กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านตมิ (พนั ธ์พทิ ยาคม) (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น โรงเรยี นบา้ นติม (พันธ์พิทยาคม) ได้จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโดยมุ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จาก ประสบการณ์ตรง ไดฝ้ ึกปฏิบัตจิ ริงและคน้ พบความถนัดของตนเอง สามารถค้นควา้ หาความรู้เพิ่มเติมตามความ สนใจจากแหลง่ เรยี นรทู้ ีห่ ลากหลาย บาเพ็ญประโยชน์เพ่อื สงั คม มที ักษะในการดาเนินงาน ส่งเสริมให้มีวุฒิภาวะ ทางอารมณ์ สังคม ศีลธรรม จรยิ ธรรม ให้ผู้เรียนรู้จกั และเข้าใจตนเอง สามารถวางแ ผนชีวิตและอาชีพได้อย่าง เหมาะสม กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นเป็นกจิ กรรมทมี่ ุ่งใหผ้ ู้เรยี นพัฒนาตนเองตามศกั ยภาพ พัฒนาการเรียนรู้อย่างรอบ ดา้ นเพอื่ ความเปน็ มนุษย์ท่ีสมบูรณ์ท้ังร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวนิ ยั ปลกู ฝงั ใหส้ ร้างจติ สานกึ ของการทาประโยชนเ์ พ่อื สังคม สามรถจักการตนเองได้และอยู่ ร่วมกับผู้อน่ื อย่างมคี วามสขุ โรงเรียนบ้านเริงรมย์ ได้จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยแบง่ ออกเปน็ ๓ ลกั ษณะ ดังน้ี ๑. กจิ กรรมแนะแนว เป็นกิจกรรมท่ีสง่ เสริมและพฒั นาผเู้ รยี นให้รจู้ ักตนเอง รูร้ ักษ์สงิ่ แวดลอ้ ม สามารถ ตัดสนิ ใจ คดิ แก้ปญั หา กาหนดเปา้ หมาย วางแผนชีวิตท้ังด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได้อย่าง เหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเหลือและให้คาปรึกษาแก่ ผปู้ กครองในการมสี ว่ นรว่ มพัฒนาผู้เรียน โดยนักเรียนทุกคนต้องเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนว ๔๐ ช่ัวโมงต่อปี การศึกษา ๒. กิจกรรมนักเรียน เป็นกิจกรรมทม่ี ุ่งพฒั นาระเบยี บวินัย ความเปน็ ผู้นา ผู้ตามท่ีดี ความรับผิดชอบ การทางานร่วมกนั รจู้ ักแกป้ ัญหา การตดั สนิ ใจที่เหมาะสม ความมเี หตผุ ล การชว่ ยเหลอื แบ่ งปันเอื้ออาทรและ สมานฉนั ท์ โดยจดั ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผเู้ รยี น ให้ไดป้ ฏบิ ัติด้วยตนเอง ในทกุ ข้ันตอน ได้แก่ การศึกษาวเิ คราะห์ วางแผน ปฏิบัติตามแผนประเมินและปรับปรุงการทางานเน้นการ ทางานรวมกนั เป็นกลุ่มตามความเหมาะสมและสอดคล้องกบั วฒุ ิภาวะของผู้เรียนและบริบทของสถานศึกษาและ ท้องถนิ่ กิจกรรมนกั เรยี น ประกอบดว้ ย กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี นักเรียนทุกคนต้องเข้าร่ วม กิจกรรม ลกู เสอื เนตรนารี ๔๐ ชวั่ โมงต่อปกี ารศกึ ษา กิจกรรมชุมนุม นกั เรียนทุกคนต้องเขา้ ร่วมกิจกรรม ชมรม ๓๐ ชง่ั โมงต่อปีการศึกษา ๓. กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ เปน็ กจิ กรรมที่สง่ เสริมให้ผเู้ รียนบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ ต่อสงั คม ชมุ ชนและท้องถิ่นตามความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสียสละการมจี ิตสาธารณะ เชน่ กจิ กรรมอาสาพัฒนาต่างๆ กจิ กรรมสรา้ งสรรคส์ ังคม นกั เรียนทุกคนต้อง เขา้ รว่ มกจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ ๑๐ ชวั่ โมงต่อปีการศกึ ษา โครงสร้างและอัตราเวลาการจดั กจิ กรรม กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น ระดับประถมศกึ ษา ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔ ป.๕ ป.๖ ๑. กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๒. กิจกรรมนกั เรยี น ๒.๑ ลูกเสอื -เนตรนารี ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๒.๒ กจิ กรรมชมุ นมุ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓๐ ๓. กิจกรรมเพื่อสังคม ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ และสาธารณประโยชน์ เวลาเรยี นรวม ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนบ้านตมิ (พนั ธ์พิทยาคม) (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๓)
๑. กจิ กรรมแนะแนว วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อผเู้ รยี นคน้ พบความถนัด ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รักละเหน็ คุณคา่ ในตนเองและผู้อ่ืน ๒. เพื่อให้ผู้เรยี นแสวงหาความรู้จากขอ้ มลู ขา่ วสาร แหล่งเรยี นรู้ ทัง้ ด้านการศึกษา อาชีพส่วนตัว สังคม เพอื่ นาไปใช้ในการวางแผน เลอื กแนวทางการศกึ ษาอาชีพไดอ้ ย่างเหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพ ของตนเอง ๓. เพื่อให้ผเู้ รียนได้พัฒนาบุคลิกภาพ และรบั ตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมคี วามสุข ๔. เพื่อใหผ้ ู้เรยี นมคี วามรู้ มีทักษะ มคี วามคดิ สร้างสรรค์ ในงานอาชีพและมเี จตคติท่ดี ตี ่ออาชีพสุจริต ๕. เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนมคี ่านยิ มท่ีดงี ามในการดาเนินชวี ติ สรา้ งเสริมวินยั คุณธรรมและจรยิ ธรรมแกน่ กั เรยี น ๖. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนมจี ติ สานกึ ในการรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ แนวการจัดกจิ กรรม โรงเรยี นบ้านติม (พนั ธ์พทิ ยาคม) ไดจ้ ัดกิจกรรมแนะแนวเพื่อช่วยเหลือและพัฒนา ผเู้ รียน ดงั น้ี ๑. จัดกิจกรรมเพอื่ ให้ครไู ดร้ ูจ้ กั และช่วยเหลอื ผเู้ รยี นมากข้ึน โดยใช้กระบวนการทางจิตวิทยา การ จัดบริการสนเทศ โดยให้มเี อกสารเพอ่ื ใช้ในการสารวจข้อมูลเก่ียวกับตัวผู้เรียน ด้วยการสังเกต สัมภาษณ์ การใชแ้ บบสอบถาม การเขยี นประวตั ิ การพบผู้ปกครองก่อนและระหว่างเรียน การ เยยี่ มบา้ นนักเรยี น การใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผ้เู รยี นเรื่องสุขภาพจิต เศรษฐกิจ การจัดทาระเบียน สะสม สมดุ รายงานประจาตวั นักเรียน และบตั รสขุ ภาพ ๒. การจดั กจิ กรรมพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ โดยทาแบบทดสอบเพ่อื รจู้ ักและเข้าใจตนเอง มีทักษะ ในการตดั สนิ ใจ การปรับตัว การวางแผนเพ่ือเลือกศกึ ษาตอ่ เลือกอาชีพ ๓. การจัดบริการให้คาปรึกษาแกผ่ ู้เรียนรายบุคคล และรายกลุ่ม ในด้านการศึ กษา อาชีพ และ ส่วนตวั โดยมีผใู้ หค้ าปรกึ ษาท่มี ีคณุ วฒุ ิ และมคี วามเชยี่ วชาญในเรอ่ื งการให้คาปรึกษา ตลอดจนมี ห้องให้คาปรึกษาทเี่ หมาะสม ๓.๑ ช่วยเหลอื ผู้เรยี นทีป่ ระสบปญั หาด้านการเงนิ โดยการใหท้ ุนการศึกษาแกผ่ ูเ้ รยี น ๓.๒ ตดิ ตามเก็บขอ้ มลู ของนกั เรยี นท่ีสาเรจ็ การศกึ ษา ๒. กจิ กรรมนักเรยี น ๑. กิจกรรมลูกเสือ กจิ กรรมลูกเสือ - เนตรนารี ผู้เรยี นในระดับชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ ทกุ คน ได้ฝึกอบรมวิชาลูกเสือ - เนตรนารี เพ่ือส่งเสริม หลกั การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตริย์เป็นประมุข ส่งเสริมความสามัคคี มีวิ นัย และ บาเพญ็ ประโยชน์ตอ่ สังคม โดยดาเนินการจัดกิจกรรมตามขอ้ กาหนดของคณะกรรมการลูกเสอื แห่งชาติ วตั ถุประสงค์ พระราชบญั ญัตลิ ูกเสือ พ.ศ.๒๕๕๑ มาตรา ๘ ได้กาหนดวัตถุประสงค์ของการฝึกอบรม เพ่ือพัฒนา ลกู เสือทง้ั ทางกาย สตปิ ญั ญา จติ ใจ และศลี ธรรมใหเ้ ป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และช่วยสร้างสรรค์ สงั คม เพอื่ ให้เกิดความสามัคคี และความเจริญกา้ วหน้า ทงั้ น้เี พอื่ ความสงบสขุ และความมงั่ คงของประเทศชาติ ตามแนวทางดงั ตอ่ ไปนี้ หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านตมิ (พันธ์พทิ ยาคม) (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
๑. ใหม้ ีนสิ ัยในการสังเกต จดจา เช่อื ฟัง และพงึ่ ตนเอง ๒. ใหม้ คี วามซอ่ื สัตยส์ จุ ริต มีระเบียบวนิ ยั และเหน็ อกเห็นใจผ้อู นื่ ๓. ให้รู้จักบาเพ็ญตนเพอื่ สาธารณประโยชน์ ๔. ให้รจู้ ักทาการฝีมือและฝกึ ฝนการทากิจกรรมตา่ งๆตามความเหมาะสม ๕. ให้รู้จักรักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรม และความมัง่ คงชองชาติ แนวการจดั กจิ กรรม กจิ กรรมลกู เสือ เนตรนารี ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๑-๓ เปิดประชุมกอง ดาเนนิ การตามกระบานการของลกู เสอื และจดั กิจกรรมให้ศึกษาวิเคราะห์ วางแผน ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามมาตรฐาน โดยเนน้ ระบบหมู่ สรปุ ผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ปดิ ประชมุ กอง โดยให้ผเู้ รียนศึกษา และฝึกปฏิบัตดิ ังนี้ ๑. เตรียมลกู เสอื สารอง นยิ ายเร่อื เมาคลี ประวตั กิ ารเร่มิ กิจกรรมลูกเสือสารอง การทาความ เคารพเปน็ หมู่ (แกรนดฮ์ าวล์) การทาความเคารพเปน็ รายบคุ คล การจับมือซ้าย ระเบียบ แถวเบือ้ งตน้ คาปฏิญาณ กฎ และคติพจนข์ องลกู เสอื สารอง ๒. ลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๑ , ๒ และ ๓ อนามัย ความสามารถเชิงทักษะ การสารวจ การคน้ หาธรรมชาติ ความปลอดภัย บรกิ าร ธง และประเทศต่างๆ การฝีมือ กิจกรรม กลางแจ้ง การบันเทิง การผกู เง่ือน คาปฏิญาณ และกฎของลกู เสอื สารองโดยใช้กระบาน การทางาน กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลมุ่ กระบวนการจดั การ กระบวนการ คิดริเริ่ม สรา้ งสรรค์ กระบวนการฝึกปฏบิ ัติ ทางลูกเสือ กระบวนการทางเทคโนโลยี และภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่นได้อย่างเหมาะสม เพอ่ื ให้มีความรู้ ความเข้าใจในกจิ กรรมลูกเสอื สามารถปฏิบัตติ ามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ ลูกเสอื สารอง มนี สิ ยั ในการสังเกต จดจา เชือ่ ฟงั และพ่งึ ตนเอง ซื่อสัตย์ สจุ ริต มีระเบียบวินัย และเห็ นอก เหน็ ใจผอู้ ่ืน บาเพญ็ ตนเพื่อสาธารณประโยชน์ รู้จักทาการฝมี อื พฒั นากาย จิตใจ และศีลธรรม ท้ังน้ีโดยไม่ เก่ยี วขอ้ งกับลทั ธทิ างการเมอื งใดๆ สนใจและอนุรักษธ์ รรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม นาไปใช้ในชวี ิตประจาวันได้อย่าง มีประสิทธิภาพ กจิ กรรมลกู เสือ - เนตรนารี ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๔-๖ เปิดประชมุ กอง ดาเนนิ การตามกระบวนการของลูกเสอื และจัดกจิ กรรมใหศ้ กึ ษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามมาตรฐาน โดยเน้นระบบหมู่ สรุปการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ปิดประชุมกอง โดยให้ผู้เรียนศึกษา และปฏบิ ตั ใิ นเรอื่ ง ๑. ลูกเสือตรี ความรู้เกี่ยวกับขบวนการลูกเสือ คาปฏิญาณและกฎของลูกเสือสามัญ กิจกรรม กลางแจง้ ระเบยี บแถว ๒. ลกู เสอื โท การรจู้ กั ดแู ลตนเอง การชว่ ยเหลือผอู้ ื่น การเดนิ ทางไปยังสถานท่ีต่างๆ ทกั ษะทางวิชา ลูกเสือ งานอดิเรกและเร่อื ทนี่ ่าสนใจ คาปฏิญาณ และกฎของลูกเสอื ระเบียบแถว ๓. ลกู เสือเอก การพึ่งพาตนเอง การบรกิ าร การผจญภยั วชิ าการของลกู เสอื ระเบยี บแถว โดยใช้ กระบวนการทางาน กระบวนการแกป้ ญั หา ระบวนการกลมุ่ กระบวนการจัดการ กระบวนการ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านตมิ (พันธ์พทิ ยาคม) (ฉบบั ปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓)
คิดริเริม่ สรา้ งสรรค์ กระบวนการฝึกปฏบิ ัตทิ างลูกเสือ กระบวนการทางเทคโนโลยี และภูมิ ปัญญาทอ้ งถนิ่ ไดอ้ ย่างเหมาะสม เพอ่ื ใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจในกจิ กรรมลูกเสือ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์ของ ลกู เสือสามัญ มนี ิสยั ในการสงั เกต จดจา เชื่อฟงั และพึ่งตนเอง ซ่ือสัตย์ สจุ ริต มีระเบียบวินัย และเห็นอก เห็นใจผอู้ ่นื บาเพ็ญตนเพอื่ สารธารณประโยชน์ รู้จกั ทาการฝีมอื พัฒนากาย จติ ใจ และศีลธรรม ทง้ั น้ีโดย ไมเ่ กีย่ วขอ้ งกบั ลทั ธทิ างการเมืองใดๆ สนใจและอนุรักษ์ธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม และนาไปใช้ใ นชีวิตประจาวัน ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ หมายเหตุ ผเู้ รยี นไดป้ ฏิบัตกิ ิจกรรม และผ่านการทดสอบแลว้ จะได้รบั เคร่อื งหมายลูกเสือตรี ลูกเสือโท และลูกเสอื เอก ๒. กิจกรรมชมุ นมุ วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อให้ผู้เรยี นได้ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตามความสนใจ ความถนดั และความตอ้ งการของตน ๒. เพอ่ื ให้ผู้เรียนได้พัฒนาความรู้ ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ให้เกิด ประสบการณ์ทง้ั ทางวิชาการและวชิ าชีพตามศักยภาพ ๓. เพ่ือส่งเสรมิ ให้ผ้เู รียนใชเ้ วลาให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม ๔. เพ่ือให้ผู้เรยี นทางานร่วมกบั ผ้อู นื่ ไดต้ ามวถิ ีประชาธปิ ไตย แนวการจัดกจิ กรรม การจัดกิจกรรมตามความสนใจ (ชมุ นมุ ) ผเู้ รียนสามารถเลอื กเขา้ เป็นสมาชกิ ชมรม วางแผนการดาเนิน กจิ กรรมร่วมกัน โดยมชี มรมทห่ี ลากหลาย เหมาะสมกับเพศ วัย และความสนใจของผู้เรียน ประกอบด้วยกิจกรรม ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม วฒั นธรรม อนรุ ักษ์สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมประชาธิปไตย ส่งเสริมการเรียนรู้ และค่าย วิชาการ การศึกษาดงู าน การฝึกปฏบิ ัติ การบรรยายพเิ ศษดังตวั อย่างพอสังเขปต่อไปนี้ ๑. กจิ กรรมพัฒนาวฒุ ภิ าวะทางอารมณ์ ศีลธรรมและจริยธรรม จดั สอนจรยิ ธรรมในหอ้ งเรียน จัดให้ มีการปฏบิ ัติกิจกรรมเน่ืองในวันสาคัญทั้งทางชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยผู้เรียนมีส่วนร่วม ในการจัดกิจกรรมทั้งในด้านวัฒนธรรม ประเพณี กฬี า และศีลปะ ๒. กจิ กรรมพัฒนาทักษะชีวติ จดั กจิ กรรมแขง่ ขนั กฬี าสีทุกช่วงช้ัน โดยผูเ้ รยี นได้ฝกึ ทกั ษะการทางาน และการแกป้ ัญหาทกุ ข้ันตอน ๓. กิจกรรมสง่ เสริมนิสัยรกั การทางาน จัดกจิ กรรมวนั วชิ าการโดยผู้เรียนมีโอกาสปฏิบัติจริง และฝึก ทกั ษะการจดั การ ๔. กจิ กรรมเพ่ืออนุรักษ์สง่ิ แวดล้อมและวัฒนธรรม โดยจัดกิจกรรมสืบสานวัฒนธรรมไทย เช่น ประเพณีไหว้ครู ประเพณีลอยกระทง ๕. กจิ กรรมส่งเสรมิ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตย จดั ใหม้ ีการเลอื กคณะกรรมการนกั เรยี น โดยใหน้ ากระบวนการประชาธิปไตยไปใช้ในการรว่ มวางแผนดาเนินงานพัฒนาโรงเรียน ๖. กิจกรรมคนดขี องสงั คม จดั ให้มีการบรรยายให้ความรู้ เพื่อป้องกันปัญหาโรคติดต่อร้ายแรง ปญั หายาเสพติด ปัญหาวัยรุ่น ใหค้ วามรูเ้ พื่อปลูกฝังใหเ้ ปน็ สุภาพบุรุษ สุภาพสตรี ๗. กิจกรรมส่งเสรมิ การเรียนรู้ โดยจัดแหล่งเรียนรู้ ได้แก่ ห้องสมุด ห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ หอ้ งเทคโนโลยีสารสนเทศ หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นตมิ (พนั ธ์พทิ ยาคม) (ฉบบั ปรับปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
๘. กิจกรรมสง่ เสรมิ สุขภาพและอนามัย ใหบ้ รกิ ารห้องพยาบาล มบี ริการให้ความรแู้ กผ่ ู้เรียน เพื่อป้องกนั โรคระบาดอยา่ งทันเหตกุ ารณ์ ๓. กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ วตั ถุประสงค์ ๑. เพอ่ื ให้ผู้เรยี นบาเพ็ญตนใหเ้ ป็นประโยชนต์ ่อครอบครวั โรงเรียน ชุมชน และประเทศชาติ ๒. เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนออกแบบกจิ กรรมเพอ่ื สังคมและสาธารประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ตามความถนัด และความสนใจในลักษณะอาสาสมคั ร ๓. เพ่ือให้ผูเ้ รียนพฒั นาศกั ยภาพในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่างมี ประสิทธภิ าพ ๔. เพื่อใหผ้ ้เู รียนปฏิบัติกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรมตาม คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๕. เพอื่ ให้ผู้เรยี นมีจิตสาธารณะและใช้เวลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน์ แนวการจัดกิจกรรม การจดั กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ เปน็ กิจกรรมท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ทาประโยชน์ ตามความสามารถ ความถนัดและความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม ความเสยี สละตอ่ สงั คม มีจิตใจม่งุ ทาประโยชน์ต่อครอบครัว ชุมชนและสังคมกิจกรรมสาคัญ ได้แก่ กิจกรรม บาเพ็ญประโยชน์ กจิ กรรมสรา้ งสรรค์สงั คม กิจกรรมดารงรกั ษา สบื สาน ศาสนา ศลิ ปะและวัฒนธรรม กิจกรรม พฒั นานวตั กรรมและเทคโนโลยี เวลาเรียนสาหรับกิจกร รมเพ่ือสังคมและสาธาร ณประโยชน์ในส่วนกิจ กร รมเพ่ือสังคมและ สาธารณประโยชน์ จัดสรรเวลาใหผ้ ู้เรียนระดบั ประถมศึกษาปที ี่ ๑-๖ รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ชั่วโมง (เฉล่ียปีละ ๑๐ ชวั่ โมง) การจัดกจิ กรรมเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ ในระดับประถมศกึ ษาปที ี่ ๑-๖ เป็นการจัดกิจกรรม ภายในเวลาเรียน โดยใหผ้ ูเ้ รียนรายงานแสดงกรเขา้ รว่ มกจิ กรรมลงในสมุดบันทึก และมีผู้รับรองผลการเข้าร่วม กิจกรรมทุกครงั้ แนวทางการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โรงเรยี นบา้ นตมิ (พันธพ์ ทิ ยาคม) กาหนดแนวทางในการประเมินกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนดงั น้ี ๑. การประเมินกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนรายกิจกรรม มแี นวทางปฏิบตั ิดังนี้ ๑.๑ การตรวจสอบเวลาเข้าร่วมกิจกรรมของผูเ้ รียน ไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนตลอด ปีการศกึ ษา ๑.๒ ประเมินกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนจากการปฏบิ ัติกจิ กรรมและผลงาน/ชน้ิ งานของผู้เรียน ผู้เรียน ตอ้ งไดร้ บั การประเมนิ ทกุ ผลการเรยี นรู้ และผ่านทุกผลการเรยี นรู้ โดยแต่ละผลการเรียนร้ผู ่านไมน่ ้อยกล่าร้อยละ ๕๐ หรอื มีคุณภาพในระดบั ๑ ขึ้นไป ๑.๓ ผเู้ รยี นมเี วลาเข้ารว่ มกจิ กรรม การปฏิบัติกิจกรรมและผลงาน/ชิ้นงานของผู้เรียนตามเกณฑ์ ขอ้ ๑.๑ และขอ้ ๑.๒ ถอื วา่ ผ้เู รียนมีผลการเรียน “ผ” ผ่านการประเมินกิจกรรมและนาผลการประเมินไป บนั ทกึ ในระเบียนแสดงผลการเรียน หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบ้านตมิ (พนั ธ์พิทยาคม) (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓)
๑.๔ ผเู้ รียนมเี วลาเข้าร่วมกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน การปฏิบัติกิจกรรมและผลงานไม่เป็นไปตาม เกณฑ์ ข้อ ๑.๑ และขอ้ ๑.๒ ถอื ว่าผเู้ รียนมีผลการเรียน “มผ” โรงเรียนต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนทา กิจกรรมในส่วนที่ผ้เู รยี นไมไ่ ดเ้ ข้าร่วมหรือไมไ่ ดท้ าจนครบถ้วน แล้วจงึ เปลย่ี นผลการเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” และนาผลการประเมินไปบนั ทกึ ในระเบียนแสดงผลการเรยี น ๒. การประเมินกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียนเพ่ือการตัดสิน มแี นวปฏบิ ัติดงั นี้ ๒.๑ กาหนดให้ผู้รบั ผดิ ชอบในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนของผู้เรียน ทกุ คนตลอดระดบั การศึกษา ๒.๒ ผรู้ ับผดิ ชอบสรปุ และตดั สนิ การร่วมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นของผู้เรียนเป็นรายบุคคลตามเกณฑ์ ทโี่ รงเรียนกาหนด ผู้เรียนจะตอ้ งผ่านกิจกรรม ๓ กจิ กรรมสาคญั ดังนี้ ๒.๒.๑ กจิ กรรมแนะแนว ๒.๒.๒ กจิ กรรมนกั เรียน ไดแ้ ก่ ๑. กจิ กรรมลกู เสอื เนตรนารี ๒. กิจกรรมชมุ นมุ ๒.๒.๓ กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ๒.๓ การนาเสนอผลการประเมินต่อคณะกรรมการกลมุ่ สาระการเรียนร้แู ละกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น ๒.๔ เสนอผ้บู ริหารโรงเรียนพจิ ารณาอนมุ ัตผิ ลการประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี นผ่านเกณฑ์การจบ แต่ละระดบั การศึกษา หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นตมิ (พนั ธ์พิทยาคม) (ฉบบั ปรับปรุง พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓)
คาอธิบายรายวชิ า กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นตมิ (พันธพ์ ทิ ยาคม) (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓)
ก ๑๑๙๐๑ กจิ กรรมแนะแนว คาอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๑ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน เวลา ๔๐ ชั่วโมง คาอธบิ ายรายวชิ า บอกชือ่ และหน้าทขี่ องสว่ นต่าง ๆ ของร่างกายตนเองไดถ้ กู ตอ้ ง ระบุส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ตนเอง พอใจพร้อมเหตผุ ล และรับรู้ในสว่ นของร่างกายทเ่ี พอ่ื นพอใจ ดแู ลรักษาสว่ นต่าง ๆ ของร่างกายท้ังของตนเองและ เพอื่ นให้ปลอดภัย บอกอารมณแ์ ละความรสู้ ึกของตนเองได้ รับร้คู วามแตกต่างทางดา้ นร่างกายของตนเองและเพ่อื น ยอมรับ ความแตกตา่ งทางด้านรา่ งกายของตนเองและเพือ่ น ระบุงานและกิจกรรมเกี่ยวกับการเรียนที่ชอบและไม่ชอบ รวมทั้งการรบั รูค้ วามชอบและไม่ชอบของเพือ่ นในชั้นเรยี น บอกอาชีพของพ่อแม่ บอกความหมายของเคร่ืองหมาย สญั ลักษณท์ แ่ี สดงถึงคุณภาพด้านการเรียนของ ตน ดูแลตัวเองในการปฏิบัติกิจวตั รประจาวัน รจู้ กั สังเกต ต้งั คาถาม และแสวงหาคาตอบ รู้เท่าทันอารมณ์ของ ตนเอง และเปน็ ผู้ฟังทด่ี ี ผลการเรียนรู้ 1. เรียกชอื่ ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไดถ้ ูกต้อง ๒. ระบสุ ่วนตา่ ง ๆ ของร่างกายท่ีตนเองพอใจพร้อมเหตผุ ล และรบั รู้ในสว่ นของร่างกายทเี่ พ่ือนพอใจ ๓. ดแู ลส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกายทงั้ ของตนเองและเพอ่ื นให้ปลอดภัย ๔. บอกอารมณแ์ ละความรสู้ ึกของตนเองได้ ๕. รับร้คู วามแตกต่างทางด้านร่างกายของตนเองและเพ่ือน ๖. ยอมรับความแตกตา่ งทางดา้ นร่างกายของตนเองและเพื่อน ๗. ระบุงานและกิจกรรมเก่ียวกบั การเรยี นที่ชอบและไม่ชอบ รวมท้ังการรับรู้ความชอบและไม่ชอบ ของเพือ่ นในชนั้ เรยี น ๘. บอกอาชีพของพอ่ แม่ ๙. บอกความหมายของเคร่ืองหมาย สญั ลกั ษณท์ ่ีแสดงถงึ คุณภาพดา้ นการเรียนของตน ๑๐. ดูแลตัวเองในการปฏิบตั กิ ิจวตั รประจาวัน ๑๑. รู้จักสังเกต ตงั้ คาถาม และแสวงหาคาตอบ ๑๒. รู้เท่าทันอารมณ์ ๑๓. เป็นผู้ฟังทด่ี ี รวมทั้งหมด ๑๓ ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นตมิ (พนั ธ์พทิ ยาคม) (ฉบับปรับปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓)
ก ๑๒๙๐๑ กจิ กรรมแนะแนว คาอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๒ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน เวลา ๔๐ ชั่วโมง คาอธิบายรายวชิ า อธบิ ายหนา้ ท่ีของสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกายได้ถูกต้อง ดูแลรักษาส่วนต่าง ๆ ของร่างกายท้ังของตนเอ ง และเพือ่ ให้ปลอดภัย บอกอารมณ์ ความรสู้ ึกของตนและรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของครู เพื่อนในห้องเรียนและสมาชิกใน ครอบครัว รับรอู้ ารมณ์ความรสู้ กึ ของตนเองและเพ่ือน ยอมรับความแตกต่างด้านอารมณ์ จิตใจของตนเองและ เพือ่ น บอกอาชพี ในชมุ ชน บอกความหมายผลการเรียนของตน ระบุวิชาที่มีผลการเรียนอยู่ในระดับดีและท่ี ต้องปรบั ปรงุ แสดงพฤตกิ รรมท่ีแสดงถึงความมีเมตตา แบง่ ปันของกนิ ของใช้ วิเคราะห์ความนา่ เชือ่ ถอื ของขอ้ มลู ขา่ วสาร ได้สมเหตุสมผล ควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ และใชภ้ าษาและกิริยาทเ่ี หมาะสมในการสอื่ สาร ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายหน้าท่ขี องส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกายได้ถกู ตอ้ ง ๒. ดแู ลรกั ษาส่วนต่าง ๆ ของร่างกายท้ังของตนเองและเพือ่ ให้ปลอดภยั ๓. บอกอารมณ์ ความรู้สึกของตนและรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของครู เพ่ือนในห้องเรียนและสมาชิกใน ครอบครัว ๔. รบั รู้อารมณค์ วามรสู้ กึ ของตนเองและเพือ่ น ๕. ยอมรบั ความแตกต่างด้านอารมณ์ จติ ใจของตนเองและเพื่อน ๖. บอกอาชีพในชมุ ชน ๗. บอกความหมายผลการเรยี นของตน ๘. ระบวุ ิชาที่มีผลการเรียนอยู่ในระดบั ดแี ละทต่ี อ้ งปรับปรุง ๙. แสดงพฤตกิ รรมที่แสดงถึงความมีเมตตา แบง่ ปนั ของกนิ ของใช้ ๑๐. วเิ คราะห์ความนา่ เช่ือถือของข้อมูลขา่ วสารได้สมเหตสุ มผล ๑๑. ควบคมุ อารมณข์ องตนเองได้ ๑๒. ใช้ภาษาและกิรยิ าท่ีเหมาะสมในการสอื่ สาร รวมท้งั หมด ๑๒ ผลการเรยี นรู้ หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นตมิ (พันธ์พทิ ยาคม) (ฉบบั ปรบั ปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
ก ๑๓๙๐๑ กจิ กรรมแนะแนว คาอธิบายรายวชิ ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เวลา ๔๐ ช่วั โมง คาอธิบายรายวิชา บอกประโยชนข์ องสว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกายไดถ้ ูกตอ้ ง รับรกู้ ารเปล่ยี นแปลงของร่างกายตามวัย ยอมรับ การเปลย่ี นแปลงของร่างกายตามวยั ระบสุ าเหตุของการเกิดอารมณ์ความรสู้ ึกของตนเองและเพือ่ น ยอมรบั ความแตกต่างด้านอารมณ์ จิตใจ ของตนเองและเพ่อื น รับรู้อารมณ์ ความรสู้ ึกของครู เพือ่ นตา่ งห้องเรียน และสมาชิกในครอบครัว แสดงความคิด และแสดงออกด้านอารมณ์ที่มีต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา คานึงถึง ความรู้สึกของผู้อนื่ ในการสื่อสาร ระบุความสนใจ ความถนัด ความสามารถด้านการเรยี นของตนเองพร้อมเหตุผล รับรคู้ วามสนใจ ความถนัด ความสามาร ถด้าน การเรียนของเพ่ือนพร้อมเหตุผล ยอมรับความแตกต่างด้า นควา มสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรยี นของตนเองและเพื่อน ยอมรบั ความแตกต่างดา้ นบุคลิกภาพของตนเองและเพ่อื น บอกอาชพี ทห่ี ลากหลาย บอกพฤตกิ รรมของตนเองท่ีชว่ ยให้ผลการเรยี นดี ระบพุ ฤติกรรมที่จะนามาใช้ในการ ปรับตวั ดา้ นการเรยี นให้มีผลการเรยี นระดบั ดีขน้ึ ไป และมีความพร้อมสาหรบั การประเมินระดบั ชาติ รวมทงั้ ประเมินสถานการณ์และนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ผลการเรียนรู้ 1. บอกประโยชน์ของสว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกายไดถ้ กู ตอ้ ง ๒. รบั ร้กู ารเปลยี่ นแปลงของรา่ งกายตามวัย ๓. ยอมรบั การเปลย่ี นแปลงของร่างกายตามวัย ๔. ระบสุ าเหตขุ องการเกดิ อารมณค์ วามรูส้ ึกของตนเองและเพื่อน ๕. ยอมรบั ความแตกต่างดา้ นอารมณ์ จติ ใจของตนเองและเพ่อื น ๖. รบั รู้อารมณ์ ความร้สู กึ ของครู เพื่อนตา่ งห้องเรยี น และสมาชกิ ในครอบครวั ๗. แสดงความคดิ และแสดงออกดา้ นอารมณ์ท่ีมีต่อสถานการณ์ตา่ ง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๘. รจู้ กั เอาใจเขามาใสใ่ จเรา ๙. คานึงถงึ ความร้สู กึ ของผอู้ ื่นในการสือ่ สาร ๑๐. ระบุความสนใจ ความถนัด ความสามารถด้านการเรียนของตนเองพรอ้ มเหตผุ ล ๑๑. รับรู้ความสนใจ ความถนดั ความสามารถด้านการเรียนของเพอื่ นพร้อมเหตุผล ๑๒. ยอมรับความแตกตา่ งดา้ นความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียนของตนเองและเพือ่ น ๑๓. ยอมรับความแตกต่างด้านบุคลกิ ภาพของตนเองและเพื่อน ๑๔. บอกอาชีพที่หลากหลาย ๑๕. บอกพฤตกิ รรมของตนเองทช่ี ่วยใหผ้ ลการเรียนดี ๑๖. ระบพุ ฤติกรรมทจ่ี ะนามาใช้ในการปรบั ตวั ดา้ นการเรยี นใหม้ ผี ลการเรยี นระดับดีข้ึนไป และมีความ พรอ้ มสาหรับการประเมนิ ระดับชาติ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นติม (พนั ธ์พิทยาคม) (ฉบับปรบั ปรุง พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓)
๑๗. ประเมินสถานการณ์และนาไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจาวนั รวมท้งั หมด ๑๗ ผลการเรียนรู้ ก ๑๔๙๐๑ กิจกรรมแนะแนว คาอธิบายรายวิชากิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น เวลา ๔๐ ชวั่ โมง คาอธิบายรายวิชา รบั ร้กู ารเปลยี่ นแปลงของร่างกายตามวัย บอกความคิด ความรู้สึก อารมณ์ของตนและรับรู้ความคิด ความรสู้ กึ อารมณข์ องครู เพ่ือน และสมาชกิ ในครอบครวั จาแนกความคิด ความรู้สึก อารมณ์ท่ีดีและไม่ดีของ ตนเองและผอู้ ่ืน อธิบายบุคลิกภาพของตนเองและรับรบู้ คุ ลิกภาพของเพื่อน รับไดก้ ับบคุ ลกิ ภาพของตนเอง ยอมรับในส่ิง ทีผ่ ้อู ่นื เปน็ ด้านบุคลิกภาพ พอใจในส่ิงท่ดี ขี องตนเองด้านร่างกาย ความคิด อารมณ์ และจิตใจ ช่ืนชมสิ่งที่ดีของ ผู้อื่น ดา้ นรา่ งกาย ความคิด อารมณ์ และจิตใจ ยอมรับสิ่งทต่ี นเองมีในดา้ นความสนใจ ความถนัด ความสามารถ ทางการเรียน เข้าใจผู้อนื่ ในด้านความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียน บอกลกั ษณะของอาชีพทสี่ นใจ บอกคุณลักษณะของตนเองท่ีสอดคล้องกับอาชีพท่ีสนใจ วิเคราะห์ผลการเรียน ของตนแตล่ ะรายวิชา และระบุวิธีการพฒั นารายวชิ าทีผ่ ลการเรียนยังไมเ่ ป็นท่พี อใจ มจี ินตนาการและมคี วามสามารถในการคิดเชื่อมโยง มีวิธีผ่อนคลายอารมณ์และความเครียดให้กับ ตนเอง ร้จู ักแสดงความคดิ ความรู้สึกช่ืนชมการกระทาทดี่ ีงามให้ผอู้ น่ื รบั รู้ มมี ารยาทในการสอื่ สารกบั ผู้อืน่ ช่ืนชมความสาเร็จ ความสามารถและการกระทาที่ดีงามของผู้อ่ืน ดว้ ยคาพดู ภาษากาย และสญั ลกั ษณ์ ควบคุมความคิดและอารมณ์ของตนเองได้ และมวี ธิ ีสรา้ งความมัน่ คงในอารมณ์ ของตนเองไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. รบั ร้กู ารเปลี่ยนแปลงของร่างกายตามวยั ๒. บอกความคดิ ความรสู้ กึ อารมณข์ องตนและรับรู้ความคิด ความรู้สึก อารมณข์ องครู เพือ่ น และสมาชกิ ในครอบครวั ๓. จาแนกความคดิ ความรูส้ ึก อารมณท์ ่ดี ีและไม่ดีของตนเองและผู้อ่นื ๔. อธบิ ายบุคลิกภาพของตนเองและรับร้บู คุ ลกิ ภาพของเพ่ือน ๕. รับไดก้ บั บุคลิกภาพของตนเอง ๖. ยอมรับในส่ิงทผ่ี ู้อืน่ เป็นด้านบคุ ลกิ ภาพ ๗. พอใจในส่งิ ท่ีดีของตนเองด้านรา่ งกาย ความคิด อารมณ์ และจติ ใจ ๘. ช่นื ชมสิ่งท่ีดขี องผูอ้ ื่น ดา้ นร่างกาย ความคดิ อารมณ์ และจติ ใจ ๙. ยอมรับสิง่ ท่ีตนเองมใี นดา้ นความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียน ๑๐. เข้าใจผูอ้ ่นื ในดา้ นความสนใจ ความถนดั ความสามารถทางการเรยี น ๑๑. บอกลกั ษณะของอาชพี ทส่ี นใจ ๑๒. บอกคุณลักษณะของตนเองที่สอดคล้องกับอาชีพทส่ี นใจ ๑๓. วเิ คราะห์ผลการเรียนของตนแต่ละรายวิชา หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านตมิ (พนั ธ์พิทยาคม) (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓)
๑๔. ระบวุ ิธกี ารพัฒนารายวิชาทผ่ี ลการเรยี นยังไม่เปน็ ท่ีพอใจ ๑๕. มจี ินตนาการและมีความสามารถในการคิดเชือ่ มโยง ๑๖. มีวิธผี อ่ นคลายอารมณแ์ ละความเครยี ดให้กับตนเอง ๑๗. รู้จกั แสดงความคิด ความรู้สึกชน่ื ชมการกระทาท่ดี งี ามให้ผู้อ่นื รบั รู้ ๑๘. มมี ารยาทในการสือ่ สารกับผ้อู ื่น ๑๙. ชื่นชมความสาเรจ็ ความสามารถและการกระทาท่ดี งี ามของผอู้ ่นื ด้วยคาพูด ภาษากาย และสญั ลกั ษณ์ ๒๐. ควบคมุ ความคิดและอารมณข์ องตนเองได้ ๒๑. มีวธิ สี รา้ งความมัน่ คงในอารมณข์ องตนเองได้อยา่ งเหมาะสม รวมทั้งหมด ๒๑ ผลการเรียนรู้ หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นตมิ (พนั ธ์พิทยาคม) (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
ก ๑๕๙๐๑ กจิ กรรมแนะแนว คาอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น เวลา ๔๐ ชว่ั โมง คาอธบิ ายรายวชิ า รบั รกู้ ารเปลย่ี นแปลงของรา่ งกายตามวยั ระบบุ คุ ลกิ ภาพท่ดี ีและไม่ดขี องตนเองและรับรู้บุคลิกภาพท่ีดี และไมด่ ขี องเพ่อื น ภูมิใจในบุคลกิ ภาพดา้ นดขี องตน ช่ืนชมบุคลกิ ภาพด้านดขี องผู้อ่นื แสดงออกถงึ ความมน่ั ใจในส่ิงทดี่ ีของตนเอง ดา้ นร่างกาย ความคิด อารมณ์ และจติ ใจ รู้เท่าทันความคิด และอารมณ์ของตนเอง จัดการกบั ความคิดและอารมณข์ องตนเองได้อย่างเหมาะสม บอกวชิ าทต่ี นเองถนดั อยา่ งมีเหตุผล รบั ร้วู ชิ าทเี่ พื่อนถนดั พรอ้ มเหตุผล ภูมใิ จในคณุ คา่ ของตนเองในด้าน ความสนใจ ความถนดั ความสามารถทางการเรียน และอาชพี ชื่นชมในคณุ คา่ ของผ้อู ่นื ในดา้ นความสนใจ ความถนดั ความสามารถทางการเรียน และอาชีพ บอกอาชพี ทีต่ นสนใจ บอกคณุ สมบัตขิ องบุคคลท่ีประกอบอาชีพ ศึกษาข้อมูลด้านอาชีพท่ีกว้างและ ลึกซึง้ มากขึ้น รบั รู้ความคดิ ความรูส้ ึก อารมณ์ของผทู้ ี่ตนคบหาสมาคม วิเคราะหผ์ ลการเรียนของตนแต่ละรายวิชา และปรบั ปรงุ พฤติกรรมการเรียนในรายวิชาที่มผี ลการเรยี นไมเ่ ปน็ ทพ่ี อใจ วพิ ากษ์ วิจารณ์ บนพ้ืนฐานของขอ้ มลู สารสนเทศที่ถูกต้อง การยุติข้อขัดแย้งในกลุ่มเพ่ือนด้วยสันติวิธี อาสาทางานเพื่อสว่ นรวมและสังคม รู้จกั ปฏเิ สธ ต่อรอง และรอ้ งขอความช่วยเหลอื ในสถานการณ์เสี่ยง แสดงออก ถงึ พฤตกิ รรมทดี่ ีในการอยรู่ ่วมกับผู้อื่น ตลอดจนรับฟังและยอมรบั ความคิดเห็นซ่ึงกนั และกัน ผลการเรียนรู้ 1. รบั รูก้ ารเปลีย่ นแปลงของร่างกายตามวัย ๒. ระบุบคุ ลิกภาพท่ีดีและไมด่ ขี องตนเองและรับรบู้ ุคลกิ ภาพทด่ี แี ละไม่ดขี องเพ่อื น ๓. ภมู ิใจในบคุ ลิกภาพด้านดขี องตน ๔. ช่ืนชมบคุ ลิกภาพดา้ นดีของผูอ้ ืน่ ๕. แสดงออกถงึ ความมั่นใจในสงิ่ ท่ดี ขี องตนเอง ด้านร่างกาย ความคิด อารมณ์ และจติ ใจ ๖. รู้เท่าทนั ความคิดและอารมณ์ของตนเอง ๗. จดั การกบั ความคดิ และอารมณข์ องตนเองไดอ้ ย่างเหมาะสม ๘. บอกวิชาท่ตี นเองถนดั อย่างมเี หตผุ ล ๙. รับรูว้ ชิ าทเ่ี พ่อื นถนดั พร้อมเหตุผล ๑๐. ภมู ิใจในคุณคา่ ของตนเองในดา้ นความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรียน และอาชพี ๑๑. ชน่ื ชมในคุณค่าของผ้อู ่นื ในดา้ นความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรยี น และอาชีพ ๑๒. บอกอาชพี ทต่ี นสนใจ ๑๓. บอกคุณสมบัติของบคุ คลท่ีประกอบอาชีพ ๑๔. ศึกษาขอ้ มลู ด้านอาชพี ทก่ี ว้างและลกึ ซึง้ มากขึ้น ๑๕. รบั รคู้ วามคดิ ความรู้สกึ อารมณ์ของผู้ท่ีตนคบหาสมาคม หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นตมิ (พนั ธ์พทิ ยาคม) (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
๑๖. วเิ คราะห์ผลการเรยี นของตนแตล่ ะรายวิชาและปรบั ปรุงพฤตกิ รรมการเรียนในรายวิชาทีม่ ผี ลการเรียน ไม่เป็นท่พี อใจ ๑๗. วพิ ากษ์ วจิ ารณ์ บนพน้ื ฐานของขอ้ มลู สารสนเทศท่ถี ูกตอ้ ง ๑๘. ยตุ ิข้อขัดแย้งในกลุ่มเพือ่ นดว้ ยสันติวิธี ๑๙. อาสาทางานเพ่ือส่วนรวมและสงั คม ๒๐. รู้จกั ปฏิเสธ ต่อรอง และรอ้ งขอความชว่ ยเหลอื ในสถานการณเ์ สี่ยง ๒๑. แสดงออกถงึ พฤตกิ รรมท่ดี ใี นการอยรู่ ่วมกบั ผู้อนื่ ๒๒. รับฟงั และยอมรับความคดิ เห็นซงึ่ กันและกนั รวมท้งั หมด ๒๒ ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านติม (พนั ธ์พิทยาคม) (ฉบบั ปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
ก ๑๖๙๐๑ กิจกรรมแนะแนว คาอธิบายรายวิชากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน เวลา ๔๐ ชว่ั โมง คาอธบิ ายรายวิชา รบั รูค้ วามคิด ความรสู้ ึก อารมณ์ของคสู่ นทนา แสดงออกถึงความม่นั ใจในคุณค่าของตนเอง ด้านความ สนใจ ความถนดั ความสามารถทางการเรียนและอาชีพ เชื่อม่ันในคุณค่าของผู้อ่ืนด้านความสนใจ ความถนัด ความสามารถทางการเรยี นและอาชพี แสดงออกถึงความมั่นใจในบุคลิกภาพด้านดีของตนเอง รวมทั้งเชื่อมั่นใน คณุ คา่ ของผอู้ น่ื ด้านบุคลกิ ภาพ มขี อ้ มูลโลกกว้างทางดา้ นการศกึ ษา มแี นวทางในการเลือกศึกษาต่อ พิจารณาความเหมาะสมของตน กับอาชีพทส่ี นใจ ระบอุ าชีพที่ตนเองสนใจ วิเคราะห์ผลการเรียนของตนแต่ละรายวิชา โดยเฉพาะวิชาท่ีต้องใช้ ประเมนิ ระดบั ชาติ และการเรยี นต่อระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ และเรียนร้เู พิ่มเติมเพอื่ ความพรอ้ มในการเขา้ เรียนต่อ ปฏบิ ัตติ ามกฎ กติกา และระเบียบของสังคม ปฏิบัติตนเป็นสมาชิกท่ีดีของครอบครัว โรงเรียน และ ประเทศชาติ มีวิธสี รา้ งความมั่นคงในอารมณ์ของตนเองไดอ้ ย่างเหมาะสม มีคณุ ธรรมทเี่ หมาะสมกบั วยั เช่น ซ่ือสัตย์ กตัญญกู ตเวที เอ้ือเฟ้อื เผื่อแผ่ มนี า้ ใจ มจี ิตสานกึ เพ่ือสว่ นรวม สามคั คี ฯลฯ มจี ิตอาสา และทากจิ กรรมท่ีเปน็ ประโยชน์ ตอ่ สว่ นรวม รจู้ ักวิธกี ารตดั สินใจและแก้ปญั หาทีถ่ กู ตอ้ ง ปฏิบัติกิจกรรมทท่ี าแล้วมคี วามสขุ ผู้อน่ื ไมเ่ ดอื ดร้อน ตลอดถึง ใหค้ วามร่วมมือและทางานร่วมกับผอู้ ่ืนได้อย่างสร้างสรรค์ ผลการเรยี นรู้ 1. รับรคู้ วามคิด ความรูส้ กึ อารมณ์ของคู่สนทนา ๒. แสดงออกถงึ ความมนั่ ใจในคุณคา่ ของตนเอง ดา้ นความสนใจ ความถนดั ความสามารถทางการเรียน และอาชีพ ๓. เชือ่ มน่ั ในคณุ คา่ ของผอู้ ่ืนดา้ นความสนใจ ความถนดั ความสามารถทางการเรยี นและอาชีพ ๔. แสดงออกถงึ ความมั่นใจในบุคลิกภาพด้านดขี องตนเอง ๕. เชื่อมั่นในคณุ คา่ ของผอู้ ื่นดา้ นบุคลิกภาพ ๖. มขี ้อมูลโลกกวา้ งทางดา้ นการศกึ ษา ๗. มแี นวทางในการเลอื กศกึ ษาต่อ ๘. พจิ ารณาความเหมาะสมของตนกับอาชีพทีส่ นใจ ๙. ระบอุ าชีพทตี่ นเองสนใจ ๑๐. วิเคราะห์ผลการเรยี นของตนแตล่ ะรายวิชา โดยเฉพาะวิชาทีต่ ้องใช้ประเมินระดับชาติ และการเรยี นต่อ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๑๑. เรียนร้เู พ่ิมเตมิ เพ่ือความพร้อมในการเข้าเรียนตอ่ ๑๒. ปฏิบตั ิตามกฎ กตกิ า และระเบียบของสังคม ๑๓. ปฏบิ ัติตนเป็นสมาชิกทีด่ ขี องครอบครวั โรงเรียน และประเทศชาติ หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านติม (พันธพ์ ทิ ยาคม) (ฉบบั ปรับปรุง พุทธศกั ราช ๒๕๖๓)
๑๔. มวี ธิ สี รา้ งความมัน่ คงในอารมณ์ของตนเองไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๑๕. มีคุณธรรมทเ่ี หมาะสมกับวยั เช่น ซอ่ื สตั ย์ กตัญญกู ตเวที เอื้อเฟื้อเผ่ือแผ่ มีน้าใจ มีจิตสานึกเพื่อ ส่วนรวม สามัคคี ฯลฯ ๑๖. มีจิตอาสา และทากิจกรรมท่ีเป็นประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม ๑๗. รูจ้ กั วธิ ีการตัดสินใจและแกป้ ัญหาทีถ่ กู ตอ้ ง ๑๘. ปฏิบตั ิกจิ กรรมท่ีทาแล้วมีความสุข ผอู้ ่ืนไม่เดือดร้อน ๑๙. ใหค้ วามร่วมมอื และทางานร่วมกับผู้อ่นื ไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ รวมท้งั หมด ๑๙ ผลการเรียนรู้ หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นติม (พันธพ์ ทิ ยาคม) (ฉบับปรบั ปรุง พุทธศกั ราช ๒๕๖๓)
คาอธบิ ายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ก ๑๑๙๐๒ กิจกรรมลกู เสือสารอง (ดาวดวงที่ ๑) กจิ กรรมนกั เรยี น ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๑ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง คาอธิบายรายวชิ า เปิดประชมุ กอง ดาเนนิ การตามกระบวนการของลูกเสอื และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏบิ ัติกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ โดยเน้นระบบหมู่และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณและกฎของ ลูกเสอื สารอง เรยี นรู้จากการคิดและปฏิบัติจรงิ ใชส้ ญั ลักษณ์สมาชิกลกู เสือสารองท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาตใิ นชุมชนด้วยความสนใจ ใฝร่ ตู้ ามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง ในเร่ืองต่อไปนี้ ๑. เตรียมลูกเสือสารอง นิยายเมาคลี ประวัติการเริ่มกิจการลูกเสือ การทาความเคารพหมู่ (แกรนดฮ์ าวล์) การทาความเคารพเปน็ รายบคุ คล การจับมือซ้าย ระเบียบแถว เบ้ืองต้น คา ปฏิญาณ กฎและคติพจนข์ องลกู เสอื สารอง ๒. ลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๑ อนามัย ความสามารถเชงิ ทักษะ การสารวจ การค้นหาธรรมชาติ ความปลอดภยั บรกิ าร ธงและประเทศตา่ ง ๆ การฝีมอื กจิ กรรมกลางแจง้ การบนั เทิง การผูก เงือ่ น คาปฏญิ าณและกฎของลูกเสือสารอง เพ่อื ใหม้ ีความรู้ ความเข้าใจในกจิ กรรมลกู เสอื สารองดาวดวงที่ ๑ สามารถปฏิบตั ติ ามคาปฏญิ าณ กฎ และคตพิ จนข์ องลกู เสอื สารอง มนี ิสยั ในการสังเกต จดจา เชื่อฟังและพึ่งตนเอง มีความซ่ือสัตย์ สุจริต มรี ะเบยี บวนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจผู้อื่น รูจ้ กั บาเพ็ญตนเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทาการฝีมือและ ฝกึ ฝนทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม รักษาและส่งเสริมจารีตประเพณี วัฒนธรรมและความมั่นคง ของชาติ และสามารถประยกุ ตใ์ ชห้ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลการเรยี นรู้ 1. มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชอื่ ฟงั และพึง่ พาตนเองได้ 2. มีความซ่ือสัตย์ สุจริต มีระเบียบวนิ ยั และเห็นอกเหน็ ใจผ้อู ่ืน 3. บาเพ็ญตนเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 4. ทาการฝีมอื และฝึกฝนการทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม 5. รักษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ และความมนั่ คงของชาติ 6. อนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกรอ้ น และสามารถประยุกต์ใช้ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งได้ รวมท้ังหมด ๖ ผลการเรียนรู้ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนบ้านติม (พนั ธพ์ ิทยาคม) (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓)
คาอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ก ๑๒๙๐๒ กจิ กรรมลูกเสอื สารอง (ดาวดวงที่ ๒) กิจกรรมนักเรียน ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๒ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง คาอธบิ ายรายวิชา เปิดประชุมกอง ดาเนนิ การตามกระบวนการของลูกเสอื และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏบิ ัติกิจกรรมตามฐานการเรยี นรู้ โดยเนน้ ระบบหมู่ และปฏบิ ัตติ ามคาปฏญิ าณ คติพจน์และกฎของ ลกู เสอื สารอง ศกึ ษาเรยี นรจู้ ากการคดิ และปฏบิ ัตจิ ริงใชส้ ญั ลกั ษณ์สมาชิกลูกเสือสาร องที่มีความเป็นเอกลักษณ์ รว่ มกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชมุ กองในเรือ่ งตอ่ ไปนี้ ลกู เสอื สารองดาวดวงที่ ๒ นิยายเมาคลี ประวัติการเร่ิมกิจการลูกเสือ การทาความเคารพหมู่ (แกรนฮาวล)์ การทาความเคารพเปน็ รายบคุ คล การจับมือซ้าย ระเบยี บแถว คาปฏญิ าณ กฎ และคติพจน์ของ ลกู เสือสารอง อนามัย ความสามารถเชงิ ทักษะ การสารวจ การคน้ หาธรรมชาติการอนุรักษ์ทรัพยากรในชุมชน ทอ้ งถิน่ ความปลอดภัย บรกิ าร การผูกเง่อื น ธง และประเทศต่าง ๆ การฝีมือที่ใช้วัสดุเหลือใช้ในท้องถิ่น กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิงท่ีส่งเสริมสุขภาพกายสุขภา พจิตและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถ่ิน อนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติสง่ิ แวดล้อมลดภาวะโลกรอ้ น เพื่อใหม้ ีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือสารองดาวดวงท่ี ๒ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎและคตพิ จนข์ องลกู เสือสารอง มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชื่อฟังและพ่ึงตนเอง มีความซื่อสัตย์สุจริต มรี ะเบียบวินัย และเหน็ อกเหน็ ใจ ร้จู ักบาเพ็ญเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทาการฝีมือและฝึกฝนทา กิจกรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม รกั ษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภมู ิปัญญาท้องถ่ิน อนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติสิง่ แวดล้อม ความมัน่ คงของชาติ และสามารถประยกุ ต์ใช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ผลการเรยี นรู้ 1. มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชื่อฟังและพ่ึงพาตนเองได้ 2. มีความซอ่ื สตั ย์ สุจริต มรี ะเบยี บวินัยและเหน็ อกเห็นใจผอู้ น่ื 3. บาเพ็ญตนเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 4. ทาการฝีมอื และฝกึ ฝนการทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม 5. รักษาและสง่ เสริมจารีตประเพณี วฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ และความม่นั คงของชาติ 6. อนุรกั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน และสามารถประยุกตใ์ ช้ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงได้ รวมทงั้ หมด ๖ ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นติม (พนั ธ์พทิ ยาคม) (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓)
คาอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน ก ๑๓๙๐๒ กิจกรรมลกู เสอื สารอง (ดาวดวงที่ ๓) กิจกรรมนกั เรียน ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๓ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง คาอธิบายรายวชิ า เปดิ ประชมุ กอง ดาเนนิ การตามกระบวนการของลกู เสือ และจัดกิจกรรมให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบตั กิ จิ กรรมตามฐานการเรยี นรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏบิ ัติตามคาปฏญิ าณ คติพจน์และกฎของ ลูกเสอื สารอง ศกึ ษาเรียนรูจ้ ากการคดิ และปฏิบตั จิ ริงใช้สญั ลักษณ์สมาชิกลูกเสือสาร องท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์ รว่ มกัน ศกึ ษาธรรมชาตใิ นชุมชนด้วยความสนใจใฝ่รู้ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง สรุปผลและปฏิบัติกิจกรรม ปดิ ประชมุ กองในเรอื่ งตอ่ ไปน้ี ลูกเสือสารองดาวดวงที่ ๓ นิยายเมาคลี ประวัติการเริ่มกิจการลูกเสือ การทาความเคารพหมู่ (แกรนฮาวล)์ การทาความเคารพเปน็ รายบคุ คล การจบั มอื ซา้ ย ระเบยี บแถว คาปฏญิ าณ กฎ และคติพจน์ของ ลกู เสือสารอง อนามยั ความสามารถเชงิ ทกั ษะ การสารวจ การคน้ หาธรรมชาติการอนุรักษ์ทรัพยากรในชุมชน ทอ้ งถิน่ ความปลอดภัย บริการ การผูกเงื่อน ธง และประเทศต่าง ๆ การ ฝีมือที่ใช้วัสดุเหลือใช้ในท้องถ่ิน กิจกรรมกลางแจ้ง การบันเทิงที่ส่งเสริมสุขภาพกายสุขภา พจิตและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาตสิ งิ่ แวดล้อมลดภาวะโลกร้อน เพอื่ ใหม้ ีความรู้ ความเข้าใจในกจิ กรรมลกู เสอื สารองดาวดวงท่ี ๓ สามารถปฏบิ ัติตามคาปฏิญาณ กฎและ คติพจนข์ องลูกเสือสารอง มนี ิสยั ในการสงั เกต จดจา เชอื่ ฟงั และพึ่งตนเอง มีความซ่ือสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย และเห็นอกเหน็ ใจ รู้จกั บาเพ็ญเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ รู้จักทาการฝีมือและฝึกฝนทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม รกั ษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดล้อม ความมน่ั คงของชาติ และสามารถประยุกตใ์ ชห้ ลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผลการเรียนรู้ ๑. มนี ิสยั ในการสังเกต จดจา เชอ่ื ฟงั และพึง่ ตนเองได้ ๒. มีความซอื่ สตั ย์ สุจรติ มีระเบียบวินยั และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ๓. บาเพญ็ ตนเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๔. ทาการฝมี อื และฝกึ ฝนทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ๕. รกั ษาและส่งเสรมิ จารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภูมิปัญญาท้องถนิ่ และความมั่นคงของชาติ ๖. อนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดล้อม ลดภาวะโลกรอ้ น สามารถประยกุ ต์ใช้หลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงได้ รวมทง้ั หมด ๖ ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านตมิ (พนั ธพ์ ทิ ยาคม) (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
คาอธิบายรายวิชากจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ก ๑๔๙๐๒ กิจกรรมลกู เสอื สามัญ (ลูกเสือตรี) กิจกรรมนักเรยี น ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๔ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง คาอธิบายรายวชิ า เปดิ ประชุมกอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสอื และจัดกิจกรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามฐานการเรยี นรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของ ลูกเสือสามัญ เรียนรจู้ ากการคิดและปฏบิ ัตจิ ริง ใช้สญั ลักษณส์ มาชกิ ลูกเสือสามัญท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝ่รู้ ตามวถิ เี ศรษฐกิจพอเพยี ง สรุปผลและปฏบิ ัติกจิ กรรม ปิดประชุมกอง ในเรอ่ื งต่อไปน้ี ความรเู้ ก่ยี วกบั กระบวนการลกู เสือ ประวัติของลอร์ด เบเดน โพเอลล์ (Load Baden Powell ; B.P.) พระราชประวตั สิ งั เขปของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจ้าอยูห่ ัว ววิ ฒั นาการของกระบวนการลูกเสือไทยและ ลูกเสอื โลก การทาความเคารพ การแสดงรหัส การจบั มอื ซ้าย กจิ กรรมกลางแจ้ง ระเบยี บแถว ท่ามือเปล่า ท่าถือ ไม้พลอง การใชส้ ัญญาณมือและนกหวดี การตั้งแถวและการเรยี กแถว การใชท้ กั ษะในทางวชิ าลูกเสือ การรู้จักดูแล ตนเอง การช่วยเหลือผู้อื่น การเดนิ ทางไปยงั สถานทต่ี ่าง ๆ การทางานอดเิ รกและเรือ่ งทีส่ นใจ เพื่อให้มคี วามรู้ ความเข้าใจในกจิ กรรมลกู เสือสามัญ สามารถปฏบิ ัติตามคาปฏญิ าณ กฎ และคติพจน์ของ ลกู เสือสามญั มีนิสัยในการสังเกต จดจา เช่อื ฟังและพึง่ ตนเอง มีความซอื่ สตั ย์สุจรติ มีระเบยี บวินยั และเห็นอกเห็นใจ ผอู้ ืน่ บาเพ็ญตนเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝนการทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความ เหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รักษาและส่งเสริมจารตี ประเพณี วฒั นธรรมและความม่ันคงของชาติ และ สามารถประยุกต์ใช้ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลการเรียนรู้ 1. มีนสิ ยั ในการสงั เกต จดจา เชื่อฟังและพง่ึ พาตนเองได้ 2. มคี วามซื่อสตั ย์ สจุ ริต มรี ะเบยี บวินยั และเหน็ อกเห็นใจผูอ้ ืน่ 3. บาเพญ็ ตนเพือ่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ 4. ทาการฝมี ือและฝกึ ฝนการทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม 5. รกั ษาและสง่ เสริมจารตี ประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และความม่ันคงของชาติ 6. อนุรักษ์ทรพั ยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม ลดภาวะโลกร้อน และสามารถประยุกต์ใชป้ รชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งได้ รวมทัง้ หมด ๖ ผลการเรยี นรู้ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นตมิ (พันธพ์ ทิ ยาคม) (ฉบับปรับปรุง พุทธศกั ราช ๒๕๖๓)
คาอธบิ ายรายวิชากิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ก ๑๕๙๐๒ กจิ กรรมลกู เสอื สามัญ (ลกู เสือโท) กิจกรรมนักเรยี น ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ เวลา ๔๐ ช่วั โมง คาอธบิ ายรายวชิ า เปดิ ประชมุ กอง ดาเนินการตามกระบวนการของลูกเสอื และจดั กจิ กรรมโดยให้ศึกษา วิเคราะห์ วางแผน ปฏิบัติกิจกรรมตามฐานการเรยี นรู้ โดยเนน้ ระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของ ลกู เสือสามญั เรียนรู้จากการคดิ และปฏิบตั ิจรงิ ใชส้ ัญลักษณส์ มาชิกลูกเสือสามัญที่มีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน ศึกษาธรรมชาติในชุมชนด้วยความสนใจ ใฝร่ ู้ ตามวถิ ีเศรษฐกจิ พอเพียง สรปุ ผลและปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ปิดประชุมกอง ในเรื่องต่อไปน้ี ความรู้เกีย่ วกบั กระบวนการลกู เสอื ประวัติของลอร์ด เบเดน โพเอลล์ (Load Baden Powell ; B.P.) พระราชประวัตสิ งั เขปของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยู่หวั ววิ ัฒนาการของกระบวนการลูกเสือไทยและ ลกู เสือโลก การทาความเคารพ การแสดงรหสั การจับมอื ซ้าย กจิ กรรมกลางแจ้ง ระเบยี บแถว ท่ามือเปล่า ท่าถือ ไมพ้ ลอง การใชส้ ัญญาณมอื และนกหวดี การตัง้ แถวและการเรียกแถว การใชท้ กั ษะในทางวิชาลูกเสือ การรู้จักดูแล ตนเอง การช่วยเหลือผู้อน่ื การเดนิ ทางไปยังสถานท่ตี า่ ง ๆ การทางานอดิเรกและเรอ่ื งทสี่ นใจ เพ่อื ให้มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในกจิ กรรมลกู เสอื สามญั สามารถปฏบิ ตั ติ ามคาปฏิญาณ กฎ และคตพิ จนข์ อง ลกู เสือสามัญ มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชื่อฟงั และพง่ึ ตนเอง มีความซ่ือสัตย์สจุ รติ มรี ะเบียบวนิ ัย และเหน็ อกเหน็ ใจ ผอู้ ืน่ บาเพ็ญตนเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝึกฝนการทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความ เหมาะสม ความถนดั และความสนใจ รักษาและสง่ เสรมิ จารตี ประเพณี วฒั นธรรมและความมั่นคงของชาติ และ สามารถประยุกตใ์ ช้ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลการเรยี นรู้ 1. มนี สิ ัยในการสังเกต จดจา เชอื่ ฟังและพึ่งพาตนเองได้ 2. มคี วามซือ่ สัตย์ สุจริต มีระเบยี บวนิ ัยและเห็นอกเห็นใจผ้อู น่ื 3. บาเพญ็ ตนเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ 4. ทาการฝีมอื และฝกึ ฝนการทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ตามความเหมาะสม 5. รักษาและสง่ เสรมิ จารตี ประเพณี วฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ และความมนั่ คงของชาติ 6. อนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน และสามารถประยกุ ต์ใชป้ รชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งได้ รวมทง้ั หมด ๖ ผลการเรียนรู้ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านตมิ (พันธ์พทิ ยาคม) (ฉบบั ปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๓)
คาอธิบายรายวชิ ากจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ก ๑๖๙๐๒ กิจกรรมลูกเสือสามัญ (ลูกเสือเอก) กจิ กรรมนักเรียน ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง คาอธบิ ายรายวชิ า เปดิ ประชมุ กอง ดาเนินการตามกระบวนการของลกู เสือ และจัดกจิ กรรมโดยให้ศกึ ษา วเิ คราะห์ วางแผน ปฏบิ ัติกิจกรรมตามฐานการเรยี นรู้ โดยเน้นระบบหมู่ และปฏิบัติกิจกรรมตามคาปฏิญาณ คติพจน์ และกฎของ ลกู เสอื สามญั เรยี นรูจ้ ากการคดิ และปฏิบตั จิ รงิ ใช้สญั ลกั ษณ์สมาชกิ ลูกเสือสามัญที่มีความเป็นเอกลักษณ์ร่วมกัน ศกึ ษาธรรมชาติในชุมชนดว้ ยความสนใจ ใฝ่รู้ ตามวถิ ีเศรษฐกจิ พอเพยี ง สรุปผลและปฏิบตั ิกจิ กรรม ปิดประชุมกอง ในเร่ืองต่อไปน้ี ความร้เู กีย่ วกับกระบวนการลกู เสือ ประวตั ขิ องลอร์ด เบเดน โพเอลล์ (Load Baden Powell ; B.P.) พระราชประวตั สิ ังเขปของพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจา้ อยู่หวั วิวัฒนาการของกระบวนการ ลกู เสือไทยและลกู เสอื โลก การทาความเคารพ การแสดงรหสั การจับมอื ซา้ ย กิจกรรมกลางแจ้ง ระเบียบแถว ท่า มือเปลา่ ท่าถอื ไมพ้ ลอง การใช้สัญญาณมอื และนกหวีด การต้ังแถวและการเรียกแถว การใช้ทักษะในทางวิชา ลูกเสอื การรจู้ กั ดูแลตนเอง การช่วยเหลอื ผู้อ่ืน การเดนิ ทางไปยังสถานท่ตี า่ ง ๆ การทางานอดเิ รกและเรอ่ื งท่ีสนใจ เพอื่ ใหม้ ีความรู้ ความเขา้ ใจในกิจกรรมลกู เสือสามัญ สามารถปฏบิ ตั ติ ามคาปฏิญาณ กฎ และคติ พจนข์ องลูกเสือสามัญ มนี ิสัยในการสงั เกต จดจา เช่ือฟงั และพงึ่ ตนเอง มีความซ่อื สตั ยส์ ุจรติ มรี ะเบียบวนิ ัย และเห็น อกเหน็ ใจผู้อนื่ บาเพ็ญตนเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ ทาการฝีมือและฝกึ ฝนการทากิจกรรมต่าง ๆ ตามความ เหมาะสม ความถนัด และความสนใจ รกั ษาและสง่ เสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรมและความมั่นคงของชาติ และ สามารถประยกุ ต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ผลการเรียนรู้ 1. มีนิสยั ในการสังเกต จดจา เช่อื ฟงั และพ่งึ พาตนเองได้ 2. มีความซื่อสตั ย์ สุจรติ มรี ะเบียบวนิ ยั และเหน็ อกเหน็ ใจผ้อู ืน่ 3. บาเพญ็ ตนเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ 4. ทาการฝมี อื และฝกึ ฝนการทากจิ กรรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม 5. รักษาและสง่ เสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรม ภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ และความมน่ั คงของชาติ 6. อนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม ลดภาวะโลกรอ้ น และสามารถประยกุ ตใ์ ช้ปรัชญาของ เศรษฐกจิ พอเพยี งได้ รวมทงั้ หมด ๖ ผลการเรียนรู้ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบา้ นตมิ (พนั ธพ์ ิทยาคม) (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นตมิ (พนั ธ์พทิ ยาคม) (ฉบบั ปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
คาอธบิ ายรายวิชากิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน กิจกรรมชุมนมุ กิจกรรมนกั เรยี น ช้นั ประถมศกึ ษาปีที ๑ - ๖ เวลา ๓๐ ชั่วโมง คาอธิบายรายวชิ า ปฏิบัติกิจ กรร มตามควา มสน ใจ ควา มถนัด และควา มต้องกา ร เพ่ือพัฒน าควา มรู้ ความสามารถด้านการคดิ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ให้เกิดประสบการณท์ ้ังดา้ นวิชาการ และพน้ื ฐานอาชีพ ทักษะชีวิต และสังคมตามศักยภาพอยา่ งรอบดา้ น เพอื่ ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มคี วามสามารถในการส่อื สาร มีทักษะการ คิด แก้ปัญหา ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี พฒั นาทกั ษะในการทางานและการอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้ อย่างมีความสุข รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซอ่ื สัตยส์ จุ รติ มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยอู่ ย่างพอเพยี ง มุ่งม่ันในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย มีจิตสาธารณะ เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นไดป้ ฏบิ ัติกิจกรรมตามความสนใจ ความถนดั และความตอ้ งการของตน ได้พัฒนาความรู้ ความสามารถดา้ นการคิดวิเคราะห์ สงั เคราะห์ ใหเ้ กิดประสบการณ์ท้ังทกั ษะทางวิชาการ ทักษะอาชีพ ทักษะ ชวี ิตและสังคมตามศักยภาพ ใช้เวลาวา่ งให้เกดิ ประโยชนต์ อ่ ตนเองและสว่ นรวม คิดเป็น ทาได้ ทางานร่วมกับ ผอู้ ่ืนได้ตามวิถีประชาธิปไตย และประยกุ ตห์ ลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โรงเรียนบ้านติม (พันธ์พิทยาคม) ไดก้ าหนดกิจกรรมชุมนุมจานวน ๕ ชุมนุม เพื่อให้นักเรียนเลือกเข้า ตามความถนัดและความสนใจ ไดแ้ ก่ ๑. ชุมนุมหรรษาภาษาไทย ๒. ชุมนมุ คณติ คิดสนุก ๓. ชมุ นมุ สปอร์ตจเู นียร์ ๔. ชุมนมุ ศิลปะเพ่อื ชีวติ เป็นมติ รกับสงิ่ แวดล้อม ๕. ชมุ นมุ English is fun หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นตมิ (พันธ์พทิ ยาคม) (ฉบับปรับปรงุ พุทธศกั ราช ๒๕๖๓)
คาอธบิ ายรายวชิ า กิจกรรมชมุ นมุ หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นติม (พันธพ์ ทิ ยาคม) (ฉบบั ปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓)
กจิ กรรมชุมนุมหรรษาภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ ากิจกรรมชมุ นุม ระดับชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ – ๖ หลกั การและเหตุผล ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาประจาชาติ อนั เปน็ เอกลักษณ์ท่ีสาคัญอย่างหนึ่งของชาติ สมควรจะ ได้รับการทานบุ ารุงสง่ เสริม และอนุรักษ์ไวใ้ ห้ยัง่ ยนื ตลอดไป ทง้ั น้ีในยุคปจั จุบันวชิ าการและเทคโนโลยตี า่ ง ๆ ไดก้ ้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วเกิดเทคนิคใหม่ ๆ ในการ ติดต่อสื่อสาร ทม่ี งุ่ เน้นความสะดวกรวดเรว็ ส่งผลใหภ้ าษาไทยซ่งึ เปน็ ส่ือกลางสาคัญในการตดิ ต่อและผูกพันต่อการ ดารงชวี ิตประจาวันของคนไทยได้รับผลกระทบ ทง้ั ภาษาพดู และภาษาเขยี น ทาให้ภาษาไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง ไปจากเดิมอย่างนา่ วติ กเป็นอย่างย่ิง สภาพการณ์เช่นนี้หากไมเ่ รง่ รบี หาทางแกไ้ ขแล ะป้องกันเสียแต่เนิ่นๆ การใช้ ภาษาไทยของเรากจ็ ะยิ่งเสื่อมลง จะส่งผลเสียหายต่อเอกลักษณแ์ ละคุณคา่ ของภาษาไทยเป็นทวคี ูณ เพอื่ ให้สมาชิกมีความคิดริเรม่ิ สร้างสรรค์ รจู้ กั คน้ คว้า และแก้ปัญหาในการทางานอย่างมีระบบ เพื่อให้ สมาชกิ เปน็ ผ้มู รี ะเบยี บวินัยเพ่ือให้สมาชิกมีความเข้าใจและเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษตั ริย์เปน็ ประมขุ เพือ่ ให้สมาชกิ มีความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าท่ีและสิทธิภายในขอบเขตของ กฎหมายเพ่อื ใหส้ มาชิกมคี วามสงบซาบซ้ึงในคุณคา่ ดารงไวแ้ ละส่งเสริมเอกลักษณ์วัฒนธรรมอันดีงามของชาติ ไทยเพอ่ื ให้สมาชิกเกิดความรกั และสามัคคใี นหมู่คณะเพ่ือให้สมาชกิ ได้รับการส่งเสริมการพัฒนาทางร่างกาย จิตใจ และรูจ้ กั ใชเ้ วลาวา่ งให้เป็นประโยชนเ์ พ่ือให้สมาชกิ รู้จกั บาเพ็ญประโยชนต์ ่อสังคม และสร้างเสริมความม่ันคงของ ชาติเพ่ือให้สมาชกิ มีคณุ ธรรมและจริยธรรม เพ่ือใหส้ มาชิกพัฒนาตนเองตามวัตถุประสงค์ของการจัดการศึกษา สามารถนาความรู้ไปใช้ใหเ้ กิดประโยชน์โดยใช้หลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนาไปประยุกต์ใช้กับ ชวี ติ ประจาวนั ได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม ผลการเรยี นรู้ ๑. เพ่ือให้นักเรียนมคี วามตระหนกั และเหน็ คุณค่าของภาษาไทย ในฐานะภาษาประจาชาติ ๒. เพือ่ ใหน้ กั เรียนอ่าน เขียน ได้ถกู ต้องตามหลักภาษาไทย ๓. เพื่อใชเ้ วลาวา่ งให้เกิดประโยชนต์ ่อตนเองและส่วนรวม ๔. เพอื่ ส่งเสริมทศั นคตทิ ่ีดตี อ่ ภาษาไทย รวม ๕ ผลการเรียนรู้ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนบา้ นติม (พนั ธ์พิทยาคม) (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓)
กิจกรรมชุมนุมคณิตคดิ สนกุ คาอธิบายรายวิชากจิ กรรมชมุ นุม ระดับชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๑ – ๖ หลักการและเหตุผล คณติ ศาสตร์เป็นวิชาท่มี คี วามเกี่ยวข้องกับสิง่ ทอ่ี ยู่รอบตวั และชวี ิตของเรา คณิตศาสตร์สามารถอธิบายสิ่ง ต่างๆ นานาที่อยู่รอบตัวเราได้ ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมองคณิตศาสตร์นั้น ยาก ซับซ้อน น่าเวียนหัว ทาใหเ้ กิดความเครียด และความวติ กกังวลในการเรยี น ชุมนมุ นจี้ ึงจัดขึ้นมาเพอื่ ใหน้ ักเรยี นในชุมนุมได้มองเหน็ มุมมองอกี ดา้ นหน่ึงของคณิตศาสตร์ โดยการ รวบรวมด้านสนุกสนานของคณิตศาสตร์ ตลอดจนเกรด็ นา่ รู้ตา่ งๆ มากมาย รวมถึงเกร็ดแปลกๆ เก่ียวกับตัวเลขท่ี อาจจะทาให้นกั เรยี นเกดิ หลงรกั ตวั เลขข้นึ มากไ็ ด้ และนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยในหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี งไปประยกุ ตใ์ นกบั ชีวิตประจาวนั ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งเหมาะสม ผลการเรียนรทู้ ่คี าดหวัง ๑. เพื่อให้นกั เรียนมองเหน็ ความสาคัญของคณติ ศาสตรใ์ นชวี ิตประจาวนั ๒. เพ่ือใหน้ กั เรียนมคี วามรูค้ วามเข้าใจ มคี วามสขุ และความสนุกสนานในการเขา้ ร่วม กิจกรรม ในวิชา คณติ ศาสตร์ ๓. เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นได้ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตามทต่ี นเองถนัดและสนใจ ๔. เพือ่ ส่งเสริมนักเรยี นใหม้ ีทศั นคติทด่ี ีตอ่ วิชาคณติ ศาสตร์ ๕. เพอ่ื ให้นกั เรยี นสามารถนาความรู้ไปปรบั ใชใ้ นชีวิตประจาวนั ไดเ้ ปน็ และได้ใชเ้ วลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ ๖. นกั เรยี นสามารถเป็นตวั แทนเขา้ ร่วมแข่งขนั กจิ กรรมทางคณิตศาสตร์ รวมท้งั หมด ๖ ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านตมิ (พนั ธ์พทิ ยาคม) (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓)
กจิ กรรมชมุ นมุ สปอร์ตจเู นียร์ คาอธิบายรายวชิ ากิจกรรมชุมนมุ ระดับชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๑ – ๖ หลักการและเหตุผล การส่งเสริมการออกกาลงั กายเพื่อสุขภาพและกฬี า จะทาให้ร่างกายแขง็ แรงจิตใจสดชนื่ ดังคา กล่าวท่ีวา่ “จติ ใจทง่ี ดงาม ยอ่ มอยใู่ นร่างกายที่แข็งแรง” นั่นแสดงวา่ ร่างกายกบั จติ ใจมีความสัมพันธ์กันอย่างแยก ไม่ออก ถ้าร่างกายแข็งแรง จติ ใจก็จะเบกิ บาน หรือในทางกลับกัน ถ้ามีจติ ใจทเ่ี ขม้ แขง็ จะเกิดพลังหรือกาลังใจ ทาใหร้ ่างกายแข็งแรงข้นึ ทางกลุ่มสาระการเรียนร้สู ุขศึกษาและพลศกึ ษา ตระหนักถึงความสาคัญดงั กลา่ ว จึงจัดตั้งชุมนุมสปอร์ต จเู นียร์ขน้ึ เพ่อื ส่งเสริมกจิ กรรมการออกกาลงั กายและการเลน่ กีฬาภายในโรงเรียน ท้ังยังเป็นการส่งเสริมสุขภาพ กายและสขุ ภาพจิตใหส้ มบรู ณแ์ ข็งแรงอกี ดว้ ย ผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวงั ๑. เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นมีสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิตทแ่ี ข็งแรงสมบรู ณ์ ๒. เพ่ือใหน้ กั เรยี นมนี ้าใจนักกฬี า รจู้ กั การให้อภัย และยอมรับในสง่ิ ทเ่ี กดิ ข้นึ ๓. เพอื่ ฝกึ ให้นักเรียนเกิดทกั ษะในการเลน่ กฬี าชนดิ ตา่ ง ๆ รวมท้ังหมด ๓ ผลการเรยี นรู้ หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านตมิ (พันธ์พิทยาคม) (ฉบบั ปรับปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓)
คาอธบิ ายรายวิชากจิ กรรมชมุ นมุ กิจกรรมชมุ นมุ ศลิ ปะเพื่อชวี ิตเป็นมติ รกับสง่ิ แวดลอ้ ม ระดบั ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี ๑ - ๖ หลักการและเหตผุ ล ศกึ ษากลวธิ ีต่างๆในการสร้างงานศิลปะ สร้างผลงานด้วยกลวธิ ที ีห่ ลากหลาย ตามความสนใจ ในเร่อื งการวาดภาพ ระบายสี ปั้น พิมพ์ และประดษิ ฐโ์ ดยเนน้ การเพม่ิ มลู คา่ แก่วัสดุเหลือใช้ เลือกใช้วัสดุได้ตรง ตามความต้องการ มที ักษะในการใช้อุปกรณอ์ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมในการทางาน ปฏบิ ตั งิ านด้วยความเพลิดเพลิน มีความรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ ทางานดว้ ยความรบั ผิดชอบ ซอื่ สัตย์ ประหยดั รู้จกั ใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ ผลการเรียนรทู้ คี่ าดหวัง ๑. เพอื่ พฒั นาความสามารถด้านศลิ ปะ ๒. เพ่ือให้นักเรียนสามารถสรา้ งสรรค์ผลงานตามความสนใจ ๓. เพอ่ื ให้เห็นถงึ ประโยชน์และคณุ คา่ ของงาน ๔. เพ่ือส่งเสรมิ การใชเ้ วลาว่างให้เป็นประโยชน์ รวมทั้งหมด ๔ ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นติม (พันธ์พทิ ยาคม) (ฉบับปรับปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
กจิ กรรมชุมนุม English is fun คาอธิบายรายวิชากจิ กรรมชุมนมุ ระดบั ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๑ - ๖ หลกั การและเหตผุ ล เปน็ การฝกึ ทกั ษะทงั้ ๔ ทกั ษะคือทักษะการฟัง ทักษะการพดู ทักษะการอ่าน และทกั ษะการ เขยี น ใช้ทักษะภาษาอังกฤษเพ่ือสื่อความเก่ียวกับ ตนเอง ครอบครัว โรงเรียน สิ่งแวดล้อมใกล้ตัว และ นันทนาการ และ การเรยี นรู้คาศัพท์ในเร่ืองต่างๆ น้นั เพือ่ ใหส้ ามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้ พูดให้ข้อมูล เกีย่ วกับตนเอง บคุ คลใกล้ตัวเรื่องใกล้ตวั เข้าใจคา เข้าใจภาษาท่าทางได้อย่างเหมาะสมตามวัย การแสวงหา ความรู้ ความเพลิดเพลินจากภาษาอังกฤษ ใช้ภาษาอังกฤษเพ่ือรวบรวมคาศัพท์ท่ีเก่ียวข้องใกล้ตัว มีเจตคติท่ีดี เห็นประโยชน์และคณุ คา่ ในการเรียนรภู้ าษาองั กฤษ ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวงั ๑. เพือ่ ให้นักเรียนเกดิ เจตคติท่ีดีตอ่ ภาษาอังกฤษ ๒. เพอื่ ฝึกเสริมทักษะการฟัง พดู อา่ น เขียน ได้อย่างถูกตอ้ งเหมาะสมตามวัย ๓. เพือ่ ให้นักเรยี นนาความรไู้ ปใชใ้ นชวี ิประจาวัน รวมทงั้ หมด ๓ ผลการเรียนรู้ หลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านตมิ (พันธพ์ ิทยาคม) (ฉบบั ปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
คาอธิบายรายวิชากจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที ๑ - ๖ เวลา ๑๐ ชว่ั โมง คาอธบิ ายรายวชิ า ฝกึ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมด้วยความสมัครใจผา่ นกจิ กรรมท่ีหลากหลาย ฝึกการทางานที่สอดคล้องกับ ชีวติ จรงิ ตลอดจนสะทอ้ นความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ สารวจและใชข้ อ้ มลู ประกอบการวางแผนอย่างเป็น ระบบ เน้นทักษะการคิดวิเคราะห์ และใชค้ วามคดิ สรา้ งสรรค์ การบรกิ ารด้านตา่ ง ๆ ท่เี ปน็ ประโยชน์ต่อตนเอง และส่วนรวม เสริมสร้างความมีนา้ ใจ เอื้ออาทร ความเป็นพลเมืองดีและความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว และสงั คม คดิ ออกแบบกจิ กรรมบาเพญ็ ประโยชน์ในลกั ษณะอาสาสมัคร จิตอาสา เพือ่ แสดงความรับผิดชอบ ต่อ สงั คมตามแนวทางวิถชี วี ิตเศรษฐกิจพอเพยี ง เพ่อื ใหผ้ ู้เรียนบาเพญ็ ตนให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคมและประเทศชาติ สามารถออกแบบการจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชนอ์ ยา่ งสร้างสรรค์ตามความถนัดและความสนใจ ในลกั ษณะอาสาสมัคร พัฒนาศักยภาพตนเองในการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ได้อย่างมี ประสิทธภิ าพเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์จนเกิดคุณธรรม จริยธรรม ตามคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มจี ติ สาธารณะและใชเ้ วลาว่างใหเ้ กดิ ประโยชน์ และสามารถประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้ ผลการเรียนรู้ ๑. บาเพ็ญตนใหเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ ครอบครวั โรงเรียน ชมุ ชน สงั คมและประเทศชาติ ๒. ออกแบบการจดั กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์อย่างสรา้ งสรรค์ ตามความถนดั และ ความสนใจในลกั ษณะอาสาสมัคร ๓. สามารถพฒั นาศักยภาพในการจดั กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ๔. ปฏบิ ัตกิ จิ การเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชนจ์ นเกิดคุณธรรม จริยธรรมตามคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ๕. สามารถประยุกต์ใช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้ รวมทั้งหมด ๕ ผลการเรยี นรู้ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นบา้ นติม (พันธ์พิทยาคม) (ฉบับปรบั ปรุง พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓)
สว่ นที่ ๔ เกณฑ์การจบการศึกษา หลักสตู รโรงเรยี นบ้านตมิ (พันธพ์ ิทยาคม) ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ ๒๕๖๓) กาหนดเกณฑส์ าหรับการจบการศึกษา ดงั นี้ เกณฑก์ ารจบระดับประถมศึกษา ๑. ผู้เรียนเรยี นรายวิชาพื้นฐาน จานวน ๘๔๐ ชั่วโมง และรายวิชาเพิ่มเติมจานวน ๔๐ ชั่วโมง และมี ผลการประเมนิ รายวิชาพนื้ ฐานผ่านทุกรายวชิ า ๒. ผู้เรียนตอ้ งมผี ลการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขยี น ระดับ “ผ่าน” ขน้ึ ไป ๓. ผ้เู รยี นมีผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดับ “ผ่าน” ขนึ้ ไป ๔. ผู้เรียนต้องเข้ารว่ มกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียนและได้รับการตดั สนิ ผลการเรยี น “ผ่าน” ทุกกจิ กรรม การจัดการเรียนรู้ การจัดการเรยี นรเู้ ปน็ กระบวนการสาคัญในการนาหลักสตู รส่กู ารปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้นั พ้นื ฐาน เป็นหลกั สูตรที่มมี าตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เปน็ เป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน ในการพฒั นาผ้เู รียนให้มคี ณุ สมบัติตามเป้าหมายหลักสตู ร ผู้สอนพยายามคัดสรร กระบวนการเรียนรู้ จดั การเรยี นรู้โดยชว่ ยใหผ้ ูเ้ รยี นเรยี นรู้ผา่ นสาระทกี่ าหนดไวใ้ นหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้ รวมท้ังปลูกฝัง เสรมิ สรา้ งคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ พัฒนาทักษะต่างๆ อนั เปน็ สมรรถนะสาคัญใหผ้ ู้เรยี นบรรลุตามเป้าหมาย ๑. หลกั การจดั การเรยี นรู้ การจดั การเรยี นรู้เพื่อให้ผูเ้ รยี นมคี วามรู้ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญ และ คุณลกั ษณะอันพึงประสงคต์ ามทีก่ าหนดไวใ้ นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยยึดหลักว่า ผู้เรียนมี ความสาคัญที่สุด เช่ือว่าทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ท่ีเกิดกับผู้เรียน กระบวนการจัดการเรยี นรู้ตอ้ งส่งเสรมิ ให้ผู้เรยี น สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คานึงถึงความ แตกตา่ งระหวา่ งบคุ คลและพฒั นาการทางสมองเน้นให้ความสาคญั ท้ังความรู้ และคณุ ธรรม ๒. กระบวนการเรยี นรู้ การจดั การเรยี นรทู้ ่ีเน้นผู้เรียนเปน็ สาคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย เป็น เคร่ืองมือที่จะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ที่จาเป็นสาหรับผู้เรียน อา ทิ กระบวนการเรียนรแู้ บบบูรณาการ กระบวนการสรา้ งความรู้ กระบวนการคดิ กระบวนการทางสังคม กระบวนการ เผชิญสถานการณแ์ ละแกป้ ญั หา กระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทาจริง กระบวนการจดั การ กระบวนการวิจยั กระบวนการเรยี นร้กู ารเรียนรขู้ องตนเอง กระบวนการพัฒนาลักษณะนสิ ัย กระบวนการเหล่านเี้ ปน็ แนวทางในการจัดการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ สามารถช่วยใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การเรียนรไู้ ดด้ ี บรรลุเป้าหมายของหลักสตู ร ดงั นั้น ผู้สอน จงึ จาเปน็ ต้องศึกษาทาความ เขา้ ใจในกระบวนการเรยี นรตู้ ่าง ๆ เพอื่ ให้สามารถเลือกใช้ในการจดั กระบวนการเรียนรไู้ ดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นตมิ (พันธ์พิทยาคม) (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
๓. การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ผสู้ อนตอ้ งศึกษาหลักสูตรสถานศกึ ษาให้เข้าใจถงึ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสาคัญของ ผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบการ จดั การเรยี นรโู้ ดยเลือกใชว้ ิธสี อนและเทคนิคการสอน ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อให้ผู้เรียนได้ พฒั นาเต็มตามศักยภาพและบรรลุตามเปา้ หมายท่ีกาหนด ๔. บทบาทของผูส้ อนและผู้เรยี น การจดั การเรียนรูเ้ พื่อใหผ้ ู้เรยี นมีคณุ ภาพตามเป้าหมายของหลักสตู ร ทั้งผู้สอนและผู้เรียนควรมีบทบาท ดงั นี้ ๔.๑ บทบาทของผู้สอน ๑) ศึกษาวเิ คราะห์ผ้เู รยี นเปน็ รายบคุ คล แลว้ นาข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้ ทที่ ้าทายความสามารถของผู้เรยี น ๒) กาหนดเป้าหมายทต่ี ้องการใหเ้ กิดขึน้ กบั ผู้เรยี น ดา้ นความรู้และทักษะกระบวนการ ท่ีเป็น ความคดิ รวบยอด หลกั การ และความสัมพันธ์ รวมทง้ั คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ๓) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลและ พฒั นาการทางสมอง เพื่อนาผ้เู รียนไปส่เู ปา้ หมาย ๔) จัดบรรยากาศทเี่ ออ้ื ต่อการเรยี นรู้ และดแู ลช่วยเหลือผูเ้ รยี นใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ ๕) จัดเตรียมและเลือกใช้ส่ือให้เหมาะสมกับกิจกรรม นาภูมิปัญญาท้องถ่ิน เทคโนโลยีท่ี เหมาะสมมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจัดการเรียนการสอน ๖) ประเมนิ ความก้าวหนา้ ของผู้เรยี นดว้ ยวิธกี ารทีห่ ลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติของวิชา และระดับพฒั นาการของผูเ้ รยี น ๗) วเิ คราะห์ผลการประเมินมาใชใ้ นการซ่อมเสริมและพฒั นาผูเ้ รียน รวมท้ังปรับปรุงการจัดการ เรียนการสอนของตนเอง ๔.๒ บทบาทของผูเ้ รยี น ๑) กาหนดเปา้ หมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรียนรขู้ องตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ต้ังคาถาม คิดหา คาตอบหรือหาแนวทางแกป้ ญั หาด้วยวธิ ีการต่างๆ ๓) ลงมือปฏิบัตจิ ริง สรปุ สิ่งทไี่ ดเ้ รียนรดู้ ้วยตนเอง และนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณต์ ่างๆ ๔) มปี ฏิสมั พนั ธ์ ทางาน ทากิจกรรมร่วมกบั กลมุ่ และครู ๕) ประเมนิ และพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของตนเองอย่างตอ่ เนื่อง สื่อการเรยี นรู้ สอ่ื การเรียนร้เู ป็นเคร่อื งมอื สง่ เสรมิ สนบั สนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่ือการเรียนรู้มี หลากหลายประเภท ทั้งส่ือธรรมชาติ สอื่ ส่ิงพิมพ์ สอ่ื เทคโนโลยี และเครือข่าย การเรียนรู้ต่างๆ ท่ีมีในท้องถ่ิน การเลอื กใชส้ ่ือควรเลอื กใหม้ คี วามเหมาะสมกบั ระดบั พัฒนาการ และลลี าการเรยี นรู้ทีห่ ลากหลายของผ้เู รียน การจดั หาส่ือการเรยี นรู้ ผเู้ รยี นและผ้สู อนสามารถจดั ทาและพฒั นาข้ึนเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่างมี คณุ ภาพจากสอื่ ตา่ งๆ ท่ีมีอยรู่ อบตวั เพือ่ นามาใชป้ ระกอบในการจดั การเรียนรูท้ ี่สามารถส่งเสริมและสอ่ื สารให้ หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านตมิ (พันธพ์ ทิ ยาคม) (ฉบับปรับปรุง พุทธศกั ราช ๒๕๖๓)
ผเู้ รียนเกิดการเรยี นรู้ โดยสถานศึกษาควรจดั ใหม้ อี ยา่ งพอเพยี ง เพอ่ื พฒั นาใหผ้ เู้ รียน เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง สถานศกึ ษา เขตพื้นที่การศึกษา หน่วยงานทเี่ ก่ยี วข้องและผมู้ ีหน้าท่ีจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ควรดาเนินการดงั นี้ ๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ศูนย์สื่อการ เรียน รู้ ระบบสาร สน เทศการ เรียนรู้ และเครือข่า ย การเรยี นรทู้ ่ีมปี ระสิทธิภาพท้งั ในสถานศึกษาและในชมุ ชน เพ่อื การศกึ ษาค้นควา้ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การเรียนรู้ ระหว่างสถานศึกษา ท้องถนิ่ ชมุ ชน สงั คมโลก ๒. จดั ทาและจดั หาสอื่ การเรียนรู้สาหรบั การศึกษาค้นควา้ ของผูเ้ รียน เสริมความรใู้ ห้ผู้สอน รวมทั้งจัดหา สง่ิ ท่ีมอี ยู่ในท้องถิ่นมาประยุกตใ์ ช้เป็นสอ่ื การเรยี นรู้ ๓. เลือกและใชส้ ือ่ การเรยี นรู้ทีม่ คี ณุ ภาพ มคี วามเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้อง กับวิธีการ เรียนรู้ ธรรมชาติของสาระการเรยี นรู้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลของผู้เรียน ๔. ประเมนิ คณุ ภาพของสอื่ การเรียนร้ทู เี่ ลือกใชอ้ ย่างเป็นระบบ ๕. ศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ัย เพอ่ื พฒั นาส่ือการเรียนรู้ใหส้ อดคลอ้ งกับกระบวนการเรียนรขู้ องผู้เรียน ๖. จัดให้มีการ กา กับ ติดตาม ประเมิน คุณภาพและปร ะสิทธิภา พเก่ียวกับสื่อและการ ใช้สื่อ การเรยี นรเู้ ป็นระยะๆ และสมา่ เสมอ ในการจดั ทา การเลอื กใช้ และการประเมินคณุ ภาพส่ือการเรยี นร้ทู ใ่ี ชใ้ นสถานศกึ ษา ควรคานงึ ถึงหลักการ สาคญั ของสอื่ การเรยี นรู้ เชน่ ความสอดคล้องกบั หลักสตู ร วัตถุประสงค์การเรียนรู้ การออกแบบกิจกรรมการ เรยี นรู้ การจัดประสบการณ์ใหผ้ ูเ้ รยี น เน้ือหามคี วามถูกตอ้ งและทันสมัย ไมก่ ระทบความม่ันคงของชาติ ไม่ขัดต่อ ศลี ธรรม มกี ารใชภ้ าษาทถ่ี ูกต้อง รปู แบบการนาเสนอที่เข้าใจงา่ ย และน่าสนใจ การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นร้ขู องผเู้ รียนต้องอยู่บนหลกั การพ้นื ฐานสองประการ คอื การประเมินเพ่ือ พัฒนาผู้เรยี นและเพ่ือตดั สนิ ผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้ประสบผลสาเร็จนั้น ผ้เู รยี นจะตอ้ งได้รบั การพัฒนาและประเมนิ ตามตวั ชี้วดั เพื่อใหบ้ รรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะ สาคญั และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผ้เู รยี นซ่งึ เปน็ เป้าหมายหลกั ในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุก ระดับไม่วา่ จะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ เปน็ กระบวนการพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี นโดยใชผ้ ลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศท่ี แสดงพัฒนาการ ความกา้ วหนา้ และความสาเรจ็ ทางการเรียนของผเู้ รยี น ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการ สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรียนเกิด การพฒั นาและเรยี นรู้อยา่ งเต็มตามศักยภาพ การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ แบง่ ออกเป็น ๔ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับ เขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา และระดับชาติ มรี ายละเอยี ด ดงั นี้ ๑. การประเมนิ ระดับช้นั เรยี น เป็นการวดั และประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ผู้สอน ดาเนนิ การเปน็ ปกตแิ ละสม่าเสมอ ในการจดั การเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมนิ อย่างหลากหลาย เช่น การ ซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมนิ โครงงาน การประเมินชิน้ งาน/ ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน การ ใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมนิ เองหรอื เปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อนประเมินเพ่ือน ผู้ปกครองรว่ มประเมนิ ในกรณที ไี่ มผ่ า่ นตัวช้ีวดั ให้มกี ารสอนซ่อมเสริม การประเมินระดบั ชัน้ เรยี นเปน็ การตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้ อันเปน็ ผลมาจากการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนหรอื ไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งท่ีจะต้องได้รับการพัฒนา ปรบั ปรุงและสง่ เสริมในด้านใด นอกจากน้ียังเปน็ ข้อมูลใหผ้ ู้สอนใช้ปรบั ปรงุ การเรยี นการสอนของตนด้วย ทั้งน้ีโดย สอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชว้ี ดั หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านติม (พันธพ์ ทิ ยาคม) (ฉบับปรับปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
๒. การประเมินระดบั สถานศึกษา เปน็ การประเมินที่สถานศกึ ษาดาเนนิ การเพอ่ื ตัดสนิ ผล การเรียนของ ผู้เรียนเป็นรายป/ี รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และ กิจกรรมพัฒนาผูเ้ รยี น นอกจากนเี้ พื่อให้ไดข้ ้อมลู เก่ียวกับการจัดการศึกษา ของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการ เรยี นรขู้ องผู้เรยี นตามเปา้ หมายหรือไม่ ผ้เู รยี นมีจุดพฒั นาในด้านใด รวมท้งั สามารถนาผลการเรียนของผู้เรีย นใน สถานศกึ ษาเปรยี บเทียบกับเกณฑร์ ะดบั ชาติ ผลการประเมินระดบั สถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและสารสนเทศเพ่ือ การปรับปรงุ นโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวธิ ีการจดั การเรยี นการสอน ตลอดจนเพ่ือการจัดทาแผนพัฒนา คุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการรายง านผลการจัด การศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษา สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน พ้นื ฐาน ผูป้ กครองและชมุ ชน ๓. การประเมินระดับเขตพืน้ ท่กี ารศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ตามมาตรฐานการเรียนรูต้ ามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนา คุณภาพการศกึ ษาของเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดาเนินการโดยประเมินคุณภาพ ผลสัมฤทธ์ิของผู้เรียนดว้ ยขอ้ สอบมาตรฐานทีจ่ ดั ทาและดาเนินการโดยเขตพ้นื ที่การศึกษา หรือด้วยความร่วมมือ กับหนว่ ยงานต้นสงั กดั ในการดาเนินการจดั สอบ นอกจากนีย้ งั ไดจ้ ากการตรวจสอบทบทวนขอ้ มลู จากการประเมิน ระดบั สถานศึกษาในเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษา ๔. การประเมินระดบั ชาติ เปน็ การประเมนิ คุณภาพผู้เรยี นในระดับชาติตามมาตรฐานการเรียนรู้ตาม หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน สถานศึกษาตอ้ งจัดให้ผู้เรียนทุกคนที่เรียน ในช้ันประถมศึกษาปีที่ ๓ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เข้ารับการประเมนิ ผลจากการประเมนิ ใช้เป็นข้อมลู ในการเทยี บเคยี งคุณภาพการศึกษาใน ระดบั ต่าง ๆ เพื่อนาไปใช้ในการวางแผนยกระดบั คุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนุนการ ตดั สินใจในระดบั นโยบายของประเทศ ขอ้ มลู การประเมนิ ในระดบั ต่างๆ ข้างต้น เปน็ ประโยชน์ตอ่ สถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวนพัฒนา คุณภาพผู้เรียน ถอื เป็นภาระความรับผดิ ชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข สง่ เสรมิ สนบั สนนุ เพือ่ ใหผ้ ้เู รียนได้พัฒนาเต็มตามศกั ยภาพบนพ้นื ฐานความแตกต่างระหว่างบุคคลที่จาแนกตาม สภาพปัญหาและความตอ้ งการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มี ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนตา่ กลุ่มผ้เู รียนทมี่ ปี ัญหาด้านวินัยและพฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนท่ีปฏิเสธโรงเรียน กลุ่ม ผ้เู รยี นทีม่ ปี ญั หาทางเศรษฐกจิ และสงั คม กลุม่ พิการทางรา่ งกายและสติปัญญา เปน็ ตน้ ขอ้ มูลจากการประเมินจึง เป็นหวั ใจของสถานศึกษาในการดาเนินการชว่ ยเหลอื ผู้เรียนได้ทันทว่ งที ปดิ โอกาสให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาและ ประสบความสาเรจ็ ในการเรยี น สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศกึ ษา จะต้องจัดทาระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผลการ เรียนของสถานศึกษาใหส้ อดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติท่ีเป็นข้อกาหนดของหลักสูตร แกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน เพ่ือใหบ้ คุ ลากรท่เี ก่ียวข้องทุกฝ่ายถือปฏบิ ตั ิรว่ มกัน หลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านติม (พันธ์พิทยาคม) (ฉบบั ปรับปรงุ พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
เกณฑก์ ารวดั และประเมินผลการเรียน ๑. การตดั สนิ การใหร้ ะดบั และการรายงานผลการเรียน ๑.๑ การตดั สินผลการเรียน ในการตดั สนิ ผลการเรยี นของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ การอา่ น คิดวเิ คราะห์และเขียน คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนนั้น ผสู้ อนตอ้ งคานึงถงึ การพัฒนาผู้เรียนแตล่ ะคนเป็นหลัก และต้อง เก็บ ขอ้ มูลของผู้เรยี นทกุ ดา้ นอย่างสมา่ เสมอและต่อเนอ่ื งในแตล่ ะภาคเรยี น รวมทง้ั สอนซอ่ มเสรมิ ผเู้ รยี นใหพ้ ฒั นาจนเต็ม ตามศกั ยภาพ ระดับประถมศึกษา (๑) ผเู้ รยี นตอ้ งมีเวลาเรียนไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทัง้ หมด (๒) ผู้เรยี นต้องไดร้ บั การประเมินทกุ ตวั ชีว้ ดั และผ่านตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนด (๓) ผูเ้ รียนต้องได้รบั การตดั สนิ ผลการเรียนทกุ รายวิชา (๔) ผู้เรียนตอ้ งได้รบั การประเมิน และมีผลการประเมินผา่ นตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด ใน การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียน การพจิ ารณาเลือ่ นชนั้ ถ้าผเู้ รยี นมีขอ้ บกพร่องเพียงเล็กน้อย และสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่า สามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยใู่ นดุลพินจิ ของสถานศกึ ษาท่จี ะผอ่ นผันใหเ้ ลือ่ นช้ันได้ แต่หากผู้เรียนไม่ ผ่านรายวชิ าจานวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับช้ั นที่สูงข้ึน สถานศึกษาอาจต้ัง คณะกรรมการพิจารณาใหเ้ รยี นซ้าชนั้ ได้ ทงั้ น้ีให้คานงึ ถึงวฒุ ภิ าวะและความรูค้ วามสามารถของผู้เรยี นเป็นสาคัญ ๑.๒ การให้ระดบั ผลการเรยี น ระดบั ประถมศกึ ษา ในการตดั สนิ เพอ่ื ให้ระดบั ผลการเรียนรายวิชา สถานศึกษาสามารถให้ระดับผล การเรยี นหรอื ระดับคุณภาพการปฏิบตั ิของผู้เรยี น เป็นระบบตวั เลข ระบบตวั อกั ษร ระบบรอ้ ยละ และระบบที่ใช้ คาสาคัญสะท้อนมาตรฐาน การประเมินการอ่าน คดิ วเิ คราะหแ์ ละเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับผลการ ประเมินเป็น ดเี ยี่ยม ดี และผา่ น การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น จะตอ้ งพิจารณาท้งั เวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรม และผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากาหนด และใหผ้ ลการเขา้ ร่วมกิจกรรมเปน็ ผ่าน และไม่ผา่ น ๑.๓ การรายงานผลการเรยี น การรายงานผลการเรียนเปน็ การสอื่ สารใหผ้ ้ปู กครองและผ้เู รยี นทราบความก้าวหน้าในการเรีย นรู้ ของผู้เรียน ซ่งึ สถานศึกษาตอ้ งสรุปผลการประเมินและจัดทาเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะๆ หรือ อยา่ งน้อยภาคเรียนละ ๑ ครง้ั การรายงานผลการเรยี นสามารถรายงานเปน็ ระดบั คณุ ภาพการปฏิบัตขิ องผ้เู รียนที่สะท้อนมาตรฐาน การเรียนรูก้ ลุ่มสาระการเรียนรู้ ๒. เกณฑก์ ารจบการศกึ ษา หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน กาหนดเกณฑ์กลางสาหรบั การจบการศึกษาเป็น ๑ ระดับ คือ ระดบั ประถมศกึ ษา หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรยี นบ้านตมิ (พนั ธพ์ ิทยาคม) (ฉบับปรบั ปรุง พทุ ธศักราช ๒๕๖๓)
๒.๑ เกณฑก์ ารจบระดับประถมศกึ ษา (๑) ผเู้ รยี นเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพ่ิมเติมตามโครงสร้างเวลาเรียนที่ หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐานกาหนด (๒) ผูเ้ รยี นต้องมีผลการประเมินรายวิชาพ้ืนฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ีสถานศึกษา กาหนด (๓) ผเู้ รียนมีผลการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี นในระดับผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ตามท่สี ถานศึกษากาหนด (๔) ผู้เรยี นมีผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศึกษากาหนด (๕) ผเู้ รียนเข้าร่วมกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี สถานศกึ ษากาหนด สาหรับการจบการศกึ ษาสาหรับกลมุ่ เปา้ หมายเฉพาะ เชน่ การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสาหรับผู้มี ความสามารถพเิ ศษ การศกึ ษาทางเลือก การศกึ ษาสาหรบั ผดู้ อ้ ยโอกาส การศกึ ษาตามอธั ยาศัย ให้คณะกรรมการ ของสถานศกึ ษา เขตพื้นท่ีการศึกษา และผทู้ ่ีเกี่ยวข้อง ดาเนินการวดั และประเมินผล การเรียนรู้ตามหลักเกณฑ์ใน แนวปฏิบัตกิ ารวัดและประเมินผลการเรยี นรขู้ องหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐานสาหรับกลุ่มเป้าหมาย เฉพาะ เอกสารหลักฐานการศึกษา เอกสารหลักฐานการศกึ ษา เป็นเอกสารสาคญั ที่บันทึกผลการเรียน ขอ้ มูลและสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับ พฒั นาการของผเู้ รียนในดา้ นต่าง ๆ แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ดงั นี้ ๑. เอกสารหลักฐานการศึกษาท่ีกระทรวงศึกษาธิการกาหนด ๑.๑ ระเบยี นแสดงผลการเรยี น เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ ผู้เรียนตามรายวชิ า ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขยี น ผลการประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ของ สถานศึกษา และผลการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกข้อมูลและออกเอกสารน้ีให้ ผ้เู รียนเป็นรายบุคคล เมอ่ื ผ้เู รียนจบการศกึ ษาระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี ๖) ๑.๓ แบบรายงานผสู้ าเร็จการศกึ ษา เป็นเอกสารอนมุ ตั ิการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายช่ือและ ข้อมลู ของผจู้ บการศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษา (ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖) ๒. เอกสารหลักฐานการศกึ ษาที่สถานศกึ ษากาหนด เปน็ เอกสารทส่ี ถานศึกษาจดั ทาขึน้ เพ่อื บนั ทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และขอ้ มลู สาคัญ เกี่ยวกับผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจาตัวนักเรียน แบบบนั ทึกผลการเรยี นประจารายวชิ า ระเบียนสะสม ใบรับรองผลการเรียน และ เอกสารอน่ื ๆ ตามวตั ถปุ ระสงค์ของการนาเอกสารไปใช้ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านตมิ (พันธพ์ ิทยาคม) (ฉบับปรับปรุง พุทธศกั ราช ๒๕๖๓)
การเทียบโอนผลการเรียน สถานศกึ ษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผูเ้ รียนในกรณีตา่ งๆไดแ้ ก่ การยา้ ยสถานศกึ ษา การเปลี่ยน รปู แบบการศกึ ษา การย้ายหลกั สูตร การออกกลางคันและขอกลบั เขา้ รับการศึกษาตอ่ การศกึ ษาจากต่างประเทศ และขอเขา้ ศึกษาตอ่ ในประเทศ นอกจากน้ี ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทกั ษะ ประสบการณจ์ ากแหล่งการเรียนรู้ อน่ื ๆ เชน่ สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชพี การจัดการศกึ ษาโดยครอบครวั การเทยี บโอนผลการเรยี นควรดาเนินการในชว่ งก่อนเปดิ ภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก ท่ี สถานศกึ ษารบั ผขู้ อเทียบโอนเปน็ ผเู้ รยี น ท้งั น้ี ผเู้ รียนทไี่ ดร้ ับการเทียบโอนผลการเรยี นต้องศกึ ษาตอ่ เนอื่ งใน สถานศึกษาทร่ี ับเทยี บโอนอยา่ งนอ้ ย ๑ ภาคเรียน โดยสถานศึกษาทีร่ ับผเู้ รยี นจาก การเทยี บโอนควรกาหนดรายวชิ า/จานวนหน่วยกิตทจ่ี ะรับเทียบโอนตามความเหมาะสม การพจิ ารณาการเทียบโอน สามารถดาเนนิ การได้ ดงั นี้ ๑. พจิ ารณาจากหลักฐานการศึกษา และเอกสารอนื่ ๆ ทใี่ ห้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถของผเู้ รยี น ๒. พจิ ารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรยี นโดยการทดสอบด้วยวธิ ีการตา่ งๆ ทง้ั ภาคความร้แู ละ ภาคปฏิบัติ ๓. พิจารณาจากความสามารถและการปฏิบตั ใิ นสภาพจริง การเทยี บโอนผลการเรียนใหเ้ ปน็ ไปตาม ประกาศ หรอื แนวปฏิบัติ ของกระทรวงศึกษาธกิ าร การบรหิ ารจัดการหลกั สตู ร ในระบบการศกึ ษาทม่ี ีการกระจายอานาจให้ท้องถ่ินและสถานศกึ ษามบี ทบาทในการพัฒนาหลักสูตรน้ัน หน่วยงานต่างๆ ทเี่ กยี่ วข้องในแต่ละระดบั ตงั้ แต่ระดับชาติ ระดบั ทอ้ งถ่ิน จนถึงระดับสถานศกึ ษา มีบทบาทหน้าท่ี และความรบั ผิดชอบในการพฒั นา สนับสนุน ส่งเสรมิ การใช้และพัฒนาหลักสูตรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพ่อื ให้การดาเนินการจัดทาหลกั สูตรสถานศึกษาและการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษามี ประสิทธิภาพ สงู สดุ อันจะส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพผูเ้ รยี นบรรลตุ ามมาตรฐานการเรียนรู้ทกี่ าหนดไว้ในระดับชาติ ระดบั ทอ้ งถิ่น ไดแ้ ก่ สานักงานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษา หน่วยงานต้นสงั กดั อื่น ๆ เปน็ หน่วยงานที่มีบทบาทใน การขบั เคลอื่ นคณุ ภาพการจัดการศึกษา เปน็ ตัวกลางที่จะเช่ือมโยงหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานที่ กาหนดในระดบั ชาตใิ หส้ อดคล้องกับสภาพและความต้องการของท้องถ่ิน เพ่ือนาไปสู่ การจัดทาหลักสูตรของ สถานศึกษา สง่ เสรมิ การใช้และพฒั นาหลักสตู รในระดับสถานศกึ ษา ให้ประสบความสาเร็จ โดยมีภารกิจสาคัญ คอื กาหนดเป้าหมายและจดุ เนน้ การพฒั นาคณุ ภาพผูเ้ รียน ในระดับท้องถ่ินโดยพิจารณาให้สอดคล้องกับส่ิงท่ี เป็นความต้องการในระดับชาติ พัฒนาสาระ การเรียนรู้ท้องถิ่น ประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับท้องถ่ิน รวมทงั้ เพิ่มพนู คุณภาพการใช้หลกั สูตรด้วยการวจิ ยั และพฒั นา การพัฒนาบุคลากร สนับสนุน ส่งเสริม ติดตามผล ประเมนิ ผล วเิ คราะห์ และรายงานผลคณุ ภาพของผู้เรียน สถานศึกษามหี นา้ ทสี่ าคญั ในการพฒั นาหลกั สตู รสถานศึกษา การวางแผนและดาเนินการใช้หลักสูตร การเพิม่ พูนคุณภาพการใชห้ ลกั สูตรด้วยการวิจยั และพัฒนา การปรบั ปรุงและพฒั นาหลักสตู รจดั ทาระเบียบการวัด และประเมนิ ผล ในการพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษาต้องพิจารณาให้สอดคล้อง กับหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ัน พื้นฐาน และรายละเอียดทีเ่ ขตพนื้ ที่การศึกษา หรือหน่วยงาน สังกัดอ่ืนๆ ในระดับท้องถ่ินได้จัดทาเพิ่มเติม รวมท้ัง สถานศกึ ษาสามารถเพิ่มเติมในส่วนท่ีเกยี่ วกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และ ความต้องการของผู้เรยี น โดยทกุ ภาคสว่ นเขา้ มามีส่วนรว่ มในการพฒั นาหลกั สูตรสถานศึกษา หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นติม (พนั ธ์พิทยาคม) (ฉบับปรบั ปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๓)
ภาคผนวก หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบา้ นตมิ (พันธ์พทิ ยาคม) (ฉบบั ปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๓)
คาสงั่ โรงเรียนบ้านติม (พนั ธ์พทิ ยาคม) ท่ี / ๒๕๖๓ เรอื่ ง แตง่ ต้ังคณะกรรมการพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบ้านตมิ (พนั ธพ์ ิทยาคม) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓) ********************************* ตามอนสุ ิทธิคาสัง่ กระทรวงศกึ ษาธิการ ท่ี สพฐ. ๑๒๓๙/๒๕๖๐ ส่ัง ณ วันท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๖๐ เรือ่ ง ให้ใชม้ าตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวช้วี ดั กลุม่ สาระการเรยี นรูค้ ณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในกล่มุ สาระการเรียนรูส้ งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และคาสงั่ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐานท่ี ๓๐/๒๕๖๑ ส่งั ณ วนั ที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๑ เรื่อง ให้เปล่ียนแปลงมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ และวทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เพอื่ ให้สถานศกึ ษาพฒั นาผเู้ รยี นให้มศี กั ยภาพในการแข่งขันและดารงชีวิตอย่างสร้างสรรค์ใน ประชาคมโลกตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และคาส่ังสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ท่ี ๙๒๑/๒๕๖๑ ส่งั ณ วนั ที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เร่ือง ยกเลิกมาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวัด สาระท่ี ๒ การออกแบบและเทคโนโลยี และสาระที่ ๓ เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ในกลุ่มสาระการเรียน รู้การ งานอาชีพและเทคโนโลยี ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ และเปล่ียนช่ือกลุ่ม สาระการเรียนรู้ ทัง้ นีเ้ พ่อื เป็นการลดความซ้าซอ้ นของเนอื้ หาสาระเกี่ยวกับเทคโนโลยี เพอื่ ให้การปรบั ปรงุ หลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนบ้านติม (พนั ธพ์ ทิ ยาคม) เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตอบสนองต่อนโยบายดังกลา่ ว อาศยั อานาจตามความในมาตรา ๓๙ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหาร ราชการกระทรวงศกึ ษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ และมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและ บคุ คลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ จึงแตง่ ตัง้ คณะกรรมการปรับปรงุ หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนบ้านติม (พนั ธพ์ ิทยาคม) ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓ ดังนี้ ๑. คณะกรรมการดาเนนิ งาน ๑. นายอนสุ รณ์ จัตตุเรศ ผูอ้ านวยการโรงเรียน ประธานกรรมการ ๒. นางกนกอร อะนอุ ัน หัวหน้าการเรยี นรปู้ ฐมวัย กรรมการ ๓. นางสาวมกุ ดา น้อยสงวน หัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย กรรมการ ๔. นางปารีณา พงษว์ ัน หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ กรรมการ ๕. นางพยุดา จนั ตะ๊ เหลก็ หัวหน้ากลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ฯ กรรมการ ๖. นางปราณี บุญศกั ด์ิ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษาฯ กรรมการ หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรียนบ้านติม (พันธพ์ ทิ ยาคม) (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๓)
๗. นายกติ ติพงษ์ ส้ินภยั หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ กรรมการ ๘. นายกิตติพงษ์ สิ้นภยั หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ กรรมการ ๙. นายธีระชยั อภยั พันธ์ หวั หนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ุขศกึ ษาพลศึกษา กรรมการ ๑๐. นางสาวนารีรตั น์ ไชยนะรา หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ กรรมการ ๑๑. นางสาวนารรี ัตน์ ไชยนะรา หวั หน้าฝา่ ยวชิ าการ กรรมการและเลขานุการ มีหนา้ ที่ คณะกรรมการดาเนนิ การ มหี น้าทแ่ี ละดาเนินการจัดการตามขั้นตอนทก่ี าหนด ดงั น้ี ๑. ทบทวนหลักสูตร วางแผนการปรบั ปรงุ กาหนดรายละเอียดของหลกั สูตรระดับสถานศึกษาและแนว ทางการจัดโครงสร้างหลักสตู ร และกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี นของสถานศึกษา ให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ จุดเนน้ ของเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาและความต้องการของชุมชนในท้องถน่ิ ๒. จัดทาคู่มือการบรหิ ารหลกั สูตร และงานวิชาการของสถานศกึ ษา นเิ ทศ กากับ ติดตาม ให้คาปรึกษา เกย่ี วกบั การพัฒนาหลกั สตู ร การจดั กระบวนการเรยี นรู้ การวัดและประเมนิ ผลและการแนะแนวให้สอดคล้องและ เป็นไปตามหลกั สูตรการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน ๓. สง่ เสริมและสนับสนุนการพฒั นาบุคลากรเก่ียวกับการพัฒนาหลักสูตร การจัดกระบวน การเรียนรู้ การวัด และประเมนิ ผลและการแนะแนวให้เป็นไปตามจุดหมายและแนวทางการดาเนินการของหลกั สตู ร ๔. ประสานความร่วมมอื จากบุคคล หนว่ ยงาน องค์กรตา่ ง ๆ และชมุ ชน เพื่อให้การใช้หลักสูตรเป็นไป อย่างมปี ระสิทธิภาพและมคี ณุ ภาพ ๕. ประชาสัมพันธ์หลกั สูตรและการใชห้ ลกั สูตรแก่นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชนและผู้เกี่ยวข้องและนา ข้อมูลป้อนกลับจากฝ่ายตา่ ง ๆ มาพิจารณาเพอื่ ปรับปรุงและพฒั นาหลักสูตรของสถานศึกษา ๖. สง่ เสริมสนบั สนนุ การวิจยั เกี่ยวกับการพัฒนาหลักสตู ร และกระบวนการเรยี นรู้ ๗. ตดิ ตามผลการเรยี นของนักเรียนเป็นรายบคุ คล ระดบั ช้นั และช่วงชั้น ระดับวชิ า กลุ่มวิชา ในแต่ละปี การศกึ ษา เพอื่ ปรับปรงุ แก้ไข และพัฒนาการดาเนินงานด้านตา่ ง ๆ ของสถานศึกษา ๘. ตรวจสอบทบทวน ประเมินมาตรฐาน การปฏิบัติงานของครู และการบริหารหลักสูตรระดับ สถานศึกษาในรอบปีท่ผี ่านมา แลว้ ใช้ผลการประเมิน เพอื่ วางแผนพัฒนาการปฏิบัติงานของครูและการบริหาร หลักสูตรปกี ารศกึ ษาต่อไป ๙. รายงานผลการปฏบิ ัติงานและผลการบรหิ ารหลักสตู รของสถานศกึ ษา โดยเน้นผลการพฒั นาคุณภาพ นักเรยี นต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน คณะกรรมการบริหารหลักสูตรระดับเหนือสถานศึกษา สาธารณชน และผู้เก่ยี วขอ้ ง ๒. คณะกรรมการจัดเตรียมเอกสาร รวบรวมและจัดทารปู เล่ม ๑. นางสาวนารีรตั น์ ไชยนะรา ครู ชานาญการพเิ ศษ ประธานกรรมการ กรรมการ ๒. นางกนกอร อะนุอัน ครู ชานาญการพิเศษ กรรมการ กรรมการ ๓. นางสาวมกุ ดา นอ้ ยสงวน ครผู ู้ช่วย กรรมการและเลขานุการ ๔. นางสาวอรณชิ ชา วงพทิ กั ษ์ ครอู ัตราจ้าง ๕. นางถวลิ ดวงมณี ธุรการโรงเรยี น หลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นบ้านตมิ (พันธ์พิทยาคม) (ฉบับปรบั ปรงุ พุทธศักราช ๒๕๖๓)
มีหน้าที่ ๑. จัดเตรียมเอกสาร เพ่ือปรับปรงุ หลักสูตร ไดแ้ ก่ โครงสร้างหลักสูตร หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ หลกั สูตรโรงเรียนบา้ นติม (พันธ์พิทยาคม) มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กล่มุ สาระการเรียนร้ทู ่มี ีการเปล่ียนแปลง คาสง่ั กระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการปรับปรงุ หลักสูตรในสาระต่าง ๆ ๒. รวบรวมขอ้ มูลการปรับปรุงหลักสูตรรายวชิ า คาอธิบายรายวิชา มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด จากกลมุ่ สาระต่าง ๆ จากการปรับปรงุ หลักสูตรในครงั้ น้ี จดั ทารูปเลม่ นาเสนอคณะกรรมการปรับปรุงหลักสูตร เพื่อเสนอคณะกรรมการสถานศึกษาอนุมัติ และประกาศใช้ตอ่ ไป ท้งั นี้ใหผ้ ้ไู ดร้ ับการแตง่ ต้ังปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ด้วยความเอาใจใส่ รับผิดชอบ เพ่ือให้การ ดาเนินงานมปี ระสิทธภิ าพ และบรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์ตามทีก่ าหนดไว้ทกุ ประการ สงั่ ณ วันที่ ๓๑ เดือน มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖๓ (ลงชื่อ) (นายอนสุ รณ์ จตั ตเุ รศ) ผูอ้ านวยการโรงเรียนบา้ นติม (พันธพ์ ิทยาคม) หลกั สตู รสถานศึกษาโรงเรียนบ้านตมิ (พันธพ์ ทิ ยาคม) (ฉบับปรับปรงุ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143