183 นายลกั ษ์ บญุ ชละ มีลกู ชาย 2 คน คนโตทานาประมาณ 100 ไร่ มีรถไถตโู บต้า 4 คนั รถไถฟอร์ด 1 คนั รถเกี่ยวข้าว มีรถแบ็คโฮ รถดมั้ ในช่วงหลังการเก็บเกี่ยวไปรับจ้างเก่ียวข้าวญ่ีป่ นุ ท่ีจงั หวดั เชียงราย ด้วย ลกู ชายคนที่สอง เข้าส่วู งการเมืองโดยปัจจุบนั เป็นรองนายกเทศมนตรีตาบลสนั ผีเสือ้ กอ่ นหน้านีเ้ป็นท่ี ปรึกษานายกเทศมนตรีตาบลช้างเผือก (ทศั นีย์ บูรณุปกรณ์) และเป็นเลขานกุ ารนายกเทศมนตรีตาบลสนั ผีเสือ้ ด้วย เมื่อเข้าสู่เวทีการเมืองท้องถิ่น นายลักษ์ก็สามารถสานเครือข่ายและสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่ม การเมืองในระดบั ชาติ โดยนายลกั ษ์ จะมีผ้ใู หญ่ทางการเมืองให้การสนบั สนนุ เป็นปกรณ์ บรู ณุปกรณ์ บญุ เลิศ บรู ณปู กรณ์ บญุ ทรง เตริยาภิรมณ์ สว่ นนายไกรศรี มีผ้ใู หญ่ทางการเมืองให้การสนบั สนนุ เป็นนายอดุ ร พนั ธ์ จนั ทรวิโรจน์ กับสมพงษ์ อมรวิวฒั น์ การได้รับการสนบั สนนุ ดงั กล่าวก็มิใชค่ วามลับหากเป็นส่ิงที่รับรู้ กนั โดยทวั่ ไป “พวกนี้จะมาจัดทีมลงเลือกตงั นี่มนั ใช้เงินเยอะ มนั ต้อง ก่อนการเลือกตงั้ นี่มนั ต้องใช้เงิน อยู่กบั ลูกน้องอะไร ทีมนี่เป็นเดือนๆ จ่าย กิน ไปนน่ั ไปนี่ ไปเที่ยวหาผู้ใหญ่ หา สส. ขอ อดุ หนุนมาบ้าง ... มันมาทุกยุคตง้ั แต่ อบต.ละ อย่างไกรศรีนี่ก็ท่านสมพงษ์ อมรวิวฒั น์ แล้วนายกลกั ษ์นี่ก็คือบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ แล้วก็บุญทรง ก็ของใครของมนั อุดรพนั ธ์ นี่ ของไกรศรี กบั ท่านสมพงษ์ อมรวิวฒั น์” นายชรินทร์ ชมภู (2557) การสนบั สนนุ ของผู้ใหญ่ทางการเมืองในการเลือกตงั้ พ.ศ. 2555 ทางนายลกั ษ์ คอ่ นข้างได้รับการ สนับสนุนค่อนข้างมากกว่า ผู้ใหญ่ทางการเมืองของนายไกรศรี เนื่องจากว่าลูกชายของนายลักษ์ ได้ แตง่ งานกบั ญาติของทศั นีย์ บรู ณุปกรณ์ (นกั การเมืองระดบั จงั หวดั และระดบั ชาต)ิ จึงมีความสมั พนั ธ์มาก ขนึ ้ จงึ ได้รับการสนบั สนนุ มากขนึ ้ การสนบั สนนุ มีการลงพืน้ ที่เดินหาเสียงด้วย “ออกพื้นที่ เดินในหมู่บ้าน ... เพราะว่าลูกชายท่านนายกก็แต่งงานกับญาติ สส. ก็เลย เกีย่ วดองกนั ก็เลยมาสนบั สนนุ ทีน่ ีเ่ ยอะ ... แต่อีกล่มุ เคา้ ไม่ลงพืน้ ทีเ่ หมือนกล่มุ นี้” สาหรับตระกูลอภิวงศ์ ก็เช่นเดียวกัน โดยเข้ามามีบทบาทางเมืองโดยให้ลูกเขย หรือนายไกรศรี อินต๊ะสาร หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่านายกิมเป็นผ้เู ข้าส่เู วทีการเมืองท้องถ่ิน นายไกรศรีเกิดที่บ้านร้องอ้อ หม่ทู ี่ 4 เช่นเดียวกบั นายลกั ษ์ ได้แตง่ งานกบั ลกู สาวของตระกลู อภิวงศ์ นายไกรศรีสาเร็จการศกึ ษาในระดบั ปริญญาตรี ปัจจบุ นั ทาธุรกิจสว่ นตวั ทาโครงการบ้านจดั สรรขาย นอกจากนีภ้ ายใต้บริบทการท่ีเชียงใหมเ่ ป็น เมืองท่องเท่ียวที่สาคญั ของทางภาคเหนือ จึงทาให้ลงทุนเปิดธุรกิจให้เช่ารถทัวร์และรถต้ชู ื่อว่า เค เคกิจ รุ่งเรืองทวั ร์ ด้วย
184 หากพิจารณาตาแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตาบลสันผีเสือ้ นบั ตงั้ แตเ่ ริ่มก่อตงั้ มา เรียกได้ ว่า เป็นการขบั เค่ียวกนั อย่างเข้มข้นระหว่างนายลกั ษ์และนายไกรศรี โดยมีการลงสมคั รแขง่ ขนั เป็นนายก อบต. สนั ผีเสือ้ และนายกเทศมนตรีเทศบาลตาบลสนั ผีเสือ้ ทกุ สมยั และสลบั กนั ชนะสลบั กนั แพ้มา 3.2.2 กลุ่มทนุ ใหม่/เศรษฐีใหม่ คนกล่มุ นีม้ ีการเข้าส่เู วทีการเมืองท้องถ่ินโดยตรง และทาให้หน้าท่ีเป็นฐานทางเศรษฐกิจและสงั คม ของผ้เู ข้าสเู่ วทีการเมืองท้องถ่ิน โดยกลมุ่ ที่เข้าสกู่ ารเมืองท้องถ่ินโดยตรง ได้แก่ 1) นายชยั พร สิงคราช ปัจจบุ นั อายุ 49 ปี เป็นคนบ้านร้องอ้อ หมู่ที่ 4 โดยกาเนิด รายได้หลักมา จากการรับจ้างถมดิน มีรถหกล้อสาหรับการรับจ้างถมดินโดยเฉพาะ เรียกได้ว่ามีฐานะดีท่ีสุดในบรรดา สมาชิกสภาเทศบาลตาบลสันผีเสือ้ ทัง้ 12 คน นอกจากนีย้ ังถือได้ว่าเป็นคนท่ีมีลักษณะใจกว้างและ สามารถพง่ึ พาได้ “แกเป็ นคนสปอร์ตด้วย ชาวบ้านเขาขออะไรอย่างนี้ ปกติเวลามีกิจกรรมในหมู่บ้าน ขอ ท่านสท. นิดนึงแกก็จะช่วย ... เมือ่ ก่อนนีอ่ ย่เู ฉพาะในหมู่4 เดีย๋ วนีก้ ็ตอ้ งขยายพืน้ ที”่ (รองปลดั เทศบาล, 2557) 2) นายพิจิตร ทินนงั ปัจจบุ นั อายุ 48 ปี เป็นคนบ้านท่าหลกุ หม่ทู ่ี 7 โดยกาเนิด รายได้หลกั มาจาก การค้าขายและรับเหมาติดตงั้ ระบบไฟฟ้า โดยมีแผงขายของอยู่ 2 ตลาดคือ ตลาดท่าเด่ือ ในตอนเช้า และ ตลาดป่ าข่อยใต้ในตอนเย็น เริ่มจากการขายขนมไทย ตอ่ มาเป็นกบั ข้าว และปัจจบุ นั ขายไขไก่ทงั้ ตลาดเช้า และตลาดเย็น การได้รับเลือกตงั้ มาเป็นสมาชิกสภาเทศบาลที่ได้คะแนนมาอนั ดบั หนงึ่ เน่ืองจาก 3 ปัจจยั คอื เครือญาติ การขายของที่ตลาด และการให้ความอนเุ คราะห์แก้ปัญหาเร่ืองไฟฟา้ สาหรับคนที่ไมม่ ีเงิน ดงั คากลา่ วของพิจติ ร ทนิ นงั วา่ “ผมนี้จะเป็นพ่อค้าและก็เป็นผู้รับเหมาติดตง้ั ระบบไฟ มนั จะได้อาศยั ตรงนี้เยอะ....เครือ ญาติด้วยและก็เป็นผลที่ผมไปทางานเรื่องไฟใหเ้ ขาบางคร้ังแบบคนจนๆที่เขาไม่มีเงินจ้าง จะจ้าง กรณีไฟเสียหลอดหรือสองหลอดผมก็ทาให้ฟรี ... ก็กรณีที่ผมใกล้ชิดประชาชนก็ คือผมเป็นพ่อค้าอยู่ตลาดทงั้ สองตลาดมีตลาดป่ าข่อยตอนเย็นและตอนเช้าก็ตลาดท่าเดือ่ ชาวบา้ นจะรู้จกั หมด” นอกจากปัจจัยดงั ท่ีกล่าวไป อีกปัจจัยหนึ่งคือเม่ือเข้ามาเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นแล้ว หากไม่ ทางานให้กบั หม่บู ้านเหมือนเดมิ หรือมีลกั ษณะนิสยั ท่ีเปลี่ยนแปลงไป การลงสมคั รในสมยั หน้ามกั จะไม่ได้ รับเลือกอีก “มนั ก็อยู่ทีน่ ิสยั คนด้วย ถา้ บางคนได้เป็นแลว้ มียศมีตาแหน่งมีหนา้ ที่การงานแล้วไม่สงุ สิง กบั ชาวบ้านก็ไม่ได้เป็ น มนั ต้องอย่างกรณีผมจะไม่ถือตวั จนหรือรวยผมเสมอภาคจะได้
185 คะแนนตรงนี้เยอะ อย่างถ้าไม่รู้จกั ชื่อเขาแต่ไปรู้จกั หน้าเขาคือเคยเห็นค้นุ ๆ ไงก็ทกั เขาไป ก่อน” (พิจิตร, 2557) สาหรับการเป็นฐานทางเศรษฐกิจและสงั คมที่สาคญั ให้กบั ผ้เู ข้าส่เู วมีการเมืองท้องถิ่น เชน่ กานนั คาดี บุญชละ น้องชายของนายลักษ์ บุญชละ ดงั ได้กล่าวแล้วว่าในชุมชนสันผีเสือ้ นัน้ นายคาดีถือเป็น เศรษฐีหน้าใหม่ผ้รู ่ารวยมาจากการค้าท่ีดิน แม้ว่านายคาดีจะไมไ่ ด้ลงเล่นการเมืองท้องถ่ินโดยตรง แตน่ าย คาดี ก็สานตอ่ ตาแหนง่ กานนั ของตาบลสนั ผีเสือ้ ไว้ตอ่ จากนายลกั ษ์ ผ้เู ป็นพี่ชาย หากพจิ ารณาแล้วจะพบว่า การผลักดนั น้องชายเข้าส่ตู าแหน่งกานนั ของนายลกั ษ์ไม่เพียงเป็นการรักษาต้นทุนทางสงั คมของตนเอง ด้วยการให้น้องชายสอดส่องดแู ลทุกข์สุขของชาวบ้านเท่านนั้ แต่ตาแหน่งกานันของนายคาดี ยงั เอือ้ ต่อ ธรุ กิจค้าท่ีดนิ ที่ตนทาอยแู่ ละยงั เอือ้ ประโยชน์ให้กบั นายลกั ษ์ ซง่ึ ยงั มีกิจการรถแมคโคร และรถไถอีกด้วย 3) นายวิฑูล จนั ทพร เศรษฐีใหม่ท่ีร่ารวยจากการค้าและการขายท่ีดินมรดกท่ีอยตู่ ิดริมนา้ ปิง นาย วิฑลู เข้ามานงั่ ตาแหน่งผ้ใู หญ่บ้านบ้านท่าหลกุ ท่ีตนแตง่ งานเข้ามาเป็นเขย ถึงแม้ไม่ได้เข้าส่เู วทีการเมือง ท้องถิ่นโดยตรง แตน่ ายวิฑุลคือผ้อู ย่เู บือ้ งหลงั ที่สาคญั ในการผลกั ดนั ลกู ชาย คือนายวีระชยั จนั ทพร ให้ลง สมคั รสมาชิก อบต. สนั ผีเสือ้ แม้ว่านายวีรชยั จะเป็นคนหน่มุ ท่ีออกไปร่าเรียนในตวั เมือง ซ่ึงไม่ได้เป็นท่ีรู้จกั มกั ค้นุ ของคนในชมุ ชน ทว่าเพียงการลงสมคั รครัง้ แรกนายวีระชยั ก็ได้รับเลือกและได้คะแนนเป็นลาดบั ที่ สาม ปัจจยั ความสาเร็จของนายวีรชยั คือผ้เู ป็นพ่ออย่างนายวฑิ ลู ท่ีอาศยั กลมุ่ เครือญาติของตน ทงั้ จากบ้าน ทา่ เด่ืออนั เป็นบ้านเกิดและบ้านท่าหลกุ รวมถึงฐานเสียงของลกู บ้านบ้านทา่ เด่ือ เป็นฐานคะแนนสาคญั ทงั้ ยงั เป็นผ้รู ับผดิ ชอบคา่ ใช้จา่ ยในการลงสมคั รของลกู ชายด้วย 3.2.3 กลุ่มเกษตรกร (ที่ทานาเตม็ เวลาและไมเ่ ตม็ เวลา) คนกล่มุ นีถ้ ือเป็นกล่มุ ท่ีมีความสาคญั ในทางการเมืองของชมุ ชนสนั ผีเสือ้ มากเพราะคนกล่มุ นีค้ ือผู้ มีคะแนนเสียงชีข้ าดการอยู่หรือไปของผู้ดารงตาแหน่งในเวทีการเมืองท้องถ่ิน ปัจจุบนั กลุ่มท่ียังคงทา การเกษตรมีอย่มู ากท่ีสดุ อย่ทู ี่บ้านป่ าข่อยเหนือและป่ าข่อยใต้ ซ่ึงเป็นฐานเสียงสาคญั ของนายลกั ษ์ โดย อาศยั ประสบการณ์ร่วมในฐานะผ้ทู ี่เคยผา่ นความทกุ ข์ยากการทานา รวมถึงการสะสมบารมีและเครือข่าย เมื่อครัง้ เป็นกานนั เป็นจดุ ขายสาคญั ในการดงึ คะแนนเสียงจากกลมุ่ เกษตรเหลา่ นี ้ซึง่ คนกลมุ่ นีต้ า่ งรู้ดีวา่ ตน นนั้ เป็นกลมุ่ ฐานเสียงสาคญั และสามารถตอ่ รองเร่ืองทรัพยากรในการพฒั นาหม่บู ้านของตนจากเทศบาลได้ เชน่ ในกรณีของบ้านป่ าข่อยใต้ เมื่อแผนพฒั นาของเทศบาลเผยแพร่ออกมาแล้ว ผ้ใู หญ่บ้านพบว่าหมบู่ ้าน ของตนไมไ่ ด้รับงบประมาณในการพฒั นาเลย แม้วา่ จะมีสมาชิกสภาเทศบาลท่ีเป็นคนในหมบู่ ้านถึง 3 คนก็ ตาม ตา่ งจากหม่บู ้านอ่ืนๆ ที่ได้รับงบประมาณกนั ครบ จึงดาเนินการเข้าไปเรียกร้องสิทธิในการพฒั นาโดย การเข้าไปสอบถามกบั นายกเทศมนตรี ปลดั เทศบาล ผ้อู านวยการกองช่าง แตไ่ ม่ได้รับคาตอบที่ชดั เจนว่า เหตใุ ดถงึ ตดั โครงการของบ้านป่ าข่อยใต้ไป จงึ พดู กบั นายกเทศมนตรีในเชิงขวู่ า่ หากไมไ่ ด้รับงบประมาณจะ
186 ประกาศเสียงตามสายในหม่บู ้าน และจะประกาในการประชมุ หม่บู ้านวา่ นายกเทศมนตรีตดั โครงการของ บ้านป่ าขอ่ ยใต้ไป นายกเทศมนตรีจงึ ยอมปรับปรุงแผนให้สามารถใช้งบไปพฒั นาตามโครงการของบ้านป่ า ขอ่ ยใต้ตามมาภายหลงั นายชรินทร์ ชมพู ได้อธิบายถึงการตอ่ รองดงั กลา่ ววา่ “ไดน้ ้อยเราไม่ว่า แต่นีไ่ ม่ได้ซกั บาท หมู่อืน่ แต่ละหมู่บ้านเขาก็ไดก้ นั อนั นีล้ ้าน 2ล้าน อนั นี้ 7 – 8 แสน แล้วหมู่ 2 ป่ าข่อยใต้ไม่มีซกั โครงการ ผมก็เครียดละ ก็โทรเลย ผมคล่องเรื่อง ถาม ก็เข้าไปคยุ เลย ถา้ ไม่ได้ผมจะประกาศเสียงตามสายว่าเทศบาลตัดโครงการของผม ผมจะพูดในที่ประชุมหมู่บ้าน นายกตดั ของผมจบเลย ... แน่นอน ไม่ให้ก็ต้องทาอย่างนี้ ผมถึงมาไดล้ า้ นกว่าทารางน้าทิ้ง” ไมเ่ พียงการตอ่ รองดงั กลา่ วจะแสดงให้เห็นถงึ พลงั ของกล่มุ เกษตรกรในชมุ ชน แม้แตน่ โยบายตา่ งๆ ท่ีนายลักษ์ ดาเนินการอยู่ก็ล้วนแล้วแต่เป็ นการแสดงให้เห็นถึงความสาคญั ของคนทานา เช่น นโยบาย ชาวนาน้อย 3.2.4 กลุ่มพนักงาน/ลูกจ้าง/ข้าราชการ โดยทวั่ ไปคนกลมุ่ นีค้ ือกลมุ่ คนท่ีหา่ งเหินจากเวทีการเมืองท้องถิ่นมากที่สดุ ด้านหนึ่งเป็นเพราะเป็น กลุ่มคนที่ไม่ได้อยู่ในชุมชนตลอดเวลา ไม่ได้เห็นปัญหาหรือเห็นว่า อบต./เทศบาล เป็นองค์กรท่ีไม่มี ความสามารถในการแก้ไขปัญหาให้กับพวกตนได้ เมื่อเกิดปัญหาต่างๆ พวกเขามักจะหาวิธีแก้ ไขด้วย ตนเอง ด้านหนง่ึ เกิดจากมมุ มองส่วนตนท่ีเห็นวา่ ผ้บู ริหารท่ีมีการศกึ ษาน้อยกว่าตน จงึ ไมส่ ามารถช่วยเหลือ อะไรได้ ในขณะท่ีคนกล่มุ นีค้ าดหวงั กับการจดั การปัญหาขยะ การพฒั นาระบบสาธารณูปโภค การแก้ไข ปัญหาเรื่องแรงงานต่างชาติที่เข้ามาอาศยั อยู่ ทว่านายกลักษ์ก็ดูเหมือนจะให้ความสาคญั กับการบารุง ศลิ ปวฒั นธรรมมากกวา่ การดแู ลทกุ ข์สขุ ของคนในชมุ ชนโดยเฉพาะอย่างย่ิงสาหรับคนกล่มุ นี ้ แม้ด้านหนึ่ง กิจกรรมเหล่านีจ้ ะตอบสนองจริตแบบชนชัน้ กลางในเมืองในการถวิลหาอดีตอย่างการทานาหรือ ศลิ ปวฒั นธรรมดงั้ เดมิ แตก่ ็ยงั ไมส่ ามารถซือ้ ใจคนกล่มุ นีไ้ ด้มากนกั คนกลมุ่ นีจ้ งึ สนบั สนนุ นายไกรศรี อินต๊ะ สารผ้มู ีดกี รีปริญญาตรีมากกวา่ อยา่ งไรก็ตาม ก็มีบางคนที่แม้จะออกไปทางานรับจ้างนอกชมุ ชนแตก่ ็สามารถกลบั เข้ามีบทบาททงั้ ในทางการปกครองและทางการเมืองท้องถ่ินได้ เชน่ นายองอาจ ใจแก้ว ปัจจบุ นั อายุ 51 ปี เป็นคนท่ีบ้านท่า ร้องขีค้ วาย หมู่ท่ี 3 โดยกาเนิด การศึกษาจบระดบั ปวช. และได้เข้าไปทางานที่บริษัท สหพาณิช จากัด สาหรับประสบการทางานกับหมู่บ้าน เริ่มจากการเป็นกรรมการหมู่บ้าน ต่อมาได้รับแต่งตัง้ เป็นผู้ช่วย ผ้ใู หญ่บ้าน 3 สมยั ภายใต้การทางานของผ้ใู หญ่บ้านสามคน ตงั้ แต่ พ.ศ. 2535 จนถึง พ.ศ. 2543 สาเหตทุ ่ี ไม่ได้เป็นผ้ใู หญ่บ้านเน่ืองจากยงั ทางานท่ีบริษัทอยู่ ทาให้ไมส่ ามารถลาออกมาเป็นผ้ใู หญ่บ้านได้ ตอ่ มาใน พ.ศ. 2543 ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตาบลสนั ผีเสือ้ สมยั แรกและต่อเน่ืองมาทุก สมยั
187 การลงสมัครแข่งขันเป็นสมาชิกสภา อบต. ของนายองอาจ ในบ้านท่าร้องขีค้ วาย หมู่ที่ 3 ไม่ได้ เป็นไปด้วยงา่ ยๆ การแขง่ ขนั ในแตล่ ะสมยั มกั จะมีคนลงสมคั รไมต่ ่ากว่า 5 คน บางครัง้ ถงึ 6 คน ในสมยั ท่ี 2 มีผ้ใู หญ่บ้านคนเกา่ 3 คน ลงสมคั รแตก่ ็ไมม่ ีผ้ใู ดได้รับการเลือกตงั้ เลย การเข้ามาเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นได้ทุกสมยั ของนายองอาจ มีปัจจยั สาคญั อยู่ 2 ปัจจยั คือ เครือ ญาตกิ บั ผลการทางานควบคกู่ นั ไป และสองสว่ นนีท้ าให้การลงสมคั รแตล่ ะครัง้ สร้างความมน่ั ใจได้ “มนั คงควบคู่กนั นะเราสายเครือญาติ สายเครือญาติพดู ง่ายๆก็คือมนั เป็นพีน่ ้องกนั อยู่แล้ว ยงั ไงมนั ตอ้ งรักกนั อยู่แลว้ เวลามีขอความช่วยเหลือมนั ต้องช่วยเหลือกนั อยู่แล้วอย่างการ ทางานมนั ก็ควบคู่กนั อย่างนนั้ แหละเพราะว่าเราทางาน คนที่ไม่ใช่เครือญาติเราทางาน เขาเห็นเขารู้เราทาอะไรเรามีผลงานอะไรเขารู้อยู่แล้วเพราะฉะนน้ั มีอะไรไม่พลาด มีการ เลือกตงั้ ไม่พลาด” นอกจากนี ้ในช่วงหาเสียงเลือกตงั้ ในแต่ละครัง้ มักจะใช้วิธีการส่ือสารผ่านเครือญาติ โดยการ พดู คยุ แจ้งวา่ ได้ลงสมคั รและบอกถึงเบอร์ท่ีจะให้ลงคะแนนให้ “ปากต่อปากโดยสื่อสารทางเครือญาติ อย่างผมหาเสียงแล้วผมจะวางแผนของผมนะ นอกจากทีผ่ มจะหาเสียงทางในกล่มุ แล้วผมจะใช้เครือญาติโยงก็คือไปเป็นการส่วนตวั ... ฝากกลุ่มนี้ด้วยนะทงั่ ทีมยกทีมที่ผ่านมาผมได้ 7-12 นายกเบอร์สามนะ นายกคนที่สาม อย่างนีเ้ ราตอ้ งไปในสไตล์นีโ้ ยงกนั ไปและญาติพีน่ ้องมนั ตอ้ งรักกนั อย่แู ลว้ มนั ตอ้ งเห็น ความสมั พนั ธ์ของเครือญาติ” 3.2.5 การมีส่วนร่วมทางการเมืองของบ้านจัดสรร/คอนโดเอือ้ อาทร ภายใต้บริบทของการพฒั นาโครงสร้างพืน้ ฐานเพื่อรองรับความเจริญเติบโตของเมืองเชียงใหม่ ท่ีมี การสร้างถนนหลายสาย เช่น การสร้างถนนสายเชียงใหม่ – แม่โจ้ (ทางหลวงหมายเลข 1001) การสร้าง ถนนวงแหวนรอบกลาง (ทางหลวงชนบทหมายเลข 3029) หรือถนนเชียงใหม่ 700 ปี การสร้างวงแหวนรอบ นอก (ทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข 121) ทาให้เกิดการขยายตวั ของการลงทนุ สร้างบ้านจดั สรรในพืน้ ท่ีตาบล สนั ผีเสือ้ หลายโครงการ ในชว่ งทศวรรษท่ี 2530 มีโครงการแรกๆ ท่ีเข้ามาในตาบลสนั ผีเสือ้ คือหมบู่ ้านธนา วลั ย์ และหมบู่ ้านล้านนาวิลล์ ซงึ่ เป็นของนายคะแนน สภุ า ตอ่ มามีการขยายตวั มากขนึ ้ เรื่อยจนในปัจจบุ นั มี ทงั้ หมด 14 โครงการ (ข้อมูลปี 2557) แต่ละโครงการมีคนย้ายเข้ามาอย่เู ป็นจานวนมากอนั ทาให้เกิดการ ขยายตวั ของประชากรในพืน้ ท่ี ถนนวงแหวนรอบกลางที่ตัดผ่านตาบลสันผีเสือ้ เป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อกับศาลากลางจังหวัด เชียงใหม่ ซึง่ มีหนว่ ยงานราชการของจงั หวดั เชียงใหมส่ ว่ นใหญ่อย่ทู ่ีนนั่ ระยะทางระหวา่ งตาบลสนั ผีเสือ้ ถึง ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ 4 กิโลเมตรเท่านัน้ จึงทาให้ข้าราชการจานวนไม่น้อยมาซือ้ บ้าน
188 จดั สรรอย่ใู นตาบลสนั ผีเสือ้ เป็นจานวนมาก อีกทงั้ ยงั มีการสร้างคอนโดเอือ้ อาทรในตาบลซึ่งมีผ้พู กั อาศยั จานวนมากกวา่ สองร้อยคน แต่การมีส่วนร่วมกับการเมืองท้องถิ่นของคนที่พักอาศยั ในบ้านจัดสรรและคอนโดเอือ้ อาทรก็ ค่อนข้างน้อย การลงคะแนนเสียงเลือกตงั้ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในแต่ละครัง้ ก็มีการออกมาใช้สิทธิ น้อยมาก เช่น โครงการบ้านเอือ้ อาทร จากผ้มู ีสิทธิลงคะแนนมากกว่า 200 คน แต่มาลงคะแนนเพียง 20 คะแนน โครงการบ้านจดั สรรล้านนาวิว จากผ้มู ีสิทธิลงคะแนนเกือบ 1,000 คน แตม่ าลงคะแนนเพียง 180 คะแนนเทา่ นนั้ นอกจากนีเ้ ม่ือมีการประชมุ เพื่อดาเนนิ การประชาคมในการจดั ทาโครงการพฒั นาตา่ งๆ คน กลุ่มนีก้ ็ไม่เคยเข้ามาร่วมประชุมอย่างเป็นกลุ่มเป็นก้อนชดั เจน บทบาทของคนท่ีพกั อาศยั อยู่ในหมู่บ้าน จดั สรรจะเป็นไปในด้านของการร้องเรียนเท่านนั้ มีการทาหนงั สือแจ้ง โทรมาแจ้งเม่ือบ้านตนเองเกิดปัญหา ตา่ งๆ เชน่ ถนนไมด่ ี ไฟไมส่ ว่าง ที่รกร้างข้างบ้าน เป็นต้น การเข้ามาสมั พนั ธ์กบั องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เน้นไปในการเรียกร้ องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินทาหน้าที่ด้านของการจัดการกับปัญหาที่ส่งผล กระทบตอ่ ชีวติ ประจาวนั “ส่วนใหญ่เค้าจะทามาเป็นหนงั สือร้องเรียนมากกว่า เวลาเทศบาลจดั เวทีประชาคมเสนอ แผนอะไร ก็ไม่ค่อยเข้ามา แต่พอเขาเห็นปัญหาเกิดขึ้นในหมู่บ้านเขาก็จะทาเป็ นหนงั สือ แจ้งเขา้ มาหรือไม่ก็ร้องเรียนเข้ามา” (จนั ทนา ทิพย์กาญจนกลุ , 2557) การเกิดขึน้ ของบ้ านจัดสรร/คอนโดเอือ้ อาทร รวมทัง้ วิถีชีวิ ตของกลุ่มคนในลักษณะนี ม้ ี ความสมั พนั ธ์กบั องค์ปกครองสว่ นท้องถิ่นเพียงในด้านของการเน้นให้แก้ไขปัญหาสาธารณูปโภคเป็นหลกั ทาให้กลุ่มคนดงั กล่าวมีระยะห่างจากการเมืองท้องถิ่นค่อนข้างมาก ซึ่งนักการเมืองท้องถิ่นในพืน้ ที่ก็ ตระหนักถึงความยากลาบากในการเข้าถึงกลุ่มคนเหล่านีแ้ ม้ว่าจะอยู่ในชุมชนเดียวกันก็ตามแต่ก็จะมี ลกั ษณะของ “คนแปลกหน้า” มากกวา่ ชาวบ้านกลมุ่ อ่ืน เพราะฉะนนั้ บริบทของการพฒั นาโครงสร้างพืน้ ฐานในตาบลสนั ผีเสือ้ ซ่ึงทาให้เกิดโครงการบ้าน จดั สรรหลายโครงการ ทาให้ประชากรในตาบลเพิม่ มากขนึ ้ และแปรสภาพไปส่สู งั คมท่ีคอ่ นข้างมีวิถีซง่ึ อยใู่ น เขตเมืองแตกต่างจากกลุ่มคนดงั้ เดิมที่วิถีชีวิตและการประกอบการซ่ึงต้องมีความสัมพันธ์กันมากกว่า รวมถึงระยะหา่ งจากองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นคอ่ นข้างมาก 3.3 ความสัมพนั ธ์ระหว่างการเมืองท้องถ่นิ กับการเมืองระดบั ชาติ 3.3.1 นักการเมืองระดับชาตใิ นฐานะผู้อุปถัมภ์ จากความเปล่ียนแปลงของโครงสร้างทางการเมืองที่เปลี่ยนเขตเลือกตงั้ จากหมบู่ ้าน มาเป็นระดบั ที่ ใหญ่มากขนึ ้ โดยในสมยั ท่ีเป็นองค์การบริหารสว่ นตาบลกิจกรรมเหลา่ นีจ้ ะจากดั ตวั อยเู่ ฉพาะในหมบู่ ้าน แต่
189 เม่ือเปล่ียนมาเป็นเทศบาลกิจกรรมตา่ งๆ จะขยายออกไปมากกว่าขอบหมบู่ ้านที่ตนเองอยู่ และการไปเข้า ร่วมกิจกรรมในแตล่ ะครัง้ มีความเข้มงวดมากขึน้ ท่ีต้องไปกันเป็นทีม เห็นหน้ากนั ทงั้ ทีมตา่ งกับตอนที่เป็น องคก์ ารบริหารสว่ นตาบล ภายใต้บริบทสงั คมการเมืองที่นกั การเมืองในระดบั จงั หวดั ที่เป็นสมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎรมีความ เข้มแข็งทางการเมืองมากขึน้ ในการหาเสียงเลือกตงั้ แต่ละครัง้ ผ้นู ากล่มุ แต่ละคนมกั จะเข้าไปหาผู้ใหญ่ ทางการเมืองของจงั หวดั เพ่ือให้การสนบั สนนุ ในหลายๆ ด้าน โดยนายลกั ษ์ จะมีผ้ใู หญ่ทางการเมืองให้การ สนบั สนนุ คือปกรณ์ บรู ณุปกรณ์ บญุ เลิศ บรู ณูปกรณ์ บญุ ทรง เตริยาภิรมณ์ ส่วนนายไกรศรี มีผ้ใู หญ่ทาง การเมืองให้การสนับสนนุ เป็นอุดรพนั ธ์ จนั ทรวิโรจน์ กับสมพงษ์ อมรวิวฒั น์ ดงั คากล่าวของนายชรินทร์ ชมภู (2557) วา่ “พวกนี้จะมาจดั ทีมลงเลือกตงั นี่มนั ใช้เงินเยอะ มนั ตอ้ ง ก่อนการเลือกตงั้ นี่มนั ต้องใช้เงิน อยู่กบั ลูกน้องอะไร ทีมนี่เป็นเดือนๆ จ่าย กิน ไปนนั่ ไปนี่ ไปเที่ยวหาผู้ใหญ่ หา สส. ขอ อดุ หนุนมาบ้าง ... มันมาทุกยุคตงั้ แต่ อบต.ละ อย่างไกรศรีนี่ก็ท่านสมพงษ์ อมรวิวฒั น์ แล้วนายกลกั ษ์นี่ก็คือบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ แล้วก็บญุ ทรง ก็ของใครของมนั อุดรพนั ธ์ นี่ ของไกรศรี กบั ท่านสมพงษ์ อมรวิวฒั น์” การสนับสนุนของผู้ใหญ่ทางการเมืองในการเลือกตงั้ ปี 2555 ทางนายลกั ษ์ ค่อนข้างได้รับการ สนับสนุนค่อนข้างมากกว่า ผู้ใหญ่ทางการเมืองของนายไกรศรี เนื่องจากว่าลูกชายของนายลักษ์ ได้ แตง่ งานกบั ญาตขิ องทศั นีย์ จึงมีความสมั พนั ธ์มากขนึ ้ จงึ ได้รับการสนบั สนนุ มากขนึ ้ การสนบั สนนุ มีการลง พืน้ ท่ีเดนิ หาเสียงด้วย “ออกพื้นที่ เดินในหมู่บ้าน ... เพราะว่าลูกชายท่านนายกก็แต่งงานกบั ญาติ ส.ส. ก็เลย เกีย่ วดองกนั ก็เลยมาสนบั สนนุ ทีน่ ีเ่ ยอะ ... แต่อีกล่มุ เคา้ ไม่ลงพืน้ ทีเ่ หมือนกล่มุ นี้” (ชรินทร์ ชมภ,ู 2557) 3.3.2. สีเสือ้ ทางการเมืองกับตาบลสันผีเสือ้ ในชว่ ง 10 ปีท่ีผ่านมา การเมืองระดบั ชาติของไทยมีเหตกุ ารณ์สาคญั ๆ เกิดขนึ ้ มากมาย ตงั้ แตก่ าร รัฐประหารท่ีเกิดขนึ ้ ถึง 2 ครัง้ ใน พ.ศ. 2549 และ พ.ศ. 2547 การสลายการชมุ นมุ ทางการเมืองท่ีทาให้ผ้คู น บาดเจ็บล้มตายจานวนมาก การยุบพรรคการเมืองที่ใหญ่สุดของประเทศ 2 ครัง้ 2 ครา การถอดถอน นายกรัฐมนตรีด้วยเหตกุ ารณ์ทารายการอาหาร การใช้กฎหมายหม่ินพระบรมเดชานภุ าพ ความขดั แย้งทาง การเมืองระหว่างสีเสือ้ เหตกุ ารณ์ตา่ งๆ เหลา่ นีไ้ ด้ส่งผลกระทบตอ่ ความคดิ ความรู้สึกทางการเมืองของผ้คู น ทว่ั ทงั้ ประเทศให้เกิดความรักภักดีต่อสีเสือ้ การเมืองสีใดสีหน่ึง หลายคนได้เข้าไปร่วมชมุ นมุ ทางการเมือง คนในตาบลสนั ผีเสือ้ ก็เชน่ เดียวกนั มีการใช้สีเสือ้ ทางการเมืองในการหาเสียงเลือกตงั้ ท้องถิ่น มีการเข้าร่วม
190 ชมุ นมุ ทางการเมือง มีการตดิ ตามขา่ วสารการเมืองระดบั ชาตอิ ยา่ งใกล้ชิด ซงึ่ ในหวั ข้อนีผ้ ้เู ขียนจะอธิบายใน มมุ มองของชาวบ้านว่าเหตใุ ดชาวบ้านถึงบอกว่าตนเป็นคนเสือ้ แดง มีการระบุหรือจาแนกคนเสือ้ แดง-เสือ้ เหลืองอย่างไร มีการประเมินปริมาณคนท่ีเป็นเสือ้ แดง-เสือ้ เหลืองในพืน้ ที่ตาบล นอกจากนีจ้ ะอธิบาย ลกั ษณะการมีสว่ นร่วมกบั การเมืองสีเสือ้ รวมถงึ การส่ือสารของคนเสือ้ แดงในตาบล การอธิบายการเป็นคนเสือ้ แดงของคนในตาบลสนั ผีเสือ้ มกั จะเชื่อมโยงกบั ทกั ษิณ ชินวตั ร โดยมอง วา่ เป็นคนเชียงใหมเ่ หมือนกนั เป็นคนเหนือเหมือนกนั เป็นคนที่บริหารงานเกง่ มีวิสยั ทศั น์ นาความเจริญเข้า สปู่ ระเทศ และยงั สามารถผลิตนโยบายตา่ งๆ ที่ตอบสนองคนได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบาย 30 บาท รักษาทกุ โรค ดงั คากลา่ วขององอาจ ใจแก้ววา่ “พูดง่ายๆ ว่าเสื้อแดงมนั มาจากท่านนายกทกั ษิณแล้วท่านนายกทกั ษิณเป็นคนเชียงใหม่ ดว้ ย แลว้ ท่านนายกทกั ษิณแกเป็นคนมีวิสยั ทศั น์กวา้ งไกลแลว้ นาความเจริญอะไรหลายๆ อย่างมาสู่จังหวดั เชียงใหม่สู่ประเทศ ยกตวั อย่าง 30 บาทรักษาทุกโรคอนั นี้เป็นที่ชื่นชม ของทวั่ โลกนกั วิชาการระดบั โลกเขาชื่นชมนะโครงการ 30 บาทรักษาทกุ โรคเป็นโครงการที่ ดี ลดปัญหาคนตายคือลดปัญหาคนตาย” หรือคากลา่ วของนายชรินทร์ ชมภวู า่ “ทกั ษิณนี่คือเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิต เราได้ใช้บัตรทอง กองทุนเงินล้านที่เราเห็นชดั เจน กองทุนหมู่บ้าน อย่างพ่อเรารักษาพนั กว่าบาทไม่อย่างนน้ั ก็ไม่ได้รักษา ไปโรงพยาบาล นครพิงค์ก็แค่ 30 บาท ทีเ่ ห็นได้ชดั อนั นีเ้ ป็นการเปลีย่ นแปลงทีเ่ ห็นไดช้ ดั ในยคุ ทกั ษิณ เรา ไดใ้ ช้ทวั่ ” ในการระบุจาแนกคนเสือ้ แดงกบั คนเสือ้ เหลือนนั้ ในสงั คมตาบลสันผีเสือ้ สามารถจาแนกได้จาก การพดู คยุ แลกเปล่ียนความคิดเห็นทางการเมืองที่เป็นประเด็นอย่ใู นปัจจุบนั หรือจากการให้ ความช่ืนชม หรือการวพิ ากษ์วจิ ารณ์การทางานของยิง่ ลกั ษณ์ หรือของอภิสทิ ธ์ิ ดงั คากลา่ วของ องอาจ วา่ “การแสดงอาการกิริยาท่าทางมนั ก็ออกอยู่แล้ว บางทีมีข่าวสารอะไรออกมาถ้าท่านนายก ย่ิงลกั ษณ์ออกคนเสือ้ แดงก็จะชืน่ ชม ถา้ อภิสิทธิ์ออกก็ชืน่ ชม ... กิริยามนั บอกไง กิริยา ท่าทางอุปนิสยั มนั บอกถ้าทกั ษิณออกจะชื่นชมแต่เรารู้แล้วว่าคนนี้เป็ นเสื้อเหลืองและก็ บางคนก็หยิบยกการบริการงานทกั ษิณกบั อภิสิทธิ์มองแปบเดียวก็รู้” ภายใต้บริบททางการเมืองในชว่ งนนั้ ท่ีมีความขดั แย้งทางความคิดทางการเมืองระหว่างเสือ้ เหลือง กบั เสือ้ แดง แตภ่ ายในตาบลสนั ผีเสือ้ น่าจะคนที่เห็นด้วยกบั แนวความคิดแบบเสือ้ แดงเป็นจานวนมาก ดงั จะปรากฏว่าในการหาเสียงเลือกตงั้ ระดบั ท้องถิ่น พ.ศ. 2555 บคุ คลที่ลงสมคั รเลือกตัง้ ทงั้ สองกล่มุ ตา่ งใช้
191 ป้ายหาเสียงที่เน้นสีแดง และใช้การใส่เสือ้ สีแดงในการหาเสียงด้วย โดยนายชรินทร์ ชมภู (2557) ได้ให้ เหตผุ ลถงึ ปรากฏการณ์ดงั กลา่ ววา่ “แดงมนั เป็นกระแสทีต่ า้ นไม่อยู่ มนั มีความเชื่อมนั่ ในทกั ษิณกบั ย่ิงลกั ษณ์เยอะอยู่เราก็คน เหนือก็ของพ่ึงคนของเราทีเ่ ขาจะสามารถช่วยเราไดม้ นั ก็มีผล” นอกจากนี ้ยงั สามารถสงั เกตได้ในช่วงการหาเสียงเลือกตงั้ ท้องถ่ินโดยการลงพืน้ ท่ีหาเสียงไปใน หม่บู ้าน ซ่ึงได้ใช้กระแสเสือ้ แดงโดยมีการใส่เสือ้ แดงกันทงั้ ทีมหาเสียง หากบ้านไหนเป็นคนเสือ้ แดงมกั จะ เชญิ เข้าบ้าน หากบ้านไหนเป็นคนเสือ้ เหลืองมกั จะเดนิ หลบหน้าไป “เข้าไปถ้าเขาเห็นคนเสื้อแดงไปถา้ เขาเดินหนีแสดงว่าเขาไม่ใช่คนเสือ้ แดง ... ถ้าเราไปหา เสียง เชิญๆ เข้าบา้ นอนั นีค้ ือคนเสือ้ แดง” สาหรับเขาได้ประเมินวา่ ตาบลสนั ผีเสือ้ มีจานวนคนที่มีแนวความคดิ ทางการเมืองแบบเสือ้ แดงหรือ แบบเสือ้ เหลืองนัน้ สามารถประเมินเบือ้ งต้นได้ว่ามีคนเสือ้ แดงประมาณร้อยละ 70 ถึง 80 ส่วนคนเสือ้ เหลืองไมป่ ระมาณร้อยละ 20 ถงึ 30 ยกตวั อย่างของบ้านทา่ ร้องขีค้ วายหมทู่ ่ี 3 มีจานวนครัวเรือนประมาณ ร้อยกวา่ ครัวเรือน มีคนเสือ้ เหลืองเพียง 20 ครัวเรือนเทา่ นนั้ “คือสงั เกตไดอ้ ย่างหมู่ทีส่ ามถา้ จะใหเ้ จาะได้ ถา้ จะเจาะเสือ้ เหลืองคิดว่าไม่เกินยีส่ ิบ หลงั คาเรือนจากประชาชนร้อยกว่าครัวเรือนเป็นคนส่วนนอ้ ย” ในสว่ นของการมีส่วนร่วมทางการเมืองของคนเสือ้ แดงในตาบลสนั ผีเสือ้ สว่ นใหญ่จะมีฐานะเป็น ผ้เู ข้าร่วมเวทีชมุ นมุ ตา่ งๆ ที่เขาจดั กนั ขนึ ้ ในจงั หวดั เชียงใหม่ เชน่ ที่สนามกีฬา 700 ปี หอประชมุ ตา่ งๆ โดยมี นกั การเมืองระดบั จงั หวดั เช่น ส.ส. ประสานงานมาทางนกั การเมืองท้องถ่ิน โดยจะสนบั สนนุ คา่ เดินทางให้ นอกจากประสานผ่านนกั การเมืองระดบั จงั หวดั แล้ว ยังมีการสื่อสารผ่านแกนนาเสือ้ แดงท่ีมีอยู่ในชมุ ชน ด้วย “ไปครับ ต้องไปเพราะเรามาพร้อมกบั สญั ลกั ษณ์ของเราคือสีแดง พอดีนกั การเมืองของ เสื้อแดงมาปราศรัย 700 ร้อยปี เขาก็เชิญชวน เราก็เชิญชวนชาวบ้านไป ... อยากไปอยู่ แลว้ ไม่บอกก็ไป” การสื่อสารทางการเมืองของคนเสือ้ แดง มีการสื่อสารกนั ผา่ นทางแกนนาเสือ้ แดงที่มีอยใู่ นหมบู่ ้ าน เชื่อมโยงกับแกนนาเสือ้ แดงระดบั อาเภอ ระดบั จังหวดั ขึน้ ไป โดยใช้การประชุมแกนนาเป็นสาคญั โดยมี เอกสารเผยแพร่ประกอบเพ่ือให้มาสื่อสารกนั ในหมบู่ ้าน ดงั คากลา่ วขององอาจวา่ “มนั มีหนึ่งอ่านหนงั สือพิมพ์ สองสื่อแกนนา จากสือ่ แกนนานีม้ นั จะเข้าถึงไง จากแกนนา ระดบั ภาค มาระดบั อาเภอจากมาระดบั หมู่บ้าน เพราะว่าเสื้อแดงแกนนาในหมู่บ้านมนั ก็ มีเหตผุ ลอย่แู ล้ว หมู่บ้านละหน่ึงคนสองคน ... มนั ก็มีการเปลีย่ นแปลงอยู่ตลอดเปลีย่ นกล
192 ยทุ ธ์กลวิธีตลอด สงั คมนน้ั ไม่ดีก็เปลีย่ นระบบใหม่ ทายงั ไงจะเข้าใจประชาชนทายงั ไง ประชาชนจะได้รับข่าวสารรวดเร็วและก็แผ่นผบั ใบปลิว นี้จะมาพร้อมอย่างสมมุติว่าเสื้อ แดงแกนนาเสือ้ แดงมาประชมุ ถูกเชิญไปประชมุ เสือ้ แดงจะมาพร้อมและเอกสารตีแผ่” 3.4 การเมืองท้องถ่นิ กับ “คนท้องถ่นิ ” ในหวั ข้อนีจ้ ะพิจารณาความสมั พนั ธ์ระหว่างการเมืองท้องถ่ินกับคนท้องถ่ิน ผา่ นนโยบายตา่ งๆ ที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินดาเนินการในพืน้ ท่ีขณะเดียวกันก็จะสะท้อนให้เห็นถึงปฏิกิริยาของผู้คนต่อ การเมืองท้องถ่ิน ไม่ว่าจะเป็น ปฏิกิริยาต่อนโยบายของเทศบาลต่อการมีส่วนร่วมทางเมืองของคนใน ท้องถิ่น (ทงั้ ผา่ นการเลือกตงั้ และรูปแบบอ่ืนๆ) 3.4.1 นโยบายชาวนาน้อย: การบริหารงานท่ไี ม่เท่าเทยี ม สาหรับตาบลสนั ผีเสือ้ แม้วา่ จะเป็นพืน้ ที่ใกล้เมือง แตเ่ ป็นพืน้ ท่ีใกล้เมืองที่ยงั คงทาการเกษตรมาก ที่สดุ ในอาเภอเมืองจงั หวดั เชียงใหม่ ดงั นนั้ จงึ พบวา่ นโยบายตา่ งๆ ท่ีผ้บู ริหารดาเนินการหลงั จากเข้าทางาน สว่ นใหญ่เป็นโยบายท่ีมงุ่ ให้ความสาคญั กบั กล่มุ เกษตรกร และคนพืน้ ถิ่นเป็นหลกั หากพิจารณาจากตาราง ที่ 1 ในภาคผนวก ก. จะพบวา่ งบประมาณในการบริหารงานในส่วนของการพฒั นาด้านการเกษตรเพ่ิมขึน้ จาก 1,187,760 ใน พ.ศ. 2555 มาเป็น 3,058,900 ใน พ.ศ. 2557 ขณะท่ีการดาเนินนโยบายอ่ืนๆ เส้นการ พัฒนาโครงสร้ างพืน้ ฐานก็ถือว่าได้รับการพัฒนาเรียบร้ อยหมดแล้ว เหลือเพียงแค่การซ่อมแซมและ บารุงรักษา ปัญหาอ่ืนๆ เช่นปัญหาเร่ืองการปรับปรุงภูมิทศั น์ภายในเขตหม่บู ้านจดั สรร ก็มีการปฏิบตั ิตาม ภารกิจเมื่อได้รับการร้องเรียน ขณะท่ีนโยบายท่ีจะตอบสนองความต้องการของเกษตรกรและคนพืน้ ถิ่นเป็น นโยบายที่ทาอยา่ งตอ่ เนื่องและถกู ให้นา้ หนกั ในการพฒั นามากเป็นพเิ ศษ นโยบายสาคญั และเป็นนโยบายเดน่ ของผ้บู ริหารชดุ นี ้ (ที่มีนายลกั ษ์ บญุ ชละเป็นนายกเทศมนตรี) คือ โครงการชาวนาน้อย โครงการนีม้ าจากความคดิ ริเริ่มของนายกเทศมนตรีตาบลสนั ผีเสือ้ ที่ชภู าพของการ เป็นคนท้องถิ่นเป็นลกู ชาวนาที่เตบิ โตมากบั ท้องไร่ท้องนา และต้องการสร้างจิตสานึกและปลกู ฝังให้เยาวชน เห็นความสาคญั ของการทานาและไม่ลืมภูมิหลังของบรรพบุรุษตนเอง โดยโครงการดังกล่าวใช้พืน้ ท่ี สาธารณะของบ้านท่าร้องขีค้ วาย (หมู่ 3) มีการสร้างฉางข้าว และใช้ควายไถนา ซึ่งเป็นควายที่ได้มาจาก การไถช่ ีวิตโคกระบอื และนายกฯ ก็ใช้เงินสว่ นตวั จา่ ยซือ้ ควายมารวมถึงคา่ ดแู ลตา่ งๆ ด้วย “ควายนี่ก็ 30,000-50,000 ที่นี้เลี้ยงเพราะว่าไถ่ชีวิตโคกระบือ เอามาให้ลูกน้องเลี้ยง แล้ว เอาไปปล่อยในสวนรกร้างว่างเปล่าของคนที่มีตงั ค์ ตวั ทีเ่ ลีย้ งนีก่ ็จะเกิดอีก 4-5 ตวั ปี ทีแ่ ล้ว เกิด 2 ตวั ควายก็ไถ่ชีวิตมา...เอามาใหเ้ ด็กเลีย้ งเด็กทีอ่ อกเวร” (ลกั ษ์ บญุ ชละ, 2557)
193 โครงการชาวนาน้อยเป็นการร่วมมือกับโรงเรียนในตาบลสนั ผีเสือ้ ทงั้ หมด 4 โรงเรียน โดยจะนา นกั เรียนมาเรียนรู้การทานาตามแบบดงั้ เดิมที่ยงั ไม่มีเครื่องจกั รใดๆ สาหรับข้าวท่ีได้ส่วนหนึ่งเทศบาลจะ ให้กบั เจ้าหน้าท่ีในเทศบาล อีกสว่ นหนง่ึ ให้กบั คนยากจน คนพกิ าร ที่อาศยั อยใู่ นตาบล “ขา้ วทีไ่ ดม้ าก็เอาไปสีใหล้ กู น้อง อีกส่วนหนึ่งเราก็เอาให้คนยากจน คนพิการในหมู่บา้ น ใน ตาบล ใส่ถงุ อปุ กรณ์ไปแจกคนพิการเป็นอมั พาตในหมู่บา้ น ในตาบลอย่างนีเ้ ป็นตน้ ” (ลกั ษ์ บญุ ชละ,2557) นอกเหนือจากโครงการชาวนาน้อย ก็ยงั มีโครงการส่งเสริมการเกษตร เช่นการสง่ เสริมการปลกู ข้าว ไรซ์เบอร์รี่ มีการจดั ซือ้ โรงสี โดยมีเปา้ หมายวา่ จะผลติ และบรรจขุ าย “ส่งเสริมการเกษตรทุกอย่าง ส่งเสริมข้าวพนั ธ์ุดี อย่างปี ที่แล้วซื้อพนั ธ์ุดี สง่ั ซื้อข้าวไรซ์ เบอร์รี่ ตอนนี้กาลงั ส่งเสริมเรื่องการทาพนั ธ์ุข้าวไรซ์เบอร์รี่ ตอนนี้กาลงั ซื้อโรงสี เป็นแพ็ค อย่างกิโลหนึ่ง 60 บาท ตอนนีก้ าลงั เร่ิมส่งๆ อนั นีเ้ ป็นของกล่มุ ชาวนา” (ลกั ษ์ บญุ ชละ, 2557) การปรับปรุงพืน้ ที่สาธารณะที่เคยเกิดกรณีพิพาทเรื่องการแย่งชิงพืน้ ท่ีระหว่างนายทนุ กบั ชาวบ้าน บริเวณบ้านท่าร้ องขีค้ วายหมู่ 3 ซ่ึงเป็นพืน้ ที่ติดริมนา้ ปิงให้เป็นสถานท่ีท่องเที่ยว ก็เป็นอีกหน่ึงความ พยายามหนึง่ ของเทศบาลตาบลสนั ผีเสือ้ ท่ีจะผลกั ดนั ให้บ้านท่าร้องขีค้ วายหมู่ 3 เป็นอีกแหลง่ ท่องเท่ียวใน ตาบลสนั ผีเสือ้ และของจงั หวดั เชียงใหม่ โดยพบว่ามีการพยายามสร้างฟาร์มผีเสือ้ ตลาดนา้ ร้านนวดแผน ไทย ให้คนตา่ งถ่ินเชา่ พืน้ ท่ีเปิดร้านกาแฟ สร้างสนามมวย และเป็นพืน้ ที่จดั กิจกรรมที่สาคญั ของตาบลเช่น ประเพณีของกระทงโดยในปีที่ผา่ นๆ มาจดั ที่บ้านสนั ทราย บ้านท่าหลกุ หรือบ้านท่าเดื่อ แตใ่ น พ.ศ. 2557 เป็นปีแรกท่ีย้ายมาจดั ที่บ้านทา่ ร้องขีค้ วาย อยา่ งไรก็ตาม ส่ิงท่ีน่าสนใจประการหนง่ึ คอื สาหรับผ้บู ริหารอย่างตวั นายกเองนนั้ ไมเ่ พียงแตด่ าเนิน นโยบายตามพนั ธกิจโดยใช้งบประมาณของเทศบาลแต่พบว่า ตวั นายกเองได้ใช้ทนุ ส่วนตวั ในการดาเนิน กิจกรรมตา่ งๆ ท่ีอาจดเู หมือนเป็นการตอบสนองความต้องการส่วนตวั อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านก็ยงั สามารถ ได้ประโยชน์จากโครงการด้วย เช่น การซือ้ ม้ามาให้ชาวบ้านใช้แห่ลูกแก้วในงานบวช หรืองานทาบุญ ทอดผ้าป่า ไมเ่ พียงมีการซือ้ ม้าเทา่ นนั้ แตย่ งั ซือ้ รถม้ามาด้วย “งานบวช งานแห่ลูกแก้ว ไม่คิดตงั ค์...ใครจะใช้ก็ได้ แล้วได้ตงั ค์ที่ไหน ได้ตงั ค์ที่เขาเสียบ หวั ม้า เขาสงสาร อนั นี้ 3 ตวั เดี๋ยวนี้มี 8 ตวั แล้วนะ ซื้อมา ได้ที่เขาเอาเสียบคนละร้อย คนละยีส่ ิบ สิบบาท คนขี่ คนเลีย้ งม้าเอาไปหมด เราไม่ไดส้ กั บาท เลีย้ งดู เอาน้าให้ มีที่ให้ ไม่ตอ้ งเกีย่ วหญา้ ใหก้ ิน” (ลกั ษ์ บญุ ชละ, 2557)
194 ทงั้ นี ้ดเู หมือนว่านโยบายดงั กล่าวจะทาไปเพื่อซือ้ ใจตอ่ กล่มุ คน 2 กล่มุ ได้แก่ หน่ึง กล่มุ คนท่ีเข้า มาอยู่ใหม่ เช่น คนในบ้านจัดสรร รวมถึงกลุ่มชนชัน้ กลางในชุมชน ที่ประกอบอาชีพรับราชการ หรือท่ี สมั พนั ธ์กบั ธุรกิจอ่ืนๆ ในภาคเมือง สาหรับกล่มุ นีเ้ ป็นกลุ่มที่มีรสนิยมแบบชนชนั้ กลางซ่ึงต้องการถวิลหา อดีตและรากเหง้าดงั เดิมของตนเองและของชมุ ชน สาหรับคนนอกที่เข้ามาอยกู่ ็ใช้พืน้ ที่ของกิจกรรมเหล่านี ้ เหมือนการพกั ผ่อนรวมถึงเป็นพืน้ ที่ของการเข้ามาสานผลประโยชน์จากกิจกรรมตา่ งๆ เหลา่ นี ้เชน่ การเข้า มาเปิดร้านกาแฟ “แก้วกาแฟ” และกลมุ่ ที่สองก็คอื กลมุ่ เกษตรในตาบลท่ีเป็นฐานคะแนนเสียงสาคญั ในการ ชีข้ าดว่าผู้ใดจะได้รับการเลือกตงั้ นโยบายชาวนาน้อยจึงเป็นนโยบายท่ีแสดงถึงการให้ความสาคญั กับ อาชีพชาวนาของนกั การเมืองท้องถิ่น ขณะท่ีคนกลมุ่ อื่นๆ (โดยเฉพาะกล่มุ ผ้สู นบั สนุนนายไกรศรี อินต๊ะสาร) ท่ีไม่ได้เป็นกล่มุ เป้าหมาย ของนโยบายดงั กล่าวกลบั มองว่านโยบายเหล่านีเ้ ป็นนโยบายที่ไร้สาระและหาประโยชน์ไม่ได้ ตอบสนอง เฉพาะพวกเดียวกนั และไมต่ า่ งอะไรกบั การเอางบประมาณมาดาเนินนโยบายเพ่ือหาเสียงให้กบั ตนเอง ซา้ ยงั ละเลยหรือไมใ่ สใ่ จในการแก้ไขปัญหาอื่นๆ ในชมุ ชน ซ่ึงคนกล่มุ นีม้ ีความต้องการให้เทศบาลทางานเพ่ือ ตอบสนองความสะดวกสบายด้านสาธารณูปโภคและความปลอดภยั ในชีวิตประจาวนั อยา่ งเท่าเทียมในทกุ พืน้ ท่ีโดยไมใ่ ชก่ ารมงุ่ พฒั นาพืน้ ท่ีใดพืน้ ท่ีหนง่ึ ดงั ที่นางฟองนวล กลา่ วถึงการร้องเรียนขอให้เทศบาลมาซอ่ ม ไฟก่ิง แต่ก็ไม่มีใครมาซ่อมให้ นางฟองนวลสะท้อนความรู้สึกท่ีมีต่อเทศบาลว่าละเลยการพัฒนาในเขต หม่บู ้านของตน หากม่งุ แตจ่ ะพฒั นาบ้านในบ้านอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิงบ้านร้องอ้อ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ นายกฯ “ก็นีข่ อไฟก่ิง นานมาก ก็ไม่มาติด ทาแต่ของมนั หมู่ 4 นะ พฒั นาแต่พวกเดียวกนั แลว้ หมู่ นีไ้ ม่ค่อยใส่ใจ เราอยู่หมู่บา้ นทา้ ยๆ หมู่ 8 อยู่ทา้ ยตาบล (ฟองนวล เจริญสขุ , 2557) 3.4.2. เม่ือการเลือกตงั้ เป็ น “ปัญหา” นอกเหนือจากความรู้สึกของคนบางกลุ่มในชุมชนมองว่าการบริหารงานของเทศบาลมุ่ง ผลประโยชน์ส่วนตวั เป็นหลกั แตก่ ็ยงั มีบางกลมุ่ ท่ีมองวา่ การเข้ามาของระบบการเลือกตงั้ ในระดบั ท้องถ่ินได้ ทาให้ความสมั พนั ธ์ของคนในตาบลสนั ผีเสือ้ เกิดความแตกแยก เม่ือมีการเลือกตงั้ ครัง้ ใด มักจะมีผ้สู มคั ร แขง่ ขนั กันหลายคนจึงทาให้เกิดการแขง่ ขนั กัน โจมตีระหว่างกนั รวมทงั้ เกิดการกระทบกระทง่ั กนั แตกตา่ ง จากสมยั ก่อนที่การปกครองมีผ้ใู หญ่บ้านตาแหน่งเดียว ทางานจนกระทั่งอายคุ รบ 60 ปี ไม่ต้องเลือกตงั้ บ่อย ซึ่งทาให้ความสมั พนั ธ์ของคนในตาบลมีความสามคั คี มีความสขุ ดงั คากล่าวของพระอธิการ อเุ ทน สจุ ติ โฺ ต เจ้าอาวาสวดั ป่าขอ่ ยเหนือ ซง่ึ เป็นวดั หนง่ึ ในตาบลสนั ผีเสือ้ “เขาเรียกว่า ‘ผีตวั เดียวกนั ’ มีแต่สร้างความแตกแยกใหใ้ นหมู่บ้าน อาตมาภาพจบั ประเด็น ของสงั คมได้ คิดว่าความแตกแยกเกิดจากอะไร เกิดจากการเลือกตงั้ คนนนั้ ชอบคนนี้ คน
195 นีช้ อบอีกคน คนนนั้ ชอบอีกคน แลว้ คนนีไ้ ด้ คนอืน่ ก็รุม ว่าคนนนั้ ไม่ดีอย่างนนั้ อย่างนี้ ตอ้ ง คนนี้ ก็ว่ากนั ไปกันมา แตกแยก เป็ นผลกระทบอย่างมากเลยการเลือกตงั้ สมยั แต่ก่อน บา้ นเราอยู่ดีมีสขุ คือ มีพ่อหลวงคนเดียว พอมีพ่อหลวงเกิดขึ้นมาอายุ 60 ปี ปลดเกษียณ พอ่ หลวงจบ ป.4 บางคนไม่จบดว้ ยซ้า ชวนไปไหนก็พากนั ไป ทางานจนเกษียณ ก็ไม่มีใคร ตีกนั ทาอะไรกนั อยู่กนั ด้วยความสขุ รักกนั กลมเกลียว ทุกหมู่บ้านในประเทศไทยตอนนี้ เป็น 3 – 4 หมู่” ในมมุ มองดงั กล่าว ความแตกแยกของคนในชมุ ชนก็มกั จะมาพร้อมกบั การเลือกตงั้ ในแตล่ ะครัง้ ทงั้ ในการเลือกตงั้ ผ้ใู หญ่บ้าน นายกเทศมนตรี เมื่อเทียบกบั ระยะเวลาการดารงตาแหน่งท่ีจะต้องมีการเลือกตงั้ จะพบว่าภายในระยะเวลา 4 ปี จะเกิดความแตกแยกภายในชมุ ชน 2 ครัง้ คือ การเลือกตงั้ นายกเทศมนตรี และการเลือกตงั้ ผ้ใู หญ่บ้าน หากเทียบกบั ระบบผ้ใู หญ่บ้านครบ 60 ปี ความแตกแยกก็จะทงิ ้ ชว่ งระยะเวลา ยาวนานมากกวา่ “ระยะ 4 ปี นี้ ภายในหมู่บ้านจะตอ้ งแตกแยกกนั 2 ครั้ง ทกุ คร้ังที่มีการเลือกตง้ั พ่อหลวง 1 ครั้ง เทศบาลอีก 1 ครั้ง 4 ปี ตอ้ งมีแตกแยก 2 คร้ัง ถ้า 8 ปี จะแตกแยกกี่ครั้ง ถ้า 12 ปี มนั แตกแยกกนั กี่ครั้ง แลว้ หวือหวาที่สุดในการเลือกตงั้ มนั เร่ิมมาประมาณ 12 ปี นี้ บ้าน เราถึงแตกแยกกนั ตง้ั แต่นายก อบต. นายก อบจ. นายกเทศบาล แต่ก่อนเขาแตกแยกกบั พ่อหลวงก็แค่รอปลดเกษียณอายุ เลือกตงั้ ใหม่ ได้คนนี้ไม่พอใจ ก็แล้วกนั ไป จบ อยู่จน ครบอายุ 60 ปี หมดวาระจบไป” การอธิบายถึงการแข่งขนั ในการเลือกตงั้ ว่าแสดงถึง “ความแตกแยก” และทาให้ชุมชนท่ีเคยรัก สามคั คีต้องเปล่ียนไป ส่วนหน่ึงน่าจะสะท้อนได้จากการฟ้องร้องระหว่างผู้สมคั รเลือกตงั้ ในการเลือกตงั้ นายกเทศมนตรีตาบลสนั ผีเสือ้ ครัง้ ที่ผ่านมา (พ.ศ. 2555) และคณะกรรมการการเลือกตงั้ ให้ใบแดงกับผู้ ชนะการเลือกตงั้ ซงึ่ ขณะท่ีอย่ใู นระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอทุ ธรณ์ภาค 5 นายกเทศมนตรีที่ได้ชนะ การเลือกตัง้ มาก็ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ซ่ึงทาให้ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่มี นายกเทศมนตรีตวั จริงปฏิบตั งิ าน “แต่เดี๋ยวนีเ้ ร่ิมแลว้ รุนแรง ฟอ้ งเลย หยดุ ชะงกั นายกคนนี้เพิ่งจะไดเ้ ริ่มทางาน เลือกมา 2 ปี แล้ว ปี กว่ากว่าจะได้ทางาน การพฒั นาก็ชะลอไปเลย เป็นผีตวั เดียวกนั ถึงขนาดนี้เลย ส่งผลกระทบมากๆ” (พระอธิการ อเุ ทน สจุ ติ ฺโต, 2557) ในการเลือกตงั้ นายกเทศมนตรีตาบลสนั ผีเสือ้ และสมาชิกสภาเทศบาลตาบลสนั ผีเสือ้ เม่ือวนั ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ท่ีผ่านมา มีคดีความเลือกตงั้ ที่ขึน้ สู่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 จานวน 3 คดี ดงั นี ้ 1) คดี หมายเลขแดงท่ี ลต. 1/2557 2) คดหี มายเลขแดงที่ ลต. 2/2557 3) คดหี มายเลขแดงที่ ลต. 3/2557
196 กรณีแรกเป็นการกลา่ วหานายลกั ษ์ บญุ ชละ วา่ จดั เลีย้ งอาหารให้กบั ผ้ใู หญ่บ้านในตาบล แจกเงิน ให้กับผ้ใู หญ่บ้านเป็นจานวนเงิน คนละ 1,000 บาท และแจกเงินให้กับผ้เู ข้าร่วมประชมุ ซ่ึงถูกมองว่าเป็น แกนนาคนเสือ้ แดงของตาบลช้างเผือกและตาบลสนั ผีเสือ้ คนละ 300 บาท โดยคดีดงั กลา่ ว คณะกรรมการ การเลือกตงั้ มีมตใิ ห้ใบแดง ตอ่ มาได้มีการย่ืนคาร้องตอ่ ศาลเพื่อขอให้มีคาสงั่ เลือกตงั้ ใหมแ่ ละเพิกถอนสิทธิ การเลือกตงั้ และศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิจารณาแล้วมีคาสง่ั ให้ยกคาร้องในวนั ที่ 12 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2557 เน่ืองด้วยพยานหลกั ฐานไมเ่ พียงพอ กรณีท่ี 2 และกรณีท่ี 3 กลา่ วหาว่านายลกั ษ์ บญุ ชละ กบั ทีมลงสมคั รสมาชกิ สภาเทศบาล กลมุ่ สนั ผีเสือ้ คณุ ธรรม โดยทงั้ 2 กรณี ย่ืนคาร้องโดยนายไกรศรี อินต๊ะสาร ผ้สู มคั รลงนายกเทศมนตรีและผ้สู มคั ร ลงสมาชกิ สภาเทศบาลเขตละ 1 คน กลา่ วหาวา่ ทีมสนั ผีเสือ้ คณุ ธรรมมีการซือ้ เสียงให้เงินเป็นจานวนคนละ 500 บาท โดยคดีดงั กล่าว คณะกรรมการการเลือกตงั้ มีมติให้ใบแดง และตอ่ มายื่นคาร้องตอ่ ศาลเพ่ือขอให้ มีคาสง่ั เลือกตงั้ ใหมแ่ ละเพิกถอนสิทธิการเลือกตงั้ แตศ่ าลอทุ ธรณ์ภาค 5 พิจารณาแล้วมีคาสง่ั ให้ยกคาร้อง ในวนั ท่ี 12 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2557 เนื่องด้วยพยานหลกั ฐานไมเ่ พียงพอเชน่ กนั การเลือกใช้กระบวนการทางศาลในการฟ้องร้องคดีระหวา่ งผ้สู มคั รรับเลือกตงั้ ด้วยกันแม้จะเป็น การเลือกตงั้ ในระดบั ท้องถ่ิน แต่การใช้กลไกที่เป็นทางการเข้ามาเป็นเครื่องมือในการยุติความขดั แย้งท่ี เกิดขึน้ สะท้อนให้เห็นถึงระบบความสมั พนั ธ์ระหว่างกล่มุ คนโดยเฉพาะอย่างย่ิงชนชนั้ นาในชมุ ชนที่มีความ แตกต่างไปจากระบบความสมั พนั ธ์แบบเดิมท่ีตงั้ อย่บู นฐานของเครือญาติหรือเครือญาติเสมือน รวมทงั้ วิธีการในการจดั การกบั ความขดั แย้งท่ีอยภู่ ายใต้ระบบความสมั พนั ธ์ภายในชมุ ชนเป็นหลัก นอกจากนีก้ ารฟ้องร้องคดีเลือกตงั้ ดงั กล่าว ด้านหนึ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐเองไมไ่ ด้กระจายอานาจ ในการปกครองท้องถ่ินเพียงเท่านนั้ แต่รวมทัง้ ได้ขยายอานาจในการตรวจสอบการเลือกตงั้ ขององค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินไปพร้อมเดียวกัน โดยใช้อานาจผ่านคณะกรรมการการเลือกตงั้ ซึ่งมีบทบาทในการ พิจารณาคดีเลือกตงั้ ในเบือ้ งต้นก่อนที่จะส่งเรื่องให้องค์กรศาลพิจารณาตอ่ ไป ในระหวา่ งการพิจารณาคดี ขององค์กรศาล การทางานของนายกเทศมนตรีต้องหยุดไปเท่ากับว่าโครงการพฒั นาตา่ งๆ ก็จาต้องชะงัก ไปโดยปริยาย ในกรณีของเทศบาลตาบลสนั ผีเสือ้ ใช้เวลาหลงั การประกาศผลการเลือกตงั้ ประมาณ 1 ปี 6 เดือน นายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล จึงจะสามารถทางานได้ปกติและเหลือวาระการทางาน เพียงประมาณ 2 ปี 6 เดือนเทา่ นนั้ การหาเสียงในระบบการเลือกตงั้ รูปแบบเทศบาลที่มีการแบ่งเขตใหญ่ขนึ ้ จากเดิมตามระบบการ เลือกตงั้ ในรูปแบบ อบต. ท่ีเป็นเขตหม่บู ้าน 9 เขตเลือกตงั้ เปล่ียนมาเป็น 2 เขตเลือกตงั้ ในระบบเทศบาล และยงั มีความเปล่ียนแปลงในการลงสมคั รสมาชิกสภาเทศบาล จากเดมิ ท่ีเป็นการลงสมคั รเป็นส่วนบคุ คล แขง่ กนั เองภายในหมบู่ ้าน แตเ่ ปลี่ยนมาเป็นการรับสมคั รสมาชิกสภาเทศบาลเป็นทีม ทีมละ 6 คน แข่งกนั ภายในเขตซ่ึงรวมกนั หลายหม่บู ้าน ระบบการเลือกตงั้ รูปแบบดงั กล่าวที่เปล่ียนแปลงไปทาให้การหาเสียง
197 เพื่อให้ได้คะแนนจาเป็นต้องใช้เงินทนุ เป็นจานวนมาก ทงั้ เอกสารแนะนาตวั ปา้ ยไวนิล รถแห่ ฯลฯ จงึ ทาให้ การลงสมคั รเป็นสมาชิกสภาเทศบาลจาเป็นต้องได้รับการสนบั สนนุ จากผ้สู มคั รรับเลือกตัง้ ในฝ่ ายบริหาร และเป็นข้อจากดั ในการลงสมคั รเองเป็นรายบคุ คลเหมือนเช่นสมาชิก อบต. จึงต้องมีการลงสมคั รเป็นทีม ร่วมกับผู้สมัครนายกเทศมนตรีไปด้ วย ดังนัน้ จะทาให้ การลงทุนเพ่ือผลิตสื่อในการหาเสียงของ นายกเทศมนตรีมีจานวนเงินท่ีเพ่ิมมากขึน้ มาก จึงสง่ ผลให้การแข่งขนั ของผ้สู มคั รนายกเทศมนตรีมีความ เข้มข้นมากขึน้ จนทาให้เกิดการใช้ช่องทางกฎหมายในการเอาผิดผู้สมัครอีกฝ่ ายหน่ึงและหวังให้มีการ เลือกตงั้ ใหม่เพื่อให้ตนเองสามารถลงสมคั รอีกครัง้ โดยท่ีผ้สู มคั รอีกคนที่ถกู ตดั สิทธิการเลือกตงั้ ลงไป ซึง่ จะ ทาให้ตนเองมีโอกาสในการเป็นผ้ชู นะการเลือกตงั้ มากขนึ ้ 4. องค์กรจัดตัง้ และเครือข่ายทางสังคม ในประเดน็ นีจ้ ะพิจารณาถึงกล่มุ ที่เป็นฐานเสียงสาคญั หรือมีความเก่ียวพนั กบั การเลือกตงั้ ได้แก่ กลมุ่ เกษตรกร กลมุ่ ผ้สู งู อายแุ ละกลมุ่ ทางเมืองในตาบลสนั ผีเสือ้ 4.1 กลุ่มเกษตรกร กล่มุ เกษตรกรถือเป็นฐานเสียงสาคญั ของนายลกั ษ์ โดยหม่บู ้านที่ยงั คงทาการเกษตรอย่คู ือหมู่ 1 หมู่ 2 และหมู่ 4 ซึ่งเป็นหม่บู ้านท่ีมีผ้มู ีสิทธิในการลงคะแนนเป็นจานวนมากเมื่อเปรียบเทียบกบั หม่บู ้านอ่ืน ดงั นนั้ ถ้าสามารถกมุ ความนิยมในกลุ่มคนเหล่านีไ้ ด้ก็ทาให้มีโอกาสได้รับชยั ชนะในการเลือกตงั้ สาหรับ นายลกั ษ์เองก็เคยดารงตาแหนง่ ประธานกลมุ่ เกษตรกรของตาบลสนั ผีเสือ้ และบริหารจดั การให้กลมุ่ มีเงิน หมนุ เวียนหลายแสนบาท “พ่อเป็นเกษตรกรแล้วมาเข้าด้านนี้ก็เลยมอบหมายให้แทน ได้เงินสมาชิก 100 กว่าคน มี เงินกองกลางเยอะอย่นู ะหลายแสนอยู่ เมื่อก่อนรุ่นก่อนนีไ่ ม่มี ไม่มีเงินสกั บาทใช้หนีเ้ ก่า ได้ เงินกองกลางๆ เข้ามา” (ลกั ษ์ บญุ ชละ, 2557) แม้กลมุ่ เกษตรกรเป็นกลมุ่ ท่ีมีการจดั ตงั้ และจดทะเบียนเป็นกล่มุ อยา่ งถกู ต้องแตก่ ิจกรรมตา่ งๆ ใน ปัจจบุ นั ก็มีไมม่ ากนกั ดงั นนั้ การดาเนินกิจกรรมของกล่มุ ที่ชีใ้ ห้เห็นถึงการสนบั สนนุ บคุ คลทางการเมืองจึง ไม่ปรากฏชัด แต่สาหรับนักการเมืองท้องถิ่นก็ได้ให้ความสาคัญอย่างมากต่อกลุ่มเหล่านี ้ โดยดาเนิน นโยบายตอบสนองความต้องการปัจจยั พืน้ ฐานในการทาการเกษตรและมีการสนบั สนนุ อยา่ งตอ่ เน่ือง เช่น การพฒั นาดแู ลคลองชลประทานให้มีนา้ ใช้ตลอด ดงั ที่นายลกั ษ์ (2557) พดู ถึงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งตนกบั กลมุ่ เกษตรวา่
198 “เราพฒั นาดูแลคลองชลประทาน เพระว่านาทีม หวั หน้าพฒั นา ไปสืบถามกล่มุ เกษตรกร เขาเรียกพ่อกานนั เขาไม่เรียกนายกฯ นะ เป็น 20 กว่าปี คิดดู” 4.2 กลุ่มผู้สูงอายุ สาหรับความสมั พนั ธ์ระหว่างกล่มุ ท่ีรัฐจดั ตงั้ ขึน้ กับการเมืองทงั้ ระดับชาติและระดบั ท้องถ่ินนนั้ มี งานศึกษาของธรรศ ปัญญาสืบ ซึ่งศึกษาเรื่องบทบาททางการเมืองของกลุ่มผู้สูงอายุในตาบลสันผีเสือ้ อาเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ใน พ.ศ. 2554 โดยการสัมภาษณ์กลุ่มผู้สูงอายุกับกลุ่มผู้นาทัง้ กานัน ผ้ใู หญ่บ้านและนกั การเมืองท้องถิ่น โดยมีข้อค้นพบที่นา่ สนใจคือ กลมุ่ ผ้สู งู อายเุ ป็นฐานเสียงที่สาคญั ในการ เลือกตงั้ เนื่องจากวา่ ผ้สู งู อายเุ ป็นวยั ท่ีสามารถโน้มน้าวใจได้ง่ายไม่วา่ จากผ้รู ับสมคั รรับเลือกตงั้ โดยตรงหรือ บคุ คลในครอบครัว หากชอบใครชอบผ้สู มคั รรายใดแล้วจะลงคะแนนเสียงให้ผ้สู มคั รรายนนั้ ๆ โดยไม่ลงั เล และการเลือกตงั้ แตล่ ะครัง้ กลมุ่ ผ้สู งู อายจุ ะไปใช้สิทธิเลือกตงั้ กนั อยา่ งกระตือรือร้น ทาให้เป็นกล่มุ ที่คะแนน เสียงมีความหมายมาก นอกจากนีใ้ นเชิงของโครงสร้างประชากรในหมบู่ ้านที่ผ้สู งู อายมุ ีแนวโน้มท่ีเพิ่มมาก ขึน้ มาก จึงทาให้กลุ่มผู้สูงอายุเป็นฐานเสียงท่ีสาคญั ในปัจจุบันและในอนาคตด้วย (ธรรศ ปัญญาสืบ, 2554: 39 – 40) ในการสนับสนุนผู้สมัครรับเลือกตัง้ ของกลุ่มผู้สูงอายุ ไม่ได้มีลักษณะของการเป็ น หวั คะแนนแตม่ ีลกั ษณะเป็นกลมุ่ ยอ่ ย มีการแลกเปลี่ยนความคดิ เห็นและปรึกษาหารือกนั หากมีความเห็น ตรงกนั ก็จะให้การสนบั สนนุ ผ้สู มคั รรายนนั้ ทงั้ กลมุ่ (ธรรศ ปัญญาสืบ, 2554: 34 – 35) นอกจากการเป็นฐานเสียงท่ีสาคญั ในการเลือกตงั้ แตล่ ะครัง้ แล้ว กล่มุ ผ้สู งู อายยุ งั มีการเรียกร้องตอ่ องคก์ ารบริหารส่วนตาบลสนั ผีเสือ้ ด้วย โดยการนาเสนอโครงการตา่ งๆ เพ่ือของบประมาณในการสนบั สนนุ กิจกรรม ซงึ่ มีวิธีการนาเสนอ 3 แนวทางคอื 1) ย่ืนโครงการตอ่ คณะผ้บู ริหารองคก์ รบริหารส่วนตาบลสนั ผีเสือ้ ด้วยตนเอง 2) นาเสนอโครงการในท่ีประชมุ ประจาหม่บู ้านหรือการประชมุ สญั จรที่องค์การบริหารส่วนตาบล สนั ผีเสือ้ จดั ขนึ ้ 3) นาเสนอโครงการโดยผ่านผู้นาชุมชน เช่น กานนั ผู้ใหญ่บ้าน หรือสมาชิกสภาองค์การบริหาร สว่ นตาบล (ธรรศ ปัญญาสืบ, 2554: 35) สาหรับโครงการของกลุ่มผู้สงู อายทุ ี่นาเสนอต่อองค์การบริหารส่วนตาบลสันผีเสือ้ แล้วได้รับการ อนมุ ตั ิ โครงการทงั้ หมดเป็นโครงการสง่ เสริมอาชีพผลิตสินค้าทางวฒั นธรรมจาหน่าย เชน่ ผางประทีป ของ หม่ทู ่ี 2, หม่ทู ี่ 4, หม่ทู ี่ 8 การทาตงุ ล้านนาของหมทู่ ี่ 3 การประดิษฐ์ดอกไม้จนั ทน์ ของหมทู่ ี่ 2, หม่ทู ี่ 5 เป็น ต้น หรือเป็นสินค้าประเภทอาหาร เชน่ การทาแหนม ของหมทู่ ี่ 6 นา้ พริกลาบและนา้ พริกตาแดง ของหมทู่ ี่ 1 (ธรรศ ปัญญาสืบ, 2554: 36)
199 ในส่วนของการเมืองระดับชาติ กลุ่มผู้สูงอายุไม่ค่อยได้ติดตามสถานการณ์ข่าวสารการชุมนุม ประท้วงของกลมุ่ การเมืองตา่ งๆ ไม่วา่ จะเป็นกลมุ่ เสือ้ แดงหรือกล่มุ เสือ้ เหลือง เนื่องจากเห็นวา่ เป็นเร่ืองไกล ตวั และเป็นการทาให้บ้านเมืองเกิดความวนุ่ วายและผ้สู งู อายเุ องไมไ่ ด้รับผลกระทบโดยตรง (ธรรศ ปัญญา สืบ, 2554: 34) ในการเลือกตงั้ ครัง้ ท่ีผ่านมามีประธานกล่มุ ผ้สู งู อายุ 1 คน ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาเทศบาล ตาบลสันผีเสือ้ เขต 1 คือนายเสาร์แก้ว พรหมมินทร์ ประธานกลุ่มผู้สูงอายุบ้านป่ าข่อยเหนือ หมู่ท่ี 1 นอกจากนายเสาร์แก้วแล้ว ในหมู่บ้านเดียวกันยังมีนายเทียม สิทธิเกหัง ประธานกลุ่มกองทุนหมู่บ้าน ประธานกลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ ประธานกล่มุ ประปาหมู่บ้าน ก็ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาเทศบาล ตาบลสนั ผีเสือ้ เขต 1 ด้วย ซึง่ หมบู่ ้านดงั กล่าวถือได้ว่าเป็นพืน้ ท่ีอนั เป็นฐานเสียงสาคญั ของนายกเทศมนตรี คนปัจจบุ นั 4.3 กลุ่มการเมืองท้องถ่นิ ในตาบลสนั ผีเสือ้ มีกลุ่มการเมืองท้องถ่ินท่ีสาคญั และขบั เค่ียวกันมาทุกสมยั ตงั้ แต่มีการตงั้ เป็น องค์การบริหารส่วนตาบลสนั ผีเสือ้ สืบเน่ืองมาถึงเทศบาลตาบลสนั ผีเสือ้ ในปัจจุบันอยู่ 2 กลุ่ม คือกลุ่ม ท้องถิ่นสนั ผีเสือ้ นาโดยนายลกั ษ์ บญุ ชละ ตอ่ มาเม่ือเปลี่ยนสถานะเป็นเทศบาลตาบลก็ได้มีการเปล่ียนช่ือ เป็นกลมุ่ “สนั ผีเสือ้ คณุ ธรรม” กลมุ่ ที่สองชื่อวา่ กลมุ่ สนั ผีเสือ้ พฒั นา นาโดยนายไกรศรี อนิ ต๊ะสาร ในการหาเสียงเลือกตงั้ ท้องถิ่นในแตล่ ะครัง้ หวั หน้ากล่มุ การเมืองท้องถ่ินแตล่ ะกลมุ่ มกั จะลงสมคั ร เป็นผ้บู ริหารท้องถ่ิน โดยจะมีลกู ทีมสาหรับฝ่ายบริหารสว่ นหน่ึงและมีทีมที่ลงสมคั รเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น อีกส่วนหน่ึง ในสมัยเป็นองค์การบริหารส่วนตาบล จะมีลูกทีมท่ีสมัครเป็นสมาชิกสภา จานวน 18 คน ตอ่ มาเม่ือเปล่ียนสถานะเป็นเทศบาลตาบล จะมีลูกทีมท่ีสมคั รเป็นสมาชิกสภา 12 คน ในการเลือกลกู ทีม มาลงสมคั รของแต่ละกล่มุ หวั หน้ากลุ่มมกั จะพิจารณาเป็นรายหม่บู ้านวา่ คนใดมีความโดดเด่นท่ีสดุ โดย การเข้าไปหาข้อมลู กบั ชาวบ้านในหม่บู ้านนนั้ ๆ ซ่งึ ความโดดเดน่ นนั้ อาจจะมาจากความเสียสละ ความจิต อาสาตอ่ งานสาธารณะในหมบู่ ้าน “หวั หนา้ ทีมก็จะพิจารณาว่าจะเอาคนไหน หวั หนา้ ทีมตอ้ งส่องกลอ้ งดแู ลว้ คนนีน้ ่าจะ เป็นได้ อยู่ทีห่ มู่บ้านอีกคร้ังหนึ่ง อย่างเช่นหมู่บา้ น ก. คนนีท้ ี่เด่น ก็ดึงเขามาร่วมทีม... พดู ง่ายๆ ว่าคือคนเสียสละ คนเสียสละที่ชาวบา้ นมองออกว่าคนนีช้ ่วยการช่วยงานในหมู่บา้ น ดี มีความเสียสละต่างๆ ส่วนมากจะมองทีค่ วามเสียสละ ... ทกุ อย่าง คือบคุ คลประเภทนี้ นะครับ ก็อาจจะเป็ นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมาก่อน เป็ นป้อหลวงมาก่อน เป็ นคณะกรรมการ หมู่บา้ น เป็น อสม. ประชาคม พวกนีม้ นั เป็นจิตอาสาอย่แู ลว้ ไง มีงานหมู่บา้ น บคุ คล เหล่านีม้ นั ก็เด่น” (องอาจ ใจแก้ว, 2557)
200 นอกจากความเสียสละแล้วชาวบ้านสว่ นใหญ่จะให้ความสาคญั กบั ความซ่ือสตั ย์ ความขยนั ความ รับผิดชอบและต้องไมโ่ กงด้วย “ความเสียสละนี่ตอ้ งมาก่อน ต่อมาก็มีความซื่อสตั ย์ ความขยนั ความมีหน้าที่รับผิดชอบ ต่องานทีต่ วั เองรับผิดชอบ พดู ง่ายๆ คนทีโ่ กงทีว่ อกนกั เราก็ไม่เอา” ผลการเลือกตงั้ ของทัง้ สองทีมในสองครัง้ ล่าสุดปรากฏว่าการเลือกตงั้ พ.ศ. 2551 ทีมสันผีเสือ้ พฒั นา ได้สมาชิกเข้ามาจานวน 6 คน ส่วนทีมท้องถิ่นสนั ผีเสือ้ ได้สมาชิกเข้ามาจานวน 11 คน ส่วนอีกคน เป็นผ้สู มคั รอิสระ ในการเลือกตงั้ พ.ศ. 2555 ทีมสนั ผีเสือ้ พฒั นาได้สมาชิกเข้ามาจานวน 2 คน สว่ นทีมสนั ผีเสือ้ คณุ ธรรมได้สมาชกิ เข้ามาจานวน 10 คน โดยแบง่ เป็นเขตละ 5 คน กิจกรรมของกลุ่มการเมืองท้องถิ่นสามารถสรุปได้ 2 ช่วงคือ 1) กิจกรรมช่วงหาเสียง 2) กิจกรรม ชว่ งเวลาปกติ 1) กิจกรรมช่วงหาเสียง เป็นกิจกรรมท่ีกล่มุ การเมืองท้องถ่ินจะดาเนินกิจกรรมกันในช่วงก่อนวนั เลือกตงั้ ประมาณ 1 – 2 เดือน โดยมีกิจกรรมหลกั คือการเดนิ หาเสียงไปตามหม่บู ้านกนั ทงั้ ทีม หากหมบู่ ้าน ใดคาดคะเนวา่ จะได้คะแนนเสียงน้อยจะเข้าไปเดนิ หาเสียง 4 – 5 ครัง้ ดงั คากลา่ วขององอาจ ใจแก้ว “หาเสียงออกร่วมกบั เป็น อบต.เราก็หาเสียงทง้ั ตาบลอย่แู ลว้ หาเสียงทกุ หมู่บา้ น ไป ดว้ ยกนั สมาชิกผสู้ มคั ร ส.อบต. 18 คนเราก็ไปพร้อมกนั ละก็เป็นเทศบาลเราก็ไปพร้อมกนั
201 ทง้ั สอง เขตเราไม่แยกเขตหนึ่งเขตสองไปหาเสียงช่วยกนั ปรกติเหมือนเดิมเพียงแต่จะมี สมาชิกลดลง 12 ทง้ั ที่ทุกคร้ังเราไป 18 แต่นี้เราไป 12 เหมือนเดิมบ้านไหนที่เรามีฐาน เสียงอ่อนเราก็เข้าบ่อยหน่อย สีร่ อบหา้ รอบ” 2) กิจกรรมชว่ งเวลาปกติ เป็นกิจกรรมท่ีกล่มุ การเมืองท้องถ่ินจะดาเนินกิจกรรมในช่วงเวลาปกตซิ ่ึง สามารถแบง่ ได้อีก 2 ลกั ษณะคอื กิจกรรมสนบั สนนุ ฝ่ายบริหารและกิจกรรมทางสงั คม กิจกรรมสนบั สนุนฝ่ ายบริหาร หากสมาชิกในกล่มุ คนใดได้เป็นสมาชิกสภาท้องถ่ิน จะเข้ ามานงั่ ที่ ห้องทางานของสภา โดยมีโต๊ะท่ีนง่ั ประจาตาแหนง่ ประธานสภา รองประธานสภาและท่ีปรึกษาสภา และมี โซฟารับรองโดยจะมีหน้าท่ีรับเร่ืองร้ องเรียนจากประชาชนท่ัวไป และเข้าไปสารวจปัญหาที่ร้ องเรียน นอกจากนีเ้ม่ือหวั หน้าทีมหรือฝ่ายบริหารมีงานให้ชว่ ยก็จะไปชว่ ยเหลือได้ ดงั ที่นายองอาจกลา่ ว “มนั จะมีเกือบทกุ วนั มนั ตอ้ งมีทกุ วนั อย่แู ลว้ ทีเ่ ราจะมา Standby อย่ใู นหอ้ งนีเ้ พือ่ มนั มีการ ร้องเรียนมีการขอความช่วยเหลือเขตไหนก็ให้เขตนนั้ ไป บางทีว่าทีมของเราเราจะมีคณะ ผบู้ ริหารเป็นทีมของเราบางทีแกมีงานด่วนเข้ามาแกก็จะเรียกเราอย่ตู รงนีแ้ ลว้ ตอนนี้มีการ ร้องเรียนมาเรื่องนน้ั เรื่องนีม้ ีสนุ ขั เห่าหอนสร้างความราคาญใหช้ าวบา้ น ชาวบา้ นมา ร้องเรียนก็ไปดูเอาผทู้ ีเ่ กีย่ วข้องเขา้ ไปดู” นอกจากนัน้ ยังมีการประชุมกลุ่มประจาเดือน เช่น กลุ่มสันผีเสือ้ คณุ ธรรมจะมีการประชุมกลุ่ม ประจาเดือนเพ่ือปรึกษาหารือในปัญหาของการบริหารงาน โดยจะสรุปปัญหาที่แตล่ ะหม่บู ้านพบเจอมา นาเสนอให้หวั หน้าทีมหรือฝ่ ายบริหารนาไปแก้ไข นายองอาจได้อธิบายถึงการทางานวา่ “คือเราจะมีการประชมุ เดือนหนึ่งครั้งหรือสองคร้ังเพือ่ จะวิเคราะห์ปัญหาในการบริหารงาน ตอ้ งวิเคราะห์ปัญหาว่าหมู่บา้ นใดกิจกรรมใดหรือว่าใครมีปัญหาอะไรเราก็ถกเถียงกนั เสร็จ เรียบร้อยเราก็จะทายงั ไงช่วยกนั แก้ปัญหาแลว้ หารือกนั ภายใน 10 คน อย่างเราเข้าไปหมู่ ที่ 5 ซ่ึงไม่มี สท.ของเขตเราอยู่เขามีปัญหา ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ท่อประปาแตก ไฟใน ซอยนี้ไม่มีเราก็เก็บข้อมูลแล้วก็มาคุยกนั แล้วก็หาทางออก ถ้าว่าเป็นฉุกเฉินละก็อย่างไฟ ก่ิงตรงนี้มนั มืดโจรขโมยมนั ขึ้นบา้ นหลงั นีถ้ า้ อปุ กรณ์ไม่สะดวกก็เรามีเราก็ใหท้ างเจ้าหนา้ ที่ เราไปจดั การใหเ้ ราแกป้ ัญหาไปเป็นช่วงๆไป” ส่วนกิจกรรมทางสงั คมท่ีกลุ่มการเมืองท้องถิ่นต้องไปเข้าร่วม เช่น งานศพ งานวดั งานแต่งงาน งานบวช งานขึน้ บ้านใหม่ เป็นต้น นอกจากนี ้กรณีที่กล่มุ ได้เป็นฝ่ ายบริหารด้วยจะมีกิจกรรมการแจกของ บริจาค กิจกรรมต่างๆ ของเทศบาล เช่น งานวนั พ่อ งานวนั แม่ งานวนั เกษตร งานวนั ลอยกระทง งานวนั สงกรานต์ เป็นต้น ซ่ึงนกั การเมืองท้องถิ่นมีความจาเป็นท่ีจะต้องเข้าร่วมในงานเหล่านี ้เพื่อสร้างเป็นการ สร้างความยอมรับและความค้นุ เคยให้กบั ประชนชนในเขต ซง่ึ เรียกกนั วา่ เป็นการสร้าง “power”
202 “ไปบางทีแกรู้อะไรแกก็ไปเพราะว่าแกก็ตอ้ งสร้าง Power ของแก เขาก็สร้างแค่เขาสองคน คนที่หน่ึง เพราะว่ามนั จะอยู่เขตหนึ่งหนึ่งคนเขตสองหน่ึงคนของเขานะที่ตกอยู่ ... เจอกนั ทกุ งานครบแลว้ เขาก็ไปของเขา เราก็ไปของเรา” “อย่างเราไปแจกเสือ้ กนั หนาวก็ไปแลว้ ก็สอบถามคณุ ยายมีปัญหาอะไรไหมเกี่ยวกบั สุขภาพ เวลาเจ็บไข้ได้ป่ วยไม่มีใครไม่มีรถไม่มีลาก็ให้แจ้งมาเอาเบอร์โทรให้เขาไป เรา บริการเขาถา้ ว่ามีปัญหาอย่างเจ็บไข้ได้ป่ วยยามวิกาลกลางคืน กลางวนั รถฉกุ เฉินเรามีอยู่ แลว้ สามารถโทรเข้ามาไดเ้ ลย” จากความเปล่ียนแปลงของโครงสร้างทางการเมืองท่ีเปล่ียนเขตเลือกตงั้ จากหมบู่ ้าน มาเป็นระดบั ที่ ใหญ่มากขึน้ โดยในสมยั ที่เป็นองค์การบริหารส่วนตาบลกิจกรรมเหล่านีย้ งั คอ่ นข้างจากัดตวั อย่เู ฉพาะใน หมบู่ ้าน แตพ่ อเปล่ียนมาเป็นเทศบาลกิจกรรมตา่ งๆ จะขยายออกไปมากกว่าขอบหม่บู ้านท่ีตนเองอยู่ และ การไปเข้าร่วมกิจกรรมในแตล่ ะครัง้ มีความเข้มงวดมากขนึ ้ ด้วยการไปหาเสียงกนั ทงั้ ทีม เห็นหน้ากันทงั้ ทีม ไมเ่ หมือนสมยั เป็นองค์การบริหารสว่ นตาบล ในการหาเสียงเลือกตงั้ แตล่ ะครัง้ ผ้นู าของแตล่ ะกล่มุ ก็มกั จะเข้าไปหานกั การเมืองระดบั ใหญ่กว่า ของจงั หวดั เชียงใหม่เพ่ือให้ชว่ ยเหลือและสนบั สนนุ ในหลายๆ ด้าน โดยเชื่อกนั ว่านายลกั ษ์ จะมีผ้ใู หญ่ทาง การเมืองให้ การสนับสนุนอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะจากกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ขณะท่ีคู่แข่งก็มี นกั การเมืองระดบั ใหญ่กว่าให้การสนับสนุนด้วยเช่นกัน โดยนายชรินทร์ ชมภู อธิบายถึงเครือข่ายและ ความสมั พนั ธ์ของทงั้ สองฝ่ายไว้ “พวกนี้จะมาจัดทีมลงเลือกตงั นี่มนั ใช้เงินเยอะ มนั ต้อง ก่อนการเลือกตง้ั นี่มนั ต้องใช้เงิน อยู่กบั ลูกน้องอะไร ทีมนี่เป็นเดือนๆ จ่าย กิน ไปนน่ั ไปนี่ ไปเที่ยวหาผู้ใหญ่ หา ส.ส. ขอ อุดหนุนมาบ้าง ... มนั มาทุกยุคตง้ั แต่ อบต.ละ อย่างไกรศรีนี่ก็ท่านสมพงษ์ อมรวิวฒั น์ แล้วนายกลกั ษ์นี่ก็คือ บญุ เลิศ บูรณุปกรณ์ แล้วก็บุญทรง ก็ของใครของมัน อุดรพนั ธ์ นี่ ของไกรศรี กบั ท่านสมพงษ์ อมรวิวฒั น์” การสนบั สนนุ ของผู้ใหญ่ทางการเมืองในการเลือกตงั้ พ.ศ. 2555 ทางนายลกั ษ์ คอ่ นข้างได้รับการ สนบั สนนุ คอ่ นข้างมากกวา่ ผ้ใู หญ่ทางการเมืองของนายไกรศรี เนื่องจากวา่ ลกู ชายของนายลกั ษ์ ได้แตง่ งาน กับญาติของนางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ (อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทยและกลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม ซ่ึงเป็น เครือข่ายนกั การเมืองสาคญั ของจงั หวดั เชียงใหม)่ จึงมีความสมั พนั ธ์มากขนึ ้ จึงได้รับการสนบั สนนุ มากขนึ ้ โดยมีการลงพืน้ ที่ชว่ ยหาเสียงด้วย “ออกพื้นที่เดินในหมู่บ้าน ... เพราะว่าลูกชายท่านนายกก็แต่งงานกบั ญาติ ส.ส. ก็เลย เกี่ยวดองกนั ก็เลยมาสนบั สนนุ ทีน่ ีเ่ ยอะ ... แต่อีกล่มุ เคา้ ไม่ลงพืน้ ทีเ่ หมือนกล่มุ นี”้
203 ภายใต้บริบททางการเมืองในชว่ งนนั้ ที่มีความขดั แย้งทางความคิดทางการเมืองระหวา่ งเสือ้ เหลือง กับเสือ้ แดง ซ่ึงเป็นท่ีคาดหมายได้ว่าในตาบลสันผีเสือ้ จะมีคนที่เห็นด้วยกับแนวความคิดแบบเสือ้ แดง มากกวา่ ในการหาเสียงเลือกตงั้ เทศบาลเม่ือ พ.ศ. 2555 ทงั้ สองกล่มุ ที่ลงรับสมคั รเลือกตงั้ จงึ ใช้สญั ลกั ษณ์ ของเสือ้ แดงสาหรับกล่มุ ของตน ทงั้ ป้ายหาเสียงและการใส่เสือ้ สีแดงในการหาเสียงด้วย โดยนายชรินทร์ ชมพู ได้ให้เหตผุ ลวา่ สว่ นหนง่ึ เป็นเพราะมาจาก “กระแสที่ต้านไมอ่ ย”ู่ “แดงมนั เป็นกระแสทีต่ า้ นไม่อยู่ มนั มีความเชื่อมน่ั ในทกั ษิณกบั ย่ิงลกั ษณ์เยอะอยู่ เราก็คน เหนือก็ของพ่ึงคนของเราทีเ่ ขาจะสามารถช่วยเราไดม้ นั ก็มีผล” แม้ว่าโดยทวั่ ไปความสมั พันธ์ระหว่างนกั การเมืองท้องถิ่นมกั จะตกอย่ใู นสถานะของผ้ไู ด้รับการ อปุ ถมั ภ์จากนกั การเมืองระดบั ที่ใหญ่กวา่ ไมว่ ่าจะเป็นนกั การเมืองระดบั จงั หวดั หรือนกั การเมืองระดบั ชาติ อย่างไรก็ตาม การเลือกของนกั การเมืองท้องถ่ินในการสร้างเครือขา่ ยของกล่มุ ตนเองกบั นกั การเมืองใหญ่ กว่าก็ไม่ใช่ส่ิงท่ีจะเกิดขึน้ ได้อย่างตามใจชอบ หากยงั ต้องตระหนักถึง “กระแส” หรือความปรารถนาของ ประชาชนในชมุ ชนประกอบด้วย ในแง่นี ้การเลือกสีเลือกข้างในการเมืองระดบั ชาตขิ องนกั การเมืองท้องถ่ิน จึงไม่ใช่เพียงประเด็นของการอปุ ถมั ภ์ระหว่างฝ่ ายหน่ึงที่มีอานาจเหนืออย่างเด็ดขาดแต่เพียงอย่างเดียว เทา่ นนั้
204 เอกสารอ้างองิ เข่ือนแมง่ ดั สมบรู ณ์ชล.2554. สืบค้นวนั ที่ 16 ธนั วาคม 2556, จาก http://mulinet8.li.mahidol.ac.th/mulibrary- km/exhibit/2554/sep_54.pdf เทศบาลช้างเผือก.2556. แผนพฒั นาสามปี พ.ศ. 2557-2559 ของเทศบาลตาบลช้างเผือก. สืบค้นวนั ท่ี 3 เมษายน 2558, จาก http://www.changpuak.org/Plan57-59/boodnum-19-06-56.pdf เทศบาลตาบลแมเ่ หียะ. 2557. ร่างแผน ยทุ ธศาสตร์การพฒั นาของเทศบาลตาบลแมเ่ หียะ พ.ศ. 2556- 2560 ฉบบั ปรับปรุง ฉบบั ท่ี 1. สืบค้นวนั ท่ี 3 เมษายน 2558, จาก http://www.maehia.go.th/fileupload/files/tb_files_80_1.pdf เทศบาลตาบลสนั ผีเสือ้ . แผนพฒั นาสามปีเทศบาลตาบลสนั ผีเสือ้ ประจาปี 2558-2560 เทศบาลตาบลสนั ผีเสือ้ .2555. รายงานผลการดาเนินงานประจาปี 2555 ไทยโพสตอ์ อนไลน์. 2554. หวน่ั รง. คอนกรีตทาเดือดร้อนเดนิ หน้าต้าน สืบค้นวนั ท่ี 10 กนั ยายน 2557, จาก http://www.ryt9.com/s/tpd/1278279 ธรรศ ปัญญาสืบ.2554. “บทบาททางการเมืองของกลมุ่ ผ้สู งู อายใุ นตาบลสนั ผีเสือ้ อาเภอเมือง จงั หวดั เชียงใหม”่ การค้นคว้าแบบอิสระ รัฐศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวชิ าการเมืองและการปกครอง บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ธเนศวร์ เจริญเมือง. 2535. ระบบเศรษฐกิจกบั นกั ธุรกิจชนั้ นาในภาคเหนือตอนบน. เอกสารประกอบการ สอนกระบวนวิชา 156753 โครงสร้างการเมือง,เศรษฐกิจและสงั คมภาคเหนือ. ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ธเนส ชาวนาทงุ่ . 2544. “การยอมจานนของชมุ ชนตอ่ ปัญหามลพษิ จากฟาร์มปศสุ ตั ว์ : กรณีบ้านป่าขอ่ ย เหนือ อาเภอเมือง จงั หวดั เชียงใหม่” วทิ ยานิพนธ์ ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาการจดั การ มนษุ ย์กบั สง่ิ แวดล้อม บณั ฑิตวิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ นารี มนุ ตาและคณะ. 2555. รายงานวชิ าปฏิบตั กิ ารพยาบาลครอบครัวและชมุ ชน 2 ภาคการศกึ ษาท่ี 2 ปี การศกึ ษา 2555 สาขาวชิ าการพยาบาลอนามยั ชมุ ชนและจติ เวช วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหม่ ปนดั ดา พาณิชยพนั ธ์ุ. 2554. พฒั นาการของโครงขา่ ยการขนสง่ และการเปลี่ยนแปลงการใช้ท่ีดนิ ในเขต ชานเมือง: กรณีศกึ ษาชานเมืองเชียงใหม่-แมโ่ จ้. วทิ ยานพิ นธ์วทิ ยาศาสตร์บณั ฑิต สาขาวชิ า ภมู ศิ าสตร์ บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ประวตั บิ ้านทา่ ร้องขีค้ วาย, ส่ือวีดีทศั น์
205 ปลายอ้อ ชนะนนั ท์. 2530. นายทนุ พอ่ ค้ากบั การก่อแบะขยายตวั ของระบบทนุ นิยมในภาคเหนือของไทย พ.ศ. 2464-2523. กรุงเทพฯ: สานกั พิมพ์สร้างสรรค์. แผนพฒั นาชมุ ชนบ้านสนั ผีเสือ้ สามคั คี หมทู่ ี่ 9. 2552. (เอกสารอดั สาเนา) ระบบฐานข้อมลู สารสนเทศจงั หวดั เชียงใหม.่ 2557. สืบค้นวนั ท่ี 2 กมุ ภาพนั ธ์ 2557, จาก http://gis.chiangmai.go.th/index.php รัตนาพร เศรษฐกลุ . 2546. หน่ึงศตวรรษเศรษฐกจิ ชุมชน หมู่บ้านภาคเหนือ. กรุงเทพฯ: พมิ พ์ดี จากดั . สมโชติ ออ๋ งสกลุ . 2546. รายงานการวจิ ยั ฉบบั สมบรู ณ์ โครงการวจิ ยั ประวตั ิศาสตร์ชมุ ชนเชียงใหม่: การ สร้างประวตั ิศาสตร์ท้องถ่ิน. สานกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ยั . สพุ ร การุณพกั ตร์.2503. การสารวจสภาพการเกษตรเพื่อการสง่ เสริมฯ ในท้องที่ตาบลสนั ผีเสือ้ อาเภอเมือง ใหม่ จงั หวดั เชียงใหม.่ วิทยานพิ นธ์กสิกรรมและสตั วบาลบณั ฑติ คณะกสิกรรมและสตั วบาล มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. สานกั งานคณะกรรมการการเลือกตงั้ จงั หวดั เชียงใหม.่ 2555. สืบค้นวนั ที่ 26 พฤศจกิ ายน 2557, จาก http://www2.ect.go.th/home.php?Province=chiangmai องค์การบริหารสว่ นตาบลสนั ผีเสือ้ .2554.รายงานผลการดาเนินงานประจาปี 2554 เอกลกั ษณ์ เด็กยองและคณะ. 2556. รายงานวิชาปฏิบตั ิการพยาบาลครอบครัวและชมุ ชน 2 ภาค การศกึ ษาที่ 2 ปีการศกึ ษา 2556 สาขาวิชาการพยาบาลอนามยั ชมุ ชนและจิตเวช วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหม่ สัมภาษณ์ นางจนั ทนา ทิพย์กาญจนกลุ .รองปลดั เทศบาลตาบลสนั ผีเสือ้ . สัมภาษณ์, 15 พฤศจกิ ายน 2557 นางบวั จนั ทร์ ใจแก้ว. ชาวบ้าน. สัมภาษณ์, วนั ที่ 11 ตลุ าคม 2556 นางผอ่ งพนั ธ์ุ บญุ สละ. ภรรยากานนั ตาบลสนั ผีเสือ้ . สัมภาษณ์, วนั ที่ 20 กรกฎาคม 2557 นางฟองนวล เจริญสขุ . ชาวบ้าน. สัมภาษณ์, วนั ท่ี 9 ตลุ าคม 2556 ________. สัมภาษณ์, 19 พฤศจิกายน 2557 นางแสงอรุณ. ชาวบ้าน. สัมภาษณ์, วนั ที่ 19 มกราคม 2557 นายขจรศกั ดิ์ พรมเสน. ผ้ใู หญ่บ้านหมู่ 8. สัมภาษณ์, วนั ที่ 6 ตลุ าคม 2556
206 นายชรินทร์ ชมภ.ู ผ้ใู หญ่บ้านหมู่ 2. สัมภาษณ์, 25 พฤศจกิ ายน 2557 นายพิจิตร ทินนงั . สมาชิกสภาเทศบาลตาบลสนั ผีเสือ้ เขต 2. สัมภาษณ์, 16 มกราคม 2558 นายพิรุณ พณิ วุ งศ์. ผ้ใู หญ่บ้านหมู่ 1.สัมภาษณ์, วนั ท่ี 2 สิงหาคม 2557 นายภานพุ งศ์ ชยั อ้าย. ผ้ใู หญ่บ้านหมู่ 9. สัมภาษณ์, วนั ที่ 22 กรกฎาคม 2557 นายลกั ษ์ บญุ ชละ.นายกเทศมนตรีตาบลสนั ผีเสือ้ . สัมภาษณ์, 27 ธนั วาคม 2557 นายวฑิ ลู จนั ทพร. ผ้ใู หญ่บ้านหมู่ 7. สัมภาษณ์, 31 กรกฎาคม 2557 นายสมศกั ดิ์ ไชยรังสี. ผ้ใู หญ่บ้านหมู่ 5. สัมภาษณ์, วนั ที่ 18 กรกฎาคม 2557 นายองอาจ ใจแก้ว.สมาชิกสภาเทศบาลตาบลสนั ผีเสือ้ เขต 2. สัมภาษณ์, 16 มกราคม 2558 พระครูอเุ ทน สจุ ติ โต. เจ้าวาสวดั ป่ าขอ่ ยเหนือ. สัมภาษณ์, วนั ท่ี 16 กรกฎาคม 2557
บทท่ี 5 การเปล่ ียนแปลงและกระบวนการสร้ างประชาธิปไตย บทเรียนจากกรณีศกึ ษาในพืน้ ท่ีภาคเหนือตอนบน ความเข้าใจโดยทว่ั ไปเมื่อกล่าวถึง “ชนบท” ก็มกั จะมีความหมายถึงพืน้ ท่ีห่างไกลจากความเป็น เมือง ผ้คู นประกอบอาชีพทางเกษตรแบบเลีย้ งตนเองเป็นด้านหลกั ความสมั พนั ธ์ระหว่างกนั เป็นลกั ษณะท่ี เป็นชมุ ชนภายใต้ระบบเครือญาติ วิธีชีวิตแบบเรียบง่าย พืน้ ที่บริสทุ ธ์ิที่ยงั ไม่แปดเปือ้ นจากการพฒั นา เป็น ต้น แตก่ ารหนั กลบั มาศกึ ษาชนบทที่เกิดขนึ ้ ในห้วงเวลานบั ตงั้ แตท่ ศวรรษ 2550 เป็นต้นมา ได้ให้ภาพ ของหม่บู ้านในพืน้ ที่ชนบทท่ีแตกตา่ งไปจากเดิมอยา่ งสาคญั ความเปล่ียนแปลงนีอ้ าจเห็นได้อยา่ งชดั เจน ทางด้านกายภาพอนั หมายถึงการก่อสร้างถนนหนทาง ระบบคมนาคม หรืออาคารบ้านเรือนแบบใหม่ที่ผดุ ขึน้ ในหมู่บ้าน หรือในด้านของวิถีการผลิตท่ีมีการเคลื่อนจากการผลิตแบบเลีย้ งตนเองเข้าส่กู ารผลิตเชิง พาณิชย์แบบเข้มข้น ดังภาพพืน้ ที่การปลูกข้าวโพดเลีย้ งสัตว์ที่แผ่ขยายไปในหลายจังหวัดของพืน้ ที่ ภาคเหนือ อยา่ งไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงนีย้ งั ครอบคลมุ ไปถึงในในแง่มมุ ด้านอื่นๆ อย่างกว้างขวาง ทงั้ ในด้านของวฒั นธรรมความเช่ือ อตั ลกั ษณ์ อานาจและความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแตล่ ะกล่มุ ความคาดหมาย ตอ่ บทบาทของสถาบนั ตา่ งๆ “การศกึ ษาการเปล่ียนแปลงและกระบวนการสร้างประชาธิปไตย: กรณีภาคเหนือตอนบน” ได้เลือก พืน้ ที่ 3 แห่งสาหรับการวิจัย กล่าวคือ หมู่บ้านในหุบเขา (พืน้ ที่ตาบลช่างเคิ่ง อาเภอแม่แจ่ม จังหวัด เชียงใหม่) หม่บู ้านชาวนารายยอ่ ย (พืน้ ที่ตาบลสนั ทราย อาเภอแม่จนั จงั หวดั เชียงราย) และหม่บู ้านชาย ขอบเมือง (พืน้ ที่ตาบลสันผีเสือ้ อาเภอเมือง จงั หวัดเชียงใหม่) ซ่ึงจากการศึกษาวิจัยก็ได้ทาให้เห็นการ เคลื่อนตัวที่แสดงให้เห็นถึงความเปล่ียนแปลงท่ีผลเป็นสืบเนื่องจากปัจจัยภายนอกและภายใน ความ หลากหลายในสถานะของกลมุ่ คนและความสมั พนั ธ์กบั สถาบนั ทางการเมือง/สงั คมแบบใหม่ ปรากฏการณ์ ที่สะท้อนความสลบั ซบั ซ้อนของความหมาย การจดั วางตาแหน่งแห่งท่ี และความคาดหวังของคนแต่ละ กลมุ่ ภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลงไป
208 1. ความหมายของ “ชนบท” ท่พี ลกิ เปล่ียน 1.1 แรงผลักดันของเศรษฐกจิ เชงิ พาณิชย์ ปัจจยั ทางเศรษฐกิจมีอิทธิพลต่อความเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึน้ ในพืน้ ที่ชนบทอย่างไม่อาจปฏิเสธ ภายใต้ระบบการผลิตแบบยงั ชีพ ที่ดนิ ในฐานะปัจจยั การผลิตมีความสาคญั ตอ่ การสร้างและสะสมความมงั่ คง่ั ของผ้คู น ดงั จะเห็นได้จากกล่มุ คนท่ีมีบทบาทในยคุ ของการตงั้ ถิ่นฐานจะสามารถครอบครองที่ดินและ สะสมความมงั่ คง่ั ท่ีสามารถส่งผา่ นไปยงั ลูกหลานของตนได้ ขณะท่ีกล่มุ คนท่ีเข้ามาภายหลงั จะไม่อาจจบั จองท่ีดนิ ซง่ึ มีทาเลได้ดเี ทา่ กบั ผ้บู กุ เบกิ กลมุ่ แรกๆ และความสมั พนั ธ์ระหวา่ งแตล่ ะกล่มุ ภายในชมุ ชนก็จะอยู่ ภายในชมุ ชนเป็นหลกั โดยอาจมีความเก่ียวข้องกบั ภายนอกชมุ ชนอย่แู ตก่ ็มีความสาคญั สาหรับบคุ คลบาง กล่มุ เท่านนั้ อย่างไรก็ตาม การขยายตวั ของกลไกรัฐ การผลิตเชิงพาณิชย์ ได้ทาให้เกิดโอกาสและช่องทาง ใหมๆ่ ให้กบั ผ้คู นในลกั ษณะที่หลากหลาย ความสมั พนั ธ์กบั ภายนอกชมุ ชนโดยเฉพาะภายหลงั กระแสการ พฒั นาหลังทศวรรษ 2500 ได้ทาให้ชนชนั้ นาและกลุ่มอ่ืนๆ บางส่วนในท้องถิ่นเข้ามีช่องทางเพิ่มในการ สะสมความมงั่ คงั่ ของตน ระบบการคมนาคมที่เข้ าไปถึงชุมชนทาให้ ปฏิ สัมพันธ์ ระหว่างผ้ ูคนในท้ องถ่ินกับโลกภายนอก เป็นไปได้สะดวกมากยิ่งขนึ ้ ถนนหนทางที่สะดวกและใช้เวลาน้อยลงทาให้การเพาะปลกู สินค้าให้กบั ตลาด ภายนอกสามารถเกิดขึน้ ได้ ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นที่ถนนบุกเบิกเข้าไปในพืน้ ท่ี สภาพแวดล้อมสาหรับ การเกษตรยงั คงมีความอดุ มสมบรู ณ์จึงทาให้เกษตรกรยงั ไม่จาเป็นต้องพ่งึ พาเคร่ืองมือและปัจจยั การผลิต แบบสมยั ใหม่มากนกั จวบจนกระทง่ั การแผ่ขยายของการผลิตเชิงพาณิชย์เกิดขนึ ้ ก็มีความจาเป็นที่จะต้อง พงึ่ พาเครื่องมือและปัจจยั การผลติ สมยั ใหม่ เชน่ ป๋ ยุ ยาฆา่ แมลง เม่ื อก ระแสการผลิ ตเชิงพ าณิ ชย์ แบ บเข้ ม ข้ น ได้ แผ่ขยาย เข้ าไป ใน หมู่บ้ าน ก็ ได้ ท าให้ เกิ ดการ ปรับเปลี่ยนระบบการผลติ ความสมั พนั ธ์ในกระบวนการผลิต การผลติ เชิงพาณิชย์ได้ทาให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ในระบบการผลิตนอกจากการเป็นผ้ผู ลติ ในไร่นาแตเ่ พียงประการเดียว ดงั เชน่ การผนั ตวั เองเป็นนายหน้ารับ ซือ้ สินค้าทางการเกษตร การเปิดร้านค้าขายผลิตภณั ฑ์ทางการเกษตร การเป็นนายหน้ารวบรวมแรงงานใน การเพาะปลกู เป็นต้น แม้ว่าโดยทวั่ ไปกล่มุ คนท่ีสะสมความมงั่ คงั่ จะมีความได้เปรียบโดยสมั พทั ธ์ภายใต้ กระแสความเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ แต่กลุ่มคนที่อยู่ในระดับต่ากว่าก็สร้ างจังหวะหรือโอกาสใน ทา่ มกลางระบบเศรษฐกิจที่เปล่ียนไปได้เชน่ กนั เช่น การเพาะปลกู พืชที่เป็นที่ต้องการของตลาดในห้วงเวลา นนั้ หรือการประสบความสาเร็จจากการทดลองเพาะปลูกพืชพาณิชย์บางชนิด การได้ประโยชน์จากราคา ที่ดนิ ที่เพิ่มขนึ ้ สงู การเป็นผ้บู กุ เบิกนาสินค้าจากท้องถิ่นออกไปส่ภู ายนอกหรือการนาสินค้าจากภายนอกเข้า มาสภู่ ายในชมุ ชน เป็นต้น
209 1.2 โอกาสและการปรับตัวของคนกลุ่มต่างๆ โดยทวั่ ไป ชนชนั้ นาในหมบู่ ้านซ่ึงได้สะสมความมงั่ คงั่ และการสร้างเครือขา่ ยภายในกลมุ่ ของตนจะ มีศกั ยภาพในการปรับตวั กบั ความเปล่ียนแปลงท่ีเกิดขึน้ ได้อย่างมากทงั้ ในระบบเศรษฐกิจเชิงตลาดและ การเมืองส่วนท้องถิ่นท่ีขยายตัว ดังการเห็นช่องทางในการปรับตัวเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่และ แปรเปล่ียนสถานะของตนเองจากชาวนารวยหรือ “เจ้าท่ีดนิ ” ไปส่ผู ้ปู ระกอบธุรกิจท่ีมีขนาดและความมง่ั คงั่ มากขนึ ้ ในระบบเศรษฐกิจแบบใหม่ หรือสร้างโอกาสใหมๆ่ ผา่ นระบบการศกึ ษา แผนภาพท่ี 5.1 ความเปลยี่ นแปลงทางเศรษฐกิจกบั การแตกตวั ของคนกลมุ่ ตา่ งๆ อยา่ งไรก็ตาม การผลิตเชิงพาณิชย์ได้ทาให้ชาวบ้านผ้เู ป็นชาวนาหรือเกษตรกรปรับเปลี่ยนสถานะ ของตนเองจากชาวนามาเป็น “ผ้ปู ระกอบการในชนบท” ซึ่งทาหน้าท่ีเป็นผ้ผู ลิตสินค้าโดยสมั พนั ธ์กบั สินค้า ทางการเมืองเพื่อปอ้ นให้กบั ระบบตลาดเป็นหลกั ในกระบวนการผลิตจะต้องพึ่งพากบั “ผ้ปู ระกอบการราย อ่ืน” โดยความสมั พนั ธ์กบั ผ้ปู ระกอบการด้วยกนั ก็จะเป็นไปในแนวระนาบที่ไมไ่ ด้มีฝ่ ายใดฝ่ ายหนง่ึ มีอานาจ เหนืออีกฝ่ ายอยา่ งมาก แตล่ ะคนตา่ งก็จะมีทกั ษะและความเป็นอิสระบางระดบั ในการเข้าสรู่ ะบบตลาดโดย ไม่จาเป็นต้องถูกขาดอยู่กับผู้หนึ่งผู้ใดอย่างเด็ดขาด ทัง้ ชาวบ้านในระดับต่ากว่าก็จะมีช่องทางในการ ปรับตวั เข้าสรู่ ะบบเศรษฐกิจท่ีเปล่ียนแปลงไปด้วยเชน่ กนั แตเ่ น่ืองจากการปรับเปลี่ยนสถานะตนเองในการก้าวส่รู ะบบเศรษฐกิจระบบตลาดทาให้ชาวบ้าน ต้องเผชิญกับความเส่ียงมากย่ิงขึน้ ในกระบวนการผลิตหากดาเนินการในลกั ษณะของปัจเจกบุคคล การ สร้างเครือข่ายระหว่างผ้ปู ระกอบการจึงเป็นความจาเป็นประการหน่ึงในการทาให้เกิดความมน่ั คงในชีวิต
210 ของตนเอง ทงั้ นี ้การสร้างเครือข่ายระหว่างของผ้ปู ระกอบการภายในกลุ่ม ข้ามกลุ่ม ข้ามพืน้ ท่ี ก็จะเป็น ลกั ษณะเดน่ ประการหนง่ึ ท่ีจะสามารถพบได้ในความเปล่ียนแปลงนี ้ นอกจากนนั้ ผ้คู นในชมุ ชนก็มีโอกาสในการประกอบอาชีพนอกภาคเกษตรกรรมเป็นช่องทางหน่ึง ในการออกจากวิถีชีวิตแบบเดิม รวมไปถึงการออกไปทางานในต่างประเทศอนั นามาซ่ึงการสะสมทนุ และ ทกั ษะชนิดใหม่ที่เป็นประโยชน์มากขึน้ และระบบการศกึ ษาท่ีขยายตวั มากขึน้ ก็เป็นส่วนหน่ึงของการขยบั และการเปลี่ยนแปลงฐานะท่ีสามารถเกิดขนึ ้ ได้ 2. การเมืองท้องถ่นิ : พนื้ ท่แี ห่งบทเรียนประชาธิปไตย การให้ความสาคญั กับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินอย่างชดั เจนนบั ตงั้ แต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา รวมถึงการบญั ญัติและแก้ไขกฎหมายที่ทาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีบทบาทและอานาจ หน้าท่ีเพ่ิมมากขึน้ การกาหนดให้ฝ่ ายบริหารและสภาขององค์กรปกครองส่วนถิ่นมาจากการเลือกตัง้ โดยตรงได้ทาให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างสาคญั ต่อการสร้างสถาบนั การเมืองในระดบั ท้องถ่ิน รวมถึง การทาให้ชาวบ้านในท้องถ่ินเข้ามามีสว่ นเกี่ยวข้องกบั ระบบการเมืองที่สง่ ผลกระทบโดยตรงตอ่ ตนและกลมุ่ ในระดบั ท้องถิ่น อนั เป็นการทาให้ความหมายของการเลือกตงั้ ในระดบั ท้องถิ่นกลายเป็น “ประชาธิปไตยท่ี กินได้” ให้บงั เกิดขนึ ้ และคอ่ ยๆ ทวีความหมายตอ่ ชาวบ้านเม่ือมีการเลือกตงั้ เกิดขนึ ้ อยา่ งตอ่ เนื่อง และส่งผล ตอ่ การตระหนกั ถึงความสาคญั ของการเลือกตงั้ ทงั้ ในแง่ของปัจเจกบคุ คล กลมุ่ พรรคพวก และชมุ ชนของ ตนท่ีปรากฏขนึ ้ จริง รวมทงั้ จะเป็นกระบวนการปรับความสมั พนั ธ์ระหวา่ งประชาชนกบั การเลือกตงั้ ด้วยการ ทาให้ชาวบ้านสามารถเข้าร่วมทางการเมืองได้โดยตรง (พฤกษ์ เถาถวิล, 2553) การให้ความสาคญั ตอ่ การ เลือกตงั้ ในการเมืองท้องถิ่นปรากฏได้จากจานวนการลงคะแนนเสียงในสดั ส่วนท่ีสงู เฉพาะอย่างยิ่งหาก เปรียบเทียบกับการเลือกตัง้ ในการเมืองระดับชาติ การเมืองท้องถ่ินจึงได้กลายเป็นพืน้ ที่ “บ่มเพาะ” ความคิดท่ีของประชาธิปไตยในพืน้ ท่ีนอกศนู ย์กลางของสงั คมไทยอย่างสาคญั (ป่ินแก้ว เหลืองอร่ามศรี, 2556) 2.1 การเมืองท้องถ่นิ และการเมืองท้องท่ี แตเ่ ดิมมารูปแบบของการปกครองในท้องถ่ินจะถกู กากบั ไว้ด้วยระบบราชการสว่ นภมู ิภาคซ่ึงจะมี อานาจหน้าท่ีภายใต้การควบคุมกากับของหน่วยงานส่วนกลาง อันมีผลอย่างสาคัญต่อแนวทางการ ปฏิ บัติงานของหน่วยงานส่วนภูมิ ภ าค ซึ่งอาจไม่ตอบสนองต่อความ ต้ องการหรื อความ คาดหวังของ ประชาชน ทงั้ เป็นองค์กรท่ีไกลจากการควบคมุ ของชาวบ้านในท้องถ่ิน กลไกสาคญั ของรัฐท่ีอย่ใู นท้องถิ่นก็ คือกานันและผู้ใหญ่บ้าน ซ่ึงแม้จะเป็นตัวแทนท่ีมาจากการคัดเลือกของชาวบ้านแต่ก็ได้ถูกผนวกให้ กลายเป็นสว่ นหน่งึ ของกลไกรัฐในการปฏิบตั หิ น้าที่ด้านตา่ งๆ ทงั้ ในแง่ของการดแู ลความสงบเรียบร้อยและ การพฒั นาความเจริญของท้องถ่ิน การเกิดขึน้ และการขยายบทบาทอานาจหน้าท่ีรวมถึงทรัพยากรและ
211 งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีผลกระทบโดยตรงตอ่ ระบบราชการส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะ อย่างย่ิงบรรดากล่มุ คนท่ีอย่ใู นส่วนของ ”การเมืองท้องท่ี” ดงั จะเห็นได้ว่ากานนั และผ้ใู หญ่บ้านหรือ “พ่อ หลวง” ซึ่งเคยเป็นตาแหน่งท่ีมีความสาคัญในท้องถ่ินต้องเผชิญหน้ากับบรรดาผู้คนท่ีอยู่ในส่วนของ “การเมืองท้องถิ่น” อนั หมายถึงบคุ คลท่ีดารงตาแหนง่ อยใู่ นองค์กรปกครองสว่ นท้องถิ่นท่ีเข้ามาปะทะ เบียด ขบั และลดทอนความสาคญั ของระบบการเมืองท้องท่ีลง รูปธรรมที่ปรากฏให้เห็นอย่างชดั เจนก็คือบคุ คลท่ี ทาหน้าที่เป็นประธานในงานศพ งานวดั ประจาชมุ ชน งานประเพณีตา่ งๆ มกั จะเร่ิมมีการเปล่ียนแปลงจาก นกั การเมืองท้องท่ีมาสนู่ กั การเมืองท้องถ่ินแทน อย่างไรก็ตาม การดารงตาแหน่งในระบบการเมืองท้องที่และการเมืองท้องถ่ินไม่ได้ถกู ตดั ให้แยก ขาดจากกันอย่างสิน้ เชิง แม้ว่าโดยทวั่ ไปตาแหน่งระบบการเมืองท้องที่จะมีความสาคญั น้อยลงแต่ก็คงมี บทบาทและหน้าท่ีบางประการดารงอย่ภู ายในหม่บู ้าน ดงั นนั้ ตาแหน่งแห่งท่ีในการเมืองท้องที่ก็อาจเป็น ขนั้ ตอนหน่ึงของการก้าวเข้ามาสู่การเมืองท้องถิ่นได้หรือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้ างความมั่นคงให้กับ นกั การเมืองท้องถ่ิน 2.2 นักการเมืองท้องถ่นิ และการสร้างเครือข่ายกับนักการเมืองใหญ่กว่า การขยายตัวขององค์กรปกครองส่วนท้ องถ่ินโดยเฉพาะในรูปแบบเทศบาลได้ มีผลทาให้ นกั การเมืองท้องถ่ินซ่งึ เคยมีพืน้ ท่ีอย่ใู นหมบู่ ้านต้องขยายพืน้ ท่ีออกมาสมั พนั ธ์กบั โลกภายนอกหม่บู ้าน การ เลือกตงั้ ในระบบเทศบาลซงึ่ มีพืน้ ท่ีใหญ่มากขนึ ้ กวา่ อบต. เรียกร้องในนกั การเมืองท้องถิ่นในระบบเทศบาล ต้องมีทักษะ ทรัพยากร และเครือข่ายที่กว้างขวางมากขึน้ หากต้องการประสบความสาเร็จในการได้รับ เลือกตงั ้ เพราะฉะนนั้ ในด้านหนึ่งระบบการเลือกตัง้ ระบบเทศบาลจงึ เงื่อนไขท่ีทาให้เกิดการสร้างเครือขา่ ย ระหว่างนกั การเมืองท้องถิ่นกบั นกั การเมืองในระดบั ที่ใหญ่กว่า ดงั จะพบว่าในพืน้ ที่ที่ได้ทาการศึกษาทงั้ 3 แห่งท่ีมีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในรูปแบบเทศบาล กลุ่มนักการเมืองท้ องถิ่นต่างมีเครือข่ายกับ นกั การเมืองระดบั ใหญ่กว่าอย่างชดั เจน ซึ่งอาจแสดงออกทงั้ ในด้านการใช้ช่ือกลุ่มที่ลงท้ายด้วยถ้อยคา เดียวกนั ในระหวา่ งการหาเสียงเลือกตงั้ หรืออาจเป็นการแสดงออกด้วยการขนึ ้ ปา้ ยหรือเชิญให้นกั การเมือง ระดบั ใหญ่กว่าเข้ามาเป็นประธานในงานของท้องถ่ิน ขณะท่ีหากเป็นการปกครองในรูปแบบ อบต. กลบั ไม่ ปรากฏความสัมพนั ธ์อย่างชดั เจนระหว่างทงั้ สองฝ่ ายปรากฏให้เห็นต่อสาธารณะ โดยอาจเป็นเพียงการ สนบั สนนุ บคุ คลใดบคุ คลหนงึ่ บนเง่ือนไขของความสมั พนั ธ์สว่ นตวั การสร้างเครือข่ายกบั นกั การเมืองระดบั ใหญ่กว่านีย้ งั รวมไปถึงการให้การสนบั สนนุ ทรัพยากรใน ด้านต่างๆ ให้กับนกั การเมืองท้องถ่ิน เพราะนกั การเมืองระดบั ใหญ่กวา่ มกั มีบทบาทอย่ใู นการเมืองระดบั จังหวัดหรือการเมืองระดบั ชาติที่สามารถใช้ทรัพยากรในการสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ อยา่ งไรก็ตาม การสร้างเครือขา่ ยของนกั การเมืองท้องถิ่นกบั นกั การเมืองระดบั ใหญ่กว่าก็มิได้เป็ นไปในเชิง
212 ของการเข้าไปอยู่ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ดังมักจะเป็นที่เข้าใจกัน นักการเมืองท้องถ่ินก็พยายามจะสร้ าง ความสัมพันธ์กับนักการเมืองระดบั ใหญ่กว่าซ่ึงได้รับความนิยมจากคนในชุมชน รวมถึงการใช้ความ พยายามในการดงึ เอาทรัพยากรตา่ งๆ ลงมาตอบสนองตอ่ ความต้องการของคนในชมุ ชนเชน่ กนั แผนภาพท่ี 5.2 ระบบเศรษฐกจิ และการเมอื งท้องถิ่นทมี่ ีผลกระทบตอ่ ตาแหนง่ แหง่ ที่ และการจดั ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกลมุ่ คน 2.3 การเลือกตงั้ เชิงยทุ ธศาสตร์ของชาวบ้าน แม้ว่ากล่มุ คนส่วนใหญ่ท่ีสามารถเข้าส่กู ารเมืองท้องถ่ินจะเป็นชนชนั้ นาในชุมชนหรือท้องถิ่นที่มี ความมง่ั คงั่ สะสมมาก่อนหน้าที่ระบบการเมืองท้องถิ่นจะขยายตวั รวมทงั้ การสร้างเครือขา่ ยกบั นกั การเมือง ระดับใหญ่กว่าเพ่ือพ่ึงพาในด้านของทรัพยากรและทักษะต่างๆ ในการหาเสียงและการบริหารงานใน ท้องถ่ิน ซ่ึงอาจทาให้เกิดภาพท่ีดรู าวกับว่าแม้จะมีการสร้างองค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นแต่บุคคลที่เข้าไป ดารงตาแหน่งเหล่านีก้ ็ล้วนต้องพ่ึงพาและเข้าไปอย่ภู ายใต้ระบบอปุ ถัมภ์ของนักการเมืองระดบั ใหญ่กว่า โดยที่ชาวบ้ านไม่มีความสามารถในการต่อรองและกาหนดชะตากรรมของท้ องถิ่นได้ อย่างเป็ นอิสระจาก อทิ ธิพลและอานาจของนกั การเมือง แตก่ ารเลือกตงั้ ในระบบการเมืองท้องถิ่นท่ีเกิดขนึ ้ อยา่ งตอ่ เน่ืองได้ทาให้ระบบการคดั เลือกผ้บู ริหาร ในระดบั ท้องถ่ินเป็นท่ีค้นุ เคยสาหรับชาวบ้านมากขึน้ การเลือกตงั้ ที่หมายความถึงการตงั้ และไม่ตงั้ ผ้ลู งรับ สมคั รเลือกตงั้ ยอ่ มเป็นการแสดงให้เห็นถึง “อานาจ” ของชาวบ้านผ้หู ย่อนบตั รท่ีปรากฏออกมาในโลกของ ความเป็นจริง อานาจในการตงั้ และไม่ตงั้ ท่ีเกิดขนึ ้ เป็นประจาตามระยะเวลาท่ีทกุ คนตา่ งรับรู้ทาให้ชาวบ้าน ยอ่ มตระหนกั ถึงพลงั ของตนเองตอ่ การเมืองท้องถ่ินได้มากย่งิ ขนึ ้
213 แม้วา่ ทา่ มกลางการเลือกตงั้ ท่ีเกิดขนึ ้ อยา่ งตอ่ เน่ืองที่จะต้องมีการแขง่ ขนั หาเสียง รวมถึงการโจมตี ผ้สู มคั รรายอ่ืนๆ ซง่ึ อาจถกู ให้ความหมายถงึ การสร้างความแตกแยกภายในหมบู่ ้าน หรือการอธิบายถึงการ ซือ้ เสียงในระบบการเลือกตงั้ และการทจุ ริตในการปฏิบตั ิงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อนั เป็นการ อธิบายถึง “การเมืองท้องถิ่น” และ “นกั การเมืองท้องถ่ิน” ในแง่มมุ ท่ีไม่แตกตา่ งจากการกลา่ วหาการเมือง ระดบั ชาติและนักการเมืองระดบั ชาติเร่ืองซือ้ เสียงและการทุจริตโกงกิน แต่การให้คาอธิบายในลกั ษณะ เช่นนีด้ ูจะไม่ค่อยมีความหมายสาหรับผู้คนในชุมชนมากเท่าใด การเลือกตงั้ ในระบบการเมืองท้องถ่ิน สามารถทาหน้าท่ีในการจดั การและตอบสนองกบั ความต้องการของคนสว่ นใหญ่ในท้องถิ่นได้อยา่ งสาคญั การตอบสนองต่ออานาจของชาวบ้านในการเมืองท้องถิ่นอาจพิจารณาได้จากนโยบายในการหา เสียงของผู้ลงรับสมคั รเลือกตงั้ ที่ต้องนาเสนอนโยบายซึ่งสามารถตอบสนองต่อชาวบ้านท่ีได้ปรับเปล่ียน สถานะอนั เนื่องมาจากความเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจสมยั ใหม่ที่เข้ามากระทบถึงท้องถ่ิน ชาวบ้านมิใช่ ชาวนาท่ีจาเป็นต้องพึ่งพาเจ้าที่ดินโดยไม่มีทางเลือกอ่ืน หากแต่จานวนมากได้กลายเป็น “ผ้ปู ระกอบการ” ซงึ่ มีความคาดหวงั และให้ความสาคญั กบั ความหมายของชีวิตในโลกที่แตกตา่ งไปจากเดิม เพราะฉะนนั้ จงึ ไม่เป็ นเรื่ องน่าประหลาด ใจที่จะพบว่านโยบายหรื อผลงานขององค์กรปกครองส่วนท้ องถิ่นหลายแห่งจึง ไม่ใช่การ “สร้างถนน ขุดคลอง” อีกต่อไป หากแต่เป็นนโยบาย “ติดตงั้ จุด WIFI สร้างระบบแยกขยะ การ สร้างตลาดชุมชน” ซึ่งสะท้อนถึงวิถีชีวิตและระบบคณุ คา่ ในโลกของความเป็นจริงท่ีเปล่ียนแปลงไปอย่าง มากของชาวบ้าน ด้วยสถานะของชาวบ้านที่ปรับเปลี่ยนไปซึ่งมีผลโดยตรงต่อการตดั สินใจในระบบการเลือกตงั้ ที่มี ความเป็นอิสระมากขึน้ จึงทาให้พบว่าชาวบ้านพร้อมจะเปล่ียนใจได้ไม่ยากในการเลือกตงั้ ระดบั ท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างย่ิงกับผ้บู ริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินหากประเมินว่าไม่สามารถตอบสนองต่อ “ความต้องการ” ของชาวบ้านได้ ทงั้ นี ้ไม่ได้หมายความวา่ นกั การเมืองท้องถ่ินคนนนั้ ไม่ได้ดาเนินการใดๆ ในระหว่างท่ีดารงตาแหน่งอยู่ หากแตม่ กั จะเป็นการดาเนินนโยบายท่ีไม่สอดคล้องกับความคาดหวงั หรือ ความต้องการของชาวบ้านซงึ่ เปลี่ยนแปลงไป หากพิจารณาถึงรูปแบบการเลือกตัง้ ในการเมืองท้องถ่ินจึงแสดงให้เห็นเห็นลักษณะของแนว ทางการเลือกท่ีเปลี่ยนแปลงไป ภายหลังจากที่ได้มีระบบการเลือกตงั้ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกิด ขึน้ มาอย่างต่อเน่ือง การตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือกนักการเมืองท้องถิ่นคนใดคนหน่ึงของชาวบ้านจะ สัมพันธ์กับนโยบายหรือแนวทางการทางาน ซึ่งได้กลายเป็นประเด็นหลักท่ีสามารถส่งผลต่อการได้รับ เลือกตงั้ หรือไมใ่ นการเลือกตงั้ ครัง้ ถดั ไป อย่างไรก็ตาม สาหรับในพืน้ ท่ีชายขอบเมืองที่ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการขยายตวั ของเมือง และระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ และผู้คนในชุมชนก็มีวิถีชีวิตท่ีสัมพันธ์กับโลกนอกชุมชนมากกว่าภายใน ชมุ ชน ในพืน้ ที่ดงั กลา่ วนีจ้ ะพบว่าผ้คู นกลมุ่ ดงั กล่าวนีจ้ ะมีความสมั พนั ธ์กับการเมืองท้องถ่ินในระดบั ที่เบา
214 บางและจากัด ดงั จะพบการเรียกร้องการทาหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเฉพาะทางด้านการ จดั การสาธารณูปโภค ขณะท่ีการเข้าร่วมกล่มุ หรือการสร้างเครือขา่ ยทางสงั คมในชมุ ชนก็ไม่ปรากฏให้เห็น อยา่ งชดั เจนแตอ่ ยา่ งใด ซึง่ ในปัจจบุ นั พืน้ ท่ีชายขอบเมืองก็กาลงั มีการขยายตวั อย่างกว้างขวาง จงึ จาเป็นที่ จะต้องมีการตระหนกั ถึงการออกแบบและปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในมี ความเหมาะสมกบั สถานการณ์เฉพาะของพืน้ ที่ดงั กลา่ ว 3. เครือข่ายทางสังคม: การสร้างอานาจในการต่อรอง แม้การเกิดขึน้ และการขยายอานาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นท่ีเกิดขึน้ อย่างต่อเน่ืองใน ชว่ งเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ จะทาให้องค์กรปกครองสว่ นท้องถ่ินเป็นสถาบนั การเมืองประเภทหนง่ึ ที่เข้ามาทา หน้าที่ตอบสนองตอ่ ความคาดหวงั และความต้องการท่ีเปล่ียนแปลงไปของผ้คู นในท้องถิ่น ซึ่งแสดงให้เห็น ทงั้ ในด้านการปรับเปล่ียนนโยบาย แนวทางการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมกบั การ สร้ างอานาจของชาวบ้านผ่านกระบวนการการเลือกตัง้ อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงจากระบบ เศรษฐกิจท่ีมี อิทธิพ ลต่อการปรับเปล่ียนสถานะของชาวบ้ านจากเดิม ที่ อยู่ในภาคเกษตรแบบยังชี พ ให้ กลายเป็นการเกษตรเชิงพาณิชย์แบบเข้มข้น และการเปล่ียนไปสสู่ ถานะของผ้ปู ระกอบการซึ่งเกิดขนึ ้ อยา่ ง กว้างขวาง ไม่ได้จากัดเพียงเฉพาะการผลิตในภาคการเกษตรเท่านนั้ หากรวมไปถึงความพยายามในการ เข้าส่กู ารผลิตสินค้าต่างๆ ได้ส่งผลให้ชาวบ้านต้องมาสัมพนั ธ์กับระบบเศรษฐกิจทุนนิยมมากย่ิงขึน้ และ ไม่ใช่เพียงการสัมพันธ์กับระบบตลาดในระดับท้องถ่ินหรือจังหวัดเท่านัน้ การเกษตรเชิงพาณิชย์บาง ประเภท เช่น การปลูกข้าวโพดเลีย้ งสตั ว์ ได้ดึงให้ชาวบ้านต้องไปสมั พนั ธ์กับระบบตลาดในระบบท่ีกว้าง ใหญ่ขึน้ ซ่ึงความสมั พันธ์ท่ีเข้มข้นกบั ระบบเศรษฐกิจภายนอกในลกั ษณะท่ีกล่าวมานีอ้ าจอย่พู ้นไปจาก อานาจขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินท่ีชาวบ้านมีพลงั ความสามารถในการควบคมุ อยู่ ความสัมพันธ์กับโลกภายนอกท้องถิ่นนามาซ่ึงความผนั ผวนและความเสี่ยงที่เพ่ิมมากขึน้ ซึ่งได้ กลายเป็นเงื่อนไขท่ีทาให้ต้องมีการจดั ตงั้ องค์กรและเครือขา่ ยระหวา่ งกลมุ่ ตา่ งๆ ซง่ึ อาจเป็นระหวา่ งภายใน ท้องถ่ินหรือระหว่างคนในท้องถิ่นกับกล่มุ ภายนอกท้องถิ่น แม้ว่าจะมีความพยายามในการจดั ตัง้ องค์กร ด้วยการสนบั สนุนจากหน่วยงานของรัฐ ทงั้ โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือหน่วยงานรัฐอื่นๆ แตก่ าร จดั ตงั้ องค์กรในลกั ษณะเชน่ นีม้ กั จะเป็นไปในลกั ษณะของการใช้งบประมาณของรัฐเพ่ือสนบั สนนุ หรือแก้ไข ปัญหาที่มีลกั ษณะเฉพาะหน้าและมกั ไมม่ ีความสืบเน่ืองในทางปฏิบตั ิ เช่น กลมุ่ จกั สาน กล่มุ ธนาคารเมล็ด พนั ธ์ุข้าว กล่มุ ผลิตสินค้าพืน้ บ้าน หม่บู ้านศีลห้า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สาหรับคนในท้องถ่ินแม้จะมองเห็น ถึงข้อจากดั ของการจดั ตงั้ องค์กรในลกั ษณะเช่นนีแ้ ต่ในหลายกลมุ่ ก็ได้มีปฏิบตั ิการเพื่อตอบสนองตอ่ ความ ต้องการของหน่วยงานรัฐ โดยเพ่ือดงึ เอาทรัพยากรเข้ามาส่ทู ้องถ่ิน หรืออาจเป็นสร้างความร่วมมือในบาง ด้านท่ีจะเป็นประโยชน์ตอ่ ท้องถ่ินในระยะยาว
215 อยา่ งไรก็ตาม สาหรับการจดั องค์กรท่ีเก่ียวข้องกบั หน่วยงานรัฐที่มีความต่อเน่ืองและการเข้ามามี ส่วนร่วมของคนในท้องถ่ินอย่างมากองค์กรหนึ่งก็คือ การจัดตงั้ องค์กรที่สามารถตอบสนองต่อระบบการ ผลิตเชิงพาณิชย์ท่ีขยายตวั มากขึน้ ดงั เช่นการจัดตงั้ องค์กรในลักษณะของสหกรณ์การเกษตร อันเป็น องค์กรที่ถูกจดั ตงั้ ขึน้ เพื่อให้การสนับสนุนและการช่วยเหลือกับสมาชิกของกลุ่มทงั้ ในด้านของการจดั หา เมล็ดพันธ์ุ ปัจจัยการผลิต และการรับซือ้ ผลผลิต หากสหกรณ์การเกษตรแห่งใดสามารถตอบสนองต่อ ความต้องการของคนในกล่มุ ได้ก็จะสามารถขยายฐานสมาชิกให้กว้างขวางออกไปได้ และเช่ือมโยงไปถึง การให้ความสนบั สนนุ ในทางการเมืองระดบั ท้องถิ่น แต่เนื่องจากประเด็นปัญหาต่างๆ ท่ีชาวบ้านในท้องถ่ินต้องเผชิญมีขอบข่ายท่ีกว้างออกไป ซึ่ง จาเป็นต้องอาศยั การสร้างเครือข่ายท่ีหลากหลายเพ่ือสามารถกดดนั ต่อรอง แสวงหาทางออก เครือข่าย ทางสงั คมของชาวบ้านจึงอาจมีหลากหลายรูปแบบทงั้ เป็นในลักษณะเฉพาะกิจ เป็นการร่วมมือของคน ภายในท้องถิ่นหรือระหวา่ งภายในท้องถ่ินกบั เครือขา่ ยภายนอก เช่น การสร้างกลมุ่ ป่ าชมุ ชนเพ่ือเผชิญหน้า กับการกว้านซือ้ ท่ีดินจากบุคคลภายนอก การคัดค้านการก่อสร้ างโรงงานอุตสาหกรรมในชุมชน การ เคลื่อนไหวจากการรวมตวั ของผู้ปลูกข้าวโพดเม่ือราคาพืชผลตกต่า การคดั ค้านการยึดท่ีดินทากินโดย หนว่ ยงานรัฐ เป็นต้น การสร้างเครือขา่ ยทางสงั คมเป็นเคร่ืองมือหน่ึงที่ถกู ใช้ในการผลกั ดนั ตอ่ รอง เพ่ือจดั สรรทรัพยากร ตา่ งๆ ของชาวบ้านมาอยา่ งตอ่ เน่ือง แม้ในชว่ งระยะเวลาเริ่มต้นของการขยายตวั เข้าสกู่ ารผลิตเชงิ พาณิชย์ก็ ปรากฏให้ถึงเครือขา่ ยที่ถกู สร้างขนึ ้ ในการตอ่ รองกบั รัฐส่วนกลาง แตเ่ ม่ือการผลิตเชิงพาณิชย์มีความเข้มข้น มากขึน้ ก็เป็นเง่ือนไขหนึ่งทาให้การสร้ างเครือข่ายเป็นสิ่งที่มีหลากหลายมากขึน้ กลุ่มคนในท้องถิ่นได้ พยายามรวมตวั และสร้างเครือข่ายเพ่ือนาไปสกู่ ารผลกั ดนั ประเด็นตา่ งๆ เพ่ือตอบสนองตอ่ ความคาดหวงั ของตน โดยหากจดั แบง่ เครือข่ายทางสงั คมท่ีปรากฏขึน้ ในพืน้ ที่ศึกษาจะพบว่าสามารถจัดแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มสาคัญ คือ ประเภทแรก เครือข่ายของผู้ผลิตรายย่อย ประเภทท่ีสอง เครือข่ายทางด้ าน ทรัพยากรธรรมชาติ ประการที่สาม เครือขา่ ยทางการเมืองโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ คนเสือ้ แดง ประเภทแรก สาหรับเครือขา่ ยของผ้ผู ลิตรายย่อยมกั จะเป็นการรวมตวั กนั ของ “ผ้ปู ระกอบการ” ใน การผลิตสินค้าที่อิงกบั ภาคเกษตรกรรมให้กบั ระบบตลาด เช่น ข้าวโพด หอมแดง ข้าว เป็นต้น การสร้าง เครือขา่ ยของผ้ปู ระกอบการเหล่านีม้ กั เป็นไปในประเด็นที่เก่ียวข้องกบั การผลิตของตนเองโดยตรง เฉพาะ อย่างย่ิงเมื่อราคาสินค้าตกต่าก็จะมีการรวมตวั กันซ่ึงมีองค์กรหรือเครือข่ายของระบบการผลิตรองรับอยู่ เชน่ สหกรณ์การเกษตร ประเภทที่สอง เครือข่ายทางด้านทรัพยากรธรรมชาติ สาหรับเครือขา่ ยในกลมุ่ นีจ้ ะเป็นการรวมตวั กนั ในประเด็นปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมท่ีเกิดขนึ ้ ในพืน้ ที่ เชน่ การจดั ตงั้ ป่ าชมุ ชน การคดั ค้านโครงการที่
216 สง่ ผลกระทบด้านส่ิงแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติ การอนรุ ักษ์พืน้ ท่ีป่า เป็นต้น และอาจหมายความรวม ไปถึงกลุ่มที่มีเป้าหมายในรักษาจารีตประเพณีหรือวฒั นธรรมของท้องถ่ิน ซึ่งเครือข่ายในลักษณะเช่นนี ้ มักจะมีลักษณะท่ีเปิ ดกว้างให้ คนในท้ องถิ่นสามารถเข้าร่วมได้อย่างกว้างขวางและมักจะมีความ หลากหลายของผู้เข้าร่วม และในหลายเครือข่ายบุคคลที่มีบทบาทอย่างสาคญั ก็มักจะเป็นกลุ่มคนที่มี ความรู้หรือทนุ ทางวฒั นธรรม ถงึ แม้จะเปิดให้ผ้คู นเข้าร่วมได้อยา่ งกว้างขวางแตจ่ ะพบวา่ กิจกรรมและความ เคล่ือนไหวของเครือข่ายก็ไม่ส้จู ะมีความตอ่ เน่ือง อาจผนั แปรไปตามประเดน็ ปัญหา ผลกระทบ และความ เก่ียวข้องกบั ผ้คู นในท้องถิ่นวา่ มีในระดบั ใด ประเภทท่ีสาม เครือข่ายเสือ้ แดง1 แม้ว่าการแสดงออกทางการเมืองผ้คู นจะเป็นไปได้อย่างจากัด ในช่วงท่ีเวลาที่ทาการศกึ ษาวจิ ยั (พ.ศ. 2557 – 2558) เฉพาะอยา่ งยิ่งภายหลงั จากการรัฐประหารเม่ือเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2557 แตจ่ ะพบวา่ ความเห็นท่ีมีตอ่ สถานการณ์ทางการเมืองของนกั การเมืองท้องถ่ินสว่ น ใหญ่ในพืน้ ท่ีท่ีได้ทาการศกึ ษาก็ล้วนให้การสนบั สนนุ หรือให้ความเห็นใจตอ่ พ.ต.ท. ทกั ษิณ ชินวตั ร และ รวมมาถึงนางสาวย่ิงลกั ษณ์ ชินวตั ร เหตผุ ลสาคญั ก็ด้วยการอ้างอิงถึงนโยบายตา่ งๆ ท่ีมีผลต่อชีวิตความ เป็นอยทู่ ี่ดีขนึ ้ ของประชาชน และก็มกั จะเป็นนโยบายท่ีทาให้ผ้คู นในชนบทได้ประโยชน์จากนโยบายเหล่านี ้ เชน่ กองทนุ หมบู่ ้าน โครงการ 30 บาทรักษาทกุ โรค และสืบเนื่องมาถึงโครงการรับจานาข้าว เป็นที่น่าสนใจว่าในท่ามกลางนกั การเมืองท้องถ่ินที่แม้จะเป็นคแู่ ข่งกนั ในการเมืองระดบั ท้องถ่ิน แต่จะพบว่าส่วนใหญ่ไม่มีความคิดเห็นทางการเมืองตอ่ การเมืองระดบั ชาติที่แตกต่างกัน โดยล้วนให้การ สนบั สนนุ ตอ่ นกั การเมืองจากพรรคเพื่อไทยรวมถึงนโยบาย “ประชานิยม” อีกด้วย นอกจากนีย้ งั คงพบวา่ ใน พืน้ ที่หลายแห่งก็ยงั มีเครือขา่ ยของ “คนเสือ้ แดง” ดารงอยู่ ถึงแม้จะไม่มีการเคล่ือนไหวท่ีปรากฏออกมาให้ เห็นอย่างชดั เจน แตก่ ็สามารถพบเห็นเครือข่ายอย่างไม่เป็นทางการท่ีแสดงถึงจุดยืนทางการเมืองได้เป็น อย่างดี2 เครือข่ายเสือ้ แดงสามารถเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงการผนวกตนเองของคนในชนบทเข้าไปเป็น ส่วนหน่ึงของสงั คมในฐานะของพลเมืองที่ต้องการมีสิทธิมีเสียงและมีความเท่าเทียมกับกล่มุ คนอ่ืนๆ ใน สงั คมไทย 1 พึงตระหนักว่าความหมายของ “เครือข่ายเสือ้ แดง” นนั้ มีอย่อู ย่างหลากหลายและสลบั ซ้อน บางกล่มุ อาจมี ความสมั พนั ธ์ใกล้ชิดรวมถงึ การได้รับการสนบั สนนุ จากนกั การเมอื งระดบั ชาติ บางกลมุ่ อาจมีความเป็นอสิ ระทเ่ี กิดจากการ รวมตวั ของกลมุ่ คนทม่ี ีความคิดเหน็ ทางการเมืองคล้ายคลงึ กนั บางกลมุ่ อาจมีการเคลอ่ื นไหวและประชมุ กนั อยา่ งตอ่ เน่อื ง ขณะที่บางสว่ นก็อาจเป็นเพียงผ้ใู ห้การสนบั สนนุ ในทางนโยบายและในการเลือกตงั้ เทา่ นนั้ ฯลฯ การศึกษาถึงบทบาทและ ความสมั พนั ธ์ของเครือขา่ ยเสอื ้ แดงจาเป็นต้องอาศยั การศกึ ษาเป็นการเฉพาะมากกวา่ ในงานวิจยั ชิน้ นี ้ 2 เม่ือคณะผู้วิจัยได้สมั ภาษณ์ผู้ใหญ่บ้านคนหน่ึงซ่ึงกลบั มาจากการประชุมกานนั ผู้ใหญ่บ้านประจาอาเภอ ผ้ใู หญ่บ้านคนนใี ้ สเ่ สอื ้ ท่มี ีชื่อของนกั การเมอื งชือ่ ดงั ทีร่ ู้จกั กนั ดวี า่ เป็น “เสอื ้ แดง” จากการสอบถามแบบไมเ่ ป็นทางการ เขาก็ บอกวา่ สว่ นใหญ่ก็จะใสเ่ สอื ้ แบบนมี ้ าเข้าร่วมประชมุ
217 4. อนาคตของ “ระบอบประชาธิปไตยในชนบท / ชนบทในระบอบประชาธิปไตย” ความเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจและการกระจายอานาจส่ทู ้องถ่ินผ่านองค์กรปกครองส่วน ท้องถ่ินนับเป็ นเงื่อนไขสาคัญต่อการสร้ างโอกาส ทางเลือก และความเป็ นอิสระของคนกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะกลมุ่ คนระดบั ลา่ งในท้องถ่ินให้มีเพ่ิมมากขึน้ แม้โอกาสในการเข้าถึงและแสวงหาประโยชน์ของ คนระดบั ล่างอาจมีน้อยกว่ากลุ่มอ่ืนๆ โดยสัมพัทธ์ แต่ท่ามกลางความเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจอย่าง เข้มข้นก็เปิดช่องทางใหม่ๆ ให้เกิดขึน้ ด้วยเช่นกนั สาหรับความเปล่ียนแปลงทางการเมืองในระดบั ท้องถิ่น แม้จะทาให้ชนชนั้ นาในท้องถ่ินสามารถเข้าถึงโครงสร้างอานาจทางการเมืองได้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ แต่ใน ขณะเดียวกนั ก็เปิดโอกาสให้คนกลุ่มอ่ืนๆ สามารถสร้างอานาจและพลงั ในการต่อรองให้เกิดขึน้ มากด้วย เชน่ กนั ความเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดขนึ ้ อย่างตอ่ เนื่องเหล่านีย้ อ่ มเป็นปฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งการให้ความหมายตอ่ ชีวิต ระบบความสมั พนั ธ์ และความคาดหมายตอ่ สถาบนั ตา่ งๆ ท่ีเปลี่ยนแปลงไปอย่างไพศาล ซง่ึ มีประเดน็ สาคญั ดงั นี ้ ประเด็นแรก ความสมั พันธ์ระหว่างผ้คู นด้วยกันและระหว่างผู้คนกับสถาบนั ต่างๆ ดาเนินไปบน ความสัมพันธ์ในแบบแนวระนาบมากกว่าความสัมพันธ์แบบแนวด่ิง (หรือที่มกั จะถูกเรียกกันว่า “ระบบ อปุ ถมั ภ์”) ความสมั พนั ธ์ในแนวระนาบวางอย่บู นฐานของความเทา่ เทียมระหวา่ งบคุ คล สามารถตอ่ รองและ แลกเปล่ียนความต้องการกนั ได้มากขนึ ้ โดยมิใช่ฝ่ ายใดฝ่ ายหน่งึ เป็นผ้กู าหนดและวางบรรทดั ฐานของการ แลกเปล่ียนตามอาเภอใจ ความสมั พนั ธ์ท่ีวางอย่บู นความเทา่ เทียมกนั นีอ้ าจมิใชค่ วามเท่าเทียมที่ทกุ คนมี เสียงดงั เท่ากนั หมด หากเป็นความสมั พนั ธ์ในแนวระนาบที่พอจะเปิดช่องให้สามารถเกิดการตอ่ รอง โต้แย้ง ปรับเปล่ียน เพื่อทาให้เกิดการตอบสนองตอ่ ความต้องการของอีกฝ่ ายได้มากยิ่งขึน้ ความสมั พนั ธ์ในแนว ระนาบนีป้ รากฏให้เห็นทัง้ ในระบบเศรษฐกิจและการเมืองท้องถิ่น การปรากฏตัวของความสัมพันธ์ใน ลกั ษณะนีแ้ สดงให้ยอ่ มแสดงให้เหน็ ถงึ ความเข้าใจถงึ ตวั ตน บทบาท สทิ ธิ ในความเก่ียวข้องกบั สถาบนั อื่นๆ ท่ีเปล่ียนแปลงอยา่ งสาคญั ประเดน็ ท่ีสอง การแปร ”อานาจ” ในท้องถิ่นให้กลายเป็นของสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นส่ิงที่เกิดขึน้ โดยความตัง้ ใจหรือไม่ก็ตาม การกระจายอานาจในการปกครองส่วน ท้องถ่ินและกลไกต่างๆ ท่ีรัฐได้สร้างขึน้ เช่น การประชาคมหมู่บ้าน การรับฟังความเห็นของประชาชน แม้กระทั่งการเลือกตงั้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกิดขึน้ อย่างสม่าเสมอ ล้วนเป็นกลไกที่ทาให้การ ตดั สินใจในนโยบายสาธารณะของท้องถิ่นที่ในอดีตเคยถูกผูกขาดแบบเด็ดขาดโดยหน่วยงานรัฐต้องถูก สน่ั คลอนอย่างสาคญั การวางแผนพฒั นาหมู่บ้าน การตดั สินใจในการใช้งบประมาณฯลฯ ซึ่งต้องมีการ ตดั สินใจโดยการผ่านประชาคมหมู่บ้าน (ไม่ว่าโดยการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางเพียงใดก็ตาม) ทาให้
218 อานาจเด็ดขาดที่เคยผกู ขาดการตดั สินใจเป็นส่ิงที่ยากจะกระทาได้ การตดั สินใจในการเลือกหรือไม่เลือก นกั การเมืองท้องถ่ินคนใดคนหนง่ึ มีความสมั พนั ธ์กบั การดาเนินนโยบายมากขนึ ้ พิจารณาในแง่นี ้อานาจใน ท้องถ่ินจงึ กลายเป็นของสาธารณะท่ีชาวบ้านสามารถกากบั ควบคมุ มิใช่การผกู ขาดเอาไว้โดยกล่มุ คนใด เป็นการเฉพาะ ประเดน็ ที่สาม ความตกต่าของกฎเกณฑ์ชดุ ดงั้ เดมิ และความต้องการกฎเกณฑ์ชดุ ใหม่ บทบาทของกฎหมายได้มีความสาคญั มากขนึ ้ ในระบบความสมั พนั ธ์ภายในท้องถ่ินซ่ึงแตเ่ ดิมเคย ถกู กากบั ไว้ด้วยเครือญาติ ชมุ ชน จารีตประเพณี หรือระบบการจดั การความสมั พนั ธ์แบบท่ีไม่เป็นทางการ ดงั จะเห็นได้วา่ ในการตกลงหรือจดั การกบั ความขดั แย้งที่เกิดภายในชมุ ชนท่ีผ้คู นมีความเทา่ เทียมกนั มาก ขนึ ้ และความสาคญั ของระบบเครือญาติ (และเครือญาตเิ สมือน) ท่ีลดน้อยลง ยอ่ มเป็นผลให้กตกิ าชดุ เดิม ไมส่ ามารถทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกตอ่ ไป หากผ้คู นเห็นวา่ ความสมั พนั ธ์ที่เกิดขนึ ้ หรือมีความเหน็ ที่ ขดั แย้งกนั ก็อาจเลือกใช้ระบบกฎหมายของรัฐเข้ามาเป็นเครื่องมือในการจดั การกบั ความยงุ่ ยากท่ีบงั เกิดขนึ ้ การเลือกใช้ระบบกฎหมายของรัฐโดยที่ปฏิเสธระบบจารีตประเพณีย่อมสะท้อนให้เห็นบรรทดั ฐานและ ความหมายที่เปล่ียนแปลงไปอยา่ งสาคญั ของคนภายในชมุ ชน อยา่ งไรก็ตาม ในหลายกรณีระบบกฎหมาย ของรัฐก็ไม่สามารถเป็นเคร่ืองมือในการเผชิญหน้าและจดั การกับปัญหาที่เกิดขึน้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนนั้ จึงมีความจาเป็นท่ีจะต้องพฒั นาและสร้างกฎเกณฑ์ใหม่ๆ เพ่ือทดแทนกฎเกณฑ์ชุดเดมิ ท่ีไม่ อาจตอบสนองตอ่ ความสมั พนั ธ์ได้อยา่ งกว้างขวาง ประเดน็ ท่ีส่ี การผนวกตนเองเข้าเป็นสว่ นหนงึ่ ของระบอบประชาธิปไตย ระบบความสัมพันธ์ที่พลิกเปลี่ยนชนบทได้เกิดขึน้ อย่างต่อเนื่องดาเนินมาพร้ อมกับความ เปลี่ยนแปลงของภูมิทศั น์การเมืองของสงั คมไทย ระบบการเลือกตงั้ ท่ีส่งผลให้ความหมายและพลงั ของการ เลือกตงั้ มีสูงมากขึน้ นบั ตงั้ แต่ช่วงทศวรรษ 2540 การเกิดขึน้ ของรัฐบาลท่ีนาโดย พ.ต.ท. ทกั ษิณ ชินวตั ร และความขดั แย้งทางการเมืองระหว่างเสือ้ สีในห้วงเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมา ล้วนมีผลต่อปฏิสัมพนั ธ์ ระหว่างชนบทและระบอบประชาธิปไตยอย่างไพศาล การให้ความหมายถึงตวั ตน สิทธิในทางการเมือง อานาจและความสามารถในการกาหนดทศิ ทางของสงั คมได้พลิกเปล่ียนไปอย่างไพศาล การดารงอยู่ของชนบทที่ต้องสัมพันธ์กับสังคมการเมืองมีส่วนต่อการทาให้ผู้คนในพืน้ ที่ต้องมี ปฏิสมั พนั ธ์กบั สถาบนั การเมืองไม่ใช่เพียงการเมืองในระดบั ท้องถ่ินเท่านนั้ หากแตร่ วมถึงสถาบนั การเมือง ในระดบั ชาติ เนื่องจากการตระหนกั ถึงข้อจากดั ของสถาบนั การเมืองท้องถิ่นที่มีบทบาทและอานาจซ่ึงไม่ สามารถครอบคลมุ หรือตอบสนองต่อความต้องในวิถีชีวิตของคนในท้องถ่ินได้ในทุกมิติ ดงั การเป็นผู้ผลิต พืชเชิงพาณิชย์ที่ต้องสมั พนั ธ์กบั ความผนั ผวนของระบบตลาดในระดบั โลก รวมทงั้ ต้องเผชิญกบั ความผนั ผวนท่ีสงู มากขึน้ ในการประกอบการ ย่อมทาให้ผ้คู นต่างก็ตระหนกั ถึงความจาเป็นในการเข้าไปเป็นส่วน
219 หนึ่งของการเมืองในระดับท่ีกว้างไกลมากขึน้ กว่าเพียงองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินในการเรียกร้ องหรือ ผลกั ดนั นโยบายท่ีจะสามารถลดทอนความผนั ผวนซง่ึ ตนเองและเครือขา่ ยต้องเผชิญ แม้ กระบวนการการเลือกตัง้ จะเป็ นสถาบันการเมืองท่ีดารงอยู่มาอย่างต่อเน่ือง แต่จะพบ ความหมายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากโดยเฉพาะกับการเลือกตงั้ ระดบั ชาติที่เกิดขึน้ ภายหลังทศวรรษ 2540 ซึ่งทาให้บรรดาผู้ลงคะแนนเสียงในชนบทตระหนกั ถึงพลงั และความหมายของตนในทางการเมือง แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยเฉพาะนโยบายทางการเมืองที่ให้ความสาคญั กับระบบสวสั ดิการและ โอกาสที่กระจายมายังกลุ่มคนที่กว้างมากขึน้ การเลือกตงั้ จึงเป็นการลงคะแนนด้วยความคาดหวังถึง นโยบายทางการเมืองที่จะตอบสนองตอ่ ความต้องการของตนเอง สทิ ธิและอานาจในการเลือกตงั้ ระดบั ชาติ จงึ เป็นชอ่ งทางหน่ึงของการผนวกตนเองเข้ากบั ระบบการเมืองระดบั ชาตใิ นฐานะพลเมืองเพ่ือมีส่วนตอ่ การ กาหนดนโยบายให้ตอบสนองต่อความต้องการของตน การก้าวเข้ามาส่พู ืน้ ที่ทางการเมืองในระดบั ประเทศ ก็ยอ่ มทาให้นโยบายทางการเมืองหรือการตดั สินใจในประเดน็ ตา่ งๆ ที่อาจเก่ียวข้องหรือมีผลกระทบจึงล้วน เป็นเร่ืองของการผลกั ดนั และต่อรองทรัพยากรระหว่างกลุ่มต่างๆ ซึ่งต่างก็มีความเห็น ความเข้าใจและ ผลประโยชน์ท่ีอาจแตกตา่ งกนั ไปได้ แตก่ ็เป็นส่ิงที่แตล่ ะฝ่ ายมีสิทธิและความชอบธรรมในการเข้ามามีส่วน ตดั สนิ ใจร่วมกนั
ภาคผนวก ตารางท่ี 1 แสดงความเปล่ยี นแปลงโครงสร้างองค์กรจากสุขาภบิ าลเป็ นเทศบาลตาบล สุขาภบิ าล เทศบาลตาบล โค รงสร้ างสุขาภิ บ าลมี เพี ยง 1 องค์ ก ร คื อ โครงสร้างของเทศบาลตาบล มี 2 องค์กร คือ ฝ่ ายบริหาร คณะกรรมการสุขาภิบาล ซ่ึงทาหน้ าท่ีทัง้ ฝ่ าย เรียกว่า คณะเทศมนตรี ต่อมาเรียกว่า นายกเทศมนตรี บริหารและฝ่ายนิติบญั ญตั ิ ฝ่ายนติ ิบญั ญตั ิเรียกวา่ สภาเทศบาล คณะกรรมการสุขาภบิ าล คณะเทศมนตรี 1. นายอาเภอ 1. นายกเทศมนตรี 1 คน 2. ปลดั อาเภอ (สมาชิกสภาเทศบาลเลอื กกนั เอง) 3. สาธารณสขุ อาเภอ 2. เทศมนตรี 2 คน 4.สมหุ บญั ชีอาเภอ (สมาชิกสภาเทศบาลเลอื กกนั เอง) 5. กานนั และผ้ใู หญ่บ้าน 6. 4.กรรมการทเี่ ป็นราษฎร 4 คน (เลอื กโดยราษฎร) คณะกรรมการสุขาภบิ าล (2528) นายกเทศมนตรี (2546) 1. ประธานสขุ าภิบาล 1 คน 1. นายกเทศมนตรี (หากรายได้ไมเ่ กิน 5 ล้านบาท ให้นายอาเภอเป็น (เลอื กตงั้ โดยตรง) หากรายได้เกิน 5 ล้านบาท ให้กรรมการเลอื กกนั เอง) 2. รองนายกเทศมนตรีไมเ่ กิน 2 คน (นายกเทศมนตรีแตง่ ตงั้ ) 2. รองประธานสขุ าภิบาล 1 คน (กรรมการเลอื กกนั เอง) 3. กรรมการโดยตาแหนง่ 2 คน (กานนั , ปลดั อาเภอ) 4.กรรมการท่ีเป็นราษฎร 9 คน (เลอื กโดยราษฎร) สภาเทศบาล 1. สมาชิกสภาเทศบาล 12 คน (เลอื กตงั้ )
221 ตารางท่ี 2 แสดงความเปล่ยี นแปลงอานาจหน้าท่จี ากสขุ าภบิ าลเป็ นเทศบาลตาบล สุขาภบิ าล เทศบาลตาบล อานาจหน้าท่ี (2511) อานาจหน้าท่ี 1. ให้มีและบารุงทางนา้ และทางบก (ตาม พ.ร.บ. กาหนดแผนและกระจายอานาจฯ) 2. ให้มีและบารุงทางระบายนา้ 1. การจดั ทาแผนพฒั นาท้องถิ่นของตนเอง 3. รักษาความสะอาดของถนน ทางเดิน และที่ 2. การจดั ให้มแี ละบารุงรักษาทางบก ทางนา้ และทาง สาธารณะ ระบายนา้ 4. การกาจดั มลู ฝอยและสง่ิ ปฏกิ ลู 3. การจดั ให้มีและควบคุมตลาด ทา่ เทียบเรือ ท่าข้าม 5. ปอ้ งกนั และระงบั โรคตดิ ตอ่ และทจี่ อดรถ 6. ให้มีนา้ สะอาดหรือการประปา 4. การสาธารณปู โภคและการกอ่ สร้างอนื่ ๆ 7. ให้มโี รงฆา่ สตั ว์ 5. การสาธารณปู การ 8. ให้มตี ลาด ทา่ เทียบเรือ และทา่ ข้าม 6. การสง่ เสริม การฝึก และประกอบอาชีพ 9. ให้มีสสุ านและฌาปนสถาน 7. การพาณิชย์ และสง่ เสริมการลงทนุ 10. ให้มแี ละบารุงการไฟฟา้ หรือแสงสวา่ งโดยวธิ ีอนื่ 8. การสง่ เสริมการทอ่ งเทีย่ ว 11. ปอ้ งกนั และระงบั สาธารณภยั 9. การจดั การศกึ ษา 12. ให้มเี ครื่องใช้ในการดบั เพลงิ 10. การสงั คมสงเคราะห์ และการพฒั นาคณุ ภาพชีวิต 13. ให้มีและบารุงสถานที่ทาการพิทกั ษ์รักษาคนเจ็บ เด็ก สตรี คนชรา และผ้ดู ้อยโอกาส ไข้ 11. การบารุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญา 14. สง่ เสริมให้ราษฎรได้รับการศกึ ษาอบรม ท้องถ่ิน และวฒั นธรรมอนั ดขี องท้องถ่ิน 15. บารุงและสง่ เสริมการทามาหากินของราษฎร 12. การปรับปรุงแหล่งชุมชนแออัดและการจัดการ 16. ให้มแี ละบารุงสถานท่ีสาหรับการกีฬา การพกั ผอ่ น เกี่ยวกบั ท่ีอยอู่ าศยั หย่อนใจ สวนสาธารณะ สวนสตั ว์ ตลอดจนสถานที่ 13. การจดั ให้มีและบารุงรักษาสถานที่พกั ผอ่ นหยอ่ น ประชมุ อบรมราษฎร ใจ 17. การสง่ เสริมศาสนา วฒั นธรรมและศีลธรรม 14. การสง่ เสริมกีฬา 18 การสาธารณปู การ 15. การสง่ เสริมประชาธิปไตย ความเสมอภาค และ 19 การพาณิชย์ สทิ ธิเสรีภาพของประชาชน 20. กิจการอื่น ๆ ซ่ึงจาเป็นเพื่อประโยชน์ของราษฎร 16. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของราษฎรในการพัฒนา และท้องถิ่นหรือกิจการอื่นซ่ึงกฎหมายบญั ญัติให้เป็น ท้องถิ่น กิจการของสขุ าภิบาล\" 17. การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบ เรียบร้ อยของบ้ านเมือ 18. การกาจดั มลู ฝอย สงิ่ ปฏกิ ลู แลนา้ เสยี 19. การสาธารณสขุ การอนามยั ครอบครัว และการ
222 ตารางท่ี 2 แสดงความเปล่ยี นแปลงอานาจหน้าท่จี ากสุขาภบิ าลเป็ นเทศบาลตาบล สุขาภบิ าล เทศบาลตาบล รักษาพยาบาล 20. การจดั ให้มแี ละควบคมุ สสุ านและฌาปนสถาน 21. การควบคมุ การเลยี ้ งสตั ว์ 22. การจดั ให้มีและควบคมุ การฆา่ สตั ว์ 23. การรักษาความปลอดภัย ความเป็ นระเบียบ เรี ย บ ร้ อ ย แ ล ะ ก า รอ น า มั ย โรงม ห รส พ แ ล ะ สาธารณปู โภคสถานอ่ืน ๆ 24. การจัดการ การบารุงรักษา และการใช้ประโยชน์ จากป่ าไม้ ทด่ี ินทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม 25. การผงั เมือง 26. การขนสง่ และการวิศวกรรมจราจร 27. การดแู ลรักษาทสี่ าธารณะ 28. การควบคมุ อาคาร 29. การปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั 30. การรักษาความสงบเรียบร้ อย การส่งเสริมและ สนบั สนนุ การปอ้ งกนั และรักษาความปลอดภยั ในชีวิต และทรัพย์สนิ 31. กิจการอ่ืนใดท่ีเป็นผลประโยชน์ของประชาชนใน ท้องถิ่นตามทคี่ ณะกรรมการประกาศกาหนด ตารางท่ี 3 แสดงความเปล่ยี นแปลงโครงสร้างของสภาตาบลและองค์การบริหารส่วนตาบล สภาตาบล องค์การบริหารส่วนตาบล โครงสร้างสภาตาบลมีเพียง 1 องค์กร คือ โครงสร้ างขององค์การบริหารส่วนตาบล มี 2 องค์กร คือ ฝ่ ายบริหาร สภาตาบล ซงึ่ ทาหน้าทีท่ งั้ ฝ่ ายบริหารและ เรียกวา่ คณะกรรมการบริหารสว่ นตาบล ต่อมาเรียกว่า นายกองค์การ ฝ่ายนิติบญั ญตั ิ บริหารส่วนตาบล ฝ่ ายนิติบัญญัติเรียกว่า สภาองค์การบริหารส่วน ตาบล สภาตาบล คณะกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตาบล 1. ป ระธาน สภ าต าบ ล (ก านัน โด ย 1. ประธานกรรมการบริหาร (กานนั โดยตาแหนง่ ) ตาแหนง่ ) 2. กรรมการบริหาร (สมาชิกสภาฯ จากผ้ใู หญ่บ้าน ไมเ่ กิน 2 คน, 2. รองประธานสภาตาบล (สมาชิกสภา สมาชิกสภาฯ จากการเลอื กตงั้ ไมเ่ กิน 4 คน) ตาบลเลอื กกนั เอง)
223 ตารางท่ี 3 แสดงความเปล่ยี นแปลงโครงสร้างของสภาตาบลและองค์การบริหารส่วนตาบล สภาตาบล องค์การบริหารส่วนตาบล 3. สมาขิกโดยตาแหน่ง (ผู้ใหญ่ บ้ าน, แพทย์ประจาตาบล) 4. สมาชิกโดยเลอื กตงั้ (หมบู่ ้านละ 1 คน) นายกองค์การบริหารส่วนตาบล (2546) 1. นายกองค์การบริหารสว่ นตาบล (เลอื กตงั้ โดยตรง) 2. รองนายกองค์การบริหารสว่ นตาบล 2 คน (นายกฯ แตง่ ตงั้ ) 3. เลขานกุ ารนายกฯ 1 คน (นายกฯ แตง่ ตงั้ ) สภาองค์การบริหารส่วนตาบล 1. สมาชิกสภาฯ โดยตาแหนง่ (กานนั ผ้ใู หญ่บ้าน แพทย์ประจาตาบล) 2. สมาชิกสภาฯ โดยการเลอื กตงั้ (หมบู่ ้านละ 2 คน) สภาองค์การบริหารส่วนตาบล (2542) 1. สมาชิกสภาฯ โดยการเลอื กตงั้ (หมบู่ ้านละ 2 คน) ตารางท่ี 4 แสดงความเปล่ยี นแปลงอานาจหน้าท่จี ากสภาตาบลเป็ นองค์การบริหารส่วนตาบล สภาตาบล องค์การบริหารส่วนตาบล อานาจหน้าท่ี อานาจหน้าท่ี 1. จัดให้ มีนา้ เพื่อการอุปโภค บริโภค และ (ตาม พ.ร.บ. กาหนดแผนและกระจายอานาจฯ) การเกษตร 1. การจดั ทาแผนพฒั นาท้องถ่ินของตนเอง 2.จดั ให้มีและบารุงรักษาทางนา้ และทางบก 2. การจดั ให้มีและบารุงรักษาทางบก ทางนา้ และทางระบายนา้ 3. จัดให้มีและรักษาทางระบายนา้ และรักษา 3. การจดั ให้มแี ละควบคมุ ตลาด ทา่ เทียบเรือ ทา่ ข้าม และทจี่ อดรถ ความสะอาดของถนน ทางนา้ ทางเดิน และท่ี 4. การสาธารณปู โภคและการก่อสร้างอ่ืน ๆ สาธารณะ รวมทัง้ การกาจัดมูลฝอยและสิ่ง 5. การสาธารณปู การ ปฏกิ ลู 6. การสง่ เสริม การฝึก และประกอบอาชีพ 4 . คุ้ ม ค ร อ ง ดู แ ล แ ล ะ บ า รุ ง รั ก ษ า 7. การพาณิชย์ และสง่ เสริมการลงทนุ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม 8. การสง่ เสริมการทอ่ งเทย่ี ว 5. บารุงและส่งเสริมการประกอบอาชีพของ 9. การจดั การศกึ ษา ราษฎร 10. การสังคมสงเคราะห์ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก สตรี 6. ส่งเสริ มการพัฒ นาสตรี เด็ก เยาวชน คนชรา และผ้ดู ้อยโอกาส ผ้สู งู อายุ และผ้พู กิ าร 11. การบารุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภมู ิปัญญาท้องถ่ิน และ วฒั นธรรมอนั ดีของท้องถิ่น 12. การปรับปรุงแหล่งชุมชนแออัดและการจัดการเก่ียวกับที่อยู่
224 ตารางท่ี 4 แสดงความเปล่ยี นแปลงอานาจหน้าท่จี ากสภาตาบลเป็ นองค์การบริหารส่วนตาบล สภาตาบล องค์การบริหารส่วนตาบล อาศยั 13. การจดั ให้มีและบารุงรักษาสถานทีพ่ กั ผอ่ นหยอ่ นใจ 14. การสง่ เสริมกีฬา 15. การส่งเสริมประชาธิปไตย ความเสมอภาค และสิทธิเสรีภาพ ของประชาชน 16. สง่ เสริมการมีสว่ นร่วมของราษฎรในการพฒั นาท้องถ่ิน 17. การรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้ อยของ บ้านเมอื ง 18. การกาจดั มลู ฝอย สง่ิ ปฏิกลู แลนา้ เสยี 19. การสาธารณสขุ การอนามยั ครอบครัว และการรักษาพยาบาล 20. การจดั ให้มแี ละควบคมุ สสุ านและฌาปนสถาน 21. การควบคมุ การเลยี ้ งสตั ว์ 22. การจดั ให้มแี ละควบคมุ การฆา่ สตั ว์ 23. การรักษาความปลอดภยั ความเป็นระเบยี บเรียบร้อย และการ อนามยั โรงมหรสพและสาธารณปู โภคสถานอ่ืน ๆ 24. การจัดการ การบารุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากป่ าไม้ ท่ีดินทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม 25. การผงั เมือง 26. การขนสง่ และการวศิ วกรรมจราจร 27. การดแู ลรักษาที่สาธารณะ 28. การควบคมุ อาคาร 29. การปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั 30. การรักษาความสงบเรียบร้ อย การสง่ เสริมและสนบั สนุนการ ปอ้ งกนั และรักษาความปลอดภยั ในชีวติ และทรัพย์สนิ 31. กิจการอื่นใดทเ่ี ป็นผลประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นตามท่ี คณะกรรมการประกาศกาหนด
225 ภาคผนวก บทท่ี 3 ก. ตาราง โครงการและงบประมาณ ที่ดาเนินการจริงในแผนพฒั นาประจาปีที่ผา่ นมา (2554-2556) จาแนก ตามแนวทางการพฒั นา ของเทศบาลตาบลสนั ทราย ยุทธศาสตร์ /แนวทางการพัฒนา จานวนโครงการท่ี จานวนงบประมาณ ดาเนินการจริง ท่ดี าเนินการจริง (บาท) 1.การพฒั นาระบบสาธารณูปโภค สาธารณปุ การ 18 4,316,100 และโครงสร้างพืน้ ฐาน 2.การพฒั นาระบบการบริการด้านสาธารณสขุ 24 2,941,942 คณุ ภาพชีวิต และสวสั ดิการสงั คม 3.ด้านการศกึ ษา ศาสนาและศลิ ปวฒั นธรรม 17 1,662,980 4.การพฒั นาด้านเศรษฐกิจและสง่ เสริมด้านความ 8 273,150 เข้มแข็งของชมุ ชน 5.ด้านความมนั่ คงและปลอดภยั ในพืน้ ที่ 6 275,000 6.การพฒั นาระบบการจดั การด้านสง่ิ แวดล้อม 9 563,600 7.การพฒั นาประสทิ ธิภาพการเมือง การบริหารและ 35 18,186,500 การพฒั นาบคุ ลากร รวม 117 28,219,272
226 ข. ตาราง โครงการและงบประมาณ ท่ีดาเนนิ การจริงในแผนพฒั นาประจาปีที่ผ่านมา (2554 – 2556) จาแนกตาม แนวทางการพฒั นา ขององค์การบริหารสว่ นตาบลสนั ทราย ยทุ ธศาสตร์/แนวทางการพฒั นา จานวนโครงการท่ี จานวนงบประมาณ ดาเนินการจริง ท่ดี าเนินการจริง (บาท) 1.การพฒั นาด้านโครงสร้างพืน้ ฐานและการบริการ 15 1,848,200 สาธารณะ 2.การพฒั นาด้านคณุ ภาพชีวิตประชาชน 19 3,628,901 3.การพฒั นาด้านการศกึ ษา ศาสนา วฒั นธรรม 23 1,495,041 ประเพณี กีฬาและนนั ทนาการ 4.การพฒั นาด้านการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ 1 5,000 ส่งิ แวดล้อมและการท่องเที่ยว 5.การพฒั นาสง่ เสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองท่ีดี 9 804,150 รวม 67 7,781,292 ค. ตาราง แสดงรายชื่อผ้ดู ารงตาแหนง่ ฝ่ายบริหารสภาองค์การบริหารสว่ นตาบลสนั ทราย ชดุ ท่ี 1 – 5 ตาแหน่ง รายช่ือ ประธานกรรมการบริหาร นายอดลุ ย์ ทรายหมอ นายกองคก์ ารปกครองสว่ นท้องถิ่น คนที่ 1 นายอนิ ทอน เมืองมาหล้า นายกองคก์ ารปกครองสว่ นท้องถิ่น คนท่ี 2 นางอาพร คาเงิน นายกองคก์ ารปกครองสว่ นท้องถิ่น คนท่ี 3 นายอินทอน เมืองมาหล้า นายกองคก์ ารปกครองสว่ นท้องถิ่น คนท่ี 4 นายอนิ ทอน เมืองมาหล้า
227 ง. ตารางแสดงรายช่ือผ้สู มคั เลือกตงั้ องคก์ ารบริหารสว่ นตาบลสนั ทราย นายก/เขตเลือกตงั้ ท่ี รายช่ือผู้สมัคร หมายเลข คะแนน ประจาตวั ผู้สมัคร นายก นายอินทอน เมืองมาหล้า 991 นางอาพร คาเงิน 1 516 2 51 เขต 1 นางคาแปง จาปาทราย 1 79 นายสวา่ ง คดิ ข้างบน 2 98 นายศรี ชยั ราท 3 83 นายบญุ สง่ สนั ทะบตุ ร 4 62 นายบยุ สม วนั เดน็ 5 154 1 112 เขต 2 นายพร จนั ทาพนู 2 102 นายทรงเดช สตุ นิ กาศ 3 173 นายสวุ รรณ ต๊ะต้องใจ 1 158 2 78 เขต 3 นายขวญั ชยั สวุ รรณปัญญา 3 101 นายสนุ ทร ปงกนั มลุ 4 149 นายสมศกั ด์ิ จินดารัตน์ 1 215 นายสายทอง ปันนา 2 103 3 108 เขต 4 นางทพิ ย์วลั ย์ เกเยน็ 4 12 นายสมบรู ณ์ ปัญญาธิ 1 นายนนทวฒั น์ชยั ไขก่ า นายนพดล อนิ ต๊ะปัญญา เขต 5 นายสนนั่ จ๋ีมะลิ
228 นายก/เขตเลือกตงั้ ท่ี รายช่ือผู้สมัคร หมายเลข คะแนน ประจาตวั ผู้สมัคร นายนริน จนั ปกุ 13 เขต 6 นายสมบรู ณ์ คาหล้าทราย 2 61 1 47 นายชยั วฒั น์ ธรรมรังษี 2 74 นายศรีหม่ืน ขนั จนั แสง 3 178 เขต 7 นายสายใจ ปงปัญญายืน 1 169 นายอานวย แก้วแจ้ 2 100 นายพลทพิ ย์ จนั ทาพนู 3 64 นายอินจนั ทร์ ทรายหมอ 4 จ. ตาราง แสดง รายช่ือผ้ดู ารงตาแหนง่ ฝ่ายสมาชกิ สภาองค์การบริหารสว่ นตาบลสนั ทราย ชดุ ท่ี 2-5 หมู่ท่ี ชุดท่ี 2 ชุดท่ี 3 ชุดท่ี 4 ชุดท่ี 5 หมู่ 1 นายสมพงษ์ พรมมาเอ้ย นายสมพงษ์ พรมมาเอ้ย ยบุ รวมไปอยใู่ นเขต ยบุ รวมไปอยใู่ นเขต บ้านสนั ทราย นางวงิ วอน พรมมาเอ้ย นางวงิ วอน พรมมาเอ้ย เทศบาล เทศบาล หมู่ 2 นายศรี ชยั นาท นายศรี ชยั นาท นายสวา่ ง คดิ ข้างบน นายศรี ชยั นาท บ้านจอมจนั ทร์ นายบญุ สม วนั เดน็ นายอานวย จาปาทราย นายสมบรู ณ์ ปัญญาธิ นายบญุ สง่ สนั ทะบตุ ร หมู่ 3 นายสวุ รรณ ต๊ะต้องใจ นายพร จนั ทาพนู นายพร จนั ทาพนู นายพร จนั ทาพนู บ้านดอยตอ่ -ไม่มีขอ้ มูล นายสวุ รรณ ต๊ะต้องใจ นายทรงเดช สตุ ิณกาศ นายทรงเดช สตุ ณิ กาศ หมู่ 5 นายสมศกั ด์ิ จินดารัตน์ นายสมศกั ด์ิ จินดารัตน์ นายสนุ ทร ปงกนั มลู นายสนุ ทร ปงกนั มลู บ้านดงสวุ รรณ *นายขวญั ชยั สวุ รรณปัญญา *นายขวญั ชยั สวุ รรณปัญญา *นายขวญั ชยั สวุ รรณปัญญา นายขวญั ชยั สวุ รรณปัญญา หมู่ 6 นายพายพั ทรายหมอ นายพายพั ทรายหมอ นายนนทวฒั น์ชยั ไขก่ า นางทิพวลั ย์ เกเย็น บ้านแหลว นายศกั ด์ิ เกเย็น นางดารารัตน์ คาเงิน นายอดลุ ย์ ทรายหมอ นายสมบรู ณ์ ปัญญาธิ หมู่ 7 -ไม่มีข้อมูล นายสนน่ั จี๋ มะลิ นายสนนั่ จี๋มะลิ นายสนนั่ จี๋มะลิ
229 หม่ทู ่ี ชุดท่ี 2 ชุดท่ี 3 ชุดท่ี 4 ชุดท่ี 5 นายนริน จนั ปกุ นายนริน จนั ปกุ บ้านดง นายจนั มนั จนั ปกุ นายนริน จนั ปกุ นายสมบรู ณ์ คาหล้าทราย นายสมบรู ณ์ คาหล้าทราย หมู่ 8 นายสมบรู ณ์ คาหล้าทราย นายสมบรู ณ์ คาหล้าทราย โพธนาราม นายชยั วฒั น์ ธรรมรังสี นายศรีหมืน่ ขนั จนั แสง นายอดศิ กั ด์ิ สมบญุ ชยั นายชยั วฒั น์ ธรรมรังษี นายอานวย แก้วแจ้ นายอานวย แก้วแจ้ หมู่ 9 ยงั ไม่ไดแ้ ยกมาตงั้ หมู่บา้ น นายพิจิตร จอมจกั ร นางสายใจ ปงปัญญายนื *นางสายใจ ปงปัญญายืน นาล้อม นางสายใจ ปงปัญญายนื หมายเหตุ (*): ดารงตาแหนง่ ประธานสภา ฉ. ตาราง แสดงรายช่ือผ้ดู ารงตาแหนง่ ฝ่ายบริหารเทศบาลตาบลสนั ทราย ชดุ ที่ 1 – 4 ตาแหน่ง รายช่ือ นายกเทศมนตรี คนท่ี 1 นายสจุ ติ ต์ พรหมณี นายกเทศมนตรี คนที่ 2 นายมนู สเุ ลียมมา นายกเทศมนตรี คนท่ี 3 นายมนู สเุ ลียมมา นายกเทศมนตรี คนท่ี 4 นายธนพล เมืองคา ช. ตารางแสดงรายชื่อผ้สู มคั รเลือกตงั้ เทศบาลตาบลสนั ทราย นายก/เขต รายช่ือผู้สมัคร หมายเลข คะแนน เลือกตงั้ ท่ี ประจาตวั ผู้สมัคร 116 นายก นายอินปั๋น ทองคา 1 459 นายมนู สเุ ลียมมา 2 135 ด.ต.วนั สอนราช 3 751 นายธนพล เมืองคา 4 369 1 เขต 1 นายอนวุ ตั ร มะโนคา
230 นายก/เขต รายช่ือผู้สมัคร หมายเลข คะแนน เลือกตงั้ ท่ี ประจาตวั ผู้สมัคร นางอาวรณ์ ก้างออนตา 227 เขต 2 นายเสถียร เตชะ 2 274 นายบญุ ยงั เข่ือนเพชร 3 183 นางสณั ห์สนิ ี คาหล้าทราย 4 224 นางณรงค์ แก้วสิริ 5 214 นายพนั ธ์ศกั ดิ์ อริณต๊ะทราย 6 74 นายภรู ิฉตั รกมล ชยั ยาโน 7 69 นายอดุ ม มลู ใจทราย 8 387 นายบรรลือศกั ดิ์ มาละดา 9 233 นายจรัญ สนั ทะบตุ ร 10 279 นางศลิ คาหล้าทราย 11 308 นายนณั ฐกริช นวนพนสั 12 279 นางพรรณี ก้างออนตา 13 225 นางธีรนาฏ ชยั นา่ น 14 165 นายไหม ชมพู 15 180 นางศรีนวล จนั ทาพนู 1 341 นายเดช ชยั วงศ์ 2 141 นายปัญญา จนั ทร์โชค 3 199 นายบญุ ชม ชยั มงคล 4 201 นายยงยทุ ธ สดุ สม 5 159 6
231 นายก/เขต รายช่ือผู้สมัคร หมายเลข คะแนน เลือกตงั้ ท่ี ประจาตวั ผู้สมัคร นางสาวสรัญญา ทรายสาลี 112 นายแสงเพชร โขงสนน่ั 7 79 นางลดั ดา พรหมณี 8 92 นายเอนก มลู คาหล้า 9 378 นางลดั ดา ปรารมภ์ 10 324 นางสาวสทุ ธิพร ธรรมเดช 11 205 นางวิไล ชาวไชย 12 333 นางอรพรรณ แก้วฟองคา 13 348 นายเฉลิม อริณต๊ะทราย 14 296 15 ซ. ตารางแสดงรายช่ือสมาชกิ ท่ีสงั กดั ทีมที่ลงแขง่ ขนั ในการเลือกตงั้ ของเทศบาลตาบลสนั ทรายในปี พ.ศ.2556 กลุ่มพัฒนาสันทราย ตาแหนง่ ปัจจปุ ัน ตาแหนง่ ในอดีต นายธนาพล เมืองคา นายกฯ ประธานสภาฯ ปี 2551- 2555 เขต 1 นายอดุ ม มลู ใจทราย ประธานสภา สมาชิกสภาฯ (หมู่ 1,8) นายบรรลือศกั ดิ์ มาละดา นายจรัญ สนั ทะบตุ ร สมาชกิ สภาฯ นายศลิ คาหล้าทราย สมาชิกสภาฯ นายนณั ฐกริช นวนพนสั สมาชกิ สภาฯ
232 นางพรรณี ก้างออนตา เขต 2 นายเอนก มลู คาหล้า รองประธานสภาฯ สมาชกิ สภาฯ สมาชิกสภาฯ (หมู่ 2, 4,7) นางลดั ดา ปรารมภ์ สมาชิกสภาฯ สมาชกิ สภาฯ นางสาวสทุ ธิพร ธรรมเดช ตาแหนง่ ในอดตี นายกฯ ปี 2551-2555 นางวิไล ชาวไชย สมาชกิ สภาฯ สมาชิกสภาฯ นางอรพรรณ ปันปนู ทราย สมาชกิ สภาฯ นายเฉลมิ อริณต๊ะทราย สมาชกิ สภาฯ กลุ่มฮักตาบลสันทราย ตาแหนง่ ปัจจบุ นั นายมนู สเุ ลียมมา เขต 1 นายอนวุ ตั ร มโนคา สมาชกิ สภาฯ (หมู่ 1,8) นางอาวรณ์ ก้างออนตา นายเสถียร เตชะ สมาชิกสภาฯ นายบญุ ยงั เข่ือนเพชร นางสณั ห์สินี คาหล้าทราย นางนีระนาฏ ชยั นา่ น เขต 2 นายไหม ชมุ ภู (หมู่ 2, 4,7) นางศรีนวล จนั ทาพนู นายเดช ชยั วงศ์ นายปัญญา จนั โชค นายบญุ ชม ชยั มงคล นายยงยทุ ธ สตุ สม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254