แบบทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอื่ ง การแตง่ เพลงร้องงา่ ย ๆ ช่อื -นามสกลุ ....................................................................................................ชัน้ ม.3/.............เลขท่.ี ............ คำช้ีแจง ใหน้ กั เรียนเลอื กคำตอบที่ถูกต้องท่สี ดุ เพยี งขอ้ เดียว 1. บทเพลงในข้อใดท่ีเป็นเพลงอตั ราจังหวะ 2/4 2 เพลงลาวดวงเดือน 1 เพลงมาร์ชราชวลั ลภ 4 เพลงเขมรไทรโยค 3 เพลงสามคั คีชุมนุม 2. ในการประพนั ธ์เพลงผ้ปู ระพันธ์เพลงควรคำนงึ ถงึ สิ่งใด 2 จำนวนผฟู้ งั บทเพลง 1 บคุ คลทจ่ี ะขับร้องเพลง 4 นกั ดนตรีทีบ่ รรเลงบทเพลง 3 เรื่องราวที่จะประพันธ์เพลง 3. การประพนั ธ์เพลงทด่ี ีควรมีลกั ษณะอย่างไร 1 ความหมายของบทเพลงทันสมัย ไพเราะ 2 เครอ่ื งดนตรีที่จะใช้ในบทเพลงต้องมีคุณภาพดี 3 จงั หวะและทำนองเหมาะสมกบั เนอ้ื หาของบทเพลง 4 ผูข้ ับรอ้ งสามารถขบั รอ้ งบทเพลงไดถ้ ูกตอ้ ง ไพเราะ 4. การประสานเสียงในบทเพลงควรมลี กั ษณะอย่างไร 2 เสียงขบั ร้องและดนตรเี หมาะสมกนั 1 ดนตรโี ดดเด่นกวา่ เสยี งรอ้ ง 4 เสยี งขบั รอ้ งมีความพร้อมเพรียงกัน 3 เสยี งขับรอ้ งต้องมเี อกลักษณ์ 5. เครอื่ งดนตรใี นขอ้ ใดทำใหบ้ ทเพลงมจี ังหวะตื่นเตน้ เร้าใจ 1 ฟลตู 2 ไวโอลิน 3 กลองชุด 4 โอโบ 6. เครือ่ งดนตรมี ีความสำคัญตอ่ บทเพลงอย่างไร 2 ทำใหบ้ ทเพลงมีความหมายดี 1 ทำให้ผ้ฟู งั บรรเลงบทเพลงไดถ้ ูกต้อง 4 ทำให้บทเพลงเป็นท่นี ยิ ม 3 ทำใหผ้ ้ฟู งั เข้าใจอารมณ์ของบทเพลง
7. บทเพลงในข้อใดทำใหผ้ ู้ฟงั ร้สู ึกสนุกสนาน 2 เพลงทะเลใจ 1 เพลงยอยศพระลอ 4 เพลงตะวันยังมีให้เห็น 3 เพลงหา่ งหน่อยถอยนดิ 8. ถา้ จะแตง่ บทเพลงใช้ในงานเลี้ยงโรงเรยี นไม่ควรเลือกจงั หวะที่มีลกั ษณะอย่างไร 1 จงั หวะเร็ว 2 จงั หวะชา้ เศร้า 3 จงั หวะปานกลาง สบาย ๆ 4 จงั หวะสน้ั เรา้ ใจ 9. ถ้าจังหวะและทำนองไม่สัมพนั ธ์กันบทเพลงจะเปน็ อยา่ งไร 1 บทเพลงไมไ่ พเราะ ไมน่ ่าฟัง 2 บทเพลงทนั สมัย แปลกใหม่ 3 บทเพลงไพเราะ น่าฟัง 4 บทเพลงสมบรู ณ์ ไพเราะ 10. สิ่งใดทถี่ ือวา่ เป็นเอกลกั ษณข์ องบทเพลง 2 เน้ือเพลง 1 ผขู้ บั ร้อง 4 ทำนองเพลง 3 ความหมายของเพลง เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 1. 1 2. 3 3. 3 4. 2 5. 3 6. 3 7. 3 8. 3 9. 1 10. 4
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรมรายบคุ คล คำชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ ลงใน ช่องท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน ท่ี ชือ่ -สกลุ ความมี ความมี การรับฟัง การแสดง การตรงต่อ รวม ของผูร้ บั การประเมิน วินยั นำ้ ใจ ความ ความ เวลา 20 เอื้อเฟือ้ คิดเหน็ คดิ เหน็ คะแนน เสียสละ 43214321432143214321 ลงชื่อ.......................................................ผู้ประเมนิ .............../.................../................. เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้ัง ให้ 1 คะแนน 18 - 20 ดมี าก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกวา่ 10 ปรบั ปรุง
แบบสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ คำชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงใน ชอ่ งที่ตรงกบั ระดับคะแนน การแก้ไข ที่ ชอ่ื -สกุล ความ การแสดง การรบั ฟัง ความตั้งใจ ปญั หา/ ของผู้รบั การประเมนิ รว่ มมือกัน ความ ความ ทำงาน หรอื รวม คิดเหน็ คิดเหน็ ปรับปรุง 20 ทำ ผลงาน คะแนน กิจกรรม กลุ่ม 4321 4321 432 14321 4321 ลงชอ่ื .......................................................ผ้ปู ระเมนิ .............../.................../................. เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกวา่ 10 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง ที่ตรงกบั ระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อันพงึ ประสงคด์ า้ น 4321 1. รักชาติ 1.1 ยนื ตรงเมอื่ ได้ยนิ เพลงชาติ ร้องเพลงชาตไิ ด้ และอธิบายความหมาย ศาสน์ กษตั ริย์ ของเพลงชาติ 1.2 ปฏิบตั ิตนและชกั ชวนผอู้ ่ืนปฏิบตั ิตามสิทธิและหนา้ ทข่ี องพลเมอื ง 1.3 ให้ความรว่ มมือ รว่ มใจ ในการทำกิจกรรมกบั สมาชิกในโรงเรยี น ชมุ ชนและสงั คม 1.4 เปน็ ผู้นำหรอื เป็นแบบอยา่ งในการจดั กิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อโรงเรยี น ชุมชน และสังคม ชื่นชม ปกป้องความเปน็ ชาตไิ ทย 1.5 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทีต่ นนบั ถอื ปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ของ ศาสนา และเปน็ ตัวอยา่ งท่ดี ีของศาสนกิ ชน 1.6 เข้าร่วมกิจกรรมและมสี ่วนรว่ มในการจดั กิจกรรมทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตามท่ีโรงเรียนและชุมชนจดั ขน้ึ ชนื่ ชมในพระ ราชกรณยี กิจ พระปรชี าสามารถของพระมหากษตั ริย์และพระราชวงศ์ 2. ซอ่ื สตั ย์ สุจริต 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถ่ี กู ต้อง และเปน็ จรงิ 2.2 ปฏบิ ัติในสิ่งท่ีถกู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทจ่ี ะกระทำความผดิ ทำ ตามสญั ญาทต่ี นให้ไวก้ บั เพอื่ น พอ่ แม่ หรอื ผปู้ กครอง และครู เป็น แบบอย่างท่ีดดี ้านความซื่อสัตย์ 2.3 ปฏิบตั ิตนต่อผ้อู ่ืนดว้ ยความซอื่ ตรง ไม่หาประโยชน์ในทางทไ่ี ม่ถูกตอ้ ง และเปน็ แบบอย่างที่ดีแก่เพอื่ นด้านความซ่ือสัตย์ 3. มวี ินยั รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของครอบครัว โรงเรียน และสงั คม ไม่ละเมิดสทิ ธขิ องผอู้ ืน่ ตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวนั และรับผดิ ชอบในการทำงาน ปฏิบัตเิ ปน็ ปกติวสิ ยั และเปน็ แบบอย่างท่ีดี 4 ใฝ่เรยี นรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ 4.2 มีการจดบันทกึ ความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความรูไ้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล
5. อยอู่ ยา่ ง 5.1 ใชท้ รัพย์สินของตนเอง เชน่ สิง่ ของ เครื่องใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั พอเพียง คุ้มค่า และเก็บรกั ษาดแู ลอยา่ งดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม 6. มงุ่ มั่นในการ 5.2 ใชท้ รพั ยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั ค้มุ คา่ และเก็บรักษาดูแล ทำงาน อยา่ งดี 7. รักความเปน็ 5.3 ปฏิบัตติ นและตัดสินใจดว้ ยความรอบคอบ มีเหตุผล ไทย 5.4 ไม่เอาเปรยี บผู้อื่น และไมท่ ำให้ผอู้ ืน่ เดือดร้อน พร้อมให้อภยั เม่ือผอู้ ่ืน 8. มจี ิตสาธารณะ กระทำผิดพลาด 5.5 วางแผนการเรยี น การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวนั บนพ้ืนฐาน ของความรู้ ข้อมลู ข่าวสาร 5.6 รเู้ ทา่ ทันการเปลี่ยนแปลงทางสงั คม และสภาพแวดล้อม ยอมรบั และปรบั ตวั อยูร่ ว่ มกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ย่างมคี วามสขุ 6.1 เอาใจใสต่ อ่ การปฏบิ ตั ิหน้าทที่ ี่ได้รบั มอบหมาย 6.2 ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบในการทำงานใหส้ ำเร็จ 6.3 ปรบั ปรุงและพัฒนาการทำงานอย่างรอบคอบ 6.4 ทมุ่ เท ทำงาน อดทน ไม่ท้อต่อปญั หาและอุปสรรค 6.5 พยายามแกป้ ญั หาและอปุ สรรคในการทำงานให้สำเร็จ 6.6 ช่นื ชมผลงานความสำเรจ็ ด้วยความภาคภมู ิใจ 7.1 มจี ติ สำนกึ ในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รจู้ กั ช่วยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครูทำงาน 8.2 อาสาทำงาน ชว่ ยคิด ชว่ ยทำ แบ่งปนั สง่ิ ของ ทรัพยส์ นิ และอื่น ๆ พรอ้ มช่วยแกป้ ญั หา 8.3 ดูแล รกั ษาทรพั ย์สนิ ของหอ้ งเรียน โรงเรยี น ชุมชน 8.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน ชมุ ชน เพ่ือแกป้ ญั หาหรือรว่ มสรา้ งสง่ิ ทดี่ งี ามตามสถานการณ์ท่เี กดิ ขน้ึ ลงช่อื .......................................................ผปู้ ระเมิน .............../.................../.................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยครัง้ ให้ 1 คะแนน 104 - 124 ดมี าก 83 - 103 ดี 62- 82 พอใช้ ตำ่ กวา่ 62 ปรับปรงุ
บนั ทกึ ผลการจดั การเรยี นรู้ รหสั วิชา........................รายวชิ า.....................................................ชั้นมัธยมศึกษาปีท.ี่ ..........เวลา............ชว่ั โมง เร่ืองท่สี อน............................................................................................................................................................ ชน้ั เต็ม ขาด ผลการจดั การเรยี นรู้ ปัญหา/อุปสรรค แนวทางแกไ้ ข ม.3/1 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/2 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/3 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/4 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... .......................................
ชน้ั เต็ม ขาด ผลการจดั การเรียนรู้ ปัญหา/อุปสรรค แนวทางแก้ไข ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/5 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/6 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/7 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... .......................................
ผลการประเมิน/ผลการทดสอบ เตม็ มา ดมี าก ปานกลาง ปรับปรุง สรุป จำนวน รอ้ ยละ ทกั ษะทจ่ี ำเปน็ ในการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21 3Rs คือทักษะพน้ื ฐานท่จี ำเปน็ ต่อผูเ้ รยี นทกุ คน มีดังนี้ 1. Reading คอื สามารถอ่านออก 2. (W) Riteing คือ สามารถเขียนได้ 3. (A) Rithmatic คอื มีทักษะในการคำนวณ 3Rs คือ 8Cs ซ่ึงเป็นทักษะต่าง ๆ ท่ีจำเป็นเช่นกัน ซ่ึงทุกทักษะสามารถนำไปปรับใช้ในการเรียนรู้ ได้ ทุกวิชา มีดังน้ี 1. Critical thinking and problem solving คือ มีทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่ าง มีวจิ ารณญาณและสามารถแก้ไขปัญหาได้ 2. Creativity and innovation คอื การคดิ อย่างสร้างสรรค์และคดิ เชิงนวตั กรรม 3. Cross-cultural understanding คือ ความเข้าใจในความแตกต่างของวัฒนธรรมและ กระบวนการคิดขา้ มวฒั นธรรม 4. Collaboration teamwork and leadership คือ ความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะ ความเป็นผนู้ ำ 5. Communication information and media literacy คือ มี ทั กษ ะใน การสื่อสารและ การรเู้ ทา่ ทนั สอื่ 6. Computing and IT literacy คอื มีทกั ษะการใชค้ อมพิวเตอร์และรู้เท่าทันเทคโนโลยี 7. Career and learning skills คอื มที ักษะอาชพี และการเรยี นรู้ 8. Compassion คอื มีความเมตตากรณุ า มีคณุ ธรรม และมรี ะเบยี บวินัย ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง จึงประกอบดว้ ยคณุ สมบตั ิ ดังน้ี 1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียน ตนเองและผู้อน่ื เชน่ การผลิตและการบริโภคท่อี ยู่ในระดับพอประมาณ 2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่าง มีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเก่ียวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ
อยา่ งรอบคอบ 3. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึ งถึงความเป็น ไป ได้ของสถานการณ์ ต่างๆ ท่ี คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมเี งอ่ื นไข ของการตดั สนิ ใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพยี ง 2 ประการ ดงั นี้ 1) เงอ่ื นไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้านความ รอบคอบที่จะนำความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังใน การปฏิบัติ 2) เง่ือนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความ ซ่ือสัตย์สจุ ริตและมคี วามอดทน มีความเพยี ร ใช้สติปญั ญาในการดำเนินชีวิต เศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริน้ันแตกต่างจากเศรษฐกิจแบบทุนนิยมของตะวันตก ซึ่งให้ความสำคัญกับเร่ืองวัตถุที่เป็นรูปธรรม เช่น เงิน ทรัพย์สิน กำไร โดยไม่นำเร่ืองของสภาพจิตใจหรือ เรื่องนามธรรมมาเกี่ยวข้อง อีกท้ังเศรษฐกิจพอเพียงยังมีขอบเขตท่ีกว้างขวางกว่าเศรษฐกิจนายทุน หรือเศรษฐกิจธุรกิจ เพราะสามารถครอบคลุมได้ถึง 4 ด้าน คือ มิติด้านเศรษฐกิจ มิติด้านจิตใจ มิติด้านสังคม และมิตดิ ้านวฒั นธรรม ดงั น้ี 1. มิติด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเศรษฐกิจแบบพออยู่พอกิน ให้มีความขยันหมั่นเพียร ประกอบสัมมาอาชีพ เพอื่ ให้พ่ึงตนเองได้ ให้พน้ จากความยากจน 2. มิติด้านจิตใจ เศรษฐกิจพอเพียงเน้นท่ีจิตใจท่ีรู้จักพอ คือ พอดี พอประมาณและพอใจในสิ่งที่ มี ยินดใี นสิ่งที่ได้ไม่โลภ เศรษฐกจิ พอเพยี งจะต้องเรม่ิ ท่ีตัวเอง โดยสร้างรากฐานทางจติ ใจที่มน่ั คง โดยเร่ิมจาก ใจทรี่ ้จู ักพอ เป็นการปฏิบตั ิตามทางสายกลาง หรอื มัชฌิมาปฏปิ ทา 3. มิติด้านสังคม เศรษฐกิจพอเพียงมุ่งให้เกิดสังคมท่ีมีความสุขสงบ ประชาชนมีความเมตตา เอื้ออาทรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ใชต่ ่างคนตา่ งอยู่ มุ่งให้เกิดความสามัคคีร่วมมือกัน เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกัน ไดโ้ ดยปราศจากการเบียนเบียนกัน การเอารัดเอาเปรียบกนั การมงุ่ ร้ายทำลายกนั 4. มิติด้านวัฒนธรรม หมายถึง วิถีชีวิตของประชาชน เศรษฐกิจพอเพียงมุ่งให้เกิดวัฒนธรรมหรือ วิถีชีวิตท่ีประหยัด อดออม มีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ไม่ตกเป็นทาสของวัตถุนิยมและบริโภคนิยม ซึง่ ทำใหเ้ กดิ การเป็นหน้ีเป็นสิน เกดิ การทจุ ริตคอรปั ชนั่ เปน็ ปญั หาสังคมทร่ี ้ายแรงทีส่ ุดปัญหาหนงึ่ ที่บ่อนทำลาย ความมั่นคงของชาติ มิติทั้ง 4 ด้านของเศรษฐกิจพอเพียงได้สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ส่งผลดีต่อแค่ด้าน เศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อด้านต่างๆ ท่ีมีส่วนช่วยให้คนในประเทศอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ตามวิถชี ีวติ ท่ีไมฟ่ ุง้ เฟอ้ และอยบู่ นพ้ืนฐานของความพอดี
แบบประเมินทกั ษะทจี่ ำเปน็ ในการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 และปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ขอ้ เสนอแนะ ลงนาม 3Rs 8Cs 3 หว่ ง 2 เงือ่ นไข 4 มติ ิ ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงื่อนไข1 ������ มิติ1 ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ ห่วง2 ������ เง่ือนไข2 ������ มติ ิ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ ห่วง3 ������ มิติ3 (นายธรี ะพร ไวยครฑุ ธี) ครูผู้สอน ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 (นางสาวพมิ พ์พรรณ แกว้ โต) ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงอ่ื นไข1 ������ มติ ิ1 หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรศู้ ลิ ปะ ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ หว่ ง2 ������ เง่อื นไข2 ������ มิติ2 (นางปานทอง แสงจนั ทร์งาม) หวั หน้ากลมุ่ บริหารวชิ าการ ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ หว่ ง3 ������ มติ ิ3 (นายพรอ้ มพันธุ์ ลายลักษณ์) ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงอ่ื นไข1 ������ มติ ิ1 (นางสาวชลารักษ์ สายอุทัศน์) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนฯ ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ ห่วง2 ������ เงื่อนไข2 ������ มติ ิ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ ห่วง3 ������ มติ ิ3 ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงอ่ื นไข1 ������ มติ ิ1 ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ หว่ ง2 ������ เงื่อนไข2 ������ มิติ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ ห่วง3 ������ มิติ3 ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงอ่ื นไข1 ������ มิติ1 ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ หว่ ง2 ������ เงอ่ื นไข2 ������ มติ ิ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ หว่ ง3 ������ มติ ิ3 ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 8 คาบท่ี 9 - 10 รหสั วชิ า ศ23101 วชิ า ศลิ ปะ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ปีการศึกษา 2564 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 1 เวลาท้ังหมด 4 คาบ ใชเ้ วลา 2 คาบ หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 เร่ือง การแต่งเพลงร้องง่าย ๆ เรอ่ื ง การเลือกใชอ้ งคป์ ระกอบในการสรา้ งสรรคบ์ ทเพลง ชอื่ - สกุล (ผู้จดั ทำแผนการจัดการเรยี นรู้) นายธีระพร ไวยครฑุ ธี 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐานการเรยี นรู้ ศ 2.1 เขา้ ใจและแสดงออกทางดนตรอี ย่างสรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษว์ ิจารณ์คุณค่าดนตรี ถา่ ยทอดความร้สู ึก ความคดิ ตอ่ ดนตรี อยา่ งอิสระ ชนื่ ชมและประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวัน ตวั ชีว้ ดั ศ 2.1 ม.3/3 แตง่ เพลงสนั้ ๆ จังหวะงา่ ย ๆ ศ 2.1 ม.3/4 อธิบายเหตผุ ลในการเลือกใชอ้ งค์ประกอบดนตรีในการสรา้ งสรรคง์ านดนตรี ของตนเอง 2. สาระการเรยี นรู้ 2.1 ความรู้ 1) การเลือกใช้องค์ประกอบในการสรา้ งสรรค์บทเพลง 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด 1) ทักษะการแสวงหาความรู้ 2) ทกั ษะกระบวนการทำงาน 3) ทักษะการจดั การ 4) ทกั ษะกระบวนการแก้ปัญหา 5) ทกั ษะการทำงานรว่ มกัน 3. สาระสำคัญ การเลือกจังหวะและทำนองในการสร้างสรรค์บทเพลงจะทำให้บทเพลงมีความสมบูรณ์ ไพเราะ และนา่ ฟัง ผฟู้ งั เข้าใจบทเพลงและอารมณ์ของบทเพลงมากขึน้
4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ความรู้ (K) - อธบิ ายเหตผุ ลในการเลือกใชอ้ งคป์ ระกอบดนตรใี นการสร้างสรรคง์ านดนตรีของตนเอง 4.2 ทักษะท่ีสำคญั (P) - แตง่ เพลงสนั้ ๆ จังหวะง่าย ๆ 4.3 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) - อยอู่ ยา่ งพอเพียง ตวั ชี้วัดท่ี 5.2 มีภูมิคมุ้ กนั ในตวั ท่ดี ี ปรับตวั เพื่ออยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข 4.4 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (C) - ความสามารถในการคดิ 5. จุดเน้นสู่การพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รียน 5.1 ทกั ษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คอื การเรยี นรู้ 3Rs X 8Cs Reading (อา่ นออก) (W) Riting (เขียนได้) (A) Rithemetics (คิดเลขเป็น) ทกั ษะดา้ นการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปญั หา (Critical Thinking and Problem Solving) ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation) ทกั ษะดา้ นความเขา้ ใจความตา่ งวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural Understanding) ทกั ษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทักษะด้านการส่อื สาร สารสนเทศและรู้เทา่ ทันส่ือ (Communications, Information, and Media Literacy) ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร (Computing and ICT Literacy) ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and Learning) ทักษะการเปล่ียนแปลง (Change)
6. กิจกรรมการเรียนรู้ 6.1 ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็น โดยครใู ช้คำถามท้าทาย ดังน้ี - ถ้านักเรียนเป็นนักประพันธเ์ พลง นักเรียนจะเลือกแต่งเพลงที่มีอัตราจังหวะใด และจะแต่ง ใหใ้ ครรอ้ ง เพราะอะไร 6.2 ใหน้ กั เรยี นทบทวนอัตราจังหวะท่ใี ช้ในการประพนั ธเ์ พลง 6.3 ให้นักเรียนศึกษาความรู้เก่ียวกับการเลือกใช้องค์ประกอบในการสร้างสรรค์บทเพลง จากหนังสือ เรียนหรือแหลง่ เรียนรอู้ ่ืน ๆ จากนัน้ ร่วมกนั อภปิ รายเพ่ือสรปุ ความรู้ 6.4 ให้นักเรียนเลือกบทเพลงท่ีมีอัตราจังหวะ 2/4 และ 4/4 อย่างละ 1 บทเพลง แล้ววิเคราะห์ เกี่ยวกบั การประพนั ธ์ของบทเพลงนน้ั จากน้ันออกมานำเสนอที่หน้าชน้ั เรียน 6.5 ให้นักเรยี นแตง่ เพลงง่าย ๆ 1 บทเพลงเกย่ี วกับเรือ่ งใดก็ได้ จากนน้ั ออกมานำเสนอดว้ ยการขับร้อง หน้าช้ันเรียน พรอ้ มทัง้ บอกเหตุผลว่าเพราะอะไรจึงสร้างสรรค์บทเพลงนี้ โดยครูประเมินผลการแตง่ เพลงลงใน แบบประเมิน แบบประเมินผลงานดนตรี (การแต่งเพลง) รายการประเมนิ ขั้นดเี ย่ียม ข้ันดี ข้ันพอใช้ ขั้นปรับปรุง (2 คะแนน) (1.5 คะแนน) (1 คะแนน) (0.5 คะแนน) 1. ความตั้งใจและสนใจในการแต่งเพลง 2. ความคดิ สรา้ งสรรคข์ องบทเพลง 3. การใชภ้ าษา 4. ความไพเราะของทำนองและจังหวะ 5. การนำเสนอผลงานเพลง คะแนนเต็ม 10 คะแนน รวมคะแนน......................คะแนน ลงช่อื ผูป้ ระเมิน............................................... 6.6 ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม 3 - 4 กลุ่ม ร่วมกันแต่งเพลงเกย่ี วกับโรงเรียนของตนเอง แล้วออกมาขับร้อง หน้าชัน้ เรยี นทลี ะกลุม่ 6.7 ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น เพ่ือสรุปความรู้เกี่ยวกับ การเลือกใช้องค์ประกอบ ในการสร้างสรรค์บทเพลงโดยครใู ช้คำถาม ดังนี้ - การกำหนดความเรว็ ของบทเพลงมคี วามสำคัญอย่างไร - ถ้ามบี ทเพลงมีเนอื้ หาและจังหวะไมเ่ หมาะสมกัน บทเพลงจะเป็นอย่างไร - ทำนองเพลงที่ไพเราะมลี กั ษณะอย่างไร - การแตง่ เพลงควรมคี วามเขา้ ใจในเรื่องใด
6.8 นักเรียนและครูรว่ มกันสรุปความรู้ ดังน้ี - การเลือกจังหวะและทำนองในการสร้างสรรค์บทเพลงจะทำให้บทเพลง มีความสมบูรณ์ ไพเราะและนา่ ฟัง ผูฟ้ งั เขา้ ใจบทเพลงและอารมณ์ของบทเพลงมากขึน้ 7. ส่ือ/นวัตกรรม/แหล่งเรียนรู้ 7.1 หนงั สอื เรียน ดนตรี-นาฏศิลป์ ม.3 7.2 อนิ เทอร์เนต็ 7.3 Power Point 8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน - แตง่ เพลงสน้ั ๆ จังหวะง่าย ๆ 9. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 9.1 วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล - การทดสอบหลังเรียน - สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรม - สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ - สงั เกตความมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ และม่งุ มนั่ ในการทำงาน - ประเมินผลงานดนตรี (การแตง่ เพลง) 9.2 เครื่องมือ - แบบทดสอบหลงั เรยี น - แบบสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ - แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - แบบประเมินผลงานดนตรี (การแตง่ เพลง) 9.3 เกณฑ์การประเมนิ 9.3.1 การประเมนิ ผลตวั ชว้ี ัด ให้ครูประเมนิ การสร้างสรรคผ์ ลงานดนตรี (การแต่งเพลง) ของนกั เรียน โดยเขียน คะแนนลงในแบบประเมนิ
แบบประเมินผลงานดนตรี (การแตง่ เพลง) รายการประเมนิ ขัน้ ดเี ยีย่ ม ข้ันดี ขน้ั พอใช้ ขน้ั ปรับปรุง (2 คะแนน) (1.5 คะแนน) (1 คะแนน) (0.5 คะแนน) 1. ความตั้งใจและสนใจในการแตง่ เพลง 2. ความคิดสรา้ งสรรคข์ องบทเพลง 3. การใช้ภาษา 4. ความไพเราะของทำนองและจงั หวะ 5. การนำเสนอผลงานเพลง เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ระดบั คะแนน ระดบั คุณภาพ 9 – 10 ดีเยย่ี ม 7–8 ดี 5–6 พอใช้ 1–4 ควรปรับปรุง 9.3.2 การประเมินพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม ผา่ นตง้ั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผ่าน ผ่าน 1 รายการ ถือวา่ ไม่ผา่ น 9.3.3 การประเมนิ พฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คะแนน 18 - 20 ระดบั ดีมาก คะแนน 14 - 17 ระดับ ดี คะแนน 10 - 13 ระดบั พอใช้ ต่ำกวา่ 10 ระดับ ควรปรบั ปรุง 9.3.4 การประเมนิ ผลคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - อยู่อย่างพอเพยี ง ตัวช้ีวดั ท่ี 5.2 มภี ูมิคุม้ กนั ในตัวทดี่ ี ปรบั ตวั เพ่อื อยู่ในสงั คมได้อย่างมีความสุข พฤติกรรมบง่ ชี้ ไม่ผา่ น (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดเี ย่ยี ม (3) 1. วางแผนการเรยี น ไม่วางแผนการ ใชค้ วามรู้ ขอ้ มูล ใช้ความรู้ ข้อมลู ใชค้ วามรู้ ข้อมูล ข่าวสารในการ ข่าวสารในการ ขา่ วสารในการ การทำงานและการใช้ เรียนและการใช้ วางแผนการเรียน วางแผนการเรยี น วางแผนการเรียน ชวี ิตประจำวนั ชวี ติ ประจำวนั
พฤติกรรมบง่ ชี้ ไมผ่ า่ น (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดเี ยีย่ ม (3) บนพ้ืนฐานของความรู้ การทำงานและใช้ การทำงานและใช้ การทำงานและใช้ ข้อมูล ขา่ วสาร ในชีวิตประจำวัน ในชวี ิตประจำวัน ในชวี ิตประจำวนั 2. รูเ้ ท่าทันการ รับรู้การ ยอมรบั การ ยอมรับการ เปลย่ี นแปลงของสงั คม เปล่ียนแปลง เปลยี่ นแปลงของ เปลยี่ นแปลงของ และสภาพแวดลอ้ ม ของครอบครัว ครอบครัว ชมุ ชน ครอบครวั ชมุ ชน ยอมรบั และปรบั ตวั อยู่ ชมุ ชน และ สังคม และ สงั คม สภาพ รว่ มกบั ผูอ้ ่นื ไดอ้ ย่างมี สภาพแวดลอ้ ม สภาพแวดลอ้ ม แวดลอ้ มและ ความสุข ปรับตวั อยู่ร่วมกบั ผ้อู ื่นได้อยา่ งมี ความสขุ 9.4 การประเมินสมรรถนะสำคญั คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคแ์ ละทกั ษะศตวรรษท่ี 21 (การเรียนรู้ 3Rs x 8Cs) ประเดน็ การประเมนิ แหลง่ เรยี นรู้ วิธีวัด เคร่ืองมอื วัด เกณฑ์การให้ การสนทนา คะแนน ทกั ษะดา้ นการคดิ อยา่ ง ซักถาม - ประเมนิ ผลงาน - แบบประเมินผล มีวจิ ารณญาณและ แลกเปล่ียนเรยี นรู้ - สงั เกตพฤติกรรม งาน - รอ้ ยละ 60 ผา่ น ทักษะในการแก้ไข การทำงาน - แบบสงั เกต เกณฑ์ ปัญหา (Critical การสรา้ งสรรค์ รายบคุ คล พฤติกรรมการ - ระดับคณุ ภาพ 2 Thinking and ชน้ิ งาน ทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์ Problem Solving) - ประเมินผลงาน ทักษะด้านการ - การเข้ารว่ ม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมินผล - รอ้ ยละ 60 ผา่ น สรา้ งสรรค์ และ กิจกรรม การทำงาน งาน เกณฑ์ นวัตกรรม (Creativity - การสนทนา รายบคุ คล - แบบสังเกต - ระดับคณุ ภาพ 2 and Innovation) ซกั ถาม พฤติกรรมการ ผา่ นเกณฑ์ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ สงั เกตความมวี ินัย ทำงานรายบคุ คล ทักษะด้านความเขา้ ใฝ่เรยี นรู้ มงุ่ ม่นั ใน แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 2 ใจความตา่ งวัฒนธรรม การทำงาน และ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ผา่ นเกณฑ์ ตา่ งกระบวนทัศน์ รักความเปน็ ไทย ประสงค์ (Cross-cultural Understanding)
ประเดน็ การประเมนิ แหลง่ เรยี นรู้ วธิ ีวดั เครื่องมอื วดั เกณฑ์การให้ คะแนน ทักษะด้านความ การนำเสนอ สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต การทำงานกลมุ่ พฤติกรรมการ ระดับคุณภาพ 2 ร่วมมอื การทำงานเปน็ กระบวนการ ผา่ นเกณฑ์ ทำงานกลุม่ ทมี และภาวะผนู้ ำ ทำงานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทักษะด้านการส่ือสาร การใชส้ ารสนเทศ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกต สารสนเทศและร้เู ท่า และเทคโนโลยี การทำงาน พฤติกรรมการ ทันสือ่ รายบคุ คล ทำงานรายบุคคล (Communications, Information, and Media Literacy) 10. แนวทางการนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใช้ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 10.1 ผู้สอนนำหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใชใ้ นการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ หลกั พอเพยี ง ความพอประมาณ มเี หตผุ ล มีภูมคิ มุ้ กนั ในตวั ท่ดี ี ประเด็น เพอ่ื ใหก้ ารจัดกิจกรรมการ เรยี นรู้ครอบคลุมตาม วเิ คราะหห์ ลกั สตู ร เน้อื หา เลอื กเรื่องทส่ี อนให้ จดุ ประสงค์ ออกแบบ และจัดกิจกรรม สอดคลอ้ งกบั ท้องถ่ิน เพ่อื ใหก้ ารจดั กิจกรรมการ เรียนรู้ได้ครบตาม เนอ้ื หา ใหส้ อดคล้องกับมาตรฐาน และผเู้ รียน เพื่อใหเ้ ห็น จุดประสงคท์ ี่กำหนดไว้ 1. เพ่อื ใหน้ ักเรยี นได้ ตวั ชวี้ ดั และบริบทของ ความสำคญั ของการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และ แสดงศกั ยภาพของตนเอง ท้องถ่ิน อนรุ กั ษ์ภูมิปัญญา เพือ่ ให้เกิดความภาคภูมิใจ จดั การเรียนรู้เหมาะสม จัดการเรียนรูไ้ ดต้ าม เวลา เพียงพอกับเวลาที่กำหนดไว้ กระบวนการ ครบถว้ น ตามที่วางแผนไว้ นักเรยี นปฏิบัตติ าม เพ่ือใหน้ ักเรียนนำความรู้ วิธีการจัดกจิ กรรม กิจกรรม และเกิดการ ท่ีได้ไปปฏิบตั ิ เรียนร้ดู ว้ ยตนเอง
หลักพอเพียง ความพอประมาณ มเี หตผุ ล มภี มู ิคมุ้ กนั ในตัวที่ดี ประเดน็ 2. เพ่อื ตรวจสอบศกั ยภาพ ของนักเรยี นเปน็ รายบุคล สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรง ตามความสามารถ กำหนดภาระงาน/ช้ินงาน เพอื่ สง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี น เตรยี มวธิ ีป้องกนั และ แหล่งเรียนรู้ ในการทำผลติ ภัณฑ์ ใฝ่เรียนรู้ และสง่ เสรมิ การ แก้ปัญหาจากการปฏิบัติ ท้องถิน่ ได้เหมาะสมกับ ใชเ้ ทคโนโลยี และภูมิ กิจกรรม จุดประสงค์และวัยผเู้ รียน ปัญญาท้องถิน่ 1. จดั เตรียมใบความรู้และ 1. ออกแบบการเรียนรู้ เตรยี มแผนการจัดการ ใบงานทเี่ หมาะสมกับ เพือ่ ให้เหน็ คณุ ค่าของ เรยี นรู้ หรอื สื่อสำรอง เน้ือหาท่สี อน และความ ภูมปิ ญั ญาท้องถิ่น เพ่อื รองรบั กรณีที่มกี าร ส่ือ/อปุ กรณ์ สนใจของผเู้ รียน 2. นักเรียนได้รบั ประสบ เปลย่ี นแปลง 2. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ การณต์ รงในการเรียนรู้ เหมาะสมกับวยั ของผู้เรยี น และเกิดความภาคภูมิใจ ในความสามารถของ ตนเอง การประเมนิ ผล ประเมินตามสภาพจรงิ ของ เพอื่ สง่ เสริมและพัฒนา เตรียมวธิ กี ารประเมินให้ ผู้เรียน ผเู้ รยี นไดเ้ ต็มศักยภาพ เหมาะสมกบั ผูเ้ รียน ความรทู้ ี่ครู - มคี วามรใู้ นหลกั สตู ร เนื้อหาสาระ ไดแ้ ก่ ความรู้พืน้ ฐานเก่ียวกบั ดนตรี จำเป็นต้องมี - หลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง - ใช้หลกั ความยุติธรรม มคี วามรับผดิ ชอบ มีวินยั ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ - ปฏบิ ตั หิ นา้ ทดี่ ้วยความซ่ือสัตย์ ขยนั หมนั่ เพยี ร อดทน มีจิตสาธารณะ และ คณุ ธรรมของครู ใช้สติปญั ญาในการจัดการเรยี นรู้ - จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ท่ไี ม่เบียดเบยี นตนเองและผ้อู ืน่ ไม่ทำลายธรรมชาติ และ สิ่งแวดลอ้ ม และไม่สร้างความแตกแยกในสงั คม ชมุ ชน - มคี วามคดิ ริเริม่ สร้างสรรค์เพอื่ พัฒนาผ้อู ่นื และตนเองใหเ้ ป็นคนดีของสงั คม
10.2 ผลท่ีเกิดข้ึนกับผู้เรียนสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากการจัดกิจกรรม การเรยี นรู้ 1) ผเู้ รียนไดเ้ รยี นรู้หลักคิด และฝึกปฏบิ ตั ิ ตาม 3 หว่ ง 2 เงื่อน ดงั น้ี ความพอประมาณ มีเหตผุ ล มีภูมคิ มุ้ กันในตัวที่ดี นักเรียนมีพน้ื ฐานในการวดั และ นักเรยี นวิเคราะห์ และตัดสินใจ นกั เรยี นนำความรทู้ ี่ได้จากการ ประเมินผล ในการร่วมกจิ กรรมระหว่างเรียน ปฐมนิเทศพ้ืนฐานเพ่ือประกอบ การตดั สนิ ใจ การทำกิจกรรม ความรู้ - นกั เรยี นทราบรายละเอยี ดในการวัดผล และประเมินผลรายวชิ า ศลิ ปะ 5 (ศ23101) คุณธรรม - นักเรียนมีวนิ ัย ซ่ือสตั ย์ สจุ ริต และตรงต่อเวลา 2) ผเู้ รยี นไดเ้ รียนรู้การใช้ชีวิตท่ีสมดลุ และพรอ้ มรับการเปลยี่ นแปลงใน 4 มติ ิตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพียง ดงั นี้ ดา้ น สมดลุ และพร้อมรับการเปลยี่ นแปลงในด้านตา่ ง ๆ องค์ประกอบ วัตถุ สงั คม สิง่ แวดล้อม วฒั นธรรม ได้ความรเู้ กย่ี วกับ 1. มีการวางแผน มีความรอบรู้ใน 1. การเรียนรู้ แนวทางในการวดั ในการทำงานเป็น การวางแผนชวี ิต สอดคลอ้ งกบั วถิ ี และประเมนิ ผล กระบวนการแบบ ในอนาคต ชวี ิตของคนใน รายวิชา ศิลปะ 5 กลุ่ม ชมุ ชน ความรู้ (ศ23101) 2. นักเรียนมกี าร 2. เห็นคณุ คา่ ของ แลกเปล่ียนเรยี นรู้ ภมู ปิ ญั ญาท้องถนิ่ 3. นกั เรยี นได้ ช่วยเหลอื ซึง่ กัน และกัน 1. มที ักษะในการใช้ 1. มีทกั ษะในการ ใช้ประโยชนจ์ าก 1. ดำรงตนอยู่ใน วสั ดอุ ปุ กรณอ์ ย่าง ทำงาน สิ่งแวดลอ้ มอยา่ ง สังคมอย่างมี ประหยดั และคุม้ คา่ 2. มคี วามสามารถใน ระมดั ระวัง และ ความสขุ ทักษะ 2. การเลอื กใช้วสั ดุ การนำความรทู้ ี่ คมุ้ คา่ 2. มีทกั ษะในการ อุปกรณ์ได้อยา่ ง ไดร้ ับไปรว่ มกนั คำนวณและนำไปใช้ เหมาะสม แกป้ ญั หาเพอื่ หา ได้อย่างเหมาะสม ขอ้ สรุปได้
ดา้ น สมดุลและพร้อมรบั การเปลยี่ นแปลงในดา้ นต่าง ๆ องค์ประกอบ วัตถุ สงั คม ส่ิงแวดล้อม วัฒนธรรม ตระหนกั ถึงผลท่ี 1. มคี วามรับผิด 1. มีจิตสำนึกใน 1. สบื สานอนุรกั ษ์ เกิดจากการใช้วสั ดุ ชอบต่อการทำงาน การอนุรักษ์ภมู ิ ภูมปิ ัญญาท้องถิ่น อุปกรณ์ในการ ของกลุ่ม ปัญญาท้องถน่ิ 2. ใชแ้ หลง่ เรยี นรู้ ค่านยิ ม ปฏบิ ตั ิงาน 2. ยอมรับความ 2. ใช้ทรัพยากร โดยใช้ภูมปิ ัญญา คิดเหน็ ซ่งึ กนั และ และส่งิ แวดลอ้ ม ท้องถ่ิน กนั มีความเสีย อย่างประหยดั สละและอดทน ลงชื่อ........................................................................ (นายธีระพร ไวยครุฑธี) .........../................./..............
แบบทดสอบหลงั เรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง การแต่งเพลงรอ้ งงา่ ย ๆ ช่อื -นามสกุล....................................................................................................ชนั้ ม.3/.............เลขท่ี............. คำช้ีแจง ให้นักเรียนเลอื กคำตอบที่ถูกต้องท่สี ดุ เพียงข้อเดียว 1. บทเพลงในข้อใดท่ีเป็นเพลงอตั ราจังหวะ 2/4 2 เพลงลาวดวงเดือน 1 เพลงมาร์ชราชวลั ลภ 4 เพลงเขมรไทรโยค 3 เพลงสามคั คีชมุ นุม 2. ในการประพนั ธ์เพลงผ้ปู ระพันธ์เพลงควรคำนงึ ถึงสิง่ ใด 2 จำนวนผฟู้ งั บทเพลง 1 บุคคลที่จะขับร้องเพลง 4 นักดนตรีทบ่ี รรเลงบทเพลง 3 เรอ่ื งราวที่จะประพันธ์เพลง 3. การประพนั ธ์เพลงท่ีดีควรมีลกั ษณะอยา่ งไร 1 ความหมายของบทเพลงทันสมยั ไพเราะ 2 เครอ่ื งดนตรีที่จะใช้ในบทเพลงต้องมีคุณภาพดี 3 จงั หวะและทำนองเหมาะสมกับเนอ้ื หาของบทเพลง 4 ผู้ขับรอ้ งสามารถขบั รอ้ งบทเพลงไดถ้ ูกตอ้ ง ไพเราะ 4. การประสานเสียงในบทเพลงควรมลี กั ษณะอย่างไร 2 เสียงขับรอ้ งและดนตรีเหมาะสมกนั 1 ดนตรโี ดดเด่นกวา่ เสยี งรอ้ ง 4 เสยี งขบั ร้องมีความพร้อมเพรียงกัน 3 เสยี งขับรอ้ งต้องมเี อกลักษณ์ 5. เคร่ืองดนตรีในขอ้ ใดทำใหบ้ ทเพลงมจี ังหวะตื่นเต้นเร้าใจ 1 ฟลตู 2 ไวโอลิน 3 กลองชุด 4 โอโบ 6. เครอื่ งดนตรีมีความสำคัญตอ่ บทเพลงอย่างไร 2 ทำให้บทเพลงมคี วามหมายดี 1 ทำให้ผ้ฟู งั บรรเลงบทเพลงได้ถูกต้อง 4 ทำใหบ้ ทเพลงเปน็ ที่นิยม 3 ทำใหผ้ ้ฟู งั เข้าใจอารมณ์ของบทเพลง
7. บทเพลงในข้อใดทำใหผ้ ู้ฟงั ร้สู ึกสนุกสนาน 2 เพลงทะเลใจ 1 เพลงยอยศพระลอ 4 เพลงตะวันยงั มีให้เห็น 3 เพลงหา่ งหน่อยถอยนดิ 8. ถา้ จะแตง่ บทเพลงใช้ในงานเลี้ยงโรงเรยี นไม่ควรเลือกจังหวะที่มีลกั ษณะอย่างไร 1 จังหวะเรว็ 2 จงั หวะชา้ เศร้า 3 จังหวะปานกลาง สบาย ๆ 4 จงั หวะสน้ั เรา้ ใจ 9. ถ้าจงั หวะและทำนองไม่สัมพนั ธ์กันบทเพลงจะเปน็ อยา่ งไร 1 บทเพลงไมไ่ พเราะ ไมน่ ่าฟัง 2 บทเพลงทนั สมัย แปลกใหม่ 3 บทเพลงไพเราะ น่าฟัง 4 บทเพลงสมบรู ณ์ ไพเราะ 10. สิ่งใดท่ีถือวา่ เป็นเอกลกั ษณข์ องบทเพลง 2 เน้ือเพลง 1 ผู้ขับรอ้ ง 4 ทำนองเพลง 3 ความหมายของเพลง เฉลยแบบทดสอบหลงั เรียน 1. 1 2. 3 3. 3 4. 2 5. 3 6. 3 7. 3 8. 3 9. 1 10. 4
แบบประเมินผลงานดนตรี (การแตง่ เพลง) คำชีแ้ จง : ให้ ผูส้ อน ประเมินผลงานดนตรี (การแต่งเพลง) ของนักเรียน แลว้ ขีด ✓ ลงในช่องท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน ความ ความตัง้ ใจ ความคิด ไพเราะ การ ที่ ชือ่ -สกุล และสนใจ สรา้ งสรรค์ การใช้ ของ นำเสนอ รวม ของผูร้ ับการประเมนิ ในการแต่ง ของบท ภาษา ทำนอง ผลงาน 10 และ เพลง คะแนน เพลง เพลง จังหวะ 2 1.5 1 0.5 2 1.5 1 0.5 2 1.5 1 0.5 2 1.5 1 0.5 2 1.5 1 0.5 ลงชอ่ื .......................................................ผ้ปู ระเมนิ .............../.................../................ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมขั้นดเี ย่ียม ให้ 4 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมข้ันดี ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมข้ันพอใช้ ให้ 2 คะแนน 9 - 10 ดีมาก ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมข้ันปรับปรุง ให้ 1 คะแนน 7 - 8 ดี 5 - 6 พอใช้ ตำ่ กวา่ 4 ปรับปรงุ
แบบสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ คำชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงใน ชอ่ งที่ตรงกบั ระดับคะแนน การแก้ไข ที่ ชอ่ื -สกุล ความ การแสดง การรบั ฟัง ความตั้งใจ ปญั หา/ ของผู้รบั การประเมนิ รว่ มมือกัน ความ ความ ทำงาน หรอื รวม คิดเหน็ คิดเหน็ ปรับปรุง 20 ทำ ผลงาน คะแนน กิจกรรม กลุ่ม 4321 4321 432 14321 4321 ลงชอ่ื .......................................................ผ้ปู ระเมนิ .............../.................../................. เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกวา่ 10 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง ที่ตรงกบั ระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อันพงึ ประสงคด์ า้ น 4321 1. รักชาติ 1.1 ยนื ตรงเมอื่ ได้ยนิ เพลงชาติ ร้องเพลงชาตไิ ด้ และอธิบายความหมาย ศาสน์ กษตั ริย์ ของเพลงชาติ 1.2 ปฏิบตั ิตนและชกั ชวนผอู้ ่ืนปฏิบตั ิตามสิทธิและหนา้ ทข่ี องพลเมอื ง 1.3 ให้ความรว่ มมือ รว่ มใจ ในการทำกิจกรรมกบั สมาชิกในโรงเรยี น ชมุ ชนและสงั คม 1.4 เปน็ ผู้นำหรอื เป็นแบบอยา่ งในการจดั กิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อโรงเรยี น ชุมชน และสังคม ชื่นชม ปกป้องความเปน็ ชาตไิ ทย 1.5 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทีต่ นนบั ถอื ปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ของ ศาสนา และเปน็ ตัวอยา่ งท่ดี ีของศาสนกิ ชน 1.6 เข้าร่วมกิจกรรมและมสี ่วนรว่ มในการจดั กิจกรรมทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตามท่ีโรงเรียนและชุมชนจดั ขน้ึ ชนื่ ชมในพระ ราชกรณยี กิจ พระปรชี าสามารถของพระมหากษตั ริย์และพระราชวงศ์ 2. ซอ่ื สตั ย์ สุจริต 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถ่ี กู ต้อง และเปน็ จรงิ 2.2 ปฏบิ ัติในสิ่งท่ีถกู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทจ่ี ะกระทำความผดิ ทำ ตามสญั ญาทต่ี นให้ไวก้ บั เพอื่ น พอ่ แม่ หรอื ผปู้ กครอง และครู เป็น แบบอย่างท่ีดดี ้านความซื่อสัตย์ 2.3 ปฏิบตั ิตนต่อผ้อู ่ืนดว้ ยความซอื่ ตรง ไม่หาประโยชน์ในทางทไ่ี ม่ถูกตอ้ ง และเปน็ แบบอย่างที่ดีแก่เพอื่ นด้านความซ่ือสัตย์ 3. มวี ินยั รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของครอบครัว โรงเรียน และสงั คม ไม่ละเมิดสทิ ธขิ องผอู้ ืน่ ตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวนั และรับผดิ ชอบในการทำงาน ปฏิบัตเิ ปน็ ปกติวสิ ยั และเปน็ แบบอย่างท่ีดี 4 ใฝ่เรยี นรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ 4.2 มีการจดบันทกึ ความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความรูไ้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล
5. อยอู่ ยา่ ง 5.1 ใชท้ รัพย์สินของตนเอง เชน่ สิง่ ของ เครื่องใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั พอเพียง คุ้มค่า และเก็บรกั ษาดแู ลอยา่ งดี และใช้เวลาอยา่ งเหมาะสม 6. มงุ่ มั่นในการ 5.2 ใชท้ รพั ยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั ค้มุ คา่ และเก็บรักษาดูแล ทำงาน อยา่ งดี 7. รักความเปน็ 5.3 ปฏิบัตติ นและตัดสินใจดว้ ยความรอบคอบ มีเหตุผล ไทย 5.4 ไม่เอาเปรยี บผู้อื่น และไมท่ ำให้ผอู้ ืน่ เดือดร้อน พร้อมให้อภยั เม่ือผอู้ ่ืน 8. มจี ิตสาธารณะ กระทำผิดพลาด 5.5 วางแผนการเรยี น การทำงานและการใช้ชีวิตประจำวนั บนพ้ืนฐาน ของความรู้ ข้อมลู ข่าวสาร 5.6 รเู้ ทา่ ทันการเปลี่ยนแปลงทางสงั คม และสภาพแวดล้อม ยอมรบั และปรบั ตวั อยูร่ ว่ มกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ย่างมคี วามสขุ 6.1 เอาใจใสต่ อ่ การปฏบิ ตั ิหน้าทที่ ี่ได้รบั มอบหมาย 6.2 ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบในการทำงานใหส้ ำเร็จ 6.3 ปรบั ปรุงและพัฒนาการทำงานอย่างรอบคอบ 6.4 ทมุ่ เท ทำงาน อดทน ไม่ท้อต่อปญั หาและอุปสรรค 6.5 พยายามแกป้ ญั หาและอปุ สรรคในการทำงานให้สำเร็จ 6.6 ช่นื ชมผลงานความสำเรจ็ ด้วยความภาคภมู ิใจ 7.1 มจี ติ สำนกึ ในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คุณค่าและปฏบิ ตั ิตนตามวฒั นธรรมไทย 8.1 รจู้ กั ช่วยพ่อแม่ ผ้ปู กครอง และครูทำงาน 8.2 อาสาทำงาน ชว่ ยคิด ชว่ ยทำ แบ่งปนั สง่ิ ของ ทรัพยส์ นิ และอื่น ๆ พรอ้ มช่วยแกป้ ญั หา 8.3 ดูแล รกั ษาทรพั ย์สนิ ของหอ้ งเรียน โรงเรยี น ชุมชน 8.4 เขา้ ร่วมกิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรียน ชมุ ชน เพ่ือแกป้ ญั หาหรือรว่ มสรา้ งสง่ิ ทดี่ งี ามตามสถานการณ์ท่เี กดิ ขน้ึ ลงช่อื .......................................................ผปู้ ระเมิน .............../.................../.................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมนอ้ ยครัง้ ให้ 1 คะแนน 104 - 124 ดมี าก 83 - 103 ดี 62- 82 พอใช้ ตำ่ กวา่ 62 ปรับปรงุ
บนั ทกึ ผลการจดั การเรยี นรู้ รหสั วิชา........................รายวชิ า.....................................................ชั้นมัธยมศึกษาปีท.ี่ ..........เวลา............ชว่ั โมง เร่ืองท่สี อน............................................................................................................................................................ ชน้ั เต็ม ขาด ผลการจดั การเรยี นรู้ ปัญหา/อุปสรรค แนวทางแกไ้ ข ม.3/1 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/2 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/3 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/4 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... .......................................
ชน้ั เต็ม ขาด ผลการจดั การเรียนรู้ ปัญหา/อุปสรรค แนวทางแก้ไข ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/5 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/6 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ม.3/7 ........ ........ ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ...................................... ...................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... ....................................... .......................................
ผลการประเมิน/ผลการทดสอบ เตม็ มา ดมี าก ปานกลาง ปรับปรุง สรุป จำนวน รอ้ ยละ ทกั ษะทจ่ี ำเปน็ ในการเรียนรใู้ นศตวรรษที่ 21 3Rs คือทักษะพน้ื ฐานท่จี ำเปน็ ต่อผูเ้ รยี นทกุ คน มีดังนี้ 1. Reading คอื สามารถอ่านออก 2. (W) Riteing คือ สามารถเขียนได้ 3. (A) Rithmatic คอื มีทักษะในการคำนวณ 3Rs คือ 8Cs ซ่ึงเป็นทักษะต่าง ๆ ท่ีจำเป็นเช่นกัน ซ่ึงทุกทักษะสามารถนำไปปรับใช้ในการเรียนรู้ ได้ ทุกวิชา มีดังน้ี 1. Critical thinking and problem solving คือ มีทักษะการคิดวิเคราะห์ การคิดอย่ าง มีวจิ ารณญาณและสามารถแก้ไขปัญหาได้ 2. Creativity and innovation คอื การคดิ อย่างสร้างสรรค์และคดิ เชิงนวตั กรรม 3. Cross-cultural understanding คือ ความเข้าใจในความแตกต่างของวัฒนธรรมและ กระบวนการคิดขา้ มวฒั นธรรม 4. Collaboration teamwork and leadership คือ ความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะ ความเป็นผนู้ ำ 5. Communication information and media literacy คือ มี ทั กษ ะใน การสื่อสารและ การรเู้ ทา่ ทนั สอื่ 6. Computing and IT literacy คอื มีทกั ษะการใชค้ อมพิวเตอร์และรู้เท่าทันเทคโนโลยี 7. Career and learning skills คอื มที ักษะอาชพี และการเรยี นรู้ 8. Compassion คอื มีความเมตตากรณุ า มีคณุ ธรรม และมรี ะเบยี บวินัย ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง จึงประกอบดว้ ยคณุ สมบตั ิ ดังน้ี 1. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียน ตนเองและผู้อน่ื เชน่ การผลิตและการบริโภคท่อี ยู่ในระดับพอประมาณ 2. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเก่ียวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่าง มีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยท่ีเก่ียวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ
อยา่ งรอบคอบ 3. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึ งถึงความเป็น ไป ได้ของสถานการณ์ ต่างๆ ท่ี คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมเี งอ่ื นไข ของการตดั สนิ ใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพยี ง 2 ประการ ดงั นี้ 1) เงอ่ื นไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้านความ รอบคอบที่จะนำความรู้เหล่าน้ันมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังใน การปฏิบัติ 2) เง่ือนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักใน คุณธรรม มีความ ซ่ือสัตย์สจุ ริตและมคี วามอดทน มีความเพยี ร ใช้สติปญั ญาในการดำเนินชีวิต เศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริน้ันแตกต่างจากเศรษฐกิจแบบทุนนิยมของตะวันตก ซึ่งให้ความสำคัญกับเร่ืองวัตถุที่เป็นรูปธรรม เช่น เงิน ทรัพย์สิน กำไร โดยไม่นำเร่ืองของสภาพจิตใจหรือ เรื่องนามธรรมมาเกี่ยวข้อง อีกท้ังเศรษฐกิจพอเพียงยังมีขอบเขตท่ีกว้างขวางกว่าเศรษฐกิจนายทุน หรือเศรษฐกิจธุรกิจ เพราะสามารถครอบคลุมได้ถึง 4 ด้าน คือ มิติด้านเศรษฐกิจ มิติด้านจิตใจ มิติด้านสังคม และมิตดิ ้านวฒั นธรรม ดงั น้ี 1. มิติด้านเศรษฐกิจ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเศรษฐกิจแบบพออยู่พอกิน ให้มีความขยันหมั่นเพียร ประกอบสัมมาอาชีพ เพอื่ ให้พ่ึงตนเองได้ ให้พน้ จากความยากจน 2. มิติด้านจิตใจ เศรษฐกิจพอเพียงเน้นท่ีจิตใจท่ีรู้จักพอ คือ พอดี พอประมาณและพอใจในสิ่งที่ มี ยินดใี นสิ่งที่ได้ไม่โลภ เศรษฐกจิ พอเพยี งจะต้องเรม่ิ ท่ีตัวเอง โดยสร้างรากฐานทางจติ ใจที่มน่ั คง โดยเร่ิมจาก ใจทรี่ ้จู ักพอ เป็นการปฏิบตั ิตามทางสายกลาง หรอื มัชฌิมาปฏปิ ทา 3. มิติด้านสังคม เศรษฐกิจพอเพียงมุ่งให้เกิดสังคมท่ีมีความสุขสงบ ประชาชนมีความเมตตา เอื้ออาทรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ใชต่ ่างคนตา่ งอยู่ มุ่งให้เกิดความสามัคคีร่วมมือกัน เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกัน ไดโ้ ดยปราศจากการเบียนเบียนกัน การเอารัดเอาเปรียบกนั การมงุ่ ร้ายทำลายกนั 4. มิติด้านวัฒนธรรม หมายถึง วิถีชีวิตของประชาชน เศรษฐกิจพอเพียงมุ่งให้เกิดวัฒนธรรมหรือ วิถีชีวิตท่ีประหยัด อดออม มีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ไม่ตกเป็นทาสของวัตถุนิยมและบริโภคนิยม ซึง่ ทำใหเ้ กดิ การเป็นหน้ีเป็นสิน เกดิ การทจุ ริตคอรปั ชนั่ เปน็ ปญั หาสังคมทร่ี ้ายแรงทีส่ ุดปัญหาหนงึ่ ที่บ่อนทำลาย ความมั่นคงของชาติ มิติทั้ง 4 ด้านของเศรษฐกิจพอเพียงได้สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ส่งผลดีต่อแค่ด้าน เศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อด้านต่างๆ ท่ีมีส่วนช่วยให้คนในประเทศอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ตามวิถชี ีวติ ท่ีไมฟ่ ุง้ เฟอ้ และอยบู่ นพ้ืนฐานของความพอดี
แบบประเมินทกั ษะทจี่ ำเปน็ ในการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 และปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง การเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21 ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ขอ้ เสนอแนะ ลงนาม 3Rs 8Cs 3 หว่ ง 2 เงือ่ นไข 4 มติ ิ ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงื่อนไข1 ������ มิติ1 ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ ห่วง2 ������ เง่ือนไข2 ������ มติ ิ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ ห่วง3 ������ มิติ3 (นายธรี ะพร ไวยครฑุ ธี) ครูผู้สอน ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 (นางสาวพมิ พ์พรรณ แกว้ โต) ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงอ่ื นไข1 ������ มติ ิ1 หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรศู้ ลิ ปะ ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ หว่ ง2 ������ เง่อื นไข2 ������ มิติ2 (นางปานทอง แสงจนั ทร์งาม) หวั หน้ากลมุ่ บริหารวชิ าการ ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ หว่ ง3 ������ มติ ิ3 (นายพรอ้ มพันธุ์ ลายลักษณ์) ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงอ่ื นไข1 ������ มติ ิ1 (นางสาวชลารักษ์ สายอุทัศน์) ผ้อู ำนวยการโรงเรียนฯ ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ ห่วง2 ������ เงื่อนไข2 ������ มติ ิ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ ห่วง3 ������ มติ ิ3 ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงอ่ื นไข1 ������ มติ ิ1 ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ หว่ ง2 ������ เงื่อนไข2 ������ มิติ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ ห่วง3 ������ มิติ3 ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4 ������ R1 ������ C1 ������ C2 ������ หว่ ง1 ������ เงอ่ื นไข1 ������ มิติ1 ������ R2 ������ C3 ������ C4 ������ หว่ ง2 ������ เงอ่ื นไข2 ������ มติ ิ2 ������ R3 ������ C5 ������ C6 ������ หว่ ง3 ������ มติ ิ3 ������ C7 ������ C8 ������ มติ ิ4
4 หน่วยการเรียนรู้ นาฏศิลป์และการละคร กบั ชวี ิตมนุษย์
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 9 คาบท่ี 11 รหัสวิชา ศ23101 วชิ า ศลิ ปะ 5 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เร่ือง นาฏศิลปแ์ ละการละครกับชวี ิตมนุษย์ เวลาทั้งหมด 2 คาบ เร่ือง ความสัมพนั ธ์ คุณคา่ และประโยชน์ของนาฏศิลปแ์ ละการละครกบั ชวี ติ มนุษย์ ใช้เวลา 1 คาบ ชอ่ื - สกลุ (ผูจ้ ดั ทำแผนการจัดการเรียนรู้) นายธีระพร ไวยครุฑธี 1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ ศ 3.1 เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศลิ ปอ์ ยา่ งสรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์วิจารณ์คุณคา่ นาฏศลิ ป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคดิ อย่างอสิ ระ ชืน่ ชม และประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจำวัน ตัวชี้วดั ศ 3.1 ม.3/7 นำเสนอแนวคดิ จากเนอ้ื เรื่องของการแสดงทีส่ ามารถนำไปปรบั ใช้ ในชวี ติ ประจำวนั 2. สาระการเรยี นรู้ 2.1 ความรู้ 1) ละครกบั ชวี ิต 2) ความสำคัญและบทบาทของนาฏศลิ ปแ์ ละการละครในชวี ิตประจำวัน 3) การอนรุ กั ษ์นาฏศลิ ป์ 2.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ 1) ทักษะการตคี วาม 2) ทักษะการนำความรู้ไปใช้ 3. สาระสำคัญ นาฏศิลป์และการละครเป็นการแสดงท่ีมีความสัมพันธ์กับชีวิตมนุษย์ ซ่ึงมนุษย์ควรตระหนักถึงคุณค่า และประโยชน์ และนำไปปรบั ใช้ในชวี ิตประจำวัน
4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 4.1 ความรู้ (K) - อธิบายความสัมพนั ธ์ของนาฏศิลปแ์ ละการละครกับชีวติ มนษุ ยไ์ ด้ - อธบิ ายคณุ คา่ และประโยชน์ของนาฏศลิ ป์และการละครได้ 4.2 ทักษะทสี่ ำคัญ (P) - ใช้ความร้เู กย่ี วกับองค์ประกอบของบทละครเขยี นเคา้ โครงเรอื่ งละคร 4.3 คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - ซอ่ื สตั ย์สุจรติ ตัวชว้ี ดั ท่ี 2.2 ประพฤติตรงตามความเปน็ จริงตอ่ ผู้อน่ื ทงั้ ทางกาย วาจา ใจ 4.4 สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น (C) - ความสามารถในการคดิ 5. จุดเน้นส่กู ารพัฒนาคณุ ภาพผู้เรียน 5.1 ทักษะของคนในศตวรรษท่ี 21 คือ การเรียนรู้ 3Rs X 8Cs Reading (อา่ นออก) (W) Riting (เขยี นได)้ (A) Rithemetics (คดิ เลขเป็น) ทักษะด้านการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณและทกั ษะในการแก้ไขปัญหา (Critical Thinking and Problem Solving) ทักษะดา้ นการสร้างสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation) ทักษะดา้ นความเขา้ ใจความต่างวัฒนธรรม ตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural Understanding) ทกั ษะดา้ นความร่วมมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะผูน้ ำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทักษะดา้ นการสอ่ื สาร สารสนเทศและรเู้ ท่าทนั สือ่ (Communications, Information, and Media Literacy) ทักษะดา้ นคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร (Computing and ICT Literacy) ทักษะอาชีพ และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and Learning) ทกั ษะการเปลยี่ นแปลง (Change)
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 6.1 นกั เรยี นตอบคำถามกระตุ้นความคดิ - มนษุ ย์เก่ยี วข้องกับนาฏศลิ ปแ์ ละการละครอยา่ งไร 6.2 ครูนำวีดิทัศน์การแสดงนาฏศิลป์และการแสดงละครมาให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนแสดงความ คิดเห็น 6.3 ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ ให้นักเรยี นเขา้ ใจถึงการแสดงนาฏศลิ ป์และการแสดงละคร 6.4 ครแู บ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน คละกันตามความสามารถ คือ เก่ง ปานกลางคอ่ นขา้ งเก่ง ปานกลางค่อนข้างอ่อน และอ่อน ให้ แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาความรู้เรื่อง ความสัมพันธ์ของนาฏศิลป์และการ ละครกบั ชีวิตมนษุ ย์ และเรอ่ื ง คุณคา่ และประโยชน์ของนาฏศลิ ป์และการละคร 6.5 ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มบอกช่ือการแสดงมากลุ่มละ 1 ชนิด จากนั้นให้ตัวแทนกลุ่มออกมาเขียน บนกระดาน 6.6 สมาชิกในแต่ละกลุ่มนำข้อมูลที่ได้มาร่วมกันวิเคราะห์ว่า เป็นการแสดงนาฏศิลป์หรือการแสดง ละคร 6.7 สมาชิกในแต่ละกลุ่มผลัดกันอธิบายผลการวิเคราะห์และแสดง ความคิดเห็น แล้วสรุปผลการ วิเคราะหจ์ นได้เปน็ มติของกลมุ่ 6.8 นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้อง แล้วส่งตวั แทนกลุ่มออกมานำเสนอขอ้ มูลท่หี น้า ชนั้ เรียน 6.9 นกั เรียนกล่มุ อน่ื ๆ ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล พร้อมท้ังแสดงความคิดเห็นรว่ มกัน 6.10 นักเรียนนำความรู้ที่ได้มาเขียนเป็นแผนผังความคิดลงในใบงาน เรื่อง ความสัมพันธ์และคุณค่า ของนาฏศลิ ปแ์ ละการละครกบั ชีวิตมนุษย์ เสรจ็ แลว้ นำสง่ ครูตรวจ 6.11 นกั เรยี นตอบคำถามกระตุน้ ความคิด - ถ้าชีวิตมนุษยไ์ ม่มนี าฏศลิ ป์และการละครจะเปน็ อยา่ งไร 6.12 ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เร่ือง ความสัมพันธ์ของนาฏศิลป์และการละครกับชีวิตมนุษย์ และเรอื่ ง คุณค่าและประโยชนข์ องนาฏศิลปแ์ ละการละคร 7. สื่อ/นวัตกรรม/แหลง่ เรยี นรู้ 7.1 หนงั สือเรียน ดนตรี-นาฏศลิ ป์ ม.3 7.2 อนิ เทอรเ์ นต็ 7.3 Power Point 8. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน - ชิ้นงานที่ 5 เรอ่ื ง ความสมั พันธ์และคุณค่าของนาฏศิลปแ์ ละการละครกับชีวิตมนษุ ย์
9. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 9.1 วิธีการวัดและประเมนิ ผล - การทดสอบก่อนเรยี น - สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรม - สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม - สงั เกตความมีวินยั ใฝเ่ รียนรู้ และมงุ่ มั่นในการทำงาน - ตรวจช้ินงานที่ 5 9.2 เครอ่ื งมือ - แบบทดสอบก่อนเรยี น - แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม - แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ - ชิ้นงานท่ี 5 9.3 เกณฑก์ ารประเมิน 9.3.1 การประเมนิ ผลตวั ชวี้ ดั การประเมนิ ชน้ิ งานน้ี ใหผ้ ู้สอนพจิ ารณาจากเกณฑ์การประเมนิ ผลตามสภาพจริง (Rubrics) เร่ือง ความสัมพันธ์และคุณค่าของนาฏศิลป์และการละครกบั ชีวิตมนษุ ย์ เกณฑ์การประเมิน 4 ระดับคะแนน 1 32 1. การนำเสนอ นำเสนอแนวคดิ นำเสนอแนวคดิ นำเสนอแนวคิด ไม่ได้นำเสนอ แนวคิดจากเน้ือเรื่อง จากเนื้อเรื่องของ จากเนอื้ เร่ืองของ จากเน้ือเรื่องของ แนวคดิ จากเนื้อ ของการแสดงที่ การแสดงทสี่ ามารถ การแสดงทสี่ ามารถ การแสดงทสี่ ามารถ เร่ืองของการแสดง สามารถนำไปปรบั ใช้ นำไปปรบั ใชใ้ น นำไปปรับใชใ้ น นำไปปรับใชใ้ น ท่ีสามารถนำไป ในชีวิตประจำวนั ชวี ติ ประจำวนั ได้ ชีวติ ประจำวนั ได้ ชีวิตประจำวนั ได้ ปรบั ใชใ้ น อย่างมเี หตุผล อยา่ งมีเหตผุ ลเป็น อย่างมีเหตุผลเป็น ชวี ิตประจำวนั เหมาะสม ส่วนใหญ่ บางส่วน 2. การอธบิ าย อธบิ ายความสำคัญ อธบิ ายความสำคัญ อธิบายความสำคัญ อธิบายความสำคัญ ความสำคญั และ และบทบาทของ และบทบาทของ และบทบาทของ และบทบาทของ บทบาทของ นาฏศลิ ป์และการ นาฏศลิ ป์และการ นาฏศลิ ป์และการ นาฏศลิ ปแ์ ละการ นาฏศิลป์และการ ละครใน ละครใน ละครใน ละครใน
เกณฑ์การประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 ชวี ติ ประจำวนั ได้ 32 ชวี ิตประจำวันได้ ละครใน ถกู ต้อง 5 ประเด็น ชีวิตประจำวนั ได้ ชวี ิตประจำวันได้ ถูกต้อง 2 ประเด็น ชีวิตประจำวนั ขนึ้ ไป ถูกต้อง 4 ประเด็น ถูกต้อง 3 ประเด็น แสดงความคิดเห็น 3. การแสดงความ ในการอนรุ ักษ์ แสดงความคดิ เหน็ แสดงความคิดเห็น ไมไ่ ด้แสดงความ คิดเหน็ ในการ นาฏศิลป์และการ ในการอนรุ ักษ์ ในการอนรุ ักษ์ คดิ เหน็ ในการ อนรุ ักษ์นาฏศลิ ป์ ละครได้อยา่ งมี นาฏศิลป์และการ นาฏศลิ ป์และการ อนุรักษ์นาฏศลิ ป์ และการละคร เหตผุ ลครบถ้วน ละครได้อยา่ งมี ละครได้อย่างมี และการละคร เหตุผลเปน็ สว่ น เหตุผลเปน็ บางสว่ น ใหญ่ 9.3.2 การประเมินพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม ผา่ นตั้งแต่ 2 รายการ ถอื ว่า ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือวา่ ไมผ่ า่ น 9.3.3 การประเมินพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม คะแนน 18 - 20 ระดบั ดีมาก คะแนน 14 - 17 ระดับ ดี คะแนน 10 - 13 ระดบั พอใช้ ต่ำกวา่ 10 ระดบั ควรปรับปรุง 9.3.4 การประเมินผลคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ - ซื่อสัตยส์ ุจริต ตวั ชี้วดั ที่ 2.2 ประพฤติตรงตามความเป็นจรงิ ตอ่ ผู้อนื่ ท้ังทางกาย วาจา และใจ พฤติกรรมบ่งช้ี ไม่ผ่าน (0) ผา่ น (1) ดี (2) ดีเย่ียม (3) 1. ไม่ถือเอาสิง่ ของหรือ นำส่ิงของของคน ไมน่ ำสง่ิ ของและ ไม่นำสง่ิ ของและ ไมน่ ำส่งิ ของและ ผลงานของผู้อืน่ ผลงานของผู้อ่นื ผลงานของผู้อืน่ ผลงานของผู้อนื่ มาเปน็ อนื่ มาเป็นของ มาเป็นของตนเอง มาเป็นของตนเอง มาเป็นของตนเอง ปฏบิ ตั ติ นตอ่ ผู้อ่ืน ปฏิบตั ิตนต่อผู้อ่นื ปฏิบตั ติ นต่อผ้อู นื่ ของตนเอง ตนเอง ด้วยความซื่อตรง ดว้ ยความซอ่ื ตรง ดว้ ยความซื่อตรง ไมห่ าประโยชน์ ไมห่ าประโยชน์ 2. ปฏบิ ัตติ นตอ่ ผ้อู นื่ ในทางที่ ในทางท่ี ไม่ถูกตอ้ ง ไม่ถูกตอ้ ง และ ด้วยความซ่ือตรง เปน็ แบบอยา่ งทด่ี ี 3. ไม่หาประโยชน์ ในทางที่ไม่ถกู ต้อง
พฤติกรรมบ่งชี้ ไม่ผา่ น (0) ผ่าน (1) ดี (2) ดเี ยีย่ ม (3) แกเ่ พ่ือนด้าน ความซ่ือสตั ย์ 9.4 การประเมนิ สมรรถนะสำคัญ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์และทักษะศตวรรษที่ 21 (การเรยี นรู้ 3Rs x 8Cs) ประเด็นการประเมนิ แหล่งเรียนรู้ วิธวี ัด เครอ่ื งมอื วัด เกณฑ์การให้ การสนทนา คะแนน ทกั ษะดา้ นการคดิ อย่าง ซกั ถาม - ตรวจชิ้นงานที่ 5 - ช้ินงานท่ี 5 มวี ิจารณญาณและ แลกเปลย่ี นเรียนรู้ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกต - ร้อยละ 60 ทักษะในการแก้ไข การทำงาน พฤติกรรมการ ผา่ นเกณฑ์ ปญั หา (Critical การสร้างสรรค์ รายบคุ คล ทำงานรายบุคคล - ระดับคณุ ภาพ 2 Thinking and ชนิ้ งาน ผ่านเกณฑ์ Problem Solving) - ตรวจชิ้นงานท่ี 5 - ช้นิ งานที่ 5 ทกั ษะดา้ นการ - การเข้าร่วม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - รอ้ ยละ 60 สรา้ งสรรค์ และ กิจกรรม การทำงาน พฤติกรรมการ ผ่านเกณฑ์ นวัตกรรม (Creativity - การสนทนา รายบคุ คล ทำงานรายบคุ คล - ระดับคณุ ภาพ 2 and Innovation) ซักถาม สงั เกตความมีวินัย แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์ ทักษะด้านความเข้า แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ใฝเ่ รยี นรู้ มงุ่ มน่ั ใน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ระดับคุณภาพ 2 ใจความตา่ งวฒั นธรรม การทำงาน และ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์ ต่างกระบวนทศั น์ รักความเปน็ ไทย (Cross-cultural Understanding) ทกั ษะดา้ นความ การนำเสนอ สังเกตพฤติกรรม แบบสังเกต ระดับคุณภาพ 2 การทำงานกลุ่ม พฤติกรรมการ ผา่ นเกณฑ์ รว่ มมือ การทำงานเปน็ กระบวนการ ทำงานกลุ่ม ระดบั คุณภาพ 2 ทีมและภาวะผ้นู ำ ทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์ (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทกั ษะด้านการสื่อสาร การใชส้ ารสนเทศ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกต สารสนเทศและรเู้ ท่า และเทคโนโลยี การทำงาน พฤติกรรมการ ทนั สื่อ รายบคุ คล ทำงานรายบคุ คล
ประเด็นการประเมนิ แหลง่ เรียนรู้ วธิ ีวดั เคร่อื งมือวัด เกณฑ์การให้ คะแนน (Communications, Information, and Media Literacy) 10. แนวทางการนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 10.1 ผู้สอนนำหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ หลักพอเพยี ง ความพอประมาณ มเี หตุผล มภี ูมิค้มุ กันในตัวที่ดี ประเดน็ เพือ่ ให้การจดั กิจกรรมการ เรยี นรูค้ รอบคลุมตาม วิเคราะห์หลกั สูตร เนอื้ หา เลือกเรื่องท่สี อนให้ จดุ ประสงค์ ออกแบบ และจัดกจิ กรรม สอดคลอ้ งกบั ท้องถนิ่ เพื่อให้การจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ไดค้ รบตาม เน้ือหา ใหส้ อดคล้องกับมาตรฐาน และผู้เรียน เพื่อให้เหน็ จดุ ประสงคท์ ี่กำหนดไว้ 1. เพือ่ ใหน้ ักเรยี นได้ ตวั ชีว้ ัด และบริบทของ ความสำคัญของการ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ และ แสดงศกั ยภาพของตนเอง ท้องถน่ิ อนุรักษภ์ ูมิปัญญา เพื่อใหเ้ กดิ ความภาคภมู ิใจ 2. เพอื่ ตรวจสอบศักยภาพ จดั การเรียนรู้เหมาะสม จดั การเรียนร้ไู ด้ตาม ของนักเรียนเปน็ รายบคุ ล สามารถแก้ไขปัญหาได้ตรง เวลา เพียงพอกับเวลาท่ีกำหนดไว้ กระบวนการ ครบถว้ น ตามความสามารถ ตามท่ีวางแผนไว้ นกั เรยี นปฏบิ ัตติ าม เพ่ือใหน้ ักเรียนนำความรู้ กิจกรรม และเกดิ การ ทีไ่ ด้ไปปฏบิ ัติ เรียนรูด้ ว้ ยตนเอง วธิ ีการจดั กิจกรรม แหล่งเรียนรู้ กำหนดภาระงาน/ช้นิ งาน เพือ่ ส่งเสรมิ ให้ผู้เรยี น เตรยี มวธิ ีปอ้ งกัน และ ในการทำผลิตภณั ฑ์ ใฝเ่ รยี นรู้ และสง่ เสริมการ แก้ปญั หาจากการปฏบิ ตั ิ ทอ้ งถ่ินไดเ้ หมาะสมกบั ใชเ้ ทคโนโลยี และภูมิ กจิ กรรม จดุ ประสงค์และวัยผเู้ รยี น ปัญญาท้องถนิ่
หลักพอเพยี ง ความพอประมาณ มเี หตุผล มภี ูมิค้มุ กนั ในตัวทด่ี ี ประเดน็ 1. จดั เตรยี มใบความรแู้ ละ 1. ออกแบบการเรียนรู้ เตรียมแผนการจดั การ ใบงานทเ่ี หมาะสมกับ เพอ่ื ใหเ้ ห็นคณุ คา่ ของ เรยี นรู้ หรือ ส่อื สำรอง เน้ือหาทสี่ อน และความ ภมู ิปัญญาท้องถ่ิน เพอื่ รองรบั กรณีท่ีมีการ สือ่ /อปุ กรณ์ สนใจของผเู้ รยี น 2. นักเรียนได้รบั ประสบ เปลีย่ นแปลง 2. จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ การณต์ รงในการเรียนรู้ เหมาะสมกับวัยของผ้เู รยี น และเกดิ ความภาคภมู ใิ จ ในความสามารถของ ตนเอง การประเมนิ ผล ประเมนิ ตามสภาพจริงของ เพื่อสง่ เสริมและพฒั นา เตรียมวธิ ีการประเมนิ ให้ ผู้เรียน ผ้เู รียนไดเ้ ต็มศักยภาพ เหมาะสมกับผเู้ รยี น ความรู้ทคี่ รู - มีความรใู้ นหลกั สูตร เนือ้ หาสาระ ไดแ้ ก่ ความรู้พืน้ ฐานเก่ียวกับนาฏศลิ ป์ จำเป็นตอ้ งมี - หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง - ใช้หลักความยุติธรรม มีความรบั ผดิ ชอบ มีวินัยในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ - ปฏิบตั หิ น้าท่ดี ว้ ยความซื่อสัตย์ ขยัน หม่นั เพียร อดทน มีจติ สาธารณะ และ คณุ ธรรมของครู ใช้สตปิ ัญญาในการจดั การเรียนรู้ - จดั กิจกรรมการเรียนรู้ทไ่ี ม่เบียดเบยี นตนเองและผู้อ่นื ไม่ทำลายธรรมชาติ และ สง่ิ แวดล้อม และไม่สร้างความแตกแยกในสงั คม ชมุ ชน - มคี วามคิดริเรม่ิ สรา้ งสรรค์เพือ่ พฒั นาผอู้ ืน่ และตนเองใหเ้ ป็นคนดีของสังคม 10.2 ผลท่ีเกิดข้ึนกับผู้เรียนสอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จากการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ 1) ผู้เรยี นไดเ้ รียนรหู้ ลกั คิด และฝกึ ปฏบิ ัติ ตาม 3 ห่วง 2 เง่ือน ดงั นี้ ความพอประมาณ มีเหตผุ ล มภี มู ิคมุ้ กันในตัวทีด่ ี นกั เรียนมพี ื้นฐานในการวัด และ นักเรยี นวเิ คราะห์ และตัดสินใจ นกั เรียนนำความรู้ที่ไดจ้ ากการ ประเมินผล ในการรว่ มกจิ กรรมระหว่างเรียน ปฐมนเิ ทศพน้ื ฐานเพ่ือประกอบ การตดั สินใจ การทำกิจกรรม ความรู้ - นกั เรยี นทราบรายละเอยี ดในการวดั ผล และประเมินผลรายวชิ า ศลิ ปะ 5 (ศ23101) คุณธรรม - นกั เรยี นมีวินัย ซ่ือสัตย์ สุจรติ และตรงต่อเวลา
2) ผูเ้ รียนได้เรยี นรกู้ ารใช้ชวี ติ ท่ีสมดุลและพร้อมรบั การเปลีย่ นแปลงใน 4 มิตติ ามหลกั ปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพยี ง ดงั นี้ ดา้ น สมดุลและพร้อมรับการเปล่ียนแปลงในด้านตา่ ง ๆ องค์ประกอบ วตั ถุ สงั คม ส่งิ แวดลอ้ ม วัฒนธรรม ได้ความรู้เก่ยี วกบั 1. มกี ารวางแผน มคี วามรอบรู้ใน 1. การเรยี นรู้ แนวทางในการวดั ในการทำงานเปน็ การวางแผนชีวติ สอดคลอ้ งกบั วิถี และประเมนิ ผล กระบวนการแบบ ในอนาคต ชีวิตของคนใน รายวิชา ศลิ ปะ 5 กลุ่ม ชุมชน ความรู้ (ศ23101) 2. นักเรยี นมกี าร 2. เห็นคณุ คา่ ของ แลกเปล่ียนเรยี นรู้ ภมู ปิ ญั ญาท้องถิ่น 3. นกั เรียนได้ ชว่ ยเหลอื ซ่ึงกัน และกัน 1. มที ักษะในการใช้ 1. มที ักษะในการ ใชป้ ระโยชนจ์ าก 1. ดำรงตนอยูใ่ น วสั ดุอุปกรณ์อยา่ ง ทำงาน ส่ิงแวดล้อมอยา่ ง สังคมอย่างมี ทกั ษะ ประหยัด และค้มุ คา่ 2. มคี วามสามารถใน ระมัดระวัง และ ความสุข 2. การเลอื กใช้วสั ดุ การนำความรทู้ ี่ได้รับ ค้มุ คา่ 2. มที กั ษะในการ อปุ กรณ์ได้อยา่ ง ไปรว่ มกันแกป้ ัญหา คำนวณและนำไปใช้ เหมาะสม เพื่อหาข้อสรุปได้ ได้อยา่ งเหมาะสม ตระหนักถึงผลท่ี 1. มีความรบั ผดิ 1. มจี ติ สำนึกใน 1. สบื สานอนุรักษ์ เกิดจากการใชว้ สั ดุ ชอบต่อการทำงาน การอนรุ ักษ์ภูมิ ภูมปิ ญั ญาท้องถ่ิน อุปกรณ์ในการ ของกลมุ่ ปัญญาท้องถน่ิ 2. ใชแ้ หลง่ เรียนรู้ คา่ นยิ ม ปฏิบตั ิงาน 2. ยอมรบั ความ 2. ใชท้ รพั ยากร โดยใชภ้ ูมปิ ัญญา คิดเห็นซึง่ กันและ และสิ่งแวดลอ้ ม ท้องถิน่ กัน มคี วามเสยี อย่างประหยัด สละและอดทน ลงชือ่ ........................................................................ (นายธีระพร ไวยครุฑธี) .........../................./..............
แบบทดสอบกอ่ นเรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 เรอ่ื ง นาฏศิลปแ์ ละการละครกบั ชีวติ มนษุ ย์ ชื่อ-นามสกุล....................................................................................................ช้ัน ม.3/.............เลขท.่ี ............ คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องทสี่ ุดเพยี งข้อเดียว 1. นาฏศลิ ปแ์ ละการละครเร่ิมเกิดขึน้ เม่ือใด 2. เมือ่ มนษุ ย์มีครอบครวั 1. เม่ือมนุษย์มีภาษาพูด 4. เมอ่ื มนุษย์มพี ัฒนาการ 3. เม่ือมนุษย์มลี มหายใจ 2. การร้อง รำ ทำเพลง เกิดจากสัญชาตญาณของมนุษย์คำวา่ ทำเพลง เกิดจากอะไร 1. ทารกหวิ จะรอ้ งไห้ 2. การตีเกราะเคาะไม้ 3. การกระโดดโลดเตน้ 4. การเคลอ่ื นไหวร่างกาย 3. การฟ้อนรำกบั มนุษย์มีความผูกพนั กนั จนแยกไม่ออก ต่อมาจงึ ไดม้ ีการนำมาผูกเปน็ เรื่องแสดง เรียกวา่ อะไร 1. โขน 2. งว้ิ 3. ละคร 4. ลิเก 4. ข้อความ “ดูละครแล้วยอ้ นดูตวั ” หมายความว่าอย่างไร 1. การเล่นละครต้องดตู วั เองใหล้ ึกซ้ึง 2. ละครเป็นเพียงภาพลวงตาทห่ี ลอกตัวเรา 3. การมองตวั เองทำใหเ้ ราสามารถเล่นละครได้ 4. ละครชว่ ยใหม้ นษุ ย์มีแนวทางในการแกป้ ญั หา 5. เพราะเหตุใดนาฏศิลป์และการละครจึงยังไมส่ ญู หายไปจากคนไทย 1. เพราะคนไทยตระหนักในคุณค่าและช่วยจรรโลงใหค้ งอยู่ 2. เพราะมีคนรวยลงทุนจา้ งนาฏศลิ ป์และการละครไปแสดง 3. เพราะชาวตา่ งชาติเห็นคุณค่าและช่นื ชมนาฏศิลป์และการละคร 4. เพราะมีกฎหมายบงั คับให้มีการจดั ตงั้ สถาบันการศกึ ษาวชิ านาฏศิลปแ์ ละการละคร 6. ส่ิงใดแสดงถงึ คุณค่าและประโยชนข์ องนาฏศลิ ปแ์ ละการละครดา้ นการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม 1. การจดั แสดงโขน ละคร ในงานพระราชพธิ ตี า่ งๆ 2. การจัดตั้งสถาบนั การศกึ ษาวิชานาฏศลิ ปแ์ ละการละคร 3. ความรู้สึกภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณีของคนในชาติ 4. กอ่ นออกแสดงนาฏศลิ ป์และการละครต้องทำความเคารพครูฝกึ
7. ศิลปะแขนงวจิ ติ รศลิ ป์ท่ปี รากฏในงานนาฏศลิ ป์และการละคร คือขอ้ ใด 1. วิศวกรรม 2. คหกรรม 3. วรรณกรรม 4. หตั ถกรรม 8. ขอ้ ใดแสดงถงึ การเปล่ียนแปลงบทบาทนาฏศิลป์และการละครไปจากเดมิ 1. การแตง่ กายทีง่ ดงามและประณีต 2. การใช้ร้านอาหารแทนโรงมหรสพ 3. การรักษามาตรฐานของการแสดง 4. การให้ความบันเทิงแกบ่ ุคคลทว่ั ไป 9. นักเรยี นจะมสี ว่ นในการสืบสานและอนุรักษน์ าฏศิลปแ์ ละการละครได้อยา่ งไร 1. การดภู าพยนตรเ์ กาหลี 2. การรอ้ งเพลงสากลให้ไพเราะ 3. การชมโขนในโรงละครแหง่ ชาติ 4. การดกู ารแสดงคอนเสริ ์ตกับเพื่อน 10. สิ่งใดทสี่ ะท้อนให้เรามองเหน็ สภาพบา้ นเมอื งทม่ี ีความ สวยงาม แสดงความเปน็ ชาติทมี่ ีมรดกทางวฒั นธรรม 1. นาฏศลิ ปแ์ ละการละคร 2. ความเจรญิ ทางเทคโนโลยี 3. การเกษตรกรรมและอตุ สาหกรรม 4. ความร่ำรวยและมั่นคงทางเศรษฐกจิ เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น 1. 4 2. 2 3. 3 4. 4 5. 1 6. 4 7. 3 8. 2 9. 3 10. 1
แบบประเมินผลงานนาฏศลิ ป์และการละครกบั ชีวิตมนษุ ย์ คำชี้แจง : ให้ ผู้สอน ประเมินผลงานนาฏศิลปแ์ ละการละครกบั ชีวติ มนษุ ย์ของนักเรียน แล้วขีด ✓ ลงใน ช่องทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ท่ี ชอ่ื -สกุล เนอื้ หา ความ ภาษาทีใ่ ช้ ประโยชน์ วธิ ีการ รวม ของผ้รู ับการประเมนิ ละเอียด ถกู ต้อง เขา้ ใจง่าย ท่ีได้จาก นำเสนอ 20 ชัดเจน ของเนื้อหา ผลงาน คะแนน การ นำเสนอ 43 21 43 21 43 21 43 21 43 21 ลงช่อื .......................................................ผู้ประเมิน .............../.................../................. เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 18 - 20 ดมี าก ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งบางสว่ น ให้ 3 คะแนน 14 - 17 ดี ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี ้อบกพร่องเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ผลงานหรือพฤติกรรมมีข้อบกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน ตำ่ กว่า 10 ปรบั ปรงุ
แบบสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลมุ่ คำชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ ลงใน ชอ่ งที่ตรงกบั ระดับคะแนน การแก้ไข ที่ ชอ่ื -สกุล ความ การแสดง การรบั ฟัง ความตั้งใจ ปญั หา/ ของผู้รบั การประเมนิ รว่ มมือกัน ความ ความ ทำงาน หรอื รวม คิดเหน็ คิดเหน็ ปรับปรุง 20 ทำ ผลงาน คะแนน กิจกรรม กลุ่ม 4321 4321 432 14321 4321 ลงชอ่ื .......................................................ผ้ปู ระเมนิ .............../.................../................. เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครัง้ ให้ 1 คะแนน 18 - 20 ดีมาก 14 - 17 ดี 10 - 13 พอใช้ ต่ำกวา่ 10 ปรบั ปรุง
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ คำชีแ้ จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ ลงในชอ่ ง ที่ตรงกบั ระดบั คะแนน คุณลกั ษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน อันพงึ ประสงคด์ า้ น 4321 1. รักชาติ 1.1 ยนื ตรงเมอื่ ได้ยนิ เพลงชาติ ร้องเพลงชาตไิ ด้ และอธิบายความหมาย ศาสน์ กษตั ริย์ ของเพลงชาติ 1.2 ปฏิบตั ิตนและชกั ชวนผอู้ ่ืนปฏิบตั ิตามสิทธิและหนา้ ทข่ี องพลเมอื ง 1.3 ให้ความรว่ มมือ รว่ มใจ ในการทำกิจกรรมกบั สมาชิกในโรงเรยี น ชมุ ชนและสงั คม 1.4 เปน็ ผู้นำหรอื เป็นแบบอยา่ งในการจดั กิจกรรมท่ีสร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อโรงเรยี น ชุมชน และสังคม ชื่นชม ปกป้องความเปน็ ชาตไิ ทย 1.5 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทีต่ นนบั ถอื ปฏบิ ตั ิตนตามหลกั ของ ศาสนา และเปน็ ตัวอยา่ งท่ดี ีของศาสนกิ ชน 1.6 เข้าร่วมกิจกรรมและมสี ่วนรว่ มในการจดั กิจกรรมทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตามท่ีโรงเรียนและชุมชนจดั ขน้ึ ชนื่ ชมในพระ ราชกรณยี กิจ พระปรชี าสามารถของพระมหากษตั ริย์และพระราชวงศ์ 2. ซอ่ื สตั ย์ สุจริต 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถ่ี กู ต้อง และเปน็ จรงิ 2.2 ปฏบิ ัติในสิ่งท่ีถกู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทจ่ี ะกระทำความผดิ ทำ ตามสญั ญาทต่ี นให้ไวก้ บั เพอื่ น พอ่ แม่ หรอื ผปู้ กครอง และครู เป็น แบบอย่างท่ีดดี ้านความซื่อสัตย์ 2.3 ปฏิบตั ิตนต่อผ้อู ่ืนดว้ ยความซอื่ ตรง ไม่หาประโยชน์ในทางทไ่ี ม่ถูกตอ้ ง และเปน็ แบบอย่างที่ดีแก่เพอื่ นด้านความซ่ือสัตย์ 3. มวี ินยั รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของครอบครัว โรงเรียน และสงั คม ไม่ละเมิดสทิ ธขิ องผอู้ ืน่ ตรงต่อเวลาในการปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวนั และรับผดิ ชอบในการทำงาน ปฏิบัตเิ ปน็ ปกติวสิ ยั และเปน็ แบบอย่างท่ีดี 4 ใฝ่เรยี นรู้ 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ 4.2 มีการจดบันทกึ ความรู้อยา่ งเปน็ ระบบ 4.3 สรุปความรูไ้ ดอ้ ยา่ งมีเหตุผล
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208