6. กจิ กรรมการเรียนรู้ 6.1 ให้นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครูใชค้ ำถามท้าทาย ดังน้ี - ถ้าในโลกนี้กำหนดให้มีดนตรีได้ 1 ชิ้น นักเรียนจะเลือกเครื่องดนตรีชนิดใดไว้บนโลก เพราะอะไร 6.2 ให้นักเรียนชมการบรรเลงเดี่ยวดนตรีของนักดนตรี แล้ววิเคราะห์รูปแบบและเทคนิคการบรรเลง ของผ้บู รรเลง จากน้ันออกมานำเสนอท่ีหนา้ ช้นั เรียน 6.3 ให้นักเรียนยกตัวอย่างนักดนตรีเดี่ยวที่มีรูปแบบและเทคนิคในการบรรเลงดนตรีท่ีโดดเด่นและมี เอกลักษณ์ แตกต่างจากนักดนตรีคนอื่น ๆ อธิบายรูปแบบหรือเทคนิคที่นักดนตรีคนน้ันใช้ จากนั้นอภิปราย แสดงความคดิ เห็นว่าเทคนคิ ในการบรรเลงดนตรี มคี วามสำคัญกบั ความสำเร็จของนกั ดนตรอี ยา่ งไร 6.4 ให้นักเรียนศึกษาเทคนิคและการแสดงออกในการบรรเลงดนตรีเด่ียว จากหนังสือเรยี นหรือแหล่ง การเรียนรู้อนื่ จากน้ันรว่ มกันอภปิ รายสรุปความรู้ 6.5 ให้นักเรียนเลือกเครื่องดนตรีท่ีตนเองชื่นชอบหรือถนัด 1 ชนิด ฝึกบรรเลงดนตรีเด่ียว 1 บทเพลง โดยใช้เทคนิคและการแสดงออกในการบรรเลงดนตรีเด่ียว แล้วออกมาแสดงหน้าช้ันเรียนทีละคน ครูประเมนิ ผลการบรรเลงลงในแบบประเมนิ แบบประเมนิ ผลงานการบรรเลงดนตรเี ดย่ี ว รายการประเมนิ ขน้ั ดีเย่ยี ม ข้นั ดี ขั้นพอใช้ ข้ันปรบั ปรงุ (2 คะแนน) (1.5 คะแนน) (1 คะแนน) (0.5 คะแนน) 1. เหตผุ ลในการเลอื กเครื่องดนตรี 2. เทคนิคในการเล่น 3. จงั หวะและทำนอง 4. ลีลาในการบรรเลง 5. ความม่นั ใจในการเล่น คะแนนเต็ม 10 คะแนน รวมคะแนน......................คะแนน ลงชือ่ ผู้ประเมิน...............................................
6.6 ให้นกั เรยี นบันทกึ ผลการบรรเลงเดี่ยวดนตรีลงในแบบบันทกึ ดงั ตวั อย่าง แบบบนั ทกึ ผลการบรรเลงดนตรี 1. เพลงท่บี รรเลง คือ ..................................................................................................................... 2. นักเรียนบรรเลงเคร่อื งดนตรีอะไร............................................................................................... 3. นักเรยี นบรรเลงเปน็ อยา่ งไร........................................................................................................ .............................................................................................. ..................................................... 4. นักเรยี นจะปรับปรุงแก้ไขการบรรเลงดนตรีของตนเองอย่างไร .......................................................................................... ......................................................... .............................................................................................................................. ..................... 5. นกั เรียนมีเทคนิคในการบรรเลงดนตรีอยา่ งไร............................................................................. ............................................................................................................................. ...................... .6...7 นักเรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดังน้ี - การบรรเลงดนตรีเด่ียวเป็นการแสดงความสามารถทั้งจงั หวะ ทำนอง ฝีมือ ผู้บรรเลง ซงึ่ ตอ้ งมีความแม่นยำในตวั โนต้ มเี ทคนิคในการบรรเลง จะทำใหบ้ รรเลงบทเพลงไดถ้ ูกต้อง ไพเราะ 7. ส่ือ/นวัตกรรม/แหล่งเรียนรู้ 7.1 หนังสือเรยี น ดนตรี-นาฏศิลป์ ม.3 7.2 อนิ เทอร์เน็ต 7.3 Power Point 8. ช้นิ งานหรือภาระงาน - ฝึกการขบั รอ้ ง โดยใชเ้ ทคนิคและการบรรเลงดนตรเี ดี่ยว 9. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ 9.1 วธิ ีการวัดและประเมินผล - สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม - สังเกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมุ่งม่นั ในการทำงาน - ประเมนิ ผลงานการบรรเลงดนตรีเดย่ี ว 9.2 เคร่อื งมือ - แบบสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรม - แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ - แบบประเมนิ ผลงานการบรรเลงดนตรเี ดย่ี ว
9.3 เกณฑ์การประเมนิ 9.3.1 การประเมนิ ผลตัวชี้วดั ให้ครูประเมินการสร้างสรรค์ผลงานการร้องเพลงของนักเรียน โดยเขียนคะแนนลง ในแบบประเมนิ แบบประเมนิ ผลงานการบรรเลงดนตรเี ดี่ยว รายการประเมนิ ขั้นดเี ยย่ี ม ขนั้ ดี ขน้ั พอใช้ ข้นั ปรบั ปรุง (2 คะแนน) (1.5 คะแนน) (1 คะแนน) (0.5 คะแนน) 1. เหตผุ ลในการเลอื กเคร่ืองดนตรี 2. เทคนคิ ในการเลน่ 3. จังหวะและทำนอง 4. ลีลาในการบรรเลง 5. ความม่ันใจในการเลน่ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดับคะแนน ระดบั คุณภาพ 9 – 10 ดเี ย่ยี ม 7–8 ดี 5–6 พอใช้ 1–4 ควรปรับปรุง 9.3.2 การประเมนิ พฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรม ผา่ นต้ังแต่ 2 รายการ ถอื วา่ ผ่าน ผ่าน 1 รายการ ถอื ว่า ไม่ผา่ น 9.3.3 การประเมินผลคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ - มงุ่ มน่ั ในการทำงาน ตัวช้ีวัดท่ี 6.2 ทำงานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพ่ือให้งานสำเร็จตาม เปา้ หมาย พฤติกรรมบง่ ช้ี ไมผ่ ่าน (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดีเยยี่ ม (3) 1. ทมุ่ เททำงาน อดทน ไม่ขยัน อดทน ใน ทำงานด้วยความ ทำงานด้วยความ ทำงานด้วยความ ไมย่ อ่ ทอ้ ตอ่ ปญั หาและ การทำงาน ขยนั อดทน ขยัน อดทน ขยัน อดทน อุปสรรคในการทำงาน พยายามให้งาน ไม่ยอ่ ทอ้ ตอ่ ปญั หา ไมย่ อ่ ท้อตอ่ ปัญหา
พฤติกรรมบ่งชี้ ไมผ่ ่าน (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดีเยี่ยม (3) 2. พยายามแกป้ ญั หา สำเรจ็ ตาม ในการทำงาน พยายามแกป้ ญั หา และอุปสรรคในการ เป้าหมาย พยายามให้งาน อปุ สรรคในการ ทำงานให้สำเรจ็ สำเร็จตาม ทำงาน ให้งาน 3. ชน่ื ชมผลงานด้วย เปา้ หมาย ช่ืนชม สำเรจ็ ตาม ความภาคภูมใิ จ ผลงานด้วยความ เปา้ หมายภายใน ภาคภมู ใิ จ เวลาทีก่ ำหนด ชื่นชมผลงานดว้ ย ความภาคภูมิใจ 9.4 การประเมินสมรรถนะสำคัญ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคแ์ ละทกั ษะศตวรรษท่ี 21 (การเรียนรู้ 3Rs x 8Cs) ประเดน็ การประเมนิ แหลง่ เรยี นรู้ วิธวี ัด เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การให้ การสนทนา คะแนน ทักษะด้านการคิดอย่าง ซักถาม - ประเมินผลงาน - แบบประเมนิ ผล มวี จิ ารณญาณและ แลกเปลยี่ นเรียนรู้ - สังเกตพฤติกรรม งาน - ร้อยละ 60 ผ่าน ทกั ษะในการแก้ไข การทำงาน - แบบสังเกต เกณฑ์ ปญั หา (Critical การสร้างสรรค์ รายบุคคล พฤติกรรมการ - ระดบั คุณภาพ 2 Thinking and ชน้ิ งาน ทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ Problem Solving) - ประเมินผลงาน ทักษะดา้ นการ - การเขา้ รว่ ม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ ผล - รอ้ ยละ 60 ผา่ น สรา้ งสรรค์ และ กจิ กรรม การทำงาน งาน เกณฑ์ นวัตกรรม (Creativity - การสนทนา รายบคุ คล - แบบสงั เกต - ระดับคณุ ภาพ 2 and Innovation) ซักถาม พฤติกรรมการ ผ่านเกณฑ์ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สังเกตความมีวนิ ัย ทำงานรายบุคคล ทักษะดา้ นความเขา้ การใชส้ ารสนเทศ ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งมน่ั ใน แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 ใจความต่างวัฒนธรรม และเทคโนโลยี การทำงาน และ คณุ ลกั ษณะอันพึง ผา่ นเกณฑ์ ต่างกระบวนทัศน์ รักความเปน็ ไทย ประสงค์ (Cross-cultural ระดับคุณภาพ 2 Understanding) - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์ ทักษะด้านการสอื่ สาร การทำงาน พฤติกรรมการ สารสนเทศและรู้เท่า
ประเด็นการประเมิน แหลง่ เรียนรู้ วธิ ีวดั เครื่องมอื วดั เกณฑ์การให้ รายบุคคล ทำงานรายบคุ คล คะแนน ทันส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy) 10. แนวทางการนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 10.1 ผู้สอนนำหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้ในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ หลกั พอเพยี ง ความพอประมาณ มีเหตุผล มภี มู ิค้มุ กนั ในตวั ท่ีดี ประเดน็ วิเคราะหห์ ลักสูตร เนอื้ หา เลือกเรื่องท่สี อนให้ เพอื่ ใหก้ ารจัดกจิ กรรมการ ออกแบบ และจัดกิจกรรม สอดคล้องกับท้องถน่ิ เรียนรู้ครอบคลุมตาม เนือ้ หา ใหส้ อดคล้องกับมาตรฐาน และผเู้ รียน เพื่อใหเ้ ห็น จดุ ประสงค์ ตวั ชว้ี ดั และบริบทของ ความสำคญั ของการ ทอ้ งถนิ่ อนุรกั ษ์ภูมิปัญญา จดั การเรียนรู้เหมาะสม จัดการเรียนรูไ้ ดต้ าม เพือ่ ให้การจัดกจิ กรรมการ เวลา เพียงพอกับเวลาท่ีกำหนดไว้ กระบวนการ ครบถว้ น เรียนรู้ไดค้ รบตาม ตามทีว่ างแผนไว้ จดุ ประสงคท์ ี่กำหนดไว้ นกั เรียนปฏบิ ตั ิตาม เพื่อใหน้ ักเรียนนำความรู้ 1. เพอื่ ให้นักเรียนได้ กจิ กรรม และเกิดการ ท่ไี ด้ไปปฏิบัติ แลกเปลย่ี นเรียนรู้ และ เรียนรู้ดว้ ยตนเอง แสดงศักยภาพของตนเอง วิธกี ารจัดกจิ กรรม เพอื่ ให้เกดิ ความภาคภมู ิใจ 2. เพอื่ ตรวจสอบศกั ยภาพ ของนักเรียนเป็นรายบคุ ล สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรง ตามความสามารถ กำหนดภาระงาน/ชน้ิ งาน เพื่อส่งเสริมให้ผ้เู รียน เตรียมวิธปี อ้ งกัน และ แหลง่ เรียนรู้ ในการทำผลติ ภัณฑ์ ใฝ่เรยี นรู้ และสง่ เสรมิ การ แกป้ ัญหาจากการปฏิบัติ ทอ้ งถ่นิ ได้เหมาะสมกับ ใช้เทคโนโลยี และภมู ิ กจิ กรรม จุดประสงคแ์ ละวัยผเู้ รียน ปญั ญาท้องถิน่
หลกั พอเพียง ความพอประมาณ มเี หตผุ ล มภี ูมิคุ้มกันในตัวทดี่ ี ประเด็น 1. จัดเตรียมใบความรู้และ 1. ออกแบบการเรยี นรู้ เตรียมแผนการจัดการ ใบงานทเ่ี หมาะสมกบั เพอ่ื ใหเ้ ห็นคุณค่าของ เรยี นรู้ หรอื สอื่ สำรอง เนือ้ หาท่ีสอน และความ ภมู ิปัญญาท้องถิน่ เพอื่ รองรบั กรณีท่ีมกี าร ส่อื /อปุ กรณ์ สนใจของผเู้ รียน 2. นกั เรยี นไดร้ ับประสบ เปลี่ยนแปลง 2. จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ การณต์ รงในการเรียนรู้ เหมาะสมกบั วยั ของผู้เรยี น และเกดิ ความภาคภมู ใิ จ ในความสามารถของ ตนเอง การประเมนิ ผล ประเมินตามสภาพจริงของ เพื่อส่งเสรมิ และพฒั นา เตรียมวธิ ีการประเมินให้ ผ้เู รยี น ผ้เู รียนได้เต็มศักยภาพ เหมาะสมกบั ผูเ้ รียน ความรู้ทคี่ รู - มคี วามรู้ในหลักสูตร เนือ้ หาสาระ ไดแ้ ก่ ความรู้พืน้ ฐานเก่ียวกับดนตรี จำเป็นตอ้ งมี - หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง - ใชห้ ลกั ความยุตธิ รรม มคี วามรบั ผดิ ชอบ มีวินยั ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ - ปฏิบัติหน้าท่ีด้วยความซอื่ สัตย์ ขยนั หมัน่ เพียร อดทน มีจติ สาธารณะ และ คุณธรรมของครู ใช้สติปัญญาในการจัดการเรยี นรู้ - จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ที่ไม่เบยี ดเบยี นตนเองและผู้อน่ื ไม่ทำลายธรรมชาติ และ สงิ่ แวดล้อม และไมส่ ร้างความแตกแยกในสังคม ชมุ ชน - มคี วามคดิ ริเร่มิ สร้างสรรค์เพ่อื พฒั นาผู้อ่ืน และตนเองให้เปน็ คนดีของสงั คม 10.2 ผลทเ่ี กิดข้ึนกับผูเ้ รยี นสอดคลอ้ งกับหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง จากการจัดกจิ กรรม การเรียนรู้ 1) ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรหู้ ลกั คิด และฝึกปฏบิ ัติ ตาม 3 ห่วง 2 เง่ือน ดงั นี้ ความพอประมาณ มเี หตุผล มีภมู คิ ุ้มกันในตวั ท่ีดี นักเรียนมีพื้นฐานในการวดั และ นกั เรยี นวเิ คราะห์ และตัดสินใจ นักเรยี นนำความรทู้ ี่ได้จากการ ประเมินผล ในการร่วมกจิ กรรมระหวา่ งเรียน ปฐมนเิ ทศพ้นื ฐานเพื่อประกอบ การตดั สินใจ การทำกิจกรรม ความรู้ - นกั เรยี นทราบรายละเอยี ดในการวัดผล และประเมนิ ผลรายวิชา ศลิ ปะ 5 (ศ23101) คุณธรรม - นกั เรยี นมีวินยั ซื่อสัตย์ สุจริต และตรงต่อเวลา
2) ผู้เรยี นได้เรยี นรูก้ ารใชช้ วี ติ ที่สมดุลและพร้อมรบั การเปล่ยี นแปลงใน 4 มติ ติ ามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง ดงั น้ี ดา้ น สมดุลและพร้อมรบั การเปลยี่ นแปลงในด้านต่าง ๆ องคป์ ระกอบ วตั ถุ สงั คม ส่งิ แวดล้อม วฒั นธรรม ได้ความรเู้ กีย่ วกับ 1. มีการวางแผนใน มคี วามรอบรู้ใน 1. การเรยี นรู้ แนวทางในการวดั การทำงานเป็น การวางแผนชีวิตใน สอดคล้องกับวิถี และประเมินผล กระบวนการแบบ อนาคต ชวี ิตของคนใน รายวิชา ศิลปะ 5 กลุ่ม ชมุ ชน ความรู้ (ศ23101) 2. นักเรยี นมีการ 2. เห็นคณุ ค่าของ แลกเปล่ียนเรยี นรู้ ภูมปิ ัญญาท้องถนิ่ 3. นักเรียนได้ ชว่ ยเหลือซึ่งกัน และกนั 1. มที ักษะในการใช้ 1. มที ักษะในการ ใช้ประโยชน์จาก 1. ดำรงตนอยู่ใน วัสดอุ ปุ กรณ์อย่าง ทำงาน สิ่งแวดล้อมอย่าง สงั คมอย่างมี ประหยัด และคุ้มค่า 2. มคี วามสามารถ ระมัดระวัง และ ความสุข ทกั ษะ 2. การเลือกใช้วัสดุ ในการนำความรู้ที่ คุ้มคา่ 2. มีทักษะในการ อุปกรณ์ได้อย่าง ได้รับไปรว่ มกนั คำนวณและนำไปใช้ เหมาะสม แกป้ ัญหาเพ่ือหา ได้อย่างเหมาะสม ข้อสรุปได้ ตระหนักถึงผลที่ 1. มีความรับผิด 1. มีจติ สำนึกใน 1. สืบสานอนรุ ักษ์ เกิดจากการใชว้ สั ดุ ชอบต่อการทำงาน การอนรุ ักษภ์ ูมิ ภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ อุปกรณ์ในการ ของกล่มุ ปัญญาท้องถิ่น 2. ใช้แหล่งเรียนรู้ คา่ นิยม ปฏบิ ตั ิงาน 2. ยอมรับความ 2. ใชท้ รัพยากร โดยใชภ้ ูมปิ ญั ญา คิดเหน็ ซ่ึงกันและ และส่ิงแวดล้อม ท้องถิน่ กัน มีความเสยี อย่างประหยัด สละและอดทน ลงชอื่ ........................................................................ (นายธีระพร ไวยครุฑธี) .........../................./..............
แบบประเมนิ ผลงานการบรรเลงดนตรีเดีย่ ว คำช้ีแจง : ให้ ผสู้ อน ประเมินผลงานการบรรเลงดนตรีเดี่ยวของนักเรียน แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ งที่ตรงกับระดับ คะแนน เหตผุ ลใน จังหวะ ความ และ มัน่ ใจใน ท่ี ชื่อ-สกุล การเลือก เทคนคิ ใน ทำนอง ลีลาในการ การเล่น รวม ของผู้รับการประเมนิ เครอื่ ง การเล่น บรรเลง 10 ดนตรี คะแนน 2 1.5 1 0.5 2 1.5 1 0.5 2 1.5 1 0.5 2 1.5 1 0.5 2 1.5 1 0.5 ลงชื่อ.......................................................ผู้ประเมนิ .............../.................../................. เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมขั้นดีเยีย่ ม ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมขั้นดี ให้ 2 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมขั้นพอใช้ ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมข้ันปรับปรุง 9 - 10 ดมี าก 7 - 8 ดี 5 - 6 พอใช้ ต่ำกว่า 4 ปรับปรุง
แบบสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ คำชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงใน ชอ่ งที่ตรงกบั ระดับคะแนน การแก้ไข ที่ ชอ่ื -สกุล ความ การแสดง การรบั ฟัง ความตั้งใจ ปญั หา/ ของผู้รบั การประเมนิ รว่ มมือกัน ความ ความ ทำงาน หรอื รวม คิดเหน็ คิดเหน็ ปรับปรุง 20 ทำ ผลงาน คะแนน กิจกรรม กลุ่ม 4321 4321 432 14321 4321 ลงชอ่ื .......................................................ผ้ปู ระเมนิ .............../.................../................. เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกวา่ 10 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง ที่ตรงกบั ระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อันพงึ ประสงคด์ า้ น 4321 1. รักชาติ 1.1 ยนื ตรงเมอื่ ได้ยนิ เพลงชาติ ร้องเพลงชาตไิ ด้ และอธิบายความหมาย ศาสน์ กษตั ริย์ ของเพลงชาติ 1.2 ปฏิบตั ิตนและชกั ชวนผอู้ ่ืนปฏิบตั ิตามสิทธิและหนา้ ทข่ี องพลเมอื ง 1.3 ให้ความรว่ มมือ รว่ มใจ ในการทำกิจกรรมกบั สมาชิกในโรงเรยี น ชมุ ชนและสงั คม 1.4 เปน็ ผู้นำหรอื เป็นแบบอยา่ งในการจดั กิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อโรงเรยี น ชุมชน และสังคม ชื่นชม ปกป้องความเปน็ ชาตไิ ทย 1.5 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทีต่ นนบั ถอื ปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ของ ศาสนา และเปน็ ตัวอยา่ งท่ดี ีของศาสนกิ ชน 1.6 เข้าร่วมกิจกรรมและมสี ่วนรว่ มในการจดั กิจกรรมทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตามท่ีโรงเรียนและชุมชนจดั ขน้ึ ชนื่ ชมในพระ ราชกรณยี กิจ พระปรชี าสามารถของพระมหากษตั ริย์และพระราชวงศ์ 2. ซอ่ื สตั ย์ สุจริต 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถ่ี กู ต้อง และเปน็ จรงิ 2.2 ปฏบิ ัติในสิ่งท่ีถกู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทจ่ี ะกระทำความผดิ ทำ ตามสญั ญาทต่ี นให้ไวก้ บั เพอื่ น พอ่ แม่ หรอื ผปู้ กครอง และครู เป็น แบบอย่างท่ีดดี ้านความซื่อสัตย์ 2.3 ปฏิบตั ิตนต่อผ้อู ่ืนดว้ ยความซอื่ ตรง ไม่หาประโยชน์ในทางทไ่ี ม่ถูกตอ้ ง และเปน็ แบบอย่างที่ดีแก่เพอื่ นด้านความซ่ือสัตย์ 3. มวี ินยั รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของครอบครัว โรงเรียน และสงั คม ไม่ละเมิดสทิ ธขิ องผอู้ ืน่ ตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวนั และรับผดิ ชอบในการทำงาน ปฏิบัตเิ ปน็ ปกติวสิ ยั และเปน็ แบบอย่างท่ีดี 4 ใฝ่เรยี นรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ 4.2 มีการจดบันทกึ ความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความรูไ้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล
5. อยอู่ ยา่ ง 5.1 ใชท้ รัพย์สินของตนเอง เชน่ สิง่ ของ เครื่องใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั พอเพียง คุ้มค่า และเก็บรกั ษาดแู ลอยา่ งดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม 6. มงุ่ มั่นในการ 5.2 ใชท้ รพั ยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั ค้มุ คา่ และเก็บรักษาดูแล ทำงาน อยา่ งดี 7. รักความเปน็ 5.3 ปฏิบัตติ นและตัดสินใจดว้ ยความรอบคอบ มีเหตุผล ไทย 5.4 ไม่เอาเปรยี บผู้อื่น และไมท่ ำให้ผอู้ ืน่ เดือดร้อน พร้อมให้อภยั เม่ือผอู้ ่ืน 8. มจี ิตสาธารณะ กระทำผิดพลาด 5.5 วางแผนการเรยี น การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวนั บนพ้ืนฐาน ของความรู้ ข้อมลู ข่าวสาร 5.6 รเู้ ทา่ ทันการเปลี่ยนแปลงทางสงั คม และสภาพแวดล้อม ยอมรบั และปรบั ตวั อยูร่ ว่ มกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ย่างมคี วามสขุ 6.1 เอาใจใสต่ อ่ การปฏบิ ตั ิหน้าทที่ ี่ได้รบั มอบหมาย 6.2 ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบในการทำงานใหส้ ำเร็จ 6.3 ปรบั ปรุงและพัฒนาการทำงานอย่างรอบคอบ 6.4 ทมุ่ เท ทำงาน อดทน ไม่ท้อต่อปญั หาและอุปสรรค 6.5 พยายามแกป้ ญั หาและอปุ สรรคในการทำงานให้สำเร็จ 6.6 ช่นื ชมผลงานความสำเรจ็ ด้วยความภาคภมู ิใจ 7.1 มจี ติ สำนกึ ในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รจู้ กั ช่วยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครูทำงาน 8.2 อาสาทำงาน ชว่ ยคิด ชว่ ยทำ แบ่งปนั สง่ิ ของ ทรัพยส์ นิ และอื่น ๆ พรอ้ มช่วยแกป้ ญั หา 8.3 ดูแล รกั ษาทรพั ย์สนิ ของหอ้ งเรียน โรงเรยี น ชุมชน 8.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน ชมุ ชน เพ่ือแกป้ ญั หาหรือรว่ มสรา้ งสง่ิ ทดี่ งี ามตามสถานการณ์ท่เี กดิ ขน้ึ ลงช่อื .......................................................ผปู้ ระเมิน .............../.................../.................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยครัง้ ให้ 1 คะแนน 104 - 124 ดมี าก 83 - 103 ดี 62- 82 พอใช้ ตำ่ กวา่ 62 ปรับปรงุ
บนั ทกึ ผลการจดั การเรยี นรู้ รหสั วิชา........................รายวชิ า.....................................................ชั้นมัธยมศกึ ษาปที .ี่ ..........เวลา............ช่ัวโมง เรื่องทีส่ อน............................................................................................................................................................ ช้ัน เตม็ ขาด ผลการจัดการเรยี นรู้ ปญั หา/อุปสรรค แนวทางแก้ไข ม.3/1 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/2 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/3 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/4 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... .......................................
ชน้ั เต็ม ขาด ผลการจดั การเรียนรู้ ปัญหา/อุปสรรค แนวทางแก้ไข ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/5 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/6 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/7 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... .......................................
ผลการประเมนิ /ผลการทดสอบ เตม็ มา ดมี าก ปานกลาง ปรับปรงุ สรุป จำนวน ร้อยละ ทักษะทีจ่ ำเป็นในการเรยี นรูใ้ นศตวรรษที่ 21 3Rs คือทักษะพ้นื ฐานท่ีจำเปน็ ตอ่ ผ้เู รยี นทกุ คน มดี ังน้ี 1. Reading คอื สามารถอา่ นออก 2. (W) Riteing คือ สามารถเขียนได้ 3. (A) Rithmatic คอื มีทักษะในการคำนวณ 3Rs คือ 8Cs ซึ่งเป็นทักษะต่าง ๆ ท่ีจำเป็นเช่นกัน ซ่ึงทุกทักษะสามารถนำไปปรับใช้ในการเรียนรู้ ได้ ทกุ วชิ า มีดงั น้ี 1. Critical thinking and problem solving คือ มีทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่ าง มวี ิจารณญาณและสามารถแก้ไขปัญหาได้ 2. Creativity and innovation คอื การคิดอยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละคดิ เชิงนวตั กรรม 3. Cross-cultural understanding คือ ความเข้าใจในความแตกต่างของวัฒนธรรมและ กระบวนการคดิ ขา้ มวัฒนธรรม 4. Collaboration teamwork and leadership คือ ความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะ ความเป็นผู้นำ 5. Communication information and media literacy คือ มี ทั กษ ะใน การสื่อสารและ การรู้เท่าทันส่ือ 6. Computing and IT literacy คือ มีทักษะการใช้คอมพิวเตอรแ์ ละรูเ้ ท่าทันเทคโนโลยี 7. Career and learning skills คือ มีทกั ษะอาชีพและการเรยี นรู้ 8. Compassion คอื มคี วามเมตตากรณุ า มีคุณธรรม และมีระเบียบวินัย ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง จึงประกอบด้วยคณุ สมบัติ ดงั น้ี 1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียน ตนเองและผอู้ นื่ เช่น การผลติ และการบริโภคที่อย่ใู นระดับพอประมาณ 2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่าง มีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดข้ึนจากการกระทำน้ัน ๆ อย่างรอบคอบ
3. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดข้ึน โดยคำนึ งถึงความเป็น ไป ได้ของสถานการณ์ ต่างๆ ที่ คาดว่าจะเกิดข้ึนในอนาคต โดยมเี งอ่ื นไข ของการตัดสินใจและดำเนนิ กิจกรรมตา่ งๆ ใหอ้ ยูใ่ นระดับพอเพยี ง 2 ประการ ดังนี้ 1) เงอ่ื นไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เก่ียวกับวิชาการต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องรอบด้านความ รอบคอบท่ีจะนำความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังใน การปฏบิ ัติ 2) เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความ ซ่ือสัตย์สุจริตและมีความอดทน มคี วามเพยี ร ใชส้ ตปิ ัญญาในการดำเนนิ ชีวิต เศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำรินั้นแตกต่างจากเศรษฐกิจแบบทุนนิยมของตะวันตก ซ่ึงให้ความสำคัญกับเร่ืองวัตถุที่เป็นรูปธรรม เช่น เงิน ทรัพย์สิน กำไร โดยไม่นำเรื่องของสภาพจิตใจหรือ เร่ืองนามธรรมมาเกี่ยวข้อง อีกท้ังเศรษฐกิจพอเพียงยังมีขอบเขตท่ีกว้างขวางกว่าเศรษฐกิจนายทุน หรือเศรษฐกิจธุรกิจ เพราะสามารถครอบคลุมได้ถึง 4 ด้าน คือ มิติด้านเศรษฐกิจ มิติด้านจิตใจ มิติด้านสังคม และมติ ดิ า้ นวัฒนธรรม ดังน้ี 1. มิติด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเศรษฐกิจแบบพออยู่พอกิน ให้มีความขยันหม่ันเพียร ประกอบสัมมาอาชีพ เพือ่ ให้พึ่งตนเองได้ ให้พน้ จากความยากจน 2. มิติด้านจิตใจ เศรษฐกิจพอเพียงเน้นที่จิตใจที่รู้จักพอ คือ พอดี พอประมาณและพอใจในสิ่งท่ี มี ยินดใี นส่ิงท่ีไดไ้ ม่โลภ เศรษฐกิจพอเพียงจะตอ้ งเร่ิมทีต่ ัวเอง โดยสร้างรากฐานทางจติ ใจที่ม่ันคง โดยเริ่มจาก ใจทรี่ จู้ กั พอ เปน็ การปฏบิ ัตติ ามทางสายกลาง หรือมัชฌิมาปฏปิ ทา 3. มิติด้านสังคม เศรษฐกิจพอเพียงมุ่งให้เกิดสังคมท่ีมีความสุขสงบ ประชาชนมีความเมตตา เอื้ออาทรชว่ ยเหลือซึ่งกันและกนั ไมใ่ ชต่ ่างคนต่างอยู่ มุ่งใหเ้ กิดความสามัคคีร่วมมือกัน เพ่ือให้ทุกคนอยู่ร่วมกัน ไดโ้ ดยปราศจากการเบียนเบียนกัน การเอารดั เอาเปรียบกนั การมุ่งรา้ ยทำลายกนั 4. มิติด้านวัฒนธรรม หมายถึง วิถีชีวิตของประชาชน เศรษฐกิจพอเพียงมุ่งให้เกิดวัฒนธรรมหรือ วิถีชีวิตท่ีประหยัด อดออม มีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ไม่ตกเป็นทาสของวัตถุนิยมและบริโภคนิยม ซึง่ ทำให้เกิดการเป็นหนเ้ี ป็นสิน เกดิ การทจุ รติ คอรัปชน่ั เป็นปัญหาสังคมท่ีร้ายแรงท่สี ุดปญั หาหนึ่งท่ีบอ่ นทำลาย ความม่นั คงของชาติ มิติทั้ง 4 ด้านของเศรษฐกิจพอเพียงได้สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ส่งผลดีต่อแค่ด้าน เศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อด้านต่างๆ ท่ีมีส่วนช่วยให้คนในประเทศอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ตามวิถชี ีวติ ทไ่ี มฟ่ งุ้ เฟ้อ และอยู่บนพ้ืนฐานของความพอดี
แบบประเมินทกั ษะทจี่ ำเปน็ ในการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 และปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ขอ้ เสนอแนะ ลงนาม 3Rs 8Cs 3 หว่ ง 2 เงอ่ื นไข 4 มติ ิ ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงื่อนไข1 ������ มติ ิ1 ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ หว่ ง2 ������ เง่อื นไข2 ������ มิติ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ ห่วง3 ������ มิติ3 (นายธรี ะพร ไวยครฑุ ธี) ครูผู้สอน ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 (นางสาวพมิ พ์พรรณ แกว้ โต) ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงอ่ื นไข1 ������ มติ ิ1 หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรศู้ ลิ ปะ ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ ห่วง2 ������ เงื่อนไข2 ������ มิติ2 (นางปานทอง แสงจนั ทร์งาม) หวั หน้ากลมุ่ บริหารวชิ าการ ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ หว่ ง3 ������ มิติ3 (นายพรอ้ มพันธุ์ ลายลักษณ์) ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงื่อนไข1 ������ มติ ิ1 (นางสาวชลารักษ์ สายอุทัศน์) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนฯ ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ ห่วง2 ������ เงอื่ นไข2 ������ มติ ิ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ ห่วง3 ������ มติ ิ3 ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ ห่วง1 ������ เงอ่ื นไข1 ������ มิติ1 ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ ห่วง2 ������ เงอ่ื นไข2 ������ มิติ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ ห่วง3 ������ มิติ3 ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงื่อนไข1 ������ มิติ1 ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ หว่ ง2 ������ เงอ่ื นไข2 ������ มติ ิ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ ห่วง3 ������ มติ ิ3 ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 คาบที่ 6 รหัสวิชา ศ23101 วชิ า ศลิ ปะ 5 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ ปีการศึกษา 2564 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลาท้ังหมด 4 คาบ ใชเ้ วลา 1 คาบ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 เร่ือง การขับร้องและบรรเลงดนตรี เรื่อง เทคนิคและการแสดงออกในการบรรเลงดนตรีรวมวง ชื่อ - สกลุ (ผูจ้ ดั ทำแผนการจัดการเรียนรู)้ นายธรี ะพร ไวยครุฑธี 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรอี ย่างสรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษว์ ิจารณค์ ุณคา่ ดนตรี ถา่ ยทอดความร้สู ึก ความคดิ ต่อดนตรี อย่างอิสระ ช่ืนชมและประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวัน ตวั ชีว้ ัด ศ 2.1 ม.3/2 ร้องเพลง เลน่ ดนตรเี ดี่ยวและรวมวง โดยเน้นเทคนคิ การรอ้ ง การเลน่ การแสดงออก และคุณภาพเสยี ง 2. สาระการเรยี นรู้ 2.1 ความรู้ 1) เทคนิคและการแสดงออกในการบรรเลงดนตรีรวมวง 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด 1) ทักษะการแสวงหาความรู้ 2) ทกั ษะกระบวนการทำงาน 3) ทักษะการจัดการ 4) ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา 5) ทักษะการทำงานร่วมกนั 3. สาระสำคญั การบรรเลงดนตรีรวมวง ผบู้ รรเลงต้องมคี วามเข้าใจตัวโน้ต จังหวะ บทเพลงบรรเลงได้พรอ้ มเพรียงกัน จะทำใหบ้ ทเพลงมคี วามไพเราะ
4. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) - อธบิ ายเทคนคิ และการแสดงออกในการบรรเลงดนตรีรวมวง 4.2 ทักษะทสี่ ำคัญ (P) - ฝกึ บรรเลงดนตรี โดยใช้เทคนคิ และการบรรเลงดนตรีรวมวง 4.3 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) - มงุ่ มน่ั ในการทำงาน ตัวชว้ี ดั ที่ 6.2 ทำงานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพือ่ ให้งานสำเรจ็ ตามเป้าหมาย 4.4 สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น (C) - ความสามารถในการส่อื สาร 5. จุดเน้นส่กู ารพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี น 5.1 ทกั ษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คอื การเรียนรู้ 3Rs X 8Cs Reading (อ่านออก) (W) Riting (เขียนได้) (A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ ) ทักษะด้านการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและทักษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) ทกั ษะด้านการสร้างสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation) ทักษะดา้ นความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding) ทักษะด้านความร่วมมอื การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทกั ษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศและรเู้ ทา่ ทนั สื่อ (Communications, Information, and Media Literacy) ทกั ษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing and ICT Literacy) ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้ (Career and Learning) ทักษะการเปลยี่ นแปลง (Change)
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 6.1 ใหน้ กั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คำถามทา้ ทาย ดงั น้ี - ถ้านกั เรียนมีโอกาสได้เป็นนักดนตรใี นวงดนตรีทม่ี ีชือ่ เสียง จะเลือกเปน็ นกั ดนตรีในวงดนตรี วงใด เพราะอะไร 6.2 ให้นักเรยี นชมการบรรเลงเพลงของวงดนตรไี ทยหรือสากล 1 วง (หรือ 1 การแสดง) แล้ววิเคราะห์ วา่ วงดนตรเี หล่านน้ั มีเทคนิคในการบรรเลงอย่างไร จากนนั้ ออกมานำเสนอท่หี น้าชั้นเรยี น 6.3 ให้นักเรียนยกตัวอย่างวงดนตรีท่ีมีรูปแบบและเทคนิคในการบรรเลงดนตรีที่โดดเด่นและมี เอกลักษณ์ แตกต่างจากวงดนตรวี งอ่นื ๆ อธิบายรปู แบบหรือเทคนคิ ทีโ่ ดดเด่นเหล่านั้น 6.4 ให้นักเรียนศึกษาเทคนิคและการแสดงออกในการบรรเลงดนตรีรวมวง จากหนังสือเรียนหรือ แหลง่ การเรียนรอู้ ่ืน จากนน้ั รว่ มกันอภปิ รายสรปุ ความรู้ 6.5 ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม 3 กลุ่ม ให้แต่ละกลุ่มบรรเลงดนตรี โดยแต่ละคนเลือกเคร่ืองดนตรีตาม ความชอบหรอื ถนัด ฝึกบรรเลงกลุ่มละ 1 เพลง แล้วแสดงหน้าช้ันเรียนทีละกลุ่ม ครูประเมินผลการแสดงลงใน แบบประเมิน แบบประเมนิ ผลงานการบรรเลงดนตรีรวมวง รายการประเมิน ขนั้ ดีเยย่ี ม ข้นั ดี ข้นั พอใช้ ข้ันปรบั ปรงุ (2 คะแนน) (1.5 คะแนน) (1 คะแนน) (0.5 คะแนน) 1. เหตผุ ลในการเลือกเคร่ืองดนตรี 2. เทคนคิ ในการเล่น 3. จงั หวะและทำนอง 4. ลลี าในการบรรเลง 5. ความมัน่ ใจในการเล่น (ความพร้อมเพรยี ง และกลมกลนื ) คะแนนเต็ม 10 คะแนน รวมคะแนน......................คะแนน ลงชอ่ื ผู้ประเมนิ ...............................................
6.6 ให้นกั เรยี นบนั ทกึ ผลการบรรเลงดนตรรี วมวงของกลมุ่ ตนเองลงในแบบบนั ทึก ดงั ตัวอย่าง แบบบนั ทกึ ผลการบรรเลงดนตรี 1. เพลงทีบ่ รรเลง คือ ..................................................................................................................... 2. นกั เรยี นบรรเลงเครอ่ื งดนตรอี ะไร............................................................................................... 3. นักเรียนบรรเลงเป็นอย่างไร........................................................................................................ ................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นจะปรบั ปรงุ แก้ไขการบรรเลงดนตรีของกลุ่มตนเองอย่างไร .......................................................................................... ......................................................... ............................................................................................................................. ...................... 5. นกั เรยี นมีเทคนิคในการบรรเลงดนตรอี ยา่ งไร............................................................................. ............................................................................................................................. ...................... .6...7 ให้นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เพ่ือสรปุ ความรู้เกย่ี วกบั เทคนิคและการแสดงออก ในการบรรเลงดนตรเี ดย่ี วและรวมวง โดยครูใชค้ ำถาม ดังน้ี - การบรรเลงเดีย่ ว ผู้บรรเลงจะตอ้ งมคี วามสามารถอยา่ งไร - การบรรเลงเดยี่ ว ผู้บรรเลงควรมเี ทคนคิ อะไรบ้าง - การบรรเลงรวมวง ผ้บู รรเลงจะตอ้ งคำนงึ ถึงส่งิ ใดบา้ ง - การบรรเลงรวมวงทไ่ี พเราะ ผบู้ รรเลงควรมที ักษะอะไรบ้าง - การมเี ทคนิคในการบรรเลงสง่ ผลตอ่ การบรรเลงดนตรีอย่างไร 6.8 นักเรียนและครูรว่ มกนั สรุปความรู้ ดังน้ี - การบรรเลงดนตรีรวมวง ผู้บรรเลงตอ้ งมีความเขา้ ใจตัวโนต้ จงั หวะ บทเพลงบรรเลงได้ พร้อมเพรยี งกัน จะทำให้บทเพลงมคี วามไพเราะ 7. สอื่ /นวัตกรรม/แหล่งเรยี นรู้ 7.1 หนังสือเรียน ดนตรี-นาฏศลิ ป์ ม.3 7.2 อนิ เทอร์เน็ต 7.3 Power Point 8. ช้ินงานหรอื ภาระงาน - ฝึกการขับร้อง โดยใชเ้ ทคนิคและการบรรเลงดนตรีรวมวง
9. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 9.1 วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล - การทดสอบหลงั เรยี น - สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรม - สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม - สังเกตความมีวนิ ยั ใฝเ่ รียนรู้ และมุง่ มนั่ ในการทำงาน - ประเมินผลงานการบรรเลงดนตรีรวมวง 9.2 เคร่อื งมือ - แบบทดสอบหลงั เรียน - แบบสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม - แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรมกล่มุ - แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - แบบประเมินผลงานการบรรเลงดนตรีรวมวง 9.3 เกณฑ์การประเมิน 9.3.1 การประเมินผลตัวช้วี ัด ให้ครูประเมินการสร้างสรรค์ผลงานการบรรเลงดนตรีรวมวงของนักเรียน โดยเขียน คะแนนลงในแบบประเมนิ แบบประเมินผลงานการบรรเลงดนตรีรวมวง รายการประเมนิ ข้นั ดีเยี่ยม ขั้นดี ขัน้ พอใช้ ขัน้ ปรบั ปรุง (2 คะแนน) (1.5 คะแนน) (1 คะแนน) (0.5 คะแนน) 1. เหตผุ ลในการเลอื กเคร่ืองดนตรี 2. เทคนคิ ในการเล่น 3. จงั หวะและทำนอง 4. ลีลาในการบรรเลง 5. ความม่นั ใจในการเล่น
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ระดับคะแนน ระดับคุณภาพ 9 – 10 ดีเยยี่ ม 7–8 ดี 5–6 พอใช้ 1–4 ควรปรับปรุง 9.3.2 การประเมนิ พฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผา่ นต้งั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผา่ น 1 รายการ ถือว่า ไม่ผ่าน 9.3.3 การประเมนิ พฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ คะแนน 18 - 20 ระดับ ดีมาก คะแนน 14 - 17 ระดับ ดี คะแนน 10 - 13 ระดบั พอใช้ ต่ำกวา่ 10 ระดับ ควรปรับปรงุ 9.3.4 การประเมนิ ผลคุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ม่งุ มน่ั ในการทำงาน ตัวช้ีวัดท่ี 6.2 ทำงานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพ่ือให้งานสำเร็จตาม เปา้ หมาย พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผา่ น (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดเี ย่ยี ม (3) 1. ทุ่มเททำงาน อดทน ไมข่ ยนั อดทน ทำงานด้วยความ ทำงานดว้ ยความ ทำงานดว้ ยความ ขยนั อดทน ไม่ยอ่ ทอ้ ต่อปัญหาและ ในการทำงาน พยายามให้งาน ขยนั อดทน ขยัน อดทน สำเรจ็ ตาม อุปสรรคในการทำงาน เป้าหมาย ไม่ยอ่ ทอ้ ตอ่ ปญั หา ไมย่ ่อทอ้ ตอ่ ปญั หา 2. พยายามแกป้ ัญหา ในการทำงาน พยายามแก้ปัญหา และอุปสรรคในการ พยายามให้งาน อปุ สรรคในการ ทำงานให้สำเรจ็ สำเรจ็ ตาม ทำงาน ใหง้ าน 3. ช่ืนชมผลงานด้วย เป้าหมาย ช่ืนชม สำเรจ็ ตาม ความภาคภูมใิ จ ผลงานดว้ ยความ เปา้ หมายภายใน ภาคภมู ใิ จ เวลาทกี่ ำหนด ชน่ื ชมผลงานดว้ ย ความภาคภูมิใจ
9.4 การประเมนิ สมรรถนะสำคญั คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคแ์ ละทกั ษะศตวรรษท่ี 21 (การเรียนรู้ 3Rs x 8Cs) ประเดน็ การประเมนิ แหล่งเรยี นรู้ วธิ วี ัด เคร่อื งมอื วดั เกณฑ์การให้ การสนทนา - ประเมนิ ผลงาน คะแนน ทักษะดา้ นการคดิ อยา่ ง ซกั ถาม - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมินผล มวี ิจารณญาณและ แลกเปล่ียนเรียนรู้ การทำงาน งาน - รอ้ ยละ 60 ผา่ น ทักษะในการแก้ไข รายบุคคล - แบบสังเกต เกณฑ์ ปัญหา (Critical การสรา้ งสรรค์ พฤติกรรมการ - ระดับคณุ ภาพ 2 Thinking and ช้ินงาน - ประเมินผลงาน ทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ Problem Solving) - สังเกตพฤติกรรม ทกั ษะดา้ นการ - การเขา้ ร่วม การทำงาน - แบบประเมินผล - รอ้ ยละ 60 ผา่ น สรา้ งสรรค์ และ กจิ กรรม รายบุคคล งาน เกณฑ์ นวตั กรรม (Creativity - การสนทนา - แบบสงั เกต - ระดับคณุ ภาพ 2 and Innovation) ซกั ถาม สังเกตความมวี ินัย พฤติกรรมการ ผา่ นเกณฑ์ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ใฝ่เรียนรู้ ม่งุ ม่นั ใน ทำงานรายบคุ คล ทกั ษะด้านความเขา้ การนำเสนอ การทำงาน และ แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 2 ใจความตา่ งวฒั นธรรม กระบวนการ รักความเปน็ ไทย คุณลกั ษณะอันพึง ผา่ นเกณฑ์ ต่างกระบวนทัศน์ ทำงานกลุ่ม ประสงค์ (Cross-cultural สังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2 Understanding) การใช้สารสนเทศ การทำงานกลุม่ แบบสังเกต ผ่านเกณฑ์ ทกั ษะด้านความ และเทคโนโลยี พฤติกรรมการ รว่ มมือ การทำงานเป็น - สงั เกตพฤติกรรม ทำงานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ทมี และภาวะผนู้ ำ การทำงาน ผา่ นเกณฑ์ (Collaboration, รายบุคคล - แบบสงั เกต Teamwork and พฤติกรรมการ Leadership) ทำงานรายบคุ คล ทกั ษะด้านการส่ือสาร สารสนเทศและรูเ้ ท่า ทันสื่อ (Communications, Information, and Media Literacy)
10. แนวทางการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ 10.1 ผู้สอนนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ นการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หลักพอเพียง ความพอประมาณ มีเหตุผล มภี ูมคิ ุม้ กันในตวั ท่ีดี ประเดน็ วิเคราะห์หลกั สูตร เนือ้ หา เลือกเร่ืองทส่ี อนให้ เพื่อให้การจดั กิจกรรมการ ออกแบบ และจดั กจิ กรรม สอดคลอ้ งกับท้องถนิ่ และ เรยี นรคู้ รอบคลุมตาม เน้ือหา ใหส้ อดคล้องกับมาตรฐาน ผู้เรยี น เพอื่ ใหเ้ ห็น จุดประสงค์ ตัวชีว้ ัด และบริบทของ ความสำคญั ของการ ท้องถ่ิน อนรุ ักษภ์ มู ปิ ัญญา จัดการเรียนรู้เหมาะสม จดั การเรียนร้ไู ด้ตาม เพอื่ ให้การจดั กจิ กรรมการ เวลา เพียงพอกับเวลาที่กำหนดไว้ กระบวนการ ครบถว้ น เรียนรไู้ ด้ครบตาม ตามทว่ี างแผนไว้ จุดประสงคท์ ่ีกำหนดไว้ นักเรียนปฏบิ ัติตาม เพอ่ื ให้นักเรยี นนำความรู้ 1. เพือ่ ใหน้ ักเรียนได้ กจิ กรรม และเกิดการ ท่ไี ด้ไปปฏิบัติ แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ และ เรียนรูด้ ว้ ยตนเอง แสดงศกั ยภาพของตนเอง วิธกี ารจัดกิจกรรม เพอ่ื ใหเ้ กิดความภาคภูมิใจ 2. เพ่อื ตรวจสอบศกั ยภาพ ของนักเรยี นเป็นรายบุคล สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรง ตามความสามารถ กำหนดภาระงาน/ชน้ิ งาน เพ่อื สง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี น เตรียมวิธีป้องกัน และ แหล่งเรยี นรู้ ในการทำผลติ ภณั ฑ์ ใฝ่เรียนรู้ และสง่ เสริมการ แก้ปญั หาจากการปฏบิ ตั ิ ทอ้ งถิ่นได้เหมาะสมกบั ใช้เทคโนโลยี และภมู ิ กิจกรรม จดุ ประสงค์และวยั ผู้เรียน ปัญญาท้องถ่ิน 1. จัดเตรยี มใบความรู้และ 1. ออกแบบการเรยี นรู้ เตรียมแผนการจดั การ ใบงานทเี่ หมาะสมกบั เพื่อให้เหน็ คุณค่าของ เรียนรู้ หรอื สือ่ สำรอง เนือ้ หาทส่ี อน และความ ภูมปิ ญั ญาท้องถ่ิน เพื่อรองรบั กรณีที่มีการ สื่อ/อุปกรณ์ สนใจของผู้เรียน 2. นักเรียนได้รบั ประสบ เปล่ียนแปลง 2. จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ การณต์ รงในการเรยี นรู้ เหมาะสมกับวัยของผเู้ รยี น และเกดิ ความภาคภมู ใิ จใน ความสามารถของตนเอง
หลกั พอเพยี ง ความพอประมาณ มเี หตผุ ล มีภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทด่ี ี ประเดน็ การประเมินผล ประเมนิ ตามสภาพจรงิ ของ เพอื่ ส่งเสริมและพฒั นา เตรียมวิธกี ารประเมนิ ให้ ผ้เู รยี น ผู้เรยี นไดเ้ ตม็ ศักยภาพ เหมาะสมกับผู้เรียน ความรทู้ ีค่ รู - มีความรใู้ นหลักสตู ร เนื้อหาสาระ ได้แก่ ความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกับดนตรี จำเป็นตอ้ งมี - หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง - ใชห้ ลกั ความยุติธรรม มคี วามรบั ผดิ ชอบ มีวินยั ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ - ปฏิบัตหิ นา้ ท่ดี ้วยความซอ่ื สัตย์ ขยัน หมน่ั เพยี ร อดทน มีจติ สาธารณะ และ คณุ ธรรมของครู ใช้สตปิ ญั ญาในการจัดการเรยี นรู้ - จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ไม่เบียดเบยี นตนเองและผ้อู นื่ ไม่ทำลายธรรมชาติ และ ส่งิ แวดล้อม และไมส่ ร้างความแตกแยกในสังคม ชมุ ชน - มคี วามคดิ ริเร่ิมสร้างสรรค์เพ่อื พฒั นาผ้อู น่ื และตนเองให้เปน็ คนดีของสงั คม 10.2 ผลที่เกดิ ข้นึ กับผูเ้ รียนสอดคลอ้ งกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากการจัดกจิ กรรม การเรยี นรู้ 1) ผเู้ รียนไดเ้ รยี นรู้หลกั คิด และฝกึ ปฏิบัติ ตาม 3 ห่วง 2 เง่ือน ดงั น้ี ความพอประมาณ มเี หตุผล มีภมู คิ ุม้ กนั ในตัวท่ดี ี นกั เรียนมีพ้ืนฐานในการวัด และ นักเรียนวิเคราะห์ และตัดสนิ ใจ นักเรยี นนำความรู้ที่ไดจ้ ากการ ประเมนิ ผล ในการร่วมกิจกรรมระหว่างเรียน ปฐมนเิ ทศพ้ืนฐานเพื่อประกอบ การตัดสินใจ การทำกิจกรรม ความรู้ - นักเรียนทราบรายละเอียดในการวัดผล และประเมินผลรายวชิ า ศลิ ปะ 5 (ศ23101) คณุ ธรรม - นักเรียนมีวนิ ยั ซอ่ื สัตย์ สุจรติ และตรงต่อเวลา 2) ผเู้ รยี นไดเ้ รยี นรู้การใช้ชีวติ ท่ีสมดุลและพรอ้ มรบั การเปลยี่ นแปลงใน 4 มติ ติ ามหลักปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพียง ดังน้ี ดา้ น สมดุลและพร้อมรับการเปลีย่ นแปลงในดา้ นต่าง ๆ องค์ประกอบ วัตถุ สงั คม ส่งิ แวดล้อม วัฒนธรรม ได้ความรู้เก่ียวกบั 1. มกี ารวางแผนใน มคี วามรอบรู้ใน 1. การเรียนรู้ ความรู้ แนวทางในการวดั การทำงานเป็น การวางแผนชีวติ ใน สอดคล้องกับวิถี และประเมินผล กระบวนการแบบ อนาคต ชีวติ ของคนใน
ดา้ น สมดลุ และพร้อมรับการเปล่ยี นแปลงในด้านต่าง ๆ องคป์ ระกอบ วัตถุ สังคม สงิ่ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม รายวชิ า ศิลปะ 5 กลุ่ม ชมุ ชน (ศ23101) 2. นักเรยี นมีการ 2. เห็นคณุ ค่าของ แลกเปล่ียนเรยี นรู้ ภูมิปญั ญาท้องถน่ิ 3. นักเรยี นได้ ชว่ ยเหลือซึ่งกัน และกัน 1. มที ักษะในการใช้ 1. มีทักษะในการ ใช้ประโยชน์จาก 1. ดำรงตนอยู่ใน วัสดอุ ปุ กรณ์อย่าง ทำงาน สงิ่ แวดล้อมอย่าง สังคมอย่างมี ทักษะ ประหยัด และคุ้มค่า 2. มีความสามารถใน ระมัดระวงั และ ความสขุ 2. การเลือกใช้วัสดุ การนำความรูท้ ี่ได้รับ คมุ้ ค่า 2. มที ักษะในการ อุปกรณ์ได้อย่าง ไปร่วมกันแก้ปัญหา คำนวณและนำไปใช้ เหมาะสม เพ่ือหาข้อสรุปได้ ได้อย่างเหมาะสม ตระหนักถึงผลท่ี 1. มคี วามรับผิด 1. มจี ิตสำนึกใน 1. สืบสานอนุรักษ์ เกิดจากการใช้วสั ดุ ชอบต่อการทำงาน การอนุรักษภ์ มู ิ ภมู ปิ ัญญาท้องถ่ิน อปุ กรณ์ในการ ของกล่มุ ปัญญาท้องถนิ่ 2. ใชแ้ หล่งเรียนรู้ ค่านิยม ปฏบิ ตั ิงาน 2. ยอมรบั ความ 2. ใชท้ รัพยากร โดยใช้ภูมิปัญญา คิดเห็นซ่ึงกันและ และส่ิงแวดล้อม ทอ้ งถ่นิ กัน มีความเสยี อย่างประหยัด สละและอดทน ลงช่ือ........................................................................ (นายธรี ะพร ไวยครุฑธี) .........../................./..............
แบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 2 เร่ือง การขบั ร้องและบรรเลงดนตรี ช่อื -นามสกลุ ....................................................................................................ชั้น ม.3/.............เลขที.่ ............ คำช้แี จง ใหน้ กั เรยี นเลือกคำตอบท่ีถูกต้องที่สดุ เพียงขอ้ เดียว 1. การฝึกหายใจในการขบั ร้องมีประโยชน์อย่างไร 1 ทำใหห้ ายใจถูกตอ้ งตามวรรคตอนของบทเพลง 2 ทำให้ขับร้องเพลงไดไ้ พเราะมากข้ึน 3 ทำให้มีเสียงในการขับร้องถูกต้อง ชดั เจน 4 ทำใหเ้ กบ็ ลมหายใจไวไ้ ดน้ านขณะรอ้ งเพลง 2. ผูท้ จ่ี ะขบั รอ้ งเดย่ี วจะต้องมีความสามารถในข้อใด 1 ออกเสียงชดั เจนตามหลักภาษา 2 มนี ้ำเสียงเปน็ เอกลักษณ์ 3 มคี วามแมน่ ยำในจังหวะและทำนองเพลง 4 กลา้ แสดงออกในการขบั ร้องเพลงอารมณ์ต่าง ๆ 3. ขอ้ ใดไม่ใชเ่ ทคนคิ ที่ใชใ้ นการขบั รอ้ งเดยี่ ว 1 ออกเสียงได้ชดั เจนทุกคำ 2 ถา่ ยทอดอารมณข์ บั ร้องของตนเอง 3 แสดงท่าทางย้ิมแยม้ เม่ือรอ้ งเพลงสนุกสนาน 4 สง่ สายตาใหก้ ับผู้ชมขณะขบั ร้องเพลง 4. การขบั รอ้ งหมู่ทมี่ ีความไพเราะตอ้ งคำนึงถงึ สง่ิ ใดเป็นสำคัญ 1 การขับร้องโดยใช้น้ำเสยี งเดียวกันตลอด 2 บทเพลงที่จะใชใ้ นการขบั ร้องต้องไพเราะ 3 วงดนตรที ีใ่ ช้บรรเลงประกอบการขับรอ้ ง 4 ความพร้อมเพรียงในการขบั รอ้ ง 5. การขับร้องหมู่ มลี ักษณะอย่างไร 1 ร้องต้งั แต่ 2 คนขึ้นไป ดว้ ยระดับเสียงเดยี วกนั 2 เปน็ การขบั ร้องคนละท่อนเพลง 3 ขับรอ้ งโดยใช้ทำนองเพลงต่างกัน 4 ขบั ร้องเฉพาะบทเพลงคลาสสิก 6. เครอ่ื งดนตรขี ้อใดไม่นิยมใช้บรรเลงเดยี่ ว 1 ซอสามสาย 2 กลองเบส 3 ไวโอลนิ 4 ฟลูต
7. ขอ้ ใดคือเทคนคิ ทใี่ ช้ในการบรรเลงเดี่ยว 2 ฝึกแสดงท่าทางในการบรรเลงดนตรี 1 ฝกึ ขับร้องบทเพลงท่ีจะใช้บรรเลง 4 ฝึกบรรเลงเฉพาะเครื่องดนตรที ที่ ันสมัย 3 ฝกึ อา่ นตัวโนต้ จำจังหวะและทำนองเพลง 8. ข้อใดคือจุดมุ่งหมายของการบรรเลงเดย่ี ว 2 เพือ่ แสดงถงึ ความสวยงามของเคร่ืองดนตรี 1 เพ่ือแสดงถงึ ความคดิ ของผปู้ ระพันธเ์ พลง 4 เพือ่ แสดงถึงความสามารถของผ้บู รรเลง 3 เพอ่ื แสดงถงึ บคุ ลิกลักษณะของผู้บรรเลง 9. การบรรเลงรวมวงเปน็ วงดนตรนี ัน้ ฝึกให้ผบู้ รรเลงมีจติ สำนึกในดา้ นใด 1 ความรับผดิ ชอบในการทำงานรว่ มกัน 2 ความซ่อื สตั ยใ์ นการทำงาน 3 ความกลา้ แสดงออก 4 ความเอ้อื เฟ้ือเผ่ือแผ่ 10. การบรรเลงจะต้องคำนงึ ถึงส่ิงใด 1 ใช้เครือ่ งดนตรที ีห่ ลากหลาย 2 ผบู้ รรเลงต้องมีความสามารถมาก 3 บรรเลงโดยใช้เทคนคิ เฉพาะของเครื่องดนตรี 4 เคร่อื งดนตรีต้องมีความเหมาะสมกลมกลืนกัน เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน 1. 2 2. 3 3. 4 4. 1 5. 1 6. 2 7. 4 8. 2 9. 1 10. 4
แบบประเมนิ ผลงานการบรรเลงดนตรีรวมวง คำช้ีแจง : ให้ ผูส้ อน ประเมินผลงานการบรรเลงดนตรีรวมวงของนักเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในช่องทต่ี รงกับระดับ คะแนน เหตผุ ลใน จงั หวะ ความ และ มน่ั ใจใน ท่ี ชอื่ -สกุล การเลอื ก เทคนิคใน ทำนอง ลีลาในการ การเล่น รวม ของผู้รับการประเมิน เครื่อง การเลน่ บรรเลง 10 ดนตรี คะแนน 2 1.5 1 0.5 2 1.5 1 0.5 2 1.5 1 0.5 2 1.5 1 0.5 2 1.5 1 0.5 ลงชอ่ื .......................................................ผู้ประเมิน .............../.................../................. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมข้ันดีเยี่ยม ให้ 3 คะแนน ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมขั้นดี ให้ 2 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมขั้นพอใช้ ให้ 1 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมขั้นปรบั ปรงุ 9 - 10 ดมี าก 7 - 8 ดี 5 - 6 พอใช้ ตำ่ กวา่ 4 ปรับปรงุ
แบบสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ คำชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงใน ชอ่ งที่ตรงกบั ระดับคะแนน การแก้ไข ที่ ชอ่ื -สกุล ความ การแสดง การรบั ฟัง ความตั้งใจ ปญั หา/ ของผู้รบั การประเมนิ รว่ มมือกัน ความ ความ ทำงาน หรอื รวม คิดเหน็ คิดเหน็ ปรับปรุง 20 ทำ ผลงาน คะแนน กิจกรรม กลุ่ม 4321 4321 432 14321 4321 ลงชอ่ื .......................................................ผ้ปู ระเมนิ .............../.................../................. เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกวา่ 10 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง ที่ตรงกบั ระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อันพงึ ประสงคด์ า้ น 4321 1. รักชาติ 1.1 ยนื ตรงเมอื่ ได้ยนิ เพลงชาติ ร้องเพลงชาตไิ ด้ และอธิบายความหมาย ศาสน์ กษตั ริย์ ของเพลงชาติ 1.2 ปฏิบตั ิตนและชกั ชวนผอู้ ่ืนปฏิบตั ิตามสิทธิและหนา้ ทข่ี องพลเมอื ง 1.3 ให้ความรว่ มมือ รว่ มใจ ในการทำกิจกรรมกบั สมาชิกในโรงเรยี น ชมุ ชนและสงั คม 1.4 เปน็ ผู้นำหรอื เป็นแบบอยา่ งในการจดั กิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อโรงเรยี น ชุมชน และสังคม ชื่นชม ปกป้องความเปน็ ชาตไิ ทย 1.5 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทีต่ นนบั ถอื ปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ของ ศาสนา และเปน็ ตัวอยา่ งท่ดี ีของศาสนกิ ชน 1.6 เข้าร่วมกิจกรรมและมสี ่วนรว่ มในการจดั กิจกรรมทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตามท่ีโรงเรียนและชุมชนจดั ขน้ึ ชนื่ ชมในพระ ราชกรณยี กิจ พระปรชี าสามารถของพระมหากษตั ริย์และพระราชวงศ์ 2. ซอ่ื สตั ย์ สุจริต 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถ่ี กู ต้อง และเปน็ จรงิ 2.2 ปฏบิ ัติในสิ่งท่ีถกู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทจ่ี ะกระทำความผดิ ทำ ตามสญั ญาทต่ี นให้ไวก้ บั เพอื่ น พอ่ แม่ หรอื ผปู้ กครอง และครู เป็น แบบอย่างท่ีดดี ้านความซื่อสัตย์ 2.3 ปฏิบตั ิตนต่อผ้อู ่ืนดว้ ยความซอื่ ตรง ไม่หาประโยชน์ในทางทไ่ี ม่ถูกตอ้ ง และเปน็ แบบอย่างที่ดีแก่เพอื่ นด้านความซ่ือสัตย์ 3. มวี ินยั รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของครอบครัว โรงเรียน และสงั คม ไม่ละเมิดสทิ ธขิ องผอู้ ืน่ ตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวนั และรับผดิ ชอบในการทำงาน ปฏิบัตเิ ปน็ ปกติวสิ ยั และเปน็ แบบอย่างท่ีดี 4 ใฝ่เรยี นรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ 4.2 มีการจดบันทกึ ความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความรูไ้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล
5. อยอู่ ยา่ ง 5.1 ใชท้ รัพย์สินของตนเอง เชน่ สิง่ ของ เครื่องใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั พอเพียง คุ้มค่า และเก็บรกั ษาดแู ลอยา่ งดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม 6. มงุ่ มั่นในการ 5.2 ใชท้ รพั ยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั ค้มุ คา่ และเก็บรักษาดูแล ทำงาน อยา่ งดี 7. รักความเปน็ 5.3 ปฏิบัตติ นและตัดสินใจดว้ ยความรอบคอบ มีเหตุผล ไทย 5.4 ไม่เอาเปรยี บผู้อื่น และไมท่ ำให้ผอู้ ืน่ เดือดร้อน พร้อมให้อภยั เม่ือผอู้ ่ืน 8. มจี ิตสาธารณะ กระทำผิดพลาด 5.5 วางแผนการเรยี น การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวนั บนพ้ืนฐาน ของความรู้ ข้อมลู ข่าวสาร 5.6 รเู้ ทา่ ทันการเปลี่ยนแปลงทางสงั คม และสภาพแวดล้อม ยอมรบั และปรบั ตวั อยูร่ ว่ มกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ย่างมคี วามสขุ 6.1 เอาใจใสต่ อ่ การปฏบิ ตั ิหน้าทที่ ี่ได้รบั มอบหมาย 6.2 ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบในการทำงานใหส้ ำเร็จ 6.3 ปรบั ปรุงและพัฒนาการทำงานอย่างรอบคอบ 6.4 ทมุ่ เท ทำงาน อดทน ไม่ท้อต่อปญั หาและอุปสรรค 6.5 พยายามแกป้ ญั หาและอปุ สรรคในการทำงานให้สำเร็จ 6.6 ช่นื ชมผลงานความสำเรจ็ ด้วยความภาคภมู ิใจ 7.1 มจี ติ สำนกึ ในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รจู้ กั ช่วยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครูทำงาน 8.2 อาสาทำงาน ชว่ ยคิด ชว่ ยทำ แบ่งปนั สง่ิ ของ ทรัพยส์ นิ และอื่น ๆ พรอ้ มช่วยแกป้ ญั หา 8.3 ดูแล รกั ษาทรพั ย์สนิ ของหอ้ งเรียน โรงเรยี น ชุมชน 8.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน ชมุ ชน เพ่ือแกป้ ญั หาหรือรว่ มสรา้ งสง่ิ ทดี่ งี ามตามสถานการณ์ท่เี กดิ ขน้ึ ลงช่อื .......................................................ผปู้ ระเมิน .............../.................../.................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยครัง้ ให้ 1 คะแนน 104 - 124 ดมี าก 83 - 103 ดี 62- 82 พอใช้ ตำ่ กวา่ 62 ปรับปรงุ
บนั ทกึ ผลการจดั การเรยี นรู้ รหสั วิชา........................รายวชิ า.....................................................ชั้นมัธยมศกึ ษาปที .ี่ ..........เวลา............ช่ัวโมง เรื่องทีส่ อน............................................................................................................................................................ ช้ัน เตม็ ขาด ผลการจัดการเรยี นรู้ ปญั หา/อุปสรรค แนวทางแก้ไข ม.3/1 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/2 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/3 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/4 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... .......................................
ชน้ั เต็ม ขาด ผลการจดั การเรียนรู้ ปัญหา/อุปสรรค แนวทางแก้ไข ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/5 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/6 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/7 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... .......................................
ผลการประเมนิ /ผลการทดสอบ เตม็ มา ดมี าก ปานกลาง ปรับปรงุ สรุป จำนวน ร้อยละ ทักษะทีจ่ ำเป็นในการเรยี นรูใ้ นศตวรรษที่ 21 3Rs คือทักษะพ้นื ฐานท่ีจำเปน็ ตอ่ ผ้เู รยี นทกุ คน มดี ังน้ี 1. Reading คอื สามารถอา่ นออก 2. (W) Riteing คือ สามารถเขียนได้ 3. (A) Rithmatic คอื มีทักษะในการคำนวณ 3Rs คือ 8Cs ซึ่งเป็นทักษะต่าง ๆ ท่ีจำเป็นเช่นกัน ซ่ึงทุกทักษะสามารถนำไปปรับใช้ในการเรียนรู้ ได้ ทกุ วชิ า มีดงั น้ี 1. Critical thinking and problem solving คือ มีทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่ าง มวี ิจารณญาณและสามารถแก้ไขปัญหาได้ 2. Creativity and innovation คอื การคิดอยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละคดิ เชิงนวตั กรรม 3. Cross-cultural understanding คือ ความเข้าใจในความแตกต่างของวัฒนธรรมและ กระบวนการคดิ ขา้ มวัฒนธรรม 4. Collaboration teamwork and leadership คือ ความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะ ความเป็นผู้นำ 5. Communication information and media literacy คือ มี ทั กษ ะใน การสื่อสารและ การรู้เท่าทันส่ือ 6. Computing and IT literacy คือ มีทักษะการใช้คอมพิวเตอรแ์ ละรูเ้ ท่าทันเทคโนโลยี 7. Career and learning skills คือ มีทกั ษะอาชีพและการเรยี นรู้ 8. Compassion คอื มคี วามเมตตากรณุ า มีคุณธรรม และมีระเบียบวินัย ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง จึงประกอบด้วยคณุ สมบัติ ดงั น้ี 1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียน ตนเองและผอู้ นื่ เช่น การผลติ และการบริโภคที่อย่ใู นระดับพอประมาณ 2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่าง มีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดข้ึนจากการกระทำน้ัน ๆ อย่างรอบคอบ
3. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปล่ียนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดข้ึน โดยคำนึ งถึงความเป็น ไป ได้ของสถานการณ์ ต่างๆ ที่ คาดว่าจะเกิดข้ึนในอนาคต โดยมเี งอ่ื นไข ของการตัดสินใจและดำเนนิ กิจกรรมตา่ งๆ ใหอ้ ยูใ่ นระดับพอเพยี ง 2 ประการ ดังนี้ 1) เงอ่ื นไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เก่ียวกับวิชาการต่างๆ ท่ีเก่ียวข้องรอบด้านความ รอบคอบท่ีจะนำความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังใน การปฏบิ ัติ 2) เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความ ซ่ือสัตย์สุจริตและมีความอดทน มคี วามเพยี ร ใชส้ ตปิ ัญญาในการดำเนนิ ชีวิต เศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำรินั้นแตกต่างจากเศรษฐกิจแบบทุนนิยมของตะวันตก ซ่ึงให้ความสำคัญกับเร่ืองวัตถุที่เป็นรูปธรรม เช่น เงิน ทรัพย์สิน กำไร โดยไม่นำเรื่องของสภาพจิตใจหรือ เร่ืองนามธรรมมาเกี่ยวข้อง อีกท้ังเศรษฐกิจพอเพียงยังมีขอบเขตท่ีกว้างขวางกว่าเศรษฐกิจนายทุน หรือเศรษฐกิจธุรกิจ เพราะสามารถครอบคลุมได้ถึง 4 ด้าน คือ มิติด้านเศรษฐกิจ มิติด้านจิตใจ มิติด้านสังคม และมติ ดิ า้ นวัฒนธรรม ดังน้ี 1. มิติด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเศรษฐกิจแบบพออยู่พอกิน ให้มีความขยันหม่ันเพียร ประกอบสัมมาอาชีพ เพือ่ ให้พึ่งตนเองได้ ให้พน้ จากความยากจน 2. มิติด้านจิตใจ เศรษฐกิจพอเพียงเน้นที่จิตใจที่รู้จักพอ คือ พอดี พอประมาณและพอใจในสิ่งท่ี มี ยินดใี นส่ิงท่ีไดไ้ ม่โลภ เศรษฐกิจพอเพียงจะตอ้ งเร่ิมทีต่ ัวเอง โดยสร้างรากฐานทางจติ ใจที่ม่ันคง โดยเริ่มจาก ใจทรี่ จู้ กั พอ เปน็ การปฏบิ ัตติ ามทางสายกลาง หรือมัชฌิมาปฏปิ ทา 3. มิติด้านสังคม เศรษฐกิจพอเพียงมุ่งให้เกิดสังคมท่ีมีความสุขสงบ ประชาชนมีความเมตตา เอื้ออาทรชว่ ยเหลือซึ่งกันและกนั ไมใ่ ชต่ ่างคนต่างอยู่ มุ่งใหเ้ กิดความสามัคคีร่วมมือกัน เพ่ือให้ทุกคนอยู่ร่วมกัน ไดโ้ ดยปราศจากการเบียนเบียนกัน การเอารดั เอาเปรียบกนั การมุ่งรา้ ยทำลายกนั 4. มิติด้านวัฒนธรรม หมายถึง วิถีชีวิตของประชาชน เศรษฐกิจพอเพียงมุ่งให้เกิดวัฒนธรรมหรือ วิถีชีวิตท่ีประหยัด อดออม มีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ไม่ตกเป็นทาสของวัตถุนิยมและบริโภคนิยม ซึง่ ทำให้เกิดการเป็นหนเ้ี ป็นสิน เกดิ การทจุ รติ คอรัปชน่ั เป็นปัญหาสังคมท่ีร้ายแรงท่สี ุดปญั หาหนึ่งท่ีบอ่ นทำลาย ความม่นั คงของชาติ มิติทั้ง 4 ด้านของเศรษฐกิจพอเพียงได้สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ส่งผลดีต่อแค่ด้าน เศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อด้านต่างๆ ท่ีมีส่วนช่วยให้คนในประเทศอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ตามวิถชี ีวติ ทไ่ี มฟ่ งุ้ เฟ้อ และอยู่บนพ้ืนฐานของความพอดี
แบบประเมินทกั ษะทจี่ ำเปน็ ในการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 และปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ขอ้ เสนอแนะ ลงนาม 3Rs 8Cs 3 หว่ ง 2 เงอ่ื นไข 4 มติ ิ ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงื่อนไข1 ������ มติ ิ1 ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ หว่ ง2 ������ เง่อื นไข2 ������ มิติ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ ห่วง3 ������ มิติ3 (นายธรี ะพร ไวยครฑุ ธี) ครูผู้สอน ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 (นางสาวพมิ พ์พรรณ แกว้ โต) ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงอ่ื นไข1 ������ มติ ิ1 หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรศู้ ลิ ปะ ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ ห่วง2 ������ เงื่อนไข2 ������ มิติ2 (นางปานทอง แสงจนั ทร์งาม) หวั หน้ากลมุ่ บริหารวชิ าการ ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ หว่ ง3 ������ มิติ3 (นายพรอ้ มพันธุ์ ลายลักษณ์) ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวชิ าการ ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงื่อนไข1 ������ มติ ิ1 (นางสาวชลารักษ์ สายอุทัศน์) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนฯ ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ ห่วง2 ������ เงอื่ นไข2 ������ มติ ิ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ ห่วง3 ������ มติ ิ3 ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ ห่วง1 ������ เงอ่ื นไข1 ������ มิติ1 ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ ห่วง2 ������ เงอ่ื นไข2 ������ มิติ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ ห่วง3 ������ มิติ3 ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงื่อนไข1 ������ มิติ1 ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ หว่ ง2 ������ เงอ่ื นไข2 ������ มติ ิ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ ห่วง3 ������ มติ ิ3 ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4
3 หน่วยการเรียนรู้ การแตง่ เพลงรอ้ งง่าย ๆ
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 7 คาบที่ 7 - 8 รหัสวชิ า ศ23101 วชิ า ศิลปะ 5 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ ปกี ารศึกษา 2564 ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรยี นที่ 1 เวลาทัง้ หมด 4 คาบ ใช้เวลา 2 คาบ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เร่อื ง การแต่งเพลงรอ้ งง่าย ๆ เรื่อง หลกั การประพันธเ์ พลง ช่ือ - สกลุ (ผจู้ ัดทำแผนการจัดการเรียนร)ู้ นายธีระพร ไวยครฑุ ธี 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวดั มาตรฐานการเรียนรู้ ศ 2.1 เขา้ ใจและแสดงออกทางดนตรอี ยา่ งสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษว์ จิ ารณ์คุณคา่ ดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคดิ ต่อดนตรี อยา่ งอสิ ระ ช่ืนชมและประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวนั ตวั ช้ีวัด ศ 2.1 ม.3/3 แตง่ เพลงสั้น ๆ จังหวะง่าย ๆ ศ 2.1 ม.3/4 อธบิ ายเหตุผลในการเลอื กใช้องคป์ ระกอบดนตรีในการสร้างสรรคง์ านดนตรี ของตนเอง 2. สาระการเรยี นรู้ 2.1 ความรู้ 1) อตั ราจงั หวะ 2) การประพนั ธเ์ พลง 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด 1) ทกั ษะการแสวงหาความรู้ 2) ทักษะกระบวนการทำงาน 3) ทักษะการจดั การ 4) ทักษะกระบวนการแกป้ ัญหา 5) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั 3. สาระสำคัญ การประพนั ธ์เพลง ผู้ประพันธ์ตอ้ งรู้จกั เลือกใช้องค์ประกอบดนตรใี หเ้ หมาะสมกับอารมณ์ของบทเพลง เพ่ือถา่ ยทอดออกมาใหผ้ ู้ฟงั ไดร้ ับรแู้ ละเข้าใจ
4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) - อธิบายอัตราจังหวะ และการประพันธ์เพลงในอัตราจงั หวะ 2/4 และ 4/4 4.2 ทักษะทีส่ ำคัญ (P) - จดั ทำอตั ชีวประวตั ิของนกั แต่งเพลงทต่ี นเองชืน่ ชอบ 4.3 คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) - อยู่อยา่ งพอเพียง ตัวช้วี ดั ที่ 5.2 มีภมู ิค้มุ กนั ในตวั ที่ดี ปรบั ตวั เพื่ออยู่ในสังคมไดอ้ ย่างมคี วามสุข 4.4 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (C) - ความสามารถในการคดิ 5. จุดเน้นสู่การพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รียน 5.1 ทักษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คอื การเรียนรู้ 3Rs X 8Cs Reading (อา่ นออก) (W) Riting (เขียนได้) (A) Rithemetics (คิดเลขเป็น) ทกั ษะดา้ นการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณและทักษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) ทกั ษะด้านการสร้างสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation) ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding) ทกั ษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทกั ษะดา้ นการส่อื สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันสือ่ (Communications, Information, and Media Literacy) ทักษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร (Computing and ICT Literacy) ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and Learning) ทักษะการเปล่ียนแปลง (Change)
6. กิจกรรมการเรยี นรู้ 6.1 ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คำถามทา้ ทาย ดงั นี้ - นกั เรียนคิดวา่ นกั ประพันธเ์ พลง ตอ้ งมีคุณลักษณะอย่างไร 6.2 ให้นักเรียนฟังเพลงท่ีกำลังมีความโด่งดังในปัจจุบัน 1 บทเพลง จากน้ันร่วมกันอภิปรายแสดง ความคิดเห็นว่า เพราะเหตใุ ดบทเพลงบทเพลงนน้ั จงึ ได้รับความนิยมและมีความโดง่ ดัง 6.3 ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นว่า นักแต่งเพลง มีเทคนิคในการแต่งเพลงอย่างไร จึงประสบความสำเรจ็ และมีคนชน่ื ชอบในผลงาน 6.4 ให้นักเรียนศึกษาอัตราจังหวะท่ีใช้ในการแต่งเพลง (อัตราจังหวะ 2/4 และ 4/4) และการ ประพันธ์เพลงในอัตราจังหวะ 2/4 และ 4/4 จากหนังสอื เรยี นหรอื แหลง่ เรียนรอู้ น่ื ๆ 6.5 ให้นกั เรยี นพิจารณาบทเพลงที่กำลงั ได้รับความนยิ มในปจั จบุ ัน จากนัน้ ร่วมกันจำแนกว่า บทเพลง ใดแต่งโดยใชอ้ ตั ราจงั หวะ 2/4 และบทเพลงใดใช้อัตราจงั หวะ 4/4 6.6 ให้นักเรียนเลือกบทเพลงที่ตนเองช่ืนชอบ 1 บทเพลง ค้นหาช่ือผู้แต่งบทเพลงน้ัน จากน้ันสืบค้น ข้อมูลอัตชีวประวัติ รูปแบบและเทคนิคที่ใช้ในการประพันธเ์ พลง ผลงานท่ีมีช่ือเสียงและเป็นที่รจู้ ักของนักแต่ง เพลงทา่ นนั้น ๆ นำมาจดั ทำเป็นสื่อเผยแพร่ด้วยรปู แบบที่เหมาะสม 6.7 ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น เพื่อสรุปความรู้เก่ียวกับ อัตราจังหวะและการ ประพันธ์เพลงโดยใช้อัตราจงั หวะ 2/4 และ 4/4 โดยครใู ชค้ ำถาม ดังน้ี - บทเพลงใดบ้างท่มี ีอัตราจังหวะ 2/4 และ 4/4 - จงั หวะ 2/4 และ 4/4 แตกตา่ งกันอย่างไร - ถ้าจะแตง่ เพลงใชใ้ นงานปีใหม่ควรแตง่ เพลงอตั ราจงั หวะใด เพราะอะไร - เพราะเหตุใดผปู้ ระพันธ์เพลงจงึ ตอ้ งมีแนวคิดหลัก - บทเพลงใดที่ใหค้ วามรู้สึกเศรา้ หมอง - การเลอื กใชด้ นตรมี คี วามสำคัญอยา่ งไร 6.8 นักเรยี นและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดงั น้ี - การประพันธ์เพลง ผู้ประพันธ์ต้องรู้จักเลือกใช้องค์ประกอบดนตรีให้เหมาะสมกับอารมณ์ ของบทเพลง เพอ่ื ถา่ ยทอดออกมาใหผ้ ู้ฟงั ไดร้ ับรู้และเข้าใจ 7. ส่ือ/นวัตกรรม/แหล่งเรียนรู้ 7.1 หนังสือเรียน ดนตรี-นาฏศิลป์ ม.3 7.2 อินเทอรเ์ น็ต 7.3 Power Point
8. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน - จัดทำอัตชวี ประวัตขิ องนักแต่งเพลงทตี่ นเองชืน่ ชอบ 9. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 9.1 วธิ ีการวัดและประเมนิ ผล - การทดสอบก่อนเรยี น - สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม - สังเกตความมวี ินัย ใฝเ่ รียนรู้ และม่งุ ม่นั ในการทำงาน 9.2 เคร่ืองมอื - แบบทดสอบก่อนเรยี น - แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรม - แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 9.3 เกณฑ์การประเมิน 9.3.1 การประเมนิ พฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเขา้ ร่วมกจิ กรรม ผ่านตง้ั แต่ 2 รายการ ถอื วา่ ผ่าน ผา่ น 1 รายการ ถือวา่ ไมผ่ ่าน 9.3.2 การประเมินผลคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - อยู่อยา่ งพอเพยี ง ตัวช้วี ดั ที่ 5.2 มภี ูมคิ มุ้ กันในตัวทีด่ ี ปรับตวั เพอ่ื อยูใ่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข พฤติกรรมบง่ ชี้ ไมผ่ ่าน (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดีเยยี่ ม (3) 1. วางแผนการเรียน ไมว่ างแผนการ ใช้ความรู้ ข้อมลู ใชค้ วามรู้ ข้อมลู ใช้ความรู้ ขอ้ มูล ขา่ วสารในการ การทำงานและการใช้ เรียนและการใช้ วางแผนการเรยี น ขา่ วสารในการ ข่าวสารในการ การทำงานและใช้ ชวี ติ ประจำวัน ชวี ติ ประจำวนั ในชวี ิตประจำวนั วางแผนการเรยี น วางแผนการเรียน รบั รกู้ าร บนพื้นฐานของความรู้ เปลีย่ นแปลง การทำงานและใชใ้ น การทำงานและใช้ ของครอบครัว ข้อมูล ขา่ วสาร ชีวติ ประจำวนั ในชีวิตประจำวนั 2. รเู้ ท่าทันการ ยอมรับการ ยอมรบั การ เปล่ียนแปลงของสงั คม เปลีย่ นแปลงของ เปลยี่ นแปลงของ และสภาพแวดล้อม ครอบครัว ชุมชน ครอบครัว ชมุ ชน
พฤติกรรมบง่ ช้ี ไมผ่ า่ น (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดเี ยยี่ ม (3) ยอมรับและปรับตัวอยู่ ชมุ ชน และ สงั คม และ สังคม สภาพ รว่ มกบั ผู้อื่นไดอ้ ย่างมี สภาพแวดลอ้ ม สภาพแวดล้อม แวดล้อมและ ความสุข ปรบั ตวั อยู่ร่วมกบั ผู้อื่นได้อยา่ งมี ความสขุ 9.4 การประเมินสมรรถนะสำคญั คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคแ์ ละทักษะศตวรรษท่ี 21 (การเรยี นรู้ 3Rs x 8Cs) ประเด็นการประเมิน แหล่งเรยี นรู้ วธิ ีวัด เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์การให้ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต คะแนน ทักษะด้านการคิดอยา่ ง การสนทนา การทำงาน พฤติกรรมการ รายบุคคล ทำงานรายบุคคล - ระดบั คุณภาพ 2 มวี ิจารณญาณและ ซักถาม ผ่านเกณฑ์ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกต ทกั ษะในการแก้ไข แลกเปล่ียนเรยี นรู้ การทำงาน พฤติกรรมการ - ระดับคุณภาพ 2 รายบุคคล ทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์ ปญั หา (Critical สังเกตความมีวนิ ยั แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2 Thinking and ใฝเ่ รยี นรู้ มุง่ มั่นใน คุณลักษณะอนั พงึ ผ่านเกณฑ์ การทำงาน และ ประสงค์ Problem Solving) รักความเป็นไทย ระดบั คุณภาพ 2 - แบบสังเกต ผ่านเกณฑ์ ทกั ษะดา้ นการ การสรา้ งสรรค์ - สังเกตพฤติกรรม พฤติกรรมการ การทำงาน ทำงานรายบคุ คล สร้างสรรค์ และ ช้นิ งาน รายบคุ คล นวัตกรรม (Creativity and Innovation) ทกั ษะด้านความเขา้ - การเขา้ ร่วม ใจความต่างวัฒนธรรม กจิ กรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ - การสนทนา (Cross-cultural ซกั ถาม Understanding) แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ ทักษะด้านการสื่อสาร การใชส้ ารสนเทศ สารสนเทศและรเู้ ท่าทัน และเทคโนโลยี ส่อื (Communications, Information, and Media Literacy)
10. แนวทางการนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 10.1 ผู้สอนนำหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ หลกั พอเพยี ง ความพอประมาณ มีเหตผุ ล มภี มู คิ ้มุ กนั ในตัวทดี่ ี ประเดน็ วเิ คราะห์หลกั สูตร เนอ้ื หา เลอื กเรื่องทส่ี อนให้ เพอ่ื ใหก้ ารจดั กจิ กรรมการ ออกแบบ และจดั กิจกรรม สอดคล้องกบั ท้องถนิ่ เรยี นร้คู รอบคลุมตาม เน้อื หา ให้สอดคล้องกับมาตรฐาน และผู้เรยี น เพื่อให้เหน็ จดุ ประสงค์ ตัวชว้ี ัด และบรบิ ทของ ความสำคญั ของการ ท้องถิน่ อนุรักษภ์ ูมปิ ัญญา จัดการเรียนรู้เหมาะสม จดั การเรยี นรูไ้ ด้ตาม เพอื่ ใหก้ ารจัดกิจกรรมการ เวลา เพียงพอกับเวลาท่ีกำหนดไว้ กระบวนการ ครบถ้วน เรียนรู้ได้ครบตาม ตามท่ีวางแผนไว้ จดุ ประสงคท์ ี่กำหนดไว้ นกั เรียนปฏบิ ตั ิตาม เพ่ือให้นกั เรยี นนำความรู้ 1. เพือ่ ให้นักเรยี นได้ กจิ กรรม และเกิดการ ทไี่ ด้ไปปฏบิ ัติ แลกเปลีย่ นเรียนรู้ และ เรยี นรู้ด้วยตนเอง แสดงศักยภาพของตนเอง วิธกี ารจดั กจิ กรรม เพื่อให้เกิดความภาคภูมใิ จ 2. เพอื่ ตรวจสอบศกั ยภาพ ของนักเรยี นเป็นรายบคุ ล สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรง ตามความสามารถ กำหนดภาระงาน/ช้ินงาน เพอื่ ส่งเสริมใหผ้ ูเ้ รยี น เตรยี มวิธีป้องกนั และ แหลง่ เรียนรู้ ในการทำผลติ ภณั ฑ์ ใฝเ่ รยี นรู้ และสง่ เสริมการ แกป้ ัญหาจากการปฏิบัติ ทอ้ งถิ่นไดเ้ หมาะสมกับ ใช้เทคโนโลยี และภมู ิ กิจกรรม จดุ ประสงค์และวัยผูเ้ รยี น ปัญญาท้องถน่ิ 1. จดั เตรยี มใบความรแู้ ละ 1. ออกแบบการเรยี นรู้ เตรียมแผนการจดั การ ใบงานท่ีเหมาะสมกับ เพอ่ื ให้เหน็ คณุ คา่ ของ เรยี นรู้ หรือ สอื่ สำรอง เนอื้ หาที่สอน และความ ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่ิน เพื่อรองรับกรณีที่มีการ สอ่ื /อปุ กรณ์ สนใจของผูเ้ รยี น 2. นักเรยี นไดร้ ับประสบ เปล่ียนแปลง 2. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ การณต์ รงในการเรยี นรู้ เหมาะสมกบั วยั ของผ้เู รยี น และเกดิ ความภาคภูมิใจ ในความสามารถของ
หลกั พอเพียง ความพอประมาณ มเี หตุผล มีภูมิค้มุ กันในตวั ท่ดี ี ประเดน็ ตนเอง การประเมินผล ประเมนิ ตามสภาพจรงิ ของ เพอ่ื ส่งเสริมและพัฒนา เตรยี มวธิ ีการประเมนิ ให้ ผ้เู รียน ผเู้ รียนได้เต็มศักยภาพ เหมาะสมกบั ผูเ้ รยี น ความรูท้ ่ีครู - มีความรู้ในหลกั สตู ร เน้อื หาสาระ ได้แก่ ความรู้พ้นื ฐานเก่ียวกบั ดนตรี จำเปน็ ต้องมี - หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง - ใชห้ ลักความยตุ ิธรรม มคี วามรบั ผดิ ชอบ มีวินัยในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ - ปฏิบัตหิ น้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ ขยนั หม่นั เพียร อดทน มีจติ สาธารณะ และ คุณธรรมของครู ใชส้ ตปิ ัญญาในการจัดการเรียนรู้ - จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ทไ่ี ม่เบยี ดเบยี นตนเองและผ้อู ื่น ไม่ทำลายธรรมชาติ และ สงิ่ แวดลอ้ ม และไม่สร้างความแตกแยกในสังคม ชมุ ชน - มคี วามคิดริเรม่ิ สร้างสรรค์เพ่ือพัฒนาผอู้ ืน่ และตนเองใหเ้ ปน็ คนดขี องสงั คม 10.2 ผลท่ีเกิดข้ึนกับผู้เรียนสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) ผเู้ รียนได้เรยี นรูห้ ลักคิด และฝึกปฏิบตั ิ ตาม 3 หว่ ง 2 เงื่อน ดังนี้ ความพอประมาณ มเี หตุผล มภี ูมิค้มุ กนั ในตวั ทด่ี ี นักเรียนมีพ้นื ฐานในการวดั และ นักเรยี นวิเคราะห์ และตัดสนิ ใจ นักเรยี นนำความรทู้ ี่ได้จากการ ประเมนิ ผล ในการร่วมกิจกรรมระหวา่ งเรียน ปฐมนิเทศพนื้ ฐานเพื่อประกอบ การตดั สินใจ การทำกจิ กรรม ความรู้ - นกั เรียนทราบรายละเอยี ดในการวัดผล และประเมนิ ผลรายวิชา ศลิ ปะ 5 (ศ23101) คณุ ธรรม - นกั เรยี นมีวินยั ซือ่ สตั ย์ สจุ ริต และตรงต่อเวลา 2) ผเู้ รียนได้เรยี นรูก้ ารใช้ชวี ิตท่ีสมดลุ และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงใน 4 มิติตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ดงั น้ี ดา้ น สมดลุ และพร้อมรบั การเปล่ียนแปลงในด้านต่าง ๆ องค์ประกอบ วัตถุ สงั คม สิ่งแวดล้อม วฒั นธรรม ความรู้ ไดค้ วามรเู้ ก่ียวกบั 1. มีการวางแผน มคี วามรอบรู้ใน 1. การเรยี นรู้ แนวทางในการวัด ในการทำงานเป็น การวางแผนชีวติ สอดคล้องกับวิถี
ดา้ น สมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในด้านตา่ ง ๆ องค์ประกอบ วัตถุ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม วฒั นธรรม และประเมนิ ผล กระบวนการแบบ ในอนาคต ชีวิตของคนใน รายวิชา ศลิ ปะ 5 กลมุ่ ชมุ ชน (ศ23101) 2. นักเรียนมีการ 2. เหน็ คุณค่าของ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ภมู ปิ ัญญาท้องถิน่ 3. นักเรยี นได้ ชว่ ยเหลอื ซึง่ กนั และกัน 1. มีทักษะในการใช้ 1. มที กั ษะในการ ใช้ประโยชน์จาก 1. ดำรงตนอย่ใู น วสั ดุอปุ กรณ์อยา่ ง ทำงาน สิง่ แวดล้อมอย่าง สงั คมอย่างมี ทักษะ ประหยัด และคุ้มคา่ 2. มีความสามารถใน ระมดั ระวัง และ ความสุข 2. การเลอื กใช้วสั ดุ การนำความร้ทู ่ีได้รบั ค้มุ คา่ 2. มีทักษะในการ อุปกรณไ์ ด้อย่าง ไปร่วมกนั แกป้ ัญหา คำนวณและนำไปใช้ เหมาะสม เพ่อื หาข้อสรปุ ได้ ไดอ้ ย่างเหมาะสม ตระหนักถึงผลที่ 1. มคี วามรับผิด 1. มีจติ สำนึกใน 1. สบื สานอนรุ กั ษ์ เกดิ จากการใช้วสั ดุ ชอบต่อการทำงาน การอนุรักษภ์ ูมิ ภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ อุปกรณ์ในการ ของกลมุ่ ปัญญาท้องถิ่น 2. ใช้แหลง่ เรยี นรู้ คา่ นิยม ปฏบิ ัติงาน 2. ยอมรับความ 2. ใช้ทรัพยากร โดยใช้ภมู ิปญั ญา คดิ เหน็ ซึ่งกันและ และส่งิ แวดล้อม ท้องถิน่ กัน มคี วามเสยี อย่างประหยัด สละและอดทน ลงชอ่ื ........................................................................ (นายธีระพร ไวยครุฑธี) .........../................./..............
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208