Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ร่างยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม20ปี2560-2579

ร่างยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม20ปี2560-2579

Published by สวพร จันทรสกุล, 2019-09-10 00:10:40

Description: ร่างยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม20ปี2560-2579

Search

Read the Text Version

1 (รา่ ง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวิจยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

2 (รา่ ง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

3 (รา่ ง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวิจยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

(ร่าง) ยุทธศาสตรก์ ารวิจัยและนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) จดั ทำ� โดย คณะอนุกรรมการด้านนโยบายและยุทธศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ส�ำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ส�ำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ออกแบบและจดั พิมพ์ บริษัท โคคูน แอนด์ โค จ�ำกัด ๘๑ ซอยโชคชัย ๔ ซอย ๔๖ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๓๐ 4 (รา่ ง) ยทุ ธศาสตร์การวจิ ัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

คำ� น�ำ รฐั บาลไดก้ ำ� หนดนโยบายประเทศไทย ๔.๐ ทเ่ี นน้ การปรบั เปลยี่ นโครงสรา้ งเศรษฐกจิ ของประเทศ ไปสเู่ ศรษฐกจิ ทข่ี บั เคลอื่ นดว้ ยนวตั กรรม การวจิ ยั เพอ่ื ใหเ้ กดิ การพฒั นาไปสกู่ ารสรา้ งนวตั กรรมจงึ เปน็ สว่ นทสี่ ำ� คญั ตอ่ การขบั เคลอ่ื นนโยบายนี้ และเพอื่ ใหเ้ กดิ การสนบั สนนุ ยทุ ธศาสตรช์ าตริ ะยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ทีเ่ ป็นแนวทางให้ประเทศมียทุ ธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาประเทศ การวิจยั และนวัตกรรมจึงจ�ำเป็นทจ่ี ะต้องมยี ทุ ธศาสตรร์ ะยะยาวเช่นเดียวกนั การจดั ทำ� ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ไดพ้ จิ ารณาแนวโนม้ ขนาดใหญ่ของโลก (Megatrends) และสญั ญาณออ่ น (Weak signals) ในทกุ ๆ มติ ทิ จี่ ะพฒั นาเปน็ แนวโน้มที่ส�ำคัญในอนาคต รวมท้ังได้พิจารณาความไม่แน่นอน (Uncertainties) ที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับการเปล่ียนแปลงพลิกโฉมฉับพลัน (Disruptive change) โดยจำ� เปน็ ตอ้ งพจิ ารณาถงึ โอกาสเพ่ือสรา้ งคุณคา่ และมูลค่าต่าง ๆ ให้กบั ประเทศและพจิ ารณาถึง ความท้าทายข้างหน้าเพื่อสร้างขีดความสามารถในการรองรับ รวมทั้งการต่อยอดการวิจัยไปสู่ การสร้างนวัตกรรมเพ่ือให้เกิดการพฒั นาทางดา้ นเศรษฐกจิ แกป้ ญั หาสงั คม และมคี วามเปน็ มติ ร ตอ่ สง่ิ แวดลอ้ ม โดยใหค้ วามสำ� คญั กบั บทบาทน�ำของภาคเอกชน และภาคการศึกษา โดยมีภาครัฐ เป็นภาคส่วนที่ให้การส่งเสริมสนับสนุน เพ่ือให้ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) บรรลวุ สิ ยั ทศั นต์ ามทกี่ ำ� หนดไว้ นอกจากนนั้ การขบั เคลอื่ นตามยทุ ธศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) จะท�ำให้เกิดการปฏิรูประบบวิจัย และนวัตกรรมคร้ังส�ำคัญ รวมทั้งเกิดการเปล่ียนแปลงในเป้าหมาย ทิศทาง การบริหารจัดการ และระบบงบประมาณการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ท่ีสามารถส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อ ด้านเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อม และท�ำให้ประเทศไทยเป็นประเทศท่ีพัฒนาแล้วในอีก ๒๐ ปขี ้างหน้า สภานโยบายวิจัยและนวตั กรรมแห่งชาติ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ 5ก (ร่าง) ยุทธศาสตร์การวจิ ัยและนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

6 (รา่ ง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

สารบญั หน้า คำ� นำ� บทสรปุ ผู้บริหาร ๑ บทท่ี ๑ บทน�ำ บทที่ ๒ แนวโนม้ โลกและผลกระทบตอ่ การพัฒนาประเทศไทยดว้ ยการวจิ ัยและนวตั กรรม ๔ ๙ บทที่ ๓ สถานภาพระบบวิจัยและนวตั กรรมของประเทศไทย ๙ ๓.๑ หลกั การส�ำคญั นโยบาย และแผนที่เกีย่ วข้อง ๑๕ ๓.๒ สถานภาพการวจิ ัยและพฒั นาของประเทศไทย ๑๗ ๓.๓ จดุ แขง็ ดา้ นการวจิ ัยและนวัตกรรมของประเทศไทย ๓.๔ ความทา้ ทายด้านการวจิ ัยและนวตั กรรมของประเทศไทย ๑๘ บทที่ ๔ การปรบั เปล่ยี นทิศทางการขับเคล่อื นระบบวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๑ ๒๑ ๔.๑ ทิศทางและนโยบายการขับเคลื่อนของประเทศไทย ๔.๒ ความเปน็ มาของการปฏริ ปู ระบบวจิ ยั และนวัตกรรมของประเทศไทย ๒๒ ๔.๓ แนวทางการขบั เคลื่อนระบบวจิ ัยและนวตั กรรมของประเทศไทย ๓๑ บทท่ี ๕ ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ๓๓ ๕.๑ วิสัยทศั น ์ ๓๓ ๕.๒ เปา้ ประสงค์ ๓๓ ๕.๓ ยทุ ธศาสตร์การวจิ ยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ๓๔ ยทุ ธศาสตร์ที่ ๑: การวิจยั และนวัตกรรมเพอ่ื การสร้างความม่งั คง่ั ทางเศรษฐกจิ ๓๕ ยุทธศาสตรท์ ่ี ๒: การวิจยั และนวตั กรรมเพอื่ การพัฒนาสงั คมและสง่ิ แวดล้อม ๔๗ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๓: การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการสรา้ งองคค์ วามรพู้ ้ืนฐานของประเทศ ๖๒ ยุทธศาสตรท์ ี่ ๔: การพฒั นาโครงสรา้ งพื้นฐาน บคุ ลากร และระบบวิจยั และนวัตกรรม ๗๐ ของประเทศ บทท่ี ๖ กลไกการขบั เคลอื่ น การติดตามเเละประเมนิ ผล ๘๐ ๖.๑ กลไกการขับเคลือ่ น ๘๐ ๖.๒ การติดตามเเละประเมินผลยุทธศาสตร์การวิจยั และนวัตกรรม ๙๐ บทท่ี ๗ ผลที่คาดว่าจะไดร้ บั ๙๔ ภาคผ นวก 7ข (ร่าง) ยทุ ธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

8 (รา่ ง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

สารบัญภาพ หน้า ภาพที่ ๑ ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวัตกรรมเพือ่ รองรับการเปล่ียนแปลงพลิกโฉมฉับพลัน ๘ (Global disruptive change) ภาพท่ี ๒ โครงสรา้ งการดำ� เนินงานสภานโยบายวจิ ัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ๒๘ ภาพที่ ๓ ทศิ ทางการปรบั เปลี่ยนระบบวิจยั และนวตั กรรมของประเทศ ๒๙ ภาพที่ ๔ ความเป็นมาของการปฏิรปู ระบบวจิ ัยและนวตั กรรมของประเทศ ๓๐ ภาพท่ี ๕ แผนงบประมาณการวจิ ัยและนวตั กรรมภายใตย้ ทุ ธศาสตร์การวิจยั ๘๖ และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ๘๙ ภาพที่ ๖ ระบบบรหิ ารงบประมาณแผนงานวจิ ัยและนวตั กรรมส�ำคัญ 9ค (ร่าง) ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

10 (ร่าง) ยุทธศาสตร์การวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

บทสรุปผ้บู ริหาร การวิจัยและนวัตกรรมเป็นกลไกส�ำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การพัฒนาสังคม และการรักษาสงิ่ แวดลอ้ มของประเทศ สามารถน�ำพาประเทศหลดุ พน้ จากกับดกั ประเทศรายได้ ปานกลาง กับดักความเหลื่อมล�้ำ และกับดักความไม่สมดุลของการพัฒนา รวมท้ังท�ำให้ประเทศ สามารถปรบั ตวั รองรบั ผลกระทบทจี่ ะเกดิ ขน้ึ จากกระแสการเปลยี่ นแปลงของโลก และสรา้ งความ สามารถในการแข่งขันเพือ่ ให้ประเทศมคี วามมน่ั คง มัง่ คงั่ และย่ังยืน สอดคลอ้ งกับเปา้ หมายของ ยทุ ธศาสตรช์ าตริ ะยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) และเปา้ หมายประเทศไทย ๔.๐ สภานโยบาย วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ โดยคณะอนุกรรมการด้านนโยบายและยุทธศาสตร์วิจัยและ นวตั กรรม จงึ ไดจ้ ดั ทำ� “ยทุ ธศาสตรก์ ารวิจยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)” ขน้ึ โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมจากผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องจากหน่วยงานในระบบวิจัยและ นวัตกรรมของประเทศ เพ่ือเป็นกรอบแนวทางของประเทศในการสร้างงานวิจัยและนวัตกรรม ที่สามารถใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้จริง และเพิ่มขีดความสามารถของภาคการผลิตและบริการ สามารถใชแ้ กไ้ ขปญั หาทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ การพฒั นาสงั คมอยา่ งมนี ยั สำ� คญั สรา้ งขดี ความสามารถ ทางเทคโนโลยรี องรบั การเตบิ โตในระยะยาว โดยคำ� นงึ ถงึ แนวโนม้ หลกั ในสงั คมโลกทางดา้ นสงั คม เทคโนโลยี เศรษฐกจิ สงิ่ แวดลอ้ ม และการเมอื ง ไดแ้ ก่ การเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งประชากร โลกาภวิ ตั น์ และตลาดในอนาคต การขาดแคลนทรพั ยากรธรรมชาติ ความทา้ ทายดา้ นการเปลยี่ นแปลงสภาพ ภูมอิ ากาศ เทคโนโลยีและนวตั กรรม กระแสสังคมฐานความรู้ การมีส่วนร่วมในความรบั ผิดชอบ ระดับประเทศ และภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ ท่ีจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในอนาคต ดังนั้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงพลิกโฉมฉับพลันอย่างมีประสิทธิภาพ ประเทศไทยจึงจ�ำเป็นต้องมี ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรมท่ีจะท�ำให้ประเทศสามารถสร้างและเก็บเก่ียวคุณค่าและ มลู คา่ ตา่ ง ๆ รวมทง้ั การสรา้ งขดี ความสามารถใหก้ บั สงั คมและประชาชนในประเทศไดใ้ นระยะยาว ท้ังน้ี โดยมีจุดมุ่งหมายข้ันสุดท้ายให้การวิจัยและนวัตกรรมของประเทศเป็นส่วนส�ำคัญที่ สนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายท่ีก�ำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ได้น้อมน�ำหลักปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาท่ีย่ังยืนมาเป็นแนวทางในการจัดท�ำ รวมทั้งได้ทบทวนนโยบายและแผนท่ีเก่ียวข้องกับการวิจัยและนวัตกรรมในประเทศไทย ไดแ้ ก่ รา่ งยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) แผนการขับเคล่อื นและปฏริ ูประบบวจิ ยั แบบบูรณาการของ บทสรุปผู้บรหิ าร 1ง1 (รา่ ง) ยทุ ธศาสตร์การวิจัยและนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

ประเทศ กรอบยุทธศาสตร์การวจิ ยั แหง่ ชาติ ๒๐ ปี รา่ งนโยบายและยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั แหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) นโยบายและแผนวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมแหง่ ชาติ ฉบับท่ี ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๖๔) รายงานของคณะกรรมาธิการปฏริ ูปวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย นวตั กรรมและทรัพย์สนิ ทางปัญญา สภาปฏริ ปู แห่งชาติ รวมทัง้ เป้าหมายการพัฒนาทีย่ ัง่ ยืน ที่เปน็ เป้าหมายของประชาคมโลก ประเทศไทยถกู จดั อยใู่ นประเทศรายไดป้ านกลางตอนบน (Upper middle income country) ในปี ๒๕๖๐ สถาบนั การจดั การนานาชาติ (International Institute for Management Development : IMD) ได้จัดอันดับให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันในอันดับที่ ๒๗ จาก ๖๓ ประเทศ โดยพิจารณาจากปจั จัยหลัก ไดแ้ ก่ สมรรถนะทางเศรษฐกจิ ประสิทธภิ าพภาครัฐ ประสทิ ธิภาพภาคธรุ กิจ และโครงสร้างพน้ื ฐาน ทัง้ นี้ปัจจยั ที่สะทอ้ นให้เห็นถึงสถานภาพการวิจยั และพัฒนาของประเทศ ได้แก่ โครงสรา้ งพ้ืนฐานทางเทคโนโลยีทถี่ ูกจัดอยูใ่ นอันดับที่ ๓๖ และ โครงสรา้ งพนื้ ฐานทางวทิ ยาศาสตรม์ คี วามสามารถในการแขง่ ขนั อยใู่ นอนั ดบั ที่ ๔๘ โดยปจั จยั ยอ่ ย ทใี่ ชส้ ำ� หรบั พจิ ารณาโครงสรา้ งพน้ื ฐานทางดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยที ส่ี ำ� คญั ไดแ้ ก่ คา่ ใชจ้ า่ ย ด้านการวิจัยและพัฒนา งบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม บุคลากร ดา้ นการวจิ ยั และพฒั นา บคุ ลากรดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ดลุ การชำ� ระเงนิ ทางเทคโนโลยี สิทธิบัตร และผลงานตีพิมพ์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เม่ือพิจารณาปัจจัยที่เก่ียวข้องกับ การวจิ ยั และนวตั กรรมพบวา่ ประเทศไทยมจี ดุ แขง็ ในหลายดา้ น ไดแ้ ก่ ภาคเอกชนมบี ทบาทหลกั ในระบบวจิ ัยและนวตั กรรม มีสภาพแวดลอ้ มที่เอื้อต่อการลงทุนด้านโครงสรา้ งพ้นื ฐานและธุรกิจ มีกฎหมายและแรงจูงใจท่ีเอื้อต่อการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม มีระบบสาธารณสุขท่ีเข้มแข็ง มวี ฒั นธรรมแหง่ การเรยี นรกู้ ารเปน็ ผปู้ ระกอบการ (Entrepreneurship) และมคี วามหลากหลาย ทางชีวภาพ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทย ก็ประสบความท้าทายในหลาย ๆ ด้านเช่นกัน ได้แก่ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เข้า สู่ยคุ อตุ สาหกรรม ๔.๐ การเปลยี่ นแปลงของโลกทส่ี ำ� คญั เชน่ สงั คมสงู วยั การเปลย่ี นแปลงสภาพ ภมู อิ ากาศ การยกระดบั ความสามารถทางเทคโนโลยขี องผปู้ ระกอบการขนาดกลางและขนาดยอ่ ม (Small and Medium Enterprises: SMEs) รวมถงึ วิสาหกิจเร่มิ ต้น (Startup) การขาดแคลน นกั วจิ ยั วศิ วกร ชา่ งเทคนคิ และบคุ ลากรรายสาขาอตุ สาหกรรมเปา้ หมาย การพฒั นาและบรู ณาการ ระบบมาตรฐาน คุณภาพ ทดสอบ สอบเทียบ การก�ำหนดโจทย์วิจัยและนวัตกรรมที่ตอบ ความต้องการของภาคการผลิตและบริการและแก้ปัญหาสังคม การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและ กฎระเบียบของรัฐให้ทันสมัย ความเหล่ือมล้�ำทางสังคม และการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและ นวตั กรรม หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ไดม้ คี ำ� สง่ั ที่ ๖๒/๒๕๕๙ ลงวนั ที่ ๖ ตลุ าคม ๒๕๕๙ เรอ่ื ง การปฏริ ปู ระบบวจิ ยั และนวตั กรรมของประเทศ ใหม้ สี ภานโยบายวจิ ยั และนวตั กรรมแหง่ ชาติ เพอ่ื ทำ� หน้าท่ีกำ� หนดทศิ ทางนโยบาย ยทุ ธศาสตร์ รวมท้งั ปรบั ปรงุ ระบบวิจยั และนวตั กรรมของ 1จ2 บทสรปุ ผบู้ รหิ าร (รา่ ง) ยุทธศาสตร์การวิจยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

ประเทศ ตลอดจนก�ำกับและติดตามการบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ และประเมินผล การดำ� เนนิ การใหเ้ ปน็ ไปอยา่ งเหมาะสมและมเี อกภาพ อนั เปน็ ประโยชนต์ อ่ การแกไ้ ขปญั หาการวจิ ยั ของประเทศ และปฏริ ปู การบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ จงึ ไดม้ กี ารจดั ตง้ั สภานโยบายวจิ ยั และนวตั กรรม แหง่ ชาตขิ นึ้ ตอ่ มา สภานโยบายวจิ ยั และนวตั กรรมแหง่ ชาตไิ ดแ้ ตง่ ตง้ั คณะกรรมการบรู ณาการบรหิ าร จดั การปฏริ ปู ระบบวจิ ยั และนวตั กรรม และคณะอนกุ รรมการ ๔ คณะ ประกอบดว้ ย ๑) คณะอนกุ รรม การด้านนโยบายและยุทธศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ๒) คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาบุคลากร วิจัยและนวัตกรรม ๓) คณะอนุกรรมการด้านการปรับระบบงบประมาณวิจัยและนวัตกรรมแบบ บูรณาการ และ ๔) คณะอนกุ รรมการด้านการปรบั ปรงุ กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ คณะอนุกรรมการด้านนโยบายและยทุ ธศาสตร์วิจยั และนวตั กรรม ไดจ้ ดั ทำ� ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) โดยมที ศิ ทางการปรบั เปลยี่ นระบบวจิ ยั และนวตั กรรม ของประเทศใน ๕ ประเด็นหลัก ดงั นี้ ๑) ปรับเปลี่ยนจากการวิจัยและนวัตกรรมทม่ี าจากอุปทานท่ี ตอบโจทยข์ องผวู้ จิ ยั ไปสกู่ ารวจิ ยั และนวตั กรรมทม่ี าจากอปุ สงคเ์ พอ่ื ตอบโจทยป์ ระเทศ ภาคเศรษฐกจิ ภาคสงั คม ๒) ปรบั แนวทางการจดั สรรทนุ วจิ ัยจากหัวข้อวจิ ัยรายโครงการ เปน็ วาระการวจิ ัยทีเ่ ป็น โครงการขนาดใหญ่ มเี ปา้ หมายชัดเจนทต่ี อบโจทยก์ ารพฒั นาประเทศ ๓) ปรบั แนวทางการวจิ ยั และ พัฒนาที่กระจายไปทุกสาขา เป็นการวิจัยและพัฒนาท่ีมีจุดเน้นเพื่อสาขาใดสาขาหน่ึงโดยเฉพาะ ๔) ตอ้ งมกี ารสรา้ งสมดลุ ระหวา่ งการพฒั นาความเป็นเลศิ ทางเทคโนโลยี และการพัฒนาและการใช้ เทคโนโลยที เี่ หมาะสมกบั ประเทศ และ ๕) ปรบั กระบวนการดำ� เนนิ งานจากหนว่ ยงานเดยี ว ซง่ึ ทำ� ให้ เกดิ การทบั ซอ้ นระหวา่ งหนว่ ยงาน เปน็ การดำ� เนนิ งานในรปู แบบทเ่ี กดิ การสรา้ งเครอื ขา่ ยการพฒั นาการ วิจัยและนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ และเพ่ือให้บรรลุเป้าหมายตามทิศทางการปรับเปล่ียนระบบ วิจยั และนวัตกรรมของประเทศ ได้ก�ำหนดแนวทางการด�ำเนินงาน ดังนี้ ๑) บรู ณาการแผนงานวจิ ัย และนวัตกรรมที่มีจุดมุ่งเน้นและกลไกที่ชัดเจน ๒) ด�ำเนินการแบบมีส่วนร่วมกับผู้ใช้ประโยชน์ ๓) มีมาตรการสนับสนุนการจัดหาเทคโนโลยีหรือผลงานวิจัยจากหลายแหล่งมาพัฒนาต่อยอด (Technology acquisition) ที่เข้าได้กับรูปแบบทางธุรกิจ (Business model) เพ่ือให้เกิดผล เชงิ พาณชิ ยจ์ รงิ ๔) ปลดลอ็ คขอ้ จำ� กดั และอปุ สรรคการนำ� ผลงานวจิ ยั ไปใชป้ ระโยชน์ (โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ การใช้ประโยชนเ์ ชงิ พาณชิ ย)์ และ ๕) จดั โครงสรา้ งหนว่ ยงานในระบบวจิ ยั และนวตั กรรมใหช้ ดั เจน ไมท่ บั ซอ้ นเชิงผลประโยชน์ สามารถติดตามและประเมินผลได้ ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ได้ก�ำหนดวิสัยทัศน์ว่า “ประเทศไทยใชก้ ารวิจัยและนวัตกรรมเป็นก�ำลังอ�ำนาจแหง่ ชาติ เพอ่ื กา้ วไปสปู่ ระเทศทพี่ ฒั นาแลว้ ภายใน ๒๐ ปี ดว้ ยความมน่ั คง มั่งค่งั ยงั่ ยนื ” โดยประกอบดว้ ย ๔ ยทุ ธศาสตร์ ดังนี้ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ การวจิ ยั และนวตั กรรมเพ่ือการสรา้ งความมง่ั คง่ั ทางเศรษฐกจิ ประกอบดว้ ย ๕ ประเดน็ ยทุ ธศาสตร์ ไดแ้ ก่ ๑) อาหาร เกษตร เทคโนโลยชี วี ภาพ และเทคโนโลยกี ารแพทย์ ๒) เศรษฐกิจดจิ ทิ ลั และขอ้ มลู ๓) ระบบโลจิสตกิ ส์ ๔) การบริการมูลคา่ สงู และ ๕) พลังงาน บทสรปุ ผ้บู ริหาร 1ฉ3 (ร่าง) ยุทธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ การวิจยั และนวตั กรรมเพ่ือการพฒั นาสงั คมและสิง่ แวดลอ้ ม ประกอบดว้ ย ๕ ประเดน็ ยทุ ธศาสตร์ ไดแ้ ก่ ๑) สงั คมสงู วยั และสงั คมไทย ในศตวรรษที่ ๒๑ ๒) คนไทยในศตวรรษที่ ๒๑ ๓) สุขภาพและคุณภาพชีวิต ๔) การบริหาร จัดการน้�ำ การเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อม และ ๕) การกระจายความเจรญิ และเมืองน่าอยู่ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๓ การวจิ ยั และนวตั กรรมเพือ่ การสรา้ งองคค์ วามรพู้ น้ื ฐานของประเทศ ประกอบด้วย ๓ ประเด็นยุทธศาสตร์ ได้แก่ ๑) องค์ความรู้พ้ืนฐาน และเทคโนโลยีฐาน ๒) องค์ความรู้พื้นฐานทางสังคมและความเป็นมนุษย์ และ ๓) การวิจัย เพอื่ ความเปน็ เลศิ ทางวชิ าการ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๔ การพฒั นาโครงสรา้ งพ้ืนฐานบคุ ลากรและระบบวิจยั และนวตั กรรม ของประเทศ ประกอบด้วย ๗ ประเด็นยุทธศาสตร์ ได้แก่ ๑) การปรับระบบวิจัย และนวัตกรรมของประเทศ ๒) บคุ ลากรและเครือข่ายการวิจัยและนวัตกรรม ๓) ระบบบริหาร จัดการงานวิจัย ๔) เขตเศรษฐกิจนวัตกรรม ๕) ระบบแรงจงู ใจ ๖) โครงสร้างพนื้ ฐานทางคณุ ภาพ ของประเทศ และ ๗) โครงสร้างพื้นฐานทางการวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพ่ือต่อยอด อตุ สาหกรรมการเกษตรและสขุ ภาพ เพื่อขับเคล่ือนประเด็นยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม มีผลกระทบทาง เศรษฐกิจชัดเจน ปลดล็อคปัญหาของประเทศ สร้างประโยชน์แก่ชุมชนและสังคมในวงกว้าง ยุทธศาสตรก์ ารวจิ ัยและนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) จึงกำ� หนดแผนงานวจิ ยั และ นวตั กรรมส�ำคญั (Spearhead research and innovation program) โดยในแต่ละแผนงาน วจิ ยั และนวตั กรรมสำ� คญั ไดก้ ำ� หนดขอบเขตของแผนงานนนั้ ๆ เพอื่ เปน็ แนวทางในการจดั ทำ� แผน ในระดบั แผนแมบ่ ทจนถงึ แผนในระดบั ปฏบิ ตั กิ ารตอ่ ไป ทง้ั น้ี ขอบเขตของแผนงานนนั้ ๆ ครอบคลมุ ถึงการวิจัยเชิงนโยบาย (Policy research) ท่ีสามารถน�ำไปสู่การพัฒนาเป็นนโยบายได้ และแผนงานวิจัยและนวัตกรรมส�ำคัญดังกล่าวจะถูกให้ความส�ำคัญในช่วงของการขับเคล่ือน ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ในระยะเรมิ่ ตน้ เพอื่ ใหม้ ผี ลลพั ธ์ (Outcome) ในระยะ ๓ – ๕ ปี ทง้ั นี้ แผนงานวจิ ยั และนวตั กรรมสำ� คญั จะได้รบั การทบทวนและ ปรบั ปรงุ เปน็ ระยะ ๆ ตามความเหมาะสมเพอื่ ใหก้ า้ วทนั ตอ่ บรบิ ททเ่ี ปลย่ี นแปลงไป อกี ทง้ั นอกจาก การก�ำหนดขอบเขตของการวิจัยและนวัตกรรมในแผนงานวิจัยและนวัตกรรมสำ� คัญที่ก�ำหนดไว้ ในยทุ ธศาสตรน์ ี้ หนว่ ยงานในระบบวจิ ยั และนวตั กรรมยงั สามารถเสนอแผนงานวจิ ยั และนวตั กรรม ส�ำคัญ และแผนงานหรือโครงการวิจัยอ่ืน ๆ ที่สอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์ท่ีก�ำหนดไว้ใน ยุทธศาสตร์การวจิ ัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) นีไ้ ด้ 1ช4 บทสรปุ ผู้บริหาร (ร่าง) ยทุ ธศาสตร์การวิจยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

เพ่อื ใหก้ ารดำ� เนินงานตามยุทธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) สามารถเกิดผลไดอ้ ยา่ งเป็นรูปธรรมจงึ ไดก้ �ำหนดกลไกการขบั เคล่อื น ดังน้ี ๑) กำ� หนดให้ยุทธศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) เป็นกรอบในการด�ำเนินงานและจัดสรร งบประมาณ ๒) จดั ทำ� พระราชบญั ญตั ิการวจิ ัยและนวัตกรรมแหง่ ชาติ พ.ศ. .... โดยการจัดตั้งสภา นโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติและส�ำนักงานของสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติท่ี มีอ�ำนาจหน้าท่ีและบทบาทสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... รวมทัง้ ปรบั บทบาทหนา้ ท่ีของหนว่ ยงานในระบบวิจยั และนวัตกรรมเพอ่ื รองรบั การปฏริ ปู ระบบวจิ ัย และนวัตกรรมของประเทศ ๓) ปรับระบบบริหารจัดการงบประมาณวิจัยและนวัตกรรม โดยแบ่ง ออกเปน็ ๒ แผนงานหลกั ไดแ้ ก่ แผนงานบรู ณาการเชงิ ยทุ ธศาสตร์ และแผนงานวิจัยและนวัตกรรม ส�ำคัญ ๔) จัดท�ำแผนปฏิบัติการ ระยะ ๕ ปี ตามยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ๕) สรา้ งการมสี ว่ นรว่ มกบั ทกุ ภาคสว่ นเพอ่ื สรา้ งความตระหนกั ถงึ ความสำ� คญั กลไกการขบั เคลอื่ น และประโยชนข์ องการวจิ ยั และนวตั กรรมทเ่ี ปน็ เครอ่ื งมอื ในการพฒั นาและการเสรมิ สรา้ งศกั ยภาพในการแขง่ ขนั ของประเทศ โดยแนวทางการตดิ ตามและประเมนิ ผลยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) จะมีการจะตดิ ตามและประเมินผลตวั ชี้วดั เปา้ หมาย หลักในภาพรวม และตัวชี้วัดรายยทุ ธศาสตร์ เพอ่ื ใหท้ ราบผลสำ� เรจ็ ของผลผลติ และผลลพั ธท์ เ่ี กดิ ขน้ึ รวมทง้ั ปญั หาและอปุ สรรคต่าง ๆ ท่ีอาจเกิดขึ้น เพ่ือใช้เป็นขอ้ มูลในการทบทวนยทุ ธศาสตรก์ ารวิจัย และนวตั กรรมในอนาคต ท้งั น้ี ยุทธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) จะเรง่ ขับเคล่อื นการใช้ การวจิ ยั และนวตั กรรมเปน็ กลไกในการขบั เคลอ่ื นเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ ใหเ้ กดิ ผลสมั ฤทธิ์ สอดคล้องกบั ยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) และเปา้ หมายประเทศไทย ๔.๐ เพ่อื นำ� พาประเทศหลดุ พ้นจากกับดักประเทศรายไดป้ านกลาง สรา้ งขีดความสามารถในการแข่งขัน และเกดิ การเตบิ โตอยา่ งยงั่ ยนื โดยคาดว่าจะเกิดผลกระทบที่ส�ำคัญในภาพรวมของประเทศภายใน ปี ๒๕๗๙ ประกอบด้วย ๑) ประเทศไทยเป็นประเทศในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และเป็นผู้น�ำ นวตั กรรมในอตุ สาหกรรมทมี่ ศี กั ยภาพในระดบั โลก เชน่ อตุ สาหกรรมอาหารเพอื่ สขุ ภาพ อตุ สาหกรรม สารชีวภาพ และอุตสาหกรรมวัสดุทางการแพทย์ รวมทั้งการท่องเท่ียวและบริการมูลค่าสูง ๒) สงั คมไทยมคี วามมนั่ คงและมภี มู คิ มุ้ กนั ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง รวมทง้ั มคี วามยง่ั ยนื เปน็ ประเทศแรก ๆ ทปี่ ระสบผลสำ� เรจ็ ในการบรรลเุ ปา้ หมายการพฒั นาทย่ี ง่ั ยนื ๓) เกดิ การบรู ณาการ การทำ� งานด้านการวจิ ยั และนวตั กรรมระหวา่ งหนว่ ยงานในระบบวจิ ยั และนวตั กรรม โดยมแี ผนงาน วิจัยและนวัตกรรมขนาดใหญ่ท่ีด�ำเนินการโดยหน่วยงานในภาคส่วนต่าง ๆ รองรับการขับเคลื่อนท่ี สำ� คญั ของประเทศ ๔) คา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นการวจิ ยั และพฒั นาเพมิ่ ขนึ้ เปน็ รอ้ ยละ ๒ ของผลติ ภณั ฑม์ วลรวม ในประเทศ ๕) สัดส่วนค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาของภาคเอกชนต่อภาครัฐเป็น ๘๐:๒๐ และ ๖) สัดส่วนบคุ ลากรด้านการวจิ ัยและพัฒนาไมน่ อ้ ยกว่า ๖๐ คน ต่อประชากร ๑๐,๐๐๐ คน บทสรปุ ผู้บริหาร 1ซ5 (รา่ ง) ยุทธศาสตร์การวจิ ัยและนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

16 (ร่าง) ยุทธศาสตร์การวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

บทท่ี ๑ บทน�ำ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้มีเสถียรภาพจ�ำเป็นต้องอาศัยความรูแ้ ละความก้าวหนา้ ใน การวจิ ยั และนวตั กรรมทต่ี อ้ งมกี ารสรา้ งและสะสมองคค์ วามรใู้ หท้ นั สมยั ตลอดเวลา เพอ่ื เปน็ กลไกสำ� คญั ในการนำ� พา ประเทศหลุดพน้ จากกบั ดกั ประเทศรายไดป้ านกลาง ซง่ึ ตอ้ งขบั เคลอื่ นประเทศจากประเทศท่ใี ชแ้ รงงานเข้มข้นไป เป็นประเทศที่ขับเคล่ือนระบบเศรษฐกิจด้วยฐานความรู้ด้านการวิจัยและนวัตกรรม อันเป็นการกระจายรายได้ การลดความเหลอ่ื มล�้ำในสังคม การสรา้ งคณุ ภาพชีวติ ทด่ี ีของประชาชน การสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั และท�ำใหป้ ระเทศ สามารถปรับตัวรองรับผลกระทบท่ีเกิดข้ึนจากกระแสของการแข่งขันท่ีเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว เพ่ือสร้าง ความสามารถในการแขง่ ขันเพ่อื ให้ประเทศมคี วามมั่นคง มงั่ ค่ัง และยง่ั ยนื ยทุ ธศาสตร์การวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) จัดท�ำขึ้นโดยเช่ือมโยงกับนโยบายและ ยทุ ธศาสตรช์ าติ อาทิ ๑. ยุทธศาสตรช์ าติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ประกอบด้วย ๑) ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ๒) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ๓) ยุทธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ๔) ยุทธศาสตร์การสร้างโอกาสเเละ ความเสมอภาคทางสังคม ๕) ยทุ ธศาสตร์ด้านการสร้างการเตบิ โตบนคุณภาพชีวติ ทเี่ ป็นมติ รตอ่ ส่ิงแวดลอ้ ม และ ๖) ยุทธศาสตร์ดา้ นการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจดั การภาครัฐ 1 (ร่าง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

๒. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ประกอบดว้ ย ๑) ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ การเสรมิ สรา้ งและพฒั นาศกั ยภาพทนุ มนษุ ย์ ๒) ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๒ การสรา้ ง ความเป็นธรรมและลดความเหล่ือมล�้ำในสังคม ๓) ยุทธศาสตร์ท่ี ๓ การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ และแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ๔) ยุทธศาสตร์ท่ี ๔ การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพ่ือการพัฒนาท่ีย่ังยืน ๕) ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๕ การเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติเพ่ือการพัฒนาประเทศสู่ความม่ังคั่งและยั่งยืน ๖) ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๖ การบรหิ ารจดั การในภาครฐั การปอ้ งกนั การทจุ รติ ประพฤตมิ ชิ อบ และธรรมาภบิ าลในสงั คมไทย ๗) ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๗ การพฒั นาโครงสรา้ งพนื้ ฐานและระบบโลจสิ ตกิ ส์ ๘) ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๘ การพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วจิ ยั และนวตั กรรม ๙) ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๙ การพฒั นาภาค เมอื ง และพน้ื ทเ่ี ศรษฐกจิ และ ๑๐) ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๑๐ ความร่วมมอื ระหวา่ งประเทศเพอื่ การพฒั นา ๓. วาระการขับเคลือ่ นประเทศไทย ๔.๐ ประกอบด้วย ๑) วาระที่ ๑ การเตรยี มคนไทย ๔.๐ เพ่อื ก้าวสู่โลกทหี่ นึ่ง ๒) วาระท่ี ๒ การพัฒนาคลัสเตอร์ เทคโนโลยแี ละอุตสาหกรรมแหง่ อนาคต ๓) วาระท่ี ๓ การบม่ เพาะผปู้ ระกอบการและพฒั นาเครือข่ายวสิ าหกิจ ทขี่ บั เคลอ่ื นด้วยนวตั กรรม ๔) วาระท่ี ๔ การเสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของเศรษฐกจิ ภายในประเทศผา่ นกลไกของ ๑๘ กลมุ่ จงั หวดั และ ๗๗ จงั หวดั และ ๕) วาระท่ี ๕ การบรู ณาการอาเซยี น เชอื่ มโยงประเทศไทยสปู่ ระชาคมโลก ๔. กรอบยุทธศาสตรก์ ารวจิ ัยแห่งชาติ ๒๐ ปี ประกอบด้วย ๑) ยุทธศาสตร์ด้านความม่นั คง ๒) ยทุ ธศาสตรด์ ้านเกษตร ๓) ยุทธศาสตรด์ า้ นอตุ สาหกรรม ๔) ยุทธศาสตร์ด้านสังคม ๕) ยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ๖) ยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน และ ๗) ยุทธศาสตร์ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดลอ้ ม จากการวิเคราะห์นโยบายและยุทธศาสตร์ชาติ สามารถสรุปประเด็นมุ่งเน้นของรัฐบาลท่ีจะแก้ไขปัญหา สำ� คัญดา้ นเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ ดังน้ี ๑. ด้านเศรษฐกจิ มุ่งเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล อาทิ อาหาร เกษตร การแพทย์ ดิจทิ ลั ระบบโลจิสติกส์ การบริการ พลังงาน รวมถึงการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises: SMEs) โดยเน้นการน�ำผลงานวจิ ัยและนวตั กรรมไปใชป้ ระโยชนใ์ นเชิงพาณชิ ย์ ๒. ด้านสังคม มุ่งเน้นการสร้างสังคมไทยให้ก้าวไปสู่สังคมในศตวรรษท่ี ๒๑ ที่คนไทยมีสุขภาพท่ีดี มีสภาพแวดล้อมท่ีน่าอยู่ มคี วามเทา่ เทยี ม มกี ารกระจายความเจรญิ มคี วามมนั่ คงปลอดภยั ในชวี ติ และทรพั ยส์ นิ ซง่ึ จะช่วยแกไ้ ขปัญหาสำ� คัญของประเทศได้ ๓. ด้านการสร้างองค์ความรู้ มุ่งเน้นการวิจัยพื้นฐานเพ่ือสะสมความรู้ และการพัฒนาต่อยอดด้าน วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รวมถงึ ดา้ นสังคมและความเปน็ มนษุ ย์ ท่ีมคี วามสำ� คญั เกยี่ วขอ้ งกับการด�ำเนินชีวิต ประจ�ำวันของคนในสังคม เชน่ การละเมิดสทิ ธเิ สรีภาพ การปลูกจติ สำ� นึก เป็นต้น ๔. ดา้ นปัจจัยสนบั สนนุ มงุ่ เนน้ การพฒั นาบคุ ลากรใหม้ คี ณุ ภาพ มสี ขุ ภาวะทดี่ ี สามารถเรยี นรไู้ ดด้ ว้ ยตนเอง การพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานทเ่ี ออ้ื ตอ่ การวจิ ยั และนวตั กรรม การสรา้ งกลไกความเชอื่ มโยงระหวา่ งภาคส่วนต่าง ๆ บทท่ี ๑ : บทน�ำ 2 (รา่ ง) ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

ในการจัดท�ำยทุ ธศาสตร์การวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ได้น�ำประเด็นม่งุ เนน้ ของ รฐั บาลมากำ� หนดเปน็ ยุทธศาสตรด์ า้ นการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตรท์ ี่ ๑ การวิจัยและนวตั กรรมเพือ่ การสรา้ งความมง่ั คง่ั ทางเศรษฐกจิ ยทุ ธศาสตร์ที่ ๒ การวิจยั และนวัตกรรมเพอ่ื การพัฒนาสังคมและสิง่ แวดลอ้ ม ยุทธศาสตรท์ ่ี ๓ การวิจัยและนวัตกรรมเพือ่ การสรา้ งองคค์ วามรู้พ้นื ฐานของประเทศ ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๔ การพฒั นาโครงสร้างพนื้ ฐาน บุคลากร และระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เกิดการน�ำงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เพิ่ม ขีดความสามารถของภาคการผลิตและบริการ รวมท้ังแก้ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาสังคม และ สร้างขีดความสามารถทางเทคโนโลยีเพ่ือรองรับการเติบโตในระยะยาว ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) มเี นอื้ หาหลกั ๖ สว่ น ประกอบดว้ ย แนวโนม้ โลกและผลกระทบตอ่ การพฒั นาประเทศไทยดว้ ยการวจิ ยั และนวตั กรรม สถานภาพระบบวจิ ยั และนวตั กรรมของประเทศไทย การปรบั เปลยี่ นทศิ ทางการขบั เคลอ่ื นระบบวจิ ยั และนวตั กรรม ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม กลไกการขบั เคลอื่ น การตดิ ตามและประเมนิ ผล ผลทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั บทที่ ๑ : บทน�ำ 3 (ร่าง) ยทุ ธศาสตร์การวิจยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

บทที่ ๒ แนวโน้มโลกและผลกระทบ ต่อการพฒั นาประเทศไทย ดว้ ยการวิจยั และนวตั กรรม แนวโนม้ ใหญ่ (Megatrends) แนวโนม้ หลักในสังคมโลกซง่ึ สง่ ผลกระทบตอ่ ทกุ คนและทำ� ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงในระยะยาว ทงั้ ด้านสงั คม เทคโนโลยี เศรษฐกิจ ส่ิงแวดล้อม และการเมือง การวิเคราะห์ถึงผลกระทบของแนวโน้มใหญ่จะท�ำให้เกิด การเตรียมพร้อมเพื่อรับมือการเปล่ียนแปลงในอนาคตได้ แนวโน้มใหญ่ที่ส�ำคัญส�ำหรับโลกอนาคตในปี ๒๕๗๓ ได้แก่ ๑ ๑. การเปล่ยี นแปลงโครงสรา้ งประชากร สัดส่วนของประชากรโลกที่มีอายุ ๖๐ ปีขึ้นไปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๑๒.๓ ในปี ๒๕๕๘ เป็นร้อยละ ๑๖.๕ ในปี ๒๕๗๓ หรือเพ่ิมขึ้นถึงร้อยละ ๔ ซึ่งเร็วกว่าช่วงปี ๒๕๔๓ – ๒๕๕๘ ท่ีเพิ่มขึ้น เพยี งรอ้ ยละ ๒.๓ ท�ำให้สัดส่วนประชากรในวัยแรงงานลดลง ส่งผลถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจท่ีช้าลง ประเทศไทยมแี นวโนม้ การเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งประชากรไปในทศิ ทางเดยี วกนั อตั ราการเกดิ ใหมข่ องประชากร ลดลงจากการตัดสินใจชะลอการมีบุตรของแต่ละครอบครัว ประชากรมีอายุขัยเฉลี่ยสูงข้ึนด้วยการพัฒนาด้าน วทิ ยาศาสตรแ์ ละการแพทย์ เกดิ ปรากฏการณส์ งั คมสงู วยั ซง่ึ ผสู้ งู อายมุ โี อกาสเปน็ ผพู้ ง่ึ พงิ มากขนึ้ เกดิ การโยกยา้ ย ถ่นิ ฐานทั้งภายในประเทศและจากต่างประเทศ การเขา้ สู่สังคมเมอื ง แรงงานยังคงมีปญั หาด้านคุณภาพและการ ถกู ทดแทนดว้ ยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และประชากรจะมีอัตราส�ำเร็จการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐานสงู ข้ึนแตย่ งั คง มคี วามเหลอ่ื มล้ำ� ทางการศกึ ษา การเปลยี่ นแปลงเหลา่ นจ้ี ะทำ� ใหเ้ กดิ ความท้าทายใหมใ่ นประเทศไทย ไดแ้ ก่ การ รักษาการเตบิ โตและสดั สว่ นของประชากร การจัดการดา้ นสาธารณสขุ และการศกึ ษา แตก่ ารพลกิ โฉมดา้ นสงั คม 4๑ Trend compendium 2030, Roland Beger Strategy Consultants. (รา่ ง) ยทุ ธศาสตร์การวจิ ัยและนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

อาจกอ่ ใหเ้ กดิ โอกาสใหมแ่ กป่ ระเทศไทย เชน่ การขยายตวั ของอตุ สาหกรรมการทอ่ งเทย่ี วเชงิ สขุ ภาพ การเกดิ ตลาด ใหม่ดา้ นการบรกิ ารส�ำหรบั ผูอ้ ุปโภคบรโิ ภคเฉพาะกลมุ่ เปน็ ตน้ ๒. โลกาภิวัตน์และตลาดในอนาคต กระแสโลกาภิวัตน์ได้น�ำมาซ่ึงการเคล่ือนย้ายอย่างเสรีของสินค้า บริการ เงินทนุ บุคคล สารสนเทศ องคค์ วามรแู้ ละเทคโนโลยี การคา้ เสรไี ดน้ ำ� มาซง่ึ การแขง่ ขนั ในตลาดโลกทรี่ นุ แรงขนึ้ ประเทศตา่ ง ๆ พยายามรวมกลมุ่ เพือ่ สร้างขดี ความสามารถในการแขง่ ขัน โดยสรา้ งตลาดรว่ ม เชอ่ื มโยงหว่ งโซ่อุปทาน และใชป้ ระโยชน์จากการ ไหลของกระแสความรแู้ ละการเคลอื่ นยา้ ยแรงงานทกั ษะสงู หรอื แรงงานทม่ี คี วามสามารถพเิ ศษเพอื่ สรา้ งนวตั กรรม ความทา้ ทายของประเทศไทยคือการพัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพเพ่ือแข่งขันกับผผู้ ลติ และผใู้ ห้ บรกิ ารจากตา่ งประเทศ อกี ทงั้ เปน็ การเปดิ โอกาสในการขยายธรุ กจิ ในเขตเศรษฐกจิ ทมี่ ขี อ้ ตกลงการคา้ เสรรี ว่ มกนั นอกจากน้ียังต้องให้ความส�ำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises: SMEs) และเศรษฐกิจฐานราก ซง่ึ เปรียบเหมือนกระดกู สันหลงั ของเศรษฐกจิ ไทย ใหอ้ ยรู่ อดไดท้ า่ มกลางการแข่งขันทเ่ี ข้มข้นในยุคการค้าเสรีและโลกาภวิ ตั น์ นอกจากผลกระทบดา้ นเศรษฐกจิ แลว้ ผลกระทบดา้ นความมน่ั คงอนั เนอื่ งมาจากการเผยแพรล่ ทั ธสิ ดุ โตง่ (Extremism) ลัทธินิยมความรุนแรง และอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้ประโยชนจ์ ากการเชอ่ื มโยงทดี่ ขี น้ึ เป็นส่ิงท่ี ประเทศไทยตอ้ งเตรียมการรบั มือเช่นกัน ๓. การขาดแคลนทรพั ยากรธรรมชาติ ประชากรโลกโดยเฉพาะชนชน้ั กลางที่เพิ่มขึ้นทำ� ใหค้ วามตอ้ งการทรพั ยากรธรรมชาตเิ พม่ิ ขนึ้ จึงต้องค�ำนึง ถงึ ความมนั่ คงดา้ นนำ้� ดา้ นอาหาร และดา้ นพลงั งานซง่ึ มคี วามเกย่ี วพนั กนั (Nexus) ภาวะขาดแคลนทรพั ยากรนำ�้ จะส่งผลให้เกิดการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพ ในการบริหารจัดการทรัพยากรน�้ำ และการอนุรักษ์ป่าไม้ ซ่ึงจะส่งผลถึงความม่ันคงด้านอาหาร เช่นเดียวกับความม่ันคงด้านพลังงานซ่ึงต้องการ การวจิ ัยและพัฒนาพลงั งานทดแทนและการอนรุ ักษ์พลงั งาน ๔. ความทา้ ทายดา้ นการเปล่ียนแปลงสภาพภมู ิอากาศ การเพิ่มข้ึนของก๊าซเรือนกระจกเป็นสาเหตุหลักท่ีท�ำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ซึ่งเกิดจากการดำ� เนนิ กจิ กรรมของมนษุ ยโ์ ดยตรง ในปี ๒๕๗๓ คาดวา่ โลกจะมอี ณุ หภมู เิ ฉลยี่ เพม่ิ ขน้ึ ประมาณ ๑ องศาเซลเซียส ซ่ึงอาจ ส่งผลให้อัตราการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติเพ่ิมข้ึนอย่างมีนัยส�ำคัญ และระดับน�้ำทะเลสูงข้ึนซ่ึงเป็นผลมาจาก การละลายของน้ำ� แข็งขว้ั โลกและการขยายตัวของน�้ำในมหาสมุทร ส�ำหรับประเทศไทย การเปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มข้ึนของอุณหภูมิโลก และภัยพิบัติทาง ธรรมชาติท�ำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศและส่งผลต่ออัตราการเติบโตด้านการเกษตรและชีวิตความ เป็นอยู่ของมนุษย์ ความท้าทายที่ส�ำคัญคือการเตรียมการเพ่ือรับมือกับปัญหาท่ีอาจเกิดข้ึนได้ทุกเมื่อในอนาคต และสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ความตระหนกั ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ มเพอื่ แกป้ ญั หามลภาวะและลดการปลอ่ ยกา๊ ซเรอื นกระจกผ่านกลไก หรือมาตรการต่าง ๆ เช่น นโยบายส่งเสริมการลงทุนเพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจท่ีเป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อม การจัดท�ำบัญชีก๊าซเรือนกระจกในภาคพลังงาน ภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง การจัดการพ้ืนท่ีสีเขียว บทที่ ๒ : แนวโนม้ โลกและผลกระทบตอ่ การพัฒนาประเทศไทยด้วยการวจิ ยั และนวตั กรรม 5 (ร่าง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวิจัยและนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

ในเขตเมือง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม วกิ ฤตและผลกระทบจากการเปลย่ี นแปลงสภาพภูมิอากาศน้ี กอ่ ใหเ้ กดิ โอกาส ในการลงทุนด้านการพัฒนาเพ่ือส่ิงแวดล้อม เช่น แบบจ�ำลองเพื่อคาดการณ์การเกิดภัยพิบัติ และเทคโนโลยี พลงั งานทดแทน หรือพลังงานสะอาด เป็นต้น ๕. กระแสสังคมฐานความรู้ การแบ่งปันความรู้ในอนาคตจะมีประสิทธิภาพสูงมาก โดยเฉพาะการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นกลไกใน การเชื่อมโยง ท�ำให้มีการแลกเปล่ียนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีในการพัฒนาที่ยั่งยืนเพ่ือสังคมท่ีมี เสถยี รภาพและโลกทน่ี า่ อยขู่ องคนรนุ่ หลงั สำ� หรบั ประเทศไทยมหี ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงซ่ึงมีเง่ือนไข ความรู้คู่คุณธรรมท�ำให้มีความพอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการดำ� รงชีวิตและประกอบอาชีพ ทำ� ใหเ้ กดิ ความยงั่ ยนื ทงั้ ในระดบั ปจั เจกชน ครอบครวั สงั คมและประเทศชาติ ทง้ั นก้ี ารวจิ ยั และนวตั กรรมเปน็ ปจั จยั สำ� คญั ของสงั คมฐานความรู้ โดยตอ้ งมกี ารจดั การความรทู้ ดี่ ี ทงั้ การสรา้ งและการกระจายความรสู้ ู่ประชาชน และ คนในสังคมต้องเข้าถึงความรู้ได้อย่างทั่วถึง นอกจากมิติด้านความรู้แล้ว มิติด้านคุณธรรมก็เป็นเง่ือนไขท่ีส�ำคัญ ของสงั คมท่เี จริญตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง คณุ ธรรมเป็นสงิ่ ทช่ี ว่ ยลดการใชค้ วามรนุ แรง การทจุ รติ และการเอารดั เอาเปรยี บซงึ่ กนั และกนั ซงึ่ จะสง่ ผลกระทบตอ่ ความมน่ั คงปลอดภยั ของประชาชนและเสถยี รภาพ ทางการเมอื งในระบอบประชาธปิ ไตย ๖. การมสี ว่ นร่วมในความรบั ผดิ ชอบระดับประเทศ โลกในอนาคตจะมีความร่วมมือท่ีซับซ้อนมากข้ึน เช่น การร่วมกันพัฒนาเพ่ือแก้ปัญหามลภาวะซง่ึ สง่ ผลกระทบตอ่ ทกุ ประเทศ การมสี ว่ นรว่ มในนโยบายระดบั ประเทศโดยการลงนามในขอ้ ตกลงดา้ นการเปลยี่ นแปลง สภาพภมู อิ ากาศ เปน็ ต้น ประเทศไทยมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบระดับประเทศดว้ ยการใหก้ ารรบั รองวาระการพฒั นาท่ียั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ (The Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ และใหส้ ตั ยาบนั ตอ่ ความตกลง ปารสี (Paris agreement) ภายใตก้ รอบอนสุ ญั ญาสหประชาชาตวิ า่ ดว้ ยการเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ การให้ ความส�ำคัญกับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ย่ังยืนของประชาคมโลกเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะปรับ ทิศทางการพัฒนาให้ย่ังยืนยิ่งขึ้นโดยใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักน�ำและมีการวิจัยและ นวตั กรรมเปน็ ปจั จยั สนบั สนนุ อกี ทงั้ เปน็ โอกาสทไี่ ทยจะไดแ้ สดงบทบาททสี่ รา้ งสรรคใ์ นการถา่ ยทอดแนวปฏบิ ตั ทิ ดี่ ี ตามศาสตรพ์ ระราชาสู่ประเทศกำ� ลงั พฒั นาอ่ืน ๆ ๗. บรู พาภิวัตนแ์ ละภมู ิรัฐศาสตร์ใหม่ ภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ในศตวรรษท่ี ๒๑ ซึ่งดุลอ�ำนาจได้เคล่ือนย้ายมาทางเอเชียมากขน้ึ จากความส�ำเร็จใน การพัฒนาเศรษฐกิจของสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศอุตสาหกรรมใหม่ในเอเชีย มีผลต่อการก�ำหนด นโยบายการตา่ งประเทศและนโยบายการคา้ ระหวา่ งประเทศของไทย องค์ความรู้จากการวิจัยจะช่วยสนับสนุน การก�ำหนดท่าทีที่ถูกต้องเพ่ือรักษาผลประโยชน์ของประเทศในเวทีความรว่ มมอื ตา่ ง ๆ เชน่ ประชาคมอาเซยี น เวทอี นภุ มู ภิ าคลมุ่ แมน่ ำ้� โขง และเวทคี วามรว่ มมอื หนง่ึ แถบหนงึ่ เสน้ ทาง (One Belt, One Road) เป็นต้น เวที ความร่วมมือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางริเร่ิมโดยสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นกลไกส�ำคัญในการเช่ือมโยงภูมิภาค 6 บทที่ ๒ : แนวโนม้ โลกและผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศไทยดว้ ยการวิจยั และนวตั กรรม (ร่าง) ยุทธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

อาเซียน เอเชียใต้ เอเชียกลาง ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรปเข้าด้วยกัน หากค�ำนึงถึงศักยภาพของ ประเทศไทยในด้านท�ำเลท่ีต้ังและด้านอื่น ๆ ประเทศไทยอาจมีโอกาสในการขยายตลาดไปสู่หลายประเทศ ทวั่ โลกผา่ นเวทคี วามรว่ มมอื หนงึ่ แถบหนงึ่ เสน้ ทาง และในขณะเดยี วกนั จะเปน็ ประตสู อู่ าเซยี นและอนภุ มู ภิ าคลมุ่ แมน่ ้�ำโขงได้ ๘. เทคโนโลยีและนวตั กรรม มีการเร่งพัฒนาเทคโนโลยีโดยการควบรวมองค์ความรู้จากหลากหลายศาสตร์เข้าด้วยกัน เกิดเป็น เทคโนโลยพี ลกิ โฉมฉบั พลนั (Disruptive technology) ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ และสังคมอย่างกว้างขวาง ท�ำให้คุณภาพชีวิตสูงข้ึน เกิดรูปแบบการผลิตและบริการใหม่ ๆ สรา้ งอาชีพและการจา้ งงานรปู แบบใหม่ แตใ่ น ขณะเดยี วกนั กอ็ าจทดแทนแรงงานคนรปู แบบเดมิ และอาจทำ� ใหก้ ารผลติ และบรกิ ารรปู แบบเดมิ ตอ้ งยตุ ลิ ง เชน่ ๒ อินเทอร์เน็ตเคล่ือนที่ (Mobile internet) การวางระบบอตั โนมัตทิ ดแทนแรงงานคน รวมถงึ แรงงานทีม่ คี วามรู้ (Automation of knowledge work) การเช่ือมต่อของสรรพสง่ิ (Internet of Things) การประมวลผลแบบ คลาวด์ (Cloud computing) ห่นุ ยนตข์ น้ั สงู (Advanced robotics) การถอดรหสั พนั ธกุ รรม (Next-generation genomics) ยานยนตอ์ ตั โนมตั ิ (Autonomous vehicles) หนว่ ยเกบ็ พลงั งาน (Energy storage) การพิมพ์ ๓ มติ ิ (3D printing) วสั ดุขั้นสูง (Advanced materials) และพลังงานหมนุ เวยี น (Renewable energy) เทคโนโลยพี ลกิ โฉมฉบั พลนั ทเี่ กดิ ขน้ึ จะสง่ ผลกระทบตอ่ ทกุ ภาคสว่ นของประเทศไทย ทงั้ เปน็ การยกระดบั การด�ำเนินงานและกระตุ้นให้เกิดการเตรียมพร้อมรับมือของภาคส่วนท่ีเกี่ยวข้อง อาทิ ๑) เพ่ิมประสิทธิภาพ และเพ่ิมความโปร่งใสในการท�ำธุรกรรมและการให้บริการของภาครัฐและภาคเอกชน ๒) เพ่ิมขดี ความสามารถ ในการแขง่ ขนั ของภาคการผลติ และบรกิ าร ผา่ นการปรบั โครงสรา้ งการผลติ โครงสรา้ งการแขง่ ขนั เพ่ิมผลิตภาพ ในภาคการเกษตร อุตสาหกรรมและบรกิ าร เปล่ยี นรปู แบบวัตถุดิบและปจั จยั การผลติ ลดตน้ ทุน ลดทรัพยากร ลดตัวกลางการท�ำธุรกรรม และเพ่ิมโอกาสให้แก่วิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ๓) เปล่ียนโครงสร้างการจ้างงาน พฒั นาคนใหม้ ที กั ษะใหมต่ ลอดเวลา และปรบั เปลย่ี นวถิ ชี วี ติ ๔) เพม่ิ ความปลอดภยั และแกป้ ญั หาการจราจร โดย ภาครฐั ตอ้ งปรบั เปลย่ี นกฎระเบยี บและการจดั การเพอื่ รองรบั ๕) ยกระดบั ดา้ นสขุ ภาพและการแพทย์ เพิ่มอายุขัย ของประชากร ปรับเปลี่ยนระบบประกันสุขภาพ ปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์ที่ตอบโจทย์เฉพาะ ซ่ึงประเทศไทย ต้องเตรียมข้อก�ำหนดทางจริยธรรมและกฎหมายรองรับ และ ๖) เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตและการใช้ พลงั งานหมนุ เวยี นของโลก ลดตน้ ทนุ ในการผลติ พลงั งาน และลดผลกระทบจากการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ ดงั นนั้ เพอ่ื รองรบั การเปลย่ี นแปลงพลกิ โฉมฉบั พลนั (Global disruptive change) อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ท้ังในด้านโอกาสของประเทศและความท้าทายข้างหน้า ประเทศไทยจึงจ�ำเป็นต้องมียุทธศาสตร์การวิจัยและ นวตั กรรมทจ่ี ะทำ� ใหป้ ระเทศสามารถสรา้ งและเกบ็ เกยี่ วคณุ คา่ และมลู คา่ ตา่ ง ๆ รวมทงั้ การสรา้ งขดี ความสามารถ ใหก้ บั สงั คมและประชาชนในประเทศไดใ้ นระยะยาว โดยมเี ปา้ หมายสงู สดุ ใหก้ ารวจิ ยั และนวตั กรรมเปน็ สว่ นสำ� คญั ทส่ี นบั สนนุ ใหป้ ระเทศไทยสามารถบรรลเุ ปา้ หมายทก่ี ำ� หนดไวใ้ นยทุ ธศาสตรช์ าตริ ะยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ๒ Disruptive technologies : Advances that will transform life , business , and the global economy , McKincy Global Institute บทที่ ๒ : แนวโน้มโลกและผลกระทบตอ่ การพัฒนาประเทศไทยดว้ ยการวิจยั และนวัตกรรม 7 (รา่ ง) ยุทธศาสตรก์ ารวจิ ัยและนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

(Opportunity) ยทุ ธศาสตรช์ าตริ ะยะ ๒๐ ปี (Carrying Capacity) ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี ภาพท่ี ๑ ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรมเพ่ือรองรับการเปลี่ยนแปลงพลิกโฉมฉับพลัน (Global disruptive change) 8 บทที่ ๒ : แนวโนม้ โลกและผลกระทบตอ่ การพัฒนาประเทศไทยดว้ ยการวจิ ยั และนวัตกรรม (รา่ ง) ยุทธศาสตร์การวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

บทที่ ๓ สถานภาพระบบวจิ ยั และนวัตกรรม ของประเทศไทย ๓.๑ หลักการสำ� คัญ นโยบาย และแผนทีเ่ กี่ยวขอ้ ง ๓.๑.๑ ศาสตร์พระราชา และหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ตลอดระยะเวลา ๗๐ ปี ๔ เดอื น พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช มหติ ลาธเิ บศร รามาธบิ ดี จักรีนฤบดนิ ทร สยามินทราธริ าช บรมนาถบพติ ร ทรงครองราชย์ พระองค์ทรงมีพระราชกรณยี กจิ มากมาย อันเป็นที่ประจักษ์กับประชาชนชาวไทย ไมว่ า่ จะเปน็ การศึกษาเรียนรู้จากชุมชน จนเกิดเป็นโครงการ อันเน่ืองมาจากพระราชด�ำริกว่าสี่พันโครงการทั่วประเทศ ผลจากการทรงงานในระยะเวลาที่ยาวนานน้ันได้ ก่อเกิดเป็นความรขู้ ้นึ มากมาย ซ่ึงเป็นความอศั จรรยแ์ ละปลื้มปีตเิ ป็นล้นพ้น โดยเฉพาะพระราชด�ำรัสทุกคร้ังท่ี พระราชทานให้แก่พสกนิกรน้ัน แท้ที่จริงคือศาสตร์ที่พระองค์ท่านทรงศกึ ษา ทรงวจิ ัย ทรงคน้ พบ ทรงทดลอง ทรงปฏิบัติมาแล้วเป็นเวลานานปีและผ่านการกล่ันกรองมาแล้ว จึงกล่าวได้ว่า พระราชด�ำรัสที่พระองค์ พระราชทานน้ัน ล้วนเป็นเน้ือหาต้นก�ำเนิดของ “ศาสตร์พระราชา” อันเป็นศาสตร์ของแผ่นดินน่ันเอง ซ่ึงมี ทงั้ เรอ่ื งการจดั การนำ้� การจดั การดนิ การจดั การปา่ ไม้ การจดั การสงิ่ แวดลอ้ ม การพฒั นาการคมนาคม นวตั กรรม ส่งิ ประดษิ ฐ์ การเกษตรทฤษฎใี หม่ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ฯลฯ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหนึ่งใน “ศาสตรพ์ ระราชา” ทเ่ี ปน็ หลกั แนวคดิ การพฒั นา ทสี่ มดลุ และยงั่ ยนื ในมติ ติ า่ ง ๆ ทงั้ ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรม หวั ใจของหลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงคือทางสายกลาง อันประกอบดว้ ยความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล และความมีภูมคิ ุ้มกนั ใน ตัวท่ีดี บนเงื่อนไขความรู้และคุณธรรม โดยพระองค์ท่านได้พระราชทานไว้ต้ังแต่ปี ๒๕๑๗ และถูกน�ำมาเป็น แนวทางในการนำ� พาประเทศไทยใหข้ า้ มพน้ วกิ ฤตการณท์ างเศรษฐกจิ ตงั้ แตป่ ี ๒๕๔๐ เปน็ ตน้ มา และตง้ั แตน่ ั้นมา 9 (ร่าง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ัยและนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

สังคมไทยทุกภาคส่วนได้น้อมน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงน้ี ไปเป็นแนวทางปฏิบัติและประยุกต์ใช้ อยา่ งแพรห่ ลาย ท้งั ในระดับปจั เจกชน ครอบครวั ชมุ ชน ระดบั ประเทศและนานาชาติ ดังนัน้ ความตระหนักในประโยชน์ของศาสตร์พระราชาและหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ของประชาชน จึงเป็นจุดแข็งท่ีสนับสนุนการพัฒนาประเทศให้บรรลุวิสัยทัศน์ “ม่ันคง มั่งค่ัง ย่ังยืน” ตาม ยทุ ธศาสตรช์ าติ หรอื อกี นยั หนง่ึ เปน็ จดุ แขง็ ทส่ี นบั สนนุ การวจิ ยั และนวตั กรรมทขี่ บั เคลอื่ นเศรษฐกจิ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม และวฒั นธรรม ตามแนวทางศาสตรพ์ ระราชาสู่การพัฒนาท่ยี ่ังยืน ๓.๑.๒ เป้าหมายการพฒั นาทยี่ ่งั ยนื เปา้ หมายการพฒั นาทยี่ งั่ ยนื (Sustainable Development Goals: SDGs) เรม่ิ จากการประชมุ Rio+20 เพอ่ื เปน็ การตอ่ เนอ่ื งจากเปา้ หมายการพฒั นาแหง่ สหสั วรรษ (Millennium Development Goals: MDGs) ซง่ึ สนิ้ สดุ ลงในปี ๒๕๕๘ ทป่ี ระสบความสำ� เรจ็ ในหลายประเทศ องค์การสหประชาชาติจึงได้ก�ำหนดเป้าหมาย การพฒั นาขน้ึ ใหมโ่ ดยอาศยั กรอบความคดิ ทมี่ อง การพฒั นาเปน็ มติ ขิ องเศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อม ให้มี ความเช่ือมโยงกัน ซ่ึงจะใช้เป็นทิศทางการพัฒนาต้ังแต่เดือนกันยายน ๒๕๕๘ ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๗๓ ครอบคลุมระยะเวลา ๑๕ ปี ประกอบด้วย ๑๗ เป้าหมาย ดังน้ี ๑) ขจัดความยากจนทุกรูปแบบในทุกพ้ืนที่ ๒) ขจัดความหิวโหย บรรลุเป้าความม่ันคงทางอาหาร ปรับปรุงโภชนาการ และสนับสนุนการท�ำเกษตรกรรม อย่างย่ังยืน ๓) สร้างหลักประกันให้คนมีชีวิตที่มีคุณภาพ และส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของคนทุกเพศทุกวัย ๔) สรา้ งหลกั ประกนั ใหก้ ารศกึ ษามคี ณุ ภาพอยา่ งเทา่ เทยี มและครอบคลมุ และส่งเสริมโอกาสในการเรียนรู้ตลอด ชีวิตส�ำหรับทุกคน ๕) บรรลุความเท่าเทียมระหว่างเพศและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่สตรีและเด็ก ๖) สร้างหลักประกันให้มีน้�ำใช้ และมีการบริหารจัดการน้�ำ และการสุขาภิบาลอย่างย่ังยืนส�ำหรับทุกคน ๗) สร้างหลกั ประกันใหท้ ุกคนเขา้ ถงึ พลงั งานสมยั ใหมท่ ย่ี ่งั ยนื ในราคาทย่ี ่อมเยา ๘) ส่งเสรมิ การเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจที่ยั่งยืนและครอบคลุม การจ้างงานเต็มอัตราและงานท่ีมีคุณค่าส�ำหรับทุกคน ๙) สร้างโครงสร้าง พ้ืนฐานท่ีมีความต้านทานและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมท่ีครอบคลุมและ ยัง่ ยืน และส่งเสริมนวัตกรรม ๑๐) ลดความไม่เทา่ เทียมทัง้ ภายในประเทศและระหว่างประเทศ ๑๑) ทำ� ให้เมอื ง และการตั้งถน่ิ ฐานของมนษุ ย์ มคี วามปลอดภัย ความตา้ นทานและยดื หยุ่นตอ่ การเปล่ียนแปลงอยา่ งครอบคลมุ และยั่งยืน ๑๒) สร้างหลักประกันให้มีแบบแผนการบริโภคและการผลิตท่ียั่งยืน ๑๓) ด�ำเนินการอยา่ งเรง่ ดว่ น เพอ่ื ตอ่ สกู้ บั สภาวะการเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศและผลกระทบ ๑๔) อนุรักษ์และใช้มหาสมุทร ทะเล และ ทรัพยากรทางทะเลอ่ืน ๆ อย่างยงั่ ยนื เพอ่ื การพฒั นาท่ียั่งยืน ๑๕) ปกปอ้ ง ฟื้นฟู และสง่ เสรมิ การใชร้ ะบบนิเวศ บนบกอย่างยั่งยืน การบริหารจัดการป่าที่ย่ังยืน การต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย หยุดย้ังการ เสื่อมโทรมของดินและฟื้นฟูสภาพดนิ และหยดุ ยงั้ การสญู เสยี ความหลากหลายทางชวี ภาพ ๑๖) สนบั สนนุ สงั คม ท่ีสงบสุขและครอบคลุมที่เอ้ือต่อการพัฒนาที่ย่ังยืนให้ทุกคนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม และสร้างสถาบันท่ีมี ประสทิ ธภิ าพ มคี วามรบั ผดิ ชอบ และทกุ คนสามารถเขา้ ถงึ ทกุ ระดบั และ ๑๗) เสรมิ สรา้ งความแขง็ แกรง่ ของกลไก การดำ� เนนิ งานและฟ้ืนฟหู ุ้นสว่ นความรว่ มมอื ระดับโลกเพ่ือการพฒั นาท่ยี ัง่ ยนื 10 บทที่ ๓ : สถานภาพระบบวิจยั และนวัตกรรมของประเทศไทย (ร่าง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวิจัยและนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

๓.๑.๓ รา่ งยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ บัญญัติให้รัฐพึงจัดให้มี ยุทธศาสตร์ชาติเปน็ เปา้ หมายการพฒั นาประเทศอย่างยัง่ ยืนในระยะยาวตามหลกั ธรรมาภบิ าล เพ่ือใช้เป็นกรอบ ในการจัดท�ำแผนตา่ ง ๆ ใหส้ อดคลอ้ งและบรู ณาการกนั เพอื่ ใหเ้ กดิ เปน็ พลงั ผลกั ดนั รว่ มกนั ไปสเู่ ปา้ หมายดงั กลา่ ว โดยการจดั ทำ� การกำ� หนดเป้าหมาย ระยะเวลาทจ่ี ะบรรลเุ ปา้ หมาย และสาระที่พึงมีในยุทธศาสตรช์ าตใิ ห้เปน็ ไป ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีพระราชบัญญัติการจัดท�ำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ ร่างยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) มวี ิสัยทัศนว์ ่า “ประเทศไทยมีความมัน่ คง มงั่ คั่ง ยง่ั ยนื เป็นประเทศพัฒนา แลว้ ดว้ ยการพฒั นาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง” หรอื เปน็ คตพิ จนป์ ระจ�ำชาตวิ า่ “มน่ั คง มง่ั คง่ั ยง่ั ยนื ” และไดก้ ำ� หนดยทุ ธศาสตร์ ๖ ยทุ ธศาสตร์ ไดแ้ ก่ ๑) ยทุ ธศาสตรด์ า้ นความมน่ั คง ๒) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้าง ความสามารถในการแขง่ ขนั ๓) ยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาและเสริมสรา้ งศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ๔) ยุทธศาสตร์ การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ๕) ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตท่ีเป็น มิตรต่อส่ิงแวดล้อม และ ๖) ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบรหิ ารจัดการภาครัฐ ๓.๑.๔ แผนการขับเคล่อื นและปฏิรปู ระบบวิจยั แบบบูรณาการของประเทศ และกรอบยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ัยแหง่ ชาติ ๒๐ ปี การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพจำ� เป็นต้อง อาศัยความรู้และความก้าวหน้าในการวิจัยและนวัตกรรมท่ีต้องมีการสร้างและสะสมองค์ความรู้ให้ทันสมัย ตลอดเวลาเพื่อเป็นกลไกส�ำคัญในการน�ำพาประเทศหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายไดป้ านกลาง และกลายเปน็ ประเทศพัฒนาแล้ว ซ่ึงต้องขับเคล่ือนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศจากประเทศท่ีใช้แรงงานเข้มข้นไปเป็น ประเทศท่ีขับเคล่ือนระบบเศรษฐกิจด้วยฐานความรู้ด้านการวิจัยและนวัตกรรม หรือท่ีเรียกในปัจจุบันว่า “ประเทศไทย ๔.๐” ด้วยเหตุน้ี รัฐบาลโดยรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจนิ จน่ั ตอง) จงึ ไดจ้ ดั ท�ำ แผนการขบั เคลอื่ นและปฏริ ปู ระบบวจิ ยั แบบบรู ณาการของประเทศ และกรอบยทุ ธศาสตรก์ ารวิจัยแห่งชาติ ๒๐ ปี เพื่อปฏิรูประบบวิจัยของประเทศ และก�ำหนดกรอบยุทธศาสตร์การวิจัยแห่งชาติให้ชัดเจน ในการเป็นกลไก ขบั เคลอ่ื นประเทศไทยใหห้ ลดุ พน้ จากกลมุ่ ประเทศรายไดป้ านกลางไปสปู่ ระเทศรายไดส้ งู และยกฐานะประเทศไทย ให้เป็นประเทศพัฒนาแลว้ ภายใน ๒๐ ปขี ้างหนา้ เน้อื หาหลกั ประกอบด้วย การวเิ คราะหบ์ รบิ ทความท้าทาย ที่ส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาระบบวิจัยของประเทศ ท่ีมา/วัตถุประสงค์ของการจัดท�ำ สถานภาพระบบวิจัย ของประเทศ ประเด็นปญั หาระบบวจิ ยั ของประเทศ ความสอดคลอ้ งของการวจิ ยั กับนโยบายประเทศ แผนการ ขับเคล่ือนและการด�ำเนินการตามแผนการขับเคล่ือน โดยก�ำหนดยุทธศาสตร์การวิจัย ๗ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ๑) ยุทธศาสตร์การวิจัยด้านความม่ันคง ๒) ยุทธศาสตร์การวิจัยด้านการเกษตร ๓) ยุทธศาสตร์การวิจัยด้าน อุตสาหกรรม ๔) ยุทธศาสตร์การวิจัยด้านสังคม ๕) ยุทธศาสตร์การวิจัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข ๖) ยุทธศาสตรก์ ารวจิ ยั ดา้ นพลงั งาน และ ๗) ยทุ ธศาสตรก์ ารวิจยั ดา้ นทรพั ยากรและสิง่ แวดล้อม บทที่ ๓ : สถานภาพระบบวจิ ยั และนวัตกรรมของประเทศไทย 11 (ร่าง) ยุทธศาสตร์การวจิ ยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

๓.๑.๕ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) หลกั การพฒั นาประเทศในแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติฉบบั ที่๑๒(พ.ศ.๒๕๖๐–๒๕๖๔) จะมงุ่ เนน้ การพฒั นาทนี่ อ้ มนำ� หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาเปน็ หลักปรัชญาพ้ืนฐานในการก�ำกับทิศทาง การพฒั นาประเทศให้เตบิ โตอยา่ งมดี ุลยภาพ คำ� นึงถงึ การวางรากฐานการพัฒนาในระยะยาว คนในชาติจะตอ้ ง ได้รับการพัฒนาให้เปน็ คนดี คนเก่ง มีคุณธรรม จริยธรรม ความเพียร และมีจิตส�ำนึก ค�ำนึงถึงผลประโยชน์ของ ชาติเป็นส�ำคัญ รวมถึงให้มีความส�ำคัญกับการพัฒนากลไกส�ำคัญในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ทง้ั การปรับปรงุ กฎหมายและกฎระเบียบ กลไกการท�ำงาน ท่ีมีหนา้ ท่ีผลกั ดนั ประเดน็ การพฒั นาส�ำคญั ตา่ ง ๆ และกลไกทีเ่ กย่ี วขอ้ งกบั การใชอ้ งคค์ วามรู้ เพอ่ื ใหป้ ระเทศก้าว ไปสู่สงั คมท่ี “ม่นั คง มง่ั คัง่ และย่ังยนื ” ไดใ้ นอนาคต โดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ก�ำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ๑๐ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ๑) การเสริมสร้าง และพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ ๒) การสร้างความเป็นธรรมและลดความเหล่ือมล้�ำในสังคม ๓) การสร้างความ เข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ๔) การเติบโตที่เปน็ มติ รกับสิง่ แวดล้อมเพื่อการพัฒนาอยา่ ง ยัง่ ยืน ๕) การเสรมิ สร้างความมนั่ คงแหง่ ชาติเพอ่ื การพฒั นาประเทศสู่ความมง่ั คงั่ และยงั่ ยนื ๖) การบรหิ ารจดั การ ในภาครฐั การปอ้ งกนั การทจุ รติ ประพฤตมิ ชิ อบและธรรมาภบิ าลในสงั คมไทย ๗) การพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานและ ระบบโลจสิ ตกิ ส์ ๘) การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วจิ ยั และนวัตกรรม ๙) การพัฒนาภาค เมอื ง และพ้นื ท่ี เศรษฐกิจ และ ๑๐) ความรว่ มมือระหว่างประเทศเพือ่ การพฒั นา ๓.๑.๖ นโยบายและแผนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแหง่ ชาติ ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๔) นโยบายและแผนวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๖๔) จัดท�ำข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพ่ือพัฒนาประเทศให้มีระบบเศรษฐกิจท่ีมีการขยายตัวอย่างมีคุณภาพและ เสถยี รภาพ ตลอดจนการกระจายประโยชนอ์ ยา่ งเปน็ ธรรมสสู่ งั คม ชมุ ชน ทอ้ งถนิ่ โดยได้อัญเชิญ “ปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นปรัชญาน�ำทางในการพัฒนาควบคู่ไปกับอนาคตของประเทศที่มีวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นเคร่ืองมือช่วยพัฒนาประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ “นวตั กรรมเขยี ว เพอ่ื สงั คมดี มคี ณุ ภาพและเศรษฐกจิ ทม่ี เี สถยี รภาพ” ซงึ่ สอดรบั กบั ทศิ ทางการพฒั นาประเทศของรฐั บาลทตี่ อ้ งการเหน็ ประเทศ สามารถแขง่ ขนั ไดอ้ ยา่ งยง่ั ยนื มเี ศรษฐกจิ ชมุ ชนทเี่ ขม้ แขง็ เปน็ สงั คมแหง่ การเรยี นรู้ และประชาชนมีคุณภาพชีวิต ที่ดีขนึ้ ได้ก�ำหนดยุทธศาสตร์รองรับการแกป้ ัญหาและพฒั นาในมิติต่าง ๆ ๕ ยทุ ธศาสตร์ ไดแ้ ก่ ๑) การพัฒนา ความเข้มแข็งของสังคม ชุมชน และท้องถ่ินด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ๒) การเพิ่มขีดความ สามารถ ความยืดหยุน่ และนวตั กรรมในภาคเกษตร ผลิตและบรกิ ารด้วยวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ๓) การเสริมสร้างความม่ันคงด้านพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมของประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ๔) การพัฒนาและเพ่ิมศักยภาพทุนมนุษย์ของประเทศด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม และ ๕) การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานและปัจจัยเอื้อด้าน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมของประเทศเพ่อื เพ่ิมขีดความสามารถในการแขง่ ขัน 12 บทที่ ๓ : สถานภาพระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทย (รา่ ง) ยทุ ธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

๓.๑.๗ รา่ งนโยบายและยทุ ธศาสตรก์ ารวิจยั แหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๙ (พ.ศ.๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ร่างนโยบายและยทุ ธศาสตรก์ ารวิจัยแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) มีวสิ ยั ทศั น์ “ประเทศไทยเป็นประเทศท่ีพัฒนาโดยใช้การวิจัยและนวัตกรรม มีผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ มีการน�ำองค์ความรู้ และนวตั กรรมจากงานวจิ ยั ไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนไ์ ดจ้ รงิ ในดา้ นสงั คมและเศรษฐกจิ และมคี วามพรอ้ มดา้ นโครงสรา้ ง พื้นฐานและบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนา เพ่ือสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ให้มั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน” ซึ่งก�ำหนดยุทธศาสตร์การวิจัย ๗ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ๑) เร่งรัดพัฒนาระบบวิจัยแบบบรู ณาการของประเทศให้ เขม้ แขง็ เปน็ เอกภาพ และยงั่ ยนื รวมถงึ สรา้ งระบบนเิ วศการวจิ ยั ทเ่ี หมาะสม ๒) เรง่ สง่ เสรมิ การวิจัยและพัฒนา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและสนองตอบต่อประเด็นเร่งด่วนและมุ่งเน้นตามยุทธศาสตร์และแผนพฒั นาประเทศ และภารกจิ ของหนว่ ยงาน โดยรฐั ลงทนุ เพอื่ การวจิ ยั และพฒั นาเพม่ิ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ๓) สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การ วิจัยและพัฒนาในภาคเอกชน ๔) ส่งเสริมกลไกและกิจกรรมการน�ำกระบวนการวิจัย ผลงานวจิ ยั องคค์ วามรู้ นวตั กรรม และเทคโนโลยจี ากงานวจิ ยั ไปใชป้ ระโยชนไ์ ดจ้ รงิ โดยความรว่ มมอื ของภาคสว่ นตา่ ง ๆ ๕) พฒั นาและ เสริมสร้างความเข้มแข็งของโครงสร้างพื้นฐานด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศ ๖) เพ่ิมจ�ำนวนและพัฒนา ศกั ยภาพของบคุ ลากรดา้ นการวจิ ยั และพฒั นา เพอ่ื เพมิ่ ขดี ความสามารถในการแขง่ ขนั ของประเทศ และ ๗) พฒั นา ความร่วมมือของเครือข่ายวิจยั ในประเทศและระหว่างประเทศ ๓.๑.๘ รายงานของคณะกรรมาธกิ ารปฏริ ปู วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจยั นวตั กรรม และทรพั ย์สินทางปัญญา สภาปฏิรูปแหง่ ชาติ (สปช.) รายงานวาระขอ้ เสนอวาระการขบั เคลอ่ื นของสภาปฏริ ปู แหง่ ชาติ : ระบบการศกึ ษา การพฒั นา คณุ ภาพคน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และปญั ญาของประเทศ ประกอบดว้ ย วาระปฏริ ปู ท่ี ๒๐ การปฏริ ูประบบวิจัย เพื่อเปน็ โครงสรา้ งพ้นื ฐานทางปญั ญาของประเทศ วาระปฏิรปู ที่ ๒๑ การปฏิรปู ระบบวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวตั กรรม (วทน.) เพอ่ื เปน็ โครงสรา้ งพนื้ ฐานทางนวตั กรรมของประเทศ และวาระเพอื่ พฒั นา เรอื่ ง การปฏริ ปู ระบบขอ้ มลู เพอื่ การพฒั นาประเทศ (Connected government as national agenda) ซง่ึ วาระปฏริ ปู ทเี่ กย่ี วขอ้ ง กับการวิจยั ได้แก่ วาระปฏริ ปู ท่ี ๒๐ การปฏริ ปู ระบบวจิ ยั เพอ่ื เปน็ โครงสรา้ งพนื้ ฐานทางปญั ญาของประเทศ ซงึ่ มขี ้อเสนอการปฏริ ูป ไดแ้ ก่ (๑) ปรบั /ยุบและจัดโครงสรา้ งหน่วยงานและหน่วยงานทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั “ระบบวจิ ัย” (๒) ปรบั การบรหิ ารจดั การระบบวจิ ยั และองคก์ รวจิ ยั ทกุ ระดบั (๓) การลงทนุ ในการวจิ ยั และพฒั นาและโครงสรา้ ง พน้ื ฐานระบบวจิ ยั (๔) การผลติ และพฒั นากาํ ลงั คนและสรา้ งความก้าวหนา้ ในอาชีพ และ (๕) สรา้ งสงั คม ชมุ ชน องค์กรฐานความรู้ วาระปฏริ ปู ท่ี ๒๑ การปฏริ ปู ระบบวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรม เพอื่ เปน็ โครงสรา้ ง พืน้ ฐานทางนวตั กรรมของประเทศ ซึ่งมขี อ้ เสนอการปฏริ ปู ไดแ้ ก่ (๑) การปฏริ ูปเชิงโครงสร้างการบรหิ ารจดั การ และระบบงบประมาณ วทน. (๒) การลงทนุ ทางดา้ น วทน. (๓) การปฏริ ูปโครงสรา้ งพนื้ ฐานและบรกิ าร วทน. อย่างทั่วถงึ (๔) การพัฒนาและบริหารจดั การกาํ ลังคน และ (๕) การปฏริ ูปโครงสรา้ งพน้ื ฐานทางคุณภาพของ ประเทศ บทท่ี ๓ : สถานภาพระบบวิจยั และนวตั กรรมของประเทศไทย 13 (รา่ ง) ยุทธศาสตรก์ ารวิจัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

หลกั การและเหตผุ ลในการเสนอใหม้ กี ารปฏริ ปู เปน็ ผลมาจากสถานการณแ์ ละปญั หาตา่ ง ๆ จาก ภายนอกและภายในประเทศทรี่ มุ เรา้ ทงั้ ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม สง่ิ แวดลอ้ ม พลงั งาน และอนื่ ๆ ประเทศจงึ จาํ เปน็ ตอ้ ง มีการปฏริ ูป เพื่อทีจ่ ะเปลย่ี นไปสปู่ ระเทศที่ขบั เคลื่อนด้วยฐานความรู้และนวัตกรรม บรรลวุ สิ ยั ทศั น์ประเทศไทย ๒๕๗๙ “ประเทศไทยมีความมั่นคง ม่ังค่ัง ย่ังยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้วด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี ง” เพอ่ื สรา้ งมูลค่าและเศรษฐกิจฐานราก ลดความเหล่อื มล�ำ้ ท้ังในด้านเศรษฐกจิ และสังคม ทํา ใหเ้ กดิ การกระจายรายไดไ้ ปสปู่ ระชาชน เกษตรกร สรา้ งชมุ ชนสงั คมเขม้ แขง็ นอกจากนเี้ ปน็ โอกาสของการเตบิ โต หรอื การถ่ายโอนอํานาจทางเศรษฐกจิ จากตะวันตกมาสู่ตะวนั ออกหรอื เอเชยี จากการวเิ คราะหน์ โยบายและยทุ ธศาสตรช์ าติ สามารถสรปุ ประเดน็ มงุ่ เนน้ ของรฐั บาลทจ่ี ะ แกไ้ ขปญั หาสำ� คญั ด้านเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ ดังนี้ ดา้ นเศรษฐกจิ มงุ่ เนน้ กลมุ่ อตุ สาหกรรมเปา้ หมายของรฐั บาล อาทิ อาหาร เกษตร การแพทย์ ดิจิทัล ระบบโลจสิ ตกิ ส์ การบรกิ าร พลงั งาน รวมถึงการพัฒนาวสิ าหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ ม ดา้ นสงั คม มุ่งเน้นการสร้างสังคมไทยให้ก้าวไปสู่สังคมในศตวรรษท่ี ๒๑ ที่คนไทย มีสุขภาพท่ีดี มีสภาพแวดล้อมทนี่ า่ อยู่ มคี วามเทา่ เทยี ม มกี ารกระจายความเจรญิ มคี วามมนั่ คงปลอดภยั ในชีวิตและทรพั ยส์ ิน ดา้ นปจั จยั สนบั สนนุ มงุ่ เนน้ การพฒั นาบคุ ลากรใหม้ คี ณุ ภาพ มสี ขุ ภาวะทดี่ ี สามารถเรยี น รไู้ ดด้ ว้ ยตนเอง การพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐานทเี่ ออื้ ตอ่ การวจิ ยั และนวตั กรรม การสรา้ งกลไกความเชอื่ มโยง ระหวา่ งภาคสว่ นตา่ ง ๆ 14 บทท่ี ๓ : สถานภาพระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทย (ร่าง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวิจัยและนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

๓.๒ สถานภาพการวจิ ยั และพัฒนาของประเทศไทย ปจั จบุ นั ธนาคารโลกจดั ใหป้ ระเทศไทยอยใู่ นกลมุ่ ประเทศรายไดป้ านกลางตอนบน (Upper middle income country) โดยในปี ๒๕๖๐ สถาบนั การจดั การนานาชาติ (International Institute for Management Development: IMD) จดั อนั ดบั ใหป้ ระเทศไทยมขี ดี ความสามารถในการแขง่ ขนั ในอนั ดบั ท่ี ๒๗ จาก ๖๓ ประเทศ โดยพิจารณาจากปจั จยั หลกั ไดแ้ ก่ สมรรถนะทางเศรษฐกจิ ประสทิ ธภิ าพภาครฐั ประสทิ ธภิ าพภาคธรุ กจิ และ โครงสรา้ งพนื้ ฐาน ทง้ั น้ี ปจั จยั ทสี่ ะท้อนให้เห็นถึงสถานภาพการวิจยั และพัฒนาของประเทศ ไดแ้ ก่ โครงสรา้ งพนื้ ฐานทางเทคโนโลยีอยู่ในอนั ดบั ท่ี ๓๖ จาก ๖๓ ประเทศ โดยปรับเพ่มิ ขนึ้ ๖ อันดับจากปี ๒๕๕๙ ซ่งึ อยอู่ นั ดับ ๔๒ จาก ๖๑ ประเทศ และโครงสรา้ งพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์มคี วามสามารถในการแข่งขนั อยใู่ นอันดบั ท่ี ๔๘ อนั ดบั ลดลงจากปที แ่ี ลว้ ๑ อนั ดบั โดยปจั จยั ยอ่ ยทใี่ ชส้ ำ� หรบั พจิ ารณาโครงสรา้ งพน้ื ฐานทางดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยที ส่ี �ำคัญ ไดแ้ ก่ ๓.๒.๑ ค่าใช้จา่ ยดา้ นการวิจัยและพัฒนา คา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นการวจิ ยั และพฒั นาของประเทศไทยเพมิ่ ขนึ้ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยในปี ๒๕๕๗ ทง้ั ภาครฐั และภาคเอกชนมีการลงทุนท้งั สิ้น ๖๓,๔๙๐ ลา้ นบาท คดิ เป็นรอ้ ยละ ๐.๔๘ ของผลติ ภณั ฑม์ วลรวมใน ประเทศ และในปี ๒๕๕๘ เพมิ่ ขน้ึ เปน็ ๘๔,๖๗๑ ลา้ นบาท คดิ เปน็ รอ้ ยละ ๐.๖๒ ของผลติ ภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ ท่ีส�ำคัญพบว่าการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของเอกชนนั้นเพ่ิมข้ึนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างย่ิงใน อุตสาหกรรมอาหาร ยานยนต์ และเคมี โดยในปี ๒๕๕๘ มกี ารลงทนุ เพมิ่ ขึน้ กว่าชว่ ง ๑๐ ปีที่ผา่ นมา มากถงึ ร้อย ละ ๗๓ อยา่ งไรกต็ าม การลงทนุ ดา้ นการวจิ ยั และพฒั นาของภาคเอกชนยงั คงกระจกุ ตวั อยู่ในบรษิ ทั ขนาดใหญ่ โดยวิสาหกจิ ขนาดกลางและขนาดยอ่ มมสี ัดสว่ นการลงทนุ อยูท่ เ่ี พยี งร้อยละ ๑๘ ของค่าใช้จา่ ยดา้ นการวิจยั และ พัฒนาของภาคเอกชน ๓.๒.๒ งบประมาณด้านวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวัตกรรม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ประเทศไทยมีงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ๑๑๑,๒๔๓ ลา้ นบาท หรือคดิ เป็นร้อยละ ๔.๐๗ ของงบประมาณภาครฐั ท้งั หมด โดยการจัดสรร งบประมาณของภาครฐั เปน็ งบประมาณในกจิ กรรมนวตั กรรม (Innovation) รอ้ ยละ๑.๖๕ กิจกรรมการวิจัย และพัฒนา (Research and Experimental Development: R&D) ร้อยละ ๒๑.๓๒ กิจกรรมการบรกิ าร ดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (Scientific and Technological Services: STS) รอ้ ยละ ๒๐.๐๘ และกจิ กรรม การศกึ ษาและฝกึ อบรมดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี (Scientific and Technological Education and Training: STET) ร้อยละ ๕๖.๒๒ ๓.๒.๓ บคุ ลากรดา้ นการวจิ ยั และพฒั นา บุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทยมีสถิติที่เพิ่มขึ้นโดยมจี ำ� นวนบคุ ลากรดา้ น การวจิ ยั และพัฒนาแบบเทยี บเทา่ ท�ำงานเต็มเวลา (Full Time Equivalent: FTE) โดยเฉพาะบุคลากรดา้ นการ บทที่ ๓ : สถานภาพระบบวิจัยและนวตั กรรมของประเทศไทย 15 (ร่าง) ยุทธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

วจิ ัยและพัฒนาในภาคเอกชนทเ่ี พ่มิ ข้ึนเป็นอย่างมาก จากในปี ๒๕๕๗ มบี ุคลากรดา้ นการวจิ ยั และพฒั นาทั้งส้ิน ๘๔,๒๑๖ ต่อคนต่อปี แบง่ เป็นบุคลากรด้านการวิจยั และพัฒนาของภาครฐั ร้อยละ ๕๔ ภาคเอกชนร้อยละ ๔๖ คดิ จำ� นวนบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาต่อประชากร ๑๐,๐๐๐ คน เท่ากับ ๑๒.๙ คน และจากการส�ำรวจ ล่าสุดในปี ๒๕๕๘ พบว่ามีจ�ำนวนบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนามากข้ึนเป็น ๘๙,๖๑๗ ต่อคนต่อปี คิดเป็น สัดส่วน ๑๓.๖ คนตอ่ ประชากร ๑๐,๐๐๐ คน และสดั สว่ นบคุ ลากรด้านการวจิ ยั และพฒั นาของภาคเอกชนในปี ๒๕๕๘ ทผ่ี า่ นมาสงู กวา่ ภาครฐั คอื มบี คุ ลากรดา้ นการวจิ ยั และพฒั นาเอกชนมากถงึ รอ้ ยละ ๕๕ ในขณะทภี่ าครฐั อยู่ท่ีร้อยละ ๔๕ ๓.๒.๔ บคุ ลากรดา้ นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในปี ๒๕๕๙ ก�ำลังแรงงานด้านวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยรี วมทงั้ หมดมจี ำ� นวน ๔.๐๑ ลา้ นคน โดยจำ� แนกเปน็ ๒ ประเภท คอื ผ้มู ีงานท�ำท้งั หมด ๓.๙๕ ล้านคน (แบง่ เปน็ ผ้สู ำ� เรจ็ การศกึ ษาด้านวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยแี ตไ่ มไ่ ดท้ ำ� งานดา้ นน้ี ๑.๕๔ ลา้ นคน และ ผทู้ ท่ี ำ� งานดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๒.๔๑ ลา้ นคน) และกลุ่มผู้ว่างงานท่ีส�ำเร็จการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๖๐,๕๖๔ คน ผู้ส�ำเร็จการศึกษา ดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี ตท่ ำ� งานดา้ นอนื่ ในปี ๒๕๕๙ สว่ นใหญจ่ ะเปน็ ผปู้ ระกอบอาชพี ในกลมุ่ ผจู้ ำ� หนา่ ย สินค้า (ร้อยละ ๒๕.๐๕) รองลงมา ได้แก่ ผ้ขู บั ยานยนต์และผ้คู วบคมุ เครือ่ งจักรโรงงานชนดิ เคลือ่ นทีไ่ ด้ (ร้อยละ ๘.๓๘) ผจู้ ดั การดา้ นการผลติ และการบรกิ ารเฉพาะอย่าง (ร้อยละ ๗.๓๙) ๓.๒.๕ ดลุ การช�ำระเงินทางเทคโนโลยี สถติ ดิ ลุ การชำ� ระเงนิ ทางเทคโนโลยนี นั้ เมอื่ พจิ ารณารายรบั -รายจา่ ยทางเทคโนโลยีพบวา่ ปี๒๕๕๙ ประเทศไทยมรี ายจา่ ยทางเทคโนโลยี ๓๕๒,๕๙๕ ล้านบาท (ประกอบด้วย รายจ่ายค่าทปี่ รึกษาและการใหบ้ ริการ ทางเทคนิค ๒๑๔,๔๗๔ ล้านบาท และรายจ่ายค่าธรรมเนียมการจัดการหรือค่ารอยัลต้ี และค่าธรรมเนียม ใบอนุญาต ๑๓๘,๑๒๑ ลา้ นบาท) และรายรบั ทางเทคโนโลยี ๑๕๗,๖๒๖ ลา้ นบาท หรือรายจ่ายมากกวา่ รายรับ ทางเทคโนโลยีประมาณ ๒ เท่า ท�ำให้ประเทศไทยขาดดุลการช�ำระเงินทางเทคโนโลยีเป็นจ�ำนวน ๑๙๔,๙๖๘ ลา้ นบาท ๓.๒.๖ สทิ ธิบตั ร ในปี ๒๕๕๙ ประเทศไทยมีค�ำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรจ�ำนวน ๑๒,๗๔๓ รายการ แบง่ เปน็ การยน่ื คำ� ขอโดยคนไทย ๔,๖๖๔ รายการ (รอ้ ยละ ๓๖.๖๐) และคนตา่ งชาติ ๘,๐๗๙ รายการ (รอ้ ยละ ๖๓.๔๐) หาก พจิ ารณาประเภทของสทิ ธบิ ตั ร พบวา่ มคี ำ� ขอจดทะเบยี นสทิ ธบิ ตั รการประดษิ ฐ์ ๗,๘๒๐ รายการ (รอ้ ยละ ๖๑.๓๖) และสทิ ธิบตั รการออกแบบผลิตภัณฑ์ ๔,๙๒๓ รายการ (รอ้ ยละ ๓๘.๖๔) โดยคนไทยยื่นคำ� ขอจดทะเบยี นสิทธิ บตั รการประดษิ ฐ์ จำ� นวน ๑,๐๙๘ รายการ และสิทธบิ ัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ ๓,๕๖๖ รายการ สำ� หรบั สทิ ธบิ ตั รทไ่ี ดร้ บั การจดทะเบยี นในปี ๒๕๕๙ มจี ำ� นวน ๕,๕๙๒ รายการ โดยเปน็ ของคน ไทย ๒,๑๕๙ รายการ (รอ้ ยละ ๓๘.๖๐) โดยเปน็ สิทธบิ ัตรการประดิษฐ์ ๑,๘๓๗ รายการ (ร้อยละ ๓๒.๘๕) และ สทิ ธบิ ตั รการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ ๓,๗๕๕ รายการ (รอ้ ยละ ๖๗.๑๔) โดยคนไทยไดร้ บั สทิ ธบิ ตั รการประดษิ ฐ์ จำ� นวน ๖๑ รายการ และสทิ ธิบตั รการออกแบบผลติ ภณั ฑ์ ๒,๐๙๘ รายการ 16 บทที่ ๓ : สถานภาพระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทย (ร่าง) ยทุ ธศาสตร์การวิจยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

๓.๒.๗ ผลงานตีพิมพด์ ้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ข้อมูลจากฐานข้อมูล Science Citation Index Expanded (SCI-EXPANDED) ซ่ึงแสดง ผลงานตีพิมพ์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในต่างประเทศ แสดงให้เห็นว่านักวิจัยไทยมีการตีพิมพ์บทความ วิชาการเพิ่มข้ึน โดยในปี ๒๕๕๙ มกี ารตพี มิ พ์จำ� นวน ๗,๔๓๐ บทความ เพ่ิมข้นึ รอ้ ยละ ๑๖ จากปี ๒๕๕๘ ซง่ึ มี จำ� นวน ๖,๓๘๒ บทความ เมือ่ พิจารณาบทความวชิ าการของนกั วจิ ัยไทยในปี ๒๕๕๙ จำ� แนกตามสาขาวิชาและ หนว่ ยงาน พบว่าวชิ าเคมี มผี ลงานมากถงึ ๘๔๕ บทความ โดยมหาวทิ ยาลัยมหดิ ลเปน็ หนว่ ยงานท่ีมกี ารตพี ิมพ์ บทความมากที่สุด (๑,๕๐๙ บทความ) ส�ำหรับสาขาภูมิคุ้มกันวิทยา มีจ�ำนวนครั้งท่ีได้รับการอ้างอิงต่อ ๑ บทความ สูงท่ีสุดคือมีการอา้ งองิ ๑.๘๖ คร้งั ต่อ ๑ บทความ เมอื่ วเิ คราะหส์ ถานภาพของประเทศจากการจดั อนั ดบั ดงั กลา่ ว ประกอบกบั ขอ้ เทจ็ จรงิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในประเทศไทย ในปัจจุบัน พบว่าระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศมีจุดแข็งท่ีต้องได้ รบั การสง่ เสรมิ ตอ่ เนอื่ งอยา่ งเตม็ ที่ และความทา้ ทายของประเทศทคี่ วรตอ้ งไดร้ บั การพฒั นายกระดบั ให้สูงขึน้ โดยเร็ว ๓.๓ จดุ แขง็ ดา้ นการวจิ ัยและนวตั กรรมของประเทศไทย ๓.๓.๑ ภาคเอกชนมบี ทบาทหลกั ในระบบวิจยั และนวตั กรรม สดั สว่ นการลงทนุ ระหวา่ งภาคเอกชนและภาครฐั เปน็ ๗๐:๓๐ โดยการลงทนุ วจิ ยั และพฒั นา ของภาคเอกชนมมี ลู คา่ สงู ขนึ้ จากเดมิ ประมาณ ๘ เทา่ จากในปี ๒๕๔๙ จำ� นวน ๘,๐๐๐ ลา้ นบาท เปน็ ๖๐,๐๐๐ ลา้ นบาท ในปี ๒๕๕๘ โดยเฉพาะภาคเอกชนในอุตสาหกรรมด้านเกษตรและอาหารถือเป็นผู้ผลิตรายส�ำคัญของโลก ที่มี การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาและสามารถดึงดูดบริษัทต่างชาติให้เข้ามาร่วมลงทุนวิจัยและพัฒนา รวมถึง การเชอื่ มต่อหว่ งโซ่อปุ ทานได้อยา่ งครบวงจร ๓.๓.๒ มีสภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการลงทุนด้านโครงสร้างพ้ืนฐาน และธุรกิจ วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวตั กรรม รัฐบาลได้ผลักดันมาตรการส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพ้ืนฐานและธุรกิจวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวตั กรรม โดยได้ริเริ่มโครงการขนาดใหญเ่ พอ่ื สร้างสภาพแวดล้อมทีเ่ อื้อตอ่ การวจิ ัย พัฒนา และ สร้างนวัตกรรม เชน่ การจัดตั้งอุทยานวทิ ยาศาสตร์ (Science parks) การจดั ตั้งเมอื งนวตั กรรมอาหาร (Food Innopolis) การจดั ตง้ั เขตนวตั กรรมระเบยี งเศรษฐกจิ ภาคตะวนั ออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) เปน็ ต้น นอกจากน้ี ประเทศไทยมคี วามได้เปรยี บในปจั จัยทีส่ ่งเสรมิ การลงทุน เชน่ แรงงานทีม่ ีฝีมอื ตลาด ภายในประเทศท่ีมกี ารพัฒนาตอ่ เน่อื ง และแข่งขนั ดา้ นราคาและมลู คา่ ได้ เป็นตน้ บทท่ี ๓ : สถานภาพระบบวจิ ัยและนวตั กรรมของประเทศไทย 17 (รา่ ง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

๓.๓.๓ กฎหมายและแรงจงู ใจท่เี อือ้ ตอ่ การวจิ ัย พฒั นา และนวตั กรรม รฐั บาลไดอ้ อกมาตรการสง่ เสรมิ และสรา้ งแรงจงู ใจดา้ นการวจิ ยั และพฒั นา เชน่ มรี ะบบแรงจงู ใจ ทางภาษสี ำ� หรบั การลงทนุ ดา้ นการวจิ ยั และนวตั กรรมสำ� หรบั ภาคเอกชน โดยใหห้ กั คา่ ใชจ้ า่ ยจากการวจิ ยั และพฒั นา ได้ ๓ เทา่ สนบั สนนุ เงินอุดหนุนคา่ ใช้จา่ ยในการลงทนุ การท�ำวิจยั พฒั นา และนวัตกรรม การพฒั นาบุคลากร เฉพาะด้าน และดอกเบี้ยเงินกู้ผ่านกองทุนเพ่ิมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศส�ำหรับอุตสาหกรรม เปา้ หมาย (Competitiveness Enhancement Fund) ขนาด ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็นตน้ ๓.๓.๔ ระบบสาธารณสขุ ที่เข้มแขง็ มีการจัดท�ำระบบบริการสุขภาพท่ีดี มีโรงพยาบาลท่ีทันสมัยและมีความช�ำนาญเฉพาะ ส่งผลท�ำให้สามารถสร้างงานด้านส่งเสริมสุขภาพ เช่น อุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพและการแพทย์ครบวงจร และ การทอ่ งเทย่ี วเชงิ สขุ ภาพ เป็นตน้ ๓.๓.๕ มีวฒั นธรรมแหง่ การเรยี นรกู้ ารเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) คา่ นยิ มของสงั คมทยี่ อมรบั แนวความคดิ ใหม่ ๆ และยอมรบั ความลม้ เหลว (Failure acceptance) จะเปน็ ตวั กระตนุ้ ใหค้ นในสงั คมกลา้ คดิ คน้ นวตั กรรม ซงึ่ เปน็ กจิ กรรมทมี่ คี วามเสยี่ งสงู นอกจากนน้ั ความไวว้ างใจ ระหว่างผู้ประกอบการด้วยกันและผู้ประกอบการกับภาครัฐก็มีความส�ำคัญต่อความส�ำเร็จในการท�ำงานเป็น เครือข่ายซึ่งเป็นลกั ษณะการทำ� งานทสี่ �ำคัญในระบบเศรษฐกจิ หรอื สงั คมฐานความรู้ ๓.๓.๖ ความหลากหลายทางชวี ภาพและส่ิงแวดลอ้ ม ประเทศไทยมคี วามหลากหลายทางชวี ภาพและมรี ะบบนเิ วศทเี่ หมาะสม ทำ� ใหม้ คี วามหลากหลาย ท้ังชนิดพันธุพืชและชนิดพันธุสัตว์ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีความส�ำคัญอย่างยิ่งต่อการด�ำรงชีวิตของมนุษย์ ต้นทุน ดา้ นความหลากหลายทางชวี ภาพและสง่ิ แวดลอ้ ม สง่ ผลใหป้ ระเทศไทยเปน็ ประเทศเกษตรกรรม สามารถสง่ ออก ผลผลิตทางการเกษตรได้เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก อีกทั้งยังสะสมภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในการน�ำเอา ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาเป็นวัตถุดิบในต�ำรับอาหาร ซึ่งเป็นการหล่อหลอมจากทักษะของคน จากรุน่ สูร่ ุน่ ดงั นน้ั จงึ มรี สชาติทอ่ี รอ่ ยเป็นเอกลักษณ์และมีการตกแต่งท่ีประณีตสวยงาม ๓.๔ ความทา้ ทายดา้ นการวจิ ยั และนวตั กรรมของประเทศไทย ๓.๔.๑ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ยคุ อตุ สาหกรรม ๔.๐ จะปรบั เปลยี่ นรปู แบบกระบวนการผลติ ไปอยา่ งสนิ้ เชงิ เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติจะเข้ามามีความส�ำคัญในกระบวนการผลิต การเชื่อมต่อทางเครือข่ายในรูปแบบ 18 บทท่ี ๓ : สถานภาพระบบวิจยั และนวตั กรรมของประเทศไทย (ร่าง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

การเชอื่ มตอ่ ของสรรพสงิ่ (Internet of Things: IoT) ทที่ ำ� ใหเ้ ครอ่ื งจกั รและระบบการผลติ สามารถสอื่ สารกนั ใน การจัดการกระบวนการผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อต�ำแหน่งงานที่ท�ำในลักษณะประจ�ำ (Routine) หรืองาน การผลติ แบบซำ้� (Repetitive) หากประเทศไทยไมป่ รบั ตวั รองรบั เทคโนโลยอี าจทำ� ใหภ้ าคการผลติ ไมส่ ามารถแขง่ ขนั ได้ ๓.๔.๒ การเปลยี่ นแปลงของโลกทสี่ �ำคญั การเปลยี่ นแปลงของโลกทสี่ ำ� คญั เชน่ การเปลยี่ นแปลงโครงสรา้ งประชากรทเี่ ขา้ สสู่ งั คมสงู วยั การเปลย่ี นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ สถานการณเ์ ศรษฐกจิ การคา้ โลกทม่ี กี ารเปลยี่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ ลว้ นแตส่ ง่ ผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงรูปแบบการด�ำเนินชีวิตและธุรกิจ ซึ่งประเทศไทยจ�ำต้องปรับตัวและก้าวให้ทันกับสถานการณ์ โลกที่เปล่ียนไป โดยจ�ำเป็นต้องสร้างความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้เกิด เทคโนโลยหี รือนวตั กรรมทร่ี องรบั การเปลีย่ นแปลงดงั กลา่ ว ๓.๔.๓ การยกระดับความสามารถทางเทคโนโลยีของผู้ประกอบการขนาดกลาง และย่อม และวสิ าหกิจเริ่มต้น (Startup) โดยสรา้ งกลไกสนบั สนนุ การสรา้ งผปู้ ระกอบการฐานเทคโนโลยแี ละนวตั กรรม ทง้ั ผปู้ ระกอบการ รายเดมิ และผปู้ ระกอบการรายใหมท่ ส่ี รา้ งสนิ คา้ หรอื บรกิ ารมลู คา่ เพม่ิ สงู สามารถเตบิ โตอยา่ งกา้ วกระโดด รวมถงึ การพฒั นาและเพมิ่ ผลติ ภาพของธรุ กจิ ดว้ ยวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมเพอื่ การเจรญิ เตบิ โตอยา่ งยงั่ ยนื โดยกลไกที่ส�ำคัญ เช่น กลไกการเช่ือมโยงกับสถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา การสนับสนุนท่ีปรึกษาทาง ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม การส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนส�ำหรับผู้ประกอบการในการสร้างนวัตกรรม แรงจงู ใจทางภาษี การบม่ เพาะผูป้ ระกอบการ เปน็ ต้น ๓.๔.๔ การขาดแคลนนกั วจิ ยั วศิ วกร ชา่ งเทคนคิ และบคุ ลากรรายสาขาอตุ สาหกรรม เปา้ หมายทม่ี สี มรรถนะทางเทคโนโลยชี นั้ สงู ใหส้ ามารถรองรบั การขยายตวั ของ อตุ สาหกรรม โดยสถาบันการศกึ ษาตอ้ งวางแผนการผลติ บคุ ลากรทต่ี รงกบั ความตอ้ งการและตอบโจทยต์ ลาด แรงงาน สง่ เสรมิ นโยบายการศกึ ษาท่ีเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง และในขณะเดียวกันต้องพัฒนาเส้นทางอาชีพ นักวิจัยให้มีความเข้มแข็งเพ่ือดึงดูดบุคลากรที่มสี มรรถภาพสูง ๓.๔.๕ การพัฒนาและบูรณาการระบบมาตรฐาน คณุ ภาพ ทดสอบ สอบเทียบ เพื่อให้สนิ ค้าไทยไดม้ าตรฐานในระดบั สากล โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ สินค้าสง่ ออก ควรสนบั สนนุ ให้ มหี อ้ งปฏบิ ตั กิ ารที่ได้มาตรฐานในระดับสากล และภาครัฐจะต้องบูรณาการการจัดท�ำและเชื่อมโยงฐานข้อมูล ห้องปฏบิ ตั ิการทดสอบของทง้ั ประเทศเพอ่ื อ�ำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ บทท่ี ๓ : สถานภาพระบบวจิ ยั และนวตั กรรมของประเทศไทย 19 (ร่าง) ยุทธศาสตร์การวจิ ัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

๓.๔.๖ การก�ำหนดโจทย์วิจัยและนวัตกรรมท่ีตอบความต้องการของภาคการผลิต และบริการ และแก้ปญั หาสังคม โดยสร้างกลไกหรือกระบวนการท่ีท�ำให้เกิดการแลกเปลี่ยนและบันทึกข้อมูลความต้องการ และศกั ยภาพทมี่ ใี นการดำ� เนนิ การวจิ ยั และนวตั กรรมระหวา่ งภาครฐั สถาบนั วจิ ยั สถาบนั การศกึ ษาและภาคการผลติ และบรกิ าร ๓.๔.๗ การปรับปรงุ แก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบของรัฐให้ทนั สมยั เพื่อเพ่ิมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ภาครัฐจะต้องปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบยี บใหม้ คี วามทนั สมยั สอดคลอ้ งกบั บรบิ ทของการดำ� เนนิ ธรุ กจิ หรอื สงั คมทเ่ี ปลยี่ นไป รวมถงึ ตอ้ งกำ� หนด นโยบายรองรับกลไก “สนามทดสอบ” (Regulatory sandbox) ภายใตก้ รอบที่มคี วามยดื หย่นุ เพอ่ื เปดิ โอกาส ใหเ้ กิดการสรา้ งนวัตกรรมไดง้ า่ ยและตรงกับความต้องการของตลาด ๓.๔.๘ ความเหลอ่ื มลำ้� ทางสังคม การพฒั นาทขี่ าดความสมดลุ และยงั่ ยนื ในอดตี ไดท้ ำ� ใหเ้ กดิ ปญั หาเชงิ โครงสรา้ งอำ� นาจ ทน่ี ำ� ไปสู่ การกระจุกตัวของการพัฒนาและความเหลื่อมล้�ำทางสังคมท่ีส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองและ ความแตกแยกในสังคมไทย ปัญหาเหล่าน้ีส่งผลกระทบต่อความสามารถในการรับมือต่อความท้าทายอื่น ๆ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญ เช่น การพัฒนาทุนมนุษย์และความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย การพัฒนา ประชาธิปไตยและธรรมาภิบาล การกระจายอ�ำนาจสู่ท้องถิ่น การกลายเป็นเมือง (Urbanization) การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมสูงวัย การเปล่ียนแปลงด้านเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล การเปลีย่ นแปลงสภาพภมู ิอากาศ และภยั ความมั่นคงรูปแบบใหม่ เปน็ ตน้ ๓.๔.๙ การใชป้ ระโยชนผ์ ลงานวิจัยและนวัตกรรม ปัจจัยแห่งความส�ำเร็จของการวิจัยและนวัตกรรมคือการน�ำผลงานมาใช้ประโยชน์ใน เชิงพาณิชย์ ดังน้ัน ควรจะสนับสนุนกลไกที่จะท�ำให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ นวัตกรรมที่ผลิตภายในประเทศไทย เช่น การให้สิทธิพิเศษแก่ผลิตภัณฑ์และบริการนวัตกรรมที่อยู่ในบัญชี นวัตกรรมไทยในกระบวนการจัดซ้ือจดั จ้างของภาครฐั เป็นตน้ 20 บทที่ ๓ : สถานภาพระบบวจิ ยั และนวัตกรรมของประเทศไทย (รา่ ง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

บทท่ี ๔ กกาารรขปับรเคับลเแปลื่อละนน่ยี รวนะบัตทบกศิ วรทิจรามัยง ๔.๑ ทิศทางและนโยบายการขบั เคลอื่ นของประเทศไทย การพัฒนาประเทศไทยในอดีตให้ความส�ำคัญกับมิติด้านความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภาพรวม มากกว่ามิติด้านการกระจายความเจริญอย่างท่ัวถึงและความเป็นธรรมทางสังคม และมิติด้านความยั่งยืนของ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม อนั เปน็ การพฒั นาทข่ี าดสมดลุ นำ� มาซงึ่ ปญั หาความเหลอ่ื มลำ้� ทางสงั คม ปญั หา ความเสอื่ มโทรมของทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม และปญั หาภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทไี่ มเ่ พยี งพอตอ่ การรบั มอื กบั การเปลยี่ นแปลง วิกฤตเศรษฐกิจปี ๒๕๔๐ นับเป็นจุดเปล่ียนครั้งส�ำคัญของทิศทางการพัฒนาประเทศที่รัฐบาล และประชาชนชาวไทยได้น้อมน�ำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นหนึ่งใน “ศาสตร์พระราชา” ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหติ ลาธเิ บศรรามาธบิ ดี จกั รีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานไว้เป็นแนวทางในการน�ำพาสงั คมไทยใหก้ า้ วพ้นวิกฤติการณ์ในครง้ั น้ัน หัวใจของ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงคือทางสายกลาง อันประกอบด้วยความพอประมาณ ความมีเหตุผล และ ความมภี ูมิคมุ้ กันในตวั ที่ดี บนเงอ่ื นไขความรแู้ ละคุณธรรม น�ำไปสกู่ ารพัฒนาทส่ี มดุลและยั่งยืนในทกุ มติ ิ รฐั บาลไดน้ อ้ มนำ� ศาสตรพ์ ระราชาและหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ หลกั นำ� การพฒั นาประเทศ ตามรา่ งยทุ ธศาสตรช์ าตริ ะยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) เพอื่ ใหบ้ รรลวุ สิ ยั ทศั น์ “ประเทศไทยมคี วามมนั่ คง มง่ั คงั่ ยงั่ ยนื เปน็ ประเทศพฒั นาแลว้ ดว้ ยการพฒั นาตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง” โดยเนน้ บทบาทของนวตั กรรม ในการเพ่ิมความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาอย่างย่ังยืน ท้ังในสาขาอุตสาหกรรมเกษตรและบริการ การสรา้ งความมนั่ คงดา้ นอาหาร รวมท้ังการพัฒนาฐานเศรษฐกิจแห่งอนาคต บทบาทของนวัตกรรมที่เอ้ือต่อ 21 (รา่ ง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

การดำ� รงชวี ติ ในสงั คมสงู วยั อกี ทง้ั ยงั ใหค้ วามสำ� คญั กบั การวจิ ยั และพฒั นา โดยเฉพาะการวจิ ยั ทม่ี งุ่ เปา้ ตอบสนอง ความต้องการในการพัฒนาประเทศ อาทิ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพ่ือรับมือกับ การเปล่ยี นแปลงสภาพภูมอิ ากาศ เปน็ ตน้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ซ่ึงก�ำหนด ตามกรอบยทุ ธศาสตรช์ าตริ ะยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ไดย้ ดึ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง หลกั การ พฒั นาท่ีย่ังยืน และหลักคนเป็นศูนย์กลาง โดยให้ความส�ำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรม และการนำ� มาใชข้ บั เคลอ่ื นการพฒั นาในทกุ มติ เิ พอ่ื ยกระดบั ศกั ยภาพของ ประเทศ การเตรียมความพร้อมของก�ำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีจะเปลี่ยนแปลงโลกในอนาคต การยกระดับห่วงโซ่มูลค่าด้วยการใช้เทคโนโลยีวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมการผลิตท่ีเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อมและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมทั้งสร้างสังคมผู้ประกอบการให้มีทักษะการท�ำธุรกิจ ที่ทันต่อการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี การเพิ่มศักยภาพฐานการผลิตและบริการเดิมและการต่อยอดไปสู่ ฐานการผลิตและบรกิ ารใหมโ่ ดยใช้เทคโนโลยที ่เี ข้มขน้ และนวตั กรรม วาระการขบั เคลอื่ นประเทศไทย ๔.๐ เปน็ โมเดลทจ่ี ะขบั เคลอื่ นประเทศสคู่ วามมงั่ คง มนั่ คงั่ และยง่ั ยนื โดยให้ความส�ำคัญกับการพัฒนาคนไทยให้ได้รับการศึกษาที่ดี และได้รับสวัสดิการทางสังคมท่ีเหมาะสมตลอด ทุกช่วงชีวิต เป็นคนทันโลก ทันเทคโนโลยี มีส่วนร่วมกับนานาชาติ การพัฒนาสังคมโดยกระจายความเจริญ ท่ัวประเทศ ใหค้ นท�ำงานในถนิ่ ฐานบา้ นเกิดได้โดยไมต่ ้องยา้ ยถ่ินฐาน และการพัฒนาเศรษฐกจิ โดยเน้นพฒั นา วิสาหกิจให้สามารถสร้างหรือใช้เทคโนโลยี มีความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างมูลค่าสินค้าและบริการ สามารถ เขา้ ถงึ ตลาดทง้ั ในและตา่ งประเทศ สง่ เสรมิ ใหเ้ กษตรกรเปน็ เกษตรกรสมยั ใหม่ (Smart farmers) มกี ารบรหิ ารจดั การท่ี ดี สามารถเพ่ิมมลู ค่าสินค้าทางการเกษตรจากการแปรรูป ตลอดจนสนบั สนุนให้มกี ารเชอ่ื มโยงเศรษฐกิจภายใน ประเทศ (จากชมุ ชนสู่จังหวดั และกลมุ่ จังหวัด) เศรษฐกิจภมู ภิ าค (อาเซยี น) และเศรษฐกจิ โลก ดังนน้ั หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ร่างยุทธศาสตรช์ าติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) และวาระการขบั เคลอ่ื นประเทศไทย ๔.๐ จงึ เป็นแนวทางในการปฏริ ูประบบวิจัยและนวตั กรรมของประเทศ และการจัดทำ� ยุทธศาสตร์การวิจยั และ นวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ๔.๒ความเปน็ มาของการปฏริ ปู ระบบวจิ ยั และนวตั กรรมของประเทศไทย การขับเคล่อื นประเทศไปสูป่ ระเทศไทย ๔.๐ ภายใตว้ ิสยั ทัศน์ “ประเทศไทยมีความมนั่ คง ม่ังคง่ั ย่ังยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” จ�ำเป็นต้องมีการปฏิรูประบบ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจ โดยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ของประเทศ และพัฒนาสังคม โดยยกระดับคณุ ภาพชวี ิตของประชาชน 22 บทท่ี ๔ : การปรบั เปล่ยี นทิศทางการขับเคลือ่ นระบบวิจยั และนวัตกรรม (รา่ ง) ยุทธศาสตรก์ ารวิจยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

ความเปน็ มาของการปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ สรปุ ได้ดงั นี้ ๔.๒.๑ ครั้งที่ ๑ การจดั ต้งั สภาวิจัยแหง่ ชาติ ประเทศไทยเร่ิมให้ความส�ำคัญกับการวิจัยท่ีมีผลต่อการพัฒนาประเทศมาต้ังแต่ปี ๒๔๙๙ เปน็ ตน้ มา โดยมกี ารตราพระราชบัญญตั สิ ภาวจิ ยั แหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๔๙๙ ซึ่งเป็นกฎหมายทเ่ี กย่ี วข้องกับนโยบาย การวิจัยของรัฐฉบบั แรกของประเทศไทย แตจ่ ำ� กดั เฉพาะสาขาวชิ าดา้ นวทิ ยาศาสตร์ และยงั ขาดกลไกการจดั การ ภาครัฐบาล ต่อมา ในสมัยจอมพลสฤษฎ์ิ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความส�ำคัญของการวิจัยทางด้าน สงั คมศาสตรด์ ว้ ย จึงได้ตราพระราชบญั ญตั สิ ภาวิจัยแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๐๒ ให้ครอบคลมุ สาขาวิชาการ ๑๐ สาขา ได้แก่ สาขาทางวิทยาศาสตร์ ๕ สาขา และสงั คมศาสตร์ ๕ สาขา (ตอ่ มา ขยายเพิ่มรวมเปน็ ๑๒ สาขา) พร้อม ท้ังจัดตั้งส�ำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เป็นส่วนราชการสังกัดส�ำนักนายกรัฐมนตรีเป็น ฝ่ายเลขานุการของสภาวจิ ยั แหง่ ชาติ ทำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ หนว่ ยสมองและทป่ี รกึ ษาทางวชิ าการใหก้ บั รฐั บาล ซงึ่ ถอื เปน็ “การปฏิรูประบบวิจัย” ที่จัดโครงสร้างเชิงองค์กรให้มีความเป็นเอกภาพ และเชื่อมโยงนโยบายการวิจัยเข้ากับ การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และยังเช่ือมโยงกับกลไกการขับเคล่ือนนโยบายการพัฒนา ประเทศของรัฐ เช่นสภาเศรษฐกจิ แห่งชาติ สำ� นักงบประมาณ มหาวิทยาลยั เป็นตน้ ๔.๒.๒ ครั้งที่ ๒ การจัดตง้ั กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน และหน่วยงานจดั การงานวจิ ยั ภายใต้การกำ� กบั ของรฐั นับจากการจัดต้ังสภาวิจัยแห่งชาติ ในอีก ๒-๓ ทศวรรษต่อมา รัฐบาลได้จัดตั้งกระทรวง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงานขน้ึ ในปี ๒๕๒๒ ต่อมาได้เปล่ยี นชื่อกระทรวงอกี ๒ ครัง้ เป็นกระทรวง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิง่ แวดล้อม ในปี ๒๕๓๕ และกระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในปี ๒๕๔๕ ซ่ึงในช่วงเวลาดังกล่าว ถือเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งส�ำคัญในระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทย โดยมีการจัดตั้งหน่วยงานเกี่ยวข้องกับการวิจัยและนวัตกรรม ภายใต้การก�ำกับของรัฐข้ึนหลายแห่ง ท�ำให้เกิด วิธีการในการบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่คล่องตัวข้ึน เช่น การจัดต้ังส�ำนักงานพัฒนา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในปี ๒๕๓๔ เพื่อให้เป็นองค์กรวิจัยชั้นน�ำด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี สามารถสร้างผลงานวิจัยเพื่อยกระดับความสามารถทางเทคโนโลยีของภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งมี บุคลากรที่มคี ณุ ภาพและมีโครงสรา้ งพ้ืนฐานทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยที ่เี พียงพอต่อการสร้างงานวจิ ัยและ นวัตกรรม การจัดต้ังส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ในปี ๒๕๓๕ เพ่อื ใหเ้ ป็นหนว่ ยงานบริหารจดั การและใหท้ นุ งานวจิ ยั ท่ีมีความคลอ่ งตัว เปน็ ต้น ๔.๒.๓ ครัง้ ที่ ๓ การจัดตัง้ หนว่ ยงานการงานวิจยั และนวัตกรรมภายใตก้ ำ� กบั ของรฐั ในปี ๒๕๔๖ ไดม้ กี ารจดั ตง้ั สำ� นกั งานนวตั กรรมแหง่ ชาติ (องคก์ ารมหาชน) เพื่อพัฒนาโครงการ นวัตกรรมในรปู แบบต่าง ๆ โดยมเี ปา้ หมายในการเปลย่ี นห่วงโซ่อปุ ทานเปน็ หว่ งโซ่มลู คา่ บนฐานความได้เปรียบ ในการแข่งขันของประเทศ และต่อมา ในปี ๒๕๕๑ ได้จัดตั้งส�ำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมแหง่ ชาติ (สวทน.) ภายใตพ้ ระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งถือเป็นการประกาศเจตจ�ำนงอย่างชัดเจนของภาครัฐในการสนับสนุนการพัฒนาวิทยาศาสตร์ บทที่ ๔ : การปรบั เปล่ยี นทิศทางการขบั เคลอ่ื นระบบวจิ ัยและนวัตกรรม 23 (รา่ ง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

เทคโนโลยแี ละนวตั กรรม (วทน.) โดยให้ สวทน. ทำ� หนา้ ทเี่ ปน็ หนว่ ยงานก�ำหนดนโยบายและจดั ทำ� แผน วทน. ระดบั ชาติ ซง่ึ ครอบคลมุ เรอ่ื งการวจิ ยั และพฒั นา การถา่ ยทอดเทคโนโลยี การพฒั นาบคุ ลากรดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยี โครงสรา้ งพนื้ ฐานทางเทคโนโลยี รวมถงึ ให้ทำ� หน้าทีศ่ ึกษานโยบาย และติดตามวเิ คราะห์สถานการณ์ แนวโน้มการพฒั นา วทน. โดยนโยบายและแผน วทน. จะบูรณาการเชอื่ มโยงนโยบายด้าน วทน. กับนโยบาย ดา้ นการพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ เช่น นโยบายด้านอุตสาหกรรม นโยบายดา้ นการศกึ ษา นโยบาย ด้านส่ิงแวดล้อม เป็นต้น เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่สังคมฐานความรู้ อันจะน�ำไปสู่การเพิ่มขีด ความสามารถในการแขง่ ขันของประเทศอย่างยั่งยนื หลังจากนนั้ ในปี ๒๕๕๒ สำ� นกั งานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และหน่วยงานเครือข่าย ในระบบวจิ ัยของประเทศ ไดแ้ ก่ ส�ำนักงานกองทนุ สนบั สนนุ การวจิ ัย (สกว.) สำ� นกั งานพฒั นาวิทยาศาสตรแ์ ละ เทคโนโลยแี ห่งชาติ (สวทช.) สำ� นกั งานพฒั นาการวิจยั การเกษตร (องคก์ ารมหาชน) (สวก.) สถาบนั วิจัยระบบ สาธารณสขุ (สวรส.) สำ� นกั งานคณะกรรมการนโยบายวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมแหง่ ชาติ (สวทน.) ได้ร่วมกันจดั ตงั้ เครอื ขา่ ยการบรหิ ารจดั การการวจิ ยั ทเี่ รยี กวา่ ๕ ส. ๑ ว. โดยมเี ปา้ หมายเพอ่ื รว่ มบรหิ ารจดั การและ บรู ณาการการวิจัยของประเทศให้เป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพ และลดความซ้�ำซ้อนท้ังด้านแผนงานและงบ ประมาณการวิจัย ต่อมาส�ำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย และได้มีการเปลี่ยนช่อื เป็น “เครือขา่ ยองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ” (คอบช.) ซึ่งรว่ มด�ำเนินการการปฏริ ปู ระบบการวิจัยตามท่ีได้ศึกษาร่วมกับสถาบันคลังสมองของชาติ ใน ๙ มิติ ประกอบด้วย ๑) มิตินโยบาย และยุทธศาสตร์ ๒) มิติหน่วยจัดการทุนวิจัย ๓) มิติทุนและงบประมาณการวิจัย ๔) มิติหน่วยวิจัย ๕) มิติบุคลากรวิจัย ๖) มิติระบบมาตรฐานการวิจัย ๗) มิติโครงสร้างพ้ืนฐานรองรับสนับสนุนการวิจัย ๘) มิติการจัดการผลผลติ เเละ ๙) มติ กิ ารประเมนิ ผล โดยผลการศกึ ษาได้เสนอใหม้ ีการจดั โครงสร้างองคก์ รใน ระบบวิจัยเปน็ ๔ ระดบั ไดแ้ ก่ หน่วยงานนโยบายวจิ ยั หน่วยจดั การทุนวจิ ยั หนว่ ยปฏบิ ัติการวิจัย และหนว่ ย ถา่ ยทอดและขยายผลจากงานวจิ ยั ซง่ึ จะตอ้ งมนี โยบายวจิ ยั ทชี่ ดั เจน หนว่ ยงานแตล่ ะระดบั จะตอ้ งสามารถทำ� งาน ประสานเชอ่ื มโยงกนั มงี บประมาณของรฐั สนบั สนนุ มกี ารตงั้ เปา้ หมายรว่ มกนั ภายใตก้ ารประสานงานและกำ� กบั จากหนว่ ยงานนโยบายวจิ ัยระดับประเทศและสาขา ๔.๒.๔ ครัง้ ท่ี ๔ การจดั ตั้งสภานโยบายวิจยั และนวัตกรรมแหง่ ชาติ ๑) รัฐบาลได้จัดให้มีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ขนึ้ เมอื่ ปี ๒๕๕๗ และได้ก�ำหนดใหม้ วี าระการ ปฏิรูปโดยคณะกรรมาธิการปฏิรูปวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย นวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา จ�ำนวน ๒ วาระการปฏริ ปู คอื วาระการปฏริ ูปที่ ๒๐ เร่อื ง ระบบวิจยั เพ่ือเป็นโครงสร้างพ้ืนฐานทางปญั ญาของประเทศ วาระการปฏิรปู ท่ี ๒๑ เร่อื ง ระบบวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรม เพอื่ เป็นโครงสรา้ ง พื้นฐานทางนวัตกรรมของประเทศ ข้อเสนอของทั้ง ๒ วาระการปฏริ ปู ดังกล่าวมีความเชอื่ มโยงและเกยี่ วเนอ่ื งกนั จึงจ�ำเป็นตอ้ งมี การรวบรวมทง้ั ๒ วาระใหเ้ ปน็ ประเดน็ เดยี วกนั เพอ่ื ไมใ่ หเ้ กดิ ความซำ้� ซอ้ น และกลบั เขา้ สแู่ นวทางการดำ� เนนิ งาน ในลกั ษณะเดมิ ในการน้ี นายกรฐั มนตรจี งึ ไดม้ ขี อ้ สงั่ การ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๒ ธนั วาคม ๒๕๕๘ ใหร้ องนายกรฐั มนตรี (พลอากาศเอก ประจนิ จนั่ ตอง) รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำ� นกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ 24 บทที่ ๔ : การปรับเปลี่ยนทิศทางการขบั เคลื่อนระบบวจิ ัยและนวตั กรรม (รา่ ง) ยุทธศาสตร์การวจิ ัยและนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

และเทคโนโลยแี หง่ ชาติ และหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ งในการพฒั นางานวจิ ยั ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รว่ มกนั ประชมุ หารอื ใหไ้ ดข้ อ้ เสนอการปฏริ ปู ระบบวจิ ยั วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวตั กรรมของประเทศ ทบี่ รู ณาการ รว่ มกนั จากความคิดเห็นของทุกภาคส่วน และทุกฝ่ายท่ีเก่ียวข้อง และให้ได้มาซ่ึงข้อเสนอการปฏิรูปที่ครบ ทุกมิติ มคี วามชัดเจน และเหน็ ผลสมั ฤทธ์อิ ยา่ งเปน็ รูปธรรม ๒) การปฏริ ปู ระบบวจิ ยั และนวตั กรรมแบบบรู ณาการของประเทศ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ใหห้ นว่ ย งานตา่ ง ๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับระบบวจิ ัยและนวัตกรรมมกี ารดำ� เนินงานทเ่ี ปน็ เอกภาพ ชัดเจน ลดความซ�้ำซอ้ น และ ส่งเสริมให้ระบบวิจัยของประเทศเป็นกลไกในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้มีความ มน่ั คง มงั่ คงั่ และยง่ั ยนื ตอ่ ไป โดยแตล่ ะหนว่ ยงานจะมบี ทบาทหนา้ ที่ และความรบั ผดิ ชอบทช่ี ดั เจน มที ศิ ทางและ ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั ทส่ี อดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั แหง่ ชาติ ๒๐ ปี ซง่ึ เปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั กบั ยทุ ธศาสตร์ ชาติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) และแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ ดำ� เนนิ การวเิ คร าะห๓บ์ )รรบิ อทงขนอางยกการรฐั เมปนลตย่ี รนีแ(พปลลองาทกเี่ กาศยี่ วเอขกอ้ งปทรง้ัะใจนนิแลจะนั่ นตออกงป) ไรดะห้เทาศรอื กราว่ รมวกเิ คบั รทากุะฝหา่ส์ ยถทาเี่นกภย่ี าวพขแอ้ ลงะรปวมระทเง้ัดไน็ด้ ปญั หาของระบบวจิ ยั ของประเทศ และการใหค้ วามสำ� คญั ของนโยบายรฐั บาล เพอ่ื ใชเ้ ปน็ กรอบการจดั ทำ� ยทุ ธศาสตร์ การวจิ ยั แหง่ ชาติ ๒๐ ปี และแผนการปฏริ ปู ระบบวจิ ยั แบบบรู ณาการของประเทศ เพอื่ จดั ทำ� บทสรปุ เปน็ ขอ้ เสนอของ วสิ ยั ทศั น์ เปา้ หมาย ทศิ ทางการพฒั นา ยทุ ธศาสตรภ์ าพรวม ยทุ ธศาสตรร์ ายสาขา ดงั นี้ ๓.๑) วิสัยทัศน์ “ประเทศไทยเป็นผู้น�ำด้านการวิจัยและนวัตกรรมในระดับโลก เพ่ือขับ เคล่ือนสงั คมและเศรษฐกิจ สู่ความมน่ั คง มัง่ ค่งั อยา่ งย่ังยืน” ๓.๒) ทิศทางการพัฒนา (๑) สรา้ งความรู้ ภมู ปิ ญั ญา บรหิ ารจดั การความรู้ เพอ่ื สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ใหก้ บั สงั คมไทย (๒) สรา้ งผลผลติ เชงิ พาณชิ ยท์ ม่ี มี ลู คา่ เพมิ่ นำ� มาสกู่ ารเพมิ่ ผลติ ภาพ เพอ่ื เปน็ เครอ่ื งมอื ส�ำคัญในการพัฒนาประเทศ ๓.๓) เป้าหมายของกรอบยุทธศาสตร์การวิจัยแห่งชาติ ๒๐ ปี แบง่ ออกเปน็ ๔ ระยะ ระยะท่ี ๑ (๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) ปรับปรุงประสิทธิภาพระบบวิจัยและนวัตกรรม ของประเทศให้มีประสิทธิภาพ มีนโยบายทิศทางการวิจัยท่ีชัดเจน ลดความซ�้ำซ้อน และเร่งรัดการน�ำผลงาน วิจัยไปใช้ประโยชน์ โดยมีเป้าหมายใหม้ ีค่าใช้จา่ ยวจิ ัยเป็นรอ้ ยละ ๑ ของผลิตภัณฑม์ วลรวมในประเทศ ระยะท่ี ๒ (๒๕๖๕ - ๒๕๖๙) มุ่งพัฒนานวัตกรรมเพ่ือเพิ่มขีดความสามารถในการ แข่งขัน สรา้ งสังคมท่ีมีตรรกะทางความคิด โดยมีเป้าหมายให้มีค่าใช้จ่ายวจิ ัยเป็นร้อยละ ๑.๕ ของผลิตภณั ฑ์ มวลรวมในประเทศ ระยะท่ี ๓ (๒๕๗๐ - ๒๕๗๔) เชื่อมโยงเครือข่ายความเชี่ยวชาญทั้งในและ ต่างประเทศ ขยายขีดความสามารถ สร้างความเป็นเลิศในอาเซียน โดยมีเป้าหมายให้มีค่าใช้จ่ายวิจัยเป็น ร้อยละ ๒ ของผลติ ภัณฑ์มวลรวมในประเทศ บทท่ี ๔ : การปรับเปลย่ี นทศิ ทางการขบั เคลอ่ื นระบบวิจยั และนวัตกรรม 25 (รา่ ง) ยุทธศาสตร์การวจิ ัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

ระยะที่ ๔ (๒๕๗๕ - ๒๕๗๙) ประเทศไทยเปน็ ประเทศพัฒนาแลว้ ทีข่ บั เคลือ่ นระบบ สงั คมและเศรษฐกิจด้วยนวตั กรรม โดยมเี ปา้ หมายใหม้ คี า่ ใชจ้ า่ ยวจิ ยั ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ ๒ ของผลติ ภณั ฑม์ วลรวม ในประเทศ ๓.๔) แนวทางการดำ� เนนิ การตามแผนการขบั เคลอ่ื นและปฏริ ปู ระบบวจิ ยั แบบบรู ณาการของ ประเทศ ไดก้ ำ� หนดประเดน็ หลกั ทต่ี อ้ งดำ� เนนิ การเรง่ ดว่ นระหวา่ งปี ๒๕๕๙ ถงึ กลางปี ๒๕๖๐ เพ่อื ส่งตอ่ ใหร้ ัฐบาล ชดุ ต่อไปดำ� เนนิ การ ดังนี้ (๑) จัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติ โดยยกเลิกคณะกรรมการระดับชาติท่ีเก่ียวข้อง ได้แก่ คณะกรรมการสภาวจิ ยั แหง่ ชาติ คณะกรรมการนโยบายวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมแหง่ ชาติ (กวทน.) และคณะกรรมการพฒั นาระบบนวตั กรรมของประเทศ (คพน.) รวมทงั้ กำ� หนดใหส้ ำ� นกั งานคณะกรรมการ วจิ ยั แหง่ ชาติ (วช.) และสำ� นกั งานคณะกรรมการนโยบายวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมแหง่ ชาติ (สวทน.) ท�ำหน้าท่ีฝา่ ยเลขานกุ าร รว่ มกบั คณะกรรมการระดบั ชาติ ในการกำ� หนดทศิ ทาง กรอบงบประมาณและขบั เคลอื่ น ยทุ ธศาสตร์การวิจัยแหง่ ชาตใิ หบ้ รรลุเป้าหมาย (๒) ปรบั ภารกจิ และอำ� นาจหนา้ ทขี่ องหนว่ ยงานในระบบวจิ ยั และนวตั กรรมของประเทศ ใหม้ คี วามชดั เจนเหมาะสม ตามภารกจิ ทคี่ ณะกรรมการฯ มอบหมาย โดยแบง่ เปน็ หนว่ ยงานกำ� หนดนโยบายวจิ ยั หน่วยงานจัดสรรทุนวิจัย หน่วยงานด�ำเนินการวิจัย หน่วยงานบริหารจัดการงานวิจัยจนถึงการใช้ประโยชน์ หน่วยงานบริการ วิเคราะห์ ทดสอบ และสอบเทียบ หน่วยงานรับรองมาตรฐาน และผู้ใช้ประโยชน์จาก ผลงานวิจัย ชุมชน ภาคอตุ สาหกรรมและประชาสงั คม (๓) ปรับระบบการจัดสรรงบประมาณด้านการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ โดยจัดให้มีการจัดสรรงบประมาณแบบ Strategic allocation ตามยุทธศาสตรก์ ารวจิ ยั ของประเทศ จดั สรรงบ ประมาณแบบเปน็ ก้อน (Block grant) ตามโปรแกรมวจิ ยั ทม่ี ีการวางแผน (Program-based) โดยให้จดั สรรตรง ไปยังแต่ละหน่วยงาน และทบทวนบทบาทหนา้ ทขี่ องกองทนุ ทก่ี ำ� หนดหนา้ ทเี่ พอื่ การวจิ ยั ใหมใ่ หส้ อดคลอ้ งตาม ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั แหง่ ชาติ เพอ่ื เปน็ กลไกในการขบั เคลอ่ื นการมงุ่ ไปสเู่ ปา้ หมายของยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั แหง่ ชาติ และเน้นความรว่ มมอื กบั ภาคเอกชน (๔) จัดท�ำแผนการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยของประเทศ โดยด�ำเนินการส�ำรวจ ความต้องการบุคลากรดา้ นการวิจัยของประเทศ ท้งั เชงิ ปริมาณและเชิงคุณภาพ และจัดทำ� เป็นฐานข้อมูลกลาง ของประเทศ และจัดให้มีแผนเพ่ือการพัฒนาตั้งแต่ในช่วงการศึกษาเพื่อสร้างนักวิจัย นักนวัตกร นักเทคโนโลยี นกั วิทยาศาสตร์ วิศวกร นักออกแบบและสร้างสรรคผ์ ลติ ภัณฑ์ และอนื่ ๆ ท่เี กยี่ วขอ้ งในกระบวนการวจิ ัย และ แผนการพัฒนาและส่งเสริมนักวิจัยในระดับต่าง ๆ เพื่อสร้างและผลิตบุคลากรด้านการวิจัยของประเทศให้ ตอบสนองตอ่ เปา้ หมายทก่ี ำ� หนดไว้ โดยประเทศไทยมบี คุ ลากรดา้ นการวจิ ยั จำ� นวน ๘๐ คนตอ่ ประชากร ๑๐,๐๐๐ คน ในปี ๒๕๗๙ (๕) ปรับปรุง/เพิ่มเติมกฎหมาย กฎ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ทสี่ ำ� คญั โดยปรบั ปรงุ กฎหมาย ใหห้ นว่ ยงานในระบบวิจัยไม่ให้ซ�้ำซ้อนกัน โดยเร่ิมต้นจากการปรับปรุงกฎหมายที่ส�ำคัญ ๒ ฉบบั คอื พระราช บญั ญตั สิ ภาวจิ ยั แหง่ ชาติ และพระราชบัญญัติว่าด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ และแก้ไข หรือพัฒนากฎหมาย กฎระเบยี บ ข้อบังคับท่เี กีย่ วขอ้ งในระบบวจิ ัยของประเทศ 26 บทที่ ๔ : การปรบั เปลย่ี นทศิ ทางการขบั เคลื่อนระบบวิจยั และนวัตกรรม (รา่ ง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวิจยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

ทัง้ น้ี ก�ำหนดให้มีการจัดท�ำยุทธศาสตร์การวิจัยแห่งชาติ ๒๐ ปี ซ่ึงเป็นการมองภาพ อนาคตเพ่ือก�ำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ และแนวทางการด�ำเนินงานท่ีชัดเจนในแต่ละระยะเพื่อมุ่งเป้าหมายใน ภาพรวมของประเทศใน ๒๐ ปขี า้ งหนา้ โดยพจิ ารณาความเรง่ ดว่ นของยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และตอ้ งมกี ารตดิ ตาม และประเมนิ ผลอยา่ งเข้มข้นและตอ่ เน่อื ง ๔) หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ไดม้ คี ำ� สงั่ ที่ ๑๑๒/๒๕๕๗ ลงวนั ท่ี ๕ สงิ หาคม ๒๕๕๗ แตง่ ตงั้ คณะกรรมการท่ีปรึกษาการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และ ผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นกรรมการและเลขานุการ ต่อมานายก รฐั มนตรีไดม้ ีคำ� สั่งสำ� นักนายกรฐั มนตรี ท่ี ๓๖/๒๕๕๘ ลงวนั ที่ ๔ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๘ เรื่อง แตง่ ตั้งคณะกรรมการ พฒั นาระบบนวตั กรรมของประเทศ (คพน.) ขนึ้ แทนค�ำสั่งคณะรักษาความสงบแหง่ ชาติ เพือ่ ท�ำหน้าท่ีสนับสนุน และสง่ เสรมิ การนำ� ผลงานวจิ ยั พฒั นา และนวตั กรรมไทยไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ การพฒั นาระบบเศรษฐกจิ ของ ประเทศและส่งเสริมให้เกดิ การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยแบ่งออกเปน็ ๔ คณะอนุกรรมการ ประกอบดว้ ย คณะอนกุ รรมการจดั ทำ� ขอ้ เสนอการพฒั นาระบบนวตั กรรมไทย โดยมรี องนายกรฐั มนตรี เป็นประธาน เพอื่ จดั ทำ� ข้อเสนอและประเดน็ เชงิ นโยบาย รวมทัง้ มาตรการเร่งดว่ นท่ตี อ้ งดำ� เนนิ การ คณะอนุกรรมการก�ำหนดความต้องการของภาครัฐที่ใช้นวัตกรรมไทย โดยมี ผอู้ ำ� นวยการสำ� นกั งบประมาณเปน็ ประธาน เพอ่ื ศกึ ษาสถานภาพและความตอ้ งการของหนว่ ยงานภาครฐั และเชอื่ มโยง ผลงานนวตั กรรมไทยกบั ความตอ้ งการในการจดั ซอื้ จดั จา้ งสนิ คา้ หรอื บรกิ ารนวตั กรรมของหนว่ ยงานภาครฐั คณะอนุกรรมการปรับปรุงกฎระเบียบเก่ียวกับการสร้างตลาดนวัตกรรมในหน่วยงาน ภาครฐั โดยมปี ลดั สำ� นกั นายกรฐั มนตรเี ปน็ ประธาน เพอ่ื ปรบั ปรงุ แกไ้ ขกฎหมาย กฎระเบยี บ ขอ้ บงั คบั เกยี่ วกบั นโยบาย การจดั ซอ้ื จดั จา้ งสินคา้ และบรกิ ารนวัตกรรมในหน่วยงานภาครฐั คณะอนกุ รรมการเตรยี มการจดั ตงั้ สถาบนั พฒั นาเทคโนโลยรี ะบบขนสง่ ทางรางแหง่ ชาติ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพ่ือจัดท�ำข้อเสนอแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีระบบขนส่งทางรางท้ัง มาตรการในการศกึ ษา วจิ ัย พัฒนานวัตกรรม การแก้ไขปรับปรงุ กฎหมาย การเช่ือมโยงการใช้ประโยชนข์ องการ วิจยั เทคโนโลยี และนวตั กรรมด้านการขนสง่ ทางรางกบั โครงการลงทนุ ขนาดใหญ่ของประเทศ ๕) หวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ ไดม้ คี ำ� สง่ั ที่ ๖๒/๒๕๕๙ ลงวนั ท่ี ๖ ตลุ าคม ๒๕๕๙ เรอื่ ง การปฏริ ปู ระบบวจิ ยั และนวตั กรรมของประเทศ เพอ่ื ใหเ้ กดิ การบรู ณาการ ลดความซำ�้ ซอ้ นและสามารถผลกั ดนั ใหม้ กี ารนำ� ไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนอ์ ยา่ งเปน็ รปู ธรรม โดยกำ� หนดใหม้ ี “สภานโยบายวจิ ยั และนวตั กรรมแหง่ ชาต”ิ โดยมี นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และให้เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และเลขาธิการส�ำนักงาน คณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) เป็นเลขานุการร่วม โดยท่ี สภานโยบายวจิ ยั และนวตั กรรมแหง่ ชาตมิ หี นา้ ทใี่ นการกำ� หนดทศิ ทางนโยบาย ยทุ ธศาสตร์ รวมทงั้ ปรบั ปรงุ ระบบ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ตลอดจนก�ำกับติดตามการบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ และ ประเมินผลการด�ำเนนิ การใหเ้ ปน็ ไปอยา่ งเหมาะสมและมีเอกภาพ ซง่ึ เป็นประโยชน์ตอ่ การแก้ไขปัญหาการวจิ ยั ของประเทศและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน โดยสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ได้แต่งต้ัง คณะกรรมการบรู ณาการบรหิ ารจดั การปฏริ ปู ระบบวจิ ยั และนวตั กรรม และคณะอนกุ รรมการ ๔ คณะ ประกอบดว้ ย บทที่ ๔ : การปรบั เปลีย่ นทศิ ทางการขบั เคลอื่ นระบบวิจัยและนวตั กรรม 27 (รา่ ง) ยุทธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

๑)คณะอนกุ รรมการดา้ นนโยบายและยทุ ธศาสตรว์ จิ ยั และนวตั กรรม ๒) คณะอนกุ รรมการดา้ นการพฒั นาบคุ ลากร วิจัยและนวัตกรรม ๓) คณะอนุกรรมการด้านการปรับระบบงบประมาณวิจยั และนวตั กรรมแบบบูรณาการ และ ๔) คณะอนกุ รรมการดา้ นการปรบั ปรงุ กฎหมายและระเบยี บขอ้ บงั คบั เมอื่ วนั ที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ดงั ภาพท่ี ๒ คณะอนุกรรมการ ดา้ นการปรบั ระบบงบประมาณวจิ ยั และนวตั กรรมแบบบรู ณาการ ภาพท่ี ๒ โครงสรา้ งการด�ำเนนิ งานสภานโยบายวิจัยและนวตั กรรมแหง่ ชาติ โดยคณะอนุกรรมการด้านนโยบายและยุทธศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมได้จัดท�ำยุทธศาสตร์การวิจยั และ นวตั กรรม และไดม้ กี ารทำ� งานรว่ มกบั รฐั มนตรปี ระจำ� สำ� นกั นายกรฐั มนตรี (นายสวุ ทิ ย์ เมษนิ ทรยี )์ โดยการประชมุ ระดมสมองเพื่อจัดท�ำยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งท่ีประชุมได้สรุปทิศทางการปรับเปล่ียนระบบวิจัย และนวตั กรรมของประเทศดังภาพท่ี ๓ โดยประกอบด้วย ๕ ประเด็นหลกั ดังน้ี (๑) ปรับเปลี่ยนจากการวิจัยและนวัตกรรมท่ีมาจากอุปทาน (Supply side) ท่ีตอบโจทย์ของผู้วิจัยไปสู่ การวจิ ยั และนวตั กรรมทมี่ าจากอปุ สงค์ (Demand side) เพอื่ ตอบโจทยป์ ระเทศ ภาคเศรษฐกจิ และภาคสงั คม (๒) ปรับแนวทางการจัดสรรทุนวิจัยจากหัวข้อวิจัยรายโครงการ เป็นวาระการวิจัยท่ีเป็นโครงการขนาด ใหญม่ ีเปา้ หมายชัดเจนท่ตี อบโจทย์การพัฒนาประเทศ (๓) ปรบั แนวทางการวจิ ยั และพฒั นาทกี่ ระจายไปทกุ สาขา เปน็ การวจิ ยั และพฒั นาทม่ี จี ดุ เนน้ เพอื่ สาขาใด สาขาหนง่ึ โดยเฉพาะ (๔) ตอ้ งมีการสรา้ งสมดลุ ระหวา่ งการพัฒนาความเปน็ เลิศทางเทคโนโลยี การพฒั นาและการใชเ้ ทคโนโลยี ท่เี หมาะสมกบั ประเทศ (๕) ปรับกระบวนการด�ำเนินงานจากหน่วยงานเดียวซึ่งท�ำให้เกิดการทับซ้อนระหว่างหน่วยงานเป็น การดำ� เนนิ งานในรปู แบบทเ่ี กดิ การสร้างเครอื ขา่ ยการพัฒนานวัตกรรมและการวิจัยอย่างเป็นระบบ 28 บทที่ ๔ : การปรบั เปลี่ยนทศิ ทางการขบั เคลอ่ื นระบบวจิ ัยและนวัตกรรม (ร่าง) ยุทธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

การวิจัยและนวตั กรรมทม่ี าจาก Supply Side การวิจยั และนวัตกรรมทีม่ าจาก Demand Side (ตอบโจทย์ผ้วู ิจัย) (ตอบโจทย์ประเทศ ตอบโจทยส์ ังคม ตอบโจทยเ์ อกชน) หวั ขอ้ วิจัยเป็นชน้ิ ๆ วาระการวจิ ัยเรอื่ งใหญ่ ๆ ท่ชี ัดเจน (Fragmented Research Projects) (Integrated Research Agendas) (เบี้ยหัวแตก) (บูรณาการในองค์รวม) Something in Everything Everything in Something (แตะทกุ เร่ือง แต่ไมเ่ ก่งสักเรอ่ื ง) (เก่งบางเรื่องทีส่ �ำคัญ แต่เกง่ สุด ๆ) เนน้ พัฒนาความเปน็ เลศิ ทางเทคโนโลยี เน้นการพฒั นาและการใชเ้ ทคโนโลยที เ่ี หมาะสม (State of the Art Technology) (Appropriate Technology) ตา่ งคนต่างคดิ สรา้ งเครอื ข่ายการพัฒนานวัตรกรรม (เกิดความซ�้ำซ้อนและขาดพลัง) และการวจิ ยั อย่างเปน็ ระบบ (ประชารฐั /เครอื ขา่ ยระหว่างประเทศ) ทีม่ า : รัฐมนตรีประจำ� ส�ำนกั นายกรัฐมนตรี (ดร. สุวทิ ย์ เมษินทรีย์) ภาพท่ี ๓ ทศิ ทางการปรับเปลยี่ นระบบวิจยั และนวัตกรรมของประเทศ เพอื่ ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายตามทศิ ทางการปรบั เปลยี่ นระบบวจิ ยั และนวตั กรรมของประเทศ ไดก้ ำ� หนดแนวทาง การดำ� เนนิ งาน ดังน้ี (๑) บรู ณาการแผนงานวจิ ยั และนวัตกรรมทีม่ ีจุดมงุ่ เน้นและกลไกท่ชี ดั เจน กำ� หนดเรอื่ งทม่ี ลี ำ� ดบั ความสำ� คญั สงู ชดั เจน ไดผ้ ลลพั ธถ์ งึ ระดบั กลมุ่ ผลติ ภณั ฑ์ (สำ� หรบั การวจิ ยั และนวัตกรรมเพ่ือเศรษฐกิจ) และได้รูปแบบและกลไกการแก้ปญั หา (ส�ำหรับการวจิ ัยและนวัตกรรมเพือ่ สังคม) จัดท�ำแผนงานการวิจัยและนวัตกรรมส�ำหรับแต่ละเรื่องท่ีชัดเจน โดยมีรายละเอียดโจทย์ ความตอ้ งการ ผู้ใช้ ผู้ร่วมด�ำเนนิ การ ผรู้ ่วมลงทนุ เจา้ ภาพบรหิ ารจัดการ และรูปแบบการด�ำเนนิ งานร่วมกันของ หนว่ ยงานวิจัยและนวัตกรรมกับภาคเอกชน (๒) ด�ำเนินการแบบมสี ่วนร่วมกบั ผใู้ ช้ประโยชน์ รว่ มคดิ ร่วมท�ำ ร่วมลงทนุ (๓) มีมาตรการสนับสนุนการจัดหาเทคโนโลยีหรือผลงานวิจัยจากหลายแหล่ง มาพัฒนาต่อยอด (Technology acquisition) ที่เขา้ ได้กับรปู แบบทางธุรกิจ (Business model) เพอื่ ใหเ้ กดิ ผลเชงิ พาณชิ ย์จริง บทท่ี ๔ : การปรบั เปล่ียนทศิ ทางการขบั เคลอื่ นระบบวจิ ยั และนวัตกรรม 29 (รา่ ง) ยทุ ธศาสตร์การวจิ ยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

(๔) ปลดล็อคข้อจ�ำกัดและอุปสรรคการน�ำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ (โดยเฉพาะอย่างย่ิงการใช้ ประโยชน์ทางเชิงพาณชิ ย)์ ระบบมาตรฐาน การจดั ซื้อจัดจา้ ง งบประมาณแบบเป็นกอ้ น (Block grant) การตดิ ตามและประเมินผล (๕) จดั โครงสรา้ งหนว่ ยงานในระบบวจิ ยั และนวตั กรรมทช่ี ดั เจน ไมท่ บั ซอ้ นเชงิ ผลประโยชนส์ ามารถติดตาม และประเมินผลได้ มีช่วงเปลี่ยนผ่านในการสร้างความเขม้ แขง็ ใหห้ นว่ ยงานใหท้ นุ หนว่ ยบรหิ ารจดั การและสง่ มอบ ผลลัพธ์ (Outcome Delivery Unit: ODU) เพ่อื ให้ไดโ้ ครงสรา้ งการจดั สรรทุนท่มี ีประสิทธิภาพ พัฒนาผู้จัดการนวัตกรรมอุตสาหกรรม (Industrial innovation manager) ความเปน็ มาของการปฏริ ปู ระบบวจิ ยั และนวตั กรรมของประเทศไทยตงั้ แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จบุ นั สรปุ ไวด้ งั ภาพท่ี ๔ ตง้ั สภาเศรษฐกจิ แหง่ ชาติ ตัง้ สวทช. ต้งั หน่วยวจิ ัย (ปัจจุบัน คือ สศช.) สกว. และสวรส. และใหท้ ุนวจิ ัย สภาวจิ ยั แห่งชาติ สวก. สดร. สภาการศึกษาแหง่ ชาติ สสนก. สทป. และ วว. ๒๕๓๔ สทอภ. คพน. สวนช. ๒๕๕๘ ๒๕๕๙ ๒๔๙๓ ๒๔๙๙ ๒๕๓๕ ๒๕๕๑ ๒Nว๕R๐ชC๒T. ๒๕๐๖ ๒๕๓๕ ๒๕๕๒ ๑๒ ๓ ๔ ทมี่ า : ดร. ทวศี กั ด์ิ กออนนั ตกูล ภาพที่ ๔ ความเป็นมาของการปฏริ ปู ระบบวิจัยเเละนวัตกรรมของประเทศ 30 บทท่ี ๔ : การปรับเปลี่ยนทิศทางการขบั เคลอื่ นระบบวจิ ัยและนวตั กรรม (ร่าง) ยุทธศาสตร์การวิจยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

๔.๓ แนวทางการขบั เคลื่อนระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทย การวจิ ยั และนวตั กรรมถอื เปน็ เครอ่ื งมอื และกระบวนการสำ� คญั ทสี่ ามารถนำ� พาประเทศไทยไปสคู่ วามสำ� เรจ็ ตามรา่ งยทุ ธศาสตรช์ าตริ ะยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) การปฏริ ูประบบวิจัยและนวตั กรรมของประเทศ จึงมคี วามสำ� คญั อย่างมาก ท่ผี ่านมาการปฏิรปู ดังกล่าวมีการด�ำเนนิ การในประเด็นสำ� คัญ ๔ ด้าน ดงั นี้ ๔.๓.๑ ดา้ นนโยบายและยทุ ธศาสตรก์ ารวิจยั และนวตั กรรม เพื่อสร้างความมีเอกภาพ ให้เกิดความสอดคล้องและเป็นกลไกส�ำคัญในการขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีทิศทางการวิจัยท่ีชัดเจน เห็นผลลัพธ์ท่ีเป็นรูปธรรม สามารถใช้ประโยชน์ได้จริงทั้งใน เชงิ พาณชิ ย์ เชงิ สงั คม และคณุ ภาพชวี ติ โดยมกี ารตระหนกั ถงึ ความตอ้ งการของผใู้ ช้ มกี ารจดั ลำ� ดบั ความสำ� คญั และ มีกลไกการขับเคล่ือนให้เกิดผลสัมฤทธิ์ โดยสามารถจัดการและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมท่ีครบวงจร ทงั้ การวจิ ยั วศิ วกรรม พฒั นาตอ่ ยอด ตน้ แบบ ทดลองผลติ และการทดสอบมาตรฐาน รวมทงั้ จดั หาและถา่ ยทอด เทคโนโลยีท่นี ำ� ไปสู่การสร้างมลู ค่าเพมิ่ ทเ่ี หมาะสมจากทง้ั ภายในและภายนอกประเทศ รวมทั้งไดใ้ หค้ วามส�ำคญั กับมิติทางด้านสังคมและอุตสาหกรรม โดยการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์และ มนุษยศาสตร์ และค�ำนึงถึงความตอ้ งการของพน้ื ท่ี ชุมชน และผปู้ ระกอบการขนาดกลางและขนาดยอ่ ม และ ความร่วมมือขององค์กรทั้งในระดับพื้นท่ีและภาคประชาสังคม สุดท้ายคือมีกลไกติดตามและประเมินผล การด�ำเนินงานตามยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ๔.๓.๒ ดา้ นบคุ ลากรการวจิ ยั และนวตั กรรม ต้องการให้มีบุคลากรวิจัยและนวัตกรรมจ�ำนวนเพียงพอและมีคุณภาพ สอดคล้องกับประเด็น มุ่งเน้นตามยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม มีฐานข้อมูลกลางด้านกำ� ลังคน บุคลากรวิจัยและนวัตกรรมของ ประเทศ พัฒนา สร้างและส่งเสริมการผลิตและพัฒนาบุคลากรวิจัยและนวัตกรรมทุกระดับ ให้สอดคล้องกับ ความต้องการของภาคสงั คมและอตุ สาหกรรมในปจั จบุ นั และอนาคต และสง่ เสรมิ ความรว่ มมอื ระหวา่ งภาควชิ าการ และภาคอตุ สาหกรรม รวมถงึ แลกเปลยี่ นบคุ ลากรและผู้เชยี่ วชาญท้ังภายในและภายนอกประเทศ ๔.๓.๓ ดา้ นระบบงบประมาณการวจิ ยั และนวตั กรรม เป็นการปรับระบบให้เกิดบูรณาการการจัดสรรงบประมาณเพื่อการวิจัยและนวัตกรรม ให้มี ความสอดคลอ้ งกนั และเปน็ กลไกในการขบั เคลอื่ นยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม มกี ารจดั สรรงบประมาณการ วจิ ยั เปน็ รปู แบบการจดั สรรเชงิ ยทุ ธศาสตร์ (Strategic allocation) ใหส้ อดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม และแบบเปน็ กอ้ น (Block grant) เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความตอ่ เนอ่ื ง โดยสามารถตดิ ตามและประเมนิ ผลได้ นอกจากนยี้ งั มี การจัดใหม้ ีงบประมาณสนับสนุนงานวจิ ัยและนวัตกรรมทเี่ นน้ ตามประเด็นยุทธศาสตร์ (Agenda-based) และ ตามรายพนื้ ที่ (Area-based) สว่ นงบประมาณตามภารกจิ (Function-based) จดั สรรใหต้ ามความจำ� เปน็ และทบทวน บทบาทของกองทนุ ทท่ี ำ� หนา้ ทสี่ นบั สนนุ การวจิ ยั และนวตั กรรมใหส้ อดคลอ้ งกบั ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม บทที่ ๔ : การปรับเปลย่ี นทิศทางการขับเคลอ่ื นระบบวจิ ัยและนวัตกรรม 31 (ร่าง) ยุทธศาสตร์การวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

๔.๓.๔ ดา้ นการปรบั ปรงุ กฎหมายและระเบยี บขอ้ บงั คบั เป็นการปฏิรูปด้านปัจจัยเอื้อของการวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งได้มีการปรับปรุงและจัดท�ำ กฎหมายรองรับการปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรม โดยให้สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ มีองค์ประกอบท่ีเหมาะสม สามารถก�ำหนดนโยบายและยทุ ธศาสตร์ ดแู ลและกำ� กบั การวิจัยและนวตั กรรมของ ประเทศทั้งระบบ สามารถขับเคล่ือนการด�ำเนินงานให้สัมฤทธิ์ผลท้ังในเชิงงบประมาณและการท�ำงานร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งสามารถก�ำกับ ติดตามและประเมินผลการด�ำเนินงานของหน่วยงาน ต่าง ๆ ได้ มีกลไกรับฟงั ความคดิ เหน็ จากทกุ ภาคสว่ น และมกี ารจดั โครงสรา้ งหนว่ ยงานในระบบวจิ ยั และนวตั กรรม ให้เป็นเอกภาพ มีบทบาท ภารกิจ และกลุ่มเป้าหมายผู้รับประโยชน์ท่ีชัดเจน ไม่ซ�้ำซ้อน และไม่ทับซ้อนเชิง ผลประโยชน์ โดยมบี ทบาทหลกั ของแตล่ ะหนว่ ยงานเพยี งบทบาทเดยี ว มตี วั ชว้ี ดั ทเี่ หมาะสมและชดั เจน โดยคำ� นงึ ถงึ ประสิทธผิ ล ประสทิ ธิภาพ และความรบั ผดิ รับชอบ (Accountability) ในการสง่ มอบผลงาน นอกจากน้ยี ังมี การแกไ้ ขขอ้ จำ� กดั และอปุ สรรคของระบบหรอื กลไกการบรหิ ารจดั การงานวจิ ยั และนวตั กรรมไปสกู่ ารใชป้ ระโยชน์ โดยเฉพาะระบบมาตรฐานการวจิ ยั และนวตั กรรม การตรวจวเิ คราะห์ การจดั มาตรการจงู ใจทางการเงนิ หรอื ภาษี กลไกตลาดภาครัฐ การจดั การทรพั ย์สินทางปัญญาและส่งเสริมการใช้ประโยชนจ์ ากทรัพยส์ นิ ทางปญั ญา โดยให้ แรงจูงใจท่ีเหมาะสมแก่ผู้ท�ำวิจัย และการส่งเสริมการลงทุน มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระบบวิจัยและ นวัตกรรมให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การวจิ ยั และนวตั กรรม มศี นู ยข์ อ้ มลู เชอื่ มโยงระบบบรหิ ารจดั การวจิ ยั และ นวตั กรรมของประเทศ รวมทงั้ ฐานขอ้ มลู ด้านโครงการวิจัยและนวัตกรรม งบประมาณ ผลการวิจัยและนวัตกรรม การใช้ประโยชน์ และบุคลากรที่มีความสามารถในการวเิ คราะห์ข้อมลู ดงั กลา่ ว 32 บทท่ี ๔ : การปรบั เปลย่ี นทศิ ทางการขับเคลื่อนระบบวจิ ยั และนวตั กรรม (รา่ ง) ยทุ ธศาสตรก์ ารวิจัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

บทท่ี ๕ ยทุ ธศาแสลตะนรว์กัตากรวริจรมยั รัฐบาลก�ำหนดใหม้ ยี ทุ ธศาสตร์ชาตริ ะยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) เพ่อื เป็นแนวทางในการพัฒนา ประเทศในระยะยาว และนำ� ประเทศไปสคู่ วามมน่ั คง มง่ั คงั่ ยงั่ ยนื โดยมพี ระราชบญั ญตั กิ ารจดั ทำ� ยทุ ธศาสตรช์ าติ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นกลไกในการจัดท�ำและขับเคล่ือนยุทธศาสตร์ชาติ การวิจัยและนวัตกรรมซึ่งมีความส�ำคัญต่อ การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสง่ิ แวดล้อมของประเทศ จงึ จ�ำเปน็ ตอ้ งมยี ทุ ธศาสตรใ์ นระยะยาวที่สอดคล้องกบั ยทุ ธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙) ๕.๑ วสิ ัยทศั น์ “ประเทศไทยใช้การวิจัยและนวัตกรรมเป็นก�ำลังอำ� นาจแหง่ ชาติ เพอื่ กา้ วไปสปู่ ระเทศทพ่ี ฒั นาแลว้ ภายใน ๒๐ ปี ดว้ ยความมน่ั คง มง่ั คั่ง ยัง่ ยนื ” ๕.๒ เป้าประสงค์ การวิจัยและนวัตกรรมท�ำให้ประเทศไทยเป็นเจ้าของห่วงโซ่การผลิตและการบริการที่มีมูลค่าเพ่ิมสูงใน ตลาดโลกและสรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั ชมุ ชนและสงั คม รวมทงั้ เปน็ เจา้ ของเทคโนโลยใี นสาขาทส่ี ำ� คญั ตอ่ การพฒั นา เศรษฐกจิ สงั คม และสง่ิ แวดลอ้ มของประเทศไทย โดย สามารถใชป้ ระโยชน์เชิงพาณชิ ยไ์ ดจ้ ริง และเพม่ิ ขดี ความสามารถของภาคการผลติ และบรกิ าร สามารถใชแ้ กป้ ญั หาและเกดิ ผลกระทบตอ่ การพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ สงั คม และสงิ่ แวดลอ้ มอยา่ งมนี ยั สำ� คญั สร้างขีดความสามารถทางความรู้ด้านวิชาการ เทคโนโลยีฐาน และสร้างนวัตกรรมทางสังคมให้เป็น รากฐานของประเทศ สำ� หรับการเตบิ โตในระยะยาว 33 (ร่าง) ยทุ ธศาสตร์การวจิ ัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)

๕.๓ ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙)๒๕๗๙) การวางยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) เป็นการวิเคราะห์แนวโน้ม การเปลี่ยนแปลงของโลก ท่ีท�ำให้ประเทศไทยจ�ำเป็นที่จะต้องปรับเปล่ียนทิศทางในการขับเคล่ือนประเทศและ ปรบั เปลย่ี นระบบวจิ ยั และนวตั กรรมในปจั จบุ นั ผนวกกบั การวเิ คราะหถ์ งึ สถานภาพของระบบวจิ ยั และนวตั กรรม ของประเทศท่ีมีทั้งจุดแข็งที่เป็นโอกาสและความท้าทายในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์และ เปา้ ประสงคท์ กี่ ำ� หนดไว้ จงึ กำ� หนดยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) ประกอบดว้ ย ๔ ยทุ ธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การวิจัยและนวตั กรรมเพื่อการสรา้ งความม่ังค่งั ทางเศรษฐกิจ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การวิจัยและนวตั กรรมเพือ่ การพัฒนาสงั คมและส่งิ แวดลอ้ ม ยุทธศาสตร์ท่ี ๓ การวิจยั และนวตั กรรมเพอื่ การสรา้ งองคค์ วามรูพ้ นื้ ฐานของประเทศ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๔ การพฒั นาโครงสรา้ งพนื้ ฐาน บคุ ลากร และระบบวจิ ยั และนวตั กรรมของประเทศ โครงสรา้ งของยทุ ธศาสตรป์ ระกอบดว้ ย “ประเดน็ ยทุ ธศาสตร”์ ในแตล่ ะประเดน็ ยทุ ธศาสตรจ์ ะประกอบดว้ ย แผนงานวจิ ยั และนวตั กรรม โดยในแตล่ ะแผนงานไดก้ ำ� หนดขอบเขตของแผนงานนน้ั ๆ เพอ่ื เปน็ แนวทางในการจดั ทำ� แผนในระดบั แผนแมบ่ ทจนถงึ แผนในระดบั ปฏบิ ตั กิ ารตอ่ ไป ซงึ่ ขอบเขตของแผนงานนน้ั ๆ ครอบคลมุ ถงึ การวจิ ยั เชงิ นโยบาย (Policy research) ทส่ี ามารถนำ� ไปสกู่ ารพฒั นาเปน็ นโยบายได้ ทง้ั นี้ แผนงานในยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๑ และ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ เปน็ “แผนงานวจิ ยั และนวตั กรรมสำ� คญั (Spearhead research and innovation program)” ท่ีจะถูกให้ความส�ำคัญในช่วงระยะเร่ิมต้นของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) เพือ่ ใหม้ ผี ลลัพธ์ (Outcome) ในระยะ ๓-๕ ปี โดยแผนงานวิจัยและนวตั กรรมส�ำคญั จะได้รับการทบทวนและปรับปรุงเป็นระยะ ๆ ตามความเหมาะสมเพื่อให้ก้าวทันต่อบริบทท่ีเปลี่ยนแปลงไป นอกจากการก�ำหนดขอบเขตของการวิจัยและนวัตกรรมในแผนงานวิจัยและนวัตกรรมส�ำคัญ ท่ีก�ำหนดไว้ใน ยทุ ธศาสตรน์ ้ี ในอนาคตหนว่ ยงานในระบบวจิ ยั และนวตั กรรมยงั สามารถเสนอแผนงานวจิ ยั และนวตั กรรมสำ� คญั และแผนงานวิจัยและนวัตกรรม หรือโครงการวิจัยอื่น ๆ ท่ีสอดคล้องกับประเด็นยุทธศาสตร์ท่ีก�ำหนดไว้ใน ยทุ ธศาสตรก์ ารวจิ ยั และนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๗๙) นี้ 34 บทที่ ๕ : ยทุ ธศาสตรก์ ารวิจยั และนวัตกรรม (ร่าง) ยทุ ธศาสตร์การวิจัยและนวตั กรรม ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๗๙)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook