จดหมายเหตเุ รื่องมชิ ชันนารีอเมริกันเขา้ มาประเทศสยาม 135 วันท่ี ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๗๘ เรเวอเรนต์ยอนสันกับภรรยามาหาหมอบรัดเลแจ้งว่า หลวงนายสิทธิ์เชิญเขาทั้ง ๒ ไปเมืองจันทบุรี แลจะให้พักอยู่ท่ีนั่นสัก ๖ เดือน ด้วยหลวงนายสิทธ์ิ ภรรยาแลลกู มีความประสงค์จะเรยี นภาษาองั กฤษในโอกาสอนั น้ี ยอนสนั จะไดแ้ จกหนังสือแลสอนศาสนา แก่พวกจีนทจ่ี ันทบรุ ดี ้วย วันที่ ๗ ยอนสันกับภรรยาตกลงจะไปกับหลวงนายสิทธิ์แน่นอน หมอบรัดเลก็จะไปด้วย แต่ไปเปล่ียนอากาศชั่วคราว เมื่อสบายดีแล้วจะกลับมา เพราะหมอบรัดเลไม่ใคร่จะสบายมาตั้งแต่ พวกมิชชันนารีถูกไล่ออกจากที่อยู่เดิม หมอเป็นผู้วิ่งเต้นเรื่องที่อยู่อันเป็นภาระธุระมากมาย วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๗๘ หมอบรัดเลออกจากบ้านไปลงเรืออาเรียล ซึ่งจะไปยัง เมืองจันทบุรี พร้อมด้วยยอนสันกับภรรยา ไปถึงเรือเวลาเท่ียงตรง ได้พบกับมารดาแลภรรยาของ หลวงนายสิทธิ์ไปถึงเรือก่อนแล้ว มารดา1 แลภรรยาของหลวงนายสิทธิ์น้ี เป็นคนอัธยาศัยดีท้ังคู่ คุณกลิ่น (ภรรยาหลวงนายสิทธิ์) ออกตัวแลขอโทษแก่พวกฝรั่งว่าเรือคับแคบ หลวงนายสิทธ์ิจัดให้พวกฝรั่งพัก บนดาดฟ้าช้ันบน หมอบรัดเลต้องอยู่พรากจากเมียเป็นครั้งแรกต้ังแต่แต่งงานมา เรือแล่นไปสะดวกดี เกนิ ทีค่ าดหมายกัน วันท่ี ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๗๘ รุ่งเช้าเรือล่องลงมาถึงปากน�้ำ มารดาแลญาติพ่ีน้องผู้หญิง ของหลวงนายสิทธิ์ลงเรือมาส่งแค่น้ี แล้วข้ึนจากเรือท่ีปากน้�ำ ตกเวลากลางคืนพวกมิชชันนารีร้องเพลง เล่นกันแก้ง่วง หลวงนายสิทธ์ิบอกว่าบนดาดฟ้าดีกว่าข้างล่าง เพราะข้างล่างปะปนกันมากนัก พวกท่ีอยู่ ข้างล่างก็ซ้อมเพลงกล่อมช้างเผือกที่ได้ ณ เมืองจันทบุรีกัน วันหน่ึงร้องหลาย ๆ เท่ียวกลับไปกลับมา จนน่าเบื่อ ม. ยอนสันกับภรรยาอยู่ห้องใกล้ ๆ กับหมอบรัดเล พวกมิชชันนารีท่ีไปเมืองจันทบุรีคราวน้ี ได้รบั ความเอาใจใส่จากกัปตนั ลีช พวกลูกเรือแลผทู้ มี่ าดว้ ยเปน็ อยา่ งดี วนั ท่ี ๑๔ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๓๗๘ พอน้ำ� มากขา้ มสันดอนไดก้ อ็ อกเรอื หลวงนายสทิ ธิ์แสดงวา่ มีความเสียใจที่ต้องจากมารดาไป แลมารดาก็เหมือนกัน เมื่อจะจากไปแสดงว่าเสียดายท่ีจะจากบุตร แลหลาน ในจ�ำพวกบุตรของหลวงนายสิทธ์ิชั้นหลังได้เป็นอัครมหาเสนาบดีเเลเสนาบดีกระทรวงกลาโหม คนหนง่ึ (คอื เจา้ พระยาสุรวงศไ์ วยวฒั น วอน บนุ นาค) เรือแลน่ ไปโดยสวัสดภิ าพ 1 มารดาของหลวงนายสทิ ธิ์ (ชว่ ง บนุ นาค) คือ ท่านผู้หญงิ จนั เปน็ ธิดาของเจ้าพระยาพลเทพ (ทองอิน)
136 ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ ศรีมหาราชา1 วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๗๘ ถึงศรีมหาราชา เรือทอดสมอทางทิศใต้ของเขาเขียว วันนี้ เดือนหงายดี ทำ�ให้รู้สึกโปร่งใจมาก เวลาประมาณ ๕ ก.ท.2 หลวงนายสิทธ์ิเชิญหมอบรัดเล พร้อมด้วย โยนส์แลภรรยาใหข้ ้นึ ไปเทยี่ วบนฝงั่ พวกมิชชนั นารีจึงขึน้ ไปเท่ยี วบนฝงั่ กบั หลวงนายสิทธิแ์ ลคณุ กล่ินภรรยา ของทา่ น พอไปถึงที่พกั พวกมิชชันนารีไดพ้ บคนเปน็ จ�ำ นวนมาก ออกรสู้ ึกเสยี ใจท่เี วลาออกจากกรุงเทพ ฯ ไม่ได้เอาหนังสือ (สอนศาสนา) ติดตัวมาด้วย หาไม่ก็จะได้แจกแก่ผู้ท่ีได้พบเป็นจำ�นวนมากเหล่านี้ หลวงนายสิทธ์ิแลพวกมิชชันนารีเท่ียวอยู่ที่ฝั่งน้ันหลายชั่วโมง มีความสนุกสนานแลสบายเป็นอันมาก แลรบั ประทานอาหารกนั ทฝ่ี งั่ นั้น มผี ู้คนจัดอาหารมาใหม้ ากมาย เวลา ๑๐ ก.ท. จึงบา่ ยหน้ากลับไปยังเรอื คุณกลิ่นกับพวกมิชชันนารีมาเรือลำ�เดียวกัน หลวงนายสิทธิ์มาอีกลำ�หน่ึงต่างหาก เวลา ๑๑ ก.ท. เรอื ถอนสมอเดินทางตอ่ ไปอีก วันท่ี ๑๗ พฤศจิกายน เรือแล่นมาในกลางทะเล ๓ วัน คลื่นลมแรงมาก จนดูเหมือนเรือแล่น ไม่ค่อยเขยื้อนที่เลย วันท่ี ๑๘ พฤศจิกายน วันน้ีก�ำหนดกันไว้ว่าจะมาถึงปากน�้ำจันทบุรี ก็มาถึงตามท่ีคาดหมาย ผ่านแหลม ๆ หนง่ึ เรียกว่า แหลมสิงห์ 3 แลเกาะเล็ก ๆ อกี เกาะหนึง่ น้�ำข้นึ มากจนฝงั่ ปร่มิ น้ำ� ท�ำใหแ้ ลเหน็ ภาพทางเกาะงดงามมากเหลอื ทจ่ี ะพรรณนา ท่าเรอื จันทบุรี รุ่งขน้ึ วนั ที่ ๑๙ แลเห็นเมอื งจันทบรุ ี พวกมชิ ชนั นารรี ู้สกึ ยนิ ดีเปน็ อนั มากท่เี ดินทางผ่านพ้นอันตราย มาได้แลขอบคุณพระเป็นเจ้ามาก ท่ีปากน้�ำเมืองจันทบุรีมีท่าเรือ ท่ีท่าเรือน้ีมีภูเขายื่นออกมาทางทะเลโค้ง เป็นวงแขน เหมาะท่ีจะเป็นท่าเรือมากทีเดียว จากทะเลขึ้นไปประมาณ ๑๐ ไมล์แลเห็นเขาสระบาป4 แลตน้ มะพร้าวขน้ึ สะพรงั่ ไปหมด 1 ปัจจุบนั คอื อ�ำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 2 หมายถงึ กอ่ นเทยี่ ง แปลมาจาก a.m. (ante meridiem) 3 ส่วนหน่ึงของเขาแหลมสิงห์ที่ย่ืนออกไปในทะเล ด้านทิศตะวันตกของปากน้�ำแหลมสิงห์ มีป้อมซึ่งรัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างช่ือว่า ป้อมพิฆาตปัจจามิตร ปัจจุบันอยู่ในอ�ำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี 4 ช่อื ภูเขาอยู่ทางฝัง่ ซ้ายของแม่นำ�้ จันทบรุ ี มีนำ�้ ตกหลายแหง่ เชน่ น้ำ� ตกพลิ้ว น�้ำตกตรอกนอง น้�ำตกสระบาป เป็นต้น
จดหมายเหตเุ รอื่ งมิชชนั นารีอเมริกันเข้ามาประเทศสยาม 137 วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน เพราะเหตทุ ี่เมืองจันทบุรีไมไ่ ด้อยรู่ ิมทะเล หลวงนายสิทธ์ิล่วงหนา้ ข้นึ ไปเมอื ง ตัง้ แตเ่ ม่ือวานนี้ สง่ เรอื มารบั พวกมิชชันนารีล�ำ ๑ พวกมชิ ชันนารีดีใจมากที่จะไดข้ ้ึนบก แต่เรอื ท่สี ง่ มารบั นั้น เป็นเรือใบ เผอิญลมไม่มีต้องใช้แจว เลยไม่ถึงในตอนเย็นวันนั้น ต้องค้างคืนในเรือ ๑ คืน เวลา ๔ ก.ท. พวกมิชชันนารีต่ืนข้ึนนึกว่าถึงเมืองแล้ว แต่ยังไม่ถึง ถึงบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งหลวงนายสิทธิ์กะไว้ว่าจะมาคอย พวกมิชชันนารีอยู่ที่นั่น แต่พวกมิชชันนารีมาถึงช้าไป จึงคลาดกับหลวงนายสิทธิ์ไปเสีย วนั ท่ี ๒๒ พฤศจกิ ายน เรอื นท่พี วกมิชชันนารีพักอยูน่ ้ี เปน็ เรือนบา้ นนอก อย่ทู ต่ี �ำบลอูต่ ่อเรือสยาม ซ่ึงเจ้าพระยาพระคลังกับหลวงนายสิทธ์ิมาท�ำการต่ออยู่นั้น ในเวลาน้ันก็ยังมีเรือท่ีก�ำลังต่ออยู่อีกกว่า ๕๐ ล�ำ น�้ำหนัก ๓๐๐ ถึง ๔๐๐ ตัน เรื่องที่ไทยเตรียมต่อเรือไว้มากเช่นน้ี เข้าใจว่าเป็นเพราะต้องการ จะเตรียมตัวไว้ มิให้พวกญวนมารบกวนทางเมืองแถบน้ี วนั ท่ี ๒๓ พฤศจกิ ายน หมอบรัดเลกบั ม. โยนส์ แลภรรยาเดนิ ทางไปยงั บางกะจะ1 ในเวลาที่พวก มิชชันนารีผ่านไปนั้น มีคนมาดูแลถามว่าจะไปไหนกัน พวกมิชชันนารีบอกว่า จะไปหาหลวงนายสิทธ์ิ คนเหล่าน้ันก็ช่วยบอกหนทางให้ เวลา ๔ ล.ท.2 พวกมิชชันนารีไปถึงบ้านหลวงนายสิทธ์ิ แลรับประทาน อาหารเย็นพรอ้ มกนั ทีน่ ัน่ วันท่ี ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๗๘ วันนี้หลวงนายสิทธ์มีความกรุณาเตรียมเข้าของแลเคร่ือง เสบียงอาหาร อันจะใช้เปน็ ของสำ�หรับเดนิ ทางกลบั กรงุ เทพ ฯ ใหแ้ ก่หมอบรัดเลเปน็ จ�ำ นวนมาก วันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๗๘ วนั น้ีหมอบรัดเลลงเรือทป่ี ากน้ำ� จนั ทบุรี เดินทางกลับกรุงเทพ ฯ กลับมาพร้อมกับน้องเขยของหลวงนายสิทธ์ิ (พระยาสุรเสนา สวัสดิ์) วนั ที่ ๑๙ ถงึ ปากน้ำ� เมืองสมทุ 3 วันท่ี ๒๐ ลงเรอื ส�ำปัน้ เข้ามากรงุ เทพ ฯ กับนายสดุ จินดา* 1 ชื่อต�ำบลในอ�ำเภอเมืองจันทบุรี มีคลองบางกะจะเป็นคลองแยกจากแม่น้�ำจันทบุรีไหลผ่าน เป็นที่ต้ังของเมืองเนินวง ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกล้าเจา้ อยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้เจา้ พระยาพระคลงั (ดิศ บนุ นาค) เป็นแม่กองสรา้ งข้ึนเมอื่ พ.ศ. ๒๓๗๗ 2 หมายถึง หลงั เที่ยง แปลมาจาก p.m. (post meridiem) 3 ปากน�้ำเมืองสมทุ รปราการ ปัจจบุ นั คอื อ�ำเภอเมอื งสมุทรปราการ จังหวดั สมทุ รปราการ * คือพระยาสุรเสนา สวสั ดิ์ ตน้ สกลุ สวัสดิ - ชโู ต นน้ั เอง (นายสดุ จนิ ดา มหาดเล็กหมุ้ แพร นามเดมิ วา่ สวัสดิ์ สวสั ดิ - ชูโต เป็นนอ้ งชายของเจ้าพระยาพลเทพ (เอี่ยม ชโู ต) และ เป็นน้องเขยของหลวงสิทธิ์นายเวร (ช่วง บุนนาค) สมัยรัชกาลที่ ๓ นายสุดจินดาได้เป็นพระมหามนตรี ในสมัยรัชกาลที่ ๔ พ.ศ. ๒๓๙๔ เล่ือนเป็นพระยาสุรเสนา ถึงแก่อนิจกรรมในสมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นต้นสกุล สวัสดิ - ชูโต - บ.ก.)
138 ประชมุ พงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เล่ม ๑๖ วันที่ ๒๑ ถึงกรุงเทพ ฯ มีความสุขสบายดี วันที่ ๒๒ เจ้าพระยาภยั โณฤทธิ์ 1 ทราบว่า หมอบรัดเลกลับมาจากจันทบุรี ก็ใหเ้ ชิญตวั ไปหาทีบ่ ้าน เพื่อตรวจดูโรคท่ีท่านได้เป็นมาแล้ว ประมาณ ๒๐ ปี เม่ือหมอบรัดเลไปถึงไม่ใคร่จะยอมให้ตรวจเท้า ทั้ง ๒ ข้าง ให้ตรวจแลลองรักษาดูข้างเดียวก่อน คร้ันหมอบรัดเลตรวจแลพูดจาถูกต้อง เป็นท่ีพอใจ จึงไดย้ อมให้ตรวจแลรักษาทัง้ ๒ ขา้ ง เจา้ คณุ ผนู้ ี้ หมอบรดั เลวา่ เป็นผู้มอี ธั ยาศยั อ่อนโยนดยี ิ่งนัก วันที่ ๒๓ หมอบรัดเลไปเยี่ยมแลตรวจอาการโรคของเจ้าคุณภัยโณฤทธิ์อีก คราวนี้เจ้าคุณ มอบภาระเรื่องโรคของท่านให้หมอบรัดเลทั้งสิ้นทีเดียว เท้าข้างหนึ่งซึ่งหมอบรัดเลพอกยาไว้ตั้งแต่ เมื่อวานนี้ ค่อยยังชั่วขึ้นมาก แต่อีกข้างหนึ่งยังมีความปวดอยู่บ้าง วันท่ี ๒๔ วันนี้เจ้าคุณได้ต้อนรับหมอบรัดเลอย่างเต็มท่ี ขอบใจมาก ให้ส้มโอ มะพร้าวแลกล้วย แกห่ มอบรดั เล เพอ่ื เปน็ การตอบแทนในการทไ่ี ดร้ ักษาโรคของท่าน วนั ท่ี ๒๘ ธันวาคม วนั นี้มกี ารเลี้ยงอาหารเย็นท่ีบ้านกงสลุ ปอตุเกต พวกมชิ ชนั นารไี ด้รบั เชญิ ทุกคน แลนอกจากพวกมชิ ชนั นารีแลว้ ยงั มี ม. ฮนั เตอร์ ม. เฮส์ กปั ตนั ลชี ม. มัวแลโยชนิ ดิซิลวาเป็นแขกมาในการ รับประทานอาหารวันนี้อีก ก่อนเวลาท่ีพวกมิชชันนารีจะลุกจากโต๊ะ มีมหาดเล็กผู้หนึ่งรับ ๆ ส่ังมาจาก เจ้าฟ้าน้อย2 (พระป่ินเกล้า ฯ) กล่าวขอโทษต่อพวกแขกในการที่เจ้าฟ้าน้อยมิได้เสด็จมาเสวยร่วมโต๊ะด้วย แลบอกหมอบรัดเลว่า หม่อม3 ของเจ้าฟ้าน้อยประสูติพระธิดา พระองค์ขอเชิญหมอบรัดเลไปท่ีพระราชวัง ให้จงได้ เร่ืองนี้มหาดเล็กได้บอกอย่างลับ ๆ เสียอีก แต่ถึงเช่นนั้น ในชั่วประเด๋ียวเดียวก็รู้กันทั่วหมด เพราะนางผู้ประสูติพระธิดาน้ี มิใช่เป็นคนสามัญ เป็นหม่อมของเจ้าฟ้าน้อยซ่ึงนับเป็นท่ี ๒ รองแต่ พระเจา้ แผน่ ดนิ ของประเทศ 1 ควรจะเปน็ พระยาอภัยโณฤทธิ์ ต�ำแหนง่ จางวางกรมพระต�ำรวจหนา้ ขวา ขณะนั้นผดู้ �ำรงต�ำแหน่งนช้ี ่ือ บุนนาค ยมนาค (ต่อมาเป็นเจ้าพระยายมราช ถึงแก่อสัญกรรมเม่ือวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๘๙ เพระถูกตะเฆ่ทับขณะชักพระพุทธรูป ไปประดิษฐานท่ีวัดราชนัดดาราม) หมอบรัดเลเขยี นไว้ใน Bangkok Calendar ฉบบั ค.ศ. ๑๘๗๑ ว่าเปน็ “a man high in authority” ส่วนหลักฐาน จากพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๔ ระบุว่า โปรดเกล้า ฯ ให้แก้ไขราชทินนามของพระยาอไภยโณฤทธิ์ จางวาง กรมพระต�ำรวจหน้าขวา เป็นพระยาอภัยรณฤทธิ 2 สมเด็จเจา้ ฟา้ จฑุ ามณี ต่อมาคอื พระบาทสมเด็จพระป่นิ เกล้าเจ้าอยู่หัว 3 หม่อมเอม เป็นธิดาเจ้าสัวบุญมี ต่อมาเป็นเจ้าจอมมารดาเอม ในรัชกาลท่ี ๕ ทรงสถาปนาเป็นเจ้าคุณจอมมารดาเอม ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๒๘ ส่วนพระธิดาท่ีประสูติจากหม่อมเอมนั้น ประสูติได้ ๓ วันก็สิ้นพระชนม์ เป็นพระธิดาพระองค์แรกและเป็นพระเชษฐภคินีของกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลท่ี ๕
จดหมายเหตุเรอ่ื งมิชชันนารอี เมริกันเขา้ มาประเทศสยาม 139 หมอบรดั เลกลับถึงบา้ น ก็มีคนเอาเรอื มารบั ไปวงั ของเจา้ ฟา้ น้อย พอไปถึงหน้าทา่ ก็พบพระองค์ท่าน ประทับรออยู่แล้ว คร้ันทอดพระเนตรเห็นหมอบรัดเล ก็รับสั่งทีเดียวว่า หม่อมของพระองค์ประสูติธิดา องคห์ น่งึ (คอื พระองคห์ ญิงใหญ่ พี่กรมพระราชวังบวร ฯ ในเจ้าคุณจอมมารดาเอม) กอ่ นหน้าทหี่ มอบรัดเล กลับมาถึงหน่อยหน่ึง แลรับส่ังต่อไปว่า ตามธรรมเนียมไทยเมื่อหญิงคลอดบุตรแล้ว ต้องอยู่ไฟฉะนั้น หม่อมของพระองค์ก็กำ�ลังอยู่ไฟ แลจะต้องอยู่ให้ครบ ๓๐ วันด้วย เพราะเพ่ิงจะคลอดเป็นคร้ังแรก ถา้ ครั้งท่ี ๒ ท่ี ๓ ท่ี ๔ ท่ี ๕ กอ็ ยลู่ ดลงมาเปน็ ลำ�ดบั คอื ๒๕ วนั ๑๘ วัน ๑๕ วัน แล ๑๑ วนั วันที่ ๒๙ ธันวาคม วันนี้เวลาเย็น หมอบรัดเลกับภรรยาไปเฝ้าเจ้าฟ้าน้อยอีก พระองค์ทรงรับรอง เป็นอย่างดี หม่อมยังคงอยู่ท่ีกระดานไฟ ช้ันแรกดูเหมือนหม่อมอยู่ข้างจะละอายในการท่ีนางบรัดเลผู้ซ่ึง เธอไมเ่ คยรูจ้ ักเข้าไปหาด้วย แต่เพราะเป็นหญิงด้วยกนั ไมช่ า้ กร็ ะงับความอายเสียได้ นางบรดั เลไดแ้ นะน�ำ ให้เธอกินยาของหมอบรัดเล แลแนะน�ำให้ ๆ น�้ำนมของเธอเองให้ธิดาเสวย อย่ามอบให้แก่นางนม ในช้ันแรกนี้ วันที่ ๓๐ ธันวาคม วันน้ีเจ้าคุณอภัยโณฤทธ์ิให้คนมาแจ้งแก่หมอบรัดเลว่า ท่านได้หายจากโรค ท่ีเป็นแล้วแลขอบใจหมอบรัดเลมาก แลถ้าข้างหน้ามีการเจ็บป่วยเกิดข้ึนแก่ท่านแล้ว จะต้องขอใช้ หมอบรัดเลเสมอ วนั ท่ี ๓๑ ธันวาคม วนั นี้ เวลา ๒ ล.ท. เจ้าฟา้ น้อยให้มหาดเล็กรีบมาตามหมอบรัดเลไปดหู มอ่ ม แลธิดาของพระองค์ พอหมอบรัดเลทราบข่าวก็รีบไปพระราชวังทีเดียว แต่หมอบรัดเลไปถึงไม่ทัน จะช่วยเหลือธิดาอย่างใด ๆ ได้เสียแล้ว เพราะส้ินชีพเสียก่อนหน้าท่ีหมอบรัดเลมาถึงแล้ว เจ้าฟ้าน้อย ทรงพระโทมนัสมาก ในการที่หม่อมเจ้าอันเป็นหัวปีของพระองค์ได้ส้ินชีพไปนั้น บรรดาพระญาติแลบริพาร ก็ร้องไห้อาลัยถึงเธอเป็นอันมาก ดูเหมือนว่าเจ้าฟ้าน้อยทรงพระดำ�ริจะเลิกใช้หมอไทย ซ่ึงได้ถวาย พระโอสถรักษาพยาบาลหม่อมของพระองค์อยู่น้ัน แลจะมอบภาระให้หมอบรัดเลถวายพระโอสถ แต่ผู้เดียว แต่ต้องเสียพระทัยด้วยไม่สมด้วยพระดำ�ริ เพราะพระราชมารดาแลเหล่าพระภคินีกับทั้ง หมอหลวงแลผเู้ ถา้ ผูแ้ ก่ท้ังหลายเปน็ จ�ำ นวนมาก ไมเ่ หน็ ชอบดว้ ยตามพระดำ�รนิ ้ัน วันที่ ๘ มกราคม วันนี้เวลาบ่าย เจ้าฟ้าน้อยทรงส่งเรือมารับหมอบรัดเลกับภรรยา ให้ไปเฝ้า สมเด็จพระราชินีศรีสุริเยนทร พระราชมารดาของพระองค์ หมอบรัดเลพร้อมด้วยภรรยาจึงได้รีบไปเฝ้าตาม พระกระแสรับส่ังน้ัน สมเด็จพระราชินีศรีสุริเยนทรน้ี ประทับอยู่ในวังเดียวกับเจ้าฟ้าน้อย แต่ต่างตำ�หนัก ก่อนหน้าที่จะเฝ้าสมเด็จพระราชินีศรีสุริเยนทร เจ้าฟ้าน้อยทรงพาให้หมอบรัดเลกับภรรยาชมเครื่องดนตรี
140 ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ ชนิดหนึ่ง เป็นเคร่ืองลาว (แคน) หมอบรัดเลเคยทราบว่า แคนมีเสียงไพเราะนักอยากจะได้ฟัง จึงถามว่า ใคร ๆ ท่ีอยู่ในที่น้ีเป่าแคนได้บ้าง เจ้าฟ้าน้อยตรัสตอบว่า ได้ซิ แล้วพระองค์จึงหยิบแคนขึ้นทรงเป่า แลตรัสถามหมอบรัดเลว่า ต้องการจะฟังแอ่วด้วยหรือ เม่ือหมอบรัดเลตอบรับแล้ว พระองค์จึงตรัสเรียก คนใช้เข้ามาคน ๑ คนใชน้ ้นั เข้ามากระทำ�ความเคารพโดยคกุ เขา่ กราบลง ๓ ครัง้ แล้วก็นง่ั ลงยังพ้ืนคอยฟัง แคนอยู่ คร้ันได้จงั หวะกเ็ ริม่ แอว่ อย่างไพเราะจับใจ ดูเหมือนจะไดศ้ ึกษามาเป็นอนั ดีจากโรงเรียนสอนดนตรี ฉะนน้ั ประมาณสักคร่ึงช่ัวโมงกว่า ๆ ข้าหลวงตัวโปรดคน ๑ ซึ่งเรียกกันว่าคุณ เข้ามาเฝ้าเจ้าฟ้าน้อย น่ังพับเพียบลงถวายบังคมแล้วทูลว่า เวลาน้ีเข้าเฝ้าได้แล้ว ครั้นทราบเช่นนั้น หมอบรัดเลกับภรรยาจึงเดิน เก่ียวแขนกันเข้าไป เจ้าฟ้าน้อยทรงพระดำ�เนินตามไปข้างหลัง การท่ีหมอบรัดเลกับภรรยาเดินเก่ียวแขน กันเข้าไปเช่นน้ัน ดูเหมือนจะทำ�ให้เห็นเป็นการแปลกมาก หนทางท่ีเดินเข้าไปผ่านพวกข้าหลวงไป เป็นอันมาก พวกข้าหลวงเหล่าน้ีเม่ือเห็นเจ้าฟ้าน้อยเสด็จมาก็หมอบลงถวายบังคมทุกคน หมอบรัดเล กับภรรยาเข้าไปถึงตำ�หนักของสมเด็จพระราชินีแล้วเข้าไปในท้องพระโรง เวลาน้ันสมเด็จพระราชินี ยังไม่ได้เสด็จออกมาประทับบนพระแท่น ซ่ึงตั้งอยู่กลางท้องพระโรง ที่พ้ืนข้างหน้าพระแท่นมีหมู่เจ้าหญิง ประทับอยู่ ๑๒ - ๑๓ พระองค์ หมอบรดั เลกับภรรยานั่งบนเก้าอี้ซงึ่ ตง้ั อยใู่ กล้เคยี งกับพระแทน่ ที่ประทบั นนั้ ในขณะน้ันเจ้าหญิงองค์หน่ึงซึ่งประทับอยู่ในท้องพระโรงนั้น ต้องพระประสงค์ให้หมอบรัดเลตรวจอาการ โรคของพระองค์ ในเวลาที่หมอบรัดเลกำ�ลังตรวจอยนู่ น้ั สมเด็จพระราชนิ กี เ็ สด็จออกมาจากพระทวารกลาง ซ่ึงอยู่ตรงกับพระแท่นที่ประทับ นางบรัดเลเห็นพระองค์ก่อนจึงลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปเฝ้า การท่ีนางบรัดเล อาจเดินเข้าไปเฝ้าเช่นน้ัน ดูเหมือนเจ้าหน้าท่ีผู้เฝ้าแหนอยู่รู้สึกไม่พอใจกันมาก แต่หากไม่กล้าที่จะพูด ประการใด เม่ือนางบรัดเลเข้าไปถึงพระองค์แล้ว ทูลถามถึงสุขทุกข์ส่วนพระองค์ทันที พระองค์ตรัส ตอบว่าไม่ใคร่จะทรงสบาย แลใคร่จะได้หมอมารักษา เม่ือรับส่ังเป็นช่องเช่นนั้น นางบรัดเลจึงออกมานำ� หมอบรัดเลเข้าไปเฝ้าใกล้ ๆ หมอบรัดเลลุกข้ึนทำ�ความเคารพอย่างธรรมเนียมอเมริกัน แลพระองค์ ก็ประทานพระหัตถ์ให้จับเป็นเกียรติยศ เม่ือเสร็จการทำ�ความเคารพแล้ว หมอบรัดเลก็รีบลงมือตรวจ พระโรคทันที ดูเหมือนพระองค์จะทรงแปลกพระทัยมาก ท่ีหมอบรัดเลซึ่งใคร ๆ ก็กล่าวยกย่องสรรเสริญ ว่าเป็นหมอท่ีมีความรู้ดี แต่หาสมจริงตามคำ�ที่เล่าลือกันไม่ รู้อาการพระโรคของพระองค์เพียงเล็กน้อย เท่าน้ัน หมอบรัดเลเลยต้องทูลสารภาพว่า เขาไม่มีความรู้อย่างที่เข้าใจกันจนชินในเมืองไทยว่า พอเห็น คนไข้ก็ทราบได้ทันทีทีเดียวว่าจะเป็นหรือจะตายเช่นน้ัน แลการที่ถือกันเช่นน้ันเอง ทำ�ให้ความสามารถ ทางใช้ยาของเขาถูกลบหลู่มาก หมอบรัดเลทูลต่อไปว่าหมออเมริกันที่มีชื่อเสียงไม่คุยอวดดีเหมือน หมอไทยเลย แลว่าการที่จะรู้ว่าจะเป็นหรือจะตายน้ัน ธรรมดามนุษย์ย่อมรู้ไม่ได้ รู้ได้แต่พระเจ้าบนสวรรค์ พระองค์เดียวเท่านั้น แล้วสมเด็จพระราชินีตรัสถามถึงเร่ืองประเทศอเมริกาว่าไกลเท่าไรจากประเทศสยาม
จดหมายเหตเุ รื่องมิชชันนารีอเมรกิ นั เข้ามาประเทศสยาม 141 แลเดินทางมาเสียค่าพาหนะเท่าไร พวกมิชชันนารีจะมาอยู่ในเมืองไทยน้ีนานเท่าไร แลที่สุดตรัสถามว่า ประเทศอเมริกามีความสุขสบายอย่างประเทศสยามน้ีหรือไม่ หมอบรัดเลทูลตอบว่ามีความสุขสบายมาก ตรัสว่าถ้าเช่นนั้นแล้ว ทำ�ไมพวกท่านจึงมาประเทศน้ีเล่า หมอบรัดเลทูลตอบว่า การท่ีมานี้มิได้มาหา ความสุข มาโดยหวังจะนำ�คำ�ส่ังสอนของพระเยซูคริสต์มาเผยแผ่แก่สัตว์โลกท่ัวไป ในระหว่างท่ีสมเด็จ พระราชินีตรัสแก่หมอบรัดเลน้ัน เจ้าฟ้าน้อยประทับนิ่งมิได้ตรัสประการใดเลย แลดูเหมือนว่าพระองค์ ทรงเกรงกลวั พระราชมารดามากทเี ดยี ว เมื่อได้เฝ้าสมเด็จพระราชินีอยู่ประมาณชั่วโมงหนึ่งแล้ว หมอบรัดเลกับภรรยาก็ทูลลากลับ คำ�นับ อย่างธรรมเนียมอเมริกัน เดินเกี่ยวแขนกันออกมา ส่วนสมเด็จพระราชินีพร้อมด้วยราชบริพารทั้งฝ่ายหน้า แลฝ่ายในก็พากันแลตามดูหมอบรดั เลกบั ภรรยา ซ่ึงเดินเก่ยี วแขนกนั เช่นนั้น ซึง่ เปน็ ภาพทแี่ ปลกยังไม่มีใคร ได้เหน็ เลย แลแปลกกับธรรมเนยี มของไทยมาก วันที่ ๑๑ มกราคม วันน้พี วกคนไข้มาขอยากันเป็นจ�ำ นวนมาก วนั ที่ ๒๔ มกราคม วันนเ้ี ปน็ วันพระของพวกมิชชนั นารี มีการประชุมสวดมนตไ์ หว้พระกนั ตามเคย แลมีการแจกยาแกผ่ ทู้ ีไ่ ปขอทโี่ รงสวดดว้ ย วันท่ี ๒๕ มกราคม วันนี้พวกมิชชันนารีเตรียมตัวจะไปเที่ยวอยุธยา ราชธานีเก่าของกรุงสยาม เดิมคิดจะไปกันอย่างเงียบ ๆ แต่ ม. ฮันเตอร์มาแนะนำ�ว่าตามหนทางที่ดีแล้ว ควรต้องขอหนังสือเดินทาง จากเจ้าพระยาพระคลังเสียก่อน หาไม่อาจถูกจับก็ได้ หมอบรัดเลรู้สึกว่าคำ�แนะนำ�ของ ม. ฮันเตอร์ สมควรดี เพราะหนังสืออนุญาตจากชาวด่านนั้น ชาวต่างประเทศใช้เป็นหนังสือเดินทางไม่ได้ นอกจาก หนังสืออนุญาตจากเจ้าพระยาพระคลังฉบับเดียวเท่านั้น วันที่ ๒๖ มกราคม พวกมิชชันนารีท่ีจะไปเท่ียวอยุธยาน้ัน คือหมอบรัดเล เรเวอเรนต์รอบินสัน แลเรเวอเรนต์ดีน เม่ือพวกมิชชันนารีมาพร้อมกันแล้ว ม. ฮันเตอร์จึงบอกว่าควรจะไปหาเจ้าพระยา พระคลังเสียวันนี้ทีเดียว (เจ้าพระยาพระคลังคนท่ี ม. ฮันเตอร์บอกให้พวกมิชชันนารีไปหาน้ี หาใช่ตัว เจ้าพระยาพระคลงั จริงไม่)1* * เข้าใจว่าสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ เวลาน้ันเป็นพระยาศรีพิพัฒน์ ร้ังราชการกรมท่า
142 ประชุมพงศาวดารฉบบั กาญจนาภิเษก เล่ม ๑๖ ในเวลาเย็น พวกมิชชันนารีแล ม. ฮันเตอร์ไปหาเจ้าพระยาพระคลัง1 พบกำ�ลังอยู่ในห้อง เป็นโรครูมะติซำ� เจ้าคุณพระคลังมีความยินดีที่ได้ทราบว่าพวกมิชชันนารีจะไปเที่ยวอยุธยา แต่เสียใจว่า การออกหนังสือเดินทางให้น้ัน ไม่ใช่หน้าท่ีของท่าน เป็นหน้าท่ีของพระยาพิพัฒน์โกษา (เจ้าพระยา พระคลังที่ ๒) แลว้ เจา้ คณุ พระคลงั ไดเ้ ออื้ เฟ้อื สง่ ล่ามปอตุเกตใหม้ ากับพวกมชิ ชันนารดี ว้ ย ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ พวกมิชชันนารีข้ามแม่น้�ำไปหาพระยาพิพัฒน์ พบเจ้าคุณท่ีท่าน้�ำ ก�ำลงั จะลงเรือ เมอื่ ได้ทราบขา่ ววา่ พวกมชิ ชนั นารจี ะไปเทีย่ วอยุธยา ท่านเจา้ คณุ กลา่ ววา่ ไมเ่ ป็นการสมควร ที่พวกมิชชันนารีจะไปที่น่ัน แลว่าจะได้รับความล�ำบากท้ังพวกมิชชันนารีแลพวกอื่นด้วย แล้วจึงได้ถามว่า พวกมิชชันนารีมีความประสงค์อย่างไรท่ีจะไปอยุธยา พวกมิชชันนารีตอบว่าต้องการจะไปแจกหนังสือสอน ศาสนาคริสตังแก่ประชาชนท่ีเมืองน้ัน แลจะดูว่าเมืองนั้นสมควรจะเป็นแห่งที่ประดิษฐานศาสนาหรือไม่ ดูทา่ นไมพ่ อใจกลบั ถามว่า ท�ำไมกไ็ ดร้ บั อนุญาตใหไ้ ปตง้ั ไดใ้ นจันทบุรแี ลว้ ยงั ไมพ่ อใจอกี หรอื เม่ือได้สนทนาโต้ตอบกันพักหนึ่งแล้ว ท่านกล่าวเป็นคำ�ขาดว่าพวกมิชชันนารีจะไปอยุธยาไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกมิชชันนารีก็จำ�เป็นต้องลาท่านกลับไปยังที่พักของตน คิดจะดื้อไปให้ได้ แต่ ม. ฮันเตอร์คัดค้านว่า ถ้าขืนไปเกิดถูกจับข้ึนแล้วจะเกิดความลำ�บากมาก ท้ังจะทำ�ให้เสียหนทางของ พวกมิชชันนารีต่อไปในข้างหน้าด้วย พวกมิชชันนารีเห็นชอบด้วย จึงเป็นอันงดการไปเที่ยวเมืองอยุธยา วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ วันนี้พอหมอบรัดเลกินอาหารเย็นแล้ว ภรรยาของพระยาพิพัฒน์โกษา2 ส่งเรือมาให้รับหมอบรัดเลไปบ้านของท่าน เม่ือไปถึงบ้านแล้วก็ได้รับเชิญให้เข้าไปในห้องรับแขก บุตรีของ พระยาพิพฒั น์โกษา 3 คน ๑ เป็นไข้ทรพษิ ประมาณ ๑๐ ปลี ว่ งมาแล้ว ในตาข้างซา้ ยของเธอเกดิ เปน็ ตอ้ ข้นึ เพราะการออกไข้ทรพิษนั้น พระยาพิพัฒน์โกษา 4 ต้องการจะให้หมอบรัดเลรักษาต้อนี้ บุตรีอีกคนหนึ่ง ในตระกูลนั้นจะให้รักษาโรคท่ีจมูก (ริดสีดวง) อีกคนหน่ึงจะให้รักษาที่ร่างกายส่วนอื่น ถามว่าจะรักษาได้ หรือไม่ หมอบรัดเลตอบว่าจะรักษาได้หรือไม่นั้น ต้องตรวจดูเสียก่อน แล้วจึงเอ้ือมมือไปจะจับศีรษะ 1 Bangkok Calendar ฉบับ ค.ศ. ๑๘๗๑ หน้า ๑๑๓ หมอบรัดเล ใช้ค�ำว่า “Phya See p’ee - p’at” ซ่ึงหมายถึง พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา (ทัต บุนนาค) ขณะรักษาราชการแทนเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) 2 Bangkok Calendar ฉบบั ค.ศ. ๑๘๗๑ หน้า ๑๑๔ หมอบรัดเล ใช้ค�ำวา่ “the head wife of Phya See - p’i - p’at” ดังนน้ั ท่ถี กู ต้องคอื ภรรยาของพระยาศรพี พิ ัฒนร์ ตั นราชโกษา (ทัต บุนนาค) มิใชภ่ รรยาของพระยาพิพฒั นโ์ กษา (บญุ ศรี บุรณศริ ิ) 3 ที่ถูกต้องคือ บุตรีของพระยาศรพี ิพฒั นร์ ตั นราชโกษา (ทตั บนุ นาค) 4 ท่ีถูกต้องคือ พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา (ทัต บุนนาค)
จดหมายเหตุเรอ่ื งมชิ ชันนารอี เมรกิ ันเขา้ มาประเทศสยาม 143 เพื่อตรวจดูเหมือนกับที่เคยทำ�แก่เด็ก ๆ ในประเทศของตน ในทันใดนั้น บุตรีของพระยาพิพัฒน์โกษา ร้องไห้โฮแลห้ามไม่ให้หมอบรัดเลจับศีรษะของเธอเป็นอันขาด (ข้อนี้ทำ�ให้หมอบรัดเลแปลกใจมาก แลชกั โกรธ ดว้ ยยงั ไม่เคยรู้ธรรมเนียมของไทย ซึ่งถือกนั ว่าไม่สมควรจะจบั ศีรษะกันเล่นงา่ ย ๆ หมอบรดั เล เลยจำ�เป็นบทเรียนของตัว ไม่จับศีรษะของเด็กซ่ึงมีสกุลเช่นน้ันเล่นอีก) ส่วนตัวของพระยาพิพัฒน์โกษา 1 เองต้องการให้รักษาโรครูมะติซำ�ซึ่งได้เป็นมานานแล้ว หมอบรัดเลรับรักษาอย่างดีแลพอใจมาก วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๗๘2 วันนี้หมอบรัดเลแลภรรยาไปดูเรือส�ำเภา ซึ่งเพ่ิงเข้ามาจาก เมืองจีนเป็นคร้ังแรกในปีใหม่ของฝร่ัง (ขึ้นต้นแต่เดือนมกราคม) หมอบรัดเลเล่าว่า ในครั้งกระน้ันเมื่อ มเี รือส�ำเภาเขา้ มานับว่าเปน็ สงิ่ ทีพ่ อใจของประชาชนย่งิ นัก ดว้ ยเรอื ส�ำเภาเหลา่ นนั้ น�ำของดี ๆ ของทีห่ ายาก แลของแปลก ๆ เข้ามาขายมากมาย เรือล�ำน้ีคนขายของเป็นจีนมากคนด้วยกัน ต้ังแต่ ๒๐ ถึง ๖๐ คน ซ่ึงอาศัยอยู่ในชั้นดาดฟ้าของเรือนั้นเอง พอเรือส�ำเภาเข้ามาถึงก็มีฝูงคนไปประชุมกันซ้ือของหนาแน่น ฤดูท่ีมีเรือส�ำเภาเข้ามาเมืองไทยน้ัน คือต้ังแต่เดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงเดือนเมษายน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ไปจนถึงเดือนมกราคมเป็นฤดูส�ำเภาออก ในขาออกไปส�ำเภามักจะบรรทุกสินค้าต่าง ๆ ออกไปขาย เมอื งจีนอกี สนิ ค้าเหล่าน้นั คือ นำ�้ ตาลทราย มะพร้าว ก�ำยาน เปลือกไม้ส�ำหรับย้อมสี ฝ้าย เขา กระดูก แลงาช้าง เป็นต้น วันท่ี ๒๓ กุมภาพันธ์ วันนี้พวกมิชชันนารีรู้สึกว่าเป็นเกียรติยศมาก ที่มีพวกชาววังมาขอให้ รกั ษาโรคท่ีรา้ นจำ�หน่ายยาถึง ๓ คน คนท่ีมาก่อนยอมใหร้ กั ษาตามตำ�ราของพวกมชิ ชันนารี ไมม่ ีความเห็น คัดคา้ นอยา่ งใดเลย แต่อีก ๒ คนหลัง ออกจะถอื ตวั อยบู่ ้าง หรอื ออกจะถือธรรมเนียมจัดเกินไป จนไม่ยอม ให้ผูช้ ว่ ยของหมอบรัดเลท�ำ การรกั ษาอยา่ งธรรมเนยี มฝรั่ง 1 Bangkok Calendar ฉบับ ค.ศ. ๑๘๗๑ หน้า ๑๑๕ หมอบรัดเล ใชค้ �ำวา่ “the mother even, then desired me to take her own ailments into consideration …” ดังนั้นที่ถูกต้องคือ ส่วนตัวมารดาของบรรดาบุตรีเหล่านี้ หมายถึงภรรยาของ พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา (ทัต บุนนาค) 2 ค.ศ. ๑๘๓๖
144 ประชมุ พงศาวดารฉบับกาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑๖ วันท่ี ๒๕ กุมภาพันธ์ ในบรรดาคนไข้ของพวกมิชชันนารี มีพระสงฆ์เป็นจ�ำนวนมากเหมือนกัน หมอบรัดเลก็ให้เกียรติยศแก่พระมากกว่าพวกฆราวาสเล็กน้อย คือยอมให้พระเข้าน่ังบนม้าในร้าน ขายยาได้ ส่วนคนสามัญต้องนั่งคอยอยู่ข้างนอก หมอบรัดเลเล่าว่าในสมัยนั้น คนชั้นต่�ำเมื่อเห็นพระ เป็นแต่แสดงความเคารพเพยี งเล็กนอ้ ยเทา่ นน้ั (ยกมอื ไหว)้ สว่ นคนชัน้ สงู นั้นเคารพอย่างจรงิ ๆ จงั ๆ ทีเดียว ถึงกับต้องคลานเม่ือพบพระเข้าในท่ีเช่นนั้น คือเม่ือสองสามวันท่ีล่วงมานี้เอง มีหญิงชาววังคนหน่ึงมา ท่ีร้านขายยาเพื่อต้องการยาบางอย่าง ชั้นแรกนางไม่เต็มใจจะเข้าไปข้างใน ด้วยเห็นมีพระอยู่มาก หมอบรัดเลขอเชิญให้เข้าไป แต่หมอประหลาดใจมากท่ีได้เห็นหญิงชาววังผู้น้ัน ลงคลานเข่าเข้าไป แลไม่ยอมนั่งบนม้าเลย อ้างว่าการท่ีจะขึ้นน่ังบนม้าเสมอกับพระสงฆ์เช่นน้ัน เป็นการแสดงความไม่เคารพ แลผิดธรรมเนียม แต่คนสามัญไม่ได้คิดที่จะคลานเช่นนั้นเลย เป็นแต่แสดงความเคารพย�ำเกรงนิดหน่อย เท่านนั้ วันท่ี ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๗๘ วันน้ีหมอบรัดเลแลภรรยากับพวกมิชชันนารีทั้งหมด รวมทั้ง ม. เฮนเตอร์แลม. เฮส์ด้วย ได้ไปในการพระราชพิธีแห่งพระศพของพระเจ้าลูกเธอพระองค์หน่ึง *1 ซึ่งได้ส้ินพระชนมม์ าประมาณ ๑๐ เดอื นแล้ว พระเจ้าลกู เธอพระองคน์ ี้ พวกมชิ ชันนารีกล่าวไว้วา่ ถา้ ทา่ น มีพระชนม์อยู่จะได้เป็นพระมหาอุปราชในอาณาจักร แลว่าเป็นความจริงทีเดียว ด้วยต้ังแต่ท่าน สิ้นพระชนม์แล้ว ก็ไม่มีผู้ใดได้รับตำ�แหน่งนั้นมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๓๙๓ วันที่ ๙ มีนาคม วันน้ีพวกมิชชันนารีได้ไปดูการพนันซึ่งเล่นกันที่แพริมบ้านของพวกมิชชันนารี พวกจนี เปน็ หัวหนา้ ตงั้ ขนึ้ พวกจนี ออกจะเป็นครูส�ำหรบั การพนันในกรงุ เทพ ฯ ทุกอยา่ ง แลไมใ่ ช่แตก่ ารพนนั เท่านั้น ในเวลาเล่นยังมีการมหรสพอีกด้วย ตามริมแม่น�้ำได้เล่นกันหลายแห่ง แลถ้าคิดท่ัวทั้งกรุงเทพ ฯ บางทีจะกว่าร้อยแห่งด้วยกัน การเปิดโอกาสให้เล่นการพนัน โดยได้รับอนุญาตจากรัฐบาลเช่นนี้ ในปีหน่ึงได้เล่นกันถึง ๙ วัน คือในวันขึ้นปีใหม่ของจีน ๓ วัน ข้ึนปีใหม่ของไทยอีก ๓ วัน แลสงกรานต์ อีก ๓ วนั * คือพระองค์เจ้าลักขณาณุคุณ (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอม มารดาบาง ประสูติเมื่อวันพุธที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๓๕๕ ได้ว่ากรมพระตำ�รวจ และชำ�ระความข้าราชการวังหน้า เมื่อกรมพระราชวังบวรสวรรคตแล้ว สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๗๘ พระชันษา ๒๔ ปี - บ.ก.)
จดหมายเหตุเรอ่ื งมิชชันนารีอเมรกิ ันเขา้ มาประเทศสยาม 145 (พ.ศ. ๒๓๗๙) วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๓๗๙ วนั นี้ ม. วัลดรอน1 นายทหารเรืออเมรกิ นั มาหาพวกมิชชนั นารี ม.วัลดรอนมาจากปากน้�ำต้ังแต่เมื่อวานน้ี เขาถูกกักอยู่ท่ีปากน�้ำหลายเวลาเกือบจะหมดหวังที่จะได้ หนังสือเดินทางเข้ามากรุงเทพ ฯ เขาเป็นนายทหารเรือคนแรกของเรือสลุปปิก๊อค ผู้ซึ่งเข้ามาถึง ประเทศสยาม ม. โรเบิตส์ อคั รราชทตู อเมริกันกว็ ่าจะเขา้ มาถึงในวันสองวันนี้ พวกมชิ ชนั นารมี ีความตน่ื เตน้ ยินดีอย่างเหลือล้น ที่ได้พบแลสนทนากับชาวอเมริกันด้วยกันเป็นคร้ังแรก ต้ังแต่เข้ามาอยู่ในเมืองไทย อันอา้ งวา้ งแลเปล่าเปล่ียวนี้ ในอาทิตย์นี้ คนไข้ของหมอบรัดเลมีจำ�นวนมาก คิดเฉล่ียราววันละ ๑๔๐ คน แต่ท่ีร้านขายยา ไม่สู้จะยุ่งอะไรมากนัก เพราะหมอบรัดเลได้จัดระเบียบไว้เรียบร้อย แม้จะมีงานมากก็เรียกว่ามากอย่าง มีระเบียบ คือจัดให้นางบรัดเลแลหญิงผู้ช่วยเป็นผู้จ่ายยาให้แก่คนไข้พวกผู้หญิง ให้ ม. ยอนแลจีนผู้ช่วย เป็นธุระจ่ายยาให้แก่พวกคนไข้ผู้ชาย ตัวหมอบรัดเลคอยดูแลกำ�กับงานทั่วไป แลยังมีครูภาษาไทยของ หมอบรัดเลน่ังโต๊ะตรงกับหมอบรัดเลอีกคนหนึ่ง คอยเขียนก๊าดคนป่วยแลคำ�ถามคำ�ตอบในระหว่าง หมอบรัดเลกับคนป่วย การที่หมอบรัดเลทำ�การเช่นนั้น โดยประสงค์จะเรียนภาษาไทยในเรื่องไข้เจ็บ ใหช้ �ำ นาญย่ิง ๆ ขนึ้ วันท่ี ๓ เมษายน วันน้ีเรเวอเรนต์รอบินสัน แสดงปาฐกถาที่แพของพวกมิชชันนารี มีคนไปฟังกัน หนาแน่นจนถึงแพปร่ิมน�้ำ เฉพาะผู้ท่ีอยู่สวดมนต์ไหว้พระเวลาท่ีเลิกปาฐกถาแล้ว ยังมีจ�ำนวนถึง ๑๗๐ คน วันที่ ๗ เมษายน วันน้ีมีพวกนายทหารเรือในเรือสลุปปิก๊อกมาหาพวกมิชชันนารี ๔ คน ๆ หนึ่ง เป็นนักประพันธ์ผู้มีนามโด่งดัง ชื่อหมอสวิเดนเบิก แพทย์ทหารเรือ ซึ่งเคยแต่งหนังสือช่ือ ตรี เยีย อิน ธี แปซฟิ ิก 2 พวกมิชชนั นารีมคี วามยนิ ดีมาก ทพี่ วกนายทหารเรือเหล่านั้นมาหาทง้ั ได้คา้ งอยู่กับพวกมชิ ชันนารี ถงึ ๓ คืน 1 M. Waldron 2 ทถ่ี ูกต้องควรเปน็ W.S. W. Ruschenberger แพทยท์ หารเรือซ่ึงเป็นผแู้ ต่งหนังสอื เร่ือง Three Years in the Pacific พิมพเ์ ม่ือ ค.ศ. ๑๘๓๔ Ruschenberger เดนิ ทางมากับคณะทูตอเมริกัน มเี อดมนั ด์ รอเบิรต์ ส์เป็นทตู
146 ประชุมพงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑๖ ในวันน้ีเอง เจ้าฟ้าใหญ่ (พระจอมเกล้า) พระราชอนุชาของพระเจ้าแผ่นดินแลเป็นประธานของ พระสงฆ์ในอาณาจักร มีรับส่ังให้หมอบรัดเลไปเฝ้าท่ีวัด*1 ซึ่งอยู่เหนือท่ีพักของพวกมิชชันนารีข้ึนไป ราว ๑๒๐ เส้น หมอบรัดเลรู้สึกหนักใจอยู่บ้างในเร่ืองพาภรรยาไปด้วย เพราะเจ้าฟ้าใหญ่เป็นพระที่มี พระเกียรติยศสูง ดูไม่สู้จะเหมาะนักในการที่จะนำ�ผู้หญิงไปเฝ้าพระองค์ แต่คิดว่าเป็นการดีเหมือนกัน ที่จะให้คนไทยรู้เสียบ้างว่า ชาวอเมริกันไม่นับผู้หญิงว่าเป็นเพศท่ีเลวกว่าชายเลย พอไปถึงพระองค์ ทรงรับรองหมอบรัดเลอย่างดีแลเชิญให้นั่งที่โต๊ะแห่งหน่ึง แล้วพระองค์เองก็ประทับที่เก้าอ้ี ตรงข้ามกับเขา ท้ัง ๒ ดูเหมือนว่าพระองค์มิได้ทรงรังเกียจในการท่ีหมอบรัดเลพาภรรยามาด้วยเลย เจ้าฟ้าใหญ่พระองค์น้ี หมอบรัดเลกล่าวว่า พระองค์สมควรจะเป็นรัชทายาทโดยตรงทีเดียว แต่ตามขัตติยราชประเพณีราชสมบัติ ต้องได้แก่พระเชษฐาธิราชก่อน เหตุนั้นพระองค์จึงเสด็จออกทรงผนวชเสีย วันท่ี ๑๐ เมษายน วันนี้เป็นวันพระของพวกมิชชันนารี มีการสวดมนต์ไหว้พระกันที่บ้านของ พวกมชิ ชนั นารีตามเคย วันท่ี ๑๓ เมษายน วันนี้มีการเล้ียงน�้ำชาที่บ้านของเรเวอเรนต์รอบินสัน ม. โรเบิตส์ อัครราชทูต อเมริกัน เรเวอเรนต์เทเลอร์ แล ม. ฮันเตอร์ หมอบรัดเลพร้อมทั้งภรรยาได้มาประชุมท่ีบ้านเรเวอเรนต์ รอบินสัน มีการสนทนาปราศรัยกันเป็นอย่างดี เม่ือเล้ียงน�้ำชาเสร็จแล้ว มีการสวดมนต์ไหว้พระ เพ่ือเป็นการแสดงความเคารพต่อพระเป็นเจ้าด้วย วันที่ ๑๖ เมษายน วันนี้ ม. โรเบิตส์ อัครราชทตู อเมริกัน เขา้ เฝา้ พระเจ้าแผ่นดนิ วันที่ ๑๘ เมษายน วันน้ี ม. ยอน ผู้ชว่ ยในร้านขายยา ลาหยดุ พักไปรบั ใช้ท่านอัครราชทูตอเมรกิ ัน แลในเย็นวันนี้เอง เป็นวันที่ท่านอัครราชทูตออกจากกรุงเทพ ฯ กลับไปประเทศอเมริกา * คือวัดราชาธิวาส เวลานั้นยังเรียก วัดสมอราย (Bangkok Calender ฉบับ ค.ศ. ๑๘๗๑ หน้า ๑๒๐ หมอบรัดเลเขียนไว้ว่า “The person was the rightful heir to the throne, but was put aside to give place to his half brother” พระเชษฐาธิราชในที่นี้คือ พระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้เชิญเสด็จขึ้นครองราชย์ - บ.ก.)
จดหมายเหตุเร่อื งมชิ ชันนารีอเมรกิ นั เขา้ มาประเทศสยาม 147 วันท่ี ๒๓ เมษายน เวลาเช้าหมอบรัดเลได้รับส่ังจากเจ้าฟ้าน้อย ขอเชิญให้หมอบรัดเลไปเฝ้า เจ้าฟ้าใหญ่ ไปพร้อมกับพระองค์แลส่งเรือเก๋งประทานมาให้รับหมอบรัดเลไปก่อน ส่วนพระองค์เสด็จ โดยเรือพระท่ีน่ังอีกลำ�หนึ่งต่างหากตามไปข้างหลัง ท่ีวัดวันน้ีมีผู้คนมาทำ�บุญกันแน่นหนา เม่ือไปถึง แล้วคอยอยู่สักครึ่งช่ัวโมงจึงได้เข้าเฝ้า เจ้าฟ้าใหญ่เสด็จออกมาประทับบนพระเก้าอี้ตรงหน้าหมอบรัดเล หมอบรัดเลน่ังเฝ้าอยู่บนเก้าอี้ซ่ึงสูงกว่าบรรดาผู้ท่ีหมอบเฝ้าอยู่ ทุก ๆ คนสงสัยว่าจะต้องกล่าวคำ�ขอโทษ หรือไม่ แต่ถือเสียว่าเป็นธรรมเนียมฝรั่ง แลทั้งไม่มีผู้ใดต้องการให้กล่าวคำ�ขอโทษด้วย จึงมิได้กล่าว คำ�ขอโทษอย่างใด ๆ หมอบรัดเลเห็นว่าอาการประชวรของพระองค์ไม่ใช่โรคเล็กน้อย โรคชนิดน้ีหมอไทย เรียกกันว่า โรคลม (อัมพาต) เดิมจับตั้งแต่พระบาทแล้วลามสูงข้ึนไปโดยลำ�ดับ จนถึงเท่าที่เป็นอยู่ ในบัดนี้ (ถึงพระพักตร์) แลเท่าที่หมอไทยได้รักษากันมาแล้วน้ัน ใช้ยาชนิดร้อน ๆ พอก หมอบรัดเล ตรวจอยู่เป็นเวลานาน จึงเห็นว่าตามที่หมอไทยว่าเป็นโรคเกิดแต่ลมแลรักษาโดยวิธีน้ัน ไม่ถูกเสียแล้ว เมื่อเจ้าฟ้าใหญ่แลเจ้าฟ้าน้อย ได้ทรงสดับคำ�ช้ีแจงกราบทูลของหมอบรัดเลเช่นน้ัน ก็ทรงเห็นว่า มีความจริงมาก ใคร่จะทรงเลิกหมอไทยแลให้หมอบรัดเลรักษาต่อไป แต่ชั้นต้นก็ยังทรงลังเลพระหฤทัยอยู่ จนเมื่อหมอบรัดเลได้ชี้แจงถวายให้ชัดเจนอีกคร้ังหน่ึงแล้ว จึงตกลงให้เลิกหมอไทย แล้วมอบภาระในเรื่อง การรักษาพระโรคใหแ้ กห่ มอบรดั เลตอ่ ไป ในเวลาที่หมอบรัดเลออกจากทเี่ ฝา้ แลว้ มคี นนำ�ไปพกั ยงั ตึกเล็ก ๆ หลังหน่ึง ซึ่งมีหน้าต่างเปิดได้รอบ มีพรมปูพ้ืนแลเครื่องประดับห้องอย่างธรรมเนียมอเมริกัน แลมีอาหาร ลูกไม้ขนมจัดไว้เรียบร้อยสำ�หรับรับรองหมอบรัดเลด้วย ในระหว่างท่ีหมอบรัดเลรับประทานอาหารอยู่นั้น มีคนไปล้อมดูกันมาก เพราะยังไม่เคยเห็นฝรั่งชาวอเมริกันกินอาหารเลย วนั ท่ี ๒๕ เมษายน เช้าวันน้เี จ้าเมืองนคร1* ซึง่ เข้ามาเฝา้ พระเจ้าแผ่นดินสยาม ให้มาเชญิ หมอบรดั เล กบั ม. ฮนั เตอรไ์ ปหา หมอบรัดเลแล ม. ฮันเตอรก์ ็ไปหาตามความประสงค์ เจ้าเมืองนครผู้นี้หมอบรัดเลวา่ เป็นคนที่มีอัธยาศัยใจคอดีนัก แลว่าชอบชาวประเทศท่ีเจริญรุ่งเรือง เพ่ือเป็นท่ีระลึกของตัวเจ้าเมืองแล ของลูกสาว เจ้าเมืองนครได้ให้ผ้านุ่งไหมแก่หมอบรัดเล ๓ ผืนแลสั่งว่ามะรืนนี้ให้ไปหาอีก * เจ้าพระยานครศรธี รรมราช (น้อย)
148 ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ วันท่ี ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๓๗๙ วันน้ีหมอบรัดเลกับภรรยา ไปหาเจ้าพระยานคร ฯ ตามท่ี ได้รับเชิญไว้ว่าจะไป เจ้าพระยานครรับรองเป็นอย่างดี ชั้นแรกรับท่ีเรือนหลังหนึ่งริมแม่น้�ำ* ภายหลัง ชวนหมอบรัดเลไปยังเรือนอีกหลังหนึ่ง ใหญ่โตกว้างขวางมาก เรือนเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะเพิ่งสร้างข้ึนเป็น ที่พักของเจ้าพระยาคนนี้ ในระหว่างท่ีเข้ามาเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินคราวน้ีเอง เจ้าพระยาคนน้ีได้แสดงกิริยา ตามแบบอเมริกันแลอังกฤษทุกอย่างเท่าท่ีตนรู้ จัดให้หมอบรัดเลกับภรรยานั่งเก้าอี้นวมยาวตัวเดียวกัน หมอบรัดเลน่ังข้างซ้ายของภรรยา ในระหว่างที่น่ังสนทนากันน้ี เจ้าพระยาเรียกผู้หญิงหลายคนเข้ามา ในห้องนั้น พวกผู้หญิงเหล่าน้ี หมอบรัดเลนึกว่าเป็นภรรยาของเจ้าเมืองคนน้ีแทบทุกคน ด้วยหมอบรัดเล ได้เห็นเองในระหว่างเวลาอยู่ ณ ที่น้ันข้ึนไปน่ังร่วมอาสน์กับเจ้าพระยานคร อันเป็นการผิดธรรมเนียม ของคนท่ีไม่ใช่สามีภรรยากัน เจ้าพระยานครได้ให้จัดโต๊ะเล้ียงน�้ำชาแก่หมอบรัดเลแลภรรยา การจัดโต๊ะ พยายามจะท�ำให้เป็นไปตามแบบของชาวอเมริกันทุกอย่าง ชาก็เลือกชนิดที่ดี ขนมก็ล้วนแต่อย่างอร่อย มะปรางก็หวานสนิทน่ารับประทานทุกอย่าง เมื่อกินน้�ำชากันเสร็จแล้ว เจ้าพระยานครให้หมอบรัดเลตรวจโรคลูกชาย ซึ่งมีอายุได้ ๑๘ หรือ ๒๐ ปี แลตรวจตัวเจ้าพระยานครเอง เพื่ออยากทราบว่ากินยาชนิดไรจึงจะดีที่สุด ให้ตรวจโรคเนื้องอก ทขี่ ้อมือของลูกสาวคนหนง่ึ ด้วย วันที่ ๒ พฤษภาคม บ่ายวนั น้ี หมอบรัดเลกับเรเวอเรนตร์ อบินสันไปหาเจ้าพระยานครอกี คอยอยู่ ประมาณช่ัวโมง ๑ เจ้าพระยานครจึงได้ออกมา ยาดีเกลือซ่ึงหมอบรัดเลให้ไว้แต่คราวก่อนก็ยังไม่ได้กิน โดยกลัวว่าจะเป็นยามีพิษ หมอบรัดเลได้พยายามอธิบายให้เห็นว่าไม่จำ�เป็นต้องกลัว แต่เจ้าพระยานคร ต้องการจะพิสูจน์ให้เห็นประจักษ์แก่จักษุ จึงได้เรียกคนใช้มาคนหนึ่งซึ่งเป็นคนมีความปรกติสุขดี ให้กิน ยาดีเกลือนั้นต่อหน้าของตน โดยกล่าวว่าถ้ายาดีจริงแล้ว ท่านจึงจะขอใหม่ คนใช้นั้นก็กระทำ�ตามคำ�สั่ง วันท่ี ๔ พฤษภาคม วันน้ีเรเวอเรนต์ยอนสันกับภรรยา กลับมาจากเมืองจันทบุรีซึ่งได้ไปอยู่ถึง ๖ เดือน ในระหว่างท่ีอยู่เมืองจันทบุรีน้ัน เขาได้สอนศาสนาแลแจกจ่ายหนังสือทุก ๆ วันแก่พวกจีน นับด้วยจ�ำนวนพัน เขาเดินทางมา ๔ วันถึงปากน้�ำ1 แลเดินทางจากปากน้�ำเข้ามากรุงอีก ๓ วัน เสียเวลาอยู่ท่ีปากน�้ำเสีย ๒ วันเปล่า ๆ โดยความเฉ่ือยชาของเจ้าหน้าที่ * อยู่ตรงหน้าวัดมหาธาตุ 1 คือ เมืองปากน�้ำ ในสมัยอยุธยาและสมัยรัตนโกสินทร์มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านทางทะเล ปัจจุบันคือ จังหวัด สมุทรปราการ ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้�ำเจ้าพระยาและเป็นส่วนหนึ่งของท่ีราบลุ่มแม่น้�ำเจ้าพระยา
จดหมายเหตุเรอ่ื งมชิ ชนั นารีอเมรกิ ันเขา้ มาประเทศสยาม 149 วันท่ี ๕ พฤษภาคม บรรดาคนไข้ของพวกมิชชันนารีมีท้ังต่างจังหวัดแลในพระนคร โดยมาก มาจากอยธุ ยา สามโคก1 ปากลัด2 แลปากน้�ำ ซ่งึ ไกลจากทีอ่ ย่ขู องพวกมิชชันนารีออกไปตัง้ หลาย ๆ ไมล์ ในเวลานี้ช่ือเสียงของหมอบรัดเลเล่ืองลือไปท้ังในท่ีใกล้แลท่ีไกล มีคนนับหน้าถือตากันมากว่าเป็นหมอ ที่มีความรู้ดี วันที่ ๖ พฤษภาคม วันนี้เจ้าฟ้าใหญ่มีลายพระหัตถ์ฉบับหน่ึงมาถึงหมอบรัดเลว่า บัดน้ีพระเจ้า แผ่นดินมีพระราชโองการจะให้หมอหลวงมาประจำ�รักษาพระองค์ แลได้ทรงสัญญาว่าหมอหลวงนั้น จะรักษาให้หายได้ภายใน ๓ วันเท่านั้น 3 พระองค์ได้ทูลพระเจ้าแผ่นดินให้ทรงทราบเหมือนกัน ว่าเวลานี้ หมอบรัดเลได้ถวายพระโอสถอยู่ แลว่าพระองค์ทรงสบายข้ึนมากตั้งแต่ได้เสวยพระโอสถท่ีหมอบรัดเล ถวาย แต่คร้ันจะทรงปฏิเสธหมอหลวงเสียทีเดียว ก็เกรงว่าจะเป็นการขัดพระราชโองการ ฉะน้ันพระองค์ จึงได้แจ้งแก่หมอบรัดเลว่าขอให้หมอหลวงได้รักษาพระองค์ตามพระราชประสงค์ ขอหมอบรัดเลอย่าได้ มีความรังเกียจเลย ถ้าว่าหมอหลวงไม่สามารถรักษาพระองค์ให้หายตามกำ�หนดนั้นแล้ว พระองค์จึงจะขอ ให้หมอบรัดเลถวายพระโอสถต่อไปใหม่ หมอบรัดเลทูลตอบไปว่า มีความยินดีจะให้หมอหลวงได้ถวาย พระโอสถตามพระราชโองการของพระเจ้าแผ่นดิน แลให้อยู่ในความรับผิดชอบของหมอหลวงนั้นทีเดียว แลไม่ยอมรับถวายพระโอสถพระองค์อีกต่อไป ด้วยเกรงว่าจะเกิดมีการแกล้งกันข้ึนในระหว่างหมอ ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายแก่คนไข้ (คือว่าเมื่อต้องการจะให้หมออีกฝ่ายหนึ่งเสียชื่อ ก็จะแกล้งเอายาท่ีแสลง แกโ่ รควางแลว้ ก็ท้งิ เสีย) 1 ช่ือชุมชนมอญเก่าริมฝั่งแม่น�้ำเจ้าพระยามีมาต้ังแต่สมัยอยุธยา สันนิษฐานว่าชื่อ “สามโคก” เป็นเตาเผาท่ีเหลือ อยู่สามโคก ปัจจุบันคือ จังหวัดปทุมธานี 2 ชอื่ สามัญของเมอื งนครเขอื่ นขันธ์ ตัง้ อยู่ระหว่างปากคลองลดั โพธิ์และคลองลดั หลวง รัชกาลที่ ๒ โปรดเกล้า ฯ ให้สร้าง เมืองนครเขื่อนขันธ์เพื่อป้องกันข้าศึกทางทะเล และสร้างป้อมทางฝั่งตะวันออก จ�ำนวน ๓ ป้อม คือ ป้อมปู่เจ้าสมิงพราย ป้อมปิศาจสิง ป้อมราหูจร เมื่อรวมกับป้อมวิทยาคม ซ่ึงสร้างในสมัยรัชกาลท่ี ๑ รวมเป็น ๔ ป้อม และโปรดให้สร้างป้อมทาง ฝั่งตะวนั ตก จ�ำนวน ๕ ปอ้ ม คือ ป้อมแผลงไฟฟา้ ป้อมมหาสงั หาร ปอ้ มศัตรูพินาศ ป้อมจักรกรด และปอ้ มพระจันทรพ์ ระอาทติ ย์ ปอ้ มทั้งหมดนี้ชกั ปกี กาถงึ กนั (คือเดินติดต่อถงึ กันดว้ ยมีก�ำแพงบงั กันไว้) ด้านหลงั เมอื งนครเขอื่ นขันธท์ �ำก�ำแพงลอ้ มรอบ ตั้งยุ้งฉาง ตึกดิน และศาลาเก็บรักษาเครื่องศาสตราวุธ ที่ริมแม่น้�ำท�ำลูกทุ่นสายโซ่ส�ำหรับขึงก้ันแม่น�้ำระหว่างต้นโกลนท่ีท�ำมาจาก ท่อนซุงร้อยเกี่ยวกระหนาบเป็นตอน ๆ ปักระหว่างต้นโกลน หลักฐานจากพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๒ พระนิพนธ์สมเด็จ ฯ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ ระบุว่า เมืองนครเขื่อนขันธ์ลงหลักเมือง เมื่อวันท่ี ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๕๘ ครง้ั นน้ั สมเดจ็ พระบวรราชเจา้ มหาเสนานรุ ักษ์ โปรดให้สร้างวัดทรงธรรมเป็นพระอารามประจ�ำเมอื ง 3 Bangkok Calendar ฉบับ ค.ศ. ๑๘๗๑ หน้า ๑๒๔ หมอบรัดเลเขียนว่า ภายใน ๑๐ วัน
150 ประชมุ พงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ อน่ึง หมอบรัดเลเชื่อว่า พระอาการโรคของเจ้าฟ้าใหญ่เท่าท่ีตนได้รักษาไปแล้วนั้น นับว่า เกือบหายดีแล้ว แลถึงแม้ว่าจะไม่ได้เสวยพระโอสถอย่างใด ๆ อีก พระองค์ก็มีแต่จะทรงสบายขึ้น ทุก ๆ วัน เร่ืองนี้หมอบรัดเลเช่ือว่าเจ้าฟ้าใหญ่ทรงทราบอยู่ในพระหฤทัยเป็นอันดี แลปอตกัปตันก็เห็น เช่นน้ันเหมือนกัน เพราะว่าพระโรคท่ีเจ้าฟ้าใหญ่ทรงประชวรนั้น หมอบรัดเลเชื่อว่าหมอไทยน้อยตัวนัก ทจ่ี ะรู้ถงึ แลหมอบรัดเลอยากร้นู ักวา่ หมอไทยคนไหนทไ่ี ดก้ ล้าสญั ญาวา่ จะรกั ษาใหห้ ายไดใ้ นภายใน ๓ วัน เท่านั้น ตัวเขาจะได้สบายใจไม่ต้องเกี่ยวข้องอีกต่อไป วันท่ี ๑๓ พฤษภาคม วันนี้หมอบรัดเลไปหาเจ้าพระยานครอีก ไปคราวนี้เอาหนังสือใบเบิล คัมภีร์แมตธิว ซ่ึงมิซซิสจัดสัน 1 แปลไว้เป็นภาษาไทยไปให้เจ้าพระยานครด้วย หมอบรัดเลอ้อนวอน พระเป็นเจ้าขอให้ดลใจเจ้าพระยาคนน้ีให้อ่านหนังสือน้ีให้จงได้ อนึ่ง วันน้ีเองเป็นวันที่เจ้าพระยานคร เขา้ เฝา้ พระเจา้ แผน่ ดนิ วันที่ ๑๙ พฤษภาคม วันนี้ลูกชายของเรเวอเรนต์รอบินสันถึงแก่ความตาย หมอบรัดเล พยายามรักษาอย่างเต็มความสามารถ แต่เกินกำ�ลังที่หมอบรัดเลจะเอาไว้ได้ หมอบรัดเลโทมนัสถึงแทบ จะเลิกเป็นหมอ (ลูกชายของรอบินสันคนนี้ หมอบรัดเลว่าเป็นบิด) วันที่ ๓ มิถุนายน วันน้ีเรเวอเรนต์รอบินสัน ได้ส่งหนังสือพิมพ์แผ่นหนึ่งเป็นตัวอักษรไทย มาให้หมอบรัดเล พิมพ์แยกถ้อยคำ�ถูกต้องดีมาก หนังสือฉบับนี้ หมอบรัดเลว่าเป็นหนังสือไทยฉบับแรก ที่พิมพ์ขึ้นในเมืองไทย2 1 คือ แอนน์ แฮเซลทีน จัดสัน (Ann Hazeltine Judson) ภรรยาศาสนาจารย์จัดสัน มิชชันนารีอเมริกันทั้งสองคนน้ี เคยเดินทางเข้าไปเผยแผ่คริสต์ศาสนาโปรเตสแตนต์ที่เมืองร่างกุ้ง ประเทศพม่า ต่อมามิสซิสจัดสันได้เรียนรู้ภาษาไทย กับครูไทย สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเชลยไทยที่ถูกกวาดต้อนไปประเทศพม่า มิสซิสจัดสันและสามีมีความประสงค์จะพิมพ์หนังสือ สอนศาสนาเปน็ ภาษาไทย จึงไดเ้ ขยี นตัวภาษาไทยใหน้ ายจอร์จ เอช. ฮฟั (George H. Hough) หล่อตวั พมิ พภ์ าษาไทยเปน็ โลหะ แล้วสร้างแท่นพิมพ์ไม้หยาบ ๆ ข้ึน และเร่ิมพิมพ์หนังสือไทยเป็นครั้งแรกท่ีเมืองร่างกุ้งตรงกับสมัยรัชกาลท่ี ๒ ต่อมาเม่ือพม่า เกิดความไม่สงบทางการเมือง มิสซิสจัดสันได้ส่งแท่นพิมพ์และตัวพิมพ์ภาษาต่าง ๆ เช่น ภาษาไทย พม่า มอญ บาลี ไปยัง เมืองกัลกัตตา (ปัจจุบันคือโกลกาตา) ประเทศอินเดีย ซ่ึงเป็นท่ีต้ังสำ�นักงานใหญ่ของคณะแบปติสต์ในทวีปเอเชีย ในเวลาต่อมา ร้อยเอกเจมส์ โลว์ ได้ใช้แท่นพิมพ์และตัวพิมพ์ภาษาไทยที่ย้ายมาจากเมืองร่างกุ้งนี้ พิมพ์ตำ�ราไวยากรณ์ไทยใน พ.ศ. ๒๓๗๑ 2 สันนิษฐานว่า เป็นค�ำสอนศาสนาพิมพ์ด้วยตัวพิมพ์แบบแยกตัวอักษร
จดหมายเหตุเรือ่ งมิชชนั นารอี เมรกิ นั เข้ามาประเทศสยาม 151 ศาสนาจารยอ์ ะโดนิรมั จดั สัน (Adoniram Judson) แอนน์ แฮเซลทนี จดั สัน (Ann Hazeltine Judson) ภรรยาศาสนาจารย์จดั สนั
152 ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ วันที่ ๔ มิถุนายน เย็นวันนี้เจ้าพระยาพระคลังกลับจากจันทบุรี กล่าวกันว่าท่านเดินทางบก มาจนถึงบางปลาสรอ้ ย 1 แลว้ จงึ ได้ลงเรือตอ่ มายงั กรุงเทพ ฯ เพราะระหว่างเมืองจันทบุรีกบั บางปลาสร้อย มีคล่ืนลมจัดเรือเดินไม่ได้ เจ้าพระยาพระคลังไปสร้างป้อมป้องกันพวกญวนที่จันทบุรี 2 ซ่ึงเป็นราชการ สำ�คัญอยู่เสียเป็นเวลานาน จึงเพิ่งกลับมากรุงเทพ ฯ วันนี้เอง วันท่ี ๑๓ มิถุนายน เย็นวันน้ีขณะท่ีหมอบรัดเลน่ังอยู่ในห้องอ่านหนังสือ มีเสียงร้องทักเป็นภาษา อังกฤษว่า Hallo Doctor ! How do you do? เป็นอย่างไรหมอ สบายดีหรือ หมอบรัดเลได้ยินเช่นนั้น จึงหันไปดูทางนอกชานว่าจะเป็นชาวอังกฤษท่ีไหนมา เม่ือได้เห็นคนรูปร่างสันทัด ผิวเนื้อดำ�แดง แต่งตัว เป็นทหารเรือ มีกระบี่กาไหล่ทองแขวนอยู่ข้าง ๆ จึงเดินตรงเข้าไปหา ขณะท่ีหมอบรัดเลเดินตรงเข้าไป หานี้เอง นายทหารเรือผู้นั้นอดขันไม่ได้ หัวเราะออกมาดัง ๆ อาการเช่นน้ันทำ�ให้หมอบรัดเลจำ�ได้ว่าไม่ใช่ ใครที่ไหนมา คือเจ้าฟ้าน้อยน่ันเอง พระองค์ทรงเคร่ืองทหารเรือท่ีได้รับพระราชทานเมื่อเร็ว ๆ นี้ แลการ ที่ทรงเครื่องมาเช่นนี้ ก็โดยพระประสงค์จะทรงสัพยอกหมอบรัดเลกับภรรยาเล่นเพ่ือเป็นการสนุก ซึ่งพระองค์ทรงโปรดนัก วันท่ี ๑๕ มิถุนายน เย็นวันน้ีมีการประชุมสวดมนต์ท่ีบ้านหมอบรัดเล การประชุมชนิดนี้ มที ุกวันพธุ ท่ีบา้ นของพวกมิชชนั นารีคนใดคนหนึง่ พวกมิชชันนารีโปรเตสแตนต์ในกรุงเทพ ฯ มากนั ทงั้ หมด เม่ือสวดมนต์แล้วมีเทศน์ด้วย แต่ผู้ท่ีจะเทศน์น้ันผลัดเปลี่ยนกันเวียนไปตามตัวอักษร เม่ือถึงชื่อผู้ใด ผู้นั้นต้องเป็นผู้เทศน์ 1 ปัจจุบัน คือ จังหวัดชลบุรี 2 สืบเน่ืองจากเหตุการณ์การปราบปรามกบฏเจ้าอนุวงศ์ในสมัยรัชกาลที่ ๓ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๙ ครั้งน้ันเจ้าอนุวงศ์ เจ้าเมืองเวียงจันทน์สู้ไม่ได้จึงหนีไปพ่ึงญวน และขอกำ�ลังสนับสนุนจากญวนกลับมาตีกองทัพไทย ซึ่งมีพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นแม่ทัพ (ต่อมาคือ เจ้าพระยาบดินทรเดชา) ในที่สุดกองทัพไทยล้อมจับเจ้าอนุวงศ์ไว้ได้และส่งตัวมารับโทษ ที่กรุงเทพ ฯ ญวนส่งสาส์นมาขอให้ไทยปล่อยเจ้าอนุวงศ์กลับไปครองเมืองเวียงจันทน์ แต่ไทยไม่ยินยอม จึงเป็นชนวนให้เกิด ความบาดหมางกนั เรอ่ื ยมา จนเกดิ สงครามระหว่างไทยกับญวนใน พ.ศ. ๒๓๗๖ ภายหลังสงครามกับญวนแล้ว รชั กาลท่ี ๓ ไม่ทรง วางพระราชหฤทัยเกรงว่าญวนจะยกกองทัพมาอีก เพราะยังรบไม่ถึงข้ันแพ้ชนะกัน จึงโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) ออกไปสร้างเมืองป้อมที่เมืองจันทบุรีแห่งใหม่ท่ีตำ�บลเนินวง ใน พ.ศ. ๒๓๗๗ เน่ืองจากมีชัยภูมิที่เหมาะสม เพราะ เป็นที่สูงมองเห็นข้าศึกได้แต่ไกล เจ้าพระยาพระคลังจึงให้หักร้างถางพง และเร่ิมสร้างกำ�แพงเมืองก่อด้วยศิลาแลง ระหว่าง ช่องใบเสมากำ�แพงเมืองต้ังปืนใหญ่เรียงรายไว้โดยรอบ ตรงประตูก่ออิฐบังเชิงเทิน สองข้างประตูทำ�เป็นซุ้มหอรบ และขุดคูกว้าง ประมาณ ๒๔ เมตร พร้อมทั้งสร้างวัดโยธานิมิตรให้เป็นวัดประจำ�เมือง เม่ือแล้วเสร็จ เจ้าพระยาพระคลังจึงสั่งให้รื้อกำ�แพง เมืองจันทบุรีเก่า ซ่ึงตั้งอยู่ที่ตำ�บลบ้านลุ่มออกเสีย แล้วให้เจ้าเมืองจันทบุรีอพยพราษฎรเข้าไปต้ังบ้านเรือนในเมืองที่สร้างขึ้นใหม่ ปัจจุบันนี้เรียกว่า “ค่ายเนินวง” ตั้งอยู่หมู่ที่ ๘ ตำ�บลบางกะจะ อำ�เภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี
จดหมายเหตุเรื่องมิชชันนารอี เมริกนั เขา้ มาประเทศสยาม 153 วันที่ ๑๗ มิถนุ ายน พระยาพพิ ัฒนแ์ ลพระยาโชฎึกต้องรบั พระราชอาญา1 วันน้ีประชาชนมีความต่ืนตกใจกันเป็นอันมาก โดยที่ได้ทราบว่าข้าราชการผู้ใหญ่ ๒ คน คือ พระยาโชฎึก กับพระยาพพิ ัฒน์ตอ้ งรบั พระราชอาญา เร่ืองทเี่ กิดขึ้นนั้นเป็นเชน่ นี้ คือ พระเจ้าแผ่นดินได้ทรงทราบว่า เรือส�ำเภาจีนท้ังหมดเม่ือขายสินค้าหมดแล้ว บรรทุกข้าวสารกลับ ออกไปแทนไม้ฝาง ซ่ึงเป็นไม้ที่ได้ภาษีขาออกสูง ส่วนข้าวสารได้ภาษีขาออกต่�ำ ปีน้ีพระเจ้าแผ่นดิน ต้ังพระหฤทัยจะให้ไม้ฝางออกจากประเทศให้มาก จะได้รับภาษีงาม ๆ เมื่อมาทรงทราบว่าไม่เป็นไป ดังพระราชด�ำริเช่นนั้น พระองค์จึงมีพระราชโองการให้จ�ำพระยาทั้ง ๒ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าท่ีน้ันทันที โดยมิได้ มีผู้พิพากษาหรือตุลาการตัดสินเลย เป็นด้วยปีน้ี พระองค์ต้องพระราชประสงค์จะได้พระราชทรัพย์มาก ๆ เพื่อจะเอามาทรงใช้จ่ายในการสร้างวัด ซึ่งทรงตั้งพระหฤทัยจะให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด วันที่ ๒ กรกฎาคม วันน้ีหมอบรัดเลได้รับรอง ม. รีด แล ม. เดเวนปอต2 ซึ่งเพ่ิงมาจากสิงคโปร์ ถึงกรุงเทพ ฯ ในวันน้ีด้วยความยินดี นางรีดยังอยู่ท่ีเรือแลนางเดเวนปอตยังป่วยอยู่ท่ีสิงคโปร์ เขาท้ัง ๒ มาเท่ียวนี้ เตรียมพร้อมสำ�หรับการงานของมิชชันนารีคณะแบบติสต์ บอด คือคนหน่ึงเป็นช่างพิมพ์ หนังสือ ได้นำ�เคร่ืองพิมพ์อย่างดีมาด้วยเคร่ือง ๑ พร้อมท้ังเคร่ืองอะไหล่สำ�หรับใช้ในการพิมพ์หนังสือด้วย เดเวนปอตจะเข้าสมทบกับแพนกไทย (คือพวกที่มีธุระเกี่ยวข้องกับคนไทย) รีดจะเข้าสมทบกับแพนกจีน (คือพวกที่มีธุระเกี่ยวข้องกับจีน) วันที่ ๑๒ กรกฎาคม วันนี้เป็นวันมีเหตุสำ�คัญของหมอบรัดเล คือเป็นวันที่เจ้าพระยาพระคลัง สั่งให้หมอบรัดเลนำ�เคร่ืองมือท่ีใช้ในการตัดผ่าท้ังหมดไปแสดงที่บ้านของท่าน หมอบรัดเลยอมทำ�ตาม ความประสงค์ มีขา้ ราชการผู้ใหญช่ ัน้ เจ้าเมอื งซึ่งอยู่ในจังหวดั ต่างๆ มาดกู นั มาก เจา้ พระยาพระคลงั เขา้ ใจ แลรู้จักวิธีใช้เครื่องมือเหล่านี้ดีกว่าคนที่มาดูทั้งหมด 1 พระยาพิพัฒน์โกษา (บุญศรี บุรณศิริ) ถูกจองจ�ำอยู่ไม่นานนักก็มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า ฯ ให้พ้นโทษ ออกมารับราชการในต�ำแหน่งเดิม แต่จะได้พ้นโทษในปีใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่จดหมายหลวงอุดมสมบัติระบุว่า ใน พ.ศ. ๒๓๘๑ พระยาพิพัฒน์โกษาก็ปฏิบัติหน้าท่ีในฐานะราชปลัดทูลฉลองกรมท่าตามเดิมแล้ว ส่วนพระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ทองจีน ไกรฤกษ์) จะพ้นโทษในปีใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดเช่นกัน ถึงรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จข้ึนครองราชสมบัติใน พ.ศ. ๒๓๙๔ โปรดเกล้า ฯ กลับมารับราชการในต�ำแหน่งเดิม 2 Rev. Alanson Reed และ Rev. Robert Davenport
154 ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภิเษก เล่ม ๑๖ ในวันน้ีเอง หมอบรัดเลเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าพระยาพระคลัง สักอย่างหน่ึง คือมีท่ีดินแปลงหนึ่งของเจ้าพระยาพระคลัง ซึ่งหมอบรัดเลคิดว่าเป็นสถานอันเหมาะสำ�หรับ จะตั้งโรงสวดสำ�หรับคนไทยข้ึน ถ้าขอเช่าจากเจ้าพระยาพระคลังได้ คำ�ขอร้องเรื่องนี้ก็เป็นผลสำ�เร็จ เจ้าพระยาพระคลังยอมให้พวกมิชชันนารีเช่าท่ีแห่งนั้น เม่ือพวกมิชชันนารีเช่าท่ีตรงน้ันได้แล้ว จึงได้สร้าง โรงสวดสำ�หรับคนไทยข้ึนในระหว่างบ้านอัครราชทูตแลคลอง นับว่าเป็นสาขาแห่งหนึ่งของคณะอเมริกัน บอด ออฟ คอมมิชชันเนอร์ ฟอร์ โฟเรน มิชชันส์ วนั ที่ ๑๖ กรกฎาคม เมอื่ วันที่ ๑๕ ม. รดิ กับ ม. เดเวนปอต ไปหาเจา้ พระยาพระคลงั เรยี นถาม เรอ่ื งจะอนุญาตใหเ้ ขาทง้ั สองอยตู่ รงไหน แลจะให้ตงั้ โรงพมิ พ์ข้นึ ทแ่ี ห่งใด เจ้าคณุ พระคลังตอบวา่ พวกฝรั่ง จะตอ้ งอยใู่ นหมู่เดียวกับ ม. ฮนั เตอร์ (ทตี่ �ำ บลกฎจี นี ) ทง้ั หมด (คือ โรงงานของ ม. ฮันเตอร์ อย่ตู รงกลาง พวกมิชชันนารีคณะแบบติสต์ บอด อยู่ข้างขวา พวกคณะอเมริกัน บอด ออฟ คอมมิชชันเนอร์ ฟอร์ โฟเรน มชิ ชนั ส์ อยขู่ า้ งซา้ ย) วันท่ี ๑๘ กรกฎาคม วันน้ีเป็นวันฉลองวันเกิดของหมอบรัดเล เป็นวันตายของมารดาหมอบรัดเล แลเป็นวนั ทหี่ มอบรัดเลมาถึงกรุงเทพ ฯ แตน่ างบรดั เลกบั มาติลดา1 ไปเปลีย่ นอากาศทปี่ ากน�้ำ นางบรัดเล ขึ้นไปเที่ยวบนเรือของพวกแขกชาวเมืองสุหรัด2 ล�ำหนึ่ง ได้พบจดหมายแลกระดาษต่าง ๆ เข้าหีบหนึ่ง จดหมายแลกระดาษต่าง ๆ เหล่าน้ี พวกมิชชันนารีคอยรับมา ๑๘ วันแล้ว ตั้งแต่เรือล�ำนี้ข้ามสันดอน เขา้ มา (สมัยนั้นเปน็ สมยั ท่กี ารคมนาคมยังไมเ่ จริญ เมล์จากสิงคโปรม์ ากรุงเทพ ฯ อยา่ งเรว็ ที่สดุ ๔ เดือน จึงจะมีคร้ังหนึ่ง จดหมายแลสรรพหนังสือต่าง ๆ ๖ เดือน จึงจะมาถึงสักคร้ัง ๑) วันท่ี ๙ สิงหาคม วันนี้เรือแฟตเติลบาร์ รี 3 ของบริษัทบอมเบ4 ซ่ึงเป็นเรือลำ�ที่หมอบรัดเล แลครอบครัว พรอ้ มท้ังพวกมิชชันนารีโดยสารมากรุงเทพ ฯ คราวแรกนัน้ เข้ามาถงึ กรุงเทพ ฯ เรเวอเรนต์ โยนส์ พร้อมด้วยภรรยาแลลูกกับนางเดเวนปอตโดยสารเข้ามากรุงเทพ ฯ ในเที่ยวนี้ 1 Mathilda ลูกสาวของ Rev. William Dean 2 Surat อยู่เหนือเมืองมุมไบทางตะวันตก เป็นเมืองท่าส�ำคัญของอินเดีย 3 Futtlebarry เป็นเรือท่ีหมอบรัดเลโดยสารจากสิงคโปร์ถึงกรุงเทพฯ ในวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๗๘ 4 คือ บริษัทบอมเบย์ เบอร์มา (Bombay Burma Trading Corporation. Ltd.) ของอังกฤษ มีกิจการหลายอย่าง เช่น เดินเรือและท�ำป่าไม้ในพม่า ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้รับสัมปทานท�ำป่าไม้ในเชียงใหม่
จดหมายเหตเุ รอื่ งมชิ ชันนารอี เมรกิ ันเข้ามาประเทศสยาม 155 วันที่ ๒๖ สิงหาคม เช้าวันน้ีช้างเผือกเชือกหน่ึงของพระเจ้าแผ่นดินเจ็บมาก พระเจ้าแผ่นดิน ไม่ทรงสบายพระหฤทัย เพราะความตายของพระยาช้างซึ่งเป็นที่นับถือกันเช่นนั้น ถือกันว่าเป็นลางร้าย สำ�หรับพระเจ้าแผ่นดิน แลเรื่องราวก็ได้เคยเป็นมาแล้ว คือพระราชบิดาแลพระอัยกาของพระองค์ 1 ก็เสด็จสวรรคต ภายหลังเมื่อพระยาช้างเผือกล้มในไม่สู้ช้านักเหมือนกัน วันท่ี ๑ กนั ยายน พระยาชา้ งเผอื กตัวสำ�คญั ของอาณาจกั รยงั คงอย่ใู นอาการหนัก พระเจ้าแผ่นดนิ ทรงตกพระหฤหยั มาก วันที่ ๙ กันยายน เจ้าพระยาพระคลังมีธุระยุ่งด้วยเร่ืองช้างเผือกเจ็บมาก ต้องไปคอยดูอาการ ท้ังกลางวันแลกลางคืน พร้อมด้วยข้าราชการช้ันผู้ใหญ่แลหมอหลวง พวกมิชชันนารีคอยจะพบท่าน เพื่อต้องการพูดจาเรื่องเรือนที่จะให้ท่านปลูกให้เช่า แต่หมดหวังที่จะได้พบ จะพบกับท่านได้ก็เมื่อ พระยาช้างเผือกได้ถึงแก่ความตายหรือหายนั่นแหละ วันที่ ๑๗ กันยายน แม้ว่าเจ้าพระยาพระคลังจะอยู่บ้าน พวกมิชชันนารีก็ไม่มีโอกาสจะพบ ท่านได้ ด้วยท่านมัวแต่กังวลปรึกษาหารือถึงเรื่องพระยาช้างเผือกป่วยเท่านั้น จนแทบจะไม่มีเวลา พักผ่อนหลับนอนเลย (แต่พระยาช้างเชือกนั้นหายป่วย พระเจ้าแผ่นดินมีพระชนม์ครองราชสมบัติ ยืนนานมาได้อีกถึง ๑๔ พระพรรษา) วนั ที่ ๑๘ ตลุ าคม วนั นีส้ มเด็จพระราชนิ ี 2 พระมารดาของเจา้ ฟ้าใหญแ่ ลเจ้าฟา้ นอ้ ยเสด็จสวรรคต คร้ังนี้ข้าราชการน้อยใหญ่ทั้งหมด ต่างมีธุระยุ่งไม่น้อยไปกว่าคราวท่ีพระยาช้างเผือกได้ป่วยลงนั้น พวกราชบรพิ ารท้งั ฝา่ ยหนา้ แลฝ่ายในทง้ั หมด ไดโ้ กนศีรษะกนั เพือ่ เปน็ การไวท้ กุ ข์ 1 พระราชบิดา หมายถงึ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รชั กาลที่ ๒ (พ.ศ. ๒๓๕๒ - ๒๓๖๗) และพระอัยกา หมายถงึ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ (พ.ศ. ๒๓๒๕ - ๒๓๕๒) 2 คอื สมเด็จพระศรสี ุริเยนทรา บรมราชนิ ีในรัชกาลท่ี ๒ พระนามเดิมวา่ บุญรอด เสด็จพระบรมราชสมภพเม่อื วันอาทิตย์ ท่ี ๒๑ กันยายน พ.ศ. ๒๓๑๐ เสด็จสวรรคตด้วยพระโรคชราในรัชกาลที่ ๓ เมื่อวันอังคารท่ี ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๗๙ พระชนมพรรษา ๗๐ พรรษา พระองค์เป็นพระราชชนนีในเจ้าฟ้าใหญ่ ต่อมาคือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าฟ้าน้อย ต่อมาคือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
156 ประชุมพงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ วนั ที่ ๒๕ ตุลาคม เช้าวันน้ีมีผ้หู ญงิ บา้ นนอกคนหนง่ึ ชาวเมอื งอยธุ ยามาหาหมอบรัดเล ในขณะท่ี หมอบรัดเลพูดกับหญิงน้ันถึงเร่ืองสวรรค์แลนรก หล่อนตอบว่าไม่ได้ต้ังใจจะไปอยู่ที่ไหนทั้งนั้น จนกว่า หล่อนจะได้พูดจาตกลงกับสามีเสียก่อน ถ้าสามีจะไปสวรรค์หล่อนก็จะไปด้วย ถ้าสามีจะไปนรกหล่อน ก็จะไปอยู่กับเขายังท่ีน้ันด้วยเหมือนกัน การที่หล่อนพูดเช่นนี้ เห็นได้ว่ามีความรักสามีผิดกับคนธรรมดา แลมีความเมตตาปรานีแก่ลูกชายแลลูกสาวทั้ง ๒ ซึ่งพามาให้หมอบรัดเลรักษาโรคหูหนวกนั้นเป็นอันมาก วนั ท่ี ๒๖ ตุลาคม เมอื่ วานนี้เรเวอเรนตร์ อบินสัน ไดพ้ ิมพ์หนังสอื ไทยข้ึนฉบบั หนึง่ โดยเครื่องพมิ พ์ ของพวกมิชชันนารีคณะแบบติสต์ พิมพ์คราวนี้ดีกว่าพิมพ์คราวก่อนซึ่งตัวพิมพ์ยังแกะด้วยไม้น้ันมาก พวกมิชชันนารีหวังว่าการพิมพ์หนังสือนี้ ต่อไปข้างหน้าคงจะทำ�ให้ประชาชนไทยมีความนิยมกันมาก วันท่ี ๑๔ พฤศจิกายน วันน้ีพวกมิชชันนารีไปดูเรือรบ ซึ่งหลวงนายสิทธิ์ต่อที่อู่เมืองจันทบุรี เม่ือเร็ว ๆ น้ี เรือล�ำน้ีมีน้�ำหนัก ๗๐๐ ถึง ๘๐๐ ตัน คาดกันว่าจะเป็นเรือท่ีใช้การได้ดีแลเป็นเกียรติยศ แก่ผู้ต่อเป็นอันมาก เป็นเรือล�ำที่ ๔ ซ่ึงไทยต่อตามแบบฝรั่ง วันท่ี ๑๕ พฤศจกิ ายน วันนเ้ี รือคราบดเิ ลบอย1 ของแขกอาหรับเข้ามาจากสงิ คโปร์ลำ� ๑ แต่ไมไ่ ด้ เอาเมล์เข้ามาด้วย ทำ�ให้พวกมิชชันนารีหลงหวังใจผิด วันท่ี ๒ ธนั วาคม วันนี้เปน็ วันแรกท่หี มอบรัดเลไดเ้ ร่มิ ปลูกฝกี ันไข้ทรพษิ โดยวิธีฉีดหนองเชอื้ เข้าไป ในแขนของเดก็ ๆ ประมาณ ๑๕ คน ถ้าหากวา่ การปลูกฝเี ป็นผลสำ�เร็จดีแล้ว จะเปน็ ประโยชนแ์ ก่ชาวสยาม ซง่ึ ได้รับความเดือดร้อนจากการออกฝีดาดกนั ทุก ๆ ปนี ั้นมากทีเดยี ว หมอบรดั เลไปหาเจ้าพระยาพระคลัง หารอื เรอื่ งปลกู ฝีกนั ไขท้ รพษิ เจ้าพระยาพระคลงั เหน็ ชอบดว้ ย แลกล่าวว่าเป็นการบุญอย่างย่ิง จะหาการบุญอย่างอ่ืนมาเปรียบเทียบได้โดยยาก ถ้าว่าหมอบรัดเล คิดการปลูกฝีเป็นผลสำ�เร็จ แลท่านจะยินดีอนุญาตให้หมอบรัดเลเรียกเอาขวัญเข้าจากคนท่ีได้ปลูกฝี ขึ้นแล้วคนละ ๑ บาท แต่หมอบรัดเลทำ�การครั้งน้ันยังไม่สำ�เร็จอยู่ต้ัง ๔ ปี จนถึงปี พ.ศ. ๒๓๘๓ การปลูกฝีจึงได้เป็นผลสำ�เร็จ 1 น่าจะหมายถงึ เรอื ก�ำปนั่ ใบแบบอาหรบั (grab) เรือนา่ จะช่ือ Doderloy
จดหมายเหตเุ ร่ืองมชิ ชนั นารีอเมรกิ ันเข้ามาประเทศสยาม 157 จดหมายเหตทุ ั่วไป ส�ำ หรับ พ.ศ. ๒๓๗๙ พวกมิชชันนารีแยกกันตั้งอยู่ ๓ แห่ง คือ เรเวอเรนต์รอบินสัน ต้ังอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น�้ำ เจ้าพระยา หรือฝั่งพระนคร ใต้พระราชวังลงไปประมาณ ๘๐ เส้น ใกล้กับโรงสวดของคณะแบบติสต์ เรเวอเรนต์ยอนสัน ต้ังอยู่ฝั่งพระนครเหมือนกัน ใต้พระราชวังไปประมาณ ๒๐ เส้น หรือเหนือบ้าน เรเวอเรนต์รอบินสัน ขึ้นมาประมาณ ๖๐ เส้น หมอบรัดเล ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้�ำเจ้าพระยา เยอ้ื งกับรอบนิ สันเล็กนอ้ ย ในบรเิ วณท่ีพวกมชิ ชนั นารตี ง้ั อยนู่ ัน้ นบั ว่าเหมาะทั้ง ๒ ฝัง่ เพราะอยูใ่ นที่ประชุม ชนชาตติ ่าง ๆ ซ่ึงมจี �ำนวนตัง้ ล้านกวา่ แตเ่ ป็นจนี โดยมาก พวกมิชชันนารยี ังได้เทย่ี วไปตามบรเิ วณหา่ งจาก ที่อยู่ออกไปต้ัง ๑,๒๐๐ เส้น ซ่ึงเต็มแน่นไปด้วยหมู่ราษฎร ผู้มีความกระหายอยากได้หนังสือแจกยิ่งนัก ทง้ั ในทิศเหนือแลทศิ ใตข้ องพระนคร ในบรรดาฝงู ชนเหล่านน้ั มพี วกพม่าแลญวนอยู่ไม่ต�ำ่ กวา่ ๕๐,๐๐๐ คน ซึ่งสมควรจะแจกหนังสือแลส่ังสอนศาสนา พวกมิชชันนารี ๒ คน คือ เรเวอเรนต์ยอนสันกับภรรยาได้ไปจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นเมือง อยู่ในทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเทพ ฯ ไกลออกไปประมาณ ๖,๔๐๐ เส้น ใกล้กับเขตแดนเขมร เมืองน้ีมีราษฎรประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน เฉพาะแต่ในเมืองมีราษฎรประมาณ ๑,๐๐๐ ถึง ๕,๐๐๐ คน พวกมิชชันนารีได้รับอนุญาตให้แจกหนังสือ แลสอนศาสนาแก่พวกจีนท่ีเมืองน้ีได้ตามความชอบใจ เรเวอเรนต์ยอนสันกับภรรยาได้อยู่ท่ีเมืองจันทบุรี กับครอบครัวของหลวงนายสิทธ์ิ ลูกชายเจ้าพระยา พระคลงั ซึ่งเป็นผ้เู ชิญใหไ้ ปถึง ๖ เดือน แพนกจีน ได้แจกหนังสือไปเป็นจำ�นวนมากแก่พวกจีนท่ีอยู่ในเมือง แลพวกจีนที่มาสำ�เภา จากเมืองจีน หนังสือจีนทั้งหมดที่ได้แจกไปประมาณ ๒๐,๐๐๐ เล่มกว่า พวกคณะแบบติสต์ก็ได้แจกไป เท่า ๆ กับจำ�นวนน้เี หมอื นกัน แพนกไทย ได้แจกหนังสือไปเพียงเล็กน้อยเท่าน้ัน เพราะหนังสือมีไม่พอแจก ถ้ามีมากจะแจก สกั กพี่ ันกไ็ ด้ หนังสอื ภาษาไทย (พมิ พ์ดว้ ยตวั โรมัน) คมั ภีรย์ อน ๒ - ๓ ฉบบั (ฉบบั ละ ๔ - ๕ ตอน) เท่าน้ัน ที่ได้พิมพ์แลแจกจ่ายไปในเมืองไทย ในระหว่างที่พวกมิชชันนารีอยู่ที่สิงคโปร์ ได้พิมพ์หนังสือคัมภีร์ลูก ซึ่ง ม. กัตส์ลาฟ แปลออกไว้ ๗๐๐ ฉบับ แล้วนำ�เข้ามาด้วย แลต่อมาเรเวอเรนต์โยนส์ได้พิมพ์ คัมภีร์แมตธิวข้ึนอีก ๒,๐๐๐ ฉบับ ในแพนกน้ีได้แจกหนังสือไทย ทั้งที่พิมพ์ด้วยตัวอักษรโรมัน แลตวั อักษรไทย ไปไดร้ วมท้งั สิ้นประมาณ ๔,๐๐๐ ฉบับเท่าน้นั แพนกยา ในแพนกน้ีได้ท�ำประโยชน์มากที่สุด กล่าวคือ ได้รักษาคนไข้ทั้งชั้นสูง ช้ันกลาง ช้ันต่�ำ เกนิ กวา่ ๓,๘๐๐ คน นบั ว่าได้ท�ำการชว่ ยเหลือคนทกุ ๆ ส่วนของประเทศ แลได้ท�ำให้เกิดวิชาหมออย่างใหม่ ขน้ึ ในเมอื งไทยดว้ ย
158 ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ โบสถ์คริสตจักรที่ ๑ สำ� เหร่ เป็นครสิ ตจกั รแห่งแรกของคณะอเมรกิ นั เพรส ไบทเี รียน ซง่ึ เขา้ มาในไทยต้ังแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจา้ อยหู่ ัว เรื่องราวของพวกมิชชันนารีคณะอเมริกัน แบบติสต์ บอด แอนด์ อเมริกัน บอด ออฟ คอมมิชชันเนอร์ ฟอร์ โฟเรน มิชชันส์ ที่หมอบรัดเลเขียนไว้หมดใจความเพียงเท่านี้ หมอบรัดเล กล่าวไว้ว่า ถ้ามีโอกาสก็จะได้เขียนต่อไปอีก แต่ก็ยังไม่ได้เขียนไว้ จึงสมมติว่าเป็นอันจบเรื่องของ พวกมิชชันนารีชุดที่ ๓ ที่ได้เข้ามาทำ�การในเมืองไทย ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๗๘ ถึง พ.ศ. ๒๓๗๙ เพียงเท่านี้
จดหมายเหตุเร่อื งมชิ ชนั นารีอเมรกิ ันเขา้ มาประเทศสยาม 159 คำ�นำ�ฉบับพมิ พ์ครง้ั แรก (ตอนท่ี ๒)1 หมอบรัดเลไดพ้ ิมพ์หนังสือเรือ่ งหนึง่ เรียกว่า บางกอกคาเลนดา เปนอย่างประดทิ นิ ประจ�ำ ปีละเล่ม เริ่มพิมพ์ตั้งแต่คฤสตศก ๑๘๕๙ (พ.ศ. ๒๔๐๒) ในรัชกาลที่ ๔ เปนต้นมาจนคฤสตศก ๑๘๗๓ (พ.ศ. ๒๔๓๖) ในรัชกาลที่ ๕ หมอบรัดเลถึงแก่กรรมจึงได้หยุด ในหนังสือบางกอกคาเลนดาน้ัน นอกจากประดิทิน แลลงบาญชีรายชื่อผู้มีบันดาศักด์ิ แลพวกพ่อค้าชาวต่างประเทศ เช่นเดียวกับหนังสือ นาครสงเคราะห์ หมอบรัดเลมักเก็บเรื่องต่าง ๆ ซึ่งมีผู้แต่งว่าด้วยเรื่องเมืองไทยพิมพ์ไว้ มีบางเร่ือง ซึ่งให้ความรู้น่าอ่าน ดังเช่นเรื่องจดหมายเหตุพวกมิซชันนารีอเมริกันมาต้ังท่ีในเมืองไทย ต้ังแต่คฤสตศก ๑๘๒๘ (พ.ศ. ๒๓๗๑) ในรัชกาลที่ ๓ ซ่ึงหมอบรัดเลได้จดไว้ แลดูเหมือนศาสตราจารย์คอนิเลียส บรัดเล บุตรคนใหญ่ของหมอบรัดเลจะได้เปนผู้เลือกคัดมาลงพิมพ์ไว้ในหนังสือบางกอกคาเลนดา กรรมการหอพระสมุด ฯ เห็นว่าน่าจะแปลออกพิมพ์เปนภาษาไทย จึงได้ให้นายป่วน อินทุวงศ์ เปรียญ พนักงารในหอพระสมุด ฯ แปล แลได้พิมพ์ตอนต้นเปนประชุมพงศาวดารภาคท่ี ๓๑ ในปีน้ีครั้งหน่ึงแล้ว แต่เมื่อพิมพ์ตอนน้ันต้นฉบับหนังสือบางกอกคาเลนดาที่ในหอพระสมุด ฯ มีไม่บริบูรณ์ ขาดเร่ือง จดหมายเหตุของมิซชันนารีข้างตอนหลังอยู่ตอน ๑ ครั้นเมื่อพิมพ์หนังสือแล้ว กรรมการหอพระสมุด ฯ พยายามสืบตามพวกเชื้อสายของหมอบรัดเล ได้ความจากดอกเตอรฮารสิ ผ้เู ปนอาจารย์ใหญแ่ ห่งวิทยาลัย ปรินส์รอแยลท่ีนครเชียงใหม่ แลเปนบุตรเขยของหมอบรัดเลว่า หนังสือบางกอกคาเลนดา เล่มคฤสตศก ๑๘๗๓ ซ่ึงมีจดหมายเหตุของพวกมิซชันนารีตอนหลังน้ัน ของนางจิลลิสมีอยู่ ได้ช่วยเปนธุระขอยืมส่งมา ให้ยังหอพระสมุด ฯ จึงได้ให้นายป่วน อินทุวงศ์ เปรียญ แปลต่อจนหมดเรื่องที่หมอบรัดเลได้พิมพ์ไว้ แต่กรรมการหอพระสมดุ ฯ คดิ เห็นว่าจะพมิ พต์ อนทแ่ี ปลใหมน่ ี้ออกเปนอกิ สว่ นหนงึ่ ต่างหาก เรือ่ งกจ็ ะแตก กันไป ควรจะพิมพ์หนังสือประชุมพงศาวดารภาคที่ ๓๑ เสียใหม่ ให้มีเร่ืองบริบูรณ์แต่ต้นจนปลาย พอประจวบหม่อมเจ้าพ่ีน้องผู้เปนเจ้าภาพงารศพหม่อมเจ้าเขจรจรัสฤทธิ์ ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศร์วรฤทธิ์ มาขอให้กรรมการหอพระสมุด ฯ ช่วยเลือกเรื่องแลจัดการพิมพ์หนังสือสำ�หรับ แจกในงารพระราชทานเพลิงศพ กรรมการจึงแนะนำ�ให้พิมพ์ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๓๑ ด้วยเห็นว่า บรรดาผู้ที่ได้รับไปคงจะพอใจอ่านด้วยกันทั้งนั้น อน่ึง เร่ืองประวัติของหม่อมเจ้าเขจรจรัสฤทธ์ิ ซ่ึงเจ้าภาพมีประสงค์จะให้พิมพ์ไว้ในหนังสือแจก พอปรากฏอยู่เปนที่ระลึกแก่ญาติมิตรทั้งปวงน้ัน มีฉบับซ่ึงพระเจ้าบรมวงศเธอ กรมพระนเรศร์วรฤทธิ์ ทรงเรียบเรียงประทานกระทรวงมุรธาธรไว้ เห็นว่าเปนของพระบิดาทรงพระอุสาหะเรียบเรียง ควรจะเอามา พิมพ์ไวใ้ นหนงั สอื นด้ี กี วา่ ท่ีผ้อู ื่นจะแต่งใหม่ จงึ ไดข้ อคัดส�ำ เนามาพิมพ์ไวต้ ่อไปนี้ 1 รักษาอักขรวิธีตามต้นฉบับพิมพ์คร้ังแรก พ.ศ. ๒๔๖๘
160 ประชมุ พงศาวดารฉบับกาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ ประวตั ิมหาอำ�มาตยต์ รี หม่อมเจา้ เขจรจรสั ฤทธิ์ มหาอำ�มาตย์ตรี หม่อมเจ้าเขจรจรัสฤทธิ์ ท.ม., ท.จ., ต.ช., ว.ป.ร. ๔., ร.ด.ม.,(ศ) ในพระเจา้ บรมวงศเธอ กรมพระนเรศร์วรฤทธ์ิ ประสูติ ณ วันพุธ ที่ ๒๙ กมุ ภาพันธ์ (ปกี นุ ) พ.ศ. ๒๔๓๐ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๐ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ เกศากันต์ในพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ ณ พระท่ีน่ัง อมรินทรวินิจฉัย พ.ศ. ๒๔๔๒ ได้ศึกษาวิชาที่โรงเรียนราชวิทยาลัยอยู่ ๔ ปี ถึง พ.ศ. ๒๔๔๖ สอบได้ ชั้นสกอลาชิพที่ ๑ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เปนนักเรียนหลวงออกไปศึกษาวิทยาศาสตร์ที่ประเทศ ยุโรป ได้ศึกษาที่โรงเรียนแฮโรในประเทศอังกฤษ ๔ ปีแล้วสอบไล่ได้ คร้ัน พ.ศ. ๒๔๕๐ ไปศึกษา วิชาประวัติศาสตร์แลนติ ศิ าสตร์ ณ มหาวิทยาลัยเคมบรซิ ๓ ปี สอบได้ปรญิ ญาชนั้ บ.ี เอ. แล เอล.เอล บ.ี ถงึ พ.ศ. ๒๔๕๓ ไดศ้ ึกษาที่โรงเรียนกฎหมาย ณ กรงุ ลอนดอนอยู่ ๘ เดือน สอบได้เปนเนตบิ ณั ฑติ อังกฤษ แล้ว ไปเปนนักเรียนล่ามประจำ�อยู่ท่ีสถานราชทูตสยามแห่งกรุงปารีส แลศึกษาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ อิก ๒ ปี สอบได้ประกาศนยี บตั ร แลว้ เสด็จกลับเข้ามารบั ราชการกระทรวงการต่างประเทศ ใน พ.ศ. ๒๔๕๕ เปนผู้ช่วยช้ัน ๑ กรมท่ีปรึกษาราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๔๕๖ ได้รับพระราชทานยศเปนอำ�มาตย์เอก แล้วเปนนักเรียนกฎหมายในโรงเรียนกระทรวงยุติธรรมด้วย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ ได้เปนเลขานุการกรม ที่ปรกึ ษาราชการแผน่ ดิน ถึง พ.ศ. ๒๔๕๙ สอบวชิ ากฎหมายไดเ้ ปนเนติบัณฑิตสยาม ครนั้ พ.ศ. ๒๔๖๐ ได้รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลาเข็มศิลปวิทยา แลในปีนั้นได้กราบถวายบังคมลาอุปสมบทพรรษา ๑ ทรงผนวชในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เปนพระอุปัชฌายาจารย์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหม่ืนชินวรสิริวัฒน์ เปนพระกรรมวาจารย์ จำ�พรรษาอยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ได้ศึกษาธรรมวินัยสอบได้เปนนักธรรมช้ันตรี แลได้ทรงนิพนธ์ หนังสือ “พระไตรรัตน” ในขณะทรงผนวชอยู่ เม่ือลาผนวชแล้วได้เข้ารับราชการในกระทรวงยุติธรรม เมือ่ พ.ศ. ๒๔๖๑ อยใู่ นต�ำ แหนง่ อยั การ แลได้รับพระราชทานเครอื่ งราชอิศรยิ าภรณ์ ตรติ าภรณ์ชา้ งเผอื ก กับเหรียญรัตนาภรณ์รัชกาลปัจจุบัน ช้ันที่ ๔ แลในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๖๑ นั้นได้ออกไปรับราชการ เปนเลขานกุ ารใหญแ่ ห่งคณะอรรคราชทตู พเิ ศษสยาม ในการประชมุ ปรึกษาสญั ญาสนั ตภิ าพ ณ กรงุ ปารีส ส�ำ เรจ็ แลว้ พ.ศ. ๒๔๖๒ กลับเขา้ มาเปนผู้พิพากษาศาลคดีตา่ งประเทศ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓ ไดเ้ ปนผ้กู �ำ กับ ส�ำ นักงารส�ำ หรับตรวจแลใชห้ นีเ้ ชลย พ.ศ. ๒๔๖๔ ไดเ้ ปนอาจารยส์ อนธรรมระหว่างประเทศ แพนกคดีเมอื ง ในโรงเรยี นกฎหมาย แลไดร้ ับพระราชทานเครือ่ งราชอศิ รยิ าภรณ์ ทวีตยิ าภรณม์ งกุฎสยาม เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๖๕ เปนกรรมการเนติบัณฑิตสภา พ.ศ. ๒๔๖๖ เปนกรรมการสอดส่องความประพฤติทนายความ พ.ศ. ๒๔๖๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เปนกรรมการแห่งสภานิติศึกษา ต่อมาได้รับพระราชทานเลื่อนยศ เปนมหาอำ�มาตย์ตรี แลได้รับพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์สำ�หรับตระกูลทุติยจุลจอมเกล้า พร้อมดว้ ยพานทองเครื่องยศ ครั้น พ.ศ. ๒๔๖๘ ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้เปนองคมนตรี
จดหมายเหตุเร่ืองมิชชันนารอี เมรกิ ันเขา้ มาประเทศสยาม 161 หม่อมเจ้าเขจรจรัสฤทธิ์ ประชวรโรคหวัดใหญ่ต้ังแต่วันที่ ๕ กรกฎาคม เน่ืองด้วยปับผาสะ อกั เสบมาก ส้ินชพี ิตักษยั เมื่อ ณ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๘ เวลา ๒ นาฬกิ า ๒๑ นาฑกี อ่ นเท่ียง คำ�นวณชนมายไุ ด้ ๓๘ ปี กรรมการหอพระสมุด ฯ ขออนุโมทนากุศลบุญราศีทักษิณานุปทาน ซึ่งเจ้าภาพงารศพ มหาอำ�มาตย์ตรี หม่อมเจ้าเขจรจรัสฤทธิ์ ได้บำ�เพ็ญเปนญาติสังคหธรรม แลที่ได้พิมหนังสือเรื่องนี้ ให้แพร่หลาย สภานายก หอพระสมดุ วชิรญาณ วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พระพุทธศกั ราช ๒๔๖๘
162 ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภเิ ษก เลม่ ๑๖ จดหมายเหตุ เรอ่ื งมชิ ชันนารอี เมริกันเขา้ มาประเทศสยาม ตอนท่ี ๒ ในต้นปี พ.ศ. ๒๓๘๐ มีพวกมิชชันนารีอเมริกันอยู่ในกรุงเทพ ฯ รวมท้ังผู้หญิงผู้ชาย ๑๓ คน เป็นพวกคณะแบบติสต์ ๗ คน คือ เรเวอเรนต์จี. ตี. โยนส์ กับภรรยา เรเวอเรนต์อาร์. ดี. เดเวนปอต กับภรรยา เรเวอเรนต์อาร์. รีด กับภรรยา เรเวอเรนต์วิลเลียม ดีน คณะคองครีเกชันแนล คณะอเมริกัน บอด ออฟ คอมมิชชันเนอร์ ฟอร์ ฟอเรน มิชชันส์ ๖ คน คือ เรเวอเรนต์รอบินสันกับภรรยา เรเวอเรนต์ สเตเฟน ยอนสันกับภรรยา หมอ ดี. บี. บรัดเลกับภรรยา นางดีนไปถึงแก่กรรมเสียที่เมืองสิงคโปร์ ในระหว่างเดินทางกลับจากประเทศไทยไปอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๗๘ นางดีนมีลูกสาวคนหน่ึง 1 ฝากไว้ กับหมอบรัดเลได้ ๒ ปีกว่า แล้วเรเวอเรนต์ดีนก็รับเอาไปเมืองมาเก๊าในประเทศจีน แล้วส่งให้ไปอยู่ เมอื งบอสต้ันในอเมรกิ า ในเวลาน้ันห้างฝรั่งในกรุงเทพ ฯ มีอย่แู ตห่ ้างฮันเตอร์เฮสแ์ อนด์กำ�ปนี 2 ห้างเดยี ว เท่านน้ั นางฮันเตอร์ 3 เปน็ ชาวปอตเุ กต * ยงั มชี วี ิตอยู่ มลี กู ชายกับ ม. ฮันเตอร์ คน ๑ แตไ่ ด้ถึงแกก่ รรม เสียแล้ว 4 ลูกชายของ ม. ฮันเตอร์ผู้น้ัน ยังมีฝร่ังซ่ึงอยู่ในกรุงเทพ ฯ รู้จักและจำ�ได้บ้างบางคน ผู้เป็น ห้นุ ส่วนหา้ งอังกฤษทีอ่ ย่ใู นประเทศนี้ มีแต่ ม. รอเบิต ฮนั เตอร์ผูเ้ ป็นบิดา กับ ม. เฮส์ ในต้นปี พ.ศ. ๒๓๗๙ ม. เฮส์เป็นโรคบิดแทบถึงแก่ปางตาย แต่พอค่อยยังช่ัวขึ้นเล็กน้อย ก็ออกจากเมืองไทยไปยังสิงคโปร์ ให้หมอมอนต์โกเมอรี 5 รักษาอยู่ ๕ - ๖ เดือน แล้วกลับมาเมืองไทยในราวต้น พ.ศ. ๒๓๘๐ แต่ไม่ สามารถจะประกอบการงานไดเ้ หมอื นแตก่ อ่ น ฉะนน้ั ตอ่ มาอกี ๒ - ๓ เดอื น เขาก็ออกจากเมืองไทยเดินทาง ไปยังประเทศยุโรป โดยหวังว่าจะกลับมีความสุขสบายขึ้นกว่าเดิม แต่ไปถึงแก่กรรมเสียในกลางทาง หาทันไดก้ ลับไปเหน็ บ้านเกดิ เมอื งนอนของตนไม่ 1 ชื่อ มาทิลดา (Mathilda) 2 ท่ีถูกต้องคือ Hunter & Hayes Company 3 ชอ่ื Angelina Sap นางฮนั เตอร์อา้ งว่า ตนสบื เช้ือสายมาจากเจ้าพระยาวชิ าเยนทร์ * คือ หญงิ ชาวกะดจี ีน 4 Siam Then ระบุว่า นายฮันเตอร์มีลูกกับนางฮันเตอร์หลายคน คนโตช่ือรอเบิร์ตเช่นกัน รอเบิร์ตไปศึกษาที่อังกฤษ แล้วกลับมาท�ำหน้าที่ล่ามให้เจ้าพระยากลาโหมอยู่หลายปี ต่อมาเสียชีวิตใน พ.ศ. ๒๔๐๘ เข้าใจว่าจมน�้ำตาย เพราะเมาสุรา 5 Montgomery
จดหมายเหตุเรอ่ื งมิชชนั นารอี เมริกันเขา้ มาประเทศสยาม 163 ม. เฮส์มีหลานชายคนหนึ่ง เป็นเสมียนอยู่ในห้างฮันเตอร์เฮส์แอนด์กำ�ปนี หลานชาย ม. เฮส์คนน้ี ก็อีกนะแหละ ต่อจาก ม. เฮส์ตายได้ ๒ - ๓ ปีก็เร่ิมป่วย ได้ไปยังเมืองสิงคโปร์และเมืองอื่น ๆ เพ่ือหา ความสุขสบาย แต่ได้ถึงแกก่ รรมเสยี ในระหว่างทีไ่ ปเปลี่ยนอากาศนัน้ เอง ภรรยาและลกู นอ้ ย (ไม่ปรากฏว่า หญงิ หรอื ชาย) คนหน่งึ คงอย่ใู นกรุงเทพ ฯ ตอ่ มา ในต้นเดือนกุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๓๘๐ มเี รือใบฝรงั่ เข้ามาถงึ ๗ ล�ำ ซึ่งนบั วา่ มีจำ�นวนมากกว่าธรรมดา ในสมัยที่ประเทศไทยเริ่มมีการค้าขายกับพวกฝร่ังใหม่ ๆ เมื่อปีท่ีแล้วมา (พ.ศ. ๒๓๗๙) มีเรือมาจาก ตา่ งประเทศเพียง ๖ ล�ำ เทา่ น้นั ต่อไปนเ้ี ปน็ บัญชรี ายช่ือเรอื ตา่ งประเทศและเรือไทย ซึง่ เข้ามาถงึ ท่าเรอื เมอื งไทย ในปี พ.ศ. ๒๓๗๙ และ พ.ศ. ๒๓๘๐ วันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๓๗๙ เรือกำ�ปัน่ ชปิ (คอื กำ�ปน่ั ใบสามเสา) ชือ่ สะเชม1 ของอเมริกนั กปั ตนั เดวีสัน2 มาถงึ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๗๙ เรือก�ำ ปน่ั บริค (คือ กำ�ป่ันใบสองเสา) ชือ่ เอมมา มะตลิ ดา3 ของอเมรกิ ัน กัปตันจันเสน4 มาถึง วนั ท่ี ๒๖ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๗๙ เรอื กำ�ปน่ั บาก (คือ ก�ำ ป่นั ใบสองเสาครง่ึ ) ช่อื มารีชารป์ 5 ของอังกฤษ กัปตันเดวดิ เบรา6 มาถึง วนั ท่ี ๔ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๓๘๐ เรือกำ�ปน่ั บรคิ ชอื่ แฟนนี 7 ของอังกฤษมาถึง 1 Sachem 2 Captain E. E. Davison 3 Emma & Mathilda 4 Captain T. H. Jansen 5 Mary Sharp 6 Captain David Brown 7 Fanny
164 ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ วันที่ ๙ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๓๘๐ เรือกำ�ปัน่ บาก ชื่อ ฮีโร1 ขององั กฤษ กปั ตนั สมอลวดุ 2 มาถึง วนั ที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๓๘๐ เรอื ก�ำ ปน่ั ซปิ ชอ่ื ฟัตเติลราแมน3 ขององั กฤษมาถงึ วันท่ี ๑๘ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๓๘๐ เรือกำ�ปน่ั บริคมาถึง วันที่ ......... ตลุ าคม พ.ศ. ๒๓๘๐4 เรือก�ำ ปั่นชปิ ชือ่ คองเกอเรอร์ของไทย 5 กัปตันตริ๊กซ์ 6 มาถึง วันที่ ๒๙ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๓๘๐ เรอื ก�ำ ปน่ั บรคิ ชือ่ แฟนนี ขององั กฤษมาถงึ 1 Hero 2 Captain R. Smallwood 3 Fattal Rahman 4 ต้นฉบบั ไม่ระบวุ นั ท่ี 5 หนังสือพิมพ์ในออสเตรเลียลงข่าวในเดือนตุลาคม ค.ศ. ๑๘๓๗ ระบุว่า รัชกาลที่ ๓ ทรงปล่อยเรือชื่อ Conqueror ระวาง ๖๐๐ ตัน ตดิ ปืน ๔๐ กระบอก (The Sydney Morning Herald, 4 June 1838, p.3) 6 Captain Triggs
จดหมายเหตุเร่อื งมชิ ชนั นารอี เมรกิ นั เขา้ มาประเทศสยาม 165 (พ.ศ. ๒๓๗๙) วันท่ี ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๓๗๙ วันน้ีพวกมิชชันนารีคณะแบบติสต์ และคณะอเมริกัน บอด ออฟ คอมมิชชันเนอร์ ฟอร์ ฟอเรน มิชชันส์ ได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันในเร่ืองท่ีจะแปลคัมภีร์ใบเบิล ข้อใหญ่ใจความของการประชุม คอื จะกะโครงการสำ�หรับแปลหนงั สอื พระคมั ภรี ์ต่อไป โดยใหม้ ิชชนั นารีท้งั ๒ คณะ ได้มโี อกาสช่วยเหลือ ซึ่งกันและกัน ทั้งจะแปลให้ลงรอยเดียวกันด้วย พระคัมภีร์ที่พิมพ์ออกเป็นภาษาไทยจะได้ไม่แตกต่างกัน เป็นหลายสำ�นวน เรเวอเรนต์โยนส์กับรอบินสันคิดกันว่า การแปลพระคัมภีร์ทั้งหมดออกเป็นภาษาไทย คงจะส�ำ เรจ็ ในเวลาไม่สชู้ ้านกั แตจ่ นปี พ.ศ. ๒๔๑๕ ก็ยังหามผี ใู้ ดทำ�ต่อให้จบบริบรู ณ์ไม่ ภาคตา่ ง ๆ ของ พระคัมภรี ์ทยี่ งั ไม่ได้แปลออกคอื แซมมอล 1 ภาคท่ี ๒ กิงค์ 2 ภาคท่ี ๑ และท่ี ๒ เอซรานเิ หมิอู 3 โฮซี 4 และโจเอล 5 1 Books of Samuel 2 Books of Kings 3 Books of Ezra - Nehemiah 4 Books of Hosea 5 Books of Joel
166 ประชุมพงศาวดารฉบบั กาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ ในเวลาที่มีการประชุม มิชชันนารีคณะแบบติสต์กล่าวว่า โยนส์ควรจะเป็นผู้แปลคัมภีร์ใหม่ ซ่ึงได้ต้ังต้นแปลไว้แล้วน้ันต่อไปให้จบบริบูรณ์ และรอบินสันควรจะแปลคัมภีร์เก่าต่อไปให้จบ คณะ อเมริกัน บอด ออฟ คอมมิชชันเนอร์ ฟอร์ ฟอเรน มิชชันส์ คัดค้านว่าไม่เห็นมีเหตุผลเพียงพออย่างไร ท่ีจะกะไม่ให้พวกเขามีส่วนช่วยแปลคัมภีร์ใหม่ ซึ่งต้องการใช้มากกว่าคัมภีร์เก่า ที่ยังไม่ได้แปลก็ยังมี อยู่อีกเป็นส่วนมาก แต่เม่ือได้โต้เถียงกันประมาณ ๒ - ๓ ชั่วโมงแล้วก็ยุติกันลงว่า รอบินสันเป็นผู้แปล คัมภีร์เก่า และโยนส์เป็นผู้แปลคัมภีร์ใหม่ต่อไป โยนส์ได้แปลคัมภีร์ใหม่ต่อไปจนจบบริบูรณ์ก่อน พ.ศ. ๒๓๙๓ และได้พิมพ์ฉบับที่แก้ไขใหม่ข้ึน กอ่ น พ.ศ. ๒๓๙๙ ซงึ่ เป็นปีทโ่ี ยนสถ์ ึงแก่กรรม ส่วนรอบินสนั แปลคมั ภรี ์เก่าจบแต่เจนสิ สิ 1 และเอกโซดสั 2 สองตอนเท่าน้ัน ได้พิมพ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๐ อันเป็นปีที่รอบินสนั กลับไปเปล่ียนอากาศที่ประเทศอเมริกา และเลยถึงแกก่ รรมเสยี ในระหว่างเดินทางน้ันเอง การแปลพระคัมภีร์เก่าชักช้าถึงเพียงนี้นั้น เพราะเหตุสำ�คัญ ๒ ประการ คือ ๑ พวกมิชชันนารี ในสมัยนั้นและสมัยต่อมาจนบัดนี้ ไม่มีใครมีความรู้ภาษาฮีบรู จนถึงสามารถทำ�การได้อย่างจริงจัง ๒ มิชชันนารีคนหน่ึงได้แปลคัมภีร์เก่าจากภาษาอังกฤษไว้เม่ือต้นปี พ.ศ. ๒๓๘๓ มีจำ�นวนมากและ ได้พิมพ์ข้ึนแล้วในประเภทประวัติพระคัมภีร์เก่าหลายตอน ฉะน้ันจึงยังไม่เป็นการจำ�เป็นอย่างใดที่จะ แปลคัมภีร์เก่าออกท้ังหมด นี่เองเป็นเหตุให้การแปลคัมภีร์เก่าผัดวันประกันพรุ่งเน่ินช้ามาจนบัดน้ี ประวัติคัมภีร์เก่าท่ีได้แก้ไขแล้วน้ัน ได้พิมพ์ออกชุดหน่ึง ๑๒ เล่ม เป็นหนังสือถึง ๙๕๗ หน้ากระดาษ ขนาดหนา้ ๑๒ 1 Books of Genesis 2 Books of Exodus
จดหมายเหตเุ ร่ืองมิชชนั นารีอเมรกิ นั เข้ามาประเทศสยาม 167 วนั ที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๓๗๙ วันน้ีมีการฉลองวัดอันงดงามของสมเด็จองค์ใหญ*่ บิดาของท่านผู้ส�ำเร็จราชการแผ่นดิน** มีการ มหรสพมากมายหลายอย่าง ประชาชนมาประชุมกันมากมายหลายพัน ท้ังชาวพระนครและสัญจรมาจาก ทตี่ ่าง ๆ ของประเทศ เตม็ แน่นไปในบริเวณของวัดและทใ่ี กลเ้ คยี ง บา้ งก็เทย่ี วดูงานมหรสพต่าง ๆ มีละคร เป็นต้น บ้างก็เที่ยวซื้อหาของดี ๆ และของกินในโอกาสเช่นนั้น สมเด็จองค์ใหญ่เป็นผู้ที่ได้ศึกษา ขนบธรรมเนียมอย่างฝรั่งอยู่บ้าง คิดว่าจะเป็นการดีท่ีจะเอาปืนใหญ่ ท�ำเป็นไฟพะเนียงอย่างดอกไม้ไฟ ธรรมดา เพ่ือท�ำให้เป็นของแปลกประหลาดเล่ืองลือในครั้งน้ัน*** แต่เกรงว่าปืนจะถีบแรงนักจะเป็น อันตรายแก่คนดู จึงให้เอาโคนกระบอกปืนฝังลงไปในแผ่นดิน แต่กลับถีบแรงกว่าท่ีคาดกันมาก พอจุด ปืนใหญ่ก็ระเบิด แตกออกเป็นช้ินน้อยและช้ินใหญ่ ถูกคนที่อยู่ท่ีน้ันตาย ๘ คน และเจ็บป่วยอีก มากกวา่ มาก หมอบรดั เลอยหู่ า่ งจากทเี่ กดิ เหตรุ าว ๆ ๖ เส้น ๕ วา (๑๐๐ รอด)1 ในทนั ใดนั้นเอง เจ้าพระยา พระคลังก็ให้มาเรียกไปรักษาผู้ที่ถูกบาดเจ็บ แต่มีน้อยคนที่เต็มใจให้หมอบรัดเลรักษา โดยมากนิยม หมอไทยซึ่งไม่รู้จักการใช้มีดหรือเคร่ืองมือผ่าตัดอย่างใด ๆ แก่ผู้ต้องบาดเจ็บ ใช้แต่น้�ำมันมะพร้าว ทาท่ีแผลหรือต้มยาให้กินเท่านั้น ในพวกคนบาดเจ็บท่ีให้หมอบรัดเลรักษา มีพระสงฆ์ไทยองค์หน่ึง ซ่ึงกระดูกแขนแตก อันจ�ำเป็นต้องตัดแขนทิ้งทีเดียว หมอบรัดเลจึงตัดแขนพระองค์น้ันในท่ีเกิดเหตุน้ันเอง ถึงเลื่องลือกันว่าก่อนน้ีคนไทยไม่รู้เลยว่า จะตัดร่างกายมนุษย์ ท่ียังมีชีวิตอยู่ได้เช่นน้ี ด้วยพระสงฆ์ที่ทน การผา่ ตัดไดไ้ มน่ านเท่าใดก็หายดี ในเวลาน้นั ยังไม่มโี คลโรฟรอม2 หรืออเี ธอ3 ใชใ้ นการหมอ พวกมชิ ชันนารี อยู่คอยดูแลปฏิบัติคนบาดเจ็บอยู่จนถึงเท่ียงคืน เรเวอเรนต์ยอนสัน และโรเบิต ฮันเตอร์ เพ่ือนของพวก มิชชันนารีก็อยู่คอยช่วยเหลือด้วย คนบาดเจ็บที่ยอมอยู่ในความรักษาของพวกมิชชันนารีหายดีหมดทุกคน แต่ผู้ที่ปฏิเสธความช่วยเหลือของพวกมิชชันนารีนั้น ได้ตายเพราะบาดแผลเป็นจ�ำนวนมาก เช่นนี้ยังไม่เห็น ประจักษ์อกี หรือว่า พระเจา้ ได้ประทานความชว่ ยเหลอื แก่พระเจ้าแผน่ ดินและอาณาประชาราษฎรเพียงไร * จดหมายเหตุน้ีมาตรวจช�ำระใหม่ เม่ือหมอบรัดเลจะพิมพ์ จึงเรียกว่า สมเด็จองค์ใหญ่ ท่ีจริงเวลาเม่ือฉลอง วัดประยุรวงศ์ ยังเป็นเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค ต่อมาคือ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ - บ.ก.) ** คอื สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บนุ นาค - บ.ก.) *** ได้ยินวา่ ความทจ่ี ริงนั้น พระสงฆอ์ งค์ ๑ เป็นผู้คิดท�ำ สมเด็จองคใ์ หญ่เปน็ แตอ่ นุญาตกับให้ปืนใหญ่ 1 Rod มาตราวัดระยะทางของอังกฤษแบบเก่า ๑ รอ็ ดเทา่ กบั ๑๖.๕ ฟุต ๒ คลอโรฟอร์ม (Chloroform) ยาสลบ หรอื ยาระงบั ความรูส้ ึกชนดิ หนง่ึ 3 อีเทอร์ (Ether) เคยใชเ้ ป็นยาสลบ
168 ประชุมพงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ เศษของปืนใหญ่ที่ระเบิดคร้ังนั้นกระเด็นไปไกล ๆ มาก บางช้ินกระเด็นมาถูกบ้านเรือนทาง ฝั่งพระนคร แต่ก็ไม่ถูกผู้คนบาดเจ็บ นอกจากผู้ที่อยู่ในบริเวณวัดเท่าน้ัน ละครและการมหรสพต่าง ๆ ซึ่งได้ตระเตรียมว่าจะเล่นกันอย่างขนานใหญ่ในคืนวันนั้นหยุดหมด ด้วยความเศร้าโศกและถือกันว่า มีเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นเป็นลางร้าย ถึงเช่นนั้นก็ดี พอรุ่งขึ้นก็มีงานและการมหรสพต่อไปอีก ๑๖ วัน วันท่ี ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๓๗๙ เรเวอเรนต์ดีน และเรเวอเรนต์รีดข้ึนไปอยุธยา ซึ่งพวกมิชชันนารีเช่ือกันว่าเป็นครั้งแรกที่พวก โปรเตสแตนต์ขึ้นไปถึงราชธานีเก่าของประเทศไทย ก่อนนี้ (พ.ศ. ๒๓๗๘) พวกมิชชันนารีได้พยายาม จะขึน้ ไปกันครง้ั หนึ่งแล้ว แต่ต้องงด ด้วยขออนญุ าตจากรฐั บาลไม่เปน็ ผลส�ำ เร็จ ในเวลานี้ (พ.ศ. ๒๓๗๙) ครน้ั ไปโดยไมข่ อหนังสือเดินทางกไ็ ปได้ วันท่ี ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๓๗๙ เดวิสัน กัปตันเรือสะเชม มาหาพวกมิชชันนารี กัปตันเดวิสันเดินทางมาจากประเทศอเมริกา ประมาณ ๔ เดือน พวกมิชชันนารีมีความต่ืนเต้นยินดีอย่างใหญ่หลวงในการต้อนรับเพื่อนท่ีเพ่ิงมาจาก ประเทศอกี คร้ังหน่งึ การท่ีกปั ตนั เดวสิ ันมาเยยี่ มเปรยี บเสมือนหนงึ่ ว่า พวกมิชชันนารีทกุ ๆ คนได้พบพ่ีชาย ของตน ๆ และการสนทนากับเดวิสัน พวกมิชชันนารีรู้สึกเสมือนหน่ึงว่า “เอาน้�ำเย็นมาให้แก่บุคคล ผู้กระหายน้�ำฉะน้ัน”1 พวกมิชชันนารีได้พบกับกัปตันเดวิสันคร้ังน้ี ดีใจเสียจนยกโทษให้เดวิสันในการที่ ลมื เมล์ของพวกมชิ ชันนารไี ว้บนเรอื เปน็ หลายวนั ยงั มไิ ด้น�ำมาให้พวกมชิ ชนั นารี เรอื สะเชมเป็นเรืออเมริกัน ล�ำสุดท้ายท่ีเข้ามาสู่ท่าเรือเมืองไทย ก่อนที่ไทยได้ท�ำสัญญาฉบับใหม่กับอเมริกันเม่ือปี พ.ศ. ๒๓๙๙ วันท่ี ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๗๙ ร้านขายยาของพวกมิชชันนารี คณะ เอ. บี. ซี. เอฟ. เอม. ก็ยังคงทำ�การอยู่ตามเคย ได้รักษา คนป่วยเฉลี่ยกันราววันละ ๙๐ คน 1 มาจากค�ำพงั เพยว่า “Good news from far away is like cold water to the thirsty.”
จดหมายเหตุเรอ่ื งมชิ ชันนารีอเมริกันเขา้ มาประเทศสยาม 169 วนั ท่ี ๘ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๗๙ วันน้ีเรือใบอังกฤษชื่อ เอมมา มะติลดา ม. จันเสนเป็นกัปตันมาจากสิงคโปร์ ถึงกรุงเทพ ฯ นำ�เคร่อื งพิมพม์ าให้พวกมิชชนั นารี คณะ เอ. บ.ี ซี. เอฟ. เอม. ๒ เคร่อื ง ๆ หนึ่งเป็นแบบโอตสิ 1 อกี เครื่องหน่ึง เป็นแบบสแตนดิง2 กับกระดาษสำ�หรับพิมพ์ ๑๐๐ ริม พวกมิชชันนารีมีเคร่ืองพิมพ์อย่างเก่าซึ่งทำ�ด้วย ไม้และแท่นเป็นหินอยู่เคร่ือง ๑ แล้ว พร้อมท้ังตัวพิมพ์อักษรไทยบ้างเล็กน้อย หมอบรัดเลนำ�มาจาก สงิ คโปร์ และได้พิมพห์ นงั สอื ไทยขน้ึ ด้วยเครื่องนเี้ ปน็ ครัง้ แรกเมอ่ื วันที่ ๓ มถิ ุนายน พ.ศ. ๒๓๗๙ ครั้นวนั ท่ี ๒ กรกฎาคม พวกมิชชันนารีคณะแบบติสต์ได้รับเครื่องพิมพ์จากประเทศอเมริกา ท้ังแบบโอติสและ สแตนดงิ อย่างเดียวกับของคณะ เอ. บ.ี ซี. เอฟ. เอม. กบั กระดาษและเครื่องใชใ้ นการพมิ พห์ นงั สือต่าง ๆ ครบท่ีจะต้ังเป็นโรงพิมพ์ข้ึนเป็นพิเศษได้ทีเดียว แต่พวกคณะแบบติสต์ไม่มีท่ี ๆ จะตั้งโรงพิมพ์ พวกคณะ เอ. บี. ซี. เอฟ. เอม. จึงได้อนุญาตให้ต้ังรวมอยู่ในโรงพิมพ์เดียวกัน ให้เรเวอเรนต์อาร์. ดี. เดเวนปอต เปน็ ผดู้ แู ลการทว่ั ไป รวมอยู่ราว ๆ ปหี น่ึงหรือสองปี วนั ท่ี ๑๕ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๓๗๙ วันน้ีในเวลาแตเ่ ช้า พวกมิชชันนารีไปหาเจา้ พระยาพระคลัง เสนาบดกี ระทรวงกรมท่า โดยประสงค์ จะขอให้ทา่ นเรง่ การสร้างเรือนส�ำ หรับอยู่ ๒ หลังใหแ้ กพ่ วกมิชชันนารคี ณะ เอ. บ.ี ซี. เอฟ. เอม. ซงึ่ ทา่ น ได้สัญญาไว้และลงมือสร้างแล้วนั้น ให้สำ�เร็จในเวลาเร็วข้ึนสักหน่อย พบท่านยืนอยู่ท่ีหน้าประตู ใส่บาตร พระสงฆ์ซึ่งเรียงกันเข้ามารับทีละองค์ ๆ ท่านเอาทัพพีตักข้าวใส่ในบาตร แล้วพวกบ่าวซ่ึงคุกเข่าอยู่ริมเท้า ท่านกเ็ อาลูกไม้ใส่ในย่าม และเอาหมากพลู บุหรี่ ใสใ่ นฝาบาตร เม่ือใส่บาตรพระประมาณ ๕๐ รูปกว่า ๆ แลว้ ท่านก็เขา้ ไปทห่ี อนัง่ ซง่ึ มีโตกใสข่ องบรโิ ภคตา่ ง ๆ ตงั้ อย่ปู ระมาณ ๑๐ หรือ ๒๐ ใบ ส�ำ หรับพระสงฆ์ อีกหลายองค์ซ่ึงท่านนิมนต์ให้มาฉัน ไม่สู้ช้านัก พระก็เข้ามาทีละรูปถือตาลิปัตรทุกองค์ ข้ึนนั่งบนอาสนะ ที่มีโตกตั้งอยู่นั้นตามลำ�ดับที่มาถึง เจ้าพระยาพระคลังคุกเข่าลงกราบพระโดยเบญจางคประดิษฐ์ แล้ว ก็รบั ศลี พอพระสวดถวายพรพระจบลง ทา่ นก็ยกโตกประเคนองค์ละโตกใหพ้ ระฉนั ของโตกหนึ่ง ๆ มากมาย ดูเหมือนว่าพระจะฉันเช้า เพล และวันรุ่งข้ึนอีกก็ยังจะพอ เม่ือพระฉันอิ่มแล้วก็สวดอนุโมทนาอีกครั้งหน่ึง แล้วคนใช้จึงยกโตกที่พระฉันแล้วนั้นมาถ่ายใส่โอของพระ ซ่ึงเอามาด้วยให้ท่านเอาไปวัด เสร็จพิธี เลี้ยงพระแล้ว เจ้าพระยาพระคลังจึงได้มารับรองพวกมิชชันนารี และพูดถึงกิจการของพวกมิชชันนารี ต่อไป 1 Otis 2 Standing
170 ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ (พ.ศ. ๒๓๘๐) วนั ที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๘๐ เจ้าพระยาพระคลงั ให้คนมายมื เครอื่ งพมิ พ์ของพวกมชิ ชนั นารี คณะ เอ. บ.ี ซี. เอฟ. เอม. เพื่อจะเอา ไปพิมพ์หนังสือเร่ืองอ่านเล่นที่บ้านของท่าน นับเป็นครั้งที่ ๓ วันรุ่งข้ึนพวกมิชชันนารีไปหาท่าน และได้ อธิบายให้ท่านทราบว่า เหตุใดเครื่องพิมพ์จึงย้ายมาบ้านท่านไม่ได้ และจะให้ยืมไปทำ�อะไรก็ไม่ได้ เจ้าพระยาพระคลังดูเหมือนจะเข้าใจคำ�ช้ีแจงของพวกมิชชันนารีอันมีเหตุผลดีทีเดียว เพราะเครื่องพิมพ์ น้ันหนักนัก จึงเป็นอันยินดียืมเครื่องพิมพ์ไม้ ซึ่งพวกมิชชันนารีเต็มใจยอมให้ยืม เจ้าพระยาพระคลัง กล่าวแก่พวกมิชชนั นารีวา่ ถ้าเช่นน้นั ตัวพิมพไ์ ม้ คนของท่านก็อาจท�ำ ได้ ในปีนี้ (พ.ศ. ๒๓๘๐) ฤดูรอ้ นช่างเป็นข้าศกึ แก่ความสุขของชาวยุโรปและอเมริกนั เสยี จริง ๆ พวก ลูกเรือพากันเป็นโรคบิดชุกชุมจนพวกนายตกใจกลัวมาก หมอมิชชันนารีเกือบจะรักษาพวกลูกเรือทั้งหมด ไม่ไหว และทั้งต้องรักษาคนพ้ืนเมืองประจำ�ที่ร้านอีกวันหน่ึงตั้ง ๖๐ ถึง ๗๐ คนด้วย การรักษาเป็นรักษา ให้เปล่าทั้งน้ัน เรือใบมารีชาร์ป กัปตันดี. เบราของอังกฤษ ซ่ึงในเวลาน้ันทอดสมออยู่ ได้อาศัยใช้เป็น โรงพยาบาลอยา่ งดีของพวกมิชชันนารีที่เจ็บปว่ ย วนั ที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๘๐ วนั น้เี ปน็ วนั ถวายเพลงิ สมเดจ็ พระราชนิ ี พระราชมารดาของพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หวั ประชาชนพากันมาจากท่ีต่าง ๆ ในพระราชอาณาเขตประชุมกันหนาแน่น พวกมิชชันนารีเห็นเป็นโอกาสดี จึงเอาหนังสือเรื่องศาสนาคริสตังคัมภีร์แมตธิวตอนหนึ่ง ซ่ึง ม. โยนส์แปลออกไว้เป็นภาษาไทยไปแจก หลายร้อย และหนังสืออย่างอื่นอีกบ้างเล็กน้อย คนเบียดเสียดกันเข้าไปรับแจกไม่สะดวก พวกมิชชันนารี จงึ ไดเ้ อาหนังสอื ลงไปแจกเสียในเรือกแ็ นน่ อกี จึงถอยเรือออกจากฝงั่ ห่างไปเล็กนอ้ ย ท�ำให้ผู้ท่ีจะรบั ตอ้ งลุย ลงไปในน�้ำลึก หรือบางคนถึงกับว่ายจึงจะได้หนังสือ การแจกหนังสือก่อนนี้ พวกมิชชันนารีเห็นว่า เป็นของส�ำคัญและนิยมนัก แต่เด๋ียวนี้ (พ.ศ. ๒๔๑๖) เห็นว่าเป็นของไม่สู้จะมีผล (ท�ำให้เล่ือมใสได้) มากนัก
จดหมายเหตุเรือ่ งมิชชันนารอี เมริกนั เข้ามาประเทศสยาม 171 วันท่ี ๔ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๓๘๐ ดอกเตอรเอช. มัลคัม1 มาจากสิงคโปร์ถึงกรุงเทพ ฯ วันนี้โดยฐานะเป็นผู้แทนของมิชชันนารี คณะแบบติสต์บอดท่ีเมืองบอสตัน มาตรวจการมิชชันนารีคณะแบบติสต์ทั้งท่ีในกรุงเทพ ฯ และในพม่า และในเมืองอื่น ๆ ทางตะวันออกด้วย ดอกเตอรเอช. มลั คมั พักอยู่กับพวกมชิ ชนั นารี ๕๐ วัน ทำ�ให้เกดิ ความยินดีและผลประโยชน์แก่พวกมิชชันนารีมาก ด้วยดอกเตอรมัลคัมผู้น้ีเป็นสุภาพบุรุษผู้มีความรู้ดี และกริ ิยาอาการกน็ า่ รบั รองอยา่ งยิง่ วนั ท่ี ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๘๐ เจ้าพระยาพระคลังส่งคืนเคร่ืองพิมพ์ไม้ ซ่ึงได้ยืมไปจากคณะ เอ. บี. ซี. เอฟ. เอม. ว่าพอแก่ ความต้องการแล้ว ดูเหมือนเจ้าพระยาพระคลังจะแลเห็นแล้วว่า วิชาทำ�เครื่องพิมพ์ด้วยไม้ไม่เป็นส่ิง ที่ง่ายอย่างท่านเข้าใจแต่ก่อน ท้ังการทำ�ตัวอักษรไทยด้วยไม้ ก็เป็นส่ิงท่ีเกินความรู้ช่างในประเทศไทย ในเวลานั้น วันท่ี ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๘๐ วันน้ีเรเวอเรนต์สเตเฟน2 ย้ายไปอยู่ที่เรือนซึ่งได้ปลูกขึ้นในท่ีดินของพวกปอตุเกต* เพราะเม่ือ พ.ศ. ๒๓๗๘ รัฐบาลให้พวกมิชชันนารีย้ายจากวัดเกาะ ยอนสันรื้อเรือนไปปลูกอยู่กับพวกคณะแบบติสต์ ชั่วคราว แล้วจึงได้ย้ายมาปลูกที่ ๆ ของปอตุเกตน้ี เรเวอเรนต์ซี. รอบินสัน ก็เช่าเรือนของพวกปอตุเกต อยู่ใกล้ ๆ กันน้ี พวกมิชชันนารีคณะ เอ. บี. ซี. เอฟ. เอม. อ่ืน ๆ ได้รวมอาศัยอยู่ท่ีเรือน ๒ ห้อง หลังหน่ึง อยู่ในระหว่างพวกปอตุเกตกับกะดีจีน คอยให้เจ้าพระยาพระคลังสร้างเรือนขนาดใหญ่ให้เช่า ตามสัญญาแล้วเสร็จ จึงจะไปอยู่รวมกันที่เรือนนั้น เรือนหลังที่อาศัยอยู่นี้ ทั้งคับแคบและรุงรังมาก วนั ท่ี ๕ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๓๘๐ วันน้ีเป็นวันครบสองปีบริบูรณ์ ตั้งแต่พวกมิชชันนารีตั้งร้านขายยามา คิดจำ�นวนคนไข้ท้ังหมด ตามที่ปรากฏในบญั ชีเป็น ๕,๐๒๕ คน 1 Dr. Howard Malcolm 2 Rev. Stephen Johnson * ในหม่บู ้านกะดจี ีน
172 ประชมุ พงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ วันที่ ๒๑ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๓๘๐ วันน้ีพวกมิชชันนารีได้รับเชิญให้ไปรับประทานอาหารเช้ากับเจ้าชายองค์หน่ึง* พอพวกมิชชันนารี ไปถึง เธอก็ออกมารบั แสดงความยินดมี ากในการทพี่ วกมชิ ชันนารีมารบั ประทานอาหารด้วย เจา้ ชายองคน์ ี้ ตั้งพระหฤทัยจะทำ�ให้ถูกธรรมเนียมและจรรยาแห่งชาวอเมริกันอย่างท่ีสุด จนถึงสวมรองเท้าอย่างบู๊ตยาว แต่ไม่เหมาะกับเท้าดูเร่อร่า เธอได้นำ�พวกมิชชันนารีเข้าไปยังตำ�หนักเล็ก ๆ ซึ่งถึงแม้ว่าจะดูไม่สมแก่ เกียรติยศเจ้า ก็เป็นตำ�หนักท่ีมีความสุขสบายสำ�หรับครอบครัวเล็ก ๆ อันไม่มีบุตรเช่นเธอน้ี แล้วให้พวก มิชชันนารนี ง่ั ท่ีเกา้ อี้ฝรั่ง ซ่งึ ไดเ้ ตรียมไวเ้ พยี งพอ ในทันใดนัน้ น้องชายของเธอเปน็ ใบค้ น ๑ อายุสัก ๕ ขวบ เข้ามาหา เปลือยกายเหมือนกับเมื่อแรกเกิด แต่การเปลือยกายสำ�หรับเด็ก ๆ เช่นน้ี ตามธรรมเนียมไทย แต่ก่อนเป็นส่ิงท่ีไม่ถือกัน ท่านชายน้อยผู้นี้มีความยินดีมากที่ได้พบพวกมิชชันนารี ไม่สู้ช้านักเจ้าชาย ก็ได้พาพวกมิชชันนารีไปยังเรือนหลังนอก ซึ่งเป็นเรือนหลังที่พวกมิชชันนารีจะน่ังรับประทานอาหาร เจ้าชายได้ยืมมีดและช้อนส้อมมาจากพวกมิชชันนารีเพื่อให้ครบโต๊ะ ทุกสิ่งทุกอย่างได้จัดตามแบบอเมริกัน พอใช้ได้ท้ังนั้น และอาหารก็ทำ�อย่างดี พอทำ�ให้พวกมิชชันนารีมีความอยากรับประทาน แต่เจ้าชายไม่ได้ เสวยร่วมมิชชันนารีเป็นแต่นั่งอยู่ข้าง ๆ และคอยบัญชาให้พวกข้าเล้ียงพวกมิชชันนารี ในระหว่างท่ี รับประทานอาหาร พวกมิชชันนารีทราบว่า เธอมีม้าหลายม้า จึงถามว่าเอาไว้ที่ไหน เธอจึงตอบทันทีว่า เอาไวท้ ่นี ใ่ี นเรือนหลังนีเ้ อง พวกมิชชนั นารีมองไปมองมา จึงรู้ว่ารบั ประทานอาหารเชา้ อย่ใู นโรงม้า ในทันใด น้ันเองม้ากลับมาโรง เจ้าชายถึงกับต้องใช้ข้าและสุนัขไปไล่ ไม่ให้มันกรูกันเข้ามาเหยียบพวกมิชชันนารี เพราะถือกรรมสิทธิ์โรงของมันเสียชั่วคราว เจ้าชายองค์น้ีได้เป็นศิษย์ของพวกมิชชันนารีอยู่พักหน่ึง แต่มิชชันนารีมิได้สอนเธอถึงเรื่องคน กับม้ามีความเก่ียวข้องกันอย่างใด เธอได้พยายามเรียนภาษาอังกฤษกับพวกมิชชันนารีต่อมาเป็นคร้ัง เป็นคราวอีกหลายปี จนได้รับความรู้ใช้ภาษาอังกฤษรับราชการได้ เพราะฉะนั้นจึงได้เป็นอัตตาเช 1 ของ คณะทูตไทย ซ่งึ ไปเมืองลอนดอนเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๐ และได้เปน็ ล่ามสำ�คัญของอัครราชทตู ดว้ ย เม่อื มาจาก ประเทศอังกฤษไม่สู้ช้านัก ได้แต่งหนังสือจดหมายเหตุระยะทางเร่ืองทูตไทยไปเมืองลอนดอน ท้ังได้แต่ง นิราศลอนดอนไว้อีกเรื่องหน่ึงด้วย โดยที่เธอเป็นผู้มีความสามารถปรากฏอยู่เช่นนี้ จึงได้รับเกียรติยศ เลอื่ นขน้ึ เป็นอธบิ ดผี พู้ ิพากษาศาลตา่ งประเทศเปน็ คนแรก เธอได้ถงึ อนิจกรรมเม่ือ พ.ศ. ๒๔๑๐ * คือ หม่อมราชวงศ์กระต่าย อิศรางกูร ถึงรัชกาลที่ ๔ ได้เป็นท่ีหม่อมราโชทัย 1 Attaché คอื ผู้ช่วยทตู
จดหมายเหตเุ รือ่ งมิชชันนารีอเมรกิ นั เข้ามาประเทศสยาม 173 ม.ร.ว. กระต่าย อิศรางกรู ต่อมาเปน็ หมอ่ มราโชทัย นิราศลอนดอน และจดหมายเหตุของหม่อมราโชทัย ฯ
174 ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ วันที่ ๒๖ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๓๘๐ เรเวอเรนตเ์ อ. รดี ถึงแกก่ รรมดว้ ยโรคบดิ เรื้อรงั วันท่ี ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๓๘๐ วันน้ีเวลาบ่าย ได้มีพิธีสมรสระหว่างนางพยาบาลไทยแม่หม้ายคนหน่ึง ซ่ึงอยู่กับพวกมิชชันนารี กับชายหนุ่มซ่ึงเป็นหัวหน้าคนเรียงพิมพ์อยู่ในโรงพิมพ์ของพวกมิชชันนารี พิธีได้ทำ�กันท่ีบ้านของพวก มิชชันนารี เรเวอเรนต์จี. ตี. โยนส์ เป็นประธานในการพิธีนี้ มีคนไทยและพวกมิชชันนารี ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ได้รับเชิญไปประชุมกันเป็นจำ�นวนมาก การแต่งงานอย่างธรรมเนียมศาสนาของพวกมิชชันนารี ดูเหมือน จะเปน็ คร้ังแรกที่มขี ้ึนในเมอื งไทย ยกเว้นแตพ่ วกโรมนั คาธอลิก วนั ที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๓๘๐ กัปตันตร๊ิกซ์ ชาวอังกฤษซึ่งมาจากสิงคโปร์เมื่อเร็ว ๆ น้ี เพื่อจะหางานทำ�ในรัฐบาลไทย พอมาถึง ไม่สชู้ า้ นกั เขาก็ได้รับต�ำ แหนง่ เปน็ ผู้ดแู ลการเดินเรือใบฝร่งั เงนิ เดอื น ๑,๔๐๐ เหรยี ญ ดูเหมือนวา่ รฐั บาล จะเป็นผู้เรียกกัปตันตริ๊กซ์มารับตำ�แหน่งนี้ ในสมัยนั้นรัฐบาลมีเรือซ่ึงต่อขึ้นใหม่ตามแบบชาวตะวันตก ๔ - ๕ ลำ� เป็นความจำ�เป็นที่จะต้องมีชาวตะวันตกผู้มีความชำ�นาญการเดินเรือไว้สักคนหนึ่ง เพื่อสอน วิชาเดนิ เรือ วชิ าเดินเรอื สนิ ค้าและเรือรบของไทยนับวา่ มีเคา้ มลู ต้ังแต่นนั้ มา วนั ที่ ๒๘ กนั ยายน พ.ศ. ๒๓๘๐ พวกมิชชันนารีมีความต่ืนเต้นยินดีเป็นอันมาก ท่ีได้เห็นหนังสือเร่ืองศาสนาพระเยซู ซ่ึงโรงพิมพ์ ของพวกมิชชันนารีคณะ เอ. บี. ซี. เอฟ. เอม. พิมพ์ขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมนั้น มีคนพอใจอ่านกันโดยมาก วนั ท่ี ๑๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๓๘๐ วันนี้พวกมชิ ชันนารีคณะ เอ. บี. ซ.ี เอฟ. เอม. ไดพ้ มิ พห์ นังสือขนึ้ ชุดหนงึ่ สามเล่ม ๆ ๑ ชือ่ ลกั ษณะ และพระราชบัญญตั ิของพระยะโฮวา (The Character & laws of Yahovah) เล่ม ๒ ชอื่ ความแตกตา่ งกนั ในระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระเยซูคริสต์ (The histories of Buddha & Christ Jesus Contrasted) เลม่ ๓ ชื่อ หนทางอนั แทจ้ ริงท่จี ะไปสวรรค์ (The true and only way to Heaven) หนังสือเล่มที่ ๒ น้ี ทำ�ให้พวกเพื่อนของมิชชันนารี ซ่ึงทำ�งานติดต่อกับรัฐบาลไทย มีความตกใจ เป็นอันมาก เกรงว่าถ้าพระเจ้าแผ่นดินได้ทรงแล้วจะกริ้วพวกมิชชันนารี ในการท่ีพยายามทำ�ลาย ความเช่ือถือในพระพุทธเจ้าของประชาชนเช่นนั้น หนังสือเล่มน้ีได้ทำ�ให้มีคนเกลียดชังพวกมิชชันนารี จนถึงพวกมิชชันนารีต้องหยุดแจกชั่วคราว แต่กว่าจะหยุดได้แจกไปเสียหลายร้อยเล่มแล้ว
จดหมายเหตุเร่อื งมชิ ชันนารอี เมรกิ นั เข้ามาประเทศสยาม 175 วนั ท่ี ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๘๐ เรือนท่ีเจ้าพระยาพระคลังสัญญาว่าจะปลูกให้พวกมิชชันนารีคณะ เอ. บี. ซี. เอฟ. เอม. น้ัน แล้วเสร็จหลัง ๑ และคนของเจ้าพระยาพระคลังมาอาศัยอยู่ พวกมิชชันนารีสองคนไปหาท่าน ขอให้ท่าน สง่ั ใหผ้ ทู้ ่ีมาอาศยั อยนู่ น้ั ออกไปเสียและอนญุ าตใหพ้ วกมชิ ชันนารคี รวั ๑ ย้ายไปอยทู่ ่ีนัน่ เจา้ พระยาพระคลัง ยอมรับว่าจะสั่งให้ผู้ที่มาอาศัยอยู่ออกไปโดยเร็ว และท่านอยากจะให้พวกมิชชันนารีตรวจฟันของท่าน ซึ่งโยกอยู่ซ่ีหน่ึงปวดมาก วันรุ่งข้ึนขอให้พวกมิชชันนารีเอาเครื่องมือถอนฟันมาด้วย พวกมิชชันนารี มีความยินดีที่จะปฏบิ ัติตามประสงคข์ องท่าน วันรุ่งขน้ึ จึงได้ไปหาท่านพรอ้ มด้วยหบี เครอ่ื งมอื แตเ่ จ้าพระยา พระคลังได้เห็นเครื่องมือถอนฟันเข้าก็ตกใจ ให้เรียกคนใช้คนหน่ึงซ่ึงมีฟันโยกและปวดเหมือนกับท่าน เข้ามาใหพ้ วกมิชชันนารถี อนฟนั ตอ่ หนา้ ทา่ น เพ่ือท่านจะดวู ่ามคี วามเจบ็ ปวดและเลือดจะออกมาสกั เพียงไร คนใช้คนนั้นเข้ามา พวกมิชชันนารีจัดการถอนฟันออกโดยมิทำ�ให้เจ็บปวดเลย แต่เมื่อเจ้าพระยาพระคลัง เห็นคนใช้คนนั้นบ้วนโลหิตออกมาจากปากเพียงเล็กน้อยก็กลัว ส่ังให้พวกมิชชันนารีนำ�เครื่องมือกลับไป และกล่าวว่าท่านไม่สามารถทนการถอนเช่นนั้นได้ เกรงว่าถ้าเลือดไม่หยุดก็จะต้องตายเป็นแน่ วนั ที่ ๓๐ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๓๘๐ วันนี้เรเวอเรนต์ซี. รอบินสัน ย้ายไปอยู่เรือนที่เจ้าพระยาพระคลังสร้างให้ รอบินสันได้อยู่ที่เรือน อันคับแคบมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๗๘ และพวกมิชชันนารีซึ่งถูกไล่จากวัดเกาะคราวเดียวกันนั้น ก็อาศัย อยู่ด้วยถึง ๒ ครัวเรือน วนั ท่ี ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๓๘๐ วันนพี้ วกมชิ ชนั นารีคนหน่งึ (หมอบรัดเล) กลบั จากไปเทยี่ วมา ๔ วนั ทีแรกเขา้ คลองบางกอกนอ้ ย ไปแล้วเข้าคลองโยงไปทะลุแม่น้�ำท่าจีน เป็นหนทาง ๘๐๐ เส้น ออกจากท่าจีนไปมหาชัยซ่ึงเป็นต�ำบล ที่มีโรงท�ำน�้ำตาลทรายมาก แล้วลัดคลองเล็กมากรุงเทพ ฯ น่ีเป็นคร้ังแรกที่พวกมิชชันนารีโปรเตสแตนต์ ไปเทย่ี วยงั ต�ำบลเหลา่ นัน้ การไปเท่ียวครั้งนี้ไปเรือส�ำปน้ั ๔ แจว เอาหนงั สอื เร่อื งศาสนาคริสตงั ไปแจกด้วย เป็นอันมาก วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๓๘๐ ม. โรเบติ ฮันเตอร์ เพอ่ื นของพวกมิชชนั นารีได้สร้างเรือเดินทะเลขึ้นล�ำ หน่ึงชอื่ “เฟรนด์”1 เรือล�ำ น้ี มีห้องสำ�หรับตัว ม. ฮันเตอร์เองและพวกมิชชันนารี ในเวลาที่จะไปเที่ยวทะเลและเมืองต่าง ๆ บนฝ่ัง 1 Friends
176 ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ อ่าวไทย พวกมิชชันนารี ๔ คนโดยสารเรือเฟรนด์ไปยังสันดอนในวันนี้ รอบินสันและครอบครัว ไปเรือใบแฟนนีของอังกฤษวันรุ่งข้ึน คนโดยสารอ่ืน ๆ จะไปเรือคองเกอเรอร์ของไทย แต่เรือคองเกอเรอร์ รั่วไปไม่ได้ เรือคองเกอเรอร์ได้รั่วเช่นนี้ถึงสองครั้งแล้ว (พ.ศ. ๒๓๘๑) วนั ที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๓๘๑ พวกมิชชนั นารมี คี วามร่นื เรงิ มาก ทไี่ ด้ทราบขา่ วแตเ่ ชา้ ตรูว่ ่า ดอกเตอรส์ เตเฟน เตรซี 1 กับภรรยา โดยสารเรือไทยคองเกอเรอร์ กัปตันตริ๊กซ์มาถึงสันดอน และต่อมาอีกชั่วโมงเศษ พวกมิชชันนารี ได้พบเรเวอเรนต์รอบินสันกับภรรยา ซ่ึงกลับมาจากสิงคโปร์โดยเรือกลาสโค 2 ของอังกฤษ ถึงสันดอนแล้ว ลงเรอื เฟรนด์ของ ม. ฮันเตอร์ เขา้ มาอีกต่อหนง่ึ สว่ นดอกเตอรเ์ ตรซีกับภรรยารงุ่ ขน้ึ จงึ ได้มาถงึ อนง่ึ บรรดา ผู้ท่ีเป็นคริสตังมีความยินดีกันทั่วหน้า ท่ีภรรยาของกัปตันตร๊ิกซ์และบุตรน้อยมาถึงในวันนี้ด้วย เหมือนกัน เพราะภรรยาของกัปตันตริ๊กซ์ผู้นี้ มีความประพฤติและนิสัยใจคอเป็นคริสตังอย่างแท้จริง พวกมิชชนั นารรี ู้สึกขอบคุณพระเป็นเจ้ามาก ที่โปรดส่งคนดี ๆ เช่นนี้มาให้พวกมิชชันนารีเสมอ ๆ วนั ท่ี ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๘๑ วันนี้พระเจ้าแผ่นดินโปรด ฯ ให้เชิญพวกมิชชันนารีทั้งหมด ไปในการถวายเพลิงพระศพสมเด็จ พระชนนี3* ของพระองค์ ซึ่งเสด็จสวรรคตมาได้ ๕ หรือ ๖ เดือนแล้ว พวกมิชชันนารีท้ังหมดได้ไปยัง พระเมรุท้องสนามหลวง เจ้าพระยาพระคลังมีความยินดีมากท่ีพวกมิชชันนารีไปในการนี้ ด้วยส่อว่าเป็น ผู้มีความจงรักภักดีและกตัญญูกตเวทีต่อประเทศไทย พวกชาวต่างประเทศอ่ืน ๆ (มีเพียงสองสามคน เทา่ นนั้ ) ซึ่งอยใู่ นกรุงเทพ ฯ ในเวลานนั้ ก็ไดไ้ ปอยทู่ ่ีนนั่ ดว้ ยกนั ทง้ั หมด พระเจ้าแผ่นดนิ เสด็จทรงพระราชยาน จากพระราชวังไปยังพระเมรุท้องสนามหลวง พระราชยานนี้ปิดทองทึบเหมือนกับทำ�ด้วยทองทั้งแท่ง มีคนหาม ๖ คน** อีกคนหน่ึงเชิญพระกลดสีเหลืองเดินไปข้าง ๆ พระราชยาน มีส่ิงท่ีสมควรจะสังเกต อยู่อย่างหน่ึง คือพระเจ้าแผ่นดินผู้มีพระเกียรติยศ ยังทรงเห็นว่าบิดามารดาควรจะรักใคร่บุตรธิดาของตน 1 Dr. Stephen Tracy, M.D. 2 Glasgow * สมเด็จพระศรีสุลาลัย ** ดูไม่ถ้วนขาดไป ๒ คน
จดหมายเหตุเรอื่ งมชิ ชนั นารอี เมริกนั เขา้ มาประเทศสยาม 177 แม้ว่าจะเป็นแต่เพียงสตรีเพศก็ตาม พระองค์จึงได้ทรงอุ้มพระราชธิดาพระองค์หนึ่ง* มีพระชนม์ได้ ๘ หรือ ๑๐ พรรษา ประทับบนพระเพลาท้ังเที่ยวเสด็จไปและเสด็จกลับ ให้ปรากฏแก่พสกนิกรของพระองค์ อันมจี �ำ นวนตัง้ หมื่น ๆ ในท่นี ้ัน ในเวลาทีพ่ ระองคเ์ สดจ็ ไปโดยพระราชยานน้ัน ทรงทอดพระเนตรไปท้ังทาง ข้างขวาและข้างซ้ายและทรงยิ้มแก่พสกนิกรซ่ึงหมอบราบถวายบังคมอยู่ ณ ที่น่ัน พวกมิชชันนารีรู้สึก ละอายที่ระลึกขึ้นว่าพวกมิชชันนารีและชาวต่างประเทศอื่น ๆ ซึ่งไปอยู่ ณ ที่นั้น ได้กระทำ�อาการแสดง ความเคารพเป็นอย่างพวกประชาชนคือ นั่งราบและก้มศีรษะลงคำ�นับ ในช่ัวเวลาสัปดาห์หน่ึงกว่า ๆ เท่านั้น พวกมิชชันนารีแจกหนังสือสอนศาสนาไปได้เป็นอันมาก พวกมิชชันนารีเล่าว่าบรรดาผู้ที่ได้รับแจกหนังสือไปมีจำ�นวนกว่า ๒๐๐ คนนั้น** มีคนที่อ่านหนังสือไม่ได้ อยู่เพียง ๒๐ กว่าคนเท่านั้น และคนที่อ่านหนังสือได้ ถ้าอ่านโดยความตั้งใจเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจภาษา ได้ดี ด้วยหนงั สือนน้ั เป็นภาษาไทยสามัญท่ีใชก้ ันทว่ั ไป วนั ท่ี ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๘๑ วันนี้ได้มีพระราชทานเพลิงเจ้านายพระองค์อ่ืนอีก ในพระเมรุท่ีถวายพระเพลิงสมเด็จพระพันปี ตามที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น*** ในครั้งนี้พวกมิชชันนารีได้พยายามจะทำ�การให้เป็นประโยชน์แก่พระเป็นเจ้า ของพวกเขาอีกเหมือนกัน ขณะที่เข้าไปปะปนกับฝูงชนในงานพระเมรุน้ัน เผอิญพวกมิชชันนารีได้พบกับ หม่อมหลวงรักษ์ (รณเรศ) 1 ซึ่งนับว่าเป็นท่ี ๒ ในพระราชอาณาจักรในครั้งนั้น เม่ือได้สนทนากันเพียง เล็กนอ้ ยแลว้ พวกมชิ ชันนารขี อให้พระองค์ทา่ นทรงรบั หนังสือเร่อื งประวัติพระเยซสู กั ฉบบั หนึง่ พระองคท์ ่าน ก็ไม่ปฏิเสธ พวกมิชชันนารีสำ�คัญใจว่าเห็นจะโปรด จึงได้เตรียมห่อหนังสือเล่มน้ัน พร้อมทั้งหนังสือชุด ๓ เล่ม (ท่ีพิมพ์ข้ึนเม่ือวันที่ ๑๕ พฤศจิกายนน้ันด้วย) เอาเข้าไปให้โดยความยินดี แต่พระองค์ท่าน หาทรงรับไม่ และไม่ทรงอธิบายด้วยว่าไม่ทรงรับเพราะเหตุใด แต่พวกมิชชันนารีเข้าใจเอาเองว่า ท่ีพระองค์ท่านไม่ทรงรับน้ัน เพราะเหตุว่าไม่เป็นการสมควรที่จะทรงรับหนังสือของพวกคริสตัง ในที่อันเปิดเผย และพลุกพล่านเช่นนั้น * เข้าใจว่า พระองค์เจ้าหญิงบุตรี คือ กรมหลวงวรเสรฐสุดา เวลานั้นพระชันษาได้ ๑๑ ปี ** ผู้แต่งมิได้ต้ังใจจะสรรเสริญ แต่เห็นได้ว่าแม้ในสมัยน้ันการเรียนอักษรของราษฎรไทยก็แพร่หลาย *** พระศพพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงเทพพลภักด์ิ 1 คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงรักษ์รณเรศ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช กับเจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว พระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าไกรสร ประสูติเม่ือวันท่ี ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๓๔ ในรัชกาลที่ ๒ โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นกรมหม่ืนรักษ์รณเรศ ก�ำกับกรมสังฆการี รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนเป็นกรมหลวงรักษ์รณเรศ ก�ำกบั กรมวัง สน้ิ พระชนมใ์ นวนั ท่ี ๒๗ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๓๙๑ พระชนั ษา ๕๘ ปี ทรงเป็นต้นราชสกุล พง่ึ บุญ
178 ประชุมพงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เล่ม ๑๖ วนั ท่ี ๒๓ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๓๘๑ วันน้ีเจ้าพระยานคร1 มาหาพวกมิชชันนารีพร้อมด้วยหมู่คนใช้เป็นจำ�นวนมาก เมื่อมาถึง เชิงบันไดห้องรับแขก เจ้าคุณก้มลงพิจารณาเคร่ืองพิมพ์ซ่ึงกำ�ลังทำ�การในห้องข้างล่าง พวกมิชชันนารี เชิญท่านให้เข้าไปดูใกล้ ๆ แต่ท่านปฏิเสธว่า ไม่เป็นการสมควรที่ผู้ถือพุทธศาสนาจะเข้าไปใต้ถุนเรือน ที่มีผู้หญิงอยู่ด้วย นี่ยังไม่แปลกเท่าที่เจ้าคุณกล้าขอยืมเครื่องพิมพ์จะเอาไปบ้าน วันท่ี ๒๖ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๓๘๑ วันนี้พวกมิชชันนารีคณะ เอ. บี. ซี. เอฟ. เอม. ได้พิมพ์หนังสือไทยข้ึนอีกเล่มหนึ่ง มี ๒๐ หน้า ว่าด้วยเร่ือง (Eternal Judgement) เป็นคำ�ถามและคำ�ตอบต่าง ๆ หนังสือเล่มน้ีพิสูจน์ว่าพิมพ์ขึ้น เหมาะแก่คนไทยเสียน่ีกระไร เพราะคนไทยหลายคนท่ีได้อ่านแล้วกลับมาหาพวกมิชชันนารี เล่าได้ถูกต้อง อยา่ งน่าประหลาดใจ หนงั สอื เรื่องน้ีได้พิมพ์ขน้ึ ก่อน พ.ศ. ๒๓๘๗ เปน็ ขนาดใหญอ่ ีก ๔ หรอื ๕ เล่ม ในวันน้ีเอง มีหญิงคนหน่ึงพาลูกชายตาบอดสองคนมายังร้านยาของพวกมิชชันนารี หญิงคนนี้ เดิมมีลูกหลายคนแต่ออกฝีดาษตายเสียหมดเมื่อเร็ว ๆ เหลืออยู่สองคนเท่าน้ัน มารดาผู้เจ้าทุกข์ได้ทราบ ช่ือเสยี งของหมอต่างประเทศจากเพอ่ื นบ้านกัน ๓ คน ซ่ึงไดม้ ารักษาโรคตาเปน็ ต้อ แลว้ กลบั ไปหายแลเหน็ เขาจึงคิดว่าถ้าได้พาลูกมาก็คงจะได้รับผลเช่นเดียวกันนั้น แต่เมื่อหมอมิชชันนารีตรวจดูตาเด็กทั้งสองแล้ว จึงได้รู้ว่าตาของเขาหาได้เป็นโรคต้ออย่างเช่นเพ่ือนบ้านท่ีรักษาหายไปแล้วนั้นไม่ เป็นโรคตาบอดตาใส แววลูกตาเสีย ๆ แล้ว เมื่อเป็นอันหมดหวังเช่นน้ี พวกมิชชันนารีจึงได้บอกว่าไม่มีหนทางใดอีกแล้ว ที่จะช่วยเหลือได้ นอกจากอ้อนวอนให้พระเป็นเจ้าช่วยเปิดดวงใจของเขาให้สว่างไสวเท่านั้น เด็กตาบอดสองคนท่ีกล่าวข้างบนนี้ เป็นลูกพ่ีลูกน้องกับเด็กไทยแฝด*2ท่ีมีชื่อเสียงโด่งดังน้ัน มารดาของเด็กตาบอดนี้ได้ถามถึงเด็กแฝด และกล่าวว่ามารดาของเขา (เด็กแฝด) ชรามากและเจ็บ ออดแอดยงั ระลึกถงึ ลูกอยูท่ กุ ๆ วันและรอ้ งไห้ถงึ อยู่เสมอ 1 คือ เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) เป็นบุตรของเจ้าพระยานคร (พัฒน์) เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๙ และถึงแก่ อสญั กรรมเม่อื พ.ศ. ๒๓๘๒ * คือเด็กแฝดติดกันชื่อ อินและจัน ซ่ึงกัปตันคอฟฟิน อเมริกันได้พาไปยังอเมริกา
จดหมายเหตเุ ร่ืองมชิ ชนั นารอี เมริกนั เข้ามาประเทศสยาม 179 วนั ที่ ๒๗ มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๓๘๑ พวกมิชชันนารีมีความยินดีเป็นอันมาก ท่ีได้เห็นคนแก่คนหน่ึงซ่ึงนัยน์ตาเป็นต้อจนมองไม่เห็น และมาให้พวกมิชชันนารีรักษานั้น กลับหายแลเห็นเป็นปรกติข้ึน แต่พวกมิชชันนารีไม่แน่ใจเลยว่า แกกลับไปแล้วจะหายขาดได้ ถึงกระนั้นการที่สามารถรักษาตามืดให้กลับเห็นได้เช่นน้ี ก็ทำ�ให้ พวกมิชชันนารีดีใจยิ่งกว่าได้เงินได้ทองอีก แม้ว่าคนป่วยนั้นจะไม่นำ�อะไรมาให้พวกมิชชันนารีเลย พวกมิชชันนารียังได้ทราบจากผู้เฒ่าคนนี้ว่า พวกเพื่อนบ้านของคนแก่อีกสองคน ซ่ึงมาให้พวกมิชชันนารี รักษาตาน้ัน นยั นต์ าก็หายเปน็ ปรกติ วันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๘๑ วันน้ีพวกมิชชันนารีได้รับหนังสือไทยซ่ึงน่าดูเล่ม ๑ ว่าด้วยเร่ืองพงศาวดารไทยท่ีเก่าที่สุด ทั้งมี ตำ�นานอกั ษรไทยและอ่ืน ๆ อกี ในหนงั สือเลม่ น้ี กล่าววา่ ตัวอักษรไทยไดป้ ระดิษฐข์ นึ้ เมื่อราว พ.ศ. ๑๙๒๔ โดยใช้อักษรเขมรเป็นแบบ แล้วเปล่ียนแปลงแก้ไขจากต้นฉบับเพียงเล็กน้อย และว่าประเทศไทยตั้งแต่ ปากอ่าวข้ึนไปจนถึงใต้อยุธยาหน่อยหนึ่ง แต่ก่อนนี้เป็นทะเล เรือสำ�เภาจีนแล่นข้ึนไปถึงอยุธยาได้อย่าง สบายทเี ดียว* วนั ท่ี ๑๕ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๓๘๑ วนั นเ้ี ปน็ วันทเี่ จ้าคุณบดินทร์ 1 ซ่งึ เปน็ คนสำ�คัญคนหน่งึ ของเมืองไทย ได้อนุญาตใหพ้ วกมิชชนั นารี เช่าตึกของท่านหลังหนึ่งริมวัดสามปล้ืม สำ�หรับเป็นท่ีเทศนาและเก็บรักษาหนังสือ ก่อนน้ีไม่มีใครยอมให้ พวกมิชชันนารีเช่าเรือนอยู่แถวน้ีเลย ถ้าและยิ่งจะเช่าเป็นท่ีเทศนาด้วยแล้วย่ิงรังเกียจใหญ่ทีเดียว เพราะที่ ตรงน้ีเป็นตลาดใหญ่ (ในท้องสำ�เพ็ง) พอเช่าจากเจ้าคุณบดินทร์ได้ พวกมิชชันนารีจึงใช้เป็นที่เทศนาและ เกบ็ หนังสอื มาจนถงึ ต้นรัชกาลที่ ๔ พ.ศ. ๒๓๙๕ วนั ท่ี ๒๒ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๓๘๑ วนั นพี้ วกมชิ ชนั นารคี ณะ เอ. บี. ซี. เอฟ. เอม. ไดพ้ ิมพห์ นงั สอื พระคัมภีรเ์ ก่าข้ึน ๒ เล่ม คอื เจนิสิส เลม่ ๑ เอกโซดัสเลม่ ๑ * หนงั สอื เร่อื งพงศาวดารเหนือความเชน่ กลา่ วน้ี มฉี บบั ๑ 1 คือ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) ด�ำรงต�ำแหน่งสมุหนายกในสมัยรัชกาลที่ ๓ เป็นบุตรเจ้าพระยาอภัยราชา (ปิ่น) กบั ท่านผู้หญงิ ฟกั เกดิ ในสมัยธนบุรี เมอื่ พ.ศ. ๒๓๒๐ และถงึ แก่อสัญกรรมในสมยั รชั กาลที่ ๓ พ.ศ. ๒๓๙๒ เป็นตน้ สกุล สิงหเสนี
180 ประชุมพงศาวดารฉบบั กาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ วันท่ี ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๓๘๑ พวกมิชชันนารีกลับจากเดินทางไปเที่ยว ๗ วัน คือไปบางปลาสร้อย อ่างหิน บางปะกง มหาชัย ท่าจีน แม่กลอง แล้วกลับมากรุงเทพ ฯ ทางเมืองสมุทปราการ พวกมิชชันนารีเล่าว่า เม่ือเดินจาก บางปลาสร้อยไปยังภูเขา (เขียว) ซ่ึงอยู่หลังบางปลาสร้อยนั้นสนุกสนานมาก ในบริเวณนั้นมีเน้ือท่ีอย่างดี พวกจีนไดท้ �ำ ไร่ปลกู ครามไว้น่าดูนกั วันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๘๑ สมัยนี้เป็นสมัยเกิดไข้ทรพิษชุกชุม พวกมิชชันนารีได้พยายามท่ีจะช่วยป้องกันอย่างเต็ม ความสามารถ พวกมิชชันนารีคิดหาวิธีฉีดหนองเช้ือเข้าไปในตัวโค แล้วเอาหนองโคน้ันมาใช้ฉีดกัน ไข้ทรพิษ วิธีนี้คิดและทดลองอยู่ถึง ๕ ปี จึงได้สำ�เร็จ ได้ใช้หนองนั้นฉีดกันพวกบุตรธิดาของตนไว้ได้ เป็นอันมาก พอพวกมิชชันนารีคิดเร่ืองหนองฝีสำ�เร็จ พระเจ้าแผ่นดินทรงทราบก็ดีพระทัยมาก โปรดให้ หมอหลวงท้ังหมดมาหัดฉีดหนองฝีกันไข้ทรพิษ แล้วจะให้ไปปลูกทั้งที่ในวังและนอกวัง ตลอดจนพวก ราษฎรตามมณฑลอ่ืน ๆ อีก การปลูกฝีจึงเกิดเป็นธุระสำ�คัญข้ึนในครั้งกระนั้น ไม่จำ�เพาะแต่ในพวก หมอหลวงเท่านั้น แม้หมอเชลยศักดิ์ก็พากันมาขอฝึกหัดอยู่หลายเดือน ต่อมาไม่สู้ช้านัก พระเจ้าแผ่นดิน ได้พระราชทานรางวัลให้แก่พวกหมอหลวงท่ัวทุกคน แล้วพระราชทานเงินแก่พวกมิชชันนารีด้วยถุงหน่ึง เป็นบำ�เหน็จในการท่ีได้สอนวิชาปลูกฝีแก่หมอหลวง เป็นเหตุให้ช่วยชีวิตเจ้านายและข้าราชการไว้ได้ เป็นจำ�นวนมาก วนั ที่ ๗ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๓๘๑ เวลาน้ันเป็นเวลาที่ (ไทย) จะสืบหาความจริงกันจากคัมภีร์ใบเบิล มีคนหลายคนมาหาพวก มิชชันนารี เล่าเรื่องที่ตนอ่านไปแล้วนั้นจำ�ได้ถูกต้องอย่างน่าอัศจรรย์ ท้ังมีความปรารถนาจะทราบเร่ือง สร้างโลกต้ังแต่ต้นจนปลายจากคัมภีร์ใบเบิลกันมากกว่ามาก เรื่องท่ี ๑ ของคัมภีร์เก่า ซ่ึงมิชชันนารีพิมพ์ ขึ้นนั้น ได้แจกไปเป็นส่วนมากแล้ว มีเด็กคนหนึ่งอายุ ๑๔ ปี มาหาพวกมิชชันนารีและเล่าเรื่องสร้างโลก เร่ืองสร้างมนุษย์ และเร่ืองของอับระฮัมได้คล่องแคล่วและถูกต้องเป็นอันดี เหมือนกับท่ีพวกมิชชันนารี เคยได้ยินในโรงเรียนวันอาทิตย์ในประเทศอเมริกา เร่ืองนี้เป็นข้อพิสูจน์ได้ดีว่า คนสามัญจะต้องเข้าใจ ภาษาหนังสือของพวกมิชชันนารีดีทีเดียว แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ยังอ่านได้และรู้สึกติดใจในหนังสือน้ัน แต่ ความจริงพวกมิชชันนารีไม่ได้เรียงสำ�นวนไทยเอง พวกมิชชันนารีเป็นแต่บอกด้วยปากเปล่า แล้วล่ามหรือ เสมียนผู้รู้หนังสือไทย จึงได้เรียงให้เป็นสำ�นวนไทยท่ีดีอีกต่อหนึ่ง เม่ือเรียงแล้วก็อ่านให้พวกมิชชันนารีฟัง โดยวิธีนี้เอง ต่อมาภายหลังทำ�ให้พวกมิชชันนารีรู้ภาษาไทยดีถึงเรียงเองได้
จดหมายเหตเุ รอ่ื งมิชชนั นารอี เมรกิ นั เขา้ มาประเทศสยาม 181 การปลูกฝแี กร่ าษฎร สังเกตว่าบนโตะ๊ ด้านซา้ ย - ขวา มกี ารนำ� ลกู ววั มาเจาะหนองฝี เพอ่ื ปลูกใหแ้ กร่ าษฎร ราษฎรในหัวเมืองรอรับการปลูกฝี
182 ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ วันท่ี ๕ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๓๘๑ วันนี้หมอบรัดเลรู้สึกว่าเป็นวันที่มีเหตุการณ์ส�ำคัญมากในชีวิตของเขา เพราะเขาได้คิดอยู่ในใจ เป็นเวลานานทีเดียว ที่จะบวชเป็น (พรต) ผู้สอนศาสนาโดยพระเมตตาของพระเจ้า เขาได้รับต�ำแหน่งนั้น ในวนั นสี้ มดังท่ีเขาปรารถนา คิดว่าถ้าได้เป็นแล้วจะมีผลอะไรในแผ่นดินเสมอเหมือน และความรับผิดชอบ ใด ๆ ไม่มนี ำ้� หนกั เทา่ เลย ผูท้ ี่เปน็ คนโปรดในการบวชน้นั คือ เรเวอเรนต์ซ.ี รอบินสัน เอส. ยอนสนั เอส. พ.ี รอบบินซ์ และวิลเลียม ดีน วันที่ ๕ พฤศจิกายนน้ี ตรงกับวันท่ี ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๗๖ (๕ ปี ลว่ งมาแล้ว) ซ่งึ หมอบรัดเลเขียนหนังสือไปถึงผู้อ�ำนวยการใหญ่ของมิชชันนารีคณะ เอ. บี. ซี. เอฟ. เอม. เพื่อขอให้ตั้งมิชชันนารีคนใดคนหนึ่ง เป็นหัวหน้าในสถานมิชชันนารีในเอเชียตะวันออก ตัวเขากลับมาได้ ต�ำแหน่งนั้นเข้าเอง และวันเดียวกับที่ออกความเห็นด้วย ฉะน้ันวันที่ ๕ เขาจึงได้ถือเป็นวันท่ีมีเหตุการณ์ ส�ำคญั มากในชวี ิตของเขา วนั ท่ี ๙ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๓๘๑ เรเวอเรนต์ออร์ 1 มิชชันนารี คณะปรีบีเตอร์เรียน บอด ออฟ มิชชันส์ 2 มาจากสิงคโปร์ถึง กรุงเทพ ฯ เพื่อมาดภู ูมลิ �ำ เนาวา่ เขาอาจต้งั มชิ ชนั นารีคณะนัน้ ข้ึนได้หรอื ไม่ ภายหลังเขาไดม้ าตั้งมิชชนั นารี คณะนั้นข้นึ ไดท้ ีใ่ นกรุงเทพ ฯ เพชรบรุ ี เชียงใหม่ และพระนครศรีอยธุ ยา เปน็ ผลส�ำ เร็จ วันท่ี ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๓๘๑ วันน้ีพวกมิชชันนารีกลับจากแม่กลอง ซึ่งได้ไปเท่ียวกับเรเวอเรนต์มา ๔ วัน ในคราวไปเท่ียวนี้ พวกมิชชนั นารวี ่า ฝนทแ่ี ม่กลองตกมากผดิ ธรรมดาของฤดูเดือน ๑๒ 1 Rev. R. W. Orr 2 Presbyterian Board of Missions
จดหมายเหตุเร่ืองมิชชนั นารีอเมริกนั เขา้ มาประเทศสยาม 183 บัญชีเรอื กำ�ป่นั ใบที่เขา้ เมอื งไทยใน พ.ศ. ๒๓๘๑ วนั ที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๓๘๑ เรือกำ�ป่ันสองเสา ชื่อ อาเรียลของไทยมาจากสงิ คโปร์ วันท่ี ๒๔ เมษายน พ.ศ. ๒๓๘๑ เรอื กำ�ปน่ั สามเสา ช่อื คองเกอเรอรข์ องไทย กัปตันตรก๊ิ ซม์ าจากสงิ คโปร์ เรอื กำ�ปั่นสองเสาครง่ึ ของอังกฤษ ชอื่ กลาสโค กปั ตนั เฮมลิ ตนั 1 มาจากสิงคโปร์ วนั ท่ี ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๘๑ เรอื กำ�ปน่ั สามเสาขององั กฤษ มาจากสิงคโปร์ วันท่ี .............. มถิ นุ ายน พ.ศ. ๒๓๘๑2 เรือกำ�ปั่นสองเสาของอังกฤษ ชอื่ ฮีโร กปั ตันฮวิ ซ์ 3 มาจากสงิ คโปร์ วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๘๑ เรือกำ�ปนั่ สามเสาของอังกฤษ ช่อื คาสสะเว กัปตันแยกสนั มาจากสิงคโปร์ วนั ที่ ๑ กนั ยายน พ.ศ. ๒๓๘๑ เรอื ก�ำ ปั่นสามเสาของไทย ช่ือ ไลน์นงิ กัปตนั ตริก๊ ซ์ 4 มาจากสงิ คโปร์ วนั ท่ี ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๘๑ เรอื กำ�ป่ันสองเสาของอังกฤษ ช่อื ฮีโร กัปตนั ฮวิ ซม์ าจากสงิ คโปร์ วันท่ี ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๘๑ เรอื กำ�ป่ันสามเสาขององั กฤษ เฮมลิ ตนั กปั ตนั ดี. เบรา 5 มาจากสิงคโปร์ 1 เรือช่อื Glasgow กัปตนั ชอ่ื Hamilton 2 ต้นฉบบั ไมร่ ะบวุ ันที่ 3 เรือชื่อ Hero กปั ตนั ช่ือ Hughes 4 เรือช่อื Lightning กัปตันชอื่ Triggs 5 เรอื ช่อื W. S. Hamilton กปั ตนั ช่ือ D. Brown
184 ประชุมพงศาวดารฉบบั กาญจนาภิเษก เลม่ ๑๖ ข้อความเพ่มิ เตมิ ตามจดหมายเหตุของพวกมิชชันนารีสำ�หรับ พ.ศ. ๒๓๘๐ และ ๒๓๘๑ ที่ได้กล่าวมาแล้ว ขา้ งบนน้ี ยงั ขาดเหตกุ ารณ์สำ�คญั อยอู่ กี ๒ ขอ้ ฉะนนั้ หมอบรดั เลจงึ ไดเ้ ลา่ ต่อไวข้ า้ งท้ายน้ี คือข้อ ๑ เรื่องคณะแบบติสต์ตั้งคริสต์สมาคมขึ้นในเมืองไทยเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๓๘๐ นับว่าเป็นสมาคมอันมีระเบียบดีที่ได้ต้ังข้ึนในเมืองไทย สมาคมน้ีมีชาวอเมริกัน ๗ คน จีน ๔ คน หมอโฮวาร์ต มัลคัม เป็นผู้จัดระเบียบการการต้ังสมาคมน้ี สำ�หรับคนธรรมดาแล้ว ย่อมเห็นว่าเป็น แต่เพียงเหตุการณ์เล็กน้อยเท่านั้น แต่สำ�หรับพระเป็นเจ้าแล้ว ย่อมจะทรงเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ อันดีมาก สมาคมนี้ต้ังแต่ต้ังมาจนบัดนี้ก็ค่อยเจริญขึ้นโดยลำ�ดับ และขยายการออกไปทุกที จนถึงมีสาขา ข้ึนที่บางปลาสร้อยแห่งหนึ่งและท่ีเล้เกียจู (ท่ีไหนคิดไม่เห็น) อีกแห่งหน่ึง นอกจากน้ี ยังมีชาวไทยอีกถึง ๑๖๙ คน และพวกฝร่ังนอกจากพวกมิชชนั นารีและครอบครวั อีก ๕ คนเป็นสมาชิกของสมาคมนี้ ใครจะรู้ ล่วงหนา้ ไดว้ ่า เมอ่ื พระผเู้ ป็นเจ้าโปรดปรานแล้ว สมาคมนจ้ี ะเจริญใหญโ่ ตและกว้างขวางสกั เพยี งไร อีกขอ้ ๑ เรื่องนางอลิ ิซา จี. โยนส์ ภรรยาของเรเวอเรนตจ์ .ี ตี. โยนส์ เปน็ โรคอหิวาตถ์ ึงแกก่ รรม เมื่อวันท่ี ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๘๑ เขามีอาการเหมือนกับเรเวอเรนต์เอ. รีด มิชชันนารีคณะแบบติสต์ ซึ่งถึงแก่กรรมก่อนหล่อนเม่ือ ๗ เดือนล่วงมาแล้วนี้ คือมีความสงบ ไม่กระวนกระวาย มีความสุขจนเวลา สิน้ ใจ กล่าวคำ�ฝากฝงั พวกครอบครวั และดวงวิญญาณของเขาแกพ่ ระเยซคู รสิ ต์ และท้งั ยังไดอ้ ตุ ส่าห์สอน พวกไทยซ่ึงมาแวดล้อมเขาอยู่ในเวลาสิ้นใจน้ัน ให้ระลึกถึงพระเยซูให้มาก ๆ จนกว่าจะถึงอมตธรรม โรคของเขารวดเร็วมากไม่ถึง ๒๔ ช่ัวโมง โรคอหิวาต์ชนิดน้ีเป็นของไม่ใคร่จะมีในกรุงเทพ ฯ นัก แต่จะมี ชาวต่างประเทศ หรือคนพื้นเมืองในกรุงเทพ ฯ หรือในประเทศน้ีเป็นกันอีกบ้างหรือเปล่า หมอบรัดเล มิได้ทราบ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322