Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore edu-class-reduce-01

edu-class-reduce-01

Published by Phrapradaeng District Public Library, 2019-05-14 10:30:26

Description: edu-class-reduce-01

Search

Read the Text Version

47 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้ารว่ มกิจกรรมของนกั เรยี น  น้อยทส่ี ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากท่สี ุด ๗. ภาพประกอบ ทม่ี า : www.oknation.net ภาพที่ 22 ลายมอื (ที่มา : www.horolive.com) ภาพท่ี 21 ไพย่ บิ ซี (ท่มี า : www.oknation.com) ภาพที่ 23 12 ราศี ภาพท่ี 24 การเลอื กสี (ที่มา : http://startyourbag.com ) (ท่มี า : http://iam.hunsa.com) ๘. อ้างอิงแหล่งท่มี าของขอ้ มลู ไพ่ยิปซ.ี www.oknation.net. ภาพที่ ๑ (ออนไลน์) ขอ้ มลู วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๘ ลายมือ. www.horolive.com . ภาพที่ ๒ (ออนไลน)์ ข้อมูล วนั ที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๘ ๑๒ ราศ.ี http://startyourbag.com . ภาพที่ ๓ (ออนไลน)์ ขอ้ มลู วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๘ การเลอื กสี. http://iam.hunsa.com . ภาพท่ี ๔ (ออนไลน์) ข้อมูล วนั ท่ี ๑๗ กันยายน ๒๕๕๘

48 หมวดท่ี ๒ สร้างเสรมิ สมรรถนะและการเรียนรู้ กลมุ่ กจิ กรรมท่ี ๘ พฒั นาทักษะการเรียนรทู้ ่ีสง่ เสริมการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ตัวอยา่ งกิจกรรมที่ ๑ ๑. ชอื่ กิจกรรม A-math ๒. เวลาท่ีใช้ ๑ ชวั่ โมง ๓.วตั ถุประสงค์ ๑. เพอื่ ใหน้ ักเรียนฝึกทกั ษะการคานวณ โดยใชเ้ กม A-math เป็นส่อื การเรียนรู้ ๒. เพือ่ ให้นักเรียนเกดิ ความสนกุ สนาน เกดิ เจตคติท่ดี ตี ่อวชิ าคณิตศาสตร์ ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ลาดบั ที่ บทบาทนักเรียน บทบาทครู ๑ นักเรียนรบั ฟังคาช้แี จงกตกิ าการเลน่ เกมจากครู ๒ นักเรียน ๒ คนจับคเู่ พ่ือแข่งขันเล่นเกมเกม A- ครอู ธิบายขั้นตอน กติกาการเล่นเกม A-math math กบั เพอื่ นต่างกลุม่ ๓ นักเรยี นรบั ฟังการตัดสินจากครแู ละรับรางวลั ครูกากบั การเลน่ เกมเกม A-math โดยท่ีเกม ๑ ชุด สามารถแข่งขนั ได้ ๓ -๔ ทีม ครทู าหนา้ ทเี่ ปน็ กรรมการตัดสินและมอบรางวลั เปน็ กาลงั ใจแกน่ กั เรียน ๕. ส่ือการเรยี นรู้และแหล่งการเรียนรู้ ชดุ กิจกรรม A-math ๖. การวัดและประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นในเร่ืองต่อไปนี้ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเรจ็ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเข้าร่วมกจิ กรรมของนักเรียน  นอ้ ยทีส่ ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากทส่ี ุด

49 ๗. ภาพประกอบ ๑. ๘. อ้างอิงแหลง่ ที่มา https://nattaphonghnoonet12138121blog.wordpress.com

50 กฎและวธิ กี ารเลน่ ชุดกิจกรรม A-math เอแม็ท (A-math) เป็นเกมต่อตวั เลขคานวณ ทักษะของการเล่นน้ัน คอื การต่อตวั เลขตามหลกั การ คานวณคณิตศาสตร์ ไม่ว่าจะเปน็ การบวก ลบ คณู หาร ลงบนช่องตารางให้เกิดผลดีทสี่ ดุ เมอื่ จบการแขง่ ขัน ผู้ที่ไดค้ ะแนนมากทีส่ ุดเป็นผูช้ นะ คะแนนจะเกดิ จากคา่ ประจาตวั เบีย้ แต่ละตวั ในการลงเลน่ แตล่ ะครัง้ รวม กบั ชอ่ งตารางตา่ งๆ ซงึ่ มคี า่ แตกต่างกนั ไป ผ้เู ล่นอาจจะเลน่ แบบฝา่ ยละ 1 คน หรือจบั คเู่ ป็นทีมแข่งขนั ก็ได้ อุปกรณ์และความหมาย ๑. กระดาน (BOARD) กระดานจะมที ้ังส้ิน 225 ช่อง แบง่ ออกเป็นช่องคะแนนธรรมดาและชอ่ ง คะแนนพเิ ศษตา่ งๆ - สีแดง (Triple Equation 3x) หมายถงึ เบยี้ ตัวใดท่ีผู้เล่นลงในชอ่ งนี้ จะมีผลทาให้สมการท่มี เี บยี้ ตวั นีเ้ ป็นส่วนประกอบจะได้คะแนนเป็น 3 เท่าทั้งสมการ - สเี หลือง (Double Equation 2x) หมายถึง เชน่ เดียวกับช่องสีแดงแต่คะแนนทไ่ี ด้เปน็ เพียง 2 เท่าของสมการ - สีฟ้า (Triple Piece 3x) หมายถงึ เบีย้ ตวั ใดที่ทับชอ่ งน้ี เฉพาะตวั เบย้ี น้นั จะไดค้ ะแนนเปน็ 3 เท่า - สีสม้ (Double Piece 2x) หมายถึง เช่นเดยี วกับชอ่ งสีฟ้า แตค่ ะแนนทไี่ ดจ้ ะเปน็ เพียง 2 เทา่ เฉพาะเบย้ี นน้ั ๒. เบีย้ (TILES) มที ั้งสนิ้ 100 ตัว จะมคี ะแนนคา่ ของตัวเลขแต่ละตัวปรากฏอยู่ตามความยากง่าย ของการเล่น ดังนี้ ตวั เลข 01 มี 5 ตวั ตวั เลข 11 มี 6 ตวั ตัวเลข 21 มี 6 ตวั ตวั เลข 31 มี 5 ตวั ตัวเลข 42 มี 5 ตวั ตัวเลข 52 มี 4 ตวั ตวั เลข 62 มี 4 ตวั ตัวเลข 72 มี 4 ตวั ตวั เลข 82 มี 4 ตวั ตัวเลข 92 มี 4 ตวั ตัวเลข 103 มี 2 ตวั ตัวเลข 114 มี 1 ตวั ตวั เลข 123 มี 2 ตวั ตัวเลข 136 มี 1 ตวั ตัวเลข 144 มี 1 ตวั ตวั เลข 154 มี 1 ตัว ตัวเลข 164 มี 1 ตวั ตัวเลข 176 มี 1 ตวั ตัวเลข 184 มี 1 ตวั ตัวเลข 197 มี 1 ตัว ตัวเลข 205 มี 1 ตวั ตวั +2 มี 4 ตวั ตวั -2 มี 4 ตัว ตวั +/-1 มี 5 ตวั ตัว ×2 มี 4 ตวั ตัว ÷2 มี 4 ตัว ตวั ×/÷1 มี 4 ตวั ตัว =1 มี 11 ตวั ตัว BLANK0 มี 4 ตัว หมายเหตุ - เบยี้ +/- หรอื ×/÷ ให้เลอื กใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง และเม่ือเลอื กแล้วจะเปลีย่ นแปลงไม่ได้ -BLANK ใชแ้ ทนตวั อะไรก็ไดต้ ง้ั แต่ 0-20 รวมทัง้ +,-, ×, ÷,= เม่อื กาหนดแลว้ จะเปล่ียนไมไ่ ด้ การเริ่มตน้ 1. ผู้เลน่ จะต้องจบั เบี้ยข้นึ มาฝ่ายละ 1 ตัวเพื่อดูว่าฝา่ ยใดจะไดเ้ ล่นกอ่ น โดยมีหลักคอื เรียงตาม ตัวเลขจากมากไปหาน้อย เครื่องหมายทั้งหลายถือวา่ ตา่ กวา่ 0 ทงั้ หมด และตวั BLANK ถอื วา่ ใกล้ทีส่ ดุ ใคร ใกล้ 20 กวา่ จะไดเ้ ร่ิมก่อน 2. ผู้เลน่ จับตัวเบี้ยข้นึ มาฝา่ ยละ 8 ตัววางบนแป้น โดยที่ผเู้ ริม่ เลน่ จับกอ่ น 3. ผเู้ ลน่ ทไ่ี ดเ้ ริ่มเลน่ ก่อนจะต้องจดั ตวั เลขเปน็ สมการในลักษณะหน่ึงลักษณะใดก็ได้ (เช่น 7×2 = 5+9 หรือ 9÷3+5 = 4×2 หรอื 6 = 6 ก็ได้) วางลงบนกระดานในแนวนอนหรอื แนวต้ังเทา่ นน้ั โดยต้องมี ตวั เบ้ียตัวใดตวั หน่งึ ทับบนชอ่ งดาวกลางกระดาน ตัวเบ้ียท่ีทับบนช่องดาวจะไดเ้ ปน็ 3 เท่า เพราะชอ่ งดาว กลางกระดานเป็นชอ่ งสฟี ้า

51 4. ผเู้ ล่นคนแรกจะตอ้ งจบั ตัวเบี้ยในถงุ ขนึ้ มาใหมเ่ ทา่ กับจานวนตัวเบยี้ ท่ใี ช้ไป จากน้ันจะเป็นตาเล่น ของผ้เู ล่นคนทส่ี อง ซึง่ จะต้องตอ่ ตัวเบี้ยท่มี ีอยู่ใหเ้ ปน็ สมการโดยมีตัวเบี้ยทีล่ งไปใหม่อย่างนอ้ ยหน่ึงตวั สัมผสั กับตัวเบี้ยทมี่ ีอยใู่ นกระดานแลว้ อาจจะเป็นการเพิม่ ตวั เลขลงบนสมการเดิมท่มี ีอยู่ก่อนแลว้ เช่น นาย A ลง 3+4=7 นาย B อาจจะเลน่ 9-3+4=7+3 ก็ถือว่าเป็นสมการใหม่กไ็ ด้ การคิดและการทาคะแนน 1. จากชอ่ งคะแนนพิเศษทั้ง 4 แบบ คือช่องสแี ดง (ทงั้ สมการคณู 3) ชอ่ งสเี หลือง (ทงั้ สมการคูณ 2) ชอ่ งสฟี ้า (คูณ 3 เฉพาะตัวทีท่ บั ชอ่ ง) ช่องสีสม้ (คูณ 2 เฉพาะตัวท่ีทบั ช่อง) หากเกิดกรณีที่ผเู้ ลน่ ลง สมการซงึ่ มีเบ้ยี ตวั เลขที่เล่นใหมท่ ับช่องพเิ ศษมากกวา่ 1 ช่องแล้ว คะแนนท่ีได้จะนบั คะแนนพเิ ศษเบยี้ แตล่ ะ ตัวกอ่ นแล้วค่อยนามาคิดช่องพเิ ศษ ของทั้งสมการ ตวั อย่าง เช่น เมอ่ื ผ้เู ล่น เลน่ 7-7=6×0 ตวั เบย้ี 7 มีค่า 2 แต้มทับบนชอ่ งสีฟา้ (เฉพาะตวั คูณ 3) เครื่องหมาย = มีคา่ 1 แต้ม ทับชอ่ งสสี ้ม (เฉพาะตัวคณู 2) เคร่อื งหมาย × ทับชอ่ งสเี หลือง (ทงั้ สมการคณู 2) คะแนนของ การเล่นครั้งนไ้ี ด้เท่ากับ แต้ม23  2  2  1 2  2  2 1  217 234 2. ช่องพเิ ศษต่างๆ น้นั สามารถใช้ไดใ้ นการเล่นทบั ลงไปในคร้ังแรกเทา่ น้ัน ในการเล่นครัง้ ตอ่ มาเบยี้ ท่ีทบั อยู่บนช่องพเิ ศษแลว้ นน้ั ใหน้ บั คะแนนเฉพาะค่าของเบ้ียเท่าน้ัน การสิน้ สดุ เกม 1. เกมจะสิน้ สดุ เม่อื ผู้เลน่ คนใดคนหน่ึงใช้ตัวเบี้ยที่ตนมีอยจู่ นหมด (หลงั จากที่ตัวเบย้ี ในถุง หมดแลว้ ) 2. ในขณะเดยี วกนั ผู้เลน่ ฝ่ายตรงข้ามจะยงั คงมตี วั เบ้ยี เหลืออยู่ ใหห้ าคะแนนรวมของตวั เบ้ยี น้นั แลว้ คณู ด้วย 2 นาไปบวกให้กบั ผ้เู ล่นทเ่ี ปน็ คนลงตวั เบยี้ หมดก่อน (ยกเวน้ BLANK ไมต่ อ้ งตดิ ลบ) 3. ในกรณีที่ผู้เล่นทัง้ 2 ฝา่ ยไมส่ ามารถเลน่ ตัวเบยี้ ท่ีเหลือในแปน้ ของเขาท้ังสองแลว้ และบอกผ่าน ครบ 3 ครั้งก็ถือวา่ เกมการเล่นสิน้ สดุ ลง การนบั คะแนนจะทาโดยทเี่ อาคะแนนของตัวเบี้ยทีเ่ หลอื อยู่ในแป้น ลบออกจากคะแนนของตนเองโดยไม่ต้องคูณ 2 (คะแนน BLANK เท่ากับศูนย)์ 4. เกมจะยุติลงเมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที** สว่ นพิเศษในการเล่น 1. การขอเปล่ียนตัว ผู้เล่นสามารถขอเปลีย่ นเบ้ยี ไดโ้ ดยต้องเสียตาเล่น 1 ตา การเปล่ยี นสามารถ เปลีย่ นไดต้ ง้ั แต่ 1-8 ตวั ยกเวน้ ถ้าตวั เบีย้ ในถุงเหลอื ไม่ถงึ 5 ตวั จะไม่สามารถเปลี่ยนเบี้ยไดอ้ ย่างเดด็ ขาด 2. การทาบิงโกเอแมท็ ในระหว่างการเล่นทผี่ ู้เลน่ คนใดสามารถลงตัวเบย้ี ท้งั 8 ตวั บนแป้นพรอ้ ม กนั ในตาเล่นเดียว ผู้เลน่ คนนั้นจะได้รบั คะแนนพเิ ศษข้นึ อีก 40 คะแนน นอกเหนือจากคะแนนท่ีได้ปกตใิ น ตาเล่นนัน้ 3. การขอชาเล้นจ์ (CHALLENGE) หากผเู้ ล่นฝา่ ยหน่ึงฝ่ายใดเลน่ ลงสมการแล้วอีกฝ่ายเห็นหรอื คดิ วา่ ผดิ พลาด ผู้เลน่ สามารถขอเรียกชาเล้นจไ์ ดเ้ พ่ือดูวา่ ถูกต้องหรือเปลา่ โดยอาจใชเ้ ครอ่ื งคิดเลขช่วย หาก ถกู ต้องแลว้ ผู้ที่ขอตรวจจะเสียตาเล่นไปหน่ึงตา แต่หากผดิ ผูท้ ่ลี งผิดจะต้องยกตวั เบยี้ ท่ีลงท้ังหมดในตานน้ั ออกและไดค้ ะแนนเป็นศนู ย์ 4. เวลา ควรกาหนดเวลาในการลงแตล่ ะครัง้ เพ่ือความสนุกสนานในปกติไมค่ วรเกนิ 2 นาท*ี * ในการเลน่ แตล่ ะครั้ง

52 5. การผสมตวั เลข การลงเบย้ี ตวั เลขนนั้ สามารถท่จี ะนาเลขโด (0-9) จานวน 2-3 ตวั มาวางตดิ กัน เพอ่ื ประกอบเป็นเลข 2-3 หลักได้ เช่น ใชเ้ บีย้ เลข 1 และ 2 มาประกอบเปน็ เลข 12 ได้ หรอื ใชเ้ บ้ยี เลข 1,8 และ 5 มาต่อเป็น 185 ได้ เป็นต้น (เบย้ี ทีเ่ ปน็ จานวนหลกั สิบขนึ้ ไปนามาตอ่ ไม่ได้ เช่นนาเบ้ยี 12 กบั 0 มาตอ่ ให้เปน็ 120 ไม่ได้ ) 6. การเปล่ยี นค่าเปน็ เลขลบ สามารถท่ีจะเอาเคร่อื งหมายลบมาวางไวห้ น้าเบี้ยตัวเลข 1 ถงึ 16 และ 20 และ จานวนต่างๆ ที่เกิดจากข้อ 5 เพื่อให้เปน็ คา่ ลบได้ เชน่ -6 = 4-10 หรือ -5 = -5 (แตห่ ้าม วางเบีย้ เคร่อื งหมายบวกลบคูณหารไว้ติดกัน เชน่ -7 = 6 + - 13 ไม่ได)้ 7. หา้ มใช้ 0 ไปต่อหน้าตวั เลขทุกจานวน เชน่ 07, 012 ถือวา่ ใชไ้ ม่ได้ท้งั หมด 8. ห้ามใช้เครื่องหมายบวก (+) หรือเคร่ืองหมายลบ (-) เติมหนา้ ตวั เลข 0 9. ห้ามใชเ้ ครื่องหมายบวก (+) เตมิ หนา้ ตัวเลข เช่น +7 = 5 + 2 หลักการคานวณเบ้ืองตน้ 1. หาก ‘เครอื่ งหมาย × และ ÷ ’ หรอื ‘เครือ่ งหมาย + และ - ’ อยู่ดว้ ยกัน ตอ้ งทาตามลาดบั กอ่ นหลงั เชน่ 8 × 3 ÷ 6 = 1+1+2 = 4 หรือ 7-4+5 = 3+5 = 8 2. ตอ้ งกระทาเครื่องหมายคูณและหารกอ่ นเครื่องหมายบวกและลบเสมอ เชน่ 4 × 3+4 ต้องคิดเปน็ (4 × 3) +4 = 12+4 = 6 4 × 9 ÷ 2+5 = 23 ต้องคิดเปน็ (4 × 9 ÷ 12)+5 = 18+5 = 23 3. ห้ามนา 0 เป็นตัวหาร แตห่ ากใช้เปน็ ตวั ตง้ั แล้วจะหารด้วยตัวเลขอะไรผลลัพธจ์ ะได้เท่ากบั 0 เสมอ เช่น 5 ÷ 0 = หาค่าไมไ่ ด้ แต่ 0 ÷ 5 = 0 4. ตัวอย่างการลงโดยขยายสมการที่มอี ยแู่ ล้วเม่ือผูเ้ ลน่ ไม่มีเครือ่ งหมาย = เช่น จาก 3+2×1 = 10×1-5 เป็น 12÷3+2× = 10×1-5+1 นอกจากน้สี ามารถจะขยายต่อได้อีกโดยคงใหส้ มการสมดุล รวมถึงการทาสมการให้ สมมลู กัน เช่น จาก 4+5 = 3×3÷1 เป็น 4+5 = 3×3÷1 = 81÷9 5. สมการสามารถคิดเป็นเศษส่วนได้ เชน่ 2÷3 = 4÷6 หมายเหตุ คณะกรรมการได้เพิ่มเตมิ กติกาการแขง่ ขันตามท*่ี *ไว้ สาหรับผเู้ ล่นทใ่ี ช้เวลาเกิน 2 นาที จะถือกฎข้อ 1 (ของส่วนพิเศษในการเลน่ ) หรือ ตามกฎข้อ 3 (ของการสน้ิ สุดเกม)

53 ตวั อย่างกิจกรรมที่ ๒ ๑. ช่ือกจิ กรรม Skit ๒. เวลาทีใ่ ช้ ๒ ชวั่ โมง ๓. วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพื่อพฒั นาทักษะภาษาอังกฤษทง้ั 4 ทกั ษะ คือ ฟัง พูด อ่าน และเขยี น โดยจะเนน้ ทักษะฟัง และพดู มากกว่าทกั ษะดา้ นอื่น โดยผา่ นการแสดงละครส้ันภาษาอังกฤษ (Skit) ๒. เพอื่ พัฒนาผเู้ รยี นให้มีทกั ษะการทางานร่วมกนั (Teamwork) รจู้ ักแก้ปัญหา มีเหตผุ ลในการ ตัดสินใจที่เหมาะสม รวมทั้งมีทศั นคตทิ ีด่ ีต่อการเรยี นภาษาองั กฤษ ๓. เพอ่ื ใหผ้ ้เู รยี นมคี ุณธรรม จริยธรรม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เพ่ือพฒั นาบุคลกิ ภาพ ลักษณะนสิ ัย ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ลาดบั ท่ี บทบาทนักเรียน บทบาทครู ครใู หค้ วามรู้เกีย่ วกบั การแสดงละครสน้ั ๑ นักเรยี นรบั ฟงั การชี้แจงจากครู ภาษาอังกฤษ Skit ครแู บ่งกลมุ่ นักเรยี น กลุ่ม ๕ คน ๒ นกั เรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ ๕ คน ครฉู ายตวั อย่างวดี ิทศั น์ละครส้ัน ๓ นกั เรียนชมตัวอย่างวดี ิทัศน์ละครสัน้ ภาษาอังกฤษจากเวบ็ ไซตต์ า่ ง ๆ ทคี่ รู ภาษาองั กฤษจากเว็บไซตต์ า่ ง ๆ ที่ครูนาเสนอ นาเสนอเปน็ ตวั อย่าง เป็นตวั อย่าง ๔ นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันกาหนดเค้าโครงเรือ่ ง ครมู อบให้นกั เรียนรว่ มแสดงละครตามท่ี ที่จะแสดง โดยใช้กระบวนการถกแถลง แล้วสง่ กลมุ่ ชว่ ยกันคิด ตวั แทนแสดงละคร ๕ นกั เรียนทเ่ี ป็นนักแสดง แสดงละคร สว่ น ครชู มละครและให้คาแนะนา นักเรยี นทเี่ หลอื ชมละคร ๕. สือ่ การเรยี นรแู้ ละแหล่งการเรยี นรู้ ตัวอยา่ งการเลน่ ละครสั้นจากเวบ็ ไซต์ต่าง ๆ ของไทยและต่างประเทศ ๖. การวัดและการประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรมนกั เรยี นในเรอื่ งต่อไปนี้ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเร็จ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนกั เรยี น 

54 น้อยทสี่ ดุ นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่สี ดุ ตัวอย่างกจิ กรรมท่ี ๓ ๑. กจิ กรรม การแยกสารโดยวธิ ีการกรองด้วยกระดาษกรอง ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๑ ช่วั โมง ๓. วตั ถุประสงค์ ๑. นักเรยี นเกดิ ทักษะการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ๒. นักเรยี นสามารถแยกสารในชีวิตประจาวนั ได้ ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ลาดับท่ี บทบาทนกั เรยี น บทบาทครู ๑ นกั เรียนชมวดี ิทัศน์ เรื่องวธิ ีแยกสารใน ครฉู ายวดี ทิ ัศน์ เรื่องวิธแี ยกสารใน ชีวิตประจาวัน ชวี ิตประจาวัน ครคู วบคุมการปฏบิ ัตกิ ารแยกสารโดย ๒ แบ่งนักเรียนออกเปน็ กลมุ่ ปฏิบัตกิ ารแยกสารโดย วธิ ีการกรองดว้ ยกระดาษกรองของ นกั เรยี น วธิ กี ารกรองด้วยกระดาษกรอง ครูอธิบายเสริมให้ไดข้ ้อมูลสมบรู ณแ์ ละ ๓ นักเรยี นรว่ มกนั สรุปโดยใชร้ ะบวนการถกแถลง ถูกต้องมากที่สดุ ถงึ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ทเี่ กดิ ขน้ึ และ ประโยชน์ทไี่ ดร้ บั ๕. สื่อการเรียนรู้และแหลง่ เรียนรู้ ๑. สอื่ วิทัศน์การแยกสารด้วยกระดาษกรอง ๒. บีกเกอร์ ขนาด ๑๐๐ cm3 เท่าจานวนกลุ่ม ๓. กระดาษกรองกลุม่ ละ ๑ แผ่น ๔. กรวยแก้ว เทา่ จานวนกลุม่ ๖. การวดั และประเมินผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมนักเรียนในเรื่องต่อไปนี้ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นขณะปฏบิ ัติกจิ กรรม 1.2 สงั เกตผลงานความสาเร็จ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้าร่วมกจิ กรรมของนกั เรยี น 

55 น้อยที่สุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากที่สุด ตัวอย่างกจิ กรรมท่ี ๔ ๑. ช่ือกิจกรรม การอ่านจับใจความโดยใช้วิธีการอา่ นแบบ SQ3R ๒ เวลาท่ใี ช้ ๓ ช่ัวโมง ๓. วตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื ฝึกทักษะการอา่ นจับใจความ ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ลาดับท่ี บทบาทนักเรยี น บทบาทครู ๑ นักเรียนชมนิทานเรื่องศรีธนญชัย ตอนหวั อกแม่ จาก ครใู หน้ กั เรยี นชม Youtube นิทานเรื่อง Youtube แลว้ ตอบคามครู ศรธี นญชัย ตอนหวั อกแม่แล้วตอบคาถาม นกั เรยี นต่อไปน้ี ๑.นทิ านเรื่องนี้ชอื่ อะไร ๒.ตัวละครมีใครบา้ ง ๓.เน้อื เรอ่ื งเปน็ อยา่ งไร ๔.พฤตกิ รรมใดของตวั ละครในเรอื่ งที่ไม่ ควรเอาเย่ียงอยา่ ง ๕นิทานใหข้ ้อคดิ ในการนาไปใชใ้ น ชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งไร ๒ นกั เรยี นสนทนากบั ครถู งึ วธิ ีฟังและดเู พือ่ ใหเ้ ข้าใจ ครสู นทนากบั นักเรยี นถึงวิธีฟังและดเู พอ่ื ให้ เรื่อง และเช่ือมโยงถึงวิธกี ารอ่านหนังสือใหเ้ ขา้ ใจเน้อื เข้าใจเรอื่ ง และเช่อื มโยงถึงวธิ ีการอา่ น เรอื่ ง หนังสอื ใหเ้ ขา้ ใจเนอื้ เรื่อง ๓ นักเรียนรบั ฟังการอธิบายวธิ ีการอ่านแบบ SQ๓R ครอู ธบิ ายวธิ กี ารอ่านแบบ SQ๓R ๔ นกั เรยี นแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 5-6 คน ครแู บ่งนักเรยี นเป็นกลุ่มๆ ละ 5-6 คน ๕ นักเรียนอา่ นนิทานเรอ่ื งน้านมสีแดง จากเอกสารที่ครู ครแู จกเอกสารเรื่อง นา้ นมสีแดง ให้นกั เรยี น แจกให้ โดยใหน้ กั เรยี นสารวจชอ่ื เร่ือง ตวั ละคร แตล่ ะกลุ่มร่วมกันแสดงความคิดเห็นตาม เนอื้ เรอ่ื งคร่าว ๆ แล้วปิดเอกสาร ร่วมกนั แสดงความ วิธีการอ่านแบบ SQ๓R โดยใชก้ ระบวนการ คดิ เห็นถึงวิธกี ารอา่ นแบบ SQ3R โดยใช้ ถกแถลง กระบวนการถกแถลง ๖ ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลสรปุ ครมู อบหมายให้ตัวแทนของกล่มุ ออกมา ของกล่มุ ตามวิธีการอ่านแบบ SQ๓R นาเสนอผลสรปุ ของกลุ่ม ๗ นกั เรยี นร่วมกันสรปุ ผลการอ่านแบบ SQ๓R ครใู ห้ข้อเสนอแนะเพิม่ เติม

56 ๕.สือ่ การเรยี นรแู้ ละแหล่งเรียนรู้ ๕.๑ YouTube นทิ านเรอ่ื งศรีธนญชัย ตอนหวั อกแม่ ๕.๒ เอกสารนทิ านเรือ่ ง นา้ นมสแี ดง ๖. การวดั และประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมนกั เรียนในเรื่องต่อไปน้ี 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเรจ็ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเขา้ ร่วมกิจกรรมของนักเรียน  น้อยทสี่ ดุ นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่สี ดุ เอกสารประกอบการสอนอา่ นจบั ใจความโดยใชว้ ิธกี ารสอนอา่ นแบบ SQ3R การอา่ นแบบ SQ3R คือ เทคนิคการอ่านหนังสอื ท่พี ฒั นาขึ้นโดยศาสตราจารย์ Francis B.Robinson ศาสตราจารยท์ างจติ วทิ ยาแหง่ Ohio State University มี ๕ ข้ันตอน ดังน้ี SQ3R คอื ขนั้ การสอนการอ่าน มี ๕ ข้นั ตอน ดงั นี้ ๑. Survey (S) คือ ขัน้ สารวจก่อนอ่าน ในขั้นนี้ผ้อู ่านทาความคุ้นเคยกับขอ้ ความทจี่ ะอา่ น เพอ่ื ใหท้ ราบว่าข้อความน้นั มเี นือ้ หาสาระเกย่ี วกับอะไร มีโครงสร้างเนื้อหาและเรียบเรียงอยา่ งไร ในการ สารวจก่อนอ่านสามารถทาได้ดังตอ่ ไปนี้ ก. อา่ นชื่อเรอ่ื งของขอ้ ความ ข. อ่านบทนาของข้อความ (ถา้ บทนายาวมากให้อา่ นเฉพาะยอ่ หน้าแรก) ค. อา่ นหัวขอ้ เร่ืองทีพ่ ิมพ์ด้วยตัวอักษรดาหนาทุกหวั ข้อ และอา่ นประโยคแรกของหัวข้อนั้น หรืออ่านประโยคแรกของแตล่ ะยอ่ หนา้ ง. อา่ นชอื่ กากบั ภาพ แผนท่ี แผนภูมิ แผนภาพ และอ่านยอ่ หน้าสุดทา้ ยหรอื สรปุ ย่อของ ขอ้ ความ จ. อ่านคาถามท้ายข้อความ ๒. Question (Q) คือ ข้ันตั้งคาถามก่อนอา่ น ขั้นนี้ผู้อา่ นเตรยี มตง้ั คาถามไวก้ อ่ นซง่ึ จะต้อง พยายามหาคาตอบในขณะท่ีอ่านข้อความ วิธีตัง้ คาถามเกีย่ วกับข้อความที่จะอ่านก็โดยเปลีย่ นหวั ขอ้ เร่ืองท่ี พิมพ์ด้วยอักษรตัวหนาทุกหัวขอ้ เป็นคาถามใหห้ มด คาถามเหล่าน้ผี ู้อ่านจะต้องค้นหาคาตอบขณะท่อี ่าน ข้อความ ๓. Read (R) คอื ข้ันอ่าน ผู้อา่ นอ่านขอ้ ความไปทลี ะหวั ข้อหรอื ทลี ะตอน และขณะทีอ่ ่านก็ พยายามทาความเข้าใจและตอบคาถามทีผ่ ู้อา่ นต้งั ไวจ้ ากหัวข้อเรื่องตอนนั้น

57 ๔. Recite (R) คือ ขั้นตอบคาถาม ขน้ั นี้จะทาควบคู่ไปกับขั้นที่ 3 คอื อ่านแล้วตอบคาถามไป เร่อื ย ๆ จนครบทุกหวั ขอ้ เมื่ออา่ นเนื้อหาในแตล่ ะหัวขอ้ จบแลว้ กย็ อ้ นมองไปที่หัวข้อเรอ่ื ง คิดถึงคาถามท่ีตงั้ ไว้ แลว้ ทดสอบความเขา้ ใจของตนเองด้วยการตอบคาถามโดยไม่ต้องมองเนื้อหา ถา้ ตอบไม่ได้ต้องย้อนกลับ ไปอ่านเน้ือหาในหวั ข้อนนั้ ใหม่จนกว่าจะตอบได้ และในการตอบนนั้ ใหใ้ ชถ้ ้อยคาของเราเอง ๕. R review (R) คือ ขั้นทบทวนความเขา้ ใจ ความรู้ และความจาเก่ียวกับเนอ้ื หาทอี่ ่านแลว้ ท้ังหมด แลว้ ยอ้ นกลบั ไปทีห่ ัวข้อเรื่องแต่ละหวั ขอ้ อกี ครง้ั หน่ึง คดิ ถึงคาถามของแต่ละหวั ข้อ รวมทงั้ คาตอบที่ ไดต้ อบไปแลว้ แลว้ ทดสอบตนเองอีกครั้งวา่ ยังจาเนื้อหาท่ีอ่านและคาตอบท่ีตอบไปแล้วไดห้ รือไม่ โดยการ ตอบคาถามอีกคร้ังหนึ่ง หลงั จากน้ันตรวจสอบกบั เน้ือหาในแตล่ ะหวั ขอ้ วา่ คาตอบถกู ต้องหรอื ไม่ ถา้ คาถาม ข้อใดตอบไม่ได้ ตอ้ งอา่ นเนื้อหาตอนนั้นใหม่จนกวา่ จะได้คาตอบท่ีถูกต้อง ทาเชน่ นีจ้ นจบขอ้ ความทัง้ หมด นิทานเรอ่ื ง น้านมสีแดง กาลคร้ังหน่ึงนานมาแล้ว มีแม่หมาปา่ ตวั หนงึ่ นางมลี กู 3 ตัว ในทกุ ๆ วนั นางจะออกไปหาอาหาร ใหล้ ูก ๆ กนิ อยู่มาวันหน่งึ แม่หมาปา่ ออกไปหาอาหารใหล้ กู นอ้ ยด้วยความรบี ร้อนและสายตามวั แต่ สอดส่ายหาอาหาร และถงึ คราวเคราะห์นางเดนิ ไปติดกับดักของนายพราน นางพยายามดน้ิ ๆ แตด่ ้นิ เทา่ ไหร่ก็ไมห่ ลดุ จากกับดัก เวลาก็เยน็ เรม่ิ จะโพลเ้ พลเ้ ขา้ มาทุกขณะ ดว้ ยความรักและเป็นหว่ งลูก นางจึง ตดั สนิ ใจกดั ขาของตนเองจนถึงเข่า กลบั มาหาลูกนอ้ ยทัง้ สาม นางหมาปา่ ไดร้ ับความเจ็บปวดแสนสาหัส เลอื ดไหลตลอดทาง เมอ่ื กลับมาถงึ สามลูกหมาป่าดีใจ รมุ ล้อมแมห่ มาขออาหาร แมห่ มาสดุ ท่จี ะเจบ็ ปวดโซเซ เสยี งสัน่ เครือบอกลกู หมาวา่ “ลูกเอย๋ คนื นแี้ ม่เหนื่อยเหลือเกนิ แล้ว ยงั หาเหย่ือไมไ่ ดเ้ ลย แตแ่ มย่ ังมนี า้ นมสีแดง เหลืออย่ถู นอมไวใ้ หล้ กู ท้ังสามเป็นพเิ ศษ แตต่ ้องผลัดกนั ดูดดม่ื ทลี ะตวั ตามลาดับ” ลูกหมาปา่ ยงั ไร้เดียงสา ตามประสาสัตว์มันจึงดดู เลอื ดจากบาดแผลขาหลังตรงเข่าขาดน้นั ดว้ ย ความเข้าใจผิดคิดวา่ เป็นน้านมพเิ ศษเหตุหิวจัดจงึ ด่ืมจนอิม่ ทั้งสามชีวิต กระทั่งแมห่ มาสดุ ออ่ นเพลยี ชพี จร เต้นช้าลงเพราะสญู เสียเลือดมาก ลูกหมาตัวสุดท้องถามแม่ว่า “ทาไมน้านมของแมเ่ ปน็ สีแดง และปนรส เน้อื หวาน ลูกไมเ่ คยกินเลย” แมต่ อบวา่ “ลกู เอย๋ น่ีแหละนา้ นมมื้อสดุ ทา้ ย ที่แม่สะสมทะนุถนอมไว้ท้ังชวี ติ บัดนี้ถึงเวลาแลว้ แม่ปรารถนาให้ลูกดมื่ ส้นิ ทงั้ หัวใจ” เสียงแม่หมาค่อย ๆ แผว่ เบาลง เมื่อสายเลอื ดจะเหือดหายหมดไปจากกาย สง่ั ลูกว่า “เลยสามวนั ไป แล้ว ถ้าแมห่ ลับใหลไม่ตนื่ ฟน้ื ขึน้ ขอให้พวกเจา้ ซ่ึงอดอยากหวิ โหยแทะกินอสุภซากของแมเ่ ป็นอาหาร รีบ เตบิ โตแข็งแรงรักษาตวั เองให้ได้ สามพ่ีน้องอย่าทอดท้ิงกนั วิญญาณแม่จะลาเจ้าไปแสวงหาอาหารในดวง เดอื น ถา้ เจา้ ระลกึ ถงึ แม่และความรักแท้ของแมแ่ ต่เดิมแลว้ ไซร้ ให้ลูกไปเรียกหาแม่ในแจ่มจนั ทรเ์ จ้า ณ พูน้ ฟากฟ้าฝ่ังฝัน” พลนั แม่หมากส็ ้ินแรง ซบสลบไสลขาดใจ (นา้ นมสีแดง : อังคาร กัลยาณพงศ์)

58 ตัวอย่างกจิ กรรมที่ ๕ ๑. ชื่อกิจกรรม ตะลุยเกมอาเซียน ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๒ ช่วั โมง ๓. วัตถุประสงค์ ๑. นกั เรียนมคี วามรู้ความเข้าใจและสามารถอธบิ ายเก่ียวกบั ความรู้พืน้ ฐานทางวัฒนธรรมของประเทศ สมาชิกอาเซียน ๒. เพือ่ เป็นแนวทางในการดาเนินกจิ กรรมและได้ชุดกิจกรรมสาหรับการจดั ต้ังศนู ยอ์ าเซียนศกึ ษา ในโรงเรยี น ๓. นกั เรยี นสามารถบอกความสาคญั ในการเตรยี มความพรอ้ มส่ปู ระชาคมอาเซยี น ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ : ๑. เกมบงิ โก การเตรียมส่ือ (ผู้สอนควรมีการเตรยี มสอื่ ไวล้ ่วงหนา้ ก่อนท่ีจะจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้) ผสู้ อนเปน็ ผ้คู ดั เลอื กเนอื้ หาท่ีตรงกับสาระการเรียนรูค้ ือความรู้ทัว่ ไปเก่ยี วกบั อาเซยี น ประกอบด้วย ธงชาติ อาหาร ดอกไม้ การแตง่ กาย คาทักทาย เมืองหลวง สกุลเงนิ แล้วหาภาพตามข้อมลู ทก่ี าหนดไว้ จากนั้นเรม่ิ ทาเกมบิงโก ประกอบดว้ ยขอ้ มลู 3 อยา่ ง ได้แก่ รูปภาพธงชาติ ดอกไม้ประจาชาติ ชอื่ ประเทศ ของประเทศสมาชิกทั้ง 10 ประเทศ และธงสัญลกั ษณอ์ าเซียน รวมเปน็ 31 รปู ภาพ แล้วนามาตดิ ลงบนฟวิ เจอรบ์ อรด์ ขนาด 10 × 10 cm. เคลอื บดว้ ยพลาสติกใสเพ่อื ความคงทนของส่ือ เพ่อื นามาเปน็ สลากใน การจับเลน่ เกม และทาแผ่นบิงโก โดยนาภาพทง้ั ๓๑ ภาพ เลือกภาพมาวางคละกันเป็นรูปภาพเรียงกนั แบบ 4×4 ภาพ คือแนวตัง้ 4 ภาพ แนวนอน 4 ภาพ รวมท้งั แผ่นจะมี 16 ภาพ ซง่ึ จดั ทาแผน่ บงิ โกลักษณะนี้ ประมาณ 30-40 แผ่น (แตล่ ะแผ่นหา้ มวางภาพในลกั ษณะซา้ กัน) แผน่ สลาก

59 แผน่ บงิ โก การเลน่ เกมบิงโก เรียง 4 ตัว ในลักษณะแนวต้ัง แนวนอน หรือแนวทแยง ลักษณะการเล่นเหมือนการเลน่ เกมบิงโกตัวเลข คือ มีกลอ่ งรวมสลาก (แผน่ สลากทท่ี า 31 ภาพ ขนาด 10×10 cm.) และแจกแผ่นบิงโกใหน้ ักเรยี นคนละ 1 แผน่ หรอื ตามความเหมาะสมกับจานวน นกั เรียน และ แจกเบยี้ ใหน้ กั เรยี น (อาจจะเปน็ ฝาเครือ่ งด่ืมหรอื วัสดุทใ่ี ชท้ ดแทนกันได้) คนละประมาณ 10 อนั จากน้นั ให้นักเรียน 1 คน เป็นคนถือกลอ่ งสลาก และเวยี นให้ผ้เู ล่นหยิบสลากจากกลอ่ งคนละ 1 ใบ (สลากทห่ี ยบิ ออกมายังไมต่ ้องเอาใสก่ ลบั เขา้ กล่องจนกวา่ จะมีผู้ชนะ) พร้อมบอกวา่ ภาพท่ีจบั ได้เป็นธงชาติ หรอื ดอกไม้ประจาชาตใิ ด เพ่ือให้ผเู้ ลน่ ได้เรียนรู้และจดจาไปด้วย หากผู้เลน่ คนใดมภี าพในแผน่ บิงโกหรือ ข้อความทตี่ รงกับสลากนั้น ให้วางเบ้ียไวบ้ นภาพนั้น และเปล่ียนผหู้ ยิบสลากเวียนไปเร่อื ยๆ จนมผี ทู้ ีบ่ งิ โก คือ ได้วางเบ้ียเรียงกันได้ 4 ภาพ ในแนวตั้งหรือแนวนอนหรือแนวทแยงก็ได้ ถือเปน็ ผู้ชนะ ๒. เกมอักษรไขว้ (ผสู้ อนควรมีการเตรียมส่ือไว้ล่วงหน้าก่อนท่ีจะจัดกิจกรรมการเรียนรู้) การเลอื กชดุ เกม แบ่งเป็น ช่อื ประเทศ ชือ่ เมืองหลวง ชอื่ สกุลเงนิ โดยการสรา้ งตารางจานวน 16×16 ตาราง แลว้ พิมพ์ชอื่ ประเทศต่างๆ เปน็ ภาษาอังกฤษลงในช่องตารางละตวั อักษร อาจจะเรียงในแนวตง้ั แนวนอนหรือแนวทแยงก็ได้ เมอ่ื พมิ พ์ได้ครบทงั้ 16 ประเทศแล้ว ก็พมิ พ์อักษรตา่ งๆลงในช่องตารางทวี่ า่ ง เพื่อเป็นตวั หลอกใหผ้ เู้ ลน่ หาชื่อประเทศไดย้ ากขนึ้ ส่วนชุดเกมอน่ื ก็ทาเชน่ เดียวกนั โดยเปลีย่ นช่อื ไปตามชดุ เกมนนั้ ๆ เมื่อผูเ้ ลน่ ทาการเลน่ เกม ก็เลน่ โดยการหาชื่อตามที่กาหนด เชน่ หาชือ่ ประเทศต่างๆ ในอาเซยี น เมอ่ื พบชอื่ ประเทศใดก็ทาการระบายสีทบั ตวั อักษรทีเ่ รียงกันเป็นช่ือประเทศนัน้ ๆ (ระบายประเทศละสหี รอื ใช้สเี ดียวกนั ก็ได้) เกมอักษรไขว้ การระบายสี/วงกลมรอบคา

60 ๓. เกมเรียงคา การนาชอ่ื ของขอ้ มูลตา่ งๆทีเ่ ก่ียวกบั อาเซยี น เชน่ ประเทศ เมืองหลวง สกลุ เงิน เปน็ ต้น เปน็ ภาษาอังกฤษมาพิมพ์หรือเขยี นลงบนกระดานโดยสลบั ตวั อักษรให้เปน็ ข้อความท่ผี ดิ แล้วให้ผเู้ รียนทาการ เขียนใหม่ใหเ้ ปน็ คาที่ถูกต้อง เชน่ HATLIDNA มาเรียงใหม่ เปน็ THAILAND เป็นต้น เมอื่ เสร็จสิ้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แลว้ ผเู้ รยี นก็ทาการทดสอบทา้ ยหนว่ ยการเรียนรู้ โดยเป็น แบบทดสอบปรนัย มี 4 ตวั เลือก ในสาระการเรียนร้ทู ี่เกย่ี วกบั ลักษณะทางวัฒนธรรมของประเทศสมาชิก อาเซียน เม่ือเสร็จสิ้นกระบวนการเรียนการสอนทงั้ หมดผู้เรยี นทาแบบประเมนิ ความพึงพอใจแบบ ลงในชอ่ ง ที่ตรงกับความคดิ เห็นในประเด็น ดงั ตอ่ ไปนี้ (1) ความรู้ทีไ่ ด้รบั (2) ความสนุกสนาน (3) การนาไป ประยกุ ต์ใช้ในชีวิต ประจาวนั (4) ระยะเวลาทีใ่ ช้ในการร่วมกจิ กรรม (๕) รูปแบบของกจิ กรรม โดยมรี ะดบั ความพึงพอใจ 3 ระดบั คือ มาก ปานกลาง น้อย จากนน้ั ผู้สอนนาข้อมลู ที่ไดท้ ้งั หมดจากการทาแบบ ประเมนิ มาหาคา่ เฉลีย่ และส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานเพื่อเปน็ แนวทางในการพฒั นากจิ กรรมการเรียนการสอน ต่อไป ๕. ส่อื การเรียนรูแ้ ละแหลง่ เรียนรู้ ๑. เกมสบ์ งิ โก เกมสอ์ ักษรไขว้ เกมสเ์ รียงคา ๒. ปา้ ยนิเทศเกีย่ วกับอาเซยี น ๖. การวัดและประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นในเร่อื งต่อไปน้ี 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม 1.2 สงั เกตผลงานความสาเร็จ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ การเข้าร่วมกิจกรรมของนกั เรยี น  นอ้ ยทส่ี ุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่สี ดุ ๗. ภาพประกอบ เกมส์บิงโก

61 เกมส์อักษรไขว้ ตัวอย่างกจิ กรรมท่ี ๖ ๑. ชื่อกิจกรรม เพลงนม้ี คี วามหมาย ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๒ ชวั่ โมง ๓. วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพ่ือพฒั นาทกั ษะการฟงั ทักษะการอา่ น และทักษะการเขยี นภาษาอังกฤษ ๒. เพ่ือให้นักเรียนมคี วามรู้ ความสามารถในการวิเคราะห์บทเพลงภาษาอังกฤษ ๓. เพ่อื ใหน้ กั เรยี นได้รบั ความเพลิดเพลิน และมีเจตคตทิ ด่ี ีต่อวชิ าภาษาองั กฤษ ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ลาดับที่ บทบาทนกั เรยี น บทบาทครู ๑ นักเรียนฟงั เพลงจาก Youtubeท่คี รเู ลอื กมา ครูเลอื กเพลงทนี่ ักเรยี นชอบจาก ๒ นกั เรียนร่วมขับรอ้ งเพลงตามตามYoutube Youtube มา ๑ เพลง ๓ นกั เรยี นช่วยกันหาบทเพลงจาก Youtube ครเู ปิดเพลงจาก Youtube ท่ีเลือกมาอีก คร้งั หนงึ่ ๔ นักเรยี นช่วยกนั แปลความหมายของเพลง ครูร่วมรอ้ งเพลงตาม Youtubeที่ นักเรียนเลือก ครูเสรมิ คาแปลให้มีความถกู ต้องมาก ย่ิงขน้ึ ๕. ส่อื การเรียนรแู้ ละแหลง่ การเรยี นรู้ บทเพลงสากลตาม Youtube ๖. การวัดและประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี นในเร่ืองต่อไปน้ี 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนขณะปฏิบัติกจิ กรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเรจ็ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเขา้ ร่วมกิจกรรมของนักเรยี น  น้อยท่สี ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากทสี่ ุด

62

62 หมวดที่ ๓ สร้างเสรมิ คณุ ลกั ษณะและคา่ นิยม กลมุ่ กิจกรรมที่ ๙ ปลกู ฝงั ค่านิยมและจิตสานกึ การทาประโยชน์ตอ่ สงั คม มีจติ สาธารณะ และการให้บริการดา้ นตา่ งๆ ทัง้ ท่ีเป็นประโยชนต์ ่อตนเอง และตอ่ สว่ นรวม ตัวอย่างกิจกรรมที่ ๑ ๑. ช่ือกิจกรรม โครงงานคุณธรรม ใส่ใจทาความดีในโรงเรียน ๒. เวลาที่ใช้ ๑ สปั ดาห์ ๓. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพ่ือสร้างจติ สานึกให้นักเรียนมคี ณุ ธรรม ใส่ใจทาความดีในโรงเรียน ๒. เพอ่ื ส่งเสริมใหน้ ักเรียนมีความรักในโรงเรียน มีความสามัคคีในหมู่คณะรว่ มกันไดอ้ ยา่ งมคี ุณภาพ ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ลาดบั ที่ บทบาทนักเรยี น บทบาทครู ๑. นกั เรียนรวมกลุ่ม ๆ ละ5-๖ คน แล้วอภปิ ราย ครสู นทนากบั นักเรียนถึงหัวข้อกิจกรรมทีจ่ ะ ถงึ หวั ขอ้ กจิ กรรมท่ีจะนามาทาโครงงาน ทาโครงงานคุณธรรมใส่ใจทาความดีใน คุณธรรม โดยใช้กระบวนการถกแถลงถงึ โรงเรียน ตัวอยา่ งเชน่ ปญั หา ประโยชน์ อุปสรรค โอกาส จุดอ่อน และจดุ แข็ง เพ่ือสรุปข้อเสนอแนะ ทางเลือก ๑.กิจกรรมอาสาสมคั รชว่ ยครูทาความ และแนวทางแก้ไข สะอาดสถานทใ่ี นโรงเรยี น (เช่น ห้องประชุม หอ้ งพักครู หอ้ งสมุด ห้องเรียน หอ้ งโสต ทัศนศึกษา เป็นต้น) ๒.กจิ กรรมอาสาสมคั รปลูกตน้ ไม้ใน โรงเรียน ๓ กจิ กรรมอาสาสมัครรดนาต้นไม้ใน โรงเรยี น ๔.กจิ กรรมอาสาสมัครล้างรถครู ค่าสบู่ ๒๐ บาท ๕.กจิ กรรมอาสาสมัครชว่ ยครูจดั ทา เอกสารประกอบการเรียนการสอน เป็นต้น

63 ลาดับท่ี บทบาทนกั เรียน บทบาทครู ๒ นักเรยี นแต่ละกลุ่มคดั เลือกชื่อกิจกรรมเพ่ือทา โครงงาน ครูอธิบายขันตอนการปฏบิ ตั ิโครงงาน ดังนี ๓ ๑.นักเรียนแต่ละกลุม่ วางแผนวา่ จะมกี าร ๔ นกั เรียนปฏิบตั กิ ิจกรรมตามที่ตกลงกับครู ๕ ดาเนินการตามกิจกรรมทีเ่ ลือกอยา่ งไรตงั แต่ นักเรียนเขียนสรุปรายงานผลการปฏิบตั ิงาน เร่มิ ต้น – จบกิจกรรมแล้วเขียน Mind ตามฟอร์มท่ีครกู าหนดให้ Mapping ให้ครพู ิจารณา นักเรยี นนาเสนอผลงานตามความเหมาะสม เช่น -เสยี งตามสาย ๒.นักเรยี นพบครูทลี ะกลุ่มเพอ่ื รับฟังการ อธิบายเพิ่มเติมจนเข้าใจขนั ตอนการปฏิบตั ิ -ปา้ ยนเิ ทศ/ป้ายนิทรรศการ -แผ่นพับ ครตู ิดตาม กากับ คอยให้คาแนะนาและให้ -แผ่นปลวิ คาปรกึ ษานกั เรียนเปน็ รายกลุ่มอย่าง -พูดหน้าเสาธง สรา้ งสรรค(์ หากพบปญั หา/อุปสรรคต้องรีบ หาทางชว่ ยเหลอื ) ครูช่วยให้กาลังใจและกากับการเขยี น รายงานอยา่ งสร้างสรรค์ ครตู ดิ ตาม ให้กาลังใจนักเรยี นโดยหาเวท/ี สถานท่ีใหน้ ักเรยี นนาเสนอผลงานตาม โอกาสทีเ่ หมาะสม ๕. สอ่ื การเรยี นรู้และแหลง่ การเรยี นรู้ แผนการดาเนินงานตามกจิ กรรมโครงงาน ลาดบั ที่ รายการท่ีนักเรียนปฏิบัติ ๑ ๒ ชอ่ื กลุ่ม.........................................................จานวนสมาชิก..........คน ๓ ชอ่ื สมาชกิ ................................................................................................................... ............ ๔ ช่ือกจิ กรรม/โครงงานท่ีทา..................................................................................................... ๕ ชือ่ ครูทป่ี รกึ ษา...................................................................................................................... ๖ ระยะเวลาดาเนินการระหว่างวันที.่ .......เดือน......... พ.ศ. ..... ถึงวันท่ี........เดือน............พ.ศ........ ๗ วตั ถุประสงค์ของการดาเนนิ งาน................................................................................................................ ขนั ตอนการดาเนินงาน ๘ ............................................................................................................................. ........................................ ๙ .................................................................................................................................................................... ๑๐ ............................................................................................................................. ........................................ พืนท่ดี าเนินงาน........................................................................................................................................... งบประมาณ (ถา้ มี)....................................................................................................................................... วัสดุอปุ กรณท์ ี่ใชใ้ นการดาเนินงาน...............................................................................................................

64 Mind Mapping

65 แบบรายงานผลการดาเนนิ งานตามกจิ กรรม/โครงงาน ช่อื กจิ กรรม/โครงงาน ............................................................................................................................. .......... ช่ือสมาชกิ ............................................................................................................................. ........................... ................................................................................. ....................................................................... ชอ่ื ครทู ่ีปรกึ ษา ............................................................................................................................. ................... วตั ถปุ ระสงค์ ....................................................................................................................................... .............................. ... ................................................................................................. .................................................................... ... ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะได้รับ ............................................................................................................................. ........................................ ... ....................................................................................... .............................................................................. ... ระยะเวลาดาเนนิ การระหวา่ งวันท่ี........เดอื น......... พ.ศ. ..... ถงึ วันท.ี่ .......เดอื น............พ.ศ........ ขนั ตอนการดาเนินงาน ..................................................................................................................................................................... ... ............................................................................................................................. ........................................ ... ............................................................................................................................. ........................................ ... ..................................................................................................................................................................... ... ............................................................................................................................. ........................................ ... ............................................................................................................................. ........................................ ... ผลการดาเนินงาน .................................................................................................................................................................... . ...

66 ............................................................................................................................. ........................................ ... ............................................................................................................................. ........................................ ... ..................................................................................................................................................................... ... ............................................................................................................................. ........................................ ... ............................................................................................................................. ........................................ ... ..................................................................................................................................................................... ... ............................................................................................................................. ........................................ ... ภาพประกอบ ความภมู ิใจท่ีได้จากการทากิจกรรม/โครงงาน ............................................................................................................................. ........................................ ... ....................................................................................... .............................................................................. ... ๖. การวัดและการประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมนกั เรียนในเรื่องต่อไปนี 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม 1.2 สงั เกตผลงานความสาเรจ็ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเขา้ ร่วมกจิ กรรมของนกั เรียน  นอ้ ยท่ีสุด น้อย ปานกลาง มาก มากที่สดุ

67 ตัวอย่างกจิ กรรมท่ี ๒ ๑. ชอื่ กจิ กรรม โพลดี ชที้ างแกป้ ัญหาสงั คม ๒. เวลาทใี่ ช้ ๒ ชั่วโมง ๓. วัตถุประสงค์ ๑. เพ่อื ฝึกทักษะการคิดให้กับนกั เรียน ด้วยการจดั ทาโพลสารวจความคิดเหน็ กรณีศึกษา ปญั หาสังคม ๒. เพอ่ื ฝกึ ใหน้ ักเรยี นเขยี นรายงานผลการจดั ทาโพลสารวจความคดิ เห็น ๔. กิจกรรมการเรียนรู้

68 ข้นั ที่ 1 ขน้ั ใหค้ วามรูพ้ ื้นฐาน ลาดับท่ี บทบาทนกั เรียน บทบาทครู ๑ นักเรยี นรว่ มสนทนาและตอบ ครูอธบิ ายว่า โพลคือการเก็บรวบรวมขอ้ มูลท่ตี ้องการโดย คาถามครู วิธกี ารสารวจความคิดเหน็ จากผู้ทเ่ี กยี่ วข้องบางสว่ น(กลมุ่ คาถาม โพลคอื อะไร ? ตวั อย่าง) แลว้ นาผลสารวจมาแจงนบั สรุปเปน็ ความ คิดเหน็ และประกาศให้สาธารณะชนรับทราบ เชน่ โพลค วามคิดเหน็ ดา้ นสิ่งแวดล้อม เปน็ ต้น ๒ นกั เรยี นร่วมสนทนาและตอบ ครอู ธิบายวา่ ทาโพลเพ่ือต้องการทราบและเผยแพร่ คาถามครู สถานการณเ์ กย่ี วกับเร่ืองทีส่ นใจและการเปล่ียนแปลง คาถาม ทาโพลไปทาไม? ทมี่ กี ารเคล่ือนไหวให้สาธารณะชนทราบและใช้ตัดสนิ ใจ ดาเนินการเรือ่ งต่าง ๆของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการได้ เสยี ผลประโยชนข์ องสาธารณชน ๓ นักเรียนรว่ มสนทนาและตอบ ครอู ธบิ ายวา่ หนว่ ยงานทีท่ าโพลส่วนใหญเ่ กย่ี วข้องกบั คาถามครู สถานศกึ ษา เช่น โรงเรยี น มหาวทิ ยาลยั เชน่ คาถาม ใครเป็นผ้ทู าโพล? ดุสติ โพล นิด้าโพล เป็นตน้ ๔ นักเรียนรว่ มสนทนาและตอบ ครูอธบิ ายวา่ ผู้ทาโพลตอ้ งเลอื กกลมุ่ ตวั อย่างทต่ี ้องการ คาถามครู สารวจความคิดเห็น โดยใช้แบบสอบถาม คาถามตอ้ งมี คาถาม เขาทาโพลกนั อยา่ งไร? จานวนไมม่ ากและใช้ภาษาท่เี ข้าใจงา่ ย ๕ นกั เรียนรว่ มสนทนาและตอบ ครอู ธิบายวา่ ผูท้ าโพลจะนาเอาแบบสารวจที่ได้จากการ คาถามครู เก็บข้อมลู แจงนับความถ่ีของความคิดเหน็ แลว้ คดิ หาค่า คาถาม เขาสรุปผลการสารวจ รอ้ ยละของความคดิ เหน็ กันอย่างไร? ๖ นกั เรยี นรว่ มสนทนาและตอบ ครูอธิบายว่า เชอื่ ถือได้ ถา้ คาถามในแบบสารวจดพี อ คอื คาถามครู ถามตรงกบั เรือ่ งท่ีต้องการทราบและกลมุ่ ตวั อย่างเปน็ ตวั คาถาม จะรูไ้ ด้อยา่ งไรวา่ แทนทดี่ ี และผตู้ อบแบบสารวจตังใจทาแบบสารวจ ตอบ ผลสรปุ ของโพลมคี วาม ใหต้ รงกับความรู้สึกท่ีแท้จรงิ ของตนเอง เชือ่ ถอื ได?้ ขัน้ ท2ี่ ขน้ั ปฏบิ ัติกิจกรรม ลาดบั ที่ บทบาทนกั เรียน บทบาทครู ๑ นกั เรยี นแบง่ กลุ่มเพ่ือจัดทา ๑.ครใู ห้คาแนะนาในการทาเรื่อง โพลดี ชที าง โพลแก้ปญั หาต่าง ๆ ท่ีเกดิ ขึน แก้ปัญหาสงั คม แก่นักเรยี นแตล่ ะกลุ่ม ภายในโรงเรยี น โดยใช้ กระบวนการถกแถลง ๒ นกั เรยี นแจกแบบสารวจใหก้ ับ ครูให้คาแนะนาในการแจกแบบสารวจให้กบั กล่มุ กล่มุ ตวั อย่าง ตามเร่อื งทีแ่ ต่ละ ตัวอยา่ ง กลุ่มจดั ทา

69 ๓ นักเรียนแตล่ ะกลุ่มเก็บแบบ ครใู หค้ าแนะนาในการสรุปข้อมูล สารวจ เพ่ือสรปุ แจกแจง ข้อมูล ๔ นกั เรียนรว่ มกนั สรปุ ผลการ ครูชว่ ยเสริมความร้ใู ห้นกั เรยี น ใหข้ ้อเสนแนะใน จัดทาโพลของแต่ละกล่มุ และ การจดั ทาโพล นาไปจดั ป้ายนิเทศ ๕. ส่อื การเรยี นร้แู ละแหล่งเรียนรู้ ตัวอย่างแบบสารวจความคิดเหน็ เร่ือง โพลดี ชีทางแก้ปัญหาสงั คม (ขยะในโรงเรยี น) ๖. การวดั และประเมินผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในเรื่องต่อไปนี 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 1.2 สงั เกตผลงานความสาเร็จ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเขา้ รว่ มกิจกรรมของนักเรียน  น้อยท่ีสดุ น้อย ปานกลาง มาก มากท่ีสดุ แบบสารวจความคดิ เหน็ เร่ือง โพลดี ช้ีทางแก้ปญั หาสงั คม (ขยะในโรงเรยี น) คาช้ีแจง ให้ทา่ นทาเคร่อื งหมาย X ลงในชอ่ ง ( ) หนา้ ขอ้ ความท่ีตรงกับความคดิ ของท่านมากที่สดุ ๑). โรงเรยี นของเรามีความสกปรกและมีขยะเพียงใด ( ) สกปรกมาก ( ) ไมส่ กปรก ( ) สกปรกตอนเช้าและเย็น ๒). โรงเรยี นของเรามถี ังขยะหรอื ท่ีรองรับขยะเพยี งพอเพยี งใด ( ) มีจานวนมากเพยี งพอ ( ) มจี านวนน้อย ( ) มีจานวนนอ้ ยมาก ๓). เทศบาลหรือองค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั ทดี่ ูแลพืนที่ เข้ามาเกบ็ ขยะในโรงเรียนเป็นประจา

70 เพียงใด ( ) มาเก็บทุกวัน ( ) มาเกบ็ วนั เว้นวัน ( ) หลายวันมาเก็บ 1 ครงั ๔). ทีร่ องรับขยะวางไวใ้ นที่ ๆเหมาะสมทิงขยะได้สะดวก เหน็ ได้งา่ ย ( ) เหมาะสมมากวางไวใ้ กล้ทางเดนิ ( ) วางไวใ้ นท่ีลบั ตาไกลจากทางเดนิ ๕). โรงเรียนมีการอบรมให้ความรู้เกีย่ วกบั การรักษาความสะอาดเพยี งใด ( ) ครเู วรพดู ให้ความรูห้ น้าเสาธงเปน็ ประจา ( ) ครเู วรพดู ให้ความรู้หนา้ เสาธงเปน็ บางวนั ๖). โรงเรยี นมีปา้ ยนิเทศใหค้ วามรหู้ รือปา้ ยคาขวญั เชญิ ชวนให้รกั ษาความสะอาดเพยี งใด ( ) มีป้ายนเิ ทศ และ มีป้ายคาขวัญ ( ) มีป้ายนิเทศ แตไ่ ม่มปี ้ายคาขวญั ( ) มีปา้ ยคาขวัญแตไ่ มม่ ีป้ายนเิ ทศ ( ) ไม่มปี า้ ยนเิ ทศ และไมม่ ปี า้ ยคาขวัญ ๗). ท่านเคยทิงขยะลงลงพืนเพียงใด ( ) ทาเปน็ ประจาทุกวนั ( ) นาน ๆครังถ้าเผลอ ( ) ทิงลงถงั ขยะทุกครงั ๘). ถ้าทา่ นพบเหน็ นักเรยี นคนอื่นทิงขยะไม่ลงถังขยะ ท่านจะทาอย่างไร ………………………………………………………………………………………………. ๙). ถา้ ท่านพบเหน็ ขยะวางอยใู่ นห้องเรียนทงั บนพืนหอ้ ง หรอื ในโต๊ะ/บนโตะ๊ เรยี น นกั เรียนจะทา อย่างไร ( ) เฉย ๆ ปล่อยใหอ้ ยตู่ ามเดิม ( ) เกบ็ ไปใส่ขยะ ( ) บอกให้ครทู ราบ ๑๐). โรงเรียนมกี ิจกรรมหรอื รณรงค์ สง่ เสริมใหน้ กั เรยี นร่วมกนั รักษาความสะอาดอยา่ งไร ( ) จดั สัปดาห์รักษาความสะอาด ( ) จัดกจิ กรรมบิกคลีนนิ่งเดย์ ตัวอย่างกจิ กรรมท่ี ๓ ๑. ชื่อกจิ กรรม สานึกรกั ษ์โรงเรยี น ๒. เวลาที่ใช้ ๒ ชั่วโมง ๓. วตั ถปุ ระสงค์ เพอ่ื สร้างจิตสานึกใหน้ ักเรยี นรกั ษ์โรงเรียนด้วยการจดั ป้ายนเิ ทศเชญิ ชวนใหน้ ักเรียนรักษ์โรงเรยี น

71 ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ลาดับท่ี บทบาทนักเรียน บทบาทครู ๑ นักเรยี นแบ่งกลุ่ม ๆละ ๕-๖ คน ๑.ครนู าหัวข้อการจดั ทาป้ายนิเทศทเ่ี ตรียมเสนอให้ เพื่อร่วมกนั วางแผนวา่ จะจดั นักเรยี นเหน็ เปน็ ตัวอย่าง เช่น ๒ ป้ายนิเทศ รณรงคใ์ หน้ ักเรียน ๓ รกั ษ์โรงเรียนตามหวั หวั ขอ้ ท่ีมี ๑.๑ความสะอาดของพนื ท่ี ความสนใจใครจ่ ดั ทา โดยใช้ ๑.๒การแต่งกายท่ีถูกต้องเหมาะสม กระบวนการถกแถลง แล้ว ๑.๓กริยาวาจา(คาพูดที่สภุ าพ) สรุปผลการดาเนนิ การ ๑.๔กริยามารยาท(การไหว้ผู้ใหญ)่ ๑.๕การเข้าแถวซอื อาหาร นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มวาง ๑.๖การเคารพกฎจราจร แผนการดาเนินงานตามบทสรุป ๑.๗การไม่พ่ึงสารเสพติด ของแตล่ ะกลุ่ม ๑.๘การรักนวลสงวนตวั ของนักเรยี นหญงิ นักเรยี นจัดทาปา้ ยนิเทศตามที่ ๑.๙การเปน็ สภุ าพบุรษุ กาหนดไว้ เป็นต้น ครูร่วม กากบั ดูแลนักเรียนในการวางแผนการจัดปา้ ย นิเทศ ครกู ากบั ดูแลนกั เรียนใหจ้ ัดทาป้ายนิเทศตามที่กาหนด จนเสรจ็ สมบรู ณ์ ๕. ส่ือการเรยี นร้แู ละแหลง่ การเรยี นรู้ แบบบันทกึ เพ่ือวางแผนการจัดป้ายนิเทศเชญิ ชวนใหน้ กั เรียนรักษ์โรงเรยี น ลาดับท่ี รายการทน่ี กั เรียนปฏิบตั ิ ๑ ชอื่ กลมุ่ .........................................................จานวนสมาชกิ ..........คน ๒ ช่ือสมาชิก................................................................................................................... ........................... ๓ ชื่อกิจกรรมที่ทา........................................................................................................................... ......... ๔ สถานทีต่ งั ปา้ ยนิเทศ.............................................................................................................................

72 ๕ ระยะเวลาดาเนนิ การระหวา่ งวนั ท่.ี .......เดือน......... พ.ศ. ..... ถงึ วนั ท่.ี .......เดอื น............พ.ศ........ ๖ วัตถปุ ระสงค์ของการดาเนินงาน................................................................................................................ ๗ ขนั ตอนการดาเนนิ งาน ............................................................................................................................. ........................................ ........................................................................................... ......................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ๘ งบประมาณ (ถ้ามี)............................................................................................................................. .......... ๙ วัสดอุ ปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการดาเนนิ งาน............................................................................................................... ๖. การวดั และประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมนักเรียนในเร่ืองต่อไปนี 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเร็จ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้ารว่ มกจิ กรรมของนกั เรียน  น้อยท่สี ดุ นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทสี่ ุด ตัวอยา่ งกจิ กรรมท่ี ๔ ๑. ชื่อกจิ กรรม จิตอาสาเพ่ือพัฒนาโรงเรียน ๒. เวลาที่ใช้ ๒ ช่ัวโมง ๓. วตั ถุประสงค์ ๑. เพ่ือให้นักเรียนร่วมกนั วางแผนทาความสะอาดบริเวณโรงเรยี น/หอ้ งเรยี น/ห้องปฏิบัติการ ๑. เพ่อื ให้นกั เรียนรว่ มกันทาความสะอาดบริเวณโรงเรยี น/ห้องเรียน/ห้องปฏบิ ตั ิการ

73 ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ลาดบั ที่ บทบาทนกั เรยี น บทบาทครู ๑ นักเรยี นแบง่ กลุ่มแสดงความ ครใู หค้ าแนะนาในการวางแผน คิดเห็น ถงึ ความรว่ มมือกันทา ๒ ความสะอาดบริเวณโรงเรียน/ ๑.ครูกากบั ดแู ล และคอยให้คาแนะนานกั เรยี นไม่ให้ ๓ วัสดอุ ุปกรณภ์ ายในห้องเรยี น เกดิ อนั ตรายและการปฏิบัตงิ านราบรน่ื และห้องปฏิบตั ิการตา่ งๆ โดยใช้ ๒.ครูถ่ายภาพหลงั ทาความสะอาด กระบวนการถกแถลง เพื่อ ครูรว่ มแสดงความคิดเห็นและจดั ทาปา้ ยนเิ ทศให้ พิจารณาถงึ สวยงามและรณรงค์ให้นกั เรยี นคนอืน่ ตระหนกั รบั รู้ ๑. สถานที่ ๒. วสั ดอุ ปุ กรณท์ ใี่ ช้ทาความ สะอาด ๓. ระยะเวลาดาเนินการ ๔. ปญั หา อุปสรรค ๕. ทางเลือก ๖. แนวทางแกไ้ ข นกั เรียนลงมือปฏบิ ัติกิจกรรม ตามทวี่ างแผนไว้ นกั เรียนนาภาพถ่ายก่อนและ หลงั ทาความสะอาดมาจัดป้าย นเิ ทศในโรงเรียน ๕. สื่อการเรยี นรแู้ ละแหล่งการเรียนรู้ ๑. วสั ด/ุ อุปกรณ์ทาความสะอาด ๒. บรเิ วณโรงเรียน/ห้องเรียน/หอ้ งปฏิบตั ิการ ๖. การวดั และประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤติกรรมนักเรียนในเรื่องต่อไปนี 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเรจ็ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้ารว่ มกิจกรรมของนักเรยี น

74  นอ้ ยท่สี ุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่ีสุด

74 หมวดที่ ๓ สร้างเสรมิ คณุ ลกั ษณะและค่านิยม กล่มุ กิจกรรมที่ ๑๐ ปลกู ฝังความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ ตัวอย่างกจิ กรรมที่ ๑ ๑. ชื่อกจิ กรรม ตามรอยเท้าพ่อ อยู่อยา่ งพอเพยี ง ๒. เวลาท่ใี ช้ ๒ ช่ัวโมง ๓. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพ่ือให้นกั เรยี นปลูกผกั สวนครัวทโ่ี รงเรียนไดอ้ ย่างนอ้ ยกลุ่มละ ๑ แปลง (หรอื กระถางตาม ความเหมาะสมกับพ้ืนที่ของโรงเรยี น) ๒. เพอ่ื ใหน้ กั เรียนนาผลผลิตไปประกอบอาหารหรอื จาหนา่ ยได้ ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ลาดบั ที่ บทบาทนกั เรยี น บทบาทครู ๑ ๑.นักเรียนแบ่งกล่มุ ๆละ ๔ – ๕ คน ๒.นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รบั ฟงั การช้แี จงจากครวู า่ ให้นักเรยี น ครอู ธิบายใหน้ ักเรียนเขา้ ใจถึง ๒ เลอื กปลูกผักสวนครวั กลุ่มละ ๑ ชนิด ในพืน้ ที่ ๑ แปลง กระบวนการปลูกฝกั สวนครวั (หรอื กระถางความเหมาะสมกับพืน้ ที่ของโรงเรียน) ดังน้ี ๓.นักเรยี นจดั ทาปา้ ยชอื่ กลุ่มของตนเอง ๑ แบง่ กลุ่ม ๆละ ๔ – ๕ คน ๑.นกั เรยี นลงมือปฏบิ ตั ิลงแปลงเพาะปลูกผกั สวนครัว ๒ เลอื กชนิดของผักสวนครัว กลมุ่ ละ ๑ ชนดิ (ครรู วบรวม รายชอื่ ผักสวนครัวเพอ่ื จัดเตรียม เมลด็ พนั ธุ์มาใหน้ ักเรียนเพาะ) ๓ ครใู ห้นักเรยี นเลือกแปลงผัก ๔ ครูเตรียมวัสดอุ ปุ กรณใ์ น การจัดทาปา้ ยชื่อกล่มุ ๑.ครูเตรยี มอุปกรณจ์ ัดทาแปลง เพาะปลูกผกั สวนครวั เชน่ ๑พลั้ว ๒จอบ ๓เสียม ๔ที่รดน้า ๕มดี ๖กระป๋อง เปน็ ตน้

75 ลาดบั ท่ี บทบาทนักเรยี น บทบาทครู ๒.นกั เรยี นเพาะพันธผุ์ กั ลงแปลง ๒.ครนู าเมลด็ พนั ธ์ผกั มาให้ นกั เรยี นตามที่ตกลงกนั ไวใ้ นข้อ๑ ๓ นักเรยี นดแู ลแปลงผกั ของตนเองนอกเวลาเรียน ครนู ิเทศติดตาม ๔ นักเรยี นจัดจาหนา่ ยผกั ในโรงเรียนตามความเหมาะสม ครูแนะนาการตลาด ๕. สื่อการเรยี นรแู้ ละแหล่งการเรียนรู้ ๕.๑ วัสดุ/อุปกรณ์ ในการเพาะปลูกและทาแปลงผกั ๕.๒ เมล็ดพันธผ์ กั ๕.๓ แปลงเพาะปลกู ผกั สวนครวั ๖. การวดั และประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤติกรรมนกั เรียนในเร่ืองต่อไปนี้ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเร็จ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนกั เรยี น  นอ้ ยทีส่ ุด น้อย ปานกลาง มาก มากที่สดุ -

76 ตวั อย่างกิจกรรมที่ ๒ ๑. ช่อื กิจกรรม ประชาพจิ ารณเ์ พ่อื ส่งเสริมประชาธปิ ไตย เรอื่ ง “ความรบั ผิดชอบ” ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๒ ชัว่ โมง ๓. วัตถุประสงค์ เพื่อใหน้ กั เรียนใชแ้ นวคดิ ของประโยชน์(สง่ิ ที่ได้)และต้นทนุ (สง่ิ ทสี่ ญู เสยี )ในการประเมนิ เลือกและ ปกปอ้ งจุดยืนอนั มีตอ่ ประเดน็ ท่ีวา่ ด้วยความรับผดิ ชอบได้อยา่ งเหมาะสมในสังคมประชาธปิ ไตยของคนใน สงั คมไทย ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ลาดบั ท่ี บทบาทนักเรียน บทบาทครู ๑ นักเรียนตอบคาถามครวู ่า ครจู ดบนั ทกึ คาตอบของนักเรียนบนกระดานหน้าชนั้ “ทาไมนกั เรยี นต้องมาโรงเรียน?” เรียน ๒ นกั เรียนวิเคราะห์วา่ จากคาตอบข้อ ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเพิ่มเติมว่าในสังคม 1ข้อใดเป็นประโยชน์ และอะไรเป็น ประโยชน์และต้นทุน เป็นส่ิงที่คู่กันเราจะเลือกปฏิบัติ ตน้ ทนุ ตามสิ่งใดเพ่ือนาไปสู่การตัดสินใจ แต่ละคนจะคิดไม่ เหมอื นกัน ๓ นกั เรียนอ่านออกเสยี ง ในเนอ้ื หา ครู ขออาสาสมัคร นักเรียนออกมายกตัวอย่างการ ต่อไปนี้ ตัดสินใจ เลือกประโยชน์และต้นทุน เพ่ือนาไปสู่การ การที่คนจะเลอื กปฏบิ ัตติ าม ปฏบิ ัตติ ามความรบั ผดิ ชอบ ประโยชน์(ส่ิงท่ีได้)หรอื ตน้ ทุน (ส่ิงทีส่ ญู เสยี ) แต่ละคนจะคิด ตัดสนิ ใจไม่เหมือนกนั ๔ นักเรียนปฏิบัติกจิ กรรมฝกึ หดั คดิ ครูช้แี จงให้นกั เรียนทราบวา่ ต่อไปน้จี ะใหน้ ักเรยี น วเิ คราะหต์ ามประเดน็ ทคี่ รู ทาแบบฝกึ หดั เพ่ือคิดวิเคราะห์ตามข้นั ตอนท่ี กาหนดให้ กาหนดให้ ๕ นักเรยี นแสดงบทบาทสมมติเรอื่ ง ครูกากับ ดูแล และให้คาแนะนานักเรียนในการแสดง การรับฟังความคดิ เห็นหรือ บ ท บ า ท ส ม ม ติ เ รื่ อ ง ก า ร รั บ ฟั ง ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ห รื อ ประชามติ ประชามติ

77 ลาดับท่ี บทบาทนักเรยี น บทบาทครู ๖ นักเรียนตอบคาถามทา้ ยบทเรียน ครเู ปน็ แกนนาในการอภิปรายกล่มุ เพ่ือหาข้อสรุปทง้ั 4 ตอ่ ไปน้ี คาถาม ๑. ถ้าข้อเสนอของสภานกั เรียน ไดร้ บั การยอมรับใครต้อง รับผดิ ชอบอะไรบ้าง ๒. ผลอนั อาจจะเกิดขึน้ จาก การปฏบิ ัตติ ามข้อตกลงมีอะไรบาง ๓. ผลขอ้ ใดเป็นประโยชนห์ รือ เป็นตน้ ทุน ๔. จากความคิดเหน็ เหลา่ นั้น ประโยชนห์ รือตน้ ทนุ ใดสาคญั มาก ทีส่ ุด ๕. สอ่ื การเรยี นรู้และแหล่งเรียนรู้ แบบฝกึ หัดเพื่อคิดวิเคราะห์ ๖. การวัดและประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรยี นในเร่ืองต่อไปนี้ 1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเร็จ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้าร่วมกจิ กรรมของนักเรยี น  นอ้ ยท่ีสดุ น้อย ปานกลาง มาก มากที่สดุ ๗. อ้างอิงแหลง่ ที่มาของข้อมูล หนงั สือหลักสตู รรากฐานประชาธปิ ไตย เพอื่ พลเมืองที่พงึ ปรารถนา เรื่องความรบั ผิดชอบ ของ สถาบันพระปกเกล้า. ๒๕๕๗ หนา้ ๕๒ -๕๙ ๕

78 แบบฝกึ หดั เพื่อคิดวเิ คราะห์ ให้นกั เรยี นศกึ ษากรณศี ึกษาต่อไปนี้ เพือ่ เตรยี มตัวแสดงบทบาทสมมตกิ ารแสดงความคดิ เหน็ หรือการแสดงประชามติ เร่ือง ความขดั แย้งในการจาหน่ายอาหารในโรงเรยี น เมื่อปิดภาคเรียนใหม่ ๆ ปีการศึกษา 2558 ร้านค้าขายอาหารในโรงเรียนต่างพากันข้ึนราคาทุก รายการ ท่ีเดือดร้อนมากที่สุดคือร้านขายข้าวแกง ข้ึนราคา 5 บาท จาก 18 บาท เป็น 23 บาททาให้ นักเรียนต้องจ่ายค่าอาหารเพิ่มขึ้นทุกรายการ นักเรียนจึงไม่พอใจต่างพากันมาร้องเรียนกับกรรมการ นักเรียนให้ร่วมพิจารณาเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากโรงเรียนให้ปรับราคาข้าวแกงและราคาอาหารทุก รายการลงเท่าเดิมหรือข้ึนได้ไม่เกินรายการละ 2 บาทและให้ปรับปรุงเรื่องคุณภาพและความสะอาดของ อาหารด้วย ประธานนกั เรยี นจงึ นาเรื่องนเี้ ข้าทป่ี ระชมุ คณะกรรมการนักเรียน ไดข้ อ้ ยตุ ิตามที่นกั เรียนขอและมี มติให้นาเรื่องน้ีไปหารือกับครูท่ีปรึกษา และรายงานให้รองผู้อานวยการกลุ่มบริหารโรงเรียนกลุ่มกิจการ นกั เรียนและผูอ้ านวยการโรงเรียนทราบตามลาดับ เม่ือผู้อานวยการทราบเร่ืองจึงเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมประชุม ที่ประชุมมีมติแต่งตั้ง คณะกรรมการข้ึนมาชุดหน่ึง เรียกว่า คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็น ทาหน้าท่ีหาข้อสรุปเพื่อไม่ให้เกิด ความขัดแย้งระหว่างผู้ประกอบการขายอาหารกับกรรมการนกั เรียน โดยกาหนดให้มีการประชาพิจารณ์รับ ฟังความคิดเหน็ ของผเู้ ก่ียวข้อง คณะกรรมการรบั ฟังความคิดเหน็ พจิ ารณาแล้วกาหนดให้มีการดาเนินการ ๒ ระยะ ระยะท่ี ๑ กาหนดให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นผ่านFacebook แล้วนามาเขียนข้อสรุปของข้อ ร้องเรยี นเพ่ือใช้ทาประชาพิจารณ์ ระยะท่ี ๒ นาผลของระยะที่ ๑ มารับฟงั ความคดิ เหน็ จากผ้เู กยี่ วข้อง โดยกาหนดให้ร้านคา้ ท้งั หมด ๑๒ ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุม ๒ ร้าน ตัวแทนคณะกรรมการนักเรียนท้ังคณะและตัวแทนนักเรียนห้องละ ๓ คนเขา้ ร่วมรบั ฟงั ความคิดเห็น การเตรียมตัวกอ่ นรับฟงั ความคดิ เห็น แบง่ นกั เรียนออกเปน็ ๕ กลุม่ กลุ่มท่ี ๑ คณะกรรมการนักเรียน กลุ่มที่ ๒ ผู้ประกอบการรา้ นค้า กลุ่มที่ ๓ คณะกรรมการดาเนินการรบั ฟงั ความคิดเห็น กลุ่มท่ี ๔ นักข่าวนกั หนงั สอื พิมพ์ท้องถ่นิ กลมุ่ ท่ี ๕ นกั เรยี นผู้เข้ารว่ มเข้ารับฟังความคิดเหน็ การดาเนนิ การรบั ฟงั ความคดิ เหน็ 1. ใหน้ ักเรยี นที่แสดงบทบาทสมมตทิ ้ัง ๕ กล่มุ ดาเนินตามข้อกาหนด 2. หลงั จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ วิจารณก์ รณีศึกษา

79 กาหนดการรับฟังความคดิ เห็น วันที่ : วนั อังคารที่ ๒๒ กนั ยายน ๒๕๕๘ เวลา : ๑๐.๐๐ น. สถานที่ : ห้องประชมุ โรงเรยี นหรรษาวิทยา วาระ : ๑. กล่าวเปิดงานโดยคณะกรรมการดาเนินการรับฟงั ความคดิ เหน็ (๕ นาท)ี ๒. การนาเสนอความคดิ เหน็ โดยกลมุ่ ผลประโยชน์ ๒ กลมุ่ ๆละ ๑๕ นาที กลุม่ ท่ี ๑ คณะกรรมการนักเรยี น กลุ่มท่ี ๒ ผู้ประกอบการรา้ นค้า ๓. การประชมุ แบบเปดิ คาถามและคาตอบ ขอ้ เสนอแนะจากผฟู้ งั (๑๐ นาที) ๔. กล่าวสรปุ โดยคณะกรรมการดาเนินการรบั ฟงั ความคิดเห็น (๕ นาที) ๕. นกั ข่าว นกั หนังสือพิมพท์ ้องถิ่นสัมภาษณค์ วามรูส้ ึกตวั แทน ๒ กลมุ่ ๆละ 5 นาที) ๖. เลิกประชมุ รวมเวลา ประชุม ๖๐ นาที ที่มา : สถาบันพระปกเกล้า หลักสตู รรากฐานประชาธปิ ไตย เพอ่ื พลเมอื งท่ีพึงปรารถนา ,2557 หนา้ 52-59

80 ตัวอยา่ งกิจกรรมท่ี ๓ 1. ชือ่ กิจกรรม พระมหากษัตริยไ์ ทย ครองใจไทยทั้งชาติ 2. เวลาทใี่ ช้ ๒ ชวั่ โมง 3. วตั ถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ ใหน้ ักเรยี นรกั และเทิดทนู สถาบันพระมหากษัตริยไ์ ทย 2. เพ่ือให้นกั เรียนตระหนักถึงความสาคัญของพระราชกรณยี กิจ ของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวภมู ิพลอดุลยเดช รชั กาลท่ี๙ ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ลาดับที่ บทบาทนกั เรียน บทบาทครู ๑ ๑.นักเรียนรบั ฟังการชีแ้ จงจากครถู ึงความสาคัญของ ๑ครูอธิบายถึงความสาคญั ของสถาบัน สถาบันพระมหากษัตรยิ ข์ องประเทศไทยอนั มี พระมหากษัตรยิ ข์ องประเทศไทยอนั มี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ภูมพิ ลอดลุ ยเดช พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวภูมพิ ลอดลุ ย รัชกาลท๙ี่ ทรงเป็นพระประมุข เดช รชั กาลท่ี๙ ทรงเปน็ พระประมขุ ๒.นักเรยี นรบั ทราบจากครูวา่ วนั นี้จะชมภาพยนตร์ ๒.ครูจดั เตรยี มภาพยนตร์พระราชกรณีย เกีย่ วกบั พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระ กิจของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว เจา้ อย่หู วั ๒ นกั เรียนชมภาพยนตร์ ครฉู ายภาพยนตร์ ๓ นกั เรยี นแบ่งกลุ่มถกแถลงถงึ พระราชกรณียกจิ ของ ครใู ห้คาแนะนาและช่วยเหลือในการถก พระองค์ทีเ่ ป็นประโยชนต์ อ่ ประชาชนและประเทศชาติ แถลงใหเ้ ป็นไปดว้ ยความเรยี บร้อย ๔ นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลสรุปจากการถกแถลง ครูเสริมเตมิ เต็มให้นักเรยี นตระหนักรบั รูใ้ น ความสาคัญของพระบาทสมเดจ็ พระ ๕ นักเรยี นร่วมรอ้ งเพลงสรรเสริญพระบารมี เจ้าอยหู่ วั ครูเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี 5. สือ่ การเรยี นรู้ ๕.๑ ภาพยนตร์พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว ๕.๒ เพลงสรรเสรญิ พระบารมี

6. การวัดและประเมนิ ผล 81 1. สงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียนในเร่ืองต่อไปน้ี 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม  1.2 สงั เกตผลงานความสาเร็จ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเขา้ ร่วมกิจกรรมของนักเรียน มากทส่ี ดุ  น้อยที่สดุ น้อย ปานกลาง มาก

82 ตวั อย่างกจิ กรรมท่ี ๔ ๑. ชื่อกจิ กรรม บารงุ รักษาศาสนสถาน ๒. เวลาท่ีใช้ ๒ ช่ัวโมง ๓. วัตถุประสงค์ เพื่อปลูกฝังให้นักเรยี นรกั และศรัทธาสถาบนั พระพุทธศาสนา ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ลาดบั ที่ บทบาทนักเรียน บทบาทครู ๑ นกั เรยี นรวมกล่มุ ทากจิ กรรมจิตอาสา ครูประชาสัมพนั ธ์รับสมัครนักเรียนจิต อาสาร่วมทาความสะอาดศาสนาสถาน ๒ นักเรียนแบ่งกลุ่มถกแถลงถงึ สถานท่ที ี่จะทาความ ของวัดใกล้โรงเรยี น สะอาด วิธกี าร ข้นั ตอนการดาเนนิ งาน ครูติดต่อวัดท่จี ะพานักเรยี นไปพัฒนา และแจง้ ใหน้ ักเรยี นทราบลว่ งหน้า ๓ นักเรยี นรบั ฟังวตั ถุประสงคจ์ ากครู ครูชแี้ จงวตั ถปุ ระสงค์ทจี่ ะพานกั เรยี นไป พัฒนาวัด ๔ นกั เรยี นทาความสะอาดลานวดั ครคู วบคมุ นักเรียนให้อยู่ในความเปน็ ระเบียบ/ต้งั ใจทางาน ๕ นกั เรยี นรับฟังพระอบรม ๑๐ นาทีก่อนกลับ ๖ นักเรยี นนาภาพท่ีครถู า่ ยกจิ กรรมท่ปี ฏิบตั ิให้มาจัด ครูนมิ นต์พระให้อบรมนักเรียน ปา้ ยนเิ ทศ ครูมอบภาพถา่ ยภาพใหน้ ักเรียนจดั ทา ป้ายนิเทศ ๕. ส่อื การเรยี นรู้และแหลง่ การเรียนรู้ วสั ดุ/อุปกรณ์ในการทาความสะอาดวดั ๖. การวัดและประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในเร่ืองต่อไปนี้ 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นขณะปฏิบัติกจิ กรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเร็จ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเข้ารว่ มกจิ กรรมของนักเรยี น  น้อยที่สุด น้อย ปานกลาง มาก มากทสี่ ดุ

83 ตัวอย่างกจิ กรรมท่ี ๕ ๑. ช่ือกิจกรรม เรียนรู้ผ่าน...ฟิลม์ (หนัง) “พระพทุ ธเจา้ มหาศาสดาโลก” ๒. เวลาท่ีใช้ ๒ ชวั่ โมง ๓. วัตถุประสงค์ เพอ่ื ปลูกฝงั ให้นักเรียนรกั และศรัทธาสถาบันพระพุทธศาสนา ๔. กิจกรรมการเรยี น ลาดับท่ี บทบาทนกั เรยี น บทบาทครู ๑ ๑.นกั เรยี นรบั ฟงั การช้แี จงจากครูถึงความสาคัญของ ๑ครอู ธิบายถงึ ความสาคญั ของสถาบัน พระพทุ ธเจา้ ศาสดาของศาสนาพุทธอนั เปน็ ศาสนา ศาสนา อันมีพระพทุ ธเจา้ เป็นศาสดา ๒ ประจาชาติไทยและเป็นศาสนาสาคัญของโลกที่มีคนนับ ๒.ครูจัดเตรียมภาพยนตร์เรื่อง ๓ ถือจานวนมาก พระพทุ ธเจา้ มหาศาสดาโลก (ตอนใดตอน ๔ ๒.นกั เรียนรบั ทราบจากครูวา่ วนั น้จี ะชมภาพยนตร์ หน่ึง)ทีค่ ดิ ว่าดีท่ีสุดใหน้ กั เรยี นชม เก่ยี วกับ“พระพุทธเจา้ ศาสดาโลก” ๕ นักเรียนชมภาพยนตร์ ครูฉายภาพยนตร์ แบ่งกล่มุ ถกแถลงในประเดน็ ต่าง ๆ จากเน้ือหาใน ครใู ห้คาแนะนาและช่วยเหลือในการ ภาพยนตร์ ถกแถลงใหเ้ ป็นไปดว้ ยความเรียบร้อย นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มสรุปผลจากการถกแถลง ครเู สรมิ เตมิ เต็มใหน้ กั เรยี นตระหนกั รับร้ใู น ความสาคญั ของพระพทุ ธเจ้า มหาศาสดา นักเรียนรว่ มร้องเพลงพระพุทธเจา้ มหาศาสดาโลก โลก ครูเปดิ เพลงพระพุทธเจา้ มหาศาสดาโลก ๕. ส่ือการเรียนรแู้ ละแหล่งการเรยี นรู้ เพลงประกอบละครซีรสี ์ พระพุทธเจา้ มหาศาสดาโลก วันทฟี่ า้ เรม่ิ สอ่ งแสง สาแดงให้เห็นเป็นคาถาม เกิดแก่เจบ็ ตายซา้ วนเวียนจนเห็นความเปน็ ไป ทุกสง่ิ กาเนิดนนั้ สถิตสถานต้งั อยไู่ ว้ ถึงวนั แตกสลาย ดับสิ้นไปไม่มนั่ คง จากเจ้าชายสขุ ลน้ ฟา้ ทิง้ ทกุ ส่ิงมาเข้าป่าดง ท้ิงอบายแห่งไหลหลง บาเพ็ญทุกรกิรยิ า เขญ็ กานจนหิวโหย ร่วงโรยทรุดโทรเวทนา แลว้ จงึ ไดร้ วู้ ่า ไมใ่ ช่หนทางสว่างเลย

84 *พระองค์ทรงค้นพบ การเวียนจบของจักรวาล หนทางทจ่ี ะวา่ ยผา่ น วฏั สงสารอันปลดปลง สายพณิ ที่ดีดนั้น ถ้าปล่อยให้มันเริ่มหย่อนลง ละเลยและลืมหลง จะคงสาเนียงเป็นพิณไหม และสายพิณท่ีต้ังขงึ ถา้ บิดให้ตงึ จนมากไป ถึงคราวดดี เลน่ สาย คงขาดผึงไปในไม่นาน ซา้ * คอื หลกี ลดละในโลภหลง หนทางแห่งพทุ ธะ ทป่ี ล่อยล่องลอยไปวนั วัน และมใิ ช่อยา่ งฝุ่นผง คอื ทางสายกลางอันเบิกบาน หนทางแหง่ พุทธะ คือปจั จุบันอยา่ งตน่ื รู้ ให้อย่กู ับคนื วนั ๖. การวดั และประเมินผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมนักเรียนในเร่ืองต่อไปนี้ 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม 1.2 สงั เกตผลงานความสาเรจ็ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้าร่วมกจิ กรรมของนักเรียน  น้อยทสี่ ดุ นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่ีสุด

85 ตัวอยา่ งกจิ กรรมท่ี ๖ ๑. ชื่อกจิ กรรม ส้นิ ชาติ เพราะขาดสามัคคี ๒. เวลาท่ใี ช้ ๒ ชว่ั โมง ๓. วัตถุประสงค์ เพ่ือปลกู ฝังใหน้ กั เรียนรักชาติ ๔. กจิ กรรมการเรยี น ลาดบั ที่ บทบาทนกั เรียน บทบาทครู ๑ ๑.นกั เรยี นรับฟังการชี้แจงจากครูถึงความสาคัญของชาติ ไทย หากวนั ใดคนในชาติแตกความสามัคคกี จ็ ะสิ้นชาติ ๑ครูอธิบายถงึ ความสาคัญของสถาบันชาติ ๒ ๒.นกั เรียนรับทราบจากครวู า่ วันน้ีจะชมภาพยนตร์ ๒.ครูจดั เตรยี มภาพยนตร์เร่อื งใดเรื่องหนึ่ง ๓ เกยี่ วกบั ต่อไปน้ี (เลอื กเฉพาะตอนสาคัญ)ที่สื่อให้ ๔ เหน็ ถงึ ความรักชาติไทย เช่น ๕ นกั เรยี นชมภาพยนตร์ -ศกึ บางระจนั แบง่ กลมุ่ ถกแถลงในประเด็นต่าง ๆ จากเนื้อหาใน -ขุนศึก ภาพยนตร์ นกั เรียนอย่างน้อย ๒ คนกล่าวแสดงความรสู้ ึกที่มีต่อ เปน็ ตน้ ความสามคั คีของคนในชาติ นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มสรุปผล จากการถกแถลง ครฉู ายภาพยนตร์ นกั เรียนรว่ มร้องเพลงปลุกใจ ครใู หค้ าแนะนาและชว่ ยเหลือในการถก แถลงใหเ้ ป็นไปดว้ ยความเรยี บรอ้ ย ครเู สริมเตมิ เต็มให้นักเรียนตระหนักรบั รู้ใน ความสาคัญของความสามัคคีของคนใน ชาตไิ ทย ครูเปิดเพลงปลุกใจ เช่น -เพลงรักเมอื งไทย -หนักแผ่นดนิ เป็นตน้ ๕. สอ่ื การเรียนร้แู ละแหลง่ การเรียนรู้ ๑ ภาพยนตร์ ๒. เพลง

86 เพลง \"รักเมืองไทย\" คาร้อง-ทานอง: พลตรหี ลวงวิจติ รวาทการ (สร้อย) รักเมืองไทย ชชู าติไทย ทะนบุ ารุงให้รงุ่ เรือง สมเป็นเมอื งของไทย เราชาวไทยเกดิ เปน็ ไทยตายเพ่ือไทย เราชาวไทยเกดิ เปน็ ไทยตายเพื่อไทย ไมเ่ คยอ่อนน้อมเราไม่ยอมแพ้ใคร ไม่เคยอ่อนน้อมเราไมย่ อมแพ้ใคร ศตั รใู จกล้ามาแตท่ ิศใด ถ้าขม่ เหงไทย คงจะไดเ้ หน็ ดี (สร้อย) เราชาวไทยเกดิ เปน็ ไทยตายเพ่ือไทย เราชาวไทยเกดิ เปน็ ไทยตายเพอื่ ไทย เรารักเพ่ือนบา้ น เราไมร่ านรุกใคร เรารักเพื่อนบ้าน เราไมร่ านรกุ ใคร แตร่ ักษาสิทธ์ิ อสิ ระของไทย ใครทาซ้าใจ ไทยจะไมถ่ อยเลย (สรอ้ ย) เราชาวไทยเกดิ เปน็ ไทยตายเพอื่ ไทย เราชาวไทยเกดิ เปน็ ไทยตายเพอ่ื ไทย ถ้าถกู ขม่ เหงเราไม่เกรงผูใ้ ด ถ้าถูกข่มเหงเราไม่เกรงผใู้ ด ดังงตู วั นดิ มีพิษเหลือใจ เรารักเมืองไทย ยง่ิ ชีพเราเอย (สรอ้ ย)

87 เพลง \"หนักแผ่นดนิ \" คาร้อง: พ.อ.บุญสง่ หกั ฤทธ์ศิ กึ ขบั ร้อง: สนั ติ ลนุ เผ่ และศิรจิ ันทร์ อศิ รางกรู ณ อยธุ ยา คนใดใช้ชอ่ื ไทยอยู่ กายก็ดูเหมอื นไทยดว้ ยกนั ได้อาศยั โพธิ์ทองแผน่ ดนิ ของราชนั ย์ แต่ใจมนั ยังเฝา้ คิดทาลาย คนใดเหน็ ไทยเปน็ ทาส ดูถูกชาติเช้อื ชนถนิ่ ไทย แต่ยงั ฝงั ทากนิ กอบโกยสนิ ไทยไป เหยียดคนไทยเปน็ ทาสของมัน (สรอ้ ย) หนักแผน่ ดนิ หนกั แผ่นดนิ คนเชน่ นเี้ ปน็ คนหนักแผ่นดิน หนักแผ่นดนิ หนกั แผ่นดิน คนเชน่ น้เี ป็นคนหนกั แผ่นดิน (หนกั แผน่ ดิน!) คนใดยยุ งปลุกปัน่ ไทยด้วยกันหมายใหแ้ ตกกระจาย ปลกุ ระดมมวลชนให้สบั สนวุน่ วาย เพ่ือคนไทยแบง่ ฝา่ ยรบกันเอง คนใดหลงชมชาตอิ ่นื ชาตเิ ดยี วกนั เขายนื ข่มเหง ไดส้ นิ ทรพั ย์เจือจานก็ประหารไทยกนั เอง ทชี่ าติอนื่ เกรงดงั ญาตขิ องมนั (สรอ้ ย) หนักแผน่ ดนิ หนักแผ่นดิน คนเช่นนีเ้ ป็นคนหนกั แผ่นดนิ หนกั แผ่นดนิ หนกั แผ่นดนิ คนเชน่ นเี้ ป็นคนหนักแผน่ ดิน(หนักแผน่ ดิน!) คนใดขายตนขายชาติ ได้โอกาสชท้ี างให้ศตั รู เขา้ ทลายพลงั ไทยให้สลายทางสู้ เมอื่ ศัตรูโจมจูเ่ สยี ทีมนั คนใดคิดร้ายราวี ประเพณขี องไทยไม่ต้องการ เกอ้ื หนุนอคตเิ ช่ือลทั ธอิ นั ธพาล แพรน่ ามนั มาบ้านเมืองเรา (สรอ้ ย) หนักแผน่ ดนิ หนกั แผ่นดนิ คนเช่นนเี้ ป็นคนหนักแผ่นดิน หนักแผน่ ดนิ หนักแผ่นดนิ คนเชน่ นเี้ ปน็ คนหนักแผน่ ดนิ (หนกั แผ่นดนิ !) ๖. การวดั และประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรมนักเรยี นในเร่ืองต่อไปน้ี 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนขณะปฏบิ ัติกิจกรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเรจ็ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเขา้ ร่วมกิจกรรมของนกั เรียน  น้อยท่ีสุด น้อย ปานกลาง มาก มากทส่ี ดุ

88 หมวดท่ี ๓ สร้างเสรมิ คณุ ลักษณะและคา่ นิยม กลมุ่ กจิ กรรมที่ ๑๑ ปลกู ฝังคุณธรรม จรยิ ธรรม (มีวนิ ัย ซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ เสียสละ อดทน มุ่งมัน่ ในการทางาน กตญั ญ)ู ตวั อยา่ งกิจกรรมที่ ๑ ๑. ชอ่ื กจิ กรรม ร้รู กั ษห์ ้องสมดุ ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๒ ชั่วโมง ๓. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพอื่ ฝึกทกั ษะการทางานในหอ้ งสมุด ๒. เพื่อให้รจู้ กั ใชเ้ วลาวา่ งในการอ่านหนงั สอื รักและดูแลรักษาหนังสอื มากข้นึ ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ฝกึ ทักษะดา้ นการจัดชัน้ หนังสอื และเรยี งหนังสือตามระบบดิวอี้ ๒. ฝึกซ่อมหนังสอื ทีช่ ารดุ ๓. แนะนาหนังสือดใี หเ้ พ่อื นอ่าน ๕. ส่อื การเรียนรแู้ ละแหล่งเรียนรู้ ๑. หนังสอื คมู่ ือการใช้หอ้ งสมุด และส่ือ จาก Internet ๒. วัสดุอุปกรณใ์ นการซ่อมหนังสอื ของหอ้ งสมุด ๓. ห้องสมุดโรงเรียน ๖. การวดั และประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมนกั เรียนในเร่ืองต่อไปน้ี 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นขณะปฏิบัติกิจกรรม 1.2 สังเกตผลงานความสาเรจ็ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเขา้ ร่วมกิจกรรมของนักเรยี น  น้อยท่ีสุด น้อย ปานกลาง มาก มากท่ีสดุ

89 ตวั อย่างกจิ กรรมที่ ๒ ๑. ชือ่ กิจกรรม สดุ ยอดเด็กไทย ๒. เวลาท่ใี ช้ ๔ ช่ัวโมง ๓. วัตถปุ ระสงค์ ๑ เพ่ือสรา้ งค่านยิ มในการเป็นคนดมี คี วามกตญั ญกู ตเวที ความอดทนให้กบั นกั เรยี น ๒ เพือ่ ส่งเสริมใหน้ ักเรยี นปฏิบตั ติ นเป็นคนดมี ีความกตญั ญู เสยี สละและอดทน ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงท่ี1 -๒ ๑. นักเรยี นดูรูปดาราทีไ่ ด้รับรางวลั ลูกกตญั ญปู ี 2558และให้นกั เรียนบอกชือ่ ดาราในรปู ทีร่ ้จู ัก ( ตัวอย่างแนวคาตอบ-จากซ้าย กึ้ง- เฉลิมชัย อเล็กซ์- เรนเดลล์ คชา- นนทนันท์ หนิม - คนึงพิมพ์ ไมค-์ พริ ัชต์ และ ต่อ -ธนภพ ) ๒. นกั เรียนแบง่ กลุม่ และถกแถลงถงึ คณุ ลกั ษณะของคนดที ีม่ ีความกตัญญูกตเวที ต่อผมู้ ีพระคุณ และความอดทนต่อการทาความดี ท่ีสังคมใหก้ ารยกย่องชมเชย ( แนวคาตอบ-ผู้มีความความกตญั ญูกตเวที มีคุณลักษณะท่ีแสดงถึงการรู้จักบุญคุณต่อสิ่งที่มีคุณต่อเรา ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ตาม เช่น พระสัมมาสัม พุทธเจ้า พระสงฆ์ พ่อแม่ ครูอาจารย์ พระมหากษัตริย์ ญาติผู้ใหญ่ รวมถึงส่ิงแวดล้อม หรือส่ิงต่างๆที่มี คุณค่าต่อเรา และเรามีวิธีการจะตอบแทนบุญคุณต่อสิ่งท่ีมีคุณต่อเราน้ัน ส่วนผู้มีความความอดทน มี คุณลักษณะท่ีมีความเข็มแข็งทางจิตใจ มุ่งมั่นบากบ่ันปฏิบัติกิจกรรมต่างๆให้สาเร็จตามเป้าหมายท่ีกาหนด ไว้ แม้ต้องเผชิญความเหน่ือยล้า ความง่วง ความหิว ความเจ็บปวด รวมท้ังพฤติกรรมของคนรอบข้าง ปญั หาและอปุ สรรคต่าง) ๓. นกั เรียนดู You tube เรือ่ งภาระยิง่ ใหญ่ของ \"ลูกกตญั ญู\" เลี้ยงพ่อแม่พกิ ารทั้งคู่ ๔. นกั เรยี นทาใบงานการวางแผนทาความดีของตนเอง ชัว่ โมงที่๓-๔ 1. ครูเกรนิ่ นาถึงแผนการทาความดขี องนักเรียนและใหน้ ักเรียนแต่ละคนรายงานผลการนาแผน ทาความดที ห่ี น้าช้นั เรยี น 2. ครูและนกั เรยี นชว่ ยกันสรปุ บทเรียนในประเดน็ วิธีการสร้างคา่ นิยมในการเป็นคนดีมีความ กตญั ญู เสียสละ อดทนด้วยการวางแผนแล้วนาแผนไปปฏบิ ัติและสรปุ ประเมนิ ผลทเ่ี กดิ ขึ้นใช้ได้ผลหรอื ไม่ / ประโยชน์ของการทาความดีมีความกตญั ญู อดทนมีอะไรบ้าง และ การนาไปใชป้ ฏิบัติในชีวิตจริงของ นักเรียนและครูอยา่ งยั่งยืนได้อย่างไร ๕. ส่ือการเรยี นรแู้ ละแหล่งเรียนรู้ ๑. ภาพดาราท่ีไดร้ บั รางวัลลูกกตัญญูปี 2558 ๒. ใบงาน การวางแผนทาความดี ๓. หอ้ งสมดุ โรงเรียน

90 ๖. การวดั และประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมนกั เรยี นในเรื่องต่อไปน้ี 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม 1.2 สงั เกตผลงานความสาเร็จ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเขา้ รว่ มกิจกรรมของนกั เรยี น  น้อยที่สุด น้อย ปานกลาง มาก มากท่ีสุด ๗. ภาพประกอบ - ที่มา : http://www.newsplus.co.th/52080 ๘. อ้างอิงแหลง่ ทมี่ าของขอ้ มูล เดลนิ วิ ส.์ ๒๕๕๘. “ศลิ ปิน-ดารารับรางวลั ลกู กตัญญู๒๕๕๘”. [ระบบออนไลน์ ] แหล่งทม่ี า http://www.dailynews.co.th/entertainment/341150 ( ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘) ทีมข่าวสปรงิ นวิ ส์. ๒๕๕๗. “ภาระยิ่งใหญ่ของ \"ลกู กตัญญู\" เลี้ยงพอ่ แมพ่ ิการทงั้ คู่ – Springnews”. แหล่งท่ีมา https://www.youtube.com/watch?v=qup0VHgsOjs( ๒๒ กนั ยายน ๒๕๕๘) พระมหาปรชี า ปภสสโร. ๒๕๕๖. “กตญั ญกู ตเวทีตอ่ ประเทศชาติ\" [ระบบออนไลน์ ] แหลง่ ทีม่ า http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/3340-005456/ (๒๒ กนั ยายน ๒๕๕๘) สุทธวิ รรณ ตนั ติรจนาวงศ์ และ ศศิกาญจน์ ทวสิ ุวรรณ ๒๕๕๒ “การสง่ เสรมิ คุณธรรมที่มปี ระสิทธิภาพ กรณีศึกษาเด็ก/เยาวชนและขา้ ราชการภาครฐั ”. [ระบบออนไลน์ ]. แหล่งทีม่ า http://www.dra.go.th/module/attach_media/sheet 8320101015040012.pdf (๒๒ กันยายน ๒๕๕๘)

91 ใบงานเรื่อง “การวางแผนทาความดี” ชอื่ ..................……………………………….สกลุ …………………………………….... ชัน้ …………........... 1 ช่อื บคุ คล/หน่วยงาน/สังคม/ชุมชนทนี่ กั เรยี นวางแผนทาความดใี ห้…………………………………………………. 2 ความเก่ียวขอ้ งกบั ตัวนกั เรียน………………………………………………........................................................... 3 การวางแผนทาความดีแสดงความกตัญญูกตเวที (บอกขน้ั ตอนหรือวธิ กี าร) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4 รายงานผลทีเ่ กิดขึ้นกบั ตวั เรา(ความคิดเห็นดีหรอื ไมด่ ี /รู้สกึ อยา่ งไร/ ประโยชน์ท่ไี ด้รับ) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5 รายงานผลทีเ่ กิดขึ้นกับผู้อ่ืน(ความคดิ เหน็ ดหี รือไม่ดี /ร้สู ึกอย่างไร/ ประโยชนท์ ีไ่ ดร้ บั ) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 6 รายงานผลท่เี กิดขนึ้ กบั สังคม(ความคดิ เหน็ ดหี รือไมด่ ี / ประโยชน์ทีไ่ ด้รับ) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

92 ตัวอยา่ งกจิ กรรมที่ ๓ ๑. ชือ่ กจิ กรรม ชวี ิตดดี๊ ี ๒. เวลาทีใ่ ช้ ๔ ชว่ั โมง ๓. วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือสร้างค่านิยมในการเป็นคนดมี วี นิ ยั เสียสละ สุจริต และ มุ่งม่นั ในการทางานใหน้ ักเรียน 2. เพือ่ ให้นักเรยี นร้จู กั ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงที๑ 1. ครูแนะนาเกม โยนเหรยี ญลงแก้วและแบ่งนักเรยี นออกเป็นกลุม่ ๆ ละ 5 คนเลน่ เกม โยนเหรยี ญลงแกว้ กลุ่มละ 5 คร้งั และบนั ทึกผลท่ที าได้ (ฝึกใหม้ คี วามมุ่งมั่น/คิด/ สังเกตหาวิธที างานให้ สาเรจ็ สู่เปา้ หมายทัง้ ของตนเองและผู้อืน่ ) 2. นักเรียนสรปุ ข้อคดิ ท่ีได้จากการปฏิบัติตามกฎกติกา (มวี ินัย ซื่อสตั ย์สุจรติ ) วธิ ีโยนเหรียญให้ลง แก้วของตนเองและของเพ่ือนในกลมุ่ (ม่งุ ม่ันทางานให้สาเรจ็ ) 3. นักเรยี นแสดงความรู้สึก ถา้ เราทางานสาเร็จร่วมกันเราจะรู้สึกอย่างไรและถ้าความสาเร็จ นน้ั จะสรา้ งสรรค์และทาประโยชน์ใหแ้ กผ่ ู้อ่ืนและสงั คมทเ่ี ราเปน็ สว่ นหน่งึ ที่ตอ้ งช่วยเหลอื เกอ้ื กลู กนั (แนวคาตอบ-ภมู ใิ จ มคี วามสุข ) ชว่ั โมงที ๒ – ๔ 1. ครูเกริ่นนาถึงความรูส้ กึ ภมู ิใจ ความมีคุณค่าในตวั เองท่ีทางานสาเร็จและงานนน้ั ก็สรา้ ง ประโยชน์ตอ่ ผ้อู ่นื และสังคมด้วย และ ให้นกั เรยี นแบ่งกลุ่มๆละ 4-5 คน แลว้ รว่ มกนั ถกแถลงคดิ กิจกรรมท่ี ต้องการทาใหส้ าเร็จเพอ่ื สร้างสรรค์ประโยชน์ให้พๆ่ี น้องๆในโรงเรยี น 2. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ เลอื กประเด็นทสี่ นใจ และช่วยกันคดิ จดั ทาโครงการ1โครงการและเขียน โครงการนาเสนอ 3. นกั เรยี นดาเนนิ กิจกรรมตามโครงการ ๔. นาเสนอผลงานตามโครงการ ๕. สอ่ื การเรยี นรแู้ ละแหลง่ เรยี นรู้ 1. เกมโยนเหรยี ญลงแก้ว 2. แบบฟอรม์ การเสนอโครงการ 3. ห้องสมุดโรงเรียน

๖. การวดั และประเมินผล 93 1. สงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในเร่ืองต่อไปน้ี 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม  1.2 สังเกตผลงานความสาเร็จ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเขา้ รว่ มกจิ กรรมของนักเรียน มากทส่ี ดุ  น้อยที่สดุ น้อย ปานกลาง มาก

94 แบบฟอร์มการเสนอโครงการ…………………………….. ๑. หลกั การและเหตุผล ( ความจาเปน็ ในการทาโครงการ/กจิ กรรมน้เี พ่อื แกป้ ัญหา หรือพัฒนา……ใหด้ ีขึ้น) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………............................................................................................................................................. 2. วัตถปุ ระสงค์ ( ให้ระบุเปน็ ข้อ ) ๑……………………………………………………………………………………. ๒.....………………………………………………………………………………. 3. เป้าหมาย ( ใหร้ ะบุ อยู่ในรูปของจานวน หรือร้อยละ) 3.1 เชงิ ปรมิ าณ ………………………………………………………….. 3.2 เชิงคุณภาพ ………………………………....……………………… 4. ข้นั ตอนการดาเนินงานโครงการ (ระบรุ ายละเอียดของการดาเนินงานโครงการ) ท่ี กจิ กรรม ระยะเวลาดาเนินงาน ผ้รู บั ผิดชอบ 1 ประชุม วางแผนการดาเนินงาน ………………………………. ……………………………………. 2 ดาเนนิ การ………………………………….. ………………………………… …………………………………….. 3 สรปุ ประเมินผล …………………………………. ……………………………………….. 4 จัดทารปู เล่มเผยแพร่ …………………………………. …………………………………….. ๕. งบประมาณ - ๖. การติดตามและประเมนิ ผล ตวั ชี้วดั ความสาเร็จ วธิ วี ัดและ เครือ่ งมอื วัดและ ผรู้ บั ผดิ ชอบ ประเมินผล ประเมนิ ผล ……………………………………………………. (การประเมนิ ) (แบบประเมนิ ) …………. ๗. ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ ับ ๑............................................................................................................................. ........................ ๒................................................................................................... .................................................. ลงชื่อ………………………….….ผู้เสนอโครงการ ลงชื่อ……………………………ผ้เู ห็นชอบโครงการ (......................................) (.................................) ……../………../…….. ……../………../……..


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook