คำนำ นโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนแนวทางการปฏิรูปการศึกษาอย่างเป็นรปู ธรรม นโยบายหน่ึง คือ การปรับลดเวลาเรียนของเด็กให้น้อยลง เป็นการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โดยให้สานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพ้ืนฐานพิจารณาปรับลดช่ัวโมงเรียนของบางวิชาให้น้อยลง แต่ต้องไม่กระทบเน้ือหาหลักท่ีเด็ก ๆ ควรเรียนรู้ ครูต้องใช้ความสามารถในการอธิบายและบูรณาการให้ครบถ้วนอย่างมีประสิทธิภาพมากข้ึน และ กาหนดใหส้ ถานศกึ ษาตอ้ งจดั กจิ กรรมสร้างสรรคใ์ ห้ผู้เรียนอย่างหลากหลาย เพอ่ื เพม่ิ พูนทกั ษะการคิดวิเคราะห์ ความมีนา้ ใจต่อกนั การทางานเปน็ ทมี กระตุน้ ใหผ้ ู้เรียนไดค้ ้นหาศักยภาพและความชอบของตนเอง สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ซึ่งมีหน้าที่ โดยตรงในการนานโยบายดังกล่าวไปสกู่ ารปฏิบตั ิ ได้จัดทาเอกสารเพื่อให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ใช้ศึกษาประกอบการปฏิบัติตามนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพ ตามเป้าหมายทีก่ าหนด โดยเอกสารทีจ่ ดั ทาขึ้นเปน็ ชุด จานวน ๔ รายการ ประกอบดว้ ย ๑. คู่มอื บรหิ ารจัดการเวลาเรยี น “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้” ๒. แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ – ๓ ๓. แนวทางการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี ๔ – ๖ ๔. แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ – ๓ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ขอขอบคุณ คณะทางานทุกคนท่ีได้นาความรู้และประสบการณ์มาร่วมแลกเปล่ียนและจัดทาเป็นเอกสารฉบับนี้ สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพนื้ ฐานหวงั เป็นอยา่ งยิ่งว่าเอกสารฉบับน้ีจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการขับเคลื่อน การนานโยบาย “การลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลาเรียน” ส่กู ารปฏิบตั ไิ ดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน
คำชแ้ี จง การจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” สถานศึกษาแต่ละแห่ง ควรแต่งต้ังคณะทางานเพ่ือศกึ ษา วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษา ข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ คุณธรรมพ้ืนฐาน ๘ ประการ ของ กระทรวงศึกษาธิการ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ รวมทั้งจุดเน้นและอัตลักษณ์ของโรงเรียน เป็นต้น แลว้ วางแผน หรอื กาหนดกจิ กรรมของโรงเรยี น กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ควรมีรายละเอียดเก่ียวกับ ช่ือกิจกรรม เวลาท่ีใช้ วัตถุประสงค์ ข้ันตอนการจัดกิจกรรม วัสดุอุปกรณ์หรือส่ือท่ีจาเป็นต้องใช้ ผลที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียน และแต่ละส่วน มขี ้อควรคานงึ ดังนี้ ๑. ชอ่ื กจิ กรรม กาหนดให้ชดั เจน ดงึ ดดู ความสนใจของผเู้ รยี น ๒. เวลาที่ใชใ้ นการจัดกิจกรรมแต่ละคร้ัง ควรใช้เวลาประมาณหนง่ึ ถึงหนึ่งช่ัวโมงคร่งึ ๓. วัตถุประสงค์ ควรอยใู่ นกรอบท่ีผู้เรยี นสามารถปฏิบตั ิได้อย่างมีความสขุ มีความพึงพอใจ ๔. ขั้นตอนการจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ควรให้ผู้เรียนได้ศึกษา คิดวิเคราะห์ เตรียมการ ลงมือปฏิบัติ สรุปและชื่นชมผลงาน รวมท้ังจัดเก็บกวาดดูแลรักษาบริเวณท่ีจัดกิจกรรมให้อยู่ ในสภาพดีดังเดิม ๕. สอ่ื การเรียนรู้ ควรจัดใหเ้ หมาะสมกับกิจกรรมและเพยี งพอกบั ผ้เู ข้ารว่ มกจิ กรรม ๖. การประเมินผลเน้นการสังเกตพฤติกรรมผู้เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม ความสาเร็จของงาน และ ความพึงพอใจในการเข้าร่วมกจิ กรรม กรณีท่ีสถานศึกษาไม่สามารถกาหนดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ได้ สามารถเลือกกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ที่เหมาะสมกับระดับช้ัน หรือช่วงวัยของผู้เรียน จากตัวอย่างกิจกรรมในเอกสาร แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ท่ีสานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา จัดทาขึ้น ๓ รายการ ดงั น้ี ๑. แนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้” ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๓ ๒. แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพมิ่ เวลารู้” ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๔ – ๖ ๓. แนวทางการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ – ๓
สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ 1 คำชีแ้ จง 5 สำรบัญ 7 8 ส่วนท่ี 1 บทนำ 9 ส่วนท่ี 2 แนวทำงกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ “ลดเวลำเรยี น เพม่ิ เวลำรู้” 9 สว่ นที่ 3 ตัวอย่ำงกำรจดั กิจกรรมกำรเรยี นรู้ “ลดเวลำเรียน เพมิ่ เวลำรู้” 16 หมวดที่ 1 กจิ กรรมพัฒนำผเู้ รียน (กิจกรรมบงั คบั ตำมหลกั สูตร) 24 32 หมวดท่ี 2 สร้ำงเสรมิ สมรรถนะและกำรเรียนรู้ 38 กลุม่ กิจกรรมท่ี 4 พฒั นำควำมสำมำรถด้ำนกำรสื่อสำร กลุ่มกิจกรรมท่ี 5 พัฒนำควำมสำมำรถดำ้ นกำรคิดและกำรพัฒนำ 53 กรอบควำมคดิ แบบเปดิ กวำ้ ง 53 (Growth Mindset) กลมุ่ กจิ กรรมท่ี 6 พฒั นำควำมสำมำรถด้ำนกำรแกป้ ญั หำ 59 กลุ่มกจิ กรรมที่ 7 พัฒนำควำมสำมำรถด้ำนกำรใช้เทคโนโลยี 70 กลุ่มกิจกรรมที่ 8 พัฒนำทกั ษะกำรเรียนรู้ท่สี ่งเสริมกำรเรยี นรู้ ๘ กล่มุ สำระกำรเรยี นรู้ 85 112 หมวดท่ี 3 สรำ้ งเสริมคณุ ลักษณะและค่ำนิยม 112 กลุ่มกิจกรรมที่ 9 ปลูกฝงั คำ่ นิยมและจิตสำนึกกำรทำประโยชนต์ ่อ สงั คมมจี ติ สำธำรณะและกำรให้บรกิ ำรดำ้ นต่ำงๆ 127 ท้งั ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ต่อตนเองและต่อสว่ นรวม 140 กลุม่ กจิ กรรมท่ี 10 ปลกู ฝงั ควำมรกั ชำติ ศำสนำ และพระมหำกษัตรยิ ์ 151 กลมุ่ กจิ กรรมท่ี 11 ปลูกฝังคณุ ธรรม จรยิ ธรรม (มีวินัย ซื่อสตั ย์ 163 สจุ รติ เสยี สละอดทน มุ่งมั่นในกำรทำงำน กตญั ญ)ู 175 กล่มุ กจิ กรรมท่ี 12 ปลกู ฝงั ควำมรกั ควำมภำคภมู ิใจในควำมเปน็ ไทยและ 183 หวงแหนสมบัติของชำติ หมวดที่ 4 สร้ำงเสริมทักษะกำรทำงำน กำรดำรงชพี และทักษะชีวิต กลุ่มกิจกรรมท่ี 13 ตอบสนองควำมสนใจ ควำมถนดั และควำม ตอ้ งกำรของผเู้ รียนตำมควำมแตกตำ่ งระหว่ำงบคุ คล กลุ่มกจิ กรรมท่ี ๑4 ฝึกกำรทำงำน ทกั ษะทำงอำชพี ทรัพย์สินทำง ปญั ญำ อย่อู ย่ำงพอเพยี ง และมวี ินัยทำงกำรเงนิ กล่มุ กิจกรรมที่ ๑5 พัฒนำควำมสำมำรถดำ้ นกำรใชท้ ักษะชวี ติ กลมุ่ กจิ กรรมที่ ๑6 สร้ำงเสริมสมรรถนะทำงกำย สว่ นท่ี 4 รำยช่อื หน่วยงำน / องค์กรทีส่ ำมำรถจัดกจิ กรรมร่วมกับสถำนศกึ ษำ บรรณำนุกรม คณะผู้จดั ทำ
1 สว่ นท่ี ๑ บทนำ การจัดการเรียนรู้ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ หรือโลกไร้พรมแดนเน้นการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ ในศตวรรษท่ี ๒๑ / ประชาคมอาเซียน หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ความเป็นไทยและอัตลักษณ์ไทย และหลักการ “สุ จิ ปุ ลิ” เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ดังน้ัน ในการจัดการศึกษาจาเป็นต้องปรับการเรียนการสอนให้สามารถพัฒนาผู้เรียนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม องค์ความรู้จะไม่จากัดอยู่แต่ในห้องเรียนเท่านั้น ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านสื่อการเรียนรู้ และช่องทางทหี่ ลากหลายไดอ้ ย่างมีความสุข ผลการสังเคราะห์เอกสารและงานวิจัยเกย่ี วกับหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และผลการใช้หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ตลอดจนผลการประเมิน คุณภาพการศึกษาต่าง ๆ พบว่า ผลการประเมินคุณภาพการศึกษาของผู้เรียนต่ากว่าเกณฑ์ที่กาหนด ทั้งผลการทดสอบระดับชาติ (O - NET) ผลการสอบ PISA เป็นต้น ถึงแม้ว่าสถานศึกษาจะใช้เวลาในการ จัดการเรียนการสอนมาก สถานศึกษาบางแห่งใช้เวลา ๗ - ๘ ชั่วโมงต่อวัน อัดแน่นเน้ือหาวิชาการมากกว่า ให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ผู้เรียนมีภาระงาน หรือการบ้านมาก หรือต้องนาการบ้านไปทาท่ีบ้าน หรือ ตอ้ งเรียนพเิ ศษ ทาให้เด็กเกดิ ความเครียด เด็กคดิ ไมเ่ ปน็ วิเคราะหไ์ มไ่ ด้ ขาดทกั ษะชีวติ เปน็ ตน้ จากสภาพและปัญหาดังกล่าวกระทรวงศึกษาธิการจึงกาหนดนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้” เพ่ือลดเวลาเรียนภาควิชาการลง แต่ต้องไม่กระทบเนื้อหาหลักที่ผู้เรียนควรเรียนรู้ และครูปรับการเรียน การสอน การจัดกิจกรรม โดยเพิ่มเวลาและโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง เพ่ือสร้างเสริมทักษะ การเรียนรู้ทุกด้านในรูปแบบกิจกรรมเสริมหลักสูตร ให้สถานศึกษาจัดการเรียนรู้ตามโครงสร้างหลักสูตร สถานศึกษาภายในเวลา ๑๔.๓๐ น. ส่วนเวลาหลังจากนั้นจนถึงเวลาเลกิ เรยี น ให้จัดกิจกรรม “ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้” โดยเริ่มดาเนินการในภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๕๘ และมีสถานศึกษากลุ่มเป้าหมาย เข้าร่วมโครงการอย่างน้อยร้อยละ ๑๐ ของจานวนสถานศึกษา สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้ันพื้นฐาน ทั้งหมดครอบคลุมกระจายทุกสภาพพื้นที่ทั้งนอกเมืองในเมืองจานวน ๓,๘๓๑ โรงเรียน ทั้งนี้ จะดาเนินการในสถานศึกษาทุกแห่งในปีการศึกษา ๒๕๕๙ สาหรับสถานศึกษาสังกัดอื่นให้พิจารณา ดาเนินการตามบรบิ ทและความพร้อมของสถานศึกษาแตล่ ะแห่ง กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน โดยสานัก วิชาการและมาตรฐานการศึกษา สารวจความคิดเห็นจากผู้เรียน ผู้ปกครอง ครู และบุคคลท่ัวไปเกี่ยวกับ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” เพ่ือให้แนวดาเนินการมีความสมบูรณ์ คือ การปรับปรุงเน้ือหาภายในของแต่ละวิชาของหลักสูตร และการจัดโครงสร้างเวลาเรียนในระดับ ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา การเตรียมความพร้อมของครูและสถานศึกษาที่จะเข้าร่วมโครงการ การจัดทีม Smart Trainers ช่วยกากับ ดูแลและให้คาแนะนาในการบริหารจัดการเวลาเรียน และการจัด กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” พร้อมท้ังมีการประเมินผลการดาเนินการ และศึกษาแนวทาง
2 การดาเนินการจากสถานศึกษาที่ประสบความสาเร็จ เพ่ือขยายผลการดาเนินการไปยังสถานศึกษาอ่ืน ในภาคเรียนท่ี ๑ ปีการศึกษา ๒๕๕๙ รวมทัง้ รวบรวมปัญหาและอุปสรรค เพื่อปรบั ปรุงการดาเนนิ การต่อไป ดังน้ัน เพื่อให้การขับเคลื่อนแนวทางการบริหารจัดการเวลาเรียน “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” สู่การปฏิบัติของสถานศึกษามีประสิทธิภาพ ครูปรับเปลีย่ นรปู แบบการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นให้ผู้เรียนไดล้ งมือ ปฏิบัติและเรียนรู้ด้วยตนเองมากขึ้น และผู้เรียนได้รับการพัฒนาให้มีคุณภาพ มีความสุขในการเรียน รู้ อย่างแท้จริง สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน จึงได้จัดทาแนวทำงกำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ “ลดเวลำเรยี น เพ่ิมเวลำรู้” สาหรบั สถานศกึ ษาเลือก หรือ นาไปปรับใช้ในการจดั กิจกรรมไดอ้ ยา่ งเป็นรูปธรรม ในการบรหิ ารจัดการเวลาเรียน และจัดกจิ กรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” สถานศกึ ษาแตล่ ะแห่ง ควรมีการตรวจสอบ หรือทบทวนการจัดการศึกษาของสถานศึกษาตามหลักสูตรสถานศึกษา ในประเด็น โครงสร้างเวลาเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน รายวิชาเพิ่มเติม การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การจัดการเรียนรู้ ของครู และศึกษาทาความเข้าใจนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” และการขับเคล่ือนนโยบาย สู่การปฏิบัติได้จากเอกสารคู่มือการบริหารจัดการเวลาเรียน เอกสารแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” รวมท้ังศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี ๒๑ จุดเน้นและอัตลักษณ์ของสถานศึกษา เพื่อเตรียมการจัดตารางสอนตามโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา โดยจัดรายวิชาพ้ืนฐาน รายวิชาเพ่ิมเติม และกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รยี น ใหเ้ สร็จส้นิ ภายในเวลา ๑๔.๓๐ เปน็ ตน้ การวางแผนจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ควรคานึงถึงความสนใจ ความต้องการ ของผู้เรียนเป็นหลักหรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วม โดยแบ่งงานหน้าที่รับผิดชอบ สารวจ สืบค้น รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ นาเสนอแลกเปล่ียน และสรุปข้อมูลจากการศึกษาโดยใช้ชุมชนสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีสารสนเทศรอบตัวเป็นแหล่งเรียนรู้ จะช่วยให้ผู้เรียนได้เผชิญกับสภาพจริงของชีวิต หลากหลายมิติ ได้สัมผัสกับธรรมชาติและได้ประสบการณ์ตรงกับการเรียนรู้กับผู้คนท่ีมีความแตกต่าง หลากหลายชว่ งวัย มสี ่วนร่วมในการถ่ายทอดประสบการณ์ การเพิ่มเวลารู้เปน็ การถา่ ยทอดแนวคิด ประสบการณ์ จรยิ วตั รและวิถปี ฏิบัตทิ ่ีพึงให้กบั ผู้เรียน และ เป็นการเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศเรียนรู้ร่วมกัน ถ่ายโอน ส่งทอดประสบการณ์จากผู้เรียนท่ีต่างวัยกัน รวมทั้งผู้เรียนจะได้ฝึกฝนทักษะความสามารถพื้นฐานต่าง ๆ เช่น การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน การวางแผน การแบ่งปันหน้าที่กันทางาน การสังเกต การสารวจค้นคว้า การลงมือปฏิบัติ การรวบรวม ข้อมูล การวิเคราะห์ประเมินผล การแก้ปัญหา การปรับปรุง การนาเสนอ การแลกเปลี่ยน การสรุปความรู้ ทักษะทางสงั คม การเรยี นรูร้ ่วมกับผ้อู ื่นและทักษะชวี ิต เปน็ ต้น คณุ ลักษณะสำคัญและธรรมชำติของผู้เรยี นระดับประถมศกึ ษำและมัธยมศึกษำ ผเู้ รียนแตล่ ะคนจะมีคุณลักษณะสาคัญและธรรมชาติที่เหมือน หรอื คลา้ ยกัน และมีความแตกต่างกัน ตามช่วงวัย การเข้าใจคุณลักษณะสาคัญและธรรมชาติของผู้เรียนจะช่วยให้การจัดการเรียนรู้ประสบ ผลสาเรจ็ ซึ่งผเู้ รียนระดับประถมศึกษาและมธั ยมศึกษามีคุณลักษณะสาคัญและธรรมชาติ ดังนี้
3 1. คุณลักษณะสำคัญและธรรมชำติของผู้เรียนระดับประถมศึกษำ เป็นวัยของการเจริญเติบโต อยากรู้อยากเห็น ชอบทดลอง ทาอะไรด้วยตนเอง ชอบเคล่ือนไหว ไม่อยู่นิ่ง มีทักษะพื้นฐานทางภาษา ฟัง ดู พูด อ่านและเขยี น มีทักษะการคิดคานวณ มีทักษะการคิดขน้ั พื้นฐาน มีทักษะชีวิต รู้จักความสามารถ ของตนเอง รักและเห็นคณุ ค่าในตนเอง รู้จักอาชพี ในโลกกว้าง 2. คณุ ลกั ษณะสำคัญและธรรมชำติของผ้เู รียนระดับมธั ยมศึกษำตอนต้น เปน็ วัยของการเจรญิ เติบโต อย่างรวดเร็ว เป็นวยั ของการเปลีย่ นแปลงของร่างกาย อารมณ์ และสงั คม สนใจและใหค้ วามสาคัญกบั เพื่อน อยากลอง ชอบความท้าทาย ชอบอสิ ระ เชื่อมั่นในตนเอง ชอบแสวงหาความรู้ รูจ้ ักใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ มที ักษะ ทางภาษา วเิ คราะหแ์ ละเลือกใชข้ ้อมลู อย่างเหมาะสม มีทักษะการคดิ ข้นั สงู มที ักษะชีวิต ร้จู กั ความสามารถ ของตนเอง รกั และเหน็ คุณค่าในตนเอง รจู้ กั และเลือกอาชพี ต่าง ๆ ขนั้ ตอนกำรจัดกิจกรรม “ลดเวลำเรยี น เพม่ิ เวลำรู้” เม่อื สถานศึกษาบริหารจัดการเวลาเรียน จัดทาโครงสร้างเวลาเรียน โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศึกษา และจัดตารางสอน ท่ีเอื้อต่อ “การลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” และขั้นตอนต่อไปครูต้องการจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้” ให้ผู้เรียนปฏิบตั ิ ควรมีขั้นตอนการดาเนินงาน ดงั น้ี ๑. จัดข้อมูลสำรสนเทศ เกี่ยวกบั ความถนัด ความสนใจ และความต้องการของผู้เรียนเปน็ รายบุคคล เพอ่ื ใช้ประกอบการวางแผนการจดั กิจกรรม ๒. วิเครำะห์สภำพควำมพร้อมของสถำนศึกษำ ทั้งด้านบุคลากร ภูมิปัญญาท้องถิ่น วัสดุอุปกรณ์ สื่อ แหลง่ เรียนรู้ สถานที่ งบประมาณ หรือประสานทรพั ยากรภายนอกสถานศกึ ษามาให้การสนบั สนุนสถานศึกษา ๓. กำหนดแนวทำงกำรจัดกิจกรรมให้ผ้เู รียนปฏิบตั ิ อาจจะกาหนดได้ ดังน้ี ๓.๑ สถำนศกึ ษำจัดกิจกรรมอยำ่ งหลำกหลำยให้ผ้เู รียนได้เลือกปฏบิ ัติกจิ กรรมตำมควำมถนัด ควำมสนใจ โดยอาจจะปฏบิ ัติกจิ กรรมเป็นรายบุคคล หรือเปน็ กลุ่ม มคี รูเป็นที่ปรึกษา แนวทางนเ้ี หมาะสม สาหรบั ระยะเวลาเริ่มต้นท่ีผู้เรยี นยังไมม่ ีความพรอ้ ม หรือยงั ไม่มีความรู้ ความเข้าใจ ในการปฏิบัตกิ จิ กรรม อย่างแท้จริง หรืออาจจะเป็นสถานศึกษาระดับประถมศึกษาปีท่ี ๑ - ๓ ทีย่ งั อยู่ในระยะเริ่มต้นของการพัฒนา กระบวนการคดิ ความรบั ผิดชอบ และยังต้องคานงึ ถึงความพรอ้ มของอุปกรณ์ประกอบกิจกรรม จานวนครู ความรู้ความสามารถของครู และความปลอดภยั ของผู้เรียนในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียน กิจกรรมท่ีกาหนดให้ผู้เรียนเลือกปฏิบัติ ได้แก่ กิจกรรมภาคปฏิบัติจากกลุ่มสาระการเรียนรู้ กิจกรรม โครงงาน กิจกรรมจิตสาธารณะ กิจกรรมอิสระตามความถนัด ความสนใจของผู้เรียน กิจกรรมสร้างสรรค์ทาง วิชาการ (ศึกษา ค้นคว้า อิสระ) กิจกรรมสร้างสรรค์ที่ครูกาหนดร่วมกับผู้เรียน กิจกรรมสร้างสรรค์ร่วมกับ ผู้ปกครอง ชุมชน กิจกรรมวันสาคัญต่าง ๆ ให้ผู้เรียนปฏิบัติร่วมกับ ผู้ปกครอง ชุมชน กิจกรรมเพื่อสังคมและ สาธารณประโยชน์ กจิ กรรมแข่งขันทางวชิ าการ กิจกรรมสง่ เสริมทกั ษะกระบวนการ / ทกั ษะทางอาชีพ เปน็ ตน้ ๓.๒ สถำนศึกษำเปิดโอกำสให้ผู้เรียนแต่ละคน หรือรวมกลุ่มกันเสนอกิจกรรมที่จะปฏิบัติ โดยผู้เรียนท่ีรวมเป็นกลุ่ม อาจจะเป็นผู้เรียนห้องเดียวกัน หรือผู้เรียนระดับชั้นเดียวกัน หรือผู้เรียน หลายระดับช้ัน มาปฏิบัติกิจกรรมร่วมกัน หรืออาจจะปฏิบัติกิจกรรมร่วมกับผู้ปกครอง / ชุมชน มาปฏิบัติ กิจกรรมร่วมกัน การเสนอกิจกรรมดังกล่าวต้องมีครูเป็นที่ปรึกษา ให้ข้อเสนอแนะให้การทากิจกรรม
4 ท่ีมีความเหมาะสม ถูกต้อง ปลอดภัย และสร้างค่านิยมที่ถูกต้อง กิจกรรมท่ีผู้เรียนนาเสนออาจจะเป็น กิจกรรม ๔ หมวด ๑๖ กลุ่มกิจกรรม หรือเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ท่ีสัมพันธ์ หรือจาลองจากสภาพจริงใน ทอ้ งถิน่ ในสังคม ให้ผู้เรียนได้เรยี นรู้เพอ่ื เพิ่มทกั ษะการแกป้ ญั หาให้กบั ผู้เรยี น หรอื ใหเ้ กิดความรู้ ความเขา้ ใจ ความภาคภูมใิ จ ความผกู พนั และหวงแหนในท้องถน่ิ มากขนึ้ เปน็ ตน้ ๓.๓ สถำนศึกษำใช้ท้ังสองแนวทำงร่วมกนั กรณีน้ีเหมาะสาหรับสถานศึกษาทจี่ ัดการศกึ ษา หลายระดับ เช่น โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ระดับช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ หรือสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ให้สถานศึกษาพิจารณาตามบริบทและ ความพรอ้ มของสถานศึกษา ๔. นิเทศ กำกับ ติดตำม และประเมินควำมก้ำวหน้ำในกำรปฏิบัติกิจกรรม ควำมพึงพอใจ ของผู้เรียนอย่างต่อเน่ือง โดยมอบหมายให้ครูทุกคนเป็นท่ีปรึกษาการทากิจกรรม เพื่ออานวยความสะดวก ประสานงาน ใหข้ ้อเสนอแนะ และดแู ลความปลอดภยั ของนกั เรียน ๕. จดั กำรนำเสนอผลงำนของผ้เู รียน ประชุมแลกเปลย่ี นเรียนร้ภู ายในโรงเรียน เพ่ือพฒั นาการ ดาเนินงานอย่างต่อเนื่อง ๖. สรุป และรำยงำนผลกำรดำเนินงำน
5 ส่วนที่ ๒ แนวทำงกำรจดั กจิ กรรมกำรเรียนรู้ “ลดเวลำเรยี น เพม่ิ เวลำรู้” กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ท่ีสถานศึกษาจัดอย่างหลากหลาย เพ่ือช่วยเพิ่มพูนทักษะการคิดวิเคราะห์ ความมีน้าใจต่อกัน การทางานเป็นทีม และกระตุ้นให้ผู้เรียน ได้คน้ หา ศักยภาพและความชอบของตนเอง เพราะมีความเชอ่ื ว่าผู้เรยี นทุกคนมีความพิเศษ มคี วามสามารถ ในแบบฉบับของตนเอง กิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมท่ีให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติตามความถนัด ความสนใจ ความต้องการ ท้ังปฏิบัติด้วยตนเอง หรือปฏิบัติเป็นกลุ่ม เป็นทีม โดยการปฏิบัติกิจกรรมไม่จาเป็นต้อง เปิดให้เฉพาะผู้เรียนห้องเดียวกัน หรือระดับชั้นเดียวกัน บางกิจกรรมสามารถศึกษา หรือปฏิบัติร่วมกัน หลายระดับชั้นได้ เพ่ือให้ผู้เรียนรูจ้ ักการปรับตัว การช่วยเหลอื ดูแลกัน การมีปฏิสัมพันธ์กับคนหลายชว่ งวัย โดยเป็นการจาลองสภาพจริงในสังคม ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ ซ่ึงจะยิ่งช่วยเพิ่มทักษะในการแก้ปัญหาให้กับ เดก็ ไทย การจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” มีแนวทางในการดาเนินงาน ดังน้ี ๑. กิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” สามารถจัดได้ทุกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แก่ สถานศึกษาระดับประถมศึกษาท่ีจัดการศึกษาช้ันประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ หรือโรงเรียนขยายโอกาส ทางการศึกษาระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ ถึงช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ หรอื โรงเรยี นมัธยมศกึ ษาที่จัดการศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ หรอื โรงเรียนการศกึ ษาพเิ ศษ การศึกษาสงเคราะห์ โดยสถานศกึ ษาตอ้ งจัด กจิ กรรมได้เหมาะสมกบั ผ้เู รยี นแต่ละชว่ งวยั ๒. การจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ตามขนาดโรงเรียน จานวนผู้เรียน จานวนครูและ บคุ ลากรทางการศกึ ษาของสถานศึกษา มีแนวดาเนนิ การ ดังนี้ ๒.๑ โรงเรียนประถมศึกษา และโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ขนาดเล็ก มคี รไู ม่ครบช้ัน ทง้ั โรงเรียนท่ีจัดการศึกษาเป็นเอกเทศ หรือจัดการศึกษาแบบเรยี นรวม ควรจดั กลมุ่ ผู้เรยี นเป็นชน้ั ช่วงช้ัน คละชั้น หรือรวมกลุ่มทั้งโรงเรียน (กรณีเป็นโรงเรียนขนาดเลก็ มาก) ให้สอดคล้องกับจานวนครูที่จะรบั ผิดชอบ หรือเป็นผู้ดูแลกิจกรรม การจัดกิจกรรมของโรงเรียนขนาดเล็กในบางพ้ืนท่ีที่สามารถเดินทางไปมาสะดวก อาจนาผู้เรียนหมนุ เวียนกนั ไปจดั รวมกบั โรงเรยี นใกลเ้ คียงได้ ๒.๒ โรงเรียนขนาดเล็ก หรือขนาดกลาง ทีม่ ีครพู อดีช้ัน หรือมีครูเพียงพอควรจัดกลมุ่ นักเรียน ให้เหมาะสมกับกิจกรรมไม่ให้มีจานวนท้ังกลุ่มมากเกินไป และคานึงถึงความสนใจและความต้องการของ ผู้เรียนเปน็ หลัก ๒.๓ โรงเรียนขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ ท่ีมีผู้เรียนจานวนมาก ต้องมีการวางแผนท่ีรัดกุม เนื่องจากโรงเรยี นอาจมีข้อจากัดด้านสถานที่ และต้องเปิดโอกาสให้ผู้เรยี นเลือกกิจกรรมได้อยา่ งหลากหลาย ทัง้ น้ี อาจเลอื กกจิ กรรมท่ีเหมาะสมกับชว่ งเวลาได้ตลอดวัน ๒.๔ โรงเรียนการศึกษาพิเศษ และการศึกษาสงเคราะห์ ให้พิจารณาตามความเหมาะสมกับ บริบทและความพรอ้ ม
6 ๓. การจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ควรเป็นกิจกรรมที่เป็นไปตามความต้องการ ความสนใจของผเู้ รียน ผูป้ กครอง กิจกรรม “ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้” แบ่งออกเป็น ๔ หมวด ๑๖ กลุ่มกิจกรรม มรี ายละเอียด ดังน้ี หมวดท่ี ๑ กิจกรรมพฒั นำผเู้ รียน (กิจกรรมบังคบั ตำมหลักสตู ร) ๑. กิจกรรมแนะแนว ๒. กจิ กรรมนกั เรียน ๓. กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ หมวดที่ ๒ สรำ้ งเสริมสมรรถนะและกำรเรียนรู้ ๔. พัฒนาความสามารถด้านการสือ่ สาร ๕. พัฒนาความสามารถด้านการคิดและการพัฒนากรอบความคิดแบบเปิดกว้าง (Growth Mindset) ๖. พัฒนาความสามารถด้านการแกป้ ญั หา ๗. พัฒนาความสามารถด้านการใช้เทคโนโลยี ๘. พฒั นาทักษะการเรียนรู้ทสี่ ง่ เสรมิ การเรยี นรู้๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ หมวดท่ี ๓ สร้ำงเสริมคณุ ลกั ษณะและค่ำนยิ ม ๙. ปลูกฝังค่านิยมและจิตสานึกการทาประโยชน์ต่อสังคมมีจิตสาธารณะและการให้บริการ ดา้ นตา่ ง ๆ ทั้งทีเ่ ป็นประโยชนต์ ่อตนเองและตอ่ ส่วนรวม ๑๐. ปลกู ฝงั ความรกั ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ๑๑. ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม (มีวินัย ซ่ือสัตย์ สุจริต เสียสละ อดทน มุ่งมั่นในการทางาน กตญั ญู) ๑๒. ปลกู ฝังความรักความภาคภมู ิใจในความเป็นไทยและหวงแหนสมบตั ิของชาติ หมวดท่ี ๔ สร้ำงเสริมทักษะกำรทำงำน กำรดำรงชีพ และทกั ษะชีวิต ๑๓. ตอบสนองความสนใจ ความถนัด และความต้องการของผู้เรียนตามความแตกต่างระหว่าง บุคคล ๑๔. ฝึกการทางาน ทักษะทางอาชีพ ทรัพยส์ นิ ทางปัญญา อยู่อย่างพอเพียงและมวี นิ ัยทางการเงิน ๑๕. พฒั นาความสามารถด้านการใชท้ กั ษะชีวิต ๑๖. สรา้ งเสริมสมรรถนะทางกาย กิจกรรมหมวดที่ ๑ ให้ใช้กิจกรรมพัฒนำผู้เรียนตำมหลักสูตร ส่วนกิจกรรมหมวดที่ ๒ – ๔ ให้สถานศึกษาตั้งคณะทางานเพื่อศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอัน พึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ คุณธรรมพื้นฐาน ๘ ประการ ของกระทรวงศึกษาธิการ ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ ๒๑ รวมท้ัง จุดเน้นและอัตลักษณ์ของโรงเรียน เป็นต้น แล้ววางแผนจัดกิจกรรม “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” หรือเลือก จากตัวอย่างกจิ กรรม ดงั ต่อไปนี้
7 ส่วนท่ี ๓ ตวั อย่ำงกำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ “ลดเวลำเรยี น เพม่ิ เวลำรู้” หมวดที่ ๑ กิจกรรมพฒั นำผู้เรียน หมวดท่ี ๒ สรำ้ งเสรมิ สมรรถนะและกำรเรยี นรู้ หมวดท่ี ๓ สรำ้ งเสริมคณุ ลักษณะและค่ำนยิ ม หมวดท่ี ๔ สรำ้ งเสรมิ ทกั ษะกำรทำงำน กำรดำรงชีพ และทกั ษะชีวติ
8 หมวดที่ ๑ กิจกรรมพฒั นำผูเ้ รยี น (กจิ กรรมบังคับตำมหลกั สตู ร) กลมุ่ กจิ กรรมที่ ๑ กจิ กรรมแนะแนว กลมุ่ กจิ กรรมท่ี ๒ กจิ กรรมนักเรยี น กลุ่มกจิ กรรมท่ี ๓ กจิ กรรมเพ่อื สังคมและสำธำรณประโยชน์ กำรจัดกิจกรรมหมวดท่ี ๑ กิจกรรมพัฒนำผู้เรียน ให้สถำนศึกษำจัดกิจกรรมตำมท่ีหลักสูตร แกนกลำงกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑ กำหนด คือ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียน ได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร้างจิตสานึก ของการทาประโยชนเ์ พอ่ื สังคม สามารถจดั การตนเองได้ และอยู่ร่วมกบั ผอู้ นื่ อยา่ งมีความสขุ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น แบ่งเปน็ ๓ ลกั ษณะ ดังนี้ ๑. กิจกรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถคิดตัดสินใจ คดิ แกป้ ัญหา กาหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตท้ังด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเหลือและให้คาปรึกษาแก่ผู้ปกครอง ในการมสี ว่ นร่วมพัฒนาผเู้ รียน ๒. กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นาผู้ตามท่ีดี ความรับผิดชอบ การทางาน ร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน เอ้ืออาทร และ สมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ได้ปฏิบัติ ด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการทางาน เน้นการทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน บริบทของ สถานศกึ ษาและท้องถิน่ กจิ กรรมนกั เรยี นประกอบด้วย ๒.๑ กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผบู้ าเพญ็ ประโยชน์ และนกั ศกึ ษาวชิ าทหาร ๒.๒ กิจกรรมชุมนุม ชมรม ๓. กิจกรรมเพอ่ื สังคมและสำธำรณประโยชน์ เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และท้องถ่ิน ตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละต่อสังคม มีจติ สาธารณะ เชน่ กจิ กรรมอาสาพฒั นาตา่ ง ๆ กจิ กรรมสรา้ งสรรค์สังคม สถำนศึกษำสำมำรถเลือกกิจกรรมได้จำกเอกสำร / คู่มือ / แนวทำง ที่สำนักงำนคณะกรรมกำร กำรศกึ ษำขนั้ พ้ืนฐำนจดั ทำ
9 หมวดท่ี 2 สรา้ งเสรมิ สมรรถนะและการเรยี นรู้ กลุม่ กจิ กรรมท่ี 4 พัฒนาความสามารถดา้ นการสื่อสาร ตวั อย่างกิจกรรมที่ 1 1. ชือ่ กจิ กรรม English is Easy 2. เวลาทีใ่ ช้ 2 ชัว่ โมง 3. วตั ถุประสงค์ 1. นกั เรยี นสามารถพูดโต้ตอบเป็นภาษาองั กฤษในบทสนทนางา่ ย ๆ ได้ 2. นกั เรียนมีความพึงพอใจต่อการได้สื่อสารเปน็ ภาษาอังกฤษ 4. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูสนทนากับนักเรียน เร่ือง นักท่องเท่ียวที่มาเที่ยวเมืองไทย หากนักเรียนพบจะทักทาย หรือ เม่ือชาวต่างชาติ ขอความช่วยเหลือ เราจะพดู อย่างไร นกั เรยี นอาจตอบตามท่เี รียนร้ใู นวชิ าภาษาอังกฤษ 2. ครูเปิด วีดิทัศน์ บทสนทนาภาษาอังกฤษที่ได้คัดเลือกไว้แล้ว (อาจเป็นข้อมูลจาก YouTube, Website, CD ฯลฯ) 3. นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม 4 - 6 คน หรอื ตามความเหมาะสม ฝึกสนทนาตามบททไี่ ดฟ้ งั 4. ครูและนักเรียนร่วมกันจัดสถานการณ์ให้นักเรียนได้ ฝึกปฏิบัติกิจกรรม หรือ นานักเรียนได้ออกไปฝึกปฏิบัติจาก สถานการณจ์ ริงจากแหลง่ เรยี นรู้ในท้องถน่ิ 5.ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปประโยค หรือวลี ที่ใช้ ใน การสือ่ สารกบั ชาวต่างชาติ 5. สื่อการเรยี นรู้ 1. ส่ือประกอบการเรยี นการสอน เชน่ วดี ิทศั น์ บัตรคา เป็นตน้ 2. แหลง่ เรียนรูใ้ นท้องถน่ิ เช่น ตลาด อนสุ าวรีย์ วัด สถานทท่ี ่องเท่ยี ว เป็นตน้
6. การวัดและการประเมินผล 10 1. สังเกตพฤติกรรมนักเรยี น และความสาเรจ็ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจตอ่ การเขา้ รว่ มกจิ กรรมของนักเรียน มากที่สุด นอ้ ยท่สี ุด นอ้ ย ปานกลาง มาก 7. ภาพประกอบ 8. อ้างอิงแหลง่ ท่ีมาของขอ้ มลู https://atitaya11022522.wordpress.com/2013/10/22/ภาพการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน-s/
11 ตัวอย่างกิจกรรมที่ 2 1. ชื่อกิจกรรม ภาษาสู่อาเซยี น 2. เวลาท่ใี ช้ 6 ชวั่ โมง 3. วตั ถุประสงค์ 1. เพ่ือใหน้ ักเรียนไดฝ้ กึ การใชภ้ าษาในการส่อื สารกับประเทศสมาชกิ ในกลมุ่ อาเซยี นได้ 2. นักเรยี นมีความพงึ พอใจตอ่ การฝกึ ใช้ภาษาในการสื่อสารกบั ประเทศสมาชกิ ในกลุ่มอาเซียน 4. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 กจิ กรรมเพื่อนชว่ ยเพื่อน - ให้นักเรียนที่มีความรู้ความสามารถในด้านภาษาท่ี ใช้ในการสื่อสารกับประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียน มาช่วย พัฒนาทักษะการสื่อสารให้กับเพื่อน ๆ ที่มีความสนใจ ด้วย ภาษาท่เี ปน็ ประโยคส้ันๆ เขา้ ใจงา่ ย ช่วั โมงที่ 2 กิจกรรมแสดงบทบาทสมมติ - ให้นักเรียนได้กาหนดสถานการณ์แสดงบทบาทสมมุติ เช่น การซ้ือ-ขาย แลกเปล่ียนสินค้าใน ตลาด การสอบถามสถานท่ี การแนะนาแหล่งท่องเทยี่ วทีส่ าคัญ เปน็ ตน้ มุ่งเน้นให้นกั เรยี นไดใ้ ชท้ กั ษะ การสื่อสารภาษาประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซยี น ด้วยภาษาท่เี ปน็ ประโยคสนั้ ๆ เข้าใจง่าย ชัว่ โมงท่ี 3 - 4 กิจกรรมการศึกษานอกสถานศกึ ษา - นกั เรียนเรยี นรู้ ฝกึ ฝน การใชท้ กั ษะการส่ือสารภาษา ประเทศสมาชกิ ในกลุ่มอาเซยี น โดยไปพบและสนทนากับเจ้าของ ภาษาในชุมชน เช่น แรงงานตา่ งด้าว นักท่องเทีย่ ว ฯลฯ เพื่อเป็นการฝึกทักษะการสอื่ สารโดยตรง ชว่ั โมงท่ี 5 - 6 กจิ กรรมยอดนกั เขียน - นักเรียนเรียนรู้ ฝึกฝน การใช้ทักษะการอ่าน - การเขียน ภาษาประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียน ด้วยภาษาท่เี ป็นประโยคส้ันๆ เข้าใจง่าย ในรูปแบบของหนงั สือเลม่ เล็ก บตั รคาประกอบรปู ภาพ เป็นตน้
12 5. ส่อื การเรียนรู้ 1. ใช้สอ่ื วสั ด/ุ อปุ กรณท์ ่ีมใี นทอ้ งถน่ิ เพื่อพัฒนาการเรียนร้ไู ด้อยา่ งเหมาะสมและสอดคล้องกับ ความต้องการของผูเ้ ข้ารว่ มกิจกรรมและนักเรียน 2. แหล่งเรียนรู้ในชุมชน เชน่ ตลาด วัด แหลง่ ท่องเทีย่ ว เปน็ ต้น 3. การกาหนดสถานการณ์สมมุตติ ่าง ๆ 6. การวัดและการประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤติกรรมนกั เรียน และความสาเรจ็ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเขา้ รว่ มกิจกรรมของนักเรียน น้อยทสี่ ุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทีส่ ดุ 7. ภาพประกอบ กิจกรรมเพื่อนช่วยเพอ่ื น กิจกรรมแสดงบทบาทสมมติ กิจกรรมการศึกษานอกสถานศกึ ษา
13 กิจกรรมยอดนกั เขยี น 8. อ้างอิงแหลง่ ทม่ี าของขอ้ มูล โรงเรียนบ้านห้วยม่วง สังกดั สานกั งานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาตาก เขต 2 จงั หวดั ตาก http://www.kru.ac.th/th/new_detail.php?new_id=1350 https://www.gotoknow.org/posts/140642 http://db.kkzone1.go.th/plus/?mode=article1&news_id=19
14 ตวั อย่างกิจกรรมท่ี 3 1. ช่อื เร่อื ง มคั คุเทศกท์ อ้ งถน่ิ 2. เวลาท่ใี ช้ ๘ ชั่วโมง 3. วตั ถุประสงค์ 1. เพื่อให้นักเรยี นปฏิบัตกิ จิ กรรมมคั คเุ ทศก์ท้องถ่นิ ได้ 2. เพ่ือใหน้ ักเรยี นมคี วามพงึ พอใจตอ่ การเข้ารว่ มกจิ กรรมมัคคุเทศก์ทอ้ งถน่ิ 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครแู ละนกั เรียนร่วมกันศกึ ษาการทาหน้าทีม่ ัคคเุ ทศกจ์ ากส่ือตา่ งๆ ๒. ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายถงึ บทบาทหน้าท่ีของมคั คเุ ทศก์ 3. นักเรยี นวางแผนการปฏบิ ัติหนา้ ทขี่ องมคั คุเทศก์ ๔. นกั เรยี นปฏบิ ัติหน้าทมี่ ัคคุเทศก์ดว้ ยการแสดงบทบาทสมมตุ หิ รือปฏบิ ตั ติ ามสถานการณจ์ รงิ ๕. ครูและนักเรยี นร่วมกันชนื่ ชมการทาหนา้ ทีม่ คั คุเทศก์น้อยท่ีได้ไปปฏบิ ตั ิหนา้ ทม่ี า 5. สื่อการเรียนรู้ 1. สอ่ื สงิ่ พมิ พ์ 2. สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ ๓. ส่ือวดี ิทัศน์ 3. สอ่ื บคุ คล ภูมปิ ญั ญา 4. แหล่งเรียนรทู้ ี่มีอย่ใู นทอ้ งถน่ิ 6. การวดั และการประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี น และความสาเรจ็ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเข้าร่วมกจิ กรรมของนักเรยี น นอ้ ยท่ีสดุ น้อย ปานกลาง มาก มากทีส่ ุด
15 7. ภาพประกอบ 8. อา้ งอิงแหล่งทีม่ าของขอ้ มูล http://www.weekendhobby.com/camp/webboard/picture2012%5C98255515095.JPG http://salm.blob.core.windows.net/review-source/bf061ac3-07c0-61fc-20f6- 52aea8790ea9.jpg
16 กลมุ่ กจิ กรรมท่ี 5 พฒั นาความสามารถดา้ นการคดิ และการพฒั นากรอบความคิด แบบเปิดกว้าง (Growth Mindset) ตวั อย่างกจิ กรรมท่ี 1 1. ชอื่ กจิ กรรม โรงหนงั ในโรงเรยี น (Theater in School) 2. เวลาทใี่ ช้ 2 ชัว่ โมง 3. วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือใหน้ ักเรียนปฏิบัติกจิ กรรมโรงหนงั ในโรงเรียนได้ 2. เพอ่ื ให้นักเรียนมคี วามพงึ พอใจตอ่ การเขา้ รว่ มกิจกรรมโรงหนังในโรงเรียน 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. นักเรยี นลงทะเบยี นเข้าชมภาพยนตร์ ๒. ชมภาพยนตรต์ ามโปรแกรมท่ีครแู ละนกั เรียนร่วมกนั จัดทาข้ึน ๓. แลกเปล่ียนเรยี นรปู้ ระเดน็ ต่าง ๆ ท่เี กี่ยวเนอ่ื งกบั ภาพยนตร์ ๔. ชืน่ ชม มอบรางวัลใหก้ ับผู้เข้าร่วมแลกเปล่ยี นเรียนรู้ 5. นักเรยี นรว่ มกนั เก็บกวาด ทาความสะอาดโรงหนังให้เรียบร้อย พร้อมใหอ้ ยู่ในสภาพการใช้งานต่อไป 5. สือ่ การเรียนรู้ 1. หอ้ งโสตทัศนศกึ ษาหรอื ห้องประชุม ๒. เคร่ืองฉายภาพยนตร์ หรอื คอมพวิ เตอร์ ๓. จอภาพยนตร์ กระดานอัจฉริยะ หรอื จอ LED ๔. ฟิล์มภาพยนตร์ หรอื แผน่ DVD ภาพยนตร์ 6. การวัดและการประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมนักเรียน และความสาเรจ็ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ การเขา้ ร่วมกจิ กรรมของนักเรยี น น้อยทีส่ ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากทีส่ ุด
17 7. ภาพประกอบ โรงหนังในโรงเรยี นบ้านยางคา ต.ยางคา อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น (ท่ีมา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/651006) 8. อ้างองิ แหลง่ ทมี่ าของขอ้ มูล พรพรรณ สีกะพา.2558 .“ยางคาเธียเตอร์ โรงหนงั ในโรงเรยี น.” [ระบบออนไลน์]. แหล่งท่ีมา http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/651006 (16 กันยายน 2558).
18 ตัวอย่างกจิ กรรมท่ี 2 1. ชื่อกจิ กรรม หมากรกุ หรรษา พัฒนาทักษะการคิด 2. เวลาท่ีใช้ 5 ช่ัวโมง 3. วัตถุประสงค์ 1. เพ่ือใหน้ กั เรยี นปฏิบัติกิจกรรมหมากรุกหรรษาได้ 2. เพอื่ ให้นักเรียนมีความพึงพอใจตอ่ การเขา้ ร่วมกิจกรรมหมากรุกหรรษา ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครเู ปดิ วีดิทัศนป์ ระวัตคิ วามเปน็ มาและวธิ ีการเลน่ หมากรกุ ไทยใหน้ ักเรยี นดู ๒. ครสู าธิตวธิ ีการเลน่ หมากรุกไทยใหน้ ักเรยี นไดด้ ู ๓. นักเรยี นฝึกเล่นหมากรกุ ไทยและมีการแขง่ ขนั หมากรกุ ไทย ๔. มอบรางวลั ให้กับนักเรียนทช่ี นะการแข่งขัน 5. นกั เรียนเกบ็ อปุ กรณ์หมากรุกไทยใหอ้ ยู่ในสภาพเรยี บร้อยเมื่อเสรจ็ กิจกรรมทุกคร้งั ๕. ส่ือการเรยี นรู้ ๑. วีดทิ ัศน์การแข่งขันหมากรุกไทย ๒. รูปภาพของตวั หมากรุกไทยแตล่ ะตัว ๓. เอกสารประกอบการสอนการเลน่ หมากรุกไทยและเทคนคิ การเลน่ หมากรุกไทย 6. การวัดและการประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรมนกั เรียน และความสาเร็จของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ การเขา้ ร่วมกิจกรรมของนักเรยี น นอ้ ยท่สี ดุ นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่สี ุด
19 ๗. ภาพประกอบ ๘. แหล่งอ้างอิงท่มี าของขอ้ มลู “หมากรุกไทย” [ระบบออนไลน์]. แหล่งท่ีมา http://www.wikiwand.com (15 กันยายน 2558) “หมากรุกไทยกบั การรบของพระเจา้ กรุงธนบุรี” 2557. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ท่ีมา http://ctheritagefoundation.org ( 15 กันยายน 2558)
20 ตวั อย่างกจิ กรรมที่ 3 ๑. ชอื่ กิจกรรม วสั ดุเหลอื ใช้สร้างสรรคผ์ ลงาน ๒. เวลาทีใ่ ช้ ๑๐ ชัว่ โมง ๓. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพื่อให้นกั เรียนนาวัสดุเหลือใช้มาประดษิ ฐ์ผลงานได้ ๒. เพ่อื ให้นักเรียนมคี วามพงึ พอใจตอ่ การเขา้ รว่ มกจิ กรรมวัสดุเหลือใชส้ ร้างสรรคผ์ ลงาน ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันบอกประโยชน์จากการออกแบบงานประดิษฐ์ผลงาน จากวสั ดเุ หลอื ใช้ ๒. นกั เรียนออกแบบพรอ้ มท้งั ประดษิ ฐ์ผลงานจากวัสดุเหลือใช้ประเภทต่าง ๆ ๓. นักเรียนรว่ มกนั ชนื่ ชมผลงานการประดิษฐ์วสั ดุเหลือใช้ ๔. นกั เรียนเก็บ ทาความสะอาด อปุ กรณ์ทีน่ ามาใช้ใหเ้ รยี บร้อยให้พร้อมใช้งาน ในคร้งั ต่อไป และทาความสะอาดบริเวณที่ใช้ทากิจกรรมให้สะอาดเรียบร้อย ร่วมกนั ๕. สอ่ื การเรียนรู้และแหลง่ เรียนรู้ ๑. สือ่ สง่ิ พิมพ์ เชน่ หนงั สอื นติ ยสารขวญั เรอื น ประดิดประดอย ๒. ตวั อย่างผลงานการประดษิ ฐ์ของใช้จากวสั ดุตา่ งๆ ๔-5 ผลงาน ๓. เวบ็ ไซต์เกย่ี วกบั การออกแบบงานประดิษฐ์ ๔. สถานที่ เชน่ หอ้ งสมดุ บ้าน โรงเรียน ร้านจาหนา่ ยผลงานประดิษฐ์ ๕. บุคคล เช่น ครู ผ้รู ู้ ผปู้ ระกอบอาชีพเกี่ยวกับงานประดษิ ฐ์ 6. การวดั และการประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤติกรรมนกั เรียน และความสาเร็จของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ การเข้าร่วมกิจกรรมของนกั เรยี น นอ้ ยทีส่ ดุ นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่สี ุด
21 ๗. ภาพประกอบ ๘. อา้ งอิงแหลง่ ที่มาของข้อมลู http://www.legendnews.net/images/column_1327468913/1d5113f4.jpg http://i.kapook.com/tripplep/17-8-53/DCON1.jpg http://www.bloggang.com/data/travelaround/picture/1211826724.jpg http://www.smesreport.com/sme-img/004411316912425.jpg http://comcentre.lpru.ac.th/save_world/assets/img/logo-2.png
22 ตวั อย่างกิจกรรมท่ี 4 ๑. ชอ่ื กิจกรรม การประดิษฐ์ของชารว่ ย ๒. เวลาท่ใี ช้ ๑๐ ช่ัวโมง ๓. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพ่ือให้นักเรยี นประดษิ ฐ์ของชารว่ ยได้ ๒. เพื่อให้นกั เรียนมีความพงึ พอใจต่อการเข้ารว่ มกิจกรรมการประดิษฐ์ของชารว่ ย ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ครูนางานประดษิ ฐ์ของชาร่วย ไดแ้ ก่ ปลาตะเพยี นใบลาน ดอกไมจ้ ากใบยางพารามาใหน้ ักเรียนดู ๒. ครูนาซีดีหรือวีดิทัศนเ์ กีย่ วกับวธิ ีการสร้างงานประดิษฐ์ของชารว่ ยมาใหน้ ักเรียนศึกษา 3. นักเรียนออกแบบพรอ้ มทงั้ ประดษิ ฐ์ของชารว่ ยที่ตนเองสนใจ 4. นักเรียนร่วมชืน่ ชมผลงานของกนั และกนั 5. นักเรียนเกบ็ ทาความสะอาด อุปกรณ์ท่นี ามาใช้ให้เรียบร้อยให้พร้อมใชง้ านในคร้ังต่อไป และทา ความสะอาดบรเิ วณที่ใชท้ ากจิ กรรมให้สะอาดเรยี บร้อยรว่ มกัน ๕. สือ่ การเรยี นรู้และแหลง่ เรียนรู้ 1. สือ่ สงิ่ พิมพ์ เช่น นิตยสารขวญั เรอื น กุลสตรี ประดดิ ประดอย เป็นต้น 2. สอื่ โทรทัศน์ เช่น รายการทส่ี อนทางานประดิษฐข์ องชารว่ ยต่าง ๆ 3. ตวั อย่างของจริง 4. บุคคล เชน่ ผ้ปู กครอง ครู ผู้รู้ ผูป้ ระกอบอาชีพเกย่ี วกับงานประดษิ ฐ์ของชารว่ ย 6. การวดั และการประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมนกั เรียน และความสาเรจ็ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ การเขา้ ร่วมกจิ กรรมของนักเรยี น นอ้ ยทีส่ ุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่ีสดุ
23 ๗. ภาพประกอบ 8. อ้างองิ แหลง่ ที่มาของขอ้ มลู เอกสาร รูปภาพ วดี ทิ ศั น์ สอ่ื การเรยี นรู้ แหล่งเรยี นรู้ http://www.pb-pac.com/images/sub_1262233474/wedding%20bag%202-3-10.jpg http://www.pb-pac.com/images/sub_1297398286/b13-0318.jpg http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=2445219 http://www.couplelover.com/wp-content/uploads/2015/03/note-02.jpg http://www.couplelover.com/wp-content/uploads/2015/03/note-02.jpg http://www.thaitechno.net/uploadedimages/c1/Product_40036_383657902_fullsize.jpg http://img.tarad.com/shop/t/t_nature/img-lib/spd_20061010131718_b.jpg http://www.bloggang.com/data/o/ozora/picture/1361270071.jpg
24 กลุ่มกจิ กรรมท่ี 6 พัฒนาความสามารถดา้ นการแกป้ ญั หา ตวั อย่างกจิ กรรมที่ ๑ 1. ชือ่ กิจกรรม ถกแถลง 2. เวลาทีใ่ ช้ 4 ช่ัวโมง ๓. วัตถุประสงค์ ๑. เพอ่ื นักเรยี นไดป้ ฏิบตั ิกจิ กรรมการถกแถลง ๒. เพื่อใหน้ กั เรียนเกดิ ความเข้าใจอันดรี ะหวา่ งกัน 3. เพื่อเกิดความร่วมมือและหาทางออกรว่ มกัน 4. เพื่อให้นกั เรยี นมีความจรงิ ใจและเห็นประโยชนข์ องทุกฝ่ายร่วมกัน 4. กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครแู ละนักเรียนถกปญั หาในโรงเรยี นที่ควรนามาคุยกันเพ่ือหาแนวทางแก้ไขรว่ มกนั 2. นักเรียนร่วมกนั เข้ากลมุ่ ตง้ั ประเดน็ ทตี่ ้องถกแถลงและกติการ่วมกันในการสนทนา 3. ตงั้ ปญั หาทต่ี อ้ งถกแถลง เชน่ ความสะอาดบรเิ วณโรงเรียน วนิ ัยในการรบั ประทานอาหาร ฯลฯ 4. จากประเดน็ ท่ีต้งั ปญั หา ใหร้ ว่ มกันหาสาเหตเุ กดิ จากอะไร และท่ีมาของปัญหา 5. ทุกกลมุ่ รว่ มกนั หาข้อสรุปทไี่ ด้จากการถกแถลงท่นี าไปสู่การนาเสนอแนะได้อย่างรอบคอบ 6. นาขอ้ เสนอแนะไปสกู่ ารปฏิบตั ิหลังจากไดข้ อ้ สรปุ วา่ ควรจะปฏบิ ัติร่วมกันอยา่ งไร 5. สอ่ื การเรียนรแู้ ละแหลง่ การเรียนรู้ 1. วดี ทิ ัศน์ตัวอยา่ งการโตว้ าที / การอภปิ ราย / การประชมุ สภานกั เรยี น 2. รูปภาพการประชมุ 3. ตวั อยา่ งหวั ขอ้ การถกแถลง 6. การวัดและการประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมนกั เรียนในเร่ืองต่อไปนี้ 1.1 สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม 1.2 สงั เกตความสาเรจ็ ของการถกแถลงในขณะปฏิบัติกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเข้ารว่ มกิจกรรมของนักเรียน นอ้ ยท่สี ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากท่ีสดุ
25 ตวั อยา่ งกจิ กรรมท่ี 2 ๑. ช่อื กจิ กรรม การออกแบบผลติ ภณั ฑ์ ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๑๐ ชัว่ โมง ๓. วตั ถุประสงค์ ๑. นกั เรยี นสามารถสร้างช้ินงานโมเดลด้วยโปรแกรม Google Sketchup ได้ ๒. เพื่อให้นกั เรยี นมคี วามพงึ พอใจตอ่ การเขา้ รว่ มกิจกรรมการออกแบบผลติ ภัณฑ์ ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครูแนะนา สาธติ ให้นักเรยี นร้จู ักกับโปรแกรม Google Sketchup ๒. นักเรยี นวางแผนออกแบบผลิตภัณฑ์ พรอ้ มท้ังลงมือปฏิบตั โิ ดยใช้โปรแกรม Google Sketchup ท่ตี นเองสนใจ 3. นกั เรียนรว่ มชืน่ ชมผลงานของกันและกนั 4. นกั เรียนเกบ็ ดูแลรักษา อุปกรณ์ที่นามาใช้ใหเ้ รยี บร้อย พรอ้ มสาหรับใช้งานในคร้ังตอ่ ไป และทา ความสะอาดบริเวณที่ใช้ปฏบิ ัติกิจกรรมรว่ มกันใหเ้ รยี บรอ้ ย 5. สอ่ื การเรยี นรูแ้ ละแหลง่ การเรยี นรู้ ๑. คมู่ ือการใช้งานโปรแกรม Google Sketchup ๒. อนิ เตอรเ์ น็ต เพ่ือใชส้ าหรับค้นควา้ ข้อมลู 6. การวัดและการประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมนักเรยี น และความสาเรจ็ ของกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้าร่วมกจิ กรรมของนักเรียน นอ้ ยทีส่ ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากทส่ี ดุ
26 ๗. ภาพประกอบ ตวั อยา่ งการออกแบบผลติ ภัณฑ์ ๘. อ้างอิงแหล่งทีม่ าของข้อมลู เอกสาร รูปภาพ วีดทิ ัศน์ ส่อื การเรียนรู้ แหลง่ เรยี นรู้ http://www.dlf.ac.th/uploads/document/139919067431778.pdf http://www.pthousethailand.com/Knowledge_3D/SketchUp8.pdf https://drive.google.com/file/d/0B-CnS7QDe4t_OEFuRktEenRneWs/edit?pli=1
27 ตัวอยา่ งกิจกรรมที่ 3 1. ชื่อกิจกรรม ชา่ งคอมตวั นอ้ ย 2. เวลาท่ใี ช้ 8 ชว่ั โมง ๓. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพื่อให้นกั เรยี นปฏิบตั ิกจิ กรรมช่างคอมตัวน้อยได้ ๒. เพ่ือให้นกั เรียนมีความพึงพอใจตอ่ การเขา้ รว่ มกจิ กรรมช่างคอมตัวน้อย 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ แบง่ เป็น 8 ชั่วโมง (ครูสามารถจดั เวลาได้ตามความเหมาะสม) ชั่วโมงที่ 1 - 2 ครูจัดองค์ความรู้ให้แก่นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ สามารถ บอกช่ืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์และหลักการทางานของคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้นได้ เช่น การให้นักเรียนได้เรียนรู้ จากอุปกรณจ์ รงิ หรือ การชมวีดิทศั นส์ าธิต เป็นต้น ชวั่ โมงท่ี 3 - 4 ครูจัดองค์ความรู้ให้แก่นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลรักษาคอมพิวเตอร์ เช่น วิธีการทาความ สะอาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในแต่ละช้ินส่วน อาจมีการจัดให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง เพ่ือเสริมสร้าง ทักษะในการทางาน โดยมีครูคอยดูแล ช้ีแนะ อยู่ไม่ห่าง เพราะถ้าเกิดกรณีนักเรียนทาความสะอาดไม่ ถูกต้อง อาจนามาซ่ึงความเสียหายแก่คอมพิวเตอร์ได้ พร้อมทั้งปลูกฝังให้นักเรียนมีความตระหนัก เห็น คุณค่า รักและหวงแหน คอมพวิ เตอรข์ องตนเอง ชว่ั โมงที่ 5 - 7 เมื่อนักเรียนได้เรียนรู้หลักการทางานเบ้ืองต้นของระบบคอมพิวเตอร์แล้ว ครูอาจมีการนา คอมพิวเตอร์ท่ีมีอาการเสียในหลาย ๆ กรณี (แบ่งกลุ่มนักเรียนตามอาการเสีย) ให้นักเรียนในกลุ่มร่วมกัน อภปิ รายหาสาเหตุของปัญหาของอาการเสีย หาวธิ ีในการแก้ไขปญั หา โดยใช้การคิดวเิ คราะห์ คดิ สงั เคราะห์ อย่างมีวจิ ารณญาณ เปน็ ระบบ พรอ้ มท้งั ลงมือปฏิบตั ิ โดยใช้ทักษะทไ่ี ดเ้ รียนรมู้ าอยา่ งถกู ต้อง ปลอดภัย โดยมีครูคอยดูแล ชี้แนะ อย่างใกล้ชิด ชั่วโมงที่ 8 ให้แตล่ ะกลุ่มนาองค์ความรู้หรือสารสนเทศท่ีตนได้รับมา ความภาคภูมใิ จที่สามารถแก้ไขอาการเสีย ท่เี กดิ ข้ึนกับคอมพวิ เตอร์ เสนอ แลกเปล่ยี นความรู้ แก่เพือ่ น ๆ ในกลมุ่ อน่ื ได้
28 หมายเหตุ : นักเรียนเก็บ ทาความสะอาด อุปกรณ์ที่นามาใช้ให้เรียบร้อยให้พร้อมใช้งานในครั้ง ต่อไป และร่วมกันทาความสะอาดบริเวณที่ใช้ทากิจกรรมให้สะอาดเรียบร้อย และสามารถออกบริการแก่ ชุมชนและโรงเรียนขา้ งเคียงได้ 5. สือ่ การเรยี นรู้ 1. คอมพวิ เตอร์ สื่อการสอนเกย่ี วกับเรื่อง สว่ นประกอบของคอมพิวเตอร์ 2. อุปกรณ์การซอ่ มคอมพวิ เตอร์ เช่น ไขควง ยางลบ เปน็ ต้น 3. อปุ กรณ์การทาความสะอาด เชน่ ผ้า แปรงขัด เครอื่ งเปา่ ฝนุ่ เป็นตน้ 6. การวดั และการประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรมนกั เรียน และความสาเร็จของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ การเขา้ ร่วมกิจกรรมของนักเรยี น นอ้ ยที่สุด น้อย ปานกลาง มาก มากทส่ี ุด 7. ภาพประกอบ 8. อ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมลู โรงเรยี นรวมไทยพัฒนา 2 สานกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศึกษาตาก เขต 2 จังหวดั ตาก
29 ตวั อยา่ งกจิ กรรมท่ี 4 1. ช่ือกิจกรรม สิ่งประดษิ ฐ์ทางวิทยาศาสตร์ 2. เวลาทใ่ี ช้ ๓ ช่ัวโมง ๓.วตั ถุประสงค์ ๑. นกั เรยี นสามารถสรา้ งส่ิงประดษิ ฐท์ างวิทยาศาสตร์ได้ ๒. เพ่ือให้นักเรียนมคี วามพงึ พอใจต่อการเข้ารว่ มกจิ กรรมการสร้างสิ่งประดิษฐท์ างวทิ ยาศาสตร์ ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครนู าตวั อย่างส่งิ ประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ มาใหน้ ักเรียนไดด้ ู ๒. ครูนาวีดทิ ัศนเ์ ก่ียวกับวธิ กี ารสร้างสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ มาใหน้ กั เรียนศึกษา 3. นกั เรยี นออกแบบพร้อมทั้งสรา้ งสิ่งประดิษฐท์ างวิทยาศาสตร์ ทีต่ นเองสนใจ 4. นกั เรยี นรว่ มชืน่ ชมผลงานของกันและกัน 5. นักเรียนเก็บ ดูแลรักษา อุปกรณ์ที่นามาใช้ให้เรียบร้อยพร้อมสาหรับใช้งานในคร้ังต่อไป และทาความสะอาดบริเวณท่ีใช้ทากิจกรรมให้เรียบร้อยร่วมกัน 5. สือ่ การเรยี นรแู้ ละแหล่งการเรยี นรู้ 1. วัสดุ อปุ กรณ์ ตามสง่ิ ประดษิ ฐ์ที่จะใหน้ ักเรยี นสรา้ งวดี ทิ ัศน์ 2. ใบงาน 3. ปากกา, ดนิ สอ 6. การวัดและการประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมนกั เรยี น และความสาเรจ็ ของกจิ กรรม 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเขา้ รว่ มกิจกรรมของนกั เรยี น นอ้ ยทีส่ ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากท่สี ดุ
30 7. อา้ งอิงแหล่งท่มี าของขอ้ มูล http://www.sciencetoy.in.th/home/ http://p-ject.com/ https://www.youtube.com/watch?v=okRhKdZqNmQ ตวั อย่าง สงิ่ ประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ 1. รถพลังงานลม ๑.๑ วัสดุ อุปกรณ์ สาหรับการประดิษฐ์รถ หนงึ่ คัน ประกอบไปด้วย - กล่องนม ๑ กล่อง - หลอดดดู นา้ แบบโค้งงอได้ ๑ หลอด - หลอดดูดนา้ แบบตรง ๒ หลอด - ฝาขวดน้า ๔ ฝา - ไมเ้ สียบลูกชนิ้ ๒ ไม้ - ดินน้ามนั - ลูกโป่ง ๑ ใบ - เทปกาว - กรรไกร - กระดาษสสี วย - กาว ๑.๒ ตวั อยา่ งคาถามนาการอภอิ ปราย - ครูสนทนากบั นักเรียนเกีย่ วกบั รถพลังงานลม ที่จะใหน้ กั เรียนสรา้ งขนึ้ วา่ ทางานได้ อย่างไร (เคล่อื นทีไ่ ด้ด้วยแรงลม) ใช้ประโยชนอ์ ะไรไดบ้ า้ ง (พลงั งานลมสามารถใชผ้ ่อนแรงพลงั งานคน สามารถใชเ้ ปน็ พลงั งานทดแทนเช้อื เพลิงได)้ - ครูช้แี จงวตั ถปุ ระสงค์ของกิจกรรม วา่ นกั เรียนจะต้องสร้างรถทวี่ ่ิงได้ดว้ ยพลงั งานลม ให้วิ่งไดไ้ กลทส่ี ดุ - ครูสอบถามความรเู้ ดิมของนกั เรยี นทเ่ี ก่ียวข้องกบั สงิ่ ประดษิ ฐท์ จี่ ะสรา้ งขึ้น วา่ เกีย่ วข้อง กบั เรอ่ื งใดบา้ ง (พลงั งานลม, อากาศต้องการท่ีอยู่ , แรงเสียดทาน , แรงเฉอื่ ย , แรงดนั , ความเร็ว , ระยะทาง) แตล่ ะเร่ืองเก่ียวข้องอย่างไรกับการเคลอ่ื นทขี่ องรถ ๑.๓ ภาพตัวอยา่ ง
31 ๒. เคร่อื งยงิ กระสุนสปริง ๒.๑ วสั ดุ อุปกรณ์ สาหรับการประดิษฐ์เคร่ืองยงิ กระสนุ หน่งึ เครื่อง ประกอบไปด้วย - ช้อนพลาสติก ๑ คนั - ไมไ้ อศกรีม ๑ ไม้ - แกนกระดาษชาระ หรือจุกไม้ก๊อก - ฝาขวดน้า ๑ ฝา - ไมก้ ระดาน ขนาด ๒ x ๔ นว้ิ ๑ แผ่น - ลกู กระสนุ - เคร่ืองยงิ กาว - ที่หนีบผ้า แบบละ ๑ อนั อย่างน้อย ๒ แบบ ๒.๒ ตวั อย่างคาถามนาการอภิอปราย - ครสู นทนากบั นกั เรียนเกีย่ วกับเครื่องยงิ กระสนุ สปริง ที่จะใหน้ กั เรยี นสร้างขนึ้ ว่า ทางาน ไดอ้ ย่างไร (กระสุนเคล่อื นที่ไดด้ ้วยแรงเหวยี่ ง) ใชป้ ระโยชน์อะไรไดบ้ า้ ง (ลวดสปริงสามารถใชผ้ อ่ นแรงคน สามารถใช้เปน็ พลังงานทดแทนเช้อื เพลงิ ได)้ - ครชู แี้ จงวัตถปุ ระสงค์ของกิจกรรม ว่า นักเรยี นจะต้องสรา้ งเครื่องยิงกระสุนสปรงิ ใหไ้ ปไกลท่สี ุด และแม่นยาท่ีสุด - ครสู อบถามความรู้เดมิ ของนกั เรยี นที่เกี่ยวข้องกบั ส่งิ ประดษิ ฐท์ ่จี ะสรา้ งขึ้น วา่ เก่ียวข้อง กับเรอื่ งใดบา้ ง (พลงั งาน , แรงเสียดทาน , แรงเฉ่อื ย , แรงดนั , ทิศทาง , ระยะทาง) แต่ละเรอื่ งเกยี่ วข้อง อยา่ งไรกับการเคร่ืองยงิ กระสุนสปริง ๒.๓ ภาพตัวอยา่ ง
32 กลมุ่ กจิ กรรมที่ 7 พฒั นาความสามารถดา้ นการใช้เทคโนโลยี ตัวอย่างกิจกรรมที่ 1 1. ชือ่ กจิ กรรม เทยี่ วไกลไรพ้ รมแดน 2. เวลาท่ีใช้ ๒ ชวั่ โมง ๓. วัตถุประสงค์ ๑. นักเรียนปฏิบัติกจิ กรรมเท่ยี วไกลไรพ้ รมแดนได้ ๒. เพือ่ ให้นกั เรยี นมีความพึงพอใจตอ่ การเข้าร่วมกิจกรรมเทยี่ วไกลไร้พรมแดน 4. กิจกรรมการเรียนรู้ ชวั่ โมงท่ี 1 1. ครูสนทนากับนักเรียนโดยถามว่า “ถ้านักเรียนมีเงิน มีเวลา นักเรียนต้องการไปเที่ยวที่ใด” สุ่มให้ นกั เรยี นตอบ 2 - 3 คน ครูบอกนกั เรยี นวา่ “วันนี้เรามาทาความฝนั ให้เป็นจรงิ โดยการทอ่ งเทย่ี วดว้ ยอินเทอร์เน็ต” 2. ครใู หน้ กั เรยี นเขียนสถานทห่ี รือประเทศท่ีตอ้ งการไปท่องเท่ียว 3. นักเรยี นสบื ค้นขอ้ มลู สถานทีท่ อ่ งเที่ยวทีส่ นใจ ทางอนิ เตอรเ์ น็ต ภายในเวลาทีก่ าหนด 4. นักเรียนจดั อันดับสถานท่ี / แหลง่ ทอ่ งเท่ยี วทีน่ ่าเที่ยวทส่ี ุดจากขอ้ มลู ทนี่ กั เรียนสืบคน้ ชว่ั โมงที่ 2 1. ครแู ละนกั เรียนทบทวนสถานทีท่ ่องเท่ียวที่จัดลาดับช่ัวโมงทผ่ี ่านมา 2. นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายขอ้ ดี ขอ้ เสีย ของการใช้อินเตอรเ์ น็ต 3. นักเรยี นเลา่ เรอ่ื งราวประเทศทต่ี นเองสนใจให้กบั เพือ่ น ๆ ในห้องฟัง 4. แตล่ ะกลุ่มรว่ มกันอภปิ ราย สรปุ ความสาคัญ ของสถานที่และนาเสนอตอ่ กลุม่ ใหญ่ 5. นักเรียนร่วมจัดอันดับสถานท่ี / แหล่งท่องเที่ยวท่ีน่าเที่ยวท่ีสุดจากข้อมูลท่ีเพื่อน ๆ นักเรียนใน หอ้ งนาเสนอ 5. สอ่ื การเรยี นรู้ คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย สาหรบั ใชใ้ นการสบื คน้
6. การวดั และการประเมินผล 33 1. สงั เกตพฤติกรรมนกั เรยี น และความสาเร็จของกิจกรรม 2. สังเกตความสาเร็จของผลงาน ในการปฏิบัติกิจกรรม 3. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเขา้ รว่ มกจิ กรรมของนักเรยี น มากทส่ี ุด น้อยที่สดุ น้อย ปานกลาง มาก 7. ภาพประกอบ 8. อา้ งองิ แหลง่ ทม่ี าของข้อมลู โรงเรียนอนุบาลจนั ทบุรี สานกั งานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาจันทบุรี เขต 1 จงั หวดั จนั ทบุรี
34 ตวั อย่างกจิ กรรมที่ 2 ๑. ชือ่ กจิ กรรม สกรีนเสอื้ ๒. เวลาทีใ่ ช้ ๑๐ ชัว่ โมง ๓. วัตถุประสงค์ ๑. นกั เรยี นปฏิบัตกิ จิ กรรมสกรนี เส้อื ได้ ๒. เพอื่ ให้นกั เรยี นมีความพงึ พอใจตอ่ การเขา้ รว่ มกิจกรรมการสกรีนเส้อื ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครูอธิบายวิธกี ารและขั้นตอนการสกรีนเสอื้ พร้อมทั้งแสดงตวั อยา่ งของอปุ กรณ์ที่ใช้ 2. นกั เรยี นออกแบบลายสกรีน 3. ครสู าธิตขัน้ ตอนการทาบล็อกสกรนี พรอ้ มกับใหน้ กั เรียนลองฝึกปฏิบัตติ าม 4. นกั เรยี นฝึกปฏบิ ตั ิการสกรนี เสอื้ ด้วยตนเอง 5. นกั เรยี นเกบ็ ดูแลรกั ษา อุปกรณท์ ี่นามาใช้ใหเ้ รยี บร้อยพรอ้ มสาหรบั ใชง้ านในคร้ังต่อไป และรว่ มกนั ทาความสะอาดบริเวณทีใ่ ช้ทากิจกรรมให้เรยี บร้อย ๕. สือ่ การเรยี นรแู้ ละแหลง่ การเรยี นรู้ 1. รปู ภาพ 2. ใบความรู้ 3. วัสดุ/อปุ กรณ์ ในการทาบลอ็ กสกรีน 4. สารเคมีทีใ่ ช้ 5. บล็อกสกรนี ที่สาเรจ็ แล้ว 6. เว็บไซท์เก่ยี วกับการสกรนี เสอ้ื 7. วดี ิทศั นก์ ารสกรีนเส้อื 6. การวดั และการประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤติกรรมนกั เรียนในเรอื่ งต่อไปน้ี 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม 1.2 สังเกตความสาเร็จของผลงาน ในการปฏบิ ัติกจิ กรรม
35 2. แบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ การเขา้ ร่วมกจิ กรรมของนกั เรียน นอ้ ยท่สี ดุ นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่สี ดุ ๗. ภาพประกอบ ๘. อา้ งองิ แหลง่ ทม่ี าของข้อมูล เอกสาร รปู ภาพ วดี ิทัศน์ สอ่ื การเรยี นรู้ แหล่งเรียนรู้ http://easyshirtscreen.blogspot.com http://www.graphtecthai.com http://www.bloggang.com https://www.youtube.com/watch?v=qcV9O_9pBc4 https://www.youtube.com https://www.youtube.com/watch?v=f3hX7IUvcFE https://www.youtube.com/watch?v=wf4x2j5yFnQ http://easyshirtscreen.blogspot.com/2013/01/blog-post.html
36 ตัวอยา่ งกจิ กรรมท่ี 3 ๑. ชื่อกิจกรรม การถา่ ยภาพเบ้ืองต้น ๒. เวลาท่ใี ช้ ๑๐ ช่ัวโมง ๓. วัตถุประสงค์ ๑. นักเรยี นปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการถา่ ยภาพเบื้องตน้ ได้ ๒. เพื่อให้นักเรียนมคี วามพึงพอใจตอ่ การเข้ารว่ มกจิ กรรมการถา่ ยภาพเบ้ืองตน้ ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครูนาตัวอยา่ งภาพถา่ ยแบบตา่ ง ๆ มาให้นกั เรียนไดด้ ู ๒. ครสู าธติ ข้ันตอนการถา่ ยภาพ การจัดองค์ประกอบของภาพ 3. นักเรียนฝึกปฏบิ ัติการถ่ายภาพ 4. นักเรียนร่วมช่ืนชม นาเสนอ ผลงานให้เพื่อน ๆ ดู 5. นกั เรียนเก็บ ดูแลรักษา อุปกรณท์ ี่นามาใชใ้ ห้เรยี บรอ้ ยพร้อมสาหรับใช้งานในครัง้ ต่อไป และรว่ มกนั ทาความสะอาดบริเวณทใี่ ชท้ ากจิ กรรมให้เรยี บร้อย 5. สอ่ื การเรียนรแู้ ละแหล่งการเรียนรู้ ๑. หอ้ งสมดุ ๒. อินเตอรเ์ น็ต ๓. คอมพิวเตอร์ / กล้องถา่ ยรปู / โทรศพั ทม์ ือถือท่สี ามารถถา่ ยรปู ได้ ๔. ภาพถ่ายตา่ ง ๆ 6. การวดั และการประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมนักเรียนในเร่ืองต่อไปนี้ 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม 1.2 สงั เกตความสาเรจ็ ของผลงาน ในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้ารว่ มกจิ กรรมของนกั เรียน นอ้ ยทสี่ ุด น้อย ปานกลาง มาก มากทส่ี ุด ๗. ภาพประกอบ
37 ตวั อยา่ งภาพถา่ ย ๘. อา้ งองิ แหล่งทีม่ าของข้อมูล http://www.artsbkk.ac.th/2014/files/1409151616274052_14091619195341.pdf http://www.oknation.net/blog/mrapirak/2011/03/09/entry-1 http://www.klongdigital.com/webboard4/48322.html http://www.siamphone.com/review/2005/lenovo/i856/page2.php http://pantip.com/topic/33477610
38 กลมุ่ กจิ กรรมที่ 8 พฒั นาทักษะการเรียนรทู้ ่ีสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ ตัวอยา่ งกจิ กรรมท่ี 1 1. ชอ่ื กิจกรรม สนุ ทรยี ์...ดนตรีพาเพลิน 2. เวลาท่ใี ช้ 10 ช่วั โมง ๓. วัตถปุ ระสงค์ ๑. นักเรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมสนุ ทรีย.์ ..ดนตรพี าเพลินได้ ๒. เพื่อให้นกั เรยี นมคี วามพึงพอใจต่อการเข้าร่วมกจิ กรรมสุนทรยี ์..ดนตรีพาเพลิน 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูนาภาพเครอื่ งดนตรปี ระเภทต่าง ๆ ให้นักเรยี นดูพร้อมกบั รว่ มกนั สนทนา 2. ใหน้ ักเรยี นบอกเคร่อื งดนตรที ีต่ นเองช่ืนชอบ 3. แบ่งกลมุ่ นกั เรยี นตามประเภทของเคร่ืองดนตรีท่นี ักเรียนเลอื กไว้ 4. นกั เรยี นเลอื กเพลงทีต่ นช่นื ชอบแล้วนามาฝึกซ้อมท่ีโรงเรียน โดยมคี รูเปน็ ผู้ดูแล 5. นกั เรยี นฝึกซ้อมเคร่ืองดนตรีโดยใช้เพลงที่นกั เรียนชน่ื ชอบจนคล่องและเกดิ ทักษะ 7. ครูและนักเรียนนาเสนอผลงานในโอกาสต่างๆ เช่น งานนิทรรศการผลงานนักเรียน งานในชมุ ชนและงานในวันสาคญั ตา่ งๆ 8. นกั เรยี นเก็บ ดูแลรกั ษา อุปกรณท์ ี่นามาใชใ้ หเ้ รยี บร้อยพรอ้ มสาหรบั ใชง้ านในคร้งั ต่อไป และร่วมกนั ทาความสะอาดบรเิ วณทีใ่ ช้ทากจิ กรรมให้เรียบรอ้ ย 5. สือ่ การเรียนรู้ 1. ภาพเครือ่ งดนตรปี ระเภทตา่ ง ๆ 2. เครอื่ งดนตรี 6. การวดั และการประเมินผล 1. สงั เกตพฤติกรรมนกั เรยี นในเรือ่ งต่อไปนี้ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นขณะปฏบิ ัติกจิ กรรม 1.2 สงั เกตความสาเรจ็ ของผลงาน ในการปฏิบตั กิ จิ กรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้ารว่ มกจิ กรรมของนักเรียน นอ้ ยทส่ี ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากทีส่ ดุ
39 7. ภาพประกอบ 8. อา้ งอิงแหล่งทีม่ าของข้อมูล “คนใตส้ ร้างสขุ .” 2556. [ระบบออนไลน]์ . แหล่งท่มี า http://happynetwork.org/paper/1658 (21 กันยายน 2558). “THE STAIR FOLKSONG.” 2558.[ระบบออนไลน์]. แหล่งท่ีมา http://wanida002.igetweb.com/index.php?mo=18&display =view_single&pid=498571 (21 กันยายน 2558).
40 ตวั อย่างกจิ กรรมที่ 16 ๑. ชือ่ กิจกรรม การสรา้ งเกมดว้ ย Microsoft Excel ๒. เวลาท่ีใช้ ๑๐ ชวั่ โมง ๓. วตั ถุประสงค์ ๑. นกั เรยี นปฏิบัติกจิ กรรมการสรา้ งเกมด้วย Microsoft Excel ได้ ๒. เพื่อให้นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเข้าร่วมกิจกรรมการสร้างเกมด้วย Microsoft Excel ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ครูนาตวั อย่างเกมท่สี ร้างจากโปรแกรม Microsoft Excel ใหน้ ักเรียนได้ทดลองเลน่ ๒. ให้นักเรียนหาคาตอบว่า การสรา้ งเกมจากโปรแกรม Microsoft Excel สามารถทาได้ อยา่ งไร โดยแนะนาชอ่ งทางการสืบคน้ ขอ้ มลู จาก อินเตอร์เนต็ และบนั ทึกข้อมูลท่ไี ด้จากการสบื ค้น 3. นักเรียนนาข้อมูลท่ีได้จากการสืบค้นมาถ่ายทอดและแลกเปล่ียนกับเพ่ือนนักเรียนเพื่อ สรุปเกย่ี วกบั ข้ันตอนการสร้างเกมจากโปรแกรม Microsoft Excel 4. นักเรียนออกแบบและฝึกสร้างเกมจากโปรแกรม Microsoft Excel โดยมีครูให้ คาแนะนา 5. นักเรียนนาเสนอเกมที่ตนเองสร้างกับเพ่ือนนักเรียน รว่ มช่ืนชมผลงานของกันและกัน และเปดิ โอกาสให้ทุกคนไดท้ ดลองเล่นเกมท่สี รา้ งขึ้น 6. นักเรียนเก็บ ดูแลรกั ษา อุปกรณ์ทนี่ ามาใช้ให้เรียบร้อยพรอ้ มสาหรับใชง้ านในครงั้ ต่อไป และรว่ มกันทาความสะอาดบริเวณทีใ่ ชท้ ากิจกรรมใหเ้ รยี บรอ้ ย ๕. สือ่ การเรียนรู้และแหลง่ การเรียนรู้ ๑. ตวั อย่างเกมทโ่ี ปรแกรม Microsoft Excel ๒. เครอ่ื งคอมพิวเตอรท์ ตี่ ิดต้งั โปรแกรม Microsoft Excel ๓. ห้องสมุด ๔. หอ้ งปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
6. การวัดและการประเมนิ ผล 41 1. สงั เกตพฤติกรรมนกั เรียนในเรอื่ งต่อไปนี้ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นขณะปฏิบัติกิจกรรม 1.2 สงั เกตความสาเร็จของผลงาน ในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ การเขา้ รว่ มกิจกรรมของนักเรียน มากท่สี ุด น้อยทส่ี ุด น้อย ปานกลาง มาก ๗. ภาพประกอบ ๘. อา้ งองิ แหลง่ ท่มี าของขอ้ มูล http://group.wunjun.com/kroodee/topic/484342-18329 http://krupatch.blogspot.com/2010/06/8-microsoft-excel.html
42 ตัวอยา่ งกิจกรรมที่ 17 1. ชอ่ื กิจกรรม สระสนกุ 2. เวลาที่ใช้ ๑ ช่วั โมง ๓๐ นาที ๓. วตั ถุประสงค์ ๑. นักเรียนปฏิบัตกิ ิจกรรมสระสนุกได้ ๒. เพ่อื ให้นกั เรยี นมคี วามพึงพอใจตอ่ การเข้าร่วมกจิ กรรมสระสนุก 4. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. กิจกรรม Brain Gym / Cup song สร้างความคุ้นเคย นักเรียนรับชุดอุปกรณ์(สีเมจิก กระดาษ บตั รสระ บตั รสถานการณ)์ รายบุคคล ๒. บตั รสถานการณ์ สถานการณ์ น้องอยากได้คาในการสื่อสารกบั คนอืน่ แต่ เขาพดู ไม่ได้ เขามีเพยี งสระ ตวั เดยี วเทา่ น้ัน เราจะทาอยา่ งไรถงึ จะได้คาจากสระนัน้ ใหม้ ากทส่ี ุด และส่อื สารได้ ๓. ตรวจสอบอุปกรณ์ และอา่ นสถานการณ์ แล้วลงมือเขยี นคาทผี่ สมสระ ตามบตั รสระทอ่ี ยูใ่ นซอง ๔. แลกเปล่ยี นผลงานกบั เพื่อนแล้วนับจานวนคา ความหมายของคา ๕. เขา้ กลมุ่ ๆ ละ ๓ - ๔ คน ตัวแทนกลุ่มรับอุปกรณ์ (กระดาษขนาด ๒ x ๓ นิว้ สเี มจิก กระดาษบรู๊ฟ สถานการณ์ คาชแี้ จง ) สถานการณ์ มเี พ่ือนคนหน่ึง เขาเป็นใบ้ ไม่สามารถสื่อสารกบั เพอ่ื น ๆ ได้ ได้แต่พูดออกมาเปน็ เสยี ง พยญั ชนะ ได้แค่ ๔ ตวั เท่า ด ก ป อ พดู สลบั ไปมา แต่ไม่มีใครเข้าใจวา่ เขาพูดอะไร คาชแ้ี จง ๑. ชว่ ยกนั เขยี นประโยคจาก พยัญชนะทเี่ ขาออกเสยี งให้ได้มากทีส่ ดุ ๒. รวบรวมประโยคท่ีไดจ้ ากสมาชกิ เขยี นลงในกระดาษบรฟู๊ ๓. ส่งตวั แทนนาเสนอ ๖. ครูที่ปรึกษาเดินดูการทางานของนักเรียน โดยไม่แทรกแซงแนวคิด แตค่ อยกระต้นุ ให้นักเรยี นคิด และเขยี นประโยค ๗. แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนาเสนอผลงาน เพื่อนๆตั้งใจฟัง และช่วยกันสังเกต วิธีการแต่งประโยคที่ หลากหลาย ๘. เม่ือนาเสนอเสร็จ แตล่ ะกลุม่ ตดิ ผลงานเพื่อแลกเปลี่ยนเรยี นรู้
43 ๙. ครูตั้งประเด็นคาถาม นอกจากการสร้างคาจากสระ พยัญชนะแล้ว นักเรียนคิดว่า เราสามารถคิด และสรา้ งคาไดจ้ ากอะไรบา้ ง ๑๐. นักเรยี นช่วยกันคดิ กิจกรรมและผลงานต่อยอด การเขยี นคา ให้ได้หลากหลายวธิ ี เชน่ การเขียนคาจาก พยัญชนะ ๑ ตัว ๒ ตัว ๓ ตัว /จากวรรณยุกต์/จากตัวสะกด แล้วออกแบบ การนาเสนอ อยา่ งหลากหลาย ๑๑. กจิ กรรมกาดม่วั (ตลาดสด) เพ่อื ให้นักเรียนไดน้ าเสนอผลงานของแต่ละคน ๑๒. นักเรียนรับแจกสติ๊กเกอร์ ดาวให้กับนักเรียนคนละ 1 แผ่น เพ่ือประเมินผลงานเพ่ือนโดยใช้ การนาดาวไปติดที่ผลงานท่ีประทบั ใจและนาเสนอไดด้ ีที่สดุ ๑๓. นาผลงานแตล่ ะกล่มุ นาเสนอป้ายนเิ ทศ ห้องสมุด /สายชั้น ๑๔. จดั ประกวดการสร้างคา/เขียนคาจากพยญั ชนะ/จากสระ ฯลฯ หมายเหตุ : ทกุ คร้ังท่มี ีการทากิจกรรม นักเรียนตอ้ งเก็บ ดูแลรกั ษา อุปกรณท์ ี่นามาใชใ้ หเ้ รียบรอ้ ยพร้อม สาหรบั ใช้งานในคร้ังต่อไป และทาความสะอาดบริเวณท่ีใชท้ ากจิ กรรมให้เรยี บร้อยรว่ มกัน 5. สือ่ การเรยี นร้แู ละแหลง่ การเรยี นรู้ ๑. อุปกรณ์ บตั รสระ บตั รสถานการณ์ เท่ากับจานวนนักเรียน/กลมุ่ ๒. กระดาษเทา-ขาว ขนาด ๓x๕ นิ้ว เท่ากบั จานวนนกั เรียน ๓. กระดาษบรู๊ฟ ๔. สเี มจิก ๕. สต๊ิกเกอร์ 6. การวัดและการประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมนักเรียนในเร่ืองต่อไปนี้ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนขณะปฏบิ ัติกิจกรรม 1.2 สงั เกตความสาเร็จของผลงาน ในการปฏิบตั ิกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ การเข้าร่วมกิจกรรมของนักเรยี น น้อยทสี่ ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากท่ีสดุ
44 ตวั อยา่ งกิจกรรมที่ 18 1. ชือ่ กจิ กรรม ตอ่ เตมิ เรอื่ งราว 2. เวลาท่ใี ช้ ๑ ชว่ั โมง ๓๐ นาที ๓. วตั ถุประสงค์ ๑. นกั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่อเติมเร่อื งราวได้ ๒. เพ่อื ให้นักเรยี นมีความพงึ พอใจตอ่ การเขา้ ร่วมกิจกรรมต่อเติมเรื่องราว 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. กจิ กรรม Brain Gym ๒. ครูท่ีปรึกษานานิทานมาเล่าให้ฟัง แล้วให้นักเรียนเขียนเรื่องต่อจากเร่ืองท่ีฟัง ตามจินตนาการ ของแต่ละกล่มุ ๓. นักเรยี นเขา้ กลุ่ม ๆ ละ ๓ - ๔ คน รบั อปุ กรณ์ (นทิ าน/เรอื่ งราว สีเมจิก กระดาษบรู๊ฟ คาชแ้ี จง ) ๔. ครตู ิดคาคาชี้แจง คาชี้แจง ๑. นกั เรยี นชว่ ยกนั คิด และเขยี นเรื่องต่อจากเรอื่ ง ลงในกระดาษบร๊ฟู ๒. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลงาน ๕. ครูที่ปรึกษาเดนิ ดกู ารทางานของนกั เรียน โดยไม่แทรกแซงแนวคิด ๖. แตล่ ะกล่มุ นาเสนอผลงาน ทห่ี ลากหลาย สวยงาม ๗. แตล่ ะกลุ่มติดนาเสนอผลงานเพ่อื แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ ๘. นักเรียนรับสตก๊ิ เกอร์ คนละ 1 แผ่น ๙. เพื่อนแต่ละกลุ่มชว่ ยกันประเมนิ ผลงานเพ่ือนโดยใชก้ ารเขยี นดาวไปตดิ ทผ่ี ลงานกลุ่มที่ประทับใจ และนาเสนอไดด้ ีที่สดุ ๑๐. สถานการณ์ สถานการณ์ มนี ทิ านหลายเรื่อง ที่รอให้นกั เรยี นเปล่ยี นแปลงและเขยี นตอ่ ตามความตอ้ งการ นกั เรียนเลือกนิทานทีช่ อบ แลว้ นามาแตง่ ต่อใหส้ นกุ สนาน ๑๑. นักเรียนเลอื กนทิ านทช่ี อบ แล้วแตง่ เรอื่ งใหม่ แลว้ ออกแบบนาเสนอ เช่นนิทานหน้าเดยี ว ป๊อบอัพ ๑๒. นักเรียนจัดกิจกรรมกาดมั่ว (ตลาดสด) เพื่อให้นักเรียนได้นาเสนอผลงานของแต่ละคน ต่อ ห้องสมดุ จดั นทิ รรศการ นาเสนอผลงานใหก้ บั นักเรียนทกุ ระดับชัน้ ไดแ้ ลกเปล่ียนเรียนรู้ ๑๓. จัดประกวดหนังสอื ทามือ นทิ านเล่มเล็ก
45 5. สื่อการเรียนร้แู ละแหล่งการเรียนรู้ ๑. นิทาน ๒. กระดาษเทา-ขาว ขนาด ๓x๕ นิว้ เท่ากบั จานวนนักเรียน ๓. กระดาษชาร์ตสี ๔. สเี มจกิ ๕. สต๊กิ เกอร์ 6. การวดั และการประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤติกรรมนักเรียนในเรือ่ งต่อไปนี้ 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นขณะปฏบิ ัติกิจกรรม 1.2 สังเกตความสาเรจ็ ของผลงาน ในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้ารว่ มกจิ กรรมของนักเรยี น นอ้ ยที่สุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทส่ี ุด
46 ตวั อยา่ งกิจกรรม จุดประสงค์ นกั เรยี นเขียนเรือ่ งตอ่ จากเรอื่ งที่กาหนดใหท้ ่ีกาหนดให้ได้ คาชี้แจง ๑. นกั เรยี นเขียนเร่ืองจากตอ่ จากเรอ่ื งทก่ี าหนดให้ พร้อมท้งั ตั้งชื่อเรอ่ื ง ๒. นักเรยี นนาผลงานตดิ ป้ายนิเทศหน้าชน้ั เรยี น เพื่อแลกเปลยี่ นเรียนรกู้ บั เพอ่ื น แม่องึ่ อา่ งกบั วัว องึ่ อ่างกบั ลูก ๆ เดินทางมาพบววั ตวั หนง่ึ รูส้ กึ อิจฉาในรปู ร่างล่าสันใหญ่โตของแม่วัวยิ่งนัก มัน พยายามเบ่งตวั ของมันให้พองออก เพื่อให้ทัดเทยี มกับวัว ...………………………………………………………………………………………… ..………………………………………………………………………………………… ..………………………………………………………………………………………… ..………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………….
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196