โฮสตท์ ่ีแตกต่างกนั ดงั น้นั จึงตอ้ งมีการใชซ้ อฟตแ์ วร์เพอ่ื เชื่อมโยงระบบปฏิบตั กิ ารและโฮสตใ์ หต้ ิดต่อส่ือสารกนั ได้ ซ่ึงทาให้เกิดการพฒั นาเทคโนโลยีสาหรับใช้ในการติดต่อส่ือสารในคร้ังน้ี เรียกวา่ “Packet Switching” จากการทดลองให้งานเครือข่าย ARPANET จนเป็ นที่พอใจแล้ว ในปี พ.ศ. 2515 กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกาไดท้ าการเช่ือมต่อคอมพวิ เตอร์ของมหาวทิ ยาลยั และสถาบนั วจิ ยั ต่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั ถึง 50 แห่ง โดย เครือข่าย ARPANET จะใชเ้ พือ่ การคน้ หาและวจิ ยั ทางดา้ นการทหารเป็ นส่วนใหญ่ ในการเช่ือมตอ่ คอมพวิ เตอร์ ท้งั หมดน้ี ARPANET ไดม้ ีการกาหนดมาตรฐานในการรับส่งขอ้ มูลทเ่ี รียกว่า Network Control Protocol หรือ NCP เพ่ือเป็ นการควบคุมการรับส่งข้อมูล การตรวจสอบ และการเป็ นตัวกลางในการเชื่อมต่อเครื่อง คอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองที่ต่อเขา้ ดว้ ยกนั แต่มาตรฐาน NCP ยงั มีขอ้ จากดั และขอ้ ผิดพลาดในดา้ นของจานวน เครื่องที่ต่อเข้ากัน อันเป็ นผลทาให้ ARPANET ไม่สามารถที่จะขยายจานวนเคร่ืองเพื่อรองรับการส่ือสาร ออกไปไดม้ ากนกั จนกระทงั่ ปี พ.ศ. 2525 ARPANET ไดม้ ีการพฒั นาระบบการรับส่งขอ้ มูลแบบใหม่ โดยใช้ ชื่อมาตรฐานใหม่น้ีว่า TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet/Protocol) ซ่ึงมาตรฐานการสื่อสารน้ี ไดร้ องรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่างชนิดกนั ให้สามารถรับส่งขอ้ มูลหรือส่ือสารระหว่างกนั ได้ ซ่ึงถือว่าเป็ นส่ิง สาคญั สาหรับอินเทอร์เน็ต ในปี พ.ศ. 2526 โพรโทคอล TCP/IP ไดม้ ีการยอมรับกนั อยา่ งแพร่หลายจนกระทงั่ ปัจจุบนั ในปี พ.ศ. 2526 อาร์พาเน็ตถูกแบง่ แยกเป็ น 2 เครือขา่ ย คอื เครือขา่ ยดา้ นการวจิ ยั และเครือขา่ ยของ กองทพั เครือข่ายดา้ นงานวจิ ยั โดยใชช้ ื่อวา่ ARPANET ส่วนทางดา้ นเครือข่ายของกองทพั มีช่ือมีชื่อเรียกใหม่ว่า “มิลเน็ต” (MILNET) ARPANET ใหบ้ ริการจนกระทง่ั ถึงจุดทสี่ มรรถนะของเครือขา่ ยไม่พอเพียงทจี่ ะรบั ภาระการส่ือสารหลกั ของอินเทอร์เน็ตอีกต่อไป จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2529 มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ หรือ NSF (National Science Foundation) ไดร้ ับเป็ นเส้นทางหลกั ของการสื่อสารแทน การเติบโตของอินเทอร์เน็ต ในช่วงหน่ึงปี ให้ หลังของการเปล่ียนแปลงมาใช้ TCP/IP มีจานวนโฮสตใ์ นอินเทอร์เน็ต รวมกนั 213 IP โฮสต์ ในเดือน สิงหาคม พ.ศ. 2529 จานวนโฮสตใ์ นอินเทอร์เน็ตเพิ่มข้ึนเป็ น 1,024 โฮสต์ และในเดือนมกราคมปี พ.ศ. 2536 จานวนโฮสตใ์ นอินเทอร์เน็ตเพิ่มข้ึนไปมากกว่า 1,000,000 โฮสต์ แต่ละวนั จะมีโฮสตเ์ พมิ่ เขา้ สู่ระบบและมีผูใ้ ช้ รายใหม่เกิดข้ึนอยา่ งตอ่ เนื่อง จานวนโฮสตโ์ ดยประมาณภายในอินเทอร์เน็ตนับจากปี พ.ศ. 2524 ถึง 2537 มีการ ขยายตวั เพม่ิ ข้ึนแบบเอ็กโปรเนนเซียล นับต้งั แต่ปี พ.ศ. 2529 จานวนโฮสตไ์ ดเ้ พม่ิ ข้ึนมากกวา่ 2 เท่าตวั ในทุก ๆ ปี และยงั คงเพ่ิมข้ึนอยา่ งไม่หยดุ ย้งั จานวนโฮสต์โดยประมาณใน พ.ศ. 2538 คาดว่ามีราวหกล้านเคร่ือง หากประเมินว่าโฮสต์หน่ึงมีผใู้ ชเ้ ฉลี่ย 5-8 ราย จะประมาณว่า มีผูใ้ ชอ้ ินเทอร์เน็ตทว่ั โลกอยกู่ วา่ 30 ลา้ นคน การขยายตวั ของอินเทอร์เน็ตในปัจจุบนั อยใู่ นอตั รา 10-15 % ต่อเดือน ปัจจุบนั น้ีไดเ้ ป็ นผูว้ างมาตรฐานการ เชื่อมต่อระหวา่ ง เครือข่ายทาหนา้ ทีค่ น้ ควา้ วจิ ยั สิ่งใหม่ เพอื่ รองรับอินเทอร์เน็ตในอนาคต ความเป็ นมาของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย นับต้ังแต่ปี พ.ศ. 2530 ประเทศไทยได้ติดต่อกับอินเทอร์เน็ตในลักษณะการใช้บริการจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์แบบแลกเปล่ียนถุงเมล์ สถาบันท่ีติดต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในลักษณะดังกล่าวคือ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตหาดใหญ่ (PSU) และสถาบนั เทคโนโลยแี ห่งเอเชียหรือสถาบนั เอไอที (AIT) การติดตอ่ อินเทอร์เน็ตของท้งั สองสถาบนั เป็ นการใชบ้ ริการจดหมายอิเล็กทรอนิกสโ์ ดยความร่วมมือกบั
ประเทศออสเตรเลียตามโครงการ IDP ซ่ึงเป็ นการตดิ ตอ่ เชื่อมโยงเครือข่ายดว้ ยสายโทรศพั ท์ จนกระทง่ั ปี พ.ศ. 2531 มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตหาดใหญ่น้นั ไดย้ น่ื ขอที่อยอู่ ินเทอร์เน็ตแห่งแรกในประเทศไทย โดยไดร้ ับท่ีอยอู่ ินเทอร์เน็ต sritrang.psu.th ซ่ึงนับวา่ เป็ นท่ีอยอู่ ินเทอร์เน็ตแห่งแรกของประเทศไทย ต่อมาปี พ.ศ. 2534 บริษทั DEC (Thailand) จากดั ไดข้ อท่ีอยอู่ ินเทอร์เน็ตเพ่ือใชใ้ นกิจการของบริษทั โดยไดร้ ับท่ีอยู่ อินเทอร์เน็ตเป็ น dect.co.th โดยที่คา “th” เป็ นส่วนที่เรียกว่า โดเมน (Domain) ซ่ึงเป็ นส่วนแสดงโซนของ เครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยโดยคาวา่ “th” เป็ นรหสั ทยี่ อ่ มาจากคาวา่ Thailand ปี พ.ศ. 2535 นับว่าเป็ นปี ที่อินเทอร์เน็ตเข้ามาในประเทศไทยอย่างเต็มตัว โดยจุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั ไดจ้ ดั ต้งั เครือข่ายและไดเ้ ช่าสาย “ลีสไลน์” (Leased Line) ซ่ึงเป็นสายความเร็วสูงเพอื่ เช่ือมต่อกบั อินเทอร์เน็ต โดยเช่ือมต่อเขา้ กบั เครือข่าย “ยยู เู น็ต” (UUNET) ของบริษทั ยยู เู น็ตเทคโนโลยี จากดั (UUNET Technologies Co.,Ltd.) ซ่ึงต้งั อยทู่ ี่รัฐเวอร์จีเนีย ประเทศสหรัฐอเมริการ การเช่ือมต่อในระยะแรกโดยลีสไลน์ ความเร็ว 9600 bps (bps : bit per second) ปัจจุบนั จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ไดข้ ยายเครือข่ายโดยต้งั ชื่อวา่ “จฬุ า เน็ต” (ChulaNet) และไดป้ รับปรุงความเร็วของลีสไลน์จาก 9600 bps ไปเป็ นความเร็ว 64 Kbps และ 128 Kbps ตามลาดับ ในปี เดียวกันได้มีสถาบนั การศึกษาหลายแห่งขอเช่ือมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยผ่าน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาเหล่าน้ีคือ สถาบันเอไอที (AIT) มหาวิทยาลัยมหิดล (MU) มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ (CMU) สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ วทิ ยาเขตเจา้ คุณทหารลาดกระบงั (KMITL) และมหาวทิ ยาลยั อสั สัมชญั บริหารธุรกิจ (AU) โดยเรียกเครือข่ายน้ีวา่ เครือข่าย “ไทยเน็ต” (THATNET) ใน ปัจจุบนั เครือข่ายไทยเน็ตประกอบด้วยสถาบนั การศึกษาเพียง 4 แห่งเท่าน้ัน ส่วนใหญ่ยา้ ยการเช่ือมโยง อินเทอร์เน็ตโดยผา่ นเนตเทค (NECTEC) หรือศูนยเ์ ทคโนโลยอี ิเล็กทรอนิกส์และคอมพวิ เตอร์แห่งชาติ ดงั น้นั เครือข่ายไทยเน็ตจึงมีขนาดเล็ก จงึ นบั ว่าเครือข่ายไทยเน็ตเป็ นเครือข่ายท่ีมี “เกตเวย”์ (Gateway) หรือประตูสู่ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็ นแห่งแรกของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2535 เป็ นปี เริ่มตน้ ของการจดั ต้งั กลุ่มจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เพอื่ การศึกษาและวิจยั โดยมีช่ือ ว่า “เอ็นดับเบิลยูจี” (NWG : NECTEC E-mail Working Group) โดยหน่วยงานของรัฐที่มีช่ือว่า “ศูนย์ เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ” หรือ “เนคเทค” (NECTEC : National Electronic and Computer Technology Centre) สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในสมัย กลุ่มเอ็นดับเบิลยูจี ได้ จดั ต้งั เครือข่ายช่ือวา่ “ไทยสาร” (ThaiSarn : Thai Social scientific and Research Network) สาหรับเครือข่ายไทยสารไดร้ บั การพฒั นามาต้งั แต่ปี พ.ศ. 2531 โดยสถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ วทิ ยาเขตเจา้ คุณทหารลาดกระบงั (KMITL) ซ่ึงไดร้ ับการสนบั สนุนทุนวจิ ยั เก่ียวกบั ระบบเครือขา่ ยจากเนคเทค โดยมีจุดประสงคใ์ นการเช่ือมโยงคอมพิวเตอร์ระหว่างมหาวิทยาลยั และองคก์ รสาคญั ๆ ในประเทศไทยเขา้ ด้วยกัน โดยจะมีเนคเทคเป็ นศูนยก์ ลางการดาเนินงาน การเช่ือมโยงคอมพิวเตอร์ระหว่างกันเช่นน้ีเพ่ือการ ติดต่อสื่อสารและแลกเปล่ียนขอ้ มูลข่าวสารระหว่างกนั ซ่ึงเนคเทคได้สนับสนุนการจดั ต้งั กลุ่ม NEWgroup (NECTEC E-mail Group) ในปี พ.ศ. 2534 โดยมีวตั ถุประสงคใ์ นการส่ือสารบนเครือข่ายคอมพวิ เตอร์โดยวธิ ี “จดหมายอิเล็กทรอนิกส์” (Electronic mail หรือ E-mail) ในตอนแรกกลุ่ม NEWgroup ประกอบดว้ ยสมาชิก สถาบันการศึกษา จาน วน 8 แห่ ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย (CU) สถาบันเอไอที (AIT)
มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ (TU) สถาบนั พฒั นาบริหารศาสตร์ (NIDA) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (KU) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (PSU) และสถาบัน เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ วิทยาเขตเจา้ คุณทหารลาดกระบงั (KMITL) เป็ นตน้ ซ่ึงต่อมากลุ่ม Newsgroup ได้ เปลี่ยนช่ือยอ่ เป็ น “เอ็นดบั เบิลยจู ี” ดงั ท่ีได้กล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ ในตอนเริ่มแรกของการพฒั นาระบบเครือข่าย ของไทยสารเป็ นการติดต่อเชื่อมโยงโดยอุปกรณ์เช่ือมต่อชนิดท่ีเรียกวา่ “โมเด็ม” (Modem) โดยเช่ือมต่อดว้ ย ระบบ “ยูยูชีพี” (UUCP : Unix to Unix Copy) ซ่ึงต่อมาได้เชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตผ่านเกตเวยข์ อง จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั เมื่อปี พ.ศ. 2536 และปัจจุบนั เครือข่ายไทยสารไดเ้ ชื่อมต่อเขา้ กบั เครือข่ายอินเทอร์ โดยเชื่อมโยงกบั เครือข่าย “ยยู เู น็ต” ของบริษทั ยยู เู น็ตเทคโนโลยี จากดั ปัจจบุ นั เครือข่ายไทยสารเชื่อมโยง กบั สถาบนั ต่าง ๆ มากวา่ 30 แห่ง โดยมีสถาบนั การศึกษาและองคก์ รของรัฐเป็ นสมาชิกเครือข่ายไทยเน็ตกบั ไทยสาร ซ่ึงเป็นผลดีตอ่ การสื่อสารระหวา่ งสมาชิกในเครือข่ายไทยเน็ตและไทยสาร โดยมีผลทาใหก้ ารสื่อสาร ระหว่างเครือข่ายเป็ นไปอยา่ งรวดเร็วมากข้ึน มาเช่นน้ันแลว้ การสื่อสารระหว่างเครือข่ายท้งั สองต้องผ่าน อินเทอร์เน็ตไปท่ีประเทศสหรฐั อเมริกาแลว้ วกกลบั มาประเทศไทย ซ่ึงเป็ นการเสียเวลาโดยใช่เหตุ ความหมายของระบบเครือข่าย ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) หมายถึง การเช่ือมตอ่ คอมพวิ เตอร์ต้งั แต่ 2 เคร่ืองข้ึน ไปเขา้ ดว้ ยกนั ดว้ ยสายเคเบลิ หรือสื่ออ่ืนๆ ทาใหค้ อมพวิ เตอร์สามารถรับส่งขอ้ มูลแก่กนั และกนั ได้ ในกรณีทีเ่ ป็นการเช่ือมต่อระหวา่ งเคร่ืองคอมพวิ เตอร์หลายๆ เครื่องเขา้ กบั เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ขนาดใหญ่ ท่ีเป็ นศูนยก์ ลาง เรียกคอมพิวเตอร์ที่เป็ นศูนยก์ ลางน้ีว่า โฮสต์ (Host) และเรียกคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่เขา้ มา เชื่อมต่อวา่ ไคลเอนต์ (Client) ลักษณะการเช่ือมต่อของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ จุดปลายทางของการรับ-ส่งขอ้ มูล เรียกว่าโหนด (Node) ซ่ึงการท่ีจะทาให้แต่ละโหนดติดต่อรับ-ส่ง ขอ้ มูลถึงกนั ไดน้ ้นั ตอ้ งมีการเชื่อมต่อท่ีเป็ นระบบ ในระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์น้ี สามารถแบ่งลกั ษณะของการ เชื่อมโยงออกเป็น 4 ลกั ษณะ คือ 1.เครือข่ายแบบดาว (Star Network) จะมีคอมพิวเตอร์หลักที่เป็ นโฮสต์ (Host) ต่อสายส่ือสารกับ คอมพิวเตอร์ยอ่ ยท่ีเป็ นไคลเอนต์ (Client) คอมพิวเตอร์ที่เป็ นไคลเอนตแ์ ต่ละเคร่ืองไม่สามารถติดต่อกันได้ โดยตรง การตดิ ตอ่ จะตอ้ งผา่ นคอมพวิ เตอร์โฮสตท์ ่เี ป็นศูนยก์ ลาง ข้อดีของเครือข่ายแบบดาว 1) มีความคงทนสูง คือหากสายเคเบิลของบางโหนดเกิดขาดกจ็ ะไม่ส่งผลกระทบตอ่ ระบบโดยรวม โดยโหนดอื่นๆ ก็ยงั สามารถใชง้ านไดต้ ามปกติ 2) เน่ืองจากมีจุดศนู ยก์ ลางอยทู่ ี่ฮบั (Hub) ดงั น้นั การจดั การและการบริการจะง่ายและสะดวก ข้อเสียของเครือข่ายแบบดาว 1) ใชส้ ายเคเบลิ มากเทา่ กบั จานวนเคร่ืองทเ่ี ช่ือมต่อ ซ่ึงหมายถึงคา่ ใชจ้ ่ายที่สูงข้นึ ดว้ ย แตก่ ็ใชส้ ายเคเบลิ มากกวา่ แบบ BUS กบั แบบ RING 2) การเพมิ่ โหนดใดๆ จะตอ้ งมีพอร์ตเพยี งพอต่อการเชื่อมโหนดใหม่ และจะตอ้ งโยงสายจากพอร์ตของ
ฮบั (Hub) มายงั สถานทีท่ ่ีต้งั เครื่อง 3) เนื่องจากมีจดุ ศูนยก์ ลางอยทู่ ่ฮี บั (Hub) หากฮบั เกิดขอ้ ขดั ขอ้ งหรือเสียหายใชง้ านไม่ไดค้ อมพวิ เตอร์ ต่างๆ ทีเ่ ช่ือมตอ่ เขา้ กบั ฮบั (Hub) ดงั กล่าวก็จะใชง้ านไมไ่ ดท้ ้งั หมด 2. เครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Network) เป็ นเครือข่ายท่ีเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ดว้ ยสายเคเบิลเดียวใน ลกั ษณะวงแหวนไม่มีเครื่องคอมพวิ เตอร์เป็ นศูนยก์ ลาง ขอ้ มูลจะตอ้ งผา่ นไปยงั คอมพวิ เตอร์รอบๆ วงแหวน และ ผา่ นเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ทุกเครื่องเพอ่ื ไปยงั สถานีท่ีตอ้ งการ ซ่ึงขอ้ มูลที่ส่งไปจะไปในทิศทางเดียวกนั การวงิ่ ของ ขอ้ มูลในเครือข่ายวงแหวนจะใชท้ ิศทางเดียวเท่าน้นั เมื่อคอมพวิ เตอร์เครื่องหน่ึงส่งขอ้ มูล มนั จะส่งไปยงั เคร่ือง คอมพวิ เตอร์ตวั ถดั ไป ถา้ ขอ้ มูลท่ีรบั มาไม่ตรงตามที่คอมพวิ เตอร์ตน้ ทางระบุมนั ก็จะส่งผา่ นไปให้คอมพวิ เตอร์ เครื่องถดั ไป ซ่ึงจะเป็ นข้นั ตอนแบบน้ีไปเร่ือยๆ จนกวา่ จะถึงคอมพิวเตอร์ปลายทาง ที่ถูกระบุตามท่ีอยจู่ ากเคร่ือง ตน้ ทาง ข้อดขี องเครือข่ายแบบวงแหวน 1) แต่ละโหนดในวงแหวนมีโอกาสท่ีจะส่งขอ้ มูลไดเ้ ทา่ เทยี มกนั 2) ประหยดั สายสญั ญาณ โดยจะใชส้ ายสญั ญาณเท่ากบั จานวนโหนดที่เช่ือมต่อ 3) ง่ายตอ่ การติดต้งั และการเพม่ิ /ลบจานวนโหนด ข้อเสียของเครือข่ายแบบวงแหวน 1) หากวงแหวนเกิดขาดหรือเสียหาย จะส่งผลตอ่ ระบบท้งั หมด 2) ยากตอ่ การตรวจสอบ ในกรณีท่มี ีโหนดใดโหนดหน่ึงเกิดขดั ขอ้ ง เนื่องจากตอ้ งตรวจสอบทีละจดุ วา่ เกิดขอ้ ขดั ขอ้ งอยา่ งไร 3. เครือข่ายแบบบัส (Bus Network) จะมีการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์บนสายเคเบิล ซ่ึงเรียกว่าบัส คอมพิวเตอร์เครื่องหน่ึงๆ สามารถส่งถ่ายขอ้ มูลไดเ้ ป็ นอิสระ ในการส่งขอ้ มูลน้นั จะมีเพยี งคอมพวิ เตอร์ตวั เดียว เท่าน้ันท่ีสามารถส่งขอ้ มูลได้ในช่วงเวลาหน่ึงๆ จากน้ันขอ้ มูลจะว่ิงไปตลอดความยาวของสายเคเบิล แล้ว คอมพวิ เตอร์ปลายทางจะรบั ขอ้ มูลทวี่ ง่ิ ผา่ นมา ข้อดขี องเครือข่ายแบบบสั 1) เป็นโครงสร้างที่ไม่ซบั ซอ้ น และติดต้งั งา่ ย 2) ง่ายตอ่ การเพม่ิ จานวนโหนด โดยสามารถเชื่อมต่อเขา้ กบั สายแกนหลกั ไดท้ นั ที 3) ประหยดั สายส่งขอ้ มูล เนื่องจากใชส้ ายแกนหลกั เพยี งเสน้ เดียว ข้อเสียของเครือข่ายแบบบสั 1) หากสายเคเบิลทเ่ี ป็นสายแกนหลกั ขาดจะส่งผลใหเ้ ครือข่ายตอ้ งหยดุ ชะงกั ในทนั ที 2) กรณีระบบเกิดขอ้ ผดิ พลาดใดๆ จะหาขอ้ ผดิ พลาดไดย้ าก 3) ระหวา่ งโหนดแตล่ ะโหนดจะตอ้ งมีระยะห่างตามขอ้ กาหนด 4. เครือข่ายแบบผสม (Hybrid Network) เป็ นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ผสมผสานระหวา่ งรูปแบบต่างๆ หลายๆ แบบเขา้ ดว้ ยกนั คือจะมีเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ยอ่ ยหลายๆ เครือขา่ ยเพอ่ื ใหเ้ กิด ประสิทธิภาพสูงสุดในการ ทางานเครือข่ายบริเวณกวา้ ง ซ่ึงเครือข่ายท่ีถูกเช่ือมต่ออาจจะอยหู่ ่างกันคนละจงั หวดั หรือ อาจจะอยคู่ นละ
ประเทศก็เป็ นได้ ประเภทของระบบเครือข่าย ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แบ่งตามลกั ษณะการเช่ือมต่อทางภูมิศาสตร์ หรือระยะทางการเชื่อมต่อ สามารถแบง่ ไดเ้ ป็น 3 ประเภท คือ 1.1 เครือข่ายเฉพาะบริเวณหรือแลน LAN (Local Area Network) คือ การเช่ือมโยงคอมพวิ เตอร์เป็ น Network โดยที่คอมพวิ เตอร์แต่ละเครื่องอยใู่ นอาณาเขตเดียวกนั หรือไม่ไกลกนั นัก เช่น ภายในอาคารเดียวกนั หรืออาคารที่อยตู่ ดิ กนั โดยใชส้ ายเคเบิล้ เป็ นตวั กลางในการเช่ือมโยง ซ่ึงจะเป็ นสายเคเบิ้ลที่ใชต้ ่อ LAN โดยเฉพาะ เช่น อาจจะเป็ นสายโคแอกเชียวหรือสาย UTP เป็ นตน้ ระบบ LAN น้ีจะเป็ นการเชื่อมโยงคอมพวิ เตอร์ของแต่ละแผนกในบริษทั เพอื่ ใหแ้ ต่ละแผนกสามารถทางานร่วมกนั ไดอ้ ยา่ ง สะดวก การทางานทว่ั ไปของเครือขา่ ยเฉพาะบริเวณ 3 อยา่ งคอื การใชฮ้ าร์ดแวร์ร่วมกนั การใชแ้ หล่งสารสนเทศ ร่วมกนั และการใชโ้ ปรแกรมร่วมกนั การใช้ฮาร์ดแวร์ร่วมกัน ช่วยใหค้ อมพวิ เตอร์ส่วนบุคคลแตล่ ะเคร่ืองท่อี ยใู่ นเครือข่ายสามารถเขา้ ถึงและใชอ้ ุปกรณ์ซ่ึงมีราคา แพงเกินกวา่ จะสามารถจดั ซ้ือหรือไม่คุม้ คา่ ทจ่ี ะจดั ซ้ือใหก้ บั ผใู้ ชค้ อมพวิ เตอร์แตล่ ะคน เน่ืองจากมีการใชง้ านเพยี ง บางโอกาสเท่าน้นั เช่น เมื่อผใู้ ชค้ อมพวิ เตอร์ส่วนบุคคลท่ีอยรู่ ่วมในเครือข่ายแตล่ ะคนตอ้ งการใชเ้ ครื่องพมิ พช์ นิด เลเซอร์หากใช้เครือข่ายเฉพาะบริเวณ จะใช้วิธีจดั ซ้ือเคร่ืองพิมพเ์ ลเซอร์มาเป็ นส่วนหน่ึงของระบบเครือข่าย เม่ือใดที่ผใู้ ชค้ อมพวิ เตอร์ส่วนบุคคลที่อยใู่ นระบบเครือข่ายตอ้ งการใชเ้ คร่ืองพมิ พเ์ ลเซอร์สามารถขอเขา้ ไปใชใ้ น เครือข่ายได้ แสดงเครือขา่ ยเฉพาะบริเวณอยา่ งง่ายๆ ทปี่ ระกอบคอมพวิ เตอร์ส่วนบุคคล 4 ชุดเช่ือมตอ่ กนั ดว้ ยสาย ตวั นา มีคอมพิวเตอร์ 3 ชุด ( ชุดที่ 1 ต้งั อยทู่ ่ีฝ่ ายขายและตลาด ชุดที่ 2 อยทู่ ี่ฝ่ ายบญั ชี และชุดที่ 3 อยทู่ ี่ฝ่ ายบคุ คล ) ไวพ้ ร้อมให้ใชต้ ลอดเวลา ส่วนคอมพวิ เตอร์ชุดที่ 4 เรียกวา่ ผูใ้ หบ้ ริการหรือเซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือเรียกว่าหน่วย ควบคุมเครือข่าย (network control unit) เป็ นชุดที่เตรียมไวเ้ พื่อให้บริการและทาหน้าที่ควบคุมดูแลและสนอง ความตอ้ งการในการติดต่อสื่อสารของคอมพิวเตอร์ชุดต่างๆ ที่มีอยูใ่ นระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ท่ีเป็ นชุด สาหรับให้บริการในระบบเครือข่ายเฉพาะบริเวณดังตัวอย่าง มีการเช่ือมต่อกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ทาให้ คอมพวิ เตอร์ทุกชุดในระบบเครือขา่ ยน้ีสามารถใชเ้ ครื่องพมิ พเ์ ลเซอร์ได้ การใช้ข้อมูลสารสนเทศร่วมกนั ช่วยให้ผูใ้ ช้คอมพิวเตอร์ที่เช่ือมต่ออย่ใู นระบบเครือข่ายทุกคนสามารถเขา้ ถึงขอ้ มูลท่ีเก็บอยใู่ น คอมพวิ เตอร์เคร่ืองใดๆ ก็ไดท้ ี่อยใู่ นระบบเครือข่ายเดียวกนั ในทางปฏิบตั ิมกั จะมีการใชร้ ่วมกนั ท้งั อุปกรณ์และ ขอ้ มูลสารสนเทศ ตวั อยา่ งในรูปแสดงใหเ้ ห็นวา่ มีการเก็บบนั ทึกเกี่ยวกบั ยอดขายประจาวนั ไวใ้ นฮาร์ดดิสกข์ อง คอมพิวเตอร์ท่ีทาหน้าที่เป็ นไฟล์เซิร์ฟเวอร์ ถ้าผูใ้ ดที่อย่ใู นระบบเครือข่ายตอ้ งการขอเข้าถึงขอ้ มูลชุดน้ีได้ ความสามารถในการบนั ทึกและเขา้ ถึงขอ้ มูลชุดน้ีได้ ความสามารถในการบนั ทึกและเขา้ ถึงขอ้ มูลร่วมกันไดน้ ้ี เป็นลกั ษณะสาคญั ของระบบเครือขา่ ยเฉพาะบริเวณ การใชข้ อ้ มูลสารสนเทศร่วมกนั ส่วนใหญ่จะใชว้ ธิ ีใหบ้ ริการ ไฟล์ หรือวธิ ีบริการลูกคา้ วิธีใหบ้ ริการไฟล์ (file-server) จะมีการส่งไฟลใ์ หแ้ ก่ผขู้ อทีอ่ ยใู่ นเครือข่ายทีละไฟลโ์ ดย คอมพวิ เตอร์ผูข้ อจะไปประมวลผลขอ้ มูล ส่วนวธิ ีบริการลูกคา้ (client-server) น้นั คอมพวิ เตอร์ทีเ่ ป็ นผูใ้ หบ้ ริการ
จะประมวลผลขอ้ มูลใหม้ ากที่สุดเทา่ ที่จะทาไดก้ ่อนทีจ่ ะส่งต่อไป วธิ ีการบริการลูกคา้ น้ี จะช่วยลดจานวนขอ้ มูลที่ ตอ้ งส่งต่อไปตามเครือข่ายไดม้ าก แต่ตอ้ งใชค้ อมพวิ เตอร์ท่ีมีประสิทธิภาพสูงเป็ นผใู้ หบ้ ริการ การใช้โปรแกรมร่วมกัน ผทู้ ่เี ป็ นสมาชิกของเครือขา่ ยเฉพาะบริเวณ สามารถใชโ้ ปรแกรมที่ตอ้ งการใชบ้ ่อย ๆ ร่วมกนั ได้ เช่น ถา้ ผใู้ ชต้ อ้ งการใชโ้ ปรแกรมประมวลคาเสมอ ๆ ก็สามารถนาโปรแกรมดงั กล่าวไปติดต้งั เขา้ ในเครื่องที่ใหบ้ ริการ ผใู้ ชท้ ุกคนก็จะสามารถเขา้ ไปทางานในโปรแกรมประมวลคาไดต้ ามตอ้ งการ ซ่ึงนบั ว่าเป็ นวิธีท่ีสะดวกรวดเร็ว กว่าการท่ีจะบันทึกโปรแกรมไวใ้ นดิสก์และเตรียมแผ่นสารองไวท้ ่ีคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง เนื่องจากการใช้ โปรแกรมร่วมกนั เป็นสิ่งที่ทากนั อยเู่ สมอ ท้งั โปรแกรมที่จดั ทาไวใ้ ชเ้ องภายในและโปรแกรมที่ผลิตข้นึ เพอื่ การคา้ ในปัจจุบนั ผผู้ ลิตโปรแกรมหลายแห่งไดข้ ายโปรแกรมสาหรับใชใ้ นระบบเครือข่าย เมื่อมีผใู้ ชโ้ ปรแกรมท่ีผลิต ข้นึ มาเป็ นจานวนมาก ผูผ้ ลิตจงึ ตอ้ งกาหนดเงื่อนไขเร่ืองลิขสิทธ์ิในสถานท่ีปฏิบตั งิ าน (Site License) ข้ึน การคิด ค่าลิขสิทธ์ิปกติจะนบั ตามจานวนเครื่องคอมพวิ เตอร์ท่มี ีอยใู่ นระบบเครือขา่ ย ซ่ึงจะถูกกวา่ การซ้ือโปรแกรมตาม จานวนคอมพวิ เตอร์ที่ใชแ้ ตล่ ะเคร่ือง 1.2 เครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network : MAN) การเชื่อมต่อ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เป็ นเครือข่ายขนาดกลาง ที่มีระยะทางการเชื่อมต่อไกลกว่า ระบบเครือขา่ ยทอ้ งถ่ิน (LAN) แต่ระยะทางยงั คงใกลก้ วา่ ระบบ WAN (Wide Area Network) 1.3 เครือข่ายบริเวณกว้างหรือแวน WAN (Wide Area Network) มีขอบเขตเชิงภูมิศาสตร์กวา้ งขวาง สามารถผสมผสานช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ เช่น การใช้ สายโทรศพั ทไ์ มโครเวฟดาวเทยี มเขา้ ดว้ ยกนั ได้ บริษทั ท่ีมีเครือข่ายบริเวณกวา้ งจะรวมถึง บริษทั ท่ีให้บริการทาง โทรศพั ทด์ ว้ ย การยกเลิกกฎระเบียบดา้ นโทรศพั ทช์ ่วยสนบั สนุนใหห้ ลายบริษทั สนใจสร้างระบบเครือข่ายบริเวณ กวา้ งของตนเองมากข้นึ หน่วยงานท่ีทางานดา้ นการสื่อสาร เช่น เอ็มซีไอ (MCI) ไดส้ รา้ งเครือขา่ ยบริเวณกวา้ งข้ึน เพ่ือแข่งขนั กบั บริษทั ที่ทางานด้านการสื่อสารอ่ืน ๆ บริษทั รับส่งข่าวสารบางแห่งมีบริการให้เช่าช่องทางการ ส่ือสารท่ีเพิ่มการทางานพเิ ศษข้ึนกวา่ ปกติท่ีเรียกวา่ เครือข่ายเพม่ิ คุณค่า (Value-Added Network) เช่นบริษทั ทิม เนต และบริษทั เทเลเนต มีบริการการสวิทชก์ ลุ่มขอ้ มูล ซ่ึงจะมีการรวมขอ้ มูลจากผใู้ ชห้ ลาย ๆ คนเขา้ ดว้ ยกนั และ ส่งไปตามช่องทางการสื่อสารท่ีมีความเร็วสูง ขอ้ มูลดงั กล่าวจะถูกแยกและแจกจ่ายไปตามช่องทางการส่ือสารที่มี ความเร็วต่ากว่าท่ีอยทู่ างดา้ นของผูร้ ับขอ้ มูล การใช้ช่องทางการส่ือสารความเร็วสูงร่วมกันในลักษณะน้ีเป็ น วิธีการที่ประหยดั ค่าใชจ้ ่ายมากกว่าการที่ผูใ้ ชแ้ ต่ละคนจะมีช่องทางการสื่อสารความเร็วสูงไวเ้ ป็ นของตนเอง ปัจจุบนั มีการใหบ้ ริการส่งขอ้ มูลในระบบเครือขา่ ยส่งขอ้ มูลดิจิตอลแบบรวมหรือไอเอสดีเอน็ (Integrated Service Digital Network หรือ ISDN) ไอเอสดีเอ็น เป็ นมาตรฐานสากลสาหรับการส่งสัญญาณในระบบดิจิตอลของท้งั เสียงและขอ้ มูลโดยการส่งคนละช่องทางและใชผ้ สู้ ่งคนละกลุ่ม การเชื่อมโยงระหว่างเครือข่าย ในกรณีที่ตอ้ งการเชื่อมโยงเครือข่ายตา่ งชุดเขา้ ดว้ ยกนั สามารถทาไดโ้ ดยการใชป้ ระตทู างออกและ สะพาน ประตูทางออก (gateway) เป็ นการประสมประสานอุปกรณ์และโปรแกรมเขา้ ดว้ ยกนั ซ่ึงช่วยใหผ้ ใู้ ชท้ ่ีอยู่ ในเครือข่ายชุดหน่ึงสามารถเขา้ ไปยงั เครือขายชุดอ่ืนท่ีแตกต่างกันได้ ตัวอยา่ งเช่น ใช้ประตูทางออกในการ
เชื่อมต่อเครือข่ายเฉพาะบริเวณของคอมพวิ เตอร์ส่วนบุคคลไปยงั เครือข่ายของเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ได้ สะพาน (bridge) เป็ นการประสมประสานอุปกรณ์และโปรแกรมท่ีใชใ้ นการเช่ือมต่อเครือข่ายท่ีมีลักษณะคล้ายกัน ตวั อยา่ งเช่น บริษทั หน่ึงมีเครือข่ายเฉพาะบริเวณ (LAN) ของฝ่ายการเงนิ ชุดหน่ึงและของฝ่ายการตลาดอีกชุดหน่ึง เครือข่ายท้งั สองชุดมีลกั ษณะคลา้ ยกัน ในกรณีน้ีอาจใช้สะพานเช่ือมโยงเครือข่ายสองชุดเข้าดว้ ยกนั มีความ เหมาะสมกว่าการเช่ือมต่อคอมพวิ เตอร์ท้งั หมดเขา้ เป็ นเครือข่ายชุดใหญ่ชุดเดียว เพราะแต่ละฝ่ ายตอ้ งการเขา้ ถึง ขอ้ มูลทอี่ ยใู่ นหน่วยความจาของอีกฝ่ ายหน่ึงเพยี งบางโอกาสเท่าน้นั ประโยชน์ทไี่ ด้รับจากระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็ นระบบเครือข่ายที่โยงใยกนั ทวั่ โลก ซ่ึงมีบริการในดา้ นต่าง ๆ มากมาย ไวบ้ ริการสาหรับผูท้ ี่ตอ้ งการในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซ่ึงก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผูใ้ ช้ ระบบเครือข่าย รูปแบบต่าง ๆ ซ่ึงมีอยา่ งหลากหลายดงั น้ี ประโยชน์ด้านการอ่าน บนอินเทอร์เน็ตน้ันมีบริการที่ทาใหส้ ามารถทาการอ่านหนังสือ วารสารและ นิตยสาร ผา่ นระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตไดม้ ีบริการท้งั ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ฯลฯ เช่น ComSaving เป็นตน้ ประโยชน์ด้านการค้นคว้าข้อมูล บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีบริการสามารถที่จะเขา้ ไปใชบ้ ริการ คน้ หาขอ้ มูล ผา่ นระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ สามารถที่จะเขา้ ไปคน้ หาขอ้ มูลท่ีสนใจใน World Wide Web หรือ WWW เช่น เขา้ ไปคน้ หาขอ้ มูล อาจเป็นขอ้ มูลภาพและเสียง และอ่ืน ๆ อีกมากมาย ประโยชน์ ด้านการประชาสัมพันธ์ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตน้ัน มีบริการติดต่อโฆษณา ประชาสมั พนั ธผ์ า่ นระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ องคก์ ารหรือหน่วยงานต่าง ๆ นิยมสร้างเวบ็ ไซต์ (Web Site) บนอินเตอร์เน็ต เพอ่ื ให้บริการขอ้ มูลเกี่ยวกบั องคก์ ารและบริการตา่ ง ๆ เพื่อใชใ้ นการประชาสมั พนั ธ์ขอ้ มูลของ บริษทั ประโยชน์ด้านการส่งคาอวยพร ในเทศกาลต่าง ๆ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตน้ันมีบริการส่งการ์ด อวยพรและขอ้ มูลใหผ้ ใู้ ชโ้ ทรศพั ทม์ ือถือ มีบริการส่งการ์ดอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ผา่ นระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซ่ึงไม่มีค่าใชจ้ ่าย หรือ บริการฝากขอ้ ความบริการส่งเพลงท่ีตอ้ งการส่งใหค้ นทไ่ี ดร้ ับขอ้ มูล ประโยชน์ด้านข้อมูลข่าวสาร บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตน้นั มีบริการอ่านขอ้ มูลขา่ วสารต่าง ๆ ผา่ น ระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตจากมุมตา่ ง ๆ ไดท้ ว่ั โลกโดยผา่ นเวบ็ ไซตต์ า่ ง ๆ ท่ใี หบ้ ริการขอ้ มูลขา่ วสาร เช่น CNN ตลอดจนหนงั สือพมิ พต์ า่ ง ๆ ท้งั ในประเทศไทยและต่างประเทศทม่ี ีบริการขอ้ มูลขา่ วสารท่รี วดเร็ว ประโยชน์ด้านการสารองข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตน้ันมีการดาวน์โหลด ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ (Software Download) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซ่ึงบริษทั ผูผ้ ลิตมีไวบ้ ริการ เช่น Microsoft ฯลฯ ซ่ึงในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีไวบ้ ริการ ผูท้ ่ีตอ้ งการดาวน์โหลดโปรแกรมเพอ่ื ไปใชง้ าน สามารถเขา้ ไปดาวน์โหลดเพอื่ ทาการศกึ ษาหาความรูท้ ท่ี นั สมยั อยเู่ สมอ ประโยชน์ด้านการค้นคว้าข้อมูลจากห้องสมุด บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีบริการคน้ หาขอ้ มูลจาก หอ้ งสมุด (Explorer Libraries) ผา่ นระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตซ่ึงในบริการเครือข่ายมีห้องสมุดออนไลนต์ า่ ง ๆ ไวบ้ ริการเพอ่ื ใหผ้ ทู้ ต่ี อ้ งการคน้ หาขอ้ มูลและบริการอ่านหนงั สือใหม่ ๆ ทมี่ ีในหอ้ งสมุดตา่ ง ๆ ประโยชน์ด้านการผ่อนคลาย บนเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตน้นั มีบริการเล่นเกม (Play Games) ผา่ น
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทาให้สามารถใชบ้ ริการเกมออนไลน์ เพ่ือให้ความบนั เทิง และการฝึ กทกั ษะทาง สมอง ซ่ึงเกมออนไลน์มีออย่หู ลายประเภทด้วยกัน เช่น เกมเพื่อการศึกษา ฯลฯ เกมเหล่าน้ีจะมีส่วนช่วย กระตุน้ การพฒั นาสมองของเดก็ ใหเ้ ร็วข้ึน และช่วยเสริมทกั ษะความคดิ ในเร่ืองของการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ ไดด้ ว้ ย ประโยชน์ด้านการซื้อสินค้า บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตน้ันมีบริการซ้ือสินค้าและบริการต่าง ๆ (Shopping) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตซ่ึงจะมีระบบการซ้ือขายสินคา้ ผ่านเคร่ืองคอมพิวเตอร์ โดยผูท้ ี่ ตอ้ งการเขา้ ไปซ้ือสินคา้ ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตน้นั ทาการเลือกรายการสินคา้ ทม่ี ีไวบ้ ริการแลว้ ทาการส่ัง จ่ายโดยใชบ้ ตั รเครดิตไดท้ นั ที ซ่ึงจะทาใหก้ ารซ้ือขายสินคา้ ไดต้ ลอด 24 ชวั่ โมง ประโยชน์ด้านความบันเทิง บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตน้ันมีบริการดูโทรทศั นแ์ ละฟังเพลง (Watch TV And Listen Music) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซ่ึงบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสามารถดูโทรทศั น์ ฟังวทิ ยุ หรือดูรายการถ่ายทอดสดของสถานีโทรทศั นต์ า่ ง ๆ ประโยชน์ด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล มีบริการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร (Exchange Message) ผา่ นระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สามารถรบั ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Mail กบั ผใู้ ชบ้ ริการอินเทอร์เน็ต คนอื่น ๆ ไดท้ วั่ โลกในเวลาอนั รวดเร็ว ประโยชน์ด้านการสนทนา บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตน้ันมีบริการสนทนาออนไลน์ (Chat) ผา่ น ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตรวมท้งั บริการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรือ E-Mail จะไดร้ ับความนิยมมากใน ขณะน้ี จะทาใหผ้ ทู้ ใี่ ชบ้ ริการ Chat สามารถท่ีจะพดู คุยกนั ไดโ้ ดยตรง เหมาะสาหรบั การตดิ ตอ่ ส่ือสารทีร่ วดเร็ว ประโยชน์ ด้านการเรียนทางไกล บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตน้ัน มีบริการเรียนทางไกลบน อินเทอร์เน็ต (Distance Learning) ผา่ นระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซ่ึงปัจจุบนั มหาวทิ ยาลยั ต่าง ๆ ในประเทศ และต่างประเทศมีการใช้หลักสูตรการเรียนการสอนทางไกลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ท้ังในระดับ ประกาศนียบตั ร ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก โดยท่ีผูเ้ รียนไม่จาเป็ นตอ้ งเรียนท่ีมหาวทิ ยาลยั แต่ สามารถทาการเรียนผ่านระบบการเรียนการสอนทางไกลผา่ นระบบออนไลน์เขา้ สู่อินเทอร์เน็ตโดยเขา้ เรียนตาม วนั และเวลาท่กี าหนดการเรียนการสอน ประโยชน์ด้านค้นหาที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีบริการคน้ หาท่ีอยู่และ เบอร์โทรศพั ท์ ผา่ นระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซ่ึงบนอินเทอร์เน็ตมีเวบ็ ไซตจ์ านวนมากท่ีใหบ้ ริการคน้ หาที่อยู่ และเบอร์โทรศพั ทข์ องบคุ คล องคก์ าร บริษทั ตา่ ง ๆ เพยี งแคป่ ้อนขอ้ มูลของบคุ คลที่ตอ้ งการคน้ หา เช่น ชื่อและ นามสกุล ช่ือเมือง ชื่อรัฐ และประเทศ ลงในช่องทก่ี รอกขอ้ มูลก็สามารถที่จะทาการคน้ หาได้ การประยกุ ต์ใช้ระบบเครือข่ายในหน่วยงานของรัฐ ผูใ้ ชอ้ ีกกลุ่มหน่ึงที่ใช้ระบบเครือข่ายอย่างมาก คือ หน่วยงานของรัฐ ตวั อย่างเช่นกรมสรรพากรเป็ นอีก หน่วยงานหน่ึงทใี่ ชร้ ะบบเครือข่ายในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลเกี่ยวกบั ผเู้ สียภาษี ระบบการเสียภาษีแบบใหม่ไดร้ ับ การพฒั นาข้ึนมาเพ่ืออานวยความสะดวกให้แก่ผเู้ สียภาษีโดยเฉพาะบริษทั ขนาดใหญ่ เรียกวา่ ระบบการกรอก ขอ้ มูลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic filling) ซ่ึงจะช่วยให้ผเู้ สียภาษีสามารถป้อนขอ้ มูลการเสียภาษีของตนเองผ่าน ระบบกรอกขอ้ มูลอิเล็กทรอนิกส์โดยผูเ้ สียภาษีอาจนงั่ อยทู่ ี่บา้ นหรือที่ทางาน ซ่ึงขอ้ มูลที่ป้อนจะส่งผา่ นระบบ
เครือข่ายไปประมวลผลท่ีเคร่ืองคอมพิวเตอร์ของกรมสรรพากร การทางานในระบบน้ีช่วยประหยดั เวลาในการ ทางานของเจา้ หน้าที่กรมสรรพากรไดอ้ ยา่ งมาก เนื่องจากขอ้ มูลน้ันถูกป้อนเขา้ มาโดยผเู้ สียภาษีเอง จึงอย่ใู น รูปแบบอิเลก็ ทรอนิกสท์ ีพ่ รอ้ มสาหรบั ประมวลผลไดท้ นั ที และยงั มีความถูกตอ้ งสูงมากดว้ ย นอกจากน้ีผเู้ สียภาษี และกรมสรรพากรเองก็สามารถนาระบบการโอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ มาใชร้ ่วมกบั ระบบทาใหก้ ารชาระภาษีและ การคนื เงนิ ภาษีส่วนเกินทาไดอ้ ยา่ งสมบูรณ์แบบ อุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นระบบเครือขา่ ย 1.โมเด็ม (Modem) โมเด็มเป็นฮาร์ดแวร์ท่ีทาหนา้ ทีแ่ ปลงสญั ญาณแอนะล็อกให้เป็ นสญั ญาณดิจิ ตล เมื่อขอ้ มูลถูกส่งมายงั ผรู้ ับละ แปลงสัญญาณดิจิตลั ให้เป็ นแอนะล็อก เมื่อตอ้ งการส่งขอ้ มูลไปบนช่องส่ือสาร กระบวนการที่โมเด็มแปลง สัญญาณดิจิตลั ให้เป็ นสัญญาณแอนะล็อก เรียกว่า มอดูเลชัน (Modulation) โมเด็มทาหน้าท่ี มอดูเลเตอร์ (Modulator) กระบวนการท่ีโมเด็มแปลงสัญญาณแอนะล็อก ใหเ้ ป็ นสัญญาณแอนะล็อก ให้เป็ นสัญญาณดิจิตลั เรียกว่า ดีมอดูเลชนั (Demodulation) โมเด็มหนา้ ที่ ดีมอดูเลเตอร์ (Demodulator)โมเดม็ ท่ีใชก้ นั อยา่ งแพร่หลายใน ปัจจุบนั มี 2 ประเภทโมเด็กในปัจจุบนั ทางานเป็ นท้งั โมเด็มและ เคร่ืองโทรสาร เราเรียกวา่ Faxmodem 2. การ์ดเครือข่าย (Network Adapter) หรือ การ์ด LAN เป็นอุปกรณ์ทาหนา้ ท่ีสื่อสารระหวา่ งเคร่ืองต่างกนั ไดไ้ ม่จาเป็นตอ้ งเป็นรุ่น หรือยห่ี อ้ เดียวกนั แตห่ ากซ้ือ พรอ้ มๆกนั ก็แนะนาใหซ้ ้ือรุ่นและยหี อ้ เดียวกนั จะดีกวา่ และควรเป็ น การ์ดแบบ PCI เพราะสามารถส่งขอ้ มูลได้ เร็วกวา่ แบบ ISAและเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆมกั จะไม่มี Slot ISA ควรเป็นการ์ดทม่ี ีความเร็วเป็น 100 Mbpsซ่ึงจะมี ราคามากกวา่ การ์ดแบบ 10 Mbps ไม่มากนกั แตส่ ่งขอมูลไดเ้ ร็วกวา่ นอกจากน้ีคุณควรคาหนึงถึงข้วั ต่อหรือคอน เน็กเตอร์ของการ์ดดว้ ยโดยทว่ั ไปคอน เน็กเตอร์ ของการ์ด LAN จะมีหลายแบบ เช่น BNC , RJ-45 เป็นตน้ ซ่ึง คอนเน็กเตอร์แตล่ ะแบบกจ็ ะใชส้ ายที่แตกตา่ งกนั 3. เกตเวย์ (Gateway) เกตเวย์ เป็ นอุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกสอ์ ีกอยา่ งหน่ึงทชี่ ่วยในการสื่อสารขอ้ มูล คอมพวิ เตอร์หนา้ ทห่ี ลกั คอื ช่วยให้ เครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 2 เครือขา่ ยหรือมากกวา่ ซ่ึงมีลกั ษณะไม่เหมือนกนั สามารถตดิ ต่อส่ือสารกนั ไดเ้ หมือนเป็ น เครือข่าย เดียวกนั 4. เราท์เตอร์ (Router) เราทเ์ ตอร์เป็นอุปกรณ์ในระบบเครือข่ายท่ที าหนา้ ท่ีเป็นตวั เช่ือมโยงใหเ้ ครือ ข่ายท่ีมีขนาดหรือมาตรฐานใน การส่งขอ้ มูลต่างกนั สามารถตดิ ต่อแลกเปล่ียนขอ้ มูลระหวา่ งกนั ได้ เราทเ์ ตอร์จะทางานอยชู่ ้นั Network หนา้ ที่ ของเราเตอร์กค็ ือ ปรับโปรโตคอล (Protocol) (โปรโตคอลเป็นมาตรฐานในการสื่อสารขอ้ มูล บนเครือข่าย คอมพวิ เตอร์) ทีต่ า่ งกนั ใหส้ ามารถส่ือสารกนั ได้ 5. บริดจ์ (Bridge) บริดจม์ ีลกั ษณะคลา้ ยเคร่ืองขยายสัญญาณ บริดจจ์ ะทางานอยใู่ นช้นั Data Link บริดจท์ างานคลา้ ยเคร่ืองตรวจ ตาแหน่งของขอ้ มูล โดยบริดจจ์ ะรับขอ้ มูล จากตน้ ทางและส่งใหก้ บั ปลายทาง โดยที่บริดจจ์ ะไม่มีการแกไ้ ขหรือ เปล่ียนแปลงใดๆแก่ขอ้ มูล บริดจท์ าให้การเชื่อมต่อระหวา่ งเครือข่ายมีประสิทธิภาพลดการชนกนั ของขอ้ มูลลง
บริดจจ์ ึงเป็ นสะพานสาหรบั ขอ้ มูลสองเครือขา่ ย 6. รีพีตเตอร์ (Repeater) รีพตี เตอร์ เป็ นเคร่ืองทบทวนสญั ญาณขอ้ มูลในการส่งสญั ญาณขอ้ มูลในระยะทางไกลๆสาหรบั สญั ญาณ แอนะล็อกจะตอ้ งมีการขยายสัญญาณขอ้ มูลที่เริ่มเบาบางลงเน่ืองจากระยะทาง และสาหรับสัญญาณดิจิตลั ก็ จะตอ้ งมีการทบทวนสญั ญาณเพอื่ ป้องกนั การขาดหายของ สญั ญาณเนื่องจากการส่งระยะทางไกลๆเช่นกนั รีพตี เตอร์จะทางานอยใู่ นช้นั Physical 7. สายสัญญาณ เป็ นสายสาหรับเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆในระบบเขา้ ดว้ ยกนั หากเป็ นระบบท่ีมีจานวนเครื่อง มากกวา่ 2 เครื่องก็จะตอ้ งต่อผ่านฮบั อีกทหี น่ึง โดยสายสัญญาณสาหรับเช่ือมต่อเคร่ืองในระบบเครือขา่ ย จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ - สาย Coax มีลักษณะเป็ นสายกลม คลา้ ยสายโทรทัศน์ ส่วนมากจะเป็ นสีดาสายชนิดน้ีจะใช้กับ การ์ด LAN ที่ใชค้ อนเน็กเตอร์แบบ BNC สามารถส่งสัญญาณไดไ้ กลประมาณ 200 เมตร สายประเภทน้ีจะตอ้ ง ใชต้ วั T Connector สาหรับเชื่อมต่อสายสัญญาณกบั การ์ด LAN ต่างๆในระบบ และตอ้ งใชต้ วั Terminator ขนาด 50 โอหม์ สาหรับปิ ดหวั และทา้ ยของสาย - สาย UTP (Unshied Twisted Pair) เป็ นสายสาหรับการ์ด LAN ที่ใช้คอนเน็กเตอร์แบบ RJ- 45 สามารถส่งสัญญาณได้ไกลประมาณ 100 เมตร หากคุณใขส้ ายแบบน้ีจะตอ้ งเลือกประเภทของสายอีก โดยทวั่ ไปนิยมใชก้ นั 2 รุ่น คือ CAT 3 กบั CAT5 ซ่ึงแบบ CAT3 จะมีความเร็วในการส่งสญั ญาณ10 Mbps และ แบบ CAT 5 จะมีความเร็วในการส่งข้อมูลท่ี 100 Mbps แนะนาว่าควรเลือกแบบ CAT 5 เพื่อการอพั เกรดใน ภายหลงั จะได้ไม่ตอ้ งเดินสายใหม่ ในการใชง้ านสายน้ี สาย 1 เส้นจะตอ้ งใชต้ วั RJ - 45 Connector จานวน 2 ตวั เพอ่ื เป็ นตวั เช่ือมต่อระหวา่ งสายสญั ญาณจากการ์ด LAN ไปยงั ฮบั หรือเคร่ืองอื่น เช่นเดียวกบั สายโทรศพั ท์ ใน กรณีเป็นการเช่ือมต่อเครื่อง 2 เครื่องสามารถใชต้ อ่ ผา่ นสายเพยี งเสน้ เดียไดแ้ ตถ่ า้ มากกวา่ 2 เครื่อง ก็จาเป็ นตอ้ งต่อ ผา่ น 8. ฮบั (HUB) เป็นอุปกรณ์ช่วยกระจ่ายสัญญาณไปยงั เครื่องต่างๆที่อยใู่ นระบบ หากเป็ นระบบเครือข่ายที่มี 2 เครื่องก็ ไม่จาเป็ นตอ้ งใชฮ้ บั สามารถใช้สายสัญญาณเชื่อมต่อ ถึงกนั ไดโ้ ดยตรง แต่หากเป็ นระบบที่มีมากกว่า 2 เคร่ือง จาเป็นตอ้ งมีฮบั เพ่ือทาหน้าที่เป็ นตวั กลาง ในการเลือกซ้ือฮบั ควรเลือกฮบั ทีม่ ีความเร็วเท่ากบั ความเร็ว ของการ์ด เช่น การ์ดมีความเร็ว 100 Mbps ก็ควรเลือกใชฮ้ บั ท่ีมีความเร็วเป็ น 100 Mbps ดว้ ย ควรเป็ นฮบั ที่มีจานวนพอร์ต สาหรบั ตอ่ สายทเ่ี พียงพอกบั เครื่องใชใ้ นระบบ หากจานวนพอร์ตตอ่ สายไม่เพยี งพอก็สามารถต่อพว่ งได้ แนะนา วา่ ควรเลือกซ้ือฮบั ที่สามารถตอ่ พว่ งได้ เพอ่ื รองรบั การขยายตวั ในอนาคต เทคโนโลยีสารสนเทศ ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศ เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง วธิ ีการปฏิบตั ทิ ่ีมีการจดั ลาดบั อยา่ งมีรูปแบบและข้นั ตอน เพ่อื ทจ่ี ะทา ใหเ้ กิดประสิทธิภาพในเรื่องของความรวดเร็ว ความน่าเช่ือถือ ความถูกตอ้ งเป็นตน้
สารสนเทศ (Information) หมายถึง ขอ้ มูลดิบท่ีเป็นตวั เลข ตวั อกั ษร ภาพนิ่ง ภาพเคล่ือนไหวหรือเสียง ต่าง ๆ โดยผา่ นการประมวลผลจากคอมพิวเตอร์ คือ ไดผ้ า่ นการคานวณ การจดั เรียง การเทคโนโลยสี ารสนเทศ เป็ นเทคโนโลยเี ดียวท่ีมีบทบาทสาคญั ในทุกวงการ ดงั น้ัน จึงมีผลต่อลองนึกดูว่าขณะน้ีนักเรียนสามารถรับ ขา่ วสารผ่านดาวเทียมของประเทศต่าง ๆไดท้ ว่ั โลก รับรู้ข่าวสารไดท้ นั ที และใชอ้ ินเทอร์เน็ตติดต่อสื่อสารไดท้ ว่ั โลกการเปลี่ยนแปลงทางสังคม วฒั นธรรม ศีลธรรม การศึกษาและการเมืองเป็ นอยา่ งมากเปรียบเทียบ เป็ นตน้ ผลลพั ธท์ ไี่ ดส้ ามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ตอ่ ผทู้ ่ีเกี่ยวขอ้ งได้ เทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technology) หมายถึง วธิ ีการปฏิบตั ิท่ีมีการจดั ลาดบั อยา่ งมีรูปแบบและข้นั ตอน เพื่อที่จะทาใหเ้ กิดประสิทธิภาพใน เรื่องของความรวดเร็ว ความน่าเช่ือถือ ความถูกตอ้ ง ซ่ึงเป็ นเทคโนโลยีที่มีการนาคอมพิวเตอร์ การสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยสี าหรบั การผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมมาทางานร่วมกนั เพอื่ ใหเ้ กิดการแลกเปล่ียน สารสนเทศ โดยนาขอ้ มูลป้อนเขา้ สู่เคร่ืองคอมพวิ เตอร์แลว้ ทาการประมวลผลเพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธต์ ามตอ้ งการ บทบาทของระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศ (Information System: IS) คือระบบเฉพาะเจาะจงชนิดหน่ึง กล่าวไดว้ า่ เป็ นกลุ่มของ ส่วนประกอบพ้ืนฐานต่าง ๆ ที่ทางานเก่ียวขอ้ งกนั ในการจดั เก็บจดั การประมวลผล และเผยแพร่แสดงผลขอ้ มูล สารสนเทศและสนบั สนุนกลไกของผลสะทอ้ นกลบั เพอื่ ใหบ้ รรลุตามวตั ถุประสงค์ โดยทว่ั ไประบบสารสนเทศ ประกอบดว้ ยส่วนประกอบหลกั ๆ 3 ส่วนดว้ ยกนั คือ 1) ส่วนนาเข้า (Input) คอื การรวบรวมและจดั เตรียมขอ้ มูลดิบ เช่น การเก็บขอ้ มูลจากแบบสอบถาม การ ขอขอ้ มูลในระบบสอบถามเบอร์โทรศพั ท์ ข้นึ อยกู่ บั ส่วนแสดงผลทีต่ อ้ งการส่วนทนี่ าเขา้ น้ีอาจเป็ นขบวนการทที่ า ดว้ ยตวั เองหรือเป็นแบบอตั โนมตั ิ 2) การประมวลผล (Processing) เกี่ยวขอ้ งกบั การเปลี่ยนแปลงขอ้ มูลใหอ้ ยใู่ นรูปแบบของส่วนแสดงผล ท่ีมีประโยชน์ เช่น ระบบคดิ เกรดเฉลี่ยสะสมของนกั เรียน โดยนาเกรดเฉลี่ยของนกั เรียนในแตล่ ะเทอมมาบวกกนั แลว้ หารดว้ ยจานวนเทอม จะไดม้ าเป็ นเกรดเฉลี่ยสะสมล่าสุดในปี การศกึ ษาน้นั ๆ 3) ส่วนแสดงผล (Output) เก่ียวขอ้ งกบั การผลิตสารสนเทศทีม่ ีประโยชนม์ กั จะอยใู่ นรูปของเอกสารหรือ รายงาน เช่น งานทะเบียนเก็บผลการเรียนของนักเรียนแล้วนามาผ่านการประมวลผลเพื่อสรุปออกมาเป็ น ใบรับรองผลการศึกษาของนกั เรียนทีเ่ รียกวา่ “ใบ รบ.” ระบบสารสนเทศท่ใี ช้คอมพิวเตอร์ ระบบสารสนเทศที่ใชค้ อมพวิ เตอร์ประกอบดว้ ยฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟตแ์ วร์ (Software) ขอ้ มูล (Data) บุคคล (People) ขบวนการ (Procedure) และการส่ือสารขอ้ มูล (Telecommunication) ซ่ึงถูกกาหนดข้ึนเพอื่ ทาการรวบรวม จดั เก็บและประมวลผลขอ้ มูลใหเ้ ป็นสารสนเทศ 1) ฮาร์ดแวร์ (Hardware) คอื อุปกรณ์คอมพวิ เตอร์ท่ีใชใ้ นการรวบรวม นาเขา้ การจดั เกบ็ การ ประมวลผลขอ้ มูลใหเ้ ป็นสารสนเทศ และแสดงสารสนเทศท่เี ป็นผลลพั ธอ์ อกมา 2) ซอฟต์แวร์ (Software) คอื โปรแกรมหรือชุดคาสงั่ ที่ใชใ้ นการปฏิบตั ิงานร่วมกบั ฮาร์ดแวร์และใชใ้ น การประมวลผลขอ้ มูลเป็นสารสนเทศตามที่ตอ้ งการ
3) ข้อมูล (Data) คอื ขอ้ มูลและสารสนเทศทีถ่ ูกเก็บอยใู่ นฐานขอ้ มลู โดยฐานขอ้ มูล คอื กลุ่มของค่าความ จริงและสารสนเทศท่มี ีความเกี่ยวขอ้ งกนั 4) บคุ คล (People) คือ ผทู้ มี่ ีส่วนเกี่ยวขอ้ งกบั การทางานและปฏบิ ตั งิ านร่วมกบั สารสนเทศ 5) ขบวนการ (Procedure) คือ กลุ่มของคาสงั่ หรือกฎที่แนะนาวธิ ีการปฏบิ ตั ิงานกบั คอมพวิ เตอร์ใน ระบบสารสนเทศ อาจไดแ้ ก่ การแนะนาการควบคุมการเขา้ ใชง้ านคอมพวิ เตอร์ วธิ ีการสารองขอ้ มูลสารสนเทศ ในระบบ และวธิ ีจดั การกบั ปัญหาท่ีอาจเกิดข้นึ ได้ เป็นตน้ 6) การสื่อสารข้อมลู (Telecommunication) การส่งสญั ญาณอิเลก็ ทรอนิกส์เพอ่ื ติดต่อส่ือสาร และ สามารถเชื่อมระบบคอมพวิ เตอร์เขา้ กบั ระบบเครือข่าย (Network) ทีม่ ีประสิทธิภาพได้ การประยกุ ต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ในปัจจุบนั มีการนาเทคโนโลยสี ารสนเทศมาประยกุ ตใ์ ช้เกือบทุกองคก์ รเพ่ืออานวยความสะดวกใหก้ บั ผบู้ ริโภคและตวั ผผู้ ลิตเอง การนาเทคโนโลยสี ารสนเทศมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นแต่ละสาขาวชิ าชีพน้ันจะทาประโยชน์ ไดม้ ากหรือนอ้ ยข้ึนอยกู่ บั ความสามารถในการใชง้ านของแตล่ ะองคก์ รเช่น 1) งานด้านการศึกษา เทคโนโลยสี ารสนเทศทนี่ ามาใชส้ าหรบั การเรียนการสอนเป็นการใชเ้ ทคโนโลยสี มยั ใหม่ สอนดว้ ยอุปกรณ์ท่ีทนั สมยั รูปแบบของส่ือทีน่ ามาใชใ้ นดา้ นการเรียนการสอนมีความหลากหลายข้ึนอยกู่ บั ความเหมาะสมในการนามาใช้ ดงั ตวั อยา่ งต่อไปน้ี 1.1) คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (ComputerAssisted Instruction : CAI) การจดั โปรแกรมการสอนโดยใช้ คอมพวิ เตอร์ทีอ่ ยใู่ นรูปแบบของส่ือประสม หมายถึงนาเสนอไดท้ ้งั ภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว เป็นตน้ เหมาะกบั การศึกษาดว้ ยตนเอง และเปิ ดโอกาสใหผ้ เู้ รียนสามารถโตต้ อบกบั บทเรียนไดต้ ลอด 1.2) การเรียนการสอนผ่านเว็บ (Web-based Instruction) เป็ นการจดั การเรียนที่เป็ นการนาเอาสื่อการ เรียนการสอนที่เป็ นเทคโนโลยมี าช่วยสนับสนุนการเรียนการสอนให้เกิดการเรียนรู้สืบคน้ ขอ้ มูลและเชื่อมโยง เครือขา่ ยทาใหผ้ เู้ รียนสามารถเรียนไดท้ กุ สถานท่แี ละทุกเวลา 1.3) อิเล็กทรอนิกส์ บุ๊ก (E-book) หนังสือหรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ผูอ้ ่านสามารถอ่านผ่านทาง อินเทอร์เน็ต หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาอื่น ๆ ไดห้ นงั สือหรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์มีความหมายรวมถึง เน้ือหาท่ีถูกดดั แปลง อยใู่ นรูปแบบทีส่ ามารถแสดงผลออกมาไดโ้ ดยเคร่ืองมืออิเล็กทรอนิกส์ 1.4) วิดีโอเทเลคอนเฟอเรนซ์ หมายถึง การประชุมทางจอภาพระหว่างบุคคลหรือคณะบุคคลที่อยตู่ ่าง สถานที่และห่างไกลกนั โดยใชส้ ื่อทางดา้ นมลั ตมิ ีเดีย ที่ใหท้ ้งั ภาพเคล่ือนไหวภาพนิ่ง เสียง และขอ้ มูลตวั อกั ษรใน การประชุมเวลาเดียวกนั ในดา้ นการเรียนการสอนทาให้ผูเ้ รียนและผสู้ อนสามารถติดต่อสื่อสารกนั ไดผ้ ่านทาง จอภาพ โทรทศั นแ์ ละเสียง ผเู้ รียนท่ีอยหู่ ่างไกลสามารถเห็นภาพและเสียงของผสู้ อน สามารถเห็นอากปั กิริยาของ ผสู้ อน 1.5) ระบบวิดีโอออนดีมานด์ (Video on Demand) สื่อประเภทน้ีอาศยั เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ความเร็วสูง เป็ นระบบที่มีศูนยก์ ลางการเก็บขอ้ มูลวีดิทศั น์ไวจ้ านวนมาก โดยจดั เก็บในรูปแหล่งขอ้ มูลขนาดใหญ่ (Video Server) เม่ือผูใ้ ชต้ อ้ งการเลือกชมรายการใดก็เลือกไดจ้ ากฐานขอ้ มูลทตี่ อ้ งการ ระบบวดิ ีโอออนดีมานดเ์ ป็นระบบ ทนี่ ามาใชใ้ นเร่ืองการเรียนการสอนทางไกลไดโ้ ดยไม่มีขอ้ จากดั ดา้ นเวลา ผเู้ รียนสามารถเลือกเรียนในสิ่งท่ีตนเอง
ตอ้ งการเรียนหรือสนใจได้ 1.6) การสืบค้นข้อมูล (SearchEngine) การคน้ หาขอ้ มูลผ่าน เวลิ ด์ ไวด์ เวบ็ (World Wide Web : www) ซ่ึงมีการเก็บรวบรวมไวเ้ ป็นฐานขอ้ มูล ในอินเทอร์เน็ต เวลิ ด์ ไวด์ เวบ็ มีลกั ษณะเป็ นแบบมลั ตมิ ีเดียสามารถสร้าง เป็ นฐานขอ้ มูลขนาดใหญ่ท่ีเก็บได้ท้งั ภาพ เสียง และตวั อักษร มีระบบการเรียกคน้ ท่ีมีประสิทธิภาพโดยใช้ โครงสร้างดชั นีแบบลาดบั ช้นั ภมู ิ และบนั ทกึ ร่องรอยของการสืบคน้ ไว้ ปัจจุบนั มกั ใชว้ ธิ ีการสืบคน้ ขอ้ มูล เพอื่ นา ขอ้ มูลที่ไดไ้ ปใชป้ ระกอบในการทาเอกสารรายงานต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งสะดวกรวดเร็ว 1.7) อินเทอร์เน็ต(Internet) คือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ซ่ึงประกอบด้วยเครือข่ายอ่ ยและเครือข่ายใหญ่ สลบั ซับซ้อนมากมายเช่ือมต่อกนั โดยใช้ในการติดต่อสื่อสาร ขอ้ ความ รูปภาพเสียงและอ่ืน ๆ โดยผา่ นระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีมีผูใ้ ช้งานกระจายกันอยู่ทัว่ โลก ปัจจุบนั ได้มีการนาระบบอินเทอร์เน็ตเขา้ มาใชว้ ง การศกึ ษากนั ทวั่ โลก ซ่ึงมีประโยชน์ในดา้ นการเรียนการสอนเป็นอยา่ งมาก 2) งานทะเบยี นของสถานศึกษา 2.1) งานรับมอบตัว ทาหน้าท่ีตรวจสอบหลักฐานที่นักเรียนมารายงานตวั จากน้ันก็จดั เก็บประวตั ิ นกั เรียน เช่น ภูมิลาเนา บิดามารดา ประวตั กิ ารศึกษาไวใ้ นแฟ้มเอกสารขอ้ มูลประวตั นิ กั เรียน 2.2) งานทะเบียนเรียนรายวชิ า ทาหนา้ ทจ่ี ดั รายวชิ าท่ตี อ้ งเรียนใหก้ บั นักเรียน ในแต่ละภาคเรียนทกุ ช้นั ปี ตามแผนการเรียนของแตล่ ะแผนก แลว้ จดั เกบ็ ไวใ้ นแฟ้มขอ้ มูลผลการเรียน 2.3) งานประมวลผลการเรียน ทาหน้าที่นาผลการเรียนจากครูผูส้ อนมาประมวลในแต่ละภาคเรียน จากน้นั ก็จดั เก็บไวใ้ นแฟ้มเอกสารขอ้ มูลผลการเรียน และแจง้ ผลการเรียนใหผ้ ทู้ ีเ่ ก่ียวขอ้ งทราบ 2.4) งานตรวจสอบผู้จบการศึกษาทาหน้าที่ตรวจสอบรายวิชา และผลการเรียนท่ีนักเรียนเรียนต้งั แต่ เร่ิมตน้ จนกระทงั่ จบหลกั สูตรจากแฟ้มเอกสารขอ้ มูลผลการเรียนวา่ ผา่ นเกณฑก์ ารจบหรือไม่ 3) ห้างสรรพสินค้า เนื่องจากห้างสรรพสินคา้ เป็ นศูนยก์ ารคา้ ขนาดใหญ่ มีหลายสาขาที่จดั จาหน่ายอยทู่ วั่ ประเทศ มีตวั แทน จาหน่ายและพนกั งานอยหู่ ลายพนั คน ดงั น้นั ขอ้ มูลท่ีเก่ียวขอ้ งและการตดั สินใจตอ้ งทาอยา่ งรวดเร็วเพ่อื ใหท้ นั ต่อ เหตกุ ารณ์ การใชเ้ ทคโนโลยจี งึ เป็นส่ิงที่หลีกเล่ียงไม่ได้ เช่น การใชค้ อมพวิ เตอร์ จดั เก็บฐานขอ้ มูลเก่ียวกบั สินคา้ ต่าง ๆ การใชเ้ คร่ืองอ่านบาร์โคด้ การเชื่อมต่อเครือข่ายห้างสรรพสินคา้ โดยผ่าน การเช่ือมต่อแบบออนไลนแ์ ละผา่ นดาวเทยี ม 4) งานสาธารณสุขและการแพทย์ 4.1) ด้านการลงทะเบยี นผู้ป่ วย ต้งั แตเ่ ร่ิมทาบตั ร จา่ ยยา เป็นตน้ 4.2) การสนับสนุนการรักษาพยาบาล โดยการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลต่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั สามารถสร้างเครือขา่ ยขอ้ มูลทางการแพทย์ แลกเปล่ียนขอ้ มูลผปู้ ่ วย 4.3) สามารถให้คาปรึกษาทางไกลโดยแพทย์ผู้เช่ียวชาญ เทคโนโลยสี ารสนเทศจะช่วยให้แพทยส์ ามารถ เห็นหนา้ หรือท่าทางของผปู้ ่ วยได้ ช่วยใหส้ ่งขอ้ มูลที่เป็ นเอกสาร หรือภาพเพอื่ ประกอบการพจิ ารณาของแพทยไ์ ด้ 4.4) ให้ความรู้หรือการเรียนการสอนทางไกล เทคโนโลยสี ารสนเทศโดยเฉพาะดาวเทียมจะช่วยใหก้ าร เรียนการสอนทางไกลดา้ นการแพทยแ์ ละสาธารณสุขเป็นไปไดม้ ากข้ึนประชาชนสามารถเรียนรู้พร้อมกนั ไดท้ ว่ั
ประเทศและยงั สามารถโตต้ อบหรือซกั ถามไดด้ ว้ ย 4.5) การกาหนดนโยบายในการบริหารงาน อาจใชค้ อมพิวเตอร์เป็ นตวั เกบ็ ขอ้ มูลต่าง ๆ ทาใหก้ ารบริหาร เป็นไปไดด้ ว้ ยความรวดเร็ว ถูกตอ้ งมากยงิ่ ข้นึ 5) งานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ศึกษาการกระจายถ่ินที่อยขู่ องนก การกระจายของแบคทีเรีย การสร้าง อาณาจกั รของมด ผ้งึ ชีวติ ความเป็นอยขู่ องสตั วป์ ่ า การพ่งึ พาอาศยั กนั และกนั ตลอดจนระบบนิเวศวทิ ยา โดยใช้ เครื่องจกั รทางานโดยอตั โนมตั ิภายใตโ้ ปรแกรม 6) งานด้านการส่ือสารและโทรคมนาคมการพฒั นาโทรศพั ทม์ ือถือทป่ี ัจจุบนั ไม่ไดม้ ีไวส้ ื่อสารเพยี งอยา่ งเดียว การ ติดตอ่ สื่อสารผา่ นดาวเทียมท้งั ภาพและเสียง 7) งานด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ ไดม้ ีการนาคอมพิวเตอร์มาช่วยออกแบบผลิตภณั ฑ์ออกแบบสินคา้ และ สามารถใชค้ อมพิวเตอร์ช่วยควบคุมกระบวนการผลิต เช่น ควบคุมอุณหภูมิควบคุมคุณภาพของผลิตภณั ฑ์ ลด แรงงาน โดยใชค้ อมพวิ เตอร์ควบคุมหุ่นยนตท์ างาน 8) ใช้ในสานักงานภาครัฐและเอกชน การทาบตั รประจาตวั ประชาชน การเกิด การตาย การเสียภาษีอากร การทา ใบอนุญาตขบั รถยนต์ การจ่ายค่าสาธารณูปโภคตา่ ง ๆ การประมวลผลคะแนนเลือกต้งั เป็ นตน้ งานเหล่าน้ีไดม้ ีการ นาระบบสานกั งานอตั โนมตั เิ ขา้ มาใช้ เพอื่ ทาใหไ้ ดข้ อ้ มูลขา่ วสารทร่ี วดเร็ว ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศ การพฒั นาเทคโนโลยสี ารสนเทศจนสามารถนามาใชป้ ระโยชน์ไดอ้ ยา่ งมากมาย ซ่ึงก่อใหเ้ กิดประโยชน์ ต่อมวลมนุษยอ์ ยา่ งมหาศาลและเป็ นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การเปล่ียนแปลงย่อมมีผลกระทบต่อบุคคล องคก์ ร หรือสงั คม โดยสามารถจาแนกผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศออกเป็น 2 ดา้ น คือ 1) ผลกระทบด้านบวก 1.1) การสร้างเสริมคุณภาพชีวิต เทคโนโลยสี ารสนเทศช่วยให้ความเป็นอยขู่ องมนุษยด์ ีข้นึ ช่วยส่งเสริม ให้มีประสิทธิภาพในการทางานมีเคร่ืองมือและอุปกรณ์ช่วยอานวยความสะดวกท่ีควบคุมดว้ ยคอมพิวเตอร์ เช่น ลิฟต์ เคร่ืองซักผา้ เครื่องปรับอากาศ วิทยุ โทรทศั น์ มีรายการให้เลือกชมไดม้ ากมาย มีการแพร่กระจายสญั ญาณ โทรทศั นผ์ า่ นดาวเทยี ม ทาใหผ้ ชู้ มสามารถรับรู้ข่าวสารต่าง ๆ จากทว่ั ทกุ มุมโลกไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว 1.2) การเสริมสร้างความเสมอภาคในสังคมและการกระจายโอกาส เทคโนโลยชี ่วยให้การกระจาย ขา่ วสารไปไดท้ วั่ ทุกแห่ง แมแ้ ตใ่ นถิ่นทุรกนั ดาร มีการใชร้ ะบบการเรียนการสอนทางไกล ทาใหเ้ ป็นการกระจาย โอกาสการเรียนรูไ้ ปยงั ถิ่นห่างไกล มีการพฒั นาระบบการรักษาพยาบาลผา่ นเครือข่ายสื่อสารทาใหผ้ ปู้ ่ วยมีโอกาส ไดร้ บั การรักษาอยา่ งเทา่ เทียมกนั 1.3) การเรียนการสอนและส่งเสริมการค้นคว้าวิจัย ในสถานศึกษามีการนาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์มาสร้างส่ืออิเล็กทรอนิกส์ประกอบการเรียนการสอน นอกจากน้ียงั มีการพฒั นาโปรแกรม คอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอร์ช่วยจดั การศึกษา เช่น การจดั ตารางสอน จดั ช้นั เรียน เทคโนโลยชี ่วยใหง้ านคน้ ควา้ วจิ ยั ในห้องปฏิบัติการวิจยั ต่าง ๆ มีความกา้ วหน้ายิ่งข้ึนคอมพิวเตอร์ช่วยงานคานวณที่ซับซ้อน เช่น งานสารวจ ทางดา้ นอวกาศ งานพฒั นาคดิ คน้ ผลิตภณั ฑแ์ ละสารเคมีตา่ ง ๆ ทาใหไ้ ดส้ ูตรยารกั ษาโรคใหม่ ๆ เกิดข้นึ มากมาย 1.4) การรักษาสิ่งแวดล้อม ไดม้ ีการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศในการจดั การทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การ
อนุรักษป์ ่ าไม้ มีการใชภ้ าพถ่ายดาวเทียม การตดิ ตามขอ้ มูลสภาพอากาศ การพยากรณ์อากาศ การจาลองรูปแบบ สภาวะส่ิงแวดลอ้ มเพอื่ ปรับปรุงแกไ้ ข การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลคุณภาพน้าในแหล่งน้า การตรวจวดั มลภาวะ ตลอดจนการใชร้ ะบบการตรวจวดั ระยะไกลมาช่วย 1.5) การรักษาความปลอดภัย มีการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการรักษาความม่ันคง และความ ปลอดภยั ในการดาเนินชีวติ ประจาวนั เช่น การตรวจสอบสัมภาระในการเดินทาง การตรวจสอบอาวธุ และวตั ถุ ระเบิด 1.6) การผลิตในอุตสาหกรรมและการพาณิชยกรรม ในปัจจุบนั ใชเ้ ครื่องจกั รทางานอยา่ งอตั โนมัติ สามารถทางานไดต้ ลอด 24ชวั่ โมง สินคา้ ที่มีคุณภาพและปริมาณพอเพียงกบั ความตอ้ งการของผบู้ ริโภคมีความ สะดวกและรวดเร็วข้ึน 1.7) การสร้างสรรค์ผลงานและพัฒนาความคดิ เทคโนโลยสี ารสนเทศมีแนวโนม้ ที่จะมีบทบาทมากข้ึน ต่อชีวิตประจาวนั งานบางอยา่ งถา้ ให้มนุษยท์ าอาจตอ้ งเสียเวลาคิดคานวณตลอดชีวิต แต่คอมพิวเตอร์สามารถ ทางานเสร็จภายในเวลาไม่กี่วนิ าที ดงั น้ัน จึงมีการนาคอมพิวเตอร์ มาจาลองเหตุการณ์ต่าง ๆ เพอ่ื ใหม้ นุษยห์ าทาง ศกึ ษาหรือแกไ้ ขปัญหา เช่น การควบคุมระบบการจราจรการจาลองการเดินเรือ เป็นตน้ 1.8) การส่งเสริมประชาธิปไตย มีการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพื่อกระจายข่าวสารใหป้ ระชาชนไดเ้ ห็น ความสาคญั ของระบอบประชาธิปไตย แมแ้ ต่การเลือกต้งั ก็มีการใชค้ อมพวิ เตอร์รวมผลคะแนน ใชส้ ื่อโทรทศั น์ วทิ ยุ และอินเทอร์เน็ตรายงานผลการนบั คะแนนท่ีทาใหท้ ราบผลไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว 2) ผลกระทบด้านลบ 2.1) ทาให้เกดิ อาชญากรรม เทคโนโลยสี ารสนเทศเป็ นหนทางในการก่ออาชญากรรมได้ อาชญากรอาจ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศในการวางแผนโจรกรรม มีการลกั ลอบใชข้ อ้ มูลข่าวสารหรือเขา้ ไปแกไ้ ขขอ้ มูล เช่น การแกไ้ ขระดับคะแนนของนักศึกษา แก้ไขจานวนเงินในบัตรเติมเงินโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมไปถึงการใช้ คอมพวิ เตอร์และอินเทอร์เน็ตเพอ่ื ล่อลวงผอู้ ่ืนไปในทางที่ไม่ดี 2.2) ทาให้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเสื่อมถอย การใชค้ อมพวิ เตอร์และอุปกรณ์สื่อสาร ทาให้สามารถ ติดต่อสื่อสารกนั ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งพบหน้ากนั การใชง้ านคอมพิวเตอร์หรือแม้แต่การเล่นเกมมีลกั ษณะการใชง้ าน เพียงคนเดียว ทาใหค้ วามสมั พนั ธ์กบั ผูอ้ ื่นลดลง ทาให้มีความเชื่อวา่ มนุษยสัมพนั ธ์ของบุคคลจะน้อยลง สังคม ใหม่จะเป็ นสงั คมที่ไม่ตอ้ งพ่งึ พาอาศยั กนั มาก 2.3) ทาให้เกดิ ความวติ กกังวล เป็ นผลกระทบทางดา้ นจิตใจของกลุ่มบคุ คลบางกลุ่มท่มี ีความวติ กกงั วลว่า คอมพวิ เตอร์อาจทาใหเ้ กิดการจา้ งงานนอ้ ยลงมีการนาเอาหุ่นยนตม์ าใชใ้ นงานมากข้นึ มีระบบการผลิตทีอ่ ตั โนมตั ิ มากข้ึน ทาให้ผูใ้ ชแ้ รงงานอาจว่างงานมากข้ึนซ่ึงความคิดเหล่าน้ีจะเกิดกับบุคคลบางกลุ่มเท่าน้ัน แต่ถ้าบุคคล เหล่าน้นั สามารถปรับตวั เขา้ กบั เทคโนโลยี หรือมีการพฒั นาใหม้ ีความรู้ความสามารถสูงข้ึนแลว้ ปัญหาน้ีจะไม่ เกิดข้ึน 2.4) ทาให้เกิดความเส่ียงภัยในการดาเนินงาน การดาเนินงานในปัจจุบันจาเป็ นต้องพ่ึงพาอาศัย เทคโนโลยมี ากข้นึ ขอ้ มูลข่าวสารท้งั หมดของธุรกิจฝากไวใ้ นศูนยข์ อ้ มูล หากเกิดการสูญหายของขอ้ มูลอนั เน่ือง มากจากอุบตั ิภยั เช่น ไฟไหม้ น้าทว่ ม หรือถูกทาลายจากไวรสั คอมพวิ เตอร์ จะทาให้ไม่สามารถนาขอ้ มูลน้นั มา
ใชไ้ ด้ นอกจากน้ีอาจมีผปู้ ระสงคร์ า้ ยเขา้ ไปขโมยขอ้ มูลมาใชใ้ นทางทไ่ี ม่ดีไดง้ ่ายข้ึน 2.5) ทาให้เกิดการพัฒนาอาวุธไปใช้ในทางท่ีผดิ ประเทศที่มีการนาเทคโนโลยมี าช่วยในการพฒั นาอาวุธ ทม่ี ีอานุภาพการทาลายสูงทาใหส้ ่งผลต่อการเกิดลงครามและมีการสูญเสียมากข้ึน 2.6) ทาให้เกิดการแพร่กระจายข่าวสารท่ีไม่เหมาะสม คอมพิวเตอร์เป็ นอุปกรณ์ที่ทางานตามคาสัง่ การ นามาใชใ้ นทางใดจึงข้นึ อยกู่ บั ผูใ้ ช้ จริยธรรมการใชค้ อมพวิ เตอร์จึงเป็นเรื่องสาคญั เช่น ในการใชง้ านอินเทอร์เน็ต อาจมีผสู้ ร้างโฮมเพจ หรือสร้างขอ้ มูลขา่ วสารท่ีมีเน้ือหาหรือภาพท่ีไม่เหมาะสม ภาพลามกอนาจาร มีการปลอม แปลงอีเมลถึงผอู้ ่ืน โดยมีเจตนากระจายข่าวท่ีเป็ นเท็จ จริยธรรมการใชง้ านเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์เป็นเรื่องสาคญั ที่ ทกุ คนตอ้ งใส่ใจและคานึงถึงการใชง้ านที่มีผลกระทบตอ่ ผอู้ ื่น 2.7) ทาให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพการใชค้ อมพวิ เตอร์ติดต่อกนั เป็ นเวลานาน อาจทาใหม้ ีปัญหาตอ่ สุขภาพ เช่น การเพง่ ที่จอคอมพวิ เตอร์เป็ นเวลานาน อาจทาใหป้ วดตา การน่ังในทา่ เดิมนาน ๆ ทาใหเ้ กิดอาการปวดหลงั ปวดคอ การเกร็งขอ้ มือขณะพมิ พง์ าน หรือใชเ้ มาส์จะทาใหเ้ กิดการปวดขอ้ มือและนิ้วได้ 2.8) ทาให้ตดิ คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต การติดคอมพวิ เตอร์และอินเทอร์เน็ตมีหลายลกั ษณะ เช่น ติด การเล่นเกม ติดการแชท ติดการพนนั หรือประมูลสินคา้ ผทู้ ี่ติดสิ่งเหล่าน้ีจะตอ้ งการเวลาในการทากิจกรรมน้ัน มากข้ึนเรื่อย ๆ จนไม่สามารถเลิกได้ ทาใหม้ ีปัญหาท้งั ทางร่างกายและจิตใจ เช่น ซึมเศร้า ไม่อยากนอน เช่ืองชา้ กา้ วร้าว ขาดวินัย ไม่มีความรับผิดชอบ เพราะฉะน้นั ครอบครัวมีส่วนสาคญั ในการดูแลเอาใจใส่ควรฝึ กใหบ้ ุตร หลาน ตระหนกั ถึงส่ิงทีใ่ หป้ ระโยชน์หรือโทษ ควรปลูกฝังจติ สานึก ความรับผดิ ชอบท่มี ีต่อครอบครวั และสงั คม
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้ันตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้ันตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนกั เรียน 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (20 นาที ) 1. ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน (20 นาที ) 4. ผสู้ อนช้ีแจงเร่ืองที่จะศึกษาและจดุ ประสงค์ 4. ผูเ้ รียนฟังผูส้ อนช้ีแจงเรื่องท่ีจะศึกษาและ เชิงพฤติกรรมประจาหน่วยที่ 2 เร่ืองระบบเครือข่าย จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมประจาหน่วยท่ี 2 เรื่องระบบ และสารสนเทศ เครือข่ายและสารสนเทศ 5. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 5. ผเู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 2 หน่วยที่ 2 2. ข้ันให้ความรู้ (460 นาที) 2. ข้ันให้ความรู้ (460 นาที ) 3. ผู้สอน เปิ ด PowerPoint หน่ วยที่ 2 เร่ือง 3. ผู้เรี ยนศึกษา PowerPoint หน่ วยท่ี 2 เรื่อง ระบบเครือข่ายและสารสนเทศ ระบบเครือขา่ ยและสารสนเทศ 4. ผูส้ อนอธิบายเน้ือหาในหน่วยเรียนท่ี 2 4. ผเู้ รียนฟังผสู้ อนอธิบายเน้ือหาในหน่วยเรียน เรื่อง ระบบเครือขา่ ยและสารสนเทศ ที่ 2 เรื่อง ระบบเครือข่ายและสารสนเทศ
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนกั เรียน 3. ข้ันประยุกต์ใช้ ( 450 นาที ) 3. ข้นั ประยุกต์ใช้ ( 450 นาที ) 5. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทาแบบฝึกหดั หน่วยท่ี 2 5. ผเู้ รียนทาแบบฝึกหดั หน่วยที่ 2 6. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทากิจกรรมนาสู่อาเซียน 6. ผเู้ รียนทากิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยที่ 2 หน่วยท่ี 2 7. ผู้สอนให้ผู้เรียนทากิจกรรมบูรณ าการ 7. ผเู้ รียนทากิจกรรมบูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี ง 8. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทากิจกรรมบูรณาการจิต 8. ผูเ้ รียนทากิจกรรมบูรณาการจิตอาสา หน่วยท่ี อาสา หน่วยที่ 2 2 4. ข้นั สรุปและประเมินผล ( 30 นาที ) 4. ข้นั สรุปและประเมนิ ผล ( 30 นาที ) 3. ผสู้ อนและผูเ้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือในหน่วย 3. ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันสรุปเน้ื อหาใน เรียนที่ 2 เร่ือง ระบบเครือข่ายและสารสนเทศ หน่วยเรียนท่ี 2 เร่ือง ระบบเครือข่ายและสารสนเทศ 4. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทาแบบทดสอบหลังเรียน 4. ผเู้ รียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 2 หน่วยท่ี 2 (บรรลจุ ดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-9) (บรรลจุ ดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 1-9) (รวม 960 นาที หรือ 16 คาบเรียน)
งานท่มี อบหมายหรือกจิ กรรมการวดั ผลและประเมินผล ก่อนเรียน 3. เอกสารหน่วยที่ 2 ระบบเครือขา่ ยและสารสนเทศ 4. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 2 ขณะเรียน 5. แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 2 6. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยท่ี 2 7. กิจกรรมบูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 8. กิจกรรมบูรณาการจติ อาสา หน่วยท่ี 2 หลงั เรียน 2. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 2 ผลงาน/ชิ้นงาน/ความสาเร็จของผ้เู รียน 7. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยท่ี 2 8. แบบฝึกหดั หน่วยที่ 2 9. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยท่ี 2 10. กิจกรรมบูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 11. กิจกรรมบูรณาการจติ อาสา หน่วยท่ี 2 12. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 2
ส่ือการเรียนการสอน/การเรียนรู้ สื่อส่ิงพมิ พ์ 8. เอกสารประกอบการสอนวชิ า เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ การจดั การอาชีพ (ใชป้ ระกอบการเรียน การสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ที่ 1-9) 9. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยที่ 2 ใชข้ ้นั นาเขา้ สู่บทเรียนขอ้ 2 10. แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 2 ใชข้ ้นั ประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ 1 11. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยท่ี 2 ใชข้ ้นั ประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ 2 12. กิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง ใชข้ ้นั ประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ 3 13. กิจกรรมบูรณาการจิตอาสา หน่วยที่ 2ใชข้ ้นั ประยกุ ตใ์ ชข้ อ้ 4 14. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 2 ใชข้ ้นั สรุปผลและประเมินผลขอ้ 2 สื่อโสตทัศน์ (ถ้ามี) 1. เคร่ืองไมโครคอมพวิ เตอร์ 2. งานนาเสนอ สื่อของจริง
แหล่งการเรียนรู้ ในสถานศึกษา 3. หอ้ งสมุด 4. หอ้ งปฏิบตั กิ ารคอมพวิ เตอร์ นอกสถานศึกษา ผปู้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในทอ้ งถิ่น การบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วชิ าอื่น 4. บูรณาการกบั วชิ าภาษาไทย เรื่อง การอธิบายระบบเครือข่ายและระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต การ บอกความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต การบอกบทบาทของระบบสารสนเทศ 5. บูรณาการกบั วชิ าวทิ ยาศาสตร์ เรื่อง การจาแนกประเภทของระบบเครือขา่ ย การวเิ คราะห์ ผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ 6. บรู ณาการกบั วชิ าความรูเ้ ก่ียวกบั งานอาชีพ เรื่อง การเชื่อมตอ่ ระบบเครือข่าย การใชง้ านระบบ สารสนเทศทใ่ี ชค้ อมพวิ เตอร์
การประเมนิ ผลการเรียนรู้ หลกั การประเมินผลการเรียนรู้ ก่อนเรียน 3. เอกสารหน่วยที่ 2 ระบบเครือขา่ ยและสารสนเทศ 4. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยท่ี 2 ขณะเรียน 5. แบบฝึกหดั หน่วยที่ 2 6. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยท่ี 2 7. กิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 8. กิจกรรมบรู ณาการจติ อาสา หน่วยท่ี 2 หลังเรียน 1. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 2 ผลงาน/ชิน้ งาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน 7. แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยท่ี 2 8. แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 2 9. กิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยท่ี 2 10. กิจกรรมบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง 11. กิจกรรมบรู ณาการจิตอาสา หน่วยท่ี 2 12. แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 2
สมรรถนะทีพ่ งึ ประสงค์ ผเู้ รียนสรา้ งความเขา้ ใจเกี่ยวกบั ระบบเครือขา่ ยและสารสนเทศ 5. วเิ คราะห์และตีความหมาย 6. สาธิตพรอ้ มแสดงท่าทางประกอบ 7. อภิปรายแสดงความคดิ เห็น 8. ประยกุ ตค์ วามรู้สู่งานอาชีพ สมรรถนะการปฏิบัติงานอาชีพ เช่ือมต่อระบบเครือขา่ ยและใชง้ านระบบสารสนเทศท่ใี ชค้ อมพวิ เตอร์ สมรรถนะการขยายผล ความสอดคล้อง จากการเรียนสปั ดาห์ที่ 5-8 เรื่อง ระบบเครือข่ายและสารสนเทศ ทาใหผ้ เู้ รียนมีความรู้เกี่ยวกบั ระบบ เครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต ความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต ความหมายของระบบเครือขา่ ย ลกั ษณะของการเช่ือมตอ่ ของระบบเครือข่าย ประเภทของระบบเครือขา่ ย ก ารป ระ ยุก ต์ใช้ระ บ บ เค รื อ ข่ ายใน ห น่ วยงาน รัฐ ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศ บทบาทของระบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศที่ใช้คอมพิวเตอร์ การประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ ผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศ ทาให้ผูเ้ รียนสามารถนาความรู้ เรื่องระบบเครือขา่ ยไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการทางานได้ สามารถเช่ือมต่อระบบเครือข่ายไดท้ กุ รูปแบบ ใชง้ านระบบ สารสนเทศท่ใี ชค้ อมพวิ เตอร์ได้
รายละเอียดการประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ท่ี 1 อธิบายระบบเครือข่ายและระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ตได้ 4. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 5. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 6. เกณฑก์ ารให้คะแนน : อธิบายระบบเครือข่ายและระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ จะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 2 บอกความเป็นมาของอินเทอร์เน็ตได้ 4. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 5. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 6. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : บอกความเป็นมาของอินเทอร์เน็ตได้ จะได้ 1 คะแนน จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ที่ 3 บอกบทบาทของระบบสารสนเทศได้ 4. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 5. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 6. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : บอกบทบาทของระบบสารสนเทศได้ จะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 4 จาแนกประเภทของระบบเครือขา่ ยได้ 4. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 5. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 6. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : จาแนกประเภทของระบบเครือขา่ ยได้ จะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ที่ 5 วเิ คราะหผ์ ลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 4. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 5. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 6. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : วเิ คราะห์ผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศได้ จะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ท่ี 6 เชื่อมตอ่ ระบบเครือขา่ ยไดท้ ุกรูปแบบ 4. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 5. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 6. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : เช่ือมตอ่ ระบบเครือข่ายไดท้ กุ รูปแบบ จะได้ 2 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ท่ี 7 ใชง้ านระบบสารสนเทศท่ใี ชค้ อมพวิ เตอร์ได้
4. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 5. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 6. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ใชง้ านระบบสารสนเทศทใี่ ชค้ อมพวิ เตอร์ได้ จะได้ 1 คะแนน จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม ขอ้ ที่ 8 ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศได้ 4. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 5. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ 6. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศได้ จะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 9 ประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบเครือขา่ ยในหน่วยงานรฐั ได้ 1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ 2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ 3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบเครือข่ายในหน่วยงานรัฐได้ จะได้ 1 คะแนน
แบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยท่ี 2 คาสั่ง จงเลือกคาตอบทถี่ ูกตอ้ งเพยี งขอ้ เดียว 1. ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ หมายถึงขอ้ ใด ก. คอมพวิ เตอร์ที่ทาหนา้ ทเ่ี ป็นผใู้ หบ้ ริการทรัพยากรต่าง ๆ ข. การนาเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ มาเชื่อมต่อเขา้ ดว้ ยกนั เพอ่ื แลกเปล่ียนขอ้ มูล ค. ระบบเฉพาะเจาะจงชนิดหน่ึง ทที่ างานเก่ียวขอ้ งในการจดั เก็บ ง. องคป์ ระกอบหลกั ที่จะทาใหเ้ ครื่องคอมพวิ เตอร์สามารถทางานไดส้ มบรู ณ์ จ. การลดตน้ ทุนดา้ นการสื่อสาร 2. ขอ้ ใดบอกความหมายของคอมพวิ เตอร์แม่ขา่ ยไดถ้ ูกตอ้ ง ก. เป็นเครือขา่ ยระบบแม่ ข. เป็นระบบท่ีมีความสามารถสูงในการบริหารอินเทอร์เน็ต ค. เป็นระบบปฏบิ ตั กิ ารท่ชี ่วยใหเ้ ราสรา้ งสรรคง์ าน ง. คอมพวิ เตอร์ท่ีทาหนา้ ท่เี ป็นผใู้ หบ้ ริการทรัพยากรตา่ ง ๆ จ. เป็นตวั กระจายสญั ญาณ 3. หนา้ ทข่ี องการ์ดเช่ือมตอ่ เครือขา่ ยคือขอ้ ใด ก. แปลงสญั ญาณจากคอมพวิ เตอร์ส่งผา่ นไปตามสายสญั ญาณ ข. แปลงสญั ญาณดิจิตอลส่งสายสญั ญาณขอ้ มูลแบบอนาลอ็ ก ค. ทาหนา้ ทีเ่ ป็นสถานีปลายทางหรือสถานีงาน ง. แปลงสญั ญาณเพอ่ื แลกเปลี่ยนขอ้ มูลขา่ วสาร จ. ทาหนา้ ทใ่ี หบ้ ริการอินเทอร์เน็ต 4. ฮบั (Hub) คอื อะไร ก. อุปกรณ์เชื่อมตอ่ ทใ่ี ชเ้ ป็นจุดรวม และแยกสายสญั ญาณ ข. อุปกรณ์เช่ือมตอ่ ในจดุ ศูนยก์ ลาง ค. การอพั เดทขอ้ มูลจากอินเทอร์เน็ต ง. อุปกรณ์เช่ือมต่อท่กี ระจายออกไปใหท้ ว่ั ถึง จ. อุปกรณ์ทวนสญั ญาณ 5. อุปกรณ์สาหรับการแปลงสญั ญาณอนาลอ็ กเป็นสญั ญาณดิจิตอลคอื ขอ้ ใด ก. การ์ดเชื่อมต่อเครือขา่ ย ข. โมเด็ม ค. ฮบั ง. ซีพยี ู จ. Router
6. ความหมายของเทคโนโลยสี ารสนเทศทถี่ ูกตอ้ งทีส่ ุดคอื ขอ้ ใด ก. วิธีการปฏิบตั ิที่มีการจดั ลาดบั อยา่ งมีรูปแบบและข้นั ตอน ข. วธิ ีการปฏบิ ตั ทิ ี่มีการจดั ลาดบั อยา่ งมีรูปแบบและข้นั ตอนเพอ่ื ท่จี ะทาใหเ้ กิดประสิทธิภาพในเร่ืองของความ รวดเร็ว ความน่าเช่ือถือ และความถูกตอ้ ง ค. ขอ้ มูลดิบทไี่ ดผ้ า่ นการประมวลผลจากคอมพวิ เตอร์ ง. เทคโนโลยที ี่มีการนาคอมพวิ เตอร์ การส่ือสาร โทรคมนาคม มาทางานร่วมกนั จ. การรวบรวมและการจดั เรียงขอ้ มูลดิบ 7. ขอ้ ใดเกี่ยวขอ้ งกบั ระบบสารสนเทศ ก. การนาเคร่ืองทุนแรงมาใชใ้ นดา้ นการเกษตร ข. การนาเครื่องจกั รมาใชใ้ นโรงงานอุตสาหกรรม ค. การหาความรูใ้ นการใชเ้ ครื่องจกั รกลทางอุตสาหกรรมเกษตร ง. การเพม่ิ ผลผลิตในโลกกสิกรรม จ. การทาใหธ้ ุรกิจดาเนินงานไดส้ ะดวกข้นึ 8. นกั ศกึ ษาคิดวา่ ขอ้ ใดคอื สารสนเทศ ก. คะแนนสอบของนกั เรียน ข. เกรดของนกั เรียน ค. คะแนนสอบรวม ง. คะแนนเวลาเรียน จ. คะแนนจิตพสิ ยั 9. ผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นบวกคือขอ้ ใด ก. เพม่ิ ความสะดวกสบายในการสื่อสาร ข. ทาใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงวฒั นธรรม ค. การมีส่วนร่วมของคนในสงั คมนอ้ ยลง ง. มีคนใชค้ อมพวิ เตอร์เพมิ่ มากข้ึน จ. ไมม่ ีขอ้ ใดถูก 10. แนวโนม้ ของเทคโนโลยสี ารสนเทศในอนาคตจะเป็นอยา่ งไร ก. เทคโนโลยสี ารสนเทศจะไม่มีอิทธิพลตอ่ ทกุ ๆคนในครอบครวั และหน่วยงานต่าง ๆ ข. คอมพวิ เตอร์จะกลายเป็นเคร่ืองมือเคร่ืองใชใ้ นชีวติ ประจาวนั เช่นเดียวกบั รถยนต์ ตูเ้ ยน็ เครื่องรับโทรทศั น์ ค. ระบบสื่อสารแบบมีสายจะกลบั มาแทนระบบไร้สาย ง. พนกั งานจะทางานมากข้ึน จ. คอมพวิ เตอร์มีราคาถูกลง
แบบฝึ กหัด หน่วยที่ 2 คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนตอบคาถามดงั ต่อไปน้ี 1. จงอธิบายความหมายของระบบเครือข่ายมาพอสงั เขป …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………..…………… 2. ประเภทของระบบเครือข่ายมีกี่ประเภท อะไรบา้ ง …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………… 3. เทคโนโลยสี ารสนเทศ มีความหมายอยา่ งไรจงอธิบาย …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………… 4. ผลกระทบดา้ นบวกของเทคโนโลยสี ารสนเทศมีอะไรบา้ ง จงยกตวั อยา่ ง …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………
ตอนที่ 2 ใหน้ กั ศึกษาเตมิ คาทหี่ ายไปจากประโยคดงั ต่อไปน้ีใหส้ มบรู ณ์และถูกตอ้ ง 1) ฮาร์ดแวร์ (..................................) คือ อุปกรณ์คอมพวิ เตอร์ทใี่ ชใ้ นการรวบรวม .......................... การ จดั เก็บการประมวลผลขอ้ มูลใหเ้ ป็น.................... และแสดง.....................................ท่ีเป็นผลลพั ธอ์ อกมา 2) ซอฟตแ์ วร์ (.........................) คือ ................................ทีใ่ ชใ้ นการปฏิบตั งิ านร่วมกบั ฮาร์ดแวร์และใช้ ใน.....................................................................................................เป็นสารสนเทศตามท่ตี อ้ งการ 3) ข้อมูล (.........................) คือ ..........................................ท่ีถูกเก็บอยู่ในฐานข้อมูล โดย ..................................................... คอื กลุ่มของคา่ ความจริงและสารสนเทศทีม่ ี...................................... 4) บุคคล (..............................) คือ ผทู้ ่ีมีส่วนเกี่ยวขอ้ งกบั ...............................และปฏิบตั ิงานร่วมกบั ................................................. 5) ขบวนการ (..........................) คือ กลุ่มของ....................................ที่แนะนาวิธีการปฏิบตั ิงานกับ คอมพิวเตอร์ใน.............................................. อาจได้แก่ การแนะนาการควบคุมการเขา้ ใช้งานคอมพิวเตอร์ ............................................................................................ และวธิ ีจดั การกบั ปัญหาทอ่ี าจเกิดข้นึ ได้ เป็นตน้ 6) การสื่อสารขอ้ มูล (................................) การส่งสญั ญาณอิเล็กทรอนิกส์..................................... และ สามารถเชื่อมระบบคอมพวิ เตอร์เขา้ กบั ....................................... (...............................) ที่มีประสิทธิภาพได้
กจิ กรรมนาสู่อาเซียน หน่วยท่ี 2 คาสั่ง : ใหน้ กั เรียนนาขอ้ ความไปใส่ลงในแผนผงั แสดงส่วนประกอบของระบบสารสนเทศที่ใช้ คอมพวิ เตอร์แลว้ วาดภาพประกอบใหส้ อดคลอ้ งกบั ขอ้ ความทีใ่ ส่ดว้ ย ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล บุคคล ขบวนการ (Hardware) (Software) (Data) (People) (Procedure)
กิจกรรม บูรณาเศรษฐกิจพอเพยี ง กิจกรรม : คดิ คน้ ควา้ อนาคตไกล จุดประสงค์ : เพอื่ ใหน้ กั เรียนรูร้ ะบบเครือขา่ ยและสารสนเทศ ภาระงาน 1. ใหน้ กั เรียนจบั คู่ ใหแ้ ต่ละกลุ่มรวบรวมขอ้ มูลเกี่ยวกบั ส่ิงต่าง ๆ ที่ช่วยเกิดความรูค้ อมพวิ เตอร์และ อุปกรณ์โทรคมนาคม 2. จดั ทาป้ายนิเทศ แผน่ พบั เพอ่ื เผยแพร่ความรู้ และเพอ่ื เป็ นการประหยดั คา่ ใชจ้ ่าย 3. สรุปการดาเนินงานเพอ่ื รายงานครูผสู้ อน กจิ กรรมบูรณาการจิตอาสา หน่วยท่ี 2 เร่ือง ระบบเครือข่ายและสารสนเทศ กิจกรรม ดา้ นบวกเพม่ิ ข้ึน ดา้ นลบลดลง จุดประสงค์ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนนาความรู้ทีไ่ ดไ้ ปส่งเสริมการเกิดผลกระทบจากเทคโนโลยสี ารสนเทศ ในดา้ นบวก และแกไ้ ขปัญหาผลกระทบดา้ นลบใหล้ ดนอ้ ยลง ภาระงาน 1. ใหน้ กั เรียนจบั คูก่ นั ติดตอ่ กบั สถานศึกษา เพอื่ สารวจการเกิดผลกระทบจากเทคโนโลยี สารสนเทศท้งั ในดา้ นบวกและดา้ นลบ 2. นาขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากการสารวจเพอื่ หาขอ้ มูลหรือปรึกษาครูผสู้ อนในการส่งเสริมการ เกิดผลกระทบจากเทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นบวก และแกป้ ัญหาผลกระทบดา้ นลบ 3. นาขอ้ มูลและความรูท้ ่ีไดม้ าบรรยายเพอื่ ใหค้ วามรูก้ บั สถานศึกษาทส่ี ารวจ 4. เกบ็ ภาพและขอ้ มูลในการใหค้ วามรูส้ รุปส่งครูผสู้ อนในรูปแบบรายงาน
แบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 2 คาส่ัง จงเลือกคาตอบทถี่ ูกตอ้ งเพยี งขอ้ เดียว 1. เครือข่ายคอมพวิ เตอร์คอื อะไร ก. เครือยขา่ ยคอมพวิ เตอร์ทต่ี ้งั แต่ 2 เครื่องข้ึนไป ข. เครือยข่ายคอมพวิ เตอร์ท่ตี ้งั แต่ 6 เคร่ืองข้นึ ไป ค. เครือยข่ายคอมพวิ เตอร์ทตี่ ้งั แต่ 10 เคร่ืองข้นึ ไป ง. เครือยข่ายคอมพวิ เตอร์ทต่ี ้งั แต่ 15 เครื่องข้นึ ไป จ. เครือยขา่ ยคอมพวิ เตอร์ท่ีต้งั แต่ 20 เคร่ืองข้ึนไป 2. เครือข่ายระดบั ต่อไปน้ี สามารถติดตอ่ ส่งขอ้ มูลระหวา่ งเครื่องไดไ้ กลที่สุด ก. เครือขา่ ย MAN ข. เครือข่าย WAN ค. เครือข่าย LAN ง. เครือข่าย PAN จ. ทกุ ๆ เครือข่ายสามารถส่งขอ้ มูลไดไ้ กลเหมือน ๆ กนั ซ่ึงอยทู่ ส่ี ายสญั ญาณ 3. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะของสาย UTP ก. เหมือนสายสญั ญาณโทรศพั ทม์ ีทองแดงอยตู่ รงแนวกลางหุม้ ดว้ ยฉนวนและสายดิน ข. เหมือนสายโทรศพั ทต์ ามบา้ นภายในประกอบดว้ ยสายทองแดง 4 เสน้ และหุม้ ดว้ ยฉนวนภายนอก ค. คลา้ ยสายโทรศพั ทต์ ามบา้ นภายในประกอบดว้ ยสายทองแดง 8 เสน้ ง. คลา้ ยสายโทรศพั ทต์ ามบา้ นภายในประกอบดว้ ยสายทองแดง 8 เสน้ ดา้ นนอกมีฉนวนหุม้ จ. คลา้ ยสายโทรศพั ทต์ ามบา้ นภายในประกอบดว้ ยสายทองแดง 10 เสน้ ดา้ นนอกมีฉนวนหุม้ 4. สายสญั ญาณประเภทใดท่มี ีราคาแพงท่สี ุด ก. สายโคแอ๊กเชียล ข. สายไฟเบอร์ออฟตกิ ค. สายยทู ีพี ง. สายเอสทพี ี จ. สายโคแอ๊กออฟติก 5. Wirless LAN หมายถึงขอ้ ใด ก. เครือข่าย LAN ท่ใี ชส้ าย UTP ในการเช่ือมต่อ ข. เครือข่าย LAN ทใ่ี ชส้ าย Coxcial ในการเชื่อมต่อ ค. เครือข่าย LAN ทีใ่ ชส้ าย Fiber Optic ในการเช่ือมตอ่ ง. เครือขา่ ยท่ไี ม่ใชส้ ายในการเช่ือมตอ่ แต่ใชค้ ล่ืนวทิ ยแุ ทน จ.ถูกทุกขอ้ ท่กี ล่าวมา
6. ขอ้ ใดกล่าวถึงขอ้ มลู และสารสนเทศไดถ้ ูกตอ้ ง ก. ขอ้ มูลคอื ขอ้ มูลดิบทไ่ี ดผ้ า่ นการประมวลผลมาแลว้ ข. สารสนเทศคอื ขอ้ เทจ็ จริงทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั บุคคล ค. สารสนเทศคือ ขอ้ เทจ็ จริงท่เี กี่ยวขอ้ งกบั สถานท่ี ง. สารสนเทศคือ ขอ้ มูลดิบท่ผี า่ นการประมวลผลในหน่วยประมวลผลกลางมาแลว้ จ. ขอ้ มูลคือ ผลลพั ธท์ ี่นามาใชใ้ นการตดั สินใจ 7. ขอ้ ใดเป็นผลกระทบของเทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นคุณภาพชีวติ ก. ออกแบบสิ่งของเครื่องใชไ้ ดง้ ่ายดว้ ยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ข. ผลิตอาหารกระป๋ องเสร็จไดร้ วดเร็วในเวลาจากดั ค. หนีภยั ธรรมชาตไิ ดท้ นั เวลาเพราะดูข่าวโทรทศั น์ ง. เดินทางสะดวกดว้ ยรถไฟฟ้า จ. ไม่มีขอ้ ใดถูกตอ้ ง 8. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง ก.เทคโนโลยสี ารสนเทศเข้ามามบี ทบาทต่อชีวติ ประจาวนั ข.เทคโนโลยสี ารสนเทศมบี ทบาทสาคญั ต่อการแข่งขนั ด้านธุรกจิ ค.เทคโนโลยสี ารสนเทศมกี ารพฒั นาอย่างช้า ๆ ง.คอมพิวเตอร์เป็ นปัจจัยสาคญั ในการพัฒนาส่ิงแวดล้อมด้านสารสนเทศ จ.คอมพิวเตอร์เป็ นปัจจัยสาคญั ในการพัฒนาเทคโนโลยสี ารสนเทศ 9. เทคโนโลยสี ารสนเทศช่วยเพมิ่ ประสิทธิภาพในการทางานอยา่ งไร ก. ช่วยลดจานวนพนกั งานลง ข. ช่วยเพม่ิ เวลาในการทางานใหม้ ากข้นึ ค. ช่วยใหท้ างานไดเ้ ร็วและถูกตอ้ งมากข้ึน ง. ช่วยใหป้ ระหยดั ทรัพยากรและรักษาส่ิงแวดลอ้ ม จ. ช่วยใหค้ ่าใชจ้ า่ ยเรื่องบุคลากร 10.เทคโนโลยสี ารสนเทศส่งผลใหเ้ กิดความเสมอภาคในสงั คม ก. ช่วยกระจายโอกาส ข. ช่วยเสริมสรา้ งรายได้ ค. ช่วยลดปัญหาอาชญากรรม ง. ช่วยลดความเส่ียงในการตกงาน จ. ช่วยเพมิ่ ศกั ยภาพในการทางาน
แบบประเมนิ ผลการนาเสนอผลงาน ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขที่……. 2……………………………………เลขท่ี……. 3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่……. ท่ี รายการประเมนิ คะแนน ขอ้ คิดเห็น 32 1 1 เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจน (ความรู้เก่ียวกบั เน้ือหา ความถูกตอ้ ง ปฏิภาณในการตอบ และการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ ) 2 รูปแบบการนาเสนอ 3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 4 บคุ ลิกลกั ษณะ กิริยา ท่าทางในการพูด น้าเสียง ซ่ึงทาใหผ้ ฟู้ ังมีความ สนใจ รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… เกณฑ์ การให้ คะแนน 1. เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจนถูกตอ้ ง 3 คะแนน = มสี าระสาคญั ครบถว้ นถูกตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ครบถว้ น แตต่ รงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสาคญั ไมถ่ ูกตอ้ ง ไม่ตรงตามจุดประสงค์ 2. รูปแบบการนาเสนอ 3 คะแนน = มรี ูปแบบการนาเสนอที่เหมาะสม มกี ารใชเ้ ทคนิคที่แปลกใหม่ ใชส้ ่ือและเทคโนโลยี ประกอบการ นาเสนอทีน่ ่าสนใจ นาวสั ดใุ นทอ้ งถิ่นมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งคุม้ ค่าและประหยดั 2 คะแนน = มีเทคนิคการนาเสนอท่ีแปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยปี ระกอบการนาเสนอท่ีน่าสน ใจ แตข่ าดการประยกุ ตใ์ ช้ วสั ดุในทอ้ งถ่ิน 1 คะแนน = เทคนิคการนาเสนอไมเ่ หมาะสม และไมน่ ่าสนใจ 3. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมบี ทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีบทบาทและมสี ่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 4. ความสนใจของผฟู้ ัง 3 คะแนน = ผฟู้ ังมากกวา่ รอ้ ยละ 90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื 2 คะแนน = ผฟู้ ังร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื 1 คะแนน = ผฟู้ ังนอ้ ยกวา่ ร้อยละ 70 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ
แบบประเมนิ กระบวนการทางานกล่มุ ชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง........................... รายช่ือสมาชิก 1……………………………………เลขท่ี……. 2……………………………………เลขท…่ี …. 3……………………………………เลขท่ี……. 4……………………………………เลขท…ี่ …. ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คิดเห็น 1 การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั 321 2 การแบง่ หนา้ ทรี่ ับผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม 3 การปฏิบตั ิหนา้ ทท่ี ่ไี ดร้ ับมอบหมาย 4 การประเมนิ ผลและปรับปรุงงาน รวม ผปู้ ระเมนิ ………………………………………………… วนั ท่ี…………เดือน……………………..พ.ศ………….. เกณฑ์ การให้ คะแนน 1. การกาหนดเป้าหมายร่วมกนั 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายการทางานอยา่ งชดั เจน 2 คะแนน = สมาชกิ ส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายในการทางาน 1 คะแนน = สมาชกิ ส่วนน้อยมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้าหมายในการทางาน 2. การมอบหมายหน้าทร่ี ับผดิ ชอบและการเตรียมความพรอ้ ม 3 คะแนน = กระจายงานไดท้ ว่ั ถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทกุ คน มีการจดั เตรียมสถานที่ ส่ือ / อปุ กรณ์ไวอ้ ย่างพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถึง แต่ไมต่ รงตามความสามารถ และมีสื่อ / อปุ กรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง แต่ขาด การจดั เตรียมสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไมท่ ว่ั ถงึ และมสี ื่อ / อปุ กรณ์ไมเ่ พยี งพอ 3. การปฏิบตั หิ น้าทท่ี ีไ่ ดร้ ับมอบหมาย 3 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้าหมาย และตามเวลาทกี่ าหนด 2 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้าหมาย แตช่ า้ กวา่ เวลาทก่ี าหนด 1 คะแนน = ทางานไม่สาเร็จตามเป้าหมาย 4. การประเมนิ ผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชกิ บางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แต่ไม่ปรับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมไม่มสี ่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชกิ ทกุ คนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชกิ บางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แต่ไมป่ รับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมไม่มสี ่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน
บันทึกหลงั การสอน หน่วยที่ 2 เรื่อง ระบบเครือข่ายและสารสนเทศ ผลการใช้แผนการเรียนรู้ 1. เน้ือหาสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 2. สามารถนาไปใชป้ ฏิบตั ิการสอนไดค้ รบตามกระบวนการเรียนการสอน 3. ส่ือการสอนเหมาะสมดี ผลการเรียนของนักเรียน 1. นกั ศึกษาส่วนใหญม่ ีความสนใจใฝ่ รู้ เขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคาถามในกลุ่ม และร่วมกนั ปฏิบตั ิงานท่ีไดร้ ับมอบหมาย 2. นกั ศกึ ษากระตอื รือรน้ และรบั ผดิ ชอบในการทางานกลุ่มเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จทนั เวลาท่ีกาหนด ผลการสอนของครู 1. สอนเน้ือหาไดค้ รบตามหลกั สูตร 2. แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้ือหาการสอนทาใหผ้ สู้ อนสอนไดอ้ ยา่ งมนั่ ใจ 3. สอนไดท้ นั ตามเวลาทกี่ าหนด
แผนการสอน/แผนการเรียนรู้ภาคทฤษฎี แผนการสอน/การเรียนรู้ภาคทฤษฎี หน่วยท่ี 3 ระบบสารสนเทศการบญั ชี สอนสปั ดาห์ที่ 9-12 ช่ือหน่วย การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ คาบรวม 48 ชื่อเรื่อง การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ จานวนคาบ 16 สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย สืบคน้ ขอ้ มลู สารสนเทศ สาระสาคญั ปัจจุบนั มีขอ้ มูลจานวนมากเผยแพร่อยใู่ นอินเทอร์เน็ต มีจานวนเพ่มิ มากข้ึนตลอดเวลา การรับขอ้ มูล ข่าวสารกลายเป็ นการดาเนินชีวิตประจาวนั วชิ าชีพทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์สุขภาพ มีความจาเป็นตอ้ งอาศยั ความรู้ ทีท่ นั สมยั ในการทางาน ดงั น้นั ผใู้ ชง้ านอินเทอร์เน็ตจึงควรมีความรู้เก่ียวกบั เทคนิคการคน้ หาขอ้ มูลบนอิน เทอร์ เน็ต โดยใช้บริการจากเว็บไซต์ท่ีให้บริการเครื่องมือช่วยค้นหาขอ้ มูลบนอิน เทอร์เน็ตแหล่งข้อมูลบน อินเทอร์เน็ตมีการขยายตวั อยา่ งรวดเร็วต่อเนื่องมาโดยตลอด ทาใหม้ ีขอ้ มูลจานวนมากมายมหาศาล ปัจจุบนั เป็ น ยคุ ของ web 2.0 และ semantic web ท่เี วบ็ ไดก้ ลายเป็น platform สาหรับให้บริการ (service) และเน้ือหาสาระได้ ถูกสร้างข้ึน โดยผูใ้ ชอ้ ินเทอร์เน็ตอย่างมากมาย (user-generated content)มีกลุ่มผใู้ ชแ้ ละชุมชนเครือข่ายสังคม (social network) เป็นจานวนมาก เช่น FaceBook, MySpace, Hi5,Wikipedia, web blog ตา่ งๆ เป็นตน้ เรื่องทจ่ี ะศึกษา 24.การสืบคน้ ขอ้ มลู สารสนเทศ 25.เคร่ืองมือในการสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ 26.ส่วนประกอบของเคร่ืองมือในการสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ 27.การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศจากอินเทอร์เน็ต 28.ความหมายของการจดั เก็บและคน้ คืนสารสนเทศ 29.ความสาคญั ของการจดั เก็บและคน้ คนื สารสนเทศ 30.ทฤษฎีพ้นื ฐานและการประเมินระบบจดั เกบ็ และการคน้ คนื สารสนเทศ 31.เทคโนโลยแี ละมาตรฐานในการจดั เก็บและคน้ คนื สารสนเทศ จุดประสงค์ท่วั ไป
7. เพอื่ ใหม้ ีความรูแ้ ละความเขา้ ใจเก่ียวกบั การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ (ดา้ นพทุ ธิพสิ ยั ) 8. เพอื่ ใหม้ ีทกั ษะในการสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ (ดา้ นทกั ษะพสิ ยั ) 9. เพอ่ื ใหม้ ีตระหนกั ถึงประโยชนข์ องอินเทอร์เน็ตและนาไปปรบั ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั (ดา้ นจิตพสิ ยั ) จุดประสงค์เชิงพฤตกิ รรม 10.อธิบายความหมายของการจดั เก็บและคน้ คนื สารสนเทศได้ (ดา้ นความเขา้ ใจ) 11.ใหค้ าจากดั ความสาคญั ของการจดั เก็บและคน้ คนื สารสนเทศได้ (ดา้ นความเขา้ ใจ) 12.แยกส่วนประกอบของเคร่ืองมือในการสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศได้ (ดา้ นการวเิ คราะห์) 13.วเิ คราะหเ์ ทคโนโลยสี ารสนเทศและมาตรฐานในการจดั เกบ็ และคน้ คน้ สารสนเทศได้ (ดา้ นการ วเิ คราะห์) 14.เลือกทฤษฎีพ้นื ฐานและการประเมินระบบจดั เกบ็ และการคน้ คนื สารสนเทศได้ (ดา้ นการนาไปใช)้ 15.สืบคน้ ขอ้ มลู สารสนเทศได้ (ดา้ นทกั ษะ) 16.สืบคน้ ขอ้ มลู สารสนเทศจากอินเทอร์เน็ตได้ (ดา้ นทกั ษะ) 17.ประยกุ ตใ์ ชเ้ ครื่องมือการสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศได้ (ดา้ นจิตพสิ ยั ) 18.ตระหนกั ถึงประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตและนาไปปรบั ใชใ้ นการทางานได้ (ดา้ นจติ พสิ ยั ) เนื้อหาสาระการสอน/การเรียนรู้ การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ การสืบคน้ สารสนเทศจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ทุกระบบในปัจจุบนั ควรมีความรู้พ้นื ฐานเก่ียวกบั การ
สืบค้นข้อมูลและฐานข้อมูลก่อน รวมท้ังการสืบค้นข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ในรูปแบบอ่ืนๆ ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ การสืบค้นสารสนเทศ หมายถึง กระบวนการในการคน้ หาสารสนเทศที่ตอ้ งการ โดยใชเ้ คร่ืองมือ สืบคน้ รูปแบบต่างๆ การสืบคน้ สารสนเทศ แบ่งออกเป็น 2 วธิ ี คอื 1. การสืบคน้ สารสนเทศดว้ ยระบบมือ (Manual System) เช่น บตั รรายการ บตั รดรรชนีวารสาร 2. การสืบคน้ สารสนเทศด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Computer System) เป็ นการสืบคน้ ท่ีสามารถ กระทาไดโ้ ดยผา่ นอุปกรณ์คอมพวิ เตอร์ ไดแ้ ก่ ฐานขอ้ มูล หนงั สืออิเล็กทรอนิกส์ วารสารอิเลก็ ทรอนิกส์ และการ สืบคน้ สารสนเทศบนอินเทอร์เน็ต เป็นตน้ เครื่องมือการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศ เคร่ืองมือ คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการคน้ หาหนังสือท่ีมีอยใู่ นห้องสมุด เพ่ือนามาใชป้ ระกอบการเรียนรู้ ไดแ้ ก่ คอมพวิ เตอร์ การสืบค้น คือ การคน้ หาขอ้ มูลเก่ียวกบั หนงั สือในหอ้ งสมุดโรงเรียนว่ามีหนงั สือที่ผเู้ รียนตอ้ งการหรือไม่ หากมีจะปรากฏอยใู่ นหมวดหมู่ใด ข้อมูล คือ สญั ญาณท่มี นุษยร์ บั รู้และนามาบนั ทึกในรูปสญั ลกั ษณ์ เม่ือขอ้ มูลมีการจดั ความหมายหรือเน้ือหา จึงเปลี่ยนเป็นระดบั สารสนเทศ ส า ร ส น เท ศ คื อ ข้อ เท็ จ จ ริ ง เห ตุ ก า ร ณ์ ท่ี ถ่ า ย ท อ ด แ ล ะ บั น ทึ ก ไ ว้ใน รู ป แ บ บ ต่ า ง ๆ เช่น หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ โสตทศั นวสั ดุ คอมพิวเตอร์ และคาพูด เป็ นตน้ เพ่ือนาไปใช้ ในการ ตดั สินใจหรือตอบปัญหาต่าง ๆ ได้ (ประภาวดี สืบสนธ,์ 2543, หนา้ 6) ส่วนประกอบของเครื่องมือในการสืบค้นข้อมลู สารสนเทศ ประกอบดว้ ย 1. หน้ าจอ คือ อุปกรณ์ส่งออกข้อมูล (Output devices) หรือหน่วยแสดงผลประเภทหน่ึง ของ คอมพวิ เตอร์โดยขอ้ มูลท่ีจอภาพแสดงผลน้นั มกั จะประกอบดว้ ยขอ้ มูลท้งั ทเี่ ป็นตวั หนงั สือ และภาพกราฟิ ก 2. แป้นพิมพ์ คือ อุปกรณ์นาเขา้ ขอ้ มูล (Input devices) เป็ นอุปกรณ์หลกั ที่ใชใ้ นการนาขอ้ มูลลงใน เครื่องคอมพวิ เตอร์ โดยปกตมิ กั จะมีลกั ษณะเป็นสี่เหล่ียมผนื ผา้ หรือใกลเ้ คยี ง มีแป้นต่าง ๆ ประมาณรอ้ ยแป้นอยู่ บนคียบ์ อร์ด (ข้ึนอยกู่ บั ผงั แป้นพิมพ)์ ซ่ึงถอดแบบมาจากเครื่องพมิ พด์ ีด เพอ่ื ให้การป้อนขอ้ มูลที่เป็นอกั ขระและ ตวั เลขทาไดง้ า่ ยและสะดวกข้ึน แป้นพมิ พจ์ ึงแยกแผงที่เป็ นแป้นอกั ขระกบั แป้นตวั เลขแยกไวต้ ่างหาก 3.เมาส์ คือ อุปกรณ์นาเขา้ ขอ้ มูล (Input devices) ที่ใชใ้ นการควบคุมการใชง้ านใน คอมพิวเตอร์ ซ่ึง ออกแบบ เพ่ือให้พอดีกบั การใชง้ านโดยส่วนโคง้ และส่วนเวา้ จะโคง้ เขา้ ตามอุง้ มือของผู้ ใช้ โดยดา้ นใตข้ องเมาส์ จะมีอุปกรณ์ ซ่ึงตรวจจบั การเคล่ือนไหวของเมาส์ โดยส่งสญั ญาณ ไปท่คี อมพวิ เตอร์ 4. เคส คือ กล่องสาหรับบรรจุอุปกรณ์ท่ีใชป้ ระมวลผลและหน่วยความจาของคอมพวิ เตอร์ เอาไวข้ า้ ง ใน เพ่ือประโยชน์ในการยดึ อุปกรณ์ต่าง ๆ ให้มีความมั่นคง กะทดั รัด เคล่ือนยา้ ยได้ ขณะเดียวกนั ก็เพ่ือความ ปลอดภยั เช่น ป้องกนั ไฟดูด ป้องกนั อุปกรณ์สูญหาย และการป้องกัน การส่งคลื่นรบกวน การทางานของ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อ่ืน ๆ 5. ซอฟต์แวร์ (Software) เกี่ยว กับงานของห้องสมุด คือ โปรแกรมสืบค้นสารสนเทศ คู่มือเตรียม
สอบ ลงฐานขอ้ มูล CDS/ISIS เพอื่ นาขอ้ มูลส่ิงพมิ พเ์ หล่าน้นั ออกบริการ และ อานวยความสะดวก ในการคน้ หา หนงั สือใหก้ บั ผใู้ ช้ ซ่ึงผใู้ ชส้ ามารถส่งประมวลผลผา่ นทางเลือกต่าง ๆ ไดต้ ามตอ้ งการ จากระบบเมนู การสืบค้นข้อมูลสารสนเทศจากอนิ เทอร์เน็ต ความหมายของอนิ เทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ต คอื ระบบเครือข่ายนานาชาติ เกิดจากเครือขา่ ยยอ่ ย ๆ มีบริการมากมายสาหรับทุกคนท่ีติดตอ่ อินเทอร์เน็ต สามารถใชอ้ ินเทอร์เน็ตส่งจดหมายคุยกบั เพอ่ื น ๆ คดั ลอกแฟ้มขอ้ มูล และโปรแกรมจาก คอมพวิ เตอร์เคร่ืองอื่น รวมท้งั คน้ หาขอ้ มูลสารสนเทศจากแหล่งขอ้ มูลทวั่ โลก (เครเบรินส์, แอนนา, 2540, หนา้ 42) ประโยชน์ของอนิ เทอร์เน็ต 1. ทาใหส้ ามารถบริการคน้ หาและเขา้ ถึงขอ้ มูลโดยผา่ น World Wide Web (WWW) หรือ ท่ีเรียกกนั ยอ่ ๆ วา่ เวบ็ (Web) 2. สามารถบริการแลกเปลี่ยนข่าวสารขอ้ มูล เช่น จดหมายอิเลก็ ทรอนิกส์ (E-mail / Electronic mail) การ สนทนาทางเครือขา่ ย (Chat rooms) หรือ ฟอร่ัม (Forum) 3. สามารถใชบ้ ริการการใชค้ อมพวิ เตอร์ทางไกล เช่น Telnet (สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาติ , 2544, หนา้ 5) คณุ ธรรมและจริยธรรมในการใช้อนิ เทอร์เนต็ 1. ไม่ใชอ้ ินเทอร์เน็ตทางลามกอนาจาร เช่น ดูเวบ็ ไซตล์ ามก ส่ง E-mail ลามก 2. ไม่ใชอ้ ินเทอร์เน็ตในการละเมิดสิทธ์ิของผอู้ ่ืน เช่น พยายามเขา้ ถึงขอ้ มูลของผอู้ ื่นโดย ไม่ไดร้ บั อนุญาต 3. ไม่ใชอ้ ินเทอร์เน็ตทาลายผอู้ ื่น เช่น ปล่อยไวรัส 4. ไม่ใชอ้ ินเทอร์เน็ตหลอกลวงผอู้ ื่น เช่น การสนทนาผา่ นเครือขา่ ยเพอ่ื การหลอกลวงผอู้ ่ืน 5. ไม่ใชอ้ ินเทอร์เน็ตในการกระทาการทุจริต เช่น ขโมยขอ้ มูลเร่ืองการเงินของธนาคาร ขายของทีผ่ ดิ กฎหมาย ระเบียบและมารยาทในการใช้ ห้ องสมุดดิจิตอล 1. ระเบยี บการใช้ห้องสมุดดจิ ิตอล 1.1 ใชเ้ พอื่ การสืบคน้ ขอ้ มูลประกอบการเรียนเทา่ น้นั 1.2 ลงทะเบยี นจองการใชเ้ ครื่องก่อนทกุ คร้งั 1.3 หากไม่มาใชบ้ ริการตามทจ่ี องจะใหผ้ จู้ องลาดบั ต่อไปใชส้ ืบคน้ ทนั ที 1.4 ไม่นาแผน่ ซีดี มาใชใ้ นหอ้ งสมุดดิจิตอล 1.5 ผทู้ สี่ ืบคน้ ไม่เป็นใหแ้ จง้ เจา้ หนา้ ท่เี พอื่ รับคาแนะนาก่อนสืบคน้ 1.6 ลา้ งมือใหส้ ะอาดและเชด็ ใหแ้ หง้ ก่อนสืบคน้ ทกุ คร้งั 1.7 ตอ้ งเสียค่าบริการในการสง่ั พมิ พข์ อ้ มูลทุกคร้ังตามที่หอ้ งสมุดกาหนด 1.8 ไม่นาอาหาร เคร่ืองดื่มมารับประทานในขณะสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ 2. มารยาทการใช้ห้องสมุดดจิ ติ อล 2.1 ไม่ส่งเสียงดงั คุยกนั ในขณะสืบคน้ ขอ้ มูล
2.2 ไม่สืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศนานเกินไปทาใหผ้ อู้ ื่นไมม่ ีโอกาสสืบคน้ 2.3 เกบ็ เมาสแ์ ละแป้นพมิ พใ์ หเ้ รียบร้อยตามเดิม 2.4 เก็บเกา้ อ้ีใหเ้ รียบรอ้ ยทกุ คร้ังท่ีเลิกสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศแลว้ 2.5 ไม่ขีดเขยี นขอ้ ความใด ๆ ลงบนโตะ๊ หรือเกา้ อ้ีตลอดจนอุปกรณ์ตา่ ง ๆ ใน หอ้ งสมุดดิจติ อล วธิ ีการเข้าถงึ และสืบค้นข้อมูลสารสนเทศจากเครือข่ายอนิ เทอร์เนต็ การเข้าถึง การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ สนองตอบความต้องการของ ผูส้ ืบค้นหรือ ผเู้ รียน แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ตเป็ นแหล่งขอ้ มูลทางอิเล็กทรอนิกส์ท่สี าคญั และใหญ่ท่ีสุดมีการ เปลี่ยนแปลงอยตู่ ลอดเวลาแทบทุกวนิ าที ดงั น้นั ในการสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ตควร ดาเนินการดงั น้ี 1. กาหนดวตั ถปุ ระสงค์การสืบค้น ผสู้ ืบคน้ หรือผวู้ จิ ยั ทจ่ี ะนาขอ้ มูลสารสนเทศไปใช้ ควรต้งั วตั ถุประสงคก์ ารสืบคน้ ท่ีชดั เจน ทาใหส้ ามารถ กาหนดขอบเขตของแหล่งขอ้ มูลสารสนเทศทจ่ี ะสืบคน้ ให้แคบลง กาหนดประเภทของเครื่องมือหรือโปรแกรม สาหรบั การสืบคน้ ทางอินเทอร์เน็ต ท่เี รียกวา่ Search Engine ใหเ้ หมาะสม กาหนดช่วงเวลาที่ ขอ้ มูลสารสนเทศถูกสร้างข้ึน เช่น ช่วงปี ท่ีตีพิมพข์ องวารสารอิเลก็ ทรอนิกส์ ท้งั น้ีเพอื่ ใหผ้ ลการสืบคน้ มีปริมาณ ไม่มากเกินไป มีความตรง (Validity) ตามวตั ถุประสงค์ และมีความน่าเชื่อถือ (Reliability) มากท่สี ุด อีกท้งั ยงั สามารถสืบคน้ ไดผ้ ลในเวลาอนั รวดเร็ว 2. ประเภทของข้อมูลสารสนเทศท่สี ามารถสืบค้นได้ ขอ้ มูลสารสนเทศที่อยบู่ นอินเทอร์เน็ตมีมากมายหลายประเภท มีลกั ษณะเป็ นมลั ติมีเดีย คือมีท้งั ท่ีเป็ น ขอ้ ความ(Text) ภาพวาด (Painting) ภาพเขียนหรือภาพลายเส้น (Drawing) ภาพไดอะแกรม(Diagram) ภาพถ่าย (Photograph) เสียง(Sound) เสียงสงั เคราะห์ เช่น เสียงดนตรี (Midi) ภาพยนตร์(Movie) ภาพเคล่ือนไหวอะนิเมชนั (Animation) จากเทคโนโลยีการสืบค้นที่มีอยู่ในปัจจุบัน การสืบค้นท่ีเร็วท่ีสุด มีประสิทธิภาพท่ีสุด และ แพร่หลายที่สุด คือ การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศประเภทขอ้ ความ สาหรับการสืบคน้ ขอ้ มูลที่เป็ นภาพ (Pattern Recognition) และเสียง ยงั มีขอ้ จากัดอยมู่ าก ใช้เวลานาน และยงั ไม่มีประสิทธิภาพ จึงยงั ไม่มีการสืบคน้ ขอ้ มูล ประเภทอ่ืนๆ นอกจากประเภทขอ้ ความในการใหบ้ ริการการสืบคน้ บนอินเทอร์เน็ต 3. การสืบค้นต้องอาศัยอปุ กรณ์และความรู้ ก่อนท่ีผูส้ ืบคน้ จะสามารถสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศทางอินเทอร์เน็ตได้ ตอ้ งมีการจดั เตรียมอุปกรณ์ ดงั ต่อไปน้ี คือ เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ อุปกรณ์ต่อเขา้ อินเทอร์เน็ตซ่ึงอาจเป็น Modem ในกรณีท่ใี ชค้ ู่กบั สายโทรศพั ท์ หรือแผน่ LAN Card ในกรณีท่ีใชค้ ูก่ บั ระบบเครือข่ายทไี่ ดร้ บั การติดต้งั ไวแ้ ลว้ ซอฟตแ์ วร์ การสื่อสาร (Communication Software) เช่น Dial-up Networking ในกรณีใช้ Modem หรือมีการติดต้งั Network Protocol ทเ่ี หมาะสมกบั ระบบเครือขา่ ยที่เครื่องคอมพวิ เตอร์น้ันติดต้งั อยแู่ ละติดต้งั Network Adapter ท่ีเหมาะสม สาหรับ LAN Card น้นั ๆ ตอ้ งสมคั รเป็นสมาชิกขององคก์ ารหรือบริษทั ผใู้ ห้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider หรือ ISP) เพื่อเป็ นช่องทางออกสู่อินเทอร์เน็ต นอกจากอุปกรณ์ต่างๆ ดังกล่าวขา้ งตน้ แล้ว ยงั ตอ้ งมี ความรู้และทกั ษะพ้ืนฐานในการใชง้ านคอมพิวเตอร์(ComputerLiteracy) ความรู้ภาษาองั กฤษเนื่องจากขอ้ มูล
สารสนเทศส่วนใหญ่ในอินเทอร์เน็ตเป็ นภาษาองั กฤษ และยงั ตอ้ งมีการจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสมอีกดว้ ย 4. บริการบนอนิ เทอร์เน็ต บริการบนอินเทอร์เน็ตที่สามารถใชช้ ่วยในการสืบค้นขอ้ มูลสารสนเทศมีมากมายหลายบริการเช่น บริการเครือข่ายใยแมงมุมโลก หรือ Word-Wide-Web(WWW) บริการค้นหาข้อมูล Gopher บริการค้นหา โปรแกรมใชง้ าน Archie นอกจากน้ี อาจใชบ้ ริการสอบถามผ่านทาง E-mail หรือ Chat กบั ผูใ้ ชง้ านอินเทอร์เน็ต อ่ืนๆ หรือสอบถามผ่าน News Group หรือ Group/Thread Discussion ก็ได้ เมื่อค้นได้แหล่งข้อมูลแล้วอาจ download หรือถ่ายโอนขอ้ มูลทีส่ ืบคน้ ไดโ้ ดยใชบ้ ริการถ่ายโอนไฟล์ขอ้ มูลและโปรแกรม (File Transfer Protocol หรือ FTP) โดยทว่ั ไปในปัจจุบนั การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศทางอินเทอร์เน็ต นิยมใช้โปรแกรม Web Browsers เช่น Internet Explorer หรือ Netscape แล้วเรียกใช้บริการ www ประกอบกับการใช้ Search Engine ซ่ึงมีอยู่ มากมายบนอินเทอร์เน็ตในการสืบคน้ เมื่อสืบคน้ ไดแ้ ลว้ โปรแกรม Web Browsers มกั จะมีบริการ Download ได้ ทนั ทโี ดยไม่ตอ้ งอาศยั โปรแกรมอื่นๆเขา้ ช่วย 5. เครื่องมือหรือโปรแกรมสาหรับการสืบค้น เคร่ืองมือหรือโปรแกรมสาหรับการสืบคน้ (Search Engine) มีอยมู่ ากมายและมีใหบ้ ริการอยตู่ ามเวบ็ ไซต์ ต่างๆ ที่ใชบ้ ริการการสืบคน้ ขอ้ มูลโดยเฉพาะ การเลือกใชน้ ้ันข้ึนกับประเภทของขอ้ มูลสารสนเทศท่ีตอ้ งการ สืบคน้ Search Engine ต่างๆ จะใหข้ อ้ มูลที่มีความลึกในแงม่ ุมหรือศาสตร์ต่างๆ ไม่เท่ากนั ตวั อยา่ ง Search Engine ทน่ี ิยมใชม้ ีท้งั เวบ็ ไซตท์ ี่เป็นของตา่ งประเทศ และของไทยเอง ตวั อยา่ งเวบ็ ไซตข์ องต่างประเทศ ไดแ้ ก่ http://www.yahoo.com http://www.google.com http://www.infoseek.com http://www.ultraseek.com http://www.lycos.com http://www.excite.com http://www.altavista.digital.com http://www.opentext.com http://www.hotbot.com http://www.webcrawler.com http://www.dejanews.com http://www.elnet.net เป็นตน้ สาหรบั เวบ็ ไซตข์ องไทย ไดแ้ ก่ http://www.sanook.com http://www.siamguru.com เป็นตน้ เทคนิคการสืบค้นข้อมูล เพอ่ื ประหยดั เวลาในการสืบคน้ ไดข้ อ้ มูลในปริมาณไม่มากเกินไป และไดผ้ ลการสืบคน้ ทตี่ รงตาม ประสงคข์ องผสู้ ืบคน้ สามารถใชเ้ ทคนิคเหล่าน้ี ไดแ้ ก่ 1. เลือก Search Engine ทเ่ี หมาะสม 2. เลือกเวบ็ ไซตท์ ีอ่ ยใู่ กลแ้ ละอยใู่ นช่วงเวลาทเี่ หมาะสม 3. การเลือกใชค้ าสาคญั (Keyword) หรือหวั เรื่อง(Subject) ท่ตี รงกบั เร่ืองท่ีตอ้ งการ 4. กาหนดขอบเขตของคาคน้ โดยใชต้ วั เช่ือมบูลีน(Boolean Operators) เช่น AND OR NOT NEAR BEFORE เป็นตน้ หรือการคน้ วลี(Phrase Searching) การตดั คา หรือการใชค้ าเหมือน ดงั ต่อไปน้ี 4.1 Boolean Operators - AND หรือ เคร่ืองหมาย + ใช้เม่ือต้องการให้ค้นเอกสารที่มีคาท้ังสองคาปรากฏ เช่นคน้ หาคาว่า
Research AND Thailand ขอ้ มูลที่ไดจ้ ะมีเฉพาะคาวา่ Research และ Thailand อยใู่ นเอกสาร - OR ใชเ้ ม่ือตอ้ งการคน้ หนา้ เอกสารท่ีมีคาใดคาหน่ึงปรากฏ เช่น Research ORThailand ขอ้ มูลท่ีไดจ้ ะมี คาใดคาหน่ึงหรือมีท้งั สองคาปรากฏอยใู่ นเอกสาร - NOT หรือ เครื่องหมาย – ใชเ้ มื่อตอ้ งการตดั คาท่ีไม่ตอ้ งการใหค้ น้ ออก (คาหลงั NOTหรือ เครื่องหมาย -) เช่น Research NOT Thailand ขอ้ มูลที่ไดจ้ ะมีคาวา่ Research แต่จะไม่มีคาวา่ Thailand อยใู่ นเอกสาร - NEAR ใชเ้ มื่อตอ้ งการใหค้ าท่กี าหนดอยหู่ ่างจากกนั ไม่เกิน 10 คา ในประโยคเดียวกนั หรือใกลเ้ คียงกนั (อยดู่ า้ นหน้าหรือหลังก็ได)้ เช่น Research NEAR Thailand ขอ้ มูลท่ีไดจ้ ะมีคาว่าResearch และ Thailand ท่ีห่าง กนั ไม่เกิน 10 คา ตวั อยา่ งเช่น Research on the Cost ofTransportation in Thailand - BEFORE ใช้เมื่อตอ้ งการกาหนดให้คาแรกปรากฏอยขู่ า้ งหน้าคาหลงั ในระยะห่างไม่เกิน8 คา เช่น Research BEFORE Thailand - AFTER ใช้เม่ือตอ้ งการกาหนดให้คาแรกปรากฏอยู่ขา้ งหลังคาหลังในระยะห่างไม่เกิน8 คา เช่น Research AFTER Thailand - (parentheses) ใช้เม่ือตอ้ งการกาหนดให้ทาตามคาส่งั ภายในวงเล็บก่อนคาสั่งภายนอกเช่น (Research OR Quantitative) and Thailand 4.2 การค้นวลี (Phrase searching ) เป็นการใชเ้ ครื่องหมายอญั ประกาศ (“ ”) เมื่อตอ้ งการกาหนดใหค้ น้ เฉพาะหนา้ เอกสารท่มี ีการเรียงลาดบั คาตามที่กาหนดเท่าน้นั เช่น “Methodology Research” 4.3 การตัดคา (Word stemming / Truncation) เป็ นการใชเ้ ครื่องหมาย asterisk (*) ตามทา้ ยคา 3 คาข้ึน ไป เพอื่ คน้ หาคาทขี่ ้นึ ตน้ ดว้ ยตวั อกั ษรท่ีกาหนด เช่น Research* 4.4 คาพ้องความหมาย (Synonym )เป็ นการใชค้ าเหมือนท่ีมีความหมายเดียวกันหรือใกล้เคียงกันเพ่ือ ช่วยใหค้ น้ เรื่องทคี่ รอบคลุม เช่น Ocean Sea Marine 4.5 เขตข้อมูลเพ่ือการค้น (Field Searching) เป็ นการกาหนดเขตขอ้ มูลเพือ่ การคน้ เช่น ชนิดของขอ้ มูล หรือทอ่ี ยขู่ องขอ้ มูล เป็ นตน้ เช่น text: “green tea” url: NASA 4.6 ตัวเล็กตัวใหญ่ถือว่าต่างกัน (Case sensitive) เป็ นการใช้ตวั อักษรใหญ่กับตวั เล็กในความหมายท่ี แตกต่างกนั เช่นใชต้ วั อกั ษรใหญ่ข้นึ ตน้ ชื่อเฉพาะ เช่น George W. Bush 4.7 ภาษาธรรมชาติ (Natural Language) เป็ นการสืบคน้ จากคาถามท่เี ป็ นภาษาธรรมชาติ เช่น ใชค้ าถาม ภาษาองั กฤษง่ายๆที่ตอ้ งการให้ Search Engine หาคาตอบให้ เช่น What is Research? ข้อดีของการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศทางอนิ เทอร์เน็ต การสืบคน้ ขอ้ มลู สารสนเทศทางอิเลก็ ทรอนิกส์ผา่ นทางอินเทอร์เน็ตมีขอ้ ดีหลกั ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ขอบเขตของขอ้ มูลสารสนเทศกวา้ งขวางมาก มีความหลากหลาย ไรพ้ รมแดน 2. ขอ้ มูลสารสนเทศที่สืบคน้ ไดม้ ีความทนั สมยั มาก เนื่องจากผสู้ ร้างขอ้ มูลสามารถแกไ้ ขปรับปรุงไดง้ า่ ย และทาไดต้ ลอดเวลา 3. สะดวกมาก ไม่มีขอ้ จากดั ในแงข่ องเวลาและสถานท่ี สามารถสืบคน้ เวลาใดก็ไดท้ ่ใี ดกไ็ ด้ 4. สามารถสืบคน้ ไดง้ ่ายและรวดเร็วโดยอาศยั Search Engine
5. การไดม้ าซ่ึงขอ้ มูลผา่ นอินเทอร์เน็ตใชเ้ วลาส้นั มาก เม่ือเทยี บกบั การส่งเอกสารวธิ ีอื่นๆ 6. การไดม้ าซ่ึงขอ้ มูลน้นั ประหยดั ท้งั เวลาและทรพั ยากร 7. จดั เป็ นหอ้ งสมุดทใี่ หญท่ ี่สุดในโลก 8. ขอ้ มูลสารสนเทศท่ีสืบคน้ มามีประโยชน์มาก สามารถนาไปจดั หมวดหมู่ ทาฐานขอ้ มูลบรรณาธิการ และจดั การตอ่ ไดโ้ ดยงา่ ย 9. ส่งเสริมการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง (Self Directed Learning ) และส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต(Life Long Learning) ข้อจากดั ของการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศทางอนิ เทอร์เน็ต ถึงแมว้ ่าการสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศทางอินเทอร์เน็ตจะมีขอ้ ดีอยา่ งเห็นไดช้ ดั การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศทาง อินเทอร์เน็ตก็มีขอ้ จากดั หรือขอ้ เสียอยบู่ า้ ง ดงั น้ี 1. ขอ้ มูลสารสนเทศทม่ี ีอยใู่ นอินเทอร์เน็ตมีความครอบคลุมกวา้ งขวางมาก มีความ หลากหลาย ไร้พรมแดน จึงทาให้ผใู้ ชท้ ่ีไม่มีทกั ษะการสืบคน้ อาจเกิดปัญหาเนืองจากไดข้ อ้ มูลสารสนเทศที่ไม่ ตรงตามความตอ้ งการเป็นจานวนมากทาใหเ้ สียเวลา 2. ขอ้ มูลสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ตถูกปรับปรุงแก้ไขได้อยา่ งรวดเร็ว ทาใหก้ ารอ้างอิงเอกสารทาได้ ลาบาก เพราะการเขา้ ไปสืบคน้ เอกสารอีกคร้งั หน่ึงในวนั ขา้ งหนา้ เอกสารดงั กล่าวอาจจะไม่อยแู่ ลว้ หรือ เน้ือหาขอ้ ความอาจถูกปรบั เปล่ียนไปแลว้ ก็ได้ 3. ขอ้ มูลสารสนเทศบนอินเทอร์เน็ตทไี่ ดม้ าจะตอ้ งตรวจสอบความน่าเช่ือถือของแหล่งขอ้ มูลที่ ไดม้ าดว้ ยวา่ มีความน่าเชื่อถือมากแคไ่ หน การประเมินความน่าเช่ือถือของแหล่งงข้อมูล เพื่อเป็ นการตรวจสอบความน่าเช่ือของแหล่งขอ้ มูลสารสนเทศที่สืบคน้ มาไดผ้ สู้ ืบคน้ สามารถประเมิน ความน่าเช่ือถือของแหล่งขอ้ มูลไดจ้ าก 12 องคป์ ระกอบ (สุกญั ญา ประจศุ ลิ ปะและคณะ, 2547) ดงั น้ี 1. บอกวตั ถุประสงคใ์ นการสรา้ งหรือเผยแพร่ขอ้ มูลไวใ้ นเวบ็ ไซต์ 2. การเสนอเน้ือหาตรงตามวตั ถุประสงคใ์ นการสรา้ งหรือเผยแพร่ขอ้ มูลของเวบ็ ไซต์ 3. เน้ือหาเวบ็ ไซตไ์ ม่ขดั ตอ่ กฎหมาย ศลี ธรรม และจริยธรรม 4. มีการระบุชื่อผเู้ ขยี นบทความหรือผใู้ หข้ อ้ มูลบนเวบ็ ไซต์ 5. มีการใหท้ อี่ ยู่ (e-mail address) ที่ผอู้ ่านสามารถติดตอ่ ผดู้ ูแลเวบ็ ไซตไ์ ด้ 6. มีการอา้ งอิงหรือระบแุ หล่งทม่ี าของขอ้ มูลของเน้ือหาทปี่ รากฏบนเวบ็ ไซต์ 7. สามารถเช่ือมโยง (link)ไปเวบ็ ไซตอ์ ื่นท่อี า้ งถึงได้ 8. มีการระบวุ นั เวลาในการเผยแพร่ขอ้ มูลบนเวบ็ ไซต์ 9. มีการระบวุ นั เวลาในการปรบั ปรุงขอ้ มูลคร้งั ล่าสุด 10.มีช่องทางใหผ้ อู้ ่านแสดงความคิดเห็น 11.มีขอ้ ความเตอื นผอู้ ่านใหใ้ ชว้ จิ ารณญาณในการตดั สินใจใชข้ อ้ มูลทปี่ รากฏบนเวบ็ ไซต์ 12.มีการระบวุ า่ เป็ นเวบ็ ไซตส์ ่วนตวั หรือระบุแหล่งทใ่ี หก้ ารสนบั สนุนในการสรา้ งเวบ็ ไซต์
ข้นั ตอนการสืบค้นข้อมูล ข้นั ตอนการสืบคน้ ขอ้ มลู ดว้ ยโปรแกรม Search Engine โดยใชง้ านผา่ นเวบ็ ไซต์ Google.com สามารถใช้ งานไดด้ งั น้ี 1. เปิ ดโปรแกรม Web Browser ตวั อยา่ งเช่น Internet Explorer หรือ Mozilla Firefox 2. ป้อนคาหรือวลีทีต่ อ้ งการคน้ ขอ้ มูลลงในช่องสาหรับกรอกคาคน้ ขอ้ มูลหลงั จากน้นั กดป่ มุ Enter จะไดข้ อ้ มูลท่ตี อ้ งการคน้ หาดงั ภาพดา้ นล่าง 3. เมื่อตอ้ งการคน้ ขอ้ มูลท่เี ป็นรูปภาพสามารถกดลิงค์ “คน้ รูป” จะไดร้ ูปภาพดงั ภาพดา้ นล่าง 4. การคน้ หาขอ้ มูลระดบั สูงหรือการคน้ หาแบบพเิ ศษสามารถกดเลือกทลี่ ิงคด์ า้ นล่างของหนา้ จอดงั ภาพดา้ นล่าง 5. การคน้ หาข้นั สูงของ google search engine สามารถกาหนดขอบเขตของการสืบคน้ ขอ้ มูลไดด้ งั ภาพดา้ นล่าง 6. ตวั อยา่ งการป้อนคาเพอ่ื สืบคน้ ขอ้ มลู ซ่ึงมีการกาหนดเงอ่ื นไขในการสืบคน้ เช่น “ทุกคาเหล่าน้ี” “คาหรือวลีท่ี ตรงตามน้ี” “และไม่มีคาเหล่าน้ี” จากตวั อยา่ งสามารถอธิบายเง่ือนไขในการสืบคน้ ไดด้ งั น้ี ใหค้ น้ ขอ้ มูลท้งั หมดท่ี มีอยใู่ นระบบโดยมีคาวา่ “เทคโนโลย”ี และมีคาหรือวลีที่ตรงกบั คาวา่ “คอมพวิ เตอร์” และไม่ขอ้ มูลทีม่ ีคาวา่ “สารสนเทศ” มาแสดงท่ีหนา้ จอ จากการกรอกขอ้ มูลตามเง่ือนไขในขอ้ ท่ี 6 จะไดผ้ ลดงั ภาพดา้ นล่าง ความหมายของการจดั เกบ็ และการค้นคนื สารสนเทศ การจดั เก็บและการคน้ คนื สารสนเทศ (Information Storage and Retrieval – ISR) มีการ กาหนดความหมายไวห้ ลากหลาย โดยแบ่งออกเป็ นสองส่วน คือ การจดั เก็บสารสนเทศ (Information storage) และการคน้ คืนสารสนเทศ (information retrieval) การจัดเก็บสารสนเทศเป็ นคาท่ีเกิดข้ึนควบคู่กับสถาบันบริการสารสนเทศในอดีต มีความหมาย ครอบคลุมการจดั ทาโครงสร้างและควบคุมบรรณานุกรม เป็ นการจดั ระบบโดยวเิ คราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ จดั หมวดหมู่และทาบตั รรายการ บรรณานุกรม ดรรชนี สาระสงั เขป ควบคุมบรรณานุกรม การคน้ คืนสารสนเทศ ในอดีตเป็ นงานบริการช่วยผใู้ ชค้ น้ หาทรัพยากรสารสนเทศ (information search) หรือ บอกใหผ้ ูใ้ ชร้ ูแ้ หล่งจดั เก็บ สารสนเทศ งานคน้ คืนสารสนเทศจึงเป็ นงานคน้ หาและช่วยผใู้ ชค้ น้ แนะนาและสอนผูใ้ ช้ อานวยความสะดวก ต่างๆ ใหผ้ ใู้ ชไ้ ดร้ บั ทรพั ยากรสารสนเทศตามความตอ้ งการ การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศในงานบริการสารสนเทศเมื่อปริมาณสารสนเทศเพม่ิ มากข้ึนอยา่ งมากมาย มหาศาล ทาใหล้ กั ษณะงานของสถาบนั บริการสารสนเทศปรับเปล่ียนไป สถาบนั บริการสารสนเทศไม่มุ่งจดั เก็บ ทรัพยากรสารสนเทศมารวบรวมไวแ้ ต่เน้นการคดั เลือกและหาแหล่งเพ่ือการเขา้ ถึง ใช้คอมพิวเตอร์จดั ทา เคร่ืองมือช่วยคน้ ควา้ ในลกั ษณะฐานะขอ้ มูลต่างๆ และใชค้ น้ คืนใหบ้ ริการ รวมท้งั เชื่อมโยงการคน้ ไปยงั แหล่ง ต่างๆ ได้ การจดั เก็บและการคน้ คืนสารสนเทศ จึงมีความหมายถึง การจดั เก็บและการคน้ คืนสารสนเทศใน ขอบเขตท่ีกวา้ ง คอื ท้งั ก่อนและหลงั การประดิษฐค์ อมพวิ เตอร์ข้นึ ความหมายของการจดั เกบ็ และการคน้ คนื สารสนเทศในทางทฤษฎีและปฏบิ ตั ิดงั น้ี การจัดเก็บสารสนเทศ หมายถึง การจดั โครงสร้างและควบคุมทางบรรณานุกรมโดยใชค้ อมพวิ เตอร์ ดว้ ยวธิ ีการทารายการและขอ้ มูล บรรณานุกรมในลักษณะเก็บขอ้ มูลเขา้ แฟ้มขอ้ มูล จดั เตรียมแฟ้ม รวมไปถึงการจดั ทาส่ือจดั เก็บขอ้ มูลลกั ษณะ
ตา่ งๆ และฐานขอ้ มูลเพอ่ื การคน้ หาและคน้ คืนสารสนเทศ การจดั เก็บซ่ึงรวมท้งั การจดั หา/ไดร้ ับสารสนเทศหรือสามารถระบุทรัพยากรสารสนเทศท่ี อยใู่ นแหล่ง จดั เก็บ โดยใชป้ ้ายระบุขอ้ มูลหรือชื่อเขตขอ้ มูลหรือแท็ก (tag) คาแทนสาระเพอื่ การคน้ คืนทรัพยากรสารสนเทศ การจดั เกบ็ ทรัพยากรสารสนเทศและการทาป้ายระบุขอ้ มูลในวธิ ีการท่ีจะใชป้ ระโยชนเ์ พอื่ การคน้ คืนสารสนเทศ ท้งั เพอ่ื สามารถระบุไดว้ า่ มีทรัพยากรอะไร จดั เก็บไวใ้ นแหล่งใดของสถาบนั ทรัพยากรใดเก็บไวใ้ นแหล่งเดียวกนั หรือตา่ งแหล่ง การค้นคืนในระบบค้นคืนสารสนเทศ เป็ นท้งั การดึงหรือคน้ เอกสารยอ้ มหลงั ท่ีจดั เก็บไวต้ ามหัวขอ้ ที่ ต้องการ (retrospective searching) การคน้ ตามหัวขอ้ ความสนใจและความต้องการของผู้ใช้จากทรัพยากร สารสนเทศท่ีเขา้ มาใหม่ทุกคร้ัง (routing) หรือการคน้ ให้ผใู้ ชเ้ พื่อบริการสารสนเทศทนั สมยั (current awareness service) การค้นเอกสารผู้ค้นทาการค้นจากเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรงหรือเคร่ืองที่เชื่อมโยงเข้าระบบ คอมพิวเตอร์ที่ใชโ้ ปรแกรมจดั เก็บและคน้ คืนสารสนเทศ รวมท้งั เชื่อมสู่อินเทอร์เน็ต ท้งั น้ีเพื่อการใชป้ ระโยชน์ ตา่ งๆ ของผใู้ ช้ การเข้าถึง (access) เป็ นวิธีการท่ีผูใ้ ช้สามารถค้น ค้นหา ค้นคืน และได้รับสารสนเทศที่ต้องการ สารสนเทศทเี่ ขา้ ถึงเป็นทรพั ยากรสารสนเทศทสี่ ถาบนั บริการสารสนเทศและแหล่งต่างๆ จดั ไวบ้ ริการผใู้ ช้ การค้นหา (searching) เป็ นการป้อนคาส่ังโดยผูค้ น้ เตรียมประโยคคาคน้ ไวแ้ ล้ว และปฏิสัมพนั ธ์กับ ระบบคน้ คนื และพจิ ารณาผลทไ่ี ดร้ ับ ซ่ึงเป็นข้นั ตอนในกระบวนการคน้ หา (searching process) การสารวจเลือกดู (browsing) เป็นการปฏสิ มั พนั ธใ์ นลกั ษณะตรวจสอบดูเอกสารและทาการเลือกเพอ่ื หา รายการสารสนเทศที่ตนสนใจ หรือเป็ นการดูสารสนเทศทวั่ ไป หรือภาพรวมของรายการตามหัวขอ้ ท่ีเป็ น จดุ มุ่งหมาย สรุปการจดั เก็บและการค้นคืนสารสนเทศ เป็ นกระบวนการท้งั การคดั เลือกควบคุมโครงสร้างสารสนเทศ การจดั หา การจดั เก็บสารสนเทศเพอื่ การเขา้ ถึงและกระบวนการสาคญั ใดๆ ในการแสวงหาทรัพยากรสารสนเทศ ซ่ึงครอบคลุมการค้นหา การดึงสารสนเทศท่ีเขา้ เร่ือง เร่ืองใดเรื่องหน่ึงโดยเฉพาะจากแหล่งต่างๆ ท้งั แหล่ง จดั เก็บภายในและแหล่งภายนอก เพือ่ ใหผ้ ใู้ ชไ้ ดร้ ับสารสนเทศหรือรายการทรัพยากรสารสนเทศ ซ่ึงบรรจุเน้ือหา ตรงตามตอ้ งการ และในการบริการจะนาส่งใหผ้ ูใ้ ชอ้ ยา่ งรวดเร็วทนั การณ์ ท้งั น้ีการจดั เก็บและคน้ คืนสารสนเทศ เป็นระบบท่ีจดั ทาท้งั ดว้ ยแรงงานคนและดว้ ยคอมพวิ เตอร์ ความสาคญั ของการจดั เกบ็ และการค้นคนื สารสนเทศ สงั คมสารสนเทศ (information age) เก่ียวขอ้ งโดยตรงกบั พฒั นาการของเทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์และการ ส่ือสารในการจดั บริการสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ จากภาวะการเพมิ่ ปริมาณสารสนเทศอยา่ งรวดเร็วท่วมทน้ (information explosion) ซ่ึงเป็ นผลของการทุ่มเทวิจยั และพฒั นาความกา้ วหน้าและขยายตวั ทางการศึกษาใน ระดับสูง มีสารสนเทศผลิตออกมาหลายสาขาวิชาท้ังสาขาวิชาใหญ่และสาขาวิชายอ่ ย วิชาการความรู้ทาง วทิ ยาศาสตร์มีปริมาณเพม่ิ ข้ึนอยา่ งมากมายหลายรูปแบบ อาทิ ไมโครฟิ ล์ม ภาพยนตร์ เทปบนั ทึกเสียง วีดิทศั น์ และส่ือคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงตอ้ งใชเ้ ครื่องมือในการเขา้ ถึง อ่านและใชส้ ารสนเทศสารสนเทศที่ผลิตจากแหล่งต่างๆ กนั ประเทศในยโุ รป อเมริกา เอเชียใชภ้ าษาต่างๆ กนั เป็ นอุปสรรคแก่ผใู้ ช้ สารสนเทศเรื่องเดียวกนั มีการผลิต
ซ้าซอ้ นหลายรูปแบบ เป็นมลพษิ ทางสารสนเทศ เหล่าน้ีเป็นปัญหาในการเขา้ ถึงและเขา้ ใชส้ ารสนเทศ การเขา้ ถึง สารสนเทศท่ีดีมีคุณภาพจาเป็ นตอ้ งมีการคดั เลือกดาเนินการ มีการลงทุนเสียค่าใชจ้ า่ ย ซ่ึงเป็ นหน้าทข่ี องสถาบนั บริการสารสนเทศ 1. ความสาคญั ของการจัดเกบ็ และการค้นคนื สารสนเทศต่อสถาบันบริการสรสนเทศ การจดั เกบ็ และการ คน้ คืนสารสนเทศมีความสาคญั ต่อสถาบนั บริการสารสนเทศในดา้ นต่างๆ ดงั น้ี 1) เป็ นตวั กลางเชื่อมโยงระหวา่ งผผู้ ลิตสารสนเทศและแหล่งทรัพยากรสารสนเทศกบั ผตู้ อ้ งการใชส้ ารสนเทศ 2) ก่อใหเ้ กิดการส่งเสริมในการถ่ายโอนและไหลของสารสนเทศเป็ นไปอยา่ งมีประ สิทธิภาพระหว่างผูต้ อ้ งการใชส้ ารสนเทศกบั แหล่งทรัพยากรสารสนเทศ และมีบทบาทสาคญั ในการตอบสนอง ความตอ้ งการใชส้ ารสนเทศ 3) เป็ นการกลน่ั กรองสารสนเทศในช่องทางถ่ายโอนสารสนเทศที่เป็นทางการ ซ่ึง ช่วยคดั เลือกตรวจสอบทรพั ยากรสารสนเทศเพอื่ ใหผ้ ใู้ ชไ้ ดร้ บั และใชส้ ารสนเทศท่ีมีคุณภาพ 4) เป็ นงานหลกั ท่เี ช่ือมโยงระบบบริการต่างๆ และระบบงานของสถาบนั บริการสาร สนเทศ เช่น ระบบยืมคืนสารสนเทศ ระบบจดั ทาสาเนาเอกสารเพ่ือส่งเสริมให้เกิดการใช้สารสนเทศให้เกิด ประสิทธิภาพสูงสุด 5) ช่วยใหผ้ ใู้ ชไ้ ดร้ บั สารสนเทศที่ถูกตอ้ ง โดยการคน้ คืนตรงตามความตอ้ งการและ ทนั ตอ่ เวลา เพอื่ การใชป้ ระโยชนต์ า่ งๆ ตามนโยบายและวตั ถุประสงคข์ องสถาบนั บริการสารสนเทศ 2. ความสาคญั ของการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศต่อผู้ใช้ การจดั เก็บและการคน้ คืนสารสนเทศมี ความสาคญั ต่อผใู้ ชใ้ นการขจดั ปัญหาต่างๆ ในการเขา้ ถึงสารสนเทศ ระบบที่จดั ทาข้ึนมุ่งช่วยสร้างความคิดแก่ ผูใ้ ช้ในการเข้าถึงงานของผูเ้ ขียน เป็ นการสร้างความคิดให้ตรงกับแนวคิดท่ีผูเ้ ขียนได้เสนอไวใ้ นทรัพยากร สารสนเทศเพอ่ื ประโยชนข์ องผใู้ ช้ ดงั น้ี 1) เปิ ดโอกาสใหผ้ ใู้ ชเ้ ขา้ ถึงทรพั ยากรสารสนเทศทุกประเภท ท้งั ภายในสถาบนั บริการสารสนเทศและแหล่งทรพั ยากรทว่ั โลกไดอ้ ยา่ งเสรี ภายใตข้ อ้ กาหนดของกฎหมายในเรื่องสิทธิของการใช้ สารสนเทศ 2) ใหค้ วามสาคญั แก่ผใู้ ชป้ ระเภทต่างๆ โดยจดั ใหม้ ีวธิ ีการและเคร่ืองมืออานวยความ สะดวก เครื่องมือการคน้ คืนที่เหมาะสม เพ่ือให้ผูใ้ ชค้ น้ คืนไดด้ ้วยตนเองหรือโดยผา่ ยผูใ้ ห้บริการ ซ่ึงมีหน้าที่ ช่วยเหลือแนะนาและคน้ คืนสารสนเทศใหแ้ ก่ผใู้ ช้ 3) มีการพฒั นารูปแบบการดาเนินงานจดั เกบ็ และการคน้ คนื สารสนเทศ โดยเฉพาะ ในยคุ ท่มี ีความเปลี่ยนแปลงดา้ นเทคโนโลยตี ่างๆ เพอื่ ใหเ้ กิดความรวดเร็วท้งั วธิ ีการจดั หา จดั เก็บ และการคน้ คืน สารสนเทศ ท้งั น้ีเพอ่ื เกิดประโยชน์ตอ่ ผใู้ ช้ 4) ช่วยใหผ้ ใู้ ชไ้ ดร้ ับสารสนเทศทถี่ ูกตอ้ ง ตรงตามความตอ้ งการเพอ่ื นาไปใช้ ประโยชนต์ ่างๆ ท้งั ในชีวติ ประจาวนั ในการศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั ในการปฏบิ ตั ิงาน บริหารงาน หรือตอบสนองความ สนใจตา่ งๆ
5) สนบั สนุนผใู้ ชใ้ ห้ สามารถประเมิน แยกแยะ ทาความเขา้ ใจ เชื่อมโยงความคิด ของสารสนเทศเพื่อการเลือกสรร ศึกษา แสวงหา ติดตามสารสนเทศไดด้ ้วยตนเองเป็ นผูเ้ รียนแบบพ่ึงตนเอง ตลอดไป ทฤษฎพี ื้นฐานและการประเมนิ ระบบจดั เก็บและการค้นคนื สารสนเทศ ทฤษฎีพ้ืนฐานในการจดั เก็บและคน้ คืนสารสนเทศให้ความรู้เก่ียวกบั แนวคิดพ้ืนฐานเก่ียวกับระบบ จดั เก็บและคน้ คืนสารสนเทศและตวั แบบพฤติกรรมสารสนเทศ แนวคิดพ้ืนฐานพจิ ารณาการจดั เกบ็ และการคน้ คนื สารสนเทศในเชิงระบบ กล่าวถึงองคป์ ระกอบสาคญั ของระบบจดั เก็บและคน้ คนื สารสนเทศ ไดแ้ ก่ ทรัพยากร สารสนเทศ ฐานขอ้ มูล และผใู้ ช้ ตวั แบบพ้นื ฐานในการจดั เก็บและคน้ คืนสารสนเทศ การจดั เก็บและการคน้ คืน เป็ นระบบในเชิงจุลภาคคือระบบคน้ คืนสารสนเทศ ประกอบดว้ ย ขอ้ มูลนาเขา้ การประมวลผล ผลลพั ธ์ และ ขอ้ มูลป้อนกลบั ทาหนา้ ท่ีสาคญั คอื วเิ คราะห์เน้ือหาเอกสาร วเิ คราะห์ความตอ้ งการของผใู้ ช้ และจบั คูโ่ ดยมีระบบ ยอ่ ย 6 ระบบร่วมกนั ทางานต่างๆ ตวั แบบพฤตกิ รรมสารสนเทศเป็ นตวั แบบที่อธิบายพฤติกรรมสารสนเทศท้งั ใน เชิงที่มา ไดแ้ ก่ ความตอ้ งการสารสนเทศ และในเชิงพฤติกรรมคือกิจกรรมต่างๆ คอื การคน้ หา การถ่ายโอน และ การใชส้ ารสนเทศ การประเมินระบบจดั เก็บและคน้ คนื สารสนเทศ เป็ นเรื่องของแนวคิดเกี่ยวกบั การประเมินระบบจดั เก็บ และคน้ คืนสารสนเทศ ข้นั ตอนต่างๆ ในการประเมินระบบต้งั แต่การกาหนดขอบเขตการประเมินจนถึงการ ปรับปรุงแกไ้ ขระบบและการวจิ ยั ทส่ี าคญั ในระยะเวลาตา่ งๆ เทคโนโลยี และมาตรฐานในการจัดเก็บและการค้นคนื สารสนเทศ เทคโนโลยที ่ีใชใ้ นการจดั เก็บและการคน้ คืนสารสนเทศ คือ ฮาร์ดแวร์ ซอฟตแ์ วร์ ฐานขอ้ มูลและการ ส่ือสาร จาแนกเป็ นเทคโนโลยที ี่ใช้ในการบันทึก จดั เก็บ และแสดงผล เทคโนโลยีในการคน้ คืนสารสนเทศ เก่ียวกับดรรชนีคาค้น เทคนิคการค้นคืน และการเลือกฐานขอ้ มูล เครือข่ายอินเทอร์เน็ต และการค้นคืน สารสนเทศ การประยกุ ตเ์ ทคโนโลยไี ฮเปอร์มีเดียในการคน้ คนื สารสนเทศ มาตรฐานสาคญั ในการจดั เก็บและการคน้ คืนสารสนเทศ เป็ นเรื่องเกี่ยวกบั ประเภท ความสาคญั และ องคก์ ารที่เก่ียวกบั มาตรฐานในการจดั เก็บและการคน้ คืนสารสนเทศ ประเภทของมาตรฐานมุ่งเน้นมาตรฐานท่ี นามาใชใ้ นการทางานดา้ นต่างๆ ท้งั ในการสื่อสารขอ้ มูล การจดั เก็บและการคน้ คืนรูปแบบต่างๆ และมาตรฐาน เฉพาะแตล่ ะงาน การค้นหาและค้นคืนสารสนเทศ การคน้ หาและคน้ คืนสารสนเทศมีพฒั นาการการคน้ หาด้วยระบบมือมาเป็ นค้นคืนสารสนเทศด้วย คอมพิวเตอร์ กระบวนการคน้ หาสารสนเทศมีข้นั ตอนต่างๆ ต้งั แต่ทาความเขา้ ใจความตอ้ งการของผูใ้ ชจ้ นถึง คน้ หาและพมิ พผ์ ลลพั ธ์ กลยทุ ธใ์ นการคน้ คืนสารสนเทศที่สาคญั คือการสมั ภาษณ์ การวเิ คราะห์ คาถาม และใช้ การเทคนิคการคน้ คนื ใชศ้ พั ทบ์ งั คบั ศพั ทไ์ ม่ควบคุมหรือภาษาธรรมชาติ และคาสง่ั ท่จี าเป็ นตา่ งๆ ตวั แบบการคน้ คืนสารนเทศ เช่น ตวั แบบบเู ลียน ตวั แบบความเป็ นไปได้ และตวั แบบอื่นๆ การคน้ คืนสารสนเทศออนไลน์และการคน้ คืนสารสนเทศจากมลั ติมีเดีย เป็ นการคน้ คืนจากฐานขอ้ มูล
ดิจิทลั โดยใชเ้ ทคโนโลยคี อมพิวเตอร์และเทคโนโลยโี ทรคมนาคมเป็ นอุปกรณ์ช่วยการคน้ มีพฒั นาการ และ องคป์ ระกอบของการคน้ คืนจากฐานขอ้ มูลออนไลน์ ฐานขอ้ มูลออนไลนน์ อกจากให้ขอ้ มูลบรรณานุกรม ยงั ให้ บริการข้อมูลเน้ื อหาเต็ม ตลอดจนภาพกราฟิ ก ส่วนฐานข้อมูลมัลติมีเดีย สารสนเทศที่เป็ น ภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว และเป็นการคน้ คนื สารสนเทศไฮเปอร์เทก็ ซท์ การคน้ คืนสารสนเทศในยคุ ดิจิทลั มีการศึกษาวิจยั เพื่อพฒั นาระบบคน้ คืนสารสนเทศ โดยประยกุ ต์ ศาสตร์ดา้ นปัญญาประดิษฐ์ การรวบรวม ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ การแทนความรู้และประสบการณ์ เพ่ือนาไปประมวลเพ่ือทางานลกั ษณะใชป้ ัญญาเพือ่ แกป้ ัญหาไดใ้ กล้เคียงกบั มนุษยม์ ากท่ีสุด ขอบเขตงานวจิ ยั เกี่ยวกบั ระบบผเู้ ชี่ยวชาญ ระบบประมวลภาษาธรรมชาติ โปรแกรมตวั แทนอจั ฉริยะ โดยเฉพาะท่ใี ชใ้ นงานคน้ คืน สารนเทศ งานวิจยั ระบบการคน้ คืนสารสนเทศหลายภาษา ระบบคน้ คืนสารสนเทศจากการอา้ งอิง การคน้ คืน สารสนเทศที่ผนวกผลป้อนกลบั ดา้ นความสัมพนั ธ์กบั เน้ือหาและส่วนต่อประสานผูใ้ ช้แบบวชิ วลไลเซชนั ใน ระบบคน้ คืนสารสนเทศ กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้ันตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนกั เรียน 1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน (20 นาที ) 1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน (20 นาที ) 6. ผสู้ อนช้ีแจงเรื่องที่จะศกึ ษาและจุดประสงค์ 6. ผูเ้ รียนฟังผูส้ อนช้ีแจงเร่ืองที่จะศึกษาและ เชิงพฤตกิ รรมประจาหน่วยท่ี 3 เรื่องการสืบคน้ ขอ้ มูล จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมประจาหน่วยท่ี 3 เร่ืองการ สารสนเทศ สืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ 7. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 7. ผเู้ รียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 3 หน่วยที่ 3 2. ข้นั ให้ความรู้ (460 นาที) 2. ข้ันให้ความรู้ (460 นาที ) 5. ผสู้ อนเปิ ด PowerPoint หน่วยท่ี 3 เร่ืองการ 5. ผเู้ รียนศึกษา PowerPoint หน่วยที่ 3 เร่ือง การ สืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ สืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ 6. ผูส้ อนอธิบายเน้ือหาในหน่วยเรียนท่ี 3 6. ผเู้ รียนฟังผสู้ อนอธิบายเน้ือหาในหน่วยเรียน เรื่อง การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ ที่ 3 เร่ือง การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ
กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนกั เรียน 3. ข้นั ประยกุ ต์ใช้ ( 450 นาที ) 3. ข้นั ประยุกต์ใช้ ( 450 นาที ) 9. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รียนทาแบบฝึกหดั หน่วยท่ี 3 9. ผเู้ รียนทาแบบฝึกหดั หน่วยที่ 2 10.ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทากิจกรรมนาสู่อาเซียน 10.ผเู้ รียนทากิจกรรมนาสู่อาเซียน หน่วยที่ 3 หน่วยท่ี 3 11.ผู้สอนให้ผู้เรียนทากิจกรรมบูรณ าการ 11.ผเู้ รียนทากิจกรรมบูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี ง 12.ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทากิจกรรมบูรณาการจิต 12.ผเู้ รียนทากิจกรรมบูรณาการจิตอาสา หน่วยที่ อาสา หน่วยที่ 3 3 4. ข้ันสรุปและประเมินผล ( 30 นาที ) 4. ข้นั สรุปและประเมินผล ( 30 นาที ) 5. ผสู้ อนและผูเ้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือในหน่วย 5. ผู้เรียนและผู้สอนร่วมกันสรุปเน้ื อหาใน เรียนที่ 3 เร่ือง การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ หน่วยเรียนที่ 3 เรื่อง การสืบคน้ ขอ้ มูลสารสนเทศ 6. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทาแบบทดสอบหลังเรียน 6. ผเู้ รียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 3 หน่วยที่ 3 (บรรลจุ ดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-9) (บรรลจุ ุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-9)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208