Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้

ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้

Published by chunukulpong2562, 2021-09-06 04:24:30

Description: ตัวอย่างแผนทั้ง 8 กลุ่มสาระ.docx

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรูโ้ รงเรียนวดั หนงั กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รหสั วิชา ท ๑๐๓๑๐๑ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๓ เร่ือง ปา่ น้มี คี ุณ เวลา ๑๐ ชวั่ โมง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑ เรอื่ ง การอา่ นออกเสยี งบทร้อยแก้ว เวลา ๒ ช่วั โมง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสรา้ งความรูแ้ ละความคดิ เพือ่ นาไปใช้ตดั สินใจ แก้ไขปญั หาในการ ดาเนินชีวติ และมีนสิ ัยการอ่าน ตวั ชว้ี ัด ท ๑.๑ ป.๓/๑ อ่านออกเสียงคา ข้อความ เร่ืองสน้ั ๆ และบทร้อยกรองงา่ ยๆไดถ้ ูกตอ้ งคลอ่ งแคล่ว ท ๑.๑ ป.๓/๙ มีมารยาทในการอา่ น ๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้/จุดประสงค์การเรยี นรู้หลักสูตรตา้ นทุจริต ๑. นักเรยี นสามารถอธิบายหลกั การอา่ นออกเสียงบทร้อยแก้วได้ (K) ๒. นกั เรยี นสามารถอ่านออกเสียงบทรอ้ ยแก้วได้ถูกต้องตามหลักการอ่าน (P) ๓. นักเรียนมคี วามมุง่ มั่นในการทางานและมีมารยาทในการอา่ น (A) ๔. ปฏิบตั ิตามกฎระเบียบไม่ทุจริตต่อกิจกรรมท่ีทา ๓. สาระสาคญั การอ่านออกเสียง เป็นการอ่านให้ผู้อื่นฟัง เพ่ือให้เข้าใจอรรถรสเกิดอารมณ์และจินตนาการไปตามเน้ือ เร่ืองผู้ท่ีอ่านออกเสียงจึงต้องมีน้าเสียงสดใสไพเราะ อ่านเว้นวรรคตอนและสะกดการันต์ได้ถูกต้องโดยเฉพาะ อย่างย่ิง การอ่านร้อยกรองผู้อา่ นตอ้ งรู้จักฉันทลักษณ์ และท่วงทานองการอ่านคาประพนั ธ์แต่ละชนดิ ด้วยดังนนั้ ผู้อ่านจึงควรฝึกฝนการอ่านออกเสียงให้ชานาญไปตามความสามารถของตนบทหลักการที่ถูกต้องซึ่งจะเป็น ประโยชน์ต่อตนเองและผู้อ่นื อกี ทัง้ ยังเป็นการอนุรกั ษ์วัฒนธรรมทางภาษาของชาตอิ กี ทางหนง่ึ ๔. สาระการเรยี นรู้ ๑ หลกั การอา่ นออกเสยี งบทร้อยแกว้ ๒ มารยาทการอา่ น ๓ อา่ นบทเรยี นที่ ๓ เรอื่ ง ป่าน้มี คี ุณ

๕. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียนหลักสูตรการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑  ความสามารถในการสอ่ื สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแกป้ ญั หา  ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๖. คณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์  มคี วามรับผิดชอบ  มีมารยาท  มีจิตอาสา  มีระเบยี บวินัย มจี ติ สาธารณะ ๗. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องโรงเรียนสจุ ริต  ความมวี นิ ยั  ความพอเพียง  ซอื่ สัตยส์ ุจรติ  ทกั ษะกระบวนการคิด ๘. ด้านเจตคติ/คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ (Attitude : A)  มีวนิ ยั  ใฝ่เรียนรู้  รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  ซ่อื สัตยส์ ุจรติ  อยู่อย่างพอเพียง  มุ่งมัน่ ในการทางาน  รักความเป็นไทย  มจี ิตสาธารณะ ๙. ไตรสกิ ขา  สมาธิ  ปญั ญา  ศีล ๑๐. ทกั ษะในศตวรรษท่ี ๒๑ (๓R ๘C )  ๑. ทกั ษะการอา่ น (Reading)  ๒. ทักษะการเขยี น (Writing)  ๓. ทักษะการคิดคานวณ (Arithmetic)  ๔. ทักษะด้านการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณและทักษะในการแกป้ ญั หา (Critical thinking and problem solving)  ๕. ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and innovation)  ๖. ทักษะด้านความรว่ มมอื การทางานเป็นทมี และภาวะผู้นา (Collaboration, teamwork and leadership)  ๗. ทักษะด้านความเขา้ ใจตา่ งวัฒนธรรมต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding)  ๘. ทกั ษะดา้ นการส่ือสารสารสนเทศและร้เู ทา่ ทันสอื่ (Communication information and media literacy)  ๙. ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร (ComputingandICTLiteracy)  ๑๐. ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change)  ๑๑. มคี ุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบยี บวินัย (compassion)

๑๑. การบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง พอประมาณ ผเู้ รียนพอประมาณในการทากิจกรรมโดยการใชก้ ระดาษหนา้ เดยี ว มีเหตผุ ล ผเู้ รียนมีเหตุผลในการเรียนรู้ อภิปราย และสรุปผลจากการทากิจกรรม มภี มู คิ ุ้มกนั ผูเ้ รยี นสามารถเรียนรู้ ทาความเข้าใจกับสงิ่ ที่คานงึ ถงึ ความเปน็ ไปได้ของการเรยี นรู้ ความรู้ ผู้เรียนมีความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วการอา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และมารยาทในการอา่ น คุณธรรม ผ้เู รยี นมีความซ่ือสัตย์สจุ รติ ในการทากิจกรรม มคี วามอดทนเพียรพยายามในการเรยี นรู้ และมีความสามัคคชี ่วยเหลือซง่ึ กันและกนั ๑๒. วธิ กี ารสอนแบบ Active Learning  แบบระดมสมอง (Brainstorming)  แบบเนน้ ปัญหา/โครงงาน/กรณศี กึ ษา (Problem/Project-based Learning/Case Study)  แบบแสดงบทบาทสมมตุ ิ (Role Playing)  แบบแลกเปลี่ยนความคิด (Think – Pair – Share)  แบบสะท้อนความคิด (Student’s Reflection)  แบบตง้ั คาถาม (Questioning-based Learning)  แบบใช้เกม (Games-based Learning)  อื่นๆ โปรดระบุ ........................................................................................................ ๑๓. การใช้สอ่ื  การพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาดว้ ยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV : Distance Learning Television)  การพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาทางไกลผา่ นเทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT : Distance Learning Information Technology  อืน่ ๆ โปรดระบุ คลปิ วดิ โี อ เรือ่ ง หลกั การอา่ นออกเสียงร้อยแก้ว, แถบประโยค ๑๔. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ชั่วโมงที่ ๑ ข้ันนา ๑. นักเรยี นทอ่ งบทอาขยานหลัก (เด็กน้อย, วชิ าหนาเจ้า) และท่อง ก – ฮ (สมาธ)ิ ๒. นกั เรียนเขยี นตามคาบอก (Writing) (สมาธิ) ลงในสมดุ บันทึกความรูโ้ ดยใช้หน้ากระดาษที่เหลอื อยไู่ ม่ ตอ้ งข้ึนหนา้ ใหม่ (พอประมาณ) จานวน ๕ คา ได้แกค่ าว่า วัฒนธรรม พจิ ารณา กระโถน หลอกหลอน และประกาศ จากนนั้ ร่วมกันเฉลยตรวจคาตอบโดยมีความซอ่ื สัตยต์ อ่ ตนเองโดยไม่แกไ้ ขคา (ศีล) (compassion) จากน้ันนาคา

ท่เี ขยี นผิดกลับไปแกไ้ ขเป็นการบา้ น ๓. นกั เรียนฝกึ สมาธโิ ดยทาท่าโยคะ ๓ ท่า ไดแ้ ก่ ทา่ ตน้ ไม้ ทา่ นกบนิ และท่าพระจนั ทรเ์ สยี้ ว ใชเ้ วลาทา่ ละ ๑๐ วนิ าที (สมาธิ) ๔. นกั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น (ปญั ญา) จานวน ๑๐ ข้อ ภายในเวลา ๑๐ นาที ขนั้ สอน ๑. ครูแถบประโยคมาตดิ ไวบ้ นกระดาน แลว้ ให้นกั เรยี นอา่ น (Reading) อา่ นตาม ๑ รอบ จากน้นั ครู ให้นักเรยี นอ่านออกเสยี งให้ถูกตอ้ งตามหลักการอ่าน แถบประโยค สมเดจ็ พระบรมราชชะนีพนั ปหี ลวง มกี ระแสพระราชดารสั ให้ทกุ คนรคู้ ุณค่าของปา่ ชายเลน สตั วท์ ั้งหลายชว่ ยกนั รกั ษาระบบนิเวศให้ปา่ อุดมสมบูรณ์ ทะเลสาบสงขลาอยู่ภาคใตข้ องประเทศไทย ปองใจและเพอื่ น ๆ ช่วยกนั ทางานอยา่ งขมีขมัน เราควรชว่ ยกันอนรุ ักษป์ า่ ชายเลน ๒. นักเรียนรับชมวิดีโอ เร่ือง หลักการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว โดยนักเรียนต้องมีสมาธิ ไม่เล่นกัน (compassion) ระหว่างรับชมวดิ โี อ จากน้ันครูตง้ั คาถาม (Questioning-based Learning) แลกเปลยี่ นกบั ผู้เรียน (Think – Pair – Share)

๓. นักเรียนอ่านออกเสียงบทเรียนท่ี ๓ เรื่อง ป่านี้มีคุณ (Reading) ในหนังสือเรียนภาษาพาที (หนา้ ๓๔ - ๓๘) พร้อมกนั โดยปฏิบัติตามหลกั การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว และมมี ารยาทในการอา่ น ๔. ครูให้นักเรียนนาข้อมูลเก่ียวกับหลักการอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว มาสรุปเป็นแผนภาพความคิด (ปัญญา) (Writing) ลงในสมุดแบบฝึกหัด นักเรียนต้องมีความซื่อสัตย์ ไม่ลอกผลงานเพ่ือน พร้อมทั้งออกแบบ สรา้ งสรรค์ผลงานใหส้ วยงาม (Creativity and innovation) ข้นั สรุป ๑. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปหลกั การอ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ (Student’s Reflection) (Brainstorming) (ปญั ญา) เพ่อื พฒั นาการอา่ นใหด้ ีขึน้ และสามารถนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ถกู ต้อง ชว่ั โมงที่ ๒ ข้ันนา ๑. นักเรียนทอ่ งบทอาขยานหลัก (เด็กน้อย, วิชาหนาเจา้ ) และท่อง ก – ฮ (สมาธ)ิ ๒. นกั เรยี นเขียนตามคาบอก (Writing) (สมาธิ) ลงในสมุดบันทกึ ความรโู้ ดยใช้หนา้ กระดาษทเ่ี หลอื อยู่ ไม่ต้องขน้ึ หนา้ ใหม่ (พอประมาณ) จานวน ๕ คา ไดแ้ กค่ าวา่ พืน้ ดิน พังพอน แผนที่ ร่ายรา และไมเ้ รยี ว จากน้นั ร่วมกนั เฉลยตรวจคาตอบโดยมคี วามซือ่ สัตย์ตอ่ ตนเองโดยไมแ่ กไ้ ขคา (ศลี ) (compassion) จากน้นั นาคาทเี่ ขยี นผดิ กลับไปแก้ไขเป็นการบ้าน ๓. นกั เรียนฝึกสมาธโิ ดยทาทา่ โยคะ ๓ ท่า ไดแ้ กท่ ่าต้นไม้ ท่านกบิน และท่าพระจันทรเ์ สีย้ ว ใช้เวลาท่าละ ๑๐ วินาที (สมาธ)ิ ท่าต้นไม้ ท่านกบนิ ทา่ พระจนั ทรเ์ สยี้ ว ขั้นสอน ๑. ครูให้นักเรียนฝึกอ่านบทเรียนท่ี ๓ เร่ือง ป่าน้ีมีคุณ ในใจ จากนั้นให้นักเรียนออกมาสอบอ่านกับครู ที่หน้าชั้นเรียนทีละ ๑ คน โดยให้อ่านคนละ ๑ ย่อหน้า (Reading) ขณะที่นักเรียนสอบอ่านครูประเมินการอา่ น เป็นรายบคุ คล

๒. นักเรยี นทส่ี อบอา่ นเรียบนอ้ ยแล้วให้ไปช่วยสอนเพ่ือนทีย่ งั อ่านไม่คลอ่ ง (Reading) ๓. นักเรียนทาแบบฝึกหัดทักษะภาษา โดยตอบคาถามบทเรียนท่ี ๓ เร่ือง ป่าน้ีมีคุณ เมื่อทาเสร็จแล้วให้ นามาสง่ ครู (Reading) (Writing) (ปัญญา) ข้นั สรุป ๑. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ที่ได้เรียนไปทั้ง ๒ ช่ัวโมง โดยครูตั้งคาถามว่า “การอ่าน มี ความสาคัญต่อการดาเนนิ ชีวิหรือไม่ และเพราะเหตุใดจึงเปน็ เช่นน้ัน” (Student’s Reflection) (Think – Pair – Share) ๒. นักเรียนทาแบบทดสอบความสามารถดา้ นภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๓ ปี ๒๕๖๒ (NT) จานวน ๑ ขอ้ (Critical thinking and problem solving) (ปญั ญา) ๑๕. สือ่ /แหล่งเรยี นรู้ ๑. คลิปวดิ โี อ เร่อื ง หลักการอ่านออกเสียงรอ้ ยแก้ว ๒. แบบฝกึ หดั ทกั ษะภาษา ๓. หนังสือเรยี นภาษาพาที ๔. แบบทดสอบก่อนเรียน ๕. แถบประโยค ๖. แบบทดสอบความสามารถดา้ นภาษาไทย ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๓ ปี ๒๕๖๒ (NT)

๑๖. การวัดและประเมินผล วธิ กี ารวัด เครอื่ งมือวัด เกณฑก์ ารประเมิน ผา่ นเกณฑ์ร้อยละ ๗๐ รายการวัด - ตรวจแบบฝกึ หดั ทักษะ - แบบฝกึ หดั ทกั ษะภาษา ดา้ นความรู้ (K) : ผา่ นเกณฑ์รอ้ ยละ ๗๐ นกั เรยี นสามารถอธบิ ายหลกั การ ภาษา อ่านออกเสียงบทร้อยแกว้ ได้ ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ ๗๐ - ตรวจแบบทดสอบกอ่ น ด้านทักษะกระบวนการ (P) : นกั เรยี นสามารถอ่านออกเสยี ง เรียน บทรอ้ ยแก้วไดถ้ กู ตอ้ งตาม หลักการอา่ น - การอ่านออกเสยี ง - แบบประเมินการอา่ น ด้านคณุ ลกั ษณะ (A) : นกั เรียนมคี วามมุ่งมัน่ บทร้อยแก้ว ออกเสียงบทร้อยแก้ว ในการทางานและมีมารยาท ในการอา่ น - ตรวจแบบฝกึ หัดทักษะ - แบบฝกึ หัด ภาษา - สงั เกตพฤติกรรมการ - แบบประเมนิ พฤตกิ รรม เรยี น รายบุคคล - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมินคณุ ลักษณะ ความมุ่งมนั่ อันพึงประสงค์ ในการทางาน -แบบประเมินการอา่ น ลงชือ่ .....................................................ครูผู้สอน (นางสาวอริยา วัฒนก้านตง)

เกณฑก์ ารให้คะแนน (Scoring Rubrics) แบบประเมนิ ผลช้ินงาน กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ประเด็นการ คาอธิบายเกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (ระดบั คณุ ภาพ) ประเมนิ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ๑. ความ ถูกต้อง (๔ คะแนน) (๓ คะแนน) (๒ คะแนน) (๑ คะแนน) ของเน้อื หา ๒. การใช้ ตรงตามเน้อื หาทกี่ าหนด ตรงตามเนอื้ หาท่กี าหนด ผิด ตรงตามเนอ้ื หาที่กาหนด ตรงตามเนอ้ื หาที่ ภาษา คาศัพท์และโครงสร้างของ ไม่เกนิ ๒ แหง่ ผิดไมเ่ กนิ ๓ แห่ง กาหนด ผิดมากกวา่ ๓. ความ สะอาด ภาษาสมบูรณ์ ๔ แห่ง เรยี บรอ้ ย มีการใชภ้ าษาอย่างถูกต้อง มีการใชภ้ าษาอย่างถกู ตอ้ ง มีการใชภ้ าษาถกู ตอ้ ง แต่ มีการใชภ้ าษาไม่ ๔. เวลา ประโยคสอดคล้องกบั ประโยคสอดคล้องกบั เนื้อหา ไม่ค่อยสอดคล้องกบั ถกู ต้อง ไม่สอดคล้อง เนื้อหาสะกดคาถกู ต้อง ใช้คาเชอ่ื มไดส้ ละสลวย เนอ้ื หา สะกดคาผดิ ๓ - กบั เนื้อหาสะกด ใชค้ าเชือ่ มไดส้ ละสลวย สะกดคาผิด ๑ - ๒ คา มี ๔ คา มกี ารเวน้ วรรค คาผดิ ๕ คาข้นึ ไป มี มีการเวน้ วรรคโดยไมฉ่ ีก การเวน้ วรรคโดยไมฉ่ ีกคา มกี ารเขียนฉีกคา การเขยี นฉกี คา คา มกี ารใชภ้ าษาอย่าง สร้างสรรค์ เขียนสมา่ เสมอเปน็ เขยี นสมา่ เสมอเป็นระเบียบ เขยี นสม่าเสมอเปน็ เขยี นสมา่ เสมอเปน็ ระเบียบ สะอาดไมม่ ีรอย สะอาด มรี อยขดู ลบ ขดี ระเบียบ สะอาด มรี อย ระเบียบ สะอาดมี ขูด ลบ ขีด ฆา่ ฆ่า ๑ - ๒ ตาแหนง่ ขูด ลบ ขีด ฆา่ รอยขูด ลบ ขีด ฆ่า ๓ – ๔ ตาแหน่ง ๕ ตาแหน่งข้นึ ไป ส่งช้ินงานภายในเวลาท่ี ส่งช้ินงานช้ากวา่ ที่กาหนด สง่ ชิ้นงานช้ากว่าที่ ส่งชิน้ งานช้ากว่าท่ี กาหนด ๑ วนั กาหนด ๒ วัน กาหนดเกนิ ๓ วนั ขึน้ ไป เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๓ – ๑๖ ดมี าก ๙ – ๑๒ ดี ๕ – ๘ พอใช้ ๑ – ๔ ปรบั ปรงุ

เกณฑก์ ารให้คะแนน (Scoring Rubrics) แบบประเมนิ ผลการอา่ น กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย คาอธิบายเกณฑ์การให้คะแนน (ระดบั คณุ ภาพ) ประเดน็ การประเมิน ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ๑. ตอบคาถามจากเรื่องที่อา่ นได้ (๔ คะแนน) (๓ คะแนน) (๒ คะแนน) (๑ คะแนน) ๒. บอกใจความสาคัญจากเร่อื ง ท่ีอ่าน ตอบคาถามถูกต้อง ตอบคาถามผดิ ๑ - ๒ ข้อ ตอบคาถาม ตอบคาถามผิด ๓. บอกข้อคดิ ที่ไดจ้ ากเรือ่ งท่อี า่ น ทุกข้อและตรง ผดิ ๓ - ๔ ขอ้ ต้งั แต่ ๕ ขอ้ ขึน้ ประเด็น ไป บอกเนอ้ื หาสาระ บอกเนอื้ หาสาระถูกต้อง บอกเนือ้ หา บอกเน้ือหาสาระ ถูกตอ้ ง ไดใ้ จความ ได้ใจความแตไ่ ม่ตอ่ เน่อื ง สาระถกู ต้องแต่ ได้บ้าง ต่อเนื่อง วกวน บอกขอ้ คดิ ได้สมบูรณ์ บอกขอ้ คดิ ได้ตรงประเดน็ บอกข้อคิดไดแ้ ต่ บอกขอ้ คิดไดไ้ ม่ และตรงประเดน็ แต่ไมต่ ่อเนอ่ื ง วกวน ครบถว้ น ๔. แสดงความคดิ เห็นจากเร่ืองท่อี า่ น แสดงความคิดเห็น แสดงความคิดเห็นด้วย แสดงความ แสดงความ ดว้ ยเห็นผลและเปน็ เหตุผล คิดเห็นแตไ่ ม่ คิดเหน็ ๕. อ่านออกเสียง ประโยชน์ สอดคลอ้ ง แสดงเหตุผล แต่ไม่ตรงกับเรื่อง ๕.๑ อา่ นเสียงดัง กับเน้ือเรื่อง อ่านได้ตามเกณฑ์ ที่อา่ น ๕.๒ เสียงอา่ นชัดเจน อา่ นได้ตามเกณฑ์ ครบ ๓ ขอ้ อา่ นไดต้ าม อา่ นไดต้ ามเกณฑ์ ๕.๓ อ่านควบกล้าถกู ตอ้ ง ครบ ๔ ข้อ เกณฑ์ ครบ ๑ ขอ้ ๕.๔ อา่ นไดต้ อ่ เนอ่ื ง ครบ ๒ ขอ้ เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ๑๗ - ๒๐ ดมี าก ๑๓ - ๑๖ ดี ๙ - ๑๒ พอใช้ ๕ - ๘ ปรบั ปรงุ

คลปิ วิดโี อ เร่อื ง หลกั การอา่ นออกเสียงรอ้ ยแกว้



แบบทดสอบก่อนการเรยี นรู้ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๓ หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๓ เร่ืองปา่ นี้มีคณุ แบบทดสอบความสามารถด้านภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๓ ปี ๒๕๖๒ (NT) คาชี้แจง นักเรยี นทาเครอื่ งหมาย X ทับตวั อักษร ก, ข, ค, ง หนา้ คาตอบท่ีถูกที่สดุ เพียงขอ้ เดยี ว ๑.ใครชนะการประกวดคดั ลายมอื ข. ฟา้ งาม ก. ปองใจ ง. หน่ยุ ค. ฟ้าใส ๒.ขอ้ ความทนี่ ักเรยี นในขอ้ ๑ ชนะการประกวดคดั ลายมือ นัน้ มเี รือ่ งราวเกีย่ วกับอะไร ก. สภุ าษติ สอนใจ ข. บทความ ค. นิทาน ง. กระแสพระราชดารสั ๓.ทาไมปา่ ชายเลนจึงมคี วามสาคญั ข. เปน็ ทอี่ ยู่อาศยั ของสตั วน์ ้า ก. เป็นท่เี พาะพันธส์ุ ัตว์น้า ง. ถกู ทกุ ข้อ ค. เป็นท่ีเก็บรกั ษาอาหาร ๔.ป่าชายเลนมอี ยูบ่ ริเวณใดบา้ ง ข.แถบฝงั่ ทะเลภาคตะวนั ออก ก.ภาคใต้ ง. ถูกทุกข้อ ค.ภาคกลาง ๕.ครอู ารใี หน้ กั เรียนไปศกึ ษาค้นคว้าหาความรูเ้ กีย่ วกบั เร่อื งใด ก.ป่า ข.ป่าดงดบิ ค.อทุ ยานแหง่ ชาติ ง. ป่าชายเลน ๖.ทาไมครูอารจี ึงพานักเรยี นไปทัศนศึกษาท่ปี า่ ชายเลน ข.เพื่อศึกษาธรรมชาตขิ องสัตว์นา้ ก.เพอื่ ศกึ ษาธรรมชาติ ง.ถกู ทกุ ขอ้ ค.เพอื่ ศกึ ษาธรรมชาติของตน้ ไม้

๗.ปองใจตืน่ เตน้ และนอนหลบั ฝันเกย่ี วกับเรอื่ งใดบ้าง ข.สตั ว์ประหลาดจะจบั กินสตั วเ์ ลก็ ๆ ก.สัตวป์ ระหลาด ง.ถกู ทุกข้อ ค.การประกวดร้องเพลงของสตั ว์ ๘.สัตว์ประหลาดให้สตั ว์เลก็ ๆ ประกวดและแข่งขนั กันร้องเพลงเกยี่ วกับเรอ่ื งอะไร ก.ประวัติ ข.ความดี ค.ความไม่ดี ง.ถูกทกุ ขอ้ ๙.นกรอ้ งเพลงเก่ียวกบั อะไร ข. จิกแมลงเปน็ อาหาร ก. ร้องเพลงกลอ่ มโลก ง. ทานา้ หวาน ค. ร่วมแรงรว่ มใจ ๑๐.กบร้องเพลงเกีย่ วกับอะไร ข. หาจับแมลงเป็นอาหาร. ก. ร้องเพลงกล่อมโลก ง. ทาน้าหวาน ค. รว่ มแรงร่วมใจ เฉลย ๑.ค ๒.ง ๓.ง ๔. ง ๕. ง ๖.ง ๗.ง ๘. ข ๙.ก ๑๐. ข ๑๑.ค ๑๒.ง ๑๓.ง ๑๔.ง ๑๕. ง



แผนการจดั การเรยี นรู้โรงเรียนวดั หนงั กลุ่มสาระการเรยี นรู้ คณติ ศาสตร์ รหสั วชิ า ค16101 ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 เรือ่ ง ร้อยละและอตั ราสว่ น เวลา 19 ชั่วโมง แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 เรื่อง โจทยป์ ัญหาการซือ้ ขาย เวลา 1 ชั่วโมง ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ชว้ี ัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจานวน ระบบจานวน การดาเนินการของจานวน ผลที่เกดิ ข้ึนจากการดาเนนิ การ สมบัตขิ องการดาเนินการ และการนาไปใช้ ตัวชีว้ ัด ค 1.1 ป.6/12 แสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหาร้อยละ 2 – 3 ข้ันตอน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้/จุดประสงค์การเรียนรู้หลกั สตู รตา้ นทุจริต 1. นักเรียนบอกข้นั ตอนการวเิ คราะห์โจทย์ปัญหาโดยใช้ความรู้เรื่องร้อยละเพอ่ื หาคาตอบได้ (K) 2. นกั เรียนสามารถแสดงวิธีหาคาตอบของโจทย์ปัญหารอ้ ยละไดถ้ ูกตอ้ ง (P) 3. นกั เรียนมีความใฝเ่ รียนรู้ (A) 4. มีความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ 3. สาระสาคัญ การบอกกาไรหรือขาดทุนเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือร้อยละเป็นการบอกกาไรหรือขาดทุนเม่ือเทียบกับต้นทุน 100 บาท 4. สาระการเรยี นรู้ โจทยป์ ญั หาการซอื้ ขาย 5. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียนหลักสูตรการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551  ความสามารถในการสือ่ สาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์  มีความรับผิดชอบ  มีมารยาท  มจี ิตอาสา  มรี ะเบียบวนิ ยั

7. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ของโรงเรยี นสุจรติ  ความมวี ินัย  ความพอเพียง  มีจติ สาธารณะ  ซอื่ สัตยส์ จุ รติ  ทักษะกระบวนการคิด 8. ดา้ นเจตคติ/คณุ ลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ (Attitude : A)  มีวินัย  ใฝเ่ รียนรู้  รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  ซ่อื สัตยส์ ุจริต  อยู่อยา่ งพอเพียง  มุ่งม่ันในการทางาน  รักความเป็นไทย  มจี ิตสาธารณะ 9. ไตรสิกขา  สมาธิ  ปญั ญา  ศีล 10. ทักษะในศตวรรษที่ 21 (3R 8C)  1. ทกั ษะการอา่ น (Reading)  2. ทกั ษะการเขียน (Writing)  3. ทกั ษะการคิดคานวณ (Arithmetic)  4. ทกั ษะดา้ นการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทกั ษะในการแกป้ ัญหา (Critical thinking and problem solving)  5. ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวตั กรรม (Creativity and innovation)  6. ทกั ษะดา้ นความร่วมมือการทางานเป็นทีมและภาวะผูน้ า (Collaboration, teamwork and leadership)  7. ทักษะดา้ นความเข้าใจตา่ งวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)  8. ทกั ษะด้านการสือ่ สารสารสนเทศและร้เู ทา่ ทันส่อื (Communication information and media literacy)  9. ทักษะด้านคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร (ComputingandICTLiteracy)  10. ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change)  11. มคี ุณธรรม มเี มตตา กรณุ า มีระเบียบวนิ ัย (compassion) 11. การบรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง พอประมาณ ผ้เู รยี นพอประมาณในการทาแบบฝึกหัดโดยใชเ้ วลาทางานเสร็จตามทีก่ าหนด มเี หตผุ ล ผู้เรียนมเี หตุผลในการเรียนรู้ อภปิ รายและสรุปผลจากการทาแบบฝึกหัด มีภมู ิคมุ้ กัน ผ้เู รยี นสามารถนาความรู้เกี่ยวกบั โจทยป์ ัญหาการซอื้ ขายไปใช้แกป้ ัญหารทางคณิตศาสตร์ได้ ความรู้ ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจหลกั โจทย์ปัญหาการซื้อขาย คณุ ธรรม ผเู้ รียนมีความซอื่ สตั ย์สจุ ริตในการทาแบบฝกึ หัด โดยไมค่ ดั ลอกจากผอู้ ่นื

12. วิธีการสอนแบบ Active Learning  แบบระดมสมอง (Brainstorming)  แบบเน้นปัญหา/โครงงาน/กรณีศกึ ษา (Problem/Project-based Learning/Case Study)  แบบแสดงบทบาทสมมตุ ิ (Role Playing)  แบบแลกเปล่ียนความคิด (Think – Pair – Share)  แบบสะทอ้ นความคดิ (Student’s Reflection)  แบบตัง้ คาถาม (Questioning-based Learning)  แบบใช้เกม (Games-based Learning)  อ่นื ๆ โปรดระบุ ........................................................................................................ 13. การใช้สอ่ื  การพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาดว้ ยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV : Distance Learning Television)  การพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาทางไกลผา่ นเทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT : Distance Learning Information Technology  อน่ื ๆ โปรดระบุ 1. PowerPoint คดิ เลขเรว็ 14. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนา 1. ครูใหน้ ักเรียนท่องสตู รคณู แม่ 2 – 12 (สมาธิ) (ปัญญา) 2. ครใู หน้ ักเรยี นทาคดิ เลขเรว็ จานวน 10 ข้อ โดยเปดิ ให้นกั เรยี นดูจาก Powerpoint เพ่อื กระตนุ้ นกั เรยี น ในการเรยี นคณิตศาสตร์ (Arithmetic) (PowerPoint คิดเลขเร็ว) (สมาธิ) (ปัญญา) 3. ครูและนักเรียนสนทนาซกั ถามความร้พู น้ื ฐานของนักเรียนเกยี่ วกบั คาท่เี กย่ี วขอ้ งกบั การซื้อขาย เชน่ กาไร ขาดทุน ตน้ ทุน ราคาขาย (Think – Pair – Share) ข้นั สอน 1. ครูและนักเรียนร่วมอภิปรายถึงความหมายของคาว่า กาไรและขาดทุน ดังนี้(Critical thinking and problem solving) (Think – Pair – Share) - ถ้าราคาขายสูงกวา่ ราคาทุน แสดงวา่ ได้กาไร สามารถหาเงนิ ท่ไี ด้กาไร ดงั นี้ กาไร = ราคาขาย – ราคาทนุ - ถ้าราคาขายต่ากวา่ ราคาทุน แสดงว่า ขาดทุน สามารถหาเงนิ ทขี่ าดทุนดงั นี้ ขาดทนุ = ราคาทนุ - ราคาขาย

2. ให้นักเรียนช่วยกันหาคาตอบโจทย์ปัญหาซื้อขายต่อไปนี้ (Arithmetic) (Critical thinking and problem solving) - ซื้อรองเทา้ คู่ละ 175 บาท ขายไปราคา 200 บาท ขายไปไดก้ าไรหรือขาดทนุ เท่าไร (ได้กาไร 25 บาท) - ซื้อเข็มขัดมาเส้นละ 150 บาท ขายได้เงิน 130 บาท ได้กาไรหรอื ขาดทุนเท่าไร (ขาดทุน 20 บาท) - ซ้ือกระเป๋ามาใบหน่ึงราคา 250 บาท ขายไปได้กาไร 20% ขายกระเป๋าไปใบละเท่าไร ได้ กาไรใบละเทา่ ไร (ขายไป 300 บาท ได้กาไร 50 บาท) ซ้อื ถงุ เทา้ ราคาคลู่ ะ30 บาท ขายไปได้กาไร 10% ขายถุงเทา้ ไปราคาคู่ละเท่าไรไดก้ าไรค่ลู ะเท่าไร (ขายไป 35 บาท ได้กาไร 3 บาท 3. ให้นักเรียนชว่ ยกนั วิเคราะห์โจทย์ จากโจทย์ปญั หาบนกระดาน ดังน้ี (Questioning-based Learning) ลงุ มาซอ้ื ลน้ิ จี่มาเขง่ หน่ึงราคา 460 บาท ขายไปขาดทนุ 15% ลงุ มา ขายลิ้นจี่ขาดทุนไปกีบ่ าท และขายไปเป็นเงินเท่าไร - โจทยข์ อ้ นกี้ ล่าวถงึ เรื่องอะไร (การซือ้ – ขายลนิ้ จ)ี่ - โจทยต์ อ้ งการทราบอะไร (ราคาท่ีขายและจานวนเงนิ ท่ีขาดทุน) - โจทย์ข้อนีก้ าหนดอะไรบา้ ง (ราคาทุนและจานวนเปอร์เซน็ ต์ทีข่ าดทนุ ) - คาว่า “ขายไปขาดทนุ ” หมายความวา่ อยา่ งไร (ราคาขายตา่ กว่าราคาทุน) - คาว่า “ขาดทุน 15% หมายความว่าอย่างไร (ลงทุน 100 บาท ขายได้เงินน้อยกว่าท่ีลงทุน 15 บาท หรอื ลงทุน 100 บาท ขายได้เงินเพยี ง 85 บาท) - ในการหาราคาขาดทนุ นกั เรียนจะต้องทราบอะไรบา้ ง (ราคาทนุ ราคาที่ขายขาดทุนเป็นร้อย ละหรอื ราคาขายจริง) - โจทย์ต้องการให้หาราคาขาย นักเรียนจาเป็นต้องทราบอะไรบ้างจึงจะหาได้ (ราคาทุนและ จานวนเงินทขี่ าดทุน หรือราคาทุนและท่ขี ายขาดทุนเป็นร้อยละ) 4. ให้นักเรียนช่วยกันวางแผนในการหาคาตอบตามที่โทย์ต้องการ โดยอาจช่วยกันต้ังคาถามและหา คาตอบ ดังนี้ - คาว่า “ขาดทุน 15% “ จะเขยี นในรูปเศษส่วนได้อย่างไร ( 15 ) 100 - คาวา่ “ขาดทนุ 15% เปน็ การขาดทนุ จากราคาอะไร (ราคาทุน) - ราคาทนุ ของลนิ้ จที่ ่ีโจทยก์ าหนดใหม้ ีราคาเทา่ ไร (460 บาท)

- ขายขาดทนุ 15% จะขายไดเ้ งินเท่าไร (100 - 15 = 85) - การหาราคาขาดทนุ 15% ของราคาทนุ ทง้ั หมดจะเขยี นความสัมพันธ์ไดอ้ ยา่ งไร ( 15 × 460 = ) 100 5. นักเรยี นช่วยกนั แสดงวธิ ที าเพ่อื หาคาตอบด้วยวิธีต่างๆ ดงั นี้ (Brainstorming) วธิ ีท่ี 1 ขายลิน้ จีข่ าดทุน 15% ทุน 100 บาท ขายไปขาดทนุ 15 บาท ทนุ 460 บาท ขายไปขาดทนุ 15×460 = 69 บาท ดังนั้น ขายลนิ้ จี่ขาดทุนไป 100 บาท 69 ซ้ือลน้ิ จมี่ าราคาเข่งละ 460 บาท ขายลิน้ จี่ไปราคาเขง่ ละ 460 – 69 = 391 บาท ตอบ ขายลิ้นจข่ี าดทนุ ๖๙ บาท ขายล้ินจไ่ี ปราคา ๓๙๑ บาท วิธที ่ี 2 ขายลน้ิ จข่ี าดทนุ 15% ราคาขาย 100 – 15 = 85 ทนุ 100 บาท ขายไปราคา 85 บาท ทุน 460 บาท ขายไปราคา 85×460 = 391 บาท ดังนน้ั ขายลิ้นจไี่ ปราคา 100 391 บาท ขายล้ินจ่ีไปขาดทนุ 460 – 391 = 69 บาท ตอบ ขายลิน้ จี่ขาดทุน ๖๙ บาท ขายลิน้ จไี่ ปราคา ๓๙๑ บาท 6. นกั เรยี นและครูร่วมกนั อภปิ รายคาตอบทีแ่ ต่ละวิธีว่าสมเหตุสมผลหรอื ไม่ ดงั น้ี (Think – Pair – Share) - ขายล้นิ จี่ขาดทนุ ราคาขายจะน้อยกวา่ หรอื มากกว่าราคาทุน (นอ้ ยกวา่ ) - การขายของขาดทนุ ราคาขายจะมากกวา่ ราคาทนุ ไดห้ รอื ไม่ (ไม่ได้) - ในการตรวจสอบคาตอบทีท่ ามาต้องใช้ความสัมพนั ธข์ องอะไรบา้ ง จานวนเงินที่ขาดทนุ = ราคาทุน - ราคาขายทีข่ าดทุน ราคาขายท่ขี าดทุน = ราคาทนุ - จานวนเงินท่ีขาดทุน 7. ครูใหน้ ักเรยี นทาใบงานท่ี 4 โจทย์ปัญหาการซ้ือขาย โดยนักเรยี นทางานทีไ่ ด้รอบมอบหมายไมล่ อก เพอื่ นเม่ือเสร็จแล้วให้นกั เรยี นช่วยกันตรวจสอบความถกู ตอ้ ง จากนนั้ ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั เฉลยกิจกรรมในใบงาน ที่ 4 (ศีล) (compassion) (Think – Pair – Share)

ขน้ั สรปุ 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากความสัมพันธ์ของคาที่เก่ียวกับการซ้ือขายได้ดังน้ี (Brainstorming) - กาไร = ราคาขาย – ราคาทุน - ขาดทนุ = ราคาทนุ – ราคาขาย - ราคาขาย = ราคาทบี่ อกขาย – ราคาที่ลดให้ 15. สือ่ /แหลง่ เรยี นรู้ 1. PowerPoint คิดเลขเร็ว 2. ใบงานท่ี 4 โจทยป์ ญั หาการซ้ือขาย 3. หนังสือเรียนวชิ าคณติ ศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 16. การวัดและประเมนิ ผล รายการวดั วิธีการวดั เครอื่ งมือวดั เกณฑก์ ารประเมนิ แบบประเมนิ การตอบ นกั เรียนไดค้ ะแนนระดบั ด้านความรู้ (K) : การตอบคาถาม คาถาม คณุ ภาพดขี ึน้ ไป นักเรยี นบอกขั้นตอนการ ใบงานท่ี 4 โจทยป์ ัญหา 70% ข้นึ ไป ถือวา่ ผ่าน การซ้อื ขาย เกณฑ์การประเมิน วิเคราะหโ์ จทย์ปญั หาโดยใช้ แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรียนได้คะแนนระดบั ความรเู้ รือ่ งร้อยละเพือ่ หาคาตอบ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ คณุ ภาพดขี ้ึนไป ที่พงึ ประสงค์ ได้ ดา้ นทักษะกระบวนการ (P) : ตรวจใบงานท่ี 4 โจทย์ นกั เรยี นสามารถแสดงวิธีหา ปัญหาการซื้อขาย คาตอบของโจทยป์ ญั หารอ้ ยละได้ ถูกตอ้ ง ด้านคณุ ลักษณะ (A) : สังเกตพฤติกรรมดา้ น นกั เรยี นมคี วามใฝ่เรยี นรู้ คุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ ลงชือ่ .....................................................ครูผู้สอน (นายกวีคม รตั นบุรม)

ใบงานที่ 4 โจทย์ปญั หาการซ้ือขาย คาชีแ้ จง จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ีให้ถกู ตอ้ ง 1. อารีซื้อแหวนมาวงละ 9,800 บาท ขายต่อให้เพ่ือนขาดทุน 15 % คิดเป็นขาดทุนก่ีบาทและอารี ขายแหวนไปราคาเท่าไร 2. สมบรู ณ์ซอื้ โทรศัพท์มอื ถอื เคร่อื งหนึ่งราคา 8,700 บาท ขายตอ่ ใหเ้ พื่อนได้กาไร 5% คดิ เป็นกาไร กีบ่ าทและขายไปราคาเท่าไร 3. พอ่ ค้าซือ้ รองเทา้ มาคู่ละ 190 บาท ขายไปไดก้ าไร 5% พ่อค้าขายรองเทา้ ในราคาเท่าไร 4. ปากกาดา้ มหนึ่งติดราคา 80 บาท ขายขาดทุน 10% ขายปากกาขาดทุนกี่บาท และขายไปในราคาเท่าไร



แผนการจดั การเรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว๑๑๑๐๑ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๑ หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๑ เรื่อง ตัวเรา พชื และสัตว์ เวลา ๒๘ ช่ัวโมง แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี ๑๐ เรื่อง หน้าท่ีของอวัยวะของสตั ว์ เวลา ๒ ชวั่ โมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของสง่ิ มชี ีวติ หนว่ ยพืน้ ฐานของส่ิงมชี วี ิต การลาเลียงสารผ่านเซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสรา้ ง และหนา้ ท่ีของระบบต่าง ๆ ของสตั วท์ ี่ทางานสัมพันธก์ ัน ความสมั พนั ธ์ของโครงสรา้ ง และหนา้ ทข่ี องส่วนประกอบต่าง ๆ ของพชื ทท่ี างานสมั พันธก์ นั รวมทงั้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว ๑.๒ ป.๑/๑ ระบชุ ือ่ บรรยายลกั ษณะและบอกหน้าที่ของส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์ สตั ว์ และพืช รวมทงั้ บรรยายการทาหนา้ ท่รี ว่ มกันของสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกายมนษุ ย์ในการทากจิ กรรมตา่ ง ๆ จากข้อมูลทีร่ วบรวมได้ ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้/จุดประสงค์การเรยี นรู้หลักสตู รตา้ นทจุ ริต ๑. ระบชุ ื่ออวยั วะต่างๆ ของสัตว์ได้ (K) ๒. อธบิ ายหน้าท่ีของอวัยวะต่างๆ ของสัตว์ได้ (P) ๓. ปฏิบตั กิ จิ กรรมเพอ่ื อธบิ ายหนา้ ท่ีของอวัยวะต่างๆ ของสตั ว์ได้ (P) ๔. รบั ผิดชอบต่อหน้าที่ที่ไดร้ ับมอบหมาย (A) ๕. ปฏิบตั ติ นเป็นผ้มู ีความละอายเมื่อไม่ช่วยเพอื่ นทากจิ กรรม ๓. สาระสาคญั สตั วส์ ว่ นใหญ่จะมอี วยั วะภายนอกคลา้ ยกบั คน สัตว์สว่ นใหญม่ อี วัยวะภายนอกท่สี าคัญ ไดแ้ ก่ ตา หู จมกู ปาก ขาและเท้า ซึ่งอวัยวะแต่ละส่วนทาหน้าทแ่ี ตกตา่ งกันไป เพอื่ ให้เหมาะสมต่อการดารงชีวติ ๔. สาระการเรยี นรู้ ๑. อวัยวะภายนอกของสตั ว์ ๒. หนา้ ที่อวยั วะภายนอกของสตั ว์ ๕. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี นหลกั สูตรการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑  ความสามารถในการสือ่ สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก้ปญั หา  ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

๖. คณุ ธรรมอัตลักษณ์  มคี วามรับผดิ ชอบ  มมี ารยาท  มีจิตอาสา  มรี ะเบียบวินยั  มจี ิตสาธารณะ ๗. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องโรงเรยี นสจุ รติ  ความมวี ินัย  ความพอเพยี ง  ซ่ือสตั ย์สุจริต  ทกั ษะกระบวนการคิด ๘. ด้านเจตคต/ิ คุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ (Attitude : A)  รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์  ซื่อสตั ยส์ จุ ริต  มวี นิ ัย  ใฝ่เรยี นรู้  อยู่อย่างพอเพียง  มุง่ มัน่ ในการทางาน  รักความเปน็ ไทย  มจี ติ สาธารณะ ๙. ไตรสกิ ขา  สมาธิ  ปัญญา  ศลี ๑๐. ทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ (๓R ๘C )  ๑. ทักษะการอา่ น (Reading)  ๒. ทกั ษะการเขยี น (Writing)  ๓. ทักษะการคิดคานวณ (Arithmetic)  ๔. ทักษะดา้ นการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปญั หา (Critical thinking and problem solving)  ๕. ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรคแ์ ละนวัตกรรม (Creativity and innovation)  ๖. ทักษะดา้ นความรว่ มมอื การทางานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ า (Collaboration, teamwork and leadership)  ๗. ทกั ษะด้านความเขา้ ใจต่างวัฒนธรรมตา่ งกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding)  ๘. ทกั ษะด้านการส่ือสารสารสนเทศและรเู้ ท่าทันสอ่ื (Communication information and media literacy)  ๙. ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (ComputingandICTLiteracy)  ๑๐. ทกั ษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change)  ๑๑. มีคุณธรรม มเี มตตา กรุณา มีระเบยี บวนิ ัย (compassion) ๑๑. การบรู ณาการเศรษฐกจิ พอเพียง พอประมาณ ผู้เรยี นพอประมาณในการใช้เวลาเพอื่ ทาใบงานให้เสรจ็ ตามเวลาทีก่ าหนด มีเหตผุ ล ผู้เรียนมเี หตผุ ลในการเรยี นรู้ อภิปรายและสรุปผลจากการทากจิ กรรม

มีภูมคิ ้มุ กนั ผเู้ รยี นรู้จักและบอกสว่ นประกอบของพืชได้ถูกต้อง ความรู้ ผู้เรยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับสว่ นประกอบต่างๆ ของพชื คณุ ธรรม ผู้เรียนมีความซ่ือสัตย์สจุ รติ ในการทาใบงาน อดทน และเพยี รพยายามในการเรยี นรู้ ๑๒. วธิ กี ารสอนแบบ Active Learning  แบบระดมสมอง (Brainstorming)  แบบเน้นปญั หา/โครงงาน/กรณีศกึ ษา (Problem/Project-based Learning/Case Study)  แบบแสดงบทบาทสมมตุ ิ (Role Playing)  แบบแลกเปล่ียนความคิด (Think – Pair – Share)  แบบสะท้อนความคิด (Student’s Reflection)  แบบต้ังคาถาม (Questioning-based Learning)  แบบใชเ้ กม (Games-based Learning)  อน่ื ๆ โปรดระบุ ........................................................................................................ ๑๓. การใชส้ อื่  การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาดว้ ยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV : Distance Learning Television)  การพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาทางไกลผา่ นเทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT : Distance Learning Information Technology  อืน่ ๆ โปรดระบุ Website : https://www.youtube.com/watch?v=nd๘NR๔tVk๒g ๑๔. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั นา ขน้ั ท่ี ๑ กระตุ้นความสนใจ (Engage) ๑. นักเรยี น ดูวิดีโอประกอบการสอน https://www.youtube.com/watch?v=nd๘NR๔tVk๒g เรอ่ื ง มารจู้ ักสัตวก์ ันไหม และครูนาเขา้ สู่บทเรยี น โดยถามนกั เรยี นวา่ ปลาทองมีส่วนประกอบอะไรบ้าง (Questioning-based Learning) (Student’s Reflection)

ข้นั สอน ข้นั ท่ี ๒ สารวจค้นหา (Explore) ๑. ครูชวนนักเรียนสารวจ สังเกต และบอกลักษณะชื่อส่วนต่างๆ ของสัตว์เล้ียงที่บ้าน หรือจากการสืบค้น ในอินเทอร์เน็ต (Computing andICTLiteracy) ๒. นกั เรียนฝกึ อ่านข้ันตอนการทากิจกรรมพร้อมกับครู อ่าน (Reading)

๓. นกั เรียนรวบรวมขอ้ มลู ท่ีสงั เกตได้ และบอกหนา้ ทข่ี องสว่ นตา่ งๆ ของสตั ว์ (Brainstorming) ๔. หลังจากรวบรวมข้อมูลแล้ว นักเรียนวาดรูปและเขียนช่ือส่วนต่างๆ ของสัตว์ และช้ีไปที่ภาพส่วนนั้น (สมาธิ) ข้ันท่ี ๓ อธบิ ายความรู้ (Explain) ๑. ครูและนักเรียนช่วยกนั อภิปรายและสรุปผลจากการทากิจกรรม โดยการเปรียบเทียบส่วนต่างๆ ของสตั ว์ เชน่ นกแกว้ ปลาทอง สุนขั (Brainstorming)

๒. ครูถามนักเรยี นวา่ แลว้ สว่ นตา่ งๆ ของสัตวม์ ีหนา้ ที่อยา่ งไร (Questioning-based Learning)

ข้นั สรุป ข้นั ท่ี ๔ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) ๑. ครูถามนกั เรียนว่า ถ้าสตั ว์แตล่ ะชนดิ มีอวัยวะสว่ นใดส่วนหน่ึงขาดหายไป จะส่งผลต่อการดารงชวี ิต ของสัตว์ชนดิ น้ันหรือไม่ เพราะอะไร (Questioning-based Learning) ๒. นักเรียนเล่นเกมออนไลน์จับคู่ “มารู้จักสัตว์กันไหม” โดยการจับคู่ชื่อส่วนต่างๆ ของสัตว์และหน้าท่ี ของส่วนนั้นๆ ให้ถูกต้อง ในเกม https://wordwall.net/play/๑๘๙๖๕/๒๕๓/๖๖๖ โดยผู้ปกครองสามารถอา่ น ข้อความหน้าท่ีของส่วนต่างๆ ของสัตว์ให้นักเรียนฟังได้ แต่นักเรียนต้องคิดหาคาตอบด้วยตนเอง (ศีล) (สมาธิ) (Games-based Learning)

ขนั้ ท่ี ๕ ตรวจสอบผล (Evaluate) ๑. ครูตรวจสอบผลการบันทึกผลการสารวจส่วนต่างๆ ของสตั วใ์ นสมุด ๒. ครูตรวจสอบคะแนนจากการเล่นเกมออนไลน์ “มารจู้ กั สัตว์กนั ไหม” ๑๕. ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ ๑. หนงั สือเรยี น รายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ป.๑ เล่ม ๑ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๑ ตัวเรา พชื และสัตว์ ๒. Website : https://www.youtube.com/watch?v=nd๘NR๔tVk๒g ๓. แหลง่ เรยี นรู้ ได้แก่ Internet, หนังสอื เรยี น ๔. เกมออนไลน์ “มารูจ้ กั สตั ว์กนั ไหม” https://wordwall.net/play/๑๘๙๖๕/๒๕๓/๖๖๖ ๑๖. การวัดและประเมินผล รายการวดั วิธกี ารวัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์การประเมนิ ด้านความรู้ (K) : ร้อยละ ๗๐ ผา่ นเกณฑ์ ระบุหนา้ ที่ของส่วนตา่ งๆ ของสตั ว์ได้ ประเมนิ ผลการบันทึก แบบบันทึกผลการสารวจ ผลการสารวจสว่ น สว่ นต่างๆ ของสตั ว์ ผา่ นเกณฑร์ ะดับคุณภาพ ๓ ด้านทักษะกระบวนการ (P) : อธิบายหน้าทีข่ องอวัยวะตา่ งๆ ของ ตา่ งๆ ของสตั ว์ ผา่ นเกณฑ์ระดับคุณภาพ ๓ สตั ว์ได้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ (A) : ) รับผิดชอบ ประเมินผลการเล่น เกมออนไลนจ์ ับคู่ ตอ่ หน้าทีท่ ไ่ี ด้รบั มอบหมาย เกมออนไลนจ์ บั คู่ “มารจู้ ักสตั ว์กันไหม” “มารู้จักสัตว์กนั ไหม” สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม นักเรยี นรายบคุ คล นักเรยี นรายบุคคล ลงชื่อ.....................................................ครูผสู้ อน (นางนันทพร แกว้ กญั ญาติ) ........../..................../..............

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน (Scoring Rubric) เกณฑก์ ารประเมินแบบบนั ทกึ ผลการประเมนิ ดา้ นกระบวนการการบนั ทกึ ผลการทากจิ กรรม กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี คาอธิบายเกณฑก์ ารให้คะแนน (ระดบั คุณภาพ) ประเดน็ การประเมิน ดีมาก (๔ คะแนน) ดี (๓ คะแนน) พอใช้ (๒ คะแนน) ปรบั ปรุง (๑ คะแนน) ๑. ความถูกตอ้ งของ เน้อื หาเปน็ ไปตามท่ี เนอ้ื หาเป็นไปตามท่ี เนื้อหาเป็นไปตามที่ เนื้อหาไม่เปน็ ไป เนอื้ หา กาหนดมรี ายละเอียด กาหนดมรี ายละเอยี ด กาหนดมรี ายละเอยี ด ตามทีก่ าหนด ครอบคลุมทกุ สว่ น ความครอบคลุม ไมค่ รอบคลุม รายละเอียด ไม่ครอบคลุม ๒. ภาษาที่ใช้ ไมม่ ีการสะกดคาผิด การสะกดคาผิดไม่ การสะกดคาผิด การสะกดคาผิด ๔ เกิน ๒ แห่ง ๓ แหง่ แห่งขึ้นไป ๓. ความคิดสรา้ งสรรค์ แสดงออกถงึ ความคดิ มีแนวคิดแปลกใหม่ มคี วามนา่ สนใจแต่ยัง ไมแ่ สดงแนวคิดใหม่ ในการนาเสนอขอ้ มูล สรา้ งสรรคแ์ ปลกใหม่ แตย่ ังไม่เปน็ ระบบ ไม่มีแนวคิด และเป็นระบบ แปลกใหม่ ๔. ความเปน็ ระเบยี บ งานมีความเป็น งานสว่ นใหญ่มีความ งานมีความเปน็ งานส่วนใหญไ่ มเ่ ปน็ ระเบยี บแสดงออกถงึ เป็นระเบยี บแตย่ งั มี ระเบยี บแต่มี ระเบยี บและมี ความประณตี ขอ้ บกพร่องเลก็ น้อย ข้อบกพรอ่ งบางส่วน ขอ้ บกพรอ่ ง เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การผา่ น ตั้งแตร่ ะดับคุณภาพดีข้ึนไป ๑๓ - ๑๖ ดีมาก ๙ - ๑๒ ดี สรุป  ผ่าน  ไมผ่ ่าน ๕ – ๘ พอใช้ ตา่ กวา่ ๔ ปรบั ปรุง

เกณฑก์ ารให้คะแนน (Scoring Rubric) แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ประเด็นการประเมนิ คาอธิบายเกณฑ์การใหค้ ะแนน (ระดับคุณภาพ) ๑. มคี วามรับผดิ ชอบ ตอ่ งานทไี่ ดร้ ับ ดมี าก (๔ คะแนน) ดี (๓ คะแนน) พอใช้ (๒ คะแนน) ปรบั ปรุง (๑ คะแนน) มอบหมาย ทางานทไี่ ด้รับมอบหมาย ทางานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย ทางานทีไ่ ด้รบั ทางานท่ไี ด้รบั ๒. ส่งงานตรงเวลา จนสาเรจ็ มกี ารตติ ตาม จนสาเรจ็ ครบถว้ น มอบหมายสาเร็จ มอบหมายไม่สาเรจ็ งานอย่างสม่าเสมอ และ บางส่วน ทางานอยา่ งเต็ม ความสามารถ ส่งผลงานภายในเวลาที่ ส่งผลงานชา้ กวา่ กาหนด ส่งผลงานช้ากวา่ สง่ ผลงานช้ากวา่ กาหนด ๑ วนั กาหนด เกนิ ๒ วัน กาหนด ๓ วนั ข้นึ ไป เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ ระดับคณุ ภาพ เกณฑก์ ารผา่ น ตั้งแตร่ ะดับคุณภาพดขี ึ้นไป ดีมาก สรุป  ผ่าน  ไมผ่ า่ น ชว่ งคะแนน ดี ๑๓ – ๑๖ พอใช้ ๙ – ๑๒ ปรับปรงุ ๗ – ๑๑ ต่ากว่า ๗

แผนการจัดการเรยี นรู้ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 เวลา 16 ชวั่ โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว 16101 เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 การออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างงา่ ย แผนการเรียนรู้ท่ี 1 เรอื่ ง การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผังงาน 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั สาระที่ 4 เทคโนโลยี มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวติ จริงอย่างเป็นขั้นตอนและ เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม ตัวช้ีวัด ป.6/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย เพ่ือแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน ตรวจหา ข้อผดิ พลาดของโปรแกรมและแกไ้ ข 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้/จดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้หู ลกั สูตรต้านทุจริต 1. อธิบายข้ันตอนการออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขยี นผงั งานได้ (K) 2. ออกแบบผังงานโดยการเขียนสญั ลกั ษณ์แทนความหมายต่าง ๆ ได้ (P) 3. มคี วามใฝ่เรียนรู้และมุ่งม่ันในการปฏิบัติกจิ กรรมการเรียนรู้ (A) 4. นักเรียนสามารถปฏิบตั ติ นเปน็ ผลู้ ะอายและไม่ทนตอ่ การทจุ ริตทุกรปู แบบ 3. สาระสาคญั การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผังงาน เป็นการอธิบายการทางานของโปรแกรมด้วยการใช้ สัญลักษณ์แทนความหมายต่าง ๆ แนวคิดการเขียนผังงาน (Flowchart) มีหลักการง่าย ๆ 3 ข้อ คือ 1. การ ทางานแบบลาดบั 2. การทางานแบบทางเลือก 3. การทางานแบบทาซา้ โดยสัญลกั ษณท์ ี่ใช้ในการเขียนผังงาน 4. สาระการเรียนรู้ การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นผังงาน 5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี นหลกั สูตรการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551  ความสามารถในการส่ือสาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแกป้ ัญหา  ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. คณุ ธรรมอตั ลกั ษณ์  มีมารยาท  มีจิตอาสา  มีระเบยี บวินัย  มีความรบั ผิดชอบ 7. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคข์ องโรงเรียนสุจรติ  ความพอเพียง  มีจิต  ความมีวินยั  ใฝ่เรียนรู้ สาธารณะ  มีจิตสาธารณะ  ซอื่ สตั ยส์ ุจริต  ทกั ษะกระบวนการคิด 8. ดา้ นเจตคติ/คณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ (Attitude : A)  รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์  ซือ่ สัตยส์ ุจริต  มวี ินัย  อยู่อย่างพอเพียง  ม่งุ มั่นในการทางาน  รกั ความเปน็ ไทย 9. การบรู ณาการไตรสิกขา  สมาธิ  ปญั ญา  ศีล 10. ทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C )  1. ทักษะการอา่ น (Reading)  2. ทักษะการ เขียน (Writing)  3. ทกั ษะการคดิ คานวณ (Arithmetic)  4. ทักษะดา้ นการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณและทักษะในการแกป้ ญั หา (Critical thinking and problem solving)  5. ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and innovation)  6. ทักษะดา้ นความรว่ มมอื การทางานเป็นทมี และภาวะผ้นู า (Collaboration, teamwork and leadership)  7. ทักษะดา้ นความเข้าใจตา่ งวัฒนธรรมตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)  8. ทกั ษะดา้ นการสื่อสารสารสนเทศและร้เู ท่าทนั สอื่ (Communication information and media literacy)  9. ทักษะดา้ นคอมพิวเตอรแ์ ละเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT Literacy)  10. ทักษะอาชีพและทักษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change)  11. มคี ณุ ธรรม มีเมตตา กรณุ า มรี ะเบยี บวนิ ัย (compassion)

11. การบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง พอประมาณ ผ้เู รียนพอประมาณในการใช้เวลาทางานเสร็จตามทกี่ าหนด มเี หตผุ ล ผเู้ รยี นมีเหตผุ ลในการเรียนรู้ อภปิ รายและสรปุ ผลจากเรยี นรู้ มีภูมิคมุ้ กัน ผ้เู รยี นสามารถเรียนรู้ ทาความเข้าใจการออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผงั งานและ คานงึ ถงึ ความเป็นไปไดข้ องการเรียนรู้ ความรู้ ผู้เรยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นผังงาน คุณธรรม ผเู้ รยี นมีความซ่อื สัตย์สจุ ริตในการทางาน มีความมุ่งมั่นในการทางานในการเรียนรู้ 12. วธิ กี ารสอนแบบ Active Learning  แบบระดมสมอง (Brainstorming)  แบบเน้นปัญหา/โครงงาน/กรณศี กึ ษา (Problem/Project-based Learning/Case Study)  แบบแสดงบทบาทสมมุติ (Role Playing)  แบบแลกเปล่ียนความคิด (Think – Pair – Share)  แบบสะทอ้ นความคิด (Student’s Reflection)  แบบตงั้ คาถาม (Questioning-based Learning)  แบบใช้เกม (Games-based Learning)  อ่ืนๆ โปรดระบุ ........................................................................................................ 13. การใชส้ ่ือ  การพฒั นาคุณภาพการศกึ ษาดว้ ยเทคโนโลยีการศกึ ษาทางไกลผ่านดาวเทยี ม (DLTV : Distance Learning Television)  การพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษาทางไกลผา่ นเทคโนโลยสี ารสนเทศ (DLIT : Distance Learning Information Technology  อน่ื ๆ โปรดระบุ ส่อื จาก YouTube https://www.youtube.com/watch?v=FsdsygYQYrU สือ่ PowerPoint เรอ่ื ง การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผังงาน 14. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นนา 1. ครทู ักทายนักเรียนในกล่มุ ไลน์วิทยาการคานวณ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 6 และใหน้ ักเรยี นรายงานการ เขา้ เรียน เพอื่ ตรวจสอบความพร้อมในการเรียน 2. นกั เรยี นความพรอ้ มก่อนเรียนดว้ ยเพลงจา จา จา https://www.youtube.com/watch?v=0iT37Xx_RUE (สมาธิ)

ข้นั สอน 1. นกั เรยี นศกึ ษาวดี โี อประกอบการสอน เร่อื ง การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผงั งาน https://www.youtube.com/watch?v=FsdsygYQYrU โดยเน้นให้นกั เรียนศึกษาวีดโี อน้ีด้วยความตั้งใจ (ศีล) 2. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภิปรายผ่านกล่มุ ไลน์วทิ ยาการคานวณชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 และ ผ่านระบบ Line Meeting (Think – Pair – Share) รายละเอียดข้นั ตอนการออกแบบโปรแกรมโดยใช้วธิ กี ารต่าง ๆ ครชู แ้ี นะนักเรยี นว่าวิธกี ารออกแบบโดยผงั งานเปน็ วธิ ีท่ีนิยมท่ีสดุ เพราะสามารถอธิบายการทางานตา่ ง ๆ ได้ อยา่ งชดั เจนและเปน็ ระบบ นกั เรยี นเร่ิมศึกษาสัญลักษณ์ตา่ ง ๆ ในผังงาน ในหนงั สอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ป.6 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 2 หนา้ 25 เรอ่ื ง การออกแบบโปรแกรมดว้ ย การเขียนผงั งาน (ปญั ญา) ดงั นี้ 3. ครูให้นักเรียนดูตัวอย่างผังงานจากตัวอย่างจากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 หน้า 26 โดยเริ่มจากง่ายไปยาก และอธิบายความหมายของ สญั ลักษณต์ ่าง ๆ ตามลาดบั และคอยสอบถามความเข้าใจ (ปญั ญา) 4. นกั เรยี นออกแบบผังงานการเดินทางไปโรงเรียนจากใบกิจกรรม (Writing) โดยมีครคู อยช้ีแนะ นกั เรียน เพื่อให้นักเรียนใช้สญั ลักษณ์ในการออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นผงั งานได้อย่างถกู ตอ้ ง (ปัญญา) 5. นักเรียนร่วมกันเฉลยใบกิจกรรม เร่ือง การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผังงานร่วมกัน และ รว่ มกันตรวจสอบความถกู ตอ้ งของงานที่ทา ทั้งน้คี รจู ะเน้นให้นักเรยี นมีความซ่ือสตั ย์ในการทางาน ไม่ลอกเพื่อน หรือลอกเฉลยทน่ี ักเรยี นเฉลยร่วมกนั ให้นักเรียนทางานดว้ ยตนเอง (compassion)

ข้นั สรุป นกั เรียนร่วมกนั สรุปการออกแบบโปแกรมด้วยการเขียนผงั งานร่วมกนั (Think – Pair – Share) จากน้ัน ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี นด้วย Google-Form เรอื่ ง การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขียนผังงาน (ปญั ญา) 15. สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ป.6 2. .ใบงาน เรอ่ื ง การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผงั งาน 3. วดี ทิ ศั น์ เรื่อง การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นผงั งาน https://www.youtube.com/watch?v=FsdsygYQYrU 4. PowerPoint เร่ือง การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นผงั งาน 5. แบบทดสอบ google form เร่ือง การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผังงาน 16. การวัดและประเมินผล รายการประเมนิ วธิ ีการประเมนิ เครือ่ งมือการประเมิน เกณฑก์ ารประเมิน ด้านความรู้ (K) : - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ การอธิบายขัน้ ตอนการออกแบบ - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหดั รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ โปรแกรมด้วยการเขียนผงั งาน ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) : การออกแบบผังงานโดยการเขยี น สัญลกั ษณแ์ ทนความหมายต่าง ๆ ดา้ นคุณลกั ษณะ (A) : - สงั เกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ พฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2 ประเมนิ ความใฝเ่ รยี นรแู้ ละมุ่งมัน่ ใน ผ่านเกณฑ์ การทางาน ใฝ่เรียนรู้ มุง่ มน่ั ในการทางาน ใฝเ่ รียนรู้ และ มุ่งมั่นใน การทางาน ลงช่อื .....................................................ครูผู้สอน (นางสาวสารภี ชนู กุ ูลพงษ์) ........../..................../..............

ใบงานวิทยาการคานวณ เร่อื ง การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขียนผังงาน ช่อื .................................................................................................................. ชั้น .......... เลขที่ ........ คาช้ีแจง ให้นกั เรียนเขยี นลาดับขั้นตอนการเดินทางไปโรงเรียนในรปู แบบผังงานให้ถกู ต้อง จะขนึ้ รถเมลห์ รือรถสองแถว เริ่มตน้ นง่ั รถสองแถว จบการทางาน โบกเรยี กรถสองแถว เดินออกจากบ้าน นั่งรถเมล์ ยืนรอรถเมล์ ถงึ โรงเรยี น

เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (P) ตัวชว้ี ัด เกณฑก์ ารประเมิน 1. ใฝ่เรียนรู้ ดีมาก (4 คะแนน) ดี (3 คะแนน) พอใช้ (2 คะแนน) ปรบั ปรุง (1คะแนน) 2. ม่งุ ม่ันในการ ทางาน ศึกษาค้นควา้ จาก ศึกษาค้นควา้ หา ศึกษาคน้ ควา้ ความรู้ ไมศ่ กึ ษาค้นคว้าหา หนังสอื เอกสาร ความรจู้ ากหนงั สือ จากหนงั สือ เอกสาร ความรู้ สง่ิ พมิ พ์ สือ่ เทคโนโลยี เอกสารสิง่ พมิ พ์ ส่ือ สิง่ พมิ พ์ ส่ือ และสารสนเทศ แหล่ง เทคโนโลยแี ละ เทคโนโลยี แหล่ง เรียนรู้ เลือกใช้สอ่ื ได้ สารสนเทศ แหลง่ เรียนรู้ เลือกใชส้ อ่ื ได้ อย่างเหมาะสม มกี าร เรียนรู้ และเลือกใช้สือ่ อย่างเหมาะสม และ บันทึกความรู้ ได้อย่างเหมาะสม มี มีการบนั ทกึ ความรู้ วิเคราะหข์ อ้ มูล สรุป การบนั ทกึ ความรู้ เป็นองค์ความรู้ และ วิเคราะหข์ ้อมูล สรุป แลกเปล่ียนเรียนรู้ดว้ ย เปน็ องค์ความรู้ และ วิธกี ารท่หี ลากหลาย แลกเปล่ียนเรยี นรู้กับ และนาไปสร้างงาน ผู้อน่ื ได้ อย่างสมบูรณ์ ต้ังใจและรบั ผิดชอบใน ตง้ั ใจและรับผดิ ชอบใน ตัง้ ใจและรบั ผดิ ชอบ ไมต่ ั้งใจปฏิบตั หิ น้าที่ การปฏบิ ตั หิ น้าท่ี การปฏิบัตหิ ้าทีท่ ไ่ี ด้รับ ในการปฏิบัติหน้าที่ที่ การทางาน ทีไ่ ด้รับมอบหมายให้ มอบหมายให้สาเร็จ ไดร้ ับมอบหมายให้ สาเรจ็ มกี ารปรับปรงุ มีการปรับปรุง และ สาเรจ็ และพัฒนางานให้ดขี ้นึ พฒั นาการทางานใหด้ ี มกี ารปรบั ปรุงการ ด้วยตนเอง ขน้ึ ทางานให้ดขี ้ึน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ 7-8 คะแนน ระดบั 4 ดมี าก 5-6 คะแนน ระดบั 3 ดี 3-4 คะแนน ระดบั 2 พอใช้ 1-2 คะแนน ระดับ 1 ปรับปรงุ เกณฑก์ ารผา่ น ต้งั แต่ระดบั คณุ ภาพพอใชข้ ้ึนไป สรปุ  ผา่ น  ไม่ผ่าน

ลงิ ก์วีดทิ ัศน์ เรื่อง การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผงั งาน https://www.youtube.com/watch?v=FsdsygYQYrU ลงิ กแ์ บบทดสอบเรอื่ ง การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียนผงั งาน https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSfq6LEVw_43Dv4VDdBjS_xR EM9XrFspsrNFZ_KkCMPSwR2HaQ/viewform



แผนการจดั การเรียนรู้โรงเรียนวดั หนงั กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รหสั วิชา 15101 ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เรอ่ื ง พลเมอื งดีตามวิถีประชาธิปไตย เวลา 4 ชัว่ โมง แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 เรือ่ ง คณุ ลกั ษณะของพลเมอื งดี เวลา 1 ช่ัวโมง ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตวั ชวี้ ัด มาตรฐานการเรยี นรู้ ส.2.1 เข้าใจและปฏบิ ตั ิตนตามหนา้ ท่ขี องการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมที่ดงี ามและธารงรักษาประเพณีและ วัฒนธรรมไทย ดารงชีวติ อยูร่ ว่ มกันในสังคมไทยและสงั คมโลกอย่างสนั ตสิ ุข ตวั ช้ีวัด ส 2.1 ป.5 /1 ยกตวั อยา่ งและปฏิบตั ิตนตามสถานภาพ บทบาท สิทธิเสรีภาพ และหน้าทีใ่ นฐานะพลเมอื งดี 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้/จดุ ประสงค์การเรียนรหู้ ลกั สตู รตา้ นทุจริต 1. อธบิ ายคุณลกั ษณะของพลเมอื งดีได้ (K) 2. ปฏิบัตติ นตามคณุ ลกั ษณะของพลเมืองดไี ด้ถกู ต้อง (K, P) 3. ภาคภูมิใจในการเปน็ พลเมอื งดี (A) 4. เพอ่ื ให้นกั เรียนปฏิบตั ิตนเป็นผู้มีความเอ้ืออาทร 5. ปฏิบัตติ ามกฎระเบียบไมท่ จุ ริตตอ่ กิจกรรมที่ทา 3. สาระสาคญั การรจู้ กั ปฏบิ ตั ติ นเป็นพลเมืองดตี ามสถานภาพ บทบาท สิทธิเสรภี าพ และหนา้ ที่ท้งั ของตนเองและผอู้ ื่น จะทาใหอ้ ยรู่ ว่ มกันในสงั คมไดอ้ ย่างมคี วามสขุ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง คณุ ลักษณะของพลเมืองดี เชน่ มมุ านะทาประโยชน์เพ่ือส่วนรว่ ม มีค่านยิ มประชาธปิ ไตย มีคณุ ธรรม 5. สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี นหลกั สตู รการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551  ความสามารถในการส่อื สาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแก้ปญั หา  ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ  ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 6. คณุ ธรรมอตั ลักษณ์  มีระเบยี บวนิ ยั  มคี วามรับผดิ ชอบ  มมี ารยาท  มจี ิตอาสา

7. คุณลักษณะอันพึงประสงคข์ องโรงเรยี นสจุ ริต  ความมีวนิ ยั  ความพอเพยี ง  มจี ิตสาธารณะ  ซ่อื สัตย์สุจรติ  ทักษะกระบวนการคดิ 8. ด้านเจตคต/ิ คุณลกั ษณะทพี่ งึ ประสงค์ (Attitude : A)  รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์  ซ่อื สัตย์สุจริต  มีวินัย  ใฝ่เรียนรู้  อยู่อย่างพอเพียง  ม่งุ มั่นในการทางาน  รักความเปน็ ไทย  มจี ติ สาธารณะ 9. ไตรสิกขา  ศีล  สมาธิ  ปัญญา 10. ทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C )  1. ทกั ษะการอา่ น (Reading)  2. ทกั ษะการเขยี น (Writing)  3. ทกั ษะการคิดคานวณ (Arithmetic)  4. ทกั ษะด้านการคดิ อย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving)  5. ทกั ษะด้านการสร้างสรรคแ์ ละนวัตกรรม (Creativity and innovation)  6. ทกั ษะดา้ นความรว่ มมือการทางานเปน็ ทมี และภาวะผนู้ า (Collaboration, teamwork and leadership)  7. ทกั ษะดา้ นความเข้าใจตา่ งวฒั นธรรมตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding)  8. ทกั ษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เทา่ ทันสือ่ (Communication information and media literacy)  9. ทักษะดา้ นคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (ComputingandICTLiteracy)  10. ทักษะอาชพี และทักษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change)  11. มคี ุณธรรม มีเมตตา กรุณา มีระเบียบวินัย (compassion) 11. การบูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง พอประมาณ ผเู้ รียนพอประมาณในการทากิจกรรมโดยใช้เวลาทางานเสรจ็ ตามทกี่ าหนด มีเหตุผล ผู้เรียนมีเหตผุ ลในการเรยี นรู้ อภปิ รายและสรปุ ผลจากการกจิ กรรม มีภมู ิค้มุ กนั ผ้เู รยี นสามารถเรยี นรู้ ทาความเข้าใจ กบั สง่ิ ท่ีเห็นคานงึ ถงึ ความเป็นไปไดข้ องการเรยี นรู้ ความรู้ ผูเ้ รียนมีความรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกับคุณค่าของการเป็นพลเมอื งดี คณุ ธรรม ผู้เรยี นมีความซอ่ื สัตย์สุจริตในการทากิจกรรม มคี วามอดทน เพยี รพยายามในการเรยี นรู้

12. วิธกี ารสอนแบบ Active Learning  แบบระดมสมอง (Brainstorming)  แบบเนน้ ปัญหา/โครงงาน/กรณีศึกษา (Problem/Project-based Learning/Case Study)  แบบแสดงบทบาทสมมุติ (Role Playing)  แบบแลกเปล่ยี นความคิด (Think – Pair – Share)  แบบสะทอ้ นความคิด (Student’s Reflection)  แบบต้ังคาถาม (Questioning-based Learning)  แบบใชเ้ กม (Games-based Learning)  อ่นื ๆ โปรดระบุ ....................................................................................................... 13. การใชส้ อื่  การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาด้วยเทคโนโลยกี ารศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV : Distance Learning Television)  การพัฒนาคุณภาพการศึกษาทางไกลผา่ นเทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT : Distance Learning Information Technology  อ่นื ๆ โปรดระบุ (Power poing) เร่ือง คณุ คา่ ของการเป็นพลเมอื งดี 14. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นท่ี 1 ขั้นนา 1. นักเรยี นนงั่ สมาธิกอ่ นเรยี นดว้ ยการการเปิดเพลง “ด่ังดอกไมบ้ าน” (สมาธิ) 2. นกั เรยี นดูคลปิ วดี ีโอ และฝกึ ปฏบิ ัติกิจกรรมนันทนาการ เพลงตบมอื ตบอก ตบไหล่ เพ่อื เปน็ การ เตรยี มความพรอ้ มกอ่ นเรียน (สมาธิ) ขนั้ ท่ี 2 ข้นั สอน 1. ครูให้นักเรียนแบง่ กลมุ่ (Collaboration, teamwork and leadership) แลว้ น่ังล้อมวงกนั สารวจการ ปฏบิ ตั ติ นตามคณุ ลกั ษณะของพลเมอื งดี แล้วบนั ทึกลงในแบบบันทึกที่ครูแจกให้และชว่ ยกนั ทางานกลุม่ อย่างเป็น ระเบยี บ ไม่เล่นหรือคยุ ในขณะทางานกลมุ่ รว่ มกัน (ศลี ) (compassion) โดยแต่ละกลมุ่ ต้องชว่ ยกันคดิ ไม่ลอก ความคดิ ของกลมุ่ อนื่ ๆ 2. นกั เรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ (Questioning-based Learning) - นักเรยี นเคยมคี วามภาคภมู ิใจในการทาความดีของตนเองในเรอ่ื งใดบา้ ง 3. สมาชกิ แต่ละคนผลดั กันเล่าคณุ ลกั ษณะการเปน็ พลเมืองดีของตนเองและสงิ่ ทีต่ ้องปรับปรุงให้เพอื่ นในกลมุ่ ฟงั 4. ตัวแทนกลมุ่ นาเสนอผลรวมของการเปน็ พลเมืองดีของสมาชิกในกลุ่มและสงิ่ ท่ตี อ้ งปรับปรงุ 5. ครูอธบิ ายเช่ือมโยงให้นกั เรยี นเขา้ ใจว่า พลเมืองดีจะต้องปฏิบตั ิตนตามสิทธิ เสรีภาพ และหนา้ ที่ตาม บทบญั ญัติของรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย

6. ครมู อบหมายใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มหาข้อมลู /ขา่ วบคุ คล หรอื กล่มุ บุคคลทีท่ ากิจกรรมหรือมีการกระทาที่ แสดงวา่ ปฏิบัตติ นตามสิทธเิ สรีภาพ และหน้าท่ขี องพลเมืองดี (หามาลว่ งหน้า) 7. สมาชิกแต่ละกลมุ่ นาข้อมูลท่ีรวบรวมมาไดใ้ นขั้นท่ี 1 มาวิเคราะห์และประเมินคุณค่า แล้วตอบคาถาม ตามท่ีกาหนดให้ในใบงาน เรอ่ื ง คุณค่าของการเป็นพลเมืองดี (ปัญญา) (Writing) ขั้นท่ี 3 ขนั้ สรปุ 1. ครูอธบิ ายสรุปความรู้เพ่มิ เตมิ ว่าแนวทางการรกั ษาส่งิ แวดล้อม โดยใชส้ ่อื จาก (Power point) เร่ือง คณุ ค่า ของการเปน็ พลเมืองดี 2. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอคณุ ค่าของกรเปน็ พลเมอื งดี ของกลุ่มตนเองหนา้ ชน้ั เรียน เพอ่ื แลกเปลยี่ นเรียนรู้กนั (Think – Pair – Share) อาจใชโ้ ปรแกรมนาเสนอในการนาเสนอเพอ่ื ใหเ้ ห็นข้อมูลได้ชัดเจน และน่าสนใจ 3 . นกั เรียนตอบคาถามกระตุ้นความคดิ (Questioning-based Learning) - ถ้าประชาชนทกุ คนปฏิบัติตนเป็นพลเมอื งดีตามสทิ ธิ เสรีภาพและหนา้ ทข่ี องตนเองตามที่ครู มอบหมายจะสง่ ผลดอี ย่างไร 15. ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ 1.ส่อื (Power point) เรอื่ ง คณุ ค่าของกรเป็นพลเมืองดี 2. คลปิ วีดิโอ เพลงตบมอื ตบอก ตบไหล่ 3. หนงั สอื เรยี น สังคมศกึ ษา ป.5 4. ใบงาน เร่อื ง คุณค่าของกรเป็นพลเมอื งดี แหล่งเรียนรู้ อนิ เตอร์เน็ต 16. การวัดและประเมินผล รายการวัด วิธวี ัด เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน ใบงาน เร่อื ง คุณคา่ ระดับคุณภาพ 2 ด้านความรู้ (K) : อธิบาย ตรวจใบงาน เรอ่ื ง การเป็นพลเมืองดี ผา่ นเกณฑ์ คณุ ลักษณะของพลเมอื งดีได้ คุณค่าของการเปน็ พลเมอื งดี ด้านทักษะกระบวนการ (P) : สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ปฏบิ ตั ติ นตามคณุ ลักษณะของ พลเมืองดีไดถ้ กู ตอ้ ง

รายการวัด วธิ ีวัด เครื่องมอื เกณฑ์การประเมิน แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ด้านคณุ ลักษณะ (A) : สังเกตพฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ภาคภมู ใิ จในการเปน็ พลเมืองดี ลงช่ือ .....................................................ครูผู้สอน (นางสาวธาดาทพิ ย์ รกั ทอง)



แผนการจัดการเรยี นรู้ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 2 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา รหัสวชิ า พ 12101 เวลา 5 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เร่อื ง การเจริญเติบโตและพฒั นาการของมนุษย์ เวลา 1 ชวั่ โมง แผนการเรียนรทู้ ่ี 6 เรือ่ ง ธรรมชาติของชีวิตมนษุ ย์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน พ 1.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องการเจริญเตบิ โตและพฒั นาการของมนุษย์ และความรนุ แรง ตัวชี้วัด พ 1.1 ป.2/1 อธบิ ายลกั ษณะและหนา้ ที่ของอวัยวะภายใน พ 1.1 ป.2/2 อธิบายวิธีดแู ลรกั ษาอวยั วะภายใน 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้/จดุ ประสงค์การเรยี นรหู้ ลกั สูตรตา้ นทจุ ริต 1. อธิบายธรรมชาตขิ องชวี ติ มนุษยท์ ส่ี ัมพนั ธก์ บั ธรรมชาติตามวัยอยา่ งถกู ตอ้ งได้ (K) 2. รว่ มปฏิบัตกิ ิจกรรมการเรียนรเู้ กยี่ วกบั ธรรมชาติตามวัยกบั ผู้อื่นดว้ ยความสนใจใฝร่ ู้ (A) 3. มีทกั ษะในการแสวงหาความรูใ้ นเรอ่ื งเกี่ยวกับธรรมชาตขิ องชวี ติ มนุษย์ (P) 4. ปฏิบัติตามกฎระเบยี บไมท่ ุจรติ ต่อการทากิจกรรมการเรยี นรู้ 3. สาระสาคญั ชีวติ มนุษย์ต้ังแต่เกิดมานน้ั สามารถแบง่ ได้ 5 ช่วงวยั ได้แก่ วยั ทารก วยั เด็ก วัยรุน่ วัยผ้ใู หญ่ และวยั ผูส้ ูงอายุ ซ่งึ ในแตล่ ะวัยจะมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่แตกตา่ งกันการศึกษา การศกึ ษาและทาความเข้าใจเก่ยี วกับ ช่วงวัยดังกลา่ วจะช่วยให้ เราสามารถดูแลสุขภาพในแตล่ ะช่วงวัยไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม 4. สาระการเรยี นรู้ อวัยวะภายใน – ธรรมชาติของชีวติ มนษุ ย์ 5. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551  ความสามารถในการสอ่ื สาร  ความสามารถในการคดิ  ความสามารถในการแก้ปญั หา  ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต  ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook