Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ข้อคิดรอบตัว

ข้อคิดรอบตัว

Published by artitaya916, 2021-01-14 05:58:57

Description: ทุกวันเวลาที่ผ่านไป มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แม้ว่าเรื่องราวส่วนใหญ่จะเลือนหายไปกับกาลเวลา แต่ก็มีไม่น้อยที่ยังคงอยู่ และแฝงข้อคิดดี ๆไว้ให้กับผู้คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรื่องราวเหล่านั้นได้ผ่านสายตาของผู้รู้ ผ่านการวิเคราะห์ของบัณฑิตนักปราชญ์ผู้สามารถ กลั่นกรองข้อคิด มุมมองดี ๆ มาถ่ายทอดสอนใจผู้คน

Keywords: ข้อคิดรอบตัว

Search

Read the Text Version

■! มหาสมชาย จานวุฑฺโฒ M.D.,Ph.D. www.kalyanamitra.org

ข้อคิดรอบตัว <£« ชิ ริ) Ji 0 1 www.kalyanamitra.org

ข้อคิดรอบตัว พระมหาสมชาย ธานวุฑฺโฌ M.D.,Ph.D. บรรพารการบริหาร พระมหาวิเจยร บากกโร บรรผารการ รุ่งอรุณ เลิฅปีญโแาธร เบญจวรรณ มนัสโพบลย์ (ร) กองบรรผาริการ ผ,ก.วันเพญ ริรสวัสที ภัทริดา นรงทน (T E ทหญ.อรเอน เสมอวง^ พระนัผฟ้ต เบฎจธมใน HE พระฟ้รทยุ ทาวรจ็ดโก cs agp พระนวกะแสะสามเณรเดรอน DCI ล่โพ ประคิบฐ์ภูม ดร.สินึนาฏ พิญญพงบ์ ดร.ยุทิดา ปีนตุนหร อัลมบทร' แก้วดี สดปรารกนา จารุจาด ตุริดา จินดากิจบุกส ทีนงานสิอโลดทัศน์ ล่านักการสืกบา ริลปกรรฆ กองทุทธสืลป๋, เนยุว์ลิ ทองคำ ภาพประกอบ ศูนย์ภาพบั๋ง รูปเล่น พระมหาจตุภูม สนดจิดโก, พระประกิต ยกิสโร, นรลิทธ แก้วใส จัรฟ้นพไดย ลิบสิทร จนรนแทงตลอดในธรรม พนพกร้งฟ้ 1 มูลนัริธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พิมพ์กร็งที 8 พฤศจิกายน 2547 จำ นวน พฤศจิกายน 2553 พิมพ์ที 30,000 เล่ม O.S. Printing House. เขตบางกอกน้อย กรุงเทพา 10700 โทร 0-2424-6944 ข้อยูลทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมดแห่งขาฟ้ National Library of Thailand Catalo§in§ in Publication Data พระมหาสมบาย จาน•รุ*!โฒ. จ้อคดจากรอบตัว.-พิมพ์ครั้งที 8.\"ปทุมธานี ะ ชมรมแทงตลอดในธรรม,2553. 88 หน้า. 1. การดำเนีนจืรต-แง่ศาสนา-ทุทธศาสนา. 2. ธรรมะกับจีวิตประจำวัน. 3. ทุทธศาลบากับสังคม. I. ขื่อเรีอง. 294.3144 ISBN 978-616-90719-2-1 พระมหาสมขาย ราบวฑฺโฒ M.D., Ph.D. www.kalyanamitra.org

\"หนงสอ\" ที่ไมใช่เพียงแคใช้เป็นแนวทาง cS« © ในการดำเนินชีวิต ประกอบธุรกิจการงาน ให้ประสบความสำเร็จเท่านั้น ริ แต่ยัง ข่วยเปีดโลกทัศน์ J) ร ให้กับผู้อ่านได้อย่างกว้างขวาง อีกทั้งยังสามารถนำพาชีวิต I ให้ก้าวไป ในยุคโลกไร้พรมแดน ได้อย่างมีความสุขและประสบความสำเร็จ www.kalyanamitra.org

คำ น่า >s ๑ ทุกวันเวลาที่ผ่านไป มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ tr ร (C แม้ว่าเรื่องราวส่วนใหญ่จะเลือนหายไปกับกาลเวลา แต่ก็มีไม่น้อยที่ยัง Q คงอยู่ และแฝงข้อคิดดี ๆไว้ให้กับผู้คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรื่องราว เหล่านั้นได้ผ่านลายตาของผู้รู้ ผ่านการวิเคราะห์ของบัณฑิตนักปราชญ์ ผู้สามารถ กลั่นกรองข้อคิด มุมมองดี ๆ มาถ่ายทอดสอนใจผู้คน «1^ พระมหาสมชาย ฮานวุฑโฒ นับเป็นพระภิกษุผู้มีวิสัยทัศน์ รอบรู้และมีคิลปะในการทำหน้าที่กัลยาณมิตรอย่างยิ่ง ท่านได้หยิบยก เรื่องราวต่าง ๆ ที่ประสบพบเห็นมาพิจารณา ด้วยหลักธรรมของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วเก็บเกี่ยวสร้างสรรค์คุณค่าจากเรื่องราว เหล่านั้นมาถ่ายทอดแปงป้นให้กับเหล่ากัลยาณมิตรเสมอมา พระมหาสมขาย ฮwานwวุwฑฺ.โkฒaMl.yDa.n, Pahm.Di.tra.org

c£e o 30 ชมรมแทงตลอดในธรรม จงได้กราบฃออบุญาต นำ บทความ I ของท่านซึ่งได้ตีพิมพโนวารสารกัลยาณมิตรในช่วงปีพุทธคักราซ 2537 |e มารวมเล่ม จัดพิมพ์ขึ้นเป็นหนังสือ \"ข้อคิดรอบตัว\" ฉบับนี้ เพราะ เล็งเห็นว่า บทความอันทรงคุณค่านี้จะช่วยเป็นแนวทางในการดำเนิน ® ชีวิต ประกอบกิจการงานให้ประลบความสำเร็จได้ ทั้งยังช่วยเปีดโลก ^^ ทัศน์กว้างไกล เพื่อนำพาชีวิตให้กัาวไปในยุคที่โลกไว้พรมแดนได้อย่าง - เป็นสุข โดยมีธรรมะของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเครื่องคุ้มครอง ซมรมแทงตลอดในธรรม พฤศจิกายน 2553 www.kalyanamitra.org

สารบัณ QJ ๑ เรื่อง หน้า tr การให้เกียรติกัน 11 ร่ การวิเคราะห์ข่าว «s Q พลังผลักดันทิศทางสังคม 15 »«p ตอนที่ 1 การทำงานเป็นทีมของคนในประเทศญี่ปุน 21 ตอนที่ 2 การประชุมแบบญี่ป่น 27 ตอนที่ 3 กาฏมัณฑ...กล่องดำ ตอนที่ 4 และการรับฟ้งความเห็นของผู้อื่น ตอนที่ 5 35 พระมหาสมชาย ราบรุฑฺโฒ M.D., Ph.D. www.kalyanamitra.org

ตอนที่ 6 เรอง หนา G) ตอนที่ 7 41 3B ตอนที่ 8 จริยธรรมในสังคมญี่ปุน 47 ร J) ตอนที่ 9 คนๆ เดียว ก็ทำ อะไรได้ 51 o ตอนที่ 10 รางวัลพูลิตเซอร์และอแร้ง 55 ๘ ตอนที่ 11 กับเด็กน้อยขาวซูดาน 63 69 o การพัฒนาประเทศของญี่บุ่!น(1) การพัฒนาของประเทศญี่ป่น (2) หยุดคิด..ก่อนปีใหม่จะมาเยือน www.kalyanamitra.org

บทน่า นานมาแล้ว \"มงคลชีวิต ฉบบทางก้าวหน้า\" ได้เกิดขึ้น 3ร มาด้วยความวิริยะอุตสาหะ ด้วยความรัก และความปรารถนาดีอัน ® มีพื้นฐานมาจากความตระหนักลีกขึ้งในคุณค่าธรรมะ อาตมภาพไมไข่ (ร นักเขียนไมไข่ผู้เขี่ยวฃาญในการประพันธ์ตลอดชีวิตในวัยเรียนก็คุ้นอยู่ (1ริ Q กับตัวเลข การคำนวณสมการสูตรต่าง ๆ และทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ อาศัยที่มีใจรักทางการอ่านและสนใจการเขียนอยู่บาง เมื่อพระเดข 8 พระคุณพระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อพัดตชีโว) ได้มอบหมายให้ r- จัดทำหนังสือมงคลชีวิตฉบับทางก้าวหน้า เพื่อประโยซน่ในการเผยแผ่ ธรรมะในหมู่เยาวชน อาตมภาพก็น้อมรับบุญ และตั้งใจปฏิบตภารกิจ นั้นจนสุดความสามารถ นัดนี้เมื่อเวลาผ่านไป... อาตมภาพได้รับมอบหมายจากคณะ สงฟ้ให้มาสืกษาและวิจัยทางพระพุทธศาสนาอยู่ที่ประเทศญี่ป่น นับ จาก พ.ศ.2533 ถีงปิจจุนัน ก็เป็นเวลา 4 ปีแล้ว การจากมาอยู่ต่างถิ่น ต่างวัฒนธรรม ในสถานภาพของพระภิกษุไทยเพียงรูปเดียว ทาให้ด้อง อดทนและปรับตัวอย่างมากต้องสำรวมระวังตนอยู่เป็นนิจ แต่ก็ทำให้ ได้รู้จักโลก ได้เข้าใจชีวิตได้มากขึ้น ประการสำคัญ ได้เห็นตนเองชัดขึ้น ร้จักตนเองดีขึ้น พระมหาสมชาย ฮาwนwๆฑwฺโ.ฌkaMl.yDa.,nPahm.Di.tra.org

ทุกวันนี้การเรียนยังคงหนัก ทั้งยังต้องอ่านเขียนทุกอย่าง ผ่านภาษาญี่ป่นและภาษาอังกฤษ ทำ ให้ต้องห่างเหินจากภาษาไทย ฐ\" และว่างเว้นจากการเขียนมานาน เมื่อวารสารกัลยาณมิตรติดต่อ ฐ อาราธนาให้เขียนบทความลงในวารสาร ในเบื้องต้นก็ออกจะลำบาก i ใจอยู่มิใซ่น้อยเกรงว่าจะถ่ายทอดเรื่องราวได้!ม่ตรงกับที่ใจคิดแต่ครั้น ระลึกน้กถงมโนปณิธานของพระเดซพระคุณหลวงพ่อ ที่หวังให้พวกเรา ได้ปฏินัติหน้าที่กัลยาณมิตรกันอย่างเต็มกำลังความสามารถในทุกกาล ^ ทุกเรื่อง อาตมภาพก็มีกำลังใจที่จะจับปากกาขึ้นมาขีด ๆ เขียน ๆ เรื่อง ^ ราวที่เป็นสารธรรมอีกครั้งหนึ่ง \"น้อคิดรอบตัว\" นี้จีงเกิดขึ้นด้วยความหวังว่าประสบการณ์ ซีวิตและข้อคิดต่างๆที่ได้สอดแทรกไว้จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเพื่อน มนุษย่และลังคมสืบต่อไป ฮานๅฑฺโฒ ภิทชุ 1 มกราคม 2537 www.kalyanamitra.org

's ๑ (r ร cc Q 10 _โ^- «.๙'' พระมหาสมชาย ธาwนwๅฑwฺโ.ฌkaM.lyDa.,nPahm.Di.tra.org

การให้เกียรติกัน โดยธรรมชาติแล้วคนเราทุกคนสัวนต้องการความภาคภูมิใจใน cSt ® ตนเอง ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไรต่างหาความภาคภูมิใจจากสิ่งใด สิ่งหนึ่งในชีวิตของตบจนได้ เข่น ภูมิใจในฐานะ ชาติตระกูล การสืกษๆ หน้าที่การงาน คุณธรรม ความสามารถ รูปร่างหน้าตาชองตน เป็นต้น เ แม้คนหน้าตาธรรมดาก็อาจมีความภูมิใจว่า ตนมีความงามในส่วนใด ส่วนหนึ่ง เข่น ฟ้นสวย ผมสวย เป็นต้น ความภาคภูมิใจนี้ก็อให้เกิด 11 ความมั่นใจในการดำรงชีวิต ดังนั้นจึงไม่มีใครปรารถนาที่จะคบหากับ บุคคลที่ชอบใช้กิริยาวาจาบั่นทอนความภาคภูมิใจหรือทำลายเกียรติยศ เ^^' ซื่อเสียงของผู้อื่น อาตมภาพเคยรู้จักสามีภรรยาคู่หนึ่ง เป็นชาวจึนที่อพยพ มาอยู่เมีองไทย ปกติภรรยาจะเป็นคนที่มีความเคารพ และให้เกียรติ สามีมาก ถึงแม้ตัวเองจะเป็นคนเก่ง ทำ มาค้าขายจนรํ่ารวย แต่ก็คอย ระมัดระวังไม่ให้สามีรู้สีกกระทบกระเทือนจิตใจที่ไมได้เป็นหลักในการ สร้างฐานะของครอบครัว นั้งคู่อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขมาร่วมสิ่สิบปี จนกระทั่งวันหนึ่ง ภรรยาได้ปรารภเรื่องที่ญาติทางเมีองจีนได้ติดต่อมา หาตน สามีกลับหัวเราะแล้วพูดว่า ''จะมีอะไร ก็คงอยากได้เงิน ยากจบขนาดนั้น ให้ไปสักพัน สองพัน ขี้คร้านจะดีใจ\" www.kalyanamitraต.อoนทrีg่ 1 การให้เกียรติกัน

ภรรยาโกรธมาก คาดไม่ถึงว่าสามีจะดูแคลนญาติของตน เข่นนั้น จึงพูดประซดประชันสามีว่า ตัวเองรํ่ารวยนักหรือ ถึงพูดอย่าง นั้น แล้วก็เลยต่อว่ากันอีกยืดยาว คำ พูดที่ทำลายเกียรติของผู้อื่นเพียงไม่กี่คำ ได้ทำให้ภรรยา คู่ทุกข์คู่ยากที่อย่ร่วมกันมากว่าสี่สิบปี เสียความรู้สึกที่ดี เสียศรัทธา ตอสามีได้อย่างไมน่าเชื่อ อีกกรณีหนี่ง สำ หรับคนที่รู้สีกว่าตนเองเป็นคนทำบุญทำคุณ กับใครไม่ขึ้น คือ ข่วยเขาแล้ว ทำ ดีกับเขาแล้ว เขาไม่นึกถึงบุญคุณของ เราอย่างที่หวังไว้ ทำ ให้รู้สึกน้อยอกน้อยใจ หมดกำลังใจที่จะทำความ tr ดี หรือข่วยเหลือใคร ๆ อีก ทำ ให้เสียเพื่อน เสียมิตรเสียโอกาสดี ๆ (ร. fs (ริ ในชีวิตไปอีกมากมาย การไตร่ตรองถึงสาเหตุของเรื่องนี้ เราควรพีจารณาดูตัวเรา '2 เองด้วยเข่นกันว่า การที่เรามีความรู้สึกว่า ตนเองเป็นคนทำบุญกับ ^ , ใครไม่ขึ้นนั้น เป็นเพราะเรามองเห็นแต่เกียรติของตนเอง แต่มอง r ไม่เห็นเกียรติของผู้อื่นหรือเปล่า เพราะบางครั้งการที่เราได้ช่วยเหลือ ใครไป เรามักจะรู้สึกว่าตัวเราเป็นผู้ให้ จึงไม่ได้ระมัดระวังกิริยาวาจา เผลอแสดงท่าทางว่าเราเหนือกว่า แล้วก็ใซ้คำพูดที่ไม่เหมาะสม ทำ นอง ยกตนข่มท่าน ทำ ให้ผู้ฟ้งเกิดความรู้สึกไปในทางลบ เป็นการทำลายสาย สัมพันธ์อย่างที่คนพูดเองก็คาดไม่ถึง เพราะคนเรานั้นล้าไม่จำเป็นจริง ๆ คงไม่มีใครอยากบากหน้าไปขอความช่วยเหลือผู้อื่น การเอ่ยปากขอ ก็ ทำ ให้รู้สึกด้อยค่ามากพออยู่แล้ว เมื่อมีคนมาแสดงท่าทางดูแคลน พูดจา ข่มพับเข้าอีก ก็ยิ่งทำให้!ม่สบายใจ ความรู้สึกสำนึกในบุญคุณจึงลดลง ตรงกันข้าม ผู้ที่ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นพร้อมทั้งให้กำลังใจล่ง เสริมให้เขามีความเซอมั่น ผู้ให้นั้นย่อมจะ!ด้รับความเคารพยกย่อง ด้วยความจริงใจ พระมหาสมขาย ฮาwบจwุฑwฺโ.ฒkaM.lyDa.,nPahm.Di.tra.org

จะเห็นได้ว่าการให้ความช่วยเหลือผูอื่นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องทำด้วยความมีสติและด้วยนํ้าใจของ \"ผู้!ห้\" จริง ๆ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งด้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน พระเจ้านโปเลียนมหาราช ผู้ก่อร่างสร้างตัวจากสามัญซน จนได้ '๕t เป็นจอมจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประว่ติคาสตร์ของประเทศฝรั่งเศส 0 เป็นผู้กอบกัประเทศฝรั่งเศส ให้กลับกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้นอาณาเขตของประเทศฝรั่งเศสได้แผ่ฃยายออกไป ฐ อย่างกว้างขวางจนพระเจ้านโปเลียนได้ซื่อว่าเป็นผู้เขียนแผนที่ประเทศ ใเนนยยุุโเรรปบใเหหมม่ เเคคลลีตดลลับบบปรระะก?า^ร^หvนfึ่นงงทพีน่นเ่พาวพะระเเ'จง้ฯานนเโ.ปบเเลคียยนนเไบปอค่ฑคiวาเมม I สำ เรจก็คือ การให้เกียรติคน เป็นที่ทราบกันดีว่า พระเจ้านโปเลียน ^^ ไม่เคยลืมที่จะกล่าวคำขอบคุณกับทุกคนที่ช่วยเหลือหรือรับใช้ไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใครก็ตาม ทำ ให้พระองค์สามารถครองใจคนได้ประซาซนจึง มีความจงรักภักดีพร้อมจะทุ่มเททำงานให้อย่างเต็มที่ เต็มกำลัง ด้งนั้นผู้ที่ปรารถนาจะประสบความสำเร็จในชีวิตจะละเลยจาก การให้เกียรติคนไม่ได้เลย /I ในวงการธุรกิจก็เช่นกัน บริษัทใดที่เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ ไมให้เกียรติลูกน้องเท่าที่ควร คิดแต่ว่าตนเป็นเจ้านาย เป็นเจ้าซองบริษัท จะทำอะไรกได้ บางครั้งอารมถ!เสียจากที่อื่นแลัวกลับมาลงที่ลูกน้อง บ้าง ปฎิบ้ติต่อลูกน้องอย่างไม่มีเหตุผลบ้างในที่สุดก็ย่อมจะต้องสูญเสีย ลูกน้อง!!เมือดี ๆ ไป เป็นการบั่นทอนความเจริญกัาวหน้าในกิจการของ ตนอย่างน่าเสียดาย ทั้งนี้เพราะลืมไปว่า เงินซื้อใจคนไมได้ ใครที่มีปืญหาด้านมนุษยสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ญาติพื่ น้อง ครอบครัว สามี ภรรยา ลองหันกลับมาสำรวจดต้วเองเถอะว่า เราลืมให้ความสำคัญต่อการให้เกียรติก้นบ้างหรือเปล่า ? www.kalyanamitraด.อoนทrีg่ 1 การใฟ้เยรตกํน

f{เ^ i -*\":)6*£9ร«:11. • p ริ) พ<r (ร «ร Q 14 ^ «ll |l|lMU>. *!II;\"i|iiAKlJ«I SVlJK ) v>ฟ้น- \"Ttie^panTmi^'^ ;j~ boy ' s \"3^-^ ^ iat£s( biill>iiig-liiiked siuodes - ^ ใร พระมหาสมขาย ฮาwนวwุฑwฺโ.ฒkaM.lyD.a,nPah.mD.itra.org

การวิเคราะห์ข่าว พลังผลักดันทิศทางสังคม cSe ® I มื่อต้นเดือนกมภาพันธ์ พ.ศ.2537 ที่ผ่านมา คงไม่มีข่าวใดในญี่ป่น ร อเป็นที่สนใจของประซาขนมากเท่ากับข่าวการผ่านร่างกฎหมาย i ปฏิรูประบบการเลือกตั้งของสภาไดเอ็ท (รัฐสภาของญี่ป่น) และมี 15 สิ่งหนี่งที่อาตมภาพประทับใจเป็นอย่างมาก นั่นก็คือความแม่นย่า ในการวิเคราะห์ข่าวของสื่อมวลซนญี่ป่น เมื่อครั้งที่ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านสภาล่างแล้ว แต่ถูก สภาสูง(วุฒิสภา)ตีกลับไปนั่น ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างตัวแทน นั่งสองสภา เพื่อหาทางประนีประนอมกัน...ขณะที่การประชุมเพิ่งจะ เริ่มด้น นักวิเคราะห์ข่าวของ NHKได้วิเคราะห์ป้ญหานี้ว่ามีทางออกอยู่ กี่ทาง และแต่ละทางมีผลดืผลเสียต่อฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายด้านในขณะ นั่นอย่างไรบ้างจากนั่นก็คาดการณ์ด้วยความมั่นใจว่า การประชุมครั้งนี้ จะด้องพบกับความล้มเหลว เพราะการประนีประนอมจะสำเร็จได้ก็ด้วย การประชุมสุดยอดระหว่างนายกรัฐมนตรีและผู้นำฝ่ายด้านเท่านั่น ซึ่ง ในที่สุดก็ปรากฏว่าเหตุการณ์!ด้เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ข่าวของ NHK คาดไวทุกประการ wตอนwทีw่ 2.kกaาlรyวิaเnครaาะmห์ขit่rาaว .พoลัrงgผลักดันทิศทางสังคม

ใซ่เพียงแค่เรื่องราวภายในประเทศญี่ป่นเองเท่านั้น แม้แต่ เหตุการณในต่างประเทศ สื่อมวลซนญี่ป่นก็เคยวิเคราะห์ได้อย่าง แม่นยำมาแล้ว เซ่นกรณีการเมืองในประเทศไทย สมัยจัดตั้งรัฐบาลผสม เมื่อปีพ.ศ.2535 ที่มีพรรคสามัคคีธรรม และพรรคซาติไทยเป็นแกนนำ โดยมืการเสนอให้เชิญผู้มืความรัดวามสามารถจากนอกพรรคมาเป็น นายกรัฐมนตรี จีงเกิดการวิพากษ์วิจารถnนหลายกระแสเกี่ยวกับแกน นำ กลุ่มอำนาจต่าง ๆ ที่จะขึ้นมาบริหารประเทศ ขึ้งครั้งนั้นสื่อมวลซน ญี่ป่นก็สามารถติดตามสถานการณ์และวิเคราะห์ซ่าวใด้ตรงกับสื่งที่เกิด i ขึ้นต่อมาภายหลังจริง ๆ f การที่สื่อมวลฃนญี่ป่นสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่าง us; ๑ แม่นยำ น่าจะมาจากเหตุป้จจัยดังต่อไปนี้ คือ 1. ป็ความเป็นกลาง คนญี่ป่นถือว่า สื่อมวลขนคือผู้เสนอซ่าว มีหน้าที่รายงาน ความเป็นไปจองเรื่องราวต่าง ๆ ต่อสาธารณขนตามความเป็นจริง โดยต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่มืหน้าที่ตัดสีนว่าใครถูกใครผด ไม่เซียน ข่าวเซียริใคร หรือโจมตีใคร และไม่นำความคีดเห็นหรืออคติส่วนตัวไป ปะปนในเนี้อข่าวโดยเด็ดซาด ถ้าหากต้องการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องใด ก็จะระบุว่าเป็นคอลัมนํวิจารณ์ให้ทราบอย่างซัดเจนเลยว่า นี่คีอความ คิดเห็นส่วนตัวของผู้เซียนคอลัมน์นั้น ๆ ในญี่ป่นมืหนังสือพิมพ์ประเภท \"ตีใซ่ใส่ซ่าว\" อยู่เหมือนกัน เป็นหนังสือพิมพ์ประเภทหัวสีขึ้งแยกประเภทออกมาจากหนังสือพิมพ์ หลักโดยเป็นที่รักันว่า หนังสือพิมพ์ประเภทนี้เชื่อถือไม่ค่อยได้ใซัเพียง แค่อ่านเพื่อความมันเท่านั้นเอง พระมหาสมซาย ธาwนๅwฑฺwโ.ฒkMa.lDy.a,nPah.mD.itra.org

เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีกรณีหนึ่งที่น่าลนใจเกี่ยวกับสถานีโทรทัศใ! c2« a อาซาร กล'าวคือ ทางสถานีโทรทัศน์อาซาฮีถกร้องเรียนว่าวางตัว 3)C ร ไม่เป็นกลางในการเสนอข่าวเกี่ยวกับการเลือกตัง ผลคือหัวหน้าข่าว o ต้องออกมาสารภาพว่า ตนเองมีอคติต่อพรรคแอลพีดี ซี่งผูกขาดครอง ic อำนาจเป็นรัฐบาลมาถง 38 ปี จึงเสนอข่าวในเซิงลบต่อพรรคการเมีอง นี้ เขาไต้ขออภัยต่อประซาฃนญี่■ป่นในฐานะที่ประพฤติผิดจรรยาบรรถJ 17 ของสื่อมวลซน และตัดสินใจลาออกในที่สุด จิตสำนึกของสื่อมวลซน ที่มีความเที่ยงธรรมและเป็นกลาง ในการเสนอข่าว อีก'ดั้งเมื่อผิดพลาดก็กล้ายอมรับผิดเข่นนี น่า'ดีจะน้ามา ปลูกผิงในหมู่สื่อมวลซน'ดั้วไป เพื่อผู้รับข่าวสารจะไต้รับข้อมูลทีถูกต้อง ตรงความเป็นจริง ดังวลีอันน่าประทับใจที่หน้งลือพิม'พ์ The Japan Times ได้ประทับไว้บนหัวหนังสือพิมพ์ดจเป็นสัญญาประซาคมว่า ALL THE NEWS WITHOUT FEAR OR FAVOR r- (ข่าวทุกข่าวล้วนปราศจากนึ่งความกสัวหรือครามลำเอียงใด ๆ 5 การประกาศแนวทางไว้ขัดเจนเข่นนี้ไม่เพียงมีผลต่อความนิยม ของผู้อ่านเท่านั้น ในขณะเดียวกัน สื่อมวลซนของหนังสือพิมพ์ฉบับ ดังกล่าว ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการนำเสนอข่าว หรือบท วิเคราะห์วิจารถมีห้เป็นไปตามแนวทาง ที่หนังสือพิมพ์ของตนประกาศ ไว้ต้วย wดอwนทwี่.k2aกlาyรวaิnเคaราmะหi์tขr่aาว.oพลrัgงผลักตันทิศทางสังคม

Ml 2. ปีความ^จ^ง ในใ!)านเราสือมวลซนจำนวนไม่น้อย ยังไม่สามารถสลัดให้หลุด จากสภาพการ \"ขายรสชาติ-ขายความมน\" ได้ ดังจะเห็นได้จากการ ที่ ข่าวความฃัดแยัง เรื่องอื้อฉาว หรือข่าวซาวบ้านต่าง ๆ ยังถือว่าเป็น หัวข้อข่าวห็อปฮิต แตในญี่ใ]นหนังสือพิมพ์ของเซา \"ขายความจริง\" โดยแข่งกันในแง่ที่ว่า ใครจะเสนอข่าวได้แม่นยำเจาะลึกได้มากกว่า กัน ใครทำงานในสายข่าวไหนก็ต้องสืกาะ)าข้อมูลเรื่องราวในสายงาน c ของตใป้ให้Iต้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ยิ่งผู้เชี่ยวซาญประจำสายซ่ๅๆด้าย Q แล้ว ยิงต้องมีความรู้ความเชี่ยวซาญในด้าน'นั้น ๆ ถึงขนาดที่กล่าวได้ว่า (r (ร. ไม่แพ้ศาสตราจารยํในมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว ไ(ร Q เซาถือว่า \"เอะไรต้องรู้ให้จริง ผู้รู้จริงเพียงคนเดียวให้ความ กระจ่างแก่สังคมได้ดีกว่าคนรู้แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ นับพับนับหมื่น คน...\" r ความเป็นกลางก็ดี ความรู้จริงก็ดี เป็นป็จจัยหสักที่ทำให้ สือมวลขนในประเทศณี่ใ]น สามารถเสนอข่าวและวิเคราะห์ข่าว ต่าง ๆได้อย่างแม่นยำ ชี่งเรื่องนี้มีส่วนอย่างมากใบการสร้างลังคมญี่'เ]น ให้เป็บสังคมแห่งองค์ความรู้ เพราะประซาซนมีโลกทัศน้ที่กว้างไกล สื่อมวลขนไทยในรอบทศวรรษที่ผ่านมา เราได้มีการพัฒนาใน ด้านเทคโนโลยีการสื่อสารอย่างมาก เพื่อให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมกับ ประเทศที่พัฒนาแล้ว ดังนั้นในด้านคุณภาพของเนื้อหาเราก็ด้องทุ่มเท พัฒนาให้ทัดเทียมอารยประเทศด้วยเข่นกันข้ออ้างเดิมๆที่ว่า\"ผู้อาน เองยังขอบแบบเติมอย่ สื่อมวลซนจะลำหน้าผู้อ่านมากเกินไปไม่ได้\" จึงไม่ควรนำมาใข้เป็นข้ออ้างอีกต่อไป หากเราต้องการให้เกิดการพัฒนา อย่างแท้จริง พระมหาสมขาย ขาบรุ'}ใโฒ M.D., Ph.D. www.kalyanamitra.org

อาตมภาพหวังว่าจะได้เห็นวงการส์อมวลซนบ้านเราผลิตผล งานที่มีคุณภาพ ด้วยความรู้จริงอย่างมืออาชีพ ทั้งมืความเป็นกลาง ทยั่งยืนต่อไปในอนาคต 0 ร \"ผู้ใดไม่ละเมิดความยุติธรรม 1 เพราะความรัก ความซัง ความโง่เขลา ไ9 และความกลัว ยศของผู้นั้น ย่อมเด่นดุจดวงจันทร์ เปล่งแสงสว่างในข้างขึ้นทุกคํ่าคืน\" (พุทธพจน์) อ'^. จตุกก.(เล่ม 21 หบ้า 19 ข้อ 19) wตอwนทwี่.2kaกาlyรวaิเnคaราmะห่itขr่aาว.oพลrัgงผลักดันทิคทางสังคม

ข้อคิดรอบตัา www.kalyanamitra.org

การทำงานเป็นทีม © ของคนในประเทศญี่ป่น ริ» ริ คนญึ่ป่นมีฃื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในเรื่องการทางานเป็นทีม ความ © รักในหมู่คณะ พร้อมที่จะเสียสละเพื่อหมู่คณะ ซึ่งคุณสมบต เหล่านี้!ด้นำความสำเร็จมาสู่หมู่คณะ องค์กรบริษัท และหน่วยงานต่าง ๆ I รวมถึงการพัฒนาประเทศของญี่'ป่น ^^ แนวคิดสำคัญของการอยู่รวมกลุ่มกันของคนญี่ป่นตั้งแต่สมัย , โบราณมีอยู่ว่า สมาซิกแต่ละคนจะกระทำสิงต่าง ๆโดยไม่ยึดถือความ คิดเห็นของตนเป็นใหญ่ แต่จะดูหิศทางและความคิดเห็นของหมู่คณะ เป็นหลัก โดยทุกคบจะทุ่มเทอุทิศตนทำงานเพื่อหมู่คณะให้ดีที่สุด ในทางกลับกันหมู่คณะก็จะรับประกันความมั่นคงปลอดภัยใน ชีวิตของสมาซิก กล่าวคือ ในทุก ๆ หมู่คณะจะมีแกนนำซึ่งเป็นคัวแทน ของสมาซิก มาร่วมกันวางกฎเกณฑ์ต่าง ๆในการปฏิษัติตนของสมาซิก ผู้ที่ปฏิบัติตามก็จะได้รับหลักประกันความมั่นคงในชีวิตเป็นการ ตอบแทน เซ่น ระบบการจ้างงานตลอดชีพในบริษัทต่าง ๆ เป็นด้น www.kalyaตnอaนmท 3itrกaาว.oท๊rาgงานเป็นทีมแบบญีมั่น

การทำงานโดยคำนึงถึงหมู่คณะเป็นหลักนี้ เห็นได้จากการ ที่พนักงานบริษัทของประเทศญี่ป่นเกือบร้อยทั้งร้อย ไม่ค่อยใซ้สิทธึ๋ ลาพักร้อน เพราะเขาไมได้คิดแต่เพียงว่า นั่นคือสิทธี้ของเขา เขาย่อม ลาได้แต่กลับคิดว่า ถ้าหากเขาลาหยุดไป ก็เท่ากับว่าในขณะที่เขากำลัง พักผ่อนอยู่นั่น พนักงานคนอื่น ๆ จะต้องทำงานหนักฃี้น คือต้องทำงาน ในส่วนของเขาด้วย เมื่อมีความรู้สึกห่วงใยในหมู่คณะเข่นนี้ พนักงาน ส่วนใหญ่จึงไม่ยอมลาพักร้อน จนกระทั่งบริษัทใหญ่ ๆ หลายแห่ง ในประเทศญี่ป่นต้องออกจดหมายเวียน ประกาศขอความร่วมมือให้ พนักงานทุกคนข่วยกันใช้สึทธี้ลาพักร้อนด้วย มิฉะนั่นทางบริษัทจะถูก รุ เพ่งเล็งจากกระทรวงแรงงาน os: ® ร^ ซาวญี่ปุนมีคติพจน์บทหนึ่งว่า \"จงตีฅะปทุกตัวที่โผล่ขึ้นมา\" คือ ถ้ามีใครทำตัวผิดแปลกไปจากหมู่คณะ เข่น อวดเด่น อวดฉลาด 22 ก็จงข่วยกันทุบให้จมลงไปเพื่อให้เกิดความกลมกลืนเป็นเนี้อเดียวกัน คนต่างซาติพีงแล้วก็ตกใจ บางท่านตั้งคำถามที่น่าคิดว่า ถ้าทุกคนต้อง ทำ อะไรเหมือน ๆ กันหมด ความคิดสร้างสรรค์จะถูกจำกัดหรอไม่ ? คำ ตอบ คือ \"ไม่\" เพราะการทำตัวให้กลมกลืนเช้ากับผู้อื่นนั่น ไม่ได้หมายความว่า จะเสนอความคิดหรือทำอะไรใหม่ ๆ ไมได้ ทุกคน มีสิทธิ้คิดหรือเสนอสืงใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา แด่ต้องให้ความสำคัญกับ การทำงานเป็นทีม ผู้ที่มีความสามารถต้องเรืยนร้วีธีการนำเสนออย่าง อ่อนน้อมถ่อมตบไม'แสดงอาการโอ้อวดข่มทับผู้อื่บ แต่ม่งประโยชน์ และความก้าวหน้าของหมู่คณะอย่างแห้จริง เมื่อเป็นเข่นนี้ความรู้สึกต่อด้านหรือหมั่นไส้ก็จะไม่เกิดขึ้น ทุกคนพร้อมรับพีงและให้ความร่วมมือ ความสมัครสมานสามัคคืและ ความก้าวหน้าจึงเกิดขึ้นได้ พระมหาสมขาย ขานwจุwฑฺwโฒ.kMa.lDy.a,nPha.mD.itra.org

ในประเทศญี่ป่น การที่คนจะเด่นจะดังขึ้นมาได้ต้องมาจากการ ทำ ความดีอย่างด่อเนื่อง หมั่นสร้างผลงาน จนทุกคนค่อย ๆ ยอมรับและ ยกย่องเชิดชู เพราะการยกย่องต้องมาจากผู้อื่นเท่านั้น ใครที่ยกตนเอง ขึ้นมาโอ้อวด ก็จะถูกทุบลงไปแทบจะในทันทีทันใด คนที่อยากเติบโต จีงต้องทำความดีมาก ๆ จะโตแบบกลวง ๆ ไมใต้เลย ตะปูที่โผล่ขึ้นมาแม้เพียงตัวเดียวก็สร้างความเสิยหายได้ เปรียบเสมือนคนเก่งประเภทข้ามาคนเดียว ซึ่งทำให้หมู่คณะรวน ไต้ แม้คนญี่ป่นจะซื่นซอบคนเก่ง แด่ถาให้เลือกระหว่างคนเก่งกับทีม c®e ffl เขาเลือกเอาทีมไว้ก่อน แด่ก็ใซ่ว่าจะทิ้งคนเก่ง เพียงแด่ต้องการ13กคน 3 J) เก่งให้กลมกลืนเข้ากับหมู่คณะให้1ด้ เพื่อนำความเก่งออกมาใข้ให้เกิด I ประโยซนํ เขาจึงสอนให้ตีตะปูที่โผล่ขึ้นมา ไม่ไต้ให้ถอนตะปูทิ้ง แด่ก็ ไม่ทะนุถนอม ไม่เอาใจคนเก่งจนทำให้ทีมรวน 23 วิธี!!กให้เกิดการทำงานเป็นทีมนั้น ผู้นำ ของทีมมืล่วนสำคัญ อย่างมาก ทั้งการซ'แนะและการทำตัวเป็นแบบอย่าง ผู้นำ ต้องให้ความ f สำ คัญกับทีมมากกว่าตัวบุคคล ควรยกย่องผู้ที่ทำงานเป็นทีม อีกทั้งต้อง มอบหมายงานเป็นทีม ให้คุณให้โท'ษเป็นทีม และลิ่งที่สำคัญมากก็คือ ผู้นำ ต้องมีความยุติธรรม ป้จจุบันนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า พนักงานในบริษัทญี่ป่นมีความ จงรักภักดีด่อบริษัทอย่างมาก จนมีผู้วิเคราะห์ว่า ความจงรักภักดีนี้เป็น ผลมาจากวัฒนธรรมของญี่ป่น มมมองเพุ่นี้ ทำ ให้เกิดความรู้สึกว่า การที่จะสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบญี่ป่นนั้นเป็นเรื่องยาก แด่ถ้าเรา มองในอีกมุมหนึ่งน่าจะเกิดประโยฃนํมากกว่า คือมองว่า วัฒนธรรม ของชาติใดฃาติหนึ่ง แม้จะมืผลต่อพฤติกรรมของคนชาตินั้น แต่ วัฒนธรรมก็ไม่ใช่สึงที่คงที่ตายตัว มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา www.kalyaตnอนaทีm่ 3itrกaาร.oทำrงgานเป็นทีมแบบญี่ป่น

ความสำเร็จที่แท้จรง ย่อมมาจากการวางแผนอย่างเป็นระบบ และ การลงมือหำงานอย่างต่อเนื่องจริงจังต่างหาก เพราะเมื่อ 40 กว่าปี ก่อนพนักงานของบริพ!ใหญ่ ๆ ในญี่ป่น ก็เคยเดินขบวนประท้วงบริษัท กันอย่างหนักไม่แพ้ฃาติไหน ๆจนหำไท้บริษัทแทบล้มละลายไปตาม ๆ กัน ต่อมาผู้บริหารจีงปริกษาหารือกันเพี่อหาทางออกของปีญหา ก็ พบว่าวิธีที่ดิที่สุดคือ ต้องมีการแบ่งปีนผลประโยฃน่กันอย่างยุตธรรม ผลกำไรของบริษัทไนแต่ละปีจะถูกแบ่งปีนอย่างยุติธรรมไท้กับ ทุกคน ทั้งพนักงาน ผู้บริหาร และผู้ถือหุ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ความรู้สึกรัก © ไนบริษัทจึงเกิดขึ้น ทุกคนมีความรู้สึกว่าบริษัทเป็นของตนและต่างคน <E ต่างทุ่มเทหำงานกันเต็มที่ เพราะเมื่อบริษัทมีผลกำไรมาก ทุกคนก็จะ 0 ได้รับผลประโยชน์มากตามไปด้วย พนักงานกับผู้บริหาร จึงไมใช่คัตรู >ริ> ที่คอยจ้องจะตำหนิหรือเอาเปรียบกันอีกต่อไป แต่กลายเป็นคนไนทีม 24 เดียวกัน มีผลได้ผลเลียร่วมกัน เพียงแต่แบ่งหน้าที่กันหำตามความถนัด และความสามารถของแต่ละคนเท่านั้น เมื่อบริษัทหนื่งหำแล้วได้ผล บริษัทอื่นก็หำตามอย่าง จนทั่วทั้ง ประเทศญี่ป่น จะเห็นได้ว่า วัฒนธรรมความจงรักภักดีต่อบริษัทของคน ขณะเดียวกัน เมื่อมองกลับมาที่คนไทย แต่ละคนมีความ สามารถเฉพาะตัวสูงไม่แพ้ไคร เคยมีผู้เปรียบเทียบเอาไวัว่า ถ้าคนไทย กับคนญี่ป่นแข่งกันตัวต่อตัว คนไทยเราชนะขาด ถ้าแช่งกันสองต่อสอง ผลคือ เริ่มจะสูสึ แต่เมื่อไรแข่งขันเกินสามคนแล้วละก็ ญี่ป่นชนะขาด เพราะคนไทยมัวแต่ทะเลาะกัน ป็ดแขังปิดขากันเอง พระมหาสมขาย ฮาwนวwฑฺwโฌ.kMa.lDy.a, nPha.mD.itra.org

อย่างไรก็ตามเรื่องราวความสำเร็จของคนไทยที่สามารถทำงาน ร} ร เป็นทีมได้อย่างน่าภาคภูมิใจก็มีอยู่เช่นกัน ด้งความสำเร็จของกลุ่ม นักฟุตบอลทีมชาติไทยฃุดปี หรือที่เรียกกันว่า ดรีมทีม ในการแช่งขัน ® ฟุตบอลคิงส์ด้พ ปี พ.ศ. 2537 ซึ่งนักฟุตบอลในทีมชาติชุดนี้ ไมม i ใครที่โดดเด่นในระด้บที่เป็นดาราด้งเลยแม้แต่คนเดียว แด่ทุกคน ร่วมแรงร่วมใจแกซ้อมอย่างหนักด้วยใจมุ่งมั่นเป็นหนึ่งเดียวกัน จนสามารถเอาชนะทีมที่มีชื่อเสียงโด่งด้งจากต่างประเทศได้อย่างงดงาม ครองแชมฟ้ชนะเลิศได้ท่ามกลางความชื่นชมของผู้คนทั้งหลายอย่าง เป็นประว้ตการณ์ เมื่อตั้งใจจริง คนไทยก็ทำได้ ดังนั้นเรามาช่วยกับสร้างนิสัย ทำงานเป็นทีมให้เกิดขึ้นกับหมู่คณะของเรากันเถิด \"สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี\" 26 \"ความพร้อมเพรียงของหมู่ ให้เกิดสุข\" «1»^ (พทธพจน์) (ชุ.ธ. 25/41),(ชุ.อิติ. 25/235),(อง.ทสก. 24/80) www.kalyaตอnนทaีm่ 3itกrาaร.ทoำrงgานเป็นทีมแบบญื่ป่น

J] พระมหาสมชาย ฮาwนๅwฑฺwโ.ฒkMa.lDy.a,nPha.mD.itra.org

การประชุมแบบญี่ป่น ■=?« 0 ร (ร่ เมื่อปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2537 ประเทศญี่ป่นมีปัญหาใหญ่เกิด .... 1 ขึ้นคือ รฐสภาไม่สามารถเปีดการประชุม เพื่อพิจารณา พ.ร.บ. 27 งบประมาณประจำปีได้ ทั้งที่ปีงบประมาณใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นใน วันที่ 1 เมษายน ทำ ให้รัฐบาลต้องประกาศใซ้งบประมาณฉุกเฉินเป็น การซั่วคราวเป็นเวลา 50 วัน *๙^ สาเหตุของเรื่องนี้เป็นเพราะ ตำ รวจได้จับตัวอดีตรัฐมนตรี กระทรวงก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันเป็นนักการเมืองสังกัดพรรคฝ่ายค้าน ในข้อหารับสินบน ทางพรรคฝ่ายด้านมองว่าการกระทำตังกล่าว เป็นการกลั่นแกล้งเพื่อทำลายซื่อเสียง และความน่าเชื่อถือของพรรค จึงตอบใต้โดยกล่าวหาว่านายโฮโซกาว่า นายกรัฐมนตรีกู้ยืมเงินจาก บริษัทแห่งหนึ่งอย่างมีเงื่อนงำ และเรียกร้องให้นำเอกสารกู้ยืมมาแสดง ต่อรัฐสภาเพิ่มเติมนายโฮโซกาว่าไม่ยอมพรรคฝ่ายค้านจึงประท้วงโดย ไม่เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรัฐสภาจึง ไม่สามารถเปีดประชุมได้ พ.ร.บ. งบประมาณจึงคาราคาซังอยู่ www.kalyanamตอitนrทaี่.o4rกgารประชุมแบบญี่ใ!เน

ถ้าเป็นประเทศอื่น ปิญหา dead lock เซ่นนี้ดงไม่เกิดขึ้น เพราะถึงแม้ฝ่ายค้านจะไม่ยอมเข้าร่วมประซม ฝ่ายรัฐบาลก็ยังสามารถ เปิดประชุมไค้ เนื่องจากมีเสียงเกินครี่งถือว่าครบองค์ประชุมแถ้ว และ อาจชอบใจเสียอีก เพราะสามารถพิจารณาลงมติไค้อย่างรวดเร็ว ไม่ค้อง เสียเวลาเถียงกันนาน แต่สำหรับประเทศญี่ป่นกลับไม่เป็นเซ่นนั้น ทั้ง ที่ฝ่ายรัฐบาลมีเสียงเกินครึ่ง ครบองค์ประชุมตามข้อบังคับการประชุม ทุกอย่าง แต่กลับไม่ยอมเปิดการประชุมหากฝ่ายค้านไม่ร่วมค้วย จึงเป็น เรึ่องที่ น่าสนใจว่า วัฒนธรรมในการประชุมของญี่ป่นนั้นเป็นอย่างไร? g วัฒนธรรมการประชุมของญี่ป่นมืสิงที่น่าสนใจหลายประการ J ซึ่งมีผลอย่างมากต่อความเป็นเอกภาพและความสมานฉันท์ของ ลังคมญี่ป่น ขอนำมาเล่าในที่นี้ลัก 3 ประเด็น คังนี้ คือ 28 1.การนำเสนอพร้อมด้วยเอกสาร ผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละคน ' จะมีการเตรียมพร้อมโดยทำการบัานมาอย่างดี เอกสารข้อมูลที่จะใช้ พ^\"' ประกอบการตัดสินใจ จะถูกจัดเตรียมไว้อย่างพร้อมมูล ยิ่งถาเป็นการ ประชุมเพื่อพิจารณาโครงการสำคัญ เอกสารยิ่งต้องครบถ้วนรัดกุม เขาถือว่า การนำเสนอพร้อมด้วยเอกสาร ไค้ผลดีกว่าการนำเสนอด้วย คำ พูดเพิยงอย่างเดียว เพราะปอยครั้งที่ผู้พูดยังนำเสนอไม่ทันจบ ผู้ฟ้งมักจะแย้งหรือ ถามแทรกขึ้นมากลางคัน เพราะไปติดใจประเด็นใดประเด็นหนึ่งเสีย ก่อน ทำ ให้รับข้อมูลได!ม่ครบถ้วน จึงมองไม่เห็นภาพรวม กลายเป็นว่า ต้องมาถกเถียงกันในประเด็นย่อยจนลืมประเด็นใหญ่ ส่วนการนำเสนอ โดยมีเอกสารประกอบด้วยนั้น ผู้รับมีโอกาสอ่านพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ ก่อน ตั้งแต่ค้นจนจบ จึงมองเห็นภาพรวม และขณะที่อ่านหากติดขัดตรง พระมหาสมขาย ราwนกwุฑwฺโ.ฒkMa.lDy.a,nPah.mD.itra.org

ไหน ก็สามารถพลิกกลับไปดูซํ้าได้ ดังนั้นในการประชุม เมื่อได้ฟ้งการ บรรยายนำเสนอซํ้าอืกครั้ง ก็ย่อมเกิดความเขาใจซัดเจนสามารถซักถาม ได้ตรงจุดตรงประเด็น ทำ ให้การประชุมดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงควรให้ความสำคัญในการเตรียมเอกสารการประชุม เ^ 0 เพราะนอกจากจะเกิดประโยชน์ดังกล่าวแล้ว ยังเป็นการสร้างนิสัย การทำงานด้วยความเอาใจใส่ และเป็นแบบอย่างให้กับหมู่คณะได้ใน ฐานะของผู้เซัาร่วมประชุมที่เตรียมพร้อมมาอย่างดี เพราะคนที่ทำงาน ฉาบฉวยนั้นนอกจากจะไม่เตรียมเอกสารของตนแล้ว แม้เอกสารที่ผู้อื่น เตรียมให้ก็อาจละเลยไม่ยอมอ่าน คิดไปว่า การฟ้งในที่ประชุมก็น่าจะ พอแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะการที่ผู้เข้าร่วมประชุม แม้เพียงคนใดคนหนึ่ง พลาดประเด็นสำคัญของการประชุม อาจส่งผล ต่อข้อสรุปโดยรวมได้ นอกจากนี้การที่เราจะสามารถเตรียมเอกสารการประชุมได้ดี เราต้องมีการบริหารเวลาที่ดีด้วย โดยเฉพาะผู้ที่มีภารกิจมาก หรือเป็น ^ ผู้บริหาร ควรกระจายงาน กระจายความรับผิดขอบ ไปยังทีมงานอย่าง ^ เหมาะสม จึงจะข่วยให้สามารถจัดเวลามาวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเตรียม ความพร้อมสำหรับการประชุมได้ เพราะการตัดสินใจในที่ประชุมโดย ผู้บริหารที่ขาดความพร้อมนั้น อาจนำความเสียหายมาสู่องค์กรได้ เมื่อทราบดังนี้แล้วเราคงไม่ปล่อยให้ \"ความขี้เกียจ\" หรือ คำ ว่า \"ไม่มีเวลา\" มาทำให้เราเสียโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ในหน้าที่การงาน 2. ฟงด้วยจิตวำง วัฒนธรรมการประชุมของคนญี่ปุนนั้น เมื่อมีผู้แสดงความคิดเห็นในที่ประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนจะตั้งใจ รับฟ้ง ทั้งยังจดบันทึกด้วย ปากกาและกระดาษจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย www.kalyanamตitอrนaท.o4rgการประขุมแบ•บเ^ป่น

ในส่วนของผู้แสดงความคิดเห็นก็ตระหนักดีว่า สิ่งที่ตนจะพูดต้องผ่าน การไตร่ตรองมาแล้วเป็นอย่างดี ว่ามีความถูกต้องเหมาะสมและเป็น ประโยชน์จริง ๆ กล่าวได้ว่า แต่ละคนต่างรู้บทบาทของตนเอง ทั้งการ เป็นผู้ฟ้งและผู้พูดที่ดี เมื่อ 3 ปีก่อน มีการเลือกตั้งประธานพรรคแอลดีพี ซึ่งเป็น พรรครัฐบาลในขณะนั้น ผู้ใดชนะการเลือกตั้งก็เท่ากับว่าจะได้เป็น นายกรัฐมนตรีไปโดยปริยาย สถานีโทรทัศน์ NHK ได้เชิญผู้สมัคร รับเลือกตั้งทั้ง 3 คน มาอภิปรายแสดงความคิดเห็นและเสนอนโยบาย cs tr> โดยเปิดโอกาสให้ประซาซนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย ภาพประทับใจที่ 'ร. as ได้เห็นคือ เวลาที่ประซาซนแสดงความคิดเห็นนั้น ผู้สมัครทั้ง 3 คน ๑ ซึ่งล้วนเคยเป็นรัฐมนตริมาหลายกระทรวงและเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี 30 ทุกคนต่างก็หยิบปากกานั่งจดอย่างซะมักเขม้น เป็นการแสดงให้เห็น ถึงความเอาใจใส่ในความคิดเห็นของผู้อื่น ซึ่งเป็นภาพล้กษณ์ที่ดีมาก ดียิ่งกว่าการวางมาดเป็นผู้รู้ ผู้ยิ่งใหญ่เสียอีก นับเป็นแบบอย่างที่ดีให้ กับประซาซน การประชุมใดที่ผู้เข้าประชุมมาด้วยจิตใจที่คับแคบ มีความคิด เห็นสำเร็จรูปของตนเองอยู่แล้ว และยึดติดว่าความคิดเห็นซองตนเอง ดีที่สุด การที่มาเข้าประชุม ก็เพียงเพื่อให้ผู้อื่นยอมรับ และทำ ตามความคิดของตนเองเท่านั้น แต่ไม่เปิดใจรับพีงความคิดเห็น ของใคร ไม่เปิดรับข้อมูลใหม่ ๆ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา หรือเพื่อปรับความเห็นของตนเอง เรียกว่าไม่ได้เข้าประชุมเพื่อ จะหาข้อสรุปที่ดีที่สุดร่วมกัน แต่เข้าประชุมเพื่อให้คนอื่นยอมรับ ความคิดเห็นของตนเท่านั้นเอง ที่ประชุมใดที่เป็นเซ่นนี้ ก็ยากจะ สร้างความสมานฉันท์ และสร้างความเจริญก้าวหน้าให้เกิดขึ้นได้ พระมหาสมซวย ฮาwนๅwฑwฺโ.ฒkaM.lyD.a,nPah.mD.itra.org

3. การลงมติเป็นเอกฉ้นท โดยทั่วไปการลงมติในระบอบ eSe ประซาธิปโตยจะถือเสียงข้างมากเป็นหลักใช้การโหวตเป็นเครื่องตัดสิน ® 3)[ โดยเสียงข้างน้อยต้องยอมตามเสียงข้างมาก แต่ระบอบประชาธิปไตย ร น> ของประเทศญี่ป่นนั้นมีลักษณะพิเศษ คือแม้ว่าระเบียบข้อบังคับการ 0 ประชุมจะระบุว่าให้ถือเสียงข้างมากเป็นหลักเหมือนที่อื่น ๆ แตในเชิง 1 ปฏิบัตจริงนั้น จะใช้หลักประนีประนอมตามประเพณที่ยีดถือกันมา เมื่อทุกฝ่ายยอมรับแล้วจึงโหวตเสียง ซึ่งมักจะออกมาเป็นเอกฉันท์ 31 แนวคิดประชาธิปไตยในญี่ปุน จึงไม่ไต้ถือเอาแต่ความคิด เห็นของคนส่วนใหญ่ แล้วทิ้งความคิดเห็นชองคนส่วนน้อยไป แต่คน ญี่บับคิดว่า ระบอบประชาธิปไตยที่แห้จริงนั้น การตัดสินใจในเรื่อง ต่าง ๆ ต้องรับฟ้งความคิดเห็นของทุกฝ่าย แล้วนำข้อคิดเห็บเหล่า นั้นมาพิจารณาร่วมกันในสัดส่วนที่เหมาะสม ให้โต้ผลสรุปที่ทุกคน ยอมรับได้โดยไม่มีใครชนะ 100%และไม่มีใครแพ้ 100%ทุกคนต่าง แบ่งปีนกันในสิ่งที่ตนเองต้องการ และยอมเสียสละให้ผู้อื่นด้วย ข้อดีของระบบนี้คือ เมื่อมีมติออกมาแล้ว ทุกคนจะเต็มอก ชองทีม แต่ระบบนี้ก็มีข้อเสียคือ ในการลงมติแต่ละครั้งต้องใช้เวลา นานใบการเจรจาต่อรองประนีประนอม และบางครั้งก็เกดสภาพ dead Lock ขึ้นไต้ง่าย ตังตัวอย่างเรื่อง พ.ร.บ. งบประมาณที่กล่าว มาแล้วข้างต้นโดยเฉพาะหากสมาซิกผู้มีบทบาทสำคัญเกิดยืนกรานไม่ ยอมประนีประนอมในบางเรื่อง ตอบที่ 4 การประชุมแบบญี่ปุบ www.kalyanamitra.org

ระบบการลงมติเป็นเอกฉันท์นี้ มีประโยชน์อย่างมาก แตใน การนำมาใช้นั้น จะนำแต่วิธีการมาใช้ไม่ได' ต้องมีการปรับทัศนคติ ของบุคคลในหมู่คณะนั้น ๆ ให้มีความเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน ยอมลด ทิฐิมานะ รู้จักรับฟ้งความคิดเห็นของผู้อื่น และยอมปรับตัวเช้าหากัน กกาารรลลงมงตมิดเเป็บนนเเออกฉกัฉนนทท์นนีเ้บเปน็รนะรบะบบบททเีข่ใกชน้เกันนวใงนกวงากราครณคณะะสสงง1ฆ์ มาตั้งแต่ครั้งพทธกาล เมื่อคณะสงฆ์จะประกอบพิธีลงมติใด ๆ ก็จร กระทำในโบสถ์ เรียกว่า ท์ๆสังฆกรรม มติที่ออกมาต้องเป็นเอกฉันท์ 5ร จึงจะใช้ได้ เซ่น เมื่อมีการบวชพระ ก็จะมีการสอบถามความเห็นชอง I คณะสงฆ์ทั้งหมดที่มาประชุมกันว่า เห็นลมควรไหมที่จะให้บวช ทุกรูป Q ต้องเห็นด้วยเป็นเอกฉันท์เท่านั้นจึงจะบวชได้ถ้ามีรูปใดรูปหนึ่งคัดด้าน ^.. แม้เพียงรูปเดียว ก็บวชไม่ได้ เป็นด้น 32 คนญี่ป่นได้นำแนวคิดประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนามา ประยุกต้โช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่แนวความคิดนี้กำลังถูกห้าทาย อย่างหนักภายใต้สถานการณ์การต่อสู้แย่งชิงอำนาจทางการเมืองที่ ดุเดือด แหลมคมในปิจจุบัน \"สพ,เพลํ สงฺฆภูตานํ สามคฺดี วุรฦฒิสาธิกา\" ความพร้อมเพรียงของปวงขนผู้เป็นหมู่ ยังความเจริญใทห้นสำaเร«ี( จ {พุทธพจน์) Iพระมหาศมชาย ฮาwนwวทwโ.ฌkaM.lyD.a,nPah.mD.itra.org

ข้อคิดรอบดัว CO CO www.kalyanamitra.org

3ธ ๑ (r ร่ Q 34 พระมหาสมขาย ธานๅฑฺโฒ M.D., Ph.D. www.kalyanamitra.org

กาฏมัณฑุ...กล่องดำ และการรับฟ้ง ความคิดเห็นของผู้อื่น 0 ริ# ร Ji ® 1 35 46 การบินไทย\" สายการบินแห่งชาติของซาวไทยเรานั้น จัดเป็น ,_ หนึ่งในสายการบินชั้นนำของโลกที่มีมาตรฐานการให้บริการที่ดี (- เยี่ยม พนักงานได้รับการ'แกอบรมมาเป็นอย่างดี มีบริการที่น่าประทับใจ นักบินเองก็มีความสามารถสูงเป็นที่ยอมรับ อีกทั้งยังเป็นสายการบิน ที่มีสถิติการเกิดอุบิตเหตุน้อยที่สุดสายการบินหนึ่ง แต่แล้ว เหตุการณ!ม่ คาดฝืนก็เกิดขึ้นที่ กาฏมัณฑุ เมื่อประมาณปีพทธศักราช 2535 เครื่องบินโดยสารของ การบินไทยเที่ยวบิน TG301 ได้บินจากกรุงเทพๆ ไปยังกรุงกาฏมัณฑุ ประเทศเนปาล ขณะใกล้จะถิงที่หมายได้ประสบกับภาวะอากาศ แปรปรวนอย่างหนัก เครื่องบินได้บินผิดทิศทางไปซนภูเขา ผู!้ ดยสาร 131 คนเสียชีวิตหมดทั้งสำ สิ่งที่จะเป็นกุญแจไขปริศนาให้เรารู้ถึงสาเหตุ ของอุบิตเหตุได้ดีที่สุดคือ กล่องดำ ซี่งได้บันทึกการทำงานของเครื่องบิน ทิศทางการเคลื่อนที่ รวมทั้งคำสนทนาของนักบินไว้ในนั้น ตอนท 5 กาฏมณwฑ.w..wกล.่kอaงดlyำ aแnลaะกmารiรtrนaฟ้.งoคrวgามคดเห็นของผู่อน

เนื่องจากผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนั้นเปีนซาวญี่ป่นหลาย รายสถานีโทรทัศน์ NHK จึงได้นำผลการตรวจสอบกล่องดำมาทำเปีน สารคดีออกอากาศ สรุปความได้ว่า...ในวันเกิดเหตุมีพายุฝนฟ้าคะนอง อากาศแปรปรวนมาก ทำ ให้เครื่องบินลำนี้ไม่สามารถลงจอดได้ ต้อง บินวนไปมาโดยอาศัยเครื่องบอกทาง เพราะในขณะนั้นสภาวะอากาศ ภายนอกมืดครึ้มมาก มองอะไรไม่เห็น ขณะที่บินวนอยู่นั้นกัปตันเข้าใจ ว่าเครื่องกำลังบินวนลงมาทางใต้ ซึ่งเปีนที่ราบโล่งแล้ว แต่นักบินผ้ช่วย แย้งว่า เครื่องบินน่าจะกำลังบินขึ้นไปทางเหนือ ซึ่งเต็มไปต้วยเทือกเขา Q สูงมากกว่า กัปตันไม่ฟ้ง เพราะคิดว่าตนเองมีประสบการณ์มากกว่า <r เมื่อบินต่อไปอีกลักทัก เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เตือนภัยได้ส่งสัญญาณ ร่ 1$ เ•ตaือน4ขนว่Iา ',,'เคcรjื่องกoำลoั.'งเขS้/าnใกลi้พ/ึ^นคoิน...เครaื่องกoำลัtjงเขV้าSใtกล้Vพaึ๋น ssss ดิบ...\" เนื่องจากระตับพื้นดินทางตอนเหนือเปีนเทือกเขาสูงขันขึ้นทันทื NHK ได้นำเทปอัดเสียงเหตุการณ์ช่วง 15 วินาทืสุดท้ายก่อน (ร' ซํ้าเล่า กับคำตอบด้วยนํ้าเสียงที่มั่นใจของกัปตัน เปีนสิ่งที่อธิบายเรื่อง ราวความเปีนไปได้ดีที่สุด \"กัปตัน เลี้ยวกลับเถอะ\" \"เอ้ย ! สัญญาณเตือนผิดพลาดน่ะ\" \"กัปตัน เลี้ยวกลับเถอะ\" \"เอ้ย ! สัญญาณเตือนผิดพลาดน่ะ\" เสียงทั้งหมดขาดหายลงเพียงเท่านี้... พระมหาสมขาย รwานwวุwฑฺ.โkฒaMl.yDa.n,aPhm.Dit.ra.org

NSv ^ จากการสำรวจของกรมการบินพลเรือน สหรัฐอเมริกา พบว่า อุบัติเหตุทางเครื่องบินในสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 80 มีสาเหตุมาจาก การทำงานที่ไม่ประสานกันของกัปตันและบัอบินผู้ช่วย นาวาชีวิตของกลุ่มองค์กรด่าง ๆ ก็ดจะไม่แตกด่างจากนี เท่าใดนัก หน่วยงานใดที่ผู้บริหารมีความเชื่อมันในตนเองสูงเกินไป ไม่รับฟ้งความคดเห็นของผู้อื่น เห็นการทักท้วงจากบุคคลอืนเปนเรือง ไร้สาระ รอบตัวย่อมเต็มไปด้วยคนประจบสอพลอ ชื่งถ้าผู้บริหารพอใจ กับภาวะเช่นนั้น ก็นับว่าอนาคตของหน่วยงานนั้นน่าเปีนห่วง หมู่คณะ I' จะมีความเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงปลอตกัยได้นัน บุคคลในระตับ ฐ ผู้นำ จำ เป็นต้องเป็นผู้ที่รู้จ้'กรับฟ้งความคิดเห็นของบุคคลกินด้า^ ? เป็นผู้ที่สามารถปรึกษาหาริอได้ไม่ยดติดในความคิดเห็นของตัวเองนาค เกนไป ต้องสร้างบรรยากาศให้ผู้!ต้บังคับบัญชา กล้าแสดงความคิดเหน กล้าทักท้วง และแน่นอนว่า จาเป็นต้องแกผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาให้ รู้จักคิดไตร่ตรองก่อนพูด รู้จักกาลเทศะในการเสนอความเห็น และ /--ร; รู้จักรับคำสั่งด้วย สาเหตุที่ทำให้ผู้นำหลาย ๆ คนเชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป มักมาจากความสำเร็จในอดีต เมื่อประสบความสำเร็จมากครั้งเข้าความ เชื่อมั่นในตนเองก็มากขึ้นตามลำดับ จนกลายเป็นความหลงตัวเอง ไม่ฟ้งใคร ยึดติดกับวิธีคิด วิธีการทำงานแบบเดิมฺ ๆ ที่ตนเคยไข้ลืมมอง ไปว่าสถานการณ์รอบตัวไต้เปลี่ยนไปแล้ว ทังเงื่อนไขบิจจัยต่าง ๆ ได้ เปลี่ยนแปลงไป หากไม่ปรับตัว ย่อมจะนำหมู่คณะไปพบกับความเสื่อม ดังตัวอย่างที่ประเทศญี่ปุนได้ประสบมา ในสมัยเมจิ หลังจาก เปีดประเทศพัฒนาตัวเองได้20ปีเศษ ญี่ป่นก็เริ่มนโยบายสร้างซาติด้วย การรุกรานเพื่อนบ้าน บุกยึดเกาหลี ไต้หวันเป็นอาณานิคม รบจนชนะ ตอบที่ 5 กาฏมัณทุ.-กล่องดำ และการรับฟ้งความคิดเห็'นของผู้อื่น www.kalyanamitra.org

จีน ยึดดินแดนได้มากมาย รบซนะรัสเชียได้สิทธิทางรถไฟ พื้นที่แถบ แมนจูเรียและแหลมเลียวตุง การได้ชัยชนะจากการรบคเงแล้วครั้งเล่านี้ ทำ ให้บรรดาขุนดิกของญี่ป่นฮึกเหิมลำพองใจในพลัง0านาจของตน โดยมั่นใจว่า การสร้างชาติจะทำได้ก็ด้วยกำลังทหารเท่านั้น ผู้นำ ฝ่าย พลเรือนทํ!ม่เห็นด้วยก็กำจัดเสีย สุดท้ายก็เข้ายึดอำนาจบริหารประเทศ เสียเอง และนำประเทศเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สองโจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์ เบอร์ประกาศสงครามกับอเมริกา โดยไม่คำนีงว่า อเมริกาไมใช่เกาหลี จีนหรือรัสเชีย มองข้ามพลังทางการผลิตของอเมริกาในขณะนั้นที่มี ;p ขนาดชองเศรษฐกิจใหญ่กว่าตนถง 30 กว่าเท่าตัว อีกทั้งมองข้ามความ ๑ (r E ก้าวหนำหางเทคโนโลยีของอเมริกา as Q ผลกคือ ประเทศญี'ป่นต้องพบกับความหายนะครั้งยิ่งใหญ่ ทสุดในประว้ตศาสตร์ บทเรียนนีประเทศญี่ป่นซื้อมาด้วยราคาแพง ซื้อ 38 ด้วยชีวิตคนเกือบสิบล้านคน และประเทศที่เหลือแต่ชากปรักหักพัง หากต้องการให้สมาขิกในหมู่คณะของเรารับท)งควๆมคิด «.๙'^ เห็นของกันและกัน ต้องเริ่มที่ตัวของเราเองก่อน โดยเริ่มแกตั้งแต่วัน นี ฟ้งความคิดเห็นของผู้อื่นไม่ใช่เพราะจำเป็นต้องรับฟ้ง แตให้ตั้งใจ ฟังเพราะเห็นประโยชน์ เมื่อทุกคนปรับปรุงเปลี่ยนแปลง โดยเริ่มจาก ตัวเองเช่นนี้ ผู้ที่เป็นหัวหนำก็จะเป็นหัวหนำที่ดี หมู่คณะก็จะพัฒนา ก้าวหนำไปได้อย่างมั่นคงปลอดภัย เราคงเห็นแล้วว่าการไม่ยอมรับฟังใคร... อาจก่อให้เกิดผล เสียหายร้ายแรงทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ดังอุทาหรณ์ จาก \"กล่องดำ\" ในเที่ยวบินมรณะ หรือจากบทเรียนของความฮึกเหิมในชัยชนะของ ญี่ป่น พระมหาสมชาย ฮานๆทโฒ M.D., Ph.D. www.kalyanamitra.org

66 การแกให้ฟ้นคนรูจ้กรับฟ้งความเห็นของผู้อื่น ต้องเริ่มที่ตัวของเราเอง ซึ่งต้องเริ่มแกตั้งแต่เที่ยวนี้ ฟ้งความคิดเห็นของคนอน ไมใข่เพราะความจำเป็นต้องรับฟ้ง 9J c3e © ร) J) © I 39 ดอนที่ 5 กาฏมัwณทwุ.w..ก.ลk่aองlดyำanแลaะmกาiรtรrัaบ.ฟo้rงgความคิดเหนของผูอบ

www.kalyanamitra.org /; o ข้อคิดรอบตัว ■พ-/r-'l- !1 1i iw ่ร' ^

จริยธรรม ๕« ® ในสังคมญี่ป่น 3J ร ผู้ตั้งข้อสังเกตว่าคนญี่ป่นมีลักษณะขัดแย้งในตัวเองหลายประการ 0 มเซ่น ในด้านระเบียบวินัย แต่ละครัวเรือนจะมีวินัยในการทิ้งขยะ 1 อย่างมาก ใม่เพียงแต่ทิ้งขยะในลถานที่ที่กำหนดให้เท่านั้น แต่จะแยก 41 ประเภทของขยะที่เผาได้และเผาไม่ได้ออกจากกันด้วย นอกจากนั้น พ^ ยังทิ้งขยะตามเวลาที่กำหนด เซ่น ขยะที่เผาได้ทิ้งในวันจันทร์ พธ ศุกร์ ก่อนเวลา 9.00 น.ขยะที่เผาไม่ได้ทิ้งในวันเสาร์ก่อนเวลา 10.00 น.ซึ่ง ทุกครัวเรือนล้วนปฏิบ้ติตามกฎระเบียบเป็นอย่างดี ผู้คนจะบรรจุขยะลง ในถุงขยะตามที่เทคบาลกำหนด แล้วมดปากถุงให้เรืยบร้อย วางเรืยงราย อย่างเป็นระเบียบรอให้รถขยะมาขนไป ดูแล้วน่าขื่นซมว่าคนญี่ป่นเป็น คนมีระเบียบวินัยจริง ๆ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่เรากลับ พบว่า บนเกาะกลางถนนไฮเวย่จองญี่ป่น กลับมีเศษขยะทั้งกระป๋องนํ้า อัดลม ถุงพลาสติกถูกขว้างทิ้งเกลี่อนกลาดไปหมด และมีจำนวนมากจน น่าตกใจ ทำ ให้1ม่แบใจว่าคนญี่ป่นมีระเบียบวินัยจริงหรือเปล่า ? www.kalyanaตอmนทiีt่ra6.จoรrิgยธรรมในสังคมญี่น่น

ร^ อีกเรื่องคือ ความซื่อสัตย์ เราสามารถก้าวขึ้นรถแท็กซื่ที่ญี่ป่น ได้อย่างวางใจโดยไม'ต้องกลัวว่าจะมีการโกงมิเตอร์ ซื้อของได้อย่าง สบายใจไม่ต้องกลัวการโกงตาชั่ง ทุกอย่างเป็นไปอย่างเที่ยงตรง แต่ จากการสำรวจกลับพบว่าคนญี่ป่นกว่าครื่งประเทศโกงตั๋วรถไฟ และ โกงเป็นประจำ บริษัทก่อสร้างเกือบทุกแห่งในญี่ป่น มีการให้สินบน เจ้าหน้าที่ในการประมูลราคา จึงยากที่จะสรุปได้ว่าคนญี่ป่นเป็นคน ซื่อสัตย์สุจริตจริงหรือ ภาพของคนญี่ป่น จึงเป็นภาพที่ดูคลุมเครือ ไม่ซัดเจนสำหรับ 'E คนต่างชาติ เมื่อพิจารณาตามที่มีผู้ตั๋งซัอสังเกตด้งกล่าวข้างต้น Q tr E การทำความเข้าใจในเรื่องนี้ เราต้องทราบก่อนว่ามีเหตุป็จจัย ร}ิ อะไรบ้าง ที่มีผลต่อพฤติกรรมทั้งด้านบวกและด้านลบของคนเรา เหตุป็จจัยดังกล่าวมีอยู่ 3 ประการคือ 42 1. ธรรมประจำตน คือความร้สิกผิดซอบชั่วดีที่มีอยู่ในใจ เป็นมโนธรรมประจำใจ ว่าสิ่งนี้ดีควรทำ สงนี้!ม่ดั1ม่ควรทำ ละอายใจ กลัวบาป จึงไม่ยอมทำความชั่วแม้!ม่มีคนเห็นก็ตาม แต่ตั้งใจทำความดี เพราะรักบุญ อยากได้บุญ ป้จจัยหลักที่น้อมน่าใจคนให้เกิดมีสืลธรรม ประจำตน คือ ความศรัทธาใบศาสนา 2. ครอบครัว ความกตัญญต่อพ่อแม่ ความรักพ่อแม่ อยากให้ ท่านซื่นใจ ดีใจ จึงตั้งใจทำดี ขยันเรียน ขยันทำงาน กลัวท่านเสียใจกลัว เสียขื่อเสียงวงศ์ตระกูล จึงไม่ยอมทำชั่ว มีครอบครัวเป็นเครื่องเหนี่ยว รั้งใจ 3. คำ ป็ยมชองสังคม ค่านิยมของผ้คนในลังคมหนี่ง ๆ เป็น กรอบควบคุมความประพฤติของคนในสังคมนัน ๆ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ สังคม มีการอยู่รวมเป็นหมู่ ต้องการการยอมรับจากผู้อื่น ผู้ที่ปฏิป่ตตัว ตรงตามค่านิยมของลังคมก็จะได้รับการยกย่องขื่นซม ส่วนผู้ที่ปฏิป่ต พระมหาสมชาย ฮwานwรุwฑฺ.ใkฒaMly.Da.n,aPhm.Dit.ra.org

ตัวแตกต่างจากค่านิยมของสังคมก็จะถูกสังคมลงโทษ ทั้งโดยทางตรง เซ่น การลงโทษตามกฎหมาย หรือโดยทางอ้อม เซ่น สังคมไม่ยอมรับ ถกประณามหยามเหยียด เป็นตัน ปิจจัยแต่ละอย่างนี้จะมีนํ้าหนักมากน้อยต่างกันไปในสังคม คาสนาหลัก มีการศึกษาคำสอนในพระพุทซศาสนาและนำไปประพฤติ c®« ปฏิบัติโดยทั่วไป 0 แต่เมื่อถึงสมัยปฏิรูปเมจิประมาณร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ทหาร 1 ขึ้นมามีบทบาทอย่างมากในการปกครองประเทค และตัองการเชิดฃู 43 พระเจ้าจักรพรรดิให้เป็นศูนย์กลางของความจงรักภักดีและความ เ^ รักชาติ จึงมีการประกาศให้ศาสนาชินโตซึ่งถือว่าพระเจ้าจักรพรรดิเป็น เทพเจ้าให้เป็นศาสนาประจำชาติมีการทำลายพระพุทธศาสนาครั้งใหญ่ โรงเรืยนทีตงอยู่ในวัดถูกสั่งให้ยกเลิกการเรียนการสอน วัดหลายแห่ง ถูกยึด ห้ามเผยแผ่คำสอนของพระพุทธคาสนาในโรงเรียน เมื่อคนญี่ปน หันมานับถือศาสนาชินโต ซึ่งเป็นศาสนาทั่!มใตัเน้นคำสอนเรื่องบุญบาป แต่เน้นเรื่องของพิธีกรรมเป็นส่วนใหญ่คล้าย ๆ ลัทธินับถือวิญญาณ บรรพบุรุษและนับถือผีสางเทวดา คนญี่ป่นจึงค่อย ๆ ห่างเหินจาก ความเชื่อเรื่องบุญบาปไปทีละน้อย สภาพเซ่นนี้ดำเนินไปเกือบร้อยปี ต่อมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง แมัศาสนาชินโตจะ ถูกยกเลิกจากการเป็นศาสนาประจำชาติ แตกไม่ไตัมีการนำวิชาดีล ธรรมกลับเข้ามาไว้ในหลักสูตรการศึกษาของคบญี่ป่นอีกเลย ทำ ให้ คนญี่ป่นส่วนใหญในป้จจุบันไม่เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ปีจจัยที่สองคอ เรื่องครอบครัว ความกตัญญต่อพ่อแม่ถือได้ว่า เป็นป็จจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของคนญี่ป่นในเกณฑปานกลาง www.kalyanaตอmบทiีt่ra6.จoรrิgยธรรมในสังคมญี่ป่น

ส่วนปีจจัยที่สามคือ ค่านิยมของสังคมนั้น ถือเป็นป็จจัยที่มี พลังมากที่สุดในสังคมญี่ป่น ตั้งแต่สมัยเอโดะ คนญี่ป่นทุกคนจะมีสังกัด ที่แน่นอนใครอยู่หมู่บ้านไหนก็ต้องสังกัดหมู่บ้านนั้น จะโยกย้ายตามใจ ชอบไม่ได้ ถ้าใครทาผิดจนถูกขับออกจากหมู่บ้าน ก็จะกลายเป็นคน ไม่มีที่อยู่ เพราะจะเข้าไปอยู่หมู่บ้านอื่นก็ไม่มีใครเขารับ ต้องกลายเป็น คนเร่ร่อนพเนจร ทุกคนจึงต้องพยายามปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบของ สังคม กระที่'งปีจจุบนค่านิยมของสังคมญี่ปุนก็ยังมีพลังมาก เมื่อมี ใครทำความผิดสร้างความเดือดร้อนให้กับลังคมแล้ว ผู้ที่จะถูกลังคม ^ ลงโทษไมใฃ่มีแค่ผู้ทำความผิดเท่านั้น แต่หมายถึงสมาขิกทุกคนใน p ® ครอบครัวของผู้ที่กระทำผิด ก็จะถูกสังคมลงโทษด้วย เซ่น ถ้าพ่อแม่ ^1 ทำ ผิด ลูกก็จะพลอยถูกรังเกียจไปด้วยไม่มีใครอยากคบหา ถูกมองด้วย \"«5 สายตาแปลก ๆ เรียกว่า ต้องย้ายบ้านหนีกันทีเดียว คนญี่ปุนทุกคนจึง ต้องระมัดระรังตนเองให้อยู่ในกรอบของสังคม นี่คือที่มาของลักษณะที่ขัดแย้งกันเองในตัวของคนญี่ป่น เซ่น ^ กรณีของความมีระเบียบวินัย การที่เขาทิ้งขยะเป็นที่เป็นเวลาขณะ «.๙'' อยู่ที่บ้าน ก็เพราะกลัวว่าถ้าไม่ทำเซ่นนั้นเพื่อนบ้านจะต่อว่าเอาได้ ตัวเองก็จะร้อนใจ แต่เมื่ออยู่ในรถกลับทิ้งขยะลงบนถนนก็เพราะคิดว่า ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น จึงไม่เป็นไร หรีอในการข้ามถนนถ้าสัญญาณไพ่ยังเป็นสุเขียวอยู่ เขาก็จะไม่ ข้าม แม้ว่าถนนจะว่าง ที่เป็นเซ่นนี้ก็เพราะกลัวคนอื่นจะว่าเอา แต่ถ้ามี ใครสักคนสองคนเดินข้ามนำไปก่อน คนที่เหลือก็พร้อมจะเดินตามไป เป็นพรวนเหมือนถูกสะกดจิต เพราะเห็นว่าใคร ๆ เขาก็ข้ามกัน ในกรณีของ ความซื่อสัตย... ในการด้าขายคนญี่ป่นจะไม่ คดโกง เพราะกลัวว่า ถ้าถูกจับได้จะเดือดร้อนเสื่อมเสียซื่อเสียงทิ้งวงศ์ ตระกูล แต่การโกงตั้วรถไฟนั้นเขาคิดว่า ทำ ได้ไม่เป็นไร เพราะระบบตัว รถไฟของญี่ป่นมีวิธีโกงที่ไม่มีใครจับได้ พระมหาสมชาย ฮwานwๅwทโ.kฌaMl.yDa.n, aPhm.Dit.ra.org

การที่ทำหรอไม่ทำอะไรเพราะกลัวคนว่าฝนนี้ไม'ได้เกิดจาก ร -J) สืลรรรมประจำใจที่แท้จริง แต่ถูกลังคมบีบบังคับไท้ทำ คนญี่ปนจึง มีความเคริยดสูง และแน่นอนว่า เมื่อใดที่สังคมมีค่านิยมที่ผิด นบว่า ie เป็นเรื่องที่อันตรายมากเพราะจะพากันเฮละโลไปทางที่ผิดกันหมด เข่น ค่านิยมการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านในสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นด้น ถ้าสืลธรรมประจำใจของคนญี่ป่นไม่ได้รับการส์นฟูขึ้นโดย เร็วแล้ว จะเป็นบีญหาใหญ่ในอนาคต สำหรับประเทศไทย เรามีบีจอัยที่ส่งเสริมให้คนประพฤติดีอยู่ ครบถ้วนทั้ง 3 ประการ แต่มีอย่างกระพร่องกระแพร่งไม่ค่อยสมบูรณ์ จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราซาวไทยทุกคนจะต้องข่วยกันเสริมสร้าง ให้สมบูรณ์ขึ้น เพื่อให้สังคมไทยของเราเป็นลังคมที่น่าอยู่ เป็นสังคม คัวอย่างของขาวโลก ซึ่งไมไข่สิงเหลือวิสัยเลย หากเราข่วยกนทำจริงจัง โลกของเราทุกวันนี้ ดูเล็กลงไปทุกที ด้วยความถ้าวหน้าทาง เทคโนโลยีการส์อสาร และกระแสโลกาภิวัตน์ แต่เรากลับพบว่า การ พัฒนาทางวัตลุเริ่มมาถึงทางคัน ถึงแม้ว่าโลกจะมีมหาอำนาจทางการ ทหาร มหาอำนาจทางเทคโนโลยี และมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ แต่ อำนาจเหล่านั้นกัIม่อาจสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นได้ คงมีเพียงอำนาจเดียว คือ อำนาจทางศีลธรรมเท่าทั้นที่สามารถบันดาลให้ทุก ๆ ชีวิตบนโลก ใบนี้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขไต้ ขาวโลกกำลังรอคอยมหาอำนาจทางสืลธรรม และ ประเทศไทยเราก็มีศักยภาพสูงสุดในการเป็นผู้นำทางศีลธรรม ด้วย พื้นฐานจิตใจที่ดีงามของเราขาวไทย และด้วยภูมิบีญญาที่มีอยู่อย่าง พร้อมมูล จากคำสอบในพระพุทธศาสนาของพระสัมมาส้มพุทธเจ้า ที่อยู่คู่กับขนขาติไทยมาอย่างยาวนาน www.kalyanaตmอนiทtีr่a6.oจrรgิยธรรมในสังคมญี่ป่บ

ข้อคิดรอบตัว www.kalyanamitra.org

คน ๆ เดียว ก็ทำ อะไรได้ eSe 0 ริ J} 0 ศก0ย-ภ/าพ\"เป็นนิตยสารรายเดือนของสมาคมนักวิขาซีพไทยใน 1 ประเทศญี่ป่น ประกอบไปด้วยผู้ที่สำเร็จการสืกษาแล'วซึ่งกำลัง 47 ทำ งานหาประสบการถ!อยู่ตามหน่วยงานต่าง ๆ ของญี่ป่นรวมถึง นักดืกษาขาวไทยที่กำลังดืกษาอยู่ในประเทศญี่ป่น r-โไ^ นิตยสาร \"ศักยภาพ\" จัดทำขึ้นโดยมีวัตถประสงค์เพื่อร่วม สร้างนิสัยในเซ็งสร้างสรรค์ โดยกระตุ้นให้เกิดบรรยากาศการเรียนรู้ใน หมู่คนไทย บนพื้นฐานของความเซึ่อที่ว่า \"คนไทยสามารถสร้างอนาคตที่พึงปรารถนาของตนเองได้ ด้วยวิสัยทัศน่ที่แจ่มขัด และสอดคล้องกับความเป็นจริง\" ฟ้งดูหนักแน่นและท้าทายอยู่ในทีมผู้ที่ประสบการณ์ขีวิตยัง น้อยบางคนอาจจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ในขณะที่คนที่ผ่านการเรียนรู้ ชีวิต การแก้'ปิญหาและการเสริมสร้างประสบการณ์ต่าง ๆ ด้วยตนเอง มาแล้ว จะมีความเฃื่อมั่นและพร้อมที่จะก้าวไปสู่เวทีการสร้างอนาคต ของตนเอง... www.kalyanaตอmนทีi่tr7a.คoนrๆgเดยวก็ทำอะไรได้

จากการที่ได้เฝืาดูการรวมตัวและการอทิศตนทำงานเพื่อส่วน รวมของนักวิชาการชาวไทยในญี่ป่นคณะนี้มาตั้งแต่ด้นจึงได้เห็นความ มุ่งมั่นใฝ่ฝืน ปรารถนาให้เกิดสิ่งดี ๆ แก่สังคมไทยที่มีอยู่ในใจของคณะ ทำ งานทุกคน ทำ ให้รัสิกชื่นซมอนุโมทนาและปรารถนาให้คนไทยเรามี พลังใจมุ่งมั่นเข่นนี๋โดยทั่วกัน เพื่อว่าจะได้เข้าใจและเข้าถีง \"ศักยภาพ\" ของตน แล้วนำศักยภาพนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและ สังคมได้เต็มที่ นิตยสาร \"ศักยภาพ\" มีข้อเขียนที่น่าสนใจและนำจะเป็น 3ร ประโยชน์แก่คนไทยอยู่หลายบทหลายตอน ตังที่ได้คัดมาเสนอเป็น ? ตัวอย่าง ณ ที่นี้ ร cs \"ๆณคนเดียว ๆณจะทำอะไรได้? โลกไมyภาพยนตร์ »ริ) ๆทJไปปีอำนาจ ๆณจะทำอะไรได้? โลกไม่ใช่นิยาย 48 ดีงแวดล้อมไม่อำนวย ๆณจะทำอะไรได้? โลกปีแต่ความจร์ง ชายตัวเล็ก ๆ ช่อ ช่นดเลอร์ ช่วยช่วิตคนยิวนับพันให้รอดพ้น จากการล้งหารหมู่ของนาช่ **^ เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แต่ไม่ใช่นิยาย เพราะมันคือ เรื่องจริงในโลกที่ปีแต'ความจริง เขาบอกให้เรารู้ว่า ๆภ!คนเดียว ๆฌก็ทำได้ ๆภ!ไม่ปีอำนาจ ๆณล็ทำได้ เพียงแต่ๆณตั้งใจ ๆณล็ทำอะไรได้ คน ๆ เดียว ก็ทำ อะไรได้.,\" (คัดจาก ดร.สมเกียรติ ตัง้กิจวาปีชซ์ และคณะนิตยสาร \"คักยภาพ\" พฤษภาคม 2537) พระมหาสมขาย ธwานwวุwทฺ.โkฒaMly.Da.n,aPhm.Dit.ra.org

''คณคนเดียว คณก็ทำใด้คณไม่ปีอำนาจ ๆพก็ทำได\" cSt © หลายคนอาจยังไม่ค่อยเข้าใจ..■ไม่!=ห็'นภาพขัดเจใJ ผู้เขียนจงได้ 3D 3 ให้เหตุผลไว้ตอนท้ายสุดว่า เพราะเหตุใดเขาจึงคิดเซ่นนัน เขีอเซ่นนัน ■J) ร if 4 i นินคอ \"เพียงแค่คุณตั้งใจ คุณก็ทำอะไรได้\" และ \"คน ๆ เดียวก็ทำ อะไรได้\" เป็นการตอกยํ้าอีกครั้ง ถูกด้อง...ขอเพียงเรามีความตั้งใจ...ตั้งใจจริง ม่งมั่น เราจะค้น พบศักยภาพมากมายในตัวเรา สิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ก็จะเกิดขืน สิ่งที่คิดว่าเกินความคาดหวังก็จะเป็นจริง ทำ ใจของเราให้ตั้งมั่น แน่วแน่ ใช้การทำสมาธิและอธิษฐานจิต เป็นพลังผลักตันให้เราไปถึงจุดหมายของแต่ละคนตันเลิด- มโนปพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฎฮา มโนมยา มนสา เจ ปสนฺเนน ภาสดี วา กโรติ วา ฉายาว อนุปายินี. ตโต น่ สุฃมเนฺวติ \"ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นห้วหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำ เร็จแล้วด้วยใจ, ถ้าบุคคลมีใจใสแล้ว พูดอยู่ก็ดี ทำ อยู่ก็ดี, ความสุขย่อมไปตามเขา เพราะใจใสน้น เหมีอนเงาไปตามตัวฉะนั้น\" (พุทธพจน์) www.kalyanamตiอtrนทaี.่o7rgคบๆเดียวก็ทำอะไรได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook