หนงั สือเรยี นรายวิชาเลอื กเสรี วิชาอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวัดอ่างทอง สานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ ห้ามจาหน่าย หนังสือเรียนเล่มนี้ จัดพิมพด์ ้วยเงนิ งบประมาณแผ่นดนิ เพอื่ การศกึ ษาตลอดชวี ิต สาหรับประชาชน ลขิ สิทธเ์ิ ป็นของสานักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษา ตามอธั ยาศัยจงั หวัดอ่างทอง เอกสารทางวิชาการลาดบั ที่ 13/2562
คำนำ ส ำ นั ก ง ำ น ส่ ง เ ส ริ ม ก ำ ร ศึ ก ษ ำ น อ ก ร ะ บ บ แ ล ะ ก ำ ร ศึ ก ษ ำ ต ำ ม อั ธ ย ำ ศั ย จั ง ห วั ด อ่ ำ ง ท อ ง ไดดำเนินกำรจัดทำหนังสือเรียน รำยวิชำเลือกเสรี วิชำอ่ำงทองเมืองน่ำอยู่ รหัสวิชำ สค33165 ระดับมัธยมศึกษำตอนปลำย ฉบับน้ีข้ึน เพ่ือสำหรับใช้ในกำรเรียนกำรสอนตำมหลักสูตรกำรศึกษำ นอกระบบระดับกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พุทธศักรำช 2551 ท่ีมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษำ สภำพบริบททั่วไป วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญำและปรำชญ์ชำวบ้ำน แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ รวมถึงกำรสืบสำน อนุรักษ์ ตระหนัก เห็นคุณค่ำ ควำมสำคัญ และภำคภูมิใจในกำรเป็นคนจังหวัด อำ่ งทอง ที่ได้อำศยั อยู่หรอื ประกอบอำชพี อยู่ในจังหวัดอ่ำงทอง ส ำ นั ก ง ำ น ส่ ง เ ส ริ ม ก ำ ร ศึ ก ษ ำ น อก ร ะบ บ แ ล ะก ำ ร ศึ ก ษ ำ ต ำ ม อั ธ ย ำ ศั ย จั ง ห วั ด อ่ ำ ง ท อ ง ขอขอบคุณหน่วยงำนท่ีเกี่ยวข้อง ปรำชญ์ชำวบ้ำน บุคลำกรในสังกัดสำนักงำนส่งเสริมกำรศึกษำ นอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศัยจังหวัดอ่ำงทอง และเว็บไซต์ต่ำง ๆ ที่ให้ข้อมูลสำหรับนำมำใช้ ในกำรจัดทำหนังสือเรยี นฉบับน้ี ตลอดจนคณะผูบ้ ริหำร คณะทำงำน ที่ร่วมกันค้นคว้ำ เรียบเรียง และ รวบรวมเนื้อหำสำระจำกแหล่งข้อมูลต่ำง ๆ เพื่อให้ไดหนังสือเรียนที่เป็นประโยชนตอผู้เรียน อย่ำงแท้จริง และหวังว่ำหนังสือเรียนฉบับนี้ จะเป็นประโยชน์ในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนต่อผู้เรียน และผู้ทส่ี นใจตอ่ ไป สำนักงำนสง่ เสรมิ กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศยั จังหวัดอ่ำงทอง พฤศจิกำยน 2562
สารบญั หน้า คานา คาแนะนาในการใชห้ นงั สือเรียน โครงสรา้ งรายวชิ า บทท่ี 1 บริบททั่วไปเก่ียวกบั จังหวดั อา่ งทอง 1 เรอ่ื งที่ 1 ประวัติศาสตร์จงั หวัดอ่างทอง 2 เรื่องที่ 2 ภมู ศิ าสตรจ์ งั หวดั อ่างทอง 8 เรอ่ื งท่ี 3 สญั ลกั ษณ์ประจาจังหวัด 11 เรอ่ื งท่ี 4 การเมืองการปกครอง 22 เรื่องที่ 5 บคุ คลสาคัญทางประวัติศาสตร์ 25 กิจกรรมท้ายบทที่ 1 32 บทที่ 2 วฒั นธรรม ประเพณขี องจังหวดั อ่างทอง 35 เรื่องที่ 1 ความหมายของวัฒนธรรมและประเพณี 36 เรอ่ื งท่ี 2 วฒั นธรรมของจังหวัดอ่างทอง 36 เรือ่ งที่ 3 ประเพณีของจงั หวดั อา่ งทอง 41 เรื่องที่ 4 คณุ คา่ และความสาคัญของวัฒนธรรม ประเพณขี องจังหวัดอ่างทอง 50 เรือ่ งที่ 5 การอนุรกั ษแ์ ละสบื สานวัฒนธรรม ประเพณขี องจงั หวัดอา่ งทอง 51 กิจกรรมท้ายบทที่ 2 53 บทท่ี 3 ภมู ิปัญญาและปราชญช์ าวบา้ นของจังหวดั อา่ งทอง 55 เรื่องที่ 1 ความหมายของภมู ิปัญญาและปราชญช์ าวบา้ น 56 เรอ่ื งที่ 2 ภมู ิปัญญาและปราชญช์ าวบา้ นของจงั หวดั อา่ งทอง 56 กจิ กรรมท้ายบทท่ี 3 73 บทท่ี 4 แหลง่ ท่องเทีย่ วจงั หวัดอา่ งทอง 74 เรือ่ งที่ 1 แหลง่ ท่องเที่ยวอาเภอเมืองอ่างทอง 75 เรอื่ งท่ี 2 แหลง่ ท่องเทย่ี วอาเภอไชโย 86 เรอ่ื งท่ี 3 แหลง่ ท่องเท่ียวอาเภอปา่ โมก 91 เรื่องที่ 4 แหล่งท่องเที่ยวอาเภอโพธิท์ อง 100 เรื่องท่ี 5 แหลง่ ท่องเท่ียวอาเภอแสวงหา 105 เรอ่ื งที่ 6 แหล่งท่องเท่ียวอาเภอวเิ ศษชัยชาญ 109 เรื่องท่ี 7 แหล่งท่องเทยี่ วอาเภอสามโก้ 117 กจิ กรรมท้ายบทที่ 4 121
สารบัญ (ต่อ) หน้า บทท่ี 5 วธิ ีการทางภมู ิศาสตร์และประวัตศิ าสตรใ์ นการศกึ ษาอา่ งทองเมืองน่าอยู่ 122 เรอ่ื งที่ 1 วิธีการทางภูมิศาสตร์ 123 เร่ืองท่ี 2 วิธกี ารทางประวตั ศิ าสตร์ 127 กจิ กรรมท้ายบทที่ 5 131 132 บทที่ 6 การสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยในจังหวดั อ่างทอง เร่อื งท่ี 1 คณุ คา่ และความสาคัญของการสบื สาน และอนุรักษว์ ฒั นธรรมไทย 133 ในจังหวัดอ่างทอง 138 เรอ่ื งท่ี 2 การทาส่อื ประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมไทยในจังหวดั อา่ งทอง 156 กจิ กรรมท้ายบทท่ี 6 บรรณานกุ รม คณะผ้จู ดั ทา
คำแนะนำในกำรใช้หนังสอื เรียน หนังสือเรียนรายวิชาเลือกเสรี วิชาอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย เป็นหนังสือเรียนที่จัดทาข้ึน สาหรับผู้เรียนที่เป็นนักศึกษาหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ การศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ในการศึกษาหนังสอื เรยี นรายวชิ าเลอื กเสรี วิชาอ่างทองเมอื งนา่ อยู่ ผ้เู รียนควรปฏิบัติ ดงั นี้ 1. ศึกษาโครงสร้างรายวิชาใหเขาใจในหัวขอ สาระสาคัญ ผลการเรียนรูท่ีคาดหวัง และขอบข่าย เนอ้ื หา 2. ศกึ ษารายละเอียดเนอ้ื หาของแตล่ ะบทอย่างละเอยี ด และปฏิบัตกิ จิ กรรมท้ายบทของแต่ละบท เพื่อเป็นการสรุปความรู้ ความเขา้ ใจของเนื้อหาในเรื่องนนั้ ๆ อกี ครัง้ 3. หนงั สอื เล่มนี้มี 6 บท ดงั นี้ บทท่ี 1 บรบิ ททัว่ ไปเกี่ยวกบั จงั หวัดอา่ งทอง บทที่ 2 วัฒนธรรม ประเพณีของจงั หวัดอา่ งทอง บทที่ 3 ภมู ิปญั ญาและปราชญ์ชาวบา้ นของจังหวัดอ่างทอง บทท่ี 4 แหล่งท่องเท่ยี วจงั หวัดอ่างทอง บทที่ 5 วิธกี ารทางภูมิศาสตร์และประวตั ศิ าสตร์ในการศกึ ษาอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ บทท่ี 6 การสืบสานและอนรุ ักษ์วฒั นธรรมไทยในจงั หวดั อ่างทอง
โครงสรา้ งหนังสอื เรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สาระสาคัญ จังหวัดอ่างทอง ตั้งอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มบริเวณภาคกลางของประเทศไทย ซึ่งมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง กบั ประวตั ศิ าสตร์มายาวนาน หนงั สือเรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายฉบับน้ี เป็นหนังสือเรียนท่ีมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียน ได้ศึกษาสภาพบริบท ทั่วไป วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาและปราชญ์ชาวบ้าน แหล่งท่องเท่ียวท่ีสาคัญ รวมถึงการสืบสาน อนุรักษ์ ตระหนกั เหน็ คุณค่า ความสาคัญ และภาคภูมิใจในการเป็นคนจังหวัดอ่างทอง ที่ได้อาศัยอยู่หรือ ประกอบอาชีพอยู่ในจังหวัดอา่ งทอง ผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวัง 1. รู้และเข้าใจบริบทเก่ียวกับจังหวัดอ่างทอง และตระหนักถึงความสาคัญของบริบทจังหวัด อา่ งทอง 2. บอกความหมาย วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมกับประเพณี เห็นคุณค่าและ ความสาคัญของวัฒนธรรม ประเพณี รวมถึงบอกแนวทางการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรม ประเพณี ของจงั หวดั อ่างทอง 3. มีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักถึงความสาคัญของภูมิปัญญาและปราชญ์ชาวบ้าน ของจังหวดั อ่างทอง 4. อธิบายแหล่งท่องเที่ยวที่สาคัญ และตระหนักถึงความสาคัญของแหล่งท่องเท่ียวในจังหวัด อา่ งทอง 5. มีความรู้ ความเข้าใจ วิธกี ารทางภูมิศาสตร์อ่างทองเมืองน่าอยู่ และอธิบายความหมายวิธีการ ทางประวตั ศิ าสตรอ์ ่างทองเมอื งน่าอยู่ 6. ตระหนักถึงคุณค่า ความสาคัญ วิธีการสืบสานวัฒนธรรมในจังหวัดอ่างทอง และสามารถทา สอื่ ประชาสัมพนั ธ์ ประเภทแผ่นพับ วดิ ีโอคลิปเพ่อื เผยแพร่วัฒนธรรมไทย ขอบข่ายเนอ้ื หา บทที่ 1 บรบิ ทท่ัวไปเกีย่ วกบั จังหวัดอ่างทอง บทที่ 2 วฒั นธรรม ประเพณีของจังหวดั อ่างทอง บทที่ 3 ภมู ิปญั ญาและปราชญ์ชาวบ้านของจงั หวดั อ่างทอง บทที่ 4 แหลง่ ทอ่ งเที่ยวจังหวัดอ่างทอง
บทที่ 5 วธิ กี ารทางภูมศิ าสตรแ์ ละประวัตศิ าสตรใ์ นการศึกษาอ่างทองเมืองน่าอยู่ บทที่ 6 การสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยในจงั หวดั อ่างทอง สอ่ื ประกอบการเรียนรู้ 1. ใบความรู้ 2. หนังสอื เรียน 3. คอมพิวเตอร์ อินเตอรเ์ นต็ 4. แหล่งเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ศึกษาเน้ือหาในบทเรียนทุกบท 2. ปฏิบัติกจิ กรรมท้ายบทตามท่ีกาหนด การวดั และประเมนิ ผล 1. ประเมนิ ด้วยวธิ ีการสังเกต ซกั ถาม ตอบคาถาม 2. ทากิจกรรมทา้ ยบท 3. ทดสอบกลางภาค และปลายภาค
หนังสอื เรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย บทที่ 1 บริบทท่ัวไปเกีย่ วกับจังหวัดอ่างทอง สาระสาคญั เนอ้ื หาสาระเกย่ี วกบั จังหวดั อ่างทอง ประวัติศาสตรจ์ งั หวดั อ่างทอง ภูมศิ าสตรจ์ ังหวัดอ่างทอง สัญลักษณ์ประจาจังหวดั การเมอื งการปกครอง และบคุ คลสาคัญทางประวตั ศิ าสตร์ ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั 1. รแู้ ละเขา้ ใจบริบทเก่ียวกบั จงั หวัดอ่างทอง 2. ตระหนกั ถึงความสาคัญของบรบิ ทจังหวดั อา่ งทอง ขอบข่ายเนอื้ หา เรื่องท่ี 1 ประวตั ศิ าสตร์จังหวดั อา่ งทอง เรือ่ งที่ 2 ภมู ศิ าสตรจ์ งั หวดั อา่ งทอง เรอ่ื งที่ 3 สัญลกั ษณป์ ระจาจังหวดั เรือ่ งท่ี 4 การเมอื งการปกครอง เรอ่ื งที่ 5 บุคคลสาคญั ทางประวัติศาสตร์ สื่อประกอบการเรียนรู้ 1. ใบงาน 2. ใบความรู้ 3. หนงั สอื เรยี น หน้า 1 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อ่างทอง
หนังสือเรยี นรายวิชาเลือกเสรี วิชาอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย บรบิ ททั่วไปเกยี่ วกับจังหวดั อา่ งทอง จังหวัดอ่างทอง ต้ังอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มภาคกลางของประเทศไทย เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้า ที่มีความสาคัญต่อเศรษฐกิจของชาติมาเป็นเวลาช้านาน ผลิตผลด้านการเกษตรโดยเฉพาะข้าว เป็นพืชเศรษฐกิจท่ีสามารถส่งไปขายยังต่างประเทศได้เป็นจานวนมาก ทารายได้เล้ียงประชากร และ ใช้ในการพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าตลอดมา แม่น้าเจ้าพระยาเป็นแม่น้าสายที่ให้ความอุดม สมบูรณไ์ หลผ่านพื้นท่รี าบลุม่ ภาคกลาง ซ่งึ เรมิ่ ต้นจากจงั หวัดนครสวรรค์ลงไปถึงจังหวัดสมุทรปราการ ประชาชนส่วนใหญ่ตามพื้นที่ราบลุ่มภาคกลางจึงประกอบอาชีพทานา อาจกล่าวได้ว่าภูมิประเทศ เป็นตัวกาหนดอาชีพ ประเพณีและวัฒนธรรมต่าง ๆ เป็นลักษณะเฉพาะท่ีเกี่ยวข้องกับการพัฒนา การทางประวตั ศิ าสตรข์ องเมืองอยา่ งสาคญั เรื่องที่ 1 ประวตั ิศาสตรจ์ งั หวัดอา่ งทอง ท่มี าของชื่อ เมอื งอ่างทอง ได้ช่อื นีม้ าจากไหน มีการสันนษิ ฐานเป็น 3 นยั นัยแรก เชื่อว่าคาว่า “อ่างทอง” น่าจะมาจากลักษณะทางกายภาพของพ้ืนที่นี้ คือ เป็นท่ี ราบลุ่มเป็นแอ่งคล้ายอ่าง ซ่ึงเต็มไปด้วยทุ่งนาที่ออกรวงเหลืองอร่ามเหมือนทอง จึงเป็นท่ีมาของชื่อ จังหวัดอ่างทอง และตราสัญลักษณ์ของจังหวัด เป็นรูปรวงข้าวสีทองอยู่ในอ่างน้า ซ่ึงมีความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ด้วยพชื พันธธ์ุ ญั ญาหารและเปน็ อขู่ า้ วอ่นู า้ นัยที่สอง เชื่อว่าอ่างทองน่าจะมาจากช่ือของหมู่บ้านเดิมท่ีเรียกว่า “บางคาทอง” ตามคา สันนิษฐานของพระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) สมุหเทศาภิบาล มณฑลอยุธยา เมื่อคร้ัง ท่ีกราบทูลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในคราวเสด็จประพาสลาแม่น้าน้อยและลาแม่น้า ใหญ่ในปี พ.ศ. 2459 ว่า ช่ือของเมืองอ่างทองก็จะมาจากชื่อ บางคาทอง ซ่ึงแต่งต้ังครั้งกรุงเก่า ว่าด้วยตามเสด็จพระราชดาเนินเมืองนครสวรรค์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจากกรุงเก่า “ลุถึงบางน้าชื่อคาทอง น้าป่วนเป็นฟอง คว่างคว้าง” และบางกระแสก็ว่า อาจเพ้ียนมาจากช่ือของ แม่น้าลาคลองในย่านนั้น ที่เคยมีช่ือว่า “ปากน้าประคาทอง” ซ่ึงเป็นทางแยกแม่น้าหลังศาลากลาง จังหวดั และสว่ นในเข้าไปเรยี กวา่ “แมน่ ้าสายทอง” ซงึ่ ปจั จบุ นั ต้ืนเขินใชไ้ มไ่ ด้แลว้ นัยท่ีสาม เช่ือว่าชื่ออ่างทองน่าจะมาจากช่ือ บ้านอ่างทอง ซ่ึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ทรงกล่าวไว้ในหนังสือชุมนุมพระนิพนธ์เร่ืองสร้างเมืองไว้ตอนหน่ึงว่า “เมืองอ่างทองดูเหมือนจะต้ังเมื่อคร้ังสมเด็จพระนเรศวร เดิมชื่อเมืองว่า วิเศษไชยชาญ ต้ังอยู่ ริมแม่น้าน้อย ท่ีลงมาจากนครสวรรค์ อยู่มาแม่น้าน้อยตื้นเขิน ฤดูแล้งใช้เรือไม่สะดวก ย้ายเมือง ออกมาต้ังรมิ แม่น้าพระยาท่บี ้านอ่างทองจงึ เปลยี่ นช่อื เปน็ เมืองอ่างทอง” ถึงแม้ว่าชือ่ ของจังหวัดอ่างทอง จะได้มาตามนัยใดก็ตาม ช่ืออ่างทองนี้เป็นช่ือที่เริ่มมาในสมัย กรงุ ธนบรุ ีหรอื สมยั รัตนโกสินทร์ตอนต้น คือ เม่ือประมาณ 200 ปีที่ผ่านมา ย้อนกลับไปในอดีต สมัย กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีน้ัน อ่างทองเป็นที่รู้จักในนามของเมืองวิเศษไชยชาญ ดังน้ันการศึกษา หนา้ 2 สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อา่ งทอง
หนงั สือเรยี นรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของเมืองอ่างทองนั้น หมายถึงการศึกษาความเป็นมาของดินแดน แถบนย้ี อ้ นกลับไปกว่า 1 พันปี เป็นสมัยที่ชื่อเสียงของเมืองอ่างทองยังไม่ปรากฏ แต่มีหลักฐานแน่ชัด ว่ามีดินแดนแถบนี้มานานแล้ว และอาจจะสรุปได้ว่าดินแดนน้ีมีลักษณะเด่นชัดอย่างน้อย 2 ประการ คือ ความอุดมสมบูรณ์ท่ีเหมาะแก่การทาเกษตรกรรม ทาให้มีมนุษย์ตั้งหลักฐานอยู่กันมานาน นับพนั ๆ ปี และเปน็ ดนิ แดนทม่ี คี วามสาคัญในแงก่ ารเปน็ ยทุ ธศาสตร์โดยเฉพาะอย่างย่ิงในสมัยกรุงศรี อยุธยา การกอ่ ตั้งเมอื ง จังหวดั อ่างทองในสมยั ทวารวดีไดม้ ีผู้คนเข้ามาต้ังถ่ินฐานเป็นเมืองแล้ว แต่เป็นเมืองไม่ใหญ่โต นัก หลักฐานที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบันก็คือ คูเมืองที่บ้านคูเมือง ตาบลห้วยไผ่ อาเภอแสวงหา ซึ่ง นายบาเซอลีเย นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส และเจ้าหน้าท่ีกรมศิลปากรได้สารวจพบ สันนิษฐานว่า เป็นเมืองโบราณสมัยทวาราวดี ปัจจุบันน้ีบ้านคูเมืองอยู่ห่างจากที่ว่าการอาเภอแสวงหา ไปทาง ทิศเหนือ 4 กิโลเมตร ในสมัยสุโขทัย ก็เข้าใจว่ามีผู้เข้ามาตั้งถ่ินฐานอยู่อาศัยเช่นกัน และดินแดน อ่างทองได้รับอิทธิพลจากสุโขทัยด้วย โดยการสังเกตจากลักษณะของพระพุทธรูปสาคัญในท้องถิ่น ท่ีอ่างทอง มีลักษณะเป็นแบบสุโขทัยหลายองค์ เช่น พระพุทธไสยาสน์วัดขุนอินทประมูล อาเภอ โพธท์ิ อง และพระพุทธไสยาสน์ วัดปา่ โมกวรวหิ าร อาเภอป่าโมก เป็นตน้ ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาระยะต้น ๆ สันนิษฐานว่าอ่างทองคงเป็นชานเมืองของกรุงศรี อยุธยา เพิ่งจะยกฐานะเป็นเมือง มีช่ือว่า “แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ” เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2127 โดยในพระราชพงศาวดารไดก้ ล่าวถึงชือ่ เมอื งวิเศษไชยชาญเป็นคร้ังแรกว่า สมเด็จพระนเรศวร เมื่อครั้งยังทรงเป็นมหาอุปราชและสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้เสด็จยกกองทัพไปรบกับพระยาพะสิม ที่เมืองสุพรรณบุรี พระองค์ได้เสด็จโดยทางเรือจากกรุงศรีอยุธยา ไปทาพิธีเหยียบชิงชัยภูมิตัดไม้ ข่มนาม ที่ตาบลลุมพลี พระองค์ได้เสด็จไปประทับที่แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ จึงสันนิษฐานว่าเมือง วิเศษไชยชาญได้ต้ังเมือง ในแผ่นดินพระมหาธรรมราชา ตัวเมืองวิเศษไชยชาญสมัยน้ันตั้งอยู่ทาง ลาแม่น้าน้อย ฝ่ังตะวันออก หมู่บ้านตรงนั้นปัจจุบันยังเรียกว่า “บ้านจวน” แสดงว่าเป็นท่ีตั้งจวน เจ้าเมืองเดิม ต่อมาสภาพพ้ืนท่ีและกระแสน้าในแควน้าน้อยเปล่ียนแปลงไป การคมนาคมไปมา ระหวา่ งแม่นา้ นอ้ ยกับแมน่ ้าใหญ่ (คือแมน่ า้ เจ้าพระยา) เดนิ ทางตดิ ต่อไม่สะดวก จึงย้ายท่ีต้ังเมืองไปอยู่ ท่ีตาบลบ้านแห ตรงวัดไชยสงคราม (วัดกระเจา) ฝ่ังขวาหรือฝั่งตะวันตกของแม่น้าเจ้าพระยา พร้อม กับขนานนามให้เป็นสิริมงคลแก่เมืองใหม่ว่า “เมืองอ่างทอง” ส่วนเมืองวิเศษไชยชาญยังคงเป็นเมือง อยู่ตลอดมาจนถึงปี พ.ศ. 2439 จึงลดลงเป็นอาเภอ เรียกว่า อาเภอไผ่จาศีล ภายหลังจึงเปล่ียนชื่อ เป็นอาเภอวิเศษชยั ชาญ จนถึงปัจจุบนั กาลล่วงมาถึงปี พ.ศ. 2356 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้โปรดเกล้าฯ ให้ พระยาภธู ร สมุหนายก ไปเป็นแม่กองทาการเปิดทานบกน้ั น้าทหี่ นา้ เมอื งอ่างทอง เพ่ือให้น้าไหลไปทาง คลองบางแก้วแตไ่ มส่ าเร็จ จึงย้ายเมอื งอา่ งทองไปต้ังที่ปากคลองบางแก้ว ตาบลบางแก้ว ท้องท่ีอาเภอ เมืองอา่ งทองฝงั่ ซ้ายของแมน่ ้าเจา้ พระยา จนถึงปจั จุบนั น้ี หนา้ 3 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนังสอื เรียนรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย สมยั กรุงศรอี ยุธยา เมืองอ่างทองมีท้องท่ีต่อเนื่องกับกรุงศรีอยุธยา เสมือนเป็นเมืองที่ต้ังอยู่ชานเมืองหลวง จึงมี ประวตั ิศาสตรเ์ กี่ยวเนือ่ งกันหลายตอน เฉพาะที่สาคัญ ๆ มดี ังน้ี ราวปี พ.ศ. 2122 ญาณพิเชียร มาซ่อมสุมคนในตาบลยี่ล้น ขุนศรีมงคลแขวง ส่งข่าวกบฏ นั้น มาถวายสมเด็จพระมหาธรรมราชาโปรดให้พระยาจักรียกกาลังไปปราบปราม ตั้งทัพในตาบล มหาดไทย ญาณพิเชียรและพรรคพวกก็เข้าสู้รบกับพระยาจักรี เจ้าพระยาจักรีเสียชีวิตในการสู้รบ พวกชาวบ้านก็เข้าเป็นพวกญาณพิเชียร ญาณพิเชียรต้องการยึดเมืองลพบุรี ก็ยกกาลังไปปล้นเมือง ลพบุรี จึงเกิดการรบกับพระยาสีหราชเดโช ญาณพิเชียรถูกยิงตาย พรรคพวกกบฏก็หนีกระจัด กระจายไป กบฏญาณพิเชียรนับว่าเป็นเหตุการณ์สาคัญมากเหตุการณ์หนึ่ง ที่ชาวบ้านยี่ล้น และชาวบา้ นมหาดไทย แขวงเมืองวเิ ศษไชยชาญเขา้ ไปเกย่ี วข้องดว้ ย ปี พ.ศ. 2128 พระเจ้าเชียงใหม่ยกกองทัพมาตั้งที่บ้านสระเกษ ท้องท่ีตาบลไชยภูมิ อาเภอ ไชโย สมเด็จพระนเรศวรกับพระเอกาทศรถยกกองทัพไปถึงตาบลป่าโมก ก็พบทหารพม่าซ่ึงลงมา เที่ยวรังแกราษฎรทางเมืองวิเศษไชยชาญ จึงได้เข้าโจมตีทหารพม่าล่าถอยไป พระเจ้าเชียงใหม่จึงได้ จัดกองทัพยกลงมา สมเด็จพระนเรศวรจึงดารัสส่ังให้พระราชมนูคุมกองทัพขึ้นตระเวนดูก่อน กองทัพ ระราชมนไู ปปะทะกับกองทัพพม่าท่ีบ้านบางแก้ว สมเด็จพระนเรศวรเสด็จขึ้นไปถึงบ้านแห จึงมีดารัส ให้ข้าหลวงข้ึนไปสั่งพระราชมนูให้ทาเป็นถอยทัพกลับมา แล้วพระองค์ก็โอบล้อมรุกไล่ตีทัพพม่า แตกทั้งทัพหน้าและทัพหลวง จนถึงท่ีตั้งทัพพระเจ้าเชียงใหม่ท่ีบ้านสระเกษ กองทัพของพระเจ้า เชยี งใหมจ่ ึงแตกพ่ายกลบั ไป ปี พ.ศ. 2130 พระเจ้ากรุงหงสาวดียกทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยา ทหารไทยได้เอาปืนลงเรือ สาเภาข้ึนไประดมยิงค่ายหลวงพระเจ้าหงสาวดี จนพระเจ้าหงสาวดีทนไม่ไหวต้องถอยทัพหลวง กลับขึ้นไปตั้งท่ีป่าโมก สมเด็จพระนเรศวรเสด็จโดยขบวนทัพเรือตามตีกองทัพหลวงของพระเจ้า หงสาวดไี ปจนถึงปา่ โมก จนพม่าแตกพ่ายถอยทพั กลับไป ปี พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรกับพระเอกาทศรถยกทัพจากรุงศรีอยุธยาไปต้ังที่ทุ่ง ป่าโมก แล้วยกทัพหลวงไปเมืองสุพรรณบุรีทางบ้านสามโก้ และทรงกระทายุทธหัตถีกับพระมหา อุปราชาท่ีตาบลตระพังตรุ หนองสาหร่าย อาเภอดอนเจดีย์ เมืองสุพรรณบุรี จนมีชัยชนะยุทธหัตถี ในคร้ังนัน้ ปี พ.ศ. 2147 สมเดจ็ พระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถยกกองทัพไปตีกรุงอังวะ เสด็จ เข้าพักพลที่ตาบลป่าโมก แล้วเสด็จไปทางชลมารค ขึ้นเหยียบชัยภูมิตาบลเอกราช อาเภอป่าโมก ตัดไม้ข่มนามตามพระราชพิธีของพราหมณ์แล้วยกทัพไป แต่สวรรคตเสียท่ีเมืองหางหรือเมือง ห้างหลวง สมเด็จพระเอกาทศรถนาพระบรมศพกลับกรุงพร้อมด้วยพระเกียรติ และในสมัยแผ่นดิน สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) พระองค์ได้ปลอมพระองค์เป็นสามัญชนไปในงานฉลอง พระอาราม ได้ทรงชกมวยได้ชัยชนะถึง 2 ครั้ง สถานท่ีเสด็จไปก็คือ บ้านพระจันตชนบท แขวงเมือง วิเศษไชยชาญ เช่ือกันว่างานฉลองวัดท่ีเสด็จไปน้ัน อาจเป็นวัดโพธิ์ถนนหรือวัดถนน ซ่ึงเป็นวัดร้าง อยู่ในตาบลตลาดกรวด (อาเภอเมืองอ่างทอง) น่ันเอง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าดินแดน หนา้ 4 สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอ่างทอง
หนังสอื เรียนรายวชิ าเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ของอ่างทองยังคงความสาคัญต่อเมืองหลวง คือ กรุงศรีอยุธยา เม่ือมีงานนักขัตฤกษ์ของสามัญชน ทเ่ี ลือ่ งลอื เขา้ ไปถงึ พระราชวังในเมอื งหลวง แมแ้ ต่พระมหากษัตริย์ก็ทรงสนพระทัยท่ีจะทอดพระเนตร และทรงเข้ารว่ มงานอยา่ งสามญั ชนทวั่ ไป ปี พ.ศ. 2269 ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ พระองค์ได้เสด็จไปควบคุม การชะลอพระพุทธไสยาสนว์ ัดปา่ โมก เพราะปรากฏว่าแม่น้าเจ้าพระยาตรงหน้าวัดป่าโมก น้าเซาะกัด ตล่ิงจนทาให้พระวิหารพระพุทธไสยาสน์อาจพังลงได้ จึงมีรับส่ังให้ทาการชะลอพระพุทธไสยาสน์ เข้าไปประดิษฐานห่างฝั่งออกไป 150 เมตร กินเวลาทั้งหมดกว่า 5 เดือน เน่ืองจากเมืองอ่างทอง เคยเป็นยุทธภูมิระหว่างทหารไทยกับทหารพม่าหลายครั้ง จึงมีบรรพบุรุษของเมืองอ่างทองได้สร้าง วีรกรรมอันกล้าหาญในการรบกับพม่าหลายท่าน เช่น นายแท่น นายโชติ นายอิน และนายเมือง ท้ังส่ีท่านเป็นชาวบ้านสีบัวทอง (ตาบลสีบัวทอง อาเภอแสวงหาในปัจจุบัน) และมีนายดอก ชาวบ้าน กรับ และนายทองแก้ว ชาวบา้ นโพธิ์ทะเล ทั้งสองท่านเป็นชาวเมืองวิเศษไชยชาญ ได้ร่วมกับชาวบ้าน ของเมืองวิเศษไชยชาญสู้รบกบั พม่าอยทู่ ค่ี ่ายบางระจัน ซ่ึงสมัยน้ันอยู่ในแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ และ สนามรบส่วนใหญ่อยู่ในท้องท่ีอาเภอแสวงหา วีรกรรมอันกล้าหาญชาญชัยของนักรบไทย ค่ายบางระจันสมัยน้ัน เป็นท่ีภาคภูมิใจและประทับอยู่ในความทรงจาของคนไทยทุกคนตลอดมา ประชาชนชาวเมืองอ่างทองจึงพร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่นายดอก และนาย ทองแก้วไว้ท่ีบริเวณวัดวิเศษไชยชาญ อาเภอวิเศษชัยชาญ โดยท่ีพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทรา ธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดาเนินมาทรงกระทาพิธีเปิด อนุสาวรีย์ เม่ือวันท่ี 25 มีนาคม พ.ศ. 2520 ดังนั้นในวันท่ี 25 มีนาคมของทุกปี ชาวเมืองอ่างทอง จึงได้กระทาพิธีวางพวงมาลาสักการะอนุสาวรีย์นายดอก นายทองแก้ว เพ่ือเป็นการระลึกถึงคุณ ความดีในวีรกรรมความกล้าหาญของท่านเป็นประจาทุกปีอีกครั้ง ของวีรกรรมของนักรบแขวงเมือง วิเศษไชยชาญ คือ ขุนรองปลัดชูกับกองอาทมาต คือ เมื่อปี พ.ศ.2302 ตรงกับรัชกาลของสมเด็จ พระที่น่ังสุริยาศน์อัมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศ) ขึ้นครองราชย์สมบัติกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา ในคร้ัง น้ัน พระเจ้าอลองพญาครองราชสมบัติกรุงอังวะรัตนสิงห์ ปกครองพม่ารามัญทั้งปวง พระองค์ ให้เกณฑ์ไพร่พล 8,000 คน ให้มังฆ้องนรธา เป็นนายทัพยกมาตีเมืองทวาย มะริด และตะนาวศรี พระเจ้าเอกทัศทรงเกณฑ์พล 5,000 คน แบ่งเป็นสองทัพ โดยให้พระราชรองเมืองว่า ท่ีออกญา ยมราชคุมทัพใหญ่พล 3,000 คน และให้ออกญารัตนาธิเบศร์คุมทัพหนุนพล 2,000 คน ในคร้ังน้ัน มีครูฝึกเพลงอาวุธอยู่ในเมืองวิเศษไชยชาญอยู่ผู้หน่ึง ช่ือ ครูดาบชู ซ่ึงได้รับแต่งตั้งจาก สมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศให้เป็นปลัดเมือง กรมการเมืองวิเศษไชยชาญ ชาวบ้านจึงเรียกว่าขุนรองปลัดชู นากองอาทมาต 400 คน มาอาสาศึก และได้ติดตามไปกับกองทัพออกญารัตนาธิเบศร์ เมื่อเดินทาง ข้ามพ้นเขาบรรทัดก็ได้ทราบว่า เมืองมะริดและตะนาวศรีเสียแก่ข้าศึกแล้ว จึงตั้งทัพรออยู่เฉย ๆ โดย ทัพพระราชรองเมืองตั้งอยู่ท่ีแก่งตุ่มตอนปลายแม่น้าตะนาวศรี ส่วนออกญารัตนาธิเบศร์ตั้งทัพอยู่ ท่ีเมืองกุยบุรี แต่ให้กองอาทมาต มาขัดตาทัพรอท่ีอ่าวหว้าขาว จากนั้นสามวัน ทัพพม่าเข้าตีทัพไทย ที่แก่งตุ่มแตกพ่าย และยกมาเพื่อเข้าตีทัพหนุน กองอาทมาตของขุนรองปลัดชู ได้รับคาส่ังให้ต้ังรับ หนา้ 5 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อ่างทอง
หนังสือเรียนรายวชิ าเลือกเสรี วิชาอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย พม่าที่ตาบลหว้าขาว ริมทะเล คร้ันพอเพลาเช้า ทัพพม่า 8,000 คน ก็ปะทะกับกองอาทมาต 400 คน นายทัพทั้งสองปะทะกันดุเดือดจนถึงเที่ยง มิแพ้ชนะ แต่ทัพไทยพลน้อยกว่าก็เริ่มอ่อนแรง ขุนรอง ปลัดชูรบจนสิ้นกาลังถูกทหารพม่ารุมจับตัวไป จากน้ันพม่าให้ช้างศึกเข้าเหยียบย่าทัพไทยล้มตาย เป็นอันมาก กองอาทมาต 400 คน ตายแทบจะส้ินทั้งทัพ เพ่ือระลึกถึงวีรกรรมของกองอาสาวิเศษ ไชยชาญในคร้ังนั้น จึงได้มีการสร้างวัดขึ้น เพ่ือเป็นที่ระลึกแก่นักรบกล้าทั้ง 400 คน โดยเรียกกันว่า \"วัดสร่ี อ้ ย\" อ่างทองในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อา่ งทองร่มเย็นดว้ ยพระบารมี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ของ ปวงชนชาวไทย เสด็จขน้ึ ครองราชสมบัติเมอ่ื วนั ที่ ๙ มิถุนายน ๒๔๘๙ แต่ทรงอยู่ในระหว่างการศึกษา ในต่างประเทศ จึงต้องเสด็จกลับไปศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยทรงเลือกเรียนวิชา กฎหมายและวิชารัฐศาสตร์ ต่อมาเสด็จนิวัติประเทศไทยเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓ และได้มีการพระราชพิธี บรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษตั ริย์ รชั กาลท่ี 9 แหง่ พระบรมราชจกั รวี งศโ์ ดยสมบูรณ์ ทม่ี า : www.angthong.go.th/history-atg.pdf หนา้ 6 สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ในเดือนกันยายน ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ทรงมีพระราชกรณียกิจดังที่ทรงตั้งปณิธานไว้ว่า จะเสด็จ เย่ียมราษฎรในต่างจังหวัดให้ท่ัวประเทศ โดยเริ่มที่ภาคกลางก่อน เพ่ือทรงศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ การทามาหาเลย้ี งชีพของราษฎร ตลอดจนโบราณสถานและศิลปวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น ในวันท่ี ๒๗ กันยายน พ.ศ.๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงเสด็จฯ โดยเครื่องบินพระที่นั่งไปยังนครสวรรค์เป็นจังหวัดแรก เครื่องบินพระที่น่ังไปถึงสนามบิน ตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร และสมเดจ็ พระนางเจ้าสิริกติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรบริเวณตน้ แม่น้าเจ้าพระยา และบึงบอระเพ็ด จากน้ันได้ทอดพระเนตรกิจการกองบิน นอ้ ยที่ ๔ ตาบลตาคลี แล้วจึงเสดจ็ พระราชดาเนนิ โดยรถยนต์พระท่ีน่ังมายังศาลากลางจังหวัดชัยนาท ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน มาเฝ้ารับเสด็จกันเนืองแน่น นายสมบัติ สมบัติทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลแสดงความระลึก ในพระมหากรุณาธคิ ณุ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพิตร มีกระแสพระราชดารัสตอบ แล้วทรงมีพระราชปฏิสันถารกับบรรดาราษฎร ที่มา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จากน้ันเสด็จฯ ไปวัดธรรมามูล วัดพระบรมธาตุ เสด็จฯ ไปทอดพระเนตร การชลประทาน และเขอื่ นเจ้าพระยา ประทับแรมอยู่ ณ เขื่อนเจา้ พระยา วันที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ.๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง เสด็จพระราชดาเนินโดยเรือยนต์พระที่นั่งจากเข่ือนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ล่องตาม ลาน้าเจ้าพระยาถึงจงั หวัดสงิ ห์บุรี ขุนบริรักษบ์ ทวลญั ช์ ผู้ว่าราชการจงั หวดั สิงห์บุรีเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลขอพระกรุณาแสดงความปล้ืมปีติในพระมหากรุณาธิคุณ ท่ีได้เสด็จมาเยือนราษฎร จังหวัดสิงห์บุรี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไดม้ ีกระแสพระราชดารัสกับบรรดาราษฎร พระราชทานพรใหท้ ุกคนมคี วามสขุ ความเจรญิ เวลา ๑๒.๐๐ น. เสด็จฯ โดยเรือยนต์พระที่น่ังถึงวัดไชโยวรวิหาร อาเภอไชโย จังหวัด อ่างทอง เสด็จฯ ข้ึนนมัสการพระพุทธปฏิมากรแล้วทรงปฏิสันถารกับบรรดาราษฎรที่มาเฝ้ารับเสด็จ อย่างเนืองแน่น โปรดเกล้าฯ พระราชทานพรและเงินก้นถงุ เวลา ๑๓.๑๕ น. พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จ พระราชดาเนินถึงจังหวัดอ่างทอง ผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ พ่อค้า กานัน ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียน ลูกเสือ และราษฎร รอเฝ้ารับเสด็จฯ อยู่เนืองแน่น ปลัดกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลเชิญ เสดจ็ ฯ ประทับยังจวนผ้วู า่ ราชการจงั หวัดอ่างทองเพ่ือเสวยพระกระยาหารกลางวัน แล้วเสด็จพระราช ดาเนนิ จากจวนผู้วา่ ราชการจังหวัดไปประทับที่มุขศาลากลาง เพื่อราษฎรได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท นายพรหม สูตรสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง กราบบังคมทูลพระกรุณาแสดงความซาบซึ้ง หน้า 7 สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนังสอื เรียนรายวิชาเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ในพระมหากรณุ าธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพติ ร มกี ระแสพระราชดารสั ตอบ จากน้ันทรงมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎร และพระราชทานเงินก้นถุง จนถึงเวลาประมาณ ๑๖.๑๕ น. จึงได้เสด็จพระราชดาเนินจากจังหวัดอ่างทอง สู่อาเภอป่าโมก เวลา ๑๖.๔๕ น. เสด็จ พระราชดาเนินถึงวดั ป่าโมก เสดจ็ ข้ึนทรงนมสั การพระพทุ ธไสยาสน์ทรงมีพระปฏิสันถารกับเจ้าอาวาส ทรงเย่ียมราษฎรท่ีเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่หน้าวัดอย่างเนืองแน่น กับพระราชทานเงินก้นถุง จนเวลาประมาณ ๑๗.๔๕ น. จึงเสด็จพระราชดาเนินออกจากวัดป่าโมก เพ่ือเสด็จฯ ต่อไปยัง พระนครศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประทับ ยืนบนเรือพระท่ีนั่ง โบกพระหัตถ์ให้แก่ราษฎร ในท่ามกลางการเปล่งเสียงโห่ร้องถวายพระพร ดว้ ยความจงรกั ภกั ดขี องราษฎรท้งั หลาย ที่มา : วิทยุสารประจาวัน กรมประชาสัมพันธ์ ศุกร์ ๓๐ กันยายน ๒๔๙๘ หอจดหมายเหตุ แห่งชาติ เรอ่ื งท่ี 2 ภมู ศิ าสตรจ์ งั หวดั อ่างทอง ทต่ี ัง้ อาณาเขต จังหวัดอ่างทอง เป็นพ้ืนที่ราบลุ่มภาคกลาง พิกัดภูมิศาสตร์เส้นรุ้งท่ี 14 องศา 35 ลิปดา 12 พิลิปดาเหนือ เส้นแวงท่ี 100 องศา 27 ลิปดา ห่างจากกรุงเทพมหานครมาตามทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 32 (บางปะอิน-พยุหะคีรี) ระยะทางประมาณ 108 กิโลเมตร และเส้นทางเรือ ตามแม่น้าเจ้าพระยาถึงตลาดท่าเตียน ระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร พื้นท่ีต้ังมีรูปร่างลักษณะ คล้ายรูปส่ีเหลี่ยมจัตุรัส มีส่วนกว้างตามแนวทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตก และส่วนยาวตามแนว ทศิ เหนือถึงทิศใตใ้ กล้เคยี งกัน คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร มีพื้นท่ีท้ังหมด 968.372 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 605,232.5 ไร่ และมีอาณาเขตดงั น้ี ทศิ เหนือ ติดต่อกับ อาเภอค่ายบางระจัน อาเภอพรหมบุรี อาเภอท่าชา้ ง จังหวัดสิงห์บรุ ี และอาเภอท่าวุ้งจังหวดั ลพบรุ ี ทศิ ใต้ ติดต่อกับ อาเภอผกั ไห่ และอาเภอบางบาล จงั หวัดพระนครศรอี ยุธยา ทศิ ตะวันออก ตดิ ต่อกับ อาเภอบางปะหนั อาเภอมหาราช และอาเภอบ้านแพรก จังหวดั พระนครศรอี ยธุ ยา ทศิ ตะวนั ตก ติดต่อกับ อาเภอเมืองสุพรรณบรุ ี อาเภอศรีประจนั ต์ อาเภอสามชกุ และอาเภอเดิมบางนางบวช จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี หนา้ 8 สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อ่างทอง
หนังสอื เรียนรายวชิ าเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย พืน้ ที่ทงั้ หมดประมาณ 968,372 ตารางกิโลเมตร หรือ 605,232.5 ไร่ ทีต่ งั้ อาณาเขตของจังหวดั อา่ งทอง ทม่ี า : http://www.angthong.go.th/pdf/feb59.pdf ภมู ิประเทศและภมู ิอากาศ จังหวัดอ่างทอง มีลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบลุ่ม ลักษณะคล้ายอ่าง ไม่มีภูเขา ดินเปน็ ดินเหนียวปนทราย พื้นท่ีสว่ นใหญ่เหมาะแกก่ ารปลูกข้าว ทาไร่ ทานา และทาสวน และมีแม่น้า สายสาคัญไหลผ่าน 2 สาย คือ แม่นา้ เจ้าพระยา และแม่น้าน้อย โดยแม่น้าเจ้าพระยาเป็นแม่น้าที่ไหล ผ่านจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดชัยนาท จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดอ่างทอง ซึ่งไหลผ่านอาเภอ ไชโย อาเภอเมืองอ่างทอง อาเภอป่าโมก รวมระยะทางท่ีไหลผ่านจังหวัดอ่างทองประมาณ 40 กิโลเมตร จังหวัดอ่างทอง มีลักษณะภูมิอากาศจัดอยู่ในโซนร้อนและชุ่มชื้น เป็นแบบฝนเมืองร้อน เฉพาะฤดู โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือน กุมภาพันธ์ ทาให้อากาศหนาวเย็นและแห้งแล้งในช่วงน้ี และได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตก เฉียงใต้ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน ทาใหม้ เี มฆมากและฝนตกชกุ ในช่วงน้ี สภาพเศรษฐกิจ จังหวัดอ่างทอง เป็น “อู่ข้าว–อู่น้า” ที่สาคัญแห่งหน่ึงของประเทศ สภาพเศรษฐกิจของ จังหวัดอ่างทอง อยู่ในฐานะท่ีสามารถเลี้ยงตนเองได้เป็นอย่างดีในแง่ของอาหารและแรงงาน โดยมี “ข้าว” เป็นผลผลิตท่ีสาคัญที่ส่งออกของจังหวัด โครงสร้างด้านเศรษฐกิจของจังหวัดอ่างทองที่สาคัญ ข้ึนอยู่กับสาขาเกษตรกรรม มีสัดส่วนร้อยละ 20.06 สาขาอุตสาหกรรม มีสัดส่วนร้อยละ 19.52 หนา้ 9 สานักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนังสอื เรียนรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย และสาขาการขายสง่ การขายปลีกฯ มสี ดั สว่ นร้อยละ 15.87 และสาขาอนื่ ๆ มสี ดั ส่วนร้อยละ 44.55 อยา่ งไรกต็ าม การท่โี ครงสรา้ งดา้ นเศรษฐกจิ ของจังหวัดผูกพันอยู่กับการเกษตรเป็นหลัก ทาให้จังหวัด อา่ งทองมีอตั ราการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจตา่ 1) ด้านการเกษตรกรรม การใช้พื้นท่ีและการถือครองท่ีดินทางการเกษตร จังหวัดอ่างทอง มีพื้นท่ีท้ังหมด 604,451 ไร่ เป็นแหล่งเพาะปลูกพืชที่สาคัญของประเทศ โดยจังหวัดอ่างทอง เป็น 1 ใน 7 จังหวัด ที่ไมม่ พี ้นื ทปี่ า่ ไมห้ รือป่าสงวนแห่งชาติ ในปีพ.ศ. 2562 จังหวัดอ่างทอง มีพื้นที่ การเกษตร 427,427 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 70.71 ของพ้ืนที่ท้ังหมด (ข้อมูล ณ วันท่ี 15 ธันวาคม 2561) 2) ด้านการปศุสัตว์ การเลี้ยงสัตว์นับเป็นสาขาภาคเกษตรที่สาคัญรองจากการปลูกพืช มกี ารเล้ียงเพ่ือการบริโภค เพ่ือการใชง้ านเชิงพาณิชยส์ ตั ว์เศรษฐกิจท่ีสาคัญ ได้แก่ ไก่เนื้อ ไก่ไข่ เป็ดไข่ นกกระทา สุกร และโคเน้ือ และจากข้อมูลด้านปศุสัตว์ย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2556 - 2558) การผลิต ด้านปศสุ ัตวม์ ีแนวโน้มลดลง แต่ราคาผลผลิตมีแนวโน้มปรับราคาสูงข้ึนเล็กน้อย เช่น โคเน้ือ และสุกร ยกเว้นไก่ไข่ การบริโภคคงท่ี สาหรับผลผลิตปศุสัตว์ด้านอื่น ๆ เปล่ียนแปลงเล็กน้อย ตามภาวะราคา สินค้า 3) ดา้ นการประมง จังหวดั อ่างทอง มสี ภาพเป็นที่ราบลุ่มเหมาะสาหรบั การเพาะเลี้ยงสัตว์น้า ซ่ึงการเพาะเลี้ยงสัตว์น้าของเกษตรกร เป็นการเล้ียงเพ่ือเป็นอาชีพเสริม และเลี้ยงเพื่อการพาณิชย์ โดยมีรูปแบบการเล้ียง ได้แก่ เล้ียงในบ่อ เล้ียงในร่องสวน เล้ียงในนาข้าว เล้ียงในกระชัง และเล้ียง ในบ่อซเี มนต์ เป็นต้น 4) สถาบันและองค์กรเกษตรกรสหกรณ์ ในจังหวัดอ่างทอง รวมทั้งส้ิน 32 แห่ง ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร จานวน 17 แห่ง สหกรณ์ บริการ จานวน 7 แห่ง สหกรณ์ออม ทรพั ย์ จานวน 6 แห่ง สหกรณป์ ระมง จานวน 1 แหง่ และสหกรณ์เครดติ ยเู นีย่ น จานวน 1 แห่ง 5) ด้านอุตสาหกรรม ประเภทโรงงานอุตสาหกรรมท่ีมีการขออนุญาตสูงสุด คือ อตุ สาหกรรม เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง เช่น ประเภทดูดทรายในที่ดินกรรมสิทธ์ิและผลิตภัณฑ์จากไม้ ทาวงกบประตูหนา้ ต่าง ประเภทโรงงานท่มี ีจานวนมากในจังหวดั อา่ งทอง 5 อนั ดับแรก 1) ดูดทราย และขุดตกั ดิน จานวน 90 โรงงาน 2) โรงสีขา้ ว จานวน 35 โรงงาน 3) ทาอิฐ จานวน 33 โรงงาน 4) ทาวงกบ-ประตูหนา้ ต่าง จานวน 26 โรงงาน 5) ผลิตภัณฑพ์ ลาสติก จานวน 18 โรงงาน นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรม หัตถกรรมท้องถ่ิน ซ่ึงเกษตรกรจะใช้เวลาว่างจากการทานาข้าว มาประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์จักสาน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จักสานเครื่องหวายและไม้ไผ่ ที่มีฝีมือประณีต หน้า 10 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนังสือเรยี นรายวิชาเลือกเสรี วิชาอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ปัจจุบันสินค้าอุตสาหกรรมในครัวเรือน หัตถกรรมพื้นบ้าน สามารถผลิตจาหน่ายได้ทั้งในและ ต่างประเทศ เชน่ การทากลอง ทีต่ าบลเอกราช อาเภอป่าโมก การทาดอกไม้ประดษิ ฐ์ ที่ตาบลมหาดไทย อาเภอเมอื งอา่ งทอง การจกั สานหวายและไม้ไผ่ ที่ตาบลบางเจ้าฉา่ อาเภอโพธิท์ อง และทีต่ าบลตลาดใหม่ อาเภอ วิเศษชัยชาญ การจักสานผกั ตบชวา ท่ตี าบลคลองวัว อาเภอเมืองอ่างทอง และท่ตี าบลไชยภมู ิ อาเภอไชโย การทาต๊กุ ตาชาววัง ท่ีตาบลบางเสดจ็ อาเภอปา่ โมก เรอื่ งที่ 3 สัญลกั ษณ์ประจาจงั หวดั ตราประจาจังหวัด เป็นรูปอ่างสีน้าตาล ในอ่างมีใบข้าวสีเขียวสลับไขว้ไปมา มีรวงข้าวสุกสีเหลือง 4 รวง อยู่ ภายในวงกลมพ้นื สีเขียวอ่อน ขอบนอกวงกลมสีน้าตาล ขอบในสีขาว ด้านล่างของอ่าง ภายในวงกลม มลี ายไทย สเี หลืองประกอบ และมตี ัวหนังสอื คาวา่ จงั หวดั อ่างทองอยู่ภายใน ตราประจาจงั หวดั อ่างทอง ท่ีมา : www.angthong.go.th ความหมาย จังหวัดอ่างทองเป็นจังหวัดท่ีราบลุ่ม มีลักษณะเป็นแอ่งรับน้าภูมิประเทศ เหมาะแก่การเพาะปลูก ดวงตราของจังหวัดจึงเป็นรูปอ่างสีทอง ซ่ึงหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ของจังหวัด ในอ่างมรี วงข้าว และใบข้าวซ่งึ หมายถงึ การทานา ซึ่งเปน็ อาชพี หลักของคนในภูมภิ าคนี้ หนา้ 11 สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนังสือเรียนรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ตน้ ไมป้ ระจาจงั หวัดอ่างทอง ตน้ ไมป้ ระจาจังหวดั อ่างทอง ได้แก่ “มะพลบั ” (Diospyros malabarica) ต้นมะพลับ ทมี่ า : http://123.242.159.135/2558/index.php/th/know_angthong/tree ลักษณะทั่วไป มะพลับเป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงถึง 15 เมตร ลาต้นมักคดงอ เปลือก คอ่ นข้างเรียบ สีน้าตาลปนเขียวอ่อนหรือปนดา ใบเป็นใบเด่ียวเรียงสลับกัน ตัวใบรูปขอบขนานกว้าง 4 - 7 เซนติเมตร ยาว 7 - 10 เซนติเมตร โคนใบโค้งมน ขอบใบเรยี บ ปลายใบเรียบทู่ เน้ือใบหนาผิว เกล้ียงท้ังสองด้าน ดอกมีดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อส้ัน ๆ ตามง่าม ใบ ก้านดอกยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร มีขนหนาแน่น ดอกเพศเมียมักออกเดี่ยว ๆ ตามกิ่งเล็ก ๆ ก้านดอกยาว 5-10 มิลลิเมตร มีขน ผลกลมหรือค่อนข้างกลม ผิวมีเกล็ดสีน้าตาลแดง กลีบจุกผล แตล่ ะกลบี เกอื บไมต่ ิดกัน เกลยี้ งหรืออาจมีขนบา้ งทง้ั สองด้าน กลีบส่วนมากจะพับกลับ มีบ้างที่แผ่กาง ออก ขอบกลบี มนั เปน็ คล่ืน ไม่มเี ส้นลายกลบี การปลกู พบขนึ้ ตามป่าดงดิบ และตามบรเิ วณป่าชายเลน เหนอื ระดับน้าทะเล 2 - 30 เมตร ทางภาคใต้ ขยายพนั ธโุ์ ดยใช้เมล็ด สรรพคุณทางยา ใชเ้ ปลือกตน้ และเน้ือไม้ ต้มเอาน้าดื่ม บารุงธาตุ เจริญอาหาร ใช้เปลือกต้น และเน้อื ไมย้ า่ งไฟใหก้ รอบ ห่นั เปน็ ช้ินเลก็ ๆ ชงดมื่ แกก้ ามตายด้าน บารุงความกาหนดั ประโยชน์อื่น ๆ ยางของลูกมะพลับนามาละลายน้าใช้ย้อมแหและอวน เพ่ือให้ทนทาน เช่นเดียวกับตะโก แต่ยางของลูกมะพลับใช้ได้ดีกว่ามาก เพราะไม่ทาให้เส้นด้ายแข็งกรอบเหมือน หนา้ 12 สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อา่ งทอง
หนังสอื เรียนรายวชิ าเลอื กเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ผลตะโก จึงทาให้ยางของมะพลับมีราคาดีกว่าตะโกมาก จึงมีพ่อค้าหัวใสนายางของผลตะโกปลอม ขายเปน็ ยางมะพลบั จึงไดเ้ กดิ มีคาพงั เพยวา่ \"ต่อหนา้ มะพลบั ลับหลังตะโก\" คติความเช่ือ มะพลับเป็นไม้มงคลชนิดหน่ึงของคนไทย กาหนดปลูกไว้ทางทิศใต้ (ทักษิณ) ตามโบราณเช่อื กนั ว่า การปลูกต้นมะพลับในบรเิ วณบ้านจะทาให้รา่ รวยยง่ิ ขึ้น สัตวน์ ้าประจาจงั หวดั อา่ งทอง สตั ว์นา้ ประจาจังหวดั อา่ งทอง ได้แก่ “ปลาตะเพียนทอง” (Barbonymus altus) ไดร้ บั ประกาศให้เปน็ ปลาประจาจงั หวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2558 ปลาตะเพียนทอง ท่ีมา : http://123.242.159.135/2558/index.php/th/know_angthong/fish ประวัติความเป็นมา อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) มีรูปร่างคล้ายปลากระแห (B. schwanenfeldi) ซง่ึ อยใู่ นสกุลเดียวกัน เชอื่ วา่ เปน็ ปลามงคลตั้งแต่คร้ังอดตี ถึงปัจจุบัน และยังเป็น ปลาในวรรณคดีไทยแต่โบราณกาล ดังกาพย์แห่เรือ ตอนแห่ชมปลา พระนิพนธ์ในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร ไชยเชษฐสุริยวงศ์ หรือเจ้าฟ้ากุ้ง กวีเอกแห่งกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย \"ตะเพียนทองงามด่ังทอง ไมเ่ หมอื นนอ้ งห่มตาดพราย\" อกี ท้งั ยงั เป็นต้นแบบในการสานเปน็ ปลาตะเพียนทองใบลาน ลักษณะท่ัวไป มีเกล็ดตามลาตัวแวววาวสีเหลือทองเหลือบแดงหรือส้ม ครีบหางเป็นสีส้ม หรือสีแดงสด ปลาตะเพียนทองมีเกล็ดใหญ่กว่าปลากระแห และครีบหลัง ครีบหางไม่มีแถบสีดา ขนาดโตเตม็ ทป่ี ระมาณไม่เกิน 30 เซนติเมตร จัดเป็นปลาชนิดหน่ึงท่ีนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม และ ทส่ี าคญั ยงั มชี อื่ พ้องกบั จังหวดั อ่างทอง คอื คาว่า \"ทอง\" ถ่ินอาศัย ปลาตะเพียนทองเป็นปลาที่คนไทยรู้จักกันดี มีถ่ินกาเนิดในน่านน้าจืด โดยพบว่า มีปลาชุกชุมในเขตพื้นที่จังหวัดอ่างทอง ในบริเวณแม่น้าเจ้าพระยาและแม่น้าน้อย โดยเฉพาะแหล่ง ปลาหน้าวัดทุกแห่งในเขตจังหวัดอา่ งทอง หนา้ 13 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อา่ งทอง
หนงั สือเรียนรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ศาลหลักเมืองจงั หวัดอ่างทอง ศาลหลกั เมืองจงั หวดั อา่ งทอง ทมี่ า : http://ศาลหลกั เมือง.blogspot.com/2016/04/angthong-city-pillar-shrine.html ประวัติศาลหลักเมืองจังหวัดอ่างทอง จังหวัดอ่างทองเป็นจังหวัดที่เก่าแก่จังหวัดหน่ึง จากหลักฐานทางโบราณคดีสันนิษฐานว่ามีชุมชนอาศัยอยู่แต่สมัยทวารวดี แต่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ในพระราชพงศาวดารกรุงศรอี ยธุ ยา ในสมยั พระมหาธรรมราชา เม่อื ประมาณปี พ.ศ. ๒๑๒๗ กล่าวถึง แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ ตัวเมืองท่ีตั้งอยู่ริมแม่น้าน้อยในสมัยกรุงธนบุรีได้ย้ายเมืองมาต้ังอยู่ ริมฝ่ังขวาของแม่น้าเจ้าพระยา ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ประมาณปี พ.ศ. ๒๓๕๙ ได้ย้าย ตัวเมืองอีกคร้ังหน่ึง มาต้ังอยู่ริมฝ่ังซ้ายของแม่น้าเจ้าพระยาจนถึงปัจจุบัน และได้เปลี่ยนชื่อเป็น เมืองอ่างทอง พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เตชะคุปต์) สมุหเทศาภิบาล มณฑลอยุธยา ได้ให้ ความเห็นไว้ว่าน่าจะมาจากชื่อ “บางทองคา” และ “แม่น้าประคาทอง” ซ่ึงอยู่ในบริเวณท่ีต้ังศาลา กลางจังหวัดในปัจจุบัน แต่ก็มีผู้สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพราะเมืองตั้งอยู่ในที่ลุ่มมีลักษณะคล้ายอ่าง และเปน็ อขู่ ้าวอู่น้า มีพืชพันธ์ุธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ จึงถือเป็นเมืองเงินเมืองทอง จากประวัติศาสตร์ ปรากฏว่าได้มีการย้ายที่ต้ังเมืองถึง ๓ ครั้ง แต่ไม่ปรากฏหลักฐานท่ีแน่ชัดว่าได้มีการสร้าง ศาลหลักเมืองไว้ ณ ทีใ่ ด จังหวัดอ่างทอง ได้มอบให้นายกาจัด คงมีสุข ข้าราชการครูบานาญ ผู้มีผลงานดีเด่น ทางด้านจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมไทยเป็นผู้ออกแบบสร้างศาลหลักเมือง และมี พระครูวิเศษชัยวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดชัยมงคลเป็นท่ีปรึกษา เพ่ือความเป็นสิริมงคล เป็นมิ่งขวัญ หน้า 14 สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนังสือเรียนรายวิชาเลือกเสรี วิชาอ่างทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย เปน็ หลกั ชยั และหลกั ใจของประชาชนชาวจังหวัดอา่ งทอง คณะสงฆ์ ข้าราชการ พ่อค้าและประชาชน จึงไดร้ ่วมกันจัดหาทนุ สรา้ งศาลหลกั เมอื งขึ้น โดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหา สังฆปริณายก ทรงพระกรุณาเสด็จมาทรงเป็นประธานวางศิลาฤกษ์ เม่ือวันท่ี ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ศาลหลักเมืองเป็นตัวอาคารจตุรมุข ยอดปรางค์ หลังคา ๒ ช้ัน ต้ังอยู่บริเวณตรงข้ามศาลา กลางจังหวัด ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง องค์เสาหลักเมืองทาด้วยไม้ชัยพฤกษ์ และได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ เมอื่ วันท่ี ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๔ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรง พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ผู้ว่าราชการจังหวัด (นายทวีป ทวีพาณิชย์) เข้าเฝ้าน้อมเกล้าฯ ถวายยอดเสาหลักเมืองเพื่อทรงเจิม ทรงพระสุหร่ายและทรงบรรจุแผ่นยันต์ เมื่อวันท่ี ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๔ เวลา ๑๖.๓๐ น. ณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จ แทนพระองค์ไปทรงประกอบพิธียกเสาหลักเมืองและเปิดศาลหลักเมืองเม่ือวันท่ี ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๔ เวลา ๑๕.๓๐ น. ศาลหลักเมืองอ่างทอง ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ แต่เน่ืองจากผ่านกาลเวลา มายาวนานถงึ ๒๑ ปี จงึ มสี ภาพชารุดทรดุ โทรม ทาใหภ้ ายในศาลและภาพจติ รกรรมฝาผนงั ทั้ง ๔ ด้าน ที่วิจิตรงดงามได้เกิดหลุดล่อน และเสื่อมโทรมไปตามสภาพ ทางเทศบาลฯ จึงได้ทาพิธีบวงสรวง เพ่ือบูรณะปรับปรุง และซ่อมแซมองค์ศาลหลักเมืองข้ึนมาใหม่ให้มีความสวยงาม สมกับเป็นหลักชัย และศูนย์รวมใจของคนทั้งจังหวัด ซ่ึงต้องใช้งบประมาณไม่ต่ากว่า ๖ ล้านบาท และในวันที่ ๒๔ กนั ยายน พ.ศ.๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๐๐ น. นายวิศว ศะศิสมิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เป็นประธาน ในพิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองอ่างทองเพื่อทาการบูรณะใหม่ เพ่ือให้สวยงามดังเดิม ปัจจุบันตั้งอยู่ท่ี ตรงขา้ มกับศาลากลางจงั หวัด ตาบลตลาดหลวง อาเภอเมืองอา่ งทอง จังหวัดอา่ งทอง คาขวญั ประจาจังหวดั อ่างทอง คาขวัญประจาจังหวัด เป็นคาขวัญท่ีแต่งข้ึนเพ่ือบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ ความภาคภูมิใจ และ ความโดดเด่นที่มีอยู่ในจังหวัด โดยจังหวัดอ่างทอง ได้แต่งคาขวัญประจาจังหวัดว่า “พระสมเด็จเกษ ไชโย หลวงพ่อโตองค์ใหญ่ วีรไทยใจกล้า ตุ๊กตาชาววัง โด่งดังจักสาน ถิ่นฐานทากลอง เมืองสอง พระนอน” ดงั เอกลักษณ์ตอ่ ไปน้ี “พระสมเด็จเกษไชโย” หมายถึง พระเครื่องสมเด็จวัดไชโย ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม เป็นผู้สร้างพระสมเด็จเกษไชโย วัดไชโยวรวิหาร เป็นพระพุทธรูปปางบาเพ็ญทุกรกิริยา ช่วงอกขององค์พระเป็นร่องเด่นอยู่ 2 เส้น เรียกว่า “อกร่อง” นบั เป็นพระเครื่องเมืองอา่ งทองทมี่ ชี ื่อเสียงมาก มผี คู้ นนิยมไมเ่ ส่อื มคลาย หน้า 15 สานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนังสอื เรยี นรายวิชาเลือกเสรี วิชาอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย พระสมเด็จวัดเกษไชโย ภาพจาก : https://www.fisheries.go.th/sf-aongthong/hisPrasomdetKet.htm “หลวงพ่อโตองค์ใหญ่” หมายถึง พระมหาพุทธพิมพ์ หรือหลวงพ่อโตวัดไชโยวรวิหาร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ มีพุทธลักษณะโดดเด่น เป็นฝีพระหัตถ์ของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้า ประดษิ ฐ์วรการ ซ่งึ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างข้ึน แทนหลวงพ่อโตองค์เดมิ ทส่ี มเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรสี) ได้สร้างข้ึน แต่หักพังลงเนื่องจากการ บูรณะและการสร้างโบสถว์ ิหาร และได้รับพระราชทานนามวา่ พระมหาพทุ ธพิมพ์ พระมหาพุทธพิมพ์ ทีม่ า : http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=20610.0 หนา้ 16 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนงั สอื เรยี นรายวิชาเลอื กเสรี วิชาอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย “วีรไทยใจกล้า” หมายถึง วีรชนครั้งศึกบางระจัน สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นชาววิเศษชัย ชาญ ได้แก่ นายดอก นายทองแก้ว และยังมีนายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง ชาวบ้านสีบัวทอง อาเภอแสวงหา ได้สร้างวรี กรรมในศกึ บางระจนั โดยรว่ มกับนักรบจากค่ายบางระจันอีก จานวน 5 คน นอกจากน้ียังมีนักรบผู้กล้าหาญชาววิเศษชัยชาญ คือ ขุนรองปลัดชู ท่ีได้รวมกาลังชาวบ้าน 400 คน อาสาไปสกัดทัพพม่า และปะทะกันท่ีอ่าวหว้าขาว (เหนือท่ีต้ังจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในปจั จุบนั ) นายดอก นายทองแก้ว ท่มี า : http://phakamat12.blogspot.com/2017/01/2.html นายแทน่ นายโชติ นายอิน นายเมอื ง ทมี่ า : http://angthongnews.blogspot.com หนา้ 17 สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอ่างทอง
หนงั สือเรยี นรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ขนุ รองปลัดชู ทม่ี า : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/4446 “ตุ๊กตาชาววัง” หมายถึง ศิลปหัตถกรรมพ้ืนบ้านของชาวตาบลบางเสด็จ อาเภอป่าโมก ท่ีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดาเนิน เยี่ยมราษฎรตาบลบางเสด็จ ทรงทราบปัญหาเร่ืองน้าท่วมไร่นาของราษฎร ทาให้เกิดความเสียหาย ราษฎรขาดรายได้ จึงมพี ระราชดาริให้นาโครงการป้ันตุ๊กตาชาววังมาให้ชาวบ้านฝึกทาเป็นอาชีพเสริม เพอื่ เพิ่มรายได้ให้แก่ราษฎร ตกุ๊ ตาชาววัง ที่มา : http://www.bansansuk.com/travel หน้า 18 สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อ่างทอง
หนังสือเรียนรายวชิ าเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย “โดง่ ดังจกั สาน” หมายถงึ หตั ถกรรมเครื่องหวาย ของชาวอาเภอโพธิ์ทอง และเคร่ืองจักสาน ไม่ไผ่ ตาบลบางเจ้าฉ่า เนื่องจากจังหวัดอ่างทองเป็นจังหวัดพื้นท่ีราบลุ่ม มีต้นไผ่เติบโตขึ้นอยู่เอง มากมาย รวมท้ังที่ปลูกไว้ใช้สอยในบริเวณบ้าน โดยเฉพาะไผ่สีสุกและไผ่เหลือง สามารถนามาทา เครือ่ งจกั สานได้มากมายและสวยงาม ในสมัยก่อนจะสานเครื่องใช้ในครัวเรือนเท่านั้น ปัจจุบันพัฒนา รูปแบบเป็นที่นิยมทั่วไป สามารถจาหน่ายสร้างรายได้เป็นอาชีพของคนจานวนมากในจังหวัด เป็นส่ิง สรา้ งรายไดแ้ ละสร้างชื่อเสียงให้กบั จังหวัดอ่างทอง และเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ของจังหวัดอ่างทองที่มี ชอ่ื เสยี ง งานจักสานไมไ้ ผ่ บ้านบางเจ้าฉา่ ท่มี า : http://www.chaiwbi.com “ถิ่นฐานทากลอง” หมายถึง หัตถกรรมการทากลองของชาวบ้านตาบลเอกราช อาเภอ ป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เป็นแหล่งผลิตกลองที่มีชื่อเสียง เน่ืองจากผลิตกลองได้สัดส่วนสวยงาม ประณีตเรียบร้อย ที่สาคัญเสียงกลองจะทุ้มไพเราะ จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นถ่ินฐานทากลอง เป็นแหล่งกลองดีตีดังที่ดีท่ีสุดในประเทศ และปัจจุบันได้จัดทาเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP จังหวัดอ่างทอง ประกอบด้วย กลองตะโพน กลองทัด รามะนา กลองยาว กลองราวง กลองเพล และกลองต่างชาติ เป็นต้น หนา้ 19 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อ่างทอง
หนังสอื เรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย กลองประเภทต่างๆ ของชาวบ้านตาบลเอกราช ท่มี า : https://th.foursquare.com/v/ชมชนเอกราช-หมู่บ้านทากลอง “เมืองสองพระนอน” หมายถึง จังหวัดอ่างทอง มีพระนอนคู่บ้านคู่เมืองและมีพุทธลักษณะ งดงามมาก 2 องค์ คือ พระนอนทีว่ ัดปา่ โมกวรวิหาร อาเภอป่าโมก และพระนอนท่ีวัดขุนอินทประมูล อาเภอโพธิท์ อง พระนอนวดั ปา่ โมก สันนิษฐานวา่ สร้างในสมัยสุโขทยั เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ ก่ออิฐถือปูน ลงรักปิดทองตลอดองค์นอนตะแคงขวา มีความยาวจากพระเกศถึงพระบาท 11 วา 1 ศอก 10 น้ิว หนุนพระเขนยรูปทรงกระบอก 3 ใบลดหล่ันกันไป แล้วคลุมด้วยผ้าทิพย์ท่ีมีลวดลาย วจิ ติ รงดงามท่สี ุด พระนอนวัดขุนอินทประมูล เป็นประพุทธไสยาสน์ท่ีมีความยาว 50 เมตร มีช่ือว่า “พระศรี เมืองทอง” เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหาร แต่ต่อมาหักพังหมดเหลือแต่เสาจึงมองดูคล้ายประดิษฐาน บนโคกดนิ ชาวบ้านจึงเรียกว่า โคกพระนอน เม่ือเสียกรุงครั้งที่ 1 วัดน้ีถูกไฟเผาและกลายเป็นวัดร้าง กว่า 100 ปี ต่อมาสมัยพระเจ้าบรมโกศได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ และมีการบูรณะอีกครั้งในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 5 ซ่ึงปัจจุบันองค์พระพุทธไสยาสน์อยู่กลางแจ้ง โดยอาคารไดพ้ งั หมดแลว้ เหลอื แต่เสาดา้ นหนา้ พระประธานเป็นลานกว้าง หน้า 20 สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สอื เรียนรายวชิ าเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย พระนอนวดั ขนุ อินทประมูล ท่ีมา : http://www.talad-tongchom.rmutt.ac.th พระนอนวดั ปา่ โมกวรวิหาร ท่ีมา : ttps://www.edtguide.com หน้า 21 สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนังสอื เรยี นรายวิชาเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย คาขวญั ประจาอาเภอ นอกจากจังหวัดอ่างทอง จะมีคาขวัญประจาจังหวัดแล้ว อาเภอต่าง ๆ ในจังหวัดอ่างทอง ก็ยังมีคาขวญั ท่ีแต่งขน้ึ เพอื่ บง่ บอกถึงเอกลกั ษณ์ และความโดดเด่นที่มอี ยู่ในแตล่ ะอาเภอ ดงั น้ี อาเภอ คาขวญั เมอื งอา่ งทอง ไชโย พระศรเี มอื งทองคุ้มบา้ น หลวงพ่อสดโอฬาร ป่าโมก ถ่นิ ฐานเกษตรกรรม ธรรมะครองใจ โพธท์ิ อง หมูทุบลอื เล่ือง พระเคร่ืองเกษไชโย แสวงหา ผักตบโชวจ์ กั สาน มะกรูดเชือ่ มใจ โบราณสถานล้าคา่ ตุ๊กตาชาววัง วิเศษชัยชาญ กลองดัง อฐิ แกร่ง แหลง่ ก้านธูป สามโก้ หลวงพ่อขนุ อนิ ท์อันศักดสิ์ ทิ ธิ์ ทั่วทิศเครื่องจกั สาน โบราณสถานตกึ คาหยาด ปลาดื่นดาษหน้าวดั ข่อย เจดยี ส์ ูงลอยวัดจุฬามณี แสวงหาถ่นิ วีรชน งามเลศิ ล้นหตั ถกรรม สวยลา้ ผา้ ทอมือ เลอ่ื งลอื ฟาร์มตวั อย่าง ยคุ แรกสรา้ งบา้ นคูเมือง ร่งุ เรอื งพระศาสนา ปวงประชาล้วนเปน็ คนดี ขนมไทยขึ้นชือ่ เล่อื งลือวีรไทย หลวงพ่อใหญว่ ัดสร่ี ้อย แม่นา้ นอ้ ยเกษตรกรรม จติ รกรรมฝาผนัง โดง่ ดังเซรามิก เสน้ ทางประวตั ศิ าสตร์ ตลาดรวมผลไม้ ทานาไดต้ ลอดปี สบื สานประเพณีเพลงพื้นบ้าน เรอ่ื งที่ 4 การเมอื งการปกครอง หน่วยการปกครอง การปกครองส่วนภูมิภาคของจังหวัดอ่างทอง แบ่งออกเป็น ๗ อาเภอ ๗๓ ตาบล ๕๑๓ หมู่บา้ น โดยมอี าเภอ ๗ อาเภอ ไดแ้ ก่ อาเภอเมืองอ่างทอง อาเภอไชโย อาเภอป่าโมก อาเภอโพธ์ิทอง อาเภอแสวงหา อาเภอวิเศษชัยชาญ และอาเภอสามโก้ จังหวัดอ่างทอง มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 65 แห่ง ประกอบด้วย องค์การ บริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง, เทศบาลเมือง 1 แห่ง ได้แก่ เทศบาลเมืองอ่างทอง, เทศบาลตาบล 20 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตาบล 43 แห่ง ดังน้ี หน้า 22 สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอ่างทอง
หนังสือเรียนรายวิชาเลอื กเสรี วิชาอา่ งทองเมืองนา่ อยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย อาเภอ สานกั งานเทศบาล องคก์ ารบริหารส่วนตาบล (อบต.) 1. เมอื งอ่างทอง - องค์การบริหารสว่ น 1. เทศบาลเมอื งอา่ งทอง 1. อบต.บ้านอิฐ 2. อบต.ป่างวิ้ จังหวัดอา่ งทอง 2. เทศบาลตาบลศาลาแดง 3. อบต.ย่านซื่อ 4. อบต.หวั ไผ่ 2. วิเศษชัยชาญ 3. เทศบาลตาบลโพสะ 5. อบต.คลองววั 6. อบต.บา้ นแห 7. อบต.จาป่าหลอ่ 8. อบต.ตลาดกรวด 3. โพธ์ิทอง 1. เทศบาลตาบลวเิ ศษไชยชาญ 2. เทศบาลตาบลบางจัก 1. อบต.ศาลเจ้าโรงทอง 2. อบต.ไผ่จาศลี 4. ป่าโมก 3. เทศบาลตาบลห้วยคันแหลน 3. อบต.บางจัก 4. อบต.คลองขนาก 4. เทศบาลตาบลทา่ ชา้ ง 5. อบต.ยล่ี ้น 6. อบต.หล้กแก้ว 5. เทศบาลตาบลไผ่ดาพฒั นา 7. อบต.ไผว่ ง 8. อบต.หัวตะพาน 6. เทศบาลตาบลม่วงเต้ยี 9. อบต.ตลาดใหม่ 7. เทศบาลตาบลสาวรอ้ งไห้ 1. เทศบาลตาบลโพธท์ิ อง 1. อบต.บางเจา้ ฉา่ 2. อบต.องครักษ์ 2. เทศบาลตาบลรามะสัก 3. อบต.บางระกา 4. อบต.อินทประมลู 3. เทศบาลตาบลทางพระ 5. อบต.บางพลบั 6. อบต.หนองแม่ไก่ 4. เทศบาลตาบลโคกพทุ รา 7. อบต.คาหยาด 8. อบต.ยางช้าย 5. เทศบาลตาบลม่วงคัน 9. อบต.อา่ งแก้ว 1. เทศบาลตาบลป่าโมก 1. อบต.บางเสดจ็ 2. อบต.โรงชา้ ง 5. ไชโย 1. เทศบาลตาบลไชโย 3. อบต.สายทอง 4. อบต.นรสงิ ห์ 6. แสวงหา 2. เทศบาลตาบลเกษไชโย 5. อบต.เอกราช 6. อบต.โผงเผง 1. อบต.ชยั ฤทธิ์ 2. เทวราช 1. เทศบาลตาบลแสวงหา 3. อบต.ราชสถติ ย์ 2. เทศบาลตาบลเพชรเมอื งทอง 1. อบต.วังนา้ เย็น 2. อบต.สบี ัวทอง 7. สามโก้ 1. เทศบาลตาบลสามโก้ 3. อบต.บา้ นพราน 4. อบต.จาลอง 5. อบต.ศรีพราน 6. อบต.หว้ ยไผ่ 1. อบต.โพธมิ์ ว่ งพนั ธ์ 2. อบต.อบทม รวม 7 อาเภอ / 1 อบจ. 21 เทศบาล 43 องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตาบล หน้า 23 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สอื เรยี นรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย เจ้าเมอื งและผู้วา่ ราชการจงั หวดั จากอดตี จนถึงปัจจบุ นั นับต้ังแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปฏิรูปการปกครองโดยนาระบบ เทศาภิบาลมาใช้ในประเทศไทย เมืองอ่างทองยังคงมีสภาพเป็นเมืองตามรูปการปกครองแบบเดิม ก่อนการปฏิรปู ปรากฏพระนามและช่ือผู้ดารงตาแหนง่ เจา้ เมืองหรือผู้ว่าราชการจังหวัดอา่ งทองดังน้ี พระนามและช่ือผูว้ ่าราชการจังหวดั อ่างทอง พระนาม/ช่ือ เร่ิมดารงตาแหน่ง ออกจากตาแหนง่ 1. พระยาวเิ ศษไชยชาญ ปรชี าญาณยตุ ธิ รรมโกศลสกลเกษตรวิไสย พ.ศ. 2438 พ.ศ. 2438 2. พระพิทักษ์เทพธานี พ.ศ. 2438 พ.ศ. 2439 3. พระยาวเิ ศษไชยชาญ พ.ศ. 2442 4. พระยาอินทรวิชติ (อวบ เปาโรหิต) 28 ก.ย. 2439 พ.ศ. 2446 5. พระศรณี รงค์ (คา) พ.ศ. 2447 6. หม่อมอมรวงษ์วจิ ติ ร (หม่อมราชวงศ์ปฐม คเนจร) พ.ศ. 2442 พ.ศ. 2450 7. พระยาอนิ ทรวิชติ (รตั น์ อาวธุ ) พ.ศ. 2446 พ.ศ. 2456 8. พระยาวเิ ศษไชยชาญ (ชอุ่ม อมัตริ ตั น์) พ.ศ. 2448 พ.ศ. 2462 9. พระยาวิเศษภกั ดี (หมอ่ มราชวงศก์ มล นพวงศ)์ พ.ศ. 2450 พ.ศ. 2465 พ.ศ. 2456 พ.ศ. 2462 10. หมอ่ มเจา้ ธงชัยสิรพิ นั ธ์ ศรธี วชั พ.ศ. 2465 พ.ศ. 2470 11. พระกาแพงพราหมณ์ (ทองสกุ รตางศ)ุ พ.ศ. 2470 พ.ศ. 2473 12. พระยาวิชิตรสรไกร (เอี่ยม อัมพานนท)์ พ.ศ. 2473 พ.ศ. 2474 13. หลวงวิโรจน์รฐั กิจ (เปรือ่ ง โรจนกุล) พ.ศ. 2474 พ.ศ. 2478 14. พระประชากรบริรกั ษ์ (แอร่ม สุนทรศารทูล) พ.ศ. 2478 พ.ศ. 2483 15. หลวงอรรถเกษมภาษา (สวิง ถาวรพนั ธ)์ พ.ศ. 2483 พ.ศ. 2484 16. หลวงองั คณานรุ ักษ์ (ถวิล เทพาคา) พ.ศ. 2484 พ.ศ. 2486 17. หลวงบรรณสารประสิทธิ์ (สทิ ธิ โรจนวภิ าต) พ.ศ. 2486 พ.ศ. 2487 18. ขุนพานักนคิ มคาม (สนธิ พานักนิคมคาม) พ.ศ. 2487 พ.ศ. 2490 19. นายประกอบ ทรพั ย์มณี พ.ศ. 2490 พ.ศ. 2492 20. หลวงธุระนัยพินิจ (นพ นัยพินจิ ) พ.ศ. 2492 พ.ศ. 2495 21. นายพรหม สตู รสุคนธ์ พ.ศ. 2495 พ.ศ. 2500 22. นายแสวง ทมิ ทอง พ.ศ. 2500 พ.ศ. 2501 23. นายยรรยง ศุนาลยั พ.ศ. 2502 พ.ศ. 2503 24. นายพล จฑุ ากร พ.ศ. 2503 พ.ศ. 2508 25. ร.ต.ท. เรอื ง สถานานนท์ พ.ศ. 2508 พ.ศ. 2510 หนา้ 24 สานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สือเรียนรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย พระนามและชื่อผ้วู ่าราชการจังหวดั อ่างทอง พระนาม/ชอ่ื เรม่ิ ดารงตาแหน่ง ออกจากตาแหนง่ 26. นายวชิ าญ บรรณโศภษิ ฐ์ พ.ศ. 2510 พ.ศ. 2517 27. นายสงวน สารติ านนท์ พ.ศ. 2517 พ.ศ. 2519 28. นายเสถยี ร จันทรจานงค์ พ.ศ. 2519 พ.ศ. 2521 29. นายวเิ ชยี ร วมิ ลศาสตร์ พ.ศ. 2521 พ.ศ. 2526 30. นายสมหวัง จูตะกานนท์ พ.ศ. 2526 พ.ศ. 2530 31. นายคงศกั ด์ิ ลว่ิ มโนมนต์ พ.ศ. 2530 พ.ศ. 2532 32. นายทวีป ทวพี าณชิ ย์ พ.ศ. 2532 พ.ศ. 2534 33. นายประสาน สขุ รงั สรรค์ พ.ศ. 2534 พ.ศ. 2535 34. นายนิธศิ กั ด์ิ ราชพติ ร พ.ศ. 2535 พ.ศ. 2537 35. นายประเสริฐ เปล่ยี นรังษี พ.ศ. 2537 พ.ศ. 2538 36. นายสชุ าติ สหัสโชติ พ.ศ. 2538 พ.ศ. 2542 37. นายพสิ ฐิ เกตุผาสุข พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2544 38. นายเชนทร์ วิพฒั น์บวรวงศ์ พ.ศ. 2544 พ.ศ. 2547 39. นายกมล จิตระวัง พ.ศ. 2547 พ.ศ. 2548 40. นายวบิ ลู ย์ สงวนพงศ์ พ.ศ. 2548 1 ต.ค. 2550 41. นายศุทธนะ ธวี รี ะปัญญา 1 ต.ค. 2550 30 ก.ย. 2552 42. นายวิศว ศะศสิ มติ 1 ต.ค. 2552 30 ก.ย. 2556 43. นายเสรี ศรหี ะไตร 1 ต.ค. 2556 1 ต.ค. 2556 44. นายปวิณ ชานิประศาสน์ 2 ต.ค. 2556 30 ก.ย. 2558 45. นายวรี ์รวุทธ์ ปตุ ระเศรณี 1 ต.ค. 2558 30 ก.ย. 2561 46. นายเรวัต ประสงค์ 1 ต.ค. 2561 ปจั จบุ นั เร่ืองที่ 5 บคุ คลสาคัญทางประวัตศิ าสตร์ จังหวัดอ่างทอง เป็นจังหวัดท่ีปรากฏความสาคัญเด่นชัดมาต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมดนิ แดนอ่างทองเป็นเมืองเล็ก ๆ อยู่ชานพระนครของกรุงศรีอยุธยา การที่ดินแดนอ่างทองปรากฏ ความสาคัญชัดเจนในสมัยอยุธยาน้ัน ก็ได้จากหลักฐานการจดบันทึกไว้ในพงศาวดาร ทั้งน้ีเพราะการ เดินทัพของพม่าท่ีเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา ไม่ว่าจะเข้าทางตะวันตก ผ่านกาญจนบุรีและสุพรรณบุรี ก็ต้องผ่านพื้นท่ีของอ่างทอง หรือเดินทัพทางเหนือผ่านเชียงใหม่แล้วล่องตามลาน้าเจ้าพระยา มาประชิดกรุงศรีอยุธยา ก็ต้องผ่านอ่างทองเช่นกัน เหตุการณ์ต่างๆ จะเห็นได้ว่าเมืองอ่างทอง เป็นดินแดนที่มีความสาคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย บรรพบุรุษของชาวอ่างทอง เป็นผู้มี หน้า 25 สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สือเรียนรายวชิ าเลอื กเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ความสามารถกล้าหาญ มีความรู้ความชานาญท้ังศาสตร์และศิลป์ แขนงต่างๆ สมกับคากล่าวที่ว่า อ่างทองเปน็ เมืองของวีรไทยใจกลา้ ซงึ่ ปรากฏในคาขวญั จงั หวัดอ่างทองในปจั จุบัน พนั ท้ายนรสงิ ห์ ประวัติของพันท้ายนรสิงห์น้ัน เดิมมีนามว่า สิน เป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวงเมืองวิเศษ ไชยชาญ (ปัจจุบัน คือ อาเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง) มีภรรยาชื่อว่า ศรีนวล ต่อมาได้มีโอกาส รบั ราชการเปน็ นายท้ายเรือพระทีน่ ่งั เอกชัยของสมเด็จพระสรรเพชญ์ท่ี 8 หรือพระเจ้าเสือแห่งกรุงศรี อยุธยา เรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ถูกบันทึกไว้ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่าง ๆ โดยเนื้อความเป็นไปในลักษณะเดียวกันว่า พันท้ายนรสิงห์และพระเจ้าเสือพบกันเป็นคร้ังแรก เมื่อ พระเจ้าเสือเสด็จฯ ไปยังตาบลบ้านตลาดกรวด อันเป็นตาบลบ้านหน่ึงของแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ ซึ่งคร้ังนั้นพระเจ้าเสือ ได้ข้ึนชกมวยคาดเชือกกับพันท้ายนรสิงห์ ปรากฏว่าผลการชกออกมา เสมอกัน และด้วยความท่ีพระเจ้าเสือรู้สึกประทับใจในตัวพันท้ายนรสิงห์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เข้ารับ ราชการเป็นพนั ทา้ ยนรสงิ ห์ ตาแหน่งนายทา้ ยเรือพระทีน่ ั่งตงั้ แตน่ ้นั เป็นต้นไป ส่วนเหตุการณ์ที่ทาให้ชื่อเสียงของพันท้ายนรสิงห์กลายเป็นท่ียกย่องด้านความซื่อสัตย์นั้น มาจากเหตุการณ์ใน พ.ศ. 2246 - 2252 ครั้งที่สมเด็จพระเจ้าเสือเสด็จโดยเรือพระที่น่ังเอกชัย จะไปประพาสเพ่ือทรงเบ็ด ณ ปากน้าเมืองสาครบุรี ขณะเรือพระท่ีน่ังถึงตาบลโคกขาม ซึ่งเป็นคลอง คดเคี้ยว และมีกระแสน้าเชี่ยวกราก พันท้ายนรสิงห์ซ่ึงถือท้ายเรือพระที่นั่งมิสามารถคัดแก้ไขได้ทัน ทาให้หัวเรือพระท่ีน่ังชนก่ิงไม้ใหญ่หักตกลงไปในน้า ซ่ึงพันท้ายนรสิงห์รู้ว่า ความผิดคร้ังน้ีมีโทษ ถึงประหารชีวิตตามโบราณราชประเพณี ที่กาหนดว่า “ถ้าผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือ พระท่ีน่ังหัก ผู้นั้นถึงมรณะโทษให้ตัดศรีษะเสีย” พนั ทา้ ยนรสงิ หจ์ งึ กราบบงั คมทลู พระเจา้ เสือให้ประหารชีวิตตามกฎมณเฑียรบาล แต่พระเจ้า เสือทรงพิจารณาเห็นว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นการสุดวิสัยมิใช่ความประมาท จึงพระราชทานอภัย โทษให้ ซ่ึงพันท้ายนรสิงห์ก็ยังยืนยันขอให้ตัดศีรษะตน เพ่ือรักษาขนบธรรมเนียมในพระราชกาหนด กฎหมาย เป็นการป้องกันมิให้ผู้ใดครหาติเตียนพระเจ้าอยู่หัวได้ ว่าทรงละเลยพระราชกาหนด ของแผน่ ดนิ และเพือ่ ไมใ่ ห้เปน็ เยีย่ งอยา่ งสืบไป พระเจ้าเสือจึงโปรดให้ฝีพายท้ังปวงปั้นมูลดินเป็นรูปพันท้ายนรสิงห์ แล้วให้ตัดศีรษะรูปดิน น้ันเพ่ือเป็นการทดแทนกัน แต่พันท้ายนรสิงห์ยังบังคมกราบทูลยืนยันขอให้ประหารตน แม้พระเจ้า เสือจะทรงอาลยั รกั น้าใจพันท้ายนรสิงห์เพียงใด ก็ทรงจาฝืนพระทัยปฏิบัติตามพระราชกาหนด ดารัส ส่ังให้เพชฌฆาตประหารพันท้ายนรสิงห์ แล้วโปรดให้ตั้งศาลสูงประมาณเพียงตา นาศีรษะพันท้าย นรสิงห์กับหัวเรือพระท่นี ั่งเอกชยั ซึ่งหักน้ัน ขึ้นพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาลพันท้ายนรสิงห์ (ปัจจุบันเป็น สถานทที่ อ่ งเทยี่ วเชิงประวตั ิศาสตร์ในจงั หวัดสมุทรสาคร) เพอ่ื เปน็ การราลึกถึงพันท้ายนรสิงห์ข้าหลวง เดมิ ซ่งึ เป็นคนซื่อสตั ย์ ม่นั คง ยอมเสยี สละชีวิตโดยไม่ยอมเสยี พระราชประเพณี หน้า 26 สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อา่ งทอง
หนังสอื เรยี นรายวิชาเลือกเสรี วิชาอ่างทองเมอื งนา่ อยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ต่อมา พระเจ้าเสือพระราชดาริว่า คลองโคกขามคดเคี้ยวนักไม่สะดวก ต่อกา ร เดินเรือบางคร้ังชาวเมืองต้องเดินเรืออ้อมเป็นที่ลาบากยิ่ง สมควรจะขุดลัดตัดตรง เมื่อขดุ เสร็จจึงได้รับพระราชทานนามว่า \"คลองสนามไชย\" ต่อมาเปลี่ยนเป็น \"คลองมหาชัย\" แต่ ชาวบา้ นเรยี กวา่ \"คลองถ่าน\" ปจั จุบนั ชาวบา้ นฝ่ังธนบรุ ี เรยี กช่ือว่า \"คลองด่าน\" และด้วยคุณงาม ความดีของพันท้ายนรสิงห์ที่ถูกบอกเล่าต่อ ๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน ก็ทาให้พันท้ายนรสิงห์กลายเป็น ที่เคารพนับถือและศรัทธาของผู้คนจานวนมาก ในด้านความจงรักภักดี ความซื่อสัตย์ท่ีมีต่อกฎหมาย บ้านเมือง ยอมตายเพื่อมิให้กฎหมายบ้านเมืองคลายความศักดิ์สิทธ์ิ ดังคาที่ว่า \"ตายในหน้าที่ ดีกว่า อยูใ่ ห้อับอาย\" ปัจจุบัน ศาลเทพารักษ์พันท้ายนรสิงห์ยังปรากฏอยู่ท่ีตาบลโคกขาม จังหวัดสมุทรสาคร สว่ นอนุสาวรยี ์พนั ท้ายนรสงิ ห์ “ชาวอา่ งทองผู้ซื่อสัตย์ท่ีสุดในประวัติศาสตร์ไทย” ทางราชการได้สร้าง รูปหล่อโลหะขนาดเท่าคร่ึงของคนจริงประดิษฐานไว้ท่ีบริเวณวัดนรสิงห์ ตาบลนรสิงห์ อาเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เพื่อให้อนุชนชาวไทยได้ราลึกถึงคุณงามความดี และยึดถือเป็นแบบอย่างแห่งผู้รัก สจั ธรรมสืบไป พันท้ายนรสิงห์ ทม่ี า : https://th.foursquare.com/v/อนุสาวรียพ์ นั ท้ายนรสิงห์/ หนา้ 27 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สือเรียนรายวชิ าเลอื กเสรี วิชาอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ขนุ รองปลัดชู ขุนรองปลัดชู ชาวเมืองวิเศษไชยชาญรุ่นแรก ท่ียอมพลีชีวิตเพ่ือรักษาเอกราชของชาติ ในสงครามก่อนเสียกรุงศรีอยุธยา คือ กองลาดตระเวนสืบข่าวข้าศึกที่เรียกว่า “กองอาทมาต” ของ ขุนรองปลัดชูกรมการเมืองเมืองวิเศษไชยชาญ มีกาลังคนจานวน 4๐๐ คน ได้ต่อสู้กับกองทัพพม่า ทบ่ี ุกเขา้ มาในอาณาจักรไทย เนือ่ งจากมกี าลงั น้อยกวา่ จงึ เสยี ชวี ิตทง้ั หมด เมื่อปี พ.ศ.23๐2 พระเจ้ามังระกษัตริย์พม่าทรงทราบว่าทางกรุงศรีอยุธยาพลัดแผ่นดินใหม่ สมเด็จพระท่นี ั่งสรุ ิยาศนอ์ มรนิ ทรข์ ึ้นครองราชยแ์ ทนสมเดจ็ พระเจา้ อุทุมพร จงึ เป็นโอกาสที่จะตีกรุงศรี อยุธยาไว้เป็นประเทศราช ได้มีพระราชบัญชาให้แม่ทัพพม่ายกกาลังเก้าหมื่นมาทางใต้ตีได้เมืองมะริด ตะนาวศรี แล้วแสร้งปล่อยข่าวมาทางกรุงศรีอยุธยาว่าพม่ายกทัพมา ๓ ทาง คือ มะริดทางหนึ่ง ท่ากระดานทางหน่ึง เชียงใหม่ทางหนึ่ง สมเด็จพระที่น่ังสุริยาศน์อมรินทร์ จึงมีรับสั่งให้จัดกองทัพ ไปตา้ นกาลังข้าศกึ ทงั้ ๓ ทาง ทาให้กาลังพลทย่ี กไปเมอื งมะรดิ มนี ้อยเกินควร กองทัพหน้าของพระราช รองเมอื งซึง่ ยกไปถงึ ปลายแมน่ ้า ตะนาวศรี ก็ถูกพม่าตีแตกยบั เยิน ขุนรองปลดั ชู ทีม่ า : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/4446 หน้า 28 สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อ่างทอง
หนังสอื เรียนรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ส่วนขุนรองปลัดชูแห่งเมืองวิเศษไชยชาญ ตามประวัติกล่าวว่า เป็นผู้ขลังวิทยาคม มีลูกศิษย์ มาก คุมสมัครพรรคพวกชาววิเศษไชยชาญมา ๔๐๐ คน ล้วนมีฝีมือและอยู่ยงคงกระพันเข้ามาอาสา ทาสงคราม ได้รับแต่งตั้งเป็นกองอาทมาต ซึ่งเป็นหน่วยสอดแนมลาดตระเวน เพ่ือหย่ังดูกาลังข้าศึก มากับกองทัพของพระยารัตนาธิเบศร์ ยกมาตั้งม่ันอยู่ที่เมืองกุยบุรี คร้ันได้ข่าวพม่าบุกมาถึง พระยา รัตนาธิเบศร์จึงให้ขุนรองปลัดชูคุมกองอาทมาตไปตั้งสกัดท่ีอ่าวหว้าขาว ปะทะกับทัพพม่าและสู้รบ กันอย่างตะลุมบอนตั้งแต่เช้าถึงเท่ียงไม่จบส้ิน เพราะพม่าส่งกาลังทหารหนุนเนืองเข้ามามากมาย พระยารัตนาธิเบศร์ให้เกณฑ์กาลัง ๕๐๐ คน ลงไปหนุนกองกาลังขุนรองปลัดชู แต่ยกลงมาไม่ทัน ในทส่ี ดุ กองกาลงั อาทมาต ชาววเิ ศษไชยชาญกต็ ายหมดส้ิน กล่าวกันว่า ภายหลังลูกหลานของขุนรองปลัดชูและกองอาทมาต ตลอดจนชาววิเศษ ไชยชาญท้ังหลายได้ร่วมแรงร่วมในกันสร้าง วัดสี่ร้อย ขึ้น เพ่ืออุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษผู้กล้าหาญ ของเขา คือ ขนุ รองปลดั ชู และกองกาลังพลทัง้ สรี่ อ้ ย ผเู้ ปน็ ตน้ แบบการพลีชีพเพื่อชาติ นายดอก นายทองแก้ว ปีพุทธศักราช ๒๓๐๘ ก่อนท่ีกรุงศรีอยุธยาจะเสียแก่พม่า ทัพพม่าซ่ึงมีเนเมียวดีสีหบดี เป็น แม่ทัพได้ให้กองทหารปล้นทรัพย์จับผู้คน ตั้งแต่นครสวรรค์เรื่อยมาจนถึงเมืองวิเศษไชยชาญ ราษฎร ได้รบั ความเดือนรอ้ นแสนสาหสั ครั้งนั้นเกิดวีรบุรุษสาคัญควรกล่าวถึง ๖ ท่าน คือ นายแท่น นายโชติ นายอนิ นายเมอื ง ๔ ท่านน้ี เป็นชาวสีบัวทอง แขวงเมืองสิงห์บุรี กับนายดอก นายทองแก้ว ๒ ท่านนี้ เป็นชาวเมืองวิเศษไชยชาญ ช่วยกันรวบรวมผู้คนและอาวุธเท่าท่ีพอหาได้ ได้หลอกพม่าฆ่าเสียมาก แต่กาลังพม่ามีมากกว่าหลายเท่าเห็นจะสู้ไม่ไหว จึงพากันหลบหนีไปสมทบกันท่ีค่ายบางระจัน โดยมี หัวหน้าเพ่ิมข้ึนที่ค่ายบางระจัน คือ ขุนสรรค์พันเรือง นายทองเหม็น นายจันหนวดเขี้ยว นายทอง แสงใหญ่ รวม ๑๑ ท่าน โดยมีพระอาจารย์ธรรมโชติแห่งวัดโพธิ์เก้าต้น เป็นผู้ประสาทวิทยาคมและ บารุงขวัญให้ได้ต่อสู้กับทัพพม่าถึงแปดคร้ัง ได้เสียชีวิตทั้ง ๑๑ ท่าน ณ ค่ายบางระจัน นี้เป็นข้อความ ที่เขียนไว้บนแผ่นกระดานดาหน้าวิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ บริเวณวัดโพธิ์เก้าต้น ค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี อนสุ าวรีย์นายดอกนายทองแกว้ เป็นอนุสรณส์ ถานทชี่ าววิเศษชัยชาญและชาวอ่างทอง ร่วมกันสร้าง เพ่ือราลึกถึงคุณงามความดีของวีรบุรุษแห่งบ้านโพธิ์ทะเล ชาววิเศษชัยชาญ นายดอก และนายทองแก้ว ยอมสละชีวิตอย่างกล้าหาญเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยในการสู้รบกับพม่าท่ีค่าย บางระจันก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตก ในปี พ.ศ. ๒๓๐๙ โดยนายดอกและนายทองแก้ว เป็นบุคคล สาคัญในกลุ่มของ ๑๑ วีรชนแห่งชาวบ้านบางระจัน ซ่ึงการรบที่บางระจันนั้นเป็นการรบเพ่ือป้องกัน ตัวเองของชาวบ้านเมืองสิงห์บุรีและเมืองต่างๆ ที่พากันมาหลบภัยกองทัพพม่าสงครามบางระจัน ในคราวเสยี กรงุ ศรอี ยุธยาคร้ังที่สอง สามารถต้านทานการเข้าตีของกองทัพพม่าได้หลายครั้ง จนได้ชื่อ ว่า “เข้มแข็งกว่ากองทัพ ของกรุงศรีอยุธยาในสมัยน้ัน” และมีกิตติศัพท์เลื่องลือด้านวีรกรรมความ กลา้ หาญในประวตั ศิ าสตร์ไทย วีรกรรมอนั กล้าหาญของนักรบไทยค่ายบางระจัน เป็นที่ภาคภูมิใจและ อยู่ในความทรงจา ของคนไทยตลอดมา ชาวเมืองอ่างทองจึงพร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์ เพ่ือเป็น อนุสรณ์แก่นายดอก และนายทองแก้วไว้ ที่บริเวณวัดวิเศษไ ชยชาญ โดยพระบาทสมเด็จ หนา้ 29 สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนังสอื เรียนรายวิชาเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดาเนินมา ทรงกระทาพธิ เี ปดิ อนสุ าวรยี ์เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๒๐ ในวนั นข้ี องทกุ ปี ชาวเมืองอ่างทองจะทาพิธี วางพวงมาลาสักการะอนุสาวรีย์ นายดอก นายทองแก้ว เพ่ือเป็นการระลึกถึงคุณความดี ในวีรกรรม ความกล้าหาญของทา่ นอย่างมิอาจลืมเลอื น อนสุ าวรีย์ นายดอก นายทองแก้ว ท่ีมา : http://phakamat12.blogspot.com/2017/01/2.html นายแท่น นายโชติ นายอนิ นายเมือง นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง ชาวบ้านสีบัวทอง แขวงเมืองสิงห์บุรี ซึ่งได้ร่วมกับ นายดอกนายทองแก้ว ร่วมรบในศึกบางระจัน ซ่ึงการออกรบทุกครั้ง นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมอื ง รว่ มเขา้ ตอ่ สูอ้ ยา่ งกลา้ หาญเด็ดเดี่ยวในการรบคร้ังท่ี ๔ นายแท่นเป็นแม่ทัพถือพล 200 คน ทัพนายทองเหม็นปีกขวา และทัพพันเรืองปีกซ้ายสู้รบกับทัพสุรินทร์จอข่อง ของพม่าที่สมรภูมิ บ้านห้วยไผ่ คลองสะตือสตี่ น้ ได้รับชัยชนะ นายแท่น เป็นคนบา้ นสีบัวทอง แขวงเมืองสงิ ห์บุรี เป็นผู้ท่ีมีความกล้าหาญ และมีฝีมือในการ วางแผนรบ จัดว่าเป็นแม่ทัพใหญ่อีกคนหนึ่ง นายแท่นคุมพลเข้ารบกับทหารพม่าหลายคร้ังได้รับ ชัยชนะ ในการรบคร้ังท่ี 4 ท่านคุมพล 200 คน เปน็ ทัพหลวง คมุ พลเข้าตีลวงพม่าก่อน และให้ทหาร ปีกขวา และปีกซ้ายตีโอบหลัง สนามรบคือฝ่ังคลองทุ่งห้วยไผ่สะตือสี่ต้น ในการรบครั้งน้ันท่านได้รับ ชัยชนะ และสามารถฆ่าแม่ทัพพม่าได้ คือ สุรินทร์จอข่อง แต่ท่านก็ได้รับบาดเจ็บที่เข่า เนื่องจาก หน้า 30 สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนังสอื เรียนรายวิชาเลอื กเสรี วิชาอา่ งทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ถูกอาวุธของข้าศึก ต้องหามกลับค่ายหลังจากนั้นท่านต้องนอนรักษาตัวอยู่ในค่าย ไม่นานก็เสียชีวิต เพราะพิษบาดแผล ทาให้ทุกคนในบางระจันเสียขวัญกาลังใจ เน่ืองจากขาดบุคคล ซ่ึงเป็นท่ีพ่ึง 1 ใน 11 ทา่ น ทุกคนในค่ายตอ้ งหลงั่ น้าตาในการจากไปของท่าน นายโชติ เป็นคนบ้านสีบัวทอง แขวงเขตเมืองสิงห์บุรีติดต่อเมืองสุพรรณบุรี นายโชติ ได้รวม ชาวบ้านท่ีถกู กองลาดตะเวนของทหารพม่าข่มเหง และให้ส่งหญิงสาวให้ ในครั้งน้ันท่านกับพรรคพวก ได้ลวงทหารพม่าไปฆา่ ได้กว่า 20 คน จากน้ันท่านและชาวบ้านจึงมาอยู่รวมกัน ณ บางระจัน ท่านได้ ตอ่ ส้กู ับทหารพม่า จนเสียชีวติ ในสนามรบ นายอิน เป็นคนบ้านสีบัวทอง ที่มากับนายแท่น นายโชติ นายเมือง เป็นคนหนึ่งท่ีร่วมกัน ฆ่าทหารพม่าในครั้งแรก แล้วมารวมกาลังตั้งค่ายบางระจันขึ้น ณ วัดโพธ์ิเก้าต้น ท่านเป็น 1 ใน 11 ผนู้ าชาวบ้านทอ่ี อกต่อสู้กับทหารพมา่ ด้วยความกล้าหาญจนตัวตายในสนามรบ นายเมือง เป็นคนบ้านสีบัวทอง เมืองสิงห์บุรี ร่วมกับนายอิน นายโชติ นายแท่น และ ชาวบ้านอีกจานวนหน่ึง ลวงทหารพม่าไปฆ่า และท่านเป็นคนไปนิมนต์พระอาจารย์ธรรมโชติ จาก แคว้นเมืองสุพรรณ มาอยู่วัดโพธิ์เก้าต้น ค่ายบางระจัน นายเมืองเป็น 1 ใน 11 ผู้นาชาวบ้านในค่าย ทค่ี ุมคนออกต่อสกู้ ับพมา่ จนกระท่ังเสียชีวติ ในสนามรบ เพื่อระลึกถึงวีรกรรมของบุคคลทั้งสี่ที่ร่วมรบต่อสู้พม่าได้นานถึง 5 เดือน ประชาชน ชาวสีบัวทองมี จ.ส.อ.โปร่ง พุ่มแก้ว เป็นช่างป้ัน สร้างอนุสาวรีย์วีรชนชาวบ้านสีบัวทองในท่ีดิน ส่วนบุคคล หมู่ที่ ๒ ตาบลสีบัวทอง อาเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง และมีการสักการะในช่วง วนั สงกรานต์ของทุกปี อนุสาวรยี ์ นายแทน่ นายโชติ นายอนิ นายเมอื ง ที่มา : http://angthongnews.blogspot.com หนา้ 31 สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
หนังสอื เรยี นรายวิชาเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย กิจกรรมท้ายบทที่ ๑ ใบงานท่ี 1 คาชแ้ี จง ให้ผเู้ รยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี ๑. จงบอกทมี่ าของช่อื เมืองอา่ งทอง ว่าไดช้ อ่ื น้มี าจากไหน มีการสนั นิษฐานว่าอยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..………………… ๒. จงอธิบายประวัติการก่อตง้ั เมืองอ่างทอง ว่าเกิดขึ้นเม่ือใด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..………………… ๓. ในสมยั กรุงศรอี ยธุ ยาเมืองอา่ งทองมปี ระวัติความเปน็ มาอย่างไร จงอธบิ ายโดยสังเขป ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..………………… หน้า 32 สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอ่างทอง
หนังสือเรียนรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ใบงานที่ ๒ คาชี้แจง ใหผ้ ู้เรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ี ๑. จงอธบิ ายลกั ษณะภูมิประเทศของจงั หวดั อ่างทอง วา่ มลี ักษณะเป็นอยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..………………… ๒. จงอธบิ ายสภาพเศรษฐกิจของจงั หวดั อา่ งทองในดา้ นต่างๆ มาพอสังเขป ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..………………… ๓. ให้ผู้เรยี นอธิบายวิธกี ารเลอื กอาชพี ของตนเอง ที่เหมาะสมกับบรบิ ทของจงั หวดั อ่างทอง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………..………………… หนา้ 33 สานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอ่างทอง
หนังสอื เรียนรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ใบงานที่ ๓ คาชแี้ จง ใหผ้ ูเ้ รยี นตอบคาถามต่อไปน้ี ๑. ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั อ่างทองคนปจั จบุ ันคือใคร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………….............................. .................................................................................................................................. ............................. ๒. จงยกตัวอยา่ งบุคคลสาคญั ทางประวตั ศิ าสตร์ มาอย่างน้อย ๒ ท่าน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………......................................................................................... ................................................................................................................................................. ............... ๓. จงบอกคาขวญั จังหวดั อ่างทอง และคาขวัญประจาอาเภอของตนเอง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………..……………. หน้า 34 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเลอื กเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย บทที่ 2 วฒั นธรรม ประเพณีของจังหวดั อ่างทอง สาระสาคญั เน้ือหาสาระเกี่ยวกับ ความหมายของวัฒนธรรม ประเพณี ประวัติ ที่มาของวัฒนธรรม ประเพณีของจังหวัดอ่างทอง รวมถึงเห็นคุณค่าความสาคัญ การอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรม ประเพณีของจังหวัดอา่ งทอง ผลการเรียนรู้ทีค่ าดหวัง 1. บอกความหมายของวัฒนธรรม ประเพณีได้ 2. สามารถวเิ คราะห์ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมกับประเพณีของจงั หวดั อ่างทองได้ 3. เหน็ คุณค่าและความสาคัญของวัฒนธรรม ประเพณีของจังหวัดอา่ งทอง 4. บอกแนวทางการอนุรักษแ์ ละสบื สานวฒั นธรรม ประเพณขี องจงั หวัดอ่างทอง ขอบข่ายเน้ือหา เรื่องท่ี 1 ความหมายของวฒั นธรรมและประเพณี เร่อื งท่ี 2 วฒั นธรรมของจงั หวัดอ่างทอง เรื่องที่ 3 ประเพณีของจงั หวดั อ่างทอง เรือ่ งที่ 4 คณุ ค่าและความสาคญั ของวฒั นธรรม ประเพณขี องจงั หวดั อา่ งทอง เรื่องที่ 5 การอนุรกั ษแ์ ละสบื สานวฒั นธรรม ประเพณีของจังหวดั อา่ งทอง ส่ือประกอบการเรยี นรู้ 1. หนังสอื แบบเรยี น 2. อนิ เตอร์เนต็ 3. ปราชญ์และภูมปิ ญั ญาท้องถ่ิน 4. แหลง่ เรียนรู้ หน้า 35 สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวัดอ่างทอง
หนังสือเรียนรายวชิ าเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย วัฒนธรรม ประเพณขี องจงั หวดั อ่างทอง วัฒนธรรม ประเพณีของจังหวัดอ่างทอง เป็นส่ิงท่ีแสดงออกจากพฤติกรรม และความรู้สึก ของคนในท้องถิ่น เป็นองค์ความรู้ วิธีการ ทักษะ ความเชื่อ ท่ีพัฒนามาจากการมีความสัมพันธ์ ระหว่างคนกับสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติและเหนือธรรมชาติ วัฒนธรรม ประเพณีของจังหวัด อา่ งทอง จงึ เป็นสิ่งทีม่ ีคณุ คา่ ทางจิตใจท่ีสืบทอดกันมาจากคนรุ่นหนึ่งมายังคนอีกรุ่นหนึ่ง จนกลายเป็น วิถีชวี ิตของคนในจังหวัดอ่างทอง เรื่องที่ 1 ความหมายของวัฒนธรรมและประเพณี วัฒนธรรม หมายถึง ทุกสิ่งท่ีมนุษย์สร้างขึ้นเพ่ือนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน เป็นภูมิปัญญา ที่ผู้คนในแต่ละสังคมรุ่นก่อน ๆ คิดสร้างสรรค์ และพัฒนาข้ึนจากของเดิม แล้วถ่ายทอดสืบต่อมา ยังคนรนุ่ หลัง โดยวัฒนธรรมต่างๆ นัน้ สามารถปรบั ปรงุ เปลี่ยนแปลงได้ เพื่อใหส้ อดคลอ้ งกับยุคสมยั ประเพณี หมายถึง ความประพฤติของคนส่วนรวมที่ถือกันเป็นธรรมเนียม หรือเป็นระเบียบ แบบแผน และสืบต่อกันมาจนเป็นรูปแบบเดียวกัน และยังคงอยู่ได้ก็เพราะมีสิ่งใหม่เข้ามาช่วย เสรมิ สร้างสิ่งเกา่ อยเู่ สมอ และกลมกลืนเข้ากนั ไดด้ ี เรอื่ งท่ี 2 วัฒนธรรมของจังหวัดอา่ งทอง วิถีชีวิตของผู้คนในท้องถ่ินย่อมมีวัฒนธรรมอันเหมาะสมเฉพาะของตน ที่สืบสานจากคน รุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง แต่วัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมได้ปรับเปล่ียนไปตามสภาพแวดล้อม ทางธรรมชาติและกระแสการพัฒนาทางเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซ่ึงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมในท้องถ่ิน ของจังหวัดอ่างทอง เป็นส่ือแสดงลักษณะเฉพาะของชุมชนท่ีจะผูกคล้องใจให้เกิดความรัก ความผูกพันและความสามัคคีของคนในจังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการพัฒนาท้องถ่ิน แบบพ่ึงพาตนเองดว้ ยภมู ปิ ญั ญาอนั ชาญฉลาด ชุมชนของจงั หวัดอ่างทองเป็นชุมชนเล็ก ๆ ผู้คนดาเนิน ชีวิตอย่างสงบสุขและเรียบง่าย แต่มีมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์อันมีคุณค่าท่ีน่าภาคภูมิใจ สมควรได้รับการอนุรักษแ์ ละสบื สาน ดังน้ี ตุ๊กตาชาววังบา้ นบางเสด็จ จังหวัดอ่างทอง เป็นจังหวัดที่ประสบปัญหาน้าท่วมในช่วงหน้าฝนมาเป็นระยะเวลายาวนาน ทาให้ประชาชนมีความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก แต่เดิมพ้ืนท่ี ตาบลบางเสด็จ อาเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง มีอาชีพทาอิฐและเหลาไม้ก้านธูป เม่ือยามท่ีฝนตกทาให้น้าท่วมไม่สามารถเผาอิฐ หรือตากธูปได้ ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนในเรื่องการทามาหากินช่วงหน้าฝน ในปี พ.ศ. 2519 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ เยี่ยมราษฎร ที่ตาบลบางเสด็จ ทรงมีพระดาริว่า น่าจะมีอาชีพเสริมอย่างอื่น โดยทรงคานึงว่าชาวบ้าน มีทรัพยากรธรรมชาติท่ีพร้อมอยู่แล้ว คือ ดินเหนียวที่ใช้ทาอิฐ ประกอบกับทรงระลึกถึงตุ๊กตาไทย ที่เรียกว่าตุ๊กตาชาววังน้ันหาดูได้ยากเกือบจะสูญส้ินไปหมดแล้ว หากจะฟ้ืนฟูข้ึนก็น่าจะช่วยสืบสาน หนา้ 36 สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
หนังสือเรียนรายวชิ าเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ศิลปหัตถกรรมไทยแบบโบราณของไทยได้อีกอย่างหนึ่ง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ส่งอาจารย์ จุลทัศน์ พยาฆรานนท์ และอาจารย์เสริมศรี บุนนาค จากวิทยาลัยเพาะช่าง มาสอนปั้นตุ๊กตาชาววัง ด้วยดินเหนียว โดยเป็นการปั้นท่ีแสดงให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน และวัฒนธรรมประเพณี ไทยตา่ ง ๆ อาทิเช่น การละเล่นของเด็กไทย วงมโหรีป่ีพาทย์ สุภาษิตคาพังเพยไทย หรือรูปผลไม้ไทย หลากหลายชนดิ ซึ่งล้วนมีความสวยงามนา่ รกั และรปู แบบต่างๆ มากมาย ต๊กุ ตาชาววัง มกี าเนดิ ในช่วงปลายสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยการทา เป็นของเล่นเฉพาะในกลุ่มข้าหลวงชาววัง ต่อมาข้าหลวงบางคนที่ออกมาอาศัยกับครอบครัวนอกวัง ริเริ่มทาตุ๊กตาชาววังออกขาย จึงเริ่มเป็นที่รู้จักของประชาชน การป้ันตุ๊กตา บ่งบอกถึงคุณค่า แห่งศิลปวัฒนธรรมไทยได้เป็นอย่างดี โครงการร้ือฟื้นวิชาการปั้นตุ๊กตาชาววังท่ีพระราชทาน แก่ชาวบ้านบางเสด็จ ทาให้ท่ีนี่กลายเป็นแหล่งผลิตตุ๊กตาชาววังท่ีใหญ่ที่สุด และมีชื่อเสียงแพร่หลาย ไปไกลทั่วโลก สร้างอาชีพเสรมิ เพ่ิมพูนรายได้ให้แก่ราษฎรมาตงั้ แตป่ ี พ.ศ.2519 เปน็ ต้นมา รปู ปนั้ ตุก๊ ตาชาววังบ้านบางเสด็จ ทมี่ า : http://horobiz.com/?p=289 จกั สานบ้านบางเจา้ ฉา่ แหลง่ หัตถกรรมเคร่ืองจักสานสาคัญที่ขึ้นชื่อของจังหวัดอ่างทอง คือ \"บ้านบางเจ้าฉ่า” ตั้งอยู่ หมู่ท่ี ๘ บ้านยางทอง ตาบลบางเจ้าฉ่า เป็นชุมชนที่มีมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งชาวบ้านได้เคย ร่วมกับชาวแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ และชาวบางระจัน สู้รบกับพม่า ณ บ้านบางระจัน โดยมีนายฉ่า เปน็ ผู้นา นายฉา่ นน้ั พน้ื เพเป็นคนสีบัวทอง ภายหลงั การสรู้ บยุติแล้ว \"นายฉ่า” จึงได้นาชาวบ้านมาต้ัง หนา้ 37 สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอ่างทอง
หนังสือเรยี นรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย บ้านเรือนเป็นที่อยู่อาศัยถาวรขึ้นในชุมชนด้านทิศตะวันตกของแม่น้าน้อย แต่เดิมเรียกว่า \"บ้านสร้าง สามเรือน” เพราะเร่ิมแรกมีเพียงสามหลังคาเรือนเท่านั้น ซ่ึงเป็นพื้นท่ีอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การ ตั้งเป็นทอ่ี ยู่อาศัย ปัจจบุ นั มีชอ่ื ว่า \"บางเจ้าฉ่า” เพราะนาชื่อของนายฉ่ามาต้ังช่ือ ซึ่งนายฉ่านั้น เป็นท้ัง ผู้นาและเป็นผกู้ อ่ ตัง้ หมบู่ า้ น จกั สานบ้านบางเจา้ ฉ่า ที่มา : https://www.m-culture.go.th/angthong/ewt_news.php?nid=472 โดยท่ีนี่เป็นแหล่งผลิตเคร่ืองจักสานด้วยไม้ไผ่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เคยเสด็จพระราชดาเนินมาเยือนและได้พระราชทาน คาแนะนาให้ราษฎรปลูกไม้ไผ่สีสุก เพ่ือเป็นวัตถุดิบในการทาเคร่ืองจักสานและเป็นการอนุรักษ์ งานฝีมือประเภทน้ีไว้ งานจักสานของบ้านบางเจ้าฉ่า มีความละเอียดประณีตสวยงามสามารถพัฒนา งานฝีมือตามความต้องการของตลาด ไม่ยึดติดกับรูปแบบเก่าจนสามารถส่งออกขายต่างประเทศได้ จึงได้รับการยกยอ่ งว่าเปน็ หมบู่ า้ นตวั อยา่ งในการพฒั นาอาชพี กลองดตี ดี ังแหง่ บ้านปากนา้ การทากลองเป็นงานศิลปหัตถกรรมท่ีเกิดจากความชานาญ โดยการสร้างกลองท่ีเป็น ท้งั เครอ่ื งดนตรีมีความงดงามประณีตอยู่ในช้ินงานเดยี วกัน “ย่านทากลอง” แหล่งที่ใหญ่ที่สุดในขณะน้ีอยู่ที่บ้านปากน้า ตาบลเอกราช อาเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ชาวบ้านท่ีนี่ทากลองกันทั้งหมู่บ้าน ทากลองหลายชนิดและหลายขนาด เป็นแหล่ง ผลิตสินค้าท่ีระลึกและเคร่ืองดนตรีชั้นเย่ียมที่หัวหน้าวงดนตรีเสาะแสวงหา การผลิตกลองส่วนใหญ่ หน้า 38 สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อ่างทอง
หนังสือเรยี นรายวชิ าเลอื กเสรี วิชาอ่างทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย เป็นกลองท่ีมีการส่ังเข้ามาและสามารถขายได้สะดวก เช่น กลองยาว กลองทัด กลองแขก กลอง ท่ีระลึกขนาดเล็ก ๆ ส่วนกลองที่ใช้ในเคร่ืองดนตรีของภาคต่างๆ มีการทาบ้างเพียงเล็กน้อย ซึ่งจะมี ผู้สง่ั ทาพิเศษเทา่ น้นั หมู่บ้านทากลองที่ตาบลเอกราช อยู่ไม่ห่างจากตัวอาเภอป่าโมกเท่าใดนัก การเดินทาง สู่หมู่บ้านทากลองต้องเข้าไปตามทางถนนลูกรัง ผ่านประตูระบายน้าคลองปลากด และวัดโบสถ์ วรดิตถ์ ลึกเข้าไปด้านใน มีบ้านเรือนไทย บ้านเรือนไม้ธรรมดาบ้างกลางเก่ากลางใหม่ รวมกันอยู่ เป็นกลุ่มที่ลานบ้านและใต้ถุนบ้าน มีกองไม้ถูกตัดเป็นท่อนเพ่ือใช้ในการผลิตกลอง ทั้งขนาดเล็กและ ขนาดใหญแ่ ทบทกุ หลงั คาเรือน จังหวดั อ่างทอง อยู่ในบริเวณท่รี าบลุม่ แมน่ ้าเจา้ พระยา ซึ่งอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างย่ิง ชาวบ้าน ส่วนใหญ่มีอาชีพหลักทางเกษตรกรรม โดยเฉพาะการทานา เม่ือว่างจากงานแล้วชาวจังหวัดอ่างทอง ซงึ่ ได้ชอ่ื ว่า เป็นศลิ ปนิ โดยสายเลือด จะใชเ้ วลาวา่ งจากการทานา ไปออกแสดงมหรสพต่าง ๆ เช่น ลิเก เปน็ ต้น จากคาบอกเลา่ ประวัติการเร่ิมทากลองชาวบ้านปากน้าเล่ากันว่า เกิดจากบุคคลผู้หน่ึงซึ่งเป็น นายวงป่ีพาทย์ เม่ือราว 50 ปีมาแล้ว เร่ิมทากลองทัดก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงทากลองชนิดอ่ืน ๆ บ้าง เช่น กลองแขก กลองยาว และมีการจ้างชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงมาช่วยตัดไม้ ถากไม้ ขุด เจาะ กลึงตัวกลอง แต่ก็ไม่ได้เผยแพร่วิชาการทากลองนี้ให้แก่ผู้ใด จึงมีการลอกเลียนแบบ ที่เรียกว่า “ครูพักลักจา” เมื่อฝึกฝีมือจนชานาญแล้ว ลูกจ้างหลาย ๆ คน จึงแยกตัวออกไปประกอบ อาชีพผลิตกลองชนิดต่าง ๆ และสามารถส่งไปจาหน่ายได้แพร่หลายมากข้ึน ซึ่งชาวบ้านปากน้า สืบทอดวิธีการผลิตกลองมาจนถึงปัจจุบัน โดยกลองไทยจานวนมากที่ใช้กันอยู่ในขณะนี้ มีแหล่งผลิต มาจากท้องทงุ่ ในอาเภอปา่ โมกแทบทงั้ ส้ิน กลองประเภทต่างๆ ท่ผี ลิตในหมบู่ า้ นทากลอง ท่มี า : https://www.m-culture.go.th/angthong/ewt_news.php?nid=465 หน้า 39 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนงั สือเรียนรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ราโทนคณะบ้านหนา้ วัดโบสถ์ การเล่นราโทนของชาวสามโก้ จังหวัดอ่างทอง ริเริ่มโดยตารวจและทหารที่ไปปฏิบัติหน้าท่ี ในสงครามโลกคร้ังที่ 2 หลังจากเสร็จภารกิจแล้ว ได้ถูกทางการส่ังให้มาประจาหน่วย ซึ่งปัจจุบัน คือ วัดเกษทอง เพอื่ ปราบปรามโจรผู้รา้ ยและเหล่าบรรดามิจฉาชีพต่างๆ ท่ีมีอยู่ชุกชุมในขณะนั้น คร้ันเม่ือ เลิกจากงานแล้วต่างก็สร้างความสนุกให้กับตนเอง ในสมัยน้ันสื่อบันเทิงต่าง ๆ ยังไม่มี โดยเฉพาะ ต่างจังหวัด ด้วยการร้องราเลน่ เพลงต่างๆ เพลงทน่ี ามารอ้ งนน้ั ส่วนมากเปน็ เพลงสั้นๆ จาง่าย มีเครื่อง ดนตรใี หจ้ ังหวะ ได้แก่ โทน ฉ่งิ และกรับ ต่อมาชาวบ้านได้นามาร้องเล่นกัน เม่ือทานาเสร็จก็มาชุมนุม กันท่เี นินสงู กลางหมบู่ า้ น โดยจะร้องกนั เป็นประจาทุกคืน ในระยะต่อมาได้มีการละเล่นชนิดหนึ่ง เรียกว่า “ราวง” หรือเรียกอีกอย่างหน่ึงว่า “เชียร์ ราวง” ซ่ึงมีลักษณะคล้ายกับการประยุกต์รูปแบบการเล่นราโทน ใช้จังหวะแบบดนตรีสากล ซ่ึงมี ความเร้าใจทาให้พวกหนุ่มสาวหันมาเล่นราวงกันมากขึ้น ภายหลังได้เกิดคณะราวงข้ึนมากมาย ซงึ่ คณะราวงต่าง ๆ ทีเ่ กิดขนึ้ น้ีเปน็ ทน่ี ยิ มแพร่หลายถงึ กับทาให้การเล่นราโทนซบเซาลง จนกระท่ังปี พ.ศ. 2521 นายทองอาบ ไข่แก้ว อดีตผู้ใหญ่บ้าน ได้มีการฟื้นฟูราโทนขึ้นใหม่ ด้วยเห็นว่าราโทนของสามโก้เคยรุ่งเรืองมาแต่อดีต และเป็นเอกลักษณ์ประจาหมู่บ้าน จึงได้ชักชวน เพ่ือนบ้านที่เคยเล่นราโทนมาร่วมกันฟื้นฟูการเล่นราโทนขึ้นใหม่ และนับแต่น้ันมาก็มีการเผยแพร่ การเล่นราโทนสู่เยาวชนในโรงเรียนต่าง ๆ ละแวกใกล้เคียง เช่น โรงเรียนสามโก้วิทยาคม โรงเรียน วิเศษชัยชาญตันติวิทยาภูมิ นอกจากน้ียังมีการอนุเคราะห์ให้ข้อมูล ตลอดจนวิธีการเล่นราโทน แก่คณะอาจารยแ์ ละนกั ศกึ ษาทั้งภายในจงั หวัดอ่างทองและจังหวัดใกล้เคยี ง บทเพลงในการเล่นราโทนของคณะบ้านหน้าวัดโบสถ์ เป็นบทเพลงที่มีพัฒนาการมายาวนาน นบั เปน็ คณะราโทนที่มีบทเพลงมาก และสามารถอนุรักษ์บทเพลงไว้ได้มากท่ีสุด ซึ่งแสดงถึงความเป็น ปึกแผ่นและแข็งแกร่งของวัฒนธรรมพื้นบ้าน ท่ีสะท้อนถึงเรื่องราวแห่งความบันเทิงในระดับท้องถิ่น ที่มีความสัมพันธ์ลกึ ซง้ึ กับวิถีชีวิตชาวบ้าน และสภาพสงั คมในสมยั น้นั อย่างชดั เจน บทเพลงราโทนมีความหลากหลายท้ังด้านทานอง จังหวะ และบทร้อง จัดได้ว่าเป็น การละเลน่ พ้ืนบา้ นทแี่ ตกต่างจากเพลงประเภทอื่น เน่ืองจากเพลงราโทนมีองค์ประกอบของความเป็น ดนตรีอย่างสมบูรณ์ ท้ังในด้านบทร้อง ทานอง จังหวะ ระบบเสียง ความหลากหลายของท่วงทานอง ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราว ถ่ายทอดสภาพสังคมได้อย่างละเอียด นับเป็นบทเพลงของชีวิต แหง่ ทอ้ งทงุ่ ที่ทรงคุณคา่ และควรแก่การอนรุ ักษ์สืบสานต่อไป หน้า 40 สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อ่างทอง
หนังสอื เรียนรายวชิ าเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย การแสดงราโทน ทมี่ า : https://www.m-culture.go.th/angthong/more_news.php?cid=68 เร่ืองท่ี ๓ ประเพณขี องจงั หวดั อ่างทอง ประเพณีของจังหวัดอ่างทอง เกิดจากวิถีแห่งการดารงชีวิตของผู้คนตามความเช่ือท่ีถ่ายทอด สืบเน่ืองในแต่ละยุคสมัย ประกอบกับสภาพทางภูมิศาสตร์อันเป็นปัจจัยหน่ึงท่ีหล่อหลอมและสร้าง ผลิตผลทางวัฒนธรรมให้มีเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละท้องถ่ิน จังหวัดอ่างทองเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า “ในน้ามีปลาในนามีข้าว” ประชาชนดารงชีวิตอยู่กับสายน้าหลัก 2 สายได้แก่ แม่น้าเจ้าพระยาและ แม่น้าน้อย ซ่ึงเป็นแหล่งก่อเกิดขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ สมควรได้รับการอนุรักษ์และสืบสาน ดังนี้ ประเพณีท้ิงกระจาด งานประเพณีพิธีทิ้งกระจาดที่จัดขึ้นน้ี เป็นประเพณีที่ได้มีการปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัย โบราณนานกว่า 1 พันปี เน่ืองจากมีความเช่ือกันว่า วันซิโกว หรืองานบุญเดือนเจ็ดของชาวจีนนั้น เป็นการสร้างทานบารมีท่ียิ่งใหญ่ให้แก่บรรดาสัมภเวสี หรือภูตผีไม่มีญาติ ท่ีถูกปลดปล่อยออกมารับ ส่วนบญุ เป็นเวลา 1 เดือน โดยที่จงั หวัดอา่ งทอง จะเป็นสถานที่เร่ิมต้นพิธี ท่ีจะต้องนิมนต์พระสงฆ์จีน หรือ “ซือหู” มาทาพิธีเปิดประตูนรกเพื่อปลดปล่อยวิญญาณ จากนั้นจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไป แต่ละพน้ื ที่จดั พิธีแจกทานไปทกุ จงั หวัด และไปทาพิธกี าร “ปดิ ประตูนรก” ซึ่งประเพณีทิ้งกระจาดที่ศาลเจ้าอ่างทอง ตาบลตลาดหลวง อาเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ประชาชนชาวไทยเชอ้ื สายจีนในพ้นื ท่ี จะร่วมกนั บรจิ าคส่ิงของ ขา้ วสารอาหารแหง้ เพอื่ แจกทานให้แก่ คนยากจน โดยมีประชาชนคนยากจนในพ้ืนท่ี และจังหวัดข้างเคียงที่ทราบข่าว จะหอบลูกจูงหลาน หน้า 41 สานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเลอื กเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย มารับแจกทานข้าวสาร อาหารแห้ง รวมท้ังเคร่ืองอุปโภคบริโภค เป็นจานวนมาก ซ่ึงการจัดงาน ประเพณีงานท้ิงกระจาดประจาปีของจังหวัดอ่างทองนี้ เป็นงานบุญท่ีชาวไทยเชื้อสายจีน ได้ปฏิบัติ ดารงมาจากอดีตถึงปจั จบุ นั ประชาชนรว่ มงานประเพณีทิ้งกระจาด ทมี่ า : https://www.innnews.co.th/regional-news/news_160119/ ประเพณพี ิธหี ม่ ผ้าพระนอนวัดขนุ อินทประมูล พระนอนวัดขุนอินทประมูล ประดิษฐานอยู่ ณ วัดขุนอินทประมูล ตาบลอินทประมูล อาเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง มีองค์พระยาว 1 เส้น 5 วา หรือ 50 เมตร จากตานานกล่าวว่า ขุนอินทประมูล ได้ยักยอกเงินหลวงมาสร้าง คร้ันถูกสอบถามว่าเอาเงินจากไหนมาสร้างพระ ขุนอินทประมูลก็ไม่ยอมบอกความจริง จึงถูกลงโทษจนตาย คงมีความเชื่อท่ีว่าถ้าบอกแหล่งที่มา ของเงนิ แล้ว ตนจะไม่ไดก้ ศุ ลตามทีป่ รารถนา จากการสันนษิ ฐานมีความเหน็ ว่า องค์พระนอนไดส้ ร้างในสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา พระพักตร์หันไป ทางทิศเหนือ พระเศียรหันไปทางทิศตะวันออก เม่ือมองตลอดทั้งองค์มีความสง่างามมาก พระพักตร์ งดงามได้สัดส่วน แสดงออกถึงความมีเมตตา ปัจจุบันองค์พระนอนอยู่กลางแจ้งไม่มีวิหารคลุม เช่นพระนอนองค์อ่ืน เนื่องจากสมัยก่อนหลังจากสร้างองค์พระนอนเสร็จแล้ว ระหว่างการสร้างวิหาร เพื่อคลุมองค์พระนอน ก็มีเหตุให้สร้างไม่ได้อยู่หลายคร้ังหลายครา จนชาวบ้านไม่รู้จะทาอย่างไร จึงปล่อยให้ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ซ่ึงองค์พระนอนก็เด่นเป็นสง่า สวยงดงามอย่างที่เห็น และ ปจั จบุ นั มตี ้นไม้ใหญ่ขนึ้ เปน็ จานวนมาก ทาให้รม่ ร่นื ย่งิ นัก หน้า 42 สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
หนังสอื เรียนรายวชิ าเลอื กเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สาหรับพิธีห่มผ้าน้ัน เร่ิมจากการการนาผ้าผืนใหญ่ที่ชาวอ่างทองในเขตพื้นที่อาเภอต่าง ๆ ร่วมใจกันเย็บขึ้น เพื่อนาใช้ในการห่มองค์พระนอนพุทธไสยาสน์ ซึ่งแต่ละอาเภอได้นามารวมกัน ที่วัดขุนอินทประมูลแห่งนี้ เพ่ือทาการเย็บรวมเป็นผืนเดียวกัน ขนาดยาว 25 วา เมื่อทาการเย็บรวม เสร็จแลว้ ก็ทาพธิ ีการแห่ผา้ ดงั กล่าว แล้วชว่ ยกันชกั เชือกดงึ ผา้ ข้นึ หม่ องคพ์ ระนอน พิธีการห่มผ้าพระนอนน้ัน เป็นการอนุรักษ์ความเป็นไทย และสืบสานวัฒนธรรมประเพณี ท่ีเคยปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาอย่างช้านาน โดยชาวอ่างทองมีความเช่ือว่าในการห่มผ้าองค์พระนอนน้ี จะส่งผลบญุ ให้เกดิ ความสงบสุขร่มเยน็ แก่ตนเองและครอบครวั ประชาชนบชู าขอพรพระนอนวดั ขนุ อนิ ทประมูล ทีม่ า : https://www.tnews.co.th/region/335255/อา่ งทอง ประเพณีเผาขา้ วหลามวัดบ้านแก ประเพณีการเผาข้าวหลามหม่ืนกระบอกเป็นพุทธบูชาและสร้างความสามัคคีให้กับชาวบ้าน ในชุมชน ทีบ่ รเิ วณโรงเรียนวัดบ้านแก ตาบลศรีพราน อาเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ทางวัดร่วมกับ ชาวบ้านในชุมชน ได้จัดให้มีประเพณีการเผาข้าวหลาม จานวน 10,000 กระบอก เพื่อถวายเป็น พุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องในวันมาฆบูชา โดยมีชาวบ้านจาก 2 ตาบล จากพน้ื ที่ 2 อาเภอ จานวนกวา่ หลายร้อยคน ได้รว่ มสืบทอดประเพณีในการเผาข้าวหลาม สร้างความ สามัคคีที่วัดบ้านแกกันมาหลายสิบปี โดยมีเจ้าอาวาสวัดบ้านแก หน่วยงานราชการ และชาวบ้าน ได้ร่วมจิตร่วมใจ นาข้าวเหนียว ไม้ไผ่ ใบตองแห้ง ไม้ฟืนมาร่วมกันเผาข้าวหลาม บริเวณลานข้างวัด จานวน 10,000 กระบอก โดยช่วยกันทาตามหน้าที่และความถนัดของแต่ละคน เพื่อเป็นการ เช่ือมความสมั พันธไมตรี สร้างความสามัคคใี นหมูค่ ณะ ท่ที ากนั มาตั้งแตบ่ รรพบรุ ุษ หน้า 43 สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170