Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สืบสานศิลป์ในแผ่นดิน_1

สืบสานศิลป์ในแผ่นดิน_1

Published by Phrapradaeng District Public Library, 2019-04-08 12:27:56

Description: สืบสานศิลป์ในแผ่นดิน_1

Search

Read the Text Version

หนา้ บันพระอุโบสถดา้ นทศิ เหนือ เปน็ ปูนปนั้ ปิดทองประดับกระจกผูกลายเป็นตราไอยราพต ฝีพระหตั ถส์ มเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจา้ ฟ้ากรมพระยานรศิ รานุวัดตวิ งศ์ 147

ภายในพระอโุ บสถปดู ว้ ยหนิ ออ่ นสลบั สตี า่ งๆ เปน็ ลวดลายงดงาม ผนงั ดา้ นในประดบั หนิ ออ่ น พระพุทธชนิ ราช ต่างสี จนเสมอกรอบล่างของหน้าต่าง เหนือกรอบหน้าต่างข้ึนไปเป็นผนังปูนเขียนลายเทพนม ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ ทรงพุ่มข้าวบิณฑจ์ นถึงเพดาน ตอ่ มาภายหลงั มีการเขยี นภาพ “จอมเจดีย์” หรือสถูปเจดีย์ส�ำคัญ วัดเบญจมบพิตรดสุ ิตวนาราม ของไทยจากทกุ ภาคในชอ่ งคหู าทง้ั ๘ เพม่ิ เตมิ ไดแ้ ก่ พระศรรี ตั นมหาธาตุ จงั หวดั ลพบรุ ี พระธาตพุ นม จงั หวดั นครพนม พระบรมธาตุ จงั หวดั นครศรธี รรมราช พระเจดยี ช์ ยั มงคล จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา พระมหาธาตุ เมอื งศรสี ชั นาลยั จงั หวดั สโุ ขทยั พระปฐมเจดยี ์ จงั หวดั นครปฐม พระมหาธาตหุ รภิ ญุ ชยั จงั หวัดล�ำพนู และพระศรรี ัตนมหาธาตุเมอื งเชลยี ง จังหวดั สุโขทยั พระพุทธชินราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระพุทธชินราชข้ึนใหม่เพ่ือเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร และให้งาม เสมอพระพุทธชินราชที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองพิษณุโลก โดยโปรดเกล้าฯ ให้หลวงประสิทธิปฏิมา (ม.ร.ว. เหมาะ ดวงจักร) เป็นผู้ปั้นหุ่น และได้เสด็จพระราชด�ำเนินไป ทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระท่ีเมืองพิษณุโลกในเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๔ วัสดุท่ีใช้ในการ หล่อพระพุทธชินราชคร้ังน้ีส่วนใหญ่มาจากการหลอมปืนทองเหลืองที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว และน�ำมา หล่อองค์พระ รวมน�้ำหนัก ๓,๙๔๐ ชั่ง หรือ ๔,๗๒๘ กิโลกรัม หลังจากน้ันโปรดเกล้าฯ ให้จ้าง นายเซนซาบุโระ ซุรุฮะระ (Zenzaburo Tsuruhara) ครูโรงเรียนวิชาช่างกรุงโตเกียวมาปิดทอง องคพ์ ระ พระพทุ ธชนิ ราชประดษิ ฐานอยเู่ หนอื พระแทน่ รตั นบลั ลงั กซ์ ง่ึ ยกพน้ื สงู เสมอกรอบหนา้ ตา่ ง และภายในพระแท่นรัตนบัลลังก์บรรจุพระบรมราชสรีรางคารและพระบุพโพของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว พ้นื พระอุโบสถ ตกแตง่ ลวดลาย ดว้ ยหนิ ออ่ นหลากสี 148

149

วัดเบญจมบพิตรเปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ของพระพุทธรูปส�ำคัญของประเทศไทย พระพทุ ธรปู ศลิ ปะล้านช้าง เนอื่ งจากภายในพระระเบยี งพระอโุ บสถเปน็ ทปี่ ระดษิ ฐานพระพทุ ธรปู โบราณและพระพทุ ธรปู สำ� คญั ประดิษฐานอยใู่ นพระวหิ าร ท่หี ลอ่ ขนึ้ ใหม่ รวม ๕๒ องค์ โดยพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวโปรดเกล้าฯ ใหส้ มเด็จ สมเด็จ (ส.ผ.) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพทรงเสาะหาพระพุทธรูปสำ� คัญที่มีพุทธลักษณะ งดงามมารวมไว้ท่วี ดั เบญจมบพติ ร 150

พระทีน่ ั่งทรงผนวช เดิมเป็นที่ประทบั ของพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยูห่ วั ขณะ หนา้ ต่างพระที่นง่ั ทรงผนวช เป็นทรงบนั แถลง ทรงผนวชอยทู่ พี่ ระพทุ ธรตั นสถาน ในพระบรมมหาราชวัง ตอ่ มาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ บนหน้าตา่ งเขียนลายรดน้�ำ เจา้ อย่หู วั โปรดเกล้าฯ ให้ร้ือพระทน่ี ่งั ทรงผนวชมาปลูกเป็นกุฏิของเจา้ อาวาสวัดเบญจมบพิตร โดย ตราเครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์ ๕ ตระกลู โปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมแซมพระที่น่ังองค์เดิมและก่อสร้างเพิ่มเติม รวมเป็นหมู่กุฎิ ๔ หลัง ภายใน พระท่ีนั่งทรงผนวชองค์เดิมมีพระแท่นบรรทมและส่ิงของส�ำคัญอ่ืนๆ รวมทั้งมีการเขียนจิตรกรรม ฝาผนังเก่ียวกับพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวบนผนังพระท่ีน่ังรวม ๒๐ ตอน อนึ่งค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง ซ่อมแซมและตกแต่งต่างๆ ล้วนเป็นพระราชทรัพย์ส่วน พระองคท์ ง้ั ส้ิน 151

ภายในพระที่น่ังทรงผนวช ประดิษฐานพระแท่นบรรทมรชั กาลท่ี ๕ และจิตรกรรมฝาผนงั พระราชประวัตริ ชั กาลที่ ๕ รวม ๒๐ ตอน โดยใช้ “สฝี ุ่นผสมกาวอย่างโบราณ” เพ่อื ใหม้ คี วามคงทนถาวร 152

พระวิหารสมเด็จ (ส.ผ.) เป็นอาคารจตุรมุขสองชั้นก่ออิฐถือปูน ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้า เสาวภาผอ่ งศรี พระบรมราชนิ นี าถทรงบรจิ าคพระราชทรพั ยส์ รา้ ง เพอ่ื ใชเ้ ปน็ หอธรรมหรอื หอสมดุ ประจ�ำวัดชื่อ “หอพุทธสาสนาสังคหะ” แปลว่า เป็นที่รวบรวมพระพุทธศาสนา หรือสถานที่เก็บ รวบรวมพระไตรปิฎกและเอกสารที่เก่ียวกับพระพุทธศาสนาทุกภาษาซ่ึงขณะนั้นฝากรวบรวมไว้ที่ หอพระสมดุ วชริ ญาณ แตข่ ณะทกี่ ารกอ่ สรา้ งหอพทุ ธสาสนาสงั คหะยงั ไมแ่ ลว้ เสรจ็ พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชด�ำริให้รวมหอสมุดที่มีอยู่ในขณะนั้น ๓ หอสมุดเข้าด้วย กนั คอื หอพระมณเฑียรธรรม หอพระสมดุ วชริ ญาณ และหอพทุ ธสาสนาสงั คหะเปน็ หอพระสมดุ ส�ำหรับพระนคร วหิ ารสมเด็จ (ส.ผ.) จงึ กลายเป็นพิพธิ ภัณฑ์ท่ีประดิษฐานพระพทุ ธรปู ตูพ้ ระธรรม และข้าวของเครอ่ื งใช้อ่ืนๆ โดยเฉพาะพระพทุ ธรปู ส�ำคัญ ๒ องค์ของวัดเบญจมบพิตร คือ พระฝาง ซงึ่ เปน็ พระพทุ ธรปู สมยั อยธุ ยา ทรงเครอ่ื งอยา่ งกษตั รยิ ท์ พ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ ใหอ้ ญั เชญิ มาจากเมอื งพระฝาง สวางคบรุ ี จงั หวดั อตุ รดติ ถ์ และพระพทุ ธนรสหี จ์ ำ� ลอง ซงึ่ หล่อจากพระพุทธนรสหี อ์ งค์เดิมทม่ี พี ุทธลกั ษณะงดงาม ประดษิ ฐานอยูใ่ นพระท่นี งั่ อมั พรสถาน พระราชวงั ดุสิต ซ้มุ ประตแู ละหนา้ ต่าง พระวหิ ารสมเด็จ (ส.ผ.) ป้ันลายกา้ นขด ประกอบตราพระนามาภิไธยยอ่ ส.ผ. (เสาวภา ผ่องศรี) ลงรกั ปดิ ทองประดับกระจก 153

เบอ้ื งหนา้ พระฝาง พระพทุ ธรูปทรงเครื่องสมยั อยธุ ยา ประดษิ ฐานในบุษบกมุขหนา้ ชัน้ บนพระวิหารสมเดจ็ (ส.ผ.) 154

เบอ้ื งหลงั พระฝาง พระพุทธรูปทรงเคร่อื งอยา่ ง กษตั รยิ ์สมัยอยธุ ยาตอนปลาย 155

พระพุทธนรสหี ์จ�ำลอง ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉตั ร ประดิษฐานเป็นประธานบนโต๊ะหมู่ ที่ชนั้ บนของวหิ ารสมเด็จ (ส.ผ.) 156

พระท่ีนั่งทรงธรรม เป็นอาคารสองช้ันก่ออิฐถือปูน ซ่ึงสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา หนา้ บนั พระทน่ี ัง่ ทรงธรรมด้านทศิ ใต้ บรมราชเทวีทรงบริจาคพระราชทรัพย์สร้างอุทิศพระราชทานแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ปดิ ทองประดับกระจก เปน็ ภาพเจ้าชายสทิ ธัตถะ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมารเม่ือพ.ศ. ๒๔๔๕ พระที่น่ังองค์นี้พระบาทสมเด็จ ทเสรดง็จตอัดอพกรมะหเมาาภลิเดีน้วษยกพรรมะณข์รเรสคด์็จแถลึง้วรทิมรฝงั่งอแธมิษน่ ฐ�ำ้ าอนโนมา พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงมพี ระราชประสงคจ์ ะใชเ้ ปน็ ทปี่ ระทบั แรมขณะทรงธรรมรกั ษาศลี เพศบรรพชิต 157

การตกแตง่ ภายในพระท่นี ่งั ทรงธรรม เพดานปดิ ทองลอ่ งชาด เสาย่อมมุ ไม้สบิ สอง ลายรดน้ำ� 158

ภายในพระท่ีนงั่ ทรงธรรม ทอดบษุ บกธรรมาสน์ ผนงั ดา้ นในระหว่างชอ่ งหน้าตา่ ง ประกบแผ่นหนิ ออ่ น เตม็ เสมอกรอบหน้าต่าง เพอื่ จะให้จารกึ อักษรท่ีใช้ ในภาษาบาลี แต่ยงั ไมไ่ ดจ้ ารกึ ค้างมาจนบดั น้ี 159

วัดเบญจมบพิตรเป็นจุดเร่ิมต้นของ “งานวัด” ท่ีสนุกสนานมากที่สุดในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย โดยโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานไหว้พระประจ�ำปี วดั เบญจมบพิตร เริ่มจดั งานครัง้ แรกวนั ท่ี ๑๒-๑๘ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๔๒ เนือ่ งในการผูกพัทธสมี า และฉลองพระพุทธนรสีห์ที่อัญเชิญมาจากพลับพลาสวนดุสิตเพ่ือเป็นพระประธานในพระอุโบสถ (ช่ัวคราว) นอกจากขบวนแห่พระท่ีย่ิงใหญ่แล้ว ยังโปรดเกล้าฯ ให้มีมหรสพสมโภชตลอดงาน ต่อมาได้จัดงานวัดครั้งที่ ๒ เพื่อเฉลิมฉลองการแห่พระภิกษุสามเณรรวม ๓๓ รูปมาประจ�ำที่ วดั เบญจมบพติ รในวนั ที่ ๑ - ๙ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๔๓ หลงั จากนน้ั กจ็ ดั ใหม้ งี านวดั หรอื งานไหวพ้ ระ ประจ�ำปีวัดเบญจมบพิตรต่อเนื่องทุกปีจนถึงต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากนั้นจึงย้ายสถานท่ีไปยังสนามเสือป่าและสวนจิตรลดาตามล�ำดับ ท้ังน้ีนอกเหนือจากการ จดั มหสพสมโภชทสี่ นกุ สนานตนื่ ตาตน่ื ใจสำ� หรบั เจา้ นาย ขา้ ราชการ และราษฎรแลว้ จดุ เดน่ สำ� คญั ของงานวดั ทวี่ ดั เบญจมบพติ ร คอื การออกรา้ นตา่ งๆ ทงั้ ของหลวง เชน่ รา้ นหลวง ซง่ึ ขายของตา่ ง ๆ ที่มีผู้น�ำมาช่วยในการสถาปนาวัด จนได้เงินเป็นค่าก่อสร้างสะพานเหล็กหล่อได้ถึง ๓ สะพาน ร้านถ่ายรูปหลวง ท่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นช่างถ่ายรูปให้ด้วย รวมถึง ร้านของเจ้านายและร้านจ�ำหน่ายสินค้าของเอกชน เช่นเพชรพลอย สินค้าจากต่างประเทศ ฯลฯ โดยแต่ละปมี ีการประกวดส่ิงของต่างๆ เชน่ ตลับงา ถว้ ย รปู ถา่ ย ฯ สะพานพระรูป เป็นสะพานราวเหลก็ พนื้ คอนกรตี ลูกกรงหลอ่ ลวดลาย (เดิมพนื้ ไม้เปลีย่ นเปน็ ผูกเหล็กหลอ่ คอนกรีต พ.ศ. ๒๔๗๑) สรา้ งข้ึนจากทุนทรพั ยค์ ่าจ�ำหน่ายพระบรมรูปทองแดงกะไหล่ทอง ซึง่ พระเจ้านอ้ งยาเธอ กรมหมนื่ สรรพศาสตรศ์ ุภกิจ ถวายช่วยในการสถาปนาพระอาราม พ.ศ. ๒๔๔๓ 160

161

162

หอระฆงั บวรวงศ์ เป็นหอระฆังทรงไทย หลังคาลดชัน้ ซ่งึ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้า เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งขนึ้ สำ� หรบั ระฆงั วดั บวรสถานสทุ ธาวาสหรอื วดั พระแกว้ วงั หนา้ ทข่ี ณะ นั้นไม่ได้ใช้วัดแล้ว แต่ทรงมีพระราชด�ำริว่าระฆังมีเสียงไพเราะ สมควรน�ำมาใช้เป็นระฆังของวัด เบญจมบพิตร และเน่ืองจากเป็นระฆังท่ีน�ำไปจากพระราชวังบวรสถานมงคล จึงโปรดเกล้าฯ ให้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ ได้ทรงร่วมบริจาค ทุนทรัพย์ในการก่อสร้างหอระฆังเพื่อฉลองพระเดชพระคุณของสมเด็จพระราชบิดา และ พระราชทานนามวา่ “หอระฆงั บวรวงศ”์ ทงั้ ยงั โปรดเกลา้ ฯ ใหจ้ ำ� หลกั ลายหนา้ บนั ดา้ นทศิ ตะวนั ตก เปน็ ภาพพระลกั ษณท์ รงหนมุ าน ซง่ึ เปน็ ตราพระราชลญั จกรสำ� หรบั สมเดจ็ พระมหาอปุ ราช (วงั หนา้ ) ในอดตี และหนา้ บนั ดา้ นทศิ ตะวนั ออกจำ� หลกั เปน็ ภาพนารายณท์ รงปนื ซง่ึ เปน็ ตราพระราชลญั จกร ในพระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจ้าอยูห่ ัว หอระฆังบวรวงศ์ อาคารก่ออฐิ ถอื ปูนประดับหินออ่ น หลงั คามงุ กระเบือ้ งเคลอื บสี หนา้ บนั ท้ังสองฝงั่ จ�ำหลักตรา “นารายณ์ทรงปนื ” และตรา “พระลกั ษณ์ทรงหนุมาน” 163

164

วัดบวรนิเวศวหิ าร 165

166

บวรสถาน แหล่งก�ำเนดิ เกดิ ธรรมยตุ วิทยาลยั พระพทุ ธ ศาสนา ทีป่ ระทับ สพี่ ระสังฆ ราชา ทรงน�ำพา สบื สาน ธารแหง่ ธรรม 167

168

วดั บวรนเิ วศวหิ าร วัดบวรนิเวศวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหารซึ่งสมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาศักดิพลเสพย์ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ ๓ ทรงสร้าง และพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงผนวชเคยทรงด�ำรงต�ำแหน่งปฐมเจ้าอาวาสนาน ๑๔ ปีเศษ เป็นวัดท่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดชประทับระหว่างทรงผนวช และยังเป็นศูนย์รวมผลงานศิลปกรรมส�ำคัญ ท้ังด้าน สถาปัตยกรรม ประตมิ ากรรม และจติ รกรรม 169

170

ภาพถ่ายวดั บวรนเิ วศวิหารในอดีต ทีม่ า : หอจดหมายเหตุแหง่ ชาติ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลทรงสร้าง วัดบวรนิเวศวิหารระหวา่ ง พ.ศ. ๒๓๖๗ - ๒๓๗๕ แต่ยังไม่ได้พระราชทานนามวัด เนอ่ื งจากเสดจ็ ทิวงคตเสียก่อนใน พ.ศ. ๒๓๗๕ จึงเรียกกันว่า วัดใหม่ เนื่องจากมีพ้ืนที่ติดกับวัดรังสีสุทธาวาส ที่เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ทรงสร้างเม่ือ พ.ศ. ๒๓๖๖ หลังจากสมเด็จพระบวรราชเจ้า มหาศักดิพลเสพย์ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลเสด็จทิวงคตแล้ว พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า เจ้าอยู่หัวทรงอาราธนาสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ามงกุฎสมมติเทววงศ์ (พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่) ซ่ึงทรงผนวชอยู่ท่ีวัดสมอราย (วัดราชาธิวาสวิหาร) ให้มาประทับเป็นปฐม เจ้าอาวาสที่วัดใหม่และพระราชทานนามพระอารามว่า วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งมีความหมายว่า พระอารามซ่งึ เป็นท่ีประทับของสมเดจ็ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล เสมอื นประกาศให้ทราบวา่ ทรงเทียบสมเด็จพระอนุชาธริ าช เจ้าฟ้ามงกฎุ ฯ เทา่ กับสมเด็จกรมพระราชวงั บวรสถานมงคล แผนทแี่ สดงท่ีตง้ั ของวดั บวรนเิ วศวหิ าร ใน พ.ศ. ๒๔๓๐ ท่ีมา : แผนที่กรุงเทพ จ.ศ. ๑๒๔๙ 171

เมอื่ เจา้ ฟา้ มงกฎุ เสดจ็ มาครองวดั บวรนเิ วศวหิ าร พระอารามแหง่ นจี้ งึ เปน็ ศนู ยก์ ลางของฝา่ ย ธรรมยตุ กิ นกิ าย และการศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรมและธรรมวนิ ยั ของสงฆ์ นอกจากนี้ วดั บวรนเิ วศวหิ าร ยังได้รับการท�ำนุบ�ำรุงปฏิสังขรณ์ ปรับปรุงและต่อเติมถาวรวัตถุต่างๆ ท้ังพระอุโบสถ พระวิหาร พระมหาเจดีย์ เสนาสนะ ตลอดจนถาวรวัตถุอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ยงั ทรงครองตำ� แหนง่ เจา้ อาวาสและเสดจ็ ขน้ึ ครองราชยแ์ ลว้ ตอ่ มาถงึ รชั กาล ตา่ ง ๆ ตราบจนปัจจุบัน เน่อื งจาก พระมหากษัตริยแ์ ละพระบรมวงศานวุ งศส์ ่วนใหญท่ รงประทบั เมื่อทรงผนวชเป็นพระภิกษุท่ีวัดบวรนิเวศวิหาร จึงทรงผูกพันและอุปถัมภ์พระอารามแห่งนี้ โดยตลอด ท�ำให้เขตพุทธาวาสของวัดบวรนิเวศวิหารเป็นศูนย์กลางของศิลปกรรมล�้ำค่าแห่ง กรงุ รัตนโกสนิ ทร์ ทงั้ ดา้ นสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรม 172

พระอโุ บสถ เปน็ สถาปัตยกรรมท่ีผสมผสานศลิ ปะแบบพระราชนยิ มสมยั รัชกาลที่ ๓ ฝมี ือ หน้าบันพระอโุ บสถ สกุลช่างวังหน้ากับศิลปะตะวันตกสมัยรัชกาลท่ี ๔ ตัวอาคารเป็นรูปส่ีเหลี่ยมผืนผ้า มีตรีมุขและมี ลวดลายปูนป้ันปดิ ทองประดับกระจก พาไลรอบ เสาดา้ นหนา้ เปน็ เสาเหลยี่ มมบี วั หวั เสาเปน็ ลายฝรง่ั หลงั คาปกู ระเบอื้ งเคลอื บลกู ฟกู แบบ เปน็ ตราพระมหามงกุฎรายล้อม จีน ส่วนหน้าบนั ประดับกระเบอ้ื งเคลอื บลายดอกพุดตาน ใบเทศ ตรงกลางเป็นตรามหาพชิ ยั มงกฎุ ด้วยลวดลายพรรณพฤกษาประดับ ซึ่งเป็นพระราชลัญจกรประจ�ำพระองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผนังพระอุโบสถปู กระเบอื้ งเคลอื บสี ดว้ ยหินออ่ นอิตาลีจากการบูรณะในสมัยหลัง ซุ้มประตแู ละหน้าต่างเป็นลายปนู ป้นั ปดิ ทองประดบั กระจก บานประตดู า้ นหนา้ เปน็ ไม้แกะสลักปิดทองรปู อารักษค์ แู่ บบจีนหรือเซีย่ วกาง ส่วนใบเสมา 173 ฝงั ตดิ ผนงั

กรอบและซมุ้ หนา้ ต่างพระอุโบสถ เป็นงานปนู ป้นั ลงรักปิดทองประดับกระจกลวดลายดอกไม้และใบไม้ ที่เป็นลวดลายศิลปะจนี ผสมกับลวดลายศลิ ปะตะวนั ตก ซึ่งเรยี กลวดลายประเภทนี้ว่า “ลายอย่างเทศ” 174

ใบสมี าประดิษฐานบนแท่น ฝังติดกับผนงั พระอโุ บสถดา้ นนอก ตามแบบสกลุ ช่างวงั หนา้ รปู แบบเช่นน้ปี รากฏอยทู่ ี่ วดั มหาธาตยุ วุ ราชรงั สฤษฎิ์ และวดั ชนะสงคราม 175

เพดานพระอโุ บสถ มกี ารปิดทองลอ่ งชาดอย่างงดงาม 176

พระอุโบสถวดั บวรนเิ วศวิหารเป็นทป่ี ระดษิ ฐานพระพุทธรูปส�ำคัญหลายองค์ อาทิ พระประธาน พระสวุ รรณเขต องค์แรก หรือพระสุวรรณเขต เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพย์ พระประธานพระอุโบสถองคแ์ รก ทรงอัญเชิญมาจากวดั สระตะพาน เมอื งเพชรบุรี ของวัดบวรนิเวศวหิ าร ขนาดหน้าตกั ๙ ศอก ๒๑ น้ิว 177

พระพุทธชินสีห์ เป็นพระพุทธรูปส�ำคัญสมัยสุโขทัย สันนิษฐานว่าพระมหาธรรมราชา ภายในพระอุโบสถ ที่ ๑ ทรงสรา้ งพรอ้ มกบั พระพทุ ธชนิ ราช และพระศาสดา สมเดจ็ พระบวรราชเจา้ มหาศกั ดพิ ลเสพย์ ประดิษฐานพระพทุ ธชินสหี ์ ทรงอัญเชิญมาจากวดั พระศรีรตั นมหาธาตุ จงั หวดั พิษณโุ ลก พระประธานในพระอโุ บสถ 178

พระอฐั ารส เปน็ พระพทุ ธรปู ยนื ปางหา้ มสมทุ ร ประดษิ ฐานอยทู่ ม่ี ขุ ตะวนั ออกและตะวนั ตก ด้านหลังของพระอโุ บสถ พรอ้ มพระสาวกองคล์ ะคู่ พระอฐั ารส สงู ตลอดพระรศั มี ประมาณ ๓ เมตร สันนษิ ฐานว่าสร้างในสมยั รัชกาลที่ ๓ 179

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดชฯ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหห้ ล่อพระพุทธรปู ลลี า ปางหา้ มพระแก่นจันทน์ ขนาดเท่าพระองค์ เมอื่ ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๒๐ และอัญเชญิ ขน้ึ ประดิษฐาน ไวบ้ นฐานชกุ ชีเบ้ืองพระหัตถข์ วาพระพทุ ธชินสีห์ ภายในพระอุโบสถ พระพุทธสยามาภวิ ัฒนบพิตร ภมู ิพลสหสั สทวิ สั รัชการี ปณั ณาสวรรษ ศรีอุภัยมหามงคล ซ่ึงเป็นพระพุทธรูปประจ�ำพระชนมพรรษา ๕๐ พรรษา พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช และพระพทุ ธวโิ ลกนญาณ บพติ ร สริ กิ ติ ตธิ รรมโสตถมิ งคล ซงึ่ เปน็ พระพทุ ธรปู ประจำ� พระชนมวารสมเดจ็ พระนางเจ้าสริ ิกติ ์ิ พระบรมราชนิ นี าถในรัชกาลท่ี ๙ ประดษิ ฐานอยูบ่ นชกุ ชี ด้านขา้ งพระพทุ ธชนิ สหี ์ สมเด็จพระนางเจา้ สิริกิติ์ พระบรมราชินนี าถ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหห้ ล่อพระพุทธรปู ประจำ� พระชนมวาร (ปางร�ำพึง) ขนาดเท่าพระองค์ เมอ่ื ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๒๐ และอญั เชญิ ขน้ึ ประดิษฐาน ไว้บนฐานชกุ ชีเบ้อื งพระหัตถซ์ า้ ยพระพุทธชินสหี ์ ภายในพระอโุ บสถ 180

ภายในพระอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังท่ีทรงคุณค่า ประกอบด้วยภาพฝาผนังตอนบนเหนือ กรอบประตูหน้าต่างข้ึนไป เป็นภาพฝรั่งปริศนาธรรมฝีมือขรัวอินโข่ง จิตรกรเอกสมัยรัชกาลที่ ๔ และภาพฝาผนังตอนล่าง เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมไทยและประเพณีทางพุทธศาสนา นอกจากนี้ที่ เสาภายในพระอุโบสถยงั มีภาพปรศิ นาธรรมวาดโดย ขรัว อนิ โข่ง ภาพปริศนาธรรมบานที่ ๑๕ ภาพดอกบวั ก�ำลังบานอยกู่ ลางสระ หมายถงึ พระพทุ ธเจา้ เปรียบดังดอกบวั ที่บานแล้ว พระธรรม เปรียบดังรสหวานของดอกบัวน้ัน พระสงฆผ์ ้บู ริโภค พระธรรม เปรยี บดงั หมู่ผ้งึ ทเ่ี ข้าบริโภครสหวานนั้น 181

พระมหาเจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงกลมขนาดใหญ่ มีฐานทักษณิ ๒ ชัน้ มซี มุ้ ยอดปรางค์ ๔ ซมุ้ ซุ้มด้านทิศตะวันออกประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขนาด เทา่ พระองคจ์ ริง มชี ่องคหู าทางเขา้ ไปภายในองคพ์ ระมหาเจดยี ์ที่ประดษิ ฐานพระเจดยี ก์ ะไหล่ทอง ซง่ึ บรรจพุ ระบรมสารรี กิ ธาตอุ ยตู่ รงกลางและเจดยี ศ์ ลิ าชอื่ พระไพรพี นิ าศเจดยี ์ นอกจากน้ี ทท่ี กั ษณิ ช้ันบนด้านเหนือยังมีคูหาประดิษฐานพระไพรีพินาศ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลาสมัยศรีวิชัย ปางประทานพร ในการบูรณะวัดบวรนิเวศวิหารสมัยรัชกาลที่ ๙ มีการปูกระเบ้ืองโมเสกสีทอง และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จพระราชด�ำเนินพร้อมด้วย สมเดจ็ พระนางเจา้ สิรกิ ติ ิ์ พระบรมราชินีนาถไปทรงปดิ ทองพระไพรพี นิ าศใน พ.ศ. ๒๕๐๘ 182

พระเจดีย์กะไหล่ทอง ประดษิ ฐานอยูก่ ลางแท่น ภายในห้องคูหาพระเจดีย์ ด้านหน้าของพระเจดยี ์กะไหล่ทอง ประดิษฐานพระไพรีพินาศเจดีย์ เจดยี ์สลักจากหนิ ออ่ นสีชมพู 183

วหิ ารพระศาสดา เปน็ พระวิหารท่ีพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัวโปรดเกลา้ ฯ ให้ พระศรีศาสดา พระประธาน สรา้ งขน้ึ เพอ่ื ประดษิ ฐานพระศาสดาซง่ึ หลอ่ คราวเดยี วกบั พระพทุ ธชนิ สหี แ์ ละพระพทุ ธชนิ ราช และ ประดษิ ฐานในวิหารพระศาสดา อญั เชญิ มาประดษิ ฐาน ณ วดั บวรนเิ วศวหิ ารในพ.ศ. ๒๔๐๖ ภายในพระวิหารแบง่ เปน็ ๒ ตอน หอ้ ง ห้องด้านทศิ ตะวันออก ด้านทิศตะวันออกประดิษฐานพระศาสดา ห้องด้านทิศตะวันตกประดิษฐานพระพุทธไสยา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาจากวัดพระพายหลวง เมอื งสุโขทัย เมอ่ื คร้ังยังทรงผนวชใน พ.ศ. ๒๓๙๐ 184

พระไสยา เป็นพระพุทธรปู หมวดใหญ่ สมยั สุโขทยั ปางปรนิ พิ พาน ประดษิ ฐานภายในวหิ ารพระศาสดา หอ้ งด้านทศิ ตะวนั ตก ด้านหลังมี จิตรกรรมฝาผนังเขียนภาพพุทธ ประวัติตอนปรินพิ พาน 185

วหิ ารพระศาสดาและหอระฆงั 186

หน้าบนั วหิ ารพระศาสดา ประดับดว้ ยพระมหาพชิ ัยมงกุฎ ประดษิ ฐานเหนอื พานแวน่ ฟ้า ประกอบดว้ ยฉตั ร ๗ ช้นั ๒ ขา้ ง 187

พระวิหารเก๋ง เป็นวิหารน้อยก่ออิฐถือปูนแบบสถาปัตยกรรมจีน ลวดลายการตกแต่งและ วิหารเก๋ง จติ รกรรมฝาผนังเป็นแบบจนี เขยี นเรอ่ื งสามกก๊ ภายในประดิษฐานพระพทุ ธรปู สำ� คัญ ๓ องค์ ซง่ึ สรา้ งขึน้ ตามแบบสถาปัตยกรรม เปน็ พระพทุ ธรปู ฉลองพระองคอ์ ดตี เจา้ อาวาสวดั บวรนเิ วศวหิ าร คอื พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ จีน หลงั คาลดหลน่ั กนั ๓ ช้นั เจ้าอยหู่ วั สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ และสมเดจ็ พระมหาสมณเจ้า หลงั คาออ่ นโค้งแบบทอ้ งสำ� เภา กรมพระยาวชริ ญาณวโรรส มงี านประดบั สนั หลังคาแบบจนี 188

บรรณานกุ รม กรมศิลปากร. ๒๕๕๓. การเปลี่ยนแปลงดา้ นสถาปตั ยกรรมศลิ ปกรรมในสมยั รัชกาลท่ี ๕. กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว. คณะกรรมการด�ำเนินงานฉลองพระชนมายุ ๙๐ พรรษา สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก. ๒๕๓๑. ประวตั ิวดั ราชบพธิ สถิตมหาสมี าราม. กรงุ เทพฯ : อมรินทร์พร้ินต้งิ แอนดพ์ ับลชิ ช่ิง จ�ำกัด (มหาชน). คณะกรรมการอ�ำนวยการจัดงานฉลองพระชนมายุ ๙๐ พรรษาสมเด็จพระญาณสงั วร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก. ๒๕๔๖. ต�ำนานวดั บวรนิเวศ วหิ าร. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา. ดำ� รงราชานภุ าพ, สมเด็จฯ กรมพระยา. ๒๔๗๐. ต�ำนานสสุ านหลวง วัดเทพศิรินทราวาส กับต�ำนานมโหร.ี พระนคร :ราชบณั ฑติ ยสถาน. ชลธีร์ ธรรมวรางกรู และ ทรงวิทย์ แกว้ ศรี (บก). ๒๕๔๓. ประวตั ิวดั เบญจมบพติ รดุสติ วนาราม. กรงุ เทพฯ : อมรนิ ทร์พร้นิ ตง้ิ แอนด์พบั ลชิ ชิ่ง จ�ำกัด (มหาชน). ธงชัย ลิขติ พรสวรรค.์ (บก.) ๒๕๕๘. แผนท่ีกรุงเทพ จ.ศ. ๑๒๔๙. กรงุ เทพฯ : อมรินทรพ์ รนิ้ ติง้ แอนด์พับลชิ ชง่ิ จำ� กดั (มหาชน). ประทนิ มหาขันธ์. ๒๕๔๐. พระจฑุ าธุชราชสถาน ณ เกาะสีชัง. กรงุ เทพฯ : โอ.เอส. พร้ินติ้ง เฮาส.์ พระเทพวราจารย์ (วดั บวรนเิ วศวหิ าร). ๒๕๓๕. ประวตั ิ วัดและโบราณสถาน. กรงุ เทพฯ : บริษัททรงสทิ ธวิ รรณ จำ� กดั . พระพรหมมุนี (สุชิน อคคฺ ชิโน) และคณะ. ๒๕๕๕. วัดราชบพธิ สถิตมหาสมี าราม พระอารามประจำ� รัชกาลท่ี ๕. กรงุ เทพฯ : การท่องเทยี่ วแห่งประเทศไทย. มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลยั ในพระราชปู ถัมภ์. ๒๕๔๖. วดั บวรนเิ วศวิหาร. นครปฐม : โรงพมิ พม์ หามกฏุ ราชวทิ ยาลัย. มลู นธิ สิ มเดจ็ ฯ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพและหม่อมเจ้าหญิงจงจติ รถนอม พระธดิ า. ๒๕๓๗. จดหมายเหตุพระราชวังบางปะอินและวดั นิเวศธรรมประวตั .ิ กรงุ เทพฯ. ราชบัณฑติ ยสถาน. ๒๕๕๐. พจนานกุ รมศัพทศ์ ิลปกรรม อักษร ก-ฮ ฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ : ดา่ นสุทธาการพิมพ.์ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม. ๒๕๓๘. ประมวลเอกสารส�ำคัญเนื่องในการสถาปนาวดั เบญจมบพติ รดสุ ิตวนาราม เล่ม ๑. กรงุ เทพฯ. . ๒๕๓๘. ประมวลเอกสารส�ำคัญเนอ่ื งในการสถาปนาวดั เบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เล่ม ๒. กรุงเทพฯ. ศกั ดิ์ชยั สายสิงห์ และมลฤดี สายสิงห.์ ๒๕๕๖. ศลิ ปกรรมวัดบวรนิเวศวิหาร. กรงุ เทพฯ : วดั บวรนเิ วศวิหาร. ศานติ ภกั ดคี �ำ และชาตรี ประกติ นนทการ. ๒๕๕๖. พทุ ธาวาสวดั บวรนิเวศวิหาร. กรุงเทพฯ : โครงการบูรณปฏสิ งั ขรณว์ ัดบวรนเิ วศวหิ าร ในพระราชปู ถัมภ์. สุริยา รตั นกุล, คณุ หญงิ . ๒๕๕๒. พระอารามหลวงในกรุงเทพมหานคร เลม่ ๓. นครปฐม : วิทยาลยั ศาสนศกึ ษา มหาวิทยาลัยมหิดล. ส�ำนักงานทรพั ย์สินส่วนพระมหากษัตรยิ .์ ๒๕๕๔. เทพศิรินทรานุสรณ์. กรุงเทพฯ : แปลนพร้ินต้งิ . ส�ำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา. ๒๕๕๘. ภูมิรู้สชี งั : ประวตั ิศาสตรท์ อ้ งถ่ิน. กรุงเทพฯ. อเนก นาวกิ มลู . ๒๕๕๔. สีชงั ความหลงั ครงั้ รชั กาลที่ ๕. กรงุ เทพฯ : แสงดาว. 189

โครงการจดั ทำ�หนังสอื สมดุ ภาพ สืบสานศลิ ป์ ในแผ่นดนิ พระทรงธรรม เพ่ือเทิดพระเกียรตพิ ระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช ในโอกาสทีจ่ ุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัยครบรอบ ๑๐๐ ปีแห่งการการสถาปนามหาวทิ ยาลัยใน พ.ศ. ๒๕๖๐ และเป็นปที ่นี สิ ติ เกา่ จฬุ าฯ ร่นุ นอ้ งใหม่ปีการศกึ ษา ๒๕๑๐ ไดเ้ ขา้ ศกึ ษาครบ ๕๐ ปี กล่มุ นิสิตเก่าจฬุ าฯ ๒๕๑๐ จากหลายคณะผู้มคี วามสนใจและมงี านอดิเรกเปน็ การถ่ายภาพ ได้รว่ มกันจดั ทำ� กิจกรรมภายใต้ช่ือกลุ่ม แลลอดเลนส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึง่ ของ ชมรมน้องใหมจ่ ุฬาฯ ๒๕๑๐ และจัดท�ำหนังสอื สมดุ ภาพศาสนสถาน ชอ่ื สืบสานศิลป์ ในแผ่นดินพระทรงธรรม โดยได้รับทนุ สนบั สนนุ การพมิ พจ์ ากส�ำนกั งานศลิ ปวฒั นธรรมรว่ มสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ๑. หลกั การและเหตผุ ล เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีในพุทธศักราช ๒๓๒๕ พระองค์ทรงมี พระราชประสงคใ์ หก้ รงุ เทพมหานครเจรญิ รงุ่ เรอื งเหมอื น “เมอื่ ครง้ั บา้ นเมอื งยงั ด”ี หรอื กรงุ ศรอี ยธุ ยาในสมยั พระเจา้ อยหู่ วั บรมโกศทเ่ี จรญิ รงุ่ เรอื ง ทกุ ดา้ น โดยเฉพาะด้านศิลปกรรม จงึ โปรดเกลา้ ฯ ใหก้ อ่ สรา้ งพระราชนเิ วศน์มณเฑียรสถาน อันประกอบดว้ ยพระบรมมหาราชวงั และวดั พระ ศรีรัตนศาสดารามทง่ี ดงามประดุจ “อยธุ ยายศยิ่งฟา้ ลอยสวรรค์ ลงฤๅ” ต่อมาเมือ่ บ้านเมอื งเจริญรงุ่ เรืองมน่ั คงตามล�ำดบั และมกี ารติดต่อคา้ ขาย กบั นานาประเทศ ศลิ ปกรรมไทยสมยั รตั นโกสนิ ทรจ์ งึ ปรากฏรปู แบบสถาปตั ยกรรมทไี่ ดร้ บั อทิ ธพิ ลจากจนี และตะวนั ตกเพมิ่ มากขนึ้ โดยเฉพาะใน รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หัวไดเ้ ปิดรบั และสืบทอดความรู้ ตลอดจนวทิ ยาการแขนงตา่ งๆ จากชาวตะวนั ตกอย่างกวา้ งขวาง มีการสร้างอาคารของทางราชการ และพระราชวังที่มีการผสมผสานศิลปกรรมแบบตะวันตกกับสถาปัตยกรรมไทยอย่างแพร่หลาย รวมท้ัง ศาสนสถานท่มี ีความวจิ ิตรงดงาม ท้งั ทางสถาปตั ยกรรม ประตมิ ากรรม จิตรกรรม และประณีตศลิ ป์ ซ่ึงหาทใ่ี ดเปรยี บมไิ ด้ ศาสนสถานทที่ รงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สรา้ ง ณ อาณาบริเวณต่าง ๆ ของกรุงรตั นโกสินทรแ์ ละหวั เมอื งรวม ๕ แห่ง ไดแ้ ก่ วัดราชบพิธ สถติ มหาสมี ารามซง่ึ ถอื ว่าเป็นวดั ประจำ� รัชกาลท่ี ๕ วดั เทพศริ นิ ทราวาส วดั เบญจมบพิตรดุสติ วนาราม วดั นเิ วศธรรมประวตั ิ อ�ำเภอบางปะอนิ จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา และวัดอัษฎางคนมิ ติ ร ท่ีเกาะสีชงั จังหวดั ชลบรุ ี เพ่อื เปน็ มิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยท่วั ประเทศ และเพื่อความเป็น ศรสี งา่ แกบ่ า้ นเมืองไทย อยา่ งไรก็ตามตลอดหว้ งเวลาทีผ่ ่านมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช เปน็ ระยะเวลากว่า ๑๕๐ ปี ความ งดงามทางสถาปตั ยกรรมของศาสนสถานทง้ั ๕ แหง่ ไดท้ รดุ โทรมและเสอื่ มสภาพไปตามกาลเวลา พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ทรงตระหนักถึงความส�ำคัญของปูชนียสถานในพระพุทธศาสนาท่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สร้าง ซง่ึ ล้วนแสดงรอ่ งรอยทางประวัตศิ าสตร์ สะท้อนภมู ปิ ญั ญา และความมีอารยะของบรรพชนไทย เปน็ สถาปัตยกรรมที่งดงามวจิ ิตรด้วยฝมี ือ อนั ประณตี ของบรรดาชา่ งเมอ่ื ครง้ั อดตี ซงึ่ ตา่ งอทุ ศิ ตนเพอ่ื เนรมติ รงั สรรคส์ ดุ ยอดศลิ ปกรรมอนั เปน็ เกยี รตยิ ศประดบั แผน่ ดนิ ถอื เปน็ มรดกอนั ลำ�้ คา่ ของชาติ ประกอบกบั การทพี่ ระองคท์ รงสนพระราชหฤทยั แนวทางการอนรุ กั ษท์ สี่ อดประสานไปกบั การพฒั นาและการบรู ณาการววิ ฒั นาการของ งานศลิ ปกรรม จึงโปรดเกล้าฯ ใหม้ กี ารอนุรักษแ์ ละท�ำนุบำ� รุงศาสนสถาน เพ่ือใหค้ วามงดงามและความโดดเด่นทางดา้ นสถาปัตยกรรม ตลอดจน ความรงุ่ เรืองของศาสนสถานต่างๆ กลับสสู่ ภาพใกลเ้ คยี งกับเม่อื ครั้ง “บ้านเมอื งรงุ่ เรืองในสมัยรชั กาลที่ ๕” และสมประสงค์การใช้ประโยชนใ์ น ปจั จบุ ัน 190

สถาปตั ยกรรมและศลิ ปกรรมของศาสนสถานเปน็ ศนู ยร์ วมองคค์ วามรสู้ ำ� คญั ของงานศลิ ปกรรมแขนงตา่ งๆ ทส่ี มควรถา่ ยทอดใหเ้ ดก็ เยาวชน คน รนุ่ ใหม่ และประชาชนทวั่ ไปไดเ้ หน็ ความงดงามของสถาปตั ยกรรมและศลิ ปกรรมทางศาสนสถาน อนั เปน็ มรดกตกทอดในเชงิ ชา่ งทสี่ บื ตอ่ กนั มา จงึ ควร บูรณาการความร่วมมือกับผู้ท่ีเก่ียวข้อง โดยเฉพาะส�ำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าท่ีในการส่งเสริม และสนับสนุนงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ประกอบกับในห้วงแห่งความมหาวิปโยคของปวงชนชาวไทย เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นท่ีพระราชทานไว้แก่ชาติและ ประชาชนชาวไทย พระองคท์ รงเปน็ “บรมครยู ง่ิ ใหญแ่ หง่ แผน่ ดนิ ไทย” ในศาสตรแ์ ละศลิ ปท์ กุ สาขา กลมุ่ แลลอดเลนส์ ซงึ่ เปน็ กลมุ่ กจิ กรรมภายใตช้ มรม นอ้ งใหมจ่ ฬุ าฯ ๒๕๑๐ จงึ จดั ทำ� หนงั สอื สมดุ ภาพ ชอ่ื “สบื สานศลิ ป์ ในแผน่ ดนิ พระทรงธรรม” ภายใตโ้ ครงการจดั พมิ พห์ นงั สอื สมดุ ภาพถา่ ยศาสนสถาน ทรี่ วบรวมภาพสถาปตั ยกรรมและศลิ ปกรรมของศาสนสถาน ๕ แหง่ ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ ง และพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ พร้อมกับเงินทุนของภาครัฐ เอกชนและองค์กรต่างๆ ร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์ ประกอบด้วย วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดเทพศิรินทราวาส วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม วัดนิเวศธรรมประวัติ และ วัดอัษฎางคนิมิตร รวมถึงวัดบวรนิเวศวิหาร ซ่ึงเป็นศาสนสถานท่ีมีสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมจีนท่ีงดงาม และเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ ท่ีเสด็จออกทรงผนวชทุกพระองค์ ตั้งแต่รัชกาลที่ ๔ ต่อเนื่องจนถึงรัชกาลปัจจุบัน พร้อมองค์ความรู้เก่ียวกับประวัติความเป็นมา ลักษณะทาง สถาปตั ยกรรมและศลิ ปกรรมโดยยอ่ ของศาสนสถานทงั้ ๖ แหง่ เพอ่ื เทดิ พระเกยี รตแิ ละเผยแพรพ่ ระมหากรณุ าธคิ ณุ ของทงั้ สองพระองค์ อกี ทงั้ เปน็ แรง บนั ดาลใจให้เยาวชนเห็นคุณคา่ ซาบซึง้ และสืบสานศลิ ปวัฒนธรรมไทยท่มี ีเอกลกั ษณ์สถาปตั ยกรรมโดดเดน่ ชว่ั กาลนาน ๒. วัตถุประสงค์ ๒.๑ เพ่ือเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สองมหาราช นกั พฒั นา ผทู้ รงมคี ณุ ปู การตอ่ การศกึ ษาศลิ ปวฒั นธรรม และตอ่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั เนอื่ งในวโรกาสครบรอบ ๑๐๐ ปแี หง่ การสถาปนาจฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ๒.๒ เพอื่ เทดิ ทนู สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ และสืบทอดศลิ ปวัฒนธรรมของชาติ ๒.๓ เพ่อื ใหก้ ลมุ่ เป้าหมายเกิดความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงคณุ ค่าและความงดงามของงานสถาปตั ยกรรมและศลิ ปกรรมไทยทป่ี รากฏอยู่ใน ศาสนสถาน กอ่ ให้เกิดกระแสการตอบรับที่ดีของสังคม และร่วมแรงร่วมใจสบื สานศลิ ปวัฒนธรรมไทย ๒.๔ เพื่อการบรณู าการ และการขยายเครือข่ายด้านศลิ ปวัฒนธรรมรว่ มสมัย ๓. เปา้ หมาย / งบประมาณ ๓.๑ เชงิ ปรมิ าณ หนงั สอื สถาปัตยกรรมและศิลปกรรมทางศาสนสถานส�ำคญั ที่ได้รบั การสรา้ งและบูรณปฏสิ ังขรณ์ ในรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั และพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช จำ� นวน ๒,๕๐๐ เลม่ ๓.๒ เชงิ คณุ ภาพ องค์ความรูศ้ ลิ ปะร่วมสมัย สาขาสถาปตั ยกรรม เกดิ การถา่ ยทอดและการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ๓.๓ งบประมาณการพิมพ์ โดยความอนุเคราะห์จากงบประมาณของส�ำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมยั กระทรวงวฒั นธรรม 191

หThนeงั สRือoสyมaุดlภTาeพm“pสlืบeสAาrนtศinิลปt์hใeนแRผeน่ igดnินพofระKทinรgงธCรhรมu”lalongkorn เลขหมหู่ นังสือ : ๗๐๐ ISBN : 978-616-445-248-0 จำ� นวนพิมพ์ ๒,๕๐๐ เลม่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ทปี่ รึกษา รัฐมนตรวี ่าการกระทรวงวฒั นธรรม นายวรี ะ โรจนพ์ จนรัตน์ ผู้อ�ำนวยการส�ำนกั งานศลิ ปวฒั นธรรมรว่ มสมยั กระทรวงวัฒนธรรม นางสาววมิ ลลักษณ์ ชชู าติ ประธานชมรมน้องใหมจ่ ุฬาฯ ๒๕๑๐ นายพงศโ์ พยม วาศภูติ ประธานกลุ่มแลลอดเลนส์ นางพรรณทิพา บณุ ยเกยี รต ิ นางสุทธิน ี ยาวะประภาษ ท่ีปรกึ ษากระทรวงวฒั นธรรม ม.ร.ว.ดจั ฉราพิมล รัชน ี ท่ปี รึกษาโครงการกลมุ่ แลลอดเลนส์ ผูป้ ระสานงานโครงการ ผู้เช่ียวชาญเฉพาะ ดา้ นส่งเสรมิ งานวจิ ติ รศลิ ป์ (ทศั นศลิ ป์) นางสาวสมลักษณ์ คลอ่ งแคล่ว ส�ำนักงานศลิ ปวฒั นธรรมร่วมสมยั คณะผู้จดั ทำ� หนังสือ ผเู้ ขียนและบรรณาธกิ าร ผศ. ดร.วงเดอื น นาราสัจจ ์ บรรณาธกิ ารภาพ นายวรพจน์ จิระวัฒน์พงศา ผู้ประพันธ์บทรอ้ ยกรอง นางสปุ าณี รัชไชยบญุ ผชู้ ่วยบรรณาธิการ นางสาวดาราณยี ์ ตันชยั สวสั ด์ิ ผู้ชว่ ยบรรณาธิการ นายถิรวัฒ พรรคกลิน ช่างภาพ นางสาวเนตรนฤมล ศิรมิ ณฑล นางธรี าพร วริ ุฬหร์ กั ษ์ ดร. ปรชั ญา ภิญญาวัธน์ นายบุญเลิศ เจรญิ ทอง นางพรอนงค์ นิยมคา้ โฮรคิ าวา นางพรรณทิพา บณุ ยเกียรต ิ นางเยน็ จติ ร พฤทธธ์ิ โนปจัย นายไพบลู ย์ เพชรโรจน ์ นายวรพจน์ จริ ะวฒั น์พงศา ผศ.ดร.วงเดือน นาราสัจจ ์ นางศุภอาภา ทัศนเรืองรอง นางวบิ ลู ย์รตั น์ กรตี ยิ ตุ านนท ์ นายสุรพล จนั ทร์นอ้ ย นายสน่ันชัย ววิ ฒั นส์ นั นายอคั รเดช บนุ นาค นางอรนุ ี ไตรโรจน ์ นางอัมพร กีรติบุตร ออกแบบจดั ทำ� รูปเลม่ ฝ่ายออกแบบ บริษัท รุ่งศลิ ป์การพมิ พ์ (๑๙๗๗) จ�ำกดั พิมพ์ท่ี บริษัท ร่งุ ศิลปก์ ารพมิ พ์ (๑๙๗๗) จ�ำกัด 192







ชมรมนอ้ งใหมจ่ ฬุ าฯ ๒๕๑๐ ส�ำนกั งานศิลปวฒั นธรรมร่วมสมยั กระทรวงวฒั นธรรม ๑๐ ถนนเทยี มรว่ มมิตร แขวงหว้ ยขวาง เขตหว้ ยขวาง กรงุ เทพฯ ๑๐๓๑๐ โทรศพั ท์ ๐ ๒๒๐๙ ๓๕๐๓ www.culture.go.th สายดว่ นวัฒนธรรม ๑๗๖๕


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook