Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 9 / UMT

การประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 9 / UMT

Published by ครูหยง Yongkun, 2022-05-21 03:34:35

Description: การประชุมวิชาการระดับชาติ เรื่อง คุณภาพของการบริหารจัดการและนวัตกรรม ครั้งที่ 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation)

Search

Read the Text Version

การประชุมวิชาการระดับชาติ เรื่อง คุณภาพของการบริหารจัดการและนวัตกรรม ครั้งที่ 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี วิทยาลัยพยาบาลราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2565 ณ ห้องประชุมฟองจันทร์ ตึก President มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น

หนังสือรวมบทคัดยอ่ Book of Abstracts การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ เรื่อง คณุ ภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม คร้ังท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) วันเสารท์ ่ี 21 พฤษภาคม 2565 ณ ห้องประชมุ ฟองจันทร์ ตึก President มหาวทิ ยาลยั การจดั การและเทคโนโลยอี สี เทิรน์ ข

สารจากอธิการบดี มหาวทิ ยาลัยการจัดการและเทคโนโลยอี ีสเทิร์น Wisdom for ALL มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์นตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมความพร้อมของ ประเทศไทยด้านการวิจัย และการเตรียมความพร้อมที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงของโลก Metaverse ซึ่งจะเชื่อมโยงโลกเสมือนและโลกจริงเข้าด้วยกัน ดังนั้นงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ วิวัฒนาการนี้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมจะมคี วามสำคัญและประโยชน์เชิงสังคม เศรษฐกิจ และที่สำคัญยิง่ คือ การศึกษา ความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลงานวิจัยที่มีประโยชน์สู่สังคมของมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยี อีสเทิร์น จึงได้มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี และวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ในการจัดงานประชมุ วชิ าการระดับชาติ เรื่องคุณภาพของการบริหารจัดการและนวตั กรรม ครั้งที่ 9 (9th National Conference on Quality Management And Technology Innovation) โดยมี วตั ถุประสงค์เพ่ือเปดิ โอกาสใหน้ ักวิจัย นักวิชาการ คณาจารย์ และนักศกึ ษาระดับบัณฑิตศึกษา ได้นําเสนอและ แสดงผลงานวิจัย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์งานวิจัย เพื่อช่วยส่งเสริมให้งานวิจัยมี ความก้าวหน้าและ เข้มแข็งยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนสามารถเกิดการบูรณาการงานวิจัย ตลอดจนการนําผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ รวมทั้ง การเผยแพร่ผลงานวิจยั เพอื่ มงุ่ สสู่ ากล อันก่อเกิดประโยชนต์ อ่ สังคมและประเทศชาติต่อไป เป็นที่น่ายนิ ดอี ย่างย่ิงวา่ การจัดประชุมวิชาการในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้คนในแวดวงวิชาการ อย่างกว้างขวาง มีนักศึกษา นักวิจัยจากทั่วประเทศแจ้งความประสงค์เข้าร่วมงานนําเสนอผลงานวิจัย ทงั้ ในภาคโปสเตอร์ และภาคบรรยายเปน็ จาํ นวนกว่า 90 เรอ่ื ง โดยจาํ แนกเป็นดา้ นการศึกษา ด้านมนษุ ย์ศาสตร์ และสังคมศาสตร์ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และด้านบริหารธุรกิจ คณะทํางานได้ส่งบทความวิจัย ให้กับผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาคัดเลือก พร้อมทั้งให้คําแนะนําหรือข้อเสนอแนะในการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้ บทความที่นําเสนอมีความเหมาะสมและมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นการยกระดับคุณภาพของการประชุม วิชาการให้มีมาตรฐานในระดับชาติ นอกจากมีการนําเสนอผลงานวิจัยแล้ว ยังได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.ธนสุวิทย์ ทับหิรัญรักษ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มาเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “นวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้ ประสบการณ์และวิสัยทัศน์ด้านการวิจัย ให้แกผ่ ู้เขา้ รว่ มประชุมได้เป็นอย่างดี ก

ในโอกาสนี้ ในนามของคณะผู้จัดงาน ขอกราบขอบพระคุณ รองศาสตราจารย์ ดร.วีระศักด์ิ จินารัตน์ อธิการบดกี ติ ตคิ ณุ ทใ่ี หเ้ กยี รติเปน็ ประธานพธิ ีเปิดงานประชมุ วิชาการ ในคร้ังนี้ รวมทั้งรองศาสตราจารย์ธรรมรักษ์ ละอองนวล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ดร.ปัทมา ผ่องศิริ ผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ เจ้าภาพร่วมจัดการประชุม ผู้เข้าร่วมประชุม ผู้นําเสนอผลงานวิจัย วิทยากร ตลอดจนบุคลากรของทั้งสามสถาบันทุกท่านที่กรุณา ให้ความร่วมมือ ชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ จนทาํ ใหก้ ารจัดงานประชุมวชิ าการระดับชาติครงั้ น้ีสําเร็จลุล่วงและบรรลุ วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ทุกประการ หวังว่าคงได้พบกับทุกท่านอีกครั้งในการจัดงานประชุมวิชาการระดับชาติ คร้งั ต่อไป ดร.จนิ ตยิ า จนิ ารัตน์ อธิการบดีมหาวทิ ยาลยั การจัดการและเทคโนโลยอี สี เทริ ์น ข

รองศาสตราจารย์ ดร.ธนสุวิทย์ ทับหิรญั รกั ษ์ Keynote Speaker อาชีพ รบั ราชการ ตำแหน่ง รองศาสตราจารย์ หน่วยงาน มหาวทิ าลยั ราชภัฏสวนสนุ นั ทา ที่อยู่ปจั จบุ ัน 25/197 หมูท่ ่ี 6 ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบรุ ี รหัสไปรษณยี ์ 11120 โทรศพั ท์ (มอื ถอื ) 062-469-1453, 099-197-8987 e-mail: [email protected] ประวัตกิ ารศึกษา คุณวฒุ ิ สาขา ปที ส่ี ำเรจ็ การศึกษา สถานศกึ ษา ปริญญาเอก Doctor of Business Administration 2002 Argosy University,USA 1995 National University,USA ปรญิ ญาโท Master of Business Administration 2532 มหาวิทยาลยั รามคำแหง 2564 สถาบนั พระปกเกลา้ ปริญญาตรี ศลิ ปศาสตรบ์ ณั ฑติ 2005 Kellogg School of North ประกาศนยี บตั ร การบรหิ ารเศรษฐกจิ สาธารณะสำหรบั Western University, USA ผู้บรหิ ารระดบั สงู 2021 Chengdu Institute Certificate Competitive Strategy, Management Certificate China”s Exploration and Practice in Poverty Administration Institute and King Prajadhipok” ค

ประสบการณ์ (การสอน การบรหิ าร การดำรงตำแหน่งกรรมการสภาสถาบนั อดุ มศกึ ษา) อาทิเชน่ • ด้านงานบริหารมหาวิทยาลยั 1) รองอธิการบดฝี า่ ยกิจการสภามหาวิทยาลยั มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสนุ นั ทา พ.ศ.2564-2564 2) รกั ษาการรองอธกิ ารบดฝี า่ ยวจิ ัยและพัฒนา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสวนสนุ นั ทา พ.ศ.2563-2564 3) รองอธิการบดีฝา่ ยวจิ และพฒั นา มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสวนสนุ ันทา พ.ศ.2560-2563 4) คณะกรรมการสภามหาวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสวนสนุ ันทา พ.ศ.2557-2560 5) คณะกรรมการสภาวิชาการมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา (ตวั แทนผบู้ ริหาร) พ.ศ.2556-2560 6) คณะกรรมการอ านวยการบณั ฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนนั ทา พ.ศ.2556-2560 7) คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสวนสุนนั ทา พ.ศ.2556-2560 8) รองคณบดฝี า่ ยวชิ าการ คณะวทิ ยาการจดั การ พ.ศ.2552-2556 9) ประธานหลกั สูตรปรญิ ญาเอก (DBA) และปรญิ ญาโท (MBA) พ.ศ.2556-ปัจจบุ นั • ด้านวชิ าการ:วทิ ยากร 1) วทิ ยากรพิเศษ สถาบนั พัฒนาบุคลากรท้องถน่ิ กรมสง่ เสริมการปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ กระทรวงมหาดไทยระหวา่ ง พ.ศ.2554-2564 2) วิทยากรพิเศษ การจดั ทำแผนการทอ่ งเท่ียว สำนกั งานการท่องเทยี่ วและกฬี า จังหวดั ชยั นาท พ.ศ.2559 3) วิทยากรพิเศษ การจดั ทำแผนกลยทุ ธ์ กองการศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรมองคก์ าร บริหารสว่ นจงั หวดั อดุ รธานี พ.ศ.2558 ฯลฯ ผลงานทางวชิ าการ/ผลงานวิจัยและนวัตกรรม อาทิเช่น • งานตีพมิ พต์ า่ งประเทศ 1) Thanasuwit (2017) Marketing Strategies and Brand Building for Agricultural Products, 17th Global Business Research Conference, Tokyo, Japan 2 ) Thanasuwit, Warapon (2 0 1 7 ) Factors Affecting Travel Behavior of Thai Tourists at Don Wai Floating Market, Nakhon Pathom Province , Thailand 1 7 th Global Business Research Conference, Tokyo, Japan ง

3) Thanasuwit .T (2018)Marketing Strategies and Brand Building for Agricultural Products: A Case of the Village Funds in Eastern Region of Thailand. Proceedings of 17th Global Business Research Conference, 2018 5-6 April 2018 ฯลฯ • งานตีพิมพ์ในประเทศไทย 1) ธนสุวทิ ย์ ทับหิรัญรักษ์. แรงจงู ใจในการศึกษาต่อและส่วนประสมของการตลาดทม่ี ี ความสมั พันธ์กบั แนวโนม้ ในการตัดสนิ ใจศึกษาตอ่ ทีม่ หาวิทยาลยั ราชภัฏ ของนักเรยี นระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 โรงเรียนทีส่ งั กัดมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏ ในกรงุ เทพมหานคร. (2558). ปีที่ 8 ฉบบั ทพี่ ิเศษ วารสารบณั ฑิตศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎสวนสนุ นั ทาฯ 2) ธนสวุ ิทย์ ทับหิรัญรักษ์. คณุ ภาพในการใหบ้ ริการลกู ค้าของการไฟฟา้ ส่วนภูมภิ าค จงั หวัดอดุ รธาน.ี (2559). ปที ่ี 9 ฉบบั ท่ี 2 วารสารบณั ฑิตศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั สวนสนุ นั ทา 3) ธนสวุ ิทย์ ทับหริ ัญรักษ์.การศึกษาคณุ ภาพการให้บรกิ ารการจัดเก็บภาษี กรณศี ึกษา เทศบาลตำบลธชิ ยั อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย. (2559). ปที ่ี 9 ฉบบั ท่ี 2 วารสารบัณฑติ ศกึ ษา มหาวิทยาลัย ราชภัฎสวนสุนนั ทา รางวลั /ประกาศเกยี รติคุณต่าง ๆ 1) รางวลั บุคลากรระดบั ผบู้ ริหารดเี ดน่ สายบรหิ ารวชิ าการ ปี 2557 ระดับมหาวิทยาลัย 2) รางวลั ขา้ ราชการพลเรอื นดเี ด่น ประจำปี 2557 ระดบั ประเทศ จ

กำหนดการประชุมวชิ าการระดับชาติ เรื่อง คณุ ภาพของการบริหารจดั การและนวตั กรรม ครัง้ ท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) ณ ห้องประชุมฟองจนั ทร์ ช้นั 4 ตึก President มหาวิทยาลัยการจดั การและเทคโนโลยีอีสเทริ ์น วนั เสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2565 08.30 – 09.00 น. ลงทะเบียน 09.00 – 09.20 น. ชมวีดีทัศนแ์ นะนำมหาวทิ ยาลัยการจัดการและเทคโนโลยอี เี สิรน์ 09.20 – 09.40 น. พธิ ีเปิดการประชมุ วิชาการ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.วรี ะศกั ดิ์ จินารตั น์ อธิการบดีกิตตคิ ุณ 09.40 – 10.00 น. มหาวทิ ยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีเสริ ์น 10.00 – 12.00 น. แขกผูม้ ีเกยี รตถิ า่ ยภาพรว่ มกัน 12.00 – 13.00 น. ฟงั การบรรยายพเิ ศษ เร่ือง นวัตกรรมเพ่ือเศรษฐกจิ สร้างสรรค์ 13.00 – 16.00 น. โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ธนสวุ ทิ ย์ ทบั หิรญั รักษ์ มหาวิทยาลัยราชภฏั สวนสุนนั ทา พักับประทานอาหารกลางวัน 16.00 น. การนำเสนอผลงานวจิ ัย แยกตามหอ้ ง หอ้ งที่ 1 กลุม่ บริการธรุ กจิ (ห้องกานดา) ห้องที่ 2 กุลม่ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี/กลมุ่ บริหารธุรกิจ (ห้อง Lecture 1) หอ้ งท่ี 3 กลุ่มมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ (ห้อง Lecture 3) หอ้ งที่ 4 กลุ่มการศกึ ษา (ห้อง D.Ed) หอ้ งท่ี 5 กลุ่มการศกึ ษา (ห้อง D.Pol) หอ้ งท่ี 6 กลุ่มการศึกษา (ห้อง MBA) พธิ ปี ิดการประชุมวชิ าการ แยกตามห้อง หมายเหต:ุ กำหนดการอาจมกี ารเปลี่ยนแปลงไดต้ ามความเหมาะสม ฉ

กำหนดการประชมุ วชิ าการระดับชาติ เรอ่ื ง คณุ ภาพของการบริหารจดั การและนวัตกรรม ครั้งที่ 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) ณ หอ้ งประชมุ ฟองจนั ทร์ ตึก President มหาวิทยาลัยการจดั การและเทคโนโลยอี ีสเทิร์น วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2565 เวลา 13.00 – 16.00 น. การนำเสนอผลงานวจิ ัย แยกตามห้อง ห้องท่ี 1 กลุ่มบรกิ ารธรุ กจิ ห้องท่ี 2 กุล่มวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี/กลุม่ บริหารธุรกจิ (ห้องกานดา) (หอ้ ง Lecture 1 ชนั้ 3) ห้องที่ 3 กลุ่มมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ หอ้ งท่ี 4 กลุม่ การศึกษา (ห้อง D.Ed) (หอ้ งLecture 3) หอ้ งท่ี 5 กลมุ่ การศึกษา (ห้อง D.Pol) ห้องท่ี 6 กล่มุ การศึกษา (ห้อง MBA) หมายเหต:ุ กำหนดการอาจมีการเปล่ียนแปลงไดต้ ามความเหมาะสม คำแนะนำการเขา้ รว่ มงาน 1) ผู้ท่มี าจากกรุงเทพ ฯ หรือพื้นทค่ี วบคุมสูงสุดและเจม้ งวด ทน่ี ำเสนอผลงานแบบออนไลน์ โดยจะแจง้ Link meet ในวันท่ี 18 พฤษภาคม 2565 และจะสง่ ใบเสรจ็ เกยี รติบตั ร กระเป๋า ให้ทางไปรษณยี ์ ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 2) ผู้ที่มาร่วมงานท่ีมหาวิทยาลัย จะต้องปฏบิ ัติตามมาตรการการเว้นระยะ และใส่แมสตลอดเวลาการประชุมวิชาการ 3) เล่ม Proceeding ฉบับสมบรู ณ์ จะเผยแพรใ่ นเว็บไซต์ www.umt.ac.th ภาแในยิ นท่ี 21 มิถุนายน 2565 ช

สารบญั หนา้ การนำเสนอผลงาน กล่มุ บริหารธุรกิจ 2 3 ห้องยอ่ ยท่ี 1 กลุ่มบริหารธุรกิจ (ห้องกานดา) 4 แบบบรรยาย 5 1. แรงจงู ใจการชำระภาษเี งนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดาในสถานการณโ์ ควิด-19 6 จิราภา ชาลาธราวัฒน์, ฐนดม ราศีรัตนะ, เข็มพร สุ่มมาตย์, ธนัย ศรีอิสาณ 8 และปรยิ ากร นกั ร้อง 9 2. แนวทางการเลอื กใช้เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั เพอ่ื การพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศยั 10 ทศวรรณ จารุอรรถทวี และชญั ญรชั น์ นธิ ิธีรพัชร์ 11 3. การศึกษาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการกำหนดอัตราการคิดลดของอสังหาริมทรัพย์ ประเภทโรงแรม ในเขตกรุงเทพมหานคร สชุ าดา วงษ์ประเสรฐิ ดี และสุกุลพัฒน์ คุ้มไพศาล 4. ความคิดเห็นต่อธุรกิจอาคารชุดของผู้พัฒนาโครงการอาคารชุด ต่อกฏหมายการ เพิม่ อัตราส่วนกรรมสทิ ธก์ ารถือครองห้องชดุ ของต่างชาติ ในประเทศไทย พรพมิ ล สร้างเขต และชัญญรชั ต์ นิธิธรี พัชร์ 5. การศึกษาความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวของคนเจนเนอเรชันแซด สำหรบั การออกแบบนวตั กรรมผลิตภณั ฑ์ทอี่ ยอู่ าศยั ในอนาคต ตุลยา วิทยพบิ ูลย์ และชัญญรัชน์ นิธิธีรพัชร์ 6. การศึกษาลักษณะทางกายภาพของที่ดินที่จะนำไปสู่การตัดสินใจซื้อโครงการที่อยู่ อาศยั ในพน้ื ท่ีกรงุ เทพมหานครและปรมิ ณฑล จรุญศรี โชคศริ ิวรรณา และวรากร ลขิ ติ อนภุ าค 7. การศกึ ษาทัศนคติของผู้บริโภคทีม่ ีต่อการใช้นวัตกรรมผลิตภัณฑโ์ ครงการอาคารชุด พกั อาศัยระดับบนในพ้นื ท่ีกรุงเทพมหานคร พธิ ารัตน์ อนันวสุตพงศ์, วรากร ลขิ ติ อนุภาค และสทิ ธิชยั นาคสุขสกุล 8. ปัจจัยทีม่ ผี ลตอ่ ประสทิ ธิผลการควบคมุ ภายในของกองทนุ พัฒนาไฟฟา้ รงุ้ ระวี แช่มช่นื , ดลยา ไชยวงศ์, กลุ ชญา แว่นแก้ว และสัตยา ตนั จันทรพ์ งศ์ 9. องค์ประกอบทางภูมิสถาปัตยกรรมที่เพิ่มมูลค่าให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารชดุ พักอาศัยในพน้ื ท่ีกรงุ เทพมหานคร ภัชราพร ปนิ่ ทอง และสุกุลพฒั น์ คมุ้ ไพศาล ฏ

สารบญั (ตอ่ ) หน้า กลมุ่ บรหิ ารธรุ กิจ (ห้อง Lecture 1) 12 10. การศึกษามาตรการพฒั นาโครงการขนาดใหญ่เพ่ือปรบั อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวม ต่อพื้นที่ดิน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้มีความเหมาะสมกับการพัฒนา 13 อสงั หารมิ ทรัพย์แบบผสมผสาน 14 รุ้งทราย จันทร์มา และสุกุลพฒั น์ ค้มุ ไพศาล 15 11. ความพึงพอใจที่มีต่อการซื้อทรัพย์รอการขายประเภทที่อยู่อาศัยในพื้นท่ี กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 16 วราภรณ์ สธุ รรมเทวกุล และกองกณู ฑ์ โตชัยวัฒน์ 17 12. การศึกษาการเลอื กใช้กลยุทธข์ องธุรกจิ บรหิ ารสนิ ทรพั ย์ อภเิ ดช จนั ทร์ทกี ูล และกองกณู ฑ์ โตชัยวฒั น์ 19 13. ความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ การปฏิสัมพันธ์ และประสบการณ์ 20 และความพึงพอใจตามความแตกต่างด้านประชากรของแขกชาวไทยที่พักในโรงแรม ระดับหรูหรา วิภาดา อาชานุกูลรัตน์ และยอดมนี เทพานนท์ 14. การออกแบบ Smart warehouse เพื่อปรับปรุงการจัดเก็บแม่พิมพ์ สำหรับผลติ อลมู ิเนียมเส้น กรณศี กึ ษาบรษิ ทั ABC จำกัด สุรเดช ภัทรวเิ ชียร 15. การประเมินศักยภาพที่ดินเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ในกรุงเทพมหานคร วรรณิศา นาวาลอ่ ง และชัญญรชั ต์ นธิ ิธีรพชั ร์ การนำเสนอผลงาน กุล่มวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี หอ้ งย่อยที่ 2 กลุ ่มวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (ห้อง Lecture 1) แบบบรรยาย 1. ระบบยืนยนั ตัวตนโดยใชก้ ารรู้จำใบหน้าและแจง้ เตือนออนไลน์ เกียรตสิ นิ กาญจนวนชิ กุล, ภกั ดภ์ิ มู นิ ทร์ ชินบุตร และภาณพุ งศ์ เวยี งวงษ์ 2. การจำแนกและการสืบค้นโลโก้ ตราสินค้าที่มีความคล้ายในระบบฐานข้อมูลโลโก้ ตราสนิ ค้า นัทธ์หทัย ชมสขุ ประกิต, จเร เลิศสดุ วิชัย และธนาวนิ ท์ รักธรรมานนท์ ฐ

สารบัญ (ต่อ) หนา้ 3. การพฒั นางานบริหารเวชภัณฑ์โรงพยาบาลปรางค์ก่โู ดยใช้ ABC–VEN matrix 23 ชนิสา แหวนเงิน 24 แบบโปสเตอร์ 4. องค์ความรู้ทางการแพทยแ์ ผนไทยเกีย่ วกับโรคฝีในคัมภีร์ทพิ ยม์ าลา กรณศี ึกษา 26 หมอจำเนยี ร จันทร์สดใส 27 28 ชลชิด คำพนั ธ์, ฉลองรฐั ทองกันทา, อนญั ญาพร ศิรยิ ง่ั ยืน และศศปิ ระภา ภสู่ ุวรรณ 29 30 การนำเสนอผลงาน กลุ่มมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ 31 หอ้ งยอ่ ยท่ี 3 กลุ่มมนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ (ห้อง Lecture 3) แบบบรรยาย 1. พฤติกรรมการด่ืมเครื่องดมื่ แอลกอฮอลข์ องนกั ศกึ ษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ ประพันธ์ อภวิ งค์, พัชรช์ ลิชา เมอื งคำ, ตฤณภัท เมธาพชิ าชยั และวฎิ ากาญ ปนั ดวง 2. การพฒั นาเส้นทางการท่องเทีย่ วทางวัฒนธรรมในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี อำนาจ เอย่ี มสำอาง, วไิ ลลกั ษณ์ ตางาม และชัยวฒุ ิ ชัยฤกษ์ 3. พฤตกิ รรมการท่องเทย่ี วเชงิ วัฒนธรรมของนักท่องเทย่ี วในพ้ืนทีจ่ ังหวดั พัทลงุ เมทกิ า พ่วงแสง และปารชิ าติ ช้วนรักธรรม 4. แนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยรถจกั รยานยนต์: กรณีศึกษา กรุงเทพมหานคร ชยั วุฒิ ชยั ฤกษ์, ใบเฟิร์น วงษ์บัวงาม และปภาดา สบื พลาย 5. การบรหิ ารตามหลักธรรมาภบิ าลส่งผลตอ่ ประสทิ ธิผลการดำเนนิ งานขององค์กร ปกครองสว่ นท้องถ่ินในเขตอำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย จกั รพงษ์ ฟองชัย, นาวนิ วังคีรี, สุรีรัตน์ โบจรัส, สริ ิกร อทุ ัยพฒั น,์ ถนอม คะตะวงศ์ และฐิตมิ น ฉัตรจรัลรตั น์ 6. ปญั หาการบังคบั ใช้กฎหมายสงิ่ แวดลอ้ ม : ศกึ ษากรณีมลพิษทางน้ำ ไพรนิ ทร์ ขันตสี กลุ เจริญ และณัฐ สนุ ทรสจั ฑ

สารบัญ (ต่อ) หนา้ แบบโปสเตอร์ 32 7. การประเมินผลโครงการตำรวจอิเล็กทรอนิกส์ โดยระบบแอปพลิเคชัน 33 Police i lert u กรณีศกึ ษา กองบังคบั การตำรวจนครบาล 6 34 ส.ต.อ.จรี ะ เลขะสนั ต์ และศาศวัต เพ่งแพ 36 8. ความรู้ความเข้าใจในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใชใ้ นงานสบื สวนสอบสวนของ 38 ข้าราชการตำรวจฝา่ ยสบื สวนสอบสวน กองบังคบั การตำรวจนครบาล 2 39 40 ด.ต.เดวิท ไชยสาร และศาศวตั เพ่งแพ 41 9. การศึกษาเอกลักษณ์ท้องถิ่นเพื่อพัฒนาที่พักโฮมสเตย์ในตำบลหัวป่า อำเภอ พรหมบรุ ี จงั หวดั สงิ ห์บุรี รภสั ศิลป์ศรกี ลุ การนำเสนอผลงาน กลุ่มการศกึ ษา ห้องยอ่ ยที่ 4 กลุ่มการศึกษา (หอ้ ง D.Ed) แบบบรรยาย 1. แนวทางการระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษาโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๗๙ (บา้ นหนองอาบชา้ ง) นันทริน เขื่อนแกว้ 2. การพัฒนาการจัดประสบการณต์ ามแนวคดิ การเรียนรอู้ ยา่ งมคี วามสุข ประกอบการ ใชส้ ่อื EF for Fun พมิ พ์ปรียา อนิ วงค์, ชไมมน ศรสี รุ กั ษ์ และศิรมิ าศ โกศลั ย์พิพัฒน์ 3. การพัฒนาความร่วมมือในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนบ้านน้อยห้วยรินวิทยา อำเภอดอยเตา่ จงั หวดั เชยี งใหม่ วา่ ทรี่ อ้ ยตรชี ยั วัฒน์ ภีระมูล 4. การบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียน ขยายโอกาสทาง การศึกษา ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 อำเภอคลองหลวง สงั กัดสำนกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาปทุมธานี เขต 1 ศภุ มาส คำสี และศิริรตั น์ ทองมศี รี 5. การศึกษาการไม่ส่งงานหรือการบ้านรายวิชาภาษาไทยในรูปแบบการสอน แบบออนไลน์ ณัฐธยาน์ การญุ ฒ

สารบญั (ตอ่ ) หน้า 6. ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำยุคดิจิทัลของผู้บริหารสถานศึกษากับประสิทธิผล 42 ของโรงเรยี นในเครอื คณะรกั กางเขน แห่งอบุ ลราชธานี 43 วชั ราภรณ์ นักพรรษา และสิรพิ ร แสนทวีสุข 44 45 แบบโปสเตอร์ 46 1. การจดั ประสบการณต์ ามแนวคดิ แบบซปิ ปาโมเดล (CIPPA MODEL) เพื่อพัฒนา 47 ความพร้อมพนื้ ฐานทางวิทยาศาสตร์ สำหรบั นกั เรียนช้ันอนุบาลปีที่ 3 48 เจษฎาพร มูลหลา้ และกัญญาภคั ชอบแตง่ 49 2. การพฒั นาพฤติกรรมการมีวินัยโดยใช้การเสรมิ แรงตามทฤษฎกี ารเรยี นรู้ของสกิน ชนั้ อนุบาลปที ี่ 3 โรงเรยี นบา้ นชะแงะ ธานวฒั น์ บญุ ทิพย์ และวิชาญ ไทยแท้ 3. การศึกษาทักษะทางภาษาโดยใช้การจัดประสบการณ์แบบบูรณาการสำหรับเด็ก ชนั้ อนบุ าลปีที่ 2 โรงเรยี นบา้ นโพนเมือง นนั ท์นภัส ดวงดี และจิรวรรณ กาละดี 4. การพัฒนาความพร้อมพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียน เทศบาล 2 หนองบัว โดยการจดั ประสบการณ์ท่ีใช้แหลง่ เรียนรู้ ภรณภ์ ัทรส์ า หอ่ ศรี และเพ็ญประภา นรเนตร 5. การสง่ เสรมิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย โดยใช้ชุดกิจกรรม นักวิทยาศาสตร์รุ่นจิ๋วสำหรับเด็ก ชั้นอนุบาลปีที่ 3/1 โรงเรียนอนุบาลหัวตะพาน (รตั นวารี) ลักษณา เกษงาม และทองใบ สหุนนั 6. รายงานการพัฒนาความพร้อมพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ด้านการเรียงลำดับ โดยใช้ กิจกรรมตามแนวคิดแบบอุปนยั สำหรบั เดก็ ชัน้ อนุบาลปีท่ี 2 โรงเรยี นบา้ นโนนสูง สมไสว ไชยสำแดง และวัชราภรณ์ วงษจ์ ันทรา 7. ความพึงพอใจของผเู้ รยี นทมี่ ีต่อกระบวนการเรยี นออนไลน์ของโรงเรยี นมัธยมศึกษา ในเขตอำเภอเมอื ง จงั หวัดอบุ ลราชธานี กมลชนก ขุนเมือง และสิริพร แสนทวสี ขุ ณ

สารบญั (ตอ่ ) หนา้ 8. การจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กพิเศษ ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค 50 Covid-19 ของศูนยก์ ารศึกษาพเิ ศษ เขต 10 อบุ ลราชธานี 51 52 ฐติ พิ ร ตอ้ มคำ และเปรมยดุ า ลสุ มบตั ิ 53 9. ภาวะผู้นำสถานศึกษาที่สง่ ผลต่อการบรหิ ารวชิ าการในสถานการณ์การแพร่ระบาด 54 โควิด-19 55 56 จ.ส.ต.ศรายุทธ สุทธิสมบตั ิ และสดุ ใจ พันธ์ศรี 57 10. การใช้สื่อโซเชียลมีเดียและการสอนออนไลน์ในสถานการณ์โควิด -19 58 ศนู ยก์ ารศกึ ษาพเิ ศษเขตการศึกษา 10 จังหวดั อุบลราชธานี กรกนก พรรณวงศ์ และภานมุ าศ จนิ ารัตน์ 11. การยอมรับเทคโนโลยีและประสิทธิผลการสอนออนไลน์ของครูโรงเรียนเอกชน ในจังหวดั อุบลราชธานี กรรณิการ์ เขยี วลาย และสิริพร แสนทวีสุข 12. ความตั้งใจของครูที่มีต่อสภาพแวดล้อมการเรียนออนไลน์ระหว่างการแพร่ระบาด โควดิ -19 กติ ติธัช ฉายผาด และเปรมยุดา ลสุ มบัติ 13. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการจัดการเรียนการสอนในช่วง Covid-19 ของครูปฐมวัย สังกัดองคก์ ารบรหิ ารส่วนทอ้ งถิน่ จังหวดั อบุ ลราชธานี จตุพร สารสีมา และดวงเดือน ศิรโิ ท 14. การรับรู้และความพึงพอใจของผู้ปกครองที่มีต่อคุณภาพการศึกษาของโรงเรียน ในเขตเทศบาลนครอบุ ลราชธานี จุฑามาศ มะโนรัตน์ และสมานจิตร ภริ มย์ร่นื 15. การเรียนการสอนแบบออนไลน์ที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการสอนของนักเรียน ประถมศึกษาในจงั หวัดมหาสารคาม จุฬาภรณ์ ภิรมย์ และดวงเดือน ศิริโท 16. ความพึงพอใจของผู้ปกครองที่มีต่อการบริหารโรงเรียนเอกชน อ.ทุ่งศรีอุดม จ.อบุ ลราชธานี แจม่ ใส กลั ยาพงศ์ และสุดใจ พนั ธศ์ รี ด

สารบัญ (ต่อ) หน้า 17. การรับรู้ของผู้บริหารและครูต่อการจัดการการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี 59 เพื่อการจัดการเรียน ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 60 จงั หวัดสุรินทร์ 61 ชัชชษา เขม็ ทอง และเปรมยดุ า ลสุ มบตั ิ 62 18. การศกึ ษาผลกระทบจากการจดั การสอนแบบ Online ของครูประถมศึกษา 63 สังกดั สำนักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาศรสี ะเกษ เขต 3 64 ดนยั สพุ รรณ และพนมพร ชว่ งชงิ หอ้ งย่อยท่ี 5 กลมุ่ การศึกษา (หอ้ ง D.Pol) แบบบรรยาย 1. การพัฒนาการดำเนินงานศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบล บ้านทับ อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ตามมาตรฐานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย แห่งชาติ ณฐั วฒุ ิ ยศหลา้ 2. การพัฒนาชุดการสอนแบบศูนย์การเรียนดิจิทัล เรื่อง ชีวิตสดใสไร้ยาเสพติด สำหรบั ผูเ้ รียนชั้นประถมศึกษาปที ่ี 5 โรงเรียนพระหฤทยั เชยี งใหม่ สมติ ค่อยประเสรฐิ 3. ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูใน กลมุ่ โรงเรียนศรพี ทุ ธ สำนกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รปราการ เขต 1 ชัยรัตน์ สิรเิ บญจวงศ์ และศริ ิรตั น์ ทองมศี รี 4. ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำของผู้บริหารสถานศึกษากับการดำเนินงานระบบ การดูแลช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียน อำเภอบางบัวทอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี การศึกษาประถมศึกษานนทบุรี เขต 2 ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เทวาฤทธ์ิ วงศเ์ หรียญทอง และศิริรัตน์ ทองมศี รี ต

สารบญั (ตอ่ ) หน้า 5. การพัฒนาการจัดประสบการณ์ตามแนวคิดสะตีมศึกษาที่ส่งเสริมความคิด 65 สรา้ งสรรคข์ องเด็กปฐมวยั 66 สุภาวดี ตัวละมูล, ชไมมน ศรสี ุรกั ษ์ และศริ ิมาศ โกศัลยพ์ ิพัฒน์ 67 6. บทบาทของผูบ้ ริหารโรงเรียนท่ีสง่ ผลตอ่ ประสิทธิผลของโรงเรียนสงั กดั สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศึกษามธั ยมศึกษาสรุ นิ ทร์ จังหวัดสุรนิ ทร์ 68 69 ทรงพร โคตรพันธ์ และสริ ิพร แสนทวสี ุข 70 71 แบบโปสเตอร์ 72 1. การจัดกิจกรรมศลิ ปะสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาความสามารถการใชก้ ล้ามเนือ้ มดั เล็ก ของเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนอนุบาลหัวตะพาน (รัตนวารี) อำเภอ หัวตะพาน จังหวดั อำนาจเจรญิ สนุ ิษา เก่งนอก และเพ็ญประภา นรเนตร 2. การจัดกิจกรรมบทบาทสมมติประกอบการใช้คำถาม เพื่อพัฒนาทักษะการคิด สร้างสรรค์ของเด็กชน้ั อนบุ าลปีท่ี 3 อนัญพร การธุ และจิรวรรณ กาละดี 3. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาแบบธรรมชาติควบคู่กับการเสริมแรงทางสังคม เพื่อพฒั นาทักษะการฟัง เดก็ ช้ันอนบุ าลปีท่ี 3 โรงเรียนบา้ นดวน อภชิ ญา สมพร และวัชราภรณ์ วงษ์จนั ทร์ทรา 4. รายงานผลการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาความสามารถในการสื่อความหมาย สำหรับเดก็ ชัน้ อนุบาลปีท่ี 3 ตามแนวคดิ แบบไฮสโคป โรงเรยี นบา้ นหนองฮีหนองแคน อมรรัตน์ โนนม่วง และกัญญาภัค ชอบแตง่ 5. การจัดประสบการณ์โดยใช้ชุดกิจกรรม เพื่อพัฒนาความพร้อมพื้นฐานทาง วิทยาศาสตร์ ดา้ นการสังเกตและการจำแนก ช้นั อนบุ าลปีท่ี 2 โรงเรยี นบ้านห้วยทม จารวุ รรณ ไชยดี 6. การพัฒนาทักษะพ้ืนฐานทางคณติ ศาสตรด์ ้านจำนวนและตวั เลขของเด็กปฐมวัย โดยใช้เกมการศึกษา ช้ันอนุบาลปีที่ 2 ธันยพร โทนสิมมา และพชิ าญ ณ พัทลงุ ถ

สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ 7. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ในสถานการณ์โควิด-19 กับ 73 เด็กออทิสติก โรงเรยี นอุบลปัญญานุกลู จงั หวัดอบุ ลราชธานี 74 ดลนภา เกษแก้ว และภานุมาศ จินารัตน์ 75 8. แนวทางพัฒนาคุณลักษณะคณิตศาสตร์กับการสนับสนุนของครอบครัวและ 76 คุณภาพการสอนที่ส่งผลต่อระดับผลสัมฤทธิ์คณิตศาสตร์ของนักเรียนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพ ในเขตจงั หวดั อำนาจเจริญ และยโสธร 77 78 นาวนิ ศรีสุข และภานุมาศ จนิ ารตั น์ 79 9. อิทธิพลของลักษณะบุคลิกภาพที่มีต่อสมรรถนะของครูในการจัดการเรียน 80 การสอน ในสถานการณโ์ ควิด-19 สภุ คั ษร จันทรักษ์ และเปรมยดุ า ลุสมบตั ิ 10. แนวทางการพัฒนาการสอนแบบ Online และแบบ Offline ที่มีผลต่อ ประสิทธิภาพการสอนของครูในช่วงสถานการณ์ Covid-19 สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี ประถมศึกษาศรสี ะเกษ สทุ ธิพร บญุ จนั ทร์ และสมานจิตร ภิรมย์รื่น 11. การบริหารการจัดการเรียนการสอน On-site, On-hand และ Online ใน สถานการณ์โควิด-19 กมลพร เพยี้ บุญมาก และสิรพิ ร แสนทวสี ขุ 12. การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในการทำงาน (Job Satisfaction) ของ ครูโรงเรยี นมธั ยมศึกษา สงั กดั สำนักงานการศึกษาพเิ ศษ ทิพวรรณ ชาลี และภานุมาศ จนิ ารตั น์ 13. ทัศนคติของครูที่มีต่อการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารในการสอนออนไลน์สำหรับ นักเรียนช้ันประถมศกึ ษา ภานุเดช มงคลล้อม 14. การรับรู้ของผู้ปกครองต่อนโยบายการเรียนการสอนตามปกติ (On-Site) และ การเรียนการสอนแบบเรียนที่บ้าน (On-Hand) ในโรงเรียนประถมศึกษา สำนักงาน เขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศึกษาอบุ ลราชธานี เขต 1 วรพงษ์ ครุฑแสน และเปรมยุดา ลสุ มบตั ิ ท

สารบญั (ตอ่ ) หน้า 15. ทศั นคติของครูทม่ี ตี ่อวธิ ีการสอนออนไลน์ในสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย 81 วภิ าวี อ่นิ แกว้ และสมานจติ ร ภิรมยร์ ่ืน 82 83 16. การเรียนการสอนร่วมแบบออนไลน์และออฟไลน์ของโรงเรียนในเขตอำเภอเมือง จงั หวดั อบุ ลราชธานี 84 สทิ ธพิ นั ธ์ ศรีวเิ ศษ และพนมพร ช่วงชงิ 85 17. อิทธิพลของแรงจูงใจในการทำงานที่มีต่อความพึงพอใจในงานและการตั้งใจ 86 ลาออกของครู กรณีศึกษาครูในโรงเรียนเอกชนสหวิทยาเขตนิลุบล จังหวัด 87 อุบลราชธานี สุขสันต์ ใจแก้ว และดวงเดอื น ศิริโท 18. วัฒนธรรมองค์กรและความพึงพอใจในงานของครูโรงเรียนเอกชนจังหวัด อบุ ลราชธานี สุชานันท์ เอเดอร์ และสมานจติ ร ภริ มย์รน่ื ห้องยอ่ ยท่ี 6 กลมุ่ การศกึ ษา (ห้อง MBA) แบบบรรยาย 1. การจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยใช้หนังสือนิทานประกอบภาพ เพื่อส่งเสริม คุณธรรม สำหรบั เดก็ ปฐมวัย (อายุ 5-6 ปี) ยพุ าวดี สรศิลป์ 2. การใชส้ ่อื การเรียนการสอนภาษาไทยออนไลน์ของนกั ศึกษาจีน รติรตั น์ กญุ แจทอง, วไิ ลลกั ษณ์ ตางาม และยทุ ธภมู ิ สุวรรณเวช 3. ENGLISH ACQUISITION FOR THAI STUDENTS IN THE ONLINE ENVIRONMENT Mr.Cell Dilon ธ

สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ 4. การศึกษาปัญหาการบริหารงานวิชาการในสภาวะวิกฤติช่วงการแพร่ระบาดของ 88 โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของโรงเรียนในกลุ่มสหวิทยาเขตสวน เทพรัตน์ทีปไท้เฉลิมพระเกียรติ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 89 ปทุมธานี 90 วา่ ทีร่ ้อยตรี มานะวฒุ ิ ทองส่งโสม และระตกิ รณ์ นยิ มะจนั ทร์ 5. การศึกษาระดับการรับรู้ความสามารถของตนเองและพฤติกรรมการสร้างนวัตกรรม 91 ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ในภาค 92 ตะวนั ออกเฉียงเหนือตอนบน 93 94 สรายุทธ์ สีหะวงค์, พงษ์ศักดิ์ ศรีจนั ทร์ และนวัตกร หอมสนิ 6. แนวทางการพัฒนาทักษะการบริหารของผู้นำสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 ที่มีผล ตอ่ ความสำเรจ็ ของโรงเรยี น สังกดั สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามธั ยมศึกษาสุรินทร์ ภานุวฒั น์ เอติยัติ และสดุ ใจ พนั ธศ์ รี แบบโปสเตอร์ 1. ความสัมพันธ์ระหว่าง การใช้พละ 5 กับชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพครู และขีด ความสามารถผเู้ รียน พนมพร ช่วงชิง 2. การจัดกิจกรรมการเล่าเรื่องจากภาพ เพื่อพัฒนาทักษะการพูดของเด็กปฐมวัย ชนั้ อนุบาลปที ี่ 3 โรงเรยี นบา้ นนาขาม อำเภอโพธ์ิไทร จงั หวดั อุบลราชธานี ธดิ ารัตน์ สว่างเนตร 3. การพัฒนาทักษะด้านการสังเกตและการสื่อความหมาย ด้วยการจัดกิจกรรมเสริม ประสบการณต์ ามแนวคิดกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของนกั เรยี นช้ันอนบุ าลปีที่ 3 โรงเรยี นบา้ นหนิ สูง พรรณิภา ทองพิทกั ษ์ และสุภาภรณ์ ภิรมร่นื 4. รายงานผลการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ประกอบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดการเรียนรู้ของสมอง (Brain - Based Learning) โรงเรยี นบ้านดา่ น วไิ ลวรรณ สมเทพ และทองใบ สหนุ นั น

สารบญั (ต่อ) หนา้ 5. รายงานผลการพัฒนาความพร้อมพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ โดยใช้กิจกรรมการ 95 เรยี นรู้ชุดสนกุ คิดกับคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กช้นั อนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนบา้ นโนนแคน 96 วนั เพญ็ บญุ ผ่อง และวิชาญ ไทยแท้ 97 6. การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ โดยใช้ชุดกิจกรรมคณิตศาสตร์ 98 ตามแนวคิดแบบจิตปัญญา สำหรับเดก็ ชน้ั อนบุ าลปีท่ี 2 โรงเรยี นบ้านโนนน้อย 99 100 อำนาจ แดนเดช และพชิ าญ ณ พทั ลงุ 101 102 7. การจัดกิจกรรมเกมการศึกษาแบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะพื้นฐานทาง 103 คณติ ศาสตร์ สำหรับเด็กปฐมวยั ช้ันอนบุ าลปีท่ี 3 บ้านหว้ ยเด่ือ อรวรรณ ทองพทิ กั ษ์ และสภาภรณ์ ภิรมร่นื 8. ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบภาวะผู้นำและสมรรถนะดิจิทัลของครู สังกัด สำนกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาอำนาจเจริญ วลิ ยั วรรณ สภุ ชาติ และภานมุ าศ จินารตั น์ 9. การใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการส่งเสริมพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนในโรงเรียน สงั กัดสำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษา อบุ ลราชธานี เขต 5 อนวรรษ จติ จักร และอภยั สบายใจ 10. ความสัมพันธ์ระหวา่ งการพัฒนาครูและบุคลากรในโรงเรียนเอกชนกับความพร้อม จัดการศึกษาแบบออนไลน์ ในเขตจังหวัดอบุ ลราชธานี อารีรตั น์ มณีกรรณ์ และสมานจติ ร ภริ มย์ร่นื 11. ปัจจัยเอื้อกับ e-library ที่กระทบต่อกิจกรรมส่งเสริมการอ่านของศูนยก์ ารศึกษา นอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ในเขตจงั หวดั อบุ ลราชธานี อุกันดา พมิ หลอ่ และสดุ ใจ พนั ธศ์ รี 12. แนวทางการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้มีผลต่อความพึงพอใจ ของผปู้ กครองในศตวรรษที่ 21 สทุ ธิศักดิ์ จันทร์ศรี และอภยั สบายใจ 13. การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ของนักเรียน ระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ แผนกการบัญชี วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ จังหวัด ศรีสะเกษ พิมพภ์ ัทรา เลิศเรืองศิริ และสริ พิ ร แสนทวสี ุข บ

สารบญั (ตอ่ ) หนา้ 14. ประสิทธิผลในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ในโรงเรียนประถมศึกษา สังกัด 104 สำนักงานเขตพ้นื ทีป่ ระถมศึกษาจังหวัดอำนาจเจริญ 105 106 บณุ ญาภัค พลธรรม และเปรมยุดา ลุสมบตั ิ 15. ภาวะผนู้ ำของผ้บู ริหารสถานศึกษาท่ีมีต่อการเปน็ ทีมของคร:ู กรณีศึกษาสหวิทยา 107 เขตบษุ กรจงั หวัดอบุ ลราชธานี 108 พิมพ์ชนก ไชโยธา และสมานจิตร ภิรมย์ร่ืน 109 16. ทักษะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 กับการประยุกต์ใช้ E-Learning ในกระบวนการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคตดิ ต่อเช้ือไวรัส โคโรน่า 2019 ในโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา : สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาศรสี ะเกษ เขต 3 ภตั ราภรณ์ ปทั มคมั ม์ และเปรมยดุ า ลสุ มบตั ิ 17. การรับรู้ของผู้ปกครองที่มีต่อนโยบายการจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์ โควติ -19: สำนักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 3 สุภาวดี จนั ทรส์ ่อง และอภยั สบายใจ 18. บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาต่อการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร (ICT) เพื่อการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ เชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 โรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาศรสี ะเกษ เขต 3 อภยิ ศ ปทั มคมั ภ์ และอภัย สบายใจ 19. การศึกษาปัจจัยที่สง่ ผลต่อการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ของนักเรยี น ระดบั ชน้ั ประกาศนยี บตั รวิชาชพี (ปวช.) วิทยาลัยเทคนคิ หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ อรอน นวลอินทร์ และสริ ิพร แสนทวีสขุ ป

1 การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เร่อื งคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม คร้ังที่ 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) กลุ่มบริหารธรุ กจิ

2 การประชุมวชิ าการระดับชาติ เรอื่ งคณุ ภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม คร้งั ท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) แรงจงู ใจการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในสถานการณโ์ ควดิ -19 จิราภา ชาลาธราวฒั น์, ฐนดม ราศรี ตั นะ, เข็มพร ส่มุ มาตย์, ธนัย ศรีอิสาณ และปรยิ ากร นกั รอ้ ง คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยสี ารสนเทศ มหาวทิ ยาเทคโนโลยีราชมงคลอิสาน วิทยาเขตขอนแก่น e-mail: [email protected], โทรศัพท์ 083-9159297 บทคัดยอ่ การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับแรงจูงใจในการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใน สถาการณ์โควิด-19 และ 2) เพื่อเปรียบเทียบระดับแรงจูงใจในการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใน สถานการณโ์ ควิด-19 จำแนกตามปจั จัยส่วนบุคคล กลุม่ ตวั อย่างท่ีใช้ในการศึกษาได้แก่ ประชาชนผู้มีเงินได้ ใน อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือแบบสอบถาม ออนไลน์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และทดสอบสมมติฐานโดยการ ทดสอบค่าที (T-test Independent) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) ผลการศึกษาพบวา่ ระดบั แรงจงู ใจในการชำระภาษเี งินได้บคุ คลธรรมดาของประชาชนผู้มีเงินไดอ้ ยู่ในระดับมาก ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่มีระดับการศึกษา อาชีพและรายได้เฉลี่ยที่แตกต่างกันมีระดับแรงจูงใจในการ ชำระภาษีเงินไดบ้ คุ คลธรรมดาในสถานการณ์โควดิ -19 แตกตา่ งกันอยา่ ง อยา่ งมนี ัยสำคญั ทางสถิตทิ ีร่ ะดับ 0.05 แต่ไม่พบความแตกตา่ งของผู้เสยี ภาษเี งนิ ได้บุคคลธรรมดาทมี่ เี พศ อายุ และสถานสมรสท่แี ตกตา่ งกัน คำสำคญั : ภาษเี งินได้บคุ คลธรรมดา แรงจงู ใจ สถานการณโ์ ควิด-19

3 การประชุมวิชาการระดับชาติ เรอื่ งคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม ครั้งท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) แนวทางการเลอื กใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ิทลั เพื่อการพัฒนาโครงการอาคารชดุ พกั อาศัย ทศวรรณ จารุอรรถทวี และชัญญรัชน์ นธิ ิธีรพัชร์ สาขาวชิ านวตั กรรมการพฒั นาอสงั หารมิ ทรัพย์, คณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ปทมุ ธานี e-mail: [email protected], โทรศัพท์ 0868100377 บทคดั ยอ่ เน่ืองด้วยในปจั จบุ ันเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตของมนุษย์ งานวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นศึกษาความสำคัญของ รูปแบบเทคโนโลยีดิจิทัลในอาคารชุดพักอาศัย เพื่อเสนอแนวทางการเลือกใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนา โครงการในอนาคต การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก โดยใช้แบบกึ่งโครงสร้าง ในการเก็บข้อมูลจากผู้พัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัยจำนวน 5 ท่าน โดยกำหนดรูปแบบเทคโนโลยีดิจิทัล ประกอบด้วย 5 รูปแบบคือ 1) Service 2) Control 3) Visualize 4) Personalize 5) Communicate และ จำแนกประเภทพ้นื ท่ีเป็น 2 ส่วน คือพน้ื ท่สี ่วนกลาง และพนื้ ทส่ี ว่ นบุคคลในโครงการอาคารชดุ พักอาศัย จากการศึกษาพบว่า แนวทางการเลือกใชเ้ ทคโนโลยดี ิจิทัลในการพฒั นาโครงการอาคารชุดพักอาศยั เพื่อมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์การอยู่อาศัยของผู้บริโภค โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลทั้ง 5 รูปแบบเข้า มาเปลี่ยนแปลงการดำรงชีวิตในรูปแบบเดิม เทคโนโลยีดิจิทัลรูปแบบ Control มีความสำคัญต่อการอยู่อาศัย เป็นอันดับหนึ่ง โดยเทคโนโลยีดิจิทัลรูปแบบ Service และ Visualize จะมีลำดับความสำคัญรองลงมา ตามลำดบั และเทคโนโลยีดิจิทัลรูปแบบ Personalize และ Communicate มคี วามสำคัญ 2 อันดับสดุ ทา้ ย งานวิจัยแสดงให้เห็นถึงแนวทางการเลือกใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการอยู่อาศัยในโครงการอาคารชุด พักอาศัย เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในการเลือกใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการพัฒนาโครงการอาคารชุดพัก อาศัย เพือ่ สง่ เสรมิ การอยอู่ าศยั โดยมีความค้มุ คา่ และตอบโจทย์การดำรงชวี ิตของผู้อาศัย คำสำคัญ: เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั , อาคารชดุ พักอาศยั , พ้ืนทสี่ ่วนกลาง, พื้นท่ีสว่ นบคุ คล

4 การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เรื่องคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวตั กรรม ครงั้ ท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) การศกึ ษาปัจจยั ที่มผี ลกระทบตอ่ การกำหนดอัตราการคดิ ลดของอสังหาริมทรัพย์ ประเภทโรงแรม ในเขตกรุงเทพมหานคร สุชาดา วงษ์ประเสริฐดี และสุกุลพฒั น์ คุ้มไพศาล สาขาวิชานวตั กรรมการพัฒนาอสงั หาริมทรัพย,์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตรแ์ ละการผงั เมอื ง มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร,์ ปทุมธานี e-mail: [email protected], โทรศัพท์ 06-4224-4066 บทคดั ย่อ ธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจหนึ่งที่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีการเติบโ ตอย่างรวดเรว็ และสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ประเภทโรงแรมยังคงมีอุปสรรคบางประการ โดยเฉพาะการไม่มีตัวเลขอัตราคิดลดและอัตราผลตอบแทน การลงทุน ที่ชัดเจนเป็นมาตรฐานเดียวกันและเป็นที่ยอมรับ การวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัย ที่มีผลกระทบต่อการกำหนดอัตราการคิดลดของอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมในเขตกรุงเทพมหานคร ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มผู้บริหารธุรกิจโรงแรมหรือบุคลากร แผนกพัฒนาธุรกิจของธุรกิจโรงแรมระดับ 5 ดาว กลุ่มผู้ประเมินหลักชั้นวุฒิที่มีรายชื่ออยู่ในสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกลุ่มผู้ประเมินหลักชั้นวุฒิของธนาคารพาณิชย์ ขนาดใหญ่ โดยใชก้ ารสัมภาษณแ์ บบมโี ครงสรา้ งและทำการวิเคราะหข์ อ้ มูลด้วยการวเิ คราะห์เนื้อหา ผลการวิจัย พบว่าวิธีการหาอัตราคิดลดมีหลายวิธี แต่ที่ผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินส่วนใหญ่นิยมใช้และมีประสิทธิภาพที่สุด คือ วิธีการถ่วงน้ำหนักต้นทุนของเงินทุน เนื่องจากเป็นวิธีการที่เข้าใจได้ง่าย ไม่สลับซับซ้อน และสามารถ ตงั้ สมมติฐานประกอบการคำนวณไดง้ ่ายโดยใชป้ จั จยั ต่าง ๆ ท่เี กย่ี วข้อง เช่น อัตราดอกเบ้ยี เงินกู้ อตั ราดอกเบ้ีย เงินฝากธนาคาร เป็นต้น คำสำคัญ: กรุงเทพมหานคร, โรงแรม, อัตราการคดิ ลด

5 การประชุมวิชาการระดบั ชาติ เร่ืองคณุ ภาพของการบรหิ ารจดั การและนวตั กรรม ครัง้ ท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) ความคิดเหน็ ตอ่ ธุรกิจอาคารชดุ ของผู้พัฒนาโครงการอาคารชดุ ต่อกฏหมายการเพิ่มอัตราสว่ นกรรมสิทธ์ การถือครองห้องชุดของตา่ งชาติ ในประเทศไทย พรพิมล สรา้ งเขต และชญั ญรัชต์ นธิ ธิ รี พชั ร์ สาขาวชิ านวัตกรรมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, คณะสถาปตั ยกรรมศาสตรแ์ ละการผงั เมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ปทมุ ธานี e-mail: [email protected], โทรศัพท์ 09-0970-6341 บทคัดยอ่ จากนโยบายการนำเสนอกฎหมายการเพื่อเพิ่มอัตราส่วนกรรมสิทธ์การถือครองห้องชุดของต่างชาติ ในประเทศไทยเป็นทวี่ ิพากษ์วิจารณ์กันอยา่ งมากในกล่มุ ธุรกจิ การพัฒนาอสงั หาริมทรัพย์ การศึกษานี้จึงมุ่งเน้น ศึกษาความคิดเห็นของผู้ประกอบการโครงการอาคารชุด ตอ่ กฏหมายการเพ่มิ อัตราส่วนกรรมสิทธ์การถือครอง ห้องชุดของต่างชาติในประเทศไทยจากอัตราส่วนกรรมสิทธิ์ 49% เพิ่มเป็นอัตราส่วนกรรมสิทธิ์ 70-80% รวมทั้งกลยุทธ์การปรับตัวในการดำเนินธุรกิจ โดยการศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยวิธีการสัมภาษณ์ เชิงลึก โดยใช้แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งมีโครงสร้างในการเก็บข้อมูลจากผู้พัฒนาโครงการอาคารชุดที่อยู่ใน ตลาดหลักทรัพย์ SET จำนวน 3 คน และผู้พัฒนาโครงการอาคารชุดที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 3 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยเทคนิควิเคราะหเ์ นือ้ หา (Content Analysis) ผลการศึกษาพบว่า ผู้พัฒนาโครงการอาคารชุดที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ SET และผู้พัฒนาโครงการ อาคารชุดทอี่ ยูใ่ นตลาดหลักทรัพย์ mai มีความเห็นท่ีสอดคล้องกัน คือ เหน็ ดว้ ย ตอ่ กฎหมายการเพ่ิมอัตราส่วน กรรมสิทธก์ ารถอื ครองห้องชุดของต่างชาติในประเทศไทย เนอื่ งจากสามารถเพ่ิมโอกาสในการระบายห้องชุดรอ จำหน่ายในปจั จบุ นั ได้มากขนึ้ และเปน็ การกระตนุ้ เศรษฐกจิ อนั เกิดจากผลกระทบ Covid-19 ท่ีทำใหก้ ลุ่มลูกค้า ชาวไทยลดลง โดยมีกลยุทธ์การปรับตัวในการดำเนินธุรกิจ คือ การพัฒนาบุคลากรให้มื อความรู้ด้านภาษา เพิ่มเติม และการออกแบบท่ีครอบคลุมทุกกลุ่ม ท้งั ลูกคา้ เปา้ หมายชาวไทยและกลมุ่ ลูกคา้ ตา่ งชาติ โดยวเิ คราะห์ จากทำเลที่ตั้งของโครงการที่เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติในแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน และมีข้อเสนอแนะ 2 ประเดน็ หลัก คือ 1) ควรพจิ ารณาร่วมกับขอ้ กำหนดอ่ืนๆ ควบคูก่ บั กฏหมายการเพม่ิ อตั ราส่วนกรรมสทิ ธ์การถือ ครองห้องชุดของต่างชาติ ในประเทศไทยกับเพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบที่อาจตามมาภายหลัง เช่น ปัญหา การโอนห้องชุด และปัญหาการบรหิ ารโครงการของนิติบุคคลอาคารชุด เป็นต้น 2) ควรมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในด้านการลงทุนของต่างชาติภายในประเทศไทยร่วมด้วย เพื่อให้การลงทุนแล้วจึงจะเกิดความต้องการที่อยู่ อาศัย คำสำคัญ: อาคารชดุ , การปรบั ตวั เชงิ กลยทุ ธ์, ผูพ้ ัฒนาโครงการ, ชาวตา่ งชาติ, ประเทศไทย, กฎหมายการเพ่มิ อตั ราสว่ นกรรมสิทธิ์การถอื ครองหอ้ งชดุ

6 การประชุมวิชาการระดับชาติ เรอื่ งคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวตั กรรม ครั้งที่ 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) การศึกษาความต้องการทอี่ ยู่อาศยั ประเภทบา้ นเดี่ยวของคนเจนเนอเรชนั แซดสำหรบั การออกแบบ นวตั กรรมผลิตภณั ฑ์ท่ีอยอู่ าศัยในอนาคต ตลุ ยา วทิ ยพิบูลย์ และชญั ญรัชน์ นิธิธีรพัชร์ สาขาวชิ านวัตกรรมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, คณะสถาปตั ยกรรมศาสตรแ์ ละการผงั เมือง มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ ปทุมธานี e-mail: [email protected], โทรศัพท์ 0827905599 บทคัดยอ่ การศึกษาความต้องการรูปแบบที่อยู่อาศัยที่ตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคถือเป็นสิ่งสำคัญในการนำขอ้ มูล ไปพฒั นาการออกแบบต่อธุรกิจพัฒนาอสงั หาริมทรัพย์ กลุ่มผบู้ รโิ ภคทีก่ ำลังจะกลายเปน็ กลุ่มหลักในเศรษฐกิจ ทางด้านธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต คือ กลุ่มเจนเนอเรชันแซด (GEN Z) การศึกษาในครั้งนี้มี วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการรูปแบบของที่พักอาศัยและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยประเภทบ้าน เดี่ยวของคนเจนเนอเรชัน(GEN Z) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการออกแบบที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวให้กับ ผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพเก็บ ขอ้ มูลเชงิ ลกึ ดา้ นความต้องการบา้ นเด่ียวและนวัตกรรมผลติ ภัณฑบ์ ้านเดย่ี วของคนเจนเนอรเรชันแซด (GEN Z) ด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึกโดยใช้แบบสัมภาษณ์แบบกึง่ มีโครงสร้างจากกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคญั จำนวน 6 คนที่อยู่ ในช่วงวัยเจนเนอเรชันแซด(GEN Z)และมีแนวโน้มจะซื้อบ้านในอนาคต โดยนำข้อมูลที่ได้มาทำการวิเคราะห์ ข้อมลู ดว้ ยเทคนิควิเคราะหเ์ น้ือหา(Content Analysis) ผลการศึกษาพบว่า 1) ความต้องการด้านองค์ประกอบของบ้านส่วนหลักการออกแบบพื้นฐาน คนเจนเนอเรชันแซด (GEN Z) ต้องการบ้านที่มีห้องนั่งเล่นแบบฝ้าเพดานสูง(double volume space) มีการจัดวางพื้นที่แบบเปิด(open space planning)และมีหน้าต่างขนาดใหญ่มองออกไปแล้วเห็นสวน ไม่จำเป็นต้องมีโต๊ะรับประทานอาหารใช้เคาเตอร์ของครัว(pantry)แทน ต้องการห้องครัวแบบฝรั่งอยู่ภายใน บ้านและอยู่ในพื้นที่เปิดโล่ง ต้องการห้องนอนที่มีพื้นที่ทำงาน พื้นที่พักผ่อน พื้นที่รับประทานอาหาร และมี ห้องน้ำในตัว คำนึงถึงสุขภาพในการนอนและสุขอนามัย ต้องการห้องน้ำที่แยกส่วนเปียกและส่วนแห้งอย่าง ชัดเจน นอกจากนี้ยังต้องการห้องพิเศษอื่นๆ เช่น ห้องดูหนังที่ใช้วัสดุปิดผิวเก็บเสียง 2) ความต้องการ ด้านองคป์ ระกอบของบา้ นสว่ นองค์ประกอบทางสถาปตั ยกรรม คนเจนเนอเรชันแซด (GEN Z) ตอ้ งการรูปแบบ สถาปัตย์แบบโมเดิร์นหลังคาทรงจั่ว มีหน้าต่างขนาดใหญ่ และมีระเบียงกระจก วัสดุปิดผิวภายนอกเป็นปูน ไม้ สีภายนอกอาคารเปน็ โทนสีเบจ มีสวนลอ้ มรอบบ้าน 3) ความต้องการด้านนวัตกรรมผลติ ภัณฑ์บา้ นเดย่ี ว

7 การประชมุ วิชาการระดับชาติ เรอื่ งคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวตั กรรม ครงั้ ท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) คนเจนเนอเรชันแซด (GEN Z) ต้องการระบบบ้านอัจฉริยะด้านการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านระบบ อินเตอร์เนต็ คำสำคัญ: ความต้องการ, บ้านเดี่ยว, เจเนอเรชันแซด, นวัตกรรมผลิตภัณฑ์, ที่อยู่อาศัย, องค์ประกอบของ บา้ น, หลกั การออกแบบพนื้ ฐาน, องคป์ ระกอบทางสถาปตั ยกรรม

8 การประชุมวชิ าการระดับชาติ เรื่องคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม คร้งั ท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) การศึกษาลกั ษณะทางกายภาพของทีด่ ินทจ่ี ะนำไปสู่การตดั สินใจซอื้ โครงการท่อี ยู่อาศัย ในพนื้ ท่กี รงุ เทพมหานครและปรมิ ณฑล จรุญศรี โชคศริ ิวรรณา และวรากร ลิขติ อนุภาค สาขาวิชานวตั กรรมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย,์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตรแ์ ละการผังเมอื ง มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, ปทมุ ธานี e-mail: [email protected], โทรศพั ท์ 08-9481-8125 บทคัดยอ่ การเลอื กท่ีดินที่เหมาะสมเป็นกลยทุ ธส์ ำคัญกลยุทธ์หน่ึงท่สี ่งผลต่อความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ อสังหาริมทรัพย์ การวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะทางกายภาพของที่ดินที่จะนำไปสู่ การตัดสินใจซื้อทีอ่ ยูอ่ าศัยในพื้นท่ีกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยทำรวบรวมตัวแปรลักษณะทางกายภาพ ของทีด่ ินที่นำไปสู่การตดั สนิ ใจซ้ือที่อยู่อาศยั ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจากการทบทวนวรรณกรรม ประกอบกับการสัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลซึ่งเป็นบุคลากรระดับบริหารฝ่ายขายและการตลาดของบริษัทพัฒนา อสังหาริมทรัพยท์ ่ีจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แหง่ ประเทศไทย จำนวน 5 ราย จาก 5 บรษิ ัท จากนั้นทำการ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหาและสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ผลการวิ จัยพบว่าลักษณะทาง กายภาพของที่ดินที่จะนำไปสู่การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยแบ่งออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ด้านถนนที่ผ่านหน้าแปลง ที่ดิน/ความสะดวกในการเข้าถงึ ด้านระยะห่างจากแปลงท่ีดินไปยังจดุ สำคัญ (ค่าเฉลี่ย 4.80 เท่ากัน) และด้าน รูปร่างของแปลงที่ดิน (ค่าเฉลี่ย 4.00) โดยคุณลักษณะด้านถนนที่ผ่านหน้าแปลงที่ดิน/ความสะดวก ในการเข้าถึงที่จะนำไปสู่การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ความกว้างของถนน ถนนสายหลัก และการขนส่งมวลชนสาธารณะ ค่าเฉลี่ย 5.00, 4.60 และ 4.60 ตามลำดับ คุณลักษณะ ด้านระยะห่างจากแปลงท่ีดินไปยังจุดสำคัญทีจ่ ะนำไปสู่การตดั สนิ ใจซื้อท่ีอยู่อาศัยมากท่สี ุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ตลาด/ย่านการค้า แหล่งงาน และสถานที่พักผ่อน/สวนสาธารณะ ค่าเฉลี่ย 5.00, 4.60 และ 4.20 ตามลำดับ และคุณลักษณะด้านรูปร่างของแปลงที่ดินที่จะนำไปสู่การตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ หน้ากว้างติดถนน ความลึกจากถนน และรูปแปลงที่ดิน ค่าเฉลี่ย 4.60, 4.60 และ 3.60 ตามลำดับ นอกจากนี้ ผเู้ ชีย่ วชาญยังได้ให้ความเห็นเพมิ่ เตมิ วา่ ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การตัดสินใจซื้อท่ีอยู่อาศยั นอกจากลกั ษณะทางกายภาพ ของที่ดิน ได้แก่ สภาพแวดล้อมโดยรอบ คุณภาพการก่อสร้าง การออกแบบ ความหลากหลาย ความคุ้มค่า รายการสง่ เสรมิ การขาย ความสามารถของพนักงานขาย การใหบ้ รกิ าร และช่ือเสียงของผู้พฒั นาโครงการ คำสำคัญ: ทด่ี ิน, ท่ีอยู่อาศัย, ปัจจัยลกั ษณะทางกายภาพของทีด่ ิน

9 การประชุมวิชาการระดบั ชาติ เรื่องคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม คร้ังท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) การศกึ ษาทัศนคตขิ องผู้บริโภคท่มี ตี ่อการใช้นวตั กรรมผลิตภณั ฑโ์ ครงการอาคารชดุ พกั อาศัยระดับบน ในพื้นทก่ี รุงเทพมหานคร พธิ ารตั น์ อนนั วสตุ พงศ์, วรากร ลิขิตอนุภาค และสิทธชิ ัย นาคสุขสกลุ สาขาวิชานวตั กรรมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย,์ คณะสถาปตั ยกรรมศาสตรแ์ ละการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ปทมุ ธานี e-mail: [email protected], โทรศัพท์ 09-0405-4059 บทคัดย่อ นวัตกรรมผลติ ภัณฑ์สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลกู ค้าได้อย่างชัดเจนและชว่ ยสร้างความ ได้เปรียบในการแข่งขันให้กับโครงการ ทั้งการตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยและนำเสนอให้ลูกค้ารับรู้ถึงคุณค่าเพิ่มทีจ่ ะ ไดร้ บั จึงมคี วามสำคัญต่อการสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับโครงการและกระตนุ้ การตัดสินใจซ้ือของผู้บริโภค ได้อย่างแท้จริง การวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมนวัตกรรมผลิตภัณฑ์โครงการอาคารชุด พักอาศัยระดับบนในพื้นที่กรุงเทพมหานครในปัจจุบันและจัดหมวดหมู่กลุ่มนวัตกรรม โดยทำการเก็บรวบรวม ข้อมูลจากการสัมภาษณ์บุคลากรระดับบริหารงานด้านการตลาดที่มีประสบการณ์การทำงานไม่น้อยกว่า 10 ปี ในบรษิ ัทพฒั นาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลประกอบการในช่วงคร่ึงปีแรกของปี 2564 สงู สดุ 10 ลำดับแรก จำนวน 5 ราย จาก 5 บริษัท จากนั้นทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหาและสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ผลการวิจัยพบว่านวัตกรรมผลิตภัณฑ์สำหรับโครงการอาคารชุดพักอาศัยระดับบน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ นวัตกรรมด้านสุขภาพและสุขลักษณะ นวัตกรรม ด้านการอำนวยความสะดวกสบาย นวัตกรรมด้านการประหยัดพลังงาน และนวัตกรรมด้านการรักษา ความปลอดภัย (ค่าเฉลี่ย 4.53, 4.35, 4.20 และ 3.87 ตามลำดับ) ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาในภาพรวมพบว่า นวตั กรรมผลิตภณั ฑส์ ำหรบั โครงการอาคารชดุ พกั อาศัยระดับบนในพืน้ ที่กรุงเทพมหานครที่ชว่ ยกระตนุ้ การตัดสินใจ ซื้อของผู้บริโภคได้ในระดับมากที่สุด ได้แก่ ระบบถ่ายเทอากาศ ระบบกรองหรือป้องกันฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ระบบ ปรับคุณภาพอากาศภายในอาคาร ระบบกรองเชื้อโรค ระบบสมาร์ทโฮม ระบบการบริการหลังการขายผ่าน แอปพลิเคชันสมาร์ทแคร์ และประตูบ้านระบบดิจิตอล (ค่าเฉลี่ย 5.00, 5.00, 4.60, 4.60, 4.60, 4.60 และ 4.25 ตามลำดบั ) คำสำคัญ: กรงุ เทพมหานคร, โครงการอาคารชุดพกั อาศยั ระดบั บน, นวตั กรรมผลิตภัณฑ์

10 การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ เรอื่ งคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวตั กรรม ครง้ั ท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) ปัจจยั ที่มผี ลต่อประสิทธิผลการควบคมุ ภายในของกองทนุ พฒั นาไฟฟา้ รุ้งระวี แชม่ ชนื่ , ดลยา ไชยวงศ์, กุลชญา แวน่ แก้ว และสัตยา ตนั จันทร์พงศ์ คณะบริหารธุรกจิ สาขาวชิ าการบญั ชี มหาวิทยาลัยแม่โจ้, จังหวัดเชยี งใหม่ e-mail: [email protected], โทรศพั ท์ 0-5387-3550 บทคัดยอ่ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการควบคุมภายใน ของกองทุนพัฒนาไฟฟ้า 2) เพื่อประเมินประสิทธิผลการควบคุมภายในของกองทุนพัฒนาไฟฟ้า และ 3) เพื่อทดสอบความสัมพันธ์ ระหว่างปัจจัยที่มีผลต่อประสิทธิผลการควบคุมภายในของกองทุนพัฒนาไฟฟ้า จากข้อมูลจำนวน 175 คน ที่ปฏิบัติงานภายในหน่วยงาน และภายนอกที่ตรวจสอบกองทุนฯ เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามและนำไป วเิ คราะหด์ ว้ ยความถ่ี รอ้ ยละ คา่ เฉลย่ี ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน วเิ คราะห์ความสัมพันธร์ ะหวา่ งปจั จยั ทีม่ ีผลต่อการ ควบคมุ ภายในของกองทนุ พัฒนาไฟฟา้ ทดสอบความสมั พันธ์ของตวั แปรทีใ่ ชว้ ดั ดว้ ยวิธีการวิเคราะห์สหสัมพันธ์ และรวมทั้งวิเคราะห์การถดถอยพหูคูณ ผลการศึกษาพบว่า 1) ปัจจัยที่มีผลต่อการควบคุมภายในของกองทุน พัฒนาไฟฟ้าอยู่ในระดับมาก ได้แก่ ปัจจัยด้านการจัดโครงสร้างองค์กร ปัจจัยด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ปัจจัยด้านผู้บริหาร และปัจจัยด้านสารสนเทศและการสื่อสาร ในขณะที่ปัจจัยด้านการพัฒนาบุคลากร อยู่ใน ระดับปานกลาง 2) ประสิทธผิ ลของการควบคุมภายในของกองทุนพัฒนาไฟฟ้าอยใู่ นระดับมากทุกองค์ประกอบ 3) ปัจจัยที่มีผลเชิงบวกกับประสิทธิผลการควบคุมภายในของกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ได้แก่ ปัจจัยด้านการ จัดโครงสร้างองค์กร ปัจจัยด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ปัจจัยด้านผู้บริหารและปัจจัยด้านสารสนเทศและ การสื่อสาร สำหรับปัจจัยด้านการพัฒนาบุคลากร ไม่มีความสัมพันธ์ต่อประสิทธิผลการควบคุมภายในของ กองทนุ พัฒนาไฟฟ้า คำสำคัญ: การควบคุมภายใน, ประสิทธิผลการควบคมุ ภายใน

11 การประชุมวิชาการระดบั ชาติ เรอื่ งคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม ครงั้ ท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) องคป์ ระกอบทางภมู ิสถาปัตยกรรมท่ีเพ่ิมมูลคา่ ให้กบั โครงการอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารชดุ พกั อาศยั ในพน้ื ที่กรงุ เทพมหานคร ภัชราพร ป่ินทอง และสุกลุ พัฒน์ คุ้มไพศาล สาขาวชิ านวัตกรรมการพัฒนาอสงั หาริมทรัพย,์ คณะสถาปตั ยกรรมศาสตรแ์ ละการผงั เมอื ง มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์, ปทมุ ธานี e-mail: [email protected], โทรศพั ท์ 08-9066-3762 บทคดั ย่อ งานภูมิสถาปัตยกรรมเป็นการออกแบบและจัดวางองค์ประกอบของภูมิทัศน์ภายนอกอาคารให้มี ความสวยงามและเป็นระเบยี บเรียบร้อย ซ่ึงเปน็ สิ่งแรกทจ่ี ะสามารถสร้างความประทบั ใจให้กบั ผู้บริโภคเมื่อเข้า มาภายในพื้นที่โครงการ การออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมที่ดีจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่อาคารชุด พักอาศัยและก่อให้เกิดการใชป้ ระโยชน์ในพืน้ ที่ รวมถึงช่วยให้ผู้ดูแลอาคารสามารถดูแลบำรุงรักษาอาคารและ งานภูมิทัศน์โดยรอบโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทาง การออกแบบเชิงภูมิสถาปัตยกรรมที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารชุด พักอาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยทำการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญ ด้านการออกแบบเชิงภูมิสถาปัตยกรรมให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารชุดพักอาศัยในพื้นท่ี กรุงเทพมหานครทั้งจากบริษัทผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัยและสถาปนิกวิชาชีพ จำนวน 10 ราย จากนั้นทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เน้ื อหา ผลการวิจัยพบว่าการออกแบบ เชิงภูมิสถาปัตยกรรมที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ โดยเฉพาะการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่ อำนวยความสะดวกของโครงการอาคารชุดพักอาศัย ควรเนน้ ความสัมพันธร์ ะหว่างการจัดวางองค์ประกอบทาง ธรรมชาติกบั องค์ประกอบท่ีมนุษย์สร้างขึ้นให้สอดคล้องกับกิจกรรมของผพู้ ักอาศยั โดยการออกแบบและวางผัง ให้สามารถตอบสนองประโยชน์ใช้สอยของพักอาศัย ควบคู่กับการรักษาไว้ซึ่งสภาพแวดล้อมที่ดี ทั้งน้ี ภูมิสถาปนิกควรออกแบบร่วมกับสถาปนิกและมัณฑนากรตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ เพื่อให้งานออกแบบมีควา ม สมบูรณ์และสอดประสานกันอย่างลงตัวตั้งแต่ภายในอาคารสู่ภายนอกอาคาร จึงจะถือเป็นการใช้ ภูมสิ ถาปตั ยกรรมเพอ่ื เพ่ิมมูลคา่ ให้กบั โครงการอยา่ งแท้จริง คำสำคัญ: กรุงเทพมหานคร, การเพิ่มมูลค่า, การออกแบบ, ภูมิสถาปัตยกรรม, องค์ประกอบของภูมิทัศน์, อาคารชดุ พกั อาศยั

12 การประชมุ วิชาการระดับชาติ เร่อื งคณุ ภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม ครัง้ ท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) การศึกษามาตรการพฒั นาโครงการขนาดใหญ่เพื่อปรับอัตราส่วนพ้ืนทอี่ าคารรวมต่อพ้ืนท่ดี ิน ในพน้ื ทก่ี รุงเทพมหานครให้มคี วามเหมาะสมกับการพัฒนาอสงั หารมิ ทรัพยแ์ บบผสมผสาน รุ้งทราย จันทร์มา และสกุ ลุ พัฒน์ ค้มุ ไพศาล สาขาวชิ านวตั กรรมการพัฒนาอสังหารมิ ทรัพย์, คณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์และการผงั เมอื ง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ปทมุ ธานี e-mail: [email protected], โทรศพั ท์ 08-7141-1626 บทคัดยอ่ มาตรการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่เป็นเครื่องมือสำคัญทางผังเมืองที่ส่งเสริมและควบคุม ทิศทางการพัฒนาของเมือง การพัฒนาโครงการอสงั หาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในกรุงเทพมหานครยังคงมีข้อจำกดั ภายใต้ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ทำให้เกิดการพัฒนาที่ขาดความหลากหลาย โดยเฉพาะอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดินที่ส่งผลต่อ ศักยภาพการพฒั นาอาคารในแตล่ ะพน้ื ที่ งานวจิ ยั นี้จึงมวี ัตถปุ ระสงค์เพ่ือศึกษาแนวทางการปรับอัตราส่วนพ้ืนท่ี อาคารรวมต่อพื้นที่ดินในพ้ืนที่กรุงเทพมหานครตามมาตรการพฒั นาโครงการขนาดใหญ่ให้มีความเหมาะสมกับ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน ทำการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนา โครงการขนาดใหญ่ อาทิ สำนักผังเมืองกรุงเทพมหานคร บริษัทพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ เป็นต้น จากนั้นทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยสามารถสรุปได้ว่ามาตรการพัฒนา โครงการขนาดใหญ่สามารถช่วยในการปรับเพื่อปรับอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดินของโครงการ อสังหารมิ ทรัพย์ประเภทผสมผสานในพน้ื ทก่ี รงุ เทพมหานครได้อย่างเหมาะสม คำสำคัญ: การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน, มาตรการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่, อัตราส่วนพื้นที่ อาคารรวมตอ่ พ้นื ทด่ี นิ

13 การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ เรือ่ งคณุ ภาพของการบรหิ ารจดั การและนวตั กรรม ครง้ั ท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) ความพึงพอใจที่มีต่อการซ้อื ทรัพย์รอการขายประเภททอ่ี ย่อู าศยั ในพื้นทก่ี รุงเทพมหานครและปริมณฑล วราภรณ์ สธุ รรมเทวกุล และกองกูณฑ์ โตชยั วัฒน์ สาขาวชิ านวัตกรรมการพฒั นาอสังหารมิ ทรัพย,์ คณะสถาปตั ยกรรมศาสตรแ์ ละการผงั เมอื ง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร,์ ปทมุ ธานี e-mail: [email protected], โทรศัพท์ 06-3632-8795 บทคดั ยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการซื้อทรัพย์รอการขายประเภท ที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปรมิ ณฑล รวมถึงศึกษาเปรียบเทยี บความพึงพอใจที่มีต่อการซื้อทรัพย์ รอการขายประเภทที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำแนกตามแหล่งที่มาของทรัพย์ รอการขายและคุณลักษณะด้านประชากรศาสตร์ โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล จากกลุ่มตัวอย่างผู้ที่เคยซื้อทรัพย์รอการขายประเภทที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จากธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ จำนวน 400 ราย ทำการสุ่มตัวอย่างแบบโควตา จากน้ัน ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา การทดสอบความแตกต่างของค่ากลางของสองประชากรอิสระ และการวิเคราะห์ความแปรปรวนสองทาง ผลการวจิ ัยพบว่ากลุ่มตวั อย่างมีความพึงพอใจในด้านราคามากท่ีสุด เน่อื งจากทรัพยส์ นิ รอการขายเป็นทรัพย์ท่ีมคี ุณภาพดี มโี อกาสท่ีจะอยใู่ นทำเลทอง แต่มีราคาต่ำกว่าราคาตลาด นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มตัวอย่างผู้ที่เคยซื้อทรัพย์รอการขายประเภทที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและ ปริมณฑลจากธนาคารพาณิชย์และบริษัทบริหารสินทรัพย์ จะมีความพึงพอใจต่อการซื้อทรัพย์รอการขาย แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างที่มีคุณลักษณะทางประชากรศาสตร์ ด้านเพศ อายุ อาชีพ และรายได้ส่วนบุคคลเฉลี่ยต่อเดือน แตกต่างกัน จะมีความพึงพอใจต่อการซื้อทรัพย์ รอการขายแตกต่างกันอยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถิติที่ระดับ 0.05 คำสำคญั : ความพึงพอใจ, ทรัพยร์ อการขาย, ท่ีอยู่อาศัย, ธนาคารพาณชิ ย์, บริษทั บรหิ ารสินทรพั ย์

14 การประชุมวชิ าการระดับชาติ เรอื่ งคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม ครัง้ ที่ 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) การศึกษาการเลอื กใชก้ ลยุทธ์ของธุรกิจบริหารสนิ ทรัพย์ อภเิ ดช จนั ทร์ทีกลู และกองกูณฑ์ โตชยั วัฒน์ สาขาวชิ านวตั กรรมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย,์ คณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์และการผงั เมอื ง มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร,์ ปทมุ ธานี e-mail: [email protected], โทรศัพท์ 06-1669-6458 บทคัดย่อ การวจิ ัยครัง้ นมี้ วี ัตถุประสงค์เพ่อื ศกึ ษาการเลือกใชก้ ลยุทธข์ องธุรกิจบริหารสินทรพั ย์ ทง้ั กลยุทธ์ระดับ องค์กร กลยุทธ์ระดับธุรกิจ และกลยุทธ์ระดับหน้าที่ รวมถึงศึกษาเปรียบเทียบการเลือกใช้กลยุทธ์ของธุรกิจ บรหิ ารสนิ ทรพั ยป์ ระเภทองค์กรรฐั วสิ าหกิจและองค์กรเอกชน โดยทำการสัมภาษณ์ผู้บรหิ ารระดับสูงของธุรกิจ บริหารสินทรัพย์ทัง้ ประเภทรัฐวิสาหกิจและเอกชน ซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจในการพิจารณาตัดสินใจเลือกใช้กลยทุ ธ์ ขององค์กรธุรกจิ บรหิ ารสินทรัพย์ รวม 6 คน ทำการวิเคราะห์ข้อมลู ดว้ ยการวิเคราะหเ์ น้ือหา ผลการวิจัยพบว่า กลยุทธ์ระดับองค์กร คือ กลยุทธ์การเติบโต โดยมุ่งเข้าถึงความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มและพัฒนาศักยภาพ การดำเนินงานในทุกด้าน ส่วนกลยุทธ์ระดับธุรกิจ คือ กลยุทธ์การเป็นผู้นำด้านต้นทุน โดยเลือกซื้อทรัพย์ ด้อยคุณภาพในต้นทุนที่เหมาะสม รวมถึงกลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง โดยรณรงค์ให้พนักงานมุ่งสร้างความ พึงพอใจของลูกค้าให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ในขณะที่กลยุทธ์ระดับหน้าที่ ประกอบด้วย (1) กลยุทธ์ด้านการเงิน คือ การกำหนดแนวทางการประนอมหนี้ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า พร้อมปรับ โครงสร้างหนี้รายย่อยโดยเร็ว เพื่อสร้างกระแสเงินสดที่แน่นอนในระยะยาว (2) กลยุทธ์ด้านการตลาด คือ การปรับปรุงเว็บไซต์ให้เป็นมาร์เก็ตเพลส การจัดมหกรรมจำหน่ายทรัพย์ออนไลน์ การจัดบูธเสมือนจริง การนำทรัพย์ไปประชาสัมพันธ์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก รวมถึงการทำการตลาดตาม ประเภททรัพย์และระดับราคาเพื่อกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้จำหน่ายทรัพย์สินรอการขายได้เร็วขึ้น และ (3) กลยทุ ธด์ ้านการปฏิบตั ิการ คอื การปรบั ปรุงทรพั ย์รอการขายใหม้ สี ภาพดแี ละสวยงามก่อนนำออกจำหนา่ ย คำสำคญั : กลยทุ ธ,์ กลยุทธ์ระดบั องคก์ ร, กลยทุ ธ์ระดับธรุ กจิ , กลยทุ ธ์ระดับหนา้ ท่,ี ธุรกจิ บรหิ ารสนิ ทรพั ย์

15 การประชุมวิชาการระดับชาติ เรือ่ งคณุ ภาพของการบรหิ ารจดั การและนวตั กรรม ครัง้ ที่ 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) ความสัมพนั ธ์ของส่ิงแวดลอ้ มทางกายภาพ การปฏสิ มั พันธ์ และประสบการณ์ และความพึงพอใจ ตามความแตกตา่ งด้านประชากรของแขกชาวไทยท่พี ักในโรงแรมระดับหรหู รา วิภาดา อาชานุกูลรตั น์ และยอดมนี เทพานนท์ คณะบรหิ ารธุรกจิ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์ บทคดั ย่อ การวจิ ัยนี้มีวตั ถปุ ระสงค์ 1) เพ่อื ศกึ ษาความสัมพนั ธร์ ะหว่างสง่ิ แวดล้อมทางกายภาพ การปฏิสัมพันธ์ ระหว่างพนักงานกับแขก แขกกับแขก และประสบการณ์แขกชาวไทยในโรงแรมระดับหรูหรา 2) เพื่อศึกษา ระดับความพึงพอใจของแขกที่มีลักษณะทางประชากรแตกต่างกันต่อปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ การปฏิสมั พันธ์พนักงานกับแขก แขกกับแขก และประสบการณ์แขกชาวไทยในโรงแรมระดับหรหู รา ประชากร ในการศึกษาน้ี คือ แขกชาวไทยทเ่ี คยใช้บรกิ ารโรงแรมระดับหรหู รา เก็บข้อมูลจากตวั อยา่ งโดยใช้เคร่อื งมือที่คือ แบบสอบถามจากแขกชาวไทย 400 ตวั อยา่ ง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบนเบี่ยงมาตรฐานความแปรปรวน โดยเปรียบเทียบความแตกต่างของตัวแปร นอกจากนั้น ยังทำการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ผลการศึกษาแสดงการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยสิ่งแวดล้อมทางกายภาพกับ ประสบการณข์ องลกู คา้ (r = 0.645) ด้านการปฏสิ มั พนั ธข์ องแขกคนอืน่ กบั ประสบการณ์ของลกู ค้า (r = 0.637) มีความสัมพันธ์กันในทิศทางเดียวกันในระดับปานกลาง และด้านการปฏสิ ัมพันธ์ของพนักงานกับประสบการณ์ ของลกู คา้ ( r = 0.760) มคี วามสัมพันธ์กนั ในทิศทางเดียวกนั ในระดับสูง และแสดงความแตกตา่ งความพึงพอใจ ของเพศหญิงที่มีความพึงพอในต่อสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ และปฏิสมั พันธต์ อ่ ประสบการณ์ของแขกในโรงแรม ระดบั หรูหรามากกวา่ เพศชาย อย่างมนี ยั สำคญั และแขกทมี่ อี ายุอยู่ในช่วง Generation Y หรอื เด็กกว่า มีความ พึงพอในต่อปฏิสัมพันธ์ต่อประสบการณ์ของแขกในโรงแรมระดับหรูหรามากกว่าแขกชาวไทย Generation X หรือสูงกวา่ คำสำคัญ: สิ่งแวดลอ้ ม, ปฏิสมั พนั ธ์, โรงแรมหรหู รา

16 การประชมุ วชิ าการระดับชาติ เรื่องคณุ ภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม ครั้งท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) การออกแบบ Smart warehouse เพ่อื ปรับปรุงการจัดเก็บแมพ่ ิมพ์ สำหรบั ผลิตอลมู ิเนยี มเส้น กรณศี ึกษา บรษิ ัท ABC จำกดั สรุ เดช ภัทรวิเชียร หลักสตู รการจดั การโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน คณะบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญ่ีปุ่น e-mail: [email protected], โทรศัพท์ 081-8656377 บทคดั ย่อ งานวิจัยในเรื่องการออกแบบ Smart warehouse เพื่อปรับปรุงการจัดเก็บแม่พิมพ์สำหรับ ผลิตอลูมิเนียมเส้น มีวัตถุประสงค์เพื่อ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดวางผังสินค้า ซึ่งปัจจุบันคลังสินค้าของ บริษัท ABC จำกัด ยังไม่ได้มีการจัดการคลังท่ีดีและมีแม่พิมพ์จำนวน 10,000 ชิ้น และมีส่วนประกอบ 3 อย่าง ประกอบด้วย feed, plate, back ทำให้การหาส่วนประกอบและตัวแม่พิมพ์หายากและไม่มีการนำระบบ cloud ERP มาใช้ทำให้การไหลของข้อมูลเกิดการผิดพลาดอาจจะทำใหก้ ารผลิตผิดพลาดและการใช้ระยะทาง ในการขนยา้ ยสนิ คา้ เป็นเวลานาน ดังนั้นจงึ กำหนดการแก้ไขโดยใช้ทฤษฎีก้างปลาในการหาปัญหาและใช้ทฤษฎี ABC analysis ในการจำแนกสินค้าให้เป็นหมวดหมู่ทำใหก้ ารหาสินค้าได้ง่ายขึ้นทำให้ลดระยะเวลาการรอคอย ได้และนำระบบ ERP มาช่วยในการจดั ระบบการทำงานใหเ้ ปน็ มาตรฐานเดียวกันและเข้าถึงข้อมูลไดท้ ุกคน และ ทำให้ลดการผิดพลาดในกระบวนการผลิตได้ และทำการ location management เพื่อให้การหาแม่พิมพ์ได้ ง่ายและสะดวกขึ้นและใช้ระบบไฟช่วยในการบอกตำแหน่งของแม่พิ มพ์ทำให้การหยิบมาใช้ได้ง่ายแล ะ สะดวกขน้ึ จากผลการดำเนินการหลังจากทไี่ ดท้ ำการแยกประเภทหมวดหมู่การวางสินคา้ และใชร้ ะบบ ERP และ ติดตั้งระบบช่วยให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของคลังสินค้าให้เป็น smart warehouse ลดระยะเวลาการหา แม่พิมพ์ได้จาก 5-10 นาที เป็น 1-2 นาที และช่วยลดระยะทางในการ ขนย้ายแม่พิมพ์ไปยังกระบวนการผลิต จาก 230 M เปน็ 110 M และทำใหก้ ารจัดเกบ็ แม่พมิ พ์เป็นระบบยงิ่ ขึ้น คำสำคัญ: ERP, ABC Analysis

17 การประชุมวิชาการระดบั ชาติ เร่อื งคณุ ภาพของการบรหิ ารจดั การและนวตั กรรม ครั้งท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) เกณฑ์การประเมินศกั ยภาพทดี่ ินเพ่อื พฒั นาท่ีอยู่อาศัยสำหรบั ผมู้ รี ายไดน้ อ้ ยในกรงุ เทพมหานคร วรรณิศา นาวาลอ่ ง และชญั ญรชั ต์ นิธิธรี พชั ร์ สาขาวิชานวตั กรรมการพฒั นาอสังหารมิ ทรัพย,์ คณะสถาปตั ยกรรมศาสตรแ์ ละการผงั เมอื ง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ปทุมธานี e-mail: [email protected], โทรศพั ท์ 08-1091-1009 บทคัดย่อ การวิจัยเชิงคุณภาพนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดเกณฑ์การประเมินศักยภาพที่ดินเพื่อพัฒนาที่อยู่ อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยในกรุงเทพมหานคร โดยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้ให้ข้อมูลสำคญั ซง่ึ เปน็ ผู้นำชมุ ชนแออดั ในพื้นทก่ี รุงเทพมหานคร จำนวน 5 ราย จากนนั้ ทำการวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่าการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของภาครัฐที่ผ่านมาพบปัญหาหลาย ประการ อันเป็นผลมาจากขาดกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะปัญหาการเลือกที่ดิน ที่พัฒนาโครงการที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการและรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้มีรายได้น้อย ส่งผลให้ การดำเนินโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ของภาครัฐยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงไม่ก่อให้เกิด การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังพบว่าการเลือกที่ดินที่มีศักยภาพสำหรับพัฒนาโครงการที่อยู่อาศยั สำหรับผู้มีรายได้น้อยในกรุงเทพมหานครจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายประการ โดยเกณฑ์การประเมิน ศักยภาพที่ดินที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ 1) แหล่งงาน เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ตลาดหรือ ศูนย์การค้า เปน็ ต้น 2) ระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถประจำทาง รถตู้สาธารณะ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ท่าเรือ โดยสาร เปน็ ตน้ และ 3) สาธารณปู การขน้ั พนื้ ฐาน เช่น โรงพยาบาล โรงเรยี น เปน็ ตน้ คำสำคัญ: กรงุ เทพมหานคร, ทอี่ ย่อู าศัยสำหรบั ผูม้ ีรายไดน้ อ้ ย, เกณฑ์การประเมินศกั ยภาพทีด่ นิ

18 การประชมุ วิชาการระดับชาติ เรอื่ งคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวตั กรรม ครัง้ ท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) กลมุ่ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

19 การประชุมวชิ าการระดับชาติ เร่อื งคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวตั กรรม ครัง้ ท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) ระบบยืนยันตวั ตนโดยใช้การรจู้ ำใบหน้าและแจ้งเตือนออนไลน์ เกียรตสิ ิน กาญจนวนิชกลุ , ภกั ดิ์ภูมนิ ทร์ ชินบตุ ร และภาณุพงศ์ เวียงวงษ์ หน่วยวิจยั การออกแบบกระบวนการและควบคุมอัตโนมัติ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม e-mail: [email protected], โทรศัพท์ 043754316 บทคัดย่อ การยนื ยนั ตวั ตนในปจั จุบนั ได้มคี วามสำคญั มาก เน่อื งจากบุคคลที่ได้ลงทะเบยี นไว้เท่าน้ันที่จะมีสิทธ์ิ กระทำอะไรบางอย่าง เช่น การบันทึกเวลาการมาทำงาน การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ วิธีการหนึ่งที่ได้รับ ความนิยม คือ การรู้จำใบหน้า ในปัจจุบัน อุปกรณ์เหล่านี้ มีราคาค่อนข้างสูงและไม่ได้มีการแจ้งแบบออนไลน์ ดงั น้นั งานวจิ ยั นี้จงึ มวี ัตถุประสงค์ท่ีจะพัฒนาระบบยืนยันตวั ตนดว้ ยการรู้จำใบหนา้ และมกี ารแจง้ เตือนออนไลน์ ระบบนี้ ประกอบด้วยอุปกรณ์หลัก คือ ESP32-CAM ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายรูปใบหน้าและควบคุมการทำงานของ ท้ังระบบ เคร่อื งอ่านบัตรประชาชนและหน้าจอแสดงผล ขั้นตอนการทำงาน ประกอบดว้ ย 2 สว่ น คอื ส่วนของ การลงทะเบียน ESP32-CAM ถ่ายรูป เรียนรู้ลักษณะใบหน้าเก็บบันทึกลงใน microSD-Card พร้อมทั้งระบุ ID ของใบหนา้ แลว้ ส่ง ID ของใบหน้ารว่ มกับข้อมูลส่วนบุคคล (ชอ่ื นามสกลุ ) ไปยงั Google Sheets สว่ นที่ 2 คือ การยืนยันตัวตน ESP32-CAM ถ่ายรูปแล้วค้นหา ID ของใบหน้าที่ได้บันทึกไว้ในขั้นตอนลงทะเบียน แล้วสง่ ขอ้ มลู ID ของใบหนา้ ไปยัง Google Sheets เพอ่ื บันทกึ วนั เวลาของการยนื ยันตัวตน พร้อมท้ังแจ้งเตือน ไปยังผู้รับผิดชอบผ่านทางแอปพลิเคชัน Line ทันที ผลการทดสอบ พบว่า ระบบยืนยันตัวตนที่พัฒนาขึ้นนี้ สามารถรู้จำใบหน้าได้ถูกต้องภายใต้ความเข้มแสง 200 – 800 ลักซ์ ระยะห่างอยู่ในช่วง 0.25 – 1 เมตร นอกจากนี้ ผรู้ ับผดิ ชอบสามารถตรวจสอบจำนวนผู้เขา้ ร่วมหรือไม่ไดเ้ ข้าร่วมได้จาก Line Bot คำสำคัญ: การยนื ยนั ตัวตน, การรู้จำใบหนา้ , การแจง้ แบบออนไลน์

20 การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ เรอ่ื งคณุ ภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม ครั้งที่ 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) การจำแนกและการสืบค้นโลโก้ ตราสินคา้ ท่ีมีความคลา้ ยในระบบฐานข้อมลู โลโกต้ ราสนิ คา้ นทั ธห์ ทยั ชมสุขประกิต, จเร เลิศสุดวิชยั และธนาวินท์ รกั ธรรมานนท์ e-mail: [email protected], โทรศพั ท์ 087-575-0689 บทคดั ย่อ จากการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของตราสัญลักษณ์สินค้าหรือบริการทางธุรกิจในประเทศไทย ดำเนนิ การโดยกรมทรัพทยส์ ินทางปญั ญาในปจั จุบนั พบว่ามีความต้องการใชข้ ัน้ ตอนวิธหี รอื เทคนิคประยุกต์ทาง สารสนเทศเพื่อช่วยจำแนกความซ้ำซ้อนของภาพตราสัญลักษณ์สินค้าหรือบริการโดยการเปรียบเทียบค วาม แตกตา่ ของภาพเพ่อื นำผลการเปรียบเทียบหาความซ้ำซ้อนของตราสัญลกั ษณท์ ่ยี ่นื ขอจดทะเบียนตราสัญลักษณ์ ทางธุรกจิ ไปใชป้ ระกอบดำเนินการจดทะเบียนทางธุรกิจการค้า ปัจจบุ นั กรมทรัพย์สนิ ทางปัญญามีระบบสืบค้น ออนไลน์โดยใช้การเปรียบเทียบสืบค้นจากเนื้อหา กับ ภาพตราสัญลักษณ์และบริบทประกอบโดยยังไม่ได้ เปรียบเทียบความเหมือนของภาพโดยตรง ดังนั้นการมีระบบเปรียบเทียบภาพเพื่อใช้ตรวจสอบความซ้ำซ้อน ของภาพตราสัญลักษณ์เพื่อให้เกิดความแม่นยำ และลดเวลาตรวจสอบลงจากที่เดิมต้องใช้เวลาหลายวันเป็น ภายในเวลาเพียงภายในระยะเวลาอันสั้น(ภายในไม่เกิน2ชั่วโมง)ในการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของตรา สญั ลักษณ์สนิ ค้าหรือโลโก้ทน่ี ำมาแจ้งจดทะเบียนโดยหวงั ผลให้เกดิ การไม่ละเมิดต่อกฏหมายลิขสิทธิ์และได้ตรา สัญลักษณ์สินค้าและบรกิ ารที่มีความเปน็ เอกลักษณ์เฉพาะต่อตัวสินค้าและธุรกิจในอันที่จะไดร้ ับการยอมรับให้ จดทะเบียนลิขสิทธ์ิและให้การรองรับสิทธิ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผู้วิเคราะห์งานได้ เล็งเห็นถึงประโยชน์ ทางธุรกจิ และไดพ้ ัฒนาวิธีการทางสารสนเทศเพ่อื นำมาประยุกตใ์ ช้เปรยี บเทียบโลโก้ซำ้ ซ้อน ของตราสัญลกั ษณ์ สนิ คา้ โดยใช้วิธกี ารวเิ คราะหค์ วามเหมือนของภาพเปรยี บเทยี บต่อภาพหลัก 3 วิธกี าร ได้แก่ 1) การวเิ คราะห์ค่า ความบิดเอนและการวิเคราะห์ภาพเงาสะทอ้ นของภาพ (Image Moments Variant) กอ่ นนำมาเปน็ ภาพตั้งต้น เปรียบเทียบการเปรียบเทียบภาพน้ันจะเปรียบเทยี บท้งั ภาพบิดเอน และภาพเงาสะทอ้ น 2) การวดั จากค่าเฉลี่ย ของความคลาดเคลื่อน เปรียบเทียบ (Mean Square Error) จากภาพแกนหลัก ที่ควรจะ มีค่า ไม่เกิน 0.05 หากเป็นภาพซ้ำซ้อน และ 3) การวัดจากค่าดัชนีความคล้ายคลึงของโครงสร้างของภาพ (Image Structure Similarity Index) ที่ควรจะมี ค่าเกิน กว่า 0.95 ภาพที่นำมาเปรียบเทียบจะได้รับ การจัดการให้มีบริบท แวดล้อมของภาพให้อยู่ในเกณฑ์เดียวกัน ก่อนการรู้จำ เปรียบเทียบอันได้แก่การเปรียบ เทียบจากภาพแกน หลักเดียวกันเพื่อหาค่าความคลาดเคลื่อนรวมถึงการหาดัชนีเปรียบเทียบความคล้ายคลึง, การปรับองศาความ บิดเอนให้อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน หากพบว่าภาพมีน้ำหนักการจัดกลุ่มด้วยค่าเฉลี่ยความผิดพลาดกำลังส อง (Mean Square Error: MSE) และค่าดัชนีความคล้ายเชิงโครงสร้าง (Structure Similarity Index Measure: SSIM) อยู่ในระดบั ท่ใี กล้เคยี งกนั รวมถึงใชว้ ธิ เี ปรยี บเทียบ ORB Matching Points ของภาพ และใช้ผลทไ่ี ด้

21 การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ เร่ืองคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม คร้ังที่ 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) รับมาเป็นปัจจยั พจิ ารณาร่วมกนั เพื่อบง่ ชี้ วา่ มคี วามซ้ำซ้อนที่มีนัยสำคัญและอาจส่งผลให้พิจารณาไม่อนุมัติการ จดทะเบียนตราสญั ลักษณด์ ังกล่าวหรือไม่ ทงั้ นข้ี อบเขตของข้อมูลของโครงการในเบ้ืองต้นท่ีจะนำมาใช้เพื่อการ รู้จำของระบบจำแนกน้ำหนักความเหมือนของภาพจะประกอบด้วยข้อมูลภาพตราสินค้าตัวอย่าง เริ่มต้นที่ จำนวน 300 รายการ และภาพแกนหลักการเปรียบเทียบ 1 รายการ เพื่อใช้รู้จำเริ่มต้นโดยใช้ผลของน้ำหนัก การเปรียบเทียบความเหมือนของภาพที่ได้รับจากวิธีการเปรียบเทียบภาพที่กล่าวข้างต้น และเพิ่มการรู้จำ น้ำหนกั การจดั กล่มุ จำแนกภาพ โดยการเพิ่มจำนวนภาพทีจ่ ะใชร้ ู้จำ เพม่ิ เตมิ มากขึ้นเรือ่ ย ๆ ผ่านภาพตราสินค้า จริงท่นี ำเข้ามาตรวจสอบเพม่ิ ท่ี 2583 รายการ ปัจจัยในการดึงลักษณะของข้อมูลภาพเริ่มด้วยการกำหนดภาพตราสัญลักษณ์จำนวน 500 ภาพ เริม่ ต้น (ในชว่ งการพิสูจน์วิธกี าร) และปรับขนาดของภาพเปน็ Width X Height ในสัดส่วน 350 pixels X 250 pixels และปรับภาพจากโหมดภาพสีให้เป็นภาพระดับสีเทา(Grayscale) 256(ระดับความเข้ม (intensity level) 0-255 [0 เปน็ สีดำ และ 255 เป็นสีขาว]) ด้วยจำนวนบติ 8 บติ ในแตล่ ะ pixel ของจดุ ภาพ หลังจากนั้น ประมวลผลการจำแนกภาพดว้ ยวิธีคำนวณค่า Histogram, HOG Descriptor, Hu Moments, Canny Edges, ORB, Similarity Measure แล้วนำคา่ ท่ีคำนวณได้ มาจัดจำแนกกลุ่ม ดว้ ยวธิ กี าร K-Means, CNN Clustering, HMM Clustering แล้วเปรียบเทียบผลว่าวิธีใดให้การจัดกลุ่มที่ใกล้เคียงสภาพความซ้ำซ้อนจริงที่สุดด้วยการ วิเคราะห์ผลผ่านภาพตราสัญลักษณ์ที่แตกต่างกันมีขนาดหลากหลายและมีมุมหมุนของภาพที่แตกต่างกัน โดย ใช้มุมมองการสรุปผลผ่านภาพที่จัดเป็นภาพเดียวกัน ภาพที่จัดเป็นภาพแตกต่าง ผ่านค่าความถูกต้องของการ จดั คลสั เตอรงิ่ และความถกู ต้องแมน่ ยำในการจดั คลสั เตอรง่ิ ของภาพทดสอบ ผลการวิจัยพบว่า ความแม่นยำในการแยกภาพที่มีความเหมือนโดยใช้ข้อมูลทางสถิติ จากการ ทดสอบด้วยภาพจำนวน 2582 ภาพ มีค่าอยู่ที่ 9 % เมื่อใช้วิธรี ่วมในการจำแนกภาพ และ ความถูกต้องในการ จำแนกภาพที่มีความเหมือนโดยใช้ข้อมูลทางสถิติ อยู่ที่ 69.1% เมื่อใช้วิธีร่วม (Combination of photo attributes) ในการจำแนกภาพ และพบความถูกต้องที่ 75.32% เมื่อใช้วิธีจำแนกผ่านระยะห่างยูคลีเดียนของ คุณลกั ษณะเฉพาะร่วมของเน้ือภาพ เม่ือคำนวณหาคา่ ดชั นีชวี้ ดั ประสิทธิภาพของการจำแนกกลุ่มภาพโดยแสดง คา่ Confusion Matrix ดงั น้ี Actual Positive Actual Negative Predicted Positive 0.77 0.66 Predicted Negative 0.33 0.34 Sensitivity, recall, hit rate or true positive rate (TPR) True Positive Rate TPR = TP/P =TP/(TP+FN) = 1-FNR 70.000 False Positive Rate FPR = FP/N = FP/(FP+TN) = 1- TNR 66.000

22 การประชมุ วิชาการระดบั ชาติ เรือ่ งคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม ครั้งท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) Precision / Positive Predictive Value (PPV) PPV = TP/(TP +FP) 51.47058824 ผลสรุปผลทางสถติ ิโดยเน้นเฉพาะภาพเหมือนท่ีมีขนาดแตกต่างกัน ภาพเหมือนที่มขี นาดแตกต่างกัน จะได้รับการจัดกลุ่มอยู่ในกลุ่ม คลัสเตอร์เดียวกันในสัดส่วน 95.8% หากสรุปผลทางสถิติ โดยเน้นภาพเหมือน ที่มีมุมหมุนของภาพแตกต่างกัน ภาพเหมือนที่มีมุมหมุนของภาพแตกต่างกัน จะได้รับการจัดกลุ่มอยู่ใน คลัสเตอรเ์ ดียวกัน ในความแมน่ ยำ 100% สำหรับสรุปผลทางสถิติ โดยเนน้ เฉพาะภาพทมี่ ลี ายเสน้ เหมือนกันแต่ มีสีแตกต่างกัน ภาพเหมือนท่มี ีลายเสน้ เหมอื นกันแต่มีสแี ตกต่างกนั จะไดร้ ับการจดั กลมุ่ อยู่ในคลัสเตอร์เดียวกัน ในระดับ 0% (กรณีมีสีแตกต่างกันจะให้ผลการจัดกลุ่มใน cluster ที่ต่างกันแม้ว่าภาพลายเส้นจะเป็นภาพ เดียวกัน หากสรุปผลทางสถิติ โดยเน้นเฉพาะภาพที่มีลายเส้นคล้ายคลึงกัน ภาพเหมือนที่มีลายเส้นคล้ายคลึง กันแต่มีสีแตกต่างกัน จะได้รับการจัดกลุ่มอยู่ในคลัสเตอร์เดียวกันใน ร้อยละ 28.5% ข้อบกพร่องของ กระบวนการจำแนกกลุ่มภาพที่ได้จากการตรวจสอบผลการเปรียบเทียบภาพและจำแนกความถูกต้องของผล โดยใช้ Confusion Matrix พบว่า ภาพที่มีลักษณะเดียวกันแต่มีขอบของภาพวางตัวในระยะห่างจากขอบภาพ ไม่เทา่ กันสง่ ผลกระทบให้เกิดการจำแนกภาพผิดกลุ่ม ถงึ รอ้ ยละ 34 % ของการจำแนกภาพเหมือนทั้งหมด และ สง่ ผลใหค้ วามแมน่ ยำในการจำแนกภาพดว้ ยการรู้จำลดลงจากร้อยละ 75% (จาการตรวจสอบดว้ ยการตัดสินใจ จากผลของบุคคล) ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 51.47% ผู้วิจัยสรุปข้อเสนอแนะดังนี้ ควรปรับภาพให้มีระยะห่างจาก เสน้ ขอบของภาพถึงเน้ือภาพเท่ากันในทุกภาพที่จะนำมาเปรียบเทียบเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความแม่นยำ ในการรู้จำและจำแนกภาพอยา่ งมนี ัยยะสำคญั และความแตกต่างของสีและระดบั ความเขม้ สีของภาพเป็นปัจจัย ที่จำเป็นต้องได้รับการปรับให้อยู่ใน Grayscale Mode ในระดับโทสีเดียวกัน เพื่อให้มีผลกระทบต่อ การเทยี บเคียงในปริมาณต่ำสุด คำสำคัญ: การประมวลผลภาพ, การเปรียบเทียบภาพเหมือน, การเปรียบเทียบภาพคล้าย, การรู้จำภาพ, การเรียนรภู้ าพ, ฮสิ โตแกรม, โออาร์บี, การแบ่งภาพเป็นสว่ น, ฮอ็ กเดสครปิ เตอร์, การคำนวณเส้นขอบภาพ

23 การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ เรื่องคณุ ภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม ครง้ั ที่ 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) การพัฒนางานบริหารเวชภัณฑโ์ รงพยาบาลปรางค์กู่โดยใช้ ABC–VEN matrix ชนิสา แหวนเงิน โรงพยาบาลปรางค์กู่ อำเภอปรางคก์ ู่ จงั หวดั ศรีสะเกษ e-mail: [email protected], โทรศพั ท์ 086 338 8865 บทคัดย่อ การศึกษาน้เี ปน็ การศึกษาเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงเพ่ือศึกษาสถานการณ์ข้อมลู การกระจายยาตาม วิธี ABC value analysis, VEN system และ ABC–VEN matrix เพื่อการบริหารยาคงคลังของโรงพยาบาล ปรางคก์ ู่ กล่มุ ตวั อย่างคอื ยาทกุ รายการที่มกี ารเบิกจ่ายและจดั ซอ้ื จัดหาเองจากเงนิ งบประมาณของโรงพยาบาล ปรางค์กู่ ปีงบประมาณ 2564 ทั้งหมด 355 รายการ รวมมูลค่า 12,586,281.55 บาท ใช้สถิติแจกแจงความถี่ รอ้ ยละ และวิเคราะห์ขอ้ มลู ด้วยวธิ ีการ ABC–VEN matrix โดยใช้โปรแกรม Microsoft Excel ผลการวิเคราะห์ ABC พบว่ายากลุ่ม A มีมูลค่าการใช้สูงที่สุด คิดเป็นร้อยละ 69.65 แต่มีจำนวนรายการยา ร้อยละ 12.39 ในขณะที่ยากลุ่ม C มีจำนวนรายการยามากที่สดุ คิดเป็นร้อยละ 67.61 แต่มีมูลค่าการใช้ต่ำทีส่ ุด คิดเป็นร้อย ละ 10.14 ผลการวิเคราะห์ VEN พบว่า ยากลุ่ม N มีจำนวนรายการและมูลค่าการใช้ต่ำที่สุดเท่ากับร้อยละ 4.51 และ 0.69 ตามลำดับ ยากลุม่ V มจี ำนวนรายการยาปานกลางคิดเปน็ ร้อยละ 9.58 และมมี ูลคา่ การใช้ร้อย ละ 2.62 ในขณะที่ยากลุ่ม E มีจำนวนรายการยาและมูลค่าการใช้สูงที่สุด คิดเป็นร้อยละ 85.91 และ 96.69 ตามลำดับ ผลการวิเคราะห์ ABC–VEN matrix พบว่ามูลค่าการใช้ยาส่วนใหญ่อยู่ในหมวดที่ 1 คิดเป็นร้อยละ 71.66 แต่มีจำนวนรายการยาเพียงร้อยละ 21.69 ดังนั้นการวเิ คราะห์ข้อมลู การใช้ยาโดยใช้ ABC-VEN matrix สามารถนำมาใช้เพื่อการวางแผนบริหารจัดการคลังเวชภัณฑ์ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ช่วยในการดูแลผู้ป่วย และใชง้ บประมาณได้อย่างคมุ้ ค่า คำสำคัญ: งานบรหิ ารเวชภัณฑ์, การวเิ คราะห์เอบีซี, การวเิ คราะหว์ ีอเี อน็ , การวเิ คราะหเ์ อบีซี-วอี เี อน็

24 การประชุมวชิ าการระดับชาติ เร่ืองคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม คร้ังที่ 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) องค์ความรู้ทางการแพทยแ์ ผนไทยเกย่ี วกับโรคฝีในคมั ภีรท์ ิพย์มาลา กรณศี กึ ษา หมอจำเนยี ร จนั ทร์สดใส ชลชิด คำพันธ์, ฉลองรัฐ ทองกนั ทา, อนัญญาพร ศริ ิยง่ั ยนื และศศิประภา ภ่สู ุวรรณ วทิ ยาลยั การสาธารณสขุ สริ ินธร จงั หวัดพษิ ณุโลก e-mail: [email protected], โทรศัพท์ 088 978 6335 บทคัดย่อ การศึกษาองค์ความรู้ทางการแพทย์แผนไทยเกี่ยวกับโรคฝีในคัมภีร์ทิพย์มาลา กรณีศึกษา หมอจำเนียน จันทร์สดใส มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาองค์ความรู้ทางการแพทย์แผนไทยเกี่ยวกับโรคฝีในคัมภีร์ ทิพย์มาลา โดยมีการเก็บรวบรวมองค์ความรู้ ใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก แบบมีโครงสร้าง และแบบไม่มี โครงสร้าง การสังเกตแบบมสี ว่ นร่วม และแบบไม่มีสว่ นรว่ ม และการจดบนั ทึก พบวา่ หลกั การของหมอพื้นบ้าน ช่ือทห่ี มอใช้เรียกช่อื โรค กลไกลการเกิดโรค อาการของโรค หลงั การรักษาและหลกั การใช้สมนุ ไพร หมอพน้ื บา้ น ล้วนได้จากบรรพบุรุษ ศึกษาจากอาจารย์แพทย์แผนไทย และจากการศึกษาในตำราต่างๆ ด้วยตนเอง ซึ่งใน คัมภีร์ทิพย์มาลามีทั้งหมด 19 ลักษณะโรค ส่วนหมอพื้นบ้านสามารถวินิจฉัยได้ 16 ลักษณะโรค ตำรายาของ คัมภีร์ทิพย์มาลามีทั้งหมด 81 ตำรับ แต่ละตำรับจะมีสมุนไพรเพียง 2 – 5 ชนิด และมีตำรับที่มีหัวยา ข้าวเย็นเหนือ และหัวยาข้าวเย็นใต้ เป็นส่วนประกอบในตำรับถึง 6 ตำรับ พบหลักฐานการใช้ยาสมุนไพร 3 แบบ คือ ยาต้ม ยาแคปซูล ยาฝนแล้วนำไปทา กระบวนการศึกษานีเ้ ปน็ การศึกษาองค์ความรู้ทางการแพทย์ พ้นื บา้ นใหเ้ ป็นระบบ เพ่ือส่งเสริมการแพทย์พื้นบ้านใหค้ งอยสู่ ืบต่อไป คำสำคัญ: หมอพน้ื บ้าน, การแพทยพ์ น้ื บ้าน, คัมภรี ท์ พิ ย์มาลา

25 การประชุมวชิ าการระดับชาติ เรอื่ งคณุ ภาพของการบรหิ ารจดั การและนวตั กรรม ครั้งท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) กล่มุ มนษุ ยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์

26 การประชุมวชิ าการระดบั ชาติ เรอ่ื งคณุ ภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม ครงั้ ที่ 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) พฤตกิ รรมการดื่มเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์ของนกั ศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเอกชนในจงั หวัดเชียงใหม่ ประพันธ์ อภวิ งค,์ พชั รช์ ลชิ า เมอื งคำ, ตฤณภัท เมธาพชิ าชยั และวิฎากาญ ปนั ดวง สาขาวชิ าการสื่อสารการตลาดดิจิทัล คณะนวตั กรรมเทคโนโลยีและการสรา้ งสรรค์ มหาวทิ ยาลัยฟาร์อสี เทอร์น e-mail: [email protected], โทรศัพท์ 053-201800, โทรสาร 053-201810 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของนักศึกษาระดับ ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง 380 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงค่าความถี่และร้อยละ ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบ แบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 56.3 อายุระหว่าง 21-23 ปี ร้อยละ 41.6 กำลังศึกษาอยู่ระดับ ชั้นปีที่ 3 ร้อยละ 38.4 รายได้ต่อเดือนเฉล่ีย 5,001-6,000 บาท ร้อยละ 33.2 และสถานที่พักอาศัยเป็นหอพกั ร้อยละ 51.3 โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านขายเหล้า ร้อยละ 42.6 ช่วงวันที่นิยมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ วันศุกร์ ร้อยละ 40.3 มีความถี่ในการดื่มเครื่องด่ืม แอลกอฮอล์ คือ ดื่ม 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ ร้อยละ 49.2 นิยมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทเบียร์ ร้อยละ 45.0 โดยให้เหตุผลของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะเพื่อเข้าสังคม ร้อยละ 52.1 เหตุผลหลักที่ทำให้ ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คือ อยากดื่ม/อยากเข้าสังคม ร้อยละ 40.5 และไม่เคยได้รับบาดเจ็บจากการดื่ม เคร่ืองดมื่ แอลกอฮอล์ ร้อยละ 62.1 คำสำคัญ: พฤติกรรมการด่ืมแอลกอฮอร์, นักศึกษาระดบั ปริญญาตรี, มหาวิทยาลัยเอกชนในจังหวดั เชียงใหม่

27 การประชมุ วชิ าการระดบั ชาติ เรอื่ งคณุ ภาพของการบรหิ ารจดั การและนวตั กรรม ครง้ั ท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) การพัฒนาเส้นทางการท่องเทยี่ วทางวัฒนธรรมในเขตเทศบาลเมืองเพชรบรุ ี อำนาจ เอย่ี มสำอาง1*, วิไลลักษณ์ ตางาม2 และชัยวฒุ ิ ชยั ฤกษ์3 1,2สาขาวชิ าภาษาไทยประยุกต์ คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร 3สาขาวชิ าการทอ่ งเทีย่ ว คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร e-mail: [email protected], โทรศพั ท์ 080-3000007 บทคัดยอ่ การวิจัยเรื่อง การพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในเขตเทศบาลจังหวัดเพชรบุรี มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวชุมชน และเพื่อสร้างเส้นทางการท่องเที่ยว ทางวฒั นธรรมในเขตเทศบาลจงั หวดั เพชรบรุ ี เปน็ งานวจิ ยั เชิงคุณภาพ กลุ่มผู้ใหข้ อ้ มลู สำคัญ คือ ผูน้ ำชุมชน นักวิชาการ ปราชญช์ าวบ้าน เจ้าหน้าท่ีคน ในชุมชน และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ตั้งในโบราณสถานพื้นที่เส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนเขต เทศบาล เมอื งเพชรบรุ ี จำนวน 10 คน โดยส่มุ กลุ่มตวั อย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) มีเครอ่ื งมอื การวิจัย คือ แบบสอบถามปลายเปิดเพื่อสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In-Depth Interview) และใช้การจัดสนทนากลุ่มย่อย (Focus group) ผลการวิจัย พบว่า พื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองเพชรบุรีนั้น เป็นพื้นที่ๆ ฐานวัฒนธรรมที่ครบครัน มีแหลง่ ท่องเท่ียวทางวฒั นธรรมท่มี ีความนา่ สนใจ ท้ัง ศาสนสถาน โบราณสถาน ประเพณวี ิถีชวี ิต โดยสามารถกำหนดเส้นทางการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่มีความเหมาะสม ใน 2 รูปแบบ คือ 1) การท่องเท่ยี วแบบวนั เดยี ว 2) การทอ่ งเท่ยี วแบบ 2 วัน 1 คนื คำสำคญั : เส้นทางทอ่ งเที่ยวทางวฒั นธรรม, เทศบาลเมอื งเพชรบุรี

28 การประชุมวิชาการระดบั ชาติ เรือ่ งคุณภาพของการบรหิ ารจดั การและนวัตกรรม คร้งั ท่ี 9 (9th National Conference on Quality Management and Technology Innovation) พฤตกิ รรมการท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรมของนกั ท่องเท่ียวในพนื้ ท่ีจงั หวดั พัทลุง เมทกิ า พ่วงแสง1* และปารชิ าติ ช้วนรกั ธรรม2 1คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร ดุสิต กรุงเทพฯ 2คณะบริหารธรุ กจิ มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร ดุสติ กรุงเทพฯ e-mail: [email protected], โทรศพั ท์ 092-5365516 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของนักท่องเที่ยว ในพื้นที่จังหวัดพัทลุง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดพัทลุง จำนวน 400 คน เก็บข้อมูลโดยใช้ แบบสอบถามและวเิ คราะห์ข้อมลู โดยใช้สถติ ิ ค่าความถี่ คา่ เฉล่ีย รอ้ ยละ ผลการวจิ ยั พบวา่ ผูต้ อบแบบสอบถาม ส่วนใหญเ่ ป็นเพศหญิง มีอายุระหวา่ ง 26 – 35 ปี มีการศกึ ษาอยู่ในระดับปริญญาตรี โดยมีวตั ถุประสงค์หลักใน การเดนิ ทางมาท่องเทยี่ วเชงิ วัฒนธรรมในเขตพ้นื ทีจ่ งั หวัดพัทลุง เพ่อื พักผ่อนและไหว้พระขอพร โดยเลือกแหล่ง ท่องเที่ยวในการเดินทางตามความสนใจ และเคยเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดพัทลุง มากกว่า 2 ครั้ง สว่ นใหญ่เดนิ ทางทอ่ งเท่ียวโดยใช้รถยนตส์ ่วนตัวเป็นพาหนะ รูปแบบการท่องเทยี่ วทส่ี นใจเก่ยี วกบั การท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรม คือ การไหว้พระ ขอพร และมาร่วมงานประเพณี ส่วนใหญ่เดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด เสาร์- อาทิตย์ และไมไ่ ด้พักคา้ งคืน มีคา่ ใชจ้ า่ ยในการเดินทางท่องเทย่ี วเฉลี่ยต่อครัง้ 2,001 – 3,000 บาท และ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในเขตพื้นที่จังหวัดพัทลุงที่ต้องการไปเที่ยวมากที่สุดคือ วัดเขาอ้อ วัดท่าแค วัดเขียนบางแก้ว ตามลำดับ และคุณลักษณะส่วนบุคคลของนักท่องเที่ยว ได้แก่ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ อาชีพ รายได้เฉล่ียต่อเดือน ที่แตกต่างกนั จะมีพฤตกิ รรมการท่องเทย่ี วเชงิ วฒั นธรรมในพ้ืนท่ีจังหวัด พัทลุง แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิตทิ ีร่ ะดับ 0.05 มีเพียงคุณลกั ษณะสว่ นบคุ คลด้านเพศทีแ่ ตกต่างกัน สำหรับ ผลการวเิ คราะหค์ วามสัมพันธร์ ะหว่างปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดมีความสัมพันธก์ ับพฤติกรรมของ นกั ทอ่ งเทยี่ วเชิงวัฒนธรรมในพนื้ ทีจ่ ังหวดั พัทลุง มีความสมั พนั ธ์กนั ในระดับปานกลาง คำสำคญั : พฤตกิ รรมการท่องเท่ียว, การทอ่ งเทย่ี วเชิงวัฒนธรรม, พัทลุง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook