การจดั โครงการสืบสานวัฒนธรรมอาหารถนิ่ ระหว่างวนั ที่ ๔ กันยายน - ๔ ธนั วาคม ๒๕๖๔ เสนอ กรมส่งเสรมิ วัฒนธรรม จดั สรรงบประมาณ ประจาปีงบประมาณ ๒๕๖๔
สารบัญ หนา้ ลาดบั รายการ ๑ ๑ แบบรายงานผลการจัดโครงการ/กจิ กรรม ๗ ๒ โครงการสืบสานวัฒนธรรมอาหารถิ่น ๑๒ ๓ ภาคผนวก ๑๓ ๑๔ ๓.๑ ป้ายประชาสัมพันธ์เปิดงาน ๓.๒ ภาพพิธเี ปดิ งาน ๑๕ ความเป็นมาของอาหารถิ่น อาเภอต่าง ๆ ใน จ.นครสวรรค์ และ ภาพ ๒๖ ๓.3 อำเภอบรรพตพสิ ยั (แกงนอกหมอ้ ) ชนะเลศิ ๓๓ ๓.4 อ.แม่วงก์ (แจ่วบอง หรือ นำพริกปลำร้ำสับ) รองชนะเลศิ อันดบั ๑ ๔๘ ๓.๗ อ.เก้ำเลยี ว (เกีย๊ วพล่ำสมุนไพร) รองชนะเลศิ อันดบั ๒ ๖๕ ๓.๘ อ.โกรกพระ (ข้ำวอบเผอื กห่อใบบัว) รำงวัลชมเชย ๗๐ ๓.๙ อ.ชมุ แสง (แกงเลยี วข้ำวโพด) รำงวลั ชมเชย ๘๖ ๓.๑๐ อ.ตำคลี (นำพรกิ ปลำรำ้ สบั ) รำงวัลชมเชย ๙๔ ๓.๑๑ อ.ทำ่ ตะโก (นำพรกิ สมุนไพรปลำยำ่ ง) รำงวัลชมเชย ๑๐๖ ๓.๑๒ อ.พยุหะคีรี (หอ่ หมกหนอ่ ไม้) รำงวลั ชมเชย ๑๑๔ ๓.๑๓ อ.ไพศำลี (นำพรกิ ปลำย่ำงมะขำมป้อม) รำงวลั ชมเชย ๑๒๑ ๓.๑๔ อ.แม่เปนิ (ส้มตำ) รำงวลั ชมเชย ๑๓๐ ๓.๑๓ อ.เมอื งนครสวรรค์ (นำพริกสำมะปลำสแ่ี คว) รำงวลั ชมเชย ๓.๑๕ อ.ลำดยำว (แกงนอกหมอ้ ) รำงวัลชมเชย
๑ แบบรายงานผลการจดั โครงการ/กิจกรรม ๑. ช่อื โครงการ สืบสานวัฒนธรรมอาหารถิ่น ๒. หน่วยงานผู้ดาเนินงานหลัก 2.1 สภำวัฒนธรรมจงั หวัดนครสวรรคแ์ ละสภำวัฒนธรรมอำเภอ 2.2 สำนกั งำนวฒั นธรรมจังหวัดนครสวรรค์ 2.3 องค์กำรบริหำรส่วนจังหวัดนครสวรรค์ 2.4 องค์กำรบริหำรสว่ นตำบล 128 แห่ง 2.5 สำนักงำนเทศบำล จำนวน 18 แห่ง ๓. หน่วยงานผู้ร่วมดาเนินงาน สถำนศึกษำในจังหวัดนครสวรรค์ทีเ่ ป็นเครอื ขำ่ ยทำงวัฒนธรรม จำนวน 187 แห่ง ๔. งบประมาณ ๔.๑ งบประมาณรวม เป็นเงนิ ๔๓๓,๖๐๐.บาท งบประมาณจากหนว่ ยงานอนื่ ทส่ี นับสนุน เป็นเงิน ๓๓,๖๐๐.- บาท ๔.๑.๑ โรงเรยี นนครสวรรค์ (ค่าจดั สถานท่ี เครอ่ื งเสยี ง) ๒๐,๐๐๐.-บาท ๔.๑.๒ วดั เกา้ เลยี้ ว (อาหารกลางวนั ) ๖,๐๐๐.-บาท ๔.๑.๓ คา่ ตกแต่งเวที (คณุ สรสทิ ธ์ิ อินทร กรรมการสภาฯ ) ๗,๖๐๐.- บาท รวมจา่ ย เป็นเงนิ ๓๓,๖๐๐.- บาท ๔.๒ งบประมาณสมทบจาก กรมส่งเสรมิ วัฒนธรรม รวมเปน็ เงนิ ๔๐๐,๐๐๐.-บาท ๔.๒.๑ รำงวัลกำรประกวด ทังระดับอำเภอและระดับจงั หวดั เป็นเงนิ 206,200.- บำท ๔.๒.๒ คำ่ ตอบแทนคณะกรรมกำรตัดสิน เป็นเงนิ 70,000- บำท ๔.๒.๓ คำ่ ใชจ้ ำ่ ยในกำรจดั กำรประกวด ระดับอำเภอและระดบั จังหวัด 110,000.-บำท ๔.๒.๔ ค่ำประชำสมั พนั ธ์และถ่ำยภำพวิดีทศั น์ เปน็ เงนิ 13,800.- บำท รวมจ่าย เปน็ เงนิ ๔๐๐,๐๐๐.- บาท รวมจ่ายทั้งส้นิ ๔๓๓,๖๐๐.- บาท
๒ ๕. รูปแบบและวธิ ีดาเนินโครงการ รวมทง้ั วัน เวลา และสถานทจ่ี ดั โครงการ การจัดกิจกรรม มี ๒ ระดบั คือ ระดับอาเภอ และ ระดับจังหวัด ๕.๑ รูปแบบและวิธีดาเนินโครงการ ระดบั อาเภอ สภำวัฒนธรรมแตล่ ะอำเภอรับดำเนินกำรจัดกำรแข่งขนั กำรสบื สำนวฒั นธรรมอำหำรถน่ิ โดยมีเครอื ขำ่ ยเปน็ สถำนศึกษำในอำเภอนนั ๆ (สภำวฒั นธรรมจังหวดั นครสวรรค์ ดำเนนิ งำนโครงกำรจัดตังชมรมวัฒนธรรมไทยในสถำนศึกษำ ตังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นต้นมำ โดยให้สถำนศึกษำในจังหวัดนครสวรรค์ท่ีจัดตังชมรมวัฒนธรรมไทยในสถำนศึกษำเป็น เครือข่ำย สมัครเข้ำแข่งขัน จำนวน ๑๘๗ แห่ง) ส่งหนังสือ ใบสมัคร และประชำสัมพันธ์ ให้สถำนศึกษำมำสมัคร กำหนดวัน เวลำ และสถำนที่ และดำเนนิ กำรประกวด ตดั สินและมรี ำงวัลให้ อันดับ ๑ ๒ ๓ และรำงวัลชมเชย ตำม หลกั เกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ (ทุกทีมทีแ่ ข่งขันต้องสง่ ตำรำภูมิปญั ญำอำหำรถน่ิ พร้อมประวัติ ) แล้วเลอื กอันดับท่ี ๑ ของแต่ ละอำเภอ ๑ ทมี สง่ ประกวดระดับจังหวัด ระดบั จงั หวดั จะมที ีมเข้ำแขง่ ขนั ๑๕ ทีม (๑๕ อำเภอ) ตัดสนิ และมรี ำงวัล ให้ ๓ อนั ดับ คอื รำงวัลท่ี ๑ (ชนะเลิศ) รำงวัลที่สอง ๒ (รองฃนะเลศิ อนั ดับ ๑) และ รำงวัลท่ี ๓ (รองชนะเลศิ อนั ดับ ๒) ๕.๑ ระดับอาเภอ วัน เวลา สถานท่ี การดาเนินโครงการ และผลการดาเนินงาน 1) อำเภอเก้ำเลียว จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด-19 เม่ือวันที่ 19 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศกึ ษำเข้ำประกวด จำนวน 1๓ แหง่ และสถำนศกึ ษำทไ่ี ด้อับดับ ๑ เปน็ ตัวแทนอำเภอ เข้ำประกวดระดับจังหวัด คือ ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรียนวัดดงเมือง (เข่งฟื้นรำษฎร์อุปถัมภ์) ช่ืออำหำร คือ เก๊ียว พลำ่ สมุนไร วุ้นกระชำยต้ำนภยั โควดิ ๒) อำเภอโกรกพระ จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด-19 เม่ือวันท่ี 25 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน ๖ แห่ง และสถำนศึกษำท่ีได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เข้ำประกวดระดับจังหวัด คือ ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรยี นวัดท่ำซุด (เจริญศิลป์) ชื่ออำหำร คือ ข้ำวอบเผือกห่อใบ บัว นำขิงผสมนำผงึ มะนำว 3) อำเภอชุมแสง จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด-19 เมื่อวันท่ี 19 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน ๘ แห่ง และสถำนศึกษำท่ีได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เขำ้ ประกวดระดบั จังหวัด คอื ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรยี นวดั พนั ลำน ช่อื อำหำร คอื แกงเรียงขำ้ วโพด 4) อำเภอตำคลี จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด-19 เมื่อวันท่ี 17 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน 6 แห่ง และสถำนศึกษำท่ีได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เข้ำประกวดระดับจังหวัด คือ ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรียนวัดตำคลี (นิปุณทองคำประชำสรรค์) ช่ืออำหำร คือ นำพรกิ ปลำร้ำสบั 5) อำเภอท่ำตะโก จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด-19 เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน ๖ แห่ง และสถำนศึกษำท่ีได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เข้ำประกวดระดับจงั หวัด คอื ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรียนวังวิทยำ ชื่ออำหำร คอื นำพรกิ สมนุ ไรปลำย่ำง 6) อำเภอบรรพตพสิ ัย จัดกจิ กรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถิน่ ไทย สู้ภัยโควดิ -19 เมื่อวนั ท่ี 9 พฤศจกิ ำยน 2564 มสี ถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน 14 แหง่ และสถำนศกึ ษำท่ไี ดอ้ ับดับ ๑ เปน็ ตัวแทนอำเภอ เข้ำประกวดระดับจังหวัด คอื ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรยี นวัดบ้ำนคลอง ช่ืออำหำร คอื แกงนอกหมอ้ ขนมนวลแหว้
๓ 7) อำเภอพยุหะคีรี จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด-19 เม่ือวันที่ 22 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน 9 แห่ง และสถำนศึกษำที่ได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เขำ้ ประกวดระดบั จงั หวดั คอื ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรยี นพยุหะศึกษำคำร ชื่ออำหำร คอื ห่อหมกหนอ่ ไม้ 8) อำเภอไพศำลี จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด-19 เม่ือวันท่ี 17 พฤศจกิ ำยน 2564 มสี ถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน 10 แห่ง และสถำนศึกษำท่ไี ด้อับดบั ๑ เป็นตวั แทนอำเภอ เข้ำประกวดระดับจังหวัด คือ ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรียนบ้ำนใหม่วำรีเย็น ชื่ออำหำร คือ นำพริกปลำย่ำง มะขำมปอ้ ม 9) อำเภอแม่เปิน จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถิ่นไทย สู้ภัยโควิด-19 เม่ือวันท่ี 26 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน 1 แห่ง และสถำนศึกษำที่ได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เขำ้ ประกวดระดบั จังหวดั คอื ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรียนบ้ำนคลองสมบรู ณ์ ชื่ออำหำร คอื สม้ ตำ 10) อำเภอแม่วงก์ จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด-19 เม่ือวันท่ี 26 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน ๖ แห่ง และสถำนศึกษำที่ได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เข้ำประกวดระดับจังหวัด คือ ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรียนบ้ำนตะแบกงำม ชอ่ื อำหำร คอื แจ่วบอง (นำพรกิ ปลำร้ำ สับ) 11) อำเภอเมืองนครสวรรค์ จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด-19 เม่ือ วันท่ี 20 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน 10 แห่ง และสถำนศึกษำท่ีได้อับดับ ๑ เป็น ตัวแทนอำเภอเข้ำประกวดระดับจังหวดั คือ ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรียนวัดยำงงำม (ประชำพัฒนำ) ช่ืออำหำร คือ นำพริกแซ่บสำมมะปลำสแี่ คว 1๒) อำเภอลำดยำว จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สภู้ ยั โควดิ -19 เมอ่ื วันที่ 17 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน ๖ แห่ง และสถำนศึกษำที่ได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เขำ้ ประกวดระดบั จงั หวัด คอื ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรยี นวัดบำ้ นไร่ ชือ่ อำหำร คือ แกงนอกหม้อ ๕.๒ ระดบั จงั หวดั วนั เวลา สถานที่ การดาเนินโครงการ และผลการดาเนินงาน สภำวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ ได้กำหนดกำรประกวด วันท่ี ๔ ธันวำคม ๒๕๖๔ ตังแต่เวลำ ๐๗.๐๐- ๐๓.๐๐ น. สถำนที่ ณ หอประชุมโรงเรียนนครสวรรค์ โดยขออนุญำตจัดงำนท่ีมีผู้เข้ำร่วมไม่เกิน ๒๐๐ คน ตำม มำตรกำรกำรป้องกันโรคติดเชือไวรัสโคโรนำ (Covid 2019) จำกที่ว่ำกำรอำเภอเมืองนครสวรรค์ และจัดงำนกำร ประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด ตำมโครงกำรสืบสำนวฒั นธรรมอำหำรถ่ิน และกำรประกวดกำร ออบและตัดเย็บเครือ่ งแต่งกำยด้วยผำ้ ขำวมำ้ ตำมโครงกำรผำ้ ชำวม้ำหรรษำภูมิปญั ญำไทย กำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถนิ่ ไทย สู้ภัยโควิด ตำมโครงกำรสืบสำนวฒั นธรรมอำหำรถิ่น มีอำเภอ ตำ่ ง ๆ ๑๒ อำเภอ สง่ เข้ำประกวด ได้แก่ 1. อำเภอเก้ำเลยี ว 2. อำเภอโกรกพระ 3.อำเภอชมุ แสง 4. อำเภอตำคลี 5. อำเภอท่ำตะโก 6. อำเภอบรรพตพิสัย 7. อำเภอพยุหะคีรี 8.อำเภอไพศำลี 9.อำเภอแม่เปิน 10.อำเภอแม่ วงก์ 11. อำเภอเมอื งนครสวรรค์ 12. อำเภอลำดยำว ๖. กลุ่มเป้าหมาย ๖.๑ เยำวชนจำกสถำนศกึ ษำ ๑๘๗ แห่ง ใน ๑๕ อำเภอ นำเสนอผลงำนอำหำรถน่ิ (ระดบั อำเภอ) ๖.๒ เยำวชนตวั แทนจำก ๑๕ อำเภอ นำเสนอผลงำนอำหำรถ่นิ (ระดบั จังหวดั )
๔ ๗. ผ้เู ข้าร่วมกิจกรรม ๗.๑ เยำวชนจำกสถำนศกึ ษำ 92 แหง่ ใน ๑2 อำเภอ นำเสนอผลงำนอำหำรถนิ่ (ระดบั อำเภอ) ๗.๒ เยำวชนตัวแทนจำก ๑2 อำเภอ นำเสนอผลงำนอำหำรถน่ิ (ระดบั จงั หวัด) ๘. ผลการจัดโครงการ สภำวฒั นธรรมแตล่ ะอำเภอรบั ดำเนนิ กำรจัดกำรแข่งขันกำรสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่นิ โดยมเี ครอื ข่ำยเป็น สถำนศึกษำในอำเภอนนั ๆ (สภำวัฒนธรรมจังหวดั นครสวรรค์ ดำเนินงำนโครงกำรจดั ตังชมรมวัฒนธรรมไทยในสถำนศึกษำ ตังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นต้นมำ โดยให้สถำนศึกษำในจังหวัดนครสวรรค์ที่จัดตังชมรมวัฒนธรรมไทยในสถำนศึกษำเป็น เครือข่ำย สมัครเข้ำแข่งขัน จำนวน ๑๘๗ แห่ง) ส่งหนังสือ ใบสมัคร และประชำสัมพันธ์ ให้สถำนศึกษำมำสมัคร กำหนดวัน เวลำ และสถำนที่ และดำเนินกำรประกวด ตัดสินและมีรำงวัลให้ อันดับ ๑, ๒, ๓ และรำงวัลชมเชย ตำมหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ (ทุกทีมท่ีแข่งขันต้องส่งตำรำภูมิปัญญำอำหำรถิ่น พร้อมประวัติ ) แล้วเลือกอันดับที่ ๑ ของแต่ละอำเภอ ๑ ทมี สง่ ประกวดระดบั จงั หวดั ระดับจังหวดั จะมีทมี เข้ำแขง่ ขนั ๑๕ ทีม (๑๕ อำเภอ) ตดั สินและ มีรำงวัลให้ ๓ อันดับ คือ รำงวัลท่ี ๑ (ชนะเลิศ) รำงวัลท่ีสอง ๒ (รองฃนะเลิศ อันดับ ๑) และ รำงวัลท่ี ๓ (รองชนะเลิศ อันดบั ๒) ๘.๑ ระดับอาเภอ วัน เวลา สถานท่ี การดาเนินโครงการ และผลการดาเนินงาน 1) อำเภอเก้ำเลียว จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถิ่นไทย สู้ภัยโควิด-19 เมื่อวันท่ี 19 พฤศจกิ ำยน 2564 มีสถำนศกึ ษำเข้ำประกวด จำนวน 13 แหง่ และสถำนศกึ ษำที่ได้อับดบั ๑ เปน็ ตัวแทนอำเภอ เข้ำประกวดระดับจังหวัด คือ ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรียนวัดดงเมือง (เข่งฟื้นรำษฎร์อุปถัมภ์) ช่ืออำหำร คือ เก๊ียว พลำ่ สมนุ ไร ว้นุ กระชำยตำ้ นภัยโควดิ ๒) อำเภอโกรกพระ จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถนิ่ ไทย สู้ภัยโควิด-19 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน ๖ แห่ง และสถำนศึกษำที่ได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เข้ำประกวดระดับจังหวัด คือ ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรยี นวัดท่ำซุด (เจริญศิลป์) ชื่ออำหำร คือ ข้ำวอบเผือกห่อใบ บวั นำขิงผสมนำผึงมะนำว 3) อำเภอชุมแสง จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด-19 เม่ือวันท่ี 19 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน ๘ แห่ง และสถำนศึกษำท่ีได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เข้ำประกวดระดับจงั หวดั คือ ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรยี นวดั พนั ลำน ชอื่ อำหำร คือ แกงเรียงขำ้ วโพด 4) อำเภอตำคลี จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถิ่นไทย สู้ภัยโควิด-19 เมื่อวันท่ี 17 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน ๖ แห่ง และสถำนศึกษำที่ได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เข้ำประกวดระดับจังหวัด คือ ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรียนวัดตำคลี (นิปุณทองคำประชำสรรค์) ชื่ออำหำร คือ นำพรกิ ปลำร้ำสบั 5) อำเภอท่ำตะโก จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด-19 เม่ือวันที่ 21 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน ๖ แห่ง และสถำนศึกษำท่ีได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เข้ำประกวดระดบั จังหวดั คอื ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรยี นวงั วิทยำ ชือ่ อำหำร คือ นำพรกิ สมนุ ไรปลำยำ่ ง 6) อำเภอบรรพตพสิ ัย จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวฒั นธรรมอำหำรถ่ินไทย สภู้ ยั โควิด-19 เมื่อวนั ที่ 9 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน 14 แหง่ และสถำนศึกษำท่ีได้อับดับ ๑ เปน็ ตัวแทนอำเภอ เข้ำประกวดระดบั จงั หวัด คือ ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรยี นวดั บำ้ นคลอง ช่อื อำหำร คือ แกงนอกหม้อ ขนมนวลแหว้
๕ 7) อำเภอพยุหะคีรี จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถิ่นไทย สู้ภัยโควิด-19 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน 9 แห่ง และสถำนศึกษำท่ีได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เข้ำประกวดระดบั จังหวัด คอื ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรยี นพยหุ ะศกึ ษำคำร ช่ืออำหำร คอื ห่อหมกหนอ่ ไม้ 8) อำเภอไพศำลี จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด-19 เม่ือวันที่ 17 พฤศจกิ ำยน 2564 มีสถำนศกึ ษำเข้ำประกวด จำนวน 10 แห่ง และสถำนศึกษำที่ได้อับดบั ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เข้ำประกวดระดับจังหวัด คือ ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรียนบ้ำนใหม่วำรีเย็น ชื่ออำหำร คือ นำพริกปลำย่ำง มะขำมป้อม 9) อำเภอแม่เปิน จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด-19 เม่ือวันที่ 26 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน 1 แห่ง และสถำนศึกษำที่ได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เขำ้ ประกวดระดบั จังหวดั คอื ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรยี นบำ้ นคลองสมบูรณ์ ช่ืออำหำร คอื ส้มตำ 10) อำเภอแม่วงก์ จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ินไทย สู้ภัยโควิด-19 เมื่อวันท่ี 26 พฤศจิกำยน 2564 มสี ถำนศึกษำเขำ้ ประกวด จำนวน ๖ แหง่ และสถำนศกึ ษำทไ่ี ดอ้ บั ดับ ๑ เป็นตวั แทนอำเภอเขำ้ ประกวดระดับจงั หวดั คอื ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรียนบ้ำนตะแบกงำม ช่อื อำหำร คือ แจว่ บอง (นำพรกิ ปลำร้ำสบั ) 11) อำเภอเมืองนครสวรรค์ จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถิ่นไทย สู้ภัยโควิด-19 เม่ือ วันที่ 20 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำปร2ะ0ก1ว9ด จำนวน 10 แห่ง และสถำนศึกษำท่ีได้อับดับ ๑ เป็น ตัวแทนอำเภอเข้ำประกวดระดับจังหวดั คือ ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรยี นวดั ยำงงำม (ประชำพัฒนำ) ชื่ออำหำร คือ นำพรกิ แซบ่ สำมมะปลำสีแ่ คว 1๒) อำเภอลำดยำว จัดกิจกรรมกำรประกวดสืบสำนวฒั นธรรมอำหำรถ่นิ ไทย สู้ภัยโควดิ -19 เมื่อวันท่ี 17 พฤศจิกำยน 2564 มีสถำนศึกษำเข้ำประกวด จำนวน ๖ แห่ง และสถำนศึกษำท่ีได้อับดับ ๑ เป็นตัวแทนอำเภอ เขำ้ ประกวดระดบั จงั หวดั คอื ชมรมวัฒนธรรมไทยโรงเรยี นวดั บ้ำนไร่ ชอ่ื อำหำร คือ แกงนอกหม้อ ๘.๒ ระดับจงั หวดั วนั เวลา สถานที่ การดาเนินโครงการ และผลการดาเนินงาน สภำวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ ได้กำหนดกำรประกวด วันท่ี ๔ ธันวำคม ๒๕๖๔ ตังแต่เวลำ ๐๗.๐๐- ๐๓.๐๐ น. สถำนที่ ณ หอประชุมโรงเรียนนครสวรรค์ โดยขออนุญำตจัดงำนที่มีผู้เข้ำร่วมไม่เกิน ๒๐๐ คน ตำม มำตรกำรกำรป้องกนั โรคติดเชือไวรัสโคโรนำ (Covid-19 ) จำกสำนักงำนท่ีว่ำกำรอำเภอเมอื งนครสวรรค์ และจดั งำน กำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถนิ่ ไทย สู้ภัยโควิด ตำมโครงกำรสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถิ่น และกำรประกวด กำรออบและตัดเยบ็ เครอ่ื งแตง่ กำยดว้ ยผำ้ ขำวม้ำ ตำมโครงกำรผ้ำชำวม้ำหรรษำภมู ิปัญญำไทย กำรประกวดสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถน่ิ ไทย สู้ภัยโควิด ตำมโครงกำรสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถิ่น มีอำเภอ ต่ำงๆ ๑๒ อำเภอ สง่ เข้ำประกวด ไดแ้ ก่ 1. อำเภอเก้ำเลยี ว 2. อำเภอโกรกพระ 3.อำเภอชุมแสง 4. อำเภอตำคลี 5. อำเภอท่ำตะโก 6. อำเภอบรรพตพิสัย 7. อำเภอพยุหะคีรี 8. อำเภอไพศำลี 9.อำเภอแม่เปิน 10. อำเภอแม่วงก์ 11. อำเภอเมอื งนครสวรรค์ 12. อำเภอลำดยำว
๖ ๙. การจาหนา่ ยสินคา้ ทางวัฒนธรรม จานวน ๕ รายการ จานวนเงิน ๖๕,๐๐๐ บาท (หกหมน่ื หา้ พนั บาทถ้วน) 9.1 กลมุ่ ทอผำ้ บำ้ นโปรง่ เขนง จำนวนเงิน ๑๕,๐๐๐.- บำท 9.๒ กลมุ่ ทอผ้ำหนองตำงู จำนวนเงนิ ๑๐,๐๐๐.- บำท 9.๓ กลมุ่ ผำ้ ต้นมอื ดำ่ นช้ำง จำนวนเงนิ ๑๕,๐๐๐.- บำท 9.๔ กลมุ่ ทอผ้ำดำ้ นช้ำง จำนวนเงิน ๑๐,๐๐๐.- บำท 9.๕ กลุม่ ทอผ้ำบ้ำนหนองกระดูกเนอื จำนวนเงนิ ๑๕,๐๐๐.- บำท ๑๐. จานวนรายไดท้ ่เี กดิ ขึน้ ท้ังหมดในภาพรวมจาการดาเนนิ โครงการ/งาน จานวนเงิน ๖๕,๐๐๐.- บาท ๑๑. ผลลัพธท์ ไี่ ดจ้ ากการจดั โครงการ ๑๑.๑ เยำวชนจำกสถำนศกึ ษำ 92 แหง่ ( ๙๒ X ๓ = ๒๗๖ คน ) ใน ๑2 อำเภอ นำเสนอผลงำนอำหำร ถ่ิน (ระดับอำเภอ) ๑๑.๒ เยำวชนตัวแทนจำก ๑2 อำเภอ (๑๒ X ๓ = ๓๖ คน) นำเสนอผลงำนอำหำรถนิ่ (ระดบั จังหวดั ) ๑๑.3 เยำวชนที่เป็นตัวแทนของแต่ละอำเภอ ไดส้ บื ค้นอำหำรถิ่น และมำรว่ มประกวดในระดบั จงั หวดั ๑๐. ปญั หาอุปสรรค สถำนศกึ ษำบำงแห่งในแตล่ ะอำเภอไมส่ ำมำรถสง่ นกั เรียนเขำ้ ร่วมประกวดได้ เนือ่ งจำก สถำนกำรณ์ โรคติดเชือไวรัสโคโรนำ (โควิด-19) ผูป้ กครองไมอ่ นญุ ำตให้นักเรียนเข้ำประกวด ๑๑.ข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ กำรจัดดำเนินงำนกำรประกวด สืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถิ่น โดย สถำนศึกษำที่เป็น เครือข่ำยทำงวัฒนธรรมกับสภำวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ (จัดตังชมรมวัฒนธรรมไทยในสถำนศึกษำ) เข้ำร่วม กิจกรรม ในอันท่ีจะช่วยปลูกฝังไว้ท่ีเด็ก สืบสำน อนุรักษ์ เผยแพร่ วัฒนธรรมอำหำรของท้องถ่ิน โดยนำไปทำ/ปรุง อำหำรถ่ินนัน ๆ รับประทำนเอง ให้ครอบครัว บิดำมำรดำ ปู่-ย่ำ ตำ-ยำย เม่ือเติบใหญ่จะไม่ลืมและคงดำรงอำหำรถ่ิน สืบตอ่ ไป
๗ รายละเอยี ดค่าใช้จ่ายของโครงกการสบื สานวัฒนธรรมอาหารถน่ิ ( ๔.๒ งบประมาณจากกรมสง่ เสริม เปน็ เงนิ ๔๐๐,๐๐๐.- บาท ) ระหวา่ งวนั ที่ ๔ กนั ยายน ถงึ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๔ ท่ี รายการ งบประมาณ จา่ ยจริง 1,000.- 3,000.- ๑. ค่ำใช้จ่ำยจัดกำรประชมุ คณะทำงำน ระดบั จงั หวดั 2 ประชุมจดั ทำหลักเกณฑ์กำรแขง่ ขนั กรรมกำร ๕ คน ระดบั จังหวดั 5,000.- 5,000.- 3 รำงวัลชนะเลศิ กำรแขง่ ขันระดับจังหวดั 20,000.- 10,000.- 4 รำงวัลรองชนะเลิศอันดบั 1 กำรแขง่ ขันระดับจังหวัด 12,000.- 8,000.- 5 รำงวัลรองชนะเลิศอันดบั 2 กำรแข่งขนั ระดับจังหวัด 8,000.- 6,000.- 6 รำงวัลชมเชย ผู้เขำ้ แข่งขัน (ระดับจงั หวดั 9 รำงวัล) 30,000.- 12,000.- 7 รำงวลั ชนะเลิศ ระดบั อำเภอ (1๒ อำเภอ) 75,000.- 48,000.- 8 รำงวัลรองชนะเลิศอนั ดบั 1 กำรแข่งขันระดับอำเภอ 45,000.- 33,000.- 9 รำงวัลรองชนะเลศิ อนั ดับ 2 กำรแขง่ ขันระดบั อำเภอ 30,000.- 20,000.- 10 รำงวลั ชมเชยระดบั อำเภอ (ผเู้ ข้ำแข่งขัน) 54,000.- 50,000.- 11 โล่ สำหรบั ชนะเลศิ ระดบั อำเภอ (๑๒+๑ อำเภอ) 19,200.- 11,700.- 12 กรรมกำรตัดสินระดับอำเภอๆละ ๕,๐๐๐.-บำท (๕ คน)จำนวน ๑2 อำเภอ 75,000.- 60,000.- 13 กรรมกำรตัดสนิ ระดับจังหวัด ๕ ท่ำน ๆ ๑,๐๐๐.-บำท 5,000.- 5,000.- 14 ปำ้ ยองิ คเ์ จ๊ทประชำสัมพันธ์ พรอ้ มตดิ ตัง 5,000.- 5,000.- 15 เกียรติบัตรสถำนศกึ ษำ และผเู้ ข้ำแข่งขัน (กรอบ) 3,000.- 3,300.- 16. ค่ำใชจ้ ่ำยในกำรบรหิ ำรจัดกำรประกวด ๑2 อำเภอๆ ละ ๖,250.- (ตกแต่ง - 75,000.- สภำนทแ่ี ละอำหำรวำ่ ง) 2,000.- 35,000.- 17. คำ่ บรหิ ำรจดั กำรประกวดคำ่ ตกแตง่ สถำนท่ีและอำหำรว่ำง ระดบั จังหวดั 2,000.- 4,200.- 18 จดั ทำรูปเลม่ ตำรำอำหำรถ่ินของจงั หวดั นครสวรรค์ และจดั ทำ E. Book (ลงิ ก์ QR Code) 19 คำ่ ใชจ้ ำ่ ยเบด็ เตล็ด.คำ่ ติดตอ่ ประสำนงำนระบบ IT และระบบอน่ื ๆ ทกุ 8,800.- 8,800.- ระดบั (สแ่ี สนบาทถ้วน) รวม 400,000.- 400,000.
๘ แบบข้อเสนอโครงการ เพอื่ รับการสนับสนุนงบประมาณ ประจาปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๑. ช่อื โครงการ สบื สานวฒั นธรรมอาหารถนิ่ ๒. หน่วยงานผู้ดาเนนิ งานหลัก 2.1 สภำวัฒนธรรมจงั หวดั นครสวรรค์และสภำวัฒนธรรมอำเภอ 2.2 สำนกั งำนวฒั นธรรมจังหวัดนครสวรรค์ 2.3. องคก์ ำรบริหำรสว่ นจังหวัดนครสวรรค์ 2.4. องค์กำรบริหำรส่วนตำบล 128 แห่ง 2.5. สำนักงำนเทศบำล จำนวน 18 แหง่ ๓. หน่วยงานผู้ร่วมดาเนนิ งาน สถำนศึกษำในจงั หวดั นครสวรรค์ทีเ่ ป็นเครอื ขำ่ ยทำงวฒั นธรรม จำนวน 187 แหง่ ๔. หลักการและเหตุผล ตำมท่ีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้กำหนดดำเนินโครงกำรเงินอุดหนุน ส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนำกำร ดำเนินงำนของเครือขำ่ ยทำงวัฒนธรรมทงั ในประเทศและตำ่ งประเทศ ประจำปีงบประมำณ ๒๕๖๔ โดยมวี ตั ถุประสงค์ เพ่ือให้สภำวัฒนธรรมที่จัดตังตำมพระรำชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชำติ พ.ศ. ๒๕๕๓ และกฎกระทรวงท่ีเกี่ยวข้อง ได้ ดำเนินโครงกำร/กิจกรรมทำงวัฒนธรรมท่ีเก่ียวกับกำรส่งเสริมมรดกูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม (อำหำรและอำภรณ์) ตลอดจนเพ่ือบรรเทำผลกระทบท่ีเกิดจำกสถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคติดเชือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (COVID- 19) โดยบูรณำกำรร่วมกับเครือข่ำยวัฒนธรรมและหน่วยงำนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีควำมสอดคล้องกับกำรขับเคลื่อนงำน วัฒนธรรมตำมประกำศสำนักนำยกรฐั มนตรี เรื่อง กำรประกำศแผนแม่บทเฉพำะกิจ ภำยใต้ยุทธศำสตรช์ ำตอิ นั เป็นผล มำจำกสถำนกำรณ์ โควิด-19 พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ และจุดเน้นกำรขับเคล่ือนงำนวัฒนธรรมของกรมส่งเสริม วฒั นธรรม กระทรวงวัฒนธรรม สภำวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ และสภำวัฒนธรรมอำเภอ จำนวน ๑๕ อำเภอ ร่วมกับสถำนศึกษำในจังหวัด นครสวรรค์ ทเ่ี ปน็ เครือข่ำยท่ีจดั ตงั ชมรมวฒั นธรรมไทยในสถำนศกึ ษำ ร่วมดำเนนิ งำนสง่ เสริมมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม จัดทำโครงกำรสบื สำนอำหำรถ่ิน เพ่อื สง่ เสริมอนรุ กั ษแ์ ละสืบสำนอำหำรของท้องถิ่น ใหเ้ กดิ กำรเรยี นร้วู ฒั นธรรมของแต่ ละท้องถนิ่ มกี ำรสร้ำงงำนและรำยได้ให้คนในชุมชน เพ่ือควำมม่ังคง่ั ทำงเศรษฐกจิ ควำมมน่ั คงทำงสงั คม เพอ่ื บรรเทำ ผลกระทบที่เกิดจำกสถำนกำรณก์ ำรแพ่ระบำดของโรคติดเชือไวรัสโคโรนำ-๑๙ และควำมคงอยู่อย่ำงย่ังยืนของมรดก ภูมปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมอันดงี ำมของจังหวดั นครสวรรค์ ๕.วตั ถปุ ระสงค์ ๒.๑ เพ่ือส่งเสริม สืบทอดมรดกภูมิปญั ญำทำงวัฒนธรรมอำหำรถ่นิ ของ จงั หวดั นครสวรรค์ ๒.๒ เพื่อใหเ้ ยำวชน สืบสำน อนรุ กั ษ์ วฒั นธรรมอำหำรของท้องถนิ่ 2.3 เพ่ือรวบรวมมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรม ตำรำอำหำรถนิ่ ของแต่ละอำเภอในจงั หวัดนครสวรรค์จัดทำ เป็นรปู เลม่ หนังสอื และในรปู แบบหนงั สอื อเิ ล็กทรอนิกส์ ( E. Book )
9 ๖. กรอบแนวคิดในการดาเนินงาน สภำวฒั นธรรมจงั หวดั นครสวรรค์ ดำเนนิ งำนโครงกำรจดั ตงั ชมรมวัฒนธรรมไทยในสถำนศึกษำ ตงั แต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นต้นมำ โดยให้สถำนศึกษำในจังหวัดนครสวรรค์ที่จัดตังชมรมวัฒนธรรมไทยในสถำนศึกษำเป็นเครือข่ำย สมัครเข้ำ แข่งขัน จำนวน ๑๘๘ แหง่ ให้สภำวัฒนธรรมแต่ละอำเภอรบั ดำเนนิ กำรจดั กำรแขง่ ขนั กำรสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถ่ิน ตัดสนิ และมรี ำงวัลให้ ๓ อันดับ ตำมหลักเกณฑ์ท่ีกำหนดไว้ (ทุกทีมทีแ่ ข่งขันต้องสง่ ตำรำภูมิปญั ญำอำหำรถ่ิน พร้อม ประวัติ รบั รำงวลั ชมเชย) แลว้ คดั เลือก ๑ ทมี สง่ ประกวดระดับจังหวดั ระดบั จังหวัดจะมีทมี เข้ำแข่งขัน ๑๕ ทมี (๑๕ อำเภอ) ตัดสินและมีรำงวัลให้ ๓ อันดับ คือ รำงวัลท่ี ๑ (ชนะเลิศ) รำงวัลท่ีสอง ๒ (รองฃนะเลิศ อันดับ ๑) และ รำงวลั ท่ี ๓ (รองชนะเลศิ อันดับ ๒) กำรจดั ประชุม กำรจดั แข่งขัน ใช้วธิ ี online ประชุมดว้ ย google meet กำรติดตอ่ ประสำน ทำงโทรศพั ท์ และทำงไลน์ ปฏิบตั ิตำมมำตรกำร กำรป้องกันและควบคมุ กำรระบำดของไวรัสโคโร นำ ๒๐๑๙ (CODVID-19) ของกรมควบคมุ โรคกระทรวงสำธำรณสขุ อยำ่ งเคร่งครดั ๗. ขอบเขตการดาเนนิ โครงการ ๗.๑ ระยะเวลาดาเนินโครงการ (๑ ก.ย. - ๓๐ พ.ย. ๒๕๖๔) ที่ กิจกรรม ว.ด.ป. ผู้รับผิดชอบ หมายเหตุ ๑ จดั ประชมุ คณะกรรมการท่ีแตง่ ตงั้ เพ่ือ วนั พธุ ท่ี ๑ ฝ่ายสง่ เสริมและ สภา วธ.จ.นว.และ ดาเนนิ การตามกิจกรรม เผยแพรว่ ฒั นธรรม สภา วธ.อาเภอ ก.ย. ๒๕๖๔ ๒ จดั ทาหลกั เกณฑใ์ นการแขง่ ขนั ฝ่ายสง่ เสริมและ สภา วธ.จ.นว.และ วนั จนั ทรท์ ี่ ๖ ก.ย. เผยแพรว่ ฒั นธรรม สภา วธ.อาเภอ ๓ ดาเนินการแจง้ สถานศกึ ษา/ ประชาสมั พนั ธ์ ๒๕๖๔ ๔ ระดบั อาเภอ (สถานศกึ ษาเขา้ แขง่ ขขนั ) ฝ่ายสง่ เสริมและ สภา วธ.จ.นว.และ วนั พธุ ท่ี ๘ ก.ย. เผยแพรว่ ฒั นธรรม สภา วธ.อาเภอ ๒๕๖๔ กรรมการประจา สภา วธ.จ.นว.และ ๑๕ - ๒๕ พ.ย. อาเภอ สภา วธ.อาเภอ ๒๕๖๔ ๕ ระดบั จงั หวดั (ระดบั อาเภอ ๑๕ ทีม) วนั เสารท์ ี่ ๔ ธ.ค. กรรมการประจา สภา วธ.จ.นว.และ เขา้ แขง่ ขนั ๒๕๖๔ จงั หวดั สภา วธ.อาเภอ ๕ ประเมนิ ผลการดาเนินงานสรุปและรายงานการ วนั พฤหสั บดีที่ ฝ่ายสง่ เสริมและ สภา วธ.จ.นว.และ ดาเนนิ งานจดั ทารูปเลม่ สง่ กรมสง่ เสริม ๓๐ ธ.ค. ๒๕๖๔ เผยแพรว่ ฒั นธรรม สภา วธ.อาเภอ ๗.๒ กลุ่มเป้าหมาย ๑) เยาวชนจากสถานศกึ ษา ๑๘๗ แหง่ ใน ๑๕ อาเภอ นาเสนอผลงานอาหารถ่ิน (ระดบั อาเภอ) ๒) เยาวชนตวั แทนจาก ๑๕ อาเภอ นาเสนอผลงานอาหารถ่ิน (ระดบั จงั หวดั )
๑๐ ๘. รูปแบบและวธิ กี ารดาเนินโครงการ การประกวดการประกอบอาหารถ่นิ แบง่ เป็น ๒ ระดบั ๘.๑ ระดบั อาเภอ (มี ๑๕ อาเภอ) ประกวด แลว้ คดั เลอื ก ๓ อนั ดบั (รวมสถานศกึ ษา ๑๘๗ แหง่ /ทมี ) ๘.๒ ระดบั จงั หวดั ตวั แทนระดบั อาเภอ ๑ ทีม เขา้ ประกวด (รวม ๑๕ อาเภอ/ทมี ) ๙. งบประมาณ ขอรับกำรสนับสนุนจำกกรมส่งเสริมวัฒนธรรม 410,0๐๐.-บำท (ส่ีแสนหน่ึงหมื่นบำทถ้วน) ๙.๑ รายละเอยี ดค่าใช้จ่ายของโครงการสบื สานวฒั นธรรมอาหารถนิ่ รำยกำร จำนวน จำนวนเงิน/ รวม ๑.ค่ำใชจ้ ่ำยจัดกำรประชุมคณะทำงำน หนว่ ย 1,๐๐๐.- 2 ครงั 5๐๐.- ๒.ประชมุ จดั ทำหลกั เกณฑก์ ำรแข่งขัน กรรมกำร ๕ คน ๕ คน ๑,๐๐๐.- ๕,๐๐๐.- ๓.รำงวัลชนะเลิศ กำรแขง่ ขันระดบั จงั หวดั ๑ รำงวัล 20,000.- 20,000.- 4.รำงวัลรองชนะเลศิ อนั ดับ 1 กำรแข่งขนั ระดบั จังหวัด 1 รำงวลั 12,000.- 12,000.- 5. รำงวลั รองชนะเลศิ อนั ดับ 2 กำรแข่งขนั ระดบั จังหวดั 1 รำงวลั 8,000.- 8,000.- 6.รำงวลั ชมเชย ผเู้ ขำ้ แขง่ ขัน (ระดับจังหวัด) 12 รำงวัล 2,000.- 30,000.- 7.รำงวลั ชนะเลิศ ระดับอำเภอ (15 อำเภอ) 15 รำงวลั 5,000.- 75,000.- 8.รำงวัลรองชนะเลศิ อันดับ 1 กำรแข่งขันระดบั อำเภอ 15 รำงวลั 3,000.- 45,000.- 9. รำงวัลรองชนะเลศิ อนั ดบั 2 กำรแขง่ ขันระดับอำเภอ 15 รำงวลั 2,000.- 30,000.- 10.รำงวลั ชมเชยระดับอำเภอ (ผู้เขำ้ แข่งขัน) 128 รำงวลั 500.- 64,000.- 11. โล่ สำหรับชนะเลศิ ทุกระดับ (๑๕ อำเภอ+๑ จังหวัด) 16 โล่ 1,200.- 19,200.- 12. กรรมกำรตัดสินระดับอำเภอๆละ ๕,๐๐๐.-บำท (๕ คน)จำนวน ๑๕ ๑๕ อำเภอ ๕,๐๐๐.- ๗๕,๐๐๐.- อำเภอ ๕ คน ๑,๐๐๐.- 5,000.- 13.กรรมกำรตดั สนิ ระดบั จังหวดั ๕ ท่ำน ๆ ๑,๐๐๐.-บำท 14.ปำ้ ยอิงคเ์ จ๊ทประชำสมั พนั ธ์ พร้อมติดตัง 2 ป้ำย 2,500.- 5,000.- 15.เกียรติบตั รสถำนศกึ ษำ และผู้เขำ้ แข่งขัน 600 ฉบบั 5.- 3,000.- 16.จัดทำรูปเลม่ ตำรำอำหำรถิ่นของจังหวดั นครสวรรค์ และจัดทำ E. Book 20 เลม่ 100.- 2,000.- (ลิงก์ QR Code) 17 ค่ำใชจ้ ำ่ ยเบ็ดเตล็ด.ค่ำตดิ ต่อประสำนงำนระบบ IT และระบบอ่นื ๆ 8,800.- 8,800.- ทกุ ระดบั (สี่แสนหน่ึงหมนื่ บำทถ้วน) รวม 410,000.- จานวนเงนิ ทั้งสิ้น ส่ีแสนหนง่ึ หมนื่ บำทถว้ น (ถัว่ เฉล่ียจำ่ ยทกุ รำยกำร)
๑๑ ๑๐. ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะไดร้ ับ ๑) ผู้เข้ำร่วมกิจกรรมไดร้ ่วมส่งเสรมิ อนุรักษ์ สบื ทอดวัฒนธรรมอำหำรถ่นิ ๒) เยำวชน ได้เรียนรู้และแสดงผลงำนวัฒนธรรมอำหำรของท้องถิ่น มีควำมภำคภูมิใจเห็นคุณค่ำควำมสำคัญ ของมรดกภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมของตน ๓) รวบรวมผลงำนตำรำอำหำรถน่ิ ทเี่ ปน็ มรดกภูมิปัญญำของแต่ละอำเภอ ๑๑. การประเมนิ โครงการ ตัวชวี้ ัดความสาเรจ็ ๑๑.๑ เยำวชนตัวแทนจำกสถำนศึกษำ ๑๘๗ แห่ง ใน ๑๕ อำเภอ ร่วมสืบทอดมรดกทำงวัฒนธรรม อนุรักษ์ และสบื สำนวัฒนธรรมอำหำรถ่นิ ๑๑.๒ เยำวชนตัวแทนจำกสถำนศึกษำ ๑๘๗ แห่ง ใน ๑๕ อำเภอ ได้เรียนรู้และแสดงผลงำนด้ำนวัฒนธรรม อำหำรถิ่น 1๑.๓ สภำวฒั นธรรมจงั หวดั ได้รวบรวมผลงำนตำรำมรดกภูมิปญั ญำทำงวฒั นธรรม อำหำรถนิ่ ของแต่ละอำเภอ และเผยแพรม่ รดกภูมปิ ญั ญำวัฒนธรรมอำหำรถ่ินของจังหวดั นครสวรรค์ 12. การวดั และประเมนิ -ระหวำ่ งจัดกจิ กรรมกำรแขง่ ขนั -รำยงำนกำรจดั โครงกำรสืบสำนวัฒนธรรมอำหำรถิ่น ลงชื่อ ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการ (นายนทั ธี พคุ ยาภรณ)์ ประธานสภาวฒั นธรรมจงั หวดั นครสวรรค์
๑๒ ภาคผนวก - หนงั สืออนุมตั ิโครงการ - แผ่นพับประชาสัมพนั ธ์การประกวด -พธิ ีเปดิ งาน โครงการสืบสานวัฒนธรรมอาหารถ่นิ -ตาราอาหารถิน่ อ.บรรพตพสิ ยั ชนะเลศิ -ตาราอาหารถน่ิ อ.แม่วงก์ รองชนะเลศิ อันดับ ๑ -ตาราอาหารถิ่น อ.เกา้ เล้ยี ว รองชนะเลิศ อันดับ ๒ -ตาราอาหารถน่ิ อ.โกรกพระ รางวัลชมเชย -ตาราอาหารถน่ิ อ.ชมุ แสง รางวลั ชมเชย -ตาราอาหารถน่ิ อ.ตาคลี รางวลั ชมเชย -ตาราอาหารถนิ่ อ.ท่าตะโก รางวัลชมเชย -ตาราอาหารถิ่น อ.พยหุ ะครี ี รางวลั ชมเชย -ตาราอาหารถิ่น อ.ไพศาลี รางวลั ชมเชย -ตาราอาหารถ่นิ อ.แม่เปนิ รางวัลชมเชย -ตาราอาหารถนิ่ อ.เมือง ฯ รางวัลชมเชย -ตาราอาหารถิ่น อ.ลาดยาว รางวัลชมเชย
๑๓ ดร.ชลุ พี ร เสชงั รองผวู้ า่ ราชการจงั หวดั นครสวรรค์ ประธานพธิ เี ปดิ นายพนั ศกั ดิ์ ศรีทอง ประธานสภา วธ.จ.นครสวรรค์ ประธานจดั งาน
๑๔ ดร.ชลุ พี ร เสชงั รองผวู้ า่ ราชการจงั หวดั นครสวรรค์ ประธานพธิ เี ปดิ นายนทั ธี พคุ ยาภรณ์ ประธานทปี่ รกึ ษา สภาวฒั นธรรมจงั หวดั นครสวรรค์ นายพนั ศกั ดิ์ ศรที อง ประธานสภา วธ.จ.นว. นางสาวรชั นเี ชาวป์ รชี า รองประธานสภา วธ.จ.นว. มอบโลใ่ ห้ ตวั แทนสถานศกึ ษา รางวลั อาหารถนิ่ ดร.ชลุ พี ร เสชงั รองผวู้ า่ ราชการจงั หวดั นครสวรรค์ ประธานพิธเี ปดิ นายนทั ธี พคุ ยาภรณ์ ประธานทป่ี รกึ ษา สภาวฒั นธรรมจงั หวดั นครสวรรค์ นายพนั ศกั ด์ิ ศรที อง ประธานสภา วธ.จ.นว. นางสาวรชั นเี ชาวป์ รชี า รองประธานสภา วธ.จ.นว. มอบโล่ ใหต้ วั แทนกลมุ่ สนใจ รางวลั ผา้ ขาวมา้ หรรษาภมู ปิ ญั ญาไทย
๑๕ ตำรำอำหำรถน่ิ อำเภอบรรพตพสิ ัย แกงนอกหม้อ
๑๖ ความเป็นมาและความสาคญั แกงนอกหม้อ เป็นอาหารโบราณของอาเภอบรรพตพิสัย ต้ังแต่สมัยปู่ย่าตายาย ก็เห็นมีรับประทานในเขตอาเภอบรรพตพิสัยแล้ว ซึ่งมีมามากกว่า ๖๐ ปีที่แล้ว โดยมี แหล่งกาเนิด ทีห่ มู่๑ บ้านเจริญผล โดยมีครอบครัวๆหนึง่ สามีชื่อ นายสาราญ หุ่นเทศ ภรรยาชือ่ นางลาไย หุ่นเทศ ประกอบอาชีพทานา อาศยั อยู่บ้านเลขที่ ๓๐ หมู่ ๑ ตาบล เจริญผล สามีเป็นคนชอบดืม่ สุราและมักดื่มเป็นประจา แต่ในการดื่มสุรานั้นก็มักจะมี กับแกล้ม ซึ่งกับแกล้มน้ันก็เกิดจากฝีมือของผู้เป็นภรรยานั่นเอง และบ่อย ครั้งผู้เป็น ภรรยามักทาอาหารประเภทลาบ เป็นกับแกล้มอยู่บ่อย ๆ เมื่อรับประทาน ลาบบ่อย ๆ จึงเกิดเบื่อ จึงนากะทิมาใส่ในลาบจึงเกิดเป็นอาหารรสชาติใหม่ เป็นอาหารที่เกิดจาก การปรบั ปรงุ พลิกแพลงอาหารของคนโบราณ และทากินมาจนช่ัวลกู ชั่วหลานมาจนถึง ปัจจบุ นั ปัจจบุ นั อาเภอบรรพตพิสัยได้มีการประกวดประกอบอาหาร(แกงนอกหมอ้ ) เพือ่ เปน็ การอนรุ ักษ์ รกั ษา ขนบธรรมเนียมประเพณพี นื้ บ้านของอาเภอบรรพตพิสยั สบื ไป ลกั ษณะเดน่ ของแกงนอกหมอ้ แกงนอกหม้อ เมนูนี้เปน็ อาหารถิน่ ที่ชาวนครสวรรค์คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่คน ต่างถิ่นอย่างเรา ๆ คงสงสัยกันอยู่ว่าทาไมถึงชื่อแกงนอกหม้อ แล้วเขาทากันยังไง แกง นอกหม้อ ของนครสวรรค์โดดเด่นไม่เหมือนแกงอ่ืน เพราะเป็นแกงกะทิที่ใส่เครื่องเทศ เครื่องเทศ ที่ใช้กค็ ือ ลูกจนั ทน์เทศ ลกู กระวาน โปย๊ ก้ัก ย่หี ร่า และเมด็ ผักชี นามาค่วั แลว้ โขลกรวมกบั หอม กระเทียม และพริกแห้ง เวลาผัดเครือ่ งแกง กลิน่ เครือ่ งเทศจะหอมฟุ้ง เป็นเอกลักษณ์ ขั้นตอนการทาก็ต่างจากแกงท่ัวไป หลังจากทาเครื่องแกงแล้ว ก็จะรวน เนื้อหมู หรือเนื้อไก่ให้สุกแล้วตักขึ้นพัก จากน้ันก็ต้ังไฟเคี่ยวกะทิให้แตกมันแล้วพักไว้ ตอนปรุงจะเริ่มจากผัดเครื่องแกงกับเนื้อที่รวนไว้จนสุก แล้วค่อยเทกะทิที่เคี่ยวไว้ลงไป ปรุงรสให้กลมกล่อมด้วยน้าปลา น้ามะนาว และน้ากระเทียมดอง เป็นอันเสร็จ คาว่า “แกงนอกหมอ้ ” หมายถึงการแยกปรุงส่วนเนือ้ และเครือ่ งแกงให้สกุ ไปที ละอยา่ ง แล้วค่อยนาทุกอย่างที่สกุ แลว้ มาแกงรวมกันอกี ทีน่นั เอง
๑๗ ขนมนวลแหว เป็นขนมโบราณที่มีจุดกาเนิดที่อาเภอบรรพตพิสัยเป นแหงแรกของประเทศไทย เนื่องจากในอดีตอาเภอบรรพตพิสัยมีเนื้อที่ปลูกแห วเปนจานวนมากจึงมีการนาแห ว มาทาเปน แปงแลวจึงทาขนมนวลแหว แตปจจุบันไมมีปลูกแหวอีกแลว มีเพียงนางสาว รัชนี เชาวปรีชา รองประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค ซึ่งมีภูมิลาเนาอยูทีอ่ าเภอ บรรพตพิสยั จังหวดั นครสวรรค ไดปลูกแหวไวเปนแปลงสาธิต เมื่อมีโอกาสพิเศษก็จะนาแหว มาทาเปนขนมนวลแหวใหชิม แตกม็ ีบางทีช่ าวบรรพตพิสัยจะทาขนมนวลแหว ซึ่งจะตองสง่ั ทาเทาน้ัน อาเภอบรรพตพิสัย ไดจัดการประกวดการประกอบอาหาร (ขนมนวลแหว)ขึ้น เพือ่ เปนการฟนฟูและอนุรกั ษขนมท้องถิน่ ของอาเภอบรรพตพิสัยเอาไวใหคงอยู่สืบไป ถือ เป็นอัตลักษณ (ที่โดดเดน) ความสาคัญและคุณคาทางสังคมและทางจิตใจที่มีในวิถีการ ดาเนินชีวติ ของชมุ ชน นั้น ๆ แต่จากการสอบถามปราชญ์ชาวบ้านทาให้กลุ่มนกั เรียนทราบ ว่า ภายในตาบลอ่างทอง หมู่บ้านทุ่งไก่เถื่อน เคยมีพื้นที่ในการปลกู แห้วนา แต่ในปัจจบุ ัน ไม่มีผู้ปลูกแห้วนานี้แห้ว ดังน้ันการปลูกแห้วนาในตาบลอ่างทอง จึงเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกัน มาถึงปจั จุบนั ขนมนวลแห้ว ของดีทีม่ ีคุณค่าท้องถิ่นของอาเภอบรรพตพิสัยเพราะหากินยากมาก ถ้าไม่ตรงกับช่วงฤดูกาล (ม.ค.-เม.ย) และที่สาคัญเคยถวายแดส่ มเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมาร เมื่อครงั้ เสด็จมาที่นครสวรรค์ หลงั จากพระองค์เสวยกต็ รัสว่าขนมนอี้ ร่อยมาก จึงทาให้ขนมนวลแห้วกลายเป็นของดี อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ สืบต่อมา
๑๘ องคป์ ระกอบของอาหาร(สตู ร)เครื่องปรุง มดี ังต่อไปนี้ แกงนอกหม้อ ขนมนวลแหว้ วัตถดุ ิบ วตั ถุดิบ ๑.พริกแห้งเลก็ -ใหญร่ วมกนั ๑.แป้งแห้วนา ๕๐๐ กรมั ๒.ตะไคร้ ๒.น้าสะอาด ๒,๐๐๐ กรัม ๓.ข่า ๓.น้าตาลมะพร้าว ๕๐๐ กรัม ๔. หัวหอมแดง น้าพริกแกงนอกหม้อ ๔.กะทิสด ๕๐๐ กรมั ๕.กระเทียม ๒๐๐ กรมั ๖.เครื่องเทศ ๗.กะปิปิ้งไฟ ๒๐๐ กรมั ๘.ผักชีฝอย/ใบยาว ๑๐๐ กรัม ๙.มะขามเปียก ๑๐.กะทิสด ๑,๐๐๐ กรัม ๑๑.ไก่ไทย หรือไก่พันธ์ุเนือ้ ๑,๐๐๐ กรัม ๑๒.เนือ้ กระเทียมดอง ๔๐๐ กรมั ๑๓. น้ากระเทียมดอง ๑๓ น้าปลา ๑๐-๒๐ กรมั ๑๔. เกลือป่น ๑/๒ ช้อนชา เครื่องเคียง ๑.หมี่ขาวทอดกรอบ ๒.ผกั กาดขาว ๓.พริกขีห้ นสู ด/พริกขหี้ นแู ห้งทอด ๔.ผกั สดอ่นื ๆตามต้องการ เช่น ถั่วฝกั ยาว แตงกวา แครรอท
๑๙ พริกแหง้ พริกแหง้ อุดมไปด้วยแคปไซซิน ทีเ่ ป็นประโยชน์ อย่างมากในการรกั ษาระบบทางเดินหายใจให้ทางาน ได้คล่องมากยิง่ ขึน้ ลดเสมหะ รกั ษาอาการทอ้ งอดื แน่นเฟ้อ อาหารไม่ย่อย อาการไอ ขา่ สรรพคุณ : เปน็ ยาแก้ท้องขึน้ ท้องอดื เฟ้อ ขบั ลม แก้ อาหารเปน็ พิษ เป็นยาแก้ลมพิษ เป็นยารกั ษากลากเกลื้อน โรคผิวหนัง ติดเชือ้ แบคทเี รีย เชือ้ รา กระเทยี ม ปรบั ความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติลดระดับ คอเลสเตอรอลในเลือดควบคมุ ระดบั น้าตาลในเลือด จึงเหมาะกับผปู้ ่วยเบาหวานบารงุ เลือดป้องกันอาการโลหิตจางเพิ่ม ภมู ิต้านทานใหก้ บั รา่ งกายป้องกนั โรคหัวใจลดอาการท้องผูก ทาให้ระบบขับถ่ายทางานได้ดขี ึน้ ช่วยขบั ลมแก้อาการจุดเสียดแน่น ท้องป้องกันไข้หวดั ยับย้ังการเจริญเติบโตของไวรัส แบคทีเรีย เชือ้ รามีสารต้านอนุมูลอิสระ บารงุ ผิวพรรณ และลดความเสีย่ ง ในการเปน็ โรคมะเรง็ หอมแดง หอมแดง เปน็ หวั หอม มีรสฉนุ ช่วยขับลม แกท้ ้องอดื ช่วยย่อยและเจริญอาหาร แก้บวมน้าแก้อาการอกั เสบต่าง ๆ แก้บวมน้า ขบั พยาธิ ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น เมล็ด แกอ้ าเจียน เปน็ เลือดแก้กินเนือ้ สัตว์เป็นพิษ แก้หวดั คัดจมกู และกิน เปน็ ยาขบั ลม
๒๐ ตะไคร้ มีสรรพคุณทางยา เช่น บารงุ ธาตุ แก้โรคทางเดิน ปัสสาวะ ขับลมในลาไส้ทาให้เจริญอาหาร แก้โรคหืด แก้ อหิวาตกโรค บารุงสมอง ช่วยให้สมาธิดี ตม้ กบั น้าใชด้ ืม่ แก้ อาเจียน ใช้ตน้ สดโขลกค้ันเอาน้าดมื่ แก้อาการเมาในกรณีผู้ ทีเ่ มามากๆ ชว่ ยให้สรา่ งเร็ว ส่วนหวั สามารถใชแ้ ก้โรคเกลื้อน ท้องอดื ท้องเฟ้อ โรคนิว่ มากไปกว่านั้นยงั สามารถทาเปน็ ยาช่วย นอนหลบั ช่วยลดความดันสงู น้ามนั ตะไครห้ อมใชท้ ากันยงุ ได้ มะนาว เป็นผลไม้ที่มีกรดอนิ ทรีย์หลายชนิด เช่น กรดซิตริก กรดมาลิค ไวตามินซี จากน้ามะนาว ส่วนน้ามันหอมระเหยจากผิว มะนาว มไี วตามินเอ และซี ทั้งยังมีธาตแุ คลเซยี มและฟอสฟอรัส สูงกว่าในน้ามะนาวอกี ด้วย มะนาวมีประโยชน์ใช้เปน็ ยาสมนุ ไพร ใบมะกรูด ช่วย ขบั ลม ทาให้เลือดลมไหลเวียนดี ใบมะกรดู นามาฉีก ๆ แล้วดมก็ทาให้ผ่อนคลายได้เหมือนกนั เพราะใน ใบมะกรดู จะมีสารบางตวั ทาให้รู้สึกผอ่ นคลายไดด้ ี กระเทยี มดอง ลดความดนั โลหิตสงู ลดคอเลสเตอรอลในเส้น เลือด ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ป้องกนั การอดุ ตนั ของเส้นเลือดหวั ใจฆ่าเชือ้ แบคทเี รีย รักษาโรคผิวหนัง บรรเทา อาการไข้หวัด ขบั เสมหะ
๒๑ เคร่อื งเทศ 1. กานพลู ใช้ดอกตมู แหง้ มีสนี ำตำลเข้ม กลิน่ หอม และรสเผ็ดรอ้ น คนเฒ่ำคนแก่สมัยกอ่ น ยงั นยิ มเคียวกำนพลรู ว่ มกบั หมำกเพ่ือให้มีกล่ินหอม สรรพคุณทำงยำ ชว่ ยย่อย อำหำร ขบั ลม แกอ้ ำกำรท้องอืด ท้องเฟอ้ เป็นยำชำเฉพำะท่ี แก้ปวดฟนั อีกทงั ดอกกำนพลูยงั มแี คลเซยี มและฟอสฟอรสั ช่วยบำรุงกระดกู และฟนั ใหแ้ ขง็ แรง ๒. ลกู กระวาน มกี ารใช้กนั มากทงั้ ในดา้ นการครวั และการแพทย์ กระวานมีลกั ษณะเป็นลูก กลมรี ขนาดเล็ก เปลอื กสขี าวไมแ่ ข็ง ภายในมีเม็ดสีนา้ ตาลจานวนมาก มีกลน่ิ หอมฉุน มีรสเผด็ เล็กน้อย และมีรสขมปนหวาน สรรพคุณ ทางยา ใชเ้ ปน็ ยา บารงุ ธาตุ ชว่ ยขบั ลมในกระเพาะอาหาร ขบั เสมหะ แกอ้ าการท้องเดนิ ท้องอดื ท้องเฟอ้ จุกเสยี ดแนน่ และใช้เปน็ ส่วนผสมในยาถ่ายเพ่ือบรรเทาอาการไซ้ทอ้ ง ๓. พริกไทย ผลแกต่ ากแหง้ ท้ังเปลอื ก เรยี กว่า พริกไทยดา ส่วนผลแก่เอาเปลือกออก เหลอื แตเ่ มด็ เรยี กวา่ พริกไทยขาวหรือพรกิ ไทยล่อน มีกลน่ิ หอมค่อนข้างฉนุ รสเผ็ด รอ้ น สรรพคุณทางยา ขบั เหงื่อ ขับลม แก้ท้องอดื ท้องเฟ้อ แกท้ ้องผูก ปวดฟัน ชว่ ยเจริญอาหาร ๔. พรกิ แหง้ ใช้ผลตากแห้ง ผลสกุ จะเป็นสีแดงหรอื แดงปนนา้ ตาล มีกล่ินฉุนและรสเผด็ ร้อน ส่วนทเ่ี ผด็ ทส่ี ดุ ของพริกอยทู่ ใี่ นเมลด็ และไส้พริก ยังช่วยแต่งสสี ันในอาหารใหด้ ู สวยงามอีกดว้ ย สรรพคุณทางยา ขับเสมหะขับลม บารงุ ธาตุ ช่วยยอ่ ยอาหาร ชว่ ยเจรญิ อาหาร ๕. จนั ทน์เทศ ลกู จนั ทน์เทศ เปน็ ผลของต้นจันทน์เทศ ส่วนทใี่ ช้เป็นเคร่ืองเทศคอื ส่วน ในของเมล็ด เพราะเมลด็ มีเปลอื กแข็งต้องทุบเปลือกออก ใชเ้ พียงส่วนเมล็ด ภายในสีดา กลน่ิ หอมฉนุ และรสฝาด สรรพคณุ ทางยา ขับลม บารุงธาตุ แก้ ทอ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ ช่วยยอ่ ยอาหาร และใส่เปน็ สว่ นผสมในยาหอม ช่วยแก้ลมกอง ๖. โป๊ยก๊กั หรือ จนั ทนแ์ ปดกลบี เปน็ เคร่ืองเทศจากจนี ส่วนทใี่ ชค้ อื ผลแก่ตากแหง้ ลกั ษณะผลเปน็ รปู ดาวแปด แฉก สีน้าตาลอมแดง มกี ล่นิ หอมออ่ นๆ รสเผ็ดหวาน สรรพคณุ ทางยา ขบั ลม ขบั เสมหะ บารงุ ธาตุ แกธ้ าตุพิการ อาหารไม่ยอ่ ย
๒๒ ๗. ลกู ผกั ชี ใชผ้ ลแก่ตากแห้ง ลักษณะลกู กลมเลก็ สขี าวหมน่ หรือน้าตาลซีด มี กล่นิ หอม ความหอมจะมากหรอื นอ้ ยก็ขึน้ อยกู่ ับความแก่ของเมล็ด รสของ ลกู ผกั ชจี ะมรี สซ่าออ่ นๆ คล้ายชะเอม สรรพคุณทางยา ชว่ ยเจรญิ อาหาร แก้ อาการปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ ขบั ลม และขับปัสสาวะ ๘. ยหี่ ร่า หรือ เทยี นขาว ใชผ้ ลแก่ตากแห้ง ลักษณะผลรูปรยี าวแบน สีเหลอื งอมนา้ ตาล มีกล่นิ หอมมาก รสเผด็ ร้อนและขม ย่หี รา่ เม็ดเล็กๆ จะหอมกว่าเมล็ดใหญ่ สรรพคุณทางยา ช่วยยอ่ ย ขับระดูขาว ขับลม แก้ทอ้ งอดื ท้องเฟอ้ ๙. อบเชย สว่ นทีใ่ ช้คอื เปลอื กของต้นอบเชย สีนา้ ตาลปนแดง มกี ลิ่นหอมนุ่มนวล รส ขมหวานฝาด สรรพคณุ ทางยา ขับเหง่ือ แก้อ่อนเพลีย แก้จุกแนน่ ขบั ลม
๒๓ ภาพประกอบกิจกรรม ขน้ั ตอนและวิธีการทา แกงนอกหมอ้ ๑. จดั เตรยี มวัตถุดิบ อุปกรณใ์ หพ้ รอ้ ม สาหรบั การ ๒. นาเครอ่ื งพรกิ แกง หนั่ ฝอยละเอียด คัว่ ให้หอม ทาอาหาร “แกงนอกหมอ้ ” แลว้ โขลกให้ละเอียด กะปปิ งิ้ ไฟให้หอม นาไปโขลก รวมกนั ใหล้ ะเอยี ด จนได้เคร่อื งแกงสาหรับทาแกงนอก หม้อ ๓.นาหางกะทิต้งั ไฟใหเ้ ดือด ใสไ่ ก่ทหี่ นั่ เปน็ ชิ้นคา เตมิ ๔.นาหวั กะทติ ้ังไฟให้เดือด ใส่เครือ่ งแกงทีโ่ ขลกไว้ เกลอื และน้ามะขามเปยี กตามอัตราส่วน เคียวไกจ่ นสกุ ไม่ ผดั จนพริกแกงให้มีกลนิ่ หอมและกะทแิ ตกมนั เหนียว(ใชไ้ ฟอ่อนๆเค่ยี ว) จึงปดิ ไฟพักรอไว้ (ปดิ ไฟพักรอไว)้ ๕.นาพรกิ แกงทผี่ ัดไว้ และไกท่ เี่ คีย่ วไว้ ใส่หม้อรวมกัน ๖.นาผกั ชฝี อย ผกั ชใี บยาวและต้นหอม ท่ีหั่นไว้ โรยใส่ แลว้ ปรุงด้วย น้ามะขามเปียก เนอ้ื กระเทยี มดอง ข้าวคว่ั ลงไปในหมอ้ ผสมคลกุ เคลา้ ใหเ้ ข้ากนั อกี ที จากนน้ั ปรงุ รสชาติ หวาน เปรยี้ ว เค็ม ใหพ้ อดตี ามใจชอบ เติมรสหวานดว้ ยน้ากระเทียมดอง ๗.จดั เคร่ืองเคียง หม่กี รอบ พรกิ ทอด ใบมะกรดู ทอด ๘.ตักใส่ถ้วย พรอ้ มจัดเสิรฟ์ กบั ข้าวสวยร้อนๆ หรือ จะ ผักสดตามใจชอบ รับประทานเฉพาะแกงนอกหม้อ กไ็ ดเ้ ช่นกนั
๒๔ ภาพประกอบกจิ กรรม ขัน้ ตอนและวธิ กี ารทาขนมนวลแหว้ ส่วนท่ี ๑ แปง้ นวลแหว้ ๒.นาแป้งนวลแห้วใสภ่ าชนะทีเ่ ตรยี มไว้ ใสน่ า้ สะอาด คนให้ ๑. จัดเตรียม วตั ถุดบิ อปุ กรณ์ให้พรอ้ ม สาหรับการ เนื้อแปง้ นวลแห้ว ละลายตอ่ ไปอกี เลก็ น้อย ทาอาหาร “ขนมนวลแห้ว ” ๓.นามากรองดว้ ยตะแกรงตาถ่ี หรือผา้ ขาวบาง เพื่อ ๔.นาแป้งที่กรองแล้วลงในกระทะ กวนโดยใช้ไฟอ่อนๆ ใช้ เวลาประมาณ ๑-๑.๓๐ ชว่ั โมง (ระวงั แปง้ กน้ กระทะไหม้) ชว่ ยใหเ้ นอ้ื แปง้ นวลแห้วเนยี นและละเอียดขนึ้ เตมิ น้า สะอาดสว่ นที่เหลอื ลงไปหมอ้ หรือกระทะทองเหลอื ง คนใหเ้ ขา้ กนั อกี ที ๕ เทเน้ือแปง้ ทก่ี วนเขา้ ทีแ่ ล้ว เทลงในถาดหรือ ๖.นามาตดั หรือห่ันเป็นช้ินเล็กๆพอดคี า ภาชนะทเี่ ตรยี มไว้ เกลี่ยแปง้ ให้เสมอกนั สว่ นท่ี ๒ น้ำกะทิ ๘.ตักเน้อื แปง้ แห้วท่ีตัดรอไว้แล้ว ใส่ถว้ ย ราดดว้ ยน้ากะทิ ๗.นากะทิสด ผสมกบั น้าตาลนา้ ตาลมะพรา้ วหรือ สดหวานหอม พอดี พรอ้ มจัดเสริ ฟ์ (รบั ประทานกับนา้ แข็ง น้าตาลปบ๊ี ใหเ้ ข้ากนั กรองดว้ ยผ้าขาวบาง แล้วอบ ก็ได)้ ด้วยควันเทยี นหอม
งานประกวดสบื สานวฒั นธรรมอาหารถน่ิ ไทย สภู้ ยั โควดิ -19 ๒๕ ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรยี นวดั บา้ นคลอง อ. บรรพตพสิ ยั ๔ ธนั วาคม ๒๕๖๔ นายนทั ธี พคุ ยาภรณ์ ประธานท่ีปรกึ ษา นายพนั ศักดิ์ ศรที อง ประธานสภาวัฒนธรรมจงั หวัดนครสรรค์ คณะกรรมการสภา คณะครผู ฝู้ ึกสอน และนกั เรยี นท่เี ข้าประกวด ทงั้ ๑๒ อาเภอ
๒๖ ตาราอาหารถน่ิ อ.แมว่ งก์ ปลาร้าบอง แจว่ บอง อาหารถนิ่ ไทย ส้ภู ัยโควดิ -19 บองตะแบก ทมี : ลูกตะแบกงาม โรงเรยี นบ้านตะแบกงาม ตาบลวงั ซา่ น อาเภอแม่วงก์ จังหวดั นครสวรรค์ สังกัดสานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 2
๒๗ โรงเรียนบา้ นตะแบกงาม ตาบลวังซ่าน อาเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ ชมุ ชนบ้านตะแบกงามชาวบ้านส่วนใหญ่อพยพมาจากภาคอสี าน มาตั้งรกราก ถิน่ ฐานทีน่ ี่ โดยยึดอาชีพเกษตรกรรม ทาไร่ ทานา หาปู หาปลา มกี ารดารงชีวติ แบบ เรียบง่าย อาหารการกินกจ็ ะคล้ายๆกบั ชาวภาคอสี าน เช่น ส้มตา ลาบ ก้อย ต้มแซ่บ แกงออ่ ม ซุปหน่อไม้ ปลาร้าบอง เปน็ ต้น โดยปลาร้าบองสูตรนี้ได้มาจากคุณยายมัน่ พานทอง บ้านตะแบกงาม เลขที่ 213 หมู่ที่ 6 ตาบลวงั ซ่าน อาเภอแม่วงก์ จงั หวดั นครสวรรค์ ซึง่ แม่มนั่ นั้นได้อพยพมาจาก บรุ รี ัมย์ และมาต้ังถิน่ ฐานที่หมู่บ้านตะแบกงาม โดยลกู หลานได้สบื ทอดสตู รการหมัก ปลาร้า และการทาปลารา้ บองมาจากคุณยายมัน่ ปลาร้าสูตรของคุณยายมัน่ เปน็ สตู ร เฉพาะทีค่ ุณยายทาขนึ้ เอง เคลด็ ลบั ความอร่อยอยู่ทีข่ ้าวค่วั ที่ใช้ข้าวเจ้านามาค่วั ให้ได้ กลิน่ หอม แล้วนามาโขลก เพื่อนาไปเคล้ากับตวั ปลาทหี่ ามาได้จากลาคลอง หรือตาม ท้องทุ่ง ซึง่ ปลารา้ เปน็ ภมู ิปญั ญาทางอาหารที่สืบทอดกนั มาหลายชัว่ อายขุ องคนอสี าน เปน็ อาหารหลกั โดยหมักปลาร้าไว้ เปน็ การถนอมปลาไว้เปน็ อาหารนอกฤดูกาล ปลาร้า สามารถนามาทาเปน็ อาหารได้หลายอย่าง จิม้ ทานกับข้าวเหนียว หรือจะนามาสับให้ ละเอยี ด ใส่เครือ่ งสมุนไพร เช่น กระชาย ข่า ตะไคร้ หอม กระเทียม พริกแห้ง และใบ มะกรูด ซงึ่ การปรุงเช่นนี้ เรียกว่า “ปลารา้ บอง”ทานคู่กบั ผัก ปลารา้ บองเปน็ อาหาร ประจาถิ่นของชาวบ้านตะแบกงาม ซงึ่ ในปลาร้าบองนั้น มีคณุ ค่า โภชนาการหลากหลาย ที่สามารถช่วยยบั ยง้ั และตา้ นเชือ้ ไวรสั โควิด-19 ได้
๒๘ คุณคา่ โภชนาการ -ปลาร้า มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะในปลาร้าคือแหล่งโปรตีนชั้นดเี ทียบเท่ากบั เนือ้ สตั ว์อ่นื ๆ โดยจากการศึกษาพบว่า ปลาร้า 100 กรัม จะมีโปรตีนอยู่ถึง 15-20 กรัม นอกจากนี้ ยังมสี ารอาหารอ่นื ๆ เช่น ฟอสฟอรัส แคมเซียม วิตามินบ1ี (B1) วิตามินบี2 (B2) และวิตามินเค (K) - กระชาย ช่วยบารุงร่างกาย เปน็ ยาอายวุ ัฒนะ แก้ลมวิงเวียน แนน่ หน้าอก บารงุ หวั ใจ บารงุ กระดูก ช่วยทาใหก้ ระดูกไม่เปราะบาง และช่วยยับยง้ั การแบง่ ตวั ของเชือ้ ไวรสั โค วิด-19 - ขา่ เปน็ ยาขับลมในลาไส้ แก้บิด ทอ้ งอดื โรคหืด ขบั เสมหะ และโรคหลอดลมอักเสบ - ตะไคร้ ช่วยบรรเทาอาการปวดตามบั้นเอว ช่วยย่อยอาหาร - กระเทยี ม ช่วยป้องกันรกั ษาโรคหวดั แก้ปญั หาผมหลดุ ร่วง กาจัดกลิน่ เท้า เปน็ ต้น - ใบมะกรูด ช่วยขับลม แก้จกุ เสียด แก้ลมวงิ เวียน น้ามะกรดู แกเ้ ลือดออกตามไรฟัน และยงั มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี - หอมแดง ช่วยแก้ไข้หวดั ขบั เสมหะ บารุงธาตุ ขบั ลมในลาไส้ เป็นยาบารุงหัวใจ
๒๙ วสั ดอุ ปุ กรณ์และเครอื่ งปรงุ ในการทาปลาร้าบองหรือปลารา้ สบั (สูตร 1 ถว้ ย ) • ปลาร้า 200 กรมั (เอาแต่ตวั ไม่เอาน้านะคะ) • ตะไคร้หนั่ ซอย 50 กรมั • หอมแดง 30 กรมั • กระเทียม 30 กรัม • ใบมะกรดู 10 ใบ • กระชาย 30 กรัม • ข่าหนั่ ซอย 10 กรมั • พริกแหง้ 10 กรมั • น้าตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ • มะขามเปียก 10 กรัม
๓๐ ขนั้ ตอนการทา 1. นาพริกไปค่วั ให้สุกและหอม พอพริกแหง้ สุกกใ็ หน้ ามาโขลกใหล้ ะเอยี ดแล้วก็ พกั ไว้ 2. นาปลารา้ และมะขามเปียกมาสบั ใหล้ ะเอยี ดพรอ้ มกนั 3. นาเครื่องสมุนไพรไทย กระชาย,ข่า,ตะไคร้,กระเทียม,หอมแดง,ใบมะกรูด ล้างทา ความสะอาด แล้วหั่นบาง ๆ
๓๑ 4. นากระชาย,ข่า,ตะไคร้,กระเทียม,หอมแดง มาโขลกให้ละเอียด 5. นาปลารา้ ที่สับละเอียดใส่ลงในครกทตี่ าเครื่องสมุนไพรละเอยี ดแล้ว จากนน้ั โขลก ให้เข้ากัน ใสน่ ้าตาลทราย ใสพ่ ริกป่น 6. เมือ่ คลกุ เคล้าเข้ากัน ตกั ออกจากครกนาไปผดั ให้สกุ ตกั ใส่ถ้วย ทานพร้อมกบั ผกั เครื่องเคียง
งานประกวดสบื สานวฒั นธรรมอาหารถนิ่ ไทย สภู้ ยั โควดิ -19 ๓๒ ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรยี นบา้ นตะแบกงาม อ.แมว่ งก์ (แจว่ บอง) ๔ ธนั วาคม ๒๕๖๔
๓๓ ตาราอาหารถน่ิ อาเภอเก้าเลย้ี ว ชมรมวฒั นธรรมไทย โรงเรยี นวดั ดงเมอื ง (เขง่ ฟื้นราษฎรอ์ ปุ ถมั ภ)์
๓๔
๓๕ แนวคดิ และความเป็ นมา ปัจจุบันการระบาดของโควดิ -19 เป็ นไปอยา่ งกวา้ งขวางท่ัว โลก นับเป็ นปัญหาของคนทั่วโลกทางออกทางเดยี วทเี่ ป็ นไปไดใ้ น การสูก้ ับโรคคือการทาใหป้ ระชากรมีภูมิคุม้ กัน ถึงแมจ้ ะมีความ พยายามในการ พัฒนาวัคซนี เป็ นไปอย่างต่อเนื่องแต่ก็อาจตอ้ งใช ้ เวลาอกี ไมน่ อ้ ย นอกเหนือจากวัคซนี แลว้ การดูแลสุขภาพองคร์ วม ซง่ึ เป็ นหลักการทผี่ ่านการศกึ ษาคน้ ควา้ มาอย่าง ยาวนาน จนไดร้ ับ การยอมรับเป็ นแนวปฏบิ ัตทิ ั่วโลก อันประกอบดว้ ยการกนิ อาหารที่ สะอาด ทม่ี สี ารอาหาร ครบถว้ น เนน้ พชื สมนุ ไพรการออกกาลังกาย และพักผ่อนอยา่ งเพยี งพอรวมถงึ การเลกิ พฤตกิ รรมเสย่ี งในการตดิ เชอ้ื ไวรัสโควดิ -19 เพอื่ เป็ นเกราะคมุ ้ กันใหพ้ น้ จากการตดิ เชอื้ ของไวรัส ชนดิ นไ้ี ด ้ จากเหตผุ ลดังกล่าวคณุ ครูและนักเรยี นโรงเรยี นวัดดงเมอื ง (เขง่ ฟ้ืนราษฎรอ์ ปุ ถัมภ)์ จงึ จัดทาอาหารสมนุ ไพรเสรมิ ภมู คิ มุ ้ กนั เพอ่ื เป็ นการเสริมภูมคิ ุม้ กันในการป้ องกันโรคไดโ้ ดยทาการศกึ ษาถงึ สมุนไพร ผัก และผลไม ้ ในประเทศไทยและหาไดง้ ่ายในทอ้ งถน่ิ ที่ สามารถนามาทาเป็ นอาหารและขนมได ้ อาทิ เชน่ กระชาย ทม่ี ผี ล วจิ ัยในการทดลองว่า กระชายขาวมสี ารพโิ นสโตบนิ และแพนดูรา ทนิ เอ ทสี่ ามารถยับยัง้ การเจรญิ เตบิ โตของเชอ้ื ไวรัสโควดิ – 19 ได ้ นอกจากนย้ี งั มสี มนุ ไพรอกี หลายชนดิ ทม่ี ปี ระโยชนต์ อ่ รา่ งกาย
๓๖ เมนอู าหารคาว : เกยี๊ วพลา่ สมนุ ไพร วตั ถดุ บิ ทใี่ ชใ้ นการทาเกย๊ี วพลา่ สมนุ ไพร ประกอบไปดว้ ย - ฝร่ังกมิ จหู น่ั เตา๋ 1 ถว้ ยตวง - เนอื้ ปลาทบั ทมิ หัน่ เตา๋ 1 กโิ ลกรัม - น้าปลา 5 ชอ้ นโตะ๊ - น้ามะนาว 5 ชอ้ นโตะ๊ - น้าตาลป๊ ีบ 4 ชอ้ นโตะ๊ - น้าพรกิ เผา 3 ชอ้ นโตะ๊ - น้ามนั พชื - แผน่ เก๊ยี ว - ใบชะพลู - พรกิ ขห้ี นูซอย - ตะไครซ้ อย - หอมแดงซอย - ใบมะกรดู ซอย
๓๗ วธิ กี ารทา 1. ลา้ งปลาใหส้ ะอาด แลว้ นาเน้ือปลามาห่ันเป็ นชนิ้ เตา๋ เล็ก ๆ จากนัน้ นาไปทอดใชไ้ ฟกลาง 2. นาเก๊ยี วไปทอด โดยการเอาแผน่ เก๊ยี วใสล่ งไป เมอ่ื เก๊ยี วเรมิ่ เซต็ ตวั ใหใ้ ชพ้ มิ พก์ ดลงไปในเก๊ยี วเพอ่ื จะไดร้ ปู ทรงไดส้ วยงาม 3. ใสน่ ้าปลา น้ามะนาว น้าตาลป๊ ี บ ผสมใหเ้ ขา้ กัน แลว้ ใสพ่ รกิ เผาลงไป 4. แลว้ นาปลาทที่ อดไวล้ งไปคลกุ เคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั กับเครอ่ื งปรงุ ทผี่ สมไว ้ 5. ใสเ่ ครอ่ื งสมนุ ไพร หอมแดงซอย ตะไครซ้ อย ใบมะกรดู ซอย พรกิ ขหี้ นูซอย ลงไปผสมใหเ้ ขา้ กนั 6. นาฝรั่งที่ห่ันเป็ นเต๋าใส่ลงไป คลุกเคลา้ ใหเ้ ขา้ กัน เสร็จ เรยี บรอ้ ย 7. นามาบรรจุใสก่ ระทงทท่ี อดจากเก๊ยี ว เอาใบชะพลู ลองแลว้ จงึ ใสพ่ ลา่ ปลาทับทมิ ลงไปในเก๊ยี ว 8. ตกแตง่ จานใหส้ วยงาม 9. นาไปรับประทานได ้
๓๘ เมนขู องหวาน : ว้นุ กระชายตา้ นโควิด วตั ถดุ ิบที่ใชใ้ นการทาวนุ้ กระชายต้านโควิด ประกอบไปดว้ ย วุ้นกระชาย วนุ้ กะทิ 1. กระชาย 2 ถว้ ยตวง 1. กะทิ 250 มิลลิลิตร 2. ผงวนุ้ 1½ ชอ้ นชา 2. ผงวนุ้ 1 ชอ้ นชา 3. น้าผงึ้ 100 มิลลิลติ ร 3. น้าหวานเฮลบูลบอย 100 4. น้ามะนาว 50 มิลลลิ ิตร 5. เกลือ 1 ชอ้ นชา มิลลิลติ ร 6. น้าสะอาด 1 ถ้วยตวง 4. น้าตาลทราย 3 ทพั พี 5. น้าสะอาด 100 มิลลลิ ิตร
๓๙ วธิ กี ารทา 1. นากระชายมาล้างทาความสะอาด แล้วนามาห่ันเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ ลงในเครอ่ื งปนั่ ใสน่ ้าลงไปแล้วปัน่ ให้ละเอียด 2. นามากรองดว้ ยผ้าขาวบาง เพื่อใหไ้ ด้นา้ กระชายท่ีหอมละมุน ไมม่ ี ฟองหรือเศษกระชาย (เพราะจะทาให้มีรสขม) 3. นาน้ากระชายผสมกบั น้าผง้ึ นา้ มะนาว และเกลือคนให้เขา้ กัน 4. ใสผ่ งวุ้นลงไปในนา้ กระชายที่ผสมแล้ว คนให้ผงวุ้นละลาย 5. จากน้ันนาไปตั้งไฟค่อนข้างอ่อนคนให้ละลายเข้ากันปิดไฟยกลง จากเตา 6. เทใส่แม่พิมพ์ ไม่ต้องเต็มแมพ่ ิมพ์ จ้ิมฟองออกให้หมด วางใหว้ ุ้น เซตตัวในตูเ้ ยน็ 7. ทาวุ้นกะทิเฮลบลูบอย โดยการใส่น้ากะทิ น้าสะอาด น้าเฮลบ ลูบอย และนา้ ตาลทรายผสมให้เขา้ กัน ใสผ่ งวุ้นลงไป คนให้ผงวุน้ ละลาย 8. จากนน้ั นาไปตง้ั ไฟค่อนขา้ งอ่อน คนใหล้ ะลายเข้ากนั ปิดไฟ ยกลง จากเตา 9.เทใส่แม่พิมพ์ วางให้วุ้นเซตตัว เมื่อวุ้นเซตตัวให้นาวุ้นกระชายมา ตกแตง่ รวมกนั กบั ว้นุ กะทเิ ฮลบลูบอย แล้วใสก่ ระกระชายที่ผสมผงวุน้ ลงไป รอใหว้ ุน้ เซตตวั นามาตกแต่งจานให้สวยงาม
ประโยชน์ทไ่ี ด้รบั ๔๐ จากการทาอาหารมีส่วนผสมมากมายล้วนเต็มไปด้วยโยชน์ สรรพคณุ ที่แตกต่างกัน มีทั้งกระชาย ตะไคร้ หอมแดง ใบชะพลู เป็นต้น กระชาย - กระชายขาวมีสารพิโนสโตบิน เเละแพนดูราทินเอ ที่สามารถยับย้ังการ เจริญเติบโตของเชือ้ ไวรัสโควิด – 19 - กระชายขาวมีสรรพคุณ ช่วยต้านอาการหวัด เเก้วงิ เวียนศีรษะ เเละลดไขมันในเลือด ได้ - สารสกดั จาก กระชายขาว ช่วยต้านอนุมูลอสิ ระ เเละกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด - สารสกัดจากกระชายขาว ช่วยเพิ่มสมรรถนะทางเพศชาย - สารสกัดกระชายขาวมีฤทธิ์ในการต่อต้านเจริญเติบโตของแบคทีเรียในสาไส้ เเละช่วยลดการอักเสบของกระเพาะอาหารได้อีกด้วย - กระชายขาว สรรพคณุ ช่วยลดอาการเหงือกอกั เสบ หรือมีเเผลในช่องปาก โดย ใชก้ ระชายขาวทบุ ให้ละเอียดเเละต้มให้เดือด เเละใช้บ้วนปาก - กระชายขาวช่วยในการขบั สารพิษออกจากตบั ได้อีกด้วย - กระชายขาวมีฤทธิ์ในการช่วงเเก้อาการท้องร่วง ท้องเสีย - กระชายขาวมีสรรพคณุ ช่วยแก้ท้องอดื ท้องเฟ้อได้ - กระชายขาวมีสรรพคณุ ช่วยบารุงหวั ใจ
๔๑ ตะไคร้ ตะไคร้นามาใช้แก้ปวด จากการปวดข้อและฟกช้า แก้โรคทางเดิน ปัสสาวะ แก้ประจาเดือนมาไม่ปกติ รวมถึงช่วยให้เจริญอาหาร แก้ท้องเสีย แก้ ท้องอืด แก้จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในลาไส้ วิธีใช้คือรับประทานสด หรือผึ่ง แห้งแล้วนามาใช้ต้มดืม่ หอมแดง - ไขห้ วัด แกห้ วดั คัดจมูก และช่วยลดน้ามูก - บรรเทาอาการท้องเดิน ท้องอืด/แนน่ ขับลม\" - โรคหืดหอบ ไอเรื้อรงั้ - แกผ้ น่ื คัน ลดการอกั เสบ - รักษาสิวและลดรอยดา่ งดา
๔๒ ใบชะพลู -ชว่ ยตอ่ ต้านอนุมลู อิสระตา่ ง ๆ -ใบชะพลมู ีรสเผด็ รอ้ น ชว่ ยทาใหเ้ จริญอาหารมากยิ่งขึ้น -ใบชะพลูมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณมากซึ่งช่วยบารุงและรักษา สายตา ชว่ ยในการมองเหน็ ป้องกันโรคตาบอดตอนกลางคนื แก้โรค ตาฟาง เปน็ ต้น -ช่วยยบั ยง้ั และชะลอการขยายตัวของเซลลม์ ะเรง็ -ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้ชะพลูสดทั้งต้นประมาณ 7 ตน้ นามาล้างน้าให้สะอาด ใส่น้าพอท่วมแล้วต้มให้เดือดสักพัก แล้ว นามาดืม่ เป็นชา -ชว่ ยบารุงกระดกู และฟัน และชว่ ยปอ้ งกันการเกิดโรคกระดูกพรุน -ชว่ ยในการขับเสมหะบริเวณทรวงอก ลาคอ -ชว่ ยในการขับถ่าย เนอ่ื งจากมีเส้นใยในปรมิ าณมาก
๔๓ ฝร่ัง ฝ ร่ั ง ชื่ อ ส า มั ญ Guava ฝ รั่ ง ชื่ อ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์ Psidium guajava Linn. จัดเป็นผลไม้ท่ีมีถิ่นกาเนิดในแถบอเมริกากลางและในหมู่เกาะ อินดีสต์ตะวนั ตก และคาดวา่ มีการนาเขา้ มาในประเทศไทยในชว่ งสมยั ของ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยสายพันธ์ุในบ้านเราท่ีนิยมนามา รับประทานสดๆ ก็ได้แก่ฝร่ังกิมจู ฝร่ังเวียดนาม ฝร่ังแป้นสีทอง ฝร่ังไร้ เมล็ด ฝร่ังกลมสาลี่ เป็นต้น ฝรั่งเป็นผลไม้ท่ีอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ ธาตุหลายชนิด โดยจัดเป็นผลไม้ท่ีมีวิตามินซีสูงท่ีสุดในบรรดาผลไม้ทุก ชนิด ในฝรัง่ นา้ หนัก 165 กรัม จะใหว้ ติ ามินสูงถึง 377 มิลลิกรมั ! มีวติ ามิน ซีสูงกว่าส้มถึง 5 เท่า ! ฝร่ัง เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพท่ีเหมาะมากสาหรับผู้ ท่ตี อ้ งการลดความอว้ น ลดน้าหนกั หรือผู้ท่กี าลังควบคุมนา้ หนัก เนือ่ งจาก ฝรั่งอุดมไปด้วยกากใยอาหาร เมื่อรับประทานแล้วจะทาให้อิ่มนาน ช่วย กาจัดท้องร้องอาการหิวท่ีคอยมากวนใจ เพราะกากใยจะช่วยรักษาระดบั น้าตาลในเลือดให้คงท่ี ช่วยปรับระดับการใช้อินซูลินของ ร่างกายให้ เหมาะสม และกากใยยังช่วยล้างพิษโดยรวบได้อีกด้วย จึงส่งผลทาให้ ผิวพรรณดูเปล่งปล่ังสดใส
ประโยชน์ของฝร่งั ๔๔ 1. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงมากซึง่ ช่วยในการชะลอวัยและ ริว้ รอยต่างๆไดด้ ี 2. ชว่ ยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กบั รา่ งกาย 3. ช่วยบารงุ ผิวพรรณใหเ้ ปล่งปล่ังสดใส ปกป้องผิวหนังจาก อนมุ ลู อิสระต่าง ๆ 4. เปน็ ผลไม้ทีเ่ หมาะสาหรบั ผูท้ ี่ตอ้ งการลดความอ้วน ลด นา้ หนักหรือควบคุมนา้ หนกั 5. ช่วยลดไขมันในเลือด 6. สรรพคณุ ของฝร่ังชว่ ยปอ้ งกนั และลดความเสี่ยงจากการ เกิดโรคมะเร็ง 7. ใชร้ กั ษาโรคอหิวาตกโรค 8. ชว่ ยรักษาโรคความดนั โลหติ สูง 9. ชว่ ยรักษาโรคเบาหวาน 10. ช่วยป้องกนั อาการผิดปกติของหวั ใจได้ 11. ใบฝรงั่ ใช้ในการดบั กลิ่นปาก ดว้ ยการนาใบสด 3-5 ใบมา เคีย้ วแล้วคายกากทิ้ง 12. ผลออ่ นชว่ ยบารุงเหงือกและฝนั 13. ใบฝร่งั ชว่ ยบรรเทาอาการปวดฟัน เหงือกบวม 14. ประโยชน์ของฝรั่งช่วยรกั ษาโรคลักปิดลักเปิดหรือโรค เลือดออกตามไรฟันได้ 15. รากใชแ้ กอ้ าการเลือดกาเดาไหล 16. นา้ ตม้ ผลฝรัง่ ตากแหง้ ชว่ ยรกั ษาอาการเสียงแหง้ แก้คออกั เสบ
ประโยชน์ของฝรั่ง (ตอ่ ) ๔๕ 17. นา้ ต้มใบฝรัง่ สดช่วยรักษาอาการทอ้ งเสีย ปอ้ งกนั โรคลาไส้ อักเสบ 18. ใบชว่ ยรกั ษาอาการท้องเดนิ ท้องร่วง 19. ชาทท่ี าจากใบออ่ นใชส้ าหรบั รักษาโรคบิด 20. ผลสุกใช้ทานเป็นยาระบาย แก้อาการทอ้ งผกู 21. ชว่ ยล้างพิษโดยรวมในร่างกาย 22. ใบชว่ ยแกอ้ าการปวดเนื่องจากเลบ็ ขบ 23. ใชท้ าแกผ้ ื่นคัน แผลพุพองได้ 24. ใบใชแ้ ก้แพ้ยุง 25. ใบฝร่งั ใชร้ กั ษาบาดแผล 26. ใบใชเ้ ป็นยาล้างแผล ดูดหนอง ถอนพษิ บาดแผล แก้พิษ เรือ้ รงั น้ากัดเท้า 27. รากใช้แกน้ ้าเหลืองสี เปน็ ฝี แผลพพุ อง 28. ใชใ้ นการหา้ มเลอื ด ด้วยการใช้ใบมาตาให้ละเอียดแลว้ นามาพอกบริเวณท่มี ีเลือดออก (ควรลา้ งใบให้สะอาดกอ่ น) 29. ช่วยในการดับกลิ่นสาบจากแมลงและซากหนูท่ีตาย ด้วย การใช้ฝรง่ั สุก 2-3 ลูกวางทง้ิ ไวใ้ นรศั มีของกลิ่น กลิน่ ดังกลา่ วก็จะคอ่ ยๆ หายไป 30. การรบั ประทานฝรงั่ จะช่วยขจัดคราบอาหารบนตวั ฟันได้ 31. เปลือกของตน้ ฝร่ังนามาใช้ทาสียอ้ มผ้า 32. นิยมนาไปแปรรปู เป็นผลติ ภณั ฑ์ต่างๆ เช่น ฝรั่งดอง ฝรั่งแช่ บว๊ ย พายฝรง่ั และขนมอีกหลากหลายชนิด 33. นามาใชท้ าเปน็ ยาแคปซลู แกท้ ้องเสียจากใบฝรง่ั ผลติ โดย องค์การเภสัชกรรม ซึง่ บรรจุแคปซูลละ 250 มิลลิกรมั
อาหารพรอ้ มเสริ ์ฟ ๔๖ เก๊ยี วพลา่ สมุนไพร-วนุ้ กระชายต้านโควิด
งานประกวดสบื สานวฒั นธรรมอาหารถนิ่ ไทย สภู้ ยั โควดิ -19 ๔๗ ชมรมวฒั นธรรมไทยโรงเรยี นวดั ดงเมอื ง (เขง่ ฟน้ื ราษฎรอ์ ถุ มั ภ)์ อ. เกา้ เลยี้ ว ๔ ธนั วาคม ๒๕๖๔
ตาราอาหารถิน่ อาเภอโกรกพระ ๔๘
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141