วัดเทพศริ ินทราวาส 47
48
เดน่ ตระการ โอฬารพระ อารามหลวง ดุจแมนสรวง พรรณพิไล เกินไขขาน วบั วาววาม งามวจิ ติ ร พิสดาร ราชวหิ าร สนองพระคณุ พระชนนี 49
50
วัดเทพศิรนิ ทราวาส วัดเทพศิรินทราวาสเป็นพระอารามหลวงช้ันโท ชนิดราชวรวิหาร เป็นพระอารามที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพ่ืออุทิศถวายสนองพระเดช พระคณุ สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินใี นรัชกาลท่ี ๔ นอกจากนีย้ งั เปน็ วดั ประจำ� ราชสกลุ วงศ์ ฝ่ายพระบรมราชชนนดี ้วย 51
52
ภาพถา่ ยวดั เทพศิรนิ ทราวาสในอดีต ที่มา : หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ ในพ.ศ. ๒๔๑๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชด�ำริว่า ใน วโรกาสพิเศษทรงเจริญพระชนมพรรษาเข้าเขตเบญจเพศมงคลครบ ๒๕ พรรษาใน พ.ศ. ๒๔๒๑ สมควรจะประกอบกิจอันเป็นกุศลหรือพิธีมงคลตามพระราชพิธีเบญจเพส ซ่ึงเป็น โบราณราชประเพณีท่ีเริ่มในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง พระอารามหลวงแห่งใหม่ ณ ริมคลองผดุงกรุงเกษมเพ่ือถวายเป็นพระราชกุศลสนองพระเดช พระคุณสมเด็จพระบรมราชชนนีที่สิ้นพระชนม์ต้ังแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรงพระเยาว์ (๘ พรรษา) โดยโปรดฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชมพูนุท กรมขุน เจริญผลพูนสวัสดิ์เป็นแม่กองก่อสร้าง มีพระศิริสมบัติ และพระวิจิตรรจนา เป็นนายงาน เร่ิม ก่อสร้างต้ัง พ.ศ. ๒๔๑๙ สิ่งก่อสร้างในช่วงแรก อาทิ ก�ำแพงรอบเขตพุทธาวาส ซุ้มประตูยอด ทรงมงกุฎ หอระฆงั ศาลาตดิ ก�ำแพงแกว้ หมู่กฏุ ิ ศาลาการเปรียญ สระน�ำ้ กรุอิฐถอื ปนู ฐานพระ อโุ บสถ และฐานพระศรมี หาโพธิ์ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจา้ อยโู่ ปรดเกลา้ ฯ ใหอ้ ัญเชิญ มาปลูกไว้ตัง้ แต่เร่ิมกอ่ สร้างใน พ.ศ. ๒๔๒๐ เพอ่ื เปน็ ศูนยก์ ลางหรือหลกั ส�ำคัญของเขตพทุ ธาวาส เปรยี บเหมอื นเป็นประธานของวัด แผนท่แี สดงทต่ี ั้ง วดั เทพศิรินทราวาส ใน พ.ศ. ๒๔๓๐ ทีม่ า : แผนท่ีกรุงเทพ จ.ศ. ๑๒๔๙ 53
54
การตกแต่งเครือ่ งบนพระอุโบสถ ซุม้ ประตูทรงมงกฎุ สัญลกั ษณ์ของวัดเทพศิรนิ ทราวาส ด้วยกระเบ้อื งเคลือบตามแบบ รูปแบบเป็นซ้มุ จตุรมุข ยอ่ เกจ็ ประดบั กระเบ้ืองเคลอื บสี พระราชนยิ มรัชกาลที่ ๓ โดยทำ� ชอ่ ฟา้ และหางหงส์ ให้เปน็ เศียรนาค 55
เมื่อการก่อสร้างเสนาสนะเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๒๑ พระบาท สมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั โปรดฯ ใหอ้ าราธนาพระอรยิ มนุ ี (อายวุ ฑฒฺ โน เอม) จากวดั บวร นิเวศวหิ าร พร้อมด้วยพระฐานานุกรม ๓ รูป พระอนั ดบั ๑๖ รปู และสามเณร ๓ รูปมาประจำ� ที่ พระอารามแห่งน้ี และเสด็จพระราชด�ำเนินมาประกอบพธิ ีข้นึ กฏุ แี ละพระราชทานวสิ งุ คามสมี าแก่ พระอรยิ มนุ ี แลว้ พระราชทานนามพระอารามหลวงวา่ “วดั เทพศริ นิ ธราวาศ” ดงั ปรากฏในประกาศ “ทรงบรจิ าคพระราชทรพั ยส์ รา้ งพระอาราม” ซง่ึ เผยแพรใ่ นราชกจิ จานเุ บกษา เมอื่ วนั อาทติ ย์ เดอื น ๘ ขึ้น ๘ คำ�่ ปขี าล พทุ ธศักราช ๒๔๒๑ (วันท่ี ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๒๑) ความวา่ ... ... ขอประกาศแก่พระบรมวงษานุวงษ์แลข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ ผนู้ อ้ ย และพระสงฆซ์ ึ่งอยู่ในพระอารามน้ี ฤๅจะมาแต่จาตุรทิศทั้งสี่ และชนทง้ั ปวง ให้ทราบท่ัวกันว่าพระอารามนี้ ได้ทรงพระราชด�ำริห์สถาปนาข้ึนใหม่โดยพระราช หฤทัย ประกอบด้วยพระกตัญญุตากะตะเวทิตาคุณ เจริญรุ่งเรืองในพระบรมราช สันดานทรงระฤกถึงบรุ พาธกิ ารกิจ กรมสมเดจ็ พระเทพศริ ินธรามาตยบ์ รมราชชนนี ซง่ึ เสดจ็ ทวิ งคตเสยี แตใ่ นเวลาพระชนมายตุ ง้ั อยใู่ นปฐมวยั ยงั มไิ ดท้ รงบำ� เพญพระราช กุศลเปนการใหญใ่ นพระพทุ ธศาสนานัน้ เปน็ ต้นเหตุ จึงได้ทรงบรจิ าคพระราชทรัพย์ สรา้ งพระอารามนฉี้ ลององคส์ มเดจ็ พระบรมราชชนนี เปนเหมอื นกบั ทา่ นไดส้ รา้ งดว้ ย พระองคเ์ อง และพระราชทานนามพระอารามน้ี วา่ วดั เทพศริ นิ ธราวาศ อนุโลมตาม พระนามสมเด็จพระบรมราชบุรพการินี ... หลงั จากนัน้ ในวนั ที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๒๑ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชด�ำเนนิ ทรงกอ่ พระฤกษ์พระอุโบสถ ซงึ่ เป็นสถาปตั ยกรรมท่ีโดดเดน่ ที่สดุ เนอื่ งจาก วดั เทพศริ ินทราวาสไม่มพี ระวหิ าร พระอโุ บสถจงึ ทำ� หน้าท่ีเปน็ ทั้งพระอุโบสถและพระวหิ ารด้วย 56
พระอโุ บสถดา้ นนอก ประกอบด้วยเสาพาไลและเสาเฉลียง เป็นเสากลมปลายสอบ บัวหวั เสา ปน้ั ปนู ประดบั กระเบือ้ งเคลอื บ แบบบัวกลบี ขนนุ ซอ้ นกนั ๒ ช้ัน 57
หนา้ บนั พระอุโบสถ เปน็ แบบกระเทเ่ ซร คือจ่ัว หรือหน้าบนั ที่กอ่ อิฐถอื ปนู ทำ� ทบึ แนวเดยี วกบั หนา้ บนั โดยไมม่ หี ลังคาย่ืนออกไป เปน็ ไขรา 58
พระอุโบสถ เป็นอาคารทรงไทยขนาดใหญ่ที่งดงามมากทั้งภายนอกและภายใน รูปแบบ เครอ่ื งบนของพระอโุ บสถ พระอโุ บสถประกอบดว้ ยอาคารทม่ี เี ฉลยี งเชอื่ มตอ่ กบั พาไลรอบอาคาร ฐานพระอโุ บสถ พนื้ ภายนอก อันประกอบดว้ ย ชอ่ ฟ้า ใบระกา หางหงส์ และบันไดประดับด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี หลังคาท�ำเป็นช้ันลดด้านหน้าและด้านหลัง ตกแตง่ ดว้ ยกระเบ้อื งเคลอื บสีมีความสวยงาม มีเสาเฉลียงรับโครงหลังคา และมีพาไลรับชายคาโดยรอบ หน้าบันก่ออิฐถือปูน ไม่มีคูหาหน้าบัน หรอื ไขราหน้าจั่ว เปน็ ลักษณะเฉพาะท่ีเรยี กว่าแบบกระเท่เซร ภายในกรอบหน้าบนั เป็นลายปูนปัน้ ประดับกระเบ้ืองเคลือบรูปพระมหาพิชัยมงกุฎเปล่งรัศมีอยู่เหนือพระเกี้ยวท่ีประดิษฐานอยู่บน พานแวน่ ฟา้ อนั เปน็ ตราสญั ลกั ษณข์ องพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั และพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั นอกจากนเี้ ครอื่ งบน เชน่ ชอ่ ฟา้ ใบระกา หางหงส์ กล็ ว้ นประดบั กระเบอ้ื ง เคลอื บสงี ดงาม สว่ นซมุ้ ประตหู นา้ ตา่ งดา้ นนอกเปน็ ซมุ้ ทรงมงกฎุ ประดบั กระเบอ้ื งเคลอื บ บานประตู หน้าตา่ งด้านนอกเขยี นลายรดนำ�้ ปิดทองแบบลายใบเทศ ผูกเปน็ ลายพ่มุ ข้าวบณิ ฑก์ า้ นแย่ง 59
60
ซมุ้ ประตูพระอโุ บสถเปน็ ซมุ้ ทรงมงกฎุ ประดับกระเบอ้ื งเคลือบ โดยจ�ำลอง รูปสัญลกั ษณ์พระมหาพิชัยมงกุฎ โดยไดร้ ับการรังสรรคส์ ืบเนอ่ื ง มาตง้ั แต่รชั กาลที่ ๓ 61
ภายในพระอุโบสถตกแต่งอย่างดงาม ซุ้มประตูและหน้าต่างออกแบบเป็นรูปมงกุฎประดับ เพดานภายในพระอโุ บสถตอนกลาง ลวดลายเครือดอกไม้แบบตะวันตกด้วยลายปูนปั้นปิดทองประดับกระจก บานประตูหน้าต่างด้าน ประดับลวดลายดวงตราเคร่ืองราชอสิ รยิ าภรณ์ ในเปน็ ภาพเขยี นปดิ ทองรปู เทวดาบานละ ๑ องค์ ผนงั ภายในพระอโุ บสถเขียนรูปกลบี ดอกร�ำเพย - ดวงตรามหานพรัตน ประกอบลายก้านแย่ง เพดานประดับด้วยลายปูนปั้นจำ� หลักเป็นรูปดวงตราเครื่องอิสริยาภรณ์ช้ัน - ดวงตรามหาวราภรณ์ (ช้างเผือก) หนงึ่ รวม ๕ ดวง ไดแ้ ก่ นพรตั นร์ าชวราภรณ์ มหาจกั รบี รมราชวงศ์ ปฐมจลุ จอมเกลา้ ประถมาภรณ์ - ดวงตราจุลจอมเกล้า ช้างเผือก และประถมาภรณ์มงกุฎไทย ปิดทองและเขียนสีงดงาม นอกจากนี้ภายในพระอุโบสถ - ดวงตรามหาสุราภรณ์ (มงกุฎสยาม) ยังมพี ระพทุ ธรูปส�ำคัญประดิษฐานอย่เู หนือฐานชุกชีทงี่ ดงามยง่ิ - ดวงตรามหาจกั รี แวดลอ้ มดว้ ย ดารา/สายสะพายตระกลู เดยี วกัน ในแต่ละช้ันรวม ๕ ตระกูล 62
ด้านบนเพดาน 63 ภายในพระอุโบสถทิศตะวันตก ประดับลวดลาย ดวงตรามหานพรตั น และสายสะพาย นพรัตนราชวราภรณ์
ดวงตรามหาจกั รพี รอ้ มสายสรอ้ ย ดวงตรามหาสุราภรณ์ (มงกฎุ สยาม) และสายสรอ้ ย ดวงตราจลุ จอมเกล้าพรอ้ มสายสรอ้ ย ดวงตรามหาวราภรณ์ (ช้างเผอื ก) และสายสร้อย 64
พระพทุ ธรูปปางห้ามพระแก่นจนั ทน์ พระพทุ ธรปู ฉลองพระองค์ สมเด็จพระเทพศริ ินทราบรมราชนิ ี ในรชั กาลที่ ๔ 65
พระพุทธรูปประธานพระอโุ บสถ รัชกาลท่ี ๕ โปรดเกล้าฯ ใหห้ ลอ่ เมือ่ พ.ศ. ๒๔๒๘ มีพุทธลกั ษณะตามแบบพระราชนยิ มรัชกาลท่ี ๔ กล่าวกนั วา่ เป็นพระพุทธรปู ท่มี พี ระพักตรแ์ ช่มชนื่ โนม้ น�ำจติ ใจผู้บูชาให้ระลึกถงึ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซงึ่ มีนำ�้ พระทัย เปยี่ มดว้ ยพระมหากรณุ าธคิ ณุ เพื่ออนุเคราะห์ นรชนอยู่เป็นนติ ย์ ฐานชกุ ชใี นพระอโุ บสถมลี กั ษณะเปน็ ฐานสงิ หย์ อ่ มมุ ไมส้ บิ สอง เปน็ ทรี่ องรบั ปราสาทจตรุ มขุ ยอดมณฑปซ่งึ ประดษิ ฐานพระพุทธรปู ส�ำคัญ เดิมเปน็ พระเบญจาทองประดับกระจกทรงพระโกศ ในการพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟา้ กรรณาภรณ์เพช็ รรัตน์ ณ พระเมรุทอ้ งสนามหลวงในเดอื นมนี าคม พ.ศ. ๒๔๒๓ เมอื่ เสรจ็ งานพระเมรุแลว้ โปรดเกล้าฯ ให้ยา้ ยพระเบญจาทรงพระโกศเฉพาะชัน้ กลางกบั ชั้นบนมาตงั้ ไว้บน ฐานชกุ ชีในพระอุโบสถวัดเทพศริ ินทราวาสราชวรวหิ าร ส่วนพระเบญจาเลก็ ๔ ทิศชน้ั ล่าง ย้ายไป ประดิษฐานท่ีวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ยอดมณฑปของฐานชุกชีประดิษฐานพระ ประธานปางสมาธทิ พี่ ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ ใหห้ ลอ่ เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๒๘ และพระพทุ ธรปู พระอคั รสาวกในกรยิ านง่ั พบั เพยี บ หนั หนา้ มาถวายสกั การะพระประธาน นอกจาก น้ี บนฐานชกุ ชยี งั เป็นทีป่ ระดษิ ฐานพระพุทธรูปสำ� คญั อกี ๔ องค์ คอื พระนิรันตราย พระพทุ ธรูป ปางมารวิชัย ซ่ึงสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าเยาวมาลย์นฤมล กรมขุนสวรรคโลกลักษณวดี ขอ พระราชทานพระบรมราชานุญาตบูรณะ เม่ือสิ้นพระชนม์แล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยหู่ ัวจงึ โปรดเกลา้ ฯ ใหอ้ ัญเชิญมาประดษิ ฐานในพระอุโบสถวัดเทพศิรนิ ทราวาส พระพทุ ธรปู ปางห้ามพระแก่นจันทน์ ซ่ึงเป็นพระพุทธรูปฉลองพระองค์สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี และพระพทุ ธรปู ทรงเครอ่ื งหา้ มสมทุ ร ซงึ่ เปน็ พระพทุ ธรปู ฉลองพระองคส์ มเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกษัตรีย์ พระขนิษฐภคินีในพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั 66
ชุกชี ประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ภายในพระอโุ บสถ มลี ักษณะเป็นชุกชีฐานสงิ ห์ ย่อมุมไม้สิบสอง รองรบั พระเบญจา ตงั้ ปราสาทจตรุ มขุ ยอดมณฑป 67
ในเขตพุทธาวาสยังมี ศาลาโถง มณฑปจาตุรนตอนุสสาวรีและมณฑปภาณุรังสีอนุสสร มณฑปจาตรุ นตอนสุ สาวรี ทปี่ ระดษิ ฐานพระราชสรรี งั คารสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ จาตรุ นตร์ ศั มี และสมเดจ็ พระเจา้ (ดา้ นหนา้ ) บรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ซ่ึงเป็นพระอนุชาร่วม พระครรโภทรเดยี วกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั 68
มณฑปภาณรุ งั สอี นสุ สร 69
เขตสังฆาวาสของวัดเทพศิรินทราวาสมีส่ิงก่อสร้างส�ำคัญ เช่น อาคารโรงเรียนเจ้าพระยา ตน้ พระศรีมหาโพธ์ทิ ีพ่ ระบาท นรรัตนราชมานิต (โต มานิตยกุล) ซ่ึงเจ้าพระยานรรัตนราชมานิตบริจาคทรัพย์เพ่ือสร้างอาคาร สมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั โรงเรียนส�ำหรับภิกษุและสามเณร เม่ือพ.ศ. ๒๔๓๓ และกุฏิเจ้าฟ้าจันทราสรัทวารและกุฏิ โปรดเกลา้ ฯ ให้อัญเชิญมาปลกู เจา้ ฟ้าเยาวมาลย์นฤมล ซ่ึงสมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจ้าฟ้าจันทราสรัทวาร และสมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๔๒๐ เจ้าฟ้าเยาวมาลย์นฤมลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตสร้างเม่ือ พ.ศ. ๒๔๓๘ นอกจากนี้ อาคารเจา้ พระยานรรตั นราช ภายในบริเวณวัดเทพศิรินทราวาสยังเป็นที่ต้ังของโรงเรียนเทพศิรินทร์ โดยพระบาทสมเด็จ มานิต (โต มานิตยกลุ ) พระจุลจอมเกล้าเจ้าหัวพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ผู้มีจิตศรัทธาสร้างอาคารส�ำหรับ โรงเรยี นเทพศริ ินทร์ และได้พระราชทานนามอาคารเหล่าน้นั ไดแ้ ก่ ตกึ แม้นนฤมิตร และตกึ โชฎกึ เลาหะเศรษฐี นอกจากน้ียังมีพระราชด�ำริให้สร้างตึกเยาวมาลย์อุทิศ เพื่ออุทิศแด่สมเด็จพระเจ้า ลูกเธอ เจ้าฟา้ เยาวมาลยน์ ฤมลดว้ ย 70
71
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งสสุ านหลวง หรอื ฌาปนสถาน พลับพลาอิศรยิ าภรณ์ หลวง ณ บรเิ วณดา้ นทศิ ตะวนั ตกหรอื ดา้ นหลงั สดุ ของวดั เพอื่ ลดความสนิ้ เปลอื งในการปลงศพของ ผู้มีบรรดาศักด์ิท่ีมักสร้างอาคารต่างๆ ประกอบเมรุหรือโรงทึมท่ีประชุมเพลิงเพ่ือใช้เพียงคร้ังเดียว แล้วร้ือทิ้ง ดังท่ีสมเด็จกรมพระยาด�ำรงราชานุภาพทรงนิพนธ์ไว้ในหนังสือ ต�ำนานสุสานหลวง วดั เทพศริ นิ ทราวาส กบั ตำ� นานมโหรี วา่ “... กระแสพระราชดำ� รหิ ท์ จี่ ะสรา้ งสสุ านนนั้ คอื จะให้ ... มีสถานที่อันเป็นเครื่องประกอบการเมรุซึ่งจ�ำเปนจะต้องใช้ให้ครบครัน เมื่อจะท�ำการปลงศพ อย่าใหต้ ้องสรา้ งใหม่เปนของท�ำชั่วคราว ... ดว้ ยมพี ระราชประสงค์จะให้ปลงศพทีส่ ุสานนีไ้ ด้ทุกชน้ั บรรดาศักดิ์ สุดแต่ได้รับพระบรมราชานุญาตพิเศษ เปนส�ำคัญ ...” นอกจากนี้ใน พ.ศ. ๒๔๓๖ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ยังโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพลบั พลาอศิ รยิ าภรณ์ เพ่ืออุทศิ พระราชกศุ ลพระราชทานแด่ พระเจ้าลกู ยาเธอ พระองค์เจา้ อศิ รยิ าภรณ์ และเพ่อื เปน็ อาคารถาวร สำ� หรบั เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ มาพระราชทานเพลงิ ศพ โดยเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ มาพระราชทานเพลงิ พระศพพระเจ้าลูกยาเธอ พระองคเ์ จ้าอศิ รยิ าภรณ์เปน็ คร้งั แรกใน พ.ศ. ๒๔๓๗ เมรหุ ลวงหน้าพลับพลาอศิ ริยาภรณ์ 72
73
74
วัดนิเวศธรรมประวตั ิ 75
76
วัดใกล้วัง วงั ใกล้วดั กษตั รยิ ส์ รา้ ง แบบยโุ รป งามตา่ ง ทางแนวศลิ ป์ บรรเจดิ ธรรม ล�ำ้ เลอคา่ ในธาณินทร์ ณ บางปะอิน ถ่นิ เรืองรจุ อยธุ ยา 77
78
วัดนิเวศธรรมประวตั ิ วัดนิเวศธรรมประวัติเป็นพระอารามหลวงช้ันเอก ชนิดราชวรวิหาร ท่ีพระบาทสมเด็จ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งขน้ึ ใน พ.ศ. ๒๔๑๙ ณ เกาะลอยกลางแมน่ ำ�้ เจา้ พระยา ตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอิน เพ่ือเป็นสถานท่ีบ�ำเพ็ญพระราชกุศลขณะเสด็จพระราชด�ำเนิน แปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน วัดน้ีมีความโดดเด่นด้านศิลปกรรม และเป็น วัดเดยี วทโ่ี ปรดเกลา้ ฯ ให้ก่อสร้างตามแบบศลิ ปะโกธกิ ของตะวันตก เพอ่ื ใหร้ าษฎรได้ชมของแปลก ทไี่ ม่เคยมีในพระอารามอ่นื 79
80
ภาพถา่ ยวัดนิเวศธรรมประวัตใิ นอดีต ท่ีมา : หอจดหมายเหตุแหง่ ชาติ เม่ือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติในพ.ศ. ๒๔๑๑ พระองคท์ รงมพี ระราชปณธิ านจะทรงประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ ามแบบอยา่ งพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทเี่ สดจ็ ประพาสหวั เมอื งตา่ งๆ ในประเทศอยเู่ สมอ โดยเฉพาะการเสดจ็ ประพาสบางปะอนิ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่น่ังหลายองค์ในพระราชวังบางปะอินเพื่อเป็นที่ประทับในการเสด็จ แปรพระราชฐาน ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๑๙ ทรงมีพระราชศรัทธาสร้างพระอารามใกล้พระราชวัง เพ่ือบ�ำเพ็ญพระราชกุศล และให้ผู้รับเหมาชาวตะวันตกช่ือ มิสเตอร์โยอาคิม แกรซี (Joachim Grassi) ชาวอติ าเลียน เปน็ ผอู้ อกแบบตามแบบศลิ ปะโกธกิ โดยทรงมีพระราชดำ� ริวา่ ศาสนาไม่ได้อยู่ท่ีอิฐปูน การสร้างวัดในพระพุทธศาสนาก็ไม่มีข้อบังคับ วา่ จะต้องสร้างเปนรูปร่างอยา่ งใด แม้วัดหลวงท่สี รา้ งมาก่อน พระเจ้าแผน่ ดนิ กท็ รง ยกั เยอ้ื งแบบอยา่ งสรา้ งตามพระราชอธั ยาศยั ... ทรงอปุ มาการสรา้ งวดั วา่ เหมอื นเกบ็ ดอกไมบ้ ชู าพระ ถงึ จะเปนดอกไมห้ ลายอยา่ งตา่ งพรรณ ถา้ ถวายโดยเจตนาบชู าพระ แลว้ ก็เปนพุทธบูชาอยู่นั่นเอง กุฏสิ งฆ์วดั นเิ วศธรรมประวตั ิ สรา้ งตามแบบสถาปตั ยกรรม ตะวันตก 81
82
ประภาคารทา้ ยเกาะวัดนเิ วศธรรมประวัติ รชั กาลที่ ๕ ทรงโปรดฯให้สร้างข้ึนเม่ือ พ.ศ. ๒๔๒๐ เพอ่ื อ�ำนวยความสะดวกใหผ้ ทู้ ีส่ ัญจรไปมาทางเรือ และการเสดจ็ ฯ ทางชลมารค ในระยะแรกจะมเี จ้าหน้าทขี่ องพระราชวงั มาคอยเฝา้ ตอ่ มาได้ใชเ้ ดก็ วดั ชักรอกตะเกียงเตมิ น�้ำมันมะพร้าว และจุดไฟบนประภาคารทุกวัน ปัจจุบันประภาคารได้ยกเลิกการใชง้ านแลว้ เหลอื เป็นเพยี งสัญลกั ษณเ์ ทา่ นั้น พระอโุ บสถวดั นเิ วศธรรมประวัติ เป็นอาคารก่ออฐิ ถือปนู มรี ูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธกิ ด้านหลังพระอุโบสถท�ำเป็นหอคอยแปดเหลีย่ มสูงยอดแหลม อย่างระฆังของโบสถ์คริสต์ บนยอดหอคอยประดษิ ฐานเจดีย์ทองเหลอื งหลอ่ ภายในบรรจุพระบรมสารรี กิ ธาตุ โดยรชั กาลที่ ๕ 83
ใน พ.ศ. ๒๔๒๐ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พระราชดำ� เนนิ กอ่ พระฤกษ์ พระอโุ บสถ โดยการก่อสร้างพระอโุ บสถดำ� เนินการพร้อมกับอาคารอ่นื ๆ ซึ่งลว้ นกอ่ อฐิ ถือปนู ตาม แบบตะวนั ตก ไดแ้ ก่ ศาลาการเปรียญ หมู่กฏุ ิ หอพระไตรปฎิ ก ซ้มุ ประดิษฐานพระคนั ธารราษฎร์ ตกึ แถวสำ� หรบั ศษิ ยว์ ดั ศาลาทพ่ี กั ขา้ งพระอโุ บสถหลงั ใหญ่ และศาลานอ้ ย เมอ่ื การกอ่ สรา้ งแลว้ เสรจ็ ใน พ.ศ. ๒๔๒๑ ไดเ้ สด็จพระราชดำ� เนินมาทรงบรรจุพระบรมสารรี กิ ธาตใุ นพระเจดียซ์ ึง่ หล่อดว้ ย สมั ฤทธลิ์ งรกั ปดิ ทอง และตงั้ ไวบ้ นหอระฆงั เบอ้ื งหลงั พระอโุ บสถ แลว้ ทรงปลกู ตน้ พระศรมี หาโพธซ์ิ ง่ึ ทรงเพาะจากเมล็ดของตน้ พระศรีมหาโพธ์ิเดิมทพี่ ุทธคยา ประเทศอนิ เดยี ต่อมาในวันท่ี ๓ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๒๑ ได้โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกระบวนแห่พระพุทธนฤมลธรรโมภาสซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้หล่อ ข้นึ เพ่อื เป็นพระประธานของพระอาราม รวมทัง้ รูปหลอ่ พระมหาสาวกประจ�ำทศิ ท้ัง ๘ พระคัมภีร์ ไตรปิฎก และพระอมราภิรักขิตจากวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์ มาเป็นเจ้าอาวาส พร้อมทั้งพระฐานานุกรมและพระสงฆ์อันดับจากวัดราชประดิษฐ์สถิตมหา สีมารามรวม ๘ รปู มายังพระอาราม ในวนั เดียวกันน้ีมพี ระราชโองการใหป้ ระกาศพระราชทานท่ี วัดและเสนาสนะ เพื่อเป็นท่ีอยู่อาศัยของสงฆ์ และพระราชทานนามพระอารามว่า วัดนิเวศธรรม ประวตั ิ ณ วันจนั ทร์ เดือน ๔ ข้นึ ๑๑ คำ�่ ปขี าล สมั ฤทธศิ กพระพทุ ธสาสนากาล ๒๔๒๑ พรรษา ตรงกบั วนั ที่ ๓ มนี าคม พ.ศ. ๒๔๒๑ ดงั น้ี ... ต้นพระศรมี หาโพธ์ิ 84
85
แผน่ หนิ อ่อนจารึกสำ� เนาประกาศพระราชทาน วิสุงคามสมี าวัดนเิ วศธรรมประวัติ ขอประกาศ ... ใหท้ ราบทั่วกนั ว่า ภมู สิ ถานที่รกร้างอยู่ ... ขา้ พเจ้าคิดจะใคร่ สร้างเป็นพระอารามน้อยๆ ส�ำหรับท่ีบ�ำเพ็ญกุศลใกล้พระราชวังในเวลาเมื่อได้ขึ้น มาพักแรมอยู่ที่เกาะบางปะอินนี้ จึงได้คิดให้ถมดินให้พ้นน้�ำตามฤดูที่เคยประมาณ ว่าเป็นอย่างมากโดยปรกติ แล้วให้เจ้าพนักงานจ้างเหมาช่างชาวประเทศตะวันตก กะวางแผนท่ีท�ำตามแบบอยา่ งกบั ประเทศตะวันตกทกุ ส่ิง ซงึ่ ไดใ้ หค้ ดิ สร้างโดยแบบ อยา่ งเปน็ ของชาวตา่ งประเทศดงั นี้ ดว้ ยมคี วามประสงคจ์ ะบชู าพระพทุ ธศาสนาดว้ ย ของแปลกประหลาด แลเพอื่ ใหอ้ าณาประชาราษฎรท์ งั้ ปวงชมเลน่ เปน็ ของแปลก ยงั ไม่เคยมีในพระอารามอื่น และเป็นของมั่นคงถาวรสมควรเป็นพระอารามหลวงใน หวั เมอื ง ใชจ่ ะนยิ มยนิ ดเี ลอ่ื มใสในลทั ธศิ าสนาอนื่ นอกจากพระพทุ ธศาสนานน้ั หามไิ ด้ พระอารามนี้ได้ลงมือสร้างต้ังแต่ ณ วันอังคาร เดือน ๓ ข้ึน ๒ ค่�ำ ปีชวด อัฐศก พระพทุ ธศาสนยกุ าล ๒๔๑๙ พรรษา จุลศักราช ๑๒๓๘ จนถึง วนั จันทร์ เดือน ๔ ขึน้ ๔ ค�่ำ ปีขาล สมั ฤทธิศก พระพทุ ธศาสนากาล ๒๔๒๑ พรรษา จลุ ศกั ราช ๑๒๔๐ จงึ สำ� เร็จลง ขนานนามพระอารามนวี้ ่า วดั นิเวศธรรมประวตั ิ ... ในวันเดียวกันนั้น ยังมีพระบรมราชโองการพระราชทานที่วิสุงคามสีมาซ่ึงทรงพระราช อุทิศทดี่ ินแยกออกจากพระราชอาณาเขตของพระราชวงั บางปะอิน และมพี ระราชหตั ถเลขา ทรง ซอื้ ท่ีนาถวายพระอาราม โดยโปรดฯ ให้ซือ้ ทีน่ าของราษฎรจำ� นวน ๔๐ ไร่ถวายพระอาราม และ พระราชทานยกคา่ นาของพระอารามดว้ ย รวมทงั้ ทรงพระราชอทุ ศิ กลั ปนาคา่ นาแขวงกรงุ เกา่ ปลี ะ ๓ ชงั่ ใหแ้ กว่ ดั นเิ วศธรรมประวตั ดิ ว้ ย ตอ่ มาใน พ.ศ. ๒๔๓๘ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงวรเสรฐสดุ า (พระองคเ์ จ้าบุตร)ี ทรงมีพระราชศรัทธาอุทิศทน่ี า ๑๐๘ ไร่ ๒๘ วา ถวายแด่วดั นเิ วศธรรมประวตั ิ เพอื่ เกบ็ ผลประโยชนบ์ ำ� รงุ พระอาราม และเปน็ คา่ อาหารบณิ ฑบาตถวายพระสงฆแ์ ละสามเณรสบื ไป พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จงึ ทรงมพี ระบรมราชโองการใหพ้ ระราชทานยกเงนิ คา่ นา ในสว่ นที่เปน็ ของวัดนิเวศธรรมประวัตดิ ว้ ย แผ่นหนิ อ่อนจารกึ ส�ำเนาประกาศการสร้าง วัดนิเวศธรรมประวัติ และการประดิษฐาน พระพทุ ธนฤมลธรรโมภาส อยภู่ ายในพระอุโบสถ 86
87
88
ศิลปกรรมสำ� คญั ของวัดนิเวศธรรมประวัติ การตกแตง่ ภายในพระอุโบสถ เปน็ ผลงานของโยอาคิม แกรซี วัดนิเวศธรรมประวัติเป็นวัดขนาดเล็ก การออกแบบผังของพระอารามและสิ่งก่อสร้างโดย ชาวอิตาเลยี น รว่ มกับพระวรวงศ์เธอ รวมเปน็ ศลิ ปะแบบตะวนั ตกและมเี อกภาพ ศลิ ปกรรมทโ่ี ดดเดน่ คอื สถาปตั ยกรรมและประตมิ ากรรม พระองคเ์ จ้าประดษิ ฐวรการ มีลักษณะเดน่ โดยเฉพาะพระอโุ บสถและพระพุทธนฤมลธรรโมภาสซง่ึ เปน็ องค์ประธานในพระอุโบสถ ทกี่ ารตกแตง่ ลวดลายปนู ปั้นที่ผนัง เพดาน โครงสร้างไมส้ ลบั ซับซอ้ น ทาสปี ดิ ทอง อยา่ งสวยงาม 89
พระอโุ บสถ เปน็ อาคารทรงสเี่ หลยี่ มผนื ผา้ มยี อดโดมปลายแหลม ทางเขา้ พระอโุ บสถเปน็ มขุ ยนื่ ออกมาเปน็ สามเหลย่ี มหนา้ จว่ั ซอ้ นกนั ๒ ชน้ั ชน้ั ลา่ งทำ� เปน็ ซมุ้ รปู โคง้ ปลายแหลม พน้ื ทร่ี ะหวา่ ง หน้าจว่ั ท้ังสองชัน้ จ�ำหลักลายปนู ปน้ั เปน็ ตราอาร์มซง่ึ เปน็ ตราแผน่ ดนิ ประจำ� รัชกาลที่ ๕ ด้านข้าง ทางเขา้ ทั้งสองดา้ นมซี มุ้ แบบโกธิก ซมุ้ ดา้ นตะวนั ตกประดิษฐานเทวรปู ปญั จสงิ ขรถอื พิณ และด้าน ตะวนั ออกเปน็ เทวรปู พระอนิ ทรเ์ ปา่ สงั ข์ เทวรปู ทงั้ ๒ องคน์ ส้ี รา้ งขน้ึ เพอ่ื เลยี นแบบนกั บญุ ในศาสนา ครสิ ต์ เดมิ เปน็ ปนู ปน้ั ตอ่ มาเกดิ ชำ� รดุ จงึ โปรดเกลา้ ฯ ใหห้ ลอ่ ใหมด่ ว้ ยสำ� รดิ ปดิ ทองคำ� เปลว บรเิ วณ รอบผนงั พระอโุ บสถเจาะชอ่ งหนา้ ตา่ งเปน็ รปู โคง้ ปลายแหลม สว่ นดา้ นทา้ ยพระอโุ บสถเปน็ หอระฆงั ยอดโดมรปู กรวยแหลม ๓ ชน้ั แตล่ ะชนั้ เจาะชอ่ งหนา้ ตา่ งแบบโคง้ ปลายแหลมโดยรอบ บนหอระฆงั มเี จดยี ส์ �ำรดิ ลงรกั ปดิ ทองบรรจพุ ระบรมสารรี กิ ธาตุ 90
รูปแบบภายนอกพระอโุ บสถ หลังคามุงกระเบอ้ื งวา่ ว มีบราลแี บบฝรงั่ ท่สี ันหลงั คา ผนงั ทกุ ดา้ นทำ� เสาครีบภายนอก สลับกบั หนา้ ตา่ งซุม้ โค้งยอดแหลม 91
การตกแตง่ ภายในพระอโุ บสถ ฝงั่ ตรงข้ามพระประธาน เป็นพระบรมสาทิสลกั ษณ์ รชั กาลที่ ๕ ท�ำจากกระจกสี ภายในพระอุโบสถตกแต่งแบบตะวันตก ออกแบบโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระบรมสาทิสลกั ษณ์ รัชกาลที่ ๕ เจา้ ฟา้ ฯ กรมพระยานริศรานุวดั ตวิ งศ์ พน้ื ปูดว้ ยหินอ่อนสีขาวสลบั ดำ� บานประตหู น้าต่างประดบั สั่งท�ำมาจากประเทศอิตาลี ด้วยกระจกสลับสี ผนังพระอุโบสถด้านข้างประตูทางเข้าทั้งสองข้างจารึกประวัติการก่อสร้างวัด และพระพทุ ธปฏมิ ากร เหนอื ประตทู างเขา้ พระอโุ บสถมีพระบรมสาทิสลกั ษณข์ องพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวท�ำด้วยกระจกสี สั่งท�ำมาจากประเทศอิตาลี ด้านล่างของพระบรม ฉายาลักษณ์นี้มีอักษรจารึกแปลว่า จุฬาลงกรณ์ กษัตริย์สยาม ฐานชุกชีในพระอุโบสถออกแบบ เป็นซุ้มเรือนแก้วยอดแหลมส�ำหรับประดิษฐานพระประธานท่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจา้ อยหู่ วั โปรดเกลา้ ฯ ใหพ้ ระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ประดษิ ฐวรการ ออกแบบปน้ั หนุ่ เมอ่ื หลอ่ แลว้ กะไหลด่ ว้ ยทองทงั้ องค์ ปรากฏวา่ เปน็ พระพทุ ธรปู นง่ั สมาธเิ พชรทง่ี ดงามบรสิ ทุ ธิ์ หาทตี่ มิ ไิ ด้ เปน็ การ ผสมผสานระหวา่ งรปู แบบประเพณนี ยิ มกบั ศลิ ปะตะวนั ตก และเปน็ ทพ่ี อพระราชหฤทยั ยงิ่ นกั โปรด วา่ งดงามหาทตี่ มิ ไิ ด้ ถวายพระนามวา่ “พระพทุ ธนฤมลธรรโมภาส” หลงั จากนน้ั โปรดเกลา้ ฯ ใหห้ ลอ่ รปู พระอรหนั ตม์ หาสาวกซงึ่ มนี ามประจำ� ทศิ ทง้ั ๘ ประกอบดว้ ยพระอคั รสาวก ๒ พระองค์ คอื พระ สารบี ตุ รเถร ทศิ ทกั ษณิ และพระโมคลั ลานะเถร ทศิ อดุ รซง่ึ หลอ่ และกะไหลด่ ว้ ยทองทง้ั องค์ แลว้ โปรด เกลา้ ฯ ใหป้ ระดษิ ฐานในเบอื้ งซา้ ยเบอื้ งขวาแหง่ องคพ์ ระประธานและพระมหาสาวกอกี ๖ พระองค์ คอื พระอัญญาโกณฑัญญเถระ ทิศบูรพา พระมหากัสสปเถระ ทิศอาคเนย์ พระอุบาลีเถระ ทิศหรดี พระอานนท์เถร ทิศประจิม พระมหากัจจายนะเถระ ทิศพายัพ และพระราหุลเถรพุทธวโรรส ทศิ อิสาน เมอื่ หล่อแล้วโปรดเกล้าฯ ให้ประดษิ ฐานไว้บนหง้ิ รมิ ผนังประจำ� ตามทิศ คล้ายกบั ภายใน โบสถค์ รสิ ตท์ ปี่ ระดบั ดว้ ยประตมิ ากรรมนกั บญุ นอกจากน้ี บนฐานชกุ ชยี งั ประดษิ ฐานพระนริ นั ตราย อยู่ทห่ี นา้ เรือนแกว้ ชัน้ ล่างด้วย 92
นอกเหนอื จากตกแตง่ ภายใน พระอโุ บสถมีความสวยงาม ส่งิ ทพ่ี เิ ศษทอ่ี ยภู่ ายในพระอุโบสถคือ รูปหล่อพระอรหันตส์ าวกประจ�ำทิศ ประดษิ ฐานบนห้ิงรมิ ผนงั คล้ายกับ ประตมิ ากรรมนกั บญุ ท่ีอยู่ภายใน โบสถ์ครสิ ต์ 93
พระประธานในพระอโุ บสถประดษิ ฐานบนฐานชุกชไี ม้โปร่ง ทาสีปิดทองทำ� เปน็ ซ้มุ อยา่ งแท่นบูชาศิลปะโกธิก มีช้ันลดหลน่ั กันลงมา 94
พระประธานในพระอโุ บสถ มนี ามว่า พระพทุ ธนฤมลธรรโมภาส ปน้ั แบบโดย พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จ้าประดษิ ฐวรการ ไดร้ บั การยกยอ่ งว่าเป็นพระพทุ ธรูป ปางสมาธลิ กั ษณะงดงามมากที่สุด องคห์ นึ่ง แวดลอ้ มพระอคั รสาวก ซา้ ยขวา ด้านลา่ งของพระประธาน ประดษิ ฐานพระนิรนั ตราย เพื่ออุทิศ พระราชกุศลถวายรชั กาลท่ี ๔ 95
อนึง่ ภายนอกพระอโุ บสถยังมสี ถาปตั ยกรรมและประตมิ ากรรมส�ำคัญอืน่ ๆ เชน่ หอพระไตรปิฎก เป็นอาคารทรงจตุรมุขสองชั้น สร้างแบบศิลปะโกธิก ภายในเป็นตู้ พระไตรปฎิ กหกเหลย่ี มสำ� หรบั เกบ็ คมั ภรี พ์ ระไตรปฎิ กทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดเกล้าฯ ให้สร้างข้ึนรวม ๑๑๙ คัมภีร์เพื่อให้พระสงฆ์และสามเณรในพระอารามแห่งน้ี ศกึ ษาเล่าเรยี น หม่กู ฏุ ิสงฆ์ สรา้ งขึ้นตามแบบ สถาปตั ยกรรมตะวันตก 96
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200