๒. ให้นักเรยี นท่องพยัญชนะ ก-ฮ แลว้ คดิ คาอกั ษรคู่ 37 ออกมาเขียนคนละ ๑ ตัวบนกระดาน แลว้ ใชแ้ ต่ง เรยี งลาดบั จนครบ ๔๔ ตวั ประโยค ๓. ภาพ ๓. ใหน้ ักเรียนออกเสยี งพยัญชนะเปน็ คู่ ๔. กระดาษ ๆ เพ่อื เปรยี บเทยี บระดับเสียงของพยัญ- สาหรับทากิจกรรม ชนะ แลว้ ช่วยกันจัดกลุม่ พยัญชนะตาม ๕. บัตรคา ความเข้าใจ ๖. ตารางใหเ้ ตมิ ๔. ให้นกั เรยี นศึกษาความรเู้ รื่อง ตวั อักษรเป็นคา ไตรยางศ์ ร่วมกันสรุปความรู้ แล้วชว่ ยกนั ๗. ตารางเตมิ ตรวจสอบ ตัวอกั ษร พยัญชนะท่ีจัดกลุ่มไว้ ๘. ใบงานท่ี ๓ ๕. ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ยกตวั อยา่ งคาท่ี มพี ยญั ชนะต้นเปน็ อักษรหมู่ต่าง ๆ ๖. ใหน้ ักเรียนผลัดกนั บอกอักษรคู่กับ อกั ษรสงู ๗. ให้นักเรียนเขียนตามคาบอกและนาคา มาแต่งประโยค จากนนั้ ร่วมกันตรวจสอบ ความถูกต้อง ๘. ให้นกั เรยี นทาใบงานท่ี ๓ เร่ือง คดิ คา อกั ษรคูแ่ ล้วใช้แตง่ ประโยค ร่วมกนั ตรวจสอบและปรบั ปรุงผลงาน จากนนั้ รวบรวมผลงานส่งครู ๙. ใหน้ ักเรยี นและครูรว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดังน้ี ๏ พยัญชนะไทย ๔๔ ตวั แบง่ ตามระดับ
กำรออกแบบกำร รำยวชิ ำภำษำไทย กลุ่มสำ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๔ เรื่อง คาเป็ น คาต ท่ี ชอื่ หน่วย มำตรฐำน/ จดุ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้ ภำระง กำรเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั /ผล กำรเรยี นรู้ กำรเรียนรู้ ๔ คาเป็น คาตาย... มำตรฐำนกำร นกั เรียน คาเป็น คาตาย ใบงานเรื่อ ดูง่ายไม่ยาก เรยี นรู้ สามารถสรปุ ได้ บอกความ มาตรฐาน ว่า คาท่ีไมม่ ี ของคา
38 เสียงของพยัญชนะได้เป็น อักษรสูง อกั ษร กลาง และอักษรตา่ ซ่งึ เป็นหลกั เกณฑ์ หน่งึ ทใ่ี ช้ในการผนั อกั ษร รจัดกำรเรียนรู้ วธิ ีกำรวดั และ ส่ือ/แหล่งกำร ำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย ตาย...ดูง่ายไม่ยาก จำนวน ๔ ชวั่ โมง งำน กำรจัดกำรเรยี นรู้ ประเมนิ ผล เรยี นรู้ อง การ ๑. ให้นกั เรยี นอา่ น “พระบรมราโชวาท” กำรประเมนิ ผล ๑. พระบรม มหมาย สังเกตคาท่ีครูกาหนด แล้วเปรยี บเทียบวา่ ตัวชีว้ ดั ราโชวาท คาทัง้ สองกลุ่มต่างกนั อยา่ งไร ใบงานท่ี ๔ เรื่อง ๒. ภาพ
ท ๔.๑ เขา้ ใจ ตวั สะกดและ ธรรมชาติของ ประสมสระ ภาษาและหลัก เสียงส้ัน กับคา ภาษาไทย การ ท่มี ตี ัวสะกดอยู่ เปล่ยี นแปลง ในมาตรา กก ของภาษาและ กด กบ ทกุ คา พลังของภาษา เรยี กวา่ คา ภูมปิ ัญญาทาง เปน็ สว่ นคาท่ี ภาษา และ ไมม่ ตี ัวสะกด รกั ษภาษาไทย และประสม ไวเ้ ปน็ สมบัติ สระเสยี งยาว ของชาติ รวมท้งั คาท่ี ประสมสระ -ำ ใ- ไ- เ-า กับ คาที่มีตัวสะกด ตวั ช้ีวัด อยใู่ นมาตรา ท ๔.๑ ป. ๔/๑ กง กม เกย สะกดคาและ เกอว กน ทุก บอก คาเรยี กวา่ คา ความหมาย ตาย ของคาใน บรบิ ทต่าง ๆ
๒. ให้นักเรียนอา่ นคาจากบัตรคา แล้ว การบอก 39 ช่วยกันจัดกล่มุ คาเหล่าน้นั พร้อมทั้ง ความหมายของ ๓. บตั รคา ๔. กระดาษ อธบิ ายหลักเกณฑท์ ่ีใช้ในการจัด คา สาหรบั ทากิจกรรม ๕. ตารางแยก ๓. ใหน้ กั เรยี นศึกษาความรู้เร่ือง คาเป็น สว่ นประกอบของ คา คาตาย แลว้ ชว่ ยกันสรปุ ความร้ตู ามความ ๖. แถบประโยค ๗. ปรศิ นาคาทาย เขา้ ใจ ๘. ใบงานที่ ๔ ๔. ให้นกั เรียนช่วยกันคิดคาเป็น คาตาย ตามหวั ขอ้ ทีก่ าหนด ๕. ให้นักเรียนจาแนกส่วนประกอบของ คาเพื่อตรวจสอบประเภทของคา ๖. ใหน้ ักเรยี นเขียนคาให้ถูกต้องตาม ความหมายท่ีกาหนด ๗. ให้นกั เรียนทาใบงานที่ ๔ เรอ่ื ง การ บอกความหมายของคาแล้วร่วมกัน ตรวจสอบ ความถกู ต้อง ๘. ใหน้ ักเรยี นเลือกคาไปใชใ้ นประโยคให้ ถูกต้อง ๙. ให้นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรปุ ความรู้ ดังนี้ ๏ คาที่ไม่มีตวั สะกดและประสมสระเสียง สนั้ กับคาทีม่ ีตวั สะกดอย่ใู นมาตรา กก กด กบ ทุกคาเรียกวา่ คาตาย สว่ นคา ท่ีไม่มตี วั สะกดและประสมสระเสยี งยาว รวมทง้ั คาทีป่ ระสมสระ -ำ ใ- ไ- เ-า กบั
กำรออกแบบกำร รำยวชิ ำภำษำไทย กลุ่มสำ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ เร่ือง วรรณยุกต์… ท่ี ชื่อหน่วย มำตรฐำน/ จุดประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้ ภำระง กำรเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ัด/ผล กำรเรยี นรู้ กำรเรยี นรู้
40 คาที่มตี วั สะกดอยใู่ นมาตรา กง กม เกย เกอว กน ทุกคาเรยี กวา่ คาเปน็ รจดั กำรเรยี นรู้ วธิ กี ำรวดั และ ส่อื /แหล่งกำร ำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย …สิ่งสาคัญผนั อกั ษร จานวน ๔ ชั่วโมง งำน กำรจัดกำรเรยี นรู้ ประเมนิ ผล เรยี นรู้
๕ วรรณยุกต์…สิ่ง มาตรฐานการ นักเรียน วรรณยุกต์และ ใบงานเรื่อ สาคัญผันอกั ษร เรยี นรู้ สามารถสรปุ ได้ การผนั อักษร แต่งประโย มาตรฐาน วา่ วรรณยุกต์มี จากคาท่ีก ท ๔.๑ เข้าใจ ท้ังเสยี งและรูป ธรรมชาติของ คาทุกคามีเสียง ภาษาและหลกั วรรณยกุ ต์แม้ ภาษาไทย การ จะไม่มรี ูป เปล่ียนแปลง วรรณยุกต์ ของภาษาและ ปรากฏ การผัน พลังของภาษา คาตามเสยี ง ภมู ปิ ญั ญาทาง วรรณยุกต์จะ ภาษาและ ทาให้คาเดิมมี รักษา เสียงเปลีย่ นไป ภาษาไทยไว้ และ เป็นสมบตั ขิ อง ความหมาย ชาติ กเ็ ปล่ียนไปดว้ ย ตวั ชวี้ ัด ท ๔.๑ ป. ๔/๑ สะกดคาและ บอก ความหมาย ของคาใน บริบทต่าง ๆ
41 อง การ ๑. ให้นกั เรียนอ่านเรื่อง “เสนห่ ป์ ลาย การประเมนิ ผล ๑. เร่อื ง เสนห่ ์ ยค จวกั ” สังเกตคาท่ีมีรปู วรรณยุกตแ์ ละคาที่ ตวั ชวี้ ัด ปลายจวัก กาหนด ไมม่ รี ูปวรรณยุกต์ ใบงานที่ ๕ เร่อื ง ๒. บัตรคา ๒. ให้นกั เรียนอ่านข้อความทย่ี งั ไม่ได้เติม การแต่งประโยค ๓. ภาพ รูปวรรณยกุ ต์ แลว้ พจิ ารณาความหมาย จากคาที่กาหนด ๔. ตารางการผัน จากนน้ั ลองเติมรูปวรรณยุกต์ในขอ้ ความ อกั ษร เดิม แล้วพจิ ารณาความหมายอกี คร้ัง ๕. กระดาษ ๓. ใหน้ ักเรียนช่วยกันสรปุ ความรทู้ ไ่ี ด้จาก สาหรับทากจิ กรรม การทากจิ กรรม ๖. ปริศนาคาทาย ๔. ใหน้ ักเรียนร่วมกันทบทวนความรเู้ รอ่ื ง ๗. แถบประโยค วรรณยกุ ต์ ท่เี คยศกึ ษามา - ๘. ใบงานท่ี ๕ ๕.ให้นกั เรียนยกตวั อย่างคาท่ีมีรปู วรรณยุกต์ ่ ้ ๊ ทีละกล่มุ ๖. ใหน้ ักเรยี นฝึกผนั คาท่ีมีพยญั ชนะตน้ เป็นอกั ษรสูง อกั ษรกลาง และอักษรต่า จากนั้นสงั เกตรปู วรรณยุกตก์ ับเสียง วรรณยกุ ตข์ องคา ๗. ให้นักเรียนศกึ ษาความรเู้ รือ่ ง การผัน อักษร ๓ หมู่ แลว้ ฝกึ ผนั คาให้ถกู ต้อง ๘. ใหน้ กั เรียนฝึกผนั คาท่ีมีพยญั ชนะตน้ เป็นอกั ษรคู่และอักษรสูง เช่น เขา - เคา แลว้ นามาเทียบเสยี งวรรณยุกต์ในตาราง ผนั คา จะสังเกตเหน็ วา่ คาท้ังสองกลมุ่ ช่วย ให้ผนั ได้ครบ ๕ เสียง ๙. ให้นกั เรยี นศึกษาความรเู้ ร่อื ง การผัน
42 อักษรคู่ แลว้ ร่วมกันสรปุ ความเขา้ ใจและ ฝึกผันคาอ่นื ๆ เพ่มิ เติม ๑๐. ให้นกั เรยี นฝึกผนั คาที่มีพยัญชนะตน้ เป็นอกั ษรเดี่ยว แล้วช่วยกันคดิ วา่ จะผนั ให้ ครบ ๕ เสยี งได้หรอื ไม่ ถา้ ได้จะใชว้ ิธีใด ๑๑. ให้นักเรยี นศึกษาความรู้เรือ่ ง การผัน อักษรเด่ยี ว แล้วร่วมกันสรปุ ความเข้าใจ และฝกึ ผันคาอืน่ ๆ เพมิ่ เติม ๑๒. ให้นักเรียนนาคาทผ่ี ันวรรณยกุ ต์ เติม ลงในคาท่ีกาหนดให้มีความหมายถูกต้อง ๑๓. ให้นักเรยี นนาคาท่ผี ันวรรณยกุ ตไ์ ป แต่งประโยคโดยใชค้ าใหถ้ ูกความหมาย ๑๔. ให้นกั เรียนทาใบงานท่ี ๕ เร่ือง การ แต่งประโยคจากคาท่ีกาหนด จากน้ัน รว่ มกันปรบั ปรุงผลงาน แล้วรวบรวมสง่ ครู ๑๕. ให้นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรปุ ความรู้ ดังนี้ ๏ วรรณยกุ ตม์ ที ั้งเสยี งและรปู คาทกุ คา มเี สยี งวรรณยุกต์แมจ้ ะไม่มรี ูปวรรณยุกต์ ปรากฏ การผนั คาตามเสียงวรรณยุกตจ์ ะ ทาใหค้ าเดิมมเี สียงเปล่ียนไปและ ความหมายกเ็ ปลยี่ นไปดว้ ย
กำรออกแบบกำร รำยวิชำภำษำไทย กลมุ่ สำ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๖ เรื่อง คำพ้อง… ท่ี ช่ือหน่วย มำตรฐำน/ จุดประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้ ภำระง กำรเรียนรู้ ตวั ชวี้ ดั /ผล กำรเรยี นรู้ กำรเรยี นรู้
43 รจดั กำรเรยี นรู้ วิธกี ำรวดั และ ส่อื /แหล่งกำร ำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย …ต้องพจิ ำรณำ จานวน ๔ ชั่วโมง งำน กำรจัดกำรเรียนรู้ ประเมินผล เรยี นรู้
๖ คาพ้อง…ตอ้ ง มำตรฐำนกำร นกั เรยี น คาพ้อง ๑. ใบงานเ พิจารณา การแตง่ เรยี นรู้ สามารถสรุปได้ ประโยคโด คาท่กี าหน มาตรฐาน ท วา่ คาพอ้ งมีท้งั ๒. ชิ้นงาน สรา้ งสรรค ๔.๑ เขา้ ใจ คาทเี่ ขียน เรื่องราวด คาพ้องรูป ธรรมชาติของ เหมือนกันและ คาพ้องเสีย ภาษาและหลกั อ่านออกเสียง ภาษาไทย การ เหมือนกนั การ เปลยี่ นแปลง ฝกึ อ่านและ ของภาษาและ เขยี นเป็น พลงั ของภาษา ประจาจะทาให้ ภมู ิปญั ญาทาง อา่ น เขยี น ภาษา และ และใชค้ าต่าง รกั ษา ๆ สอื่ สารได้ ภาษาไทยไว้ ถกู ต้อง เป็นสมบัตขิ อง ชาติ ตวั ช้ีวัด ท ๔.๑ ป. ๔/๑ สะกดคาและ บอก ความหมาย ของคาใน บรบิ ทต่าง ๆ
44 เร่ือง ๑. ใหน้ กั เรยี นอา่ นบทร้อยกรอง “น้าใจมี กำรประเมินผล ๑. บทร้อยกรอง ใหแ้ ก่กัน” สงั เกตคาที่ครูกาหนด แล้ว ตวั ชี้วัด “นา้ ใจมใี ห้แก่กัน” ดยใช้ ชว่ ยกันจัดกลุ่มของคาเหลา่ น้ันตามความ ใบงานที่ ๖ เรอ่ื ง ๒. บตั รคา นด เข้าใจ พร้อมอธิบายเหตุผล การแตง่ ประโยค ๓. ภาพ นเรอ่ื ง ๒. ให้นกั เรยี นเขยี นคาพอ้ งเสียงตามคา โดยใชค้ าที่ ๔. กระดาษ ค์ บอก ร่วมกันตรวจสอบความถูกต้อง แล้ว กาหนด สาหรบั ทากิจกรรม ดว้ ย สังเกตลักษณะของคาท่ีออกเสียง ๕. ปรศิ นาคาทาย ปและ เหมือนกนั เช่น กุมภาพนั ธ์ ผา้ พนั แผล ๖. แถบประโยค ยง แพรพ่ ันธ์ุพชื สพุ รรณบรุ ี ๗. พจนานุกรม ๓. ใหน้ ักเรยี นศึกษาความรู้เรื่อง คาพ้อง ๘. ใบงานท่ี ๖ เสยี ง แล้วรว่ มกันสรปุ ความเข้าใจ ๔. ให้นักเรียนคิดคาเพ่มิ เตมิ ท่พี ้องเสียง กบั คาที่ครกู าหนด แล้วฝึกเขียนใหถ้ กู ต้อง ๕. ใหน้ ักเรียนร่วมกันสรปุ ลกั ษณะของคา พ้องเสียง ๖. ใหน้ ักเรียนอ่านประโยค ช่วยกนั เตมิ คาพ้องรูปท่หี ายไป อ่านประโยคพร้อมกัน อีกคร้ัง แล้วสังเกตคา ๗. ให้นกั เรยี นศึกษาความรูเ้ รื่อง คาพ้องรูป แล้วรว่ มกนั สรปุ ความเข้าใจ ๘. ให้นกั เรยี นฝกึ อ่านคาพ้องรูปจากบตั ร คาและแถบประโยค ๙. ให้นกั เรียนร่วมกันสรุปลักษณะของ คาพ้องรูป ๑๐. ใหน้ ักเรยี นใชค้ าพ้องรูปและคาพ้อง
กำรออกแบบกำร รำยวชิ ำภำษำไทย กลมุ่ สำ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๗ เร่ือง คานาม…
45 เสียงเตมิ ในช่องวา่ งให้ถกู ตอ้ งตาม ความหมายและฝกึ แต่งประโยคจากคา พ้องท่กี าหนด ๑๑. ให้นกั เรียนทาใบงานท่ี ๖ เรือ่ ง การ แตง่ ประโยคโดยใช้คาท่ีกาหนด ผลดั กัน นาเสนอผลงาน แลว้ ร่วมกันพิจารณา ความถกู ตอ้ งเหมาะสม จากนั้นรวบรวม ผลงานสง่ ครู ๑๒. ให้นักเรียนทาชนิ้ งานที่ ๑ เรือ่ ง สร้างสรรค์เรอ่ื งราวด้วยคาพ้องรปู และคา พอ้ งเสียง จากนน้ั นามาแลกเปล่ียนกัน อ่าน แล้วร่วมกนั คดั เลือกผลงานดีเด่นมา จดั แสดงบนป้ายนเิ ทศ ๑๓. ใหน้ ักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดงั น๏ี้ คาพ้องมีท้งั คาที่เขยี นเหมือนกัน และอ่านออกเสียงเหมอื นกนั ฝึกอา่ นและ เขยี นเปน็ ประจาจะทาให้อา่ น เขียน และ ใชค้ าตา่ ง ๆ ส่ือสารได้ถูกตอ้ ง รจัดกำรเรยี นรู้ ำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย …ใช้เรียกตามช่ือ จานวน ๔ ช่ัวโมง
ที่ ช่อื หนว่ ย มาตรฐาน/ จุดประสงค์การ สาระการ ภาระงาน การเรยี นรู้ ตัวชี้วดั /ผลการ เรียนรู้ เรยี นรู้ ๑. ใบงานเ เรยี นรู้ คานาม การระบุชน และหน้าท ๗ คานาม…ใชเ้ รียก มาตรฐานการ นักเรยี นสามารถ คานามท่ี ตามชอื่ เรยี นรู้ สรุปได้ว่า กาหนด มาตรฐาน ท คาท่ีใชเ้ รียกชือ่ ๒. ชน้ิ งาน ๔.๑ เข้าใจ คน พชื สตั ว์ การแต่งเร ธรรมชาตขิ อง สิง่ ของ สถานที่ โดยใชค้ าน กาหนด ภาษาและหลกั และสิง่ ต่าง ๆ ๓. แผ่นพับ ภาษาไทย การ จัดเปน็ คานาม แนะนาสถ เปลยี่ นแปลง ทีน่ า่ สนใจ ของภาษาและ ๔. แผนภา พลงั ของภาษา ความคิดส ความรเู้ รื่อ ภูมปิ ญั ญาทาง คานาม ภาษา และ รกั ษา ภาษาไทยไว้ เป็นสมบตั ิของ ชาติ ตวั ช้ีวดั ท ๔.๑ ป. ๔/๒ ระบุชนดิ และ หนา้ ท่ีของคา ในประโยค
การจัดการเรียนรู้ วิธกี ารวัดและ 46 ประเมินผล สอ่ื /แหลง่ การ เรยี นรู้ เร่ือง ๑. ให้นกั เรียนอ่านเรอื่ ง “พระตาหนัก การประเมนิ ผล ๑. เรอื่ ง “พระ นิด ดอยตุง” สงั เกตคาทค่ี รูกาหนด แล้ว ตัวช้ีวัด ตาหนกั ดอยตงุ ” ทข่ี อง ชว่ ยกนั จัดกลุม่ ของคาเหล่านั้น พรอ้ ม ใบงานท่ี ๗ เร่อื ง ๒. ปรศิ นาคาทาย อธบิ ายหลกั เกณฑใ์ นการพิจารณา การระบุชนดิ ๓. บตั รคา ๒. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเพ่ือทบทวน และหนา้ ท่ขี อง ๔. ภาพ นเรอื่ ง ความรู้เรอื่ ง คานาม จากน้นั ศึกษาความรู้ คานามท่ีกาหนด ๕. กระดาษ รื่อง เพ่มิ เติม สาหรับทากิจกรรม นามที่ ๓. ใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ยกตัวอย่างคานาม ๖. แผน่ พบั วิสามญั และคานามสามญั เพื่อตรวจสอบ ๗. ใบงานท่ี ๗ บ ความเข้าใจ ถานท่ี ๔. ให้นกั เรียนเลอื กคาไปเขยี นให้ตรงกบั จ ภาพ จากนัน้ จาแนกประเภทของคานาม าพ ๕. ใหน้ กั เรียนแข่งขันคิดคานาม โดยคน สรปุ ท่ี ๑ พูดคานามสามัญ คนท่ี ๒ พูดคานาม อง วสิ ามญั คนท่ี ๓ พูดคานามสามญั สลบั ต่อเน่อื งไปเร่ือย ๆ ๖. ให้นกั เรียนช่วยกันหาคามาเติมให้คาท่ี กาหนดเปน็ คานามวิสามญั และคานาม สามญั ๗. ให้นกั เรยี นทาใบงานท่ี ๗ เร่ือง การ ระบุชนดิ และหน้าทีข่ องคานามทกี่ าหนด แลว้ รว่ มกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง
กำรออกแบบกำร รำยวิชำภำษำไทย กลุม่ สำ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๘ เรื่อง คำแทนชอื่ …
47 ๘. ใหน้ ักเรยี นช่วยกันหาคานามต่าง ๆ มาเติมในประโยคให้ไดใ้ จความสมบรู ณ์ ๙. ใหน้ ักเรียนแต่งเร่ืองจากคานามท่ี กาหนด แล้วนาผลงานมาอ่านให้เพ่ือนฟัง ๑๐. ให้นกั เรยี นทาชิ้นงานที่ ๒ เรือ่ ง การ แต่งเรอ่ื งโดยใชค้ านามท่ีกาหนด นา ผลงานมาแลกเปลยี่ นกันอ่าน และ คัดเลอื กผลงานดเี ด่นมาจัดแสดงบนปา้ ย นิเทศ ๑๑. ให้นักเรียนแบง่ กลุม่ ทาแผน่ พับ แนะนาสถานทที่ ่นี า่ สนใจในจังหวัดของ ตนเอง ผลดั กนั นาเสนอผลงาน และ นามารวบรวมไว้ทมี่ มุ หนังสือในชั้นเรยี น ๑๒. ให้นักเรียนและครูร่วมกันสรุปความรู้ ดงั นี้ ๏ คาที่ใช้เรียกชอ่ื คน พชื สัตว์ ส่งิ ของ สถานที่ และส่งิ ต่าง ๆ จดั เปน็ คานาม ๑๓. ให้นักเรียนเขียนแผนภาพความคิด สรุปความรู้เร่ือง คานาม แลว้ ร่วมกัน ตรวจสอบความถูกต้อง รจดั กำรเรยี นรู้ ำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย …นค้ี อื สรรพนำม จานวน ๔ ชั่วโมง
ท่ี ชือ่ หน่วย มำตรฐำน/ จดุ ประสงคก์ ำร สำระกำร ภำระง กำรเรียนรู้ เรยี นรู้ ตวั ชวี้ ัด/ผล เรียนรู้ ๑. ใบงาน ๘ คำแทนช่อื …นี้ คาบรุ ุษ การระบชุ น คอื สรรพนำม กำรเรยี นรู้ สรรพนาม และหน้าท คาสรรพน มำตรฐำนกำร นักเรียนสามารถ ประโยค เรยี นรู้ สรุปไดว้ า่ คาท่ีใช้ ๒. แผนภา มาตรฐาน ท เรียกแทนคานาม ความคดิ ส ๔.๑ เขา้ ใจ ในการสนทนา ความรู้เร่ือ ธรรมชาติของ จัดเปน็ คาสรรพ สรรพนาม ภาษาและหลกั นาม ซ่งึ มที ั้งคา ภาษาไทย การ สรรพนามสาหรับ เปลยี่ นแปลง ใชแ้ ทนผู้พดู ผูฟ้ ัง ของภาษาและ และผู้ทกี่ ลา่ วถงึ พลังของภาษา คาสรรพนามชว่ ย ภมู ิปัญญาทาง ใหก้ ารสื่อสาร ภาษา และ กระชับ เพราะไม่ รกั ษา ต้องกลา่ วคานาม ภาษาไทยไว้ นน้ั ซ้า เป็นสมบตั ิของ ชาติ ตัวชวี้ ดั ท ๔.๑ ป. ๔/๒ ระบชุ นดิ และ หน้าทีข่ องคา ในประโยค
48 งำน กำรจัดกำรเรียนรู้ วธิ ีกำรวดั และ ส่อื /แหล่งกำร ประเมนิ ผล เรยี นรู้ นเรือ่ ง ๑. ให้นกั เรยี นอ่านบทรอ้ ยกรอง “ใช้ถกู กำรประเมนิ ผล ๑. บทรอ้ ยกรอง นิด วิธี...เปน็ ศรีแกผ่ ูพ้ ดู ” สงั เกตคาทค่ี รู ตวั ชี้วดั “ใชถ้ ูกวธิ ี...เป็นศรี ท่ีของ กาหนด แลว้ ชว่ ยกันวเิ คราะห์ว่าคา ใบงานที่ ๘ เรอ่ื ง แกผ่ พู้ ดู ” นามใน เหล่าน้นั หมายถงึ ใคร การระบชุ นดิ ๒. บัตรคา ๒. ใหน้ กั เรียนจาแนกประเภทของคาท่ี และหน้าท่ีของ ๓. ภาพ าพ สังเกตตามความเขา้ ใจ คาสรรพนามใน ๔. แถบประโยค สรุป ๓. ใหน้ กั เรียนอา่ นประโยคท่ีครตู ิดบน ประโยค ๕. ปริศนาคาทาย อง คา กระดาน บอกคาบรุ ุษสรรพนามใน ๖. กระดาษ A ๔ ม ประโยค แล้ววิเคราะหป์ ระเภทของคา ๗. ใบงานท่ี ๘ บรุ ุษสรรพนามนนั้ ๔. ให้นกั เรยี นศึกษาความรเู้ ร่ือง คาบรุ ุษ สรรพนาม จากน้ันชว่ ยกนั ยกตวั อย่าง คาบรุ ษุ สรรพนามทใี่ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั ๕. ให้นกั เรียนจาแนกประเภทของคา บรุ ษุ สรรพนามจากบัตรคาทค่ี รูกาหนดให้ ๖. ให้นกั เรยี นอา่ นประโยคและบท สนทนา แลว้ วเิ คราะห์ประเภทของคาบรุ ุษ สรรพนามทใ่ี ช้ ๗. ใหน้ ักเรียนทาใบงานที่ ๘ เรอื่ ง การ ระบุชนิดและหนา้ ทขี่ องคาสรรพนามใน ประโยค จากนัน้ ร่วมกนั ตรวจสอบความ ถกู ต้องแล้วรวบรวมผลงานสง่ ครู
กำรออกแบบกำร รำยวชิ ำภำษำไทย กลุ่มสำ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๙ เรื่อง คำกริยำ
49 ๘. ใหน้ ักเรยี นสงั เกตและร่วมกนั สนทนา เกย่ี วกับการใช้คาบุรุษสรรพนามให้ เหมาะสมกับบคุ คลและกาลเทศะ ๙. ใหน้ ักเรียนสังเกตภาพและฝึกบรรยาย ภาพโดยใชค้ าบุรุษสรรพนามใหเ้ หมาะสม ๑๐. ใหน้ กั เรยี นใช้คาบุรุษสรรพนามแต่ง ประโยคหรอื เร่ืองราวส้นั ๆ ๑๑. ให้นักเรยี นฝกึ สนทนาในสถานการณ์ ต่าง ๆ โดยใชค้ าบุรษุ สรรพนามให้ เหมาะสมกับบคุ คลและกาลเทศะ ๑๒. ให้นักเรยี นและครูรว่ มกันสรุปความรู้ ดงั นี้ ๏ คาทใ่ี ชเ้ รียกแทนคานามในการสนทนา จดั เปน็ คาสรรพนาม ซ่งึ มีท้ังคาสรรพนาม สาหรับใชแ้ ทนผพู้ ดู ผฟู้ ัง และผทู้ ่กี ล่าวถึง คาสรรพนามชว่ ยใหก้ ารสื่อสารกระชับ เพราะไมต่ ้องกลา่ วคานามนน้ั ซ้า ๑๓. ให้นกั เรยี นเขยี นแผนภาพความคิด สรปุ ความรูเ้ ร่อื ง คาสรรพนามแลว้ ร่วมกนั ตรวจสอบความถูกต้อง รจดั กำรเรียนรู้ ำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย ำ…สื่ออำกำร จานวน ๔ ชั่วโมง
ท่ี ชือ่ หน่วย มำตรฐำน/ จุดประสงคก์ ำร สำระกำร ภำระง กำรเรียนรู้ ตัวชีว้ ัด/ผล เรียนรู้ เรียนรู้ ใบงานเรอื่ คำกริยำ…สอ่ื หาคากริยา อำกำร กำรเรยี นรู้ ประโยคแล บอกชนิดข มำตรฐำนกำร นกั เรียนสามารถ คากรยิ า คากริยานั้น เรยี นรู้ สรุปได้วา่ คาที่ มาตรฐาน ท แสดงอาการหรอื ๔.๑ เข้าใจ การกระทาของ ธรรมชาตขิ อง นามและสรรพนาม ภาษาและหลัก ซึ่งเป็นประธาน ภาษาไทย การ ของประโยค เปลี่ยนแปลง เรยี กวา่ คากรยิ า ของภาษาและ คากรยิ าบางคามี พลงั ของภาษา ใจความสมบูรณ์ใน ภมู ิปญั ญาทาง ตวั ไม่ต้องมีกรรม ภาษา และ มาต่อท้าย แต่ รกั ษา คากริยาบางคา ภาษาไทยไว้ ต้องมีกรรมมา เป็นสมบัตขิ อง ตอ่ ท้ายจึงจะได้ ชาติ ใจความสมบรู ณ์ ตวั ช้วี ัด ท ๔.๑ ป. ๔/๒ ระบชุ นดิ และ หนา้ ที่ของคา ในประโยค
50 งำน กำรจัดกำรเรยี นรู้ วธิ กี ำรวดั และ ส่อื /แหลง่ กำร ประเมนิ ผล เรียนรู้ อง การ ๑. ใหน้ กั เรียนอ่านเร่อื ง “กวางเขางาม” กำรประเมนิ ผล ๑. เร่อื ง “กวางเขา าใน สงั เกตคาท่ีครูกาหนด แลว้ วเิ คราะห์วา่ คา ตัวชีว้ ดั งาม” ล้ว เหล่านน้ั มีความหมายสมบรู ณ์หรอื ไม่ ใบงานท่ี ๙ เร่อื ง ๒. บัตรคา ของ ๒. ให้นักเรยี นจาแนกคากริยาจากบัตรคา การหาคากรยิ า ๓. ภาพ น พรอ้ มอธบิ ายหลกั เกณฑใ์ นการจาแนก ในประโยคแล้ว ๔. กระดาษ ๓. ใหน้ ักเรยี นศึกษาความรเู้ รื่อง คากริยา บอกชนดิ ของ สาหรับทากิจกรรม แล้วรว่ มกนั สรปุ ความเข้าใจ คากริยาน้นั ๕. แถบประโยค ๔. ใหน้ ักเรียนผลัดกนั แสดงท่าทางให้ ๖. ปริศนาคาทาย เพ่อื นทายคากริยา เขยี นคาแลว้ ช่วยกัน ๗. ใบงานที่ ๙ แยกประเภทของคากริยา ๕. ใหน้ กั เรยี นทาใบงานที่ ๙ เรือ่ ง การ หาคากริยาในประโยคแลว้ บอกชนิดของ คากริยาน้ัน จากน้ันรว่ มกนั ตรวจสอบ ความถกู ต้อง แลว้ รวบรวมผลงานส่งครู ๖. ให้นกั เรียนเติมคากริยาในประโยคให้ ได้ใจความสมบูรณ์ ๗. ใหน้ ักเรยี นใชค้ ากรยิ าแตง่ ประโยค หรือแต่งเรื่อง ๘. ใหน้ ักเรยี นและครูร่วมกนั สรปุ ความรู้ ดงั นี้ ๏ คาท่แี สดงอาการหรือการกระทาของ นามและสรรพนามซึ่งเป็นประธานของ
กำรออกแบบกำร รำยวชิ ำภำษำไทย กลุ่มสำ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๐ เร่ือง คำวเิ ศษณ์…
51 ประโยค เรยี กว่า คากรยิ า คากรยิ าบางคา มีใจความสมบรู ณ์ในตวั ไม่ต้องมกี รรมมา ตอ่ ทา้ ย แต่คากริยาบางคาตอ้ งมีกรรมมา ตอ่ ท้ายจงึ จะได้ใจความสมบูรณ์ รจดั กำรเรียนรู้ ำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย …ขยำยคำ จำให้แม่น จานวน ๔ ช่ัวโมง
ท่ี ชอื่ หน่วย มำตรฐำน/ จุดประสงค์กำร สำระกำร ภำระง กำรเรียนรู้ ตวั ชีว้ ดั /ผล เรียนรู้ เรยี นรู้ ใบงานเร่ือ ๑๐ คำวเิ ศษณ์… ระบคุ าวเิ ศ ขยำยคำ จำให้ กำรเรียนรู้ และหนา้ ท แม่น คาวิเศษณ มำตรฐำนกำร คาทีท่ าหนา้ ท่ี คาวเิ ศษณ์ ประโยค เรียนรู้ ขยายคากรยิ าให้มี มาตรฐาน ท ความหมายชัดเจน ๔.๑ เข้าใจ ขน้ึ เรยี กวา่ คา ธรรมชาตขิ อง วเิ ศษณ์ คาวเิ ศษณ์ ภาษาและหลัก มักจะอย่หู ลงั ภาษาไทย การ คากรยิ าท่ีขยาย ถ้า เปลยี่ นแปลง เป็นคากริยาสก ของภาษาและ รรม คาวิเศษณ์จะ พลังของภาษา อยูห่ ลังคานามท่ที า ภูมปิ ญั ญาทาง หนา้ ทเี่ ปน็ กรรม ภาษา และ ของคากริยานัน้ รักษา ภาษาไทยไว้ เปน็ สมบัตขิ อง ชาติ ตัวชวี้ ดั ท ๔.๑ ป. ๔/๒ ระบชุ นิดและ หน้าท่ีของคา ในประโยค
52 งำน กำรจดั กำรเรียนรู้ วิธีกำรวดั และ ส่ือ/แหล่งกำร ประเมินผล เรยี นรู้ อง การ ๑. ใหน้ ักเรยี นอ่านเรือ่ ง “รกั ษป์ า่ รกั ษา กำรประเมินผล ๑.เรอื่ ง “รกั ษป์ ่า ศษณ์ ธรรมชาติ” สงั เกตคาทค่ี รูกาหนด แลว้ ตวั ชว้ี ดั รักษาธรรมชาติ” ท่ีของ อธิบายลกั ษณะของคาตามความเขา้ ใจ ใบงานท่ี ๑๐ ๒. แถบประโยค ณ์ใน ๒.ให้นกั เรยี นอ่านประโยคทีไ่ ม่มีคาวเิ ศษณ์ เร่อื ง การระบุคา ๓. ภาพ และประโยคทม่ี คี าวเิ ศษณ์ เปรยี บเทียบ วเิ ศษณแ์ ละ ๔. บัตรคา การสือ่ ความหมาย และวเิ คราะห์วา่ คาที่ หน้าทข่ี องคา ๕. ปรศิ นาคาทาย เพมิ่ เติมมานน้ั ชว่ ยขยายความหมายใหค้ า วิเศษณ์ใน ๖. กระดาษ ใด ประโยค สาหรับทากิจกรรม ๓. ใหน้ ักเรียนช่วยกันคดิ คามาเติมใหค้ าที่ ๗. ใบงานท่ี ๑๐ กาหนดส่อื ความหมายชดั เจนข้นึ โดยลอง คดิ มาเติมหลาย ๆ คา ๔. ใหน้ ักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง คา วเิ ศษณ์ แล้วร่วมกันสรุปความเข้าใจ ๕. ให้นักเรยี นอา่ นคาในบตั รคา แลว้ จาแนกคาวเิ ศษณจ์ ากคาชนดิ อื่น ๖. ใหน้ ักเรียนหาคาวเิ ศษณ์ท่ีมี ความหมายตรงขา้ มกับคาทกี่ าหนด ๗. ใหน้ ักเรียนอา่ นประโยค ระบุคา วเิ ศษณใ์ นประโยค แลว้ วเิ คราะห์วา่ คา วิเศษณ์นนั้ ขยายคาใดใหน้ กั เรียนทาใบ งานท่ี ๑๐ เร่ือง การระบุคาวเิ ศษณแ์ ละ หนา้ ทขี่ องคาวเิ ศษณ์ในประโยค จากนน้ั
กำรออกแบบกำร รำยวิชำภำษำไทย กลมุ่ สำ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๑ เรื่อง อ่ำนเขียนอย่ำงไร
53 รว่ มกันตรวจสอบความถกู ต้อง แลว้ รวบรวมผลงานส่งครูใหน้ ักเรียนฝกึ แตง่ ประโยคโดยใชค้ าวิเศษณ์ ให้นักเรยี นและครรู ่วมกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี ๏ คาท่ที าหน้าที่ขยายคากรยิ าใหม้ ี ความหมายชดั เจนข้นึ เรียกวา่ คาวเิ ศษณ์ คาวเิ ศษณ์มกั จะอยหู่ ลังคากริยาทข่ี ยาย ถา้ เป็นคากริยาสกรรม คาวเิ ศษณจ์ ะอยู่ หลงั คานามที่ทาหน้าทีเ่ ปน็ กรรมของ คากรยิ านนั้ รจดั กำรเรยี นรู้ ำระกำรเรียนรู้ภำษำไทย ร…ต้องใช้พจนำนุกรม จานวน ๔ ช่ัวโมง
ที่ ช่อื หน่วย มำตรฐำน/ จุดประสงค์กำร สำระกำร ภำระง กำรเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั /ผล เรยี นรู้ เรียนรู้ กำรเรียนรู้ ๑๑ อา่ นเขยี น มาตรฐานการ นักเรยี นสามารถ พจนานกุ รม ๑. ใบงาน อยา่ งไร…ต้องใช้ เรยี นรู้ สรปุ ได้ว่า การคน้ หา พจนานุกรม มาตรฐาน ท พจนานุกรมใช้ ความหมา ๔.๑ เข้าใจ อ้างองิ การเขียน คาศัพท์จา ธรรมชาตขิ อง สะกดคา การอ่าน พจนานกุ ร ภาษาและหลัก คา ความหมาย ๒. แผนภา ภาษาไทย การ ของคา รวมท้ัง ความคดิ ส เปลีย่ นแปลง ชนดิ และทีม่ าของ ประโยชน์ข ของภาษาและ คา พจนานกุ ร พลังของภาษา ภมู ปิ ญั ญาทาง ภาษา และ รกั ษา ภาษาไทยไว้ เป็นสมบตั ขิ อง ชาติ ตัวชีว้ ัด ท ๔.๑ ป. ๔/๓ ใชพ้ จนานกุ รม คน้ หา ความหมาย ของคา
54 งำน กำรจัดกำรเรยี นรู้ วธิ ีกำรวดั และ ส่อื /แหลง่ กำร ประเมินผล เรียนรู้ นเร่ือง ๑. ให้นกั เรยี นอา่ นเรอ่ื ง “ไขข้อข้องใจ... การประเมินผล ๑. เรื่อง “ไขข้อ า ใชพ้ จนานกุ รม” สังเกตคาทค่ี รกู าหนด ตัวชว้ี ดั ข้องใจ...ใช้ ายของ ๒. ใหน้ กั เรียนรว่ มกนั สนทนาเกีย่ วกับ ใบงานที่ ๑๑ พจนานกุ รม” าก ลักษณะและประโยชน์ของพจนานุกรม เร่ือง การคน้ หา ๒. ปรศิ นาคาทาย รม ๓. ใหน้ ักเรียนศึกษาความรู้เรื่อง การใช้ ความหมายของ ๓. พจนานุกรม าพ พจนานกุ รม แล้วรว่ มกนั สรุปความเข้าใจ คาศัพท์จาก ๔. แผนภมู กิ าร สรปุ ๔. ใหน้ ักเรยี นอา่ นแถบประโยคซง่ึ มี พจนานุกรม เรยี งรูปสระตาม ของ คาศัพท์ ชนิดของคา ความหมายของคา หลักพจนานุกรม รม และท่มี าของคาตามในพจนานกุ รม ให้ ๕. กระดาษ นักเรียนสังเกตและบอกส่วนต่าง ๆ ที่ สาหรับทากิจกรรม ปรากฏ ๖. บตั รคา ๕. ให้นกั เรยี นเลอื กคาไปเขยี นให้ตรงกบั ๗.ใบงานท๑่ี ๑ ภาพ สังเกตการเรียงลาดบั คา แลว้ ช่วยกัน อธบิ ายหลกั เกณฑต์ ามหลกั พจนานกุ รม ๖. ใหน้ กั เรยี นฝึกเรยี งคาตามการ เรยี งลาดบั ในพจนานุกรม แล้วตรวจสอบ ความถูกตอ้ งโดยใช้พจนานกุ รม ๗. ใหน้ ักเรยี นฝกึ อ่านคาทกี่ าหนดให้ ถูกต้องตามพจนานุกรม ๘. ให้นักเรยี นเขียนคาอ่านของคาที่ กาหนด แลว้ ตรวจสอบความถูกต้องจาก พจนานุกรม
กำรออกแบบกำร รำยวิชำภำษำไทย กลมุ่ สำ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑๒ เร่ือง ภำษำไทยน่ำเรียน
55 ๙. ให้นกั เรยี นเขยี นคาศัพท์จากคาอา่ นที่ กาหนด แล้วตรวจสอบการเขียนสะกดคา ทถ่ี กู ต้องจากพจนานุกรม ๑๐. ใหน้ กั เรียนอ่านคาท่ีกาหนด สังเกต การเขียนสะกดคา หาคาทเี่ ขียนผิด แล้ว ตรวจสอบจากพจนานุกรม ๑๑. ให้นักเรียนทาใบงานที่ ๑๑ เรือ่ ง การ คน้ หาความหมายของคาศพั ท์จาก พจนานุกรม ร่วมกันตรวจสอบความ ถูกต้อง แลว้ รวบรวมผลงานส่งครู ๑๒. ใหน้ กั เรยี นและครรู ่วมกันสรปุ ความรู้ ดังน้ี ๏ พจนานกุ รมใช้อ้างอิงการเขียนสะกด คา การอ่านคา ความหมายของคา รวมท้ัง ชนิดและทีม่ าของคา ๑๓. ใหน้ ักเรยี นเขียนแผนภาพความคิด สรปุ ความรู้เกยี่ วกับประโยชนข์ อง พจนานุกรม แลว้ ร่วมกันตรวจสอบความถูกตอ้ ง รจัดกำรเรียนรู้ ำระกำรเรียนรภู้ ำษำไทย น…ฝึ กเขียนด้วยประโยค จานวน ๔ ชั่วโมง
ที่ ชือ่ หน่วย มำตรฐำน/ จดุ ประสงค์กำร สำระกำร ภำระง กำรเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั /ผล เรยี นรู้ เรยี นรู้ กำรเรียนรู้ ใบงานเรื่อ ๑๒ ภาษาไทยน่า นกั เรยี นสามารถ ส่วนประกอ แต่งประโย เรยี น…ฝกึ เขยี น มำตรฐำนกำร สรปุ ไดว้ า่ ประโยค บของ ส่วน และ ดว้ ยประโยค เรียนรู้ เกิดจากการนาคา ประโยค ประโยค ๓ มาตรฐาน หรอื กลุ่มคามา ท ๔.๑ เขา้ ใจ เรียบเรยี งให้ได้ ธรรมชาตขิ อง ใจความเพ่ือใช้ ภาษาและหลัก สอ่ื สาร ภาษาไทย การ เปล่ียนแปลง ของภาษาและ พลังของภาษา ภูมปิ ัญญาทาง ภาษา และ รกั ษา ภาษาไทยไว้ เปน็ สมบัติของ ชาติ ตัวชว้ี ัด ท ๔.๑ ป. ๔/๔ แตง่ ประโยคได้ ถกู ต้องตาม หลกั ภาษา
56 งำน กำรจัดกำรเรียนรู้ วิธกี ำรวดั และ ส่ือ/แหล่งกำร ประเมินผล เรียนรู้ อง การ ๑. ใหน้ กั เรียนอ่านเรอ่ื ง “ทาไมค้างคาว กำรประเมินผล ๑. เร่อื ง “ทาไม ยค ๒ จงึ ต้องออกหากินเวลากลางคืน” แลว้ ตัวช้ีวัด ค้างคาวจงึ ต้องออก สังเกตประโยคท่คี รกู าหนด วเิ คราะห์และ ใบงานที่ ๑๒ หากนิ เวลา ๓ สว่ น เปรยี บเทียบส่วนประกอบของประโยค เร่ือง การแตง่ กลางคนื ” ๒. ใหน้ ักเรยี นอ่านข้อความจากแถบ ประโยค ๒ ส่วน ๒. แถบประโยค ประโยค แล้ววเิ คราะหว์ ่าข้อความใดมี และประโยค ๓ ๓. กระดาษสาหรบั ส่วนประกอบแตกต่างจากขอ้ ความอน่ื ส่วน ทากิจกรรม ๓. ใหน้ ักเรยี นทบทวนความรู้เรือ่ ง ๔. บัตรคา ประโยค แลว้ ศกึ ษาความรเู้ พ่ิมเตมิ ๕. ตารางแยก จากนน้ั รว่ มกันสรุปความเขา้ ใจ ส่วนประกอบของ ๔. ใหน้ กั เรยี นฟังข้อความท่ีครอู ่านทีละ ประโยค ขอ้ ความ จาแนกข้อความทเี่ ป็นประโยค ๖. แถบประโยค และข้อความทีเ่ ป็นกล่มุ คา ๗. ใบงานท่ี ๑๒ ๕. ให้นักเรียนเรยี งคาท่กี าหนดให้เปน็ ประโยค แลว้ วเิ คราะห์สว่ นประกอบของ ประโยค ๖. ใหน้ กั เรียนศึกษาความรเู้ รื่อง สว่ นประกอบของประโยค แล้วร่วมกนั สรปุ ความเข้าใจ ๗. ให้นกั เรยี นอ่านประโยค แล้ววเิ คราะห์ สว่ นประกอบของประโยคลงในตาราง ๘. ใหน้ ักเรียนอา่ นประโยค วิเคราะห์
57 สว่ นประกอบของประโยค แล้ว เปรยี บเทยี บสว่ นประกอบทแ่ี ตกต่างกัน ๙. ให้นกั เรียนศกึ ษาความร้เู ร่ือง ประโยค ๒ ส่วน และประโยค ๓ ส่วน แล้วร่วมกนั สรุปความเขา้ ใจ ๑๐. ให้นักเรยี นอ่านประโยค แลว้ วเิ คราะห์วา่ เป็นประโยค ๒ ส่วน หรอื ประโยค ๓ สว่ น ๑๑. ใหน้ ักเรียนชว่ ยกันวเิ คราะห์ส่วน ขยายของข้อความในเนื้อเพลง ๑๒. ใหน้ กั เรียนจับคคู่ ากับส่วนขยายท่ี กาหนด แล้วนากล่มุ คาน้ันมาแตง่ ประโยค ๑๓. ให้นกั เรยี นอา่ นประโยคท่ไี ม่มีสว่ น ขยาย แลว้ ฝึกเตมิ สว่ นขยายในประโยค ใหเ้ หมาะสม ๑๔. ใหน้ กั เรียนแตง่ ประโยค ๒ ส่วน และ ประโยค ๓ สว่ น ๑๕. ใหน้ ักเรยี นทาใบงานท่ี ๑๒ เรื่อง การ แตง่ ประโยค ๒ ส่วน และประโยค ๓ สว่ น ชว่ ยกนั เสนอแนะ แกไ้ ข และปรบั ปรงุ ผลงาน แลว้ รวบรวมผลงานสง่ ครู ๑๖. ให้นักเรียนและครูรว่ มกันสรปุ ความรู้ ดังน้ี ๏ ประโยคเกิดจากการนาคาหรอื กล่มุ คามาเรยี บเรียงให้ได้ใจความเพื่อใช้
กำรออกแบบกำร รำยวิชำภำษำไทย กลมุ่ สำ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๓ เร่ือง กลอนสี่...วร
58 ส่ือสาร รจดั กำรเรียนรู้ ำระกำรเรยี นรูภ้ ำษำไทย รรคละส่ีคำ จำได้ง่ำย จานวน ๔ ช่ัวโมง
ท่ี ชือ่ หน่วย มำตรฐำน/ จุดประสงคก์ ำร สำระกำร ภำระง กำรเรียนรู้ ตัวช้ีวัด/ผล เรยี นรู้ เรยี นรู้ กำรเรยี นรู้ ๑๓ กลอนส.ี่ ..วรรค มำตรฐำนกำร นักเรียนสามารถ กลอนส่ี ชน้ิ งานเร่อื การแต่งกล ละสคี่ ำ จำได้งำ่ ย เรยี นรู้ สรปุ ไดว้ ่า กลอนส่ี ตามหวั ข้อ กาหนด มาตรฐาน ท เปน็ บทรอ้ ยกรองท่ี ๔.๑ เขา้ ใจ มี ๔ วรรค วรรค ธรรมชาตขิ อง ละ ๔ คา ภาษาและหลกั บทร้อยกรองจะมี ภาษาไทย การ สมั ผัสระหวา่ ง เปลี่ยนแปลง วรรคและระหว่าง ของภาษาและ บททาให้เกิดความ พลังของภาษา ไพเราะ ภมู ปิ ัญญาทาง ภาษา และ รกั ษา ภาษาไทยไว้ เป็นสมบตั ขิ อง ชาติ ตัวช้ีวดั ท ๔.๑ ป. ๔/๕ แตง่ บทร้อย กรองและคา ขวัญ
59 งำน กำรจดั กำรเรียนรู้ วิธีกำรวดั และ ส่อื /แหลง่ กำร ประเมินผล เรียนรู้ อง ๑. ให้นักเรยี นอา่ นบทร้อยกรอง “วชิ าคา่ กำรประเมนิ ผล ๑. ภาพ ลอนส่ี มากลา้ ” สงั เกตจานวนคาและเสียงสมั ผสั ตวั ชี้วดั ๒. แถบประโยค อท่ี ๒. ให้นกั เรียนเลือกข้อความไปเขยี นเตมิ ช้นิ งานท่ี ๓ ๓. แผนผงั กลอนสี่ ใตภ้ าพที่ครตู ดิ ไว้บนกระดานใหส้ มบูรณ์ เรื่อง การแต่ง ๔. กระดาษสาหรับ แล้วสังเกตลกั ษณะของคาประพนั ธ์ กลอนส่ตี าม ทากิจกรรม ๓. ใหน้ กั เรยี นศึกษาแผนผังกลอนส่ี แล้ว หวั ข้อที่กาหนด ๕. กลอนสี่ ร่วมกนั สรุปความเขา้ ใจ ๔. ใหน้ ักเรียนเรยี งคาประพันธ์ใหถ้ กู ต้อง จากนนั้ อา่ นออกเสยี งเพ่อื ตรวจสอบฉันท ลกั ษณ์และใจความ ๕. ใหน้ ักเรยี นเตมิ คาทหี่ ายไปในกลอนสี่ ใหส้ มบรู ณ์ และไดใ้ จความ จากน้ันรว่ มกัน สนทนาเกี่ยวกับใจความของกลอน ๖. ใหน้ กั เรยี นตอ่ กลอนส่ีจากวรรคท่ี กาหนดใหไ้ ดใ้ จความ ๗. ให้นักเรยี นทาช้ินงานที่ ๓ เรือ่ ง การ แตง่ กลอนสตี่ ามหวั ข้อทีก่ าหนดแล้วนา ผลงานมารว่ มกันพจิ ารณา ปรับปรงุ แก้ไข จากนัน้ รวบรวมผลงานส่งครู ๘. ใหน้ กั เรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี ๏ กลอนส่เี ปน็ บทร้อยกรองท่ีมี ๔
กำรออกแบบกำร รำยวิชำภำษำไทย กลุ่มสำ หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑๔ เรื่อง คำขวญั เตือ
60 วรรค วรรคละ ๔ คา บทรอ้ ยกรองจะมี สัมผัสระหวา่ งวรรคและระหว่างบททาให้ เกดิ ความไพเราะ รจดั กำรเรยี นรู้ ำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย อนใจ...ให้ทำควำมดี จานวน ๔ ช่ัวโมง
ที่ ชอื่ หน่วย มำตรฐำน/ จดุ ประสงค์กำร สำระกำร ภำระง กำรเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ัด/ผล เรียนรู้ เรียนรู้ กำรเรียนรู้ ๑๔ คาขวญั เตือนใจ... มาตรฐานการ นกั เรียนสามารถ คาขวัญ ชิ้นงานเร่อื การแตง่ คา ใหท้ าความดี เรยี นรู้ สรุปได้วา่ คาขวัญ จากหวั ขอ้ กาหนด มาตรฐาน ท เป็นถอ้ ยคาทม่ี ี ๔.๑ เข้าใจ เสยี งคล้องจองทา ธรรมชาตขิ อง ให้ไพเราะ และมี ภาษาและหลกั ความหมายกินใจ ภาษาไทย การ สามารถจาได้งา่ ย เปล่ียนแปลง ของภาษาและ พลงั ของภาษา ภูมปิ ัญญาทาง ภาษา และ รกั ษา ภาษาไทยไว้ เปน็ สมบัตขิ อง ชาติ ตัวชว้ี ดั ท ๔.๑ ป. ๔/๕ แต่งบทร้อย กรองและคา ขวัญ
61 งำน กำรจัดกำรเรยี นรู้ วิธีกำรวดั และ ส่อื /แหล่งกำร ประเมนิ ผล เรียนรู้ อง ๑. ใหน้ กั เรยี นอ่านเรอื่ ง “คาขวัญวัน การประเมนิ ผล ๑. เรอ่ื ง “คาขวัญ าขวญั เด็ก” สังเกตคาขวญั แลว้ ชว่ ยกนั อธิบาย ตัวชวี้ ดั วันเด็ก” อที่ ลกั ษณะ ชนิ้ งานที่ ๔ ๒. ตัวอย่างคาขวัญ ของคาขวญั ตามทีส่ ังเกตได้ เรอื่ ง การแตง่ คา ๓. ภาพ ๒. ให้นักเรียนศึกษาความรูเ้ ร่ือง คาขวัญ ขวญั จากหวั ขอ้ ท่ี ๔. กระดาษสาหรบั แล้วร่วมกนั สรปุ ความเขา้ ใจ กาหนด ทากิจกรรม ๓. ใหน้ ักเรยี นช่วยกนั ยกตัวอย่างคาขวัญ ๕. กลอนส่ี ทีเ่ คยอ่านหรือฟงั ๖. แถบประโยค ๔. ให้นักเรยี นเลือกข้อความไปเติมใหเ้ ปน็ คาขวญั ทสี่ มบูรณ์ ๕. ให้นักเรยี นอ่านคาขวญั แล้ววเิ คราะห์ วตั ถปุ ระสงค์ของคาขวัญ ๖. ใหน้ ักเรยี นเรยี งถอ้ ยคาใหเ้ ป็นคาขวญั ที่ สมบูรณ์และได้ใจความ ๗. ให้นักเรยี นทาช้ินงานท่ี ๔ เรือ่ ง การ แต่งคาขวญั จากหัวข้อท่ีกาหนดแล้ว นาเสนอผลงานหน้าช้นั เรยี น ร่วมกัน เสนอแนะเพื่อปรับปรงุ แกไ้ ข จากนนั้ รวบรวมผลงานส่งครู ๘. ใหน้ ักเรยี นและครรู ว่ มกันสรปุ ความรู้ ดงั น้ี ๏ คาขวัญเปน็ ถอ้ ยคาท่ีมเี สียง
กำรออกแบบกำร รำยวิชำภำษำไทย กลุ่มสำ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๑๕ เรื่อง คำพงั เพยและสุภ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170