอ้ มูลและขอ้ มลู มากพอทีจ่ ะศกึ ษาได้ ไม่ ควรเลือกเร่ืองทมี่ ีขอ้ มลู นอ้ ยหรือไม่สามารถเขา้ ถึงแหล่งขอ้ มูลได้ 1.4 ขอบเขตของเร่ือง ผเู้ รียนควรกาหนดขอบเขตของเรื่องทีจ่ ะศกึ ษาใหเ้ หมาะสมกบั เวลาท่ีใชใ้ นการทา รายงาน และความสามารถของผเู้ รียน เช่น หากผเู้ รียนมีเวลานอ้ ย แต่จะตอ้ งรายงานเกี่ยวกบั วรรณคดี ไทย ผเู้ รียนอาจเลือกทารายงานเก่ียวกบั วรรณคดีเร่ืองใดเร่ืองหน่ึง หรือศกึ ษาเพยี งประเด็นใดประเดน็ หน่ึง เท่าน้นั ควรหลีกเลี่ยงเร่ืองที่กวา้ งเกินไป เช่น วรรณคดีไทย มรดกโลก เป็นตน้ 2. การวางโครงเร่ือง ควรวางโครงเร่ืองใหส้ อดคลอ้ งกบั ช่ือเร่ืองทตี่ ้งั ไว้ มีวธิ ีดาเนินการ 5 ข้นั ตอน ดงั น้ี (กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2544, หนา้ 38-39) 2.1 ข้นั ประมวลความคดิ เป็ นข้นั ที่ไดจ้ ากเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลจากการอ่าน การฟัง การไดร้ ับ ประสบการณ์ มาคดิ พจิ ารณาแยกออกเป็นประเดน็ ยอ่ ย ๆ แลว้ เขียนรวบรวมประเดน็ ยอ่ ยไวท้ ้งั หมด เช่น การวาง โครงเร่ือง เร่ืองระบบสุริยะ ใหผ้ เู้ รียนพยายามคดิ วา่ มีอะไรเก่ียวขอ้ งกบั ระบบสุริยะ ใหเ้ ขยี นออกมาทกุ ประเด็น ดงั น้ี

2.1.1 กาเนิดระบบสุริยะ 2.1.2 กาเนิดดวงอาทติ ย์ 2.1.3 ดาวเคราะห์นอ้ ย 2.1.4 ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ 2.1.5 ตาแหน่งของดาวเคราะห์ 2.1.6 ขนาดของดาวเคราะห์ 2.1.7 ลกั ษณะของดาวเคราะห์ 2.1.8 สมบตั ขิ องดาวเคราะห์ 2.1.9 การเคลื่อนทข่ี องดาวเคราะห์ 2.1.10 ดาวหาง 2.1.11 กลุ่มดาวจกั รราศี 2.1.12 กลุ่มดาวในคากลอนสุนทรภู่ 2.1.13 เอกภพ 2.1.14 มนุษยอ์ วกาศ 2.1.15 อุกาบาต 2.2 ข้นั เลือกสรรความคดิ เป็น ข้นั ทพี่ จิ ารณาวา่ ประเด็นท่ีรวบรวมไดท้ ้งั หมดน้นั สนบั สนุนสอดคลอ้ ง กบั จุดมุ่งหมายของเร่ืองท่ตี อ้ งการรายงานหรือไม่ ถา้ ไม่ตอ้ งการใหต้ ดั ออก ไดแ้ ก่ หวั ขอ้ ที่ 2.1.2, 2.1.11, 2.1.12, 2.1.13, 2.1.14 2.3 ข้นั จดั หมวดหมู่ความคดิ เป็นการนาเอาประเด็นทไ่ี ดค้ ดั สรรแลว้ มาพจิ ารณารวม เป็ นกลุ่ม หรือ หมวดหมู่ โดยอาจพจิ ารณาเป็นประเด็นใหญ่ ประเด็นยอ่ ยท่ีจดั หมวดหมู่น้นั ไดแ้ ก่ หวั ขอ้ ท่ี 2.1.4, 2.1.5, 2.1.6, 2.1.7, 2.1.8 และ 2.1.9 ควรอยใู่ นกลุ่มเดียวกนั หวั ขอ้ 2.1.3, 2.1.4 และ 2.1.15 ควรอยใู่ นกลุ่มเดียวกนั 2.4 ข้นั ลาดบั ความคดิ นาเอาประเดน็ หลกั ทไี่ ดม้ าจดั เรียงลาดบั ก่อนหลงั เพอ่ื ใหง้ า่ ย ต่อการจดั ลาดบั ความคิดในการนาเสนอเน้ือหา จากเริ่มตน้ นาเสนอจนจบ ดงั น้ี 2.4.1 กาเนิดระบบสุริยะ 2.4.2 ดาวเคราะหใ์ นระบบสุริยะ 1) ตาแหน่งของดาวเคราะห์ 2) ขนาดของดาวเคราะห์ 3) ลกั ษณะของดาวเคราะห์ 4) สมบตั ิของดาวเคราะห์ 5) การเคล่ือนท่ขี องดาวเคราะห์ 2.4.3 ดาวหาง 2.4.4 ดาวเคราะห์นอ้ ย 2.4.5 อุกาบาต

2.5 ข้ันขยายความคดิ และตรวจสอบความสมบูรณ์ เป็ นข้นั ปรับปรุงโครงเร่ือง ท่ีไดจ้ ดั วางไวน้ ้นั ใหม้ ี ความครบถว้ นสมบูรณ์ โดยอาจเติมในส่วนที่ยงั ขาดอยู่ ไดแ้ ก่ หวั ขอ้ ที่ 2), 3) และ 4) น่าจะรวมกนั ไดเ้ พราะ เป็นเร่ืองเดียวกนั หวั ขอ้ 2.4.3, 2.4.4 และ 2.4.5 น่าจะรวมกนั เป็ นอีกหวั ขอ้ หน่ึง โครงเร่ืองจะปรับใหม่ไดเ้ ป็ น 2.5.1 กาเนิดระบบสุริยะ 2.5.2 ดาวเคราะหใ์ นระบบสุริยะ 1) ตาแหน่งของดาวเคราะห์ 2) ลกั ษณะและสมบตั ขิ องดาวเคราะห์ 3) การเคล่ือนท่ีของดาวเคราะห์ 2.5.3 บริวารดวงอาทิตยท์ ่ไี ม่ใช่ดาวเคราะห์ 1) ดาวหาง 2) ดาวเคราะห์นอ้ ย 3) อุกาบาต 2.5.4 การสารวจระบบสุริยะ 3. การสารวจแหล่งข้อมูล ขอ้ มูลที่ใชใ้ นการทารายงาน แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ 3.1 ขอ้ มูลจากเอกสารหรือหลกั ฐานต่าง ๆ เป็ นขอ้ มูลทีบ่ นั ทกึ เป็นลายลกั ษณอ์ กั ษร เช่น หนงั สือ บทความ วทิ ยานิพนธ์ รายงาน หนงั สืออา้ งอิง วารสาร นิตยสาร หนงั สือพมิ พ์ จลุ สาร กฤตภาค จารึกและ จดหมายเหตุ แผน่ ภาพโปสเตอร์ อินเทอร์เน็ต เป็นตน้ 3.2 ขอ้ มูลภาคสนาม เป็ นขอ้ มูลทรี่ วบรวมข้ึนจากการสารวจ การสงั เกต การสมั ภาษณ์ แบบสอบถาม หรือการทดลอง 4. การรวบรวมข้อมูล เม่ือผเู้ รียนสารวจขอ้ มูลท่ีจะศึกษาแลว้ ตอ้ งเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล โดยการจดั ระเบียบ ขอ้ มูล หรือแยกขอ้ มูลออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ เพอ่ื ความสะดวกในการวเิ คราะหข์ อ้ มูลตอ่ ไป โดยการทาบตั รบนั ทกึ ขอ้ มูล 5. การวเิ คราะห์ข้อมูล ข้นั ตอนน้ีเป็ นการทาความเขา้ ใจขอ้ มูลและตคี วามขอ้ มูลท่ีศกึ ษา จากน้นั จึงแยกแยะ ขอ้ มูล และจดั กลุม่ ขอ้ มูล หากเป็ นขอ้ มูลทเ่ี ป็ นความคิดเห็นผเู้ รียนตอ้ งอภปิ รายวา่ เห็นดว้ ยหรือไม่เห็น ดว้ ยกบั ความคดิ น้นั ๆ หากเป็ นขอ้ มูลภาคสนาม เช่น ขอ้ มูลจากการตอบแบบสอบถาม หรือการทดลอง เป็น ตน้ ผเู้ รียนอาจใชว้ ธิ ีการทางสถิตริ ่วม 6. การเรียบเรียงเนือ้ หาของรายงาน นาขอ้ มลู ทจ่ี ดั ระเบียบ วเิ คราะห์ และตคี วามแลว้ มาเรียบเรียงให้เป็น ลาดบั ข้นั ตอน เขยี นดว้ ยสานวนภาษาของตนเองโดยเขียนใหช้ ดั เจนตรงไปตรงมา ใชภ้ าษาทเ่ี ป็นภาษาระดบั ทางการ จะตอ้ งอา้ งอิงแหล่งทม่ี าของขอ้ มูลทุกคร้งั ข้นั ตอนการนาเสนอข้อมูลด้วยวาจา หรือการรายงานปากเปล่า (กรมวชิ าการ, 2539, หนา้ 88-89) การนาเสนอขอ้ มูล ดว้ ยวาจา หรือการรายงานปากเปล่า เป็นการนารายละเอียดที่ไดจ้ าก การศึกษา คน้ ควา้ มารายงานหนา้ ช้นั เรียน โดยใชเ้ วลา 8-10 นาที ผรู้ ายงานอาจใชส้ ่ือประกอบการพดู เพอื่ เร้าความสนใจ ของผฟู้ ัง เช่น รูปภาพ แผนภมู ิ Power Point เป็ นตน้ ผรู้ ายงานควรปฏิบตั ิ ดงั น้ี

1. มีการแนะนาตวั และเปิ ดเรื่องบอกใหผ้ ฟู้ ังทราบวา่ จะพดู เรื่องอะไร 2. ใชภ้ าษาทท่ี าใหผ้ ฟู้ ังเขา้ ใจชดั เจน จงั หวะ วรรคตอน การพดู เสียงในการพดู ไม่ค่อยเกินไป 3. บุคลิกท่าทางในการพดู มีความมนั่ ใจ การใชน้ ้าเสียงนุ่มนวล รกั ษาเวลาในการพดู 4. มีมารยาทในการพดู ใชภ้ าษาสุภาพ ไมแ่ สดงกิริยาทไี่ ม่เหมาะสม โกรธเคอื งหรือดูหมิ่นผฟู้ ัง 5. รายงานตามลาดบั หวั ขอ้ ท่ีเตรียมมา ไมพ่ ดู วกวน มีการสรุปเรื่องท่ีพดู ไดช้ ดั เจนกระชบั 6. เปิ ดโอกาสใหผ้ ฟู้ ังซกั ถาม การนาเสนอข้อมลู ด้วยการใช้เทคโนโลยี (นิตยา หตั ถสินโยธิน, 2521, หนา้ 102-103) การนาเสนอขอ้ มูลดว้ ยการใช้ เทคโนโลยี ตอ้ งมีประเดน็ ความคิดทช่ี ดั เจน การออกแบบสื่อที่ ถูกตอ้ ง มีเคา้ โครง มีความเรียบงา่ ยและชดั เจน ดงั น้ี 1. การออกแบบส่ือตอ้ งมีการจดั วางรูปแบบของส่ือมีความตอ่ เนื่องเช่ือมโยงกนั ของหวั ขอ้ สี มี รูปทรง และส่วนท่ีเป็ นเน้ือหา 2. Power Point แผนภาพ แผน่ กระดาษ และโปสเตอร์ น้นั ๆ ตอ้ งจดั วางทิศทางของ 3. เน้ือหาใหอ้ ยใู่ นแนวนอน เรียงจากซา้ ยไปขวา จะทาใหด้ ูงา่ ยข้ึน 4. ไม่ใส่เน้ือหาบนสื่อมาก ควรมีทีว่ า่ งใหด้ ูสบายตา ใชข้ อ้ ความแบบง่าย ๆ และชดั เจน 5. ใชส้ ี เสน้ และตวั อกั ษร เป็ นส่ิงดึงดูดใหเ้ ห็นความแตกต่างในเร่ืองทนี่ าเสนอ การนาเสนอที่มปี ระสิทธิภาพ (Effective Presentation) ควรจะประกอบดว้ ย 1. ผฟู้ ังและผนู้ าเสนอควรเห็นกนั ไดช้ ดั เจนและทว่ั ถึง 2. ผฟู้ ังและผนู้ าเสนอไดย้ นิ เสียงชดั เจน 3. ผฟู้ ังและผนู้ าเสนอตอ้ งเห็นภาพและขอ้ ความบนจออยา่ งชดั เจน 4. ผฟู้ ังเขา้ ใจถึงเน้ือหาและเป้าหมายของสิ่งท่นี าเสนอไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 5. ผนู้ าเสนอไดร้ ับการตอบสนองตามเป้าหมายของการนาเสนอ ภาษาท่าทางสาหรับผู้นาเสนอ (Non-verbal Language for Presenter) 1. เสียง (Voice) ไม่ควรพดู เร็วมากเกินไป หรือใชเ้ สียงสูง /แหลม เกินความจาเป็ น ควรพดู ใหเ้ ป็ นธรรมชาติ ไม่เร็วหรือชา้ จนเกินไป และไม่ควรใชว้ ธิ ีอ่านจากสคริปตท์ ่เี ตรียมมาตลอดเวลา อาจจะหยดุ ใหม้ ีความเงียบบา้ งเม่ือ จบแต่ละประเดน็ ก็ได้ แตอ่ ยา่ เงยี บนานเกินไป 2. สายตา (Eyes) ควรมีการประสานสายตากบั กลุ่มผฟู้ ัง มองผฟู้ ังใหท้ วั่ ๆ ซ่ึงจะช่วยใหผ้ ฟู้ ังรู้สึกประทบั ใจได้ 3. การเคล่ือนไหว (Movement) อยา่ เดินไปเดินมาบ่อยๆ อยา่ เล่นกุญแจ ปากกา ดินสอ เพราะจะทาใหผ้ ูฟ้ ัง ราคาญ 4. การใช้มือ (Hands) ควรใชม้ ือประกอบการพดู ใหเ้ ป็นธรรมชาตมิ ากทีส่ ุด 5. การวางท่าทาง (Posture) ตวั ผนู้ าเสนอเป็นจดุ สนใจของผฟู้ ัง ดงั น้นั จงึ ควร 5.1 มองตรงไปยงั ผฟู้ ังใหท้ วั่ ๆ 5.2 พยายามหลีกเลี่ยงกิริยาอาการทีจ่ ะก่อใหเ้ กิดความราคาญใจแก่ผฟู้ ัง 5.3 เนน้ การพดู ไม่ใช่การอ่าน

5.4 พดู ใหถ้ ึงผฟู้ ังแถวหลงั ดว้ ย ไม่ใช่เนน้ แตแ่ ถวหนา้ 5.5 วางตวั ใหร้ ูส้ ึกสบายๆ เชื่อมน่ั ในตนเอง และมีความกระตอื รือรน้ การส่ือสารข้อมูลและสารสนเทศ ความจาเป็ นของการส่ือสารข้อมูล ในยคุ แรกของการใชค้ อมพวิ เตอร์ เป็นการใชค้ อมพวิ เตอร์แตล่ ะเคร่ืองโดยเอกเทศ คอมพวิ เตอร์ในยคุ น้นั จะทาหนา้ ทีป่ ระมวลผลขอ้ มูลเพยี งอยา่ งเดียวไม่มีหนา้ ที่ ในการส่ือสารขอ้ มูล ตอ่ มาเมื่อมีการใชง้ านคอมพวิ เตอร์อยา่ งกวา้ งขวางมากข้ึนพบวา่ การใชง้ านใน บางกรณีจาเป็นตอ้ งมีจดุ ป้อนขอ้ มูลหรือเรียกดูขอ้ มูลหลายจุดพร้อมกนั ดงั น้นั จึงเกิดระบบการใชง้ านท่เี รียกวา่ ระบบหลายผใู้ ช้ (Multi- user system) แต่กรณีน้ียงั เป็นการประมวลผลจากหน่วยประมวลผลกลางเพยี งเคร่ืองเดียวแตม่ ี การตดิ ต้งั เคร่ือง ปลายทาง (Terminal) สาหรับป้อนขอ้ มลู และเรียกดูขอ้ มลู พร้อมกนั ไดห้ ลายจดุ เท่าน้นั จึงยงั ไม่ถือเป็นระบบการ ส่ือสารขอ้ มูล ในยคุ ต่อมา เม่ือมีการนาคอมพวิ เตอร์หลายเครื่องมาใชง้ านท่ีอยใู่ นระบบงานเดียวกนั จึงพบ วา่ มีความ จาเป็ นตอ้ งเช่ือมโยงขอ้ มูลทท่ี าการประมวลผลโดยคอมพวิ เตอร์ตา่ ง เคร่ืองกนั เขา้ ดว้ ยกนั แรก ๆ ท่ที าโดยวธิ ีนิ ผลลพั ธท์ ่ีไดจ้ ากอุปกรณ์ส่งออกของคอมพวิ เตอร์เคร่ืองหน่ึงไป ป้อนใหม่เป็ นขอ้ มูลเขา้ ของคอมพวิ เตอร์อีกเคร่ือง หน่ึง เม่ือตอ้ งทาดว้ ยวธิ ีการทไี่ ม่สะดวกเช่นน้ีบอ่ ย ๆ เขา้ จงึ เกิดแนวคดิ ทจ่ี ะพฒั นาระบบการสื่อสารขอ้ มูลข้นึ องค์ประกอบของการสื่อสาร การสื่อสารขอ้ มลู มอี งคป์ ระกอบดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ระบบคอมพวิ เตอร์ 2. อุปกรณ์เชื่อมต่อ 3. ซอฟตแ์ วร์สาหรับการสื่อสารขอ้ มูล 4. เกณฑว์ ธิ ี (Protocol) คอื ขอ้ กาหนดหรือระเบยี บวธิ ีสาหรบั การส่ือสารขอ้ มูลแบบน้นั ๆ 5. ส่ือนาขอ้ มูล (Media) เช่น สายโทรศพั ท์ เคเบิลใยแกว้ นาแสงหรือคลื่นวทิ ยุ เป็นตน้ ระบบส่ือสารข้อมูล การสื่อสารขอ้ มลู (Data Communication) หมายถึงการรบั ส่งขอ้ มูลระหวา่ งคอมพวิ เตอร์ต้งั แตส่ องเคร่ือง (หรือสองระบบ) ข้ึนไปโดยเป็นการรบั ส่งขอ้ มูลผา่ นระบบสายหรือระบบไรส้ ายก็ได้ แตข่ อ้ มูลทรี่ ับส่งกนั น้นั จะตอ้ งอยใู่ นรูปแบบรหสั ดิจิตอล หรือสามารถแปลเป็นรูปแบบรหสั ดิจิตอล เพอื่ ใหค้ อมพวิ เตอร์ฝ่ายรบั ขอ้ มูล สามารถนาขอ้ มูลน้นั ไปประมวลผลตอ่ ได้ การส่ือสารในระบบคอมพิวเตอร์ จาแนกลกั ษณะการใช้งานได้ 4 ประเภท 1. การจดั เกบ็ และการคน้ คืนสารสนเทศ 2. คอมพวิ เตอร์กบั คอมพวิ เตอร์ 3. การรับและส่งผา่ นสารสนเทศ 4. การแบง่ เวลาเครื่อง การจดั เกบ็ และการคน้ คนื สารสนเทศ โดยใชเ้ ทอร์มินลั ส่งและรบั สารสนเทศผา่ นสายโทรศพั ทก์ นั มาก

ในธุรกิจการเงิน การธนาคาร และงานพสั ดุ คอมพวิ เตอร์กบั คอมพวิ เตอร์ ใชใ้ นกรณีทตี่ อ้ งการฐานขอ้ มูลหรือส่งแฟ้มขอ้ มลู ระหวา่ งศูนย์ คอมพวิ เตอร์หน่ึงไปยงั ศนู ยค์ อมพวิ เตอร์อีกศูนยห์ น่ึงผา่ นเครือ ขา่ ยโทรศพั ท์ การรับและส่งผา่ นสารสนเทศ โดยคอมพวิ เตอร์ชนิดพเิ ศษทาหนา้ ท่ีเป็นสวติ ซร์ ับและส่งสารสนเทศตาม จุดหมาย ปลายทางทก่ี าหนดทาใหส้ ามารถบริการสารสนเทศจานวนมาก ในเวลาจากดั ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ การแบ่งเวลาเครื่อง วธิ ีใชเ้ ป็นการส่ือสารขอ้ มูลระดบั สูง มีความซบั ซอ้ นดา้ นเทคนิควธิ ีโดยเฉพาะระบบ ควบคุมศกั ยภาพของระบบน้ีไดแ้ ก่ การตดิ ตอ่ ส่ือสารสนเทศกบั ผใู้ ชท้ างไกลตอบรบั ทนั ทีทีผ่ ใุ้ ชป้ ลายทางร้องขอ บริการผใู้ ชห้ ลายคนไดในเวลาเดียวกนั อนุญาตใหผ้ ใู้ ชป้ ลายทางใชโ้ ปรแกรมแตก ตา่ งได้ องค์ประกอบการส่ือสารข้อมูลทสี่ าคญั มี 3 ประการดงั นี้ 1. อุปกรณ์การแสดงสารสนเทศ ไดแ้ ก่ จอภาพคอมพวิ เตอร์เทอร์มินลั ชนิดต่าง ๆ เครื่องพมิ พแ์ ละหน่วย ประมวลผลกลาง ฯลฯ 2. อุปกรณ์ส่งผ่านสารสนเทศ ไดแ้ ก่ อุปกรณ์ประเภทสาย (Wire) เช่น เคเบิล สาย Coaxial สายโทรศพั ท์ Twisted-pair สายใยแกว้ นาแสง Optical Fiber 3. อุปกรณ์สื่อสารข้อมูล ไดแ้ ก่ โมเด็ม (Modem) อุปกรณ์ประเภท Line Driver และ Multiplexer สรุประบบการส่ือสารขอ้ มูล การส่ือสารขอ้ มูลเป็ นกระบวนการส่งผา่ นและรบั สารสนเทศระยะไกลในรูปแบบ ของ สญั ญาณแลว้ แพร่กระจายผา่ นช่องการสื่อสารตา่ ง ๆ เช่น วทิ ยุ โทรศพั ท์ โทรเลข โทรศพั ท์ โทรสาร และ คอมพวิ เตอร์ ฯลฯ ประโยชน์ของการส่ือสารข้อมูล บทบาทและประโยชน์ของการสื่อสารขอ้ มูล ทีเ่ ห็นไดช้ ดั เจนทีส่ ุดคือ ทาใหผ้ ใู้ ชค้ อมพวิ เตอร์หลาย ๆ คน สามารถทางานร่วมกนั ได้ ตามตวั อยา่ งต่อไปน้ี 1. หา้ งคา้ ปลีกสมยั ใหม่มีจุดรับชาระเงินหลายชุด แตล่ ะจดุ มีเครื่องอ่านรหสั แท่ง (Bar Code) ท่ีสามารถ ตดั สตอ๊ กสินคา้ ท่ขี ายออกจากฐานขอ้ มลู สินคา้ คงคลงั ไดท้ นั ที เคร่ืองเก็บเงนิ ที่มีเคร่ืองอ่านรหสั แท่งเป็น ส่วนประกอบน้ีความจริงเป็น คอมพวิ เตอร์ลูกข่ายทีต่ อ่ อยกู่ บั เคร่ืองคอมพวิ เตอร์แม่ขา่ ยโดยใชฐ้ านขอ้ มลู ร่วมกนั โดยทร่ี ะบบน้ีเป็นระบบเครือขา่ ยบริเวณเฉพาะท่ี ดงั น้นั การท่หี า้ ง ฯ สามารถต้งั จุดรบั ชาระเงินจานวนมาก เพอื่ บริการลูกคา้ ไดร้ วดเร็วก็มาจากบทบาทของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์และการส่ือ สารขอ้ มูลนนั่ เอง 2. เคร่ืองเบกิ ถอนเงินสดอตั โนมตั ิ หรือเครื่องเอทีเอม็ (ATM) เป็ นระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ในระบบ แวน (WAN) ทมี่ ีเครื่องลูกข่ายคอื ตเู้ อทีเอม็ จานวนมากกระจายกนั อยทู่ วั่ ประเทศเคร่ือง ลูกขา่ ยของแต่ละนาคาร ตอ่ เชื่อมกบั เคร่ืองแม่ขา่ ยของธนาคารน้นั และเครื่องแม่ขา่ ยของธนาคารต่าง ๆ กต็ อ่ เชื่อมกนั เป็ นเครือข่ายดว้ ยเม่ือ เจา้ ของบญั ชีเงนิ ฝากทารายการถอนเงนิ ที่ตูเ้ อทีเอ็มตูห้ น่ึงขอ้ มูลจะถกู ส่งไปยงั เครื่องแม่ข่ายทตี่ ูเ้ อทีเอ็มตู้ หน่ึง ขอ้ มูลจะถูกส่งไปยงั เครื่องแม่ข่ายท่ีตเู้ อทีเอ็มน้นั หากพบวา่ เป็ นบญั ชีเงินฝากของธนาคารอ่ืน ก็จะส่งขอ้ มูลต่อไป ยงั ธนาคารเจา้ ของบญั ชีเม่ือตรวจสอบเรียบร้อยขอ้ มูลจะถูก ส่งกลบั มาทีต่ ูเ้ อทเี อม็ น้นั อีกคร้งั พร้อมกบั คาสง่ั ให้ จา่ ยเงนิ หรือไม่ให้ จ่ายเงนิ ตเู้ อทเี อ็มจึงเป็ นอีกหน่ึงตวั อยา่ งของสิ่งอานวยความสะดวกในสงั คมยคุ ใหม่ ท่ีเป็นผลโดยตรงมาจาก

บทบาทและประโยชน์ของเครือข่ายคอมพวิ เตอร์และการสื่อสาร ขอ้ มูล องค์ประกอบด้านสารสนเทศ องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศซ่ึงเป็นระบบสนบั สนุนการบริหารงาน การจดั การ และการ ปฏิบตั ิการของบุคคล ไม่วา่ จะเป็ นระดบั บคุ คล ระดบั กลมุ่ หรือ ระดบั องคก์ าร ไม่ใช่มีเพยี งเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ เทา่ น้นั แตย่ งั มีองคป์ ระกอบอื่น ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั ความสาเร็จของระบบอีก รวม 5 องคป์ ระกอบ ซ่ึงจะขาด องคป์ ระกอบใดไม่ไดค้ อื 1. ฮาร์ดแวร์ ฮาร์ดแวร์เป็นองคป์ ระกอบสาคญั ของระบบสารสนเทศ หมายถึง เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ อุปกรณ์รอบขา้ ง รวมท้งั อุปกรณ์ส่ือสารสาหรบั เชื่อมโยงคอมพวิ เตอร์เขา้ เป็ นเครือข่าย เช่น เคร่ืองพมิ พ์ เคร่ือง กราดตรวจ 2. ซอฟต์แวร์ ซอฟตแ์ วร์หรือโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เป็นองคป์ ระกอบที่สาคญั ประการท่สี อง ซ่ึงก็คือ ลาดบั ข้นั ตอนของคาสงั่ ที่จะสง่ั งานใหฮ้ าร์ดแวร์ทางาน เพอื่ ประมวลผลขอ้ มูลใหไ้ ดผ้ ลลพั ธต์ ามความตอ้ งการของ การใชง้ าน ในปัจจุบนั มีซอฟตแ์ วร์ระบบปฏบิ ตั ิงาน ซอฟตแ์ วร์ควบคุมระบบงาน ซอฟตแ์ วร์สาเร็จ และ ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตส์ าหรบั งานตา่ ง ๆ ลกั ษณะการใชง้ านของซอฟตแ์ วร์ก่อนหนา้ น้ี ผใู้ ชจ้ ะตอ้ งตดิ ต่อใชง้ านโดย ใชข้ อ้ ความเป็นหลกั แต่ในปัจจบุ นั ซอฟตแ์ วร์มีลกั ษณะการใชง้ านทงี่ ่ายข้นึ โดยมีรูปแบบการติดต่อท่สี ื่อ ความหมายใหเ้ ขา้ ใจง่าย เช่น มีส่วนตอ่ ประสานกราฟิ กกบั ผใู้ ชท้ ่ีเรียกวา่ กยุ (Graphical User Interface : GUI) ส่วนซอฟตแ์ วร์สาเร็จท่ีมีใชใ้ นทอ้ งตลาดทาใหก้ ารใชง้ านคอมพวิ เตอร์ในระดบั บคุ คลเป็นไปอยา่ งกวา้ งขวาง และเริ่มมีลกั ษณะส่งเสริมการทางานของกลมุ่ มากข้นึ ส่วนงานในระดบั องคก์ ารส่วนใหญม่ กั จะมีการพฒั นา ระบบตามความตอ้ งการโดยการวา่ จา้ ง หรือโดยนกั คอมพวิ เตอร์ท่อี ยใู่ นฝ่ายคอมพวิ เตอร์ขององคก์ าร เป็ นตน้ ซอฟตแ์ วร์สามารถแบ่งไดเ้ ป็น 2 ชนิด คือ ซอฟต์แวร์ระบบ หมายถึง โปรแกรมทุกโปรแกรมทีท่ าหนา้ ที่ติดต่อกบั ส่วนประกอบต่าง ๆ ของ ฮาร์ดแวร์คอมพวิ เตอร์ และอานวยเครื่องมือสาหรับทางานพน้ื ฐานตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ประยุกต์ จะเป็นโปรแกรมที่ทาใหค้ อมพวิ เตอร์สามารถทางานต่าง ๆ ตามทผ่ี ใู้ ชต้ อ้ งการ ไม่วา่ งานดา้ นการจดั ทาเอกสาร การทาบญั ชี การจดั เก็บขอ้ มูลข่าวสาร ตลอดจนงานทกุ ๆ ดา้ นตามแตผ่ ใู้ ชต้ อ้ งการ จน สามารถกล่าวไดว้ า่ ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตก์ ค็ ือซอฟตแ์ วร์ท่ีทาใหเ้ กิดการใชง้ าน คอมพวิ เตอร์กนั อยา่ งกวา้ งขวาง และ ทาใหค้ อมพวิ เตอร์เป็นปัจจยั ท่ีไม่สามารถขาดไดใ้ นยคุ สารสนเทศน้ี ใน องคก์ รขนาดใหญ่หรืองานที่มีความตอ้ งการเฉพาะดา้ น การจดั หาซอฟตแ์ วร์มาใชง้ านจะใชว้ ธิ ีพฒั นา ซอฟตแ์ วร์ข้ึนมาเอง หรือวา่ จา้ งบริษทั ซอฟตแ์ วร์เพอ่ื ทาซอฟตแ์ วร์เฉพาะงานให้ซอฟตแ์ วร์ข้นึ มาใช้ เอง ซอฟตแ์ วร์ประเภทน้ีจะเรียกวา่ ซอฟตแ์ วร์เฉพาะงาน (Tailor Made software) มีขอ้ ดีคอื มีความเหมาะสมกบั งาน และสามารถแกไ้ ขตามความตอ้ งการได้ ขอ้ เสียคือค่าใชจ้ ่ายสูงและใชเ้ วลาสาหรบั การพฒั นา ปัจจุบนั น้ีจงึ มี โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ทเี่ ขียนข้นึ มาเพอ่ื ใชส้ าหรับงานทว่ั ๆ ไป วางจาหน่ายเป็นชุดสาเร็จรูปเรียกวา่ ซอฟตแ์ วร์ สาเร็จรูป (Software Package) 3. ข้อมูล เป็นองคป์ ระกอบทสี่ าคญั อีกประการหน่ึงของระบบสารสนเทศ อาจจะเป็ นตวั ช้ีความสาเร็จ หรือความลม้ เหลวของระบบได้ เนื่องจากจะตอ้ งมีการเกบ็ ขอ้ มูลจากแหล่งกาเนิด ขอ้ มูลจะตอ้ งมีความถูกตอ้ ง มี

การกลนั่ กรองและตรวจสอบแลว้ เท่าน้นั จงึ จะมีประโยชน์ ขอ้ มูลจาเป็นจะตอ้ งมมี าตรฐาน โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เมื่อ ใชง้ านในระดบั กลุ่มหรือระดบั องคก์ าร ขอ้ มูลตอ้ งมีโครงสรา้ งในการจดั เก็บท่ีเป็ นระบบระเบียบเพอ่ื การสืบคน้ ท่ี รวด เร็วมีประสิทธิภาพ 4. บคุ ลากร บคุ ลากรในระดบั ผใู้ ช้ ผบู้ ริหาร ผพู้ ฒั นาระบบ นกั วเิ คราะห์ระบบ และนกั เขยี นโปรแกรม เป็นองคป์ ระกอบสาคญั ในความสาเร็จของระบบสารสนเทศ บุคลากรมีความรูค้ วามสามารถทางคอมพวิ เตอร์มาก เท่าใด โอกาสทีจ่ ะใชง้ านระบบสารสนเทศและระบบคอมพวิ เตอร์ไดเ้ ตม็ ศกั ยภาพและคุม้ คา่ ยงิ่ มากข้ึนเท่าน้นั โดยเฉพาะระบบสารสนเทศในระดบั บคุ คลซ่ึงเครื่องคอมพวิ เตอร์มีขดี ความสามารถมาก ข้ึน ทาใหผ้ ใู้ ชม้ ีโอกาส พฒั นาความสามารถของตนเองและพฒั นาระบบงานไดเ้ องตามความ ตอ้ งการ สาหรบั ระบบสารสนเทศในระดบั กลุ่มและองคก์ ารที่มีความซบั ซอ้ นมาก อาจจะตอ้ งใชบ้ คุ คลากรในสาขาคอมพวิ เตอร์ โดยตรงมาพฒั นาและดูแล ระบบงาน 5. ข้นั ตอนการปฏิบตั งิ าน ข้นั ตอนการปฏิบตั ิงานท่ชี ดั เจนของผใู้ ชห้ รือของบุคลากรทเ่ี ก่ียงขอ้ งกเ็ ป็ น เร่ืองสาคญั อีกประการหน่ึง เม่ือไดพ้ ฒั นาระบบงานแลว้ จาเป็ นตอ้ งปฏิบตั ิงานตามลาดบั ข้นั ตอนในขณะทีใ่ ช้ งาน ก็จาเป็ นตอ้ งคานึงถึงลาดบั ข้นั ตอน การปฏบิ ตั ิของคนและความสมั พนั ธก์ บั เคร่ือง ท้งั ในกรณีปกติและกรณี ฉุกเฉิน เช่น ข้นั ตอนการบนั ทกึ ขอ้ มูล ข้นั ตอนการประมวลผล ข้นั ตอนการปฏิบตั เิ ม่ือเคร่ืองมือชารุดหรือขอ้ มูล สูญหาย และข้นั ตอนการทาสาเนาขอ้ มูลสารองเพอื่ ความปลอดภยั เป็ นตน้ สิ่งเล่าน้ีตอ้ งมีการซกั ซอ้ ม มีการ เตรียมการ และการทาเอกสารคมู่ ือการใชง้ านใหช้ ดั เจน

กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกิจกรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกิจกรรมของนกั เรียน 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (20 นาที ) 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (20 นาที ) 10.ผสู้ อนช้ีแจงเรื่องท่ีจะศกึ ษาและจดุ ประสงค์ 10. ผูเ้ รียนฟังผูส้ อนช้ีแจงเร่ืองที่จะศึกษาและ เชิงพฤติกรรมประจาหน่วยท่ี 5 เรื่องการนาเสนอและ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมประจาหน่วยท่ี 5 เรื่องการ การสื่อสารขอ้ มูลสารสนเทศ นาเสนอและการสื่อสารขอ้ มูลสารสนเทศ 11.ผสู้ อนให้ผเู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 11. ผเู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยที่ 5 หน่วยท่ี 5 2. ข้ันให้ความรู้ (340 นาที) 2. ข้ันให้ความรู้ (340 นาที ) 9. ผสู้ อนเปิ ด PowerPoint หน่วยที่ 5 เรื่องการ 9. ผเู้ รียนศึกษา PowerPoint หน่วยท่ี 5 เร่ือง การ นาเสนอและการส่ือสารขอ้ มูลสารสนเทศ นาเสนอและการส่ือสารขอ้ มูลสารสนเทศ 10.ผูส้ อนอธิบายเน้ือหาในหน่วยเรียนท่ี 5 10.ผเู้ รียนฟังผสู้ อนอธิบายเน้ือหาในหน่วยเรียน เร่ือง การนาเสนอและการสื่อสารขอ้ มูลสารสนเทศ ที่ 5 เรื่อง การนาเสนอและการสื่อสารขอ้ มูลสารสนเทศ

กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนกั เรียน 3. ข้ันประยกุ ต์ใช้ ( 330 นาที ) 3. ข้ันประยุกต์ใช้ ( 330 นาที ) 17.ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทาแบบฝึกหดั หน่วยที่ 5 17.ผเู้ รียนทาแบบฝึกหดั หน่วยท่ี 5 18.ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทากิจกรรมนาสู่อาเซียน 18.ผเู้ รียนทากิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยท่ี 5 หน่วยที่ 5 19.ผู้สอนให้ผู้เรียนทากิจกรรมบูรณ าการ 19.ผเู้ รียนทากิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี ง 20.ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทากิจกรรมบูรณาการจิต 20.ผเู้ รียนทากิจกรรมบูรณาการจิตอาสา หน่วยที่ อาสา หน่วยท่ี 5 5 4. ข้นั สรุปและประเมินผล ( 30 นาที ) 4. ข้ันสรุปและประเมนิ ผล ( 30 นาที ) 9. ผสู้ อนและผูเ้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือในหน่วย 9. ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันสรุปเน้ื อหาใน เรียนท่ี 5 เรื่อง การนาเสนอและการสื่อสารข้อมูล หน่วยเรียนที่ 5 เร่ือง การนาเสนอและการสื่อสารขอ้ มูล สารสนเทศ สารสนเทศ 10. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทาแบบทดสอบหลังเรียน 10. ผเู้ รียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 5 หน่วยที่ 5 (บรรลจุ ุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-5) (บรรลจุ ดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-5) (รวม 720 นาที หรือ 12 คาบเรียน)

งานทม่ี อบหมายหรือกจิ กรรมการวดั ผลและประเมนิ ผล ก่อนเรียน 9. เอกสารหน่วยที่ 5 การนาเสนอและการส่ือสารขอ้ มูลสารสนเทศ 10. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยท่ี 5 ขณะเรียน 17. แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 5 18. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยท่ี 5 19. กิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 20. กิจกรรมบรู ณาการจติ อาสา หน่วยที่ 5 หลงั เรียน 5. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 5 ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสาเร็จของผ้เู รียน 25. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 5 26. แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 5 27. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยท่ี 5 28. กิจกรรมบูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 29. กิจกรรมบรู ณาการจิตอาสา หน่วยที่ 5 30. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 5

ส่ือการเรียนการสอน/การเรียนรู้ สื่อส่ิงพมิ พ์ 29. เอกสารประกอบการสอนวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ การจดั การอาชีพ (ใชป้ ระกอบการเรียน การสอนจดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 1-6) 30. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 5 ใชข้ ้นั นาเขา้ สู่บทเรียนขอ้ 2 31. แบบฝึกหดั หน่วยที่ 5 ใชข้ ้นั ประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ 1 32. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยท่ี 5 ใชข้ ้นั ประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ 2 33. กิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง ใชข้ ้นั ประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ 3 34. กิจกรรมบูรณาการจิตอาสา หน่วยท่ี 5 ใชข้ ้นั ประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ 4 35. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 5 ใชข้ ้นั สรุปผลและประเมินผลขอ้ 2 สื่อโสตทัศน์ (ถ้ามี) 1. เคร่ืองไมโครคอมพวิ เตอร์ 2. งานนาเสนอ สื่อของจริง

แหล่งการเรียนรู้ ในสถานศึกษา 9. หอ้ งสมุด 10.หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ นอกสถานศึกษา ผปู้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในทอ้ งถ่ิน การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วิชาอ่ืน 13. บูรณาการกบั วชิ าภาษาไทย เร่ือง การบอกความหมายของโปรแกรมนาเสนอ และการอธิบาย ข้นั ตอนการสร้างงานพรีเซนเตชน่ั 14. บูรณาการกบั วชิ าวทิ ยาศาสตร์ เร่ือง การจาแนกประเภทของงานนาเสนอ 15. บรู ณาการกบั วชิ าความรูเ้ กี่ยวกบั งานอาชีพ เรื่อง การสร้างงานนาเสนอ และการนาเสนอขอ้ มลู

การประเมนิ ผลการเรียนรู้  หลกั การประเมินผลการเรียนรู้ ก่อนเรียน 9. เอกสารหน่วยท่ี 5 การนาเสนอและการส่ือสารขอ้ มูลสารสนเทศ 10. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยท่ี 5 ขณะเรียน 17. แบบฝึกหดั หน่วยที่ 5 18. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยที่ 5 19. กิจกรรมบูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 20. กิจกรรมบูรณาการจิตอาสา หน่วยท่ี 5 หลงั เรียน 1. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 5 ผลงาน/ชิ้นงาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน 25. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยท่ี 5 26. แบบฝึกหดั หน่วยที่ 5 27. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยท่ี 5 28. กิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 29. กิจกรรมบูรณาการจติ อาสา หน่วยท่ี 5 30. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 5

สมรรถนะท่พี งึ ประสงค์ ผเู้ รียนสร้างความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การนาเสนอและการสื่อสารขอ้ มูลสารสนเทศ 17. วเิ คราะห์และตีความหมาย 18. สาธิตพรอ้ มแสดงทา่ ทางประกอบ 19. อภิปรายแสดงความคดิ เห็น 20. ประยกุ ตค์ วามรูส้ ู่งานอาชีพ สมรรถนะการปฏบิ ัตงิ านอาชีพ สร้างงานนาเสนอเพอื่ การนาเสนอ สมรรถนะการขยายผล ความสอดคล้อง จากการเรียนสปั ดาหท์ ่ี 16-18 เรื่อง การนาเสนอและการสื่อสารขอ้ มูลสารสนเทศ ทาใหผ้ เู้ รียนมีความรู้ เกี่ยวกบั ความหมายของโปรแกรมนาเสนอ ข้นั ตอนการสรา้ งงานพรีเซนเตชน่ั การสร้างงานนาเสนอ เทคนิค ในการนาเสนอ และการส่ือสารขอ้ มูลสารสนเทศ จนผเู้ รียนสามารถนาความรูท้ ไ่ี ดร้ ับไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการ ทางานได้ สามารถสรา้ งงานนาเสนอได้ นาเสนอขอ้ มูลดว้ ยพรีเซนเตชน่ั หรือนาเสนอดว้ ยวาจาได้

รายละเอียดการประเมินผลการเรียนรู้  จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ท่ี 1 บอกความหมายของโปรแกรมนาเสนอได้ 13.วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 14. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 15.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : บอกความหมายของโปรแกรมนาเสนอได้ จะได้ 1 คะแนน  จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ท่ี 2 อธิบายข้นั ตอนการสรา้ งงานพรีเซนเตชน่ั ได้ 13.วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 14. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 15.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : อธิบายข้นั ตอนการสรา้ งงานพรีเซนเตชนั่ ได้ จะได้ 1 คะแนน  จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ท่ี 3 จาแนกประเภทของงานนาเสนอได้ 13. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 14. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 15. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : จาแนกประเภทของงานนาเสนอได้ จะได้ 1 คะแนน  จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 4 สร้างงานนาเสนอได้ 13.วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 14. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 15.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : สร้างงานนาเสนอได้ จะได้ 3 คะแนน  จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 5 นาเสนอขอ้ มูลได้ 13.วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 14. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 15.เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : นาเสนอขอ้ มูลได้ จะได้ 3 คะแนน  จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 5 ประยกุ ตใ์ ชก้ ารนาเสนอดว้ ยวาจาได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ประยกุ ตใ์ ชก้ ารนาเสนอดว้ ยวาจาได้ จะได้ 1 คะแนน

แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 5 คาส่ัง จงเลือกคาตอบทถี่ ูกตอ้ งเพยี งขอ้ เดียว 1. ข้นั ตอนใดในการเตรียมงานนาเสนอควรกระทาเป็ นอนั ดบั แรก ก. ลงรายละเอียดเน้ือหา ข. การวางโครงร่าง ค. การใส่ขอ้ ความ รูปภาพ ง. การปรบั แตง่ สไลด์ จ. เตรียมเอกสารประกอบการบรรยาย 2. PowerPoint เป็นโปรแกรมสาหรบั ใชง้ านดา้ นใด ก. เป็นโปรแกรมทใ่ี ชใ้ นงานมลั ติมีเดีย ข. เป็นโปรแกรมสาหรับใชส้ รา้ งเวบ็ เพจ ค. เป็ นโปรแกรมท่ใี ชท้ าเอกสารรูปแบบตา่ ง ง. เป็ นโปรแกรมท่ใี ชท้ าตารางคานวณสถิติตา่ งๆ จ. เป็นโปรแกรมที่ใชน้ าเสนอขอ้ มูลเป็นแผน่ สไลด์ 3. ขอ้ ใดใชแ้ สดงรายละเอียดของสถานะการพมิ พง์ าน ก. แถบช่ือเร่ือง ข. แถบเคร่ืองมือมาตรฐาน ค. แถบสถานะ ง. แถบเมนู จ. แถบเครื่องมือจดั รูปแบบ 4. AutoContent Wizard เป็นการสรา้ งงานนาเสนอแบบใด ก. สร้างงานนาเสนอโดยการแทรกเสียงอตั โนมตั ิ ข. งานนาเสนอเปล่า ค. ออกแบบจากแม่แบบ ง. ตวั ช่วยสรา้ งเน้ือหาอตั โนมตั ิ จ. สรา้ งงานนาเสนอแบบสุ่ม 5. ความยาวของการต้งั ชื่อไฟลส์ ูงสุดจากโปรแกรม PowerPoint ตอ้ งไม่เกินก่ีตวั อกั ษร ก. 8 ข. 32 ค. 64 ง. 256 จ. 526 6. ขอ้ ใดไม่ใช่ประเภทขอการนาเสนอ

ก. Nature Presentation ข. Oral Presentation ค. Presentation Media ง. Hi-technology Audiovisual Aids จ. Presentation by Integration Aids Media 7. ขอ้ มูลท่ใี ชใ้ นการทารายงานแบง่ ออกเป็ นกี่ ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท จ. 6 ประเภท 8. ทกุ ขอ้ คอื ส่วนประกอบของการนาเสนอที่มีประสิทธิภาพ (Effective Presentation) แต่ยกเวน้ ขอ้ ใด ก. ผฟู้ ังและผนู้ าเสนอควรเห็นกนั ไดช้ ดั เจนและทว่ั ถึง ข. ผฟู้ ังและผนู้ าเสนอไดย้ นิ เสียงชดั เจน ค. ผฟู้ ังและผนู้ าเสนอตอ้ งเห็นภาพและขอ้ ความบนจออยา่ งชดั เจน ง. ผฟู้ ังเขา้ ใจถึงเน้ือหาและเป้าหมายของส่ิงท่ีนาเสนอไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง จ. ผนู้ าเสนอและผรู้ ับฟังการนาเสนอไดร้ ับการตอบสนองตามเป้าหมายของการนาเสนอ 9. องคป์ ระกอบของการสื่อสารมีกี่ประเภท ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท จ. 6 ประเภท 10. ขอ้ ใดไม่ใช่องคป์ ระกอบดา้ นสารสนเทศ ก. ฮาร์ดแวร์ ข. ซอฟตแ์ วร์ ค. ขอ้ มูล ง. บุคลากร จ. เงนิ

แบบฝึ กหัด หน่วยท่ี 5 คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามดงั ต่อไปน้ี 1. จงอธิบายความหมายโปรแกรมนาเสนอขอ้ มูล มาพอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………..………………………………………..…… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………..……………………….. 2. ข้นั ตอนในการสรา้ งพรีเซนเตชนั มีกี่ข้นั ตอน อะไรบา้ ง จงอธิบาย …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………..………………………………………..…… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………..……………………….. …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… 3. องคป์ ระกอบของการส่ือสารประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………..………………………………………..…… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………..………………………..


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook