Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบคำสอนการฟังและการพูด

เอกสารประกอบคำสอนการฟังและการพูด

Published by Education, 2022-02-03 02:16:36

Description: เอกสารประกอบคำสอนการฟังและการพูด

Keywords: เอกสารประกอบคำสอนการฟังและการพูด

Search

Read the Text Version

134 40. strong /ท่ีมรี ่างกายแข็งแรง ที่มผี ลตอ่ จิตใจร่างกาย หรอื ประสาทสมั ผสั 41. talented / ทม่ี ีพรสวรรคห์ รอื ความสามารถพิเศษ 42. terrific, wonderful / ยอดเยยี่ ม ดเี ยีย่ ม 43. understanding / ท่มี ีความรู้ความเข้าใจ 44. well-balanced / ใจเยน็ และมีเหตผุ ล 45. well-behaved /ทีม่ ีความประพฤติดี 46. well-born / ที่เกดิ มาในครอบครวั ท่ดี ี 47. well-content, well-contented /เปน็ ทพ่ี งึ พอใจอยา่ งยิ่ง 48. well-done / ทาไดด้ ีมาก สุกมาก 49. well-dressed / แต่งตัวดี 50. well-favored; well-favored / หลอ่ สวย 51. well-fixed , well-to-do /มัง่ คั่ง รา่ รวย 52. well-grounded /ท่มี ีความรู้พ้นื ฐานอย่างดใี นเร่ืองใดเร่ืองหน่งึ 53. well-informed / ทม่ี คี วามรู้อยา่ งดี 54. well-known / เป็นทีร่ จู้ ักดี 55. well-mannered / ทม่ี ีกรยิ ามารยาทดี 56. well-organized/ ที่มกี ารวางแผนในการทางานอย่างดี 7.7.2 Negative Attitudes เจตคติ/ทศั นคติเชงิ ลบ We/ You/ They are ............................................... He/She/It is.............................................................. I am .......................................................................... 1. alarming / น่าตกใจ นา่ กลวั 2. awful / ไม่น่ายินดี 3. awkward /น่าลา่ บากใจ ยากทจ่ี ะจดั การ 4. disgusting /น่ารังเกยี จ นา่ ขยะแขยง 5. easily swayed / ที่ถกู ชักจงู ได้ง่าย 6. frightful /ไมน่ ่ายนิ ดี เลวร้าย เปน็ ที่หวาดหวั่น 7. illegal / ผิดกฎหมาย

135 8. illogical / ไร้เหตุผล ไม่มเี หตุผล 9. incompetent/ไร้ความสามารถ ไมม่ ีความสามารถ 10. Inconsiderate/ไม่คดิ คานึงถงึ ความร้สู ึกของผอู้ ื่น 11. irresponsible /ทไ่ี ม่มีความรับผดิ ชอบ 12. like a fish out of water/รสู้ กึ อดึ อดั รสู้ กึ ว่าตัวเองไม่ได้เปน็ ส่วนหน่งึ ในท่นี ้นั หรือใน สถานการณ์น้นั 13. odd /อ้อด/ แปลก ไมป่ กติ 14. offensive /ทีก่ ้าวรา้ ว ทก่ี ่อใหเ้ กิดความขุ่นเคือง 15. powerless /ไมม่ ีอานาจ ไม่มีเรีย่ วแรง 16. procrastinate /ผลดั วันประกันพรุ่ง 17. self-centered /เอาแตใ่ จตัวเอง ถือตวั เองเปน็ หลัก ไม่สนใจคนอนื่ 18. tedious /เย่ินเยอ้ ทาใหเ้ บื่อหน่าย 19. terrible /แย่มาก ร้ายมาก น่าสยดสยอง 20. Uncomfortable/อึดอัด ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ 21. unpleasant /ไมน่ า่ ชืน่ ชม ไม่เปน็ มติ ร 22. unsociable /ไม่ชอบสมาคมกับผอู้ นื่ ไม่เป็นมติ ร (สนใจ ไชยบญุ เรือง, 2563: 272-290)

136 แบบประเมินตนเองหลงั เรยี น Directions: Matching the right meaning. a ขอสรปุ การอภปิ รายนีว้ า่ … b คุณคดิ อยา่ งไรเก่ียวกับ … ? c แม้วา่ น่ันจะเปน็ กรณขี อง ... d กลมุ่ พวกเราตกลงว่า … e น่ันเปน็ ประเด็นท่ีดี แต่... ................ 1. That’s a good point but … ................ 2. Let me sum up the discussion by saying … ................ 3. Even if that is the case … ................ 4. I think that as a group we have decided that … ................ 5. What do you reckon about … ?

137 เอกสารอา้ งองิ กองบรรณาธิการสานกั พิมพ์. (2557). ภาษาอังกฤษ 3 องค์ประกอบ. กรงุ เทพฯ : POP GET BOOK. ชิดพงษ์ กวีวรวุฒิ และคณะ. (2550). พดู องั กฤษ 1,200 ประโยค. กรงุ เทพฯ : เอ็มไอเอส ซอฟท์เทค. เพญ็ นภา รจุ ินันท.์ (2557). พูดภาษาอังกฤษปร๋อไม้ง้อติวเตอร์. กรุงเทพฯ: ซีเอด็ ยูเคชน่ั จากัด. สมใจ ไชยบุญเรือง. (2563). การออกเสยี งคาศัพท์และประโยคสดุ เจง๋ ! ท่ีคนอยากพูดภาษาองั กฤษได้ตอ้ งร.ู้ กรงุ เทพฯ: สานักพิมพ์ โอเพน่ ไอเดยี . สมชาย ชยั ธนะตระกลู . (2555). เรียนพดู อังกฤษใน 6 สัปดาห์. กรุงเทพฯ : ไทยควอลติ ้ีบ๊คุ ส.์ อรโุ ณทัย เขตหาญ และ เพญ็ ศิริ รัตนศร.ี (2559). เกง่ ภาษาองั กฤษในทุกสถานการณ์. กรงุ เทพฯ: ซีเอด็ ยเู คชน่ั จากดั . 1858/87-90 ถ. บางนา-ตราด เขตบางนา 10260. Ferneda, E., Alonso, L. B. N. Braga, L.V. (2010X. Internet ERIC Digest, Ed 376142 Fragiadakis, Helen., Kalkstein, Maurer., Virginia, Tapestry. (2000). Listening & Speaking. Boston: Heinle & Heinle. Frankel, Irene; & Kimbrough, Victoria. (2015). Gateways 2: Student Book. New York: Oxford University Press. T.S Education. (2545). English for Conversation for office & Business. กรุงเทพฯ: T.S.E. Technology Co., Ltd 52/134-135 ถ. รามคาแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ 10240.

138 แผนการสอนประจาหนว่ ยที่ 8 Giving Opinions การแสดงความคิดเห็น วัตถุประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 1. สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการแสดงความคดิ เหน็ ได้ 2. สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพ่ือแสดงความเหน็ ด้วย 3. สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพ่ือแสดงความไมเ่ หน็ ดว้ ยได้ 4. สามารถใชภ้ าษาอังกฤษเพื่อแสดงความคดิ เห็นที่เห็นดว้ ยบ้าง 5. สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อแสดงความสงสยั ได้ เนอ้ื หา 8.1 Giving Opinions การแสดงความคดิ เหน็ 8.2 Agreeing การแสดงความเหน็ ด้วย 8.3 Disagreeing การแสดงความไมเ่ หน็ ด้วย 8.4 Expressing Somewhat Agreement การแสดงความคิดเห็นทเ่ี หน็ ด้วยบ้าง 8.5 Expressing Doubt การแสดงความสงสัย การจัดการเรยี นรู้ 1. ทาแบบฝึกปฏิบตั ิก่อนเรียน 2. ศึกษาเอกสารประกอบคาสอน 3. ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามท่ไี ด้มอบหมายในเอกสารการสอนแต่ละตอน 4. ผู้เรยี นทา power point เพอ่ื ทบทวนและสรา้ งสถานการณจ์ าลองให้ผูเ้ รยี นได้ใชป้ ระโยค 5. ทาแบบฝึกปฏบิ ตั ิหลังเรียน สือ่ การจัดการเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบคาสอน 2. Power point 3. Home page 4. clips การประเมินผล

139 1. ประเมนิ ผลจากแบบฝึกปฏิบตั ิกอ่ นเรยี นและหลงั เรยี น 2. ประเมินผลจากการทากิจกรรมในห้องเรยี น 3. ประเมินผลจากการสอบไล่ประจาภาคการศึกษา แบบประเมนิ ตนเองกอ่ นเรยี น Directions: Match the right meaning. a ดิฉันเห็นด้วยกบั คุณอยา่ งยง่ิ b แนวทางท่ดี ิฉนั เหน็ ก็คือ … c เทา่ ท่ดี ฉิ ันเก่ยี วข้องด้วยกค็ ือ … d จรงิ หรอื ? คณุ ไมค่ ดิ เหรอว่า … ? e โดยส่วนตวั แล้ว ดิฉันมีความคิดเห็นท่แี ตกต่าง. f ฉันไม่เห็นด้วยอย่างมาก ................ 1. As far as I’m concerned … ................ 2. Really? Don’t you think … ? ................ 3. I see things rather differently myself. ................ 4. I couldn’t agree more with you. ................ 5. The way I see it …

140 เรอื่ งที่ 8.1 Giving Opinions การแสดงความคิดเห็น จินตนา ใบกาซูยี และคณะ (2550) กล่าวว่า โลกปัจจุบันอยู่ในยุคโลกาภิวัตน์ ทั่วโลกจึงจาเป็นต้อง ติดต่อส่ือสารแลกเปล่ียนข้อมูลความรู้และเทคโนโลยีกันตลอดเวลา การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชาวต่างชาติ เพื่อเผยแพร่สังคมและวัฒนธรรมในทุก ๆ ด้าน การแสดงความคิดเหน็ คือ การแสดงอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด และข้อสันนิษฐานน้ันออกมาให้ผู้ฟัง ผู้อ่านได้รับรู้ เมื่อกล่าวถึงความคิดเห็น จาเป็นต้องกล่าวถึงข้อเท็จจริงด้วย ข้ อ เท็ จ จ ริ ง คื อ ข้ อ มู ล ป ร า ก ฏ ก า ร ณ์ แ ล ะ เร่ื อ งร า ว ต่ า ง ๆ ต า ม ที่ ป ร า ก ฏ แ ก่ บุ ค ค ล ท่ั ว ไป ดังตัวอย่างประโยคเป็นการแสดงความคิดเห็น ให้ผู้อ่านลองฝึกพูดกับเพื่อนหรือคู่สนทนาของตนโดยใส่ตัวอย่าง ประเดน็ หรือหวั ข้อเรื่องท่ีกาลังปรากฏอยใู่ นขณะนน้ั ๆ เช่น การเมอื ง สภาพอากาศ ข่าวดังในโทรทัศน์ เปน็ ตน้ 1. As far as I’m concerned … เทา่ ทดี่ ฉิ ันเกีย่ วข้องด้วยกค็ ือ … 2. I would say that … ทด่ี ฉิ ันจะพดู ก็คือ … 3. The way I see it … แนวทางทด่ี ิฉันเห็นก็คือ … 4. I’m of the opinion … ดฉิ ันมีความคิดเห็นว่า … 5. As I see it … เท่าทดี่ ิฉนั เหน็ มัน … 6. It’s quite clear that … มันค่อนข้างชัดเจนว่า … 7. It seems to me … สาหรับดิฉนั มนั ดเู หมือนวา่ … ตัวอยา่ งสถานการ์ที่ออกความเหน็ & ขอความเหน็ ☺ I have an idea. ฉนั มีความคดิ จะเสนอ ☺ I have a good idea. ฉนั มคี วามคิดดี ๆ จะเสนอ ☺ I have a suggestion. ฉนั มขี ้อเสนอแนะ = I want to make a suggestion. ☺ How about this? เอาอย่างน้ไี หม = How about? = ดไี หม ������How about this? We'll talk to Mr. Thomas. (เอาแบบนไ้ี หม เราจะไปคยุ กบั คุณโทมสั กัน) ������ Oh, that's a good idea. (อมื เป็นความคดิ ทด่ี ีนะ)

141 ☺ In my opinion, we should try that. ในความคดิ ของฉนั เรานา่ จะลองดูนะ in one's opinion = ในความคิดเหน็ ของ = In my view, we should try that. ������ What should we do? (เราควรทายงั ไงกนั ด)ี ������In my opinion, we should try that. (ในความคิดของฉนั เราน่าจะลองทาแบบน้ันดูนะ) ☺ Personally, I don't like that idea. โดยส่วนตัวแล้ว ฉันไม่ชอบความคดิ นั้นเลย  personally ใชเ้ มือ่ ต้องการแสดงความคดิ เหน็ สว่ นตัว ������ What do you think? (คุณคดิ ยังไง) ������Personally, I don't like that idea. (โดยส่วนตวั แลว้ ฉันไมช่ อบความคิดน้นั เลย) ☺ I'd like to say something. ฉันอยากพูดอะไรสกั หน่อย = I have something to say. ☺ Let me finish. ให้ฉนั พูดจบกอ่ นไดไ้ หม ใชใ้ นกรณีท่คี ู่สนทนาพูดแทรกขน้ึ มา ☺ Let's get this straight. ไหนลองพูดอีกทีซิ  ใช้เมอ่ื ต้องการเรยี กความสนใจของคู่สนทนาให้กลับมาเข้าประเด็น ������ Don't tell me what I should do! (ไม่ต้องมาบอกหรอกวา่ หนูควรทายังไง !) ������Let's get this straight. I'm your brother. (ไหนลองพูดอกี ทซี ิ พี่เปน็ พ่ีเธอ) ☺ How about you? แล้วคณุ ละ่  ใชเ้ มอ่ื ตอ้ งการฟังความเห็นของคสู่ นทนาหลงั จากท่ีตนเองพดู จบแล้ว = What about you?

142 ������I’ll have chicken sandwich. How about you? (ฉันจะกนิ แซนดว์ ชิ ไก่ แลว้ คุณละ่ ) ������I’ll have hamburger. (ผมเอาแฮมเบอรเ์ กอร์แล้วกนั ) ☺ What do you think? คุณคดิ ว่ายงั ไงบา้ ง ������We need to buy a new car. What do you think? (เราต้องซอ้ื รถใหม่แลว้ ละ คณุ คิดวา่ ยังไง) ������ I agree. (ฉันเห็นด้วยนะ) ☺ Tell me what you think. บอกมาสิว่าคุณคดิ ยงั ไง = Let me hear what you think. ☺ Tell me what you have on your mind. บอกฉันมาสิว่าคณุ กาลังคิดอะไรอยู่ on one's mind = คดิ ในใจ ☺ Anything else? มีอะไรอกี ไหม = Is that everything? ☺ What do you mean? คณุ หมายความว่ายังไง ☺ Don't you think so? คุณไมค่ ดิ อย่างน้ันเหรอ ใช้เมือ่ ตอ้ งการขอความเห็นพ้องจากคสู่ นทนา ������This is ridiculous. Don't you think so? (ไรส้ าระจัง คณุ ไม่คิดอย่างนน้ั เหรอ) ������ You're right. (ถกู ของคุณ) เร่อื งท่ี 8.2

143 Expressing Agreement การแสดงความเห็นดว้ ย ชิดพงษ์ กวีวรวุฒิ และคณะ (2550) กล่าวว่า ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลท่ีคนทั่วโลกใช้ในการ ติดต่อส่ือสาร ในแต่ละวันเราต้องแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนทัศนคติกัน การแสดงความคิดว่าเราเห็นด้วย หรือเรายอมรับด้วยจึงเป็นเร่ืองที่ปกติธรรมดา คาพูดภาษาอังกฤษที่แสดงให้คู่สนทนาทราบ เรารู้สึกเห็นด้วยกับ เขา ผู้อ่านสามารถฝึกพูดกับเพ่อื นหรือคู่สนทนาของตนโดยใส่ตัวอยา่ ง ประเด็น หรือหัวข้อเรื่องทกี่ าลังปรากฏอยู่ ในขณะนั้น ๆ เช่น การเมือง กีฬา สภาพอากาศ ข่าวดังในโทรทัศน์ หนัง ละคร แล้วเลือกใช้ประโยคแสดง ความเห็นด้วย ดงั ตัวอย่างตอ่ ไปน้ี 1. I would go along with you on that. ดฉิ ันเหน็ ด้วยกับคุณในเรอ่ื งนั่น 2. I take your point. ดิฉนั เหน็ ดว้ ยกับคุณ 3. That’s the way I see it. นนั่ คือแนวทางที่ดฉิ นั เหน็ 4. I’m inclined to agree with you. ดฉิ ันออกจะเหน็ ดว้ ยกับคุณ 5. Yes, you’ve got a point there. ใช่ คณุ เข้าใจตรงจุดนั้น 6. I couldn’t’t agree more with you. ดิฉันเห็นดว้ ยกบั คุณอย่างยิ่ง 7. That’s exactly the way I feel about the matter. นน่ั คือสิง่ ที่ฉนั รู้สึกจรงิ เก่ยี วกับเรอ่ื งนน้ั 8. I don’t think anyone would disagree with … ดฉิ ันไม่คดิ วา่ จะมคี นไมเ่ ห็นดว้ ยกบั … 9. That makes sense. น่นั เขา้ ใจได้ 10. I’m of the same opinion. ดิฉนั มีความคิดเห็นท่เี หมอื นกัน ในการสนทนาพูดคุยกัน เม่ือมีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ท่ีจะมีท้ังความคิดเห็นท่ีเหมือนกัน คล้าย ๆ กัน หรือมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน การแสดงความคิดเห็นท่ีเหมือนกันหรือคล้าย ๆ กัน หรือท่ีไปใน ทิศทางเดียวกนั พดู ได้ ดงั นี้ I agree. /ฉนั เห็นดว้ ย และควรจะพูดอะไรเพมิ่ เติมไปด้วย เชน่ A: I think we should start working right away. ฉนั คดิ ว่าเราควรจะเริ่มทางานทันทีเลย B: I agree. We shouldn't waste any time. ฉันเห็นด้วย เราไมค่ วรจะปล่อยใหเ้ วลาสญู เปล่าโดยไร้ประโยชน์ Yes. Yes, I agree with you. ใช่ ฉันเหน็ ดว้ ยกับคุณ A: It's very hot today. (อากาศรอ้ นมากนะวันน้ี)

144 B: Yes. It sure is, It's extremely hot. ใช่ มันร้อนมากจริง ๆ มันสุดแสนจะร้อน Yes, I think you're right. ใช่ ฉนั คิดว่าคุณพดู ถูก A: You should learn more English. คณุ ควรจะเรยี นภาษาองั กฤษเพมิ่ เตมิ อกี B: Yes, I think you’re right. I should learn more English, especially speaking. ใช่ ฉนั คดิ วา่ คุณพดู ถูก ฉันควรจะเรยี นภาษาองั กฤษเพ่ิมเติมโดยเฉพาะอยา่ งย่งิ การพูด I can't/couldn't agree more/less. ฉันเหน็ ดว้ ยเปน็ อยา่ งยิง่ A: What do you think of the new math teacher? B: She's terrific. A: I can't agree less. She's the best. A: What's your opinion of the new girl in class? B: Well, she's like a fish out of water, A: I couldn't agree more. We should be nicer to her. เราควรจะดีกบั เธอนะ ตวั อย่างการบอกเหน็ ดว้ ยหรือยอมรับ9k,vud/jkp ☺ I agree. ฉันเหน็ ด้วย agree = เหน็ ด้วย / agree with = เห็นด้วยกับ = I agree with you. /I agree with your idea (ฉนั เหน็ ดว้ ยกบั ความคดิ ของคุณ) ☺ I totally agree. ฉันเห็นด้วยเตม็ ที่เลย = I completely agree./I couldn't agree more. ☺ I agree with you on that point. ฉันเหน็ ดว้ ยกับเรื่องน้ัน

145 = I'm with you there. ☺ I think so, too. ฉนั ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ������I think Mark is a nice person. (ฉันคดิ ว่ามารก์ เป็นคนดีนะ) ������I think so, too. (ผมก็คิดอยา่ งนั้นเหมอื นกัน) ☺ You're right. คุณพดู ถูก, ถกู ของคุณ = Exactly. ������You should quit smoking now. (คุณน่าจะเลกิ สบู บุหร่ีไดแ้ ลว้ นะ) ������You're right. (ถกู ของคุณ) ☺ That's a good ideal เปน็ ความคดิ ทีด่ มี าก ! = That sounds great! ☺ That's reasonable. สมเหตสุ มผลดีนะ  reasonable / make sense = สมเหตสุ มผล = That makes sense. ������ think we should save more. (ฉนั คดิ ว่าเรานา่ จะเก็บเงนิ ให้มากกวา่ นี้นะ) ������That's reasonable. (สมเหตสุ มผลดี) ☺ You have a point. คุณพดู ถกู = I take your point. ☺ Fine. ดี ใช้เพอื่ ยอมรับข้อเสนอของคสู่ นทนา = Okay. ������Let's have lunch at McDonald's. (ไปกินอาหารเท่ยี งท่ีแมคโดนลั ด์กันเถอะ)

146 ������Fine, (ดีเหมือนกัน) ☺ Fair enough. กย็ ุตธิ รรมดี = That's fair. ☺ That's fine with me. ฉนั ไม่มีปญั หา = That's fine by me. ������ May I invite Sally? (ฉนั เชญิ แซลลมี าได้ไหม) ������ That's fine with me. (ผมไม่มปี ัญหาหรอก) ☺ That's true. แนน่ อนอยู่แลว้ = That's for sure. ☺ I was just thinking the same thing. ฉนั กก็ าลังคิดอย่างนั้นอยเู่ หมือนกัน = That's just what I was thinking. ������ We should celebrate Lisa's birthday. . (เราน่าจะฉลองวนั เกดิ ใหล้ ซิ านะ) ������ I was just thinking the same thing (ผมกก็ าลงั คดิ อย่างนน้ั อยู่เหมือนกนั ) ☺ I have no objection to it. ฉนั ไม่มีขอ้ โตแ้ ยง้ = It sounds all right to me. ������What do you think of the new rule? (คณุ คิดยังไงกบั กฎใหมน่ ้ีบา้ ง) ������ I have no objection to it. (ผมไม่มีขอ้ โต้แย้งอะไรหรอก) เรอ่ื งที่ 8.3 Expressing Disagreement การแสดงความไม่เห็นด้วย

147 ชิดพงษ์ กวีวรวุฒิ และคณะ (2550) กล่าวว่า ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่คนท่ัวโลกใช้ใน การติดต่อสื่อสาร ทุกคนมีความคิดเห็นท่ีแตกต่างกันได้เสมอ ดังนั้น ในการทางานร่วมกันกับผู้อ่ืนจึงมีทั้งสิ่งท่ีเรา เห็นคล้อยตามหรือขัดแย้งเม่ือเพื่อนร่วมงานนาเสนอเร่ืองต่าง ๆ ให้รับรู้ เราจะพูดเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างไร เม่ือเราไม่เห็นด้วยกับส่ิงที่บุคคลอื่นกล่าว ดังนั้น เราสามารถฝึกพูดกับเพื่อนหรือคู่สนทนาของเราโดยใส่ตัวอย่าง ประเด็น หรือหัวข้อเรื่องที่กาลังปรากฏอยู่ในขณะนั้น ๆ เช่น การเมือง กีฬา สภาพอากาศ ข่าวดังในโทรทัศน์ หนัง ละคร แล้วเลือกใช้ประโยคถามความคิดเห็นจากนั้นก็แสดงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ถ้าเราฝึกฝนบ่อย ๆ เราก็จะสามารถสอ่ื สารไดอ้ ย่างคล่องแคล่วและถูกต้อง มาเรมิ่ โดยลองฝกึ ใชป้ ระโยคตวั อย่างต่อไปนี้ 1. That’s not the way I see it at all. นัน่ ไม่ใช่สิ่งทดี่ ิฉันเหน็ เลยสกั นิด 2. I can’t see how … ดฉิ นั ไมเ่ หน็ ว่าจะ … ได้อย่างไร? 3. I wouldn’t go with you. ดฉิ ันไม่เหน็ ดว้ ยกับคุณ 4. I can’t say that I share your view. ดฉิ ันไมส่ ามารถกล่าวได้วา่ ดฉิ ันคดิ เหน็ เช่นเดยี วกับคุณ 5. I don’t think … ดิฉันไม่คิดวา่ … 6. I see things rather differently myself. โดยสว่ นตวั แล้ว ดิฉนั มีความคดิ เห็นท่แี ตกต่าง. 7. But isn’t it more to do with … ? แตว่ า่ มนั ไม่มีอะไรทีต่ ้องทามากกว่านน้ั หรอกหรอื … ? 8. I’m not at all convinced by … ดฉิ ันไม่ไดถ้ ูกจูงใจโดย … 9. Well, I’m sure that’s not right. จริง ๆ แลว้ ดิฉันแนใ่ จวา่ มนั ไม่ถูก ถา้ ไม่เห็นด้วยกับสิ่งท่ีเขาพูดมา ก็ควรให้ความสาคัญกับความคิดเห็นคนอืน่ เราอาจยอมรับความคิดเห็น ของเขา ในขณะเดียวกัน ก็แสดงความคิดเห็นของตัวเราเองได้ดว้ ย ซ่งึ แนวทางในการตอบ มดี ังนี้ • I see/know what you mean, but ... แสดงความคดิ เห็นของตวั เอง (ฉันเข้าใจ/รู้วา่ คุณหมายความว่าอะไร แต่...) A: I like the new policy on the teaching of English. It will help Thai students to be better at English. (ฉันชอบนโยบายเรอื่ งการสอนภาษาองั กฤษ มันจะช่วยให้นักเรยี นไทยเกง่ ภาษาองั กฤษขึน้ ) B: I see what you mean, but I think it depends on both the teachers and students. The teachers must be very good at English and know how to deal with the students, and the students must pay more attention to the lessons. They must practice more. (ฉนั เข้าใจว่าคณุ หมายความว่าอย่างไรแตฉ่ ันคิดวา่ มนั ขน้ึ อยู่กับทัง้ ครแู ละนักเรียน ครูต้องเกง่ ภาษาอังกฤษมาก ๆ และรู้วิธีการว่าจะรับมือ จะสอนนักเรียนอย่างไร และนักเรียนจะต้องตั้งใจเรียนให้ มากขึน้ นักเรียนจะต้องฝึกฝนมากขึ้น)

148 • Yes, maybe/possibly/perhaps, but don't you think ... เม่ือมคี วามคดิ เห็นท่แี ตกตา่ งอาจพูดว่า ใช่.. บางที อาจจะเปน็ ไปได้ เป็นอย่างนนั้ แต่คุณไมค่ ิดวา่ ....หรือ A: I think we should buy a small car. It's more economical. (ฉนั คิดวา่ เราควรจะซื้อรถเลก็ มนั ประหยดั เงิน ประหยดั พลงั งาน) B: Yes, maybe, but don't you think a big car is more comfortable. (ใช่ อาจจะเป็นอยา่ งนัน้ แตค่ ุณไมค่ ิดวา่ รถใหญม่ นั จะสบายกว่าหรอื ) • Yes, that's true, but what about ... A: What do you think of the new policy of changing the five-year programs in education back to the four-year programs? (คุณคดิ อย่างไรเกีย่ วกับนโยบายใหม่ในการเปลย่ี นหลกั สตู รทางการศกึ ษาหา้ ปีกลับไปเป็นหลักสูตรสป่ี ี) B: I think it is logical. The graduates can earn money to help their parents after four years at college. Some have to borrow money for their education. ฉันคดิ ว่ามันก็มีเหตุผลดีนะ บัณฑติ จะได้ทางานหาเงนิ ช่วยพ่อแมห่ ลงั จากเรยี นในมหาวทิ ยาลยั ไปส่ปี ี บางคนต้องยมื เงินมาเรียน) A: Yes, that's true, but what about the direct experience from a year of the practical teaching at an educational institution? That's when and how they learn a lot to become professional schoolteachers. . (ใช่ มนั ก็จรงิ อยนู่ ะ แต่ประสบการณ์ตรงจากการปฏิบตั ิการสอนจรงิ ในสถานศึกษาเปน็ เวลาหนงึ่ ปลี ่ะ นั่นก็คือเมื่อนักศึกษาได้เรียนรู้ และรู้วิธีการสอนจริงๆ ท่ีทาให้นักศึกษาได้เรียนรู้มากมายในการ ท่ีจะมาเปน็ ครมู ืออาชพี ) • You could be right, but don't forget ... (อธบิ ายเหตผุ ล) (คณุ อาจจะถูกก็ได้ แตอ่ ย่าลมื วา่ ..)/ A: It's better to cook your own food. It's cheaper and healthier. (มนั จะดีกวา่ นะ ถา้ คุณทาอาหารรับประทานเอง มนั ถูกกวา่ และทาให้สขุ ภาพดีกวา่ ด้วย) B: You could be right, but don't forget that I live alone. I think it's not worth it, to cook for just one person.

149 (คุณอาจจะพูดถูก แต่อย่าลืมว่าฉนั อยู่คนเดยี ว ฉันคิดว่ามันไม่คุ้มนะท่จี ะทาอาหารเพียงเพื่อคน ๆ เดยี ว) • Personally, I think ... (ความคดิ เห็น) (โดยสว่ นตวั แลว้ ฉนั คิดวา่ ...) A: I like this red blouse. Do you like it? (ฉนั ชอบเส้อื สแี ดงตวั น้ี คุณชอบไหม) B: Personally, I think you look much nicer in pink. (ตามความคดิ เห็นส่วนตัวแล้ว ฉันคิดว่าสชี มพเู หมาะกบั คุณ ทาให้คุณดดู ีกว่ามาก) หรอื ถ้าไม่เหน็ ด้วยเป็นอย่างยิ่ง ควรจะพูดวา่ • I'm sorry, but I totally disagree (with you). (ฉันเสยี ใจดว้ ยนะ แตฉ่ ันไม่เหน็ ด้วยกับคุณเป็นอยา่ งยง่ิ ) A: Capital punishment should be enforced. (โทษประหารชวี ิตควรจะนามาบงั คบั ใช้) B: I'm sorry, but I totally disagree. Killing is a sin. ... (... การฆา่ เปน็ การทาบาป) ☺ I don't agree. ฉันไมเ่ หน็ ด้วย ☺ I don't agree with you. ฉันไม่เห็นดว้ ยกับเธอ = I don't agree with your idea. ☺ I'm against it. ฉนั คดั คา้ น against = ค้าน, ไมเ่ ห็นดว้ ย ������ Are you for or against this plan? (คณุ สนับสนุนหรอื คดั คา้ นแผนน)้ี ������ I'm against it. (ฉนั คัดคา้ น) ☺ I am strongly opposed to... ฉันค้านเรอ่ื ง...หวั ชนฝาเลย  be opposed to = คัดค้าน

150 ☺ I don't think so. ฉันไมค่ ดิ อย่างนัน้ ☺ I don't see it that way. ฉันไม่คดิ แบบน้ัน = That's not how I see it. ☺ I have a different opinion. ฉันคิดอกี อย่างหนึ่ง ☺ That's not a good idea. นนั่ ไม่ใช่ความคดิ ทด่ี เี ลย ☺ You're wrong. คุณคิดผดิ แล้ว ������ I think raising children is easy. (ผมวา่ การเลยี้ งเดก็ เป็นเร่ืองงา่ ยนะ) ������ You're wrong. (คุณคิดผิดแล้วละ) ☺ That's impossible. เป็นไปไมไ่ ด้ ������ We should move to a larger house, (เรานา่ จะย้ายไปอยู่บา้ นหลงั ใหญก่ วา่ นีน้ ะ) ������ That's impossible. (เป็นไปไม่ไดห้ รอก) ☺ I don't recommend it. อยา่ เลย ������I think I'm going to quit my job. (ฉันคดิ ว่าจะลาออกจากงาน) ������ I don't recommend it. (อยา่ เลย) ☺ Don't be unreasonable. อยา่ ทาอะไรไมเ่ ขา้ ท่าสิ  unreasonable = ไมม่ เี หตุผล, ไม่เขา้ ทา่ ☺ That's out of the question. เปน็ ไปไม่ได้  out of the question = ไมม่ ปี ระโยชนท์ จ่ี ะคยุ เปน็ ไปไม่ได้

151 ☺ That's nonsense. ไร้สาระ ☺ Don't be ridiculous! อยา่ ไรส้ าระไดไ้ หม ! ridiculous = ไรส้ าระ, นา่ หัวเราะเยาะ ������I want to quit my job and move to Hawaii. (ฉันอยากลาออกจากงานแล้วย้ายไปอยู่ฮาวาย) ������Don't be ridiculous! (อยา่ ไรส้ าระได้ไหม !) ☺ Over my dead body! ข้ามศพฉนั ไปก่อนเถอะ! ใชป้ ฏเิ สธแบบหัวชนฝา ������I want to try skydiving. (ผมอยากลองกระโดดร่มดู) ������ Over my dead body! (ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ!) ☺ I don't think it will work. ฉันคิดว่าไม่เข้าท่าหรอก ������How about starting our own business? (เรามาเริ่มทาธุรกจิ ส่วนตัวกันดไี หม) ������ I don't think it will work. (ฉันคิดวา่ ไมเ่ ข้าท่าหรอก) ☺ You need to be more realistic. คณุ ต้องอยกู่ ับความเปน็ จริงให้มากกว่าน้นี ะ ☺ You're too optimistic, คุณมองโลกในแง่ดีเกินไป You're too pessimistic. (คณุ มองโลกในแง่ร้ายเกนิ ไป)

152 เรื่องท่ี 8.4 Expressing Somewhat Agreement การแสดงความคดิ เห็นท่ีเห็นดว้ ยบา้ ง ในการสนทนา ไม่วา่ จะเป็นการอภปิ ราย สัมมนา การประชมุ การเรยี นการสอน การพบปะพดู คยุ เปน็ ทางการและไม่เปน็ ทางการ เราควรมีความสามารถในการสนทนาโต้ตอบ แสดงความคิดเห็น ถาม ตอบ บอก ความคิดเหน็ แสดงจุดยืนของตนเองบา้ ง ไมใ่ ช่อะไรก็ได้ ความสามารถในการสื่อสารชว่ ยเพมิ่ ความมน่ั ใจและ รักษาการนับถือตนเองของเราได้ ถ้าเรามีความคดิ เห็นทีเ่ ห็นด้วยกบั ทเี่ ขาพดู มาบา้ งเปน็ บางสว่ น จะพูดโตต้ อบได้ ได้ตามตัวอย่างนี้ Yes, I agree somewhat, but ...ฉนั เห็นดว้ ยบางส่วน แต่ ....... (แสดงความคดิ เห็นขดั แยง้ ) A: I think we'd better stay home this weekend. ฉันคิดวา่ เราควรจะอย่บู ้านเป็นอยา่ งยง่ิ ในวนั หยดุ สดุ สัปดาหน์ ี้ B: Yes, I agree somewhat, but we haven't been out of town for ages. ใช่ กเ็ หน็ ดว้ ยอยนู่ ะ แต่วา่ เราไมไ่ ดไ้ ปเทีย่ วต่างอาเภอ ตา่ งจงั หวัดนานมากแล้วนะ I agree to some extent/to a certain extent, but ... ฉนั เหน็ ดว้ ยสว่ นหน่งึ แต.่ .. (แสดงความคดิ เห็นขดั แย้ง) A: Education should be free for all. (การศกึ ษาควรจะฟรสี าหรับทุกคน) B: I agree to some extent, but students should pay for their higher education. ฉนั เหน็ ด้วยส่วนหนง่ึ แต่นกั ศึกษา นิสิตควรจะจา่ ยสาหรับการเรียนระดบั อดุ มศกึ ษา) แตถ่ า้ ไมม่ ีความเหน็ เก่ยี วกบั สิ่งท่เี ขาพดู หรอื ถามมาเลย ตอบกลับไปไดเ้ ลยว่า I'm sorry, I have no comment/no comment. ขอ โทษที ไม่ขอออกความเหน็ A: What do you think of that new political party? คณุ คิดอยา่ งไรกบั พรรคการเมอื งใหมพ่ รรคนน้ั B: I’m sorry. No comment. ขอ โทษที ไม่ขอออกความเหน็ (สนใจ ไชยบุญเรอื ง, 2563: 272-290)

153 เรอ่ื งที่ 8.5 Expressing Doubt การแสดงความสงสัย ชิดพงษ์ กวีวรวุฒิ และคณะ (2550) กล่าวว่า การจะประสบความสาเร็จในการติดต่อส่ือสาร นอกจาก เราจะต้องทาหน้าที่เป็นผู้รับสารท่ีดีแล้วยังจาเป็นต้องทาหน้าที่การเป็นผู้ส่งสารที่มีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างย่ิงในการสนทนาทั้งที่ผู้รับและผู้ส่งสารจะต้องมีการพูดคุยโต้ตอบกันไปมาอย่างฉับพลัน ซงึ่ แตกต่างจากการสื่อสารโดยการเขียน การสนทนาอย่างตอ่ เนื่องไม่มีเวลามากพอท่จี ะทาให้ผู้สนทนาคิดส่ิงที่จะ พูดออกมาได้นาน หรือเมื่อสนทนาไปแล้วไม่เข้าใจหรือสงสัยในส่ิงที่ผู้พูดกาลังส่ือสาร เราสามารถถามด้วย ประโยคดังต่อไปน้ี 1. Well, I’m not sure that … จรงิ ๆ แล้ว ดิฉันไม่แน่ใจวา่ … 2. Are you sure that … ? คุณแน่ใจนะวา่ … ? 3. Really? Don’t you think … ? จริงหรือ? คุณไม่คดิ เหรอว่า … ? 4. Is that a fact? นน่ั เป็นขอ้ เท็จจริงหรอื ? 5. How can we explain about this? เราจะอธบิ ายเร่ืองนี่ได้อย่างไร ? 6. How do we make it clearer? เราจะทาให้มนั ชดั เจนขนึ้ กวา่ เดมิ ได้อย่างไร? 7. Do you really think that …? คุณคิดจรงิ ๆ หรือวา่ … ? ตัวอยา่ งการตอบอยา่ งคลุมเครอื ☺ Maybe, บางที คาทีแ่ ปลว่า บางที นอกจาก maybe แล้ว ยังมี perhaps และ probably อกี ดว้ ย แต่ probably จะแสดงความเป็นไปไดส้ งู กว่า = Perhaps. / Probably. ☺ Maybe not. อาจจะไม่ = Probably not. ������ Is Paul Coming? (พอลจะมาไหม) ������ Maybe not. (อาจจะไม่นะ) ☺ I guess so. ฉนั คิดวา่ อย่างนนั้  เป็นการคาดเดาที่มีน้าหนักน้อยกวา่ “| think so.” = I guess. /l suppose so.

154 ☺ That may be true. อาจจะเป็นอยา่ งนนั้ กไ็ ด้ = That's possible. ☺ You may be right. คุณอาจพดู ถูกก็ได้ = Maybe you're right. ☺ I'm not sure, ฉันไมแ่ นใ่ จ = I don't know for sure. ������ What time will you come home? (คุณจะกลับบ้านกี่โมง) I'm not sure. (ฉนั กย็ ังไม่แน่ใจ) ☺ Sort of. ประมาณนน้ั = Kind of. ������ Do you like your new job? (คณุ ชอบงานใหม่ไหม) ������ Sort of. (ก็พอไหว) ☺ More or less, เกือบ ������ Are you drunk? (คณุ เมาหรอื เปล่า) ������ Well, more or less. (อืม..กเ็ กือบ ๆ) ☺ It depends. ต้องดูก่อน ������Can you attend the meeting next week? (คณุ เข้าประชมุ สัปดาหห์ นา้ ได้ไหม) ������ It depends. (ขอดูก่อนนะ) ☺ I hope so. ฉันก็หวังว่าอย่างนนั้ = Hopefully. ������You can do it! (คุณทาได้แน่ !) ������ I hope so. (ฉันก็หวังว่าอยา่ งนน้ั )

155 ☺ Yes and no. ไมแ่ น่ใจ ใชเ้ มอ่ื ตอบคาถามอยา่ งชัดเจนไม่ได้ ������ Are you an outgoing person? (คณุ เขา้ กับคนอนื่ ได้งา่ ยหรอื เปลา่ ) ������ Well, yes and no, (อืม ไม่แนใ่ จเหมือนกัน) ☺ It's hard to say. ยังบอกไม่ได้ = It's difficult to say. ������ Do you think well win? (คุณคดิ วา่ เราจะชนะไหม.) ������ It's hard to say. (ยังบอกไม่ได้หรอก) ☺ Whatever you like. ตามใจคุณเลย ������What are we going to have for dinnen (ม้ือเยน็ นเ้ี ราจะกินอะไรด)ี ������Whatever you like. (ตามใจคณุ แลว้ กนั ) ☺ Okay, if you say so. กไ็ ด้ ถ้าคุณวา่ อย่างนั้น ������ Let's eat out tonight. (คืนนี้ออกไปกินขา้ วข้างนอกกันเถอะ) ������ Okay, if you say so. (ก็ได้ ถ้าคุณวา่ อย่างน้ัน) ☺ I don't care. ฉนั ไมส่ นหรอก, ไม่สาคัญหรอก = It doesn't matter to me. ������ Should I wear a white shirt or a pink one? (ฉันควรใสเ่ สือ้ เช้ติ สีขาวหรือสชี มพดู )ี ������ I don't care. (ใสอ่ ะไรกเ็ หมือนกนั นะ) ตัวอยา่ งการตอบวา่ ขอคิดดูก่อน ☺ I’ll think about it. ฉันจะลองคิดดู = I'll consider it. ������ Will you take this job? (คณุ รบั งานนห้ี รือเปล่า)

156 ������ I’ll think about it. (ฉันจะลองเอาไปคดิ ดูนะ) ☺ Let me think about it. ขอฉันคดิ ดูกอ่ นนะ ☺ Let me sleep on it. ขอฉันเอาไปนอนคดิ สักคนื นะ ������Would you like to buy this car? (คุณอยากซื้อรถคนั น้ีไหม) ������Well, let me sleep on it. (อมื ใหฉ้ นั ลองเอาไปคิดดูสกั คืนนะ) ☺ I need some time to think about it. ฉนั ตอ้ งการเวลาคดิ เร่อื งนี้ = Give me some time to think it over. ������I want you to go to New York with me. (ผมอยากใหค้ ุณไปนิวยอร์กกับผม) ������I need some time to think about it. (ฉันตอ้ งการเวลาคดิ เรอื่ งน้ี) ☺ I need to calm down and think it over. ฉนั ต้องรอให้อารมณเ์ ย็นกอ่ นแล้วคอ่ ยคดิ เรอ่ื งนอี้ กี ครั้ง  calm down = สงบอารมณ์ ☺ We'll discuss what we can do. เราจะคุยกันว่าจะทาอะไรไดบ้ ้าง ������ We want you to consider a bigger discount. (เราอยากใหค้ ุณพิจารณาลดราคาลงอกี ) ������ We'll discuss what we can do. (ขอเราจะคุยกันก่อนนะวา่ จะทาอะไรไดบ้ ้าง) (เพ็ญนภา รุจิรนนท์, 2557 : 42-53)

157 แบบประเมินตนเองหลงั เรียน Directions: Match the right meaning. a นัน่ เป็นขอ้ เท็จจริงหรือ? b จรงิ หรือ? คุณไม่คดิ เหรอวา่ … ? c สาหรบั ดิฉัน มนั ดูเหมือนว่า … d น่นั ไมใ่ ช่สิ่งทด่ี ิฉนั เห็นเลยสักนิด e ดฉิ นั แนใ่ จวา่ มนั ไมถ่ ูกจริง ๆ f คุณคดิ วา่ อย่างไร? ................ 1. That’s not the way I see it at all. ................ 2. It seems to me … ................ 3. Well, I’m sure that’s not right. ................ 4. Really? Don’t you think … ? ............... 5. Is that a fact?

158 เอกสารอ้างอิง จินตนา ใบกาซูยี และคณะ. (2550). คูม่ อื การใช้ชดุ การเรียนรู้ภาษาองั กฤษสาหรบั คนรนุ่ ใหม่ English for Modern Living. กรุงเทพฯ: ไมเนอร์ คอร์ปอเรชัน่ จากัด. ชิดพงษ์ กววี รวุฒิ และคณะ. (2550). พดู อังกฤษตามสถานการณ์ Speak English in Situations. กรงุ เทพฯ: เอ็มไอเอส ซอฟทเ์ ทค. เพญ็ นภา รุจินันท.์ (2557). พูดภาษาองั กฤษปรอ๋ ไม้ง้อติวเตอร.์ กรงุ เทพฯ: ซเี อ็ดยูเคช่ันจากัด. Fragiadakis, Helen. Kalkstein, Maurer. Virginia, Tapestry. (2000). Listening & Speaking. Boston: Heinle & Heinle. Frankel, Irene; & Kimbrough, Victoria. (2015). Gateways 2: Student Book. New York: Oxford University Press. Garry Adams & Terry Peck. (2010). IELTS Academic Module. Sydney, Australia: Adama & Austen Press. Ken Wilson. (2007). Smart Choice. Bangkok: Oxford University Press. 1858/47, 11th floor. Nation Tower Building Bangna-Trat Rd. 10260. T.S Education. (2545). English for Conversation for office & Business. กรุงเทพฯ: T.S.E. Technology Co., Ltd 52/134-135 ถ. รามคาแหง แขวงหวั หมาก เขตบางกะปิ 10240.

159 แผนการสอนประจาหนว่ ยที่ 9 Clarification and Emphasizing การอธิบายและลาดับความสาคัญ วตั ถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม 1. สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการโนม้ นา้ วได้ 2. สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพ่ือถามหาความกระจา่ งได้ 3. สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพ่ืออธิบายให้กระจา่ งชดั ได้ 4. สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพ่ือการขอรบกวนได้ 5. สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพ่ือย้าความส้าคัญได้ 6. สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพ่ือยกตัวอย่างได้ 7. สามารถใชภ้ าษาอังกฤษเพื่อการเจรจาต่อรองได้ 8. สามารถใชภ้ าษาอังกฤษเพ่ือการปฏเิ สธได้ เนื้อหา 9.1 Persuading การโนม้ น้าว 9.2 Asking for Clarification การถามเพือ่ ความกระจ่าง 9.3 Clarifying การอธิบายเพ่ือความกระจ่าง 9.4. Interrupting การขอรบกวน 9.5 Emphasizing การย้าความส้าคัญ 9.6 Giving an Example การยกตัวอย่าง 9.7 Negotiation การเจรจาตอ่ รอง 9.8 Refusals การปฏเิ สธ การจดั การเรยี นรู้ 1. ท้าแบบฝึกปฏิบตั ิก่อนเรียน 2. ศกึ ษาเอกสารประกอบค้าสอน 3. ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามที่ได้ระบุในเอกสารการสอนแต่ละตอน 4. ฝึกปฏบิ ัติโดยสรา้ งสถานการณ์จา้ ลองใหผ้ ้เู รียนอัดคลิปวีดโี อใช้ประโยคในการสนทนา 5. ทา้ แบบฝึกปฏิบตั ิหลงั เรียน

160 ส่ือการจัดการเรยี นรู้ 1. เอกสารประกอบคา้ สอนการสอน 2. Power point 3. Home page 4. Facebook group การประเมนิ ผล 1. ประเมนิ ผลจากแบบฝึกปฏบิ ัตกิ ่อนเรยี นและหลังเรียน 2. ประเมนิ ผลจากการทา้ กจิ กรรมในหอ้ งเรียน 3. ประเมนิ ผลจากการสอบไล่ประจา้ ภาคการศึกษา แบบประเมินตนเองก่อนเรียน Directions: Match the right meaning. a ดฉิ ันก้าลังจะบอกว่า … b คุณหมายความวา่ ... หรอื ? c ฉนั คิดวา่ มนั … อยา่ งแท้จริง d ตวั อย่างท่ดี ใี นเร่อื งนีก็คือ … e คุณตระหนักไหมวา่ … ? ................ 1. Do you realize … ................ 2. Do you mean that? ................ 3. What I’m saying is … ................ 4. I think it’s absolutely … ................ 5. A good example of this is…

161 เรื่องท่ี 9.1 Persuading การโนม้ น้าว ศิริพร โตพ่ึงพงศ์ (2552) กล่าวว่า ปัจจุบันการพูดคุยติดต่อส่ือสารเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดซ่ึงกัน และกัน การพดู โน้มนา้ วนนั เปน็ การพยายามเปลยี่ นแปลง ความเชื่อ ทศั นคติ การกระทา้ ของบุคคลอ่ืน ดว้ ยกลวิธี ที่เหมาะสม ให้มีผลกระทบใจผ้นู ัน จนเกิดการยอมรับและเปลีย่ นตามผู้โนม้ น้าวใจต้องการ การส่ือสารให้ประสบ ผลส้าเร็จคือการท้าให้ผู้ฟังเข้าใจผู้พูด เข้าใจประเด็นที่ส่ือออกไป และจะดีมากหากผู้ฟังเข้าใจ และยอมรับ ปฏิบัติตาม หรือตกลงใจตามท่ีผู้พูดเสนอไป ดังนันเพื่อให้การสื่อสารครังนัน ๆ ส้าเร็จตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว ผู้พูดอาจจ้าเปน็ ต้องพดู โน้มน้าวใหผ้ ู้ฟังเห็นดว้ ยเปน็ ดังนเี รามาฝึกโดยให้ผอู้ า่ นฝึกพูดตัวอยา่ งประโยคโนม้ น้าวกับ คูส่ นทนาแล้วลองดวู ่าคสู่ นทนาเราเห็นด้วยหรือไมเ่ ห็นด้วยมากกวา่ กัน 1. Has it occurred to you that … ? มนั เกิดขึนกับคุณไหม ทวี่ า่ … ? 2. There are other considerations. มีแง่อ่ืน ๆ ท่ตี อ้ งพจิ ารณา 3. Do you realize … ? คณุ ตระหนักไหมวา่ … ? 4. If you look at it in another light … ถา้ คณุ มองในอีกแง่หนึ่ง … 5. Wouldn’t you agree that … ? คณุ ไมเ่ หน็ ดว้ ยหรือทีว่ ่า … ? 6. I agree with that but … ดฉิ นั เห็นด้วย แต่ว่า … 7. Do you really believe that ....? คณุ เช่อื วา่ จรงิ เหรอ วา่ ...... ? 8. Don’t you think .......? คณุ ไม่คิดหรือวา่ … ? เรื่องที่ 9.2 Asking and Clarifying for Clarification การถามเพอื่ ความกระจ่าง อนุสรณ์ สรพรหม (2548) กล่าววา่ การสนทนากันไม่ว่าจะใช้ภาษาอะไรก็ตาม ย่อมมีการสนทนาเรื่อง ต่าง ๆ คู่สนทนาจะต้องสามารถบรรยายให้ผู้ฟังเข้าใจได้ แต่ถ้าหากผู้ฟังไม่เข้าใจก็สามารถถามและบรรยาย เป็นประโยคภาษาอังกฤษเพื่อความกระจ่าง ให้ผู้อ่านฝึกถามคู่สนทนา โดยยกประเด็นต่าง ๆ ขึนมา หรือสมมุติ สถานการณ์ เพอ่ื ใหค้ ่สู นทนาอธิบาย จากนนั ใหส้ ลับบทบาทกนั ฝึกถาม-ตอบ จนกวา่ จะคล่อง โดยใชป้ ระโยคดังนี 1. Do you mean that? คณุ หมายความว่า ... หรอื ? 2. Are you saying that? คณุ หมายความวา่ … หรือ?

162 3. Can I get one thing clear? ดิฉนั ขอความชัดเจนสกั เร่ืองหน่ึงไดไ้ หม ? 4. So what you are saying is …? คณุ หมายความว่า … หรอื ? 5. What exactly do you mean when you say …? จรงิ ๆ แล้วคณุ หมายความว่าอย่างไร ที่คุณพดู ว่า … ? 6. I don’t quite understand what you mean by … ดิฉนั ไม่คอ่ ยเข้าใจว่าคุณหมายความว่าอยา่ งไร ทก่ี ล่าววา่ … 7. I don’t really see what you’re getting at … ดฉิ นั ไม่คอ่ ยเขา้ ใจวา่ คุณหมายถงึ อะไร … 8. I’m afraid I’m not quite clear about … ดฉิ ันเกรงวา่ ดฉิ ันจะไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับ … เรื่องที่ 9.3 Clarifying การอธบิ ายเพอ่ื ความกระจา่ ง 1. I was expressing the view that … ดฉิ ันไดแ้ สดงความคิดเหน็ ไว้วา่ … 2. Let me put it another way. ดิฉนั ขอกลา่ วในแง่อ่นื ๆ 3. The point I’m trying to make is … ประเดน็ ท่ีดิฉนั ก้าลังกล่าวถงึ ก็คือ … 4. What I mean is … ดฉิ ันหมายความว่า … 5. What I’m saying is … ดฉิ นั ก้าลังจะบอกว่า … 6. To put my idea more clearly … เพอ่ื ท่จี ะน้าความคิดเหน็ ของดิฉนั มาแสดง ใหช้ ดั เจนขึน … 7. No, that’s not quite what I mean. What I’m saying is … ไมค่ ะ่ ดิฉันไม่ได้หมายความวา่ อย่างนนั ... ดิฉันก้าลังจะบอกวา่ … 8. No, you’ve missed the point of what I’m saying. ไมค่ ่ะ คุณเขา้ ใจผดิ ในสิ่งท่ดี ฉิ ันบอกไป … 9. Well, what I’m getting at is that … ส่ิงท่ีดิฉนั เขา้ ใจกค็ ือวา่ …

163 เรื่องที่ 9.4 Interrupting การขอรบกวน การขอพดู แทรก ปีเตอร์ แมทธิว เบอร์เจส และรดาพร หงษ์ทอง (2553) กล่าวว่า การเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องของ การฝึกทักษะเพื่อให้เกิดความช้านาญทังในด้านการพูดและการเขียน การเรียนรู้ด้วยการอ่านและพัฒนา ความสามารถทางภาษาสู่ระดับสูงโดยการอ่าน ในท้านองเดียวกัน การอ่านคือหนทางท่ีมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมากที่สุดในการเรียนภาษาอังกฤษ การสนทนากับคู่สนทนาในเรื่องต่าง ๆ ในกรณีท่ีเราจะแสดง ความคดิ เหน็ ในขณะท่คี ู่สนทนากา้ ลังพดู อยู่เราสามารถพดู โดยใชป้ ระโยค ดังนี 1. May I say something here? ดิฉันขออนญุ าตพดู อะไรซักหนอ่ ยตรงจุดนดี ว้ ยค่ะ? 2. If I could make a comment. ถา้ ดฉิ นั จะสามารถแสดงความคิดเห็นได้ 3. May I point out that … ? ดิฉันขออนุญาตชีใหเ้ ห็นว่า … ? 4. May I interrupt you for a moment? ดิฉนั ขออนุญาตแทรกซกั ครนู่ ะค่ะ? 5. Sorry to interrupt, but … ขอโทษท่ีต้องแทรก แต่ … 6. Sorry to break in here, but don’t you think…ขอโทษทีต่ ้องแทรกตรงนีคะ่ แต่คุณไม่คิดหรือว่า 7. Excuse me, but I’d just like to make a point here. ขอโทษค่ะ เพียงแต่ดิฉันประสงคท์ ่จี ะแสดงความคดิ เห็นตรงสว่ นนี 8. If I could say a word about … ถ้าดิฉนั จะสามารถพดู เกีย่ วกับ … เรือ่ งท่ี 9.5 Emphasizing การย้าความสาคญั การ พดู เพ่ือย้า,เนน้ ,ใหน้ ้าหนัก,ให้ความสา้ คัญในภาษาองั กฤษก็มเี หมือนภาษาไทย เพื่อการส่อื สารให้ เขา้ ใจ ให้บรรลเุ ป้าหมาย เราจึงควรเรยี นรวู้ ิธีพดู แบบต่างๆ เพ่ือจะไดเ้ ลือกใช้ประโยคได้อยา่ งหลากหลาย และ เพื่อความเขา้ ใจเมือฟงั แตล่ ะคนพูดเพราะแต่ละคนกเ็ ลือกใช้ สา้ นวน วลหี รอื ประโยคตา่ งกันออกไป ดงั นันการมี คลังคา้ ศัพท์ไวใ้ นสมองเยอะๆ ย่อมมปี ระโยชน์ในการสือ่ สารแนน่ อน ตัวอย่างส้านวนที่ใช้เมอื่ เราต้องการเน้นย้า มดี ังนี 1. I’m convinced that … ดิฉันขอท้าใหม้ ่ันใจว่า… 2. You can’t deny the fact that … คุณไมส่ ามารถปฏเิ สธความจริงท่วี ่า … 3. Anybody can see that … ใคร ๆ กส็ ามารถเห็นได้วา่ …

164 4. It’s very clear … มันชัดเจนมากทว่ี า่ … 5. Doing meditation will most definitely leads to mindfulness. การทา้ สมาธิจะนา้ ไปสู่จติ ใจท่ีสงบ 6. Doing exercise will most definitely cause to healthy. การออกก้าลงั กายจะเปน็ สาเหตขุ องสุขภาพทดี่ ี 7. I think it’s absolutely … ฉันคดิ ว่ามนั … อยา่ งแทจ้ รงิ เร่ืองท่ี 9.6 Giving an Example การให้ตวั อย่าง Cai Yonglin (2559) กล่าวว่า ปัจจุบันภาษาอังกฤษเข้ามาเป็นส่วนหน่ึงในชีวิต การฝึกฝนภาษาอังกฤษ เวลาจะเขียนหรือพูดอะไรสักอย่างแล้วเกิดอยากอธิบายเพ่ิมเติมให้ผู้ฟังได้เข้าใจ ก็มักจะใช้การยกตัวอย่างเพื่อ ขยายความ ในภาษาอังกฤษมีค้าท่ีใช้ในการยกตัวอย่างอยู่หลายตัวด้วยกัน และแต่ละตัวก็อาจจะมีวิธีการใช้ท่ี แตกต่างกันเล็กนอ้ ย ดังนี 1. For example ยกตัวอยา่ ง เชน่ … 2. For instance ยกตัวอย่าง เช่น … 3. By way of example ยกตัวอย่าง เช่น … 4. To give you an idea จะยกตวั อย่าง เชน่ … 5. Let me give an example … ดฉิ ันขอให้ตัวอย่างนะค่ะ … 6. A case in this point is … ประเดน็ ในกรณนี ีก็คอื … 7. A good example of this is… ตวั อย่างท่ดี ใี นเรื่องนีก็คือ … 8. We can see this when … เราจะเหน็ สง่ิ นีได้เมอื่ ... เรอื่ งที่ 9.7 Negotiation การเจรจาต่อรอง การเจรจาต่อรอง หมายถงึ กระบวนการส่ือสารปฏิสัมพันธ์ทีเ่ กดิ ขึนโดยความสมัครใจ เม่ือฝา่ ย ใดฝา่ ย หน่งึ หรอื หลายฝ่ายตอ้ งการสงิ่ ใดสง่ิ หน่งึ หรือหลายส่งิ จากอีกฝ่าย หน่งึ หรอื หลายฝ่าย ทัง้น่ีเพือ่ ให้ได้ขอ้ ตกลง ร่วมกนั การเจรจาต่อรอง เป็นกระบวนการสื่อสารสองทาง มีตังแต่ 2 ฝา่ ยขึนไป มกี ารก้าหนดจดุ ยนื และ

165 ผลประโยชน์ทีต่ ้องการใหม้ ีการแลกเปลย่ี น มงุ่ หวังใหบ้ รรลุความ ต้องการทุกฝา่ ย (win-win) แต่อาจไมเ่ ทา่ กนั ก็ ได้ ตอ่ ไปนีคือประโยคตวั อยา่ งในการเจราจา 1. What are your views on…? คุณคิดอย่างไรเกยี่ วกบั ...? 2. How do you feel about…? คณุ รู้สกึ อย่างไรเกีย่ วกบั .....? 3. Could you be more specific? บอกมาชดั ๆ เลยได้ไหมค่ะ? 4. Would you like to suggest a course of action for…? จะแนะน้าหน่อยได้ไหมค่ะ? 5. Considering that I would like to suggest… เมอื พิจารณาแลว้ ก็ขอแนะน้าวา่ ...... 6. Now that you mentioned it…เมอ่ื คุณเอย่ ขนึ มา..... 7. Maybe it would be better to… มันอาจจะดกี วา่ ท่ีจะ...... 8. Perhaps a better idea would be…บางทีนะ... อาจจะเปน็ ความคดิ ทดี่ ี 9. I’d like to make an alternative offer. I propose that..... ผมอยากให้ทางเลือกท่หี ลากหลาย ผมขอเสนอ... 10. From where we stand, a better solution might be…จากจุดนีนะ ทางออกที่ดี อาจจะเป็น..... 11. I’m afraid we can only go as low as… ฉันเกรงวา่ เราควรจะลดต่า้ เท่าทีจ่ ะทา้ ได้ 12. From where we stand an acceptable price would be…จากจดุ นี ราคาทเ่ี รายอมรบั ได้ คอื ... (Kaycie Yambao, 2020)

166

167 ประโยคที่ใชใ้ นสถานการณท์ ไี่ ด้ประโยชน์ทง้ั สองฝ่าย 1. We need to come up with a mutually beneficial Let’s try to work solution. something out. เราต้องหาข้อตกลงท่ีทงั สองฝา่ ยตา่ งได้ผลประโยชน์ 2. Let's keep talking until we come up with a win-win situation. เราหารือกนั ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหาข้อสรปุ ทีไ่ ดป้ ระโยชน์ทังสองฝ่าย 3. We'll agree to one of your demands if you'll agree to one of ours. ถ้าคณุ ยอมตกลงกับข้อเสนอของเราหนึ่งข้อ เราก็จะยอม ตกลงกับขอ้ เสนอของคุณหนึ่งข้อเชน่ กนั 4. If you come down a little bit, I'll go up a little bit ถา้ คุณยอมลดลงมาอีกสกั หน่อย เราก็จะเพิ่มใหอ้ ีกสกั นิด 5. You give up something, and I'll give up something. ถา้ คุณยอมถอยหน่งึ ก้าว ผมก็ยอมถอยหนง่ึ ก้าว ประโยคสาหรบั ฝ่ายทข่ี อใหป้ ระนีประนอม I can't afford 1. You'll have to do better than that. . that much. คณุ ตอ้ งให้เรามากกวา่ นัน 2. I'm sorry, but I can't accept your offer. ตอ้ งขอโทษด้วย แตผ่ มไม่สามารถรับข้อเสนอของคุณได้ 3. Please take some time to think about our offer. โปรดสละเวลาทบทวนขอ้ เสนอของเขาดว้ ยค่ะ 4. Get back to us when you're serious. ตดิ ต่อกลับมาใหมเ่ มื่อคณุ ตอ้ งการเจรจาอย่างจริงจัง 5. We need to compromise. . เราต้องประนีประนอม 6. You'll have to give in on that point. ส้าหรบั จดุ นันคณุ คงต้องยอม (ไลฟเ์ อบซี ี 2561 : 186-187)

168 เรื่องที่ 9.8 Refusals การปฏิเสธ

169 การใช้อย่างเปน็ ทางการ 1. I will not listen to anything else you have I'm sorry, but to say. I can't accept ดิฉันจะไม่ฟงั ค้าพูดใด ๆ ของคุณอีก การใช้อย่างไมเ่ ปน็ ทางการ 2. Sorry, but I'll have to turn down your offer. . ขอโทษนะครับ แต่ผมจา้ เป็นตอ้ งปฏเิ สธข้อเสนอของคุณ No way, 3. My decision is final-end of story. buddy ดฉิ นั ตัดสินใจแลว้ ไม่ตอ้ งพูดอะไรอีก (ทา่ ทีแ่ ข็งกรา้ วมาก) 4. I refuse to accept your offer. ผมขอปฏเิ สธท่ีจะตอบรับข้อเสนอของคณุ 5. Sorry, I can't accept that. ขอโทษนะคะ ดฉิ นั รับไว้ไม่ได้ 1. I can't go for that. ผมไมย่ อม 2. I'm not interested. ฉนั ไม่สนใจ 3. Thanks, but no thanks. ขอบคณุ แต่ไม่เป็นไร 4. Not a chance. ไมม่ ีทาง 5. Out of the question. เปน็ ไปไม่ได้ (ไลฟ์เอบีซี 2561 : 162-163)

170 แบบประเมินตนเองหลงั เรียน Directions: Directions: Match the right meaning. a คุณไม่สามารถปฏเิ สธความจริงที่วา่ … b คณุ ไม่เห็นดว้ ยหรอื ที่วา่ … ? c ดฉิ นั ขออนุญาตชใี หเ้ ห็นว่า … ? d ดฉิ ันขอใหต้ ัวอย่างนะค่ะ … e ดฉิ นั หมายความวา่ … ................ 1. Wouldn’t you agree that … ................ 2. Let me give an example … ................ 3. You can’t deny the fact that … ................ 4. May I point out that … ? ................ 5. What I mean is …

171 เอกสารอ้างอิง ปเี ตอร์ แมทธวิ เบอร์เจส และรดาพร หงษท์ อง. (2553). Correct English for Thai = ใช้ภาษาอังกฤษ อย่างไรใหถ้ ูกต้อง. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. เพ็ญนภา รจุ นิ นั ท์. (2557). พูดภาษาองั กฤษปร๋อไม้งอ้ ติวเตอร์. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชน่ั จ้ากดั . ไลฟเ์ อบซี .ี (2561). ภาษาองั กฤษเพื่อการงาน & การเขา้ สงั คม. กรงุ เทพฯ: นามมบี ุ๊คส์ จ้ากดั . ศริ พิ ร โตพ่ึงพงศ.์ (2552). ฝึกพูดอังกฤษ หน้ากระจก. กรุงเทพฯ: บุคส์ ทู ยู. อนุสรณ์ สรพรหม. (2548). ภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร II. ปทุมธานี: สกายบกุ๊ ส.์ Garry Adams & Terry Peck. (2010). IELTS Academic Module. Sydney: Australia: Adama & Austen Press. Jennifer Wharton. (2013). Academic Encounters. New York: Cambridge University Press. 32 Avenue of the Americas. NY 10013-2473, USA. Kaycie Yambao. (January 17, 2020). Negotiation. https://www.lingualbox.com/blog/useful- english-phrases-you-must-know-for-business-negotiations Longdo Dict. (14 May, 2020). Emphasize. https://dict.longdo.com/search/persuade Kenneth J. Pakenham. (2009). Making Connections High Intermediate. New York: Cambridge University Press. 32 Avenue of the Americas. NY 10013-2473, USA. Marion Grussendorf. (2011). English for Presentation. New York: Oxford University Press. Great Clarendon Street, Oxford ox2 D

172 แผนการสอนประจาหนว่ ยท่ี 10 Idioms to Communication สานวนเพ่อื การส่อื สาร วัตถปุ ระสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม 1. บอกความสาคญั ของสานวนภาษาองั กฤษเพือ่ การสือ่ สารได้ 2. สามารถบอกความหมายของสานวนในภาษาอังกฤษได้ 3. สามารถใชส้ านวนภาษาอังกฤษในการสนทนาได้ เน้อื หา 10.1 ความสาคญั ของสานวนภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร 10.2 ความหมายของสานวนในภาษาอังกฤษ การจดั การเรยี นรู้ 1. ทาแบบฝกึ ปฏบิ ตั กิ ่อนเรียน 2. ศกึ ษาเอกสารประกอบคาสอน 3. ปฏิบัติกิจกรรมตามทีไ่ ด้ระบมุ อบหมายในเอกสารการสอนแต่ละตอน 4. ผเู้ รยี นทบทวนและสร้างสถานการณ์จาลองเพ่ือใช้สานวนในประโยคตา่ ง ๆ 5. ทาแบบฝึกปฏบิ ตั หิ ลังเรยี น ส่อื การจดั การเรียนรู้ 1. เอกสารการสอน 2. Power point 3. clips 4. Facebook group : Idioms การประเมินผล 1. ประเมนิ ผลจากแบบฝึกปฏบิ ตั ิก่อนเรียนและหลงั เรียน 2. ประเมินผลจากกจิ กรรมในเอกสารการสอน 3. ประเมินผลจากการสอบไล่ประจาภาคการศึกษา

173 แบบประเมนิ ตนเองกอ่ นเรียน Directions: Choose the best answer by marking (X) on a, b, c or d 1. Tom ………………………… when he told us about his debt. a. bird eye view b. about to c. beat about the bush d. cutting edge 2. I knew ………………… that Jack was n’t telling us the whole story. a. in advance b. every other c. all along d. see about 3. I feel ………………….. I think I’m catching cold. a. get cold feet b. cut corners c. take it easy d. under the weather 4. Tony ……………………….. by going to the lake. a. chilled out b. broke the ice c. could eat a horse d. took the test cold 5. Sandra loves ………………….. on the king-size hamburger. a. chicken feed b. a cold fish c. pigging out d. a piece of cake

174 เรื่องที่ 10.1 ความสาคัญของสานวนภาษาอังกฤษเพอื่ การสื่อสาร English Idioms สานวนภาษาอังกฤษเกดิ จากการนาคาเด่ียว ๆ มารวมกันทาให้เกิดความหมายใหม่ท่ี แตกต่างออกไป เฌอมาณย์ รตั นพงศต์ รพกูล (2557) และ กติ ติ์ จิรติกุล (2546) กลา่ ววา่ สานวนภาษาอังกฤษ หมายถึง คาหรือวลีท่ีมีความหมายไม่ตรงตามตัวอักษร หรือหากแปลตามตัวอักษรแล้วอาจไม่ได้ความหมาย ดงั ความประสงค์ของผ้พู ูด เม่ือได้ยินคาสนทนาท่ีมีความหมายเป็นสานวนผู้ฟังจะต้องรู้และแปลความหมายมา เป็นคาพูดธรรมดาจึงจะระบุความรู้สึกหรอื ทัศนะของผสู้ นทนาได้ สาหรับการเรียนภาษานัน้ ในปัจจุบันภาษามีความสาคญั เพิ่มมากขนึ้ เพราะยคุ ปจั จุบันเป็นยุค โลก ไร้พรมแดนและการค้าเสรี ทาให้คนไทยต้องเรียนรู้ภาษามากข้ึน การใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจาวันในการ สนทนาน้ันเจ้าของภาษามักจะพ่วงสานวนและศัพท์แสลงต่าง ๆ มาด้วยเสมอ ซึ่งบางครั้งทาให้เราไม่เข้าใจ ภาษาและสานวนต่าง ๆ ดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้สานวนภาษาอังกฤษเพราะจะช่วยทาให้เราสามารถเข้าใจ ความหมายที่แท้จริงในการส่ือสาร เมื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในปัจจุบันมีบทบาทมากขึ้น เนื่องด้วย การศึกษาท่ีสามารถหาความรู้ได้อย่างสะดวก สามารถค้นหาความรู้ได้ด้วยตนเอง อีกท้ังยังมีสื่อให้ผู้เรียนได้ ทบทวนสง่ิ ท่ีเคยเรียนรู้ใหก้ ลับมาใชง้ านไดอ้ ีก เพ่ือความสาเร็จในการเรียนภาษาการรู้คาศัพท์และสานวนย่อมมี ส่วนช่วยให้การเรยี นนั้นประสบความสาเรจ็ ชดิ พงษ์ กวีวรวุฒิ และคณะ (2550) สานวน หรืออาจรวมไปถึงสแลง สุภาษิต คาพังเพย ล้วนมีรากเหง้ามาจากพื้นฐานทางวัฒนธรรมของ แต่ละชาติ การจะทาความเข้าใจกับความหมายต่าง ๆ ผู้เรียนอาจจะต้องศึกษาเกี่ยวกับประเทศน้ัน ๆ และ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษาด้วย การศึกษาเกี่ยวกับสานวนที่ใช้ในชีวิตประจาวันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน และผู้ที่สนใจศึกษา ทาให้เราสามารถสื่อสารได้อย่างม่ันใจ มีทักษะในการสื่อสารเพิ่มมากข้ึน เพราะในการ สนทนาเจ้าของภาษาใช้สานวนบ่อยมาก แต่เราคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบความหมายของสานวนเหล่านี้ นัก บางคร้งั เราจึงแปลไม่ได้ ตีความผิด แม้แต่ในบทแปลของหนังที่นาเข้าจากต่างประเทศผู้อ่านก็พบว่าผแู้ ปล คาบรรยายหนังต่างประเทศตีความหมายของสานวนไม่ออก คือแปลผดิ เพราะไม่รูว้ ่าคาศพั ท์ สานวน คาพงั เพย ดังนั้นผู้เรียนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศควรฝึกพูดสานวนภาษาอังกฤษท่ีมักใช้บ่อย ๆ ในการ สนทนาเพ่ือจะได้ฟังเข้าใจและเลือกใช้สานวนภาษาให้ได้อย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ต่าง ๆ ดังตัวอย่าง สานวนต่อไปนี้

175 เรอ่ื งที่ 10.2 สานวนภาษาองั กฤษท่ีใชบ้ ่อย A: 1. About to / Going to, on the verge of กาลงั จะ - Dad was about to leave when we arrived. - พ่อกาลังจะออกไปเม่ือเรามาถึง 2. All along / From the beginning, all the time ตัง้ แตต่ ้น, ตลอดเวลา - Tom knew all along that he would not get the promotion he wanted. - ทอมรตู้ ้ังแตแ่ รกแลว้ วา่ เขาจะไม่ได้รบั การเลอ่ื นขัน้ อย่างทีต่ อ้ งการ 3. All over (sometime) /Everywhere ทุกที่, ทกุ หนทุกแห่ง - I searched all over the house for my diamond ring. - ฉนั หาแหวนเพชรของฉนั ทวั่ ทกุ จุดในบา้ นแลว้ 4. A babe in the wood / Someone who has not had much experience of life and trusts other people too easily (คนทไ่ี ร้เดยี งสา, ไม่มีประสบการณ,์ เชอื่ คนง่าย) - Jen was just babes in the woods, she was fresh from university. - เจนยังออ่ นหัด เธอเพง่ิ จบจากมหาวิทยาลยั นะ่ B: 1. Behind someone’s back/ To do or say something secretly, or without telling someone ลบั หลงั (ใช้กบั กริยา to do ไดด้ ้วย เวลาท่จี ะบอกวา่ “ทาลับหลงั ท้ัง ๆ ท่ีหา้ มแลว้ ) - Jenny went behind my back and told mother about my new boyfriend. - เจนน่ีแอบบอกแม่เรื่องแฟนใหมข่ องฉนั 2. Bad blood / An angry and bitter feeling between to more people ความขุ่นข้องหมอง ใจตอ่ กนั - Sports can sometimes cause bad blood between the teams, unless everyone displays good sportsmanship. - กีฬาก็ทาใหค้ นต่างทมี โกรธเกลียดกนั ได้ ยกวน้ เสยี แตว่ ่าทุกคนจะแสดงความมีน้าใจเป็น นักกฬี า 3. to bear fruit/ To produce a positive result ผลิดอกออกผล ค่อนข้างทางการ - Your job will never bear fruit if you don’t work seriously.

176 - งานของคุณจะไม่เกดิ ผลขนึ้ มาหรอกนะ ถา้ คุณไมค่ ิดจะทามันอยา่ งจรงิ จัง 4. To beat about the bush/ to beat around the bush/ Talking in an unclear or uncertain way to avoid answering a question พูดจาอ้อมค้อม, พูดไมต่ รงประเดน็ เพื่อหลกี เลย่ี งการ ตอบคาถาม - Tell me what’s going on with you and Penny. No more beating around the bush this time. - บอกฉันมาเด๋ียวน้นี ะ ว่ามันมอี ะไรกนั แน่ระหวา่ งเธอกบั เพนนีนะ่ หา้ มเฉไฉแลว้ นะคราวนี้ 5. A bed of roses /A situation or way of life that is always happy and comfortable หนทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ (มักอยู่ในรปู ปฏิเสธ) - Everybody knows study abroad is not a bed of roses. - ใคร ๆ ก็รูว้ า่ การเรียนในต่างประเทศ ไมใ่ ช่เรื่องง่ายเลย 6. To bend the rules/ To disobey rules in small ways (แหกกฎเล็กน้อย) - My mom told me to stop eating fast food, but I bend the rules occasionally. - แมฉ่ นั บอกวา่ ใหเ้ ลิกกนิ อาหารขยะได้แลว้ แตบ่ างทีฉนั ก็แหกกฏบางคร้ัง 7. A bird’s eye view/ 1. a view seen from high above ทิวทศั นท์ ี่มองมาจากด้านบน 2. a brief survey of something, a hasty look at something ขอ้ มูลคร่าว ๆ, การมองแบบผ่าน ๆ อย่าง รวดเรว็ - I show you a bird’s eye view of my business. - ดิฉันใหค้ ณุ ดูธุรกจิ ของฉนั ได้คร่าว ๆ 8. In the same boat (as someone)/ In the same situation; having the same problem ตกท่ีนั่งเดียวกัน, มปี ัญหาเดยี วกนั - We’re all in the same boat. - เรากป็ ระสบชะตากรรมเดียวกนั 9. To break the ice/ To initiate social interchanges and conversations เปดิ บทสนทนา, ชว่ ยทาใหต้ ่างคนตา่ งรูส้ ึกเปน็ มิตรแก่กนั - I broke the ice with in the seminar by ask everyone to do a chicken dance. - ฉันละลายพฤติกรรมด้วยการให้ทุกคนเต้นไก่

177 10.To break up (with)/ To end a romantic relationship with one’s partner เลกิ รา (ใช้ กับคู่รัก) -Penny broken up with Adam. - เพนนีเลกิ กับอดัมแลว้ 11. To take a break (Am.) To stop work or hobbies for a while หยดุ งานหรอื กจิ กรรมท่ี ทาอยูช่ ั่วคราว - You look very tired. You should take a break. - เธอดเู หนื่อย ๆ นะ ตอนนเี้ ธอควรพักผอ่ นดีกว่า C: 1. A piece of cake / Very easy เรื่องกลว้ ย ๆ - Speaking test is a piece of cake foe Mos. - การสอบพดู เปน็ เรอ่ื งกล้วย ๆ สาหรบั มอส 2. To call it a day/ To stop working หยดุ ทางานนั้น ๆ - Let’s call it a day, guys. I’m really exhausted. - วันน้พี อแค่นี้กอ่ นเถอะพวกเรา ผมเหน่ือยจะแย่อยู่แล้ว 3. In any case/ Whatever the fact is จะยงั ไงกต็ าม - In any case, you must keep your promise. - ไมว่ ่าจะยงั ไง คณุ กต็ ้องรกั ษาสัญญา 4. In charge of / Having responsibility for รับหน้าที่, รบั ผิดชอบ - That girl is in charge of the restaurant. - เดก็ ผ้หู ญงิ คนน้ันรบั ผดิ ชอบร้านอาหาร 5. Chicken feed / A small amount of money เงนิ จบิ๊ จอ๊ ย - The money that I spend on my vacation was just chicken feed. - เงนิ ที่ฉันจ่ายในการไปเท่ยี วมนั ขป้ี ะตวิ๋ มาก 6. To chill out (Am.) To relax ผอ่ นคลาย - I chilled out by going to the movie. - ฉันผอ่ นคลายความเครยี ดด้วยการไปดหู นงั

178 7. Keep one’s chin up To remain brave and confident เชดิ หนา้ เขา้ ไว้ (เวลาจะใหก้ าลงั ใจ ใคร พูดย่อ ๆ ว่า Chin up! ก็ได)้ - Keep your chin up, Sandy. - เชิดหนา้ เข้มแข็งไว้นะแซนดี้ 8. A dead end / Having no chance to develop or progress ทางตนั (รูปที่ใช้เป็น adjective คอื dead-end มักใช้กับกริยา to come to หรือ to reach) - I think your relationship’s come to a dead end. - ฉนั วา่ ความสัมพนั ธ์ของคุณมาถึงทางตนั แลว้ ละ่ 9. Could eat a horse / Extremely hungry หวิ สดุ ๆ - After work I could eat a horse. - หลงั เลกิ งานฉันก็หวิ จนจะกินววั ไดท้ ั้งตวั แลว้ 10. A cold fish / A person who is distant, hard-heated and unfelling คนเฉยเมย, ตาย ดา้ น - Alan is a cold fish, so nobody ask him out. - อลันเป็นคนเยน็ ชาจึงไม่มีคนชวนเขาไปเทยี่ ว G: 1. Goody-goody (Am.) Unnaturally good or self-righteous ทาตวั เป็นคนดีมาก ๆ แบบจงใจ ไม่ไดเ้ ป็นธรรมชาติ (ในทนี่ เี้ ป็นคา adjective แตเ่ รากส็ ามารถเรยี กคนที่ทาดจี นออกนอกหน้า เพอ่ื จะทาให้ เจา้ นายหรือผูท้ ่ีอย่เู หนอื กว่าพอใจ - Sandra’s a real goody-goody. She’s always doing extra homework and arriving early to lesson. - แซนดรา้ เป็นพวกเอาหนา้ หลอ่ นมักจะชอบทาการบา้ นเกินกวา่ ท่สี ่งั และเขา้ เรียนก่อนเวลา H: 1. To have a big head / To be arrogant, to be too proud of oneself หลงตัวเอง - Mary’s had such a big head since she won first prize in the science competition. - แมรห่ี ลงตวั เอง ตัง้ แต่ที่หลอ่ นไดอ้ นั ดับท่ี 1 ในการแขง่ ขนั วทิ ยาศาสตรน์ นั่ J: 1. A nine-to-five-job / A job with regular hours งานท่ีมีชั่วโมงทางานปกติ (คือประมาณ 9 โมงเชา้ ถงึ 5 โมงเย็น) - I want a nine-to-five-job. - ฉนั อยากทางานจาก 9 โมง ถึง 5 โมง

179 K: 1. To kid around/ To behave in a silly way ทาตัวติ๊งต๊อง เทย่ี วแกล้งคนโนน้ ล้อคนนเ้ี ล่น - Stop kidding around. - เลิกเล่นซะ L: 1. To learn one’s lesson/ To take the pass mistakes as a lesson ได้รับบทเรียน (ส่วนถา้ จะสอนใครให้ได้รับบทเรยี นซะบ้าง ก็ใช้ to teach someone a lesson) - Kate will learn her lesson. If she spends take drug. - เคทจะต้องไดร้ ับบทเรียนแสนแพง ถา้ เธอเสพยา M: 1. To miss the boat/ To fall to take a chance that would have benefited you พลาด โอกาสทจ่ี ะได้รบั ประโยชน์ - You have to make the decision right now or else we’ll miss the boat. - นายตอ้ งรบี ตดั สินใจเดย๋ี วนี้ ไมง่ นั้ เราจะพลาดโอกาสดี ๆ นะ N: 1. New blood/ Fresh blood/ New person who can give different ideas or have extra energy คนสายพันธ์ใหม่, คนรนุ่ ใหมไ่ ฟแรง - I think we need some new blood in this University. - ผมคิดวา่ เราตอ้ งการคนรุ่นใหม่เข้ามาทางานในมหาวทิ ยาลัยนี้ O: 1.One in a million/ 1. The best of all ดที ส่ี ุด, หน่ึงในล้าน - We’ve never met anyone as great as Selena. She really is a one in a million comedian. - เราไม่เคยพบใครทย่ี อดเยย่ี มเหมอื นเซเลน่าเลย เธอเปน็ คนท่ีสุดยอดจรงิ ๆ P: 1. To pig out (on)/ To eat greedily กินมากเกนิ ไป - Tom loves pigging out on large-size pizzas. - ทอมชอบสวาปามพซิ ซ่าขนาดใหญ่ R: 1. In reality / As a matter of fact, in fact, actually แท้ทีจ่ รงิ (ซึ่งตรงขา้ มกับสง่ิ ที่เห็น) - Jane dreamed that it was snowing, but in reality, it was very hot. - เจนฝันว่าหิมะตก แตใ่ นความเป็นจริงแล้ว มนั ร้อนมาก S: 1. To send someone packing / To clearly and forcefully tell someone to leave a place or job ไลใ่ ห้ไปอย่างชดั เจน หนกั แนน่ - The maid proved to be so incompetent that I had to send packing. - สาวใชพ้ สิ ูจน์ใหเ้ ห็นแลว้ ว่าหล่อนไม่มีความสามารถ ฉันจงึ ต้องไลห่ ล่อนออก

180 T: 1. All talk (and no action)/ To talk about doing something, but never take action ดี แตพ่ ูด - The car needs washing, but Bill is all talk and no action on this matter. - รถควรจะตอ้ งล้าง แต่บิลดีแตพ่ ดู วา่ จะลา้ ง แล้วก็ไม่เคยทาจริงเลย U: 1. Up-and-coming/ Increasingly successfully or popular ประสบความสาเร็จ หรอื เป็นท่ี นิยมมากข้ึนเรอื่ ย ๆ (ใชน้ าหนา้ คานาม) - Roger is an up-and-coming politician. - โรเจอร์เป็นนกั การเมืองที่กาลังจะประสบความสาเร็จมากขนึ้ เร่ือย ๆ V: 1. With a view to something/ Aiming towards มุ่งเป้าไปท่.ี .. (สานวนนคี้ อ่ นข้างเปน็ ทางการ ถา้ จะไม่ใหเ้ ปน็ ทางการเกนิ ไปนกั ก็ใช้ with an eye to something) - I came to this university with a view to getting a degree. - ฉันเขา้ เรยี นทมี่ หาวิทยาลัยน้ีโดยมเี ปา้ หมายอยู่ท่ปี ริญญาบัตร W: 1. Under the weather/ Not feeling well physically รสู้ กึ ไมส่ บาย, รูส้ กึ ครนั่ เนื้อครัน่ ตัว - I’m feeling a little under the weather tonight, so I think I’ll go to bed early. - คืนน้ี ฉนั รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย ดว้ ยเหตุน้ี ฉันคิดว่าฉนั จะเข้านอนแต่หวั คา่ Y: 1. Young at heart/ Having a youthful outlook, in spite of one’s age แกแ่ ต่ก็ยังมีไฟอย,ู่ หัวใจวัยรุน่ - My uncle likes exciting activities. He is young at heart. - ลงุ ของฉนั ชอบทากิจกรรมที่น่าตนื่ เตน้ ทั้งหลาย เขายังมไี ฟเหมือนวยั รุน่ อยู่เลย

181 แบบประเมนิ ตนเองหลังเรยี น Directions: Choose the best answer by marking (X) on a, b, c or d 1. I feel ………………….. because I played in the rain yesterday. a. get cold feet b. cut corners c. take it easy d. under the weather 2. Tony is……………………….. politician in Thailand. a. up-and-coming b. broke the ice c. could eat a horse d. took the test cold 3. Sandra …………………..when she found out he is cheating on her. a. chicken feed b. a cold fish c. send Tom packing d. a piece of cake 4. Justin is ………………………… that is the reason why everyone loves him a. one in a million b. about to c. all along d. cutting edge 5. I get marry at the age of 27 because I don’t want to ………………… a. in advance b. miss the boat r c. all along d. see about

182 เอกสารอ้างองิ ชิดพงษ์ กววี รวฒุ ิ และคณะ. (2550). พดู ภาษาองั กฤษตามสถานการณ์ Speak English in Situation. กรงุ เทพฯ: สานกั พิมพ์เอ็มไอเอส. เฌอมาณย์ รตั นพงศ์ตรพกูล. (2557). สานวนองั กฤษทใี่ ช้กันบอ่ ยที่สุด.กรงุ เทพฯ: สานกั พมิ พ์เจริญวิทยก์ าร พมิ พ์. สุธดิ า วิมตุ ตโิ กศล. (2537). 1,000 Idioms สานวนองั กฤษใช้บ่อยในการฟงั -พดู -อ่าน-เขยี น. กรงุ เทพฯ: สานกั พิมพเ์ อ็มไอเอส. สาราญ สมั ฤทธิสุวรรณ. (2549). IDIOM DRILLS for Student of English as a Second Language. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์ปัญญาชน.

183 ภาคผนวก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook