88 ใช้งานแสงประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่เอกชนอาจเกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพ หรือมีผลกระทบ ต่อสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมกับการดํารงชีพของประชาชน เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะออกคําสั่งเป็น หนังสือห้ามมิให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองใช้หรือยินยอมให้บุคคลใดใช้สถานที่นั้นทั้งหมดหรือบางส่วน จนกว่าจะเป็นที่พอใจแก่เจ้าพนักงานท้องถิ่นว่าได้มีการระงับเหตุรําคาญจากการใช้งานแสงประดิษฐ์นั้น แล้วก็ได้ (มาตรา 28 วรรคสาม) หากบุคคลใดไมย่ อมปฏิบัติตามคาํ ส่ังของเจา้ พนกั งานท้องถ่ินตามมาตรา 22 มาตรา 27 หรือมาตรา 28 โดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร หรือขัดขวางการปฏบิ ัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตาม มาตรา 27 วรรคสอง หรือมาตรา 28 วรรคสอง พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 74 วาง หลักเกณฑ์ให้บุคคลที่ไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของเจ้าหน้าที่หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ท้องถิ่น ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ โดยเจ้า พนกั งานท้องถิน่ มีอํานาจตามมาตรา 85 วรรคสามในการเปรยี บเทียบปรับโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือ ปรับไม่เกินสองพนั บาทหรอื ท้ังจําทงั้ ปรบั กล่าวโดยสรุป กรณีที่มีเหตุรําคาญจากการใช้งานแสงประดิษฐ์เกิดขึ้น ผู้ที่เผชิญกับเหตุรําคาญจาก การใช้งานแสงประดิษฐ์ย่อมสามารถใชส้ ิทธิร้องเรียนต่อเจ้าพนักงานท้องถ่นิ ซึ่งเจ้าพนักงานมีหนา้ ท่ีต้องไป ตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าพิสูจน์ได้ว่าผู้ที่เผชิญกับเหตุรําคาญได้รับผลกระทบจากการใช้งานแสงสว่าง ภายนอกอาคารของผู้หนึ่งผู้ใด เจ้าพนักงานท้องถิ่นอาจให้คําแนะนําและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้งาน แสงสว่างภายนอกอาคาร ถ้าผู้กอ่ เหตรุ าํ คาญดังกลา่ วไมย่ อมปฏิบตั ติ ามคาํ แนะนําและข้อเสนอแนะของเจ้า พนักงานท้องถิ่น เจ้าพนักงานท้องถิ่นย่อมมีอํานาจออกคําสั่งให้ผู้ก่อเหตุรําคาญปรับปรุงแก้ไขเกี่ยวกับการ ติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคาร ถ้าผู้ก่อเหตุรําคาญไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขตามคําสั่งของเจ้า พนักงานท้องถิ่นได้ เจ้าพนักงานท้องถิ่นย่อมมีอํานาจเปรียบเทียบปรับได้ แต่ถ้าผู้ก่อเหตุรําคาญไม่ยอมให้ ปรับ เจ้าพนกั งานทอ้ งถิน่ สามารถแจ้งความตอ่ พนกั งานตาํ รวจเพื่อใหด้ าํ เนินคดที างศาลตอ่ ไป อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวถึงการกําหนดบทบัญญัติว่าด้วยการจัดการเหตุรําคาญจากการใช้งานแสง ประดิษฐเ์ ปน็ การเฉพาะ ประเทศไทยไมไ่ ด้มีการกําหนดบทบัญญัตวิ ่าด้วยการจัดการเหตุราํ คาญจากการใช้ งานแสงประดิษฐ์เอาไว้เป็นการเฉพาะหรืออาจเรียกว่าไม่มีการกําหนดบทบัญญัติเอาไว้เป็นพิเศษในระบบ กฎหมายไทยแต่ประการใด ทั้งๆ ที่การกําหนดหลักเกณฑ์และการจัดการเหตุรําคาญจากการใช้งานแสง ประดิษฐ์เป็นสิ่งควรกําหนดเอาไว้และเป็นปัจจัยสําคัญที่ช่วยป้องกันและลดผลกระทบในด้านลบต่อ สุขอนามัยของเพื่อนบ้านหรือชุมชนโดยรอบ ซึ่งหากกล่าวถึงเหตุรําคาญภายใต้พระราชบัญญัติการ สาธารณสุข พ.ศ. 2535 ในระบบกฎหมายไทย กลับไม่ได้มีการกําหนดหลักการทั่วไปและข้อยกเว้น เกี่ยวกับเหตุรําคาญจากการใช้งานแสงประดิษฐ์เฉกเช่นเดียวกับระบบกฎหมายอื่นๆ (เช่น ประเทศอังกฤษ และประเทศฝรั่งเศส) ทั้งนี้เห็นได้ว่าการที่ปราศจากหลักเกณฑ์และการจัดการเหตุรําคาญจากการใช้งาน แสงประดิษฐ์เป็นการเฉพาะย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดี ได้แก่ พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.
89 2535 ในระบบกฎหมายไทยย่อมเปิดโอกาสให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นและศาลยุติธรรมตีความว่าการใช้งาน แสงสว่างในลักษณะใดถือเป็นเหตุรําคาญจากการใช้งานแสงประดิษฐ์ จนอาจสร้างหรือได้สร้างความ เสยี หายแกร่ ่างกาย อนามยั ทรพั ย์สินหรอื สทิ ธิประการหนึง่ ประการใดของผู้เผชญิ กบั เหตุราํ คาญหรือผ้ตู ้อง เสียหายจากเหตุรําคาญเช่นว่านั้น เพราะฉะนั้นเมื่อการใช้งานแสงประดิษฐ์ที่ก่อความเดือดร้อนรําคาญแก่ บุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว เจ้าพนักงานท้องถิ่นก็มีหน้าที่ต้องใช้บทบัญญัติตามพระราชบัญญัติการ สาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาเป็นเครื่องมือในการจัดการกับความเสี่ยงและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้ งานแสงสว่างที่ก่อให้เกิดความเดือนร้อนรําคาญแก่เพื่อนบ้าน จากการศึกษาพระราชบัญญัติการ สาธารณสุข พ.ศ. 2535 ในข้างต้น ก็จะพบว่าการกําหนดให้มีการตีความแบบยืดหยุ่นให้ครอบคลุมเหตุ รําคาญที่อาจเกิดข้ึนได้จากมลพิษที่หลากหลาย (รวมทั้งมลภาวะทางแสง) ย่อมเปิดโอกาสให้นําหลกั เกณฑ์ และบทบัญญัติทั่วไปว่าด้วยเหตุรําคาญมาใช้กับเหตุรําคาญจากการใช้งานแสงประดิษฐ์ด้วย ข้อเสีย คือ พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ไม่ได้บัญญัติหลักการทั่วไปและข้อยกเว้นเกี่ยวกับเหตุรําคาญ จากการใช้งานแสงประดิษฐ์เอาไว้ การกําหนดให้มีบทบัญญัติเป็นการเฉพาะในการจัดการกับเหตุรําคาญ ดังกล่าวและปัญหาที่เกี่ยวข้องก็จะพบว่าเป็นการกําหนดให้มีมาตรการที่แน่นอน ซึ่งลักษณะการกําหนด หลักทั่วไปและข้อยกเว้นเป็นที่แน่นอนอย่างเคร่งครัดและเหมาะสมกับการรองรับความเสี่ยงที่จะเกิด ปัญหาจากการติดต้ังใช้งานไฟส่องสว่างภายนอกอาคาร ก็ยอ่ มเป็นการสอดรับกับปัญหามลภาวะทางแสงท่ี อาจเกิดขึ้นในอนาคต อีกทั้งการนําหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัตินี้มาตีความในเรื่องเหตุรําคาญจากการ ใช้งานแสงประดิษฐ์ในบางกรณีอาจไม่เอื้อต่อการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารเพื่อจัดทําบริการ สาธารณะและความมั่นคงปลอดภัยสาธารณะ จากการศึกษาตัวอย่างของกฎหมายในระบบกฎหมายอื่น เช่น ประเทศอังกฤษ ประเทศฝรั่งเศส ก็จะพบว่ามีการกําหนดข้อยกเว้นที่เอื้อต่อการใช้งานแสงสว่าง ภายนอกอาคารเพอื่ จดั ทาํ บริการสาธารณะและความมัน่ คงปลอดภัยสาธารณะ 4.1.3 ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ บุคคลทั่วไปย่อมมีสิทธิติดต้ังใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคาร เช่น ไฟรักษาความปลอดภัย ไฟสนาม หญ้า รวมไปถึงแหล่งกําเนิดแสงเพื่อประโยชน์ประการต่างๆ ทั้งไฟส่องสว่างเพื่อดําเนินกิจกรรมบริการ สาธารณะและไฟส่องสว่างเพื่อดําเนินกิจกรรมทางธุรกิจกับการพาณิชย์ เช่น ไฟถนน ป้ายโฆษณาขนาด ใหญ่ และไฟประดบั ในช่วงเทศกาล อย่างไรก็ดี เม่อื ผหู้ นง่ึ ผู้ใดไดใ้ ชส้ ิทธติ ดิ ตั้งใช้งานแสงสว่าง จนกอ่ ใหเ้ กิด แสงที่ส่องรุกลํ้าเข้าไปในบริเวณพื้นที่ส่วนบุคคลของเพื่อนบ้านหรือเมื่อผู้หนึ่งผู้ใดจงใจติดตั้งใช้งานแสง สว่าง ในลกั ษณะไปกลั่นแกล้งใหผ้ ู้อื่นได้รับความเสียหายแก่ฝ่ายเดยี วแล้ว ผลท่ีตามมาอาจทําให้เพื่อนบ้าน ไม่อาจอยู่ได้อย่างปกติสุขหรือก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขอนามัยของเพื่อนบ้าน เช่นนี้แล้วถือว่าเป็นการใช้
90 สิทธิของตนอันมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ย่อมเป็นการใช้สิทธิเกินส่วนตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4213 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 ได้วางหลักเกณฑ์เอาไว้ว่าการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้ เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย มาตรานี้ได้วางหลักการเอาไว้อย่าง ชัดเจนว่าบุคคลย่อมมีสิทธิติดตั้งใช้งานแสงสว่างอย่างหนึ่งอย่างใด แต่การติดต้ังใช้งานแสงสว่างนั้นต้องไม่ ไปกระทบสิทธิของบุคคลอื่น ถ้าการติดตั้งใช้งานแสงสว่างไปกระทบสิทธิของบุคคลอื่นแล้ว ย่อมถือได้ว่า เป็นการกระทําที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าบุคคลใดติดตั้งใช้งานไฟส่องสว่างในลักษณะที่มุ่งก่อให้เกิดความ เสียหายแก่บุคคลอื่น เช่นว่านี้ย่อมเป็นการใช้สิทธิเกินส่วน ในประเด็นของการใช้สิทธิเกินส่วนตามมาตรา 421 ผวู้ ิจัยของต้งั ประเดน็ ขอ้ สงั เกตเอาไว้ 2 ประการดงั ต่อไปน้ี ประการแรก การใช้สิทธิติดตั้งใช้งานแสงสว่างซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายนั้น อาจเป็นการจงใจ ติดตั้งใช้งานแสงสว่างในลักษณะกลั่นแกล้งให้เพื่อนบ้านหรือผู้อาศัยอยู่บริเวณรอบแหล่งกําเนิดแสงนั้น ได้รับความเสียหายแต่ฝ่ายเดียว โดยมีเจตนามุ่งจะให้เพื่อนบ้านหรือผู้อาศัยอยู่บริเวณรอบแห่งกําเนิดแสง นั้นเสียหาย เช่น ผู้ใดจงใจแกล้งเพื่อนบ้าน ติดตั้งไฟสนามหญ้าให้มีทิศทางส่องไปยังห้องนอนของเพื่อน บ้าน ถือเป็นการจงใจกลั่นแกล้งเพื่อนบ้านเดือดร้อนรําคาญแต่ฝ่ายเดียว แต่ถ้าการติดตั้งใช้งานไฟสนาม หญ้ากระทําไปโดยไม่ได้จงใจกลั่นแกล้ง แม้ว่าแสงสว่างจากไฟสนามหญ้าดังกล่าวจะเล็ดลอดไปยังบริเวณ หอ้ งนอนหรือพื้นที่สว่ นตวั ของเพอื่ นบ้านไปบ้าง เชน่ ว่านีก้ ห็ าเป็นการกระทําละเมิดต่อเพอื่ นบา้ นไม่ ประการท่สี อง ผู้หน่ึงผู้ใดไดต้ ิดตั้งใชง้ านแสงสวา่ ง จนก่อให้เกดิ แสงทีส่ ่องรุกลํ้าเขา้ ไปในบริเวณพ้ืนท่ี ส่วนบุคคลของเพื่อนบ้าน เช่นว่านี้ย่อมถือเป็นการใช้สิทธิเกินส่วน อันเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความ เสียหายแก่เพื่อนบ้าน ถือเป็นการกระทําละเมิด ผู้ใช้สิทธิอันมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายต้องชดใช้ คา่ เสียหายแก่เพื่อนบ้านท่ีเผชญิ กับเหตรุ าํ คาญจากการใชง้ านแสงประดิษฐ์ การใช้สิทธิเกินส่วนนอกจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 แล้ว ยังมีประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 อันเป็นมาตราสําคัญที่บัญญัติในเรื่องของการใช้สิทธิเป็นเหตุให้ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์เสียหาย ซึ่งได้วางหลักเกณฑ์คล้ายคลึงกับมาตรา 421 เอาไว้ว่าบุคคลใดใช้สิทธิ ของตนเป็นเหตุให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรในเมื่อเอาสภาพและตําแหน่งที่อยู่แห่งทรัพย์สินนั้นมาคํานึงประกอบ ไซร้ ท่านว่าเจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีสิทธิจะปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไป ท้ังน้ีไม่ลบล้างสิทธิที่จะเรียกเอาค่าทดแทน กล่าวอีกนัยหนึ่งหากบุคคลหนึ่งบุคคลใดได้ใช้สิทธิติดตั้งไฟส่อง สว่างภายนอกอาคารเพื่อให้แสงสว่างในบริเวณอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างของตน แต่กลับกลายเป็นเหตุให้ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายหนึ่งรายใดได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่า 3 สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา. (2545). ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์. สืบคน้ วนั ท่ี 11 สิงหาคม 2561 จาก https://web.krisdika.go.th/data/law/law4/%BB03/%BB03-20-9999-update.pdf
91 จะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร ในเมื่อเอาสภาพและตําแหน่งที่อยู่แห่งทรัพย์สินนั้นมาคํานึงประกอบ เช่น เจ้าของบ้านหลังหนึ่งอาจติดตั้งไฟรักษาความปลอดภัย แล้วไฟรักษาความปลอดภัยดังกล่าวมีทิศทาง ส่องรุกลํ้าเข้าไปยังพื้นที่ส่วนตัว อาคารหรือเคหะสถานของเพื่อนบ้าน จนทําให้เพื่อนบ้านประสบเหตุ ราํ คาญจากการใชง้ านแสงประดษิ ฐ์ไม่อาจดําเนินกจิ กรรมในชวี ติ ประจาํ วันตามปกติหรือทําให้เสือ่ มสขุ ภาพ อนามัย เพื่อนบ้านที่เผชิญเหตุรําคาญจากการใช้แสงประดิษฐ์มีสิทธิที่จะปฏิบัติการเพื่อยังความเดือดร้อน ราํ คาญน้นั หมดสิ้นไป โดยไม่ลบลา้ งสิทธทิ ีจ่ ะเรียกเอาค่าทดแทนได้ กล่าวโดยสรุป ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา 421 และมาตรา 1337 อาจถูกนํามาปรับ ใช้เพื่อให้ผู้ได้รับความเดือดร้อนรําคาญจากเหตุรําคาญจากการใช้งานแสงประดิษฐ์ใช้สิทธิเรียกร้องค่า สินไหมทดแทนจากการถูกกระทําละเมดิ จากการใชส้ ทิ ธเิ กินสว่ น อันเน่อื งจากการใชง้ านแสงสวา่ งภายนอก อาคารในลักษณะจงใจกล่ันแกล้งให้เกิดความเสียหายแก่บคุ คลหน่ึงบคุ คลใดก็ดีหรือการใช้งานแสงสว่างซึ่ง มีแต่จะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดก็ดี อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันยังไม่มีคําพิพากษาศาลฎีกาที่ สามารถหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างในเรื่องของการใช้สิทธิเกินส่วนเกี่ยวกับเหตุรําคาญจากการใช้งานแสง ประดิษฐ์ 4.1.4 พระราชบญั ญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 การวางผังเมืองย่อมเป็นประโยชน์ต่อทําให้การพัฒนาเมืองให้เจริญเติบโตอย่างมีระเบียบแบบแผน และสอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดินที่จะต้องใช้มีการวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สัมพันธ์กันการ วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของเมืองในอนาคต รวมไปถึงการกําหนดเขตการใช้ ประโยชน์ท่ดี ินหรือการจาํ แนกประเภทการแบ่งเขตการจัดการพ้ืนที่มกี ารจําแนกหลายลักษณะแตกตา่ งกัน ออกไป อีกทั้งการวางผังเมืองจําต้องคํานึงถึงการส่งเสริมสภาพแวดล้อมของคนในเมืองและชุมชนที่จะต้อง ดํารงชีพทั้งในช่วงเวลากลางวันและช่วงเวลากลางคืน ให้มีความปลอดภัยในการอยู่อาศัยหรือทํากิจกรรม ตา่ งๆ แมว้ า่ จะเป็นช่วงเวลากลางคืนกต็ าม ตลอดจนต้องมกี ารวางผงั เมืองทีค่ ํานึงถงึ การประกอบธรุ กิจและ อุตสาหกรรมเพื่อขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจของเมือง โดยเฉพาะในบริเวณย่านใจกลางเมืองอันเป็นแหล่ง ศูนย์การธุรกิจและพาณิชยกรรม อีกทั้งการวางผังเมืองก็ต้องคํานึงถึงที่ตั้งสถานที่ของสาธารณูปโภคเพื่อ รองรับการจัดทําบริการสาธารณะและกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมในเวลา กลางคืน ดังนั้น การวางผังเมืองย่อมต้องคํานึงถึงการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารในบริเวณ ตําแหน่งต่างๆ หรือในบริเวณพื้นที่ต่างๆ ในบริเวณเมืองควบคู่ไปด้วย เนื่องจากแสงสว่างภายนอกอาคาร ย่อมทําให้มนุษย์ปลอดภัย (หรือรู้สึกปลอดภัย) ใช้ชีวิตได้ในเวลากลางคืน (เช่น ไฟถนน ไฟรักษาความ ปลอดภัย) และแสงสว่างภายนอกอาคารยังอํานวยประโยชน์ต่อการทํากิจกรรมต่างๆ ในบริเวณย่านหนึ่ง ย่านใดหรือพื้นที่หนึ่งพื้นที่ใดในชุมชนเมือง (เช่น ไฟสนามเด็กเล่น ไฟสวนสาธารณะ) ซึ่งการติดตั้งใช้งาน แสงสว่างภายนอกอาคารย่อมมีส่วนสําคัญที่จะทําให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมสามารถดําเนินหรือขับเคลื่อน ตอ่ ไปได้ (เช่น ไฟปา้ ยโฆษณาขนาดใหญ่ ไฟประดับประดาร้านค้า) แมจ้ ะเปน็ ยามค่าํ คนื กต็ าม
92 อย่างไรก็ตาม การขาดการวางผังเมืองที่ดีจนทําให้เมืองเกิดกระจายตัวอย่างไร้ระเบียบแบบแผน (urban sprawl) ยอ่ มส่งผลให้เกดิ การขยายตัวของพ้ืนท่ีทมี่ กี ารติดตงั้ ใชง้ านแสงสวา่ งภายนอกอาคารอยา่ ง ไร้ระเบียบแบบแผนไปด้วย อันเป็นผลมาจากการขยายตัวของการพัฒนาอาคาร สิ่งปลูกสร้างและ สาธารณูปโภคที่จะต้องมีการตดิ ตั้งใช้งานแสงสว่างประเภทต่างๆ ภายนอกอาคารในบริเวณอาคาร สิ่งปลูก สร้างและสาธารณูปโภคดังกล่าวด้วย หากไม่ได้มีการวางแผน การควบคุมและกําหนดแนวทางในการ จําแนกเขตพื้นที่สําหรับควบคุมการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารแล้ว ก็อาจเกิดการขยายตัวของพื้นที่ที่ มีการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารอย่างไร้ทิศทางและไร้ขีดจํากัด ที่ส่งผลให้เกิดการลดลงของ พื้นที่ที่ปกคลุมด้วยความมืดตามธรรมชาติและเกิดการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยความสว่างจากแสง ประดิษฐ์ หากพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยความสว่างจากแสงประดิษฐ์ไม่ได้มีการวางแผนและรณรงค์ให้ติดตั้งใช้ งานแสงสว่างภายนอกอาคารที่เป็นมิตรตอ่ สิ่งแวดลอ้ มในเวลากลางคนื แลว้ กอ็ าจกอ่ ให้เกิดสภาวะแสงเรอื ง ขึ้นไปบนท้องฟ้า อีกทั้งการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารอย่างหนาแน่นในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง หรือพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งในเมืองแล้ว ก็อาจทําให้เกิดสภาวะที่เกิดการรวมกลุ่มของแสงสว่างในบริเวณพื้นท่ี เมือง การส่งเสริมให้มีการวางแผนการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารใหส้ อดคล้องกับการวางผังเมืองและ การใช้ประโยชน์ที่ดิน ย่อมสนับสนุนการกําหนดเขตพื้นที่สําหรับควบคุมการใช้งานแสงสว่างภายนอก อาคาร ให้มีการพัฒนาการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารให้สัมพันธ์กับประโยชน์ใช้สอยของแต่ละพื้นท่ี ในเมือง อีกทั้งยังเป็นการกําหนดขอบเขตของการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารตามวัตถุประสงค์ ของการใช้ประโยชน์ในแต่ละพื้นที่เมือง โดยเชื่อมโยงกับการอนุญาตให้มีการติดตั้งใช้งานแสงสว่าง ภายนอกอาคารในบางพื้นที่ (เช่น พื้นที่เขตอุตสาหกรรม ธุรกิจและการพาณิชย์) เพื่อประโยชน์ทางด้าน เศรษฐกิจและสังคม ในขณะเดียวกันก็มีการห้ามไม่ให้มีการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารในบาง พื้นที่ (เช่น พื้นที่ที่รัฐสงวนเอาไว้อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับพื้นที่ที่รัฐสงวนเอาไว้ทํา กจิ กรรมศึกษาวิจยั ทางดาราศาสตร์) เพื่อประโยชนใ์ นการอนุรักษ์ส่งิ แวดลอ้ ม กฎหมายแม่บทว่าด้วยผังเมืองซึ่งบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ พระราชบัญญัติผังเมือง พ.ศ. 25184 ที่กําหนดหลักเกณฑ์และสาระสําคัญเกี่ยวกับการวางและจัดทําผังเมือง รวมไปถึงกําหนดมาตรการควบคุม ทั่วไป เพื่อใช้เป็นเครื่องมือกําหนดแนวทางพัฒนา ควบคู่ไปกับกําหนดแนวทางดํารงรักษาเมือง ปริมณฑล และชนบท ทั้งในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคม การขนส่ง การสาธารณูปโภค การจัดทํา บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม โดยมุ่งเน้นให้เกิดการวางผังเมืองที่ตอบสนองต่อประโยชน์สาธารณะ เปน็ สาํ คญั พระราชบัญญัติดังกล่าวกําหนดหลักเกณฑ์และสําคัญหลายประการเกี่ยวกับการวางผังเมือง เช่น การสํารวจเพ่ือวางและจัดทาํ ผงั เมืองรวมหรือผงั เมืองเฉพาะ การวางและจัดทําผังเมืองรวม การใช้บงั คับผัง 4 สถาบนั พัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน). (2560). พระราชบัญญัติการผงั เมือง พ.ศ. 2518. สืบค้นวันท่ี 11 สงิ หาคม 2561 จาก http://www.codi.or.th/downloads/laws/law/Law_Construction-3.pdf
93 เมืองรวม การวางและจัดทําผังเมืองเฉพาะ การใช้บังคับผังเมืองเฉพาะ และการรื้อ ย้าย หรือดัดแปลง อาคาร อย่างไรก็ตาม ในปจั จุบันไม่พบว่ามีการจดั ทาํ ผังเมือง ท่ปี ระกอบด้วยแผนผัง นโยบายหรือโครงการ อันเป็นการวางแนวทางกําหนดขอบเขตของการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารเป็นไปตาม วัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์ในพื้นที่เมือง ชานเมือง ชนบทและพื้นที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังไม่ พบอนุบัญญัติอื่นๆ ได้ที่ได้กําหนดพื้นที่อนุญาตให้มีการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารหรือห้าม ไม่ให้มกี ารติดตัง้ ใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารท่เี ป็นไปตามวตั ถปุ ระสงค์ของการใชป้ ระโยชนท์ ด่ี นิ อีกประการหนึ่ง หน่วยงานของรัฐด้านผังเมือง (เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง) ยังไม่ได้ริเริ่มการ จัดทําข้อมูลข่าวสารด้านมลภาวะทางแสงที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการวางผังเมือง (หรือผังการใช้งานแสง สว่างในเวลากลางคืน) ในเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ทราบถึงปัญหาดังกล่าว พร้อม อธิบายความเสี่ยงจากปัญหามลภาวะทางแสงที่อาจเกิดขึ้นจากการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคาร อย่างไร้ระเบียบแบบแผน อีกทั้งไม่มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานของรัฐ ท้องถิ่นและ สาธารณชน ให้ทราบถึงแนวทางการลดปัญหาและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการติดตั้งใช้งานแสงสว่าง ภายนอกอาคารในชุมชนเมืองอย่างเป็นระบบและมีกระบวนการที่ชัดเจน คงมีเพียงเอกสารของหน่วยงาน รัฐบางฉบับเท่าน้ัน ที่กล่าวถึงข้อมูลข่าวสารด้านอ่ืนๆ ที่กล่าวถึงแนวทางการติดต้ังไฟส่องสว่างควบคู่ไปกับ การวางโครงข่ายเส้นทางคมนาคมทางบกบริเวณ เมือง ชานเมืองและชนบท เช่น มาตรฐานไฟสาธารณะ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ข้อกําหนดและมาตรฐานทั่วไปงานติดตั้งไฟฟ้าแสง สว่างบนทางหลวง กรมทางหลวง และคู่มือแนะนําการออกแบบงานไฟฟ้าแสงสว่างถนน และไฟสัญญาณ จราจร กรมทางหลวงชนบท อย่างไรก็ดี ยังมีเอกสารของหน่วยงานเอกชนบางฉบับ ท่ีกล่าวถึงแนวทางการ ติดตั้งแสงสว่างภายนอกอาคาร พร้อมกับแนะแนวความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับมลภาวะทางแสง เช่น คู่มือ แนวทางการออกแบบการสอ่ งสวา่ งภายนอกอาคาร สมาคมไฟฟา้ แสงสวา่ งแหง่ ประเทศไทย เป็นต้น การปราศจากการวางผังการใช้งานแสงสว่างในเมืองที่ดีย่อมเป็นสาเหตุประการหนึ่งท่ีทําให้มีการใช้ งานแสงสว่างภายนอกอาคารและมีพื้นที่แสงสว่างภายนอกอาคารกระจายตัวอย่างไร้ระเบียบแบบแผน และมีปริมาณการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารอย่างไรขีดจํากัด ซึ่งการวางผังเมืองกําหนดเขตพื้นที่ สําหรับควบคุมการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารอย่างชัดเจน เช่น เขต E1 หรือเขตพื้นที่ปลอดการใช้ งานแสงสว่างภายนอกอาคาร เช่น พื้นที่อุทยานแห่งชาติ พื้นที่ศึกษาดาราศาสตร์ และพื้นที่อนุรักษ์ สิง่ แวดล้อม) และเขต E4 หรอื เขตพื้นท่ีที่มีการใชง้ านแสงสว่างภายนอกอาคารระดบั สูง (เช่น พ้นื ท่ีใจกลาง เมืองขนาดใหญ่และพ้ืนที่ที่มีการประกอบกิจกรรมตลอดช่วงเวลากลางคืน) อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือควบคุม ให้มีการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์ที่ดิน ส่งเสริมให้ การติดตั้งใช้งานและวางตําแหน่งแสงสว่างภายนอกอาคารอย่างเหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ โดยคํานึงถึง การสิ่งแวดล้อมในเวลากลางคนื และการประหยัดพลงั งานแสงสว่างไปในคราวเดยี วกัน
94 การใช้การวางผังเมืองมาเป็นเครื่องมือลดมลภาวะทางแสง ด้วยการจัดทําผังการใช้งานแสงสว่างใน เมืองรวม (Comprehensive Outdoor Lighting Plan) และผังการใช้งานแสงสว่างในเมืองเฉพาะ (Special Outdoor Lighting Project Plan) สําหรับกําหนดขอบเขตของพื้นที่ที่มีการใช้งานแสงสว่าง ภายนอกอาคารอย่างหนาแน่นและลดผลกระทบจากมลภาวะทางแสง หาตําแหน่งของพื้นที่ที่มีการใช้งาน แสงสว่างอย่างหนาแน่นและมีสภาวะแสงเรืองขึ้นไปบนท้องฟ้าปรากฏ ในขณะเดียวกันรัฐหรือท้องถิ่นอาจ นําเอาการวางผังการใช้งานแสงสว่างในเมืองมาเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและ สิ่งแวดล้อมในประเทศ พร้อมกับวางตําแหน่งของพื้นที่ใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารให้สอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ของการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นหรือชุมชน ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหา มลภาวะทางแสงระดับเมืองได้ในระยะยาว ซึ่งผู้วิจัยจะกล่าวถึงข้อเสนอแนะการนํากฎหมายผังเมืองมา เป็นเคร่อื งมอื ในการลดผลกระทบจากมลภาวะทางแสงในบทต่อไป 4.1.5 พระราชบญั ญตั ิรถยนต์ พ.ศ. 2522 แสงบาดตาจากไฟหน้าและไฟท้ายรถยนต์ เมื่อส่องเข้ามายังนัยน์ตาของมนุษย์โดยตรงหรือแสง สะท้อนแล้วส่องเข้ามายังนัยน์ตา อาจเป็นสาเหตุทําให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนน สูญเสียการมองเห็น ชั่วคราวหรือเผชิญสภาวะตาบอดชั่วคราว รวมไปถึงอาจทําให้ลดทอนสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อการมองเห็นใน เวลากลางคืน แสงบาดตาจากไฟหน้าและไฟท้ายรถยนต์ย่อมก่อให้เกิดความไม่สบายตาในขณะขับข่ี ยานพาหนะบนท้องถนน เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถจักรยาน อีกทั้งยังทําให้มองไม่เห็นวัตถุบน เส้นทางสัญจรในเวลากลางคืน ไม่ว่าจะเป็นผู้สัญจรบนทางเท้า ผู้สัญจรบนท้องถนน และผู้ขับข่ี ยานพาหนะบนท้องถนนอ่ืนๆ อาจไดร้ ับผลกระทบจากแสงบาดตาได้ ในปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายควบคุมการดัดแปลงโคมไฟหน้าและโคมไฟท้ายรถยนต์สาธารณะ ได้แก่ พระราชบัญญัตกิ ารขนส่งทางบก พ.ศ. 25225 หากมีการดดั แปลงโคมไฟหน้าและโคมไฟท้ายรถยนต์ ให้มีแสงสว่างจ้าที่มากจนเกินความจําเป็นต่อการใช้งาน รวมไปถึงการติดตั้งใช้งานแสงสว่างในลักษณะอื่น ใดที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้สัญจรบนท้องถนนอื่นๆ พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ได้ให้อํานาจกรมขนส่งทางบกในการตรวจสอบการติดตั้งใช้งานแสงสว่างบนรถยนต์ หากพบว่ารถ โดยสารสาธารณะฝ่าฝืนดัดแปลงอุปกรณ์ส่องสว่างในลักษณะดังกล่าว ย่อมถือเป็นความผิดตามตาม พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71 อันเข้าลักษณะเป็นการใช้รถที่มีอุปกรณ์ส่วนควบ ไม่ถูกต้องตามที่กําหนด ต้องระวางโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และอาจถูกสั่งระงับการใช้รถ จนกวา่ จะดาํ เนนิ การแก้ไขเรียบรอ้ ยแลว้ อกี ประการหน่ึง หากรถยนตท์ จี่ ดทะเบียน ไมว่ า่ จะเป็นรถโดยสาร สาธารณะก็ดีหรือรถยนต์ส่วนบุคคลก็ตาม หากดําเนินการแก้ไขดัดแปลงโคมไฟหน้าให้เป็นแสงสีต่างๆ หรือดัดแปลงอุปกรณ์ส่วนควบหรือเพิ่มเติมส่วนหนึ่งส่วนใดเข้าไป จนทําให้แสงสว่างจ้ามากที่จนเกินความ 5 กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม. (2559). พระราชบญั ญตั ิรถยนต์ พ.ศ. 2522. สบื ค้นวนั ที่ 11 สิงหาคม 2561 จาก https://www.dlt.go.th/th/dlt-knowledge/view.php?_did=114
95 จําเป็นตอ่ ความปลอดภัยและการใช้งานบนทอ้ งถนน ย่อมถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญตั ิรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 อันเป็นความผิดฐานเพ่ิมเติมสง่ิ ใดสง่ิ หนง่ึ เข้าไป จนอาจกอ่ ให้เกดิ อันตรายแก่รา่ งกายหรือ จติ ใจของบคุ คลอ่นื ตอ้ งระวางโทษปรบั ไม่เกิน 2,000 บาท อย่างไรก็ตาม หากบุคคลใดดําเนินการแก้ไขดัดแปลงโคมไฟหน้าให้เป็นแสงสีต่างๆ หรือดัดแปลง อุปกรณ์ส่วนควบหรือเพิ่มเติมส่วนหนึ่งส่วนใดเข้าไป จนทําให้แสงสว่างจ้ามากที่จนเกินความจําเป็นต่อ ความปลอดภัยและการใช้งานบนท้องถนน แล้วแสงสว่างจ้าดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับความ เสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน จะถือเป็นการกระทําการโดยประมาทเลินเล่อได้หรือไม่ เพราะ แม้ว่าผู้กระทําการแก้ไขดัดแปลงโคมไฟหน้าให้เป็นแสงสีต่างๆ หรือดัดแปลงอุปกรณ์ส่วนควบหรือเพิ่มเติม ส่วนหนึ่งส่วนใดเข้าไป จนทําให้แสงสว่างจ้ามากที่จนเกินความจําเป็นอาจไม่ได้จงใจให้เกิดความเสียหาย แก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน แต่การแก้ไขดัดแปลงโคมไฟหน้าให้เป็นแสงสีต่างๆ หรือดัดแปลงอุปกรณ์ ส่วนควบหรือเพิ่มเติมส่วนหนึ่งส่วนใดเข้าไปก็ถือว่าผู้กระทําการดังกล่าวไม่ได้ใช่ความระมัดระวัง ซึ่งบุคคล ในภาวะเช่นนั้นจัดต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทําการดังกล่าวหาได้ใช่เพียงพอไม่ อีกทั้งความ เสียหายที่เกิดขึ้นอาจเป็นผลโดยตรงจากการแก้ไขดัดแปลงโคมไฟหน้าให้เป็นแสงสีต่างๆ หรือดัดแปลง อุปกรณส์ ่วนควบหรือเพม่ิ เตมิ ส่วนหน่ึงส่วนใดเข้าไป กล่าวโดยสรุป แม้ปัจจุบันมีกฎหมายแม่บทหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อมอัน เนื่องมาจากการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารกับผลกระทบจากมลภาวะทางแสง ได้แก่ พระราชบัญญัติ ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พระราชบัญญัติผังเมือง พ.ศ. 2518 และพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 โดยกฎหมายแต่ละฉบับก็มีวัตถุประสงค์และสิ่งที่กฎหมายประสงค์จะคุ้มครองในลักษณะที่แตกต่าง กันออกไป แต่กระนั้นก็ตามยังคงมีความไม่ครอบคลุมของกฎหมายของประเทศไทยต่อปัญหาและ ผลกระทบจากมลภาวะทางแสง ที่มีความจําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องควบคุมการใช้งานแสงสว่างภายนอก อาคารให้อยู่ในลักษณะที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินและสิ่งแวดล้อม จึงจําเป็นต้องนํา มาตรการควบคุมมลภาวะทางแสงอย่างสากล มาปรับใช้เพื่อป้องกันและระมัดระวังภัยล่วงหน้าจากการใช้ งานแสงสวา่ งภายนอกอาคารที่ไม่เหมาะสมหรือไม่เป็นมิตรตอ่ สิ่งแวดล้อม ผู้วิจัยได้รวบรวมประเด็นปัญหา ของความไม่ครอบคลุมของกฎหมายของประเทศไทยต่อปัญหาและผลกระทบจากมลภาวะทางแสงดังที่ได้ กล่าวมาแล้วในข้างต้น เพื่อให้หน่วยงานของรัฐ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับการใช้งานแสงสว่างภายนอก อาคารและประชาชนท่ัวไป ได้เข้าใจประเด็นปัญหาต่างๆ ซึ่งประเด็นตา่ งๆ เหล่านี้อาจนําไปสู่ข้อเสนอแนะ สําหรับการพัฒนามาตรการควบคมุ มลภาวะทางแสงของประเทศไทยในอนาคต
บทที่ 5 บทสรปุ และขอ้ เสนอแนะ สําหรับโครงการวิจัยมาตรการทางกฎหมายควบคุมมลภาวะทางแสง มีจุดมุ่งหมายเพื่อรวบรวม ข้อมูลและศึกษาวิเคราะห์มาตรทางกฎหมายการควบคุมมลภาวะทางแสงที่มีอยู่ในต่างประเทศและ กฎหมายแม่บทของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมมลภาวะทางแสง อันนําไปสู่การแสวงหา แนวทางที่เหมาะสมต่อการแก้ไขหรือจัดทํากฎหมายควบคุมมลภาวะทางแสงของประเทศไทยในอนาคต อีกทั้งการเติบโตของพ้ืนที่ที่มีการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารและการขยายตัวของพ้ืนที่ที่มีความ สว่างในเมือง มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย ส่งผลให้พื้นที่ที่มีการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคาร เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง เคหะสถาน ย่านอุตสาหกรรม และย่าน พาณิชยกรรม รวมไปถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่รัฐได้จัดให้มีขึ้นเพื่อให้บริการสาธารณะทั้งในเวลา กลางวันและเวลากลางคืน ซึ่งการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารที่ไม่เหมาะสมหรือไม่เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อมอาจเข้าข่ายในลักษณะที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย กระทบต่อความปลอดภัยและ สิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ หากไม่ได้จัดให้มีมาตรการทางกฎหมายควบคุมมลภาวะทางแสงแล้ว ก็อาจ เป็นการสร้างอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในประเทศไทย ผลการวิจัย ครั้งที่ย่อมเป็นประโยชน์ต่อรัฐ หน่วยงานรัฐ ท้องถิ่น ซึ่งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอาจใช้ผลการวิจัยเป็นแนว ทางการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมมลภาวะทางแสง งานวิจัยฉบับนี้จึงได้มีบทสรุปและ ข้อเสนอแนะดังจะนาํ เสนอเปน็ ลาํ ดบั ตอ่ ไป 5.1 บทสรุป ปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายแม่บทที่สามารถนํามาปรับใช้สําหรับควบคุมมลภาวะทางแสงหรือ มาประยุกต์ใช้สําหรับจัดการกับเหตุรําคาญจากแสงประดิษฐ์ เช่น พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษา คุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่กฎหมายแม่บทดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมต่อสภาพการณ์มลภาวะทางแสง ต่างๆ ที่สามารถก่อปัญหาทางสุขภาพและทําลายสมดุลความสว่างกับความมืดตามธรรมชาติ ซึ่งความ
97 สว่างที่มากเกินไปจากแหล่งกําเนิดแสงภายนอกอาคารอาจทําให้บริเวณระบบนิเวศที่อยู่โดยรอบเผชิญกับ ความสว่างเกนิ ความเหมาะสมตอ่ สมดลุ ระบบนเิ วศ แม้ว่ามีการแพร่หลายของการใช้งานเทคโนโลยีแสงสว่างอย่างไม่หยุดยั้ง ประกอบกับมีการติดตั้งใช้ งานแสงสวา่ งภายนอกอาคารอยา่ งแพร่หลายจนทําให้มีการกระจุกตวั อย่างหนาแน่นของพ้ืนที่ที่มีการตดิ ตั้ง ใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารในบริเวณชุมชนเมืองและการขยายตัวของพื้นที่ที่มีการติดตั้งใช้งานแสง สว่างภายนอกอาคารไปยังบริเวณปริมณฑลกับพื้นที่ชนบท แต่กฎหมายไทยบางกรณียังไม่ได้กําหนด มาตรการควบคุมมลภาวะทางแสงในทุกกรณีและยังไม่ได้รับการพัฒนาให้เท่าทันกับความเสี่ยงที่อาจ เกิดขึ้นจากมลภาวะทางแสง หากพิเคราะห์ปัญหาทางกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมมลภาวะทางแสงใน ประเทศไทยทบี่ ังคับใช้อยู่ในปัจจุบนั (ได้กล่าวมาแลว้ ในบทที่ 4) ก็จะพบได้ว่าประเทศไทยยงั ไม่มมี าตรการ บางอย่างหรือไม่มีมาตรการที่เหมาะสมมารองรับการใช้งานแสงสว่างที่อาจก่อให้เกิดมลภาวะทางแสงได้ ซึ่งความที่จะกล่าวต่อไปนี้จะกล่าวถึงข้อสรุปว่าประเทศไทยควรจะนําเอาบทบัญญัติของต่างประเทศที่ได้ ศึกษามาแลว้ (ในบทที่ 3) มาวิเคราะหเ์ ปรยี บเทียบเพอ่ื นาํ ไปสู่การพฒั นากฎหมายต่อไปในอนาคต เริ่มจากประเด็นการกําหนดนิยามความหมายของคําว่ามลภาวะทางแสง (มลพิษทางแสง) เอาไว้ใน กฎหมายหรือนโยบายของรัฐอย่างเป็นรูปธรรมในหลายประเทศ เช่น ประเทศอังกฤษ ได้ให้ความหมาย ของมลภาวะทางแสงในลักษณะทั่วไปหรือการให้ความหมายของมลภาวะทางแสงตามเอกสารอัน เกี่ยวเนื่องกับหน่วยงานของรัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายเป็นการเฉพาะ ซึ่งทําให้รัฐ หน่วยงานของรัฐ ท้องถิ่น รวมไปถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารได้ ทราบว่ามลภาวะทางแสงคืออะไร แล้วมลภาวะทางแสงมีบริบทอย่างไร การกําหนดนิยามความหมายของ คําว่ามลภาวะทางแสงย่อมทําให้ผู้ปฏิบัติงานด้านผังเมืองและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงประชาชนทั่วไปได้ เขา้ ใจตรงกันเกี่ยวกับบริบทของมลภาวะทางแสง ถ้อยคาํ ท่ีบง่ บอกถึงบรบิ ทภายใต้นยิ ามของคําว่ามลภาวะ ทางแสง พึงจะต้องส่ือความความชัดเจนให้สาธารณชนได้เข้าใจตรงกัน จนเห็นพ้องต้องกันว่ามลภาวะทาง แสงเปน็ ปัญหาที่อาจกระทบได้ท้งั ปจั เจกบุคคลและสาธารณชน นอกจากนี้ การกําหนดขอบเขตว่าอะไรถือเป็นเหตุราํ คาญอนั เนื่องมาจากการใช้งานแสงประดิษฐ์ใน หลายประเทศ (เช่น ประเทศอังกฤษ ประเทศฝรั่งเศส เป็นต้น) ที่มีเครื่องมือทางกฎหมายจัดการกับเหตุ รําคาญอันเน่ืองมาจากการใช้งานแสงประดิษฐ์โดยเฉพาะ ย่อมทําให้ปัจเจกบุคคลและสาธารณชนได้ทราบ ถึงเหตุรําคาญอันเนื่องมาจากการใช้งานแสงประดิษฐ์ พร้อมกับกระทําการป้องกันไม่ให้ตนเองใช้งานแสง สว่างจนไปกระทบต่อบุคคลอื่นหรือสาธารณะชน รวมไปถึงระงับยังยั้งไม่ให้ตนเองไปก่อความเดือดร้อน รําคาญอันเนื่องมาจากการใช้งานแสงประดิษฐ์แก่บุคคลอื่น หากฝ่าฝืนไม่กระทําตามที่กฎหมายบัญญัติ เอาไว้ ก็จะมีโทษตามที่กฎหมายกําหนดเอาไว้ เช่น โทษทางแพ่ง (ค่าเสียหาย) โทษทางอาญา (ค่าปรับ) อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีเอกสารทางการหรือไม่มีบทบัญญัติกฎหมายมานิยามศัพท์คํา ว่ามลภาวะทางแสงและเหตุรําคาญจากการใช้แสงประดิษฐ์เอาไว้เป็นการเฉพาะ คงมีเพียงการกําหนด
98 นิยามความหมายของคําว่ามลพิษอย่างกว้างเอาไว้ใน มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษา คุณภาพส่ิงแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และกําหนดบริบทของเหตุรําคาญอย่างกว้างเอาไว้ใน มาตรา 25 (4) แห่งพระราชบัญญตั ิการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 เทา่ นัน้ ประเด็นที่สอง การวางหลักเกณฑ์เอาไว้เกี่ยวกับเหตุรําคาญภายใต้ มาตรา 25 (4) แห่ง พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 กลับไม่ได้มีการกําหนดหลักการเฉพาะและข้อยกเว้นเกี่ยวกับ เหตุรําคาญจากการใช้งานแสงประดิษฐ์เฉกเช่นเดียวกับกฎหมายบางประเทศ (เช่น ประเทศอังกฤษและ ประเทศฝรั่งเศส) นั้นหมายความว่ากฎหมายไทยไม่มีหลักการเฉพาะและข้อยกเว้นในกรณีการก่อเหตุ รําคาญอันเนื่องมาจากการใช้งานแสงประดษิ ฐ์ในบรเิ วณอาคารหรือส่งิ ปลกู สร้างเพ่อื เหตผุ ลทางด้านบริการ สาธารณะคมนาคมขนส่งหรือเพื่อเหตุผลทางด้านความมั่นคงความปลอดภัย ด้วยเหตุนี้หากมีเหตุรําคาญ อันเนื่องมาจากการใช้งานแสงประดิษฐ์เกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าแสงสว่างดังกล่าวจะถูกติดตั้งใช้งานใน สถานที่ใดหรือด้วยเหตุผลประการใดแล้ว ก็ย่อมถือเป็นเหตุรําคาญ หากเข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 25 (4) แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น โดยปราศจากข้อยกเว้นอย่างหนึ่ง อย่างใด ซึ่งการปราศจากข้อยกเว้นในกรณีการก่อเหตุรําคาญอันเนื่องมาจากการใช้งานแสงประดิษฐ์ ด้วย เหตุผลทางด้านบริการสาธารณะคมนาคมขนส่งหรือด้วยเหตุผลทางด้านความมั่นคงความปลอดภัยนั้น ย่อมมีข้อเสีย คือ รัฐ หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่และภารกิจจัดทําบริการสาธารณะเกี่ยวกับ ความมั่นคงปลอดภัยหรือจัดทําบริการสาธารณะเกี่ยวกับการคมนาคมชนส่ง อาจประสบปัญหาจากถูกข้อ ร้องเรียนจากปัจเจกบุคคลหรือสาธารณะชนที่ได้รับผลกระทบจากการติดตั้งใช้งานแสงสว่างหรือไฟส่อง สว่างภายนอกอาคาร รัฐ หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่และภารกิจจัดทําบริการสาธารณะ เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยหรือจัดทําบริการสาธารณะเกี่ยวกับการคมนาคมชนส่ง อาจต้องเผชิญกับ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อร้องเรียนหรือการฟ้องร้องคดีในกรณีเหตุรําคาญ จากปัจเจกบุคคลหรือ สาธารณะชนที่ได้รับผลกระทบจากการติดตั้งใช้งานแสงสว่างหรือไฟส่องสว่างภายนอกอาคารที่ก่อเหตุ รําคาญได้ตามมาตรา 25 มาตรา 26 มาตรา 27 และมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ผู้วิจัยตั้งข้อสังเกตบางประการที่แม้ว่าจะได้กําหนดเหตุรําคาญทั่วไปเอาไว้ในมาตรา 25 (4) แต่หาก ปราศจากการกําหนดข้อยกเว้นในกรณีการก่อเหตุรําคาญอันเนื่องมาจากการใช้งานแสงประดิษฐ์เกิดขึ้นใน บริเวณอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างเพื่อเหตุผลทางด้านบริการสาธารณะคมนาคมขนส่งหรือเพื่อเหตุผล ทางด้านความม่ันคงความปลอดภัยเอาไว้แล้ว อาจทําให้รัฐ หน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ท่ีมีหน้าที่และ ภารกิจจัดทําบริการสาธารณะเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยหรือจัดทําบริการสาธารณะเกี่ยวกับการ คมนาคมชนส่งไม่กล้าตัดสินใจในการปฏิบัติการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารเท่าที่ควร จึงอาจต้อง กําหนดข้อยกเว้นเฉพาะในกรณีเหตุรําคาญเอาไว้ในกฎหมาย เมื่อเป็นการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคาร สําหรับจัดทําบริการสาธารณะเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยหรือจัดทําบริการสาธารณะเกี่ยวกับการ คมนาคมชนส่งเท่านั้น และให้แบง่ แยกสถานท่ีอันเป็นที่มาของแหล่งกําเนิดแสงภายนอกอาคารใดบ้างที่พึง
99 ได้รับการยกเว้น ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการจัดทําบริการสาธารณะ เก่ียวกับความม่ันคงปลอดภยั หรอื จัดทาํ บรกิ ารสาธารณะเกยี่ วกบั การคมนาคมชนสง่ ประเด็นที่สาม การที่กฎหมายแม่บทเกี่ยวข้องกับการจัดการสิ่งแวดล้อมและผังเมืองของประเทศ ไทยนั้น ไม่ได้บัญญัติถึงมาตรการต่างๆ หรือกําหนดเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคาร ในทางกฎหมาย รองรับในกรณีเกิดการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารอาจก่ออันตรายหรือส่งผลกระทบ ด้านลบต่อมนุษย์ ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในเวลากลางคืน ย่อมอาจก่อให้เกิดหรือได้ก่อให้เกิดปัญหา การใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารที่ไม่เหมาะสมหรือการใช้งานแสงสว่างที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จน แสงสว่างดังกล่าวได้กลายมาเป็นมลภาวะทางแสง หากต้องการให้เกิดการคลี่คลายหรือลดผลกระทบจาก การใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคาร ประเทศไทยก็จําเป็นต้องบรรจุมาตรการที่จําเป็นเพื่อป้องกัน ผลกระทบจากมลภาวะทางแสงอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังช่วยให้เกิดการใช้แสงสว่างอย่างมีประสิทธิภาพ และลดการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง กล่าวอีกนัยหนึ่ง การที่กฎหมายไทยไม่ได้บัญญัติถึงมาตรการต่างๆ รองรับและสนับสนุนการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารที่เหมาะสมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่า กรณีใดก็ตาม ย่อมทําให้ประเทศไทยปราศจากมาตรฐานขั้นตํ่า (minimum standard) สาํ หรับการใช้งาน แสงสว่างภายนอกอาคารอันเป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งมาตรฐานขั้นตํ่าเช่นว่านี้ต้องเป็นมาตรฐานท่ี สอดคล้องกับระดับมาตรฐานการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารอันเป็นที่ยอมรับกันโดยสากล ใน ขณะเดียวกันการนําเอาหลักมาตรฐานสากลว่าด้วยการจัดการมลภาวะทางแสง ที่กําหนดโดยองค์การ มาตรฐานแสงสว่างระหว่างประเทศหรือองค์การมาตรฐานต่อต้านมลภาวะทางแสงระหว่างประเทศ เพื่อ สร้างเกณฑ์มาตรฐานสากลในการกําหนดคุณภาพความมืดมิดตามธรรมชาติในเวลากลางคืน และ มาตรฐานการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารให้สอดคล้องกับเทคนิคทางวิศวกรรมส่องสว่างสําหรับ ลดผลกระทบจากมลภาวะทางแสงหรือประเภทของกิจกรรมที่จะต้องใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารใน แต่ละพื้นที่ โดยมาตรฐานเช่นว่านี้จะครอบคลุมถึงเกณฑ์ขั้นตํ่าสําหรับการใช้งานแสงสว่างที่เหมาะสมหรือ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้ข้อผูกพันทางกฎหมาย (compliance obligation) ซึ่งในหลายประเทศได้ พยายามนําเอาเกณฑ์มาตรฐานสากลดังกล่าวมาบัญญัติไว้ในกฎหมายระดับชาติ กฎหมายระดับภูมิภาค และกฎหมายท้องถิ่นของตน ตัวอย่างเช่น (ก) กฎหมายระดับชาติ เช่น กฤษฎีกา Decree on Limit Values due to Light Pollution of Environment ค.ศ. 2007 (OG RS, No 81/2007) ของประเทศ สโลวีเนีย (ข) กฎหมายระดับภูมิภาค เช่น กฎหมาย Catalonian Law 6/2001 on Environmental Regulation of Lighting for the Protection of the Nocturnal Environment ของแคว้นกาตาลญุ ญา ประเทศสเปน (ค) กฎหมายท้องถิ่น เช่น เทศบัญญัติ Light Pollution Prevention Ordinance in the Town of Bisei 1989 ของเทศบาลไบเซอิ ตาํ บลโอดะ เมืองโอกายามา ประเทศญป่ี ุน่ เป็นตน้ อีกประการหนึ่ง การขาดการศึกษาทบทวนหลักเกณฑ์และมาตรการภายใต้กฎหมาย ระเบียบและ ข้อบังคับเกี่ยวกับการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารอย่างเป็นระบบในประเทศไทย โดยไม่มีการรวบรวม สารบัญญัติว่าด้วยการควบคุมมลภาวะทางแสงที่เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ไฟส่องสว่างภายนอกอาคารที่ไม่มี
100 ประสิทธิภาพ การติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารในเวลากลางคืนที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ ปัจจัยประการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินกิจกรรมภายนอกอาคารที่ต้องใช้งานแสงสว่าง รวมถึง กฎหมายท้องถิ่นอ่ืนๆ ที่เกี่ยวขอ้ งกับการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคาร ย่อมทําให้ผู้มีส่วนได้สว่ นเสียด้าน สิ่งแวดล้อมและผังเมือง ปราศจากทิศทางการวางแผนหรือไร้หลักเกณฑ์การวางแผนต่อต้านมลภาวะทาง แสง ตัวอย่างเช่น หากปราศจากนโยบายและกฎหมายของรัฐมารองรับการจัดการปัญหามลภาวะทางแสง แล้ว ผู้ตดั สินใจนโยบายหรือผู้จัดทํากฎหมาย ก็ไม่อาจปฏิบัตกิ ารวางแผนและสร้างกลไกปฏิบัติการควบคุม มลภาวะทางแสงได้อย่างเป็นระบบในทางปฏิบัติ คงมีเพียงจัดทําโครงการเชิงรณรงค์ในลักษณะท่ีมลภาวะ ทางแสงเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือจัดทําโครงการศึกษาวิจัยมลภาวะทางแสงกับผลกระทบ ในทางหนงึ่ ทางใดเท่าน้นั ประเด็นที่สี่ หลายประเทศได้มีการนําเอาเทคนิคด้านวิศวกรรมส่องสว่างมาจัดทําเป็นมาตรการทาง กฎหมายสําหรับควบคุมทิศทางการส่องของแสงสว่างกับคุณภาพแสงสว่างจากแหล่งกําเนิดแสง เช่น (ก) มาตรการบังคับให้มีการติดตั้งใช้งานโล่ไฟครอบหลอดไฟฟ้า สําหรับควบคุมทิศทางการส่องของแสง จากหลอดไฟฟ้าหรือบังคับให้ออกแบบแสงสว่างที่ออกจากโคมไฟให้พุ่งตํ่าลงไม่เกินไปกว่าแนวจํากัดแสง หรือแสงสว่างที่ออกจากโคมไฟแสงพุ่งตํ่าต้องแสดงแนวจํากัดแสงเหนือกว่าแนวระนาบภายใต้กฤษฎีกา Decree on Limit Values due to Light Pollution of Environment ค . ศ . 2007 (OG RS, No 81/2007) ของประเทศสโลวีเนีย (ข) มาตรการควบคุมคุณภาพของแสงสว่างมาบรรจุเอาไว้ในกฎหมาย ของตน สําหรับควบคุมคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์แสงสว่างที่ถูกนํามาติดตั้งใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูง ผ่านการอนุญาตให้มีการติดตั้งใช้งานแสงที่ตามองเห็นในลักษณะคลื่นความถี่ตํ่ากว่า 440 nm (nanometer) ภายใต้กฤษฎีกา Catalonian Law 82/2005 on the Environmental Regulation of Lighting for the Protection of the Nocturnal Environment ของแคว้นคาตาลัน ประเทศสเปน เป็น ตน้ ในทางตรงกันข้ามประเทศไทยกลับปราศจากมาตรการในลักษณะดังกล่าวมานี้ กฎหมายของ ประเทศไทยให้สิทธิและเสรีภาพแก่รัฐ หน่วยงานของรัฐ ท้องถิ่น ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมและ ประชาชนในการออกแบบติดตั้งแสงสว่างภายนอกอาคารตามความต้องการหรือความประสงค์ของตน ในทางตรงกันข้ามประเทศไทยยังไม่มีการกําหนดหลักเกณฑ์ทางกฎหมายในลักษณะเช่นว่านี้สําหรับ ควบคุมทศิ ทางการสอ่ งของแสงสวา่ งกบั คณุ ภาพแสงสว่างจากแหล่งกําเนิดแสงสวา่ ง ประเด็นที่ห้า หลายประเทศได้จัดให้มีมาตรการจํากัดระยะเวลาเวลาการใช้แสงสว่างภายนอก อาคาร (ในบางตําราเรียกว่า curfew hours) เอาไว้ในกฎหมายควบคุมมลภาวะทางแสงของตน เพื่อให้มี การดําเนินการเปิดใช้งานแสงสว่างในยามคํ่าคืนเพื่อเหตุผลในด้านความปลอดภัย ความมั่นคงและการ ดําเนินกิจกรรมบริการสาธารณะในเวลากลางคืน โดยรัฐหรือท้องถิ่นกําหนดระยะเวลาการปิดใช้งานไฟ ส่องสว่างสาธารณะที่ติดตั้งบนเส้นทางคมนาคมหรือไฟส่องสว่างที่ติดตั้งบนป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ เช่น
101 ระหว่างระยะเวลาเที่ยงคืนจนถึงตีห้า แต่ทว่าประเทศไทยยังไม่มีการนําเอามาตรการจํากัดระยะเวลาเวลา การใช้แสงสว่างภายนอกอาคารเช่นว่านี้ มากําหนดไว้ในกฎหมายระดับชาติหรือกฎหมายท้องถิ่นแต่อย่าง ใด ประเด็นที่หก ในปัจจุบันกฎหมายควบคุมมลภาวะทางแสงในหลายประเทศยังได้ผนวกหลักเกณฑ์ ทางกฎหมายผังเมืองเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากแสงสว่างภายนอกอาคารในเวลากลางคืน ที่ต้อง สอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม พร้อมทั้งสอดรับกับการอนุรักษ์ ความมืดมิดตามธรรมชาติกับการสร้างสมดุลระยะเวลาความสว่างตามธรรมชาติในเวลากลางวันกับ ระยะเวลาความมืดตามธรรมชาติในเวลากลางคืนไป ซึ่งการกําหนดหลักเกณฑ์เช่นว่านี้ย่อมทําให้รัฐ หน่วยงานของรัฐ และท้องถิ่นสามารถการจําแนกพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของการติดตั้งใช้งานแสงสว่าง ภายนอกอาคาร โดยพิจารณาจากการใชป้ ระโยชน์ทด่ี ิน ควบคไู่ ปกับการจาํ แนกความหนาแนน่ ของปริมาณ การติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารหรือจํานวนของไฟส่องสว่างภายนอกอาคารตามเป้าหมายของ การใช้ประโยชน์ท่ีดิน ซึ่งกฎหมายควบคุมมลภาวะทางแสงในหลายประเทศไดก้ ําหนดการใชป้ ระโยชน์จาก แสงสว่างภายนอกอาคารให้สอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดิน ผ่านการแบ่งเขตพื้นที่การใช้งานแสงสว่าง ภายนอกอาคารตามวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์ที่ดิน ตัวอย่างเช่น กฎหมาย Catalonian Law 6 / 2 0 0 1 on Environmental Regulation of Lighting for the Protection of the Nocturnal Environment และกฤษฎีกา Catalonian Decree 82/2005 on the Environmental Regulation of Lighting for the Protection of the Nocturnal Environment (Decreto 190/2015, de 25 de agosto, de desarrollo de la Ley 6 / 2 0 0 1 , de 3 1 de mayo, de ordenación ambiental del alumbrado para la protección del medio nocturno) ของแคว้นกาตาลุญญา ประเทศสเปน การ แบ่งเขตพื้นที่การใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารอาจนําไปสู่การจําแนกที่ดินที่มีการติดตั้งใช้งานแสงสว่าง ภายนอกอาคารน้อย (เช่น พื้นที่ชนบทหรือชานเมืองห่างไกล) ที่ดินที่มีการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอก อาคารปานกลาง (เช่น พื้นที่ใจกลางเมืองขนาดเล็ก พื้นที่ปริมณฑลและย่านที่อยู่อาศัยชุมชนเมือง) และ ที่ดินที่มีการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารมาก (เช่น พื้นที่ย่านอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม บริเวณใจกลางมหานคร) รวมไปถึงที่ดินที่ปลอดจากการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคาร (เช่น พื้นที่ ที่รัฐสงวนเอาไว้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและกิจกรรมดาราศาสตร์) แต่ในปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่มีการบัญญัติหลักเกณฑ์ทางกฎหมายผังเมืองเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากแสงสว่าง ภายนอกอาคารในเวลากลางคนื ตามลักษณะของวตั ถุประสงค์การใช้ประโยชน์ในทด่ี นิ ประเภทตา่ งๆ ประเด็นที่เจ็ด เมื่อพิจารณาถึงกฎหมายควบคุมมลภาวะทางแสงในหลายประเทศ ได้มุ่งเน้นให้ ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจแก้ไขปัญหามลภาวะทางแสงโดยตรง ผ่านการที่รัฐให้อํานาจท้องถิ่นใน การออกอนุบัญญัติมาควบคุมมลภาวะทางแสงภายในท้องถิ่น เมื่อมีการจัดทําอนุบัญญัติท้องถิ่นเช่นว่านี้ แล้ว ย่อมทําให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนสามารถปฏิบัติตนได้ตามกรอบที่อนุบัญญัติท้องถิ่นได้ กําหนดเอาไว้กับสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแล รักษาและฟื้นฟูระบบนิเวศในเวลากลางคืนให้ปลอด
102 จากมลภาวะทางแสง ในขณะเดียวกันก็ยังส่งเสริมให้ท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทในการจัดการสิ่งแวดล้อมใน เวลากลางคืนในพื้นที่ที่รัฐสงวนเอาไว้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและพื้นที่ที่รัฐสงวน เอาไว้ประกอบกิจกรรมดาราศาสตรใ์ นท้องถ่นิ ของตน ซ่ึงพื้นทีด่ งั กล่าวจะตอ้ งปลอดจากมลภาวะทางแสงท่ี อาจทําลายบรรยากาศความมืดมิดตามธรรมชาติในยามคํ่าคืนหรือส่งผลร้ายต่อสมดุลทางธรรมชาติในเวลา กลางคืนของพ้ืนที่ดังกล่าวได้ แต่ในประเทศไทยยังไม่มีองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบทั่วไป (เช่น องค์การ บริหารส่วนจังหวัดองค์การบริหารส่วนตําบล เทศบาลเทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเทศบาลตําบล) หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ (เช่น กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา) ใช้อํานาจออกอนุ บัญญัติว่าด้วยการควบคุมมลภาวะทางแสงขึ้นมาเป็นการเฉพาะ เพื่อควบคุมปัญหามลภาวะทางแสงท่ี เกิดขึ้นในท้องถิ่นของตน เว้นแต่กรณีปัญหาเหตุรําคาญจากการใช้งานแสงประดิษฐ์ในประเทศไทยที่มี พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 27 และมาตรา 28 วางหลักเกณฑ์ให้อํานาจเจ้า พนักงานท้องถิ่นสามารถระงับเหตุรําคาญจากการใช้งานแสงประดิษฐ์ภายในเวลาอันสมควรหรือจัดการ อย่างหนึ่งอย่างใดตามความจําเป็นเพื่อป้องกันมิให้มีเหตุรําคาญจากการใช้งานแสงประดิษฐ์เกิดขึ้นอีก จึง อาจกล่าวได้ว่าประเทศไทยมีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ (พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535) ให้อํานาจท้องถิ่นจัดการกับเหตุรําคาญจากการใช้งานแสงประดิษฐ์ได้ภายใต้หลักเกณฑ์และขั้นตอนที่ กฎหมายกําหนด แต่ประเทศไทยไม่มี อนุบัญญัติท้องถิ่นหรือไม่มีท้องถิ่นใดตราอนุบัญญัติควบคุมมลภาวะ ทางแสงเป็นการเฉพาะ เช่นว่านี้แล้วท้องถิ่นย่อมสามารถจัดการกับปัญหามลภาวะทางแสงได้บางประเภท เช่น เหตุรําคาญจากแสงสว่างจ้าหรือแสงส่องรุกลํ้าเข้าไปในพื้นที่ส่วนบุคคล อาคารหรือเคหะสถานของ บคุ คลอืน่ แต่กลบั ไมม่ อี าํ นาจจัดการกบั สภาวะแสงเรืองขึ้นไปบนทอ้ งฟา้ ในท้องถิน่ ของตน ประเดน็ ท่ีแปด กฎหมายควบคมุ มลภาวะทางแสงหลายประเทศ (เช่น ประเทศอิตาลี) ไดห้ า้ มไม่ใหม้ ี การติดตั้งใช้ไฟค้นหาที่มีความสว่างสูง (ที่หมุนได้) และไฟที่มีมีลําแสงที่ส่องไปได้ไกล (ที่หมุนได้) เพื่อ วัตถุประสงค์ในการโฆษณาหรือเพื่อติดตั้งใช้งานบริเวณป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ (เช่น ไฟสปอตไลท์ แสง เลเซอร์ และไฟดิสโก้เธค เป็นต้น) เพราะไฟส่องสว่างในลักษณะเช่นว่านี้สามารถก่อสภาวะแสงเรืองขึ้นไป บนท้องฟ้าได้ ในทางตรงกันข้ามประเทศไทยไม่มีมาตรการหรือแนวคิดห้ามไม่ให้มีการติดตั้งใช้งาน แหลง่ กาํ เนิดแสงในลักษณะเชน่ ว่านี้ 5.2 ขอ้ เสนอแนะ ผู้วิจัยมีประเด็นเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อประโยชน์ในการแสวงหาหลักเกณฑ์และ มาตรการท่เี หมาะสมมาปรบั ใชก้ บั การควบคมุ มลภาวะทางแสงในประเทศไทยดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ปัจจุบันประเทศไทยน้ัน มีการติดตั้งใช้งานแสงประดิษฐ์บริเวณพ้ืนที่ที่มีอาคาร สิ่งปลูกสร้างหรือ เส้นทางสัญจรตามลักษณะของการพัฒนาเมืองและการขยายตัวของเมือง แต่แสงประดิษฐ์ภายนอกอาคาร ที่ถูกปล่อยทิ้งจากแหล่งกําเนิดแสงภายนอกอาคาร (เช่น ไฟถนน ไฟรักษาความปลอดภัย ไฟสนามกีฬา และป้ายไฟโฆษณา เป็นต้น) ก็อาจกลายมาเป็นมลภาวะประเภทหนึ่ง ที่สามารถก่อให้เกิดหรืออาจ
103 ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมหรือภาวะที่เป็นพิษภัยอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของ ประชาชนได้ รวมไปถึงเหตุรําคาญจากแสงประดิษฐ์ที่เกิดหรือถูกปล่อยออกจากแหล่งกําเนิดแสงประดิษฐ์ ด้วย จากการศึกษาวิจัยพบว่าหลายประเทศ ได้แก่ ประเทศอังกฤษ สาธารณรัฐฝรั่งเศส สาธารณรัฐอิตาลี สาธารณรัฐสโลวีเนีย เครือรัฐออสเตรเลีย ราชอาณาจักรสเปน และประเทศญี่ปุ่น ได้บัญญัติกฎหมาย ควบคุมมลภาวะทางแสงในระดับประเทศ ภูมิภาคและท้องถิ่น โดยกฎหมายต่างประเทศเหล่านี้ได้บรรจุ มาตรการสําคัญเอาไว้ในกฎหมายควบคุมมลภาวะทางแสง ตัวอย่างเช่น (ก) เกณฑ์คุณภาพของ แหล่งกําเนิดแสงภายนอกอาคาร (หลอดไฟฟ้าหรือโคมไฟ) (ข) เกณฑ์การติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอก อาคารที่เหมาะสมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ค) เกณฑ์กําหนดเวลาใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารใน เวลากลางคืน (ง) เกณฑ์ผังเมืองว่าด้วยการใช้ประโยชน์จากแสงสว่างภายนอกอาคารในเวลากลางคืน ให้ สอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม และ (จ) เกณฑ์เหตุ รําคาญอันเนื่องมาจากการใช้งานแสงประดิษฐ์กับข้อยกเว้นเพื่อประโยชน์ด้านบริการสาธารณะ ความ ปลอดภัยและความมั่นคง แต่ประเทศไทยยังมีมาตรการที่เหมาะสมมารองรับการใช้งานแสงสว่างที่อาจ ก่อให้เกิดมลภาวะทางแสงได้ เพราะแม้ว่าประเทศไทยมีกฎหมายแม่บทที่กําหนดมาตรการในการควบคุม มลภาวะ (เช่น มลภาวะทางอากาศ มลภาวะทางเสียง และมลภาวะอ่ืนๆ รวมไปถึงเหตุรําคาญอ่ืน ๆ ที่เกิด หรือถูกปล่อยออกจากแหล่งกําเนิดมลพิษ) แต่นั้นก็หาใช่มาตรการที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะท่ีกําหนดขึ้นเพื่อ สร้างหลักเกณฑ์และกําหนดวิธีการควบคุมมลภาวะทางแสง ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงสมควรนํา หลักเกณฑ์ กลไกและมาตรการควบคมุ มลภาวะทางแสงท่ีจําเป็น มาบัญญตั เิ ปน็ กฎหมายระดบั ชาติ 2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอาจใช้อํานาจตามมาตรา 55 แห่ง พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 กําหนดมาตรฐานควบคุม มลภาวะทางแสง (มลพิษทางแสง) จากแหล่งกําเนดิ แสงสวา่ งภายนอกอาคาร สาํ หรับรกั ษาคุณภาพสภาวะ ความมืดมิดตามธรรมชาติในยามคํ่าคืนและระดับการใช้งานแสงสว่างในเวลากลางคืนให้ได้มาตรฐาน ผู้ว่า ราชการจัดหวัดอาจใช้อํานาจตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มาตรา 58 กําหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกําเนิดสูงกว่ามาตรฐานควบคุมมลพิษจาก แหล่งกําเนิดที่กําหนดตาม มาตรา 55 ด้วยประการนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมีอํานาจประกาศกําหนด มาตรฐานสําหรับควบคุมมลภาวะทางแสง จากแหล่งกําเนิดออกสู่สิ่งแวดล้อม หากว่ามีกําหนดมาตรฐาน ควบคุมมลภาวะทางแสง จากแหล่งกําเนิดแสงสว่างภายนอกอาคาร สําหรับรักษาคุณภาพสภาวะความมืด มิดตามธรรมชาติในยามคํ่าคืนและระดับการใช้งานแสงสว่างในเวลากลางคืนให้ได้มาตรฐานเอาไว้แล้ว แต่ ในกรณีที่ไม่เคยมีการกําหนดมาตรฐานควบคุมมลภาวะทางแสง จากแหล่งกาํ เนดิ แสงสว่างภายนอกอาคาร สําหรับรักษาคุณภาพสภาวะความมืดมิดตามธรรมชาติในยามคํ่าคืนและระดับการใช้งานแสงสว่างในเวลา กลางคนื ให้ได้มาตรฐานมากอ่ น ผวู้ า่ ราชการจงั หวัดยอ่ มไม่มีอํานาจตาม มาตรา 58 3. พระราชบัญญัตสิ ่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มาตรา 58 ให้อํานาจ ผู้ว่าราชการจังหวัดกําหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกําเนิดสูงกว่ามาตรฐานควบคุมมลพิษจาก
104 แหลง่ กําเนดิ ทก่ี ําหนดตาม มาตรา 55 โดยผ้วู า่ ราชการจังหวัดสามารถใช้อํานาจตามมาตราดังกล่าว ในการ ออกประกาศกําหนดมาตรฐานสิ่งแวดลอ้ มสําหรับการใชง้ านแสงสว่างภายนอกอาคารกับมาตรฐานผังเมือง ว่าด้วยการใช้ประโยชน์จากแสงสว่างภายนอกอาคารในเวลากลางคืน ให้สอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ใน ที่ดินเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เป็นไปตามความเหมาะสมในการจํากัด ผลกระทบและขอบเขตปัญหามลภาวะทางแสงท่ีจังหวัดเผชิญอยู่ ซ่ึงจะต้องมีการคํานึงว่ามลภาวะทางแสง ก็อาจสร้างผลร้ายต่อสุขภาพอนามัย ความปลอดภัยหรือระบบนิเวศต่อจังหวัดได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า มลภาวะประเภทอนื่ ๆ 4. รัฐบาล หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานด้านผังเมืองของประเทศไทย ควรร่วมกันจัดทํา กฎหมายแม่แบบหรือ Model Law ว่าด้วยการใช้งานแสงสว่างสําหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นมา นํามาเป็นต้นแบบของอนุบัญญัติท้องถิ่นของประเทศไทย เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประเทศไทย (เช่น กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา องค์การบริหารส่วนจังหวัดองค์การบริหารสว่ นตาํ บล เทศบาลเทศบาล นคร เทศบาลเมอื ง และเทศบาลตําบล) อาศัยเปน็ แนวทางนําไปพฒั นาใหเ้ ปน็ อนุบัญญตั ิวา่ ด้วยการควบคุม มลภาวะทางแสงในท้องถิ่นของตน หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประเทศไทยนําหลักการภายใต้ กฎหมายต้นแบบไปบัญญัติเป็นอนุบัญญัติในแนวทางที่คล้ายคลึงกันหรือเป็นไปในแนวทางเดียวกันแล้ว ก็ จะสร้างมาตรฐานการควบคุมแสงสว่างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่งให้เป็นอันหนึ่งอัน เดียวกัน โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ที่มุ่งควบคุมมลภาวะทางแสงจากการติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคาร ทเี่ หมาะสมหรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 5. หากท้องถิ่นใดมแี นวโนม้ ที่จะเผชิญหรือกําลงั เผชิญกับปญั หาอันเนื่องมาจากการตดิ ตั้งใชง้ านแสง สว่างจนเป็นเหตุให้เกิดมลภาวะทางแสง ท้องถิ่นดังกล่าวอาจตราอนุบัญญัติท้องถิ่นที่ครอบคลุมการ ป้องกันมลภาวะทางแสงและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในเวลากลางคืน รวมไปถึงการควบคุมการติดตั้งใช้ งานไฟส่องสว่างในลักษณะไม่ก่อให้เกิดเหตุรําคาญอันเนื่องมาจากการใช้งานแสงประดิษฐ์ นอกจากนี้ยัง อาจจัดทําอนุบัญญัติให้สอดคล้องกับปัญหาเฉพาะที่สามารถใช้ควบคุม และป้องกันภาวะมลภาวะทางแสง ทที่ อ้ งถิ่นกาํ ลงั เผชิญเปน็ พิเศษกไ็ ด้ 6. ประเทศไทยควรมีการคิดค้นกลไก เครื่องมือและมาตรการใหม่ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากการใช้ งานแสงสว่างภายนอกอาคารท่ีไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ในความสว่างท่ีมากพอและเป็นระยะเวลานาน พอที่จะทําให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ อนามัย ความปลอดภัยของมนุษย์ สัตว์ พืชและระบบนิเวศในเวลา กลางคืน โดยกลไก เครื่องมือและมาตรการดังกล่าวต้องตอบสนองต่อการแก้ปัญหามลภาวะทางแสงที่ สามารถกระทบต่อสาธารณะชน พร้อมควบคุมแหล่งกําเนิดมลภาวะทางแสงไม่ให้ขยายผลกระทบไปได้ทั่ว ทั้งชั้นบรรยากาศและระบบนิเวศใกล้เคียง เช่น การจัดทําการประเมินความเสี่ยงจากสภาวะแสงเรืองขึ้น ไฟบนท้องฟ้า (Preliminary Sky Glow Assessment) การจดั ทําแผนทร่ี ะบตุ ําแหนง่ บรเิ วณทม่ี ีการใช้งาน แสงสว่างอย่างหนาแน่นจนมีสภาวะแสงเรืองขึ้นไฟบนท้องฟ้า (Sky Glow Map หรือ Urban Brightness
105 Map) และการจัดทําแผนแม่บทควบคุมสภาวะแสงเรืองขึ้นไปบนท้องฟ้า (Sky Glow Control Plans) เปน็ ต้น 7. ประเทศไทยควรศึกษาตัวอย่างของกฎหมายจัดการเหตุรําคาญอันเนื่องมาจากการใช้งานแสง ประดิษฐ์ในประเทศอื่นๆ (เช่น ประเทศอังกฤษ ประเทศฝรั่งเศส) แล้วนํามาพัฒนาหลักเกณฑ์เฉพาะว่า ด้วยมาตรฐานในการพิจารณาว่าการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารในลักษณะใดจึงถือเป็นเหตุรําคาญอัน เนื่องมาจากการใช้งานแสงประดิษฐ์ พร้อมกับพัฒนาข้อยกเว้นที่เอื้อประโยชน์ต่อการใช้งานแสงสว่าง ภายนอกอาคารสําหรับการจัดทําบริการสาธารณะของภาครัฐ ความปลอดภัยและความมั่นคงของ สาธารณชน ตัวอย่างเช่น การกําหนดข้อยกเว้นของการใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารที่เข้าลักษณะเหตุ รําคาญอันเนื่องมาจากการใช้งานแสงประดิษฐ์จากแหล่งกําเนิดแสง เช่น ท่าอากาศยาน สถานีเดินรถ ประจําทางและสาธารณูปโภคอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จุดจอด/ขนถ่าย/พักของรถบรรทุกสินค้า ประภาคาร ชายฝั่งทะเล สถานีรถไฟ สถานีรถราง ทัณฑสถาน (เรือนจํา) สถานีรถบริการสาธารณะอื่นๆ และอาคาร หรอื สงิ่ ปลกู สร้างของกองทพั เป็นต้น 8. ประเทศไทยควรสร้างความตระหนกั ให้สาธารณชนท่ัวไปไดร้ ับทราบถงึ ปัญหาและผลกระทบของ มลภาวะทางแสงที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ อนามัย ความปลอดภัยของมนุษย์ สัตว์ พืชและระบบนิเวศใน เวลากลางคืน รวมไปถึงการศึกษาดาราศาสตร์ เมื่อสาธารณชนได้รับทราบว่ามลภาวะทางแสงคืออะไรแล้ว ก็ย่อมจะเกิดการรับรู้ การรับสัมผัสและความคิดรวบยอด ที่จะสร้างความตระหนักให้ประชาชนทั่วไปได้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาติดตั้งใช้งานแสงสว่างภายนอกอาคารที่เหมาะสมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันก็ควรสร้างความตระหนักให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างประหยัดพลังงาน เช่น รณรงคใ์ ห้ปิดโคมไฟภายนอกอาคารท่ีไม่จําเป็นตอ่ การใชง้ านและรณรงค์ให้ปิดสวิตช์เคร่ืองใช้ไฟฟ้าเม่ือเลิก ใช้งาน เป็นต้น
บรรณานุกรม Alberta Dark Sky Association. (2007). Light Pollution – Energy Production and Air Pollution – 1/2. Retrieved July 1, 2016, from http://www.rasc.ca/sites/default/files/LightPollution- EffectsonEnergyConsumption.pdf Alberta Dark Sky Association. (2017). Light Pollution – The Problem of Light Trespass. Alberta: Alberta Dark Sky Association, pp. 1-2. Ares, E. & Adcock, A. (2018). Briefing Paper Nuisance complaints Number CBP 8040. London: House of Commons Library, p. 14. Association of Lighting Designers. (2018). The Proposed 2020 EU Lighting Regulations – A Primer. Southsea: Association of Lighting Designers, pp. 1-8. Astronomical Society of South Australia. (2018). Light Pollution. Retrieved April 7, 2018, from https://www.assa.org.au/lightpollution Axis Communications. (2012). Night lessons - Lighting for network cameras A summary report from Axis and Raytec regional test nights Winter 2011–2012 - England, Scotland, Denmark. Lund: Axis Communications, pp. 1-12. Bath & North East Somerset Council. (2015). How to prevent Artificial light Nuisance, Retrieved May 3, 2018, from https://www.west-lindsey.gov.uk/my-services/my- community/environment/pollution-control/statutory-nuisance-lighting/ Batinsey, J. (2006). Outdoor Lighting Ordinance Guide. Eatontown, NJ: Eatontown Environmental Commission, pp. 1-17. Bisei Astronomical Observatory. (2003). A brief introduction to BAO. Retrieved May 11, 2018, from http://www.bao.go.jp/eng/
107 Bortle, J. E. (2006). Gauging Light Pollution: The Bortle Dark-Sky Scale. Retrieved April 1, 2018, from https://www.skyandtelescope.com/astronomy-resources/light-pollution- and-astronomy-the-bortle-dark-sky-scale/ Bratspies, B. (2015). 'Do We Need a Human Right to a Healthy Environment?’, Santa Clara Journal of International Law, 1 (13), pp. 31-69. British Astronomical Association Campaign for Dark Skies. (2009). Blinded by the Light?. London: British Astronomical Association, pp. 33-35. Campaign to Protect Rural England. (2014). Light pollution as a Statutory Nuisance: A 'how to' guide.. Retrieved July 1, 2016, from file:///C:/Users/Veriton/Downloads/light- pollution-as-a-statutory-nuisance-a-how-to-guide.pdf Campaign to Protect Rural England. (2014). Light pollution as a Statutory Nuisance: A 'how to' guide. Retrieved April 8, 2018, file:///C:/Users/Veriton/Downloads/light-pollution- as-a-statutory-nuisance-a-how-to-guide.pdf Campaign to Protect Rural England. (2014). Shedding Light; A survey of local authority approaches to lighting in England. London: Campaign to Protect Rural England, p. 4. Campaign to Protect Rural England. (2016). Night Blight: Mapping England’s light pollution and dark skies. London: Campaign to Protect Rural England, pp. 4-5. Chalkias, C., Petrakis, M. & Lianou, M. (2006). 'Modelling of light pollution in suburban areas using remotely sensed imagery and GIS', Journal of Environmental Management, 79, pp. 57–63. Cinzano, P. (1998). The Propagation of Light Pollution in Diffusely Urbanised Areas. Retrieved May 7, 2018, from https://arxiv.org/pdf/astro-ph/9811293.pdf Cinzano, P. (2000). Laws against light pollution in Italy. Retrieved May 7, 2018, from http://www.inquinamentoluminoso.it/cinzano/en/page95en.html Cinzano, P. (2002). Light pollution and the situation of the night sky in Europe, in Italy and in Veneto. Retrieved May 7, 2018, from http://www.lightpollution.it/download/cinzano_nightskyeurope.pdf
108 City of San Antonio. (2009). Dark Sky Policy Evaluation. Retrieved April 8, 2018, https://www.sanantonio.gov/sustainability/DarkSkyPolicyEvaluation Civil Aviation Authority of New Zealand. (2016). Advisory Circular AC139-6. Wellington: Civil Aviation Authority, pp. 88-132. Clarence Valley Council. (2016). Light pollution fact sheet. Retrieved May 9, 2018, from https://www.clarence.nsw.gov.au/cp_themes/metro/page.asp?p=DOC-EFA-75-67-72 Committee LG/10. (1997). Control of the obtrusive effects of outdoor lighting. Homebush: Standards Australia, p. 2. Committee LG/2. (1999). Road lighting Part 3.1: Pedestrian area (Category P) lighting— Performance and installation design requirements. Homebush: Standards Australia, p. 2. Cooke, K. (2005). Light Pollution, A Growing Environmental, Safety and Health Hazard for Residents of Strathfield. Retrieved March 31, 2018, from http://www.cooke.id.au/Vision_2020_Submission_small.pdf Cooke,K. (2005). Light Pollution, a Growing Environmental, Safety and Health Hazard for Residentsof Strathfield. Strathfield: Strathfield Council, pp. 1-16. Dark Sky Society. (2009). Guidelines for Good Exterior Lighting Plans. Long Island, NY: Dark Sky Society. pp. 1-6. Davies, T. W. , Duffy, J. P., Bennie, J. & Gaston, K. J. (2014). 'The nature, extent, and ecological implications of marine light pollution', Frontiers in Ecology and the Environment, 12 (6), pp. 347–355. Davis, S. (2008). Light Pollution. Retrieved April 5, 2018, https://yosemite.epa.gov/sab/sabproduct.nsf/CD5C8191E82D937D8525741F006252FD /$File/Attachment+to+Comments+from+Stephen+Davis+EPEC+4-9-08.pdf Department for Communities and Local Government. (2006). Lighting in the Countryside: Towards Good Practice - Main document. London: Department for Communities and Local Government, p. 17.
109 Department for Environment, Food and Rural Affairs. (2006). Statutory Nuisance from Insects and Artificial Light. London: Department for Environment, Food and Rural Affairs, pp. 4-5. Department for Environment, Food and Rural Affairs. (2006). Statutory Nuisance from Insects and Artificial Light. London: Department for Environment, Food and Rural Affairs, pp. 4-7. Department for Environment, Food and Rural Affairs. (2011). Artificial light statutory nuisance – continued utility of the current exemptions for certain premises Section 79(5B) Environmental Protection Act 1990. London: Department for Environment, Food and Rural Affairs, pp. 3-5. Department of Physics of The University of Hong Kong. (2018). What is light pollution?. Retrieved April 1, 2018, from http://nightsky.physics.hku.hk/what-is-light-pollution.php Dunkley, J. (1997). ‘Contaminated land, statutory nuisances and dual liability', Mountbatten Journal of Legal Studies, 1 (1), pp. 79-85. Dunnett, O. (2015). ‘Contested landscapes: the moral geographies of light pollution in Britain’, Cultural Geographies, 22(4), 619-636. Environmental Protection UK. (2007). Light Pollution. Brighton: Environmental Protection UK, p 3. Environmental Protection UK. (2007). Light Pollution. Brighton: Environmental Protection UK, p. 4. E-street. (2018). Intelligent Road and Street lighting in Europe. Retrieved March 31, 2018, from https://ec.europa.eu/energy/intelligent/projects/sites/iee- projects/files/projects/documents/e-street_e_street_publishable_report_en.pdf European Commission. (2009). FAQ: phasing out conventional incandescent bulbs. Retrieved April 7, 2018, http://europa.eu/rapid/press-release_MEMO-09-368_en.htm Everett, T. (2018). Statutory Nuisance – Question and Answer List. London: Chartered Institute of Environmental Health, pp. 1-10. Falchi, F. (2011). The control of light pollution in Italy. Retrieved May 7, 2018, from http://darkskyparks.splet.arnes.si/files/2011/09/falchi_2011.pdf
110 Florida Atlantic University Department of Physics. (2018). Light Pollution Endangers Our Security and Our Safety. Retrieved April 5, 2018, http://cescos.fau.edu/observatory/lightpol-security.html Gaston, K. J. (2013). 'The ecological impacts of nighttime light pollution: a mechanistic appraisal', Biological Reviews, 88, pp. 912-927. Gaston, K. J., Bennie, J. Davies, T. W. & Hopkins, J. (2013). 'The ecological impacts of nighttime light pollution: a mechanistic appraisal', Biological Reviews, 88, pp. 912–927. Goldman, A. (2012). 'Light Pollution in Central and Southern Arizona: A Runaway Problem with an Achievable Solution', Arizona Journal of Environmental Law and Policy, 3, pp. 1029-1033. GUAIX. (2015). Light Pollution in Spain. Retrieved May 11, 2018, from https://guaix.fis.ucm.es/lightpollutioninspain Hale, D. J., et al. (2013). ‘Mapping Lightscapes: Spatial Patterning of Artificial Lighting in an Urban Landscape’, PLoS One, 8(5), pp. 361–375. Hampshire Astronomical Group. (2017). Lighting Myths: Light Pollution only affects astronomers. Retrieved April 7, 2018, https://hantsastro.org.uk/projects/lightpollution/09myths.php Hölker, F., et al. (2010). ‘The Dark Side of Light A Transdisciplinary Research Agenda for Light Pollution Policy’, Ecology and Society, 15, pp. 1-11. Howarth, N. A. A. & Rosenow, J. (2014). ‘Banning the bulb: institutional evolution and the phased ban of incandescent lighting in Germany’, Energy Policy, 67, pp. 737-746. Illuminating Engineering Society & International Dark-Sky Association. (2011). Joint IDA-IES Model Lighting Ordiancnce (MLO) with User's Guide. New York, NY: Illuminating Engineering Society (IES), pp. 2-3. Illuminating Engineering Society & International Dark-Sky Association. (2011). Joint IDA-IES Model Lighting Ordiancnce (MLO) with User's Guide. New York, NY: Illuminating Engineering Society (IES), pp. 2-3. Illuminating Engineering Society & International Dark-Sky Association. (2011). Joint IDA – IES Model Lighting Ordinance Lite (Draft). Retrieved April 7, 2018,
111 https://static1.squarespace.com/static/57af6be3d1758effdeaacefb/t/59036f5a46c3c4f 6a774b0d2/1493397338610/MLO_Lite_v3.pdf Illuminating Engineering Society of North America & International Dark-Sky Association. (2011). Model Light Ordinance. New York, NY: Illuminating Engineering Society of North America, p. 13. Institution of Lighting Engineers. (2005). Guidance Notes for the Reduction of Obtrusive Light. Rugby: Institution of Lighting Engineers, pp. 1-4. Institution of Lighting Engineers. (2005). Guidance Notes for the Reduction of Obtrusive Light. Rugby: Institution of Lighting Engineers, pp. 1-4. Institution of Lighting Professionals. (2011). Guidance Notes for the Reduction of Obtrusive Light GN01:2011. Rugby: Institution of Lighting Professionals, 1-10. International Astronomical UnionOffice for Astronomy Outreach & National Astronomical Observatory of Japan. (2018). Light Pollution. Paris: International Astronomical Union, p. 2. International Dark-Sky Association. (2015). Lighting, Crime and Safety. Retrieved April 5, 2018, from https://www.darksky.org/light-pollution/lighting-crime-and-safety/ International Dark-Sky Association. (2018). Light Pollution Can Harm Wildlife. Tucson, AZ: International Dark-Sky Association, pp. 1-2. International Dark-Sky Association. (2018). Light Pollution Solution Postcard. Retrieved April 7, 2018, https://www.darksky.org/our-work/grassroots-advocacy/resources/public- outreach-materials/ International Dark-Sky Association. (2018). Light Pollution. Retrieved April 1, 2018, from https://www.darksky.org/light-pollution/ International Dark-Sky Association. (2018). Model Lighting Laws & Policy. Retrieved April 7, 2018, from https://www.darksky.org/our-work/lighting/public-policy/model-lighting- laws-policy/ Junta de Andalucía. (2010). Decreto 357/2010, de 3 de agosto, por el que se aprueba el Reglamento para la Protección de la Calidad del Cielo Nocturno frente a la contaminación lumínica y el establecimiento de medidas de ahorro y eficiencia
112 energética. Retrieved May 11, 2018, from https://www.juntadeandalucia.es/boja/2010/159/2 Kamrowski, R. L., Limpus, C., Moloney, J. & Hamann, M. (2012). 'Coastal light pollution and marine turtles: assessing the magnitude of the problem', Endangered Species Research, 19 (1), pp. 85–98. Kyba, C.C.M., Hänel, A. & Hölker, F. (2014) Redefining efficiency for outdoor lighting. Energy & Environmental Science, 7, 1806–1809. Kyba, C.C.M., Hanel, A. & Holker, F. (2014). 'Redefining efficiency for outdoor lighting', Energy & Environmental Science, http://userpage.fu- berlin.de/~kyba/publications/2014_Kyba_Redefining_Efficiency.pdf accessed 1 July 2016. Lamoureux, B., Li, M., Smith, J. & Watson, G. (2018). Identifying the economic, environmental, and social impacts of overnight, indoor lighting on Dalhousie University’s Studley campus. Halifax: Dalhousie University, pp. 14-16. Lechner, S. C. M. & Arns, M. C. E. (2017). Light Pollution. Groningen: Hanze University of Applied Sciences, pp. 1-5. Legifrance. (2013). Arrêté du 25 janvier 2013 relatif à l'éclairage nocturne des bâtiments non résidentiels afin de limiter les nuisances lumineuses et les consommations d'énergie. Retrieved May 5, 2018, from https://www.legifrance.gouv.fr/affichTexte.do?cidTexte=JORFTEXT000027003910 Lichfield District Council. (2018). Environmental Health Technical Planning Guidance: External Artificial Lighting. Lichfield District Council: Lichfield District Council, pp. 1-12. London Borough of Richmond upon Thames. (2018). River & Light Pollution. London: London Borough of Richmond upon Thames, pp. 1-2. Longcore, T. & Rich, C. (2004). 'Ecological light pollution', 2 (4), Frontires in Ecology and the Environment, pp. 191-198. Luginbuhl, C., Lockwood, G. W. Davis, D. R., Pick, K. & Selders, J. (2016). 'From The Ground Up I: Light Pollution Sources in Flagstaff, Arizona', Astronomical Society of The Pacific, 121, pp. 185-203.
113 Luginbuhl, C., Walker, C. & Wainscoat, R. (2009). 'Lighting and astronomy', Physics Today, 62, pp. 32-37. Luoa, Y. R. (1999). 'Why is the human visual system sensitive only to light of wavelengths from approximately 760 to 380 nm? An answer from thermochemistry and chemical kinetics', Biophysical Chemistry, 83, pp. 179-184. Luxsolar. (2017). Aeronautical beacons - identification beacon. Retrieved April 5, 2018, from https://www.luxsolar.com/en/products/aeronautical-beacons/icao/aeronautical- beacons-identification-beacon Lystrup, D. E. (2017). 'The Dark Side of The Light: Rachel Carson, Light Pollution, And A Case For Federal Regulation', Jurimetrics Journal , 57, pp. 505–528. Lyytimäki, J. (2015). Towards eco-efficient and enjoyable lighting. https://sustainabledevelopment.un.org/content/documents/5520Light%20pollution_r ev.pdf accessed 1 July 2016. Maine State Planning Office & Hancock County Planning Commission. (2010). Lighting Manual: Promoting Quality Outdoor Lighting in Your Community. Augusta, ME: Maine State Planning Office, p. 3. Malcolm, R. (1999). ` Statutory Nuisance Law in England and Wales’, Interdisciplinary Environmental Review. 2 (1), pp. 162 - 176. Malcolm, R. (2006). `Statutory Nuisance: the Sanitary Paradigm and Judicial Conservatism', Journal of Environmental Law. 1 (18), pp. 37-54. Mikuž, H. (2003). Activities Against the Light Pollution in Slovenia. Ljubljana: University of Ljubljana, pp. 1-8. Ministry of the Environment. (2006). Guidance for light pollution. Retrieved May 11, 2018, from http://www.env.go.jp/air/life/hikari_g_h18/full.pdf Morgan-Taylor, M.P. (2006). ‘Light Pollution and Nuisance: The Enforcement Guidance for Light as a Statutory Nuisance’, Journal of Planning & Environmental Law, August, pp. 1114-1127. Myles, R. (2013). 'Lights out' in France as big switch-off becomes law. Retrieved May 5, 2018, from http://www.digitaljournal.com/article/342542
114 National Optical Astronomy Observatory. (2018). Recommended Light Levels (Illuminance) for Outdoor and Indoor Venues. Retrieved March 31, 2018, from https://www.noao.edu/education/QLTkit/ACTIVITY_Documents/Safety/LightLevels_ou tdoor+indoor.pdf Ngarambe, J. & Kim, G. (2018). 'Sustainable Lighting Policies: The Contribution of Advertisement and Decorative Lighting to Local Light Pollution in Seoul, South Korea', Sustainability, 10, Retrieved May 5, 2018, from file:///C:/Users/Administrator/Downloads/sustainability-10-01007%20(2).pdf North Kesteven District Council, (2018). Light Nuisance. Retrieved May 3, 2018, from https://www.n-kesteven.gov.uk/residents/living-in-your-area/environmental- protection/pollution-and-nuisance/light-nuisance/ Papke, N. (2008). Outdoor Lighting Report. Salem, OR: Oregon Department of Energy, pp. 1-9. Pennsylvania Land Trust Association. (2011). Model Lighting Ordinance with User's Guide Model Lighting Ordinance with User's Guide. Retrieved April 7, 2018, https://conservationtools.org/library_items/1415-Model-Lighting-Ordinance-with-User- s-Guide Pennsylvania Outdoor Lighting Council. (2017). Residential. Retrieved April 8, 2018, http://polcouncil.org/polc2/residential.htm Pérez, F. L. (2015). Decreto 190/2015, de 25 de agosto, de desarrollo de la Ley 6/2001, de 31 de mayo, de ordenación ambiental del alumbrado para la protección del medio nocturno de Cataluña. Retrieved May 11, 2018, from http://www.actualidadjuridicaambiental.com/en/legislacion-al-dia-cataluna- contaminacion-luminica/ Plymouth Marine Laboratory. (2017). Light pollution impacts sealife as much as climate change. Retrieved April 5, 2018, from https://www.pml.ac.uk/News_and_media/News/Light_pollution_impacts_sealife_as_ much_as_climate Publication Office of European Union. (2009). Commission Regulation (EC) No 244/2009 of 18 March 2009 implementing Directive 2005/32/EC of the European Parliament and of the Council with regard to ecodesign requirements for non-directional
115 household lamps (Text with EEA relevance). Retrieved April 7, 2018, https://publications.europa.eu/en/publication-detail/-/publication/390e2b74-1e4f- 4c95-a0b1-2468f880e7ca/language-en Publication Office of European Union. (2012). Commission Regulation (EU) No 1194/2012 of 12 December 2012 implementing Directive 2009/125/EC of the European Parliament and of the Council with regard to ecodesign requirements for directional lamps, light emitting diode lamps and related equipment Text with EEA relevance. Retrieved April 7, 2018, https://eur-lex.europa.eu/legal- content/EN/TXT/?uri=CELEX%3A32012R1194 Pun, C. S. J. & So, C. W. (2011). Night-sky brightness monitoring in Hong Kong - a city-wide light pollution assessment. Hong Kong: The University of Hong Kong Department of Physics, pp. 1-33. Rajkhowa, R. (2012). 'Light Pollution and Impact of Light Pollution', International Journal of Science and Research, 3 (10), pp. 861-867. Rensselaer Polytechnic Institute Light Research Centre. (2007). What is sky glow?. Retrieved April 3, 2018, from http://nightsky.physics.hku.hk/what-is-light-pollution.php Rensselaer Polytechnic Institute Light Research Centre. (2007). What is glare?. Retrieved April 3, 2018, from https://www.lrc.rpi.edu/programs/nlpip/lightinganswers/lightpollution/glare.asp Rensselaer Polytechnic Institute Light Research Centre. (2007). What is light pollution?. Retrieved April 3, 2018, from https://www.lrc.rpi.edu/programs/nlpip/lightinganswers/lightpollution/lightpollution.asp Roucous, (2018). Eclairage nocturne, le Conseil d'Etat condamne l'Etat à le mettre en Veilleuse. Retrieved May 5, 2018, from https://www.humanite.fr/eclairage-nocturne- le-conseil-detat-condamne-letat-le-mettre-en-veilleuse-652895 Royal Astronomical Society of Canada. (2012). Environmental Impact of Light Pollution and its Abatement. Etobicoke, ON: Royal Astronomical Society of Canada, pp.1-36. Royal Commission on Environmental Pollution. (2009). Artificial Light in the Environment. Norwich: Her Majesty’s Stationery Office, pp. 1-4.
116 Royal Commission on Environmental Pollution. (2009). Artificial Light in the Environment. Norwich: Her Majesty’s Stationery Office, pp. 1-4. Scottish Executive. (2007). Guidance Note Controlling Light Pollution and Reducing Lighting Energy Consumption. Edinburgh: Scottish Executive, pp. 8-9. Scottish Executive. (2007). Guidance Note: Controlling Light Pollution and Reducing Lighting Energy Consumption. Edinburgh: Scottish Executive, pp. 2-7. Shaflik, c. (1995). Light Pollution: Environmental Effects of Roadway Lighting. Retrieved July 1, 2016, from http://www.shaflik.com/documents/LIGHT%20POLLUTION%20TECHNICAL%20PAPER. pdf Shaflik, C. (1995). Light Pollution: Environmental Effects of Roadway Lighting. Vancouver: University of British Columbia Department of Civil Engineering, pp. 10-11. Smith, L. (2010). The phasing out of incandescent light bulbs. London: House of Common Science and Environment Section, pp. 1-7. State of Utah's Rural Planning Group (2018). Guidance & Best Practices on Dark Sky Planning: An Introduction for Local Leaders. Salt Lake City, UT : State of Utah's Rural Planning Group, pp. 4-7. Taylor, S. (2017). ‘Light pollution A case study in framing an environmental problem’, Ethics, Policy & Environment, 20(3), pp. 1-28. The Curious Team. (2014). How does light pollution affect astronomers? (Intermediate). Retrieved April 7, 2018, http://curious.astro.cornell.edu/about-us/116-observational- astronomy/stargazing/professional-observers/712-how-does-light-pollution-affect- astronomers-intermediate The Planetary Society. (2008). Light Pollution. Retrieved April 1, 2018, from http://www.planetary.org/multimedia/space-images/earth/light- pollution_ida_20030800.html U.S. Department of the Interior National Park Service. (2018). Dark Skies. Retrieved April 8, 2018, https://www.nps.gov/yell/learn/nature/dark-skies.htm
117 U.S. Department of Veterans Affairs Office of Construction & Facilities Management. (2015). Lighting Design Manual. Washington DC: U.S. Department of Veterans Affairs, pp. 1.2- 1.3. U.S. Green Building Council. (2018). Model Lighting Ordinance User's Guide. Retrieved April 7, 2018, from https://www.usgbc.org/resources/model-lighting-ordinance-users-guide University of Delaware. (2018). How light pollution lures birds into urban areas during fall migration. Retrieved April 5, 2018, from https://phys.org/news/2018-01-pollution- lures-birds-urban-areas.html Vertačnik, G. (2011). Slovenian Light Pollution Legislation. Retrieved May 9, 2018, from http://darkskyparks.splet.arnes.si/files/2011/09/slovenian-light-pollution-legislation.pdf และโปรดดูเพม่ิ เตมิ ใน Dark Skies Awareness. (2007). Slovene Light Pollution Law— adopted on 30 August 2007 An unofficial, shortened summary of the final version (prepared by Andrej Mohar on 9 September 2007). Retrieved May 9, 2018, from http://www.darkskiesawareness.org/slovene-law.php Waide, P. (2010). Phase out of incandescent lamps: Implications for international supply and demand for regulatory compliant lamps. Paris: International Energy Agency, pp. 20-42. Watson, M. (2005). ‘The enforcement of environmental law: civil or criminal penalties?’, Environmental Law and Management. 17 (1), pp. 3-6. West Lindsey District Council. (2018). Statutory nuisance: Lighting. Retrieved May 3, 2018, from https://www.west-lindsey.gov.uk/my-services/my- community/environment/pollution-control/statutory-nuisance-lighting/ Yu, S. (2016). 'Arizona’s Night Lighting Regulations Facilitating Astronomical Observation', Arizona Journal of Environmental Law and Policy, 6, pp. 1077-1080. Zitelli, V., di Sora, M., & Ferrini, F. (2001). 'Local and National Regulations on Light Pollution in Italy', Preserving the Astronomical Sky, Proceedings of IAU Symposium 196, held 12-16 July 1999, in Vienna, Austria. Edited by Cohen, R. J. and Sullivan, W.T., p.111- 116. กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม. (2559). พระราชบญั ญัตริ ถยนต์ พ.ศ. 2522. สืบค้นวันท่ี 11 สิงหาคม 2561 จาก https://www.dlt.go.th/th/dlt-knowledge/view.php?_did=114
118 กรมควบคมุ มลพิษ กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม. (2561). พระราชบัญญตั สิ ง่ เสรมิ และรกั ษา คณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ พ.ศ. 2535. สบื ค้นวนั ท่ี 11 สิงหาคม 2561 จาก http://www.pcd.go.th/info_serv/reg_envi.html กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสขุ . (2559). พระราชบัญญตั สิ ่งเสรมิ และรักษาคุณภาพสิง่ แวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535. สบื คน้ วันที่ 11 สงิ หาคม 2561 จาก http://laws.anamai.moph.go.th/main.php?filename=1HLaws2016 สถาบนั พัฒนาองคก์ รชมุ ชน (องค์การมหาชน). (2560). พระราชบัญญัตกิ ารผงั เมอื ง พ.ศ. 2518. สบื ค้นวันที่ 11 สิงหาคม 2561 จาก http://www.codi.or.th/downloads/laws/law/Law_Construction- 3.pdf สํานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า. (2545). ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์. สบื คน้ วันท่ี 11 สิงหาคม 2561 จาก https://web.krisdika.go.th/data/law/law4/%BB03/%BB03-20-9999-update.pdf
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131