Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วารสาร-นิติสังคมศาสตร์ ป.9 ฉ.2

วารสาร-นิติสังคมศาสตร์ ป.9 ฉ.2

Published by E-books, 2021-06-18 08:58:27

Description: วารสาร-นิติสังคมศาสตร์ ป.9 ฉ.2

Search

Read the Text Version

นายบุญยืนหวังว่าจะได้ท�ำงานพัฒนาสังคมเพ่ือกลุ่มชาติพันธุ์มลาบรี ในหมู่บ้านบุญยนื อ.รอ้ งกวาง จ.แพร่ ตอ่ ไปเรื่อยๆ เพอื่ ตอบแทนบญุ คณุ แผน่ ดิน ไทยและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ตอบแทนแผ่นดินที่ให้ท่ีพักพิงแก่ครอบครัวสุขเสน่ห์ นายบุญ ยืนตั้งใจประกอบสัมมาอาชีพในประเทศไทยต่อไปและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัว ในประเทศไทย กรณีนายยอดรัก หรือนายกิน ลู (นามสมมุติ) 42 “ผมมาจากดอยไตแลง บวชเป็นเณร ตอ่ มาบวชเป็นพระ ออกธดุ งค์ มาเรอ่ื ย จนมาอยู่แมฮ่ ่องสอน กส็ กึ ออกมาใช้ชวี ติ ฆราวาส ผมอยกู่ นิ กบั ภรรยาทเ่ี ปน็ คนไทย ใหภ้ รรยาเปน็ นายจา้ ง เพอื่ จะไดม้ บี ตั รอะไร สกั ใบ เราวางแผนจะมลี ูกดว้ ยกนั ” นายยอดรกั เกดิ เมอ่ื วนั ที่ 22 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ.2522 ในเมยี นมา มชี าตพิ นั ธ์ุ ไทยใหญ่ แตด่ ว้ ยเหตทุ บี่ า้ นยากจน และครอบครวั เกรงวา่ บตุ รชายจะถกู จบั ไปเกณฑ์ เป็นทหารและถูกใช้แรงงานจึงให้นายยอดรักบวชเณรเพ่ือเรียนหนังสือและเม่ือ ประมาณ พ.ศ.2538 ได้เดนิ เท้าเข้ามาอาศัยกบั พระอาจารยท์ ่ีอำ� เภอเมือง จังหวดั แม่ฮอ่ งสอนตัง้ แตอ่ ายปุ ระมาณ 16-17 ปี หลงั บวชเรียนไดไ้ ม่นานนายยอดรกั ก็สกึ ออกมาทำ� งานรบั จา้ งและพบรกั กบั สาวไทย ทงั้ คตู่ ั้งใจใชช้ ีวติ คู่ดว้ ยกนั แต่นายยอด รกั ไมม่ เี อกสารแสดงตนใดๆ จากเมยี นมาจงึ ได้ดำ� เนนิ การข้ึนทะเบียนแรงงานและ เพมิ่ ชอ่ื ในทะเบยี นประวตั ขิ องบคุ คลตา่ งดา้ วทไี่ ดร้ บั อนญุ าตใหอ้ ยใู่ นราชอาณาจกั ร เปน็ กรณีพิเศษ (ท.ร.38/1)43 มีเลขประจำ� ตัวประชาชน 13 หลกั ขน้ึ ตน้ ดว้ ย “0” 42 ข้อมลู จากการรวบรวมขอ้ เท็จจรงิ ระหว่าง ปี พ.ศ.2553-2554 โดยเป็นกรณศี กึ ษาภายใต้ โครงการคลินิกกฎหมายนเรศวรเพ่ือสทิ ธมิ นษุ ยชน คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร 43 เปน็ ไปตามมาตรา 38 วรรคสองของพระราชบญั ญตั ิการทะเบยี นราษฎร พ.ศ.2534 ซึ่งแกไ้ ข เพ่ิมเติมโดย พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 ประกอบกับกฎ กระทรวงก�ำหนดให้คนซ่ึงไม่มีสัญชาติไทยปฏิบัติเก่ียวกับการทะเบียนราษฎรและก�ำหนด อตั ราคา่ ธรรมเนยี ม พ.ศ. 2551 และระเบยี บสำ� นกั ทะเบยี นกลางวา่ ดว้ ยการจดั ทำ� บตั รประจำ� 150 วารสารนติ ิสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ปที ี่ 9 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2559)

โดยตน้ ปี พ.ศ.2553 นายยอดรกั ไดเ้ ขา้ ส่กู ระบวนการพสิ จู นส์ ัญชาติเมยี นมา ภาย หลงั ผา่ นการพสิ จู นส์ ญั ชาตแิ ลว้ รฐั ไทยไดจ้ ำ� หนา่ ยเลขประจำ� ตวั ดงั กลา่ ว และไดน้ าย ยอดรักได้เดินทางกลับมาประเทศไทยโดยถือหนังสือเดินทางเมียนมาและมีใบ อนุญาตท�ำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในปลายปี พ.ศ.2553 นายยอดรักได้ ดำ� เนนิ การเพม่ิ ชอ่ื ในทะเบยี นบา้ นคนอยชู่ วั่ คราว ท.ร.13 และไดร้ บั การกำ� หนดเลข ประจำ� ตัวประชาชน 13 หลกั ขึน้ ตน้ ดว้ ย “6” 44 นายยอดรกั จึงท�ำงานและอาศัย ตั้งถ่ินฐานอยู่กับภรรยาและบุตรสัญชาติไทยในประเทศไทยต่อเนื่องมาจนถึง ปัจจบุ นั และไมไ่ ดก้ ลับไปเมยี นมาอกี เลย จงึ สรปุ ไดว้ า่ นายยอดรกั มสี ถานะเปน็ คนตา่ งดา้ วซง่ึ ไมป่ ระสบปญั หาความ ไร้รัฐไร้สัญชาติแต่สัญชาติที่มีนั้นกลับไม่เอ้ือประโยชน์ในชีวิตประจำ� วันย่อมตกอยู่ ในสภาวะ “เสมอื นไร้สญั ชาต”ิ เช่นเดยี วกับนายบุญยนื นายยอดรกั หวงั วา่ จะทำ� งานเกบ็ เงนิ เสรา้ งฐานะกบั ครอบครวั ใหแ้ กภ่ รรยา และบตุ รซง่ึ เปน็ คนสญั ชาตไิ ทยในประเทศไทยเพราะเขาไมเ่ หลอื บา้ นและทรพั ยส์ นิ ใดๆ ในเมียนมาแล้ว กรณีนางสาวราณี (นามสมมุติ) 45 “หนเู ขา้ มาไทยตงั้ แตเ่ ดก็ เดนิ มากบั พอ่ กบั แมแ่ ละพี่ หนเู กดิ ในทโี่ นน่ หนเู พงิ่ มบี ตั รประชาชนของทโี่ นน่ ไปทำ� ตอนทเ่ี คา้ ไปกนั เยอะๆ กอ่ น เลือกตงั้ คะ่ ตอนน้นั แคค่ ดิ วา่ เคา้ ท�ำใหฟ้ รีๆ กเ็ อา อยา่ งน้อยกม็ ีบัตร ตวั ของคนซงึ่ ไมม่ ีสญั ชาตไิ ทย พ.ศ. 2551 44 อัจฉรา สุทธิสุนทรินทร์, คนสองทะเบียนราษฎร กรณีแรงงานต่างด้าว: จุดเร่ิมต้นของ การเชือ่ มฐานขอ้ มูลประเทศต้นทางกบั ประเทศไทย, รายงานสถานการณด์ า้ นสถานะบุคคล และสิทธิของคนไร้รัฐ/ไร้สัญชาติประจ�ำปี 2553 โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาเพื่อเฝ้าระวัง สภาวะไร้รฐั , 2553. หน้า 15-19 . 45 ข้อมูลจากการรวบรวมข้อเท็จจริงระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม พ.ศ.2559 โดยเป็น กรณีศึกษาภายใต้โครงการคลินิกกฎหมายนเรศวรเพื่อสิทธิมนุษยชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลยั นเรศวร เข้านอก ออกใน 151

สักใบ แตห่ นูไมเ่ คยคดิ จะกลบั ไปทีโ่ นน่ หนูอยากอยทู่ ่ีนี่ อยากอยกู่ บั ครอบครัว อยากเรียน อยากท�ำงานทนี่ ่ี ” นางสาวราณี เกิดเมื่อวันท่ี 3 กันยายน พ.ศ.2536 ที่ต�ำบลเต่งสะแยะ อำ� เภอจ้ายโท จังหวดั มอญ ประเทศสหภาพเมยี นมา เม่อื พ.ศ.2548 ไดอ้ พยพโดย เดินเท้าเข้ามาอาศัยในประเทศไทยพร้อมกับครอบครัวเนื่องจากท่ีบ้านยากจน ประสบปัญหาเศรษฐกิจมารดาและบิดาจึงพาบุตร 3 คน เดินเท้าเข้ามาท�ำงาน รบั จา้ งในประเทศไทยโดยเขา้ มาอาศยั ณ ตำ� บลทา่ สายลวด อำ� เภอแมส่ อด จงั หวดั ตาก และตอ่ มาไดเ้ ขา้ เรยี นในโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ไดร้ บั การสำ� รวจและจดั ท�ำทะเบียนประวัติบุคคลท่ีไม่มีสถานะทางทะเบียน (ท.ร.38ก) มีเลขประจ�ำตัว ประชาชน 13 หลกั ขนึ้ ตน้ ดว้ ย “0” และเพง่ิ มบี ตั รประชาชนเมยี นมา ปจั จบุ นั นาง สาวราณกี ำ� ลงั ศกึ ษาระดบั อดุ มศกึ ษาไดใ้ นคณะมนษุ ยศาสตร์ หลกั สตู รศลิ ปศาสตร บณั ฑติ สาขาวชิ าพมา่ ศกึ ษา ในมหาวทิ ยาลยั ของรฐั แหง่ หนงึ่ ในแถบภาคเหนอื ตอน ล่าง โดยไดร้ ับการสนบั สนนุ การศกึ ษาจากภาคเอกชน นางสาวราณคี าดวา่ หากจบ การศกึ ษาแลว้ จะหางานทำ� และใชช้ วี ติ ตงั้ บา้ นเรอื นในประเทศไทย ไมค่ ดิ จะกลบั ไป เมยี นมา หลงั จากมารดาทำ� บตั รประชาชนเมยี นมาให้ นางสาวราณกี ไ็ มเ่ คยกลบั ไป ใชส้ ทิ ธใิ ดๆ ในสถานะคนสัญชาติเมียนมาแม้จะมีบัตรประชาชนเมยี นมากต็ าม กลา่ วไดว้ า่ นางสาวราณมี สี ถานะเปน็ คนตา่ งดา้ วซง่ึ ไมป่ ระสบปญั หาความ ไร้รัฐไร้สัญชาติ แม้จะมีรัฐเจ้าของสัญชาติแต่ไม่เคยใช้สิทธิใดๆ ในสถานะคนชาติ สัญชาติท่ีมีจึงไม่เอื้อประโยชน์ในการด�ำเนินชีวิตประจ�ำวัน ดังนั้นนางสาวราณีจึง อยใู่ นสภาวะ “เสมอื นไร้สัญชาติ” เช่นเดยี วกับนายบญุ ยนื และนายยอดรกั นางสาวราณีหวังว่าจะต้ังใจเรียนให้จบปริญญาตรีในประเทศไทยและ หางานดีๆ ท�ำเพ่ือเลี้ยงดูบิดามารดาและหวังว่าจะได้มีโอกาสตอบแทนบุญคุณ แผ่นดนิ ไทยทใ่ี ห้ตนเองและครอบครัวได้อาศัยมาจนถงึ ทุกวันนี้ จากหกกรณีศึกษาที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่ามีปัจจัยอย่างน้อย 4 ประการ ซงึ่ สง่ ผลใหเ้ กดิ การเคลอื่ นยา้ ยขา้ มแดนของ “คนตา่ งดา้ ว” หรอื “คนนอก” 152 วารสารนิติสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ ปีท่ี 9 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2559)

เพอื่ เขา้ มาในประเทศไทย กล่าวคอื ประการแรก ปจั จยั ทางเศรษฐกจิ เนอื่ งจากสภาพเศรษฐกจิ ตกตำ�่ ไมม่ งี าน ท�ำ จงึ จ�ำเปน็ ต้องอพยพมาหางานท�ำในประเทศไทย เชน่ กรณนี างสนั ที หรือนาง แสนถี, กรณนี ายกอบรี ามัด และกรณคี รอบครัวนางสาวราณี ประการทสี่ อง ปจั จยั ทางการเมอื งการปกครอง เนอ่ื งจากเปน็ กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ หรอื ชนกลมุ่ นอ้ ยทนี่ บั ถอื ศาสนาอสิ ลามซงึ่ มคี วามขดั แยง้ ทางการเมอื งการปกครอง กบั รัฐบาลเมียนมา เช่น กรณีครอบครัวนาง อายนุ ามเทพ กลุม่ ชาตพิ นั ธ์กุ ะเหรี่ยง, กรณนี ายอดรัก กลุ่มไทใหญ่ และ กรณนี ายกอบรี ามดั กลุ่มมุสลิมในรัฐอาระกนั ประการที่สาม ปัจจัยทางสังคม เนื่องจากต้องการเข้ามาเผยแพร่ศาสนา และใหค้ วามรดู้ า้ นการศกึ ษาและการประกอบอาชพี แกช่ นกลมุ่ นอ้ ยในประเทศไทย เชน่ กรณีนายบุญยนื สขุ เสนห่ ์ ซ่ึงเขา้ มาในช่วงแรกเพอ่ื เผยแพร่ศาสนาครสิ ต์ และ ต่อมาไดพ้ ัฒนางานใหค้ วามชว่ ยเหลอื ทางด้านสังคมอ่นื ๆ แก่กลมุ่ ชาตพิ ันธุม์ ลาบรี ประการสดุ ท้าย ปัจจัยดา้ นความปลอดภยั ในชวี ติ และทรัพย์สิน เนื่องจากเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ หรือชนกลุ่มน้อยท่ีนับถือศาสนาอิสลามใน เมยี นมาจงึ ไดร้ บั ผลกระทบตอ่ ชวี ติ และทรพั ยส์ นิ จากความขดั แยง้ ทางการเมอื งการ ปกครองภายในประเทศเมยี นมา เชน่ กรณนี างสนั ที ชาตพิ นั ธม์ุ อญ , กรณนี างอายุ นามเทพ ชาตพิ ันธ์ุกะเหร่ียง, กรณนี ายยอดรกั ชาติพันธุ์ ไทใหญ่ และกรณนี ายก อบีรามดั กลุ่มมสุ ลมิ ในรัฐอาระกัน 2. เมืองไทยคือบ้าน จากกรณีศึกษาท่ีกล่าวมาตอนต้นทุกคนล้วนมีจุดเกาะเก่ียวภายหลัง การเกิดกับรัฐไทยเพราะมีการอพยพย้ายถ่ินฐานเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย มีการก่อต้ังบ้านเรือนในประเทศไทย ก่อต้ังครอบครัวกับคนสัญชาติไทย เขา้ นอก ออกใน 153

ในประเทศไทย โดยสามารถจ�ำแนกไดเ้ ปน็ 2 กล่มุ ดังน้ี กลุม่ แรก คนตา่ งดา้ วท่มี ีภูมิลำ� เนาตามกฎหมายเอกชน46 ในประเทศไทย เท่านั้น ไดแ้ ก่ นางสันที นางอายุ และ นางสาวราณี กลมุ่ ทส่ี อง คนตา่ งดา้ วทมี่ ภี มู ลิ ำ� เนาตามกฎหมายเอกชนและตามกฎหมาย มหาชน47 ในประเทศไทย ไดแ้ ก่ นายกอบีรามัด นายบุญยืน นายยอดรัก ประเทศไทยจึงเปรียบเสมือน “บ้าน” ให้คนต่างด้าวเหล่านี้ได้พักพิง เปน็ ทพ่ี ง่ึ ในยามทกุ ข์ เปน็ แผน่ ดนิ ใหพ้ วกเคา้ ไดร้ ว่ มแบง่ ปนั ความสขุ ทงั้ ทางกายและ ใจกับครอบครัวได้โดยสงบและปลอดภัย ภายใต้แผ่นดินที่ปกครองโดยพระบาท สมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช จงึ ไมน่ า่ แปลกใจทท่ี กุ คนตา่ งคดิ วา่ “ทนี่ ่ี คือบ้านหลงั ท่ีสอง” ทหี่ วังจะอาศยั อยู่ไปตราบจนวันสดุ ท้ายในชวี ติ 2.1 ทำ� ไมต้องไทย? เม่ือถามว่าท�ำไมจึงเลือกท่ีจะมาอยู่ในประเทศไทย นางสันที, นางอายุ, นายกอบรี ามดั และ นายยอดรกั ตา่ งตอบไปในทางเดยี วกนั วา่ เปน็ เพราะเมอื งไทย ไมม่ กี ารสรู้ บ มาอยแู่ ลว้ ไมถ่ กู กดขขี่ ม่ เหงรงั แก ไมถ่ กู ทำ� รา้ ย ไมถ่ กู รดี ไถทรพั ยส์ นิ มี งานใหท้ ำ� สามารถใชช้ วี ติ อยา่ งเปน็ ปกติ มอี าหารใหก้ นิ และมที ใ่ี หอ้ ยอู่ าศยั ไดอ้ ยา่ ง ปลอดภยั ในขณะทคี่ นหนมุ่ สาวอยา่ งนางสาวราณ4ี 8 บอกวา่ แมต้ อนเขา้ มาจะไมร่ เู้ รอ่ื ง แต่ถ้าถามตอนน้ีก็เลือกจะอยู่ที่น่ี เพราะโตที่นี่ เรียนที่น่ี คิดว่าที่น่ีเป็นบ้าน และ ไม่เคยไปอยู่เมยี นมาเลย ถา้ ให้กลับไปอย่เู มยี นมาคงอย่ไู มไ่ ด้อยา่ งแน่นอน 46 มาตรา 37 แหง่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัตวิ า่ “ภมู ิล�ำเนาของบุคคลธรรมดา ได้แกถ่ ิน่ อนั บคุ คลนั้นมสี ถานทอ่ี ยเู่ ปน็ แหลง่ ส�ำคัญ” 47 มาตรา 29 แหง่ พระราชบัญญัติการทะเบยี นราษฎร พ.ศ.2534 บญั ญตั ิว่า “ผ้ใู ดมชี อื่ อยใู่ น ทะเบยี นบ้านใดให้สนั นิษฐานไว้กอ่ นวา่ ผู้นน้ั อยูแ่ ละมีภูมลิ �ำเนาอยู่ ณ ท่ีนั้น” 48 จากการสมั ภาษณน์ างสาวราณีเมอื่ วันท่ี 26 กรกฎาคม 2559 154 วารสารนิตสิ งั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ปที ่ี 9 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2559)

ส่วนนายบุญยืน บอกว่าเพราะแผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินที่สงบ น่าอยู่ คน ไทยมีจิตใจเอือ้ เฟ้ือโอบอ้อมอารี รกั และช่วยเหลอื พึง่ พากันแบบพี่น้อง มีพระมหา กษตั รยิ เ์ ปน็ แหลง่ รวมจติ ใจ จงึ รสู้ กึ ผกู พนั และรสู้ กึ รกั ประเทศไทย รกั พระเจา้ อยหู่ วั รักพระราชินีเหมือนกบั คนไทยคนอืน่ ๆ49 2.2 ความกลมกลืนกับสังคมไทย เม่ือถามว่าท้ังหกชีวิตคิดว่าตนมีความเป็นไทยหรือไม่ ทุกคนเห็นพ้องกัน ว่าถึงแม้ว่าตนเองจะไม่ได้มบี พุ การเี ปน็ คนสญั ชาตไิ ทย แมว้ า่ ตัวเองจะไม่ไดเ้ กดิ ใน ประเทศไทย แต่มคี วามกลมกลืนกบั สงั คมไทย เพราะ (1) สามารถฟัง พดู อา่ น และเขียนภาษาไทยได้ (ทุกคนสามารถฟัง พดู อ่าน และเขยี นภาษาไทยได้ ยกเว้น นางสันทีซงึ่ อ่านและเขยี นภาษา ไทยไมไ่ ด้) (2) มีครอบครัวเป็นคนไทย เช่น นางสันทีมีบุตรและหลานสัญชาติไทย นางอายุมีสามีและบุตรสญั ชาติไทย นายบญุ ยนื และนายกอบรี ามัดมี บุตรสญั ชาตไิ ทย นายยอดรักมภี รรยาและบุตรสญั ชาติไทย เป็นตน้ (3) เขา้ มาอาศยั เตบิ โต หรอื ใชช้ วี ติ อยใู่ นประเทศไทยมากกวา่ 10 ปี เชน่ นางอายุ นามเทพ เข้ามาในประเทศไทยตง้ั แต่ พ.ศ.2502, นางสนั ที เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2505, นายกอบีรามัด เข้ามาใน ประเทศไทยตง้ั แต่ พ.ศ.2514, นายบญุ ยนื เขา้ มาในประเทศไทยตงั้ แต่ พ.ศ.2521, นายยอดรกั เขา้ มาอาศยั ในประเทศไทยตง้ั แต่ พ.ศ.2538, และ นางสาวราณี เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2548 (4) ท�ำงาน มที รัพยส์ นิ และต้ังบา้ นเรอื นอยู่ในประเทศไทย เช่น นางสัน ที นางอายุ นายบญุ ยืน นายยอดรกั นายกอบีรามดั เป็นต้น 49 อา้ งแล้ว (เชงิ อรรถท่ี 37) เขา้ นอก ออกใน 155

(5) ได้รับการศึกษาในสถาบันการศึกษาในประเทศไทยมาโดยตลอด เช่น นายยอดรกั และนางสาวราณี (6) ทุกคนเลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษตั ริย์เปน็ ประมุข (7) ทุกคนเคารพรักในพระมหากษัตริย์ไทย รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ ทกุ พระองค์ ในฐานะศูนย์รวมจิตใจของคนในประเทศไทย 3. ความหวัง-ความฝันของคนชายขอบ นางสันทีหวังว่า: จะได้แปลงสัญชาติเป็นไทย ได้ใช้ชีวิตบั้นปลายร่วมกับ ลูกๆ และหลานๆ ในประเทศไทย ได้มสี ทิ ธิในเบี้ยยงั ชีพผพู้ กิ าร และเบี้ยยงั ชพี ผูส้ งู อายุ พอจะเลี้ยงชีพของตนได้โดยไม่สร้างความล�ำบากให้ลูกหลาน และหากมี สญั ชาติไทยแล้วอยากจะไปใช้สิทธิเลือกเหมอื นคนไทยคนอืน่ ๆ 50 นางอายหุ วงั วา่ : คำ� รอ้ งขอแปลงสญั ชาตเิ ปน็ ไทยในฐานะผทู้ ำ� คณุ ประโยชน์ ให้ประเทศไทยจะได้รับการอนุมัติ เธอหวังว่าจะมีอิสระ (ปราศจากปลอกคอ) ในการเดินทาง ไม่ต้องขออนุญาตออกนอกพื้นที่ทุกคร้ังเม่ือต้องเดินทางไปต่าง จังหวดั หรือต้องเดนิ ทางออกนอกประเทศไทย 51 นายกอบีรามัดหวังว่า: ค�ำร้องขอแปลงสัญชาติเป็นไทยจะได้รับการ พิจารณา เขาจะยื่นคำ� รอ้ งขอแปลงสญั ชาติเป็นไทยในฐานะชนกลุ่มนอ้ ยอีกคร้ังใน ปี 2560 เมื่อเขามอี ายุครบ 65 ปี บรบิ ูรณ์ นอกจากนเี้ ขาหวังทจี่ ะเดินทางไปประ กอบพธิ ีฮัจจ์ ท่นี ครเมกะ ประเทศซาอุดอิ าระเบีย สักคร้ังในชวี ติ นอกจากนเ้ี ขามี ความสนใจเกย่ี วกบั การเมอื งการปกครอง หากมสี ญั ชาตไิ ทยแลว้ อยากใชส้ ทิ ธเิ ลอื ก 50 จากการสมั ภาษณน์ างสันทที างโทรศพั ท์เมอื่ วนั ท่ี 26 กรกฎาคม 2559 51 อายุ นามเทพ. กรณีศึกษา อายุ นามเทพ http://www.isranews.org/isra-news/ item/50545-newag_32954.html (สบื คน้ เม่ือ 5 พฤศจิกายน 2559) 156 วารสารนิติสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ปีท่ี 9 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2559)

ตัง้ เหมอื นคนไทยอ่ืนๆด้วย 52 นายบุญยืนหวงั วา่ : ค�ำขอแปลงสญั ชาติเป็นไทยซึง่ ย่นื ไปหลายปีแลว้ จะได้ รบั การพจิ ารณา เขาอยากมสี ญั ชาตไิ ทย อยากใชส้ ทิ ธเิ ลอื กตง้ั เหมอื นบตุ รสาว(ฟอง จันทร์ สขุ เสนห่ )์ 53 นายยอดรกั หวงั วา่ : ถา้ มโี อกาสอยากจะแปลงสญั ชาตเิ ปน็ ไทย อยากอาศยั อยกู่ ับภรรยาและลกู ในประเทศไทยตลอดไป54 นางสาวราณีหวังว่า: จะต้ังใจเรียนให้จบปริญญาตรีในประเทศไทย ถ้ามี โอกาสอยากจะแปลงสญั ชาตเิ ปน็ ไทย เพราะตอนนต้ี อ้ งรบั ภาระคา่ เลา่ เรยี นจำ� นวน มาก ถา้ มีสัญชาตไิ ทยจะได้มสี ทิ ธิกยู้ มื เงนิ กยศ. หากเรยี นจบแล้วจะหางานดๆี ทำ� ในประเทศไทยอยากทำ� งานรับราชการ และหวังว่าจะไดม้ โี อกาสตอบแทนบุญคณุ แผน่ ดินไทยท่ใี ห้ตนเองและครอบครัวไดอ้ าศัยมาจนถึงทกุ วันนี้ 55 กลา่ วโดยสรปุ ไดว้ า่ คนตา่ งดา้ ว หรอื “คนนอก” เหลา่ นไ้ี ดแ้ ตห่ วงั วา่ สกั วนั จะมสี ถานะ “คนสัญชาติไทย” มโี อกาสไดแ้ ปลงสญั ชาตเิ ปน็ ไทย อนั น�ำมาซ่งึ สิทธิ ตา่ งๆ ในสถานะคนชาติ ได้แก่ สทิ ธใิ นสวสั ดิการของรัฐตา่ งๆ (เชน่ เบ้ยี ยังชีพคน ชรา เบ้ียยงั ชีพผู้พกิ าร เป็นตน้ ) สทิ ธกิ ยู้ มื เงนิ จากกองทุนใหก้ ูย้ มื เงนิ เพอ่ื การศกึ ษา (กยศ.) สทิ ธใิ นการรับราชการ สิทธิในการมสี ่วนร่วมทางการเมืองการปกครองทง้ั ระดับท้องถ่ินและระดับประเทศ 52 จากการสัมภาษณ์นายกอบีรามัดเม่ือวันที่ 4 กันยายน 2559 ณ บ้านพักในตลาดแม่สอด ต.แมส่ อด อ.แม่สอด จ.ตาก 53 อา้ งแล้ว (เชงิ อรรถที่ 38) 54 อ้างแลว้ (เชิงอรรถที่ 42) 55 อา้ งแลว้ (เชิงอรรถที่ 48) เข้านอก ออกใน 157

4. กระจกสะทอ้ นความจรงิ ของคนชายขอบ ความหวังและความฝันของคนชายขอบเหล่าน้ี ถูกสะท้อนความเป็นจริง ผา่ นกระจกบานใหญท่ เี่ รยี กวา่ “กฎหมายและนโยบายของรฐั ไทย” จากการศกึ ษา พบว่าคนชายขอบซ่ึงเปน็ “คนนอก” ไมไ่ ดเ้ กิดในประเทศไทยและมีจดุ เกาะเกี่ยว กับรัฐไทยเข้มข้นมีสิทธิในสัญชาติไทยภายหลังการเกิดโดยการแสดงเจตนา ซง่ึ สามารถแสดงเจตนาได้ 2 ลกั ษณะ56 คอื (1) โดยการสมรส เชน่ กรณหี ญงิ ตา่ งดา้ ว ขอมีสัญชาติไทยโดยการสมรสกับชายไทย57 และ (2) โดยการแปลงสัญชาติ โดยย่ืนค�ำขอแปลงสัญชาติให้ตนเอง หรือบุคคลซ่ึงอยู่ในความดูแลของตน เช่น บุตรผู้เยาว์ ขอแปลงสัญชาติในฐานะภริยา หรือ สามีของบุคคลซึ่งแปลงสัญชาติ เป็นไทย หรือกลับคืนสัญชาติไทย58 ผู้อนุบาลย่ืนขอแปลงสัญชาติให้แก่บุคคล ไร้ความสามารถ ผู้อ�ำนวยการสถานสงเคราะห์ขอแปลงสัญชาติให้แก่ผู้เยาว์ ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ หรือผู้รับบุตรบุญธรรมขอแปลงสัญชาติให้แก่ บตุ รบญุ ธรรม59 60 เปน็ ต้น 56 พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร. ค�ำอธิบายกฎหมายสัญชาติไทย. พิมพ์คร้ังท่ี 4,กรุงเทพฯ:วญิ ญูชน,2548 .หนา้ 98-130. 57 เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 9 ประกอบกับ มาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 58 เปน็ ไปตามบทบญั ญตั มิ าตรา 10 ประกอบกบั มาตรา 11 และ มาตรา 12 แหง่ พระราชบญั ญตั ิ สญั ชาติ พ.ศ.2508 ซง่ึ ถกู แกไ้ ขและเพมิ่ เตมิ โดย พระราชบญั ญตั สิ ญั ชาต(ิ ฉบบั ที่ 4) พ.ศ.2551 59 เปน็ ไปตามบทบญั ญตั มิ าตรา 12/1 ประกอบกบั มาตรา 10 แหง่ พระราชบญั ญตั สิ ญั ชาติ พ.ศ. 2508 ซึง่ ถูกแกไ้ ขและเพมิ่ เติมโดย พระราชบัญญัติสัญชาติ(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551 60 สำ� หรับคนต่างดา้ วซึง่ เปน็ ชนกลมุ่ นอ้ ยทีเ่ ปน็ คนไร้ ความสามารถ ผเู้ ยาวซ์ ง่ึ อยู่ในความดูแล ของสถานสงเคราะหข์ องรฐั ตามทร่ี ัฐมนตรกี ําหนด หรือบุตรบญุ ธรรมท่ียังไมบ่ รรลุนิตภิ าวะ ด�ำเนนิ การยืน่ ค�ำขอตามขอ้ 3/1 แหง่ กฎกระทรวง กาํ หนดแบบ วิธีการ และคา่ ธรรมเนียม ในการยื่นคําขอเก่ียวกับการได้สัญชาติไทย การแปลงสัญชาติเป็นไทย และการกลับคืน สัญชาติไทยสําหรับคนต่างด้าวซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2555 ลงวันที่ 16 พฤศจกิ ายน 2555 ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเลม่ 129 ตอนท่ี 116 ก เมอื่ วนั ท่ี 11 ธนั วาคม 2555 158 วารสารนิติสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ปที ี่ 9 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2559)

ภายใตก้ ฎหมายสญั ชาตฉิ บบั ทม่ี ผี ลบงั คบั ใชใ้ นปจั จบุ นั คอื พระราชบญั ญตั ิ สญั ชาติ พ.ศ.2508 ซง่ึ ถูกแก้ไขและเพ่ิมเติมโดย พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบบั ที่ 2 และ 3) พ.ศ.2535 ตลอดจนพระราชบญั ญตั ิสญั ชาติ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ.2551 และ โดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2555 ได้วางหลักการในการแสดง เจตนาเพอ่ื ขอสญั ชาตไิ ทยและขอแปลงสญั ชาตไิ ว้ ดังนี้ (1) การแสดงเจตนาขอมสี ญั ชาติไทยโดยการสมรส “มาตรา 9 หญิงซ่ึงเป็นคนต่างด้าวและได้สมรสกับผู้มีสัญชาติไทย ถ้าประสงค์จะได้สัญชาติไทยให้ยื่นค�ำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม แบบและวธิ ีการที่กำ� หนดในกฎกระทรวง61 การอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ได้สัญชาติไทยอยู่ในดุลยพินิจของ รฐั มนตร”ี นางอายุ เป็นคนต่างด้าวทีเ่ คยสมรสกบั ชายไทย แตส่ ามเี สียชีวติ ก่อนทจ่ี ะ ด�ำเนินการขอสัญชาติไทยโดยการสมรส จึงไมส่ ามารถใช้ชอ่ งทางนไ้ี ด้ สว่ นนางสนั ที มีสามีเป็นคนชาติพันธ์ุมอญ จงึ ขอสัญชาติไทยโดยชอ่ งทางนี้ไมไ่ ด้เชน่ เดยี วกัน (2) การแสดงเจตนาขอมสี ัญชาติไทยโดยการขอแปลงสัญชาติ คนต่างด้าวสามารถแสดงเจตนาขอแปลงสัญชาติเป็นไทยได้เม่ือตนบรรลุ นติ ภิ าวะแลว้ ตามกฎหมายไทยและกฎหมายทบ่ี คุ คลนนั้ มสี ญั ชาต,ิ มคี วามประพฤติ ด,ี มอี าชพี เปน็ หลกั ฐาน, มภี มู ลิ ำ� เนาตอ่ เนอ่ื งมาจนถงึ วนั ยน่ื คำ� ขอแปลงสญั ชาตเิ ปน็ ไทยไม่น้อยกว่า 5 ปี และต้องพูดและฟังภาษาไทยได้มีความรู้ภาษาไทยตามที่ 61 กรณหี ญงิ ตา่ งดา้ วซง่ึ เปน็ ชนกลมุ่ นอ้ ย ดำ� เนนิ การยน่ื คำ� ขอตามขอ้ 2 แหง่ กฎกระทรวงกำ� หนด แบบ วธิ กี าร และคา่ ธรรมเนยี มในการยน่ื คำ� ขอเกย่ี วกบั การไดส้ ญั ชาตไิ ทย การแปลงสญั ชาติ เป็นไทย และการกลบั คืนสัญชาตไิ ทยส�ำหรับคนต่างดา้ วซึง่ เปน็ ชนกลมุ่ น้อย พ.ศ.2545 ลง วันที่ 23 สิงหาคม 2545 ประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเล่ม 119 ตอนที่ 89 ก เมอื่ วนั ที่ 13 กนั ยายน 2545 เข้านอก ออกใน 159

กำ� หนดในกฎกระทรวง62 โดยยนื่ คำ� ขอแปลงสญั ชาตติ อ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทตี่ ามแบบ และวธิ กี ารท่ีกำ� หนดในกฎกระทรวง63 64 อย่างไรก็ดี หลักการดังกล่าวมีข้อยกเว้นส�ำหรับกรณีท่ีผู้ขอแปลงสัญชาติ เป็นผู้ท�ำความดีความชอบเป็นพิเศษหรือเป็นผู้ท�ำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทย หรอื เปน็ บตุ ร ภรยิ า สามขี องผซู้ ง่ึ ไดแ้ ปลงสญั ชาตเิ ปน็ ไทย หรอื เปน็ บตุ ร ภรยิ า สามี ของผู้ได้กลับคืนสัญชาติไทย หรือเปน็ บตุ ร ภรยิ า สามี ของผไู้ ด้เคยมสี ัญชาตไิ ทย มาก่อน หรือเป็นสามีของผู้มีสัญชาติไทย65 คนกลุ่มน้ีไม่จ�ำเป็นต้องมีภูมิล�ำเนาต่อ เนอ่ื งมาจนถงึ วนั ยนื่ คำ� ขอแปลงสญั ชาตเิ ปน็ ไทยไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปี และ ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ ง พูดและฟงั ภาษาไทยได้ นางอายุ เป็นคนหน่ึงที่ได้ย่ืนขอแปลงสัญชาติเป็นไทยในฐานะผู้ท�ำ คุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยโดยย่ืนค�ำขอไปหลายคร้ัง ค�ำขอนี้ไปถึงรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทยหลายสมยั แลว้ แต่อยู่ระหว่าง “รอการพิจารณา” นายบุญยืนก็ยื่นค�ำขอแปลงสัญชาติในฐานะผู้ท�ำคุณประโยชน์ให้แก่ ประเทศไทยเช่นเดียวกันแต่ถูกปฏิเสธด้วยเหตุไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ กฎหมายกำ� หนด 62 ตามมาตรา 10 แหง่ พระราชบญั ญตั สิ ญั ชาติ พ.ศ.2508 ประกอบกบั กฎกระทรวง(พ.ศ.2510) ลงวันท่ี 14 พฤษภาคม 2510 ออกตามความในพระราชบัญญตั สิ ัญชาติ พ.ศ.2508 ประกาศ ในราชกจิ จานุเบกษาฉบับพเิ ศษ เล่ม 84 ตอนท่ี 46 เมอื่ วนั ที่ 25 พฤษภาคม 2510 63 กรณคี นตา่ งดา้ วทวั่ ไป ยน่ื คำ� ขอตามขอ้ 3 แหง่ กฎกระทรวง (พ.ศ.2510) ลงวนั ที่ 14 พฤษภาคม 2510 ออกตามความในพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับพเิ ศษ เล่ม 84 ตอนท่ี 46 เม่อื วันที่ 25 พฤษภาคม 2510 64 กรณคี นตา่ งดา้ วซง่ึ เปน็ ชนกลมุ่ นอ้ ย ยนื่ คำ� ขอตามขอ้ 3 แหง่ กฎกระทรวงกำ� หนดแบบ วธิ กี าร และคา่ ธรรมเนยี มในการยนื่ คำ� ขอเกยี่ วกบั การไดส้ ญั ชาตไิ ทย การแปลงสญั ชาตเิ ปน็ ไทย และ การกลบั คนื สญั ชาตไิ ทยสำ� หรบั คนตา่ งดา้ วซงึ่ เปน็ ชนกลมุ่ นอ้ ย พ.ศ.2545 ลงวนั ที่ 23 สงิ หาคม 2545 ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเลม่ 119 ตอนท่ี 89 ก เม่ือวันที่ 13 กันยายน 2545 65 ตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญตั สิ ญั ชาติ พ.ศ.2508 ซง่ึ แก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญตั ิ สญั ชาติ (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ.2551 160 วารสารนิติสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ปีท่ี 9 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2559)

นายกอบรี ามดั เคยยนื่ คำ� ขอแปลงสญั ชาตกิ รณชี นกลมุ่ นอ้ ยในประเทศไทย แตถ่ กู ปฏเิ สธเนอ่ื งจากตดิ ขดั เรอ่ื งหลกั เกณฑร์ ายไดข้ องผขู้ อแปลงสญั ชาติ กลา่ วคอื นายกอบรี ามัดมีรายได้ก่อนหักภาษเี ฉลยี่ เดือนละไม่เกนิ 20,000 บาท ซึ่งเป็นการ ตคี วามกฎกระทรวงกำ� หนดแบบ วธิ กี าร และคา่ ธรรมเนยี มในการยนื่ คำ� ขอเกยี่ วกบั การไดส้ ญั ชาติไทย การแปลงสญั ชาตเิ ป็นไทย และการกลบั คนื สัญชาติไทยสำ� หรับ คนตา่ งด้าวซึ่งเป็นชนกลุ่มนอ้ ย พ.ศ.2545 ท่ีคลาดเคล่อื นไป ส�ำหรับนางสันที ยังไม่ได้ด�ำเนินการแปลงสัญชาติเพราะอยู่ระหว่างการ พสิ จู นส์ ทิ ธใิ นสถานะบคุ คลวา่ เคยไดร้ บั การบนั ทกึ ในทะเบยี นประวตั ผิ พู้ ลดั ถนิ่ จาก พมา่ หรอื ไม่ หากพสิ จู นส์ ทิ ธดิ งั กลา่ วเสรจ็ กจ็ ะตอ้ งดำ� เนนิ การขอแปลงสญั ชาตกิ รณี ชนกลมุ่ นอ้ ยในประเทศไทยโดยดำ� เนนิ การตามหลกั เกณฑท์ กี่ ฎหมายกำ� หนดตอ่ ไป กรณีนายยอดรัก บรรลุนิติภาวะแล้วท้ังตามกฎหมายไทยและกฎหมาย เมยี นมาจงึ สามารถแสดงเจตนาขอแปลงสญั ชาตเิ ปน็ ไทยดว้ ยตนเองตามหลกั เกณฑ์ และวธิ ีการท่กี ฎหมายก�ำหนดสำ� หรับกรณีคนต่างดา้ วทั่วไป กรณนี างสาวราณี เปน็ บคุ คลทไี่ ดร้ บั การสำ� รวจและจดั ทำ� ทะเบยี นประวตั ิ บคุ คลทไี่ มม่ สี ถานะทางทะเบยี น ในสถานะบคุ คลทก่ี ำ� ลงั ศกึ ษาในสถาบนั การศกึ ษา ในประเทศไทยเป็นบุคคลที่ควรได้รับการพัฒนาสถานะบุคคลเป็นคนต่างด้าวท่ีมี สิทธอิ าศัยถาวรตามยทุ ธศาสตร์การจดั การปญั หาสถานะและสิทธขิ องบุคคล ตาม มติคณะรฐั มนตรเี ม่ือวันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2548 และมติคณะรฐั มนตรเี มื่อวันท่ี 7 ธนั วาคม พ.ศ.2553 ซง่ึ มนี โยบายใหส้ ญั ชาตไิ ทยแกบ่ คุ คลซง่ึ จบการศกึ ษาในสถาน ศึกษาในประเทศไทยโดยการแสดงเจตนาแปลงสัญชาติเปน็ ไทย อยา่ งไรกด็ ี ตราบ ถงึ ปจั จบุ นั นยี้ งั ไมม่ กี ารออกหลกั เกณฑก์ ำ� หนดแบบ และวธิ กี ารในการยนื่ คำ� รอ้ งขอ แปลงสัญชาติเป็นไทยในกรณีดังกล่าวท�ำให้บุคคลซึ่งจบจากสถาบันการศึกษาใน ประเทศไทยยังไมส่ ามารถใช้สทิ ธิดังกล่าวได้ การได้สัญชาติไทยโดยการแสดงเจตนาท้ังกรณีการขอมีสัญชาติไทยโดย การสมรส และการขอแปลงสญั ชาตเิ ปน็ ไทย ท้ังสองกรณีทกี่ ล่าวมาขา้ งต้นจะมีผล เข้านอก ออกใน 161

เมอื่ ไดป้ ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษาและจะมผี ลเปน็ การเฉพาะตวั หลงั ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาแล้วพนักงานเจ้าหน้าท่ีจะออกหนังสือส�ำคัญการแปลงสัญชาติ เปน็ ไทยใหไ้ วแ้ กผ่ ไู้ ดส้ ญั ชาตไิ ทยเปน็ หลกั ฐาน บคุ คลกลมุ่ นจี้ ะไดร้ บั การกำ� หนดเลข ประจำ� ตวั ประชาชน 13 หลกั ขนึ้ ตน้ ดว้ ย “8” มสี ทิ ธหิ นา้ ทใี่ นสถานะบคุ คลสญั ชาติ ไทย เชน่ การมสี ว่ นรว่ มทางการเมอื ง กลา่ วคอื บคุ คลซง่ึ แปลงสญั ชาตมิ าไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปี สามารถใชส้ ทิ ธิเลอื กต้ังได้ การสมคั รเข้ารับราชการคร6ู 6 รวมถึงสทิ ธิอื่นๆ เท่า ท่ไี ม่ขัดกับกฎหมาย เน่อื งจากบางกรณกี ฎหมายกำ� หนดไว้เฉพาะส�ำหรับบุคคลที่มี สัญชาติไทยโดยการเกิดเท่านั้น เช่น การสมัครเข้ารับราชการต�ำรวจ67 การเปน็ ตุลาการศาลยตุ ธิ รรม68 เปน็ ตน้ 5. บทสรุป จากบทเรียนของหกชีวิตเป็นตัวแทนของอีกหลายพันหลายหมื่นชีวิตท่ี ปรากฏตัวในสังคมไทยพบว่ามีคนต่างด้าวจ�ำนวนไม่น้อยท่ีคาดหวังว่าสักวันจะมี สญั ชาตไิ ทย แตบ่ างครง้ั การมสี ทิ ธใิ นสญั ชาตไิ ทยกไ็ มใ่ ชค่ ำ� ตอบสดุ ทา้ ยของชวี ติ เสมอ ไป การมีคุณภาพชีวิตท่ีดีสามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ สามารถท�ำงานหา เลยี้ งตนเองและครอบครวั ได้ มที รพั ยส์ นิ มบี า้ นเรอื นใหอ้ ยอู่ าศยั และไดอ้ ยรู่ ว่ มกนั เป็นครอบครัวต่างหากเป็นส่ิงท่ีทุกคนปรารถนา โดยมีกฎหมายและนโยบายเป็น เคร่ืองมือ/กลไกในการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่างๆ จากภาครัฐ หากทุกชีวิต สามารถเขา้ ถงึ สทิ ธขิ นั้ พน้ื ฐานและบรกิ ารจากรฐั ไดต้ ามสถานะบคุ คลของแตล่ ะคน ตราบน้นั การมหี รอื ไมม่ สี ญั ชาตไิ ทยก็ไม่ใชป่ ัญหาหลักอกี ต่อไป 66 ตามมาตรา 30 แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 ซ่งึ แกไ้ ขเพิม่ เติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2551 และ (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2553 และพระราช บัญญัตสิ ภาครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 67 ตามมาตรา 48 พระราชบัญญตั ติ �ำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 68 ตามมาตรา 26 แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการฝา่ ยตลุ าการศาลยตุ ธิ รรม พ.ศ. 2543 162 วารสารนติ ิสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ปีท่ี 9 ฉบบั ที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2559)

บรรณานุกรม กฎหมายและนโยบายทเี่ กยี่ วขอ้ ง กฎกระทรวง (พ.ศ.2510) ออกตามความในพระราชบัญญตั ิสญั ชาติ พ.ศ.2508 กฎกระทรวงกำ� หนดแบบ วธิ กี าร และคา่ ธรรมเนยี มในการยน่ื คำ� ขอเกยี่ วกบั การได้ สญั ชาตไิ ทย การแปลงสญั ชาตเิ ปน็ ไทย และการกลบั คนื สญั ชาตไิ ทยสำ� หรบั คนต่างดา้ วซง่ึ เป็นชนกลุ่มนอ้ ย พ.ศ.2545 พระราชบัญญตั กิ ารทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 ซึ่งถูกแก้ไขและเพมิ่ เตมิ โดย พระ ราชบญั ญตั ิการทะเบียนราษฎร (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2551 พระราชบญั ญตั คิ นเขา้ เมอื ง พ.ศ.2522 ซง่ึ ถกู แกไ้ ขและเพม่ิ เตมิ โดย พระราชบญั ญตั ิ คนเข้าเมือง(ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2523 และพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง (ฉบับท่ี 2) พ.ศ.2542 พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 ซ่ึงถูกแก้ไขและเพ่ิมเติมโดย พระราชบัญญัติ สัญชาติ(ฉบับท่ี 2 และ 3) พ.ศ.2535 ตลอดจนพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบบั ท่ี 4) พ.ศ.2551 และพระราชบญั ญัติสัญชาต(ิ ฉบบั ที่ 5) พ.ศ.2555 วทิ ยานพิ นธ์ กิติวรญา รตั นมณ.ี (2552). คนตา่ งด้าวในทะเบยี นราษฎรไทย. วิทยานิพนธ์มหา บัณฑิต คณะนิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร.์ ดรณุ ี ไพศาลพาณิชย์กลุ . (2548). สิทธใิ นการมีเอกสารพิสจู น์ทราบตัวบุคคลใน รัฐไทย. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร.์ เข้านอก ออกใน 163

หนงั สือ พรพิมล ตรีโชติ. (2551). การต่างประเทศพม่า: ปฏิสัมพันธ์กับเพ่ือนบ้านและ ชนกลุ่มน้อย. หน่วยปฏิบัติการวิจัยแม่โขงศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . อัจฉรา สทุ ธิสนุ ทรนิ ทร.์ (2553). คนสองทะเบียนราษฎร กรณีแรงงานต่างดา้ ว: จุดเร่ิมต้นของการเชื่อมฐานข้อมูลประเทศต้นทางกับประเทศไทย, รายงานสถานการณด์ า้ นสถานะบคุ คลและสทิ ธขิ องคนไรร้ ฐั /ไรส้ ญั ชาติ ประจำ� ปี 2553. สถาบนั วจิ ัยและพัฒนาเพือ่ เฝา้ ระวงั สภาวะไรร้ ัฐ. ส่อื อเิ ล็กทรอนกิ ส์ กติ วิ รญา รตั นมณี. (2554). กรณีศกึ ษา: นางแสนถี (หรอื ป้าสนั ที) คนมอญไร้ สัญชาติจากทวาย ที่มีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทย. สืบค้นวันที่ 30 กรกฎาคม 2559, จาก https://www.gotoknow.org/posts/470819 ดรณุ ี ไพศาลพาณชิ ยก์ ลุ . (2552). หา้ คณู หก: สตู รคณู ความคดิ และปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื การพัฒนาสถานะบุคคลตามกฎหมายไทย. สืบค้นวันที่ 30 กรกฎาคม 2559, จาก http://www.archanwell.org/autopage/show_page. php?t=1&s_id=435&d_id=434 ________. (2554). บันทึกถึงระหว่างทางการเปล่ียนผ่านจากความไร้รัฐ ไร้ สญั ชาติ ของคนมอญอพยพสามรนุ่ ในรฐั ไทย. สบื คน้ วนั ท่ี 30 กรกฎาคม 2559, จาก https://www.gotoknow.org/posts/469711 ________. (2557). แนวคดิ ทางกฎหมายในการพสิ จู นแ์ ละพฒั นาสทิ ธใิ นสถานะ บุคคลตามกฎหมาย. วิทยานิพนธ์ดุษฎีบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. 164 วารสารนติ สิ งั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ปีที่ 9 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2559)

บญุ ยืน สุขเสนห่ .์ (2555). 30 ปี ในประเทศไทยของครอบครวั สุขเสน่ห์, . สืบค้น วันท่ี 30 กรกฎาคม 2559, จาก http://www.wungfon.com/index. php?option=com_content&view=article&id=783:2011-11-17- 18-03-09&catid=178:2011-07-05-02-33-10&Itemid=218 ปุณฑวชิ ญ์ ฉตั รมงคลชาต.ิ (2554). กรณศี กึ ษา: อายุ นามเทพ. สืบคน้ วนั ที่ 30 กรกฎาคม 2559, จาก https://www.gotoknow.org/posts/424605 พนั ธท์ุ พิ ย์ กาญจนะจติ รา สายสนุ ทร. (2547). ความเปน็ คนไรร้ ฐั และคนไรส้ ญั ชาติ ในประเทศไทย: คอื อะไร? และควรจัดการอย่างไร?, หนงั สือที่ระลึกวนั รพี 2547 ของคณะนติ ศิ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ สบื ค้นวันท่ี 30 กรกฎาคม 2559, จาก http://www.archanwell.org/office/down- load.php?id=402&file=376.pdf&fol=2 ________. (2548). ค�ำอธิบายกฎหมายสัญชาติไทย. (พิมพ์คร้ังที่. 4). กรุงเทพฯ:วญิ ญูชน. ________. (2550). คนท่ีมีสัญชาติต่างประเทศแต่สัญชาตินี้ไม่ก่อสุขภาวะอัน พึ่งมี จึงเป็นเสมือนคนไร้สัญชาติ สืบค้นวันท่ี 30 กรกฎาคม 2559, จาก https://www.gotoknow.org/posts/28786 ________. (2553). กรณอี าจารยอ์ ายุ นามเทพ. สบื คน้ วนั ที่ 30 กรกฎาคม 2559, จาก http://www.archanwell.org/autopage/show_page. php?t=2&s_id=55&d_id=56 (สบื คน้ เมื่อ 30 กรกฎาคม 2559) ________. (2554). รวมงานเขยี นเกยี่ วกบั กรณศี กึ ษาเดก็ ชายวษิ ณุ บญุ ชาและ ครอบครัว: คนไร้รัฐไร้สัญชาติแห่งสมุทรปราการ. สืบค้นวันที่ 30 กรกฎาคม 2559, จาก http://www.archanwell.org/autopage/ show_page.php?t=2&s_id=64&d_id=57 เข้านอก ออกใน 165

________. (2556). กรณีศึกษาครอบครัวสุขเสน่ห์.สืบค้นวันที่ 30 กรกฎาคม 2559, จาก https://www.gotoknow.org/posts/537195 อายุ นามเทพ. (2548). อายุ (โพ) นามเทพ: คนไร้รฐั และมนุษย์ล่องหน. สืบค้น วันที่ 30 กรกฎาคม 2559, จาก http://www.archanwell.org/ autopage/show_page.php?t=1&s_id=230&d_id=229 166 วารสารนติ สิ ังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ปีที่ 9 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2559)

บรรณานกุ รมไทยท่แี ปลเป็นภาษาองั กฤษ Thesis Paisanpanichkul, D. (2009). Right to identification paper in Thai state. LLM. Faculty of Law Thammasart University. (in Thai) Rattanamanee, K. (2009). Alien in Thai Civil Registration Law. LLM. Faculty of Law Thammasart University. (in Thai) Books Treechot, P. (2008). Myanmar’s foreign affairs with neighboring countries in ethnic minority context. Mekong Studies Center. Institute of Asian Studies Chulalongkorn University. (in Thai) Suthisoontarin, A. (2010). Migrant workers who registered more than one registration systems. Annual report of stateless and nationality-less personal legal status in Thailand. Stateless Watch. (in Thai) Electronic databases Chatmogcolchart, P. (2008). Case Study of Mrs. Ayu Namtep. Retrived July 30, 2016 from https://www.gotoknow.org/posts/424605 Namtep, A. (2005). Ayu Po Namtep: stateless and the invisible man. Retrived July 30, 2016 from http://www.archanwell.org/au- เข้านอก ออกใน 167

topage/show_page.php?t=1&s_id=230&d_id=229 (in Thai) Paisanpanichkul, D. (2009). 5x6: how to develop the right to personal status. Retrived July 30, 2016 from http://www. archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=435&d_ id=434 (in Thai) ________. (2011). Memory of three generation in Mon family who live in Thailand. Retrived July 30, 2016 from https://www. gotoknow.org/posts/469711 (in Thai) ________. (2014). Legal concept to verify and develop the right to personal status. Phd. Faculty of Law Thammasart University. (in Thai) Rattanamanee, K. (2011). Case Study of Mrs.Sandhi. Retrived July 30, 2016 from https://www.gotoknow.org/posts/470819 (in Thai) Saisoonthorn, P. (2004). Stateless and nationality-less in Thailand : how to manage?. Repee Journal. Faculty of Law Thammasart University. Retrived July 30, 2016 from http://www.archanwell. org/office/download.php?id=402&file=376.pdf&fol=2 (in Thai) ________. (2005). Commentary of nationality law. (4th Edition). Bangkok:Winyuchon. (in Thai) ________. (2007). Aliens who seem nationality-less people. Retrived July 30, 2016 from https://www.gotoknow.org/posts/28786 (in Thai) 168 วารสารนติ สิ งั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปีท่ี 9 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2559)

________. (2010). Case Study of Mrs. Ayu Namtep. Retrived July 30, 2016 from http://www.archanwell.org/autopage/show_page. php?t=2&s_id=55&d_id=56 (in Thai) ________. (2011). Case Study of Vissanu Booncha and his family: stateless who live in Samut Prakarn Province. Retrived July 30, 2016 from http://www.archanwell.org/autopage/show_ page.php?t=2&s_id=64&d_id=57 (in Thai) ________. (2013). Case Study of Sooksane’s family. Retrived July 30, 2016 from https://www.gotoknow.org/posts/537195 (in Thai) Sooksane B. (2011). 30 years in Thailand of Sooksane’s family. Retrived July 30, 2016 from http://www.wungfon.com/index. php?option=com_content&view=article&id=783:2011-11-17- 18-03-09&catid=178:2011-07-05-02-33-10&Itemid=218 เข้านอก ออกใน 169

หลงั ข้ามเสน้ พรมแดนสถานะตามกฎหมายของคนย้ายถิ่น (กรณีชนกลุ่มน้อย) ดรณุ ี ไพศาลพาณิชยก์ ุล1 บทคัดย่อ1 ภายหลงั กา้ วขา้ มเส้นพรมแดน สถานะบุคคลตามกฎหมาย คนอพยพย้าย ถ่ินด้วยเหตุผลหนีภัยการสู้รบในประเทศต้นทางหรือด้วยเหตุอื่นๆ เริ่มต้นด้วย “คนเขา้ เมอื งผิดกฎหมาย” ในเวลาเดียวกันภายใตน้ โยบาย “จด-นบั ” ของรัฐไทย ผอู้ พยพยา้ ยถิน่ กลุ่มนถี้ ูกจำ� แนกและนิยามใหเ้ ป็น “ชนกลุม่ น้อย” กลุ่มต่างๆ ผ่าน เอกสารแสดงตนทีม่ ีสีแตกตา่ งกนั มากกวา่ 17 กลมุ่ (ปจั จุบนั ถูกยุบรวมเปน็ บตั รสี เดยี วกันหมดแลว้ ) และเลขประจ�ำตวั สบิ สามหลัก สถานะคนกลุ่มน้ีไมไ่ ด้ถูกแช่แขง็ อยกู่ บั การเปน็ คนตา่ งดา้ วเขา้ เมอื งผดิ กฎหมาย ทวา่ สามารถปรบั เปลย่ี นได้ หากรฐั ไทยเห็นว่าบุคคลดังกล่าวน่าจะผ่านช่วงเวลาแห่งการผสมกลมกลืนกับสังคมไทย แลว้ ก็จะ “ให”้ สถานะใหมห่ รือเปดิ โอกาสให้คนทอ่ี พยพเข้ามา และเจเนอเรชน่ั ท่ี สองท่ีเกิดในไทยเร่ิมต้นเข้าสู่กระบวนการเปล่ียนผ่านไปสู่การเป็นสมาชิกในสังคม ไทย กระบวนการเปล่ียนผ่านดังกล่าวดูเหมือนจะมี “แบบแผน” ของทางปฏิบัติ แตข่ าดความเป็นระบบทำ� ใหเ้ กิดกรณี “คน ‘ตกหลน่ ’” กระบวนการเปลย่ี นผ่าน สถานะบคุ คล เนอื้ หาในบทความนเ้ี ปน็ การเลอื กหยบิ เนอ้ื หาบางสว่ นจากโครงการพฒั นา องคค์ วามรเู้ พอื่ การพสิ จู นแ์ ละพฒั นาสทิ ธใิ นสขุ ภาวะของผมู้ ปี ญั หาสถานะบคุ คล โดย กระบวนการมสี ว่ นรว่ ม ซง่ึ ดำ� เนนิ งานวจิ ยั ผา่ นงานใหค้ วามชว่ ยเหลอื ทางกฎหมายเพอื่ 1 ดร., อาจารย์ประจำ� คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ 50200. E-mail: [email protected] 170 วารสารนิติสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปที ี่ 9 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2559)

สนบั สนนุ การพฒั นาสทิ ธดิ า้ นตา่ งๆ ของผมู้ ปี ญั หาสถานะบคุ คล (มคี นไรร้ ฐั ไรส้ ญั ชาติ รวมอยดู่ ว้ ย) ใน 3 พน้ื ที่ คอื อ.อมุ้ ผาง จ.ตาก อ.เมอื งระนอง จ.ระนอง และ ต.เสาหนิ และ ต.แมค่ ง อ.แมส่ ะเรยี ง จ.แมฮ่ อ่ งสอน ภายใตร้ ะยะเวลาการดำ� เนนิ งานพบวา่ มี 65 กรณศี กึ ษาทสี่ ะทอ้ นถงึ ปญั หาและขอ้ จำ� กดั ของการเขา้ ถงึ และพฒั นาสทิ ธดิ า้ นตา่ งๆ ของผมู้ ปี ญั หาสถานะบคุ คล และงานพฒั นาองคค์ วามรเู้ พอื่ การขบั เคลอ่ื นนโยบายดา้ น สิทธิในสุขภาวะของผู้มีปัญหาสถานะบุคคล ซึ่งเป็นการพัฒนาข้อเสนอแนะเชิง นโยบายผา่ นรปู แบบคณะทำ� งานทป่ี ระกอบไปดว้ ยภาควชิ าการ นกั วชิ าการในหนว่ ย งานรฐั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง อาทิ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย สำ� นกั งานสภาความ มน่ั คงแหง่ ชาติ ฯลฯ เพอ่ื เสนอขอ้ เสนอแนะตอ่ การพฒั นาสทิ ธใิ นสถานะบคุ คลของ กลมุ่ ชาตพิ นั ธด์ุ ง้ั เดมิ ผอู้ พยพรนุ่ ทหี่ นง่ึ และรนุ่ ทสี่ อง (กรณชี นกลมุ่ นอ้ ย) คนไรเ้ อกสาร พิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ปรากฏตัวในประเทศไทยและกลุ่มคนไทยพลัดถ่ิน ท้ังสอง โครงการนเี้ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของชดุ โครงการพฒั นาองคค์ วามรแู้ ละขบั เคลอื่ นขอ้ เสนอแนะ ทเ่ี ออื้ ตอ่ การพสิ จู นแ์ ละพฒั นาสทิ ธใิ นสถานะบคุ คลเพอ่ื สขุ ภาวะของผมู้ ปี ญั หาสถานะ บคุ คล (1 ตลุ าคม 2557-31 มนี าคม 2559) ดำ� เนนิ การโดยโครงการเฝา้ ระวงั สภาวะ ไรร้ ฐั โดยไดร้ บั การสนบั สนนุ จากสำ� นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การเสรมิ สรา้ งสขุ ภาพ (สสส.) สำ� นกั 9 บทความนป้ี ระกอบไปดว้ ยประเดน็ ตา่ งๆ ตง้ั แตก่ ารสะทอ้ นถงึ ความเขา้ ใจ ต่อสถานะบุคคลตามกฎหมายของผอู้ พยพยา้ ยถนิ่ กลมุ่ ชนกลุ่มน้อยและลูกหลาน ท่ีเกิดในประเทศไทยด้วยสายตาของพวกเขาเอง แบบแผนของแนวทางปฏิบัติ ในการเปล่ียนผ่านจากสถานะคนเข้าเมืองผิดกฎหมายของผู้อพยพย้ายถ่ินไปสู่ การเขา้ ถึงสิทธดิ ้านตา่ งๆ ท่ีสำ� คัญการเขา้ เปน็ สมาชกิ ของสังคมไทย “คนตกหล่น” กระบวนการเปลย่ี นผ่านสถานะฯ และขอ้ เสนอแนะเบื้องตน้ คำ� สำ� คัญ: คนอพยพย้ายถ่ิน; ชนกล่มุ น้อย; การพฒั นาสิทธิในสถานะบุคคล; คน ไรร้ ัฐไร้สญั ชาติ เขา้ นอก ออกใน 171

After Border Crossing: Legal Status of Ethnic Migrants in Thailand Darunee Paisanpanichkul2 Abstract2 After walked pass a border, a personal legal status of migrant who flee from civil war in country of origin or with other causes will start with ‘illegal immigration’. In the same time under a Thai policy on ‘record, count’, these people were classified as ‘minority group’ via identity document which had more than 17 different groups (now there is one same colour identity card) and identity number with 13 figures. Their personal legal status did not freeze as illegal aliens, but can change in term of Thai government think they passes a duration of socialize, they have been got new legal status and their children, the 2nd generation who were born in Thailand, will go to a process to members of Thai society. It seems like this is customarily process of enforcement, but lack of procedure, so there were people who were omitted this process. A content in this article is picked some contents from a project of developing knowledge for proof and develop right to well-being of stateless person by participation which did research through legal aid for supporting a develop on rights of Stateless person/ 2 Ph.D., Lecturer, Faculty of Law, Chiang mai University 50200 E-mail: [email protected] 172 วารสารนิติสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปีท่ี 9 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2559)

Nationality-less person in three area studies which are Umphang district, Tak province, Meuang Ranong district, Ranong province and Saohin and Maekong sub-district, Maesariang district, Mae Hong Son province. Under the project, we found that 65 -case-study are reflected to problem and limitation of accessing and developing rights of these people. Moreover, from a project of developing knowledge for proof and develop right to well-being of stateless person which are developed policy recommendation by working group are composed of academic, academician in related government office, for example, Department of Provincial Administration, Ministry of Interior, the national security council, etc. For developing policy recommendation of ethnic groups, first and second generation mmigrant (minority group), undocumented persons and Thai displaced persons. These two projects were belong to a project on developing knowledge and propelling recommendation for proving and developing rights to legal status for well-being of stateless persons, nation- ality-less persons (1 October 2014- 31 March 2016) by Stateless Watch and got support from Thai Health Promotion Foundation, bureau9. This article compose of various issues from reflecting on understanding to personal legal status of minority immigrant and their children who born in Thailand through their eyes. A pattern of enforce- ment in term of changing illegal alien status to accessing rights which are important to be members of Thai society, ‘people who were omitted’, the process of changing legal status and initial recommen- dation. keywords: Migrants; Minority; Legal Status; Stateless person; Nation- ality-less person เข้านอก ออกใน 173

หลังข้ามเส้นพรมแดน สถานะตามกฎหมายของคนยา้ ยถ่นิ (กรณีชนกลมุ่ นอ้ ย)3 เดอื นพฤศจกิ ายน 25574 ทบี่ า้ นนาปา่ แป๋ หยอ่ มบา้ นของหมบู่ า้ นสลา่ เชยี ง ตอง ตำ� บลเสาหนิ อำ� เภอแม่สะเรยี ง จงั หวัดแมฮ่ ่องสอน จอเตอะเหลอะเป็นชาย รา่ งเลก็ หวั ฟๆู ของเขาทำ� ใหใ้ ครตอ่ ใครจดจำ� เขาไดไ้ มย่ าก จอเตอะเหลอะเลา่ ถงึ ตวั เองวา่ เป็นคนกะเหร่ยี งเกดิ ทพ่ี ม่า เข้ามาเมืองไทยในชว่ งปี 2532 ดว้ ยเหตุผลที่วา่ “อยู่ฝัง่ โนน้ (พม่า) หากินลำ� บาก ลองมา ฝงั่ น้ี (ไทย) มีงานท�ำ มีขา้ วกิน ไม่มีใคร รงั แก” (คำ� แปลผา่ นลา่ ม) เขากบั เมยี จงึ ตดั สนิ ใจเดนิ เทา้ เขา้ มาทางดา่ นบา้ นเสาหนิ มาลงหลักปักฐานที่บ้านแม่แพะ ซ่ึงเป็นหย่อมบ้านของหมู่บ้านสล่าเชียงตอง (อยู่ ติดกับบ้านนาป่าแป๋) ทงั้ ค่มู ลี กู ด้วยกัน 2 คน เดก็ ชายเกิดในประเทศไทย “ผมอยากแจ้งเกิดให้ลกู อยากได้ ‘เลขศนู ย์ (0)’ ใหม้ นั ” คอื เหตผุ ลที่จอ เตอะเหลอะ มารอพบทีมวิจัย จบประโยคนน้ั เขากเ็ รม่ิ หยบิ กระดาษยับๆ ออกมา จากถุงพลาสตกิ ยู่ยี่ ค่อยๆ คลี่ทลี ะแผน่ อธบิ ายเปน็ ภาษาไทยท่ีพอเขา้ ใจไดว้ ่า สอง แผ่นแรกเปน็ “ทะเบยี นของผมกบั เมียผม” (มันคือ ส�ำเนา “ทะเบยี นประวตั ิผู้ไมม่ ี สถานะทางทะเบยี นราษฎร หรอื ท.ร.38 ก.”) แผน่ ทีส่ ามและแผน่ ทสี่ ่ี เปน็ “ บตั ร 3 เกบ็ ความจากงานวจิ ัยในชดุ โครงการพัฒนาองคค์ วามรู้และขบั เคลือ่ นข้อเสนอแนะท่เี ออ้ื ต่อ การพสิ จู นแ์ ละพฒั นาสทิ ธใิ นสถานะบคุ คลเพอ่ื สขุ ภาวะของผมู้ ปี ญั หาสถานะบคุ คล (1 ตลุ าคม 2557-31 มนี าคม 2559) ดำ� เนนิ การโดยโครงการเฝา้ ระวงั สภาวะไรร้ ฐั สนบั สนนุ โดยสำ� นกั งาน กองทุนสนบั สนุนการเสริมสรา้ งสขุ ภาพ (สสส.) สำ� นกั 9 4 การลงพน้ื ทเี่ พอื่ สำ� รวจสถานการณข์ อ้ เทจ็ จรงิ และใหค้ ำ� ปรกึ ษาทางกฎหมายเบอ้ื งตน้ กจิ กรรม ในโครงการพฒั นาองคค์ วามรเู้ พอื่ การพสิ จู นแ์ ละพฒั นาสทิ ธใิ นสขุ ภาวะของผมู้ ปี ญั หาสถานะ บุคคล โดยกระบวนการมสี ว่ นรว่ ม ใน 3 พ้ืนท่คี ือ อ.แม่สะเรยี ง จ.แมฮ่ อ่ งสอน โดยร่วมกบั แผนกกลุ่มชาติพันธุ์ คณะกรรมการคาทอลิกเพ่ือการพัฒนาสังคมแผนกกลุ่มชาติพันธุ์ สงั ฆมณฑลเชียงใหม,่ อ.อ้มุ ผาง จ.ตาก รว่ มกับคลินิกกฎหมายอ้มุ ผางเพื่อสทิ ธิมนษุ ยชน ใน โรงพยาบาลอมุ้ ผาง และอ.เมอื งระนอง จ.ระนอง รว่ มกบั สำ� นกั กฎหมายดา้ นสทิ ธแิ ละสถานะ บุคคล (พฤศจิกายน 2557-ตลุ าคม 2558) 174 วารสารนิติสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ปีที่ 9 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2559)

เลขศูนย์ของผมกบั เมยี ” (มันคอื “ส�ำเนาบตั รประจำ� ตวั ผูไ้ ม่มสี ถานะทางทะเบียน ราษฎร”) แผ่นท่ีห้าเป็น “ใบเกิดลูก” (มันคือ “ส�ำเนาหนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.1/1)” ของลูกชายคนโตที่ออกโดยโรงพยาบาลแม่สะเรียง) แผ่นสุดท้ายเป็น “ใบเกิดท่ีอนามัยออกให้” (มันคือ “ส�ำเนาหนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.1/1)” ของลูกชายคนท่ีสองที่ออกโดยสถานีอนามัยสล่าเชียงตอง ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮอ่ งสอน) ขณะท่ี หน่อคือนือบอกว่าเธออยากเปลี่ยน “บัตรเลขหก” ที่เธอถืออยู่ เพราะเธอควรเป็น “คนไทย” เหมือนหนอ่ เกลอะแมข่ องเธอ ส่วน สายพร ลูกสาวของเลโข่และลาพอ ปกาเกอะญอจากฝั่งพม่าที่เดิน เทา้ เขา้ มาไทยคลา้ ยจอเตอะเหลอะ เพยี งแตเ่ ปน็ ผมู้ ากอ่ นเพราะเขา้ มาในไทยในชว่ ง ปี 2519 ด้วยหนีภยั การสูร้ บระหว่างรฐั บาลทหารพมา่ กบั ชนกลุ่มน้อย ทัง้ คอู่ พยพ มาลงหลกั ปกั ฐานทบี่ า้ นคดิ ถงึ พอ่ แมข่ องสายพรมี “บตั รเลขหก” แมค่ ลอดสายพร ที่บ้าน ตอนน้ันไม่มีใครรู้ว่าจะต้องไปแจ้งการเกิด พ่อกับแม่ของเธอไม่มั่นใจว่า จะแจ้งเกิดให้ลูกได้จนเธออายุได้ 12 สายพรได้ถือ “บัตรเลขศูนย์” สายพรรู้ว่า การทเ่ี ธอเกดิ ในประเทศไทย “หลงั วนั ที่ 26 กมุ ภาพนั ธ์ 2535” มนั ทำ� ใหเ้ ธอมสี ทิ ธิ ยื่นค�ำร้องขอสัญชาติไทยได้แต่ติดตรงที่ว่าเธอไม่มีเอกสารรับรองว่าเธอเกิดใน ประเทศไทยจรงิ ๆ จากการพดู คยุ เพม่ิ เตมิ กบั หลายๆ คน ขอ้ สรปุ คลา้ ยๆ กนั จากพวกเขากค็ อื “คนหวั ศนู ย์ มนั ดไี มเ่ ทา่ ‘บตั รเลขหก’” ของหนอ่ คอื นอื หรอื “บตั รเลขศนู ย”์ ของ สายพร เพราะ “บตั รแบบนนั้ มนั ขอสญั ชาตไิ ทยได”้ เขายงั รอู้ กี ดว้ ยวา่ ตอ่ ใหล้ กู ชาย ทง้ั สองคนได้เลขศูนย์มา เดก็ ทง้ั สองคนกย็ งั ขอสัญชาติไทยไมไ่ ด้ ฯลฯ ตอ้ งยอมรบั วา่ ความซบั ซอ้ นทชี่ วนสบั สนของสถานะตามกฎหมายไทยของ “คนไร้สัญชาติ” ถูกอธิบายอย่างได้ใจความผ่านความเข้าใจของจอเตอะเหลอะ หนอ่ คอื นอื และสายพร คำ� สำ� คญั (keyword) ของเรอ่ื งมนั อยทู่ ี่ “ชว่ งเวลาทเี่ ขา้ มา ในประเทศไทย” และ “เลขประจ�ำตัวสิบสามหลัก” ที่อาจกล่าวได้ว่าช่วงเวลาที่ เขา้ นอก ออกใน 175

เปลย่ี นผ่าน ตวั เลขเปล่ยี น ชวี ิตใครบางคนก็ (ถกู ) เปลีย่ น 1. บททบทวนผา่ นภาพจำ� และภาพทถ่ี ูกลบของ ‘บตั ร (สารพดั ) ส’ี ขณะทคี่ นทวั่ ไปคนุ้ ชนิ กบั คำ� เรยี กขานวา่ “คนไรส้ ญั ชาต”ิ แตใ่ นมมุ ของรฐั ไทย คนไรส้ ญั ชาตถิ กู เอย่ ถงึ ผา่ นการจำ� แนกตามลกั ษณะการเขา้ เมอื ง กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ หรือเชอ้ื ชาติ ประเทศตน้ ทาง ฯลฯ ในชว่ งเวลาต่างๆ โดยหมดุ หมายสำ� คัญของค�ำ นิยามได้แก่ “ชนกลุ่มน้อย” และ “คนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย” รวมถึง “ผู้มีปัญหา สถานะบุคคลและสทิ ธ”ิ “ชนกลุ่มน้อย” เป็นถ้อยค�ำที่รัฐไทยโดยเฉพาะหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับ ความมนั่ คงมคี วามคนุ้ ชนิ มาอยา่ งยาวนาน คำ� ๆ นม้ี คี วามหมายทเี่ ฉพาะเจาะจงกวา่ ความหมายทร่ี าชบัณฑติ ใหไ้ วอ้ ย่างทั่วไป5 กล่าวโดยสรุปชนกลมุ่ น้อยของกรมการ ปกครอง กระทรวงมหาดไทย หมายถึงคน 2 ลกั ษณะใหญ่ๆ คอื กลุ่มแรก-ไดแ้ ก่ กลุ่มคนที่อพยพย้ายถิ่นเข้ามาในประเทศไทยด้วยเหตุผลของการหนีภัยความขัด แย้งหรือหนีภัยความตายจากการสู้รบในประเทศต้นทางเข้ามาในช่วงเวลาต่างๆ ประเทศไทยรบั คนกลมุ่ นี้ด้วยเหตุผลทางมนษุ ยธรรมโดยก�ำหนดพื้นทรี่ องรับ กลุ่ม ที่สอง-ได้แก่ กลุ่มคนที่ปรากฎตัวในประเทศไทยมานานเป็น “คนดั้งเดิม” ในประเทศไทยแต่ยังไม่มกี ารรบั รองวา่ เปน็ คนสัญชาติไทย อาทิ ชาวเขา “ด้งั เดมิ ” หรอื ชาวเขาที่บรรพบุรษุ เกิดและอาศัยอยู่ในดนิ แดนทเ่ี รียกว่ารัฐไทย (เฉพาะคนท่ี อาศัยอยู่บน “พื้นท่ีสูง”) กลุ่มมลาบรีหรือคนพื้นเมืองท่ีอาศัยอยู่ในจังหวัดแพร่ น่าน ฯลฯ ตวั ตนในภาพจำ� ภายหลงั การรบั คนอพยพยา้ ยถนิ่ ดว้ ยเหตขุ องการหนภี ยั ความตาย สง่ิ ทรี่ ฐั ไทยด�ำเนินการก็คือ การส�ำรวจและจัดท�ำทะเบียน (แบบพิมพ์ประวัติ-เดิม) เพ่ือ 5 หมายถงึ ชนต่างเผ่าหรือต่างเชือ้ ชาติท่ีอาศยั รวมกับชนเผ่าอื่นทมี่ ีจ�ำนวนมากกวา่ (2525) 176 วารสารนิตสิ งั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ปที ่ี 9 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2559)

บนั ทกึ ชื่อ-นามสกลุ สมาชกิ ของคนในครอบครวั เช้ือชาติ สญั ชาติ ชว่ งเวลาท่ีเดนิ ทางเขา้ มา วนั เดอื นปที บี่ นั ทกึ เพอ่ื “จำ� แนก”และ “นบั ” คนแตล่ ะกลมุ่ ตามลกั ษณะ กลมุ่ ชาตพิ นั ธห์ุ รอื ประเทศตน้ ทาง โดยมคี ำ� สำ� คญั ทเ่ี ปน็ รหสั ของการจำ� แนกและนบั คอื ชดุ เลขประจ�ำตวั สบิ สามหลักของแต่ละคน กลา่ วโดยยอ่ เลขหลกั ทห่ี นงึ่ จะเปน็ ‘เลขหก’ เพอื่ แทนความหมายของคน อพยพย้ายถิ่นเข้ามาในแต่ละช่วงเวลา และเป็นการ “เข้าเมืองผิดกฎหมาย” (นบั ตง้ั แตเ่ รม่ิ ตน้ การบงั คบั ใชก้ ฎหมายคนเขา้ เมอื งฉบบั แรก คอื พ.ร.บ.คนเขา้ เมอื ง พ.ศ.2470 มาตรา 12) รวมถึงคนดั้งเดิมท่ียังไม่ได้รับการรับรองว่าเป็นคนไทยซึ่ง ความหมายภายใตก้ ฎหมายคนเขา้ เมอื งแลว้ คนกลมุ่ นก้ี ถ็ กู นบั วา่ เปน็ “คนตา่ งดา้ ว เขา้ เมอื งผิดกฎหมาย” ด้วย หากคนกลมุ่ นม้ี ลี กู หลานเกดิ ในเมอื งไทย เดก็ ทเ่ี กดิ จะไดร้ บั การกำ� หนดเลข ประจำ� ตวั สบิ สามหลกั เชน่ กนั โดยหลกั แรกจะเปน็ “เลขเจด็ ”6 ลกั ษณะรว่ มของบตั ร เลขหกและเลขเจ็ดก็คือ เลขหลักท่ีหกและหลักที่เจ็ดของเลขสิบสามหลักจะเป็น “เลขกลุม่ ” ทจี่ ำ� แนกว่าเปน็ คนชาตพิ นั ธใุ์ ด ขอ้ มลู ทง้ั หมดจะถกู บนั ทกึ ซำ้� ในเอกสารอกี ชน้ิ ทอี่ อกโดยกรมการปกครอง เพือ่ ใหแ้ ตล่ ะคนถอื นั่นคอื “บตั รประจำ� ตวั ” โดยมนี ิยามใหม่ท่รี ฐั ไทยกำ� หนดขน้ึ ครอบคลุมซ้ำ� ท้ังท่ีทะเบยี นและบตั รของแต่ละคน แตล่ ะกลุ่ม ยกตัวอย่างเช่น คนจีนและครอบครัวของอดีตทหารจีนคณะชาติ (หรือ ทหารกองพล 93 ซึ่งเขา้ มาปี 2493-2497) ท่ีอพยพเขา้ มาช่วง 2493-2504 และไม่ สามารถกลับประเทศได้ด้วยเหตุผลทางการเมืองจะถูกนิยามว่า “จีนฮ่ออพยพ” โดยบตั รประจ�ำตวั จะเปน็ สเี หลือง (เลขหลกั ที่หกและเจ็ดหรอื เลขกลุ่มคือ 52) คน เวียดนามท่ีอพยพเข้ามาในประเทศไทยซ่ึงเริ่มเข้ามาต้ังแต่ในช่วงสงครามอินโดจีน 6 ในทางปฏบิ ัติ รวมถงึ ข้อคน้ พบในงานวจิ ยั ฉบับนกี้ ็พบวา่ มีหลายกรณีที่ผู้อพยพเจเนอเรชันที่ 2 ท่เี กิดในประเทศไทยไดร้ ับการกำ� หนดเลขประจ�ำตัวสบิ สามหลักโดยขึน้ ตน้ ด้วยเลข 6 เช่น เดยี วกบั คนรุน่ พอ่ แม่ เป็นไปได้วา่ เปน็ เพราะไดร้ ับการส�ำรวจพร้อมกนั ท้งั ครอบครัว เข้านอก ออกใน 177

จะได้รับการบันทึกในแบบพิมพ์ประวัติ “ญวนอพยพ” โดยบัตรท่ีแต่ละคนถือจะ เปน็ บตั รสขี าวขอบนำ�้ เงนิ (เลขกลมุ่ คอื 57), คนลาวทอ่ี พยพเขา้ มาอยกู่ บั ญาตพิ นี่ อ้ ง ในประเทศไทยเนอ่ื งจากเหตกุ ารณเ์ ปลยี่ นแปลงการปกครองในประเทศลาวในชว่ ง ปี 2517 คอื “ลาวอพยพ” และถือบตั รสฟี า้ ขอบนำ�้ เงิน (เลขกล่มุ คอื 58), อดตี โจร จนี คอมมวิ นสิ ตม์ ลายาทอี่ พยพเขา้ มาชว่ ง 2532-2533 จะถกู นยิ ามวา่ “ผรู้ ว่ มพฒั นา ชาติไทย” ถือบัตรสีเขยี ว (เลขกลุ่มคือ 60), คนหลากหลายชาตพิ นั ธ์ุ เช่น มอญ ไท ใหญ่ ละว้า พม่า ลาว ฯลฯ ทเี่ ดนิ ทางจากพมา่ เขา้ มาในประเทศไทยกอ่ นวันท่ี 9 มนี าคม 2519 คอื “ผู้พลดั ถ่ินสัญชาติพม่า” ถือบัตรสชี มพู (เลขกลุ่มคือ 60), ) กลุ่มคนไทยที่อาศัยอยู่ในเขตแดนของประเทศไทยสมัยรัชกาลท่ี 5 ในช่วงที่มีการ แบง่ เขตแดนระหวา่ งไทยกบั องั กฤษ คนกลมุ่ นไ้ี มไ่ ดอ้ พยพเขา้ มาอยใู่ นประเทศไทย ตอ่ มามีการปราบปรามชนกลมุ่ น้อยในพมา่ จงึ ไดอ้ พยพเข้ามาอยูใ่ นประเทศไทยใน 4 จงั หวัด (ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และตาก) คือ “ผพู้ ลดั ถิน่ สญั ชาติพม่า เชอื้ สายไทย” ถือบัตรสีเหลอื งขอบนำ�้ เงนิ (ดูรายละเอยี ดในล้อมกรอบ) ฯลฯ ส่วนชาวเขาด้ังเดิมและมลาบรีถูกนิยามให้เป็น “บุคคลบนพื้นที่สูง” ถือ บัตรสฟี ้า (เลขกลมุ่ คอื 50) จนถงึ การส�ำรวจคร้งั สุดทา้ ยในปี 2542 หรือทห่ี ลายคน คุ้นในช่ือของการส�ำรวจโครงการมิยาซาวาเพื่อจด-นับคนที่ปรากฏตัวบนพ้ืนที่สูง แตย่ ังคงไมม่ บี ัตรใดๆ (ไม่ได้รบั การส�ำรวจใดๆ) โดยนิยามวา่ “ชุมชนบนพน้ื ทีส่ ูง” ถือบตั รเขียวขอบแดง (เลขกลุม่ คือ 74 ส�ำหรบั กลุม่ ท่เี ปน็ ชาวเขา 9 เผ่า และเลข กลุ่มคอื 72 สำ� หรับกลุ่มทไี่ มใ่ ช่ชาวเขา 9 เผา่ ) รวมเป็น 17 กลุม่ ชนกลุม่ น้อย7 7 “...นา่ จะหมายถงึ บคุ คลทไี่ มม่ สี ญั ชาตไิ ทยจำ� นวนนอ้ ยกวา่ เจา้ ของประเทศ และมวี ฒั นธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีแตกต่างกันไป เข้ามาหรืออาศัยอยู่ประเทศไทยโดยวิธีการและ ลักษณะท่ีต่างกัน เช่น อยู่มาดั้งเดิม หลบหนีเข้าเมืองมาพักอาศัยชั่วคราว ในปี 2544 มีชนกลุ่มน้อยรวม 17 กลุ่ม, ดูคู่มือการก�ำหนดสถานะของบุคคลบนพ้ืนที่สูง เล่ม 2, กรมการปกครอง, หน้า 1..” ชนกล่มุ น้อยในรัฐไทยถูกจำ� แนกเปน็ 17 กลุ่ม คอื (1) กล่มุ ญวนอพยพ (บัตรสีขาวขอบ นำ้� เงนิ ) (2) อดตี ทหารจนี คณะชาตหิ รอื อดตี ทจช. (บตั รสขี าว) (3) จนี ฮอ่ อพยพ (บตั รสเี หลอื ง) (4) จนี ฮ่ออิสระ (บัตรสสี ม้ ) (5) อดีตโจรคอมมวิ นสิ ตม์ ลายาหรอื อดีตจคม.(บตั รสีเขียว) (6) 178 วารสารนติ สิ งั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ ปที ี่ 9 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2559)

ผู้พลัดถ่ินสัญชาติพม่าเชื้อสายไทยที่เข้ามาก่อนวันท่ี 9 มีนาคม 2519 (ถอื บตั รสเี หลอื งขอบนำ�้ เงนิ ) แตน่ ยิ ามทคี่ นกลมุ่ นเ้ี รยี กตวั เองคอื “คน ไทยพลัดถ่ิน” หรือ “คนไทยถ่ินพลัด” ทผ่ี า่ นมาไดม้ กี ารรวมกลมุ่ กนั เพอ่ื เรยี กรอ้ งการคนื สญั ชาตไิ ทย18 จน ประสบความสำ� เรจ็ ในปี 2555 ทม่ี กี ารประกาศใชพ้ .ร.บ.สญั ชาติ (ฉบบั ท่ี 5) พ.ศ.2555 มกี ำ� หนดนิยาม (มาตรา 4)29 และกระบวนการรบั รองความเป็น คนไทยพลดั ถนิ่ (มาตรา 9/1-9/7) เพอ่ื คนื สญั ชาตไิ ทยใหแ้ กผ่ มู้ เี ชอ้ื สายไทย ทต่ี ้องเสยี สัญชาติอันเน่อื งจากการเปลี่ยนแปลงอาณาเขต อยา่ งไรกด็ ี สำ� หรบั คนไทยพลดั ถน่ิ ทปี่ รากฎตวั ในเขตจงั หวดั ตาก มี ลกั ษณะเฉพาะทน่ี า่ สนใจ เพราะเมอื่ คนไทยพลดั ถนิ่ กลมุ่ นยี้ นื่ คำ� รอ้ งเพอื่ เขา้ สู่กระบวนการพิสูจน์เพื่อให้ได้รับการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่น แต่ คณะกรรมการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถ่ินมีมติ “ไม่รับรองความเป็น ไทยลื้อ (บตั รสีส้ม) (7) ลาวอพยพ (บัตรสฟี า้ ขอบน้�ำเงนิ ) (8) เนปาลอพยพ (บตั รสเี ขยี ว) (9) ผพู้ ลัดถนิ่ สญั ชาติพม่า (บตั รสีชมพู) (10) ผู้หลบหนเี ขา้ เมืองจากพม่า (บัตรสสี ม้ และสี มว่ ง) (11) ผู้พลัดถ่นิ สัญชาติพม่าเชอ้ื สายไทย (บัตรสเี หลืองขอบน้ำ� เงนิ ) (12) บุคคลบนพ้ืนท่ี สงู (บตั รสฟี ้า) (13) ผู้อพยพเชื้อสายไทยจากจงั หวัดเกาะกง (บัตรสเี ขยี ว) (14) ผหู้ ลบหนีเข้า เมืองจากกมั พูชา (บัตรสขี าวขอบแดง) (15) เผา่ ตองเหลอื ง (บัตรสีฟ้า) (16) ชมุ ชนบนพน้ื ท่ี สงู (บตั รสเี ขยี วขอบแดง) และ (17) แรงงานตา่ งดา้ วผดิ กฎหมาย (บางสว่ นเฉพาะปพี .ศ.2451), ดู คมู่ อื การก�ำหนดสถานะของบคุ คลบนพืน้ ที่สงู เลม่ 2, กรมการปกครอง 8 องค์กรพัฒนาเอกชนท่ีมีบทบาทส�ำคัญในการสนับสนุนส่งเสริมให้คนไทยพลัดถิ่นรวมตัวกัน อยา่ งเข้มแข็งในพ้นื ที่จ.ชมุ พร จ.ระนอง จ.ประจวบคีรขี นั ธ์ คือมูลนิธชิ ุมชนไท 9 คนไทยพลดั ถน่ิ หมายความวา่ ผซู้ ง่ึ มเี ชอื้ สายไทยทต่ี อ้ งกลายเปน็ คนในบงั คบั ของประเทศอน่ื โดยเหตอุ นั เกดิ จากการเปลยี่ นแปลงอาณาเขตของราชอาณาจกั รไทยในอดตี ซง่ึ ปจั จบุ นั ผนู้ นั้ มิได้ถือสัญชาติของประเทศอื่น และได้อพยพเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทยเป็นระยะเวลา หนึ่งและมีวิถีชีวิตเป็นคนไทย โดยได้รับการส�ำรวจจัดท�ำทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการ ทะเบยี นราษฎรภายใตห้ ลกั เกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขทค่ี ณะรฐั มนตรกี ำ� หนด หรอื เปน็ ผซู้ งึ่ มลี กั ษณะ อน่ื ท�ำนองเดียวกันตามทีก่ ำ� หนดในกฎกระทรวง เขา้ นอก ออกใน 179

คนไทยพลดั ถนิ่ ” (การประชมุ คณะกรรมการฯ ครง้ั ที่ 2/2557 เมือ่ วันที่ 21 มนี าคม 2557) โดยให้เหตผุ ลว่า “ทา่ นมคี ณุ สมบตั ไิ มเ่ ปน็ ไปตามคำ� นยิ ามของไทยพลดั ถนิ่ เนอื่ งจาก เป็นคนท่ีมีบรรพบุรุษอพยพข้ามไปท�ำมาหากินในฝั่งประเทศพม่าในอดีต หรอื สหภาพเมยี นมารใ์ นปจั จบุ นั อนั มไิ ดเ้ กดิ จากการเปลยี่ นแปลงอาณาเขต ของราชอาณาจกั รไทยในอดตี แต่อยา่ งใด และด้วยเหตุดังกล่าวจึงท�ำให้ท่านมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามค�ำ นิยามของไทยพลดั ถนิ่ ตามมาตรา 3 แหง่ พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2555 คณะกรรมการฯ จงึ มมี ติไมร่ ับรองความเป็นคนไทยพลดั ถิ่นของท่าน ในการนี้หากท่านประสงค์จะโต้แย้งค�ำสั่งน้ีสามารถย่ืนฟ้องศาล ปกครองไดภ้ ายใน 90 วัน นับแตว่ นั ท่ไี ด้รับแจ้งหรอื รบั ทราบค�ำสง่ั ”จนนำ� ไปสู่การฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้ศาลมีค�ำสั่งเพิกถอนมติดังกล่าว ของคณะกรรมการ เม่ือวนั ที่ 30 มกราคม 2558 มีข้อสังเกตท่ีควรต้องต้ังเป็นค�ำถามก็คือ หากรัฐไทยตระหนักดีว่า คนกล่มุ นี้ “เป็นคนไทยท่บี รรพบรุ ุษเขา้ ไปทำ� มาหากินในฝงั่ พม่า” ดังนนั้ ณ วนั ทลี่ กู หลานของพวกเขากลบั มา สง่ิ ทรี่ ฐั ไทยควรดำ� เนนิ การกค็ อื รบั รองวา่ ลกู หลานไทยพลดั ถน่ิ กลมุ่ นเ้ี ปน็ คนสญั ชาตไิ ทย โดยดำ� เนนิ การเพม่ิ ชอื่ เขา้ ไป ในทะเบยี นบ้านคนไทย ไมใ่ ชไ่ ปออกบัตร “บัตรผู้พลัดถ่ินจากพม่าเชอ้ื สาย ไทย” แล้วมากำ� หนดนโยบายภายหลงั ใหค้ นกลุ่มนเ้ี ขา้ สกู่ ระบวนการแปลง สัญชาตเิ ปน็ ไทยในภายหลงั 10 10 ดูเพม่ิ เตมิ ใน ดรณุ ี ไพศาลพาณิชยก์ ุล และคณะ, ขอ้ เสนอตอ่ การพัฒนากฎกระทรวง และ (ร่าง) กฎกระทรวงเพอ่ื ก�ำหนดนยิ าม “ผู้ซ่งึ มีลกั ษณะอนื่ ในความหมายของคนไทยพลัดถน่ิ ” เพื่อการคืนสิทธิในสัญชาติไทยให้แก่คนเชื้อสายไทยภาคเหนือท่ีปรากฏตัวในอ�ำเภอแม่สอด อำ� เภอพบพระ และอำ� เภอทา่ สองยาง จงั หวัดตาก (ฉบับวันท่ี 1 พฤษภาคม 2558) เสนอตอ่ คณะกรรมการปฏิรปู กฎหมายแหง่ ชาติ ในการประชมุ วันที่ 6 พฤษภาคม 2558 180 วารสารนิตสิ งั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ ปีที่ 9 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2559)

หลากหลายผ้คู นภายใตก้ ารจ�ำแนกและนิยามเปน็ กล่มุ ตา่ งๆ ท่ีถูกคลุมทบั ด้วยนิยาม “ชนกลุ่มน้อย” แม้มันจะสร้างความสับสนให้กับคนท่ัวไป ด้วยบัตร สารพดั กลุม่ สารพดั สี แต่กลา่ วได้วา่ รว่ ม 3 ทศวรรษที่ผา่ นมา บตั ร (สารพัด) สี ที่ แต่ละคนในแต่ละกลุ่มถือเป็นเอกสารแสดง “ตัวตน”ภายใต้นิยามของรัฐไทย ก็ กลายเป็นภาพจ�ำของเจ้าของบัตร สาเหตุส�ำคัญเป็นเพราะชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ เหลา่ นีอ้ า่ นภาษาไทยไม่ออก จดจำ� กล่มุ ตนเอง กลุม่ คนอน่ื ทีถ่ อื บัตรตา่ งๆ กัน ผา่ น การจำ� สขี องบตั ร สว่ นคนทวั่ ไปหากไมใ่ ชแ่ วดวงคนทำ� งานทเี่ กยี่ วขอ้ งกเ็ ปน็ การยาก ท่ีจะรู้จักเข้าใจหรือจ�ำชนกลุ่มน้อยแต่ละกลุ่มได้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า (สารพัด) สีของบตั รเหลา่ นี้กลายเปน็ ภาพท่ีงา่ ยตอ่ การจดจ�ำกว่านยิ ามของแต่ละกลุม่ ภาพจำ� (ของบัตรสารพดั ส)ี ทถ่ี กู ลบ และตัวตนท่ีถูกสรา้ งเพมิ่ ในเวลาตอ่ มา ภาพจำ� ตอ่ บตั ร (สารพดั ) สเี หลา่ น้ี ไดถ้ กู ลบหายไปในปี 2549 ด้วยเพราะกรมการปกครองยุบรวมบัตรสีต่างๆ ทุกใบ เปลี่ยนเป็น “บัตรสีชมพู (ท้งั สองดา้ น)” และนยิ ามใหม่วา่ “บตั รประจำ� ตวั คนซง่ึ ไมม่ ีสัญชาติไทย”11 แตช่ ือ่ เลขประจ�ำตัวของแต่ละคน และเลขกำ� กับกลุม่ ยังคงเหมอื นเดิม สำ� หรบั กรณี ‘คนเลขศนู ย’์ ทจี่ อเตอะเหลอะใชเ้ รยี กตวั เองนน้ั มจี ดุ เรมิ่ ตน้ จากต้นปี 2548 ท่ีคณะรัฐมนตรีมีมติผ่านยุทธศาสตร์การจัดการสถานะและ สิทธิของบุคคล เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2548 เพ่ือจด-นับคนที่ปรากฎตัว ในประเทศไทย แตไ่ มม่ บี ตั รหรอื เอกสารแสดงตนอะไรเลย (หรอื ทสี่ งั คมไทยเรมิ่ คนุ้ ชนิ กับคำ� เรียกทวี่ ่า เปน็ “คนไรร้ ฐั ” หรือ Undocumented person)12 โดยกรม 11 ระเบยี บสำ� นกั ทะเบยี นกลางวา่ ดว้ ยการจดั ทำ� บตั รประจำ� ตวั คนซง่ึ ไมม่ สี ญั ชาตไิ ทย พ.ศ.2551 12 ในทางระหว่างประเทศ ใชค้ �ำว่า Stateless person เม่ือกลา่ วถงึ คนท่ไี มม่ ีรฐั ใดยอมรบั เป็น รัฐเจา้ ของสญั ชาติ หรือเปน็ คนไร้สญั ชาติ ดู the Convention relating to the Status of Stateless Person “stateless person” means a person who is not considered as a national by any State under the operation its law ส่วนคนท่ไี ม่มีเอกสารแสดงตน (Identification paper) มักเรยี กว่า Undocumented เข้านอก ออกใน 181

การปกครองนยิ ามคนกลุ่มน้ีวา่ “ผ้ไู มม่ สี ถานะทางทะเบยี นราษฎร” โดยจะได้รับ การบันทึกชื่อและรายการสว่ นบคุ คลไวใ้ น “ทะเบยี นประวตั ิประเภท ท.ร.38 ก” ได้รบั การกำ� หนดเลขประจ�ำตัวสิบสามหลกั โดยหลกั แรกคือเลขศนู ย์ และเลขกลุ่ม (เลขหลักทหี่ กและหลักท่ีเจด็ ของเลขสบิ สามหลกั ) จะเปน็ เลข “89” บัตรของคน กลุ่มนี้จะเป็น “บัตรด้านหน้าสีขาวและด้านหลังสีชมพู”13 (ด�ำเนินการส�ำรวจ ระหว่างปี 2548-2552 และ 2552-2554)14 และมตคิ รม. เมอื่ วนั ที่ 3 พฤศจกิ ายน 2552 ไดอ้ นมุ ตั ใิ หข้ ยายระยะเวลาดำ� เนนิ งานตามยทุ ธศาสตรฯ์ อกี สองปี ซงึ่ ปจั จบุ นั ระยะ เวลาได้สิน้ สุดแล้วเม่อื วนั ที่ 2 พฤศจิกายน 2554 กลมุ่ เปา้ หมายของการสำ� รวจและจดั ทำ� ทะเบยี นใหก้ บั คนไรร้ ฐั มดี ว้ ยกนั 4 กลมุ่ คือ เลขศูนย์กลมุ่ แรก-หมายถึงคนที่เป็นญาตขิ องชนกลุ่มนอ้ ย 17 กล่มุ แรก รวมถึงตกหล่นการส�ำรวจชนกลุ่มน้อย, กลุ่มที่สอง-หมายถึงคนที่ก�ำลังเรียนอยู่ใน สถาบนั การศกึ ษาระดับต่างๆ กลุ่มทสี่ าม-หมายถึงเดก็ เยาวชนในสถานสงเคราะห์ (ไมป่ รากฏพอ่ แม)่ และกลุ่มสดุ ทา้ ย-คนท�ำคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทย ตวั อยา่ งของคนกลมุ่ นกี้ ค็ อื จอเตอะเหลอะ แมข้ อ้ เทจ็ จรงิ เขาจะเดนิ เทา้ ขา้ ม พรมแดนเขา้ มาในประเทศไทยในปี 2532 แต่ ณ วนั ทเ่ี ขาไดร้ บั การสำ� รวจและจดั ทำ� ทะเบยี นประวตั คิ อื ปี 2555 โดยขอ้ เทจ็ จรงิ (ของจอเตอะเหลอะ) เขาคอื คนตกหลน่ การสำ� รวจชนกลมุ่ นอ้ ยบตั รบคุ คลบนพน้ื ทสี่ งู (ปี 2533-2535) และตกหลน่ อกี ครงั้ ใน การสำ� รวจบตั รชมุ ชนบนพนื้ ทส่ี งู (ในปี 2542) จากถอ้ ยคำ� ของเขา จอเตอะเหลอะไมร่ ู้ ถงึ การสำ� รวจฯ แตส่ ำ� หรบั เจา้ หนา้ ทร่ี ฐั ไทยแลว้ มนั เปน็ เรอื่ งทช่ี วนสงสยั แถมดว้ ยขอ้ person แต่ในประเทศไทย ค�ำว่า Statelessness ถูกใช้ในความหมายเดียวกันกับ Undocumented person ซ่งึ หมายความถึง “คนไรร้ ัฐ” เนือ่ งจากบุคคลดังกลา่ วไม่มรี ัฐใด ในโลกออกเอกสารแสดงตนให้ หรือไม่มีรัฐใดในโลกยอมรับเปน็ เจ้าของตัวบคุ คล 13 ระเบยี บสำ� นกั ทะเบยี นกลางวา่ ดว้ ยการสำ� รวจและจดั ทำ� ทะเบยี นสำ� หรบั บคุ คลทไ่ี มม่ สี ถานะ ทางทะเบยี น พ.ศ.2548 14 มติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 อนุมัติให้ขยายระยะเวลาด�ำเนินงานเพ่ือ สำ� รวจและจัดท�ำทะเบียนผไู้ ม่มสี ถานะทางทะเบยี นราษฎรไปอีก 2 ปี 182 วารสารนิตสิ งั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ปที ี่ 9 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2559)

สงั เกตเพมิ่ วา่ “หรอื จอเตอะเหลอะเพงิ่ จะเขา้ เมอื งมา (new comer)” 2. “สถานะบุคคล” ใหม่ หลังเส้นพรมแดน การมอง หน่อคอื นอื ผ่านความเป็นชนกลุ่มน้อย นับว่าเปน็ ความซับซ้อน ทชี่ วนใหส้ บั สนสำ� หรบั คนทวั่ ไป หรอื แมก้ ระทง่ั เธอเองกเ็ คยสบั สนและความสบั สน มักวกกลับมาได้เสมอ ทุกครั้งท่ีใครสักคนเอ่ยถึงจุดส้ินสุดของกระบวนการปรับ เปล่ยี น ‘เลขสิบสามหลัก’ ของเธอ ส่วนการมอง จอเตอะเหลอะ ผ่านบัตรเลขศูนย์ก็เหมือนถูกเชื้อชวน ให้พบกับความสับสนยิ่งขึ้นไปอีกเพราะดังท่ีกล่าวไปแล้ว จอเตอะเหลอะ ไม่ถูก จดั วา่ เปน็ ชนกลมุ่ นอ้ ยทงั้ ยงั เปน็ คนเลขศนู ยท์ โ่ี อกาสนอ้ ยกวา่ คนเลขศนู ยด์ ว้ ยกนั เอง เช่นเมื่อเทยี บกับสายพรท่ีมโี อกาสเปล่ยี นสถานะไปสูค่ นไทยในสายตาของคนนอก เวลาเอ่ยถึงคนเลขศูนย์อย่างจอเตอะเหลอะจึงเหมือนถูกชวนให้นึกถึงกลุ่มคนท่ี อยู่รอบนอกของชนกลุ่มน้อยท่ีบวกด้วยรอบนอกของชายขอบของคนเลขศูนย์ ด้วยกนั อกี ที (1) จดุ เริม่ ต้นของทุกอย่าง : “คนเขา้ เมืองผิดกฎหมาย” ภายใต้แนวคิดรัฐชาติ มนุษย์คนหน่ึงๆ ถูกพิจารณาด้วยสายตาของรัฐ และสมาชิกในรัฐด้วยกันเองว่าเขาหรือเธอควรต้องมีรัฐเจ้าของตัวบุคคล (Personal State) ซง่ึ สงิ่ บง่ ชขี้ องการถกู เปน็ เจ้าของโดยรฐั ใดรฐั หนง่ึ ทมี่ กั ถกู นกึ ถงึ เปน็ สงิ่ แรกกค็ อื “สญั ชาต”ิ (Nationality, Citizenship) อนั เชอ่ื มโยงไปสคู่ วามเปน็ คนชาติ (National) ของรฐั หนงึ่ ๆ นน้ั สถานะบคุ คลตามกฎหมาย (Legal status)15 15 หมายถึง “สภาพอันท�ำให้บุคคลมีความสามารถที่จะมีสิทธิและใช้สิทธิ ตลอดจนหน้าที่ ในลกั ษณะใดลกั ษณะหนงึ่ หรอื ในอกี นยั หนง่ึ หมายถงึ คณุ สมบตั ทิ างนติ นิ ยั ของบคุ คลหนง่ึ อนั มตี อ่ รฐั และบคุ คลอนื่ หรอื เงอื่ นไขทก่ี ำ� กบั หนา้ ท่ี สทิ ธิ การใชส้ ทิ ธิ และความรบั ผดิ ของบคุ คล”, “สถานภาพในทางกฎหมายของชนกล่มุ นอ้ ยในประเทศไทย”, รายงานวิจยั หมายเลข 1 ใน ชุดโครงการวิจัยประเมินสถานภาพองค์ความรู้เร่ือง สถานภาพและการด�ำรงชีวิตของ เขา้ นอก ออกใน 183

หรือ นิตฐิ านะ16 นี้เองท่เี ป็นฐานไปส่กู ารทรงสิทธดิ า้ นตา่ งๆ ในฐานะพลเมอื ง อาทิ หากบุคคลมีประเทศไทยเป็นรัฐเจ้าของสัญชาติ บุคคลดังกล่าวก็ย่อมทรงสิทธิใน สัญชาติไทย17 มีสิทธิในหลักประกันสุขภาพ18 สามารถท�ำงาน ประกอบอาชีพ มี สทิ ธเิ ลอื กตั้ง ฯลฯ ในทางกลับกัน กรณีจอเตอะเหลอะ, หน่อคือนือ หรือสายพร ในฐานะ ตวั แทนอกี หลายชวี ติ ทบ่ี า้ นเสาหนิ ทรี่ ฐั ไทยไมใ่ ชร่ ฐั เจา้ ของสญั ชาตจิ งึ เปน็ คนตา่ งดา้ ว ท่ีสถานะบุคคลตามกฎหมายหรือนิติฐานะย่อมต้องถูกก�ำกับด้วยนิตินโยบายของ รัฐไทยเพราะภายใต้หลักในทางกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล แล้วคนต่างด้าวจะมีสถานะบุคคล/นิติฐานะอย่างไร ย่อมเป็นอ�ำนาจอธิปไตย (Sovereignty) ของรัฐน้นั ยกตัวอย่าง พ่อแม่ของสายพรซึ่งเดินเท้าเข้ามาในปี 2519 หรือจอเตอะ เหลอะที่เข้ามาในไทยปี 2532 แต่ไม่มีใครถือหนังสือเดินทางที่ได้รับการตรวจลง ตรา สถานะบคุ คลตามกฎหมายคนเขา้ เมอื งของพอ่ แมข่ องสายพรจงึ เปน็ “ตา่ งดา้ ว เขา้ เมอื ง ผดิ กฎหมาย”19 คนอพยพเจเนอเรชน่ั ทส่ี องอยา่ งสายพรกม็ สี ถานะไมต่ า่ ง ชาวเขาและชนกลุ่มนอ้ ยในประเทศไทย, 2541 “สถานะท่ีเอื้ออ�ำนวยให้บุคคลสามารถใช้สิทธิในความเป็นบุคคลตามกฎหมาย (Right of Legal Personality) อนั ได้แก่สทิ ธิมนษุ ยชนเบอื้ งต้น , ดู“รายงานผลการศกึ ษา เร่ืองกฎหมาย ระเบียบ และนโยบายท่ีเกี่ยวข้องกับสถานะบุคคลบนพื้นท่ีสูง” โดยคณะ อนกุ รรมการศกึ ษาปญั หาเกยี่ วกบั การพจิ ารณาใหส้ ถานภาพบคุ คลบนพน้ื ทสี่ งู ภายใตค้ ำ� สงั่ ท่ี 1/2542 ของคณะกรรมการศึกษาปัญหาเกี่ยวกับการพิจารณาให้สถานภาพบุคคลบนพื้นท่ี สูงตามมตคิ ณะรัฐมนตรเี มือ่ วันที่ 11 พฤษภาคม 2542 16 ประสทิ ธิ์ ปวิ าวฒั นพานชิ , คำ� อธบิ ายกฎหมายระหวา่ งประเทศแผนกคดบี คุ คล, สำ� นกั พมิ พ์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร,์ พ.ศ.2551, หน้า 45-88. 17 อาจโดยการเกดิ โดยหลกั สบื สายโลหติ หรอื หลกั ดนิ แดน หรอื สทิ ธใิ นสญั ชาตไิ ทยภายหลงั การ เกิด ตามพ.ร.บ.สญั ชาติ พ.ศ.2508 แก้ไขเพมิ่ เติม (ฉบับที่ 2 และ 3) พ.ศ.2535, (ฉบบั ที่ 4) พ.ศ.2551 และ (ฉบับท่ี 5) พ.ศ.2555 18 พ.ร.บ.หลักประกนั สุขภาพแหง่ ชาติ พ.ศ.2544 19 มาตรา 12 (1) พ.ร.บ.คนเข้าเมอื ง พ.ศ.2522 แก้ไขเพิม่ เตมิ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2523, (ฉบับที่ 184 วารสารนติ สิ ังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ปที ี่ 9 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2559)

ไปจากพอ่ แมข่ องเธอเพยี งแตเ่ ปน็ ผลจากกฎหมายคนละฉบบั ดว้ ยเพราะขอ้ เทจ็ จรงิ แลว้ สายพรไม่ได้ “เขา้ เมืองมา” เธอเกิดในดินแดนรัฐไทย แน่นอนว่าเธอย่อมไม่ได้ สญั ชาตไิ ทยตามหลกั สบื สายโลหติ แตภ่ ายใตห้ ลกั การไดม้ าซง่ึ สญั ชาตไิ ทยตามหลกั ดินแดน (Jus soli) สายพรก็ไม่ใช่ผู้ทรงสิทธิเพราะพ่อแม่ของเธอเข้าเมืองผิด กฎหมาย (มาตรา 7 ทวิ วรรคสองฯ) นอกจากนีส้ ายพรยัง “ถกู ถอื ” วา่ “เข้าเมอื ง ผิดกฎหมาย” ดว้ ยผลของกฎหมายสัญชาติ (มาตรา 7 ทวิ วรรคสาม)20 ส่วนหน่อคือนือ แม่ของเธอคือ หน่อเกลอะ ปกาเกอะญอสัญชาติไทย เกดิ ทปี่ ระเทศไทยเมอื่ ปี 2493 มที ะเบยี นบา้ นประเภท ท.ร.14 และบตั รประชาชน ไดร้ ับการรับรองว่าเปน็ คนสญั ชาตไิ ทย หน่อเกลอะเลา่ ว่า สะลาพอ แฟนของเธอ ซ่ึงปกาเกอะญอหนุ่มฝั่งพม่าชวนเธอไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่พม่า เธอคลอด หน่อคือนือท่ีพม่าและพาลูกกลับมาอยู่บ้านท่ีฝั่งไทยหลังจากท่ีสามีเธอเสียชีวิต 3) พ.ศ.2542 และโดยประกาศคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาตฉิ บบั ท่ี 87/2557 เรอื่ ง การแกไ้ ข เพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับอ�ำนาจหน้าท่ีของเจ้าพนักงานต�ำรวจ (10 กรกฎาคม 2557) 20 พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับท่ี 2 และ 3) พ.ศ.2535, (ฉบับท่ี 4) พ.ศ.2551 และ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2555 มาตรา 7 ทวิ วรรคแรก ผู้เกดิ ในราชอาณาจกั รไทย โดยบดิ าและมารดาเป็นคนต่างด้าว ย่อมไม่ได้รับสัญชาติไทย ถ้าในขณะท่ีเกิดบิดาตามกฎหมายหรือบิดาซ่ึงมิได้มีการสมรสกับ มารดาหรือมารดาของผ้นู น้ั เป็น (1) ผูท้ ี่ไดร้ ับการผ่อนผันให้พักอาศัยอยู่ในราชอาณาจกั รไทยเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย (2) ผู้ท่ไี ดร้ บั อนุญาตใหเ้ ข้าอย่ใู นราชอาณาจกั รไทยเพียงชวั่ คราว หรือ (3) ผู้ท่ีเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้า เมอื ง และวรรคสาม “ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทยตามวรรคหน่ึงจะอยู่ใน ราชอาณาจกั รไทยในฐานะใด ภายใตเ้ งอื่ นไขใด ใหเ้ ปน็ ไปตามทกี่ ำ� หนดในกฎกระทรวง  ทงั้ นี้ โดยค�ำนึงถึงความม่ันคงแห่งราชอาณาจักรและสิทธิมนุษยชนประกอบกัน ในระหว่างท่ียัง ไม่มีกฎกระทรวงดังกล่าว ให้ถือว่าผู้นั้นเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยคนเขา้ เมอื ง” เขา้ นอก ออกใน 185

ตอนหนอ่ คือนอื อายุได้ 4 ขวบ หนอ่ เกลอะกพ็ าลกู เดนิ กลับมาบ้านฝ่ังไทย เธอเคย พยายามให้หน่อคือนอื มบี ตั รไทยแต่ไม่ส�ำเรจ็ ดว้ ยเหตุผลที่ว่า “หน่อคอื นือเธอเกิด ทีพ่ ม่า” หนอ่ คอื นอื จึงเป็นคนไม่มบี ัตร (ไร้รฐั ) ไม่มีสญั ชาติไทย ไมม่ สี ญั ชาติพมา่ เพราะแมแ้ ตพ่ อ่ ของเธอกไ็ มเ่ คยได้รบั การรบั รองจากรัฐบาลพมา่ ว่าเป็นคนสญั ชาติ พมา่ จนกระทั่งปี 2542 เมื่อมีการส�ำรวจเพ่อื จดั ท�ำทะเบยี นประวัติชุมชนบนพืน้ ท่ี สงู (ชาวเขา 9) ในทะเบียนระบุวา่ “หนอ่ คอื นอื เกดิ ทพี่ ม่าและเขา้ มาปี 2520” ในแงก่ ฎหมาย ณ วันท่ีหน่อคือนอื ไม่มีเอกสารยนื ยันว่าเปน็ “ลูกของแม่ ไทย” สถานะบคุ คลของเธอ (ตามกฎหมายคนเขา้ เมอื ง) ย่อมถูก “ถือวา่ ” เป็นคน ต่างด้าว และตราบใดท่ีพิสูจน์ไม่ได้ว่าเธอเป็นลูกแม่ไทยจริง ความเป็นต่างด้าว ของเธอก็จะถูกทับซอ้ นด้วยสถานะ “ตา่ งดา้ วเข้าเมอื งโดยไมช่ อบด้วยกฎหมาย”21 และเมือ่ เธอถูกจด-นับว่าเปน็ กลุ่มชุมชนบนพ้นื ที่สูง (ชาวเขา 9 เผ่า) ในแง่เอกสาร แสดงตนเธอจึงมสี ถานะบุคคลเป็นคนต่างด้าวเขา้ เมืองผิดกฎหมายอยา่ งสมบูรณ์ (2) กลายเปน็ ผู้ทรงสทิ ธิในสทิ ธขิ ้นั พน้ื ฐาน ภายใตก้ าร (ชงิ ) ตคี วามเชงิ รุก แต่ทางปฏิบัตกิ ็อกี เรอ่ื งหน่งึ เดมิ คนไรส้ ญั ชาตติ อ้ งเผชญิ กบั ขอ้ จำ� กดั ในการดำ� เนนิ ชวี ติ เกอื บทกุ ดา้ น ไม่ วา่ จะเปน็ การถกู ปฏเิ สธสทิ ธทิ จี่ ะเขา้ รบั การศกึ ษา การกงั วลตอ่ การถกู จบั กลายเปน็ ขอ้ จ�ำกดั ในการน�ำพาตวั เองหรอื คนในครอบครวั ไปหาหมอทโ่ี รงพยาบาล เม่ือเจบ็ ไข้ไดป้ ่วย หรือแทบไมต่ อ้ งพดู ถงึ การขอจดทะเบียนเกดิ ฯลฯ ในปี 253522 นับเป็นจุดเร่มิ ตน้ ของการเข้าถึงสทิ ธิทางการศึกษาของเดก็ ไร้สัญชาติ หรือแมแ้ ต่เดก็ ท่ไี มม่ เี อกสารอะไรเลย (เดก็ ไร้รฐั ) ทไ่ี ด้รับการรับรองโดย กฎหมายลำ� ดบั รอง จนในปี 2548 เด็กไรส้ ญั ชาติมีสทิ ธิเรยี นฟรี 12 ปี (ภาคบงั คับ) 21 มาตรา 57 พ.ร.บ.คนเขา้ เมอื ง พ.ศ.2522 22 ระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธิการว่าด้วยหลกั ฐานวนั เดือน ปีเกิด ในการรับนักเรียนนกั ศึกษา เข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ.2535 186 วารสารนิติสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ปที ี่ 9 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2559)

เหมอื นเดก็ สญั ชาตไิ ทย23 ความกา้ วหนา้ ในการรบั รองความเปน็ บคุ คลตามกฎหมาย สะท้อนผา่ นทะเบียนคนเกิด (“เด็กทกุ คนทเี่ กิดในประเทศไทยจะตอ้ งไดร้ บั การจด ทะเบียนเกดิ ”) 24 และทะเบยี นคนอยู่ นอกจากนใ้ี นปี 2553 คณะรัฐมนตรีมมี ติ คืนสิทธิข้ันพ้ืนฐานด้านสาธารณสุขให้กับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ ซ่ึง หมายความว่าคนไร้สัญชาติ 457,409 คน สามารถเข้าถึงหลักประกันสุขภาพ25 23 ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถาน ศกึ ษา พ.ศ.2548 24 ความพยายามสะท้อนความส�ำคัญของการจดทะเบียนเกิดเด็ก (Birth Registration) มีมา นาน ดว้ ยเพราะเอกสารรับรองการเกิดอย่างสูตบิ ัตรเปน็ เอกสารแสดงตนช้ินแรกของมนุษย์ อันจะช่วยเอ้ืออ�ำนวยต่อการเข้าถึงและใช้สิทธิด้านอื่นๆ ได้มีประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น โดย เฉพาะอย่างยิ่งกรณีอ�ำเภอแม่อายมีค�ำส่ังเพิกถอนช่ือชาวบ้านจ�ำนวน 1,243 คนออกจาก ทะเบียนบ้าน (ท.ร.14 ซ่ึงหมายถึงทะเบยี นบ้านส�ำหรบั ผู้มสี ัญชาตไิ ทย) ในปีพ.ศ.2544 ส่ง ผลให้คนจ�ำนวนดังกล่าวเป็นคนไร้รัฐในทันที เนื่องจากไม่มีเอกสารฉบับใดอีกเลยท่ีสะท้อน ถงึ จดุ เกาะเก่ียวระหวา่ งบุคคลกบั รฐั (เกดิ ในดินแดนประเทศไทย) จึงมกี ารเรียกรอ้ งจากท้ัง ภาคประชาสังคม ภาควิชาการว่ากรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ควรมีแนวทางที่ ชัดเจนในการจดทะเบียนคนเกิด รวมถึงการรับรองการเกิดย้อนหลัง ให้กับคนที่เกิดใน ประเทศไทยทกุ คน และจดั ท�ำทะเบยี นคนอยู่ ใหก้ บั บุคคลทีป่ รากฏตวั ในประเทศไทย เพอ่ื แก้ปัญหาความไร้รัฐ อีกท้ังยังสอดคล้องกับพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วย สทิ ธมิ นุษยชนทผ่ี กู พนั ประเทศไทยในฐานะรัฐภาคี ต้องกล่าวเน้นว่า ความส�ำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลทหาร (การยึดอ�ำนาจในปี 2549) โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติผ่านร่างแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั การจดทะเบยี นเกดิ ถว้ นหนา้ (BR for ALL) และหลกั การทว่ี า่ บคุ คล จะได้รบั การรบั รองความเปน็ บุคคลตามกฎหมายกตกิ าระหว่างประเทศว่าดว้ ยสทิ ธทิ างแพง่ (พลเมอื ง)และการเมอื ง ข้อ 16, อนสุ ัญญาสทิ ธิเดก็ ข้อ 7 และข้อ 24 และดเู หมือนหลักไมล์ ในครง้ั นน้ั จะเปน็ ก�ำลังใจ (แรงบันดาลใจ ?) ท่ีจะผลักดันการแก้ไขกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิ คนไร้รฐั ไร้สัญชาตใิ นช่วงรฐั บาลทหารคสช. (2557- ปัจจบุ นั ) 25 เช่นเดียวกับคนสัญชาติไทย ท้ังน้ีเป็นผลจากแรงขับเคลื่อนจากท้ังภาคประชาสังคม นัก วชิ าการ ชมรมแพทยช์ นบทและเครอื ขา่ ยไดร้ ว่ มกนั ผลกั ดนั มาตง้ั แตป่ ี 2549 โดยนำ� เสนอมมุ ทว่ี า่ คนไรส้ ญั ชาตกิ ลมุ่ ดงั กลา่ วอาศยั อยใู่ นประเทศไทยเปน็ เวลานานแลว้ มคี วามกลมกลนื กบั สงั คมไทย จา่ ยภาษที างออ้ ม และอยรู่ ะหวา่ งการรอพสิ จู นเ์ พอื่ พฒั นาสถานะบคุ คล นอกจาก นี้ยังมีงานทางวิชาการสนับสนุนเครือข่ายแพทย์ชนบทด้วยว่า “หลักประกันสุขภาพเป็น มาตรการเชงิ ปอ้ งกนั ดแู ล ซง่ึ มตี น้ ทนุ ถกู กวา่ การรกั ษาจงึ ไมค่ วรถกู เวน้ -ขา้ มดว้ ยเหตแุ หง่ ความ เข้านอก ออกใน 187

และคณะรฐั มนตรีไดม้ มี ตอิ ีกคร้ังเมือ่ วันท่ี 20 เมษายน 2558 ขยายกลมุ่ เปา้ หมาย เพ่ิมขนึ้ อกี 208,631 คน26 และหากจอเตอะเหลอะ หนอ่ คอื นอื สายพร ต้องการ ท�ำงาน งานหลายอย่างจะสามารถท�ำได้ก็ต่อเมื่อไปย่ืนค�ำร้องขออนุญาตท�ำงาน และจะสามารถท�ำงานได้บางประเภทท่ีกฎหมายไม่ห้าม (อาชีพ/วิชาชีพท่ีไม่ต้อง หา้ มสำ� หรบั คนตา่ งดา้ ว จำ� นวน 39 ประเภท)27 เชน่ ชา่ งซอ่ มรถจกั รยานยนต์ รบั จา้ ง ท่วั ไป ฯลฯ และแน่นอนว่าทุกคนไมม่ ีสิทธิในการมสี ่วนร่วมทางการเมือง ภายใตห้ ลกั การทดี่ ี หลายครง้ั กน็ ำ� ไปสทู่ างปฏบิ ตั ทิ ด่ี ี สายพร เปน็ ตวั อยา่ ง ของเด็กไร้สัญชาติจ�ำนวนมากท่ีได้เข้าถึงสิทธิการศึกษา (เรียนฟรี) เหมือนเด็ก สญั ชาตไิ ทยคนอนื่ ๆ มนั เปน็ โอกาสทเี่ ปดิ ทางใหเ้ ธอไดเ้ รยี นตอ่ (ปจั จบุ นั เธอเรยี นอยู่ ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) หรือ “น้องก้อย” ลูกสาวของหน่อคือนือก็เคยเรียนถึง ระดบั มธั ยม (กอ่ นทเ่ี ธอจะเสยี ชวี ติ ดว้ ยอบุ ตั เิ หตุ ระหวา่ งทางทเ่ี ธอขม่ี อเตอรไ์ ซดน์ ำ� ผลการตรวจดเี อน็ เอของแมก่ บั ยายเธอไปใหก้ ับเจ้าหนา้ ทีท่ ีอ่ �ำเภอ) และเช่นเดียวกัน หลักการดีๆ ก็อาจไม่ได้หมายถึงทางปฏิบัติที่มี ประสทิ ธภิ าพทกุ ครง้ั ไป หลายครงั้ ขอ้ เทจ็ จรงิ มคี วามยอกยอ้ นจนความรคู้ วามเขา้ ใจ ของผปู้ ฏบิ ตั งิ านคลค่ี วามคดิ ตามไมท่ นั อยา่ งกรณขี องจอเตอะเหลอะ ทล่ี กู ชายของ เขาทง้ั สองคนซง่ึ เกดิ ในประเทศไทยถกู เจา้ หนา้ ทปี่ ฏเิ สธทจ่ี ะดำ� เนนิ การจดทะเบยี น การเกิด (ออกสูตบิ ัตร) โดยเจ้าหน้าที่ใหเ้ หตผุ ลว่า ณ ตอนที่ลกู ชายทัง้ สองคนเกิด แตกต่างดา้ นสถานะบุคคล”ดูเพม่ิ เติม ดรุณี ไพศาลพาณิชยก์ ุล และคณะ, ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบายตอ่ สทิ ธใิ นระบบหลกั ประกนั สขุ ภาพถว้ นหนา้ ของคนไรร้ ฐั /ไรส้ ญั ชาต,ิ สนบั สนนุ โดย ส�ำนกั งานวิจยั เพอ่ื การพัฒนาหลกั ประกนั สขุ ภาพไทย (สวปก), 2551 26 https://www.hfocus.org/content/2015/04/9809, http://www.posttoday.com/social/health/391457 27 พ.ร.บ.การท�ำงานคนต่างด้าว พ.ศ.2542, พระราชกฤษฎีกาก�ำหนดงานในอาชีพและ วิชาชีพที่ห้ามคนต่างด้าวท�ำ พ.ศ.2522 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2536 (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2543 และ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ.2548 หรืองาน 27 อาชพี (ตามประกาศกระทรวงแรงงาน และสวัสดิการสังคม เร่อื ง ก�ำหนดงานท่ใี ห้คนตา่ งด้าวตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญตั ิ การท�ำงานคนตา่ งดา้ ว พ.ศ.2521 ทำ� ได้, พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนตา่ งด้าว พ.ศ.2542 188 วารสารนิตสิ ังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ ปีที่ 9 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2559)

นน้ั “จอเตอะเหลอะ ไมม่ บี ตั รอะไรเลย” ตอ่ มาเมอ่ื จอเตอะเหลอะไดร้ บั การสำ� รวจ เพอ่ื การจดั ทำ� ทะเบยี นและบตั รผไู้ มม่ ปี ญั หาสถานะทางทะเบยี น ในวนั นน้ั เมยี ของ จอเตอะเหลอะอมุ้ ลกู ชายคนทส่ี องไวก้ บั อกทำ� ใหท้ ง้ั สามคนไดร้ บั การสำ� รวจและจดั ทำ� ทะเบียนประวัตแิ ละบตั รผไู้ มม่ สี ถานะบคุ คลทางทะเบยี นพร้อมกัน และไดบ้ ัตร เลขศนู ย์มาพร้อมกัน เมอื่ ไดบ้ ตั รมาจอเตอะเหลอะกพ็ ยายามไปแจง้ เกดิ ลกู อกี ครง้ั (และอกี หลาย ครง้ั ) แตก่ ย็ งั คงถกู ปฏเิ สธจนเมอ่ื คณะผวู้ จิ ยั ลงพน้ื ทแ่ี ละกลบั มาสอ่ื สารขอ้ กฎหมาย และยืนยันสิทธิของเด็กชายทั้งสองถึงส�ำนักทะเบียนท้องถิ่นและกรมการปกครอง ท่ีส่วนกลาง28 ก็ส่งผลเพียงลูกชายคนที่สองเท่าน้ันท่ีเจ้าหน้าท่ีรับแจ้งเกิด และ ออกหนงั สือรบั รองการเกดิ (ท.ร.20/1)29 ให้ โดยเจา้ หน้าท่บี อกวา่ หนังสอื รบั รอง การเกิดที่ออกโดยสถานีอนามัยสล่าเชียงตองและบัตรเลขศูนย์ของเด็กน้อย เป็นหลักฐานท่ีครบถ้วนสมบูรณ์ ขณะที่ลูกชายคนโตที่ตกหล่นการส�ำรวจและ จดั ท�ำทะเบยี นฯ เจ้าหนา้ ที่ยังคงปฏิเสธที่จะออกสตู บิ ัตรให้ (3) สถานะบุคคลไม่ได้ถูกแช่แข็งมันปรับเปลี่ยนได้ภายใต้รูปแบบ “ไมแ่ น่นอน” นโยบายของรฐั ไทยนบั แตอ่ ดตี สะทอ้ นขอ้ เทจ็ จรงิ ประการหนง่ึ วา่ “สถานะ ไร้สัญชาติ” หรือ “คนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย” นี้มีโอกาสปรับเปลี่ยนไปสู่ 28 กรกนก วฒั นภูมิ, บทวิเคราะหส์ ถานะบุคคลและความเหน็ ทางกฎหมายลำ� ดับท่ี 1 และที่ 2 ภายใต้โครงการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการพิสูจน์และพัฒนาสิทธิในสุขภาวะของผู้มีปัญหา สถานะบคุ คล โดยกระบวนการมสี ่วนร่วม, พฤศจิกายน 2557-ตลุ าคม 2558, สนบั สนุนโดย สสส. ตอ่ มากรมการปกครองมีหนังสอื ตอบ มท.0309.1/11192 ลงวันที่ 22 มถิ ุนายน 2558 สัง่ การให้จงั หวัดแม่ฮอ่ งสอนส่ังการใหอ้ ำ� เภอแม่สะเรยี งด�ำเนนิ การจดทะเบียนการเกดิ ให้ 29 ในกรณีเกิดในประเทศไทย แต่ได้รับการก�ำหนดเลขสิบหลักและได้รับการบันทึกช่ือและ รายการบคุ คลในทะเบยี นก่อนไดร้ ับการแจง้ การเกดิ หากอายเุ กิน 10 ปี จะได้รบั การออก “หนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.20/1)” ตามมาตรา 20/1 พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ.2551 เขา้ นอก ออกใน 189

สถานะท่ีถูกกฎหมายมีโอกาสที่ดีข้ึนในแง่การเข้าถึงสิทธิที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิต ดา้ นตา่ งๆ ประโยคนค้ี วรตอ้ งกลา่ วดว้ ยนำ�้ เสยี งทช่ี นื่ ชมไปถงึ นติ นิ โยบายของรฐั ไทย โดยเฉพาะหน่วยงานความมั่นคงอย่างส�ำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เป็น “เสยี งหลกั ” ในการกำ� กบั ทศิ ทางของนติ นิ โยบายการรบั เอาคนตา่ งดา้ วทไ่ี รส้ ญั ชาติ กลมุ่ นเ้ี ขา้ เปน็ สมาชกิ ในสงั คมไทย อยา่ งไรกด็ เี สยี งชน่ื ชมควรตอ้ งเจอื ดว้ ยความหนกั แนน่ ต่อการต้ังข้อสงั เกตหรือค�ำถามต่อ “เงอื่ นไข” ท่ถี ูกกำ� หนดขึ้นด้วยเช่นกัน กล่าวโดยสรุปในเชิงภาพรวมของทั้งกระบวนการได้ว่าเม่ือชนกลุ่มน้อย อพยพข้ามพรมแดนเข้ามาดว้ ยเหตุหนีภยั การส้รู บจากประเทศต้นทาง ในเวลาน้นั สถานะบุคคลตามกฎหมายคนเข้าเมอื งของเขาหรอื เธอเข้ามา คอื “คนต่างด้าวเขา้ เมืองผิดกฎหมาย”30 การท่ีรัฐไทยอนุญาตให้สามารถอาศัยอยู่ในประเทศไทยน้ัน เป็นในลักษณะของการผ่อนผันให้อาศัยอยู่ชั่วคราวภายใต้หลักมนุษยธรรมโดยมี มติคณะรฐั มนตรีรองรบั 31 เม่ือเวลาผ่านไปพบว่าคนกลุ่มน้ีไม่สามารถกลับไปยังประเทศต้นทาง ไดแ้ ลว้ และมคี วามกลมกลนื (assimilation) กบั สงั คมไทยแลว้ กจ็ ะมกี ารเสนอและ ผลักดันมติคณะรัฐมนตรีเพ่ือปรับสถานะเป็น “คนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมายมี สิทธิอาศัยชั่วคราว”32 เม่ือเวลาผ่านไปอีกการปรับสถานะก็จะถูกหยิบยกข้ึนมา พิจารณาอีกคร้ังเพื่อ “ให้” สถานะ “ต่างด้าวเข้าเมืองถูกกฎหมายมีสิทธิอาศัย ถาวร” ในขนั้ ตอนน้ี มตคิ ณะรฐั มนตรมี กั จะปรบั สถานะของเจเนอเรชนั ที่ 2 ทเ่ี กดิ ในประเทศไทยไปพร้อมกันดว้ ย กลา่ วคอื “ให้ สัญชาติไทย”33 โดยท้งั ผอู้ พยพรุ่น 30 มาตรา 17 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 31 มตคิ ณะรฐั มนตรี โดยอาศยั อ�ำนาจตามมาตรา 17 พ.ร.บ.คนเขา้ เมอื ง พ.ศ.2522 32 มตคิ ณะรฐั มนตรี โดยอาศัยอ�ำนาจตามมาตรา 17 พ.ร.บ.คนเขา้ เมอื ง พ.ศ.2522 33 มตคิ ณะรัฐมนตรี โดยอาศัยอ�ำนาจตามพ.ร.บ.สญั ชาติ พ.ศ.2508 แกไ้ ขเพมิ่ เติม (ฉบับท่ี 2 และ 3) พ.ศ.2535, (ฉบับท่ี 4) พ.ศ.2551 และ (ฉบับท่ี 5) พ.ศ.2555 มาตรา 7 ทวิ 190 วารสารนติ สิ ังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปีท่ี 9 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2559)

พอ่ แมท่ เ่ี ดนิ เทา้ เขา้ มาและรนุ่ ทส่ี อง (ทเ่ี กดิ ในไทย) จะตอ้ งไปดำ� เนนิ การ “ยน่ื คำ� ขอ สถานะตา่ งดา้ วฯ” และรนุ่ ที่สองจะตอ้ งไป “ย่นื คำ� ขอสญั ชาติไทย” ต่อเทศบาล/ อ�ำเภอท่ีตนมีชื่ออยู่ กระบวนการออกมติครม.ภายใต้การใช้อ�ำนาจตามมาตรา 17 พ.ร.บ.คน เขา้ เมอื งฯ น้ี เทา่ ทสี่ บื คน้ พบวา่ มกี ารดำ� เนนิ การเปน็ ระยะๆ โดยพจิ ารณาเปน็ “กลมุ่ ชาตพิ นั ธุห์ รือประเทศตน้ ทาง” โดยจะมมี ตคิ รม.ออกมาทลี ะกล่มุ กรณผี อ่ นผันใหอ้ ยู่ชั่วคราว ไดแ้ ก่ มตคิ รม.ในปี 2535 สำ� หรบั กล่มุ ผ้หู ลบหนเี ขา้ เมอื งจากพมา่ อพยพ เขา้ มาหลงั 9 มนี าคม 2519,มตคิ รม.ในปี 2548 (มกราคม) สำ� หรบั กลมุ่ ลาวอพยพ, กลมุ่ ผหู้ ลบหนเี ขา้ เมอื งชาวกมั พชู า กลมุ่ ผพู้ ลดั ถน่ิ สญั ชาตพิ มา่ เชอ้ื สายไทยทเ่ี ขา้ มา หลงั 9 มีนาคม 2519 และปี 2548 (พฤศจกิ ายน) สำ� หรบั กลุ่มบคุ คลบนพืน้ ท่สี งู และชมุ ชนบนพ้ืนที่สูงที่อพยพเขา้ มาหลงั 3 ตลุ าคม 2528 กรณีให้สถานะต่างด้าวแก่คนท่ีอพยพเข้ามาและให้สัญชาติไทยแก่ ร่นุ ลกู ตามกล่มุ ชาตพิ ันธ์ุ/ประเทศต้นทางทอ่ี พยพเข้ามา อาทิ กรณอี ดตี ทหารจนี คณะชาตแิ ละจีนฮอ่ อพยพพลเรอื น เรมิ่ มมี ติครม. ครั้งแรกในปี 2521 และครงั้ ต่อมาในปี 2527 และปี 2532, กล่มุ ผอู้ พยพเชอ้ื สาย ไทยจาก จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชาที่อพยพเข้ามาก่อนและหลังวันที่ 15 พฤศจกิ ายน 2520 เรมิ่ จากมตคิ รม.ในปี 2527 และตอ่ มาในปี 2534 และ 2557, กลมุ่ อดตี โจรจนี คอมมวิ นสิ ตม์ ลายา ในปี 2533 และตอ่ มาในปี 2545, กลมุ่ เวยี ดนาม อพยพที่กลบั มาดำ� เนนิ การตอ่ อีกครงั้ ในปี 2535 และปี 2540, กลุ่มเนปาลอพยพ ในปี 2544, กลมุ่ ชาวเขา/บคุ คลบนพน้ื ทสี่ งู และชมุ ชนบนพนื้ ทสี่ งู ทอี่ พยพเขา้ มากอ่ น วรรคสอง “ในกรณที เ่ี หน็ สมควร รฐั มนตรจี ะพจิ ารณาและสงั่ เฉพาะรายหรอื เปน็ การทว่ั ไปใหบ้ คุ คล ตามวรรคหนึง่ ไดส้ ญั ชาตไิ ทยกไ็ ด้ ตามหลักเกณฑท์ ีค่ ณะรฐั มนตรกี �ำหนด” เข้านอก ออกใน 191

วนั ที่ 3 ตุลาคม 2528 มีมตคิ รม.ในปี 2538 ตอ่ มาในปี 2543, 2544 และ 2548, ผพู้ ลัดถิ่นสัญชาติพมา่ ทอี่ พยพเข้ามาก่อน 9 มนี าคม 2519 มมี ตคิ รม.ในปี 2543 และในปี 2544 ฯลฯ34 มีค�ำถามว่าการปรับสถานะจากคนไร้สัญชาติเข้าสู่สถานะพลเมืองของรัฐ ไทยท้ังในรูปของ “ผู้ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ชั่วคราว”, “ผู้มีสิทธิอาศัยถาวร (permanent resident)” นัน้ หมายถงึ ระยะเวลาเท่าใดจงึ จะสามารถสะทอ้ นถึง ความกลมกลืนกับสังคมไทยแล้ว ค�ำตอบจากทางปฏิบัติของรัฐไทยก็คือมันคือ “ระยะเวลา 10 ปี โดยนบั ยอ้ นหลงั ไปจาก “ชว่ งเวลา” ทม่ี ตคิ ณะรฐั มนตรกี ำ� หนด” มใิ ชน่ บั ย้อนไปตง้ั แต่วนั ทีเ่ ดนิ ทางเขา้ ประเทศไทยมา ยกตัวอย่าง กรณีมติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันท่ี 3 ตุลาคม 2538 เรื่องการ พิจารณา “ให”้ สถานะคนต่างดา้ วแก่ชาวเขาที่อพยพเข้ามาในประเทศ35 เงื่อนไข ประการหน่ึงกค็ ือ “เงอื่ นเวลา” คือ “ขอ้ 2) มีภมู ิล�ำเนาในราชอาณาจักรไทยมาไม่ น้อยกว่า 15 ปหี รือมีภูมลิ �ำเนาถาวรในทอ้ งถน่ิ เดียวกันต่อเนอื่ งไม่น้อยกว่า 10 ปี นบั ถงึ วนั ทค่ี ณะรฐั มนตรมี มี ตอิ นมุ ตั ”ิ 36 หรอื กรณมี ตคิ ณะรฐั มนตรลี า่ สดุ คอื มตเิ มอ่ื วันที่ 7 ธนั วาคม 2553 ระบวุ ่า “ข้อ 2) มีภูมิลำ� เนาและอาศยั อยู่ในราชอาณาจักร 34 ดู ดรณุ ี ไพศาลพาณิชย์กุล และชาตชิ าย อมรเลิศวฒั นา, “การพฒั นาสทิ ธิเข้าเมอื งโดยชอบ ด้วยกฎหมายและสิทธิอาศัยถาวร กรณีผู้อพยพย้ายถ่ิน (ชนกลุ่มน้อย) เข้ามาอาศัยอยู่ใน ประเทศไทยเปน็ เวลานานแลว้ , รายงานผลการศกึ ษาล�ำดบั ที่ 2 และดรณุ ี ไพศาลพาณชิ ยก์ ลุ และกรกนก วัฒนภมู ิ, การพัฒนาสิทธิในสัญชาตไิ ทย โดยหลักดินแดนกรณีคนอพยพย้ายถ่นิ (ชนกลมุ่ น้อย) รุน่ ที่ 2, รายงานผลการศกึ ษาลำ� ดบั ที่ 3, กจิ กรรมพัฒนาองค์ความรเู้ พื่อการ ขับเคลื่อนนโยบายด้านสิทธิในสุขภาวะของผู้มีปัญหาสถานะบุคคล (ธันวาคม 2557 – พฤศจกิ ายน 2558) ในชุดโครงการพฒั นาและขบั เคลื่อนองคค์ วามรู้ทเ่ี อ้ือตอ่ การพัฒนาสุข ภาวะของผมู้ ปี ัญหาสถานะบคุ คล, สสส. ส�ำนัก 9 35 จ�ำนวน 98,549 คน จากจ�ำนวนท่ีปรากฎในฐานข้อมูลทะเบียนประวัติและบัตรประจ�ำตัว บุคคลบนพื้นทส่ี งู ทจี่ ัดทำ� ในปี 2533-2534 คือ 247,775 คน, ดู คู่มอื ปฏบิ ตั งิ านโครงการ พจิ ารณาใหส้ ถานะคนตา่ งดา้ วแกช่ าวเขาทอี่ พยพเขา้ มาในประเทศตามมตคิ ณะรฐั มนตรเี มอื่ วันท่ี 3 ตุลาคม 2538, จัดทำ� โดยกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง, มนี าคม 2544, น.1 36 คมู่ ือปฏบิ ัตงิ านโครงการพิจารณาให้สถานะคนตา่ งดา้ วฯ, อ้างแล้ว, น.2 192 วารสารนติ สิ งั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ ปีที่ 9 ฉบบั ท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2559)

ไทยติดต่อกันต่อเนื่องเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสิบปี นับถึงวันที่ 18 มกราคม 2548”37 อยา่ งไรก็ดี มติครม.7 ธนั วาคม 2553 เริม่ มีความเปล่ยี นแปลงบางอย่างท่ี นา่ สนใจ38 กล่าวโดยสรุปคอื กรณขี องการใหส้ ถานะต่างดา้ วเขา้ เมืองโดยชอบดว้ ยกฎหมาย แนน่ อนวา่ ยงั คงกลมุ่ เปา้ หมายหลกั เดมิ คอื (1) บคุ คลทอี่ พยพเขา้ มาในราช อาณาจกั รไทยและอาศยั อยเู่ ปน็ เวลานานแลว้ เฉพาะชนกลมุ่ นอ้ ย/ชาตพิ นั ธท์ุ ไ่ี ดร้ บั การส�ำรวจและจัดท�ำทะเบียน 14 กลุ่ม39 โดยก�ำหนดเงื่อนไข 8 ข้อ (มีความ เปลี่ยนแปลงในรายละเอียดเพียงเล็กน้อยนับจากในอดีต)40 แต่ก็ได้เพ่ิมกลุ่มใหม่ 37 ประกาศกระทรวงมหาดไทย เร่ือง ให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายแก่ บคุ คลทอี่ พยพเขา้ มาในราชอาณาจกั รไทย และอาศยั อยมู่ านานตาม พ.ร.บ.คนเขา้ เมอื ง พ.ศ. 2522, น.1 38 ดเู พิม่ เติม ดรณุ ี ไพศาลพาณิชยก์ ลุ และชาติชาย อมรเลิศวฒั นา, และดรณุ ี ไพศาลพาณชิ ย์ กลุ และกรกนก วฒั นภมู ,ิ อา้ งแล้ว 39 คือ (1) กลุม่ ชาวเขา 9 เผ่า (2) กลุ่มบุคคลบนพ้ืนท่สี ูงหรอื ชมุ ชนบนพื้นทีส่ งู ทีอ่ พยพเข้ามา กอ่ นและหลงั 3 ตลุ าคม 2528 (3) อดตี ทหารจีนคณะชาติหรืออดีตทจช. (4) จนี ฮ่ออพยพ (5) จีนฮ่ออิสระ (6) ผู้พลัดถ่ินสัญชาติพม่า (7) ผู้หลบหนีเข้าเมืองจากพม่า (8) เวียดนาม อพยพ (9) ลาวอพยพ (10) เนปาลอพยพ (11) อดีตโจรคอมมวิ นสิ ตม์ ลายาหรืออดีตจคม. (12) ไทยลอื้ (13) กลมุ่ ม้งถ้ำ� กระบอก และ (14) กลมุ่ ผหู้ ลบหนีเขา้ เมอื งชาวกัมพชู า 40 อาทิเปรยี บเทียบเงอื่ นไข 10 ข้อภายใตม้ ตคิ รม.3 ตุลาคม 2538 กับเงื่อนไขตามมตคิ รม.7 ธันวาคม 2553 เง่ือนไขตามมตคิ รม. 3 ตลุ าคม 2538 ข้อ 9 ข้อที่เหลือ คอื 1) ต้องเปน็ ชาวเขาและเป็นผทู้ ี่มชี อ่ื อยู่ ในทะเบียนประวัติและมีบัตรประจ�ำตัวบุคคลบนพื้นที่สูงหรือมีช่ืออยู่ในทะเบียนบ้านใน ลักษณะช่วั คราว (ท.ร.13) ..... 3) เปน็ ผปู้ ฏบิ ตั ติ ามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทาง ราชการ 4) มคี วามสนใจในการใชภ้ าษาไทย 5) มคี วามจงรกั ภกั ดตี อ่ ประเทศและองคป์ ระมขุ ของชาติ 6) มีประวตั ิเคยใหค้ วามร่วมมอื ช่วยเหลอื และท�ำคณุ ประโยชน์ให้กับทางราชการ และชมุ ชน 7) ประกอบอาชพี สจุ รติ มหี ลกั ฐานม่ันคง 8) ไม่เปน็ ผูป้ ลูกพืชเสพตดิ ติดยาเสพ ติด หรอื เก่ียวพันกับการค้ายาเสพติ 9) ไม่เป็นตวั การ หรอื ส่งเสรมิ หรอื สนับสนุนการตดั ไม้ ท�ำลายป่า และทรัพยากรธรรมชาตอิ ืน่ ๆ 10) เงอ่ื นไขตามข้อ 5,6,7,8 และ 9 ตอ้ งมีผูร้ บั รอง เขา้ นอก ออกใน 193

โดยจำ� แนกแยกย่อยตามลักษณะเฉพาะ และกำ� หนดเง่อื นไขทคี่ ลา้ ยและตา่ งกันใน แต่ละกลมุ่ ได้แก่ (2) กล่มุ คนอพยพเขา้ มาทกี่ �ำลังเรยี นในสถานศึกษาหรอื จบการ ศกึ ษาแลว้ เฉพาะชนกลุ่มน้อย 14 กล่มุ ท่ีไดร้ ับการสำ� รวจถงึ ปี 2542 และทไ่ี ด้รับ การสำ� รวจ ในฐานะผู้ไมม่ สี ถานะทางทะเบยี นราษฎรหรอื กรณบี ัตรเลขศนู ย์ ชว่ งปี 2548-2552 โดยก�ำหนดเงื่อนไข 9 ข้อ (3) คนทถ่ี กู ทอดท้งิ หรอื ไมป่ รากฏว่าใคร คือพ่อแม่ เฉพาะคนที่ได้รับการส�ำรวจในฐานะผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนช่วงปี 2548-2552 โดยก�ำหนดเงือ่ นไข 7 ขอ้ และ (4) คนท่ีท�ำคุณประโยชน์ ที่ไดร้ บั การ สำ� รวจ (เปิดกว้างดา้ นเวลาทไี่ ด้รับการสำ� รวจ) โดยก�ำหนดเงอ่ื นไข 8 ข้อ กรณีการให้สัญชาติไทย แกร่ ุ่นลูก (ของคนอพยพ) ทเ่ี กดิ ในไทย เชน่ เดยี วกนั ทยี่ งั คงกลมุ่ เปา้ หมายเดมิ อยู่ คอื (1) กลมุ่ ลกู ของพอ่ แมท่ อี่ พยพ เข้ามาในราชอาณาจักรไทยและอาศัยอยู่เป็นเวลานานแล้ว เฉพาะชนกลุ่มน้อย/ ชาตพิ ันธ์ทุ ี่ได้รับการส�ำรวจและจดั ท�ำทะเบียน 14 กลุ่ม ก�ำหนดเงอื่ นไข 7 ข้อ แต่ ก็ไดจ้ �ำแนกแยกย่อยตามลกั ษณะเฉพาะ และกำ� หนดเง่อื นไขท่คี ล้ายและตา่ งกันใน แตล่ ะกลมุ่ เพิม่ เติมขึ้นอีกคือ (2) กลุ่มเลขศนู ย์กลุ่มท่ี 3 คอื คนไร้รากเหง้า เฉพาะท่ี ได้รับการส�ำรวจในช่วงปี 2548-2552 โดยกำ� หนดเงือ่ นไข 3 ข้อ และ (3) กลุ่มคน ไม่น้อยกว่า 3 คน ได้แก่ บุคคลที่มีสัญชาติไทยท่ีทางราชการให้ความเช่ือถือ และคณะ กรรมการสภาตำ� บล และขา้ ราชการตง้ั แตร่ ะดบั 4 ขนึ้ ไป (ทม่ี คี วามรบั ผดิ ชอบอยใู่ นเขตตำ� บล เดียวกบั ผู้ยื่นคำ� ร้อง) เง่ือนไขตามมตคิ รม.7 ธนั วาคม 2553 อกี 7 ข้อทเ่ี หลอื คอื 1) ไม่สามารถกลับประเทศ ต้นทางหรือไม่มีจุดเกาะเกี่ยวใดๆ กับประเทศต้นทาง 2) มีภูมิล�ำเนาและอาศัยอยู่ในราช อาณาจกั รไทยตดิ ตอ่ กนั ตอ่ เนอื่ งเปน็ ระยะเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ สบิ ปี นบั ถงึ วนั ที่ 18 มกราคม 2548 3) สามารถพดู และฟงั ภาษาไทยเข้าใจ 4) ต้องมีความจงรกั ภักดตี ่อประเทศไทย และเล่ือมใส การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข 5) มคี วามประพฤติ ดแี ละไมเ่ คยรับโทษคดอี าญา เวน้ แต่ในความผดิ อันไดก้ ระทำ� โดยประมาทหรือลหโุ ทษ กรณี ได้รับโทษในคดีอาญาต้องพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันย่ืนค�ำร้อง 6) ไม่มี พฤติการณเ์ ปน็ ภัยต่อความมั่นคงของรัฐ 7) ประกอบอาชพี สุจริต ยกเวน้ พระภกิ ษุ สามเณร และนกั บวชในศาสนาอน่ื ๆ ซง่ึ ตอ้ งปฏบิ ตั กิ จิ มาไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปี และ 8) ตอ้ งไมเ่ ปน็ ผมู้ ลี กั ษณะ ตอ้ งหา้ มมีถิ่นทอี่ ยู่ในราชอาณาจักร ตามม.44 พ.ร.บ.คนเข้าเมอื ง 2522 194 วารสารนติ สิ ังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ปีที่ 9 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2559)

ท�ำคณุ ประโยชน์ให้แก่ประเทศไทย โดยกำ� หนดเงอื่ นไข 7 ขอ้ กล่าวโดยสรุปถึงนัยยะของการเพ่ิมกลุ่ม “ผู้ทรงสิทธิ” ก็คือ การยอมรับ เหน็ ความสำ� คญั ของลกู หลานคนอพยพยา้ ยถน่ิ ทก่ี ำ� ลงั เรยี นหนงั สอื เปน็ คนทที่ ำ� คณุ ประโยชนใ์ หก้ บั สงั คมไทย หรอื แมแ้ ตก่ รณขี องเดก็ ถกู ทอดทง้ิ แมเ้ หตผุ ลหลกั จะเปน็ เรอื่ งของการเคารพตอ่ “หลกั ประโยชนส์ งู สดู ของเดก็ ”แตไ่ มม่ ากกน็ อ้ ยเดก็ เยาวชน เหลา่ นค้ี ือ “ทรัพยากรบุคคล” ก�ำลงั เติบโตขนึ้ ในสังคมผสู้ ูงอายขุ องเรา (4) “คนตกหลน่ ” ในแตล่ ะชว่ งเวลา เพราะมแี ต่ “รปู แบบ” แตข่ าด “ระบบ” เลโขแ่ ละลาพอ พอ่ แมข่ องสายพร และคนอ่นื ๆ ทีต่ ำ� บลแมค่ ง (รวมถึงพ้นื ที่อื่นๆ ของประเทศไทย) ท่ีมีคุณสมบัติครบเงื่อนไขทุกอย่างได้เร่ิมต้นเข้าสู่ กระบวนการปรบั เปลยี่ นสถานะโดยไปยน่ื คำ� ขอสถานะตา่ งดา้ วทอี่ ำ� เภอแมส่ ะเรยี ง เรยี บรอ้ ยแลว้ แตส่ ำ� หรบั จอเตอะเหลอะ ในสายตาของรฐั ไทยแลว้ ภาพของการเปน็ “คนตกหล่น” การส�ำรวจทะเบียนชนกลุ่มน้อยดูไม่แจ่มชัดเท่าเอกสารท่ีเขาถือ (มันเพิ่งถูกจัดท�ำในปี 2552) เขาจึงเป็นผู้ต้องสงสัยถึงการทรงสิทธิ หากจอเตอะ เหลอะคดิ จะไปยื่นค�ำขอสถานะตา่ งด้าวฯ นิตินโยบายท่ีพ่วงสิทธิการขอสัญชาติไทยของคนเจเนอเรชันที่ 2 ไว้กับ ระยะเวลาการเข้าเมืองมาของคนรุ่นพ่อแม่ก็ส่งผลกระทบต่อการย่ืนค�ำขอสัญชาติ ไทยดว้ ยเชน่ กัน41 ตัวอย่างทช่ี ัดเจนก็คือลูกชายของจอเตอะเหลอะท้งั สองคน ส่วน สายพร จะไม่ได้รับผลกระทบในเรื่องน้ีแต่เธอก็มีปัญหาอีกแบบเพราะเธอไม่มี เอกสารรับรองว่าเธอเกิดในไทยจริง สายพรได้ยื่นค�ำร้องขอท.ร.20/1 ไปแล้วแต่ กระบวนการพิสูจน์ว่าเธอเกิดในประเทศไทยจริงยังไม่เคยเริ่มต้นข้ึนและเธอก็ เหมอื นคลา้ ยกบั คนอน่ื ๆ อยรู่ ะหวา่ งรอการปรบั สถานะ การลองตดิ ตามกระบวนการ ทางวิธีปฏิบตั ริ าชการทางปกครอง (ติดตาม-โต้แยง้ /อุทธรณ-์ ฟอ้ งศาล) ยังเป็นทาง เลอื กทา้ ยๆ และสุดท้ายเสมอ 41 บุตรของบุคคลทีอ่ พยพเขา้ ในประเทศไทยและอาศัยอยูม่ านานท่ีมิได้มีเชื้อสายไทย และเกิด ในประเทศไทยครอบคลุม เข้านอก ออกใน 195

ดงั นนั้ ในรอบน้ี (มตคิ รม.7 ธนั วาคม 2553) กจ็ ะยงั คงมี “คนตกหลน่ สะสม” อกี ไดแ้ ก่ กรณชี นกลุม่ นอ้ ยทอ่ี พยพเขา้ มาอยู่เปน็ เวลานาน แต่ (1) ตกหล่นส�ำรวจ บตั รชนกลมุ่ นอ้ ย และตอ่ มาไดร้ บั การสำ� รวจฯ (ถอื บตั รเลขศนู ย)์ และ (2) คนไรร้ าก เหงา้ ที่อพยพเข้ามาตงั้ แต่วันที่ 19 มกราคม 2538 กบั กรณีรุ่นลูก ได้แก่ (3) เด็ก เยาวชนทีพ่ ่อแมเ่ ปน็ ชนกลุ่มน้อย แตต่ กหลน่ ส�ำรวจทะเบียนชนกลมุ่ น้อย (4) เด็ก ทมี่ ีพอ่ แมเ่ ปน็ ชนกลมุ่ น้อยเข้าเมอื งมาหลังวนั ที่ 18 มกราคม 2538 และ (5) คนไร้ รากเหง้าท่ีตกหล่นการส�ำรวจบัตรเลขศนู ย์ ตารางแสดงจ�ำนวน คนไร้สญั ชาตใิ นประเทศไทย ประเภทบคุ คล เลขรหัส เลขรหัส เลขรหสั รวม ท่วั ไป 6 7 0 42,221 บคุ คลบนพื้นทสี่ งู 42,221 0 45,349 อดีตทหารจนี คณะชาติ 23,147 จนี ฮ่ออพยพพลเรอื น 22,202 786 จีนฮอ่ อสิ ระ 678 108 466 ผู้พลัดถน่ิ สญั ชาติพมา่ 361 105 2,077 ผหู้ ลบหนีเขา้ เมอื งจากพมา่ 1,439 638 13,821 ผู้หลบหนีเขา้ เมืองจากพมา่ 4,051 29,225 (อย่กู ับ นจ.) 14,703 5,210 ญวนอพยพ 14,522 13,821 ลาวอพยพ 553 เนปาลอพยพ 8,231 5,590 544 9 7,909 14 3,364 4,545 10 4 196 วารสารนิตสิ ังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ปีท่ี 9 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธันวาคม 2559)

ประเภทบคุ คล เลขรหัส เลขรหัส เลขรหสั รวม 67 0 2 อดีตโจรจีนคอมมวิ นิสต์ 0 2 6,207 มลายา 5 ไทยลอื้ 1,568 6,207 1,068 กลมุ่ ตองเหลอื ง 05 2,412 ผู้อพยพเชื้อสายไทยจาก 790 278 1,645 จงั หวัดเกาะกง 2,800 ผู้หลบหนีเช้ือสายไทยจาก 1,356 1,056 จงั หวดั เกาะกง 4.969 792 ผหู้ ลบหนีเขา้ เมืองจากกมั พชู า 999 646 ผพู้ ลัดถิ่นสญั ชาตพิ มา่ เช้อื สาย ไทย 223 2,577 ผ้พู ลัดถ่ินสญั ชาตพิ มา่ เชอื้ สาย 435 4,534 ไทย เข้ามาหลงั 9 ม.ี ค. 2519 มง้ ถำ้� กระบอก 792 0 ชมุ ชนบนพนื้ ทส่ี งู (ชาวเขา 9 เผา่ ) 24,774 20,137 44,911 ชุมชนบนพ้ืนทสี่ งู (ไมใ่ ชช่ าว 18,763 76,708 เขา 9 เผา่ ) 57,945 มอแกน 1 619 620 รวม 187,632 รวม 107,757 295,389 บตุ รของคนต่างด้าว/ ชนกลุม่ 49,557 49,557 น้อย รวมชนกลมุ่ น้อย (295,389+ 49,557) 344,946 เข้านอก ออกใน 197

ประเภทบคุ คล เลขรหสั เลขรหัส เลขรหสั รวม 67 0 39,077 หลกั ฐานอ่นื ๆ 0 39,077 5,847 กลุ่ม 7 อื่น ๆ 5,847 997 79,549 ลงทะเบยี นเลข 0 ครั้งแรก ไมม่ แี ยกกลมุ่ ย่อย 8,806 กลุม่ เด็กและบคุ คลท่เี รียนอย่ใู นสถานศกึ ษาหรือสถานสงเคราะห์ 28 72,318 กลมุ่ บคุ คลไร้รากเหง้า 161,728 กลุ่มบคุ คลทท่ี ำ� คุณประโยชน์แก่ประเทศไทย 252 201 บตุ รของบุคคลทไ่ี ม่มสี ถานะทางทะเบียนทไี่ ดร้ บั การแจ้งเกดิ 453 รวมบัตรเลข 0 552,051 บคุ คลต่างดา้ วอ่นื ๆ กล่มุ แรงงานตา่ งดา้ วและผ้หู นีภัยจากการสู้รบ รวม รวมทง้ั หมด ท่ีมา: กรมการปกครอง กรกฎาคม 2559 มีค�ำถามวา่ คนทมี่ ีขอ้ เทจ็ จริงแบบครอบครวั จอเตอะเหลอะ มจี ำ� นวนสกั เทา่ ไร คำ� ถามนม้ี ีความส�ำคญั เพราะนโยบายทเ่ี ปดิ ใหค้ นนอก (กลุ่มชนกลมุ่ นอ้ ย) เขา้ เปน็ คนใน (ไมว่ า่ จะในฐานะคนตา่ งดา้ วทม่ี สี ทิ ธอิ าศยั ถาวรหรอื คนสญั ชาตไิ ทย) มวี ัตถุประสงค์ทีช่ ัดเจนในตวั เองนน่ั คอื การลดจำ� นวนชนกลมุ่ น้อยซึง่ หากคิดในเชงิ ปรมิ าณ ณ ปจั จบุ ัน เฉพาะชนกลุ่มนอ้ ยทอี่ พยพอยมู่ านานแลว้ มีเอกสารแสดงตน (ถือบัตรเลขหก) และบุตร (บัตรเลขเจ็ด) มีอยู่จ�ำนวน 344,946 คน รวมกับ กรณีบุคคลท่ีเพิ่งได้รับการส�ำรวจตามมติครม.ในปี 2548 จ�ำนวน 161,728 คน 198 วารสารนติ สิ ังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ ปที ี่ 9 ฉบับท่ี 2 (กรกฎาคม – ธนั วาคม 2559)

และกลมุ่ อนื่ ๆ เปน็ จำ� นวน 552,051 คน (ดตู าราง) ซงึ่ จำ� นวนนหี้ มายถงึ คนตกหลน่ กระบวนการพัฒนาสิทธิมาร่วม 30 ปี นับแต่วันที่คนอพยพรุ่นแรกเข้ามาใน เมอื งไทย นนั่ หมายความประชากรสว่ นหนง่ึ ในประเทศไทยยงั คงถกู แชแ่ ขง็ ศกั ยภาพ ท้ังๆ ท่ีพวกเขาหรือเธอควรจะเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆ เพื่อ แปรเปล่ยี นให้เป็นทรัพยากรบคุ คลที่มคี ุณภาพใหก้ บั สงั คมไทย ยงั ไมน่ ับโจทย์ใหม่ ท่ีไม่แน่ใจว่าหน่วยงานรัฐให้ความส�ำคัญมากน้อยแค่ไหนก็คือสังคมไทยก�ำลังก้าว เขา้ สู่สังคมผ้สู ูงอายุ 3. ขอ้ สรุป ดงั ทกี่ ลา่ วไปแลว้ วา่ บทความนเ้ี ลอื กหยบิ เนอื้ หาเพยี งบางสว่ นของงานวจิ ยั เชงิ ปฏบิ ตั ิการเพอ่ื ให้ความช่วยเหลอื ทางกฎหมายแกผ่ ู้มปี ัญหาสถานะบคุ คล และ บางสว่ นของงานพฒั นาขอ้ เสนอแนะเชงิ นโยบาย โดยมงุ่ โฟกสั ไปทก่ี รณกี ลมุ่ ผอู้ พยพ ย้ายถิน่ รุ่นทีห่ นง่ึ และรุ่นทส่ี อง (กรณชี นกลุม่ นอ้ ย) ในสว่ นทา้ ยของบทความฉบบั นี้ จงึ จบลงดว้ ยขอ้ เสนอแนะของทมี วจิ ยั ถงึ สงิ่ ทคี่ วรจะเปน็ แทนทก่ี ารเดนิ ซำ�้ ยำ�่ ไปบน แบบแผน (ทางปฏบิ ัต)ิ เดิมๆ น่นั คือการเปล่ยี นแนวคิดต่อนโยบายและเปลยี่ นทาง ปฏบิ ตั ใิ นการเปลยี่ นผา่ นผอู้ พยพฯ กลมุ่ นเี้ ขา้ เปน็ สมาชกิ ของสงั คมไทยโดยยกระดบั แบบแผนให้เป็น “ระบบ” ท่ีมลี ักษณะทว่ั ไป กล่าวโดยสรปุ ไดด้ ังตอ่ ไปน้ี ประการแรก-กรณีการปรับเปลี่ยนสถานะบุคคลของผู้อพยพย้ายถ่ิน (ชนกล่มุ นอ้ ย) ร่นุ ท่ี 1 คนเกิดนอก เขา้ มาในประเทศไทย (1) รฐั ไทยควรละทง้ิ แนวคดิ ทใี่ หค้ วามสำ� คญั กบั กรอบเวลาแบบเดมิ ๆ กลา่ ว คอื ไมต่ อ้ งสนใจวา่ ผอู้ พยพยา้ ยถนิ่ คนหนงึ่ ๆ เขา้ มาในประเทศไทยกอ่ นหรอื หลงั วนั ท่ี 18 มกราคม 2548 โดยแทนท่ีด้วยแนวคดิ ที่ว่าหากอาศยั อยู่ในประเทศไทยเป็น เวลานานแลว้ (อาจใชก้ รอบระยะเวลา 10 หรอื 15 ป)ี โดยมหี ลกั ฐานยนื ยนั /พสิ จู น์ เข้านอก ออกใน 199


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook