62 คลอ้ งจองทาให้ไพเราะ และมีความหมาย กนิ ใจ สามารถจาไดง้ า่ ย รจัดกำรเรยี นรู้ ำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ภำษิต...ให้ข้อคิดสอนใจ จานวน ๔ ชั่วโมง
ที่ ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ จดุ ประสงคก์ ำร สำระกำร ภำระง กำรเรยี นรู้ ตัวชีว้ ัด/ผล เรียนรู้ เรียนรู้ ๑๕ คำพังเพยและ สภุ ำษิต...ให้ กำรเรียนรู้ ข้อคิดสอนใจ มำตรฐำนกำร นักเรียนสามารถ คาพงั เพย ๑. ใบงาน เรียนรู้ สรุปได้ว่า คา และสภุ าษิต การบอก มาตรฐาน ท พงั เพยและสภุ าษติ ความหมา ๔.๑ เขา้ ใจ เปน็ สานวนทใี่ ห้ คาพงั เพยแ ธรรมชาติของ ขอ้ คิด คตสิ อนใจ สภุ าษติ ภาษาและหลกั ในการดาเนนิ ชีวิต ๒. ช้ินงาน ภาษาไทย การ ถอ้ ยคามีลกั ษณะ นิทานเทยี เปลี่ยนแปลง กระชับ กินใจ และ พังเพย ของภาษาและ ไพเราะ พลงั ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทาง ภาษา และ รักษา ภาษาไทยไว้ เป็นสมบตั ิของ ชาติ ตวั ชี้วดั ท ๔.๑ ป. ๔/๖ บอก ความหมาย ของสานวน
63 งำน กำรจัดกำรเรยี นรู้ วธิ กี ำรวดั และ สอื่ /แหล่งกำร ประเมินผล เรยี นรู้ นเรื่อง ๑. ใหน้ ักเรียนอ่านบทรอ้ ยกรอง กำรประเมินผล ๑. บทรอ้ ยกรอง “สุภาษติ คาพังเพย” สงั เกตสุภาษติ และ ตัวชว้ี ัด “สภุ าษิต คา ายของ คาพังเพย ใบงานที่ ๑๓ พังเพย” และ ๒. ให้นักเรียนทายสานวนไทยจากปริศนา เร่ือง การบอก ๒. ปริศนาคาทาย คาทายท่ีกาหนดให้ แลว้ ร่วมกันสนทนา ความหมายของ ๓. ภาพ นเรอื่ ง ถงึ ความหมายของสานวนดงั กล่าว คาพังเพยและ ๔. ฉลากคาพังเพย ยบคา ๓. ให้นักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง คา สุภาษติ สภุ าษิต พังเพย และสุภาษติ แลว้ ร่วมกนั สรุป ๕. บตั รคา สานวน ความเข้าใจ ตา่ ง ๆ ๔. ให้นกั เรยี นเตมิ คาพงั เพยหรือสภุ าษิต ๖. กระดาษสาหรบั ให้สมบูรณ์ จากน้นั ร่วมกันสนทนาถงึ ทากจิ กรรม คณุ คา่ ๗. แถบประโยค ของการใช้สานวน ๘. ตารางอักษร ๕. ใหน้ ักเรยี นทาใบงานที่ ๑๓ เรอ่ื ง การ ปรศิ นา บอกความหมายของคาพังเพยและสุภาษิต ๙. ใบงานที่ ๑๓ จากนนั้ ออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชนั้ เรยี น แลว้ รวบรวมผลงานสง่ ครู ๖. ให้นักเรียนทาช้นิ งานที่ ๕ เร่อื ง นิทาน เทียบคาพงั เพย ผลดั กันนาเสนอผลงาน ร่วมกันเสนอแนะและปรบั ปรุงแกไ้ ข จากนน้ั คัดเลือกผลงานดีเดน่ ไปจัดแสดง บนปา้ ยนเิ ทศ
กำรออกแบบกำร รำยวชิ ำภำษำไทย กลุ่มสำ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๖ เร่ือง ภำษำไทยมำตรฐำน -
64 ๗. ให้นกั เรยี นรว่ มกันสนทนาเกีย่ วกับ คณุ คา่ ของคาพงั เพยและสภุ าษิต ๘. ใหน้ กั เรยี นและครูรว่ มกนั สรุปความรู้ ดงั นี้ ๏ คาพังเพยและสภุ าษิตเป็นสานวน ที่ให้ข้อคิด คติสอนใจในการดาเนินชีวติ ถ้อยคามีลกั ษณะกระชับ กินใจ และ ไพเราะ รจดั กำรเรยี นรู้ ำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ภำษำถิน่ ...บอกควำมเป็ นไทย จานวน ๔ ชั่วโมง
ที่ ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ จดุ ประสงค์กำร สำระกำร ภำระง กำรเรยี นรู้ ตัวช้ีวัด/ผล เรียนรู้ เรยี นรู้ กำรเรยี นรู้ ๑๖ เรอ่ื ง ภาษาไทย มาตรฐานการ นกั เรยี นสามารถ ภาษาไทย ใบงานเรอ่ื เปรยี บเทยี มาตรฐาน - เรียนรู้ สรุปได้วา่ ภาษา มาตรฐาน ภาษาไทย มาตรฐานก ภาษาถน่ิ ...บอก มาตรฐาน ท ถ่นิ เป็นภาษาทใ่ี ช้ และภาษา ภาษาถ่ิน ความเปน็ ไทย ๔.๑ เข้าใจ สื่อสารเฉพาะ ถิน่ ธรรมชาตขิ อง ท้องถน่ิ คาท่ีมี ภาษาและหลกั ความหมายอย่าง ภาษาไทย การ เดียวกัน อาจใช้คา เปล่ียนแปลง แตกต่างกันในแต่ ของภาษาและ ละถน่ิ การเข้าใจ พลงั ของภาษา ความหมายของ ภูมปิ ัญญาทาง ภาษาถนิ่ ทาให้การ ภาษา และ สื่อสารกบั คนใน รักษา ท้องถนิ่ ดขี น้ึ ภาษาไทยไว้ เป็นสมบตั ิของ ชาติ ตวั ชว้ี ัด ท ๔.๑ ป. ๔/๗ เปรยี บเทยี บ ภาษาไทย มาตรฐานกับ ภาษาถิ่นได้
65 งำน กำรจดั กำรเรยี นรู้ วิธกี ำรวัดและ สอ่ื /แหล่งกำร ประเมินผล เรยี นรู้ อง การ ๑. ให้นกั เรยี นอา่ นเพลง “กล่อมน้อง การประเมนิ ผล ๑. เพลง “กล่อม นอ้ งนอน” ยบ นอน” สังเกตคาภาษาถิน่ ตวั ชี้วดั ๒. ปริศนาคาทาย ๓. ภาพ ๒. ให้นกั เรยี นดภู าพ อ่านบตั รคา และ ใบงานท่ี ๑๔ ๔. บตั รคา ๕. กระดาษเขียน กับ เลือกคาใหส้ มั พันธ์กับภาพ เรอ่ื ง การ คาภาษาถน่ิ ๖. แถบประโยค ๓. ใหน้ ักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง เปรยี บเทียบ ๗. แผนภมู คิ า ๘. ใบงานท่ี ๑๔ ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถนิ่ ภาษาไทย ๔. ให้นกั เรียนเปรยี บเทยี บคาภาษาถ่นิ มาตรฐานกบั ต่าง ๆ กบั คาในภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาถิ่น ๕. ใหน้ กั เรียนและครูร่วมกันสนทนาถงึ คา ทเี่ ปน็ ชือ่ ผัก ผลไม้ และสิ่งของท่เี ป็น ภาษาถนิ่ ตา่ ง ๆ ๖. ให้นักเรยี นฟังเพลงท่ีเป็นภาษาถิ่น สังเกตคา และบอกความหมาย ๗. ใหน้ กั เรียนอา่ นข้อความทเ่ี ป็นภาษาถน่ิ พรอ้ มทง้ั บอกความหมายของคาภาษาถิน่ ๘. ใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี ๑๔ เรอ่ื ง การ เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกับภาษา ถน่ิ แลว้ นาเสนอผลงานให้ทุกคนรว่ มกัน ตรวจสอบความถูกต้อง จากน้ันรวบรวม ผลงานสง่ ครู ๙. ใหน้ กั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดังนี้
กำรออกแบบกำร รำยวชิ ำภำษำไทย กล่มุ สำ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๗ เร่ือง อ่านได้ค
66 ๏ ภาษาถ่นิ เป็นภาษาที่ใชส้ ือ่ สาร เฉพาะท้องถ่นิ คาทีม่ ีความหมายอยา่ ง เดยี วกัน อาจใชค้ าแตกต่างกันในแตล่ ะถนิ่ การเข้าใจความหมายของภาษาถนิ่ ทาให้ การสือ่ สารกบั คนในท้องถิ่นดีข้ึน รจัดกำรเรียนรู้ ำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย คล่อง...ต้องรู้วธิ ี จานวน ๙ ชั่วโมง
ท่ี ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ จุดประสงค์กำร สำระกำร ภำระง กำรเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ัด/ผล เรยี นรู้ เรียนรู้ กำรเรยี นรู้ ๑. ใบงานเ ๑๗ อ่ำนไดค้ ล่อง... เรื่องท่ี ๑ การอา่ นออ ต้องรู้วธิ ี มำตรฐำนกำร นกั เรยี นสามารถ การอา่ น เสยี งบทร้อ ออกเสยี ง แก้ว เรียนรู้ สรุปได้วา่ ๑. การ บทรอ้ ยแกว้ ๒. กิจกรร เรอื่ งที่ ๒ อธบิ าย มาตรฐาน อา่ นออกเสียงบท การอ่าน ความหมา ออกเสยี ง คา ประโย ท ๑.๑ ใช้ รอ้ ยแกว้ ไดถ้ ูกตอ้ ง บทรอ้ ย และสานว กรองเป็น เรอื่ งท่ีอ่าน กระบวนการ ชัดเจน จะทาให้ ทานอง ๓. ใบงานเ เสนาะ การอา่ นออ อา่ นสรา้ ง การอา่ นมี เรอ่ื งที่ ๓ เสียงบทร้อ การแยก กรองเป็น ความรแู้ ละ ประสิทธิภาพ ข้อเท็จจรงิ ทานองเสน และ ๔. ใบงานเ ความคิด เพ่ือ ผู้อา่ นสามารถจบั ข้อคิดเห็น การแยก เรื่องท่ี ๔ ขอ้ เท็จจรงิ นาไปใช้ ใจความได้ถูกต้อง มารยาทใน ข้อคิดเห็น การอา่ น ๕. ใบงานเ ตัดสินใจ ๒. การอ่านออก มารยาทใน อ่าน แกป้ ญั หาใน เสยี งบทร้อยกรอง การดาเนินชวี ติ ต้องแบง่ จังหวะให้ และมีนสิ ยั รกั ถกู ต้อง การอา่ น การอา่ น ตอ้ งมเี สียงสงู ต่า ตัวชวี้ ดั หนักเบา เอ้ือน ท ๑.๑ ป. ๔/๑ เสยี ง เพื่อความ อ่านออกเสียง ไพเราะ บทรอ้ ยแก้ว และบทร้อย ๓. การแยก กรองไดถ้ ูกตอ้ ง ข้อเท็จจริงและ ท ๑.๑ ป. ๔/๒ ขอ้ คิดเห็นได้อย่าง อธิบาย ถกู ต้อง จะชว่ ยให้
67 งำน กำรจัดกำรเรียนรู้ วธิ กี ำรวัดและ สอ่ื /แหล่งกำร ประเมนิ ผล เรียนรู้ เรอ่ื ง ๑. นกั เรยี นและครูร่วมกันสนทนาถึงการ การประเมินผล ๑. บทรอ้ ยแก้ว เร่อื ง พระโยคแี หง่ อก อ่านออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว และรว่ มกัน ตัวช้วี ดั เกาะแก้วพสิ ดาร ๒. บทความ ขา่ ว อย กาหนดเกณฑท์ ี่จะใช้ประเมินในการอ่าน ใบงานที่ ๑๕ จากหนงั สอื พิมพ์ ๓. ปรศิ นาคาทาย ออกเสยี ง เรอื่ ง การอา่ น ๔. ฉลาก ๕. บทร้อยกรอง รมการ ๒. ใหน้ กั เรยี นฝกึ อา่ นออกเสยี งบทร้อย ออกเสียงบท จากเรื่อง พระอภัย มณี แกว้ เร่ือง พระโยคแี ห่งเกาะแกว้ พสิ ดาร รอ้ ยแก้ว ๖. ใบงานที่ ๑๕- ๑๘ ายของ แล้วประเมินการอ่าน ยค ๓. ให้นกั เรียนศกึ ษาความร้เู ร่ือง การอ่าน วนจาก ออกเสยี งบทร้อยแกว้ น ๔. ให้นักเรยี นอา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ เรื่อง เร่ือง พระโยคีแห่งเกาะแกว้ พิสดารอีกครั้ง อก โดยให้ถกู ต้องตามหลักการอ่าน แล้ว อย ประเมนิ วา่ อ่านดขี ึ้นหรือไม่ อย่างไร ๕. ให้นักเรียนทาใบงานท่ี ๑๕ เรอ่ื ง การ นาะ อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยแกว้ แล้วอา่ นออก เรื่อง เสียงใหถ้ กู ต้อง ครปู ระเมินการอา่ นของ นกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล งและ ๖. ใหน้ ักเรียนรว่ มกันอธบิ ายความหมาย น ของคา ประโยค หรอื สานวนทขี่ ีดเส้นใต้ เรอื่ ง จากข้อความท่ีกาหนด นการ ๗. ให้นักเรียนและครรู ่วมกนั สรุปความรู้ เรอ่ื ง การอา่ นออกเสียงบทร้อยแกว้ ดังน้ี
ความหมาย เปน็ คนมีเหตุผล ไม่ ของคา หลงเชอื่ ส่งิ ตา่ ง ๆ ประโยค และ ไดง้ ่าย สานวนจาก ๔. การมีมารยาท เรื่องท่ีอ่าน ในการอ่าน ช่วยให้ ท ๑.๑ ป. ๔/๔ เปน็ ผอู้ ่านที่ดี และ แยกข้อเทจ็ จรงิ การอา่ นมี และข้อคิดเหน็ ประสทิ ธภิ าพ จากเรอื่ งทีอ่ ่าน ท ๑.๑ ป. ๔/๘ มีมารยาทใน การอ่าน มำตรฐำนกำร เรียนรู้ มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถ เลือกฟงั และดู อยา่ งมี วิจารณญาณ และพดู แสดง ความรู้ ความคดิ และ ความรสู้ กึ ใน โอกาสตา่ ง ๆ อยา่ งมี
68 ๏ การอา่ นออกเสียงบทร้อยแก้วไดถ้ ูกต้อง ชัดเจน จะทาให้การอ่านมีประสทิ ธภิ าพ ผู้อา่ นสามารถจับใจความไดถ้ ูกต้อง ๘. ให้นักเรยี นเขยี นแผนภาพความคดิ สรปุ ความร้เู รอื่ ง การอา่ นออกเสียงบทรอ้ ย แก้ว ๙. นกั เรียนและครรู ว่ มกันสนทนาถึงการ อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง และร่วมกัน กาหนดเกณฑท์ ่ีจะใชป้ ระเมินในการอ่าน ออกเสยี ง ๑๐. ใหน้ ักเรยี นอ่านบทร้อยกรองจาก เร่อื ง พระอภยั มณี ๒ แบบ เปรยี บเทยี บ ความแตกต่างและประเมนิ วา่ แบบที่ ๒ มี ข้อบกพร่องอย่างไร ๑๑. ให้นักเรยี นศึกษาความรู้เรอ่ื ง การ อา่ นออกเสียงบทร้อยกรองเป็นทานอง เสนาะ ๑๒. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั หาความหมายของ คาในบทร้อยกรอง ๑๓. ให้นกั เรียนทาใบงานที่ ๑๖ เรอ่ื ง การ อ่านออกเสียงบทร้อยกรองเป็นทานอง เสนาะ โดยฝกึ อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยกรอง ประเภทกลอนสี่ กลอนสุภาพ โคลงส่ี สภุ าพเปน็ ทานองเสนาะ แล้วรว่ มกันเสนอ วธิ ีการพัฒนาคุณภาพการอ่านทานอง
วจิ ารณญาณ และสร้างสรรค์ ตัวชี้วัด ท ๓.๑ ป. ๔/๑ จาแนก ขอ้ เทจ็ จริงและ ขอ้ คิดเห็นจาก เร่ืองที่ฟงั และดู
69 เสนาะ ๑๔. ใหน้ กั เรียนเลอื กบทกลอนท่ชี อบ ๓ บท จากบทละครเร่ือง เงาะป่า แลว้ อา่ น เปน็ ทานองเสนาะให้ถกู ต้อง ๑๕. ให้นักเรียนและครูร่วมกันสรปุ ความรู้ เร่อื ง การอา่ นออกเสยี งบทร้อยกรองเป็น ทานองเสนาะ ดังนี้ ๏ การอ่านออกเสยี งบทร้อยกรอง ต้อง แบ่งจงั หวะใหถ้ ูกต้อง การอ่านต้องมเี สียง สงู ตา่ หนักเบา เอ้ือนเสยี ง เพ่ือความ ไพเราะ ๑๖. ใหน้ ักเรยี นเขียนแผนภาพความคิด สรปุ ความร้เู รือ่ ง การอา่ นออกเสยี งบท รอ้ ยกรองเปน็ ทานองเสนาะ ๑๗. ใหน้ กั เรียนเลา่ ขอ้ มลู อะไรก็ไดท้ ี่เปน็ ความจริง แล้วร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั ความจรงิ ๑๘. ใหน้ กั เรยี นร่วมกันสนทนาเกีย่ วกับคา โฆษณาที่เคยอา่ นหรือฟงั แล้วรว่ มกัน วเิ คราะหว์ ่านา่ เช่ือถือเพียงใด ๑๙. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาความรเู้ รื่อง การ แยกข้อเทจ็ จรงิ และข้อคิดเห็น ๒๐. ให้นักเรยี นเปรียบเทยี บความเหมอื น และความแตกตา่ งระหวา่ งความจรงิ กับ ความคดิ เห็น
70 ๒๑. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่มอ่านบทความที่ ครูแจก แลว้ แยกขอ้ เทจ็ จริงและขอ้ คดิ เหน็ ในบทความ ผลัดกนั นาเสนอผลงานทีละ กลุ่ม และร่วมกันตรวจสอบความถกู ต้อง ๒๒. ใหน้ กั เรยี นทาใบงานท่ี ๑๗ เรอื่ ง การ แยกข้อเทจ็ จริงและข้อคดิ เห็นรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง แลว้ รวบรวม ผลงานส่งครู ๒๓. ใหน้ ักเรียนและครูรว่ มกันสรุปความรู้ เร่อื ง การแยกข้อเท็จจริงและขอ้ คิดเหน็ ดงั น้ี ๏ การแยกข้อเท็จจริงและข้อคิดเหน็ ได้ อยา่ งถูกต้อง จะชว่ ยให้เป็นคนมีเหตุผล ไม่หลงเช่อื ส่ิงตา่ ง ๆ ไดง้ ่าย ๒๔. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเก่ียวกับ มารยาทในการใชห้ อ้ งสมุด ๒๕. ใหน้ กั เรียนศึกษาความรเู้ ร่ือง มารยาทในการอา่ น ๒๖. ใหน้ ักเรียนออกมาสาธติ มารยาทใน การอา่ นหน้าชนั้ เรียน ๒๗. ใหน้ ักเรียนทาใบงานที่ ๑๘ เรื่อง มารยาทในการอา่ น แลว้ ร่วมกัน แลกเปลี่ยน ความคิดเห็น จากนั้นรวบรวมผลงานสง่ ครู ๒๘. ใหน้ กั เรยี นและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้
กำรออกแบบกำร รำยวชิ ำภำษำไทย กลุ่มสำ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๘ เรื่อง เขยี นชำนำญ
71 เรือ่ ง มารยาทในการอ่าน ดงั นี้ ๏ การมีมารยาทในการอ่าน ช่วยใหเ้ ปน็ ผ้อู า่ นทด่ี ี และการอ่านมีประสิทธภิ าพ รจัดกำรเรียนรู้ ำระกำรเรยี นรูภ้ ำษำไทย ญ...งำนสร้ำงสรรค์จานวน ๒๕ ชั่วโมง
ที่ ช่อื หน่วย มำตรฐำน/ จดุ ประสงคก์ ำร สำระกำร ภำระง กำรเรยี นรู้ ตัวชว้ี ัด/ผล เรยี นรู้ เรียนรู้ กำรเรยี นรู้ ๑๘ เรือ่ ง เขยี น ชานาญ...งาน มาตรฐานการ นกั เรยี นสามารถ เรอ่ื งท่ี ๑ ๑. ใบงานเ สร้างสรรค์ เรียนรู้ สรปุ ไดว้ า่ การคดั การคัดลาย มาตรฐาน ท ๑. การคดั ลายมือ ลายมอื ๒. ชน้ิ งาน ๒.๑ ใช้ ไดถ้ ูกตอ้ งตาม เร่อื งที่ ๒ การเขยี น กระบวนการ หลักการเขยี นตัว การเขียน สื่อสาร เขยี น เขยี น อักษรไทยและ สอื่ สาร ๓. ชิ้นงาน ส่ือสาร เขียน สวยงามช่วยให้ เร่อื งท่ี ๓ การเขยี น เรยี งความ ย่อ อ่านงา่ ย และเป็น การนา แผนภาพโ ความ และ การเชิดชู แผนภาพ เรื่องหรอื เขียนเร่ืองราว ภาษาไทย โครงเร่ือง แผนภาพ ในรูปแบบตา่ ง ๒. การเขยี น และ ความคดิ ๆ เขยี น สือ่ สารต้องใช้คาให้ แผนภาพ ๔. ชิ้นงาน รายงานขอ้ มลู ถูกต้องเหมาะสม ความคิดไป การเขยี นย สารสนเทศ สามารถส่ือ พฒั นางาน ความ และรายงาน ความหมายได้ เขียน ๕. ช้ินงาน การศกึ ษา ชดั เจน การเขียนจ ค้นควา้ หมายถงึ เพ อย่างมี ๓. การเขียน เรอ่ื งท่ี ๔ ๖. ชิน้ งาน ประสิทธิภาพ แผนภาพโครงเรอื่ ง การเขยี นย่อ การเขียนจ ตวั ช้วี ดั และแผนภาพ ความเรือ่ งที่ หมายถึงบ ท ๒.๑ ป. ๔/๑ ความคดิ เปน็ การ ๕ การเขียน มารดา คดั ลายมอื ตวั จดั ขอ้ มลู อย่างมี จดหมายถงึ ๗. ช้นิ งาน
72 งำน กำรจัดกำรเรยี นรู้ วธิ ีกำรวัดและ สื่อ/แหล่งกำร ประเมนิ ผล เรียนรู้ เรื่อง ๑. ใหต้ วั แทนนักเรียนออกมาเขยี นชอ่ื การประเมินผล ๑. บตั รคา ยมือ ตนเองบนกระดาน จากน้นั ให้เพ่ือน ตวั ชี้วัด ๒. บทกลอนความ นเรื่อง รว่ มกนั ประเมินว่าลายมือของใครอา่ นง่าย ใบงานท่ี ๑๙ รักของพ่อ แล้วสนทนาเกยี่ วกบั วธิ ีการเขียนตัว เรอื่ ง การคดั ๓. แถบประโยค อักษรไทย ลายมือ ๔. ฉลาก นเรอ่ื ง ๒. ให้นกั เรียนศึกษาความรู้เร่ือง การคัด ช้นิ งานท่ี ๖ ๕. บทความจาก ลายมือ เรอ่ื ง การเขียน นิตยสาร โครง ๓. ใหน้ ักเรยี นฝึกคัดลายมือตัวบรรจงเต็ม ส่อื สาร ๖. กระดาษ บรรทัด และครึ่งบรรทัด ตามบทกลอนที่ ชน้ิ งานที่ ๗ สาหรบั ทากจิ กรรม กาหนดให้ แล้วออกมานาเสนอผลงาน เรอ่ื ง การเขียน ๗. กระดาษ ร่วมกนั ประเมนิ ถึงข้อดีและข้อควร แผนภาพโครง โปสเตอร์ นเรื่อง ปรบั ปรุง เรื่องหรอื ๘. ปากกาเคมี ย่อ ๔. ใหน้ ักเรียนร่วมกนั บอกข้อดีของการฝึก แผนภาพ ๙. นทิ าน คัดลายมือ ความคดิ ๑๐. แผนภาพโครง นเร่ือง ๕. ใหน้ กั เรยี นทาใบงานที่ ๑๙ เรอื่ ง การ ช้นิ งานท่ี ๘ เรือ่ งเรอ่ื ง อ่งึ อ่าง จด คัดลายมือ ครปู ระเมนิ ผลงานของนักเรยี น เรื่อง การเขียน กับวัว พอ่ื น เป็นรายบุคคล ย่อความ นเรื่อง ๖. ให้นักเรยี นและครรู ่วมกันสรุปความรู้ ชิน้ งานที่ ๙ ๑๑. เอกสารเนื้อหา จด เร่อื ง การคดั ลายมือ ดังนี้ เรอื่ ง การเขยี น เรือ่ งอักษรควบ บิดา ๏ การคดั ลายมือไดถ้ ูกต้องตามหลกั การ จดหมายถงึ ๑๒. กระเป๋าผนัง เขยี นตัวอักษรไทยและสวยงามช่วยให้ เพ่อื น ๑๓. จดหมาย ซอง นเร่ือง อ่านงา่ ยและเป็นการเชดิ ชภู าษาไทย ชน้ิ งานท่ี ๑๐ จดหมาย
บรรจงเต็ม ระบบ เพอื่ นและ การเขียนบ จากการศึก บรรทดั และ ทาให้เข้าใจ บดิ ามารดา คน้ ควา้ ๘. ช้ินงาน ครึ่งบรรทดั ขอบเขตของเรอื่ งท่ี เร่ืองท่ี ๖ การเขยี น รายงาน ท ๒.๑ ป. ๔/๒ จะเขยี นได้ชัดเจน การเขยี น ๙. ชิน้ งาน การเขียนเ เขยี นส่อื สาร ๔. การเขยี นย่อ บนั ทกึ จาก ตามจนิ ตน ๑๐. ใบงา โดยใช้คาได้ ความเป็นการสรุป การศึกษา มารยาทใน เขยี น ถูกต้อง ชดั เจน ใจความสาคัญจา คน้ ควา้ และเหมาะสม กเร่ืองที่อา่ นจะทา เรอ่ื งที่ ๗ ท ๒.๑ ป. ๔/๓ ใหเ้ ข้าใจเน้ือเรื่อง การเขยี น เขยี นแผนภาพ ชดั เจน รายงาน โครงเรื่องและ ๕. การเขยี นจด เรื่องที่ ๘ แผนภาพ หมายถงึ เพือ่ นและ การเขยี น ความคิดเพอื่ ใช้ บดิ ามารดาควรใช้ เรอ่ื งตาม พัฒนางาน ภาษาใหถ้ กู ตอ้ ง จินตนาการ เขียน เหมาะสม เร่ืองที่ ๙ ท ๒.๑ ป. ๔/๔ ๖. การเขยี นบนั ทกึ มารยาทใน เขียนยอ่ ความ จากการศึกษา การเขยี น จากเร่อื งส้ัน ๆ ค้นควา้ ชว่ ยให้มี ท ๒.๑ ป. ๔/๕ ความรู้และ เขยี นจด ประสบการณ์ใน หมายถงึ เพือ่ น การเขียน และบิดา มากขนึ้ มารดา ๗. การเขียน ท ๒.๑ ป. ๔/๖ รายงานเป็นการ เขียนบนั ทกึ นาเสนอข้อมูลจาก
73 บนั ทึก ๗. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สนทนาเก่ียวกบั เรอ่ื ง การเขยี น ๑๔. ส่อื สงิ่ พิมพ์ กษา คาว่า การเขยี นสื่อสาร พร้อมยกตัวอย่าง จดหมายถงึ บิดา และสื่อ ๘. ให้นักเรยี นหยบิ แถบประโยคซึ่งเป็น มารดา อเิ ล็กทรอนกิ ส์ นเรือ่ ง สถานการณ์ท่ีครเู ตรียมไว้ จากนั้นให้ ช้ินงานที่ ๑๑ ๑๕. ปกรายงาน นกั เรยี นเขยี นสอื่ สารเป็นข้อความ แล้วให้ เรื่อง การเขยี น ๑๖. สื่อ เพอ่ื น ๆ ชว่ ยกันแสดงความคิดเห็น บนั ทึกจาก ประกอบการ นเร่อื ง เก่ียวกับข้อความท่เี ขยี นว่าส่อื สาร การศึกษา รายงาน เรื่อง ได้ถูกตอ้ งชดั เจนหรือไม่ คน้ คว้า ๑๗. ตวั อย่างการ นาการ ๙. ใหน้ กั เรียนศึกษาความรเู้ ร่ือง การเขียน ช้นิ งานที่ ๑๒ เขยี นเรอื่ งตาม านเรื่อง สือ่ สาร เร่ือง การเขียน จนิ ตนาการ นการ ๑๐. ใหน้ ักเรยี นเขียนส่ือสารตามหัวขอ้ ที่ รายงาน ๑๘. ใบงานท่ี ครกู าหนด จากนน้ั ให้ร่วมกนั ประเมนิ ผล ชน้ิ งานที่ ๑๓ ๑๙-๒๐ งานเขยี น เรอ่ื ง การเขยี น ๑๑. ให้นักเรียนร่วมกันเสนอวธิ กี ารเขียน เรื่องตาม สื่อสารท่ีดี จากน้ันให้บันทึกเปน็ แผนภาพ จินตนาการ ความคิด ใบงานที่ ๒๐ ๑๒. ให้นักเรยี นเขยี นคาแนะนาจาก เร่ือง มารยาทใน ความรู้หรือประสบการณ์ สง่ ตัวแทน การเขยี น นาเสนอผลงานหนา้ ช้นั เรยี น เพ่ือนและครู รว่ มกันประเมนิ ๑๓. ให้นักเรียนทาช้นิ งานที่ ๖ เร่ือง การ เขียนส่ือสาร ครปู ระเมนิ ผลงานของ นกั เรยี นเปน็ รายบคุ คล แล้วคัดเลือก ผลงานดีเดน่ ไปจดั แสดงบนปา้ ยนเิ ทศ ๑๔. ใหน้ กั เรยี นและครูร่วมกันสรปุ ความรู้
และเขียน การศึกษาค้นควา้ รายงานจาก การเขียนได้ถูกต้อง การศึกษา ครบถว้ น จะทาให้ ค้นควา้ รายงานมีความ ท ๒.๑ ป. ๔/๗ นา่ เชอ่ื ถอื ผ้อู า่ น เขียนเรอ่ื งตาม เข้าใจได้ง่าย จินตนาการ ๘. การเขยี นเร่ือง ท ๒.๑ ป. ๔/๘ ตามจินตนาการ มีมารยาทใน ช่วยฝกึ การสงั เกต การเขยี น พฒั นาการคดิ อารมณ์ ความรู้สึก และสามารถ ถา่ ยทอดออกมา ด้วยการเขยี น ๙. การมีมารยาท ในการเขียนจะชว่ ย ให้การถ่ายทอด ความรู้และ ความคิดของผเู้ ขียน ไปสูผ่ ู้อ่านมี ประสิทธภิ าพ
74 เรื่อง การเขียนส่อื สาร ดังนี้ ๏ การเขยี นส่อื สารต้องใชค้ าใหถ้ ูกต้อง เหมาะสม สามารถสือ่ ความหมายได้ ชัดเจน ๑๕. ให้นกั เรยี นศกึ ษาตวั อยา่ งแผนภาพโครง เร่อื งและแผนภาพความคิด อธิบายลกั ษณะ และเปรยี บเทยี บความแตกต่าง ๑๖. ใหน้ กั เรียนศึกษาความรเู้ ร่อื ง การ เขียนแผนภาพโครงเร่ือง และแผนภาพ ความคิด ๑๗. ให้นักเรียนเขียนแผนภาพโครงเรือ่ ง หรอื แผนภาพความคดิ ในหวั ข้อที่นักเรยี น สนใจ นามาเขียนเรื่อง แลว้ ออกมา นาเสนอผลงาน และใหร้ ่วมกันแสดงความ คดิ เหน็ ๑๘. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั เสนอวธิ กี ารนา แผนภาพโครงเร่ืองและแผนภาพความคิด ไปพัฒนา งานเขยี น ๑๙. ใหน้ กั เรียนทาช้นิ งานท่ี ๗ เรอื่ ง การ เขียนแผนภาพโครงเร่ือง หรือแผนภาพ ความคิด ผลดั กันนาเสนอผลงานและ รว่ มกันแสดงความคดิ เห็น ครูประเมินผล งานของนักเรยี นเปน็ รายบุคคล
75 ๒๐. ใหน้ กั เรยี นและครรู ่วมกันสรุป ความรเู้ ร่อื ง การนาแผนภาพโครงเรือ่ ง และแผนภาพความคิดไปพฒั นางานเขียน ดงั น้ี ๏ การเขยี นแผนภาพโครงเร่ืองและ แผนภาพความคิดเปน็ การจดั ขอ้ มูลอยา่ งมี ระบบ ทาให้เขา้ ใจขอบเขตของเรือ่ งท่จี ะ เขยี นไดช้ ัดเจน ๒๑. ให้นักเรียนอ่านบตั รคา “ยอ่ ความ” แล้วชว่ ยกันอธิบายตามความเข้าใจ ๒๒. ใหน้ กั เรียนศึกษาความรเู้ ร่อื ง การ เขยี นยอ่ ความ ๒๓. ให้นักเรยี นเขยี นย่อความนทิ านที่ ชอบตามหลกั การและรูปแบบทีถ่ ูกต้อง แลว้ จับคู่ กับเพื่อนประเมนิ ผลงาน ๒๔. ใหน้ ักเรยี นทาชิ้นงานท่ี ๘ เรื่อง การ เขยี นยอ่ ความ ครปู ระเมนิ ผลงานของ นกั เรยี นเป็นรายบุคคล ๒๕. ให้นักเรยี นและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ เร่ือง การเขยี นยอ่ ความ ดังน้ี ๏ การเขยี นยอ่ ความเป็นการสรุปใจความ สาคัญจากเรื่องที่อ่านจะทาให้เข้าใจ เนอ้ื เร่อื งชัดเจน
76 ๒๖. ใหน้ กั เรียนศึกษาตวั อย่างจดหมาย แลว้ ร่วมกนั สนทนาเกีย่ วกับประสบการณ์ การเขยี นจดหมาย ๒๗. ใหน้ กั เรียนศึกษาความรูเ้ ร่อื ง การ เขยี นจดหมายถึงเพื่อนและบิดามารดา ๒๘. ใหน้ ักเรียนร่วมกันสนทนาถึงความ แตกต่างระหว่างการเขียนจดหมายถึง เพื่อนและการเขียนจดหมายถึงบดิ า มารดา จากน้นั ตดิ บัตรคารูปแบบ คา ขน้ึ ตน้ คาลงท้าย ที่ครกู าหนดให้ ลงในแผนภาพ ๒๙. ใหน้ กั เรียนดูรปู แบบซองจดหมาย แล้วร่วมกันบอกองค์ประกอบของการ เขียนจา่ หน้าซองจดหมาย จากนนั้ ให้ นกั เรยี นฝึกเขยี นจ่าหนา้ ซองจดหมาย รว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง ๓๐. ใหน้ กั เรยี นไปหาข้อมลู เก่ียวกับ สถานท่ที ่องเทีย่ วของประเทศที่เปน็ สมาชกิ ในประชาคมอาเซียน แล้วเลือก สถานท่ที ่องเทย่ี ว ๑ แห่ง ท่นี ักเรียนอยาก ไป จากนนั้ เขยี นจดหมาย ๑ ฉบบั โดย สมมุติวา่ นกั เรยี นมีเพื่อนอยูใ่ นประเทศนัน้ นักเรยี นต้องการให้เขาช่วยพาไปเท่ียวยัง สถานที่แห่งนั้น พร้อมบอกเหตผุ ลท่ี นักเรียนอยากไป รายละเอียดอน่ื ๆ
77 นกั เรยี นสามารถสมมตุ ขิ ้ึนไดเ้ พ่ือใหส้ มจรงิ ๓๑. ให้นักเรียนนาจดหมายมาแลกเปลี่ยน กนั อา่ น อาจรวบรวมเป็นเลม่ ไว้ท่มี มุ หนังสือของชนั้ เรียน หรือคดั เลือกผลงาน ทน่ี ่าสนใจไปจัดแสดงบนป้ายนเิ ทศ ๓๒. ให้นกั เรยี นทาชนิ้ งานท่ี ๙ เร่ือง การ เขยี นจดหมายถึงเพ่ือนครูประเมนิ ผลงาน ของนักเรียนเปน็ รายบคุ คล ๓๓. ให้นักเรียนทาชนิ้ งานท่ี ๑๐ เรื่อง การเขียนจดหมายถึงบดิ ามารดา ครู ประเมนิ ผลงานของนักเรยี นเป็นรายบุคคล ๓๔. ให้นักเรียนและครรู ่วมกันสรปุ ความรู้ เรือ่ ง การเขียนจดหมายถงึ เพ่ือนและบดิ า มารดา ดงั น้ี ๏ การเขยี นจดหมายถึงเพื่อนและบดิ า มารดาควรใชภ้ าษาให้ถูกต้องเหมาะสม ๓๕. ให้นักเรียนเลา่ ประสบการณ์การเขยี น บันทกึ จากการศกึ ษาค้นควา้ และร่วมกนั บอกวธิ ีการเขียน ๓๖. ใหน้ กั เรียนศึกษาความรู้เรื่อง การ เขียนบันทึกจากการศกึ ษาคน้ คว้า แลว้ ร่วมกนั สรปุ ความรู้เป็นแผนภาพความคดิ ๓๗. ใหน้ กั เรียนเขียนบันทึกความรูใ้ น หวั ข้อทคี่ รูกาหนด นาเสนอผลงานหน้าชน้ั เรยี นแลว้ ร่วมกนั ประเมินผลงาน
78 ๓๘. ใหน้ ักเรียนทาชิ้นงานท่ี ๑๑ เร่ือง การเขียนบนั ทึกจากการศึกษาคน้ คว้า อาสาสมคั รออกมาอา่ นผลงานและรว่ มกนั ประเมนิ จากนั้นรวบรวมผลงานส่งครเู พ่ือ ประเมนิ เป็นรายบุคคล ๓๙. ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนไปศกึ ษา ค้นคว้าในเร่อื งทีต่ นเองสนใจ เก่ียวกบั กลุ่ม สาระการเรยี นรู้ใดก็ได้ จากแหลง่ การ เรียนรตู้ า่ ง ๆ แล้วเขยี นบนั ทกึ จาก การศกึ ษาค้นคว้าน้ัน ๔๐. ให้นกั เรียนผลัดกนั ออกมาอ่าน ความรู้ทตี่ นเองบันทึกไวท้ ีละคนหน้าชนั้ เรียนให้นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น และประเมินผลงานซง่ึ กันและกนั ๔๑. ครปู ระเมนิ ผลงานและเสนอแนะการ เขยี นบันทกึ ใหถ้ ูกต้องตามวธิ ีการเพ่ือแกไ้ ข และปรับปรงุ ๔๒. ให้นักเรยี นและครูร่วมกันสรปุ ความรู้ เร่ือง การเขยี นบนั ทึกจากการศกึ ษา ค้นคว้า ดังนี้ ๏ การเขียนบันทึกจากการศึกษาคน้ คว้า ชว่ ยให้มคี วามรแู้ ละประสบการณใ์ น การเขียนมากขนึ้ ๔๓. ให้นักเรียนดูตัวอย่างรายงานที่เขียน เปน็ เลม่ พร้อมปกรายงาน รว่ มกนั สนทนาถึง
79 องค์ประกอบของรายงาน และปกรายงาน ๔๔. ให้นักเรยี นศึกษาความรเู้ รอื่ ง การ เขียนรายงาน ๔๕. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกันเสนอเรอื่ งที่สนใจ ศกึ ษาขอ้ มลู และเขียนเปน็ แผนภาพ ความคิด ๔๖. ใหน้ ักเรียนรว่ มกนั บอกประโยชนข์ อง การใชแ้ ผนภาพความคิดในการทารายงาน ๔๗. ใหน้ ักเรยี นเขียนรายงานเรอื่ งอาชีพที่ สนใจเปน็ ชิ้นงานท่ี ๑๒ นาเสนอผลงาน หน้าชน้ั เรยี น ร่วมกันประเมนิ ผลเพื่อ เสนอแนะขอ้ ปรบั ปรงุ ๔๘. ให้นักเรยี นและครรู ว่ มกันสรุปความรู้ เรอ่ื ง การเขียนรายงาน ดงั นี้ ๏ การเขยี นรายงานเป็นการนาเสนอ ขอ้ มูลจากการศึกษาค้นควา้ การเขยี นได้ ถูกต้อง ครบถว้ น จะทาให้รายงานมคี วาม นา่ เชือ่ ถอื ผู้อา่ นเข้าใจได้ง่าย ๔๙. ให้นักเรียนออกมาเล่าจนิ ตนาการถึง สง่ิ ท่ีตนเองอยากเปน็ และจะเกดิ อะไรข้นึ บา้ ง ๕๐. ให้นักเรียนศึกษาตวั อยา่ งผลงานการ เขยี นเรื่องตามจินตนาการ รว่ มกนั สนทนา รูปแบบการเขียนเรื่องตามจนิ ตนาการ ๕๑. ใหน้ กั เรยี นศึกษาความรู้เร่อื ง การ
80 เขียนเรื่องตามจินตนาการ ๕๒. ให้นกั เรยี นรว่ มกนั กาหนดหัวขอ้ ใน การเขียนเรื่องตามจนิ ตนาการ ๑ หัวขอ้ จากนัน้ ช่วยกันเขียนแผนภาพความคิด จากหัวขอ้ น้ัน ๕๓. ให้นกั เรียนชว่ ยกนั แตง่ เร่อื งจาก แผนภาพความคิดตอ่ กันคนละ ๑ ประโยค ครเู ขยี นเนอ้ื เรอ่ื งตามทน่ี ักเรยี นบอกบน กระดาน ๕๔. ให้นักเรียนอา่ นเรื่องทแี่ ต่งเสรจ็ แล้ว พรอ้ มกนั แลว้ ช่วยกนั ปรับปรงุ แก้ไขให้ สมบูรณ์ ๕๕. ใหน้ กั เรยี นทาชน้ิ งานที่ ๑๓ เรื่อง การเขียนเรื่องตามจนิ ตนาการ ผลัดกัน นาเสนอผลงานแลว้ รว่ มกันประเมิน ครู ประเมนิ ผลงานของนักเรียนเป็นรายบคุ คล อกี ครั้ง ๕๖. ใหน้ กั เรยี นและครูร่วมกันสรุปความรู้ เรื่อง การเขยี นเร่ืองตามจินตนาการ ดังนี้ ๏ การเขยี นเรอ่ื งตามจินตนาการชว่ ยฝกึ การสังเกต พฒั นาการคิด อารมณ์ ความรู้สกึ และสามารถถ่ายทอดออกมา ด้วยการเขยี น ๕๗. ให้นกั เรียนรว่ มกนั เลา่ ประสบการณ์ เก่ียวกับการมีมารยาททด่ี ีและไมด่ ใี นการ
กำรออกแบบกำร รำยวชิ ำภำษำไทย กลมุ่ สำ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๙ เรื่อง ฟัง ดู รู้สนท
81 เขยี นครูบันทึกเป็นแผนภาพความคดิ บน กระดาน ๕๘. ใหน้ ักเรยี นศึกษาความรู้เรอ่ื ง มารยาทในการเขียน ๕๙. ใหน้ กั เรยี นแสดงบทบาทสมมุติการมี มารยาทในการเขยี นทดี่ ี และไม่ดี และ วเิ คราะห์ผลทีเ่ กดิ ข้ึน ๖๐. ใหน้ ักเรยี นทาใบงานที่ ๒๐ เรอ่ื ง มารยาทในการเขยี น แลว้ รว่ มกันแสดง ความคิดเห็น ครูประเมินผลงานของ นกั เรียนเป็นรายบคุ คล ๖๑. ใหน้ ักเรียนและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ เรอ่ื ง มารยาทในการเขยี นดังนี้ ๏ การมีมารยาทในการเขยี นจะช่วยให้ การถ่ายทอดความรแู้ ละความคิดของ ผูเ้ ขยี นไปสู่ผู้อา่ นมีประสิทธภิ าพ รจดั กำรเรยี นรู้ ำระกำรเรยี นรูภ้ ำษำไทย ทนำ...ภำษำส่ือสำร จานวน ๑๖ ชั่วโมง
ท่ี ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ จดุ ประสงคก์ ำร สำระกำร ภำระง กำรเรียนรู้ ตัวช้วี ดั /ผล เรียนรู้ เรียนรู้ กำรเรยี นรู้ ๑๙ เรื่อง ฟัง ดู รู้ สนทนา...ภาษา มาตรฐานการ นกั เรยี นสามารถ เรื่องที่ ๑ ๑. ช้ินงาน ส่อื สาร เรยี นรู้ สรุปไดว้ ่า การพูดสรปุ การพูดสร มาตรฐาน ๑. การพูดสรปุ ความจาก ความจากก ท ๓.๑ ความจากการฟัง การฟงั และ ฟังและดู สามารถเลอื ก และดู เปน็ การพดู ดู ๒. ชิ้นงาน ฟังและดูอย่าง ใจความสาคญั ของ เร่ืองท่ี ๒ การพดู แส มวี ิจารณญาณ เร่ือง ซ่ึงผพู้ ดู ต้อง การพดู ความรู้ คว และพดู แสดง ฟงั และดูเร่อื งนัน้ แสดงความรู้ คดิ เหน็ แล ความรู้ อยา่ งต้งั ใจและมี ความ ความรสู้ กึ ความคดิ และ วจิ ารณญาณจึงจะ คดิ เหน็ และ เก่ยี วกบั เร ความรสู้ ึกใน ทาใหพ้ ดู สรปุ ความ ความรสู้ ึก ฟงั และดู โอกาสตา่ ง ๆ ไดด้ ี เก่ียวกับ ๓.ใบงานเร อยา่ งมี ๒. การพูดแสดง เร่อื งที่ฟงั การต้ังคาถ วจิ ารณญาณ ความรู้ ความ และดู และตอบค และสรา้ งสรรค์ คดิ เห็น และ เชงิ เหตผุ ล ตัวช้ีวดั ความรสู้ ึกเกยี่ วกบั เรือ่ งท่ีฟงั แ ท ๓.๑ ป. ๔/๒ เร่อื งที่ฟังและดู เรื่องที่ ๓ ๔. การพูด พูดสรุปความ ตอ้ งพูดอยา่ งมี การต้งั รายงาน จากการฟงั และ เหตผุ ล สภุ าพ และ คาถามและ ๕. ใบงานเ ดู มีมารยาทจงึ จะ ตอบคาถาม มารยาทใน ท ๓.๑ ป. ๔/๓ เกิดประโยชนต์ ่อผู้ เชิงเหตผุ ล ฟงั การดู พดู แสดง พดู และผู้ฟงั จากเร่ืองที่ การพดู
82 งำน กำรจดั กำรเรยี นรู้ วิธีกำรวดั และ สื่อ/แหลง่ กำร ประเมินผล เรียนรู้ นเรอ่ื ง ๑.ใหน้ กั เรียนฟังสถานการณ์สมมุติ แลว้ การประเมนิ ผล ๑.บทความ รปุ ช่วยกันจับใจความสาคัญ จากนน้ั ลองพดู ตัวชี้วดั ๒.โทรทศั น์ การ สรุปความ กจิ กรรม เรอ่ื ง ๓.วทิ ยุ ๒.ใหน้ กั เรยี นศึกษาความรเู้ ร่ือง การพดู การพดู สรุป ๔.แถบประโยค นเรือ่ ง สรปุ ความจากการฟังและดู ความจากการฟงั ๕.กระดาษสาหรบั สดง ๓.ให้นกั เรยี นแบ่งกลุม่ จานวน ๕ กลมุ่ ให้ และดู ทากิจกรรม วาม แต่ละกลุ่มส่งตวั แทนออกมาเลา่ ข่าว แล้ว กิจกรรม เรอ่ื ง ๖.ฉลาก ละ ให้กล่มุ อืน่ ช่วยกนั สรปุ ขา่ วของแต่ละกลุ่ม การพูดแสดง ๗.บัตรคา ๔.ใหน้ กั เรยี นดูรายการโทรทัศน์เกย่ี วกบั ความรู้ ความ ๘.กระเปา๋ ผนัง รือ่ งท่ี ข่าวหรอื สารคดี จากน้ันเขยี นสรุปตาม คดิ เหน็ และ ๙.นาฬิกา หวั ขอ้ ทีก่ าหนดใหเ้ ป็นชิน้ งานท่ี ๑๔ ฝกึ ความรู้สึก ๑๐.สื่อสิง่ พิมพ์และ รื่อง พดู แลว้ ออกมาพูดสรปุ ความหน้าช้ันเรยี น เกยี่ วกบั เร่ืองที่ ส่อื อเิ ล็กทรอนิกส์ ถาม ใหเ้ พ่อื นร่วมกนั ประเมินการพูด ฟงั และดู ๑๑. สื่อ คาถาม ๕.ให้นกั เรียนและครูรว่ มกันสรุปความรู้ ใบงำนท่ี ๒๑ ประกอบการพูด ลจาก เร่อื ง การพูดสรุปความจากการฟงั และดู เรื่อง การต้งั รายงาน และดู ดงั น้ี คาถามและตอบ ด ๏ การพูดสรปุ ความจากการฟงั และดู คาถามเชงิ ๑๒.ใบงานท่ี ๒๑- เป็นการพดู ใจความสาคญั ของเรือ่ ง ซง่ึ ผู้ เหตผุ ลจากเรื่อง ๒๒ เรื่อง พดู ต้องฟงั และดูเรื่องนัน้ อยา่ งตัง้ ใจและมี ท่ีฟงั และดู นการ วจิ ารณญาณจึงจะทาให้พดู สรุปความไดด้ ี กิจกรรมเรื่อง และ ๖.ให้นกั เรยี นพูดเกย่ี วกบั ข่าวที่เคยได้ฟงั การพูดรายงาน และดู มาคนละ ๑ ประโยค แล้วรว่ มกนั ใบงานท่ี ๒๒
ความรู้ ความ ๓. การตั้งคาถาม ฟงั และดู คิดเหน็ และ และตอบคาถามเชงิ เรอ่ื งท่ี ๔ ความรู้สกึ เหตุผลจากเรื่องที่ การพูด เก่ยี วกบั เรอื่ งท่ี ฟงั และดทู าให้ รายงาน ฟังและดู วเิ คราะห์ความ เรื่องท่ี ๕ ท ๓.๑ ป. ๔/๔ น่าเช่อื ถือ และสรุป มารยาทใน ต้งั คาถามและ ใจความสาคัญของ การฟงั การ ตอบคาถามเชิง เรอื่ งได้ ดู และการ เหตผุ ลจาก ๔. การพูดรายงาน พูด เรือ่ งที่ฟังและดู เป็นการนาเสนอ ท ๓.๑ ป. ๔/๕ ขอ้ มลู ท่ีได้จาก รายงานเรอ่ื ง การศึกษาค้นคว้า หรอื ประเดน็ ที่ อย่างถูกต้องให้ผู้ฟงั ศึกษาค้นคว้า เข้าใจ ผพู้ ูด จากการฟงั รายงานต้องมี การดู และการ ทักษะในการพดู สนทนา การพดู รายงานน้นั ท ๓.๑ ป. ๔/๖ จึงจะสมั ฤทธิผล มีมารยาทใน และผฟู้ ังได้รบั การฟงั การดู ประโยชนอ์ ย่าง และการพูด เต็มที่ ๕. การมีมารยาท ในการฟัง การดู และการพดู ทาให้ ไดร้ บั ความรทู้ ี่ดมี ี
83 วเิ คราะหว์ ่าประโยคใดเปน็ การพูดแสดง เรอ่ื ง มารยาทใน ความรู้ การพูดแสดงความคิดเห็น หรอื การฟงั การดู การพูดแสดงความร้สู ึก และการพดู ๗.ให้นักเรียนศึกษาความรูเ้ ร่ือง การพดู แสดงความรู้ ความคดิ เหน็ และความรู้สกึ เกย่ี วกบั เรื่องทีฟ่ ังและดู ๘.ให้นกั เรียนรว่ มกนั วเิ คราะห์ความ แตกต่างของการพูดแสดงความรู้ ความ คดิ เห็นและความรู้สึก จากตวั อย่างที่ครู กาหนด ๙.ให้นักเรยี นทาชิ้นงานที่ ๑๕ จากนนั้ นามาพดู แสดงความรู้ ความคิดเห็น และ ความรสู้ ึกเกย่ี วกับเร่ืองทฟี่ งั และดูแลว้ ร่วมกันประเมนิ การพดู ๑๐.ให้นักเรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ เร่ือง การพูดแสดงความรู้ ความคิดเหน็ และความรสู้ กึ เก่ยี วกับเร่ืองท่ีฟงั และดู ดังน้ี ๏ การพูดแสดงความรู้ ความคิดเหน็ และความร้สู ึกเกีย่ วกบั เรื่องท่ีฟังและดู ต้องพดู อย่างมีเหตผุ ล สุภาพ และมี มารยาทจึงจะเกิดประโยชน์ตอ่ ผู้พดู และ ผฟู้ ัง ๑๑.ให้นักเรียนฟงั เรอื่ งจากครู แลว้ ช่วยกนั ต้ังคาถามและตอบคาถามจากเนื้อ
ประโยชนใ์ น การดาเนิน ชวี ติ ประจาวนั
84 เรอ่ื งนั้น แล้วสังเกตว่าคาถามและคาตอบ เหล่านัน้ มีเหตุผลหรอื ไม่ ๑๒.ให้นกั เรยี นศกึ ษาความรู้เรอ่ื ง การตงั้ คาถามและตอบคาถามเชิงเหตุผลจาก เรือ่ งที่ฟังและดู ๑๓.ใหน้ กั เรียนฟังเรอ่ื งทค่ี รูกาหนด จากน้ันตัง้ คาถามและตอบคาถามเชิง เหตุผลจากเรอ่ื งที่ฟงั ๑๔.ให้นักเรียนแบง่ กลุม่ ๓ คน คนที่ ๑ เลา่ เรือ่ ง คนท่ี ๒ ตัง้ คาถาม คนท่ี ๓ ตอบ คาถาม ออกมานาเสนอหน้าช้ันเรียน แลว้ รว่ มกันประเมนิ ๑๕.ใหน้ ักเรยี นทาใบงานท่ี ๒๑ เร่อื ง การ ต้งั คาถามและตอบคาถามเชงิ เหตุผลจาก เรื่องท่ีฟังและดู อาสาสมัครออกมา นาเสนอผลงาน จากนน้ั รวบรวมผลงานสง่ ครูเพื่อประเมินเป็นรายบคุ คล ๑๖.ใหน้ กั เรียนและครรู ่วมกันสรปุ ความรู้ เรื่อง การตัง้ คาถามและตอบคาถามเชิง เหตผุ ลจากเรอื่ งที่ฟังและดู ดงั น้ี ๏ การตัง้ คาถามและตอบคาถามเชิง เหตผุ ลจากเรอื่ งที่ฟังและดูทาให้วิเคราะห์ ความนา่ เชือ่ ถือและสรปุ ใจความสาคญั ของเร่ืองได้
85 ๑๗.ให้นกั เรียนร่วมกนั สนทนาเก่ยี วกบั ประสบการณ์การพดู รายงาน ๑๘.ใหน้ กั เรยี นศึกษาความรเู้ รื่อง การพดู รายงาน ๑๙.ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มพดู รายงานใน หัวข้อทค่ี รูกาหนด แล้วร่วมกันแสดงความ คดิ เห็นเกี่ยวกบั การพูดรายงานของเพอ่ื น ๆ แลว้ สรปุ หลกั การพดู รายงานเป็น แผนภาพความคิด ๒๐.ให้นักเรียนแต่ละคนไปสมั ภาษณ์ บคุ คลซึง่ ประกอบอาชพี ทนี่ ักเรียนสนใจ บนั ทกึ ข้อมูลแล้วนามาพูดรายงานใหเ้ พ่ือน ฟัง ทกุ คนร่วมกันประเมนิ การพดู ๒๑.ให้นักเรยี นและครรู ว่ มกันสรุปความรู้ เรอื่ ง การพดู รายงาน ดงั น้ี ๏ การพดู รายงาน เป็นการนาเสนอ ข้อมลู ที่ไดจ้ ากการศกึ ษาคน้ ควา้ อย่าง ถกู ต้องให้ผู้ฟังเข้าใจ ผู้พูดรายงานตอ้ งมี ทักษะในการพดู การพูดรายงานนนั้ จงึ จะ สมั ฤทธผิ ล และผูฟ้ ังได้รับประโยชนอ์ ย่าง เตม็ ที่ ๒๒.ใหน้ ักเรียนร่วมกนั สนทนาเก่ยี วกับ มารยาทในการฟัง การดู และการพดู แล้ว บันทึกเป็นแผนภาพความคิด ๒๓.ใหน้ กั เรยี นศึกษาความรเู้ ร่อื ง มารยาท
86 ในการฟัง การดู และการพูด ๒๔.ให้นักเรยี นร่วมกนั สนทนาเกีย่ วกบั ประโยชน์ของการมมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด ๒๕.ใหน้ กั เรียนทาใบงานท่ี ๒๒ เร่อื ง มารยาทในการฟัง การดู และการพูด แลว้ รว่ มกันตรวจสอบความถูกต้อง ๒๖. ให้นักเรยี นและครรู ว่ มกันสรุป ความรู้เรือ่ ง มารยาทในการฟัง การดู และ การพูด ดังนี้ ๏ การมีมารยาทในการฟัง การดู และ การพดู ทาให้ไดร้ บั ความรู้ทดี่ ีมปี ระโยชน์ ในการดาเนินชีวติ ประจาวนั
87 กำรวิเครำะหผ์ ู้เรียน ชือ่ รายวชิ า ....................................................รหัสวชิ า........................................... จานวน…………หนว่ ยกติ จานวน ....... ชวั่ โมง/สปั ดาห์ ช้ัน ........................ ภาคเรยี นท่ี.............. ปกี ารศกึ ษา................................ ชั้น/หอ้ ง จานวนนกั เรียน ผลการประเมนิ (จานวน) กลมุ่ เกง่ กล่มุ ปานกลาง กลุม่ อ่อน รวม รอ้ ยละ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170