Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบคำสอนการฟังและการพูด

เอกสารประกอบคำสอนการฟังและการพูด

Published by Education, 2022-02-03 02:16:36

Description: เอกสารประกอบคำสอนการฟังและการพูด

Keywords: เอกสารประกอบคำสอนการฟังและการพูด

Search

Read the Text Version

34 เร่อื งท่ี 3.1 Who ใคร โลกในปัจจุบันอยู่ในยุคโลกาภิวัตน์ ทั่วโลกจาเป็น ต้องติดต่อสื่อสารแลกเปล่ียนข้อมูลซึ่งกันกันในด้าน เทคโนโลยี รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดีงามกับชาวต่างชาติเพื่อเผยแพร่สังคม วัฒนธรรมในด้านการ ท่องเที่ยว ติดต่อค้าขายในด้านเศรษฐกิจ และการเมืองการปกครอง การถาม และการตอบจึงเป็นกระบวนการ สื่อสารที่กระทาอยู่ตลอดเวลา ทั้งใชใ้ นชวี ิตประจาวนั และการประกอบกิจการทกุ อยา่ ง วิธีถามและวิธีตอบท่ีดจี ะทา ให้การส่ือสารครั้งน้ันดาเนินไปได้ด้วยดี เกิดผลตามจุดประสงค์ท่ีต้ังไว้ (จินตนา ใบกาซูยี, 2550) ในบทนี้ผู้แต่งได้ เสนอคาถามที่มักใช้ในชีวติ ประจาวันไว้ให้ผู้อ่านได้ศึกษาและทดลองใช้บ่อย ๆ ก็จะสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการ ถามและตอบไดใ้ นหลาย ๆ บรบิ ท ประเทศไทยมีความสามารถในด้านภาษาอังกฤษน้อยกว่าประเทศเพื่อบ้าน ดังน้ัน คนไทยเราควรฝึกพูด ภาษาอังกฤษให้มาก ฝึกการท่องจา ฝึกการถามและทาความเข้าใจ เพ่ือเวลาท่ีเราจะใช้จะสามารถพูดหรือ นาออกไปใช้ได้ทันที (คมกฤช – กฤติกา พานิชย์นาวี, 2551) จากประสบการณ์การเดินทางไปราชการและ ทอ่ งเที่ยวในเขตอาเซียนผู้เขียนพบว่าชาวเขมรมีพัฒนาการด้านภาษาอังกฤษข้นึ มากถ้าเทียบกับประเทศเวียดนาม ลาว และ ไทย เช่น จากปี 2554 ที่ผเู้ ขยี นได้เดนิ ทางไปศึกษาประเทศเพื่อนบา้ นครั้งแรก ๆ และต่อมาผู้เขียนได้ไป สารวจอีกที่ในปี 2561 ผู้เขียนพบว่าเด็ก คนทางาน พ่อค้าแม่ค้า พนักงานขับรถ พนักงานโรงแรมมีความสามารถ ในการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่น เด็ก ๆ และเยาวชนจะมาหาขายของที่ระลึก หรือเป็น มัคคุเทศก์อาสาตามสถานที่ท่องเที่ยวและใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วจนผู้เขียน ประหลาดใจ นอกจากน้ี นักศึกษาชาวเขมรที่มาเรียนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษก็มีความสามารถด้าน ภาษาอังกฤษในระดับสูงกว่านักศึกษาไทยด้วย ผู้เขียนแปลกใจมากว่าอะไรคือเหตุให้ชาวเขมรมีพัฒนาการด้าน ภาษาในทางบวกเช่นน้ี นักศึกษาชาวเขมรและเด็กขายของท่ีนครวัดตอบว่าเพราะต้องการมีชีวิตท่ีดีขึ้น ต้องการ อนาคตท่ีดีและความต้องการพัฒนาด้านเศรษฐกิจในครอบครัวทาให้พวกเขาต้องพัฒนาตนเองจึงจะหลุดพ้นความ ยากจน ผู้เขียนรู้สึกประทับใจมากเพราะในตอนแรกผู้เขียนคิดว่าคนของประเทศเขมรมีพัฒนาการด้าน ภาษาอังกฤษและการจัดการท่องเท่ียวคงมาจากรัฐบาลผลักดัน แต่ค้นพบว่าปัจจัยท่ีสาคัญที่สุดคือคนแต่ละคน ตอ้ งการพัฒนาชีวิตสู่โลกไร้พรมแดนจึงจาเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษใหเ้ ก่งเพ่อื สอบชิงทนุ การศึกษา ขยายตลาดหรือ หางานทาได้มากกว่าคนท่ีไม่รู้ภาษาอังกฤษ ดังนั้นเรามาฝึกฟัง พูด โต้ตอบภาษาอังกฤษเพ่ือพัฒนาชีวิตของเรากัน เถอะชาวไทยเอย (Cai Yonglin, 2559) มาเริ่มพูดตามตัวอยา่ งประโยคตอ่ ไปน้ี

35 Who ถามเก่ยี วกับคน ในความหมายวา่ ใคร ในบริบทท่ีเป็นประธาน ใหฝ้ ึกถามและตอบกับคขู่ องตน หรือ ฟงั บทสนาแล้วฝึกตอบด้วยตนเอง เม่ือ Who เป็นประธานของประโยค Who แปลวา่ \"ใคร\" ใช้กับบคุ คลไดท้ ั้ง เอกพจน์ (คนเดยี ว) และพหูพจน์ (หลายคน) แลว้ แต่ความหมายของประโยค และเมื่อเราใช้ Who เป็น ประธาน ของประโยค เราจะวางคาตา่ ง ๆ ตามรูปแบบของประโยคบอกเล่าดังน้ี? I play football (ประธาน+ กริยา + กรรม) เม่ือเราต้องการทาให้เป็นประโยคคาถาม เราก็ใช้ who แทนท่ีประธาน ในประโยคบอกเล่าน้ันโดยจะใช้ Who เปน็ “เอกพจน์” หรอื \"พหูพจน์” กไ็ ด้ Who play football? (ประธาน + กรยิ า + กรรม) ในอันดบั ตอ่ ไปจะขอยกตัวอย่างประโยคบอกเลา่ ขึน้ กอ่ นแล้วใช้ Who เข้าไปแทนที่ประธาน Everybody is here. Teacher teaches students. ทุกคนอยู่ทีน่ ี่ ครสู อนนกั เรยี น Who is here? ใครอยู่ที่นี่ Who teaches students? ใครสอนนักเรยี น Everybody plays card ทุกคนเลน่ ไพ่ I have change. ฉันมเี ศษสตางค์ Who plays card? Who have change? ใครเลน่ ไพ่ ใครมเี ศษสตางค์ Someone smokes. บางคนชอบสบู บหุ ร่ี Who smokes? ใครสบู บหุ ร่ี

36 การสร้างประโยคคาถามแบบนี้ไม่สลับซับซ้อนมากนักคือ เราแค่เพียงนาคาว่า Who ไปแทนท่ีประธาน ของประโยคบอกเล่าเหลา่ นัน้ และคาตอบของประโยคคาถามก็คอื ประธานของประโยคบอกเล่าน่นั เอง เช่น Who open the door? ใครเปดิ ประตู Boys and girls open the door. เดก็ ชายและเด็กหญิงเปดิ ประตู Who can drive the car? ใครขบั รถได้ Peter can drive the car? ปเี ตอรข์ บั รถได้ ในกรณีท่ีใช้ กริยาช่วย (will, can, must, may, should) ในประโยคก็สามารถทาให้เป็นประโยคคาถาม ได้ไม่ยาก นน่ั กค็ ือ ให้ใช้ Who เป็นประธานของประโยคไดเ้ ลย Who can explain this project? ใครสามารถอธิบายโครงการนี้ได้ Jane can explain the project. เจนสามารถอธิบายโครงการนี้ได้ Who should practice English every day? ใครควรท่จี ะฝึกฝนภาษาองั กฤษทกุ วนั We should practice English every day. พวกเราควรท่จี ะฝกึ ฝนภาษาอังกฤษทกุ วนั ในกรณใี ช้ กริยาชว่ ย V. to have ในโครงสร้างของ Perfect Tense (ประธาน + V. to have + V.3) เรา

37 ก็สามารถทาให้เป็นประโยคคาถามได้ไม่ยากน่นั กค็ ือให้ใช้ Who เป็นประธานของประโยคได้เลยเชน่ กนั Who have finished his homework? ใครได้ทาการบ้านเสร็จเรยี บรอ้ ยแลว้ I have finished his homework. ฉนั ได้ทาการบา้ นเสรจ็ เรยี บร้อยแล้ว Who has presented the project already? ใครได้นาเสนอโครงการไปเรยี บรอ้ ยแลว้ She has presented the project already. หลอ่ นไดน้ าเสนอโครงการไปเรยี บรอ้ ยแล้ว ประโยคตวั อย่างการใช้ Who Who want to come with us? ใครต้องการทจี่ ะมากบั พวกเรา Who wants to drink coffee? ใครตอ้ งการทจี่ ะดืม่ กาแฟ Who cooks this food? ใครทาอาหารนี้ Who helped you yesterday? ใครช่วยเหลอื คุณเม่อื วานน้ี

38 ประโยคตวั อยา่ งการใช้ Who ถาม /ตอบ นัน่ คือใคร? นน่ั คอื ....\\ 1. A: Who is that? B: That is … ใครเปน็ เพื่อนรว่ มห้องเรยี นของคุณ? เพ่ือนรว่ มห้องเรยี นของฉนั คอื ... 2. A: Who is your classmate? B: My classmate is .. ใครเปน็ เพ่ือนร่วมห้องพักของคุณ? เพ่ือนร่วมหอ้ งพักของฉันคอื ... 3. A: Who is your roommate? B: My roommate is … ใครบอกคุณเกีย่ วกับการบ้าน? C บอกฉนั 4. A: Who told you about homework? B: …C.. told me. ใครสามารถตอบคาถามนีไ้ ด้? ฉนั สามารถตอบได้ 5. A: Who can answer this question? B: I can. พรงุ่ น้ใี ครจะไมไ่ ปทน่ี นั่ ? ฉนั จะไม่ไปท่นี นั่ 6. A: Who won’t go there tomorrow? D จะไมไ่ ปทีน่ นั่ B: I won’t. C: D won’t. พรุ่งนีใ้ ครจะไปที่นัน่ ? ฉนั จะไปท่ีน่นั 7. A: Who will go there tomorrow? D จะไปที่นน่ั B: I will go there. C: D will go there. ใครกาลงั พดู ? ฉนั กาลังพูด 8. A: Who is speaking? D กาลงั พูด B: I am speaking D: D is speaking.

39 เรอ่ื งที่ 3.2 Whom ใคร ถามเกี่ยวกับคน ในความหมายวา่ ใครในบริบททเี่ ปน็ กรรม เมื่อ Whom เป็นกรรมของประโยค Whom (ฮมู ) แปลว่า “ใคร” มีความหมายเชน่ เดยี วกบั Who นัน่ เอง แต่ทาหนา้ ทเ่ี ปน็ กรรมของกริยา (Vt.) (กริยาทีต่ ้องมีกรรมมารองรบั ) เม่ือจะนาคาน้ีไปสร้างเปน็ ประโยคคาถามดว้ ย Wh-Question นั้นต้องสร้างประโยคบอกเลา่ เดมิ ให้เป็นประโยคคาถามแบบ Yes-No Question กอ่ นแลว้ จึงนา Whom ไปวางไวห้ นา้ ประโยค เช่น เราตอ้ งการสร้างประโยค You Iove Waralee. (คณุ รักวราลี) เป็นคาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ Whom สามารถทาไดด้ ังน้ี ย้าย Whom มาวางไว้หนา้ ประโยคก็จะได้ Whom do you love? คุณรักใคร ประโยคตวั อย่างการใช้ Whom Whom did you meet yesterday? คณุ พบใครเมื่อวานนี้ Whom did you see? คณุ เห็นใคร Whom do you write this letter to? คณุ เขยี นจดหมายฉบับน้ีถึงใคร Whom does my sister call to? นอ้ งสาวของฉนั โทรหาใคร

40 ประโยคตัวอย่างการใช้ Whom ถาม /ตอบ 1. A: Whom do you want to work with? คณุ ต้องการจะทางานคู่กับใคร? B: I want to work with C. ฉนั ตอ้ งการจะทางานคู่กบั C 2. A: Whom does she speak to? เธอคุยกับใคร? B: She speaks to C. เธอคุยกบั C 3. A: Whom will she go with? เธอจะไปกบั ใคร? B: She will go with C. เธอจะไปกบั C 4. A: Whom would you like to speak to? คณุ ต้องการจะพูดกบั ใคร? B: I like to speak to C. ฉันตอ้ งการจะพดู กับ C 5. A: Whom are we waiting for? เรากาลังคอยใคร? B: We are waiting for C. เรากาลงั คอยใคร C 6. A: With whom will you work in pair? คุณจะจับคกู่ บั ใคร? B: I will work in pair with D. ฉนั จะจับคู่กับ D เรอ่ื งที่ 3.3 Whose ของใคร ถามเกี่ยวกบั การแสดงความเปน็ เจา้ ของ ในความหมายวา่ ใครเปน็ เจ้าของส่ิงนัน้ ๆ

41 เม่ือ Whose เป็นกรรมของประโยคและแสดงความเปน็ เจ้าของ Whose (ฮสู ) แปลว่า “ของใคร” ใช้ แสดงความเปน็ เจา้ ของโดยจะมี “คานาม” ตามหลังเสมอ เชน่ Whose book? Whose house? = หนงั สือของใคร = บา้ นของใคร Whose money? Whose son? = เงินของใคร = ลูกของใคร เมอื่ เปน็ ดังนน้ั แล้วเราจาเป็นที่จะต้องจดจาคาศพั ทเ์ รอ่ื ง Possessive adjective (สรรพนามทีแ่ สดงความ เป็นเจ้าของ) ให้คล่องเสียก่อนจงึ จะเรยี นรูข้ น้ั ตอนต่อไปได้อย่างงา่ ยดายมากข้ึน my ของฉัน his ของเขา (ผชู้ าย) Our ของพวกเรา her ของหล่อน (ผ้หู ญงิ ) your ของคุณ their ของเขาท้งั หลาย การนาคาน้ีมาใช้ในประโยคคาถามสามารถน้ันทาได้เช่นเดียวกับ Who นั่นก็คือเพียงแค่นาคาว่า Whose ที่มี “คานาม” ตามหลัง เช่น Whose book วางไว้หน้าประโยคซ่ึงจะเป็นตาแหน่งที่ Whose ทาหน้าท่ีเป็น ประธานของประโยค เช่น My book is there. หนงั สือของฉันอยู่ทีน่ ่ัน ใช้ Whose แทนที่ Possessive adjective (My) กจ็ ะได้ Whose book is there? หนงั สือของใครอยู่ทีน่ ่นั

42 His house costs a lot of money. บ้านของเขาราคาแพง ใช้ Whose แทนที่ Possessive adjective (His) ก็จะได้ Whose house costs a lot of money? บ้านของใครราคาแพง Their cars are running. รถของพวกเขากาลงั วิ่ง ใช้ Whose แทนท่ี Possessive adjective (Their) ก็จะได้ Whose cars are running? รถของใครกาลังว่ิง Her son is coming ลกู ของเขากาลงั มา ใช้ Whose แทนที่ Possessive adjective (Her) กจ็ ะได้ Whose son in coming? ลกู ของใครกาลงั มา Our glasses are here. แว่นตาของเราอยู่ที่นี่ ใช้ Whose แทนที่ Possessive adjective (Our) กจ็ ะได้ Whose glasses are here? แว่นตาของใครอยทู่ ี่น่ี และนอกจาก Whose จะเข้าไปแทนที่ Possessive adjective แลว้ บางทกี่ ็จะตอ้ งไปแทนท่ชี ือ่ เฉพาะของ บคุ คลน้ันๆ โดยใช้ Apostrophe's ('s) อกี ดว้ ย Tim's bicycle is here. รถจกั รยานของทีมอยทู่ ีน่ ี่

43 ใช้ Whose แทนที่ Apostrophe s ('s) ก็จะได้ Whose bicycle is here. รถจกั รยานของใครอยทู่ น่ี ี่ ข้อควรจา ใน Wh-Question น้ันมแี ค่ Whose, What, Which เทา่ นั้นท่ี “คานาม สามารถตามหลงั ได้ ประโยคตัวอย่างการใช้ Whose Whose cars are these? รถพวกน้ีเป็นของใคร Whose key is this? กุญแจดอกนีเ้ ปน็ ของใคร Whose flowers did you pick up? ดอกไมข้ องใครที่คุณเกบ็ มา Whose apartment is that? อพารต์ เมนต์หลงั นน้ั ของใคร Whose skirt do you put on? กระโปรงที่คุณใส่เปน็ ของใคร

44 ประโยคตวั อยา่ งการใช้ Whose ถาม/ตอบ 1. A: Whose is this book? หนังสือน้ีเป็นของใคร? B: It’s mine. มันเป็นของของฉนั C: It belongs to O. เปน็ ของ O D: Tom’s book. หนงั สือของทอม 2. A: Whose are those cars? โทรศัพท์เหลา่ โน้นเปน็ ของใคร? B: They are mine. พวกมนั เป็นของของฉนั C: They belong to O. พวกมนั เปน็ ของของ O D: Tom’s cars. พวกมันเปน็ ของทอม 3. A: Whose work won the first prize? ผลงานของใครชนะรางวลั ที่หน่ึง? B: C’s work. ผลงานของ C 4. A: Whose work is the most excellent? งานของใครยอดเย่ยี มท่สี ดุ ? B: C’s work. งานของ C 5. A: Whose address do you want to know? คุณต้องการจะทราบท่อี ยู่ของใคร? B: C’s address. ทีอ่ ยูข่ อง C 6. A: Whose name doesn’t appear in the list? ชอ่ื ของใครไมม่ ีในบญั ชี? B: Mine. ชอื่ ของฉันคะ C: D’s name. ชอ่ื ของ D D: O and P’s names. ชอ่ื ของ O และ P

45 เรอ่ื งที่ 3.4 What อะไร What อะไร ใช้ถามในความหมายว่า อะไร เม่ือ What เป็นประธานของประโยค What (วอท) แปลว่า “อะไร” ใช้ได้กับสัตว์และสิ่งของ โดยการใช้ What เป็นประธานของประโยคน้ัน เพียงก็แค่วาง What ไว้ หนา้ ประโยคเช่นเดยี วกับ Who The boat is on the bank. Those cars hit the tree. เรืออยู่บนฝงั่ รถยนตช์ นต้นไม้ What is on the bank? What hit the tree? อะไรอยู่บนฝั่ง อะไรชนต้นไม้ That is a key. นั่นคอื กุญแจ What is that? นนั่ คอื อะไร ประโยคตวั อย่างการใช้ What (เมื่อ What เป็นประธาน) What are they doing? พวกเขากาลังทาอะไร What is in the box? อะไรอยู่ในกลอ่ ง

46 What are those? สิ่งของเหล่านั้นคอื อะไร What is on the table? อะไรอยู่บนโต๊ะ What is your answer? คาตอบของคณุ คืออะไร What is important thing for your life? อะไรคือส่งิ สาคัญสาหรบั ชวี ิตคุณ What is in the president's computer? อะไรอยู่ในคอมพิวเตอร์ของประธานาธิบดี What is floating in the river? อะไรกาลังลอยอยู่ในแมน่ า้

47 ประโยคตวั อย่างการใช้ What (เมื่อ What เป็นกรรม) What do you want? คุณต้องการอะไร What do you like to drink? คณุ ชอบดื่มอะไร What does he love to cook? เขาชอบปรุงอาหารอะไร What does he write to you? เขาเขยี นอะไรถงึ คุณ What did you do last week? คณุ ทางานอะไรเมือ่ อาทิตย์ที่แล้ว What did you study last weekend? คณุ เรยี นอะไรเม่ือวันหยุดสดุ ทา้ ยท่แี ลว้

ประโยคตัวอยา่ งการใช้ What ถาม/ตอบ 48 1. A: What are you doing? คุณกาลงั ทาอะไร? B: I am watching TV. ฉนั กาลังดูทีวี 2. A: What’s your take on this? คณุ คิดอยา่ งไรกบั เรื่องนี้? B: I really like this project. ฉันชอบโครงการน้ีมาก 3. A: What is his name? เขาช่ืออะไร? B: His name is C. เขาช่ือ C 4. A: What makes you come late? อะไรทาให้คุณมาชา้ ? B: The traffic jam. การจราจรติดขัด C: The terrible weather. อากาศไมด่ ี D: My parents. ผปู้ กครองของฉัน D: My roommate. เพ่อื นรว่ มห้องพักของฉนั E: My kids. ลูก ๆ ของฉนั F: My busy schedule. กาหนดการ/ตารางเวลาของฉัน H: family issue. เรื่องในครอบครัว 5. A: What do you feel about that? คณุ มีความรสู้ ึกเกย่ี วกบั เรือ่ งนั้นอยา่ งไร B: I feel terrible about that. ฉนั รสู้ ึกแยเ่ กี่ยวกับเร่อื งน้ัน C: I feel good about that. ฉันรูส้ กึ ดเี ก่ียวกับเรื่องนัน้ D: I feel nothing about that. ฉันไมร่ สู้ ึกอะไรเลยเกีย่ วกับเร่ืองนนั้ 6. A: What would you like to know? คุณอยากจะทราบเร่ืองอะไร? B: I would like to know the price of it. อยากจะทราบราคาของมันคะ 7. A: What time is it? เวลาเทา่ ไร? B: It’s 7 am. 7 โมงเช้า C: 7 o’clock. 7 นาฬิกา

49 8. A: What subjects should we take this term? เทอมนี้เราควรจะเรยี นวิชาอะไรบ้าง B: We should take Speaking. เราควรจะเรยี นวิชาการพูดนะ 9 A: What province are you from? คณุ มาจากจังหวดั อะไร? B: I am from … province. ผมมาจากจังหวดั ... 10 A: What district are you from? คณุ มาจากอาเภออะไร? B: I am from ... district. ผมมาจากอาเภอ.... 11. A: What village are you from? คุณมาจากหมบู่ า้ นอะไร? B: I am from ...village. ผมมาจากหมู่บ้าน .... 12. A: What’s your name, please? คุณชอื่ อะไรครบั ? B: My name is … A ผมช่ือ ....A 13. A: What place will we go to visit? เราจะไปเยย่ี มชมสถานท่ีไหน? B: We will go to visit London. เราจะไปเยย่ี มชม London 14. A: What country are you from? คุณมาจากประเทศอะไร? B: I am from Thailand. ฉนั มาจากประเทศไทย เร่ืองท่ี 3.5 Which อันไหน Which (วิช) แปลวา่ \"สิ่งไหน อนั ไหน” มวี ธิ ีการใช้เช่นเดยี วกบั What แต่มคี วามหมายไปในทาง “ให้ เลือก\" คือมีอยูห่ ลายอันแลว้ ถามว่าจะเอาอนั ไหนหรือชอบอันไหนนัน่ เอง ในประโยค You like sports. (คุณชอบ กฬี า) ถ้าเราจะทาให้เป็นประโยคคาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ Which ก็ทาได้ดังน้ี

50 หลงั จากน้ันก็ใส่ Which เขา้ ไปด้านหน้าและย้าย “คานาม (Sports)” มาวางไว้ข้างหลงั which กจ็ ะได้ Which sports do you like? ประโยคตัวอย่างการใช้ Which ถาม/ตอบ 1. A: Which is better? อันไหนดีกวา่ ? B: The red one is better. อนั สีแดงดีกวา่ 2. A: Which would you like to take? คณุ ต้องการจะรบั อันไหน? B: I would like to take a big breakfast. ตอ้ งการจะรบั อาหารเชา้ จานใหญ่ 3. A: Which bus can I take to get to the station? ฉันจะน่งั รถเมล์คันไหนไปสถานีได?้ B: The Bus No 12. C: A yellow bus. D: A local bus. 4. A: Which of these ones do you think is correct? ในบรรดาทง้ั หลายเหลา่ นี้ คณุ คดิ วา่ อนั ไหนถกู ต้อง? A: The small one on the top. อนั เลก็ ข้างบน B: A is correct. A ถูก 5. A: Which person will get this position? คนไหนจะรบั ตาแหนง่ นี้? B: B will get this position. 6. A: Which party should we vote for? เราควรจะเลอื กพรรคไหน? B: Democrat. 7. A: Which one do you like, the red or the back one? คณุ ชอบอนั ไหน อนั สีแดงหรือดา B: The red one. ชอบสีแดง

51 เรอื่ งที่ 3.6 Where ทไ่ี หน Where (แวร)̣ แปลว่า “ที่ไหน เราจะใช้ในการต้ังคาถามแบบ Wh-Question ที่เกี่ยวกับสถานท่ี โดย วธิ ีการใช้งานก็เหมือนเดิม น่ันกค็ ือ ทาให้ประโยคน้ัน ๆ เป็นประโยคคาถามแบบ Yes-No Question ก่อนแล้ว ก็ค่อยเตมิ Where เขา้ ไปดา้ นหน้าของประโยค ในประโยค She gives ice-cream to him in the house. (หลอ่ นใหไ้ อศกรีมแกเ่ ขาในบา้ น) ถา้ เราจะ ทาเปน็ ประโยคคาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ Where กท็ าไดด้ ังน้ี นา Where มาวางไวห้ นา้ ประโยค Where does she give ice-cream to him? หล่อนใหไ้ อศกรีมแก่เขาทีไ่ หน ประโยคตวั อยา่ งการใช้ Where Where are your parents? พ่อแมข่ องคุณอยู่ท่ไี หน Where is his book? หนงั สือของเขาอยูท่ ่ีไหน Where is your school? โรงเรียนของคุณอยู่ทไี่ หน Where are you going? คณุ กาลังจะไปท่ีไหน

52 Where is the white house? ทาเนยี บขาวอยู่ทไี่ หน Where were you born? คุณคลอด (เกิด) ท่ีไหน ประโยคตัวอย่างการใช้ Where ถาม/ตอบ คุณมาจากไหนครับ? บ้านของคณุ อยู่ที่ไหน? 1. A: Where are you from, please? ท่ที าการไปรษณยี ท์ ่ใี กล้ท่ีสดุ อยู่ทไ่ี หน B: I am from … หลงั จากเลิกเรยี นแลว้ เราควรไปท่ีไหน คณุ ซ้ือหนงั สอื เลม่ น้ีทไ่ี หน? 2. A: Where is your house? คณุ ไปไหนมา? B: It is in … ฉันไป USA มา 3. A: Where is the nearest post office? B: It is at … 4. A: Where should we go after class? B: We should go to... 5. A: Where did you buy this book? B: I bought it from... 6. A: Where have you been? B: I have been to the USA.

53 7. A: Where will we go to visit? เราจะไปเยย่ี มชมท่ีไหน? B: We will go to … เราจะไปเยย่ี มชมท่ี… 8. A: Where do you live? คุณอาศยั อยู่ทีไ่ หน? B: I live in … ผมอาศัยอย่ทู ่.ี .. เร่อื งท่ี 3.7 When เมือ่ ไร When (เวน) แปลว่า “เม่อื ไร” เราจะใช้ในการตัง้ คาถามแบบ Wh-Question ท่ีเกี่ยวกับเวลา โดยแปลวา่ “เมอ่ื ไร” หรือ “เป็นเวลาเทา่ ไร” นน่ั เอง ในประโยค They get up at 6o'clock (พวกเขาต่นื นอนเวลา 6 นาฬิกา) ถ้าเราต้องการทาเปน็ ประโยค คาถามแบบ Wh-Question โดยใช้ When ก็ทาได้ดงั นี้ 1. เปล่ยี นประโยค They get up at 6 o'clock. เปน็ ประโยคคาถามแบบ Yes-No Question ก่อนโดย ใช้ V. to do เข้าชว่ ยก็จะได้ (They เป็นเอกพจนใ์ ช้ Do) Do they get up at 6 o’clock? พวกเขาตื่นนอนเวลา 6 นาฬิกาใช่ไหม (Yes, they do. หรือ No, they do not.) 2. ย้าย When มาวางไว้หนา้ ประโยค When do they get up? พวกเขาตนื่ นอนเวลาเทา่ ไร ประโยคตวั อย่างการใช้ When When will he come back? เขาจะกลบั มาเมื่อไร

54 When will he come here again? เขาจะมาท่ีน่ีอกี ครั้งเมื่อไร When will the train arrive? รถไฟจะมาถงึ เม่ือไร When shall we go abroad? พวกเราจะไปต่างประเทศเมื่อไร When will I see her again? เมอ่ื ไรฉันจะเห็นหล่อนอีกคร้ัง When can I start this job? ฉนั สามารถเร่มิ งานนี้ได้เม่ือไร ประโยคตวั อยา่ งการใช้ When ถาม/ตอบ วันเกดิ ของคณุ เมอื่ ไร? วันเกดิ ของผมคือ … 1. A: When is your birthday? B: My birthday is on … เธอจะออกเดินทางไปฮ่องกงเมอ่ื ไหร่ เธอจะออกเดนิ เวลา.... 2. A: When will she leave for Hong Kong? B: She will leave at……

55 3. A: When will we meet again? เม่อื ไรเราจะพบกนั อกี ? B: Next year, I guess. ผมเดาวา่ ปีหนา้ 4. A: When does the first train arrive and depart? รถไฟขบวนแรกมาถงึ และออกเมอ่ื ไหร่ B: At … am / pm. 5. A: When were you born? คุณเกดิ เมื่อไร? B: I was born on … 6. A: When will we leave for Hawaii? เราจะออกเดินทางไปฮาวายเมื่อไหร่ B: We will leave at... 7. A: When does the shop open and close? ร้านค้าน้เี ปิดและปดิ เม่ือไร? B: It is opened at… am / close at … pm. เรื่องที่ 3.8 Why ทาไม Why (วาย) แปลว่า “ทาไม” เม่ือเรียนมาถึงบทน้ีแล้วให้สังเกตว่า Wh- ตัวใดบ้างท่ีประธานของประโยค ไดแ้ ละ Wh- ตัวใดบ้างที่เปน็ กรรมของประโยค (ที่ตอ้ งทาเป็น Yes –No Question) หรอื Wh- ตัวใดท่ีเป็นได้ท้ัง 2 รูปแบบ จากประโยค She stays at home alone. ภาคแสดงเป็นกริยาแท้ (stays) เม่ือทาเป็นประโยคคาถาม ก does มาช่วยสร้างประโยคคาถาม ดงั ตวั อยา่ งต่อไปนี้ แล้วกใ็ ส่ Why เข้าไปหนา้ ประโยค Why does she stay at home alone? ประโยคตัวอย่างการใช้ Why Why are you angry? ทาไมคณุ ถึงได้โกรธ

56 Why is he late? ทาไมเขาถึงมาสาย Why are you disappointed? ทาไมคุณถงึ ไดผ้ ดิ หวัง Why aren't you coming with us? ทาไมคณุ ไม่มากับพวกเราล่ะ Why was she absent yesterday? ทาไมเธอถึงขาดเม่ือวานนี้ When are they sad? ทาไมคุณถึงเศรา้ จงั Why do you feel sleepy? ทาไมคุณถงึ ได้งว่ งนอน Why do they look sad? ทาไมคุณถึงดูเศรา้ จัง Why are they running away? ทาไมพวกเขาถงึ ได้กาลงั วิ่งหนี

ประโยคตวั อย่างการใช้ Why ถาม/ตอบ 57 ทาไมคุณจึงมาเรียนสายเป็นประจา 1. A: Why are you always late for class? B: Because I am always wake up late. C: Because of the traffic jam. D: Because I live in other side of the city. 2. A: Why is his work very popular in this city? ทาไมผลงานของเขาจึงเป็นที่ B: Because it affected people’s life. นิยมมากในเมืองน้ี? 3. A: Why will we go to visit that place? ทาไมเราจะไปเยยี่ มชมสถานท่นี นั้ B: Because it is very amazing / interesting / attractive. 4. A: Why did she speak to him like that? ทาไมเธอจงึ พูดกบั เขาเชน่ นั้น? B: Because they are close friends. 5. A: Why don’t you come along with us? ทาไมคณุ จงึ ไม่ไปกับพวกเรา? B: Because I am so busy. 6. A: Why weren’t they allowed to go into that house? ทาไมพวกเขาไมไ่ ดร้ ับอนญุ าต B: Because it is the haunted house. ให้เขา้ ไปในบ้านหลังนนั้ 7. A: Why should we go there? ทาไมพวกเราจึงควรไปท่นี น่ั ? B: Because it is very amazing / interesting / attractive. 8. A: Why don’t you want to come with us? ทาไมคณุ จงึ ไม่อยากไปกับพวกเรา B: Because I am so busy.

58 C: Because I have a lot of things to do. 9. A: Why do you apply for this program? ทาไมคณุ จึงสมัครโปรแกรมน้ี? B: Because I like it. / Because I interested in it. เร่ืองที่ 3.9 How อย่างไร / เทา่ ไร How (ฮาว) แปลว่า “อย่างไร” ใช้ต้ังคาถามเกี่ยวกับวิธีการ ลักษณะอาการ จากประโยค They feel bad. (ภาคแสดงเป็นกริยาแทแ้ บบ Linking Verb) ยา้ ย how มาวางไว้หน้าประโยคก็จะได้ How do they feel? พวกเขารสู้ ึกอยา่ งไร จากประโยค She is well. (ภาคแสดงเปน็ V. to be) ย้าย how มาวางไวห้ นา้ ประโยคก็จะได้ How is she? หล่อนเป็นอย่างไรบา้ ง นอกจากนีแ้ ล้ว How ยงั นิยมใช้คกู่ ับ adjective และ adverb อ่นื ๆ ในการตงั้ คาถามในประโยคคาถาม ภาษาอังกฤษได้อีกด้วย เช่น How old are you? คุณอายุเท่าไร How much do you need? คุณต้องการเท่าไร How fast can you type? คุณพิมพ์ไดเ้ รว็ เทา่ ไร How far do you live? คณุ อยู่ไกลแค่ไหน How big is the hall? ห้องโถงใหญแ่ ค่ไหน และนอกจากน้ัน How ยังนิยมใช้คู่กับ much (มัช) และ many (เมนี) ซึ่งใช้ถามจานวนทั่ว ๆ ไปว่ามาก เท่าไร โดยเราจะใช้ much กับนามนับไม่ได้ และใช้ many กับนามนับได้และข้อสาคัญให้สังเกตว่าหลัง How much และ How many นน้ั จะต้องตามด้วย\"คานาม” เสมอ

59 How much ใช้ถามนามทนี่ บั ไมไ่ ด้ How many ใช้ถามนามทน่ี บั ได้และจะต้องใช้เป็นรูปพหพู จน์เสมอ How much water can you drink a week? คณุ ด่ืมนา้ ได้เท่าไรต่อสัปดาห์ I can drink 21 liters of water a week. ฉันด่ืมน้าได้ 21 ลิตรตอ่ สปั ดาห์ How much money do you spend a day? วันหนง่ึ ๆ คณุ ใช้เงนิ มากเท่าไร I spend five hundred baht a day. ฉันใชว้ ันละ 500 บาท How much meals do you have a day? วนั หน่งึ คณุ ทานอาหารมื้อต่อวนั I have three meals a day. ฉันทานอาหารวันละสามม้ือ ประโยคตวั อย่างการใช้ How How did he come here? เขามาท่นี ่ีได้อยา่ งไร

60 How does she run? เธอวิง่ เป็นเชน่ ไร How do you do? เป็นอย่างไรบา้ งครับ (เปน็ คาทกั ทาย) How does she sing? เธอร้องเพลงเป็นอยา่ งไร How does he get much money? เขามเี งินจานวนมากได้อย่างไร How does he play the guitar? เขาเล่นกตี าร์เปน็ อยา่ งไรบ้าง ประโยคตัวอย่างการใช้ How ถาม/ตอบ 1. A: How old are you, please? คุณอายเุ ทา่ ไรครบั ? B: I am … years old. 2. A: How is she? หลอ่ นเป็นอยา่ งไรบ้าง? B: She is ok / good / fine /alright / very well / great.

61 3. A: How are your parents? คณุ พ่อคุณแม่ของคุณสบายดีไหม? B: They are ok / good / fine / alright / very well / great. 4. A: How is the weather today? วนั น้ีอากาศเปน็ อย่างไร? B: It is nice /ok / good / fine /alright / very well / great. 5. A: How was the conference yesterday? การสัมมนาเมอ่ื วานนี้เปน็ อยา่ งไร B: It was ok / good / fine / alright / very well / great / fun / fantastic / terrific. 6. A: How is your English? ภาษาอังกฤษของคุณเป็นอยา่ งไร? B: It is ok / good / fine / alright / very well / great. 7. A: How do you get to work? คุณเดนิ ทางไปทางานอย่างไร? B: By car / bus / train / bicycles / motorcycle. 8. A: How do you spell your surname? คุณสะกดนามสกุลของคณุ อย่างไร? B: C-A-M-P. 9. A: How can I start this machine? ฉันจะติดเครอ่ื งนี้ได้อยา่ งไร? B: Switch on. / Turn on. เปดิ เครอื่ ง 10. A: How should we go to the football field? เราควรจะไปสนามฟุตบอลกัน อย่างไร? B: We should go by car / bus / train / bicycles / motorcycle.

62 11. A: How did he contact you yesterday? เม่อื วานนีเ้ ขาตดิ ต่อคณุ อยา่ งไร? B: On the phone / text / Line / Facebook / Twitter / Skype. 12. A: How old is it? มันอายุเท่าไร? B: It is … years old. 13. A: How far is the library from here? ห้องสมุดไกลจากท่นี ี่เทา่ ไร? B: It is … maters / Kms. 14. A: How much are these? เหล่านรี้ าคาเท่าไร? B: These are … baht. เหล่านรี้ าคา ...... บาท 15. A: How often did he attend the class? เขาเข้าห้องเรียนบ่อยแค่ไหน? B: Every week / month / day / once a week / twice a week. 16. A: How fast can she type in English? เธอพิมพภ์ าษาอังกฤษได้เร็วเท่าไร B: 50 words per minute. 17. A: How well do you speak Thai? คุณพูดไทยไดด้ ีแค่ไหน? B: Not at all / A little bit / well / very well. 18. A: How tall is he? เขาสงู เท่าไร? B: He is … centimeters tall. เขาสงู …..:ซม.

63 19. A: How long will they take the test? พวกเขาจะสอบนานเท่าไร? B: About … hours/ … minutes. ประมาณ .... ชม./ นาที 20. A: How much water is left in the jar? มนี ้ามากเทา่ ไรเหลืออยู่ในโอ่ง? B: Half / full / None. 21. A: How much sugar do you want for your coffee? คณุ ต้องการนา้ ตาลมากเทา่ ไร B: 1 spoon. ( 2 spoons ) สาหรับกาแฟของคุณ? 1 ชอ้ น (2 ชอ้ น) 22. A: How much milk do you drink a day? คุณด่มื นมมากเทา่ ไรตอ่ วัน? B: None. (one bottle / 2-3 bottles) ไมด่ ื่ม ( 1 ขวด/ 1 ขวด/ ขวด) 23. A: How much money is there in your pocket? ในกระเปา๋ คณุ มีเงินอยู่เท่าไร? B: None. ( Not much / … baht.) ไมม่ ี (ไม่มาก/ ... บาท) 24. A: How many members are there in your family? ในครอบครวั ของคุณมีสมาชกิ B: There are 2 people in my family อยู่กีค่ น? มี 2 คนในครอบครัวฉัน 25. A: How many brothers and sisters do you have? คณุ มีพีน่ อ้ งด้วยกันก่ีคน? B: I have 1 younger brother, 2 older sisters. ฉันมนี อ้ งชาย 1 คน/ พ่สี าว 2 คน

26. A: How many books has he written? 64 B: One book / 10 books. เขาเขียนหนงั สือได้ก่ีเลม่ แลว้ ? 1 เล่ม/ 10 เลม่ 27. A: How do you fix this machine? คณุ ซ่อมเครื่องนี้อย่างไร? B: I used the manual. ผมใชค้ มู่ อื 28. A: How can I meet her? ฉนั จะพบเธอได้อย่างไร? B: Go to her place / call in her office / call on her home. ไปทท่ี างานเธอ/ ไปทีบ่ า้ นเธอ 29. A: How can we go there? เราจะไปท่ีนนั้ ได้อย่างไร? B: We will go by car / train / bus / plane / motorcycle / bike. เราจะไปโดยรถยนต์/ รถบัส/ เคร่ืองบนิ / มอเตอรไ์ ซค์ / จกั รยาน 30. A: How do you play this instrument? คุณเล่นเคร่ืองดนตรนี ี้อยา่ งไร? B: I practice via Google. ผมฝึกจาก Google 31. A: How tall are you? คณุ สูงเท่าไหร่? B: I am 160 centimeters tall. ฉนั สงู 160 ซม.

65 แบบประเมินตนเองหลังเรยี น Directions: Choose the correct answer by marking (X) on a, b, c or d 1.A: By which manner can we go there? B: ............................................. a. University b. A big one c. My dad’s car d. Go to school by bus 2. A: How can I start this machine? B: .................................................................... a. Turn it on. b. Switch it off. c. Open it. d. Close it. 3. A: Why will we go to visit that place? B: Because it is very ..................................................... a. far b. cold c. awful d. interesting 4. A:……………………………………………………..? B: You can get there by plain. a. What can I do? b. Where is the market? c. Who want to go there? d. How can I get to Alaska?

66 5. Anna: Why don’t you come along with us? Donald:………………………………….. a. It’s my style. b. I’d love too but I am very busy. c. At the afternoon d. There are 4 numbers. เอกสารอ้างองิ คมกฤช – กฤติกา พานชิ ย์นาว.ี (2551). ฝกึ พูดภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มตน้ จนพูดคลอ่ ง. กรงุ เทพฯ: Dด.ี จินตนา ใบกาซูยี. (2550). คู่มอื การใชช้ ดุ การเรยี นรูภ้ าษาองั กฤษสาหรับคนรนุ่ ใหม.่ กรุงเทพฯ: ไมเนอร์ คอเปอรเ์ รชัน่ จากดั (มหาชน). ประเพศ ไกรจนั ทร์. (2551). เอกสารประกอบการสอนฟัง-พูดภาษาอังกฤษการเรยี นภาษาอังกฤษ. กรุงเทพ ฯ: พี เอส เพรส. 32/5-7 ถนนพุทธมณฑลสาย 3 แชวงศาลาธรรมาสน์ เขตทวี ปีเตอร์ แมทธิว เบอรเ์ จส. (2553). ใชภ้ าษาอังกฤษอยา่ งไรใหถ้ ูก. (พิมพ์ครงั้ ท่ี 2). กรงุ เทพฯ: สานกั พมิ พ์แห่ง จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ถนนพญาไท เขตประทุมวัน 10330. วฒั นา. เพ็ญนภา รุจนิ ันท์. (2557). พูดภาษาอังกฤษปรอ๋ ไม่งอ้ ติวเตอร.์ กรุงเทพฯ: ซเี อ็ดยเู คชั่น จากดั . ภาณุพงศ์ คาวชริ พิทักษ.์ (2550). พดู องั กฤษตามสถานการณ.์ กรุงเทพฯ: สานกั พิมพ์ เอมเอส 55,57 ซอยพระรามท่ี 3 ซอย 53 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรงุ เทพฯ 10120. Cai, Yonglin. (2559). เกง่ อังกฤษทุกสถานการณ์. กรุงเทพฯ : ซเี อ็ดยูเคช่นั . Sarah, Cunningham. & Perter, Moor. (2009).Cutting Edge Upper Intermediate. England: Person Education Limited. Susan, Stemoleski., James, R. Morgan., Nancy, Douglas., & Kristin, L. Johannsen. (2006). World Pass: Combo Split A. USA: Heine 25 Thomson Place Boston, Massachusetts 02210. Susan, Stemoleski., James, R. Morgan., Nancy, Douglas., & Kristin, L. Johannsen. (2006). World Pass: Combo Split B. USA: Heine 25 Thomson Place Boston, Massachusetts 02210. Wh-Question. (2013). เจอฝร่ังก็ถามไดเ้ ลย. กรุงเทพ ฯ: Minibear Publishing.

67 แผนการสอนประจาหนว่ ยที่ 4 Asking permission, Expression thanks and Apologizing การขออนุญาต การกล่าวขอบคุณ และการขอโทษ วตั ถปุ ระสงค์เชงิ พฤติกรรม 1. สามารถพูดขออนญุ าต-ตอบรบั หรอื ปฏเิ สธได้ 2. สามารถพูดขอบคณุ และตอบรับคาขอบคุณได้ 3. สามารถพูดขอโทษและตอบรับคาขอโทษได้ 4. สามารถพูดกลา่ วลาและตอบรบั การกล่าวลาได้ 5. สามารถพดู แสดงอารมณ์และความรู้สึกได้ เน้อื หา 4.1 Asking permission การขออนญุ าต 4.2 Expressing Thanks การกล่าวขอบคุณ 4.3 Thanks accepted การตอบรบั คาขอบคณุ 4.4 Apologizing การขอโทษ 4.5 Apologizing accepted การตอบรบั คาขอโทษ 4.6 Leave - Taking การกล่าวลา 4.7 Expressing Emotions and Feelings –การแสดงอารมณแ์ ละความรูส้ กึ การจดั การเรยี นรู้ 1. ทาแบบฝึกปฏบิ ัตกิ ่อนเรยี น 2. ศกึ ษาเอกสารประกอบคาสอน 3. ปฏบิ ัติกิจกรรมตามที่ได้ระบุมอบหมายในเอกสารการสอนแต่ละตอน 4. ทบทวนและสรา้ งสถานการณ์จาลองใหผ้ ูเ้ รยี นได้ใช้ประโยค 5. ทาแบบฝึกปฏิบัตหิ ลังเรยี น

68 สื่อการจดั การเรียนรู้ 1. เอกสารการสอน 2. Power point 3. Clips VDO การประเมนิ ผล 1. ประเมินผลจากแบบฝึกปฏบิ ัติก่อนเรียนและหลงั เรียน 2. ประเมินผลจากการทากจิ กรรมระหวา่ งเรียน 3. ประเมินผลจากการสอบไล่ประจาภาคการศึกษา

69 แบบประเมินตนเองกอ่ นเรยี น Directions: Select the correct answer by cross (X) on a, b, c or d 1. A: Could I use your telephone? B: ……………………………………………. a. Yes, sure b. I am not c. You are not sure. d. There are 4 telephones 2. A: I wonder if I can use this glue. B: ………………………………………………. a. I disagree. b. Why not? c. Yes I do. d. Sorry, I can not. 3. A: ……………………………………? B: That’s ok. a. Can I sit here? b. What is the matter? c. Are you fine? d. What wrong with you? 4. Your friend has a trip to USA. What should you say? a. Good bye. b. Have a safe trip. c. You must go now. d. Bon voyage. 5. After you had finished assignment, it’s time to go home, what you should say to your friends. a. I must leave now. b. Have a good day. c. Good for you. d. I forget it.

70 เร่อื งท่ี 4.1 Asking permission การขออนญุ าต เวลาท่ีเราจะขออนุญาตคนอ่นื ทาอะไรก็ตามปกติแลว้ ก็มักจะใช้ภาษาสภุ าพ ในภาษาอังกฤษกเ็ ช่นกัน ปกติ แล้วในภาษาองั กฤษเวลาขออนุญาตมักจะพูดเปน็ ประโยคคาถามวา่ ฉันสามารถทาสง่ิ น้นั ส่ิงนไี้ ดห้ รอื ไม่ (ชิดพงษ์ กวีวรวุฒิ, 2550) ในการสือ่ สารและการมีปฏิสัมพันธข์ องผู้ใชภ้ าษาองั กฤษมีหลายประโยคและหลายสานวนท่ีใช้พูด เพ่อื ขออนุญาต ดงั ตวั อยา่ งต่อไปนี้ทผ่ี เู้ ขียนไดเ้ รยี บเรียงไว้ เพอ่ื ใหผ้ ู้อ่านฝึกโดยฟงั จาก Clips VDO แลว้ พูดตาม หรือฝึกถามโดยใชโ้ ครงสร้างประโยคเหล่านีแ้ ต่เปลี่ยนคาศพั ท์ไปเร่ือย ๆ หรือฝึกสนทนากับเพื่อน โดยเปลยี่ นกัน ถามแล้วตอบและเปลี่ยนใช้คาศพั ท์อ่ืน ๆ ในบรบิ ทของชวี ติ ประจาวนั ก็จะสามารถทาให้ผู้เรียนนาภาษาอังกฤษไป ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ และม่ันใจ 1. A: Can I use this computer? ขออนญุ าตใช้คอมพิวเตอร์ เครือ่ งน้ีได้ไหมครับ? B: Yes, sure. ไดแ้ นน่ อน C: No, of course not. ไม,่ ไม่ได้หรอก 2. A: Could I use your telephone? ขอใชโ้ ทรศัพท์หน่อยได้ไหมคะ? B: Why not? ไดส้ ิ C: I’m afraid I can’t. เกรงว่าจะไมส่ ะดวก 3. A: Can I use your dictionary, please? ขอใชด้ ิกชนั นารคี่ ณุ นะคะ? B: Of course! ไดแ้ นน่ อน C: Sorry I’m using it. ขอโทษที ฉันกาลังใช้อยู่ 4. A: Could I possibly borrow your calculator? เป็นไปได้ไหมที่ฉนั จะยืมเคร่ือง คดิ เลขของคุณ? B: I’d love to. ดว้ ยความยนิ ดี / I’d love to but … ฉันก็อยากให้แตว่ ่า … 5. A: Can I use your telephone for a minute? ขอใช้โทรศัพท์คุณสักครไู่ ด้ไหม? B: OK. ตกลง C: No, sorry. ไม่ได้ ขอโทษนะ

6. A: May I go out? 71 B: Yes, hurry up. C: No, wait a moment. ขออนุญาตออกไปข้างนอกได้ไหมครบั ? D: Yes, sure. ได้ เร็วๆ นะ รอเดยี๋ วค่อยออกไป ได้แนน่ อน 7. A: Could I borrow some money from you, please? คุณมีเงินใหผ้ มยืมบา้ งไหม? B: Yes, sure. ไดแ้ นน่ อน C: No, of course not. ไม,่ ไม่ไดห้ รอก 8. A: May I turn off the fan? ฉันขออนุญาตปิดพัดลมได้ไหม? B: That’s a good idea. เปน็ ความคิดทดี่ ี C: No, don’t turn it off. ไม่ อย่าปิด 9. A: Do / Would you mind if I open the window. คุณจะวา่ อะไรไหมถา้ จะขอเปิด หนา้ ต่าง? B: Of course not. ไม,่ ไมร่ ังเกียจค่ะ C: Yes, just leave it open. เปิดไวด้ ีแล้ว 10. A: Do / would you mind if I turn off the fan. จะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะปดิ พดั ลม? B: Yes, I do. คะ่ แน่นอน C: No, not at all. ไม,่ ไม่รงั เกยี จค่ะ 11. A: Do/ would you mind if I sit here. จะรงั เกียจไหมถ้าฉนั จะขอน่ังตรงนี้? B: Sorry, this seat is taken. ขอโทษคะ่ มีคนนงั่ แลว้ C: No problem. ไมม่ ีปญั หาค่ะ 12. A: Would you mind if I borrow your book today. คุณจะรังเกียจไหมถา้ วันนจี้ ะ ขอยืมหนงั สือ? B: Yes, I would. คะ่ แนน่ อน C: No, here you are. ไม,่ น่คี ะ่ 13. A: Would you mind if I turn on the light. จะวา่ อะไรไหมถ้าฉนั จะเปิดไฟ? B: Sorry, you can’t. ขอโทษนะคะ คุณไม่สามารถทาเชน่ น้นั ได้

72 C: Yes, please don’t do that. ค่ะ ขอความกรุณาอย่าทา 14. A: Is it alright if I go home a bit earlier? จะเป็นไรไหมถ้าจะขอกลับบ้านเร็ว กวา่ นซี้ ักหน่อย? B: Yes, no problem. ได้ค่ะ ไม่มปี ัญหา C: No, sorry. ไม,่ ขอโทษด้วยนะคะ 15. A: Is it all right if I open the door? จะเป็นไรไหมถ้าฉนั จะเปิดประตู? B: Yes, Sure. เปิดไดแ้ นน่ อน C: No, it’s too cold. ไมค่ วรค่ะ, มันหนาวเกนิ ไป 16. A: Will you let me help you with this? ให้ฉนั ช่วยคณุ ไหม? B: Yes, sure. ไดแ้ นน่ อน C: No, thank you. ไม,่ ขอบคณุ ค่ะ 17. A: I wonder if I could borrow your car. ไมท่ ราบวา่ จะขอยืมรถคณุ หน่อยได้ไหม? B: Why not? ทาไมจะไม่ได้ละ C: Sorry, you can’t. ไม,่ ไม่ได้หรอก 18. A: I wonder if I could use your camera. ไม่ทราบวา่ จะขออนุญาตใช้กล้องคณุ ได้ไหม? B: Yes, sure. ไดแ้ น่นอน C: No, of course not. ไม,่ ไม่ไดห้ รอก 19. A: Would it be possible to leave the class early today? วนั นจี้ ะขอเลิกงานเร็ว หนอ่ ยได้ไหมครบั ? B: Of course. ไดแ้ น่นอน C: No, certainly not. ไม,่ ไม่ไดอ้ ย่างแน่นอนค่ะ 20. A: It would be grateful if you could give จะเปน็ ความกรณุ าอย่างย่งิ ถ้า permission for me to leave early. คณุ จะอนุญาตใหผ้ มกลบั เร็วได้ ยนิ ดคี ะ่ B: Yes, sure. ไม่ได้ค่ะ C: Sorry, I can’t.

73 เรื่องท่ี 4.2 Expressing Thanks การกล่าวขอบคุณ เมื่อมีใครทาสิง่ ใดให้เราแม้วา่ จะเปน็ การทาเลก็ ๆ น้อยๆ ตลอดจนการทาใหเ้ รารสู้ กึ ซาบซึง้ ใจ เราควรจะ กล่าวแสดงความขอบคณุ แก่คนผู้นน้ั ซึง่ จะทาให้ผู้ฟงั รสู้ กึ ดีได้เช่นกนั ดงั ตวั อยา่ งประโยค (สมชาย ชัยธนะตระกูล, 2555). 1. Thanks. ขอบใจ 2. Thank you. ขอบคุณ 3. Thank you very much. ขอบคุณมากครบั 4. Thank you so much. ขอบคุณมากครับ 5. Thanks a lot. ขอบคุณมาก 6. Thanks for your kindness. ขอบคุณสาหรับความกรุณาของคุณ 7. Thanks for your help. ขอบคุณมากท่ีอุตสา่ หช์ ว่ ยเหลอื ผม 8. Thank you for your invitation. ขอบคุณสาหรบั คาเชิญของคุณ 9. Thank you for your present. ขอบคุณสาหรับของขวัญของคุณ 10. Thank you for your advice. ขอบคุณสาหรบั คาแนะนาของคณุ 11. Thank you for your support. ขอบคุณมากที่ให้การสนับสนุน 13. Thank you for your hospitality. ขอบคุณที่ให้การต้อนรับ 14. That’s very kind of you. คุณใจดจี ังเลย 15. How very kind of you! คณุ ช่างใจดีอะไรเช่นนี้ 16. How thoughtful of you! คุณช่างเอาใจใส่ดีจรงิ ๆ 17. I really appreciate that. ฉันรูส้ กึ ซาบซงึ้ จรงิ ๆ 18. I’m so glad about that. ฉนั รสู้ กึ ดีใจจรงิ ๆ 19. I’m very grateful. ฉันรสู้ กึ ปล้มื ใจมาก 20. It’s really impressive. มนั น่าประทับใจมาก 21. Thanks a million. ขอบคุณมากครับ 22. Many thanks. ขอบคุณมากครับ 23. Thanks a bunch. ขอบคุณมากครับ 24. I can’t thank you enough. ไม่รจู้ ะขอบคณุ อยา่ งไรจึงจะเพียงพอ 25. That is so kind of you. คุณชา่ งใจดีอะไรเชน่ นี้

74 เรือ่ งที่ 4.3 Thanks accepted การตอบรบั คาขอบคุณ การตอบรบั คาขอบคุณ เปน็ มารยาทอย่างหน่ึงท่ีเราจะตอ้ งกล่าวเมื่อมีผู้มาขอบคุณเรา เพ่ือเปน็ มารยาทอนั ดีและเป็นวฒั นธรรมในการสนทนาทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมปี ระโยคตอบรับคาขอบคณุ ที่นยิ มใชท้ ่ี ผอู้ ่านสามารถจดจาและนาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้ ดงั ตัวอย่างประโยคต่อไปนี้ 1. You are welcome ดว้ ยความยนิ ดี 2. My pleasure ดว้ ยความยนิ ดี 3. More than welcome ด้วยความยินดีอยา่ งย่ิง 4.No problem. ไมม่ ีปัญหา 5.No worries. ไม่ต้องห่วง 6. Don’t mention it. ไม่ต้องห่วง 7. Anytime. ดว้ ยความยนิ ดี 8. Glad to help. ดว้ ยความยินดี 9. Not at all. ไมต่ ้องห่วง 10. That’s all right. ดว้ ยความยินดี 11.It’s no bother. ไม่มปี ัญหา 12.I’m happy to help. ด้วยความยินดี 13. It’s nothing. ไม่มีปญั หา 14. Of course. ด้วยความยินดี 15. It was the least I can do. อยา่ งน้อยกไ้ ด้ชว่ ย 16. You would done the same in my position. ในสถารการณนื ้ีคุณกค็ งทาเหมือนกัน 17. It was nothing. ไมม่ ีปัญหา 18. What was friends for? เพ่อื เพื่อนอยูแ่ ลว้ 19. Forget it. ไม่ต้องห่วง 20. Don’t worry about it. ไมต่ ้องหว่ ง 21. Delighted I was able to help. ดว้ ยความยนิ ดี 22. Never mind. ไมเ่ ปน็ ไร 23. You’re most welcome. ดว้ ยความยนิ ดี

75 เรอ่ื งท่ี 4.4 Apologizing การขอโทษ การกล่าวคาขอโทษหรือกล่าวแสดงความเสียใจ มีวิธีการพูดแตกต่างกันออกไปข้ึนอยู่กับสถานการณ์ที่ กาลังดาเนนิ อยู่ อย่างไรกด็ ผี ู้อา่ นสามารถจาประโยคเหลา่ นเ้ี พอื่ นาไปใช้ส่ือสารให้ถูกตอ้ งตามสถานการณ์ที่เผชญิ อยู่ กจ็ ะเป็นผลดีต่อผู้อา่ นท่ีจะสามารถใช้ภาษาได้อย่างหลากหลายไม่ติดขัด เพราะการรู้คาศัพท์น้อยหรือแต่งประโยค ไม่เป็นย่อมเป็นอุปสรรคในการส่ือสารภาษาอังกฤษแน่นอน (ชิดพงษ์ กวีวรวุฒิ, 2550) ดังน้ันมาฝึกประโยคเพ่ือ แก้ตัวหรือขอโทษกันเถอะเพราะว่าเมอ่ื เกิดสถานการณ์ท่จี าเป็นตอ้ งขอโทษเราจะพูดได้โดยไมต่ ้องอา้ ปากคา้ ง อา่ ๆ อ้ึง ๆ ซงึ่ จะทาให้เราเสียความม่นั ใจและดูไมด่ นี กั ในสายตาคนอ่ืน ตัวอยา่ งประโยคขอโทษมีดงั น้ี 1. I’m sorry I’m late. ขอโทษทีฉ่ นั มาสาย 2. I need your help right now. ฉนั ตอ้ งการความชว่ ยเหลอื จากคณุ ตอนน้ี 3. I'm sorry, I've left my book at home. ขอโทษครับผมลืมสมดุ ไวท้ บ่ี า้ น 4. Excuse me. I'm sorry I'm late. ขอโทษท่ีมาสายครบั 5. Sorry, I don't understand. ขอโทษครบั ผมไมเ่ ข้าใจ 6. Excuse me, what did you say? ขอโทษนะ,คุณพดู ว่าอะไร 7. I’m really sorry. ฉันขอโทษจรงิ ๆ 8. Pardon. ขอโทษนะ / โทษที 9. I do apologies for …. ฉันขอโทษที่ … 10. I apologies for …. ฉนั ขอโทษท่ี … ฉนั ขอโทษท่ี … 11. I am so sorry for … 12. It’s all my fault. มนั เปน็ ความผิดของฉันเอง 13. I’m ashamed of … 14. Excuse me for….. ฉนั ขอโทษท่ี … 15. Please forgive me for … 16. I’m terribly sorry for… ฉนั ขอโทษที่ … 17. Pardon me for this … 18. I’d like to apologize for … ฉันขอโทษท่ี … 19. I must apologize for … 20. I shouldn’t have …. ฉนั ขอโทษจริง ๆ ที่ … ฉันขอโทษที่ … ฉนั อยากจะขอโทษที่ … ฉนั ต้องขอโทษที่ … ฉนั ไม่ควรจะ.....

76 เรือ่ ถงท่ี 4.5 Apologizing accepted/ Response การตอบรบั คาขอโทษ 1 การตอบรับคาขอโทษ เป็นมารยาทอย่างหนึ่งท่ีเราจะต้องกล่าวเมื่อมีผู้มาขอโทษเรา เพื่อแสดงว่าเรา ใจกว้าง ให้อภัย อีกฝ่ายจะได้ไม่รู้สึกผิด ขุ่นข้องหมองใจกัน และคาพูดหรือสานวนท่ีใช้ตอบหรือบอกว่าเราไม่ให้ อภัย มตี ัวอยา่ งประโยคการตอบรับคาขอโทษที่มกั ใช้กนั ในประเทศทีใ่ ช้ภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสารมีดังนี้ (ลาดวน จาดใจดี, 2544) 1. That’s ok. ไม่เป็นไร 2. That’s all right. ไม่เป็นไร 3. Not at all. ไม่เป็นไร 4. It’s nothing at all. ไม่เปน็ ไร 5 It doesn’t matter. ไม่เปน็ ไร 6. No problem. ไม่มปี ญั หา 7. Forget it. ไม่เป็นไร 8. Don’t worry about it. ไมต่ ้องหว่ ง 9. No worries. ไม่ต้องห่วง 10. Please don’t let it happen again. อยา่ ทาอีกละกัน 11. You should be, but I forgive you. คณุ ควรขอโทษและฉนั ให้อภัย 12. Apology accepted. ฉันยอมรบั คาขอโทษ 13. Please don’t mention it. ไม่เปน็ ไร 14. You couldn’t help it. ไมเ่ ปน็ ไร 15. It is totally fine. ไม่เป็นไร 16. It is ok. ไมเ่ ป็นไร 17. Not a big deal. ไม่ต้องห่วง 18. It can happen to anyone. มันเกดิ ข้ึนได้ 19. I forgive you. ฉนั ให้อภยั คุณ 20. I appreciate your apology, but… ฉันใหอ้ ภยั แตว่ า่ ...... 21. I can’t accept your apology. ฉันใหอ้ ภยั ไมไ่ ด้หรอก 22. I can’t forgive you for that. ฉันไม่ให้อภยั สาหรบั ..... 23. You should be. คณุ ควรขอโทษ

77 เร่ืองที่ 4.6 Leave – Taking การจากลา การกล่าวลา เป็นมารยาทอยา่ งหน่ึงทางสังคมท่ีกล่าววา่ “ไปมาลาไหว”้ คนเราทกั ทายเมื่อ เจอกนั และกล่าวลาเม่ือจากกนั วฒั นธรรมน้ีมีกนั ทว่ั โลก เมื่อเราเรียนภาษาองั กฤษเราจาเป็นตอ้ ง เรียนวฒั นธรรมเจา้ ของภาษาเพอ่ื ใหใ้ ชภ้ าษาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตามหลกั ภาษาและใชภ้ าษาไดอ้ ยา่ ง ถูกตอ้ งตามวฒั นธรรมอนั ดีงามของเขา ดงั น้นั ผเู้ รียนจึงควรเรียนรู้ประโยคภาษาอยา่ ง หลากหลายเพ่อื เลือกใชใ้ หถ้ ูกตอ้ งและเหมาะสมกบั บุคคล เวลา โอกาส สถานที่ สถานการณ์ ใน หวั ขอ้ น้ีใหผ้ เู้ รียนฝึ กพูดและเลือกใช้ วลี หรือประโยคต่อไปน้ีใหส้ อดคลอ้ งกบั บริบทท่ีผเู้ รียนกาลงั จะจากลา โดยทว่ั ไปการกล่าวลาในภาษาองั กฤษนิยมใชส้ านวนดงั ต่อไปน้ี 1. Good bye everybody. ไปละนะทกุ คน 2. Have a safe trip. เดินทางกลบั โดยสวสั ด์ภิ าพ 3. See you again tomorrow. แลว้ พบกันใหม่พรุ่งนี้ 4. See you again. ไว้เจอกัน 5. I must leave now. ฉันต้องไปแล้ว 6. I hope we will meet again. หวังว่าเราจะได้เจอกันอกี 7. Good bye. ลาก่อน 8. Good luck. ขอใหโ้ ชคดี 9. See you next time. แลว้ เจอกัน 10. See you again next time. พบกันใหมค่ ร้ังหน้า 11. See you tomorrow. พบกนั พรุง่ น้ี 12. Good luck. โชคดี 13. Good bye, see you later. ลากอ่ น, แล้วพบกันใหม่ 14. See you again next time. Good bye! พบกันใหม่คร้ังหน้า ลาก่อน

78 สานวนทใ่ี ชพ้ ดู กล่าวลา การตอบรบั Goodbye. Goodbye. Bye. Bye. Take care. Yes, I will. การพดู กล่าวลาและคาดหวงั วา่ จะพบกนั อีก/ตอบรับ See you. See you. See you later. Yes, see you. See you soon. Yes, see you. See you tomorrow. Yes, see you. See you next time. Yes, see you. See you next week. Yes, see you. Hope to see you soon. Yes, I hope so. Don’t forget to write. I won’t. Good bye. Don’t forget to call. I won’t. Good bye. การพดู กล่าวลาและฝากความระลึกถึงไปยงั บุคคลที่รู้จกั Remember me to Dodo. Yes, I will. Say hello to Papa. Yes, I will. Give my love to Lee. Yes, I will. เรอ่ื งที่ 4.7 Expressing Emotions and Feelings การแสดงอารมณแ์ ละความรสู้ ึก 4.7.1 คาศัพท์ท่ีแสดงอารมณ์และความรู้สกึ ท่ัว ๆ ไป

79 คาท่ีแสดงอารมณ์และความรู้สึกทั่ว ๆ ไปมีหลายรูปแบบ จึงจะเสนอหน้าที่ของคา ความหมาย และ ตัวอยา่ งการใชใ้ นประโยค เพอื่ ผอู้ า่ นจะไดน้ าไปเปน็ ตัวอยา่ งในการใช้ หนา้ ที่ของคาจะใสไ่ วใ้ นวงเล็บหลังคา มดี ังน้ี (adj) = adjective /แอ้จจิคทิฟว/ คาคุณศพั ท์ คาที่ขยายคานาม คาท่ีบอกลักษณะของคานาม (n) = noun /นาวน̣/ คานาม (v) = verb /เวิร̣บ/ กริยา (ทั้งที่แสดงอาการการกระทาและท่ไี มแ่ สดงอาการ) afraid /อะเฟร้ด/ (adj) กลัว (กลัวใคร กลวั อะไร ใช้กบั of) anger /แอ้งเกอร̣/ (n) ความโกรธ (v) ทาใหโ้ กรธ angry /แอง้ กร/ิ (adj) โกรธ awful /อ๊อฟัล; อ๊อฟลิ / (adj) ไม่นา่ ยนิ ดี ไม่ดี bad /แบด/ (adj) รสู้ กึ แย่ cold /โคลด/̣ (adj) หนาวเย็น/ (n) ความเย็น crush /ครัช/ (n) ความร้สู ึกรกั หลงใหล (ใช้กบั on) envious /เอ้นวอิ ัส/ (adj) อิจฉา (ใคร ใช้กับ of) envy /เอ้นว/ี (n, v) ความอจิ ฉา รู้สึกอิจฉา อยากได้ของแบบเดียวกับท่ีคนอ่นื มี fabulous /แฟบ้ ยะลัส/ (adj) ดมี าก ยอดเยย่ี ม fear /เฟยี ร̣/ (v) กลวั fearful /เฟย้ี รฟ̣ ัล; เฟี้ยฟึล/ (adj) กลัว กังวล นา่ กลัว (ใชก้ ับ of) fearless /เฟย้ี รล̣ ัส/ (ad) ไม่กลวั good /กดุ / (adj) รู้สึกดี สบายใจ grief /กรีฟ/ (n) ความเศรา้ โศกเสียใจ ความทกุ ข์รันทด happiness /แฮพ็ พินัส, แฮ็พปนิ ัส/ (n) ความสุข happy /แฮ็พพี, แฮ็พปี (adj) มคี วามสขุ เปน็ สุข hate /เฮท/ (v) เกลียด (หรือเปน็ คากริยาท่ีใช้พดู นาในเรอื่ งท่รี ู้สกึ ไม่อยากทา ไม่อยากพูด)

80 (n) ความเกลยี ดชัง hateful /เฮทฟัล; เฮทฟึล/ (adj) นา่ รังเกียจ น่าเกลยี ด (ใช้กับ to) hatred /เฮททรดั / (n) ความเกลียดชัง horrible /ฮอ่ ระบัล; ฮ้อระบึล/ (adj) นา่ ตกใจ น่ากลัว horror /ฮอ้ เร่อร:̣ ฮอ้ ร่ะ/ ความรสู้ กึ กลวั มาก ความตื่นตระหนก hot /ฮอ็ ท/ (adj) รอ้ น hungry /ฮ้งี กร/ี (adj) หวิ jealous /เจล้ ลัส/ (adj) หงึ หวง ริษยา (ใช้กบั of) jealousy /เจ้ลล่ะซ/ี (n) ความหงึ หวง ความรษิ ยา joy /จอย/ (n) ความสุข ความรู้สึกสนกุ ร่นื เรงิ ความปติ ิยินดี lively /ไลฟ้ ว̣ ลี/ (adj) รู้สกึ มีชีวติ ชีวา มีพลงั love /ลัฟว/(n) ความรกั บุคคลอันเปน็ ทร่ี ัก (v) รกั loving /ลฟั วิง/ (adj) ท่ีร้สู ึกรักห่วงใย (ใช้กับ toward /ทะ่ เวริ ̣ด/ หรือ towards /ทะ่ เวริ ̣ดซ/ ใคร) marvelous, marvelous) /มา้ รว̣ ะ่ ลสั /ม้าว่ะลัส)/ (ad) ดีเยี่ยม ดมี าก pride /พรายด/̣ (n) ความภาคภมู ใิ จในตนเอง (v) รูส้ กึ ภาคภมู ใิ จในตนเอง (ใชก้ ับ on) proud /พราวด/̣ (adj) ภูมิใจ (ใชก้ ับ of) sad /แซด/ (adj) เศร้าเสยี ใจ terrible /เทร้ ่ะบัล; เทร้ ะ่ บึล/ รูส้ ึกไมส่ บายมาก รสู้ กึ แย่มากๆ 4.7.2 คาที่แสดงอารมณ์และความรสู้ ึก ในรปู –ing และ -ed (ทั้งหมดเป็น adj) boring /โบ้รงิ , บ้อริง/ นา่ เบ่ือ

81 bored /โบร้ ̣ด, บอรด̣ / เบอ่ื (ใช้กับ with) astonishing /อะสตอ็ นนิ่ชชิ่ง/ นา่ ประหลาดใจ astonished /อะสตอ็ นนิชท̣/ ประหลาดใจ (ใชก้ บั by) confusing /คนั ฟยู้ซซงิ / เขา้ ใจยาก นา่ สับสน confused /คนั ฟยู้ซด̣/ สบั สน depressing /ดิเพร้สซงิ / นา่ หดหู นา่ เศรา้ หมอง depressed /ดเิ พร้สท̣/ เศร้าหมอง disappointing /ดิสสัพพ้อยท่ิง/ นา่ ผิดหวงั disappointed /ดิสสัพพ้อยทิด/ผดิ หวัง (ใช้กับ about/at บางสิง่ บางอย่าง in /with ใครบางคนหรอื บางสิง่ บางอย่าง) disgusting /ดิสก้ัสติง/ นา่ ขยะแขยง นา่ รังเกยี จ disgusted /ดิสก้ัสตดิ / รงั เกียจ ขยะแขยง (ใช้กบั at/with) embarrassing /อมิ แบร้ สั ซิง/ น่าอาย นา่ ขายหนา้ น่าอดึ อัด embarrassed /อมิ แบร้ สั ท/̣ รู้สึกอับอายขายหนา้ รูส้ กึ อึดอดั exciting /อิคไซ้ดิง, อิคไซท้ งิ / น่าตน่ื เตน้ excited /อคิ ไซด้ ดิ ; อิคไซท้ ดิ / ตนื่ เตน้ exhausting /อกิ ซ้อสตงิ / น่าเหนือ่ ยอ่อนล้า exhausted /อิกซ้อสตดิ / เหนือ่ ยล้า fascinating /แฟส้ ซึนเนทดิง; ฟา้ สซิเนททงิ / น่าหลงใหล fascinated /แฟสซนึ เนดดิ ; ฟา้ สซเิ นททิด/ หลงใหล

82 frightening /ไฟรท้ ทึนนง่ิ / น่าตกใจกลวั frightened /ไฟรท้ ทึนด̣/ ตกใจกลวั (ใช้กบั of) interesting /อิ้นเทรสติง/นา่ สนใจ (ต่อไปจะเขียนใหเ้ ฉพาะที่ออกเสียงเหมือนกนั ท้ังในภาษาองั กฤษแบบ อเมรกิ นั และแบบองั กฤษ) interested /อิ้นทรสั ตดิ , อิ้นเทรสตดิ / สนใจ (ใช้กบั in) surprising /สะไพร้ซิง/ น่าประหลาดใจ surprised /สะไพรซ้ ̣ด̣/ รสู้ ึกประหลาดใจ terrifying /เทร้ ่ะฟายองิ ; เทร้ ิ่ฟายอิง/ น่ากลัวอย่างย่ิง terrified /เท้ร่ะฟายด;̣ เทร้ ิ่ฟายด̣/ กลวั สุดขีด (ใช้กับ of) tiring /ทา้ ยริง; ท้ายเออริง/ น่าเหนด็ เหน่อื ย นา่ เบ่ือ นา่ ราคาญ tired /ทายรด̣ ̣; ทา้ ยอัด/ รู้สกึ เหน่อื ย เบือ่ หรือราคาญ (ใช้กับ 0) ให้จาง่าย ๆ ว่า คาท่ีลงท้ายด้วย -ing (น่า ..) เป็นตัวการทาให้เกิดความรู้สึก ส่วนคาท่ีลงท้ายด้วย -ed แสดงความรู้สึกว่ารู้สึกอย่างไร ซ่ึงหลายคาจะต้องใช้กับคาบุพบทที่ใส่ไว้ในวงเล็บ เพื่อส่ือต่อว่าที่รู้สึกเช่นน้ั นมี สาเหตุจากอะไร หรือรสู้ กึ เชน่ นัน้ กับอะไร กับใคร เช่น I'm interested in English. ฉนั สนใจภาษาอังกฤษ She's not astonished by his action. เธอไม่รูส้ ึกประหลาดใจกับการกระทาของเขา I'm disappointed in you. ฉันรสู้ ึกผดิ หวงั ในตัวคณุ When Joe fell down on the sidewalk, he was very embarrassed. ตอนทโ่ี จหกล้มบนทางเดนิ รมิ ถนน เขารูส้ ึกอบั อายมาก The children are always excited about going on trips. เดก็ ๆ ตน่ื เตน้ กบั การได้ไปเท่ียวเสมอ

83 4.7.3 การถาม/ตอบอารมณ์ความรู้สึก สาหรับผู้อ่านที่สนใจจะฝึกการพูดในตัวอย่าง ได้ให้ประโยคคาถามมาเพ่ือ ให้ผู้อ่านฝึกพูดตอบตามความ คดิ เห็นของตนเอง และให้ฝึกใช้ประโยคดังกล่าวนี้ถามเพ่ือคนอื่น ๆ ต่อไป เพ่ือฝึกความคลอ่ งแคล่วและฝกึ การถาม ตอบอารมณค์ วามรสู้ กึ ให้ได้อยา่ งเปน็ ธรรมชาติ A: What makes you angry? อะไรทาใหค้ ุณโกรธ B: ตอบตามความเป็นจริง C: Lying makes me angry. การโกหกทาให้ฉนั โกรธ D: Having to wait for someone for a long time makes me angry. การทตี่ อ้ งรอใครนาน ๆ ทาให้ฉันโกรธ X: What makes you happy? A: ตอบตามความเป็นจรงิ B: You make me happy. คณุ ทาใหฉ้ นั มคี วามสขุ C: Money makes me happy. เงนิ ทาใหฉ้ ันมีความสุข D: Having good food makes me happy. การไดร้ บั ประทานอาหารอร่อย ๆ ทาให้ฉนั มคี วามสขุ Y. Are you afraid of ghosts? คุณกลวั ผไี หม A: ถา้ กลัว ตอบว่า Yes, I am. B: ถ้าไมก่ ลัว ตอบว่า No, I'm not. Z: Do you love me? (คุณรักฉนั ไหม) A: ถ้ารกั ตอบว่า Yes, I do. และอาจจะต่อดว้ ย I love you very much. / / (รกั ค่ะ/รักครับ ฉนั รักคณุ มากค่ะ /ผมรักคณุ มากครบั ) C: ถ้าไมร่ กั ตอบวา่ No, I don't. / (ไม่รกั ) (เปน็ ตัวอยา่ งการตอบปฏิเสธเทา่ น้นั ในความเป็นจรงิ เราคงไม่ ทาลายนา้ ใจใครเชน่ นี้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook