ห ลกั การฝึกสอน เยาวชนในกลุม่ อายุต่างๆ กลมุ่ เดก็ และเยาวชนเปน็ กลมุ่ เปา้ หมายหลกั ในการพฒั นาพนื้ ฐานทกั ษะและความสามารถ ในการเล่นกีฬาฟุตซอล เม่ือเติบโตขึ้นสิ่งท่ีเด็กได้เรียนรู้และฝึกฝนอย่างถูกต้องต่อเน่ืองก็จะส่งผล ให้เป็นผู้เล่นท่ีมีความสามารถสูงขึ้นไปตามล�ำดับ สิ่งที่มีส่วนส�ำคัญในการพัฒนาเด็กและเยาวชน คอื สงิ่ ทถี่ กู ตอ้ งเหมาะสมทผ่ี ฝู้ กึ สอนจะจดั การและกำ� หนดขน้ึ เปน็ แผนการฝกึ สอน องคก์ รทเ่ี กยี่ วขอ้ ง โดยตรงในการพัฒนาผู้เล่น (FIFA) ได้มีการศึกษาค้นคว้าและได้ก�ำหนดหลักเกณฑ์ขึ้น เพ่ือเป็น แนวทางใหผ้ ฝู้ กึ สอนไดเ้ รยี นรใู้ นสงิ่ ทถี่ กู ตอ้ งและนำ� ไปใชเ้ พอื่ ปรบั ปรงุ และเพม่ิ ขดี ความสามารถใหผ้ เู้ ลน่ ในระดับเยาวชนกลุ่มอายตุ า่ งๆ โครงสร้างหลักสูตรการฝึกสอนผู้เล่นเยาวชนในกลุ่มอายุต่างๆ น้ี ได้เรียบเรียงเน้ือหา สาระจาก “เคอร์โซ ฟีฟ่า ฟุตโบล สาล่า” (CURSO FIFA FUTBOL-SALA) โดยได้จัดแบ่งกลุ่ม ผู้เล่นไว้ ดงั น้ี • กลุม่ อายรุ ะหว่าง 6-10 ปี • กล่มุ อายุระหว่าง 10-12 ปี • กลุม่ อายุระหว่าง 12-16 ปี • กลุ่มอายรุ ะหวา่ ง 16-18 ปี ในแต่ละกลุ่มอายุจะมีพัฒนาการทางสรีรวิทยา หรือร่างกายท่ีต่างกันไป การเรียนรู้ และพฒั นาการจงึ ไมเ่ ทา่ เทยี มกนั ดงั นน้ั ในแตล่ ะรนุ่ อายไุ ดม้ กี ารกำ� หนดแนวทางไวเ้ ปน็ องคป์ ระกอบ ส�ำหรบั ท่ผี ฝู้ ึกสอนจะใช้จัดเตรียมแผนการฝึกของแตล่ ะกลุ่มไว้ ดังนี้ กลมุ่ อายรุ ะหว่าง 6-10 ปี 1. ลักษณะส�ำคญั ทางกาย อยู่ในช่วงท่ีก�ำลังเจริญเติบโต โครงสร้างร่างกายยังบอบบางเป็นวัยที่ต้องเอาใจใส่ เป็นวัยท่ีชอบเล่นสนุกสนาน ได้วิ่งเล่นตามธรรมชาติ ดังนั้น ต้องพัฒนาในเร่ืองของการท�ำงาน ประสานสมั พนั ธร์ ะหวา่ งระบบประสาทกบั ระบบกลา้ มเนอ้ื ใหส้ มดลุ กนั สรา้ งความคนุ้ เคยกบั ลกู บอล และสนาม ไมเ่ ขม้ งวดเรอ่ื งกฎ สว่ นใหญจ่ ะใชเ้ วลาทโ่ี รงเรยี น พฒั นาการจะมพี น้ื ฐานจากครู และเพื่อน วยั เดยี วกนั 44 คู่มือผฝู้ กึ สอนกฬี าฟตุ ซอล T-Certificate
2. สมรรถภาพทางกาย ก�ำลัง เนื่องจากอายุน้อย โครงสร้างยังบอบบาง ยังไม่มีกล้ามเน้ือ และยังไม่แข็งแรง จะไม่แยกส่วนของการฝึก แต่ใช้เทคนิค ทักษะเบื้องต้นเป็นเคร่ืองมือฝึก เพ่ือให้ได้มาซึ่งก�ำลังและ ความแขง็ แรง ความเรว็ ไมม่ กี ารแยกฝกึ ความเรว็ เพราะระบบประสาทยงั ไมส่ มบรู ณ์ ต้องใช้ลูกบอลเป็นอุปกรณ์ที่จะท�ำให้เกิดปฏิกิริยาโต้ตอบ และไม่เน้นการพัฒนากลา้ มเนอ้ื ความอดทน ได้มาจากการเล่นท่ีเป็นไปโดยไม่รู้ตัว เป็นลักษณะงานแบบ ใช้ประโยชน์จากออกซิเจน (Aerobic) คือท�ำอย่างต่อเน่ือง แตไ่ มห่ นกั ความอ่อนตวั เปน็ ความสามารถพเิ ศษทเ่ี ดก็ มอี ยใู่ นตัวตอ้ งรักษาไว้ 3. การฝึกเทคนคิ • ใชเ้ กมเป็นเครอ่ื งมือ • ท�ำใหค้ ้นุ เคยกบั ลกู บอลและสนาม • ให้แนวคิดการเล่นท่ีต้องสัมพันธ์กันระหว่างพ้ืนท่ีว่าง และจังหวะในการเลน่ 4. ยุทธวธิ กี ารเลน่ • ท�ำให้รถู้ งึ ข้อแตกต่างระหวา่ งเกมรกุ และการปอ้ งกนั 5. จติ วิทยา • มีความเปน็ ตวั ของตวั เอง • ไม่สามารถเรยี นรู้เองได้ (การเล่น) มากนัก • จะไมค่ ่อยเขา้ ใจ แต่จะใชว้ ธิ ีเลียนแบบ 6. ค�ำแนะน�ำเก่ยี วกบั การฝกึ • ต้องมีลูกบอลมากพอ • ไม่ใหเ้ สยี เวลาจากการรอคอย • เปลี่ยนแปลงเกมใหห้ ลากหลาย • ไม่ต้องพดู หรือสอนเรื่องทฤษฎี คู่มอื ผู้ฝกึ สอนกีฬาฟตุ ซอล T-Certificate 45
กลุ่มอายุระหว่าง 10-12 ปี 1. ลกั ษณะส�ำคญั ทางกาย • อยู่ในช่วงเจรญิ เติบโต มีสว่ นกว้างของลำ� ตัวมากกว่าส่วนสงู • เติบโตมากข้ึน ต้องท�ำให้เกิดความสมดุลการประสานสัมพันธ์ ระหวา่ งระบบประสาทกับระบบกล้ามเน้อื 2. สมรรถภาพทางกาย ก�ำลงั • ปรับปรุงการท�ำงานของกล้ามเนอ้ื ให้ดีข้ึน • ไมใ่ ช้การฝึกพเิ ศษโดยเฉพาะ • ใช้การฝกึ พ้นื ฐานเพอื่ ให้เกดิ ความชำ� นาญ ความเร็ว • ปรับปรุงการท�ำงานร่วมกันระหว่างระบบประสาทกับระบบกล้ามเน้ือ ใหด้ ขี น้ึ • ปรบั ปรงุ เร่ืองความเร็ว ปฏิกิริยาตอบสนองและการปฏิบัติ ความอดทน • การปฏิบตั ิแบบตอ่ เนือ่ งโดยใชป้ ระโยชน์จากออกซิเจน (Aerobic) • เพิม่ งานถงึ ระดับ 70 เปอรเ์ ซ็นต์ ความออ่ นตัว • ทำ� ตอ่ เน่ือง (ไม่ตอ้ งกังวล) 3. การฝกึ เทคนคิ • เปน็ ช่วงอายทุ เี่ หมาะต่อการเรยี นรแู้ ละฝกึ • ดดั แปลงเกมฝึกและการแขง่ ขนั ให้เหมาะสมกับอายุ โดยใช้พ้ืนท่ีกฎ ลูกบอล ผสมผสานกัน • เน้นเทคนิคบคุ คลเป็นพิเศษ 4. เกย่ี วกับยุทธวธิ กี ารเลน่ • ลอกเลยี นแบบ วิเคราะห์ และใหแ้ นวคดิ • พัฒนาความสามารถในการตัดสินใจ • ยุทธวิธกี ารเล่นเฉพาะบุคคลไปส่กู ลุ่ม (1 x 1, 2 x 1, 2 x 2) • เริม่ คดิ และเล่น การรุกโต้กลบั 46 คมู่ อื ผ้ฝู ึกสอนกีฬาฟตุ ซอล T-Certificate
5. จิตวทิ ยา • ท�ำให้ผู้เลน่ มีความสนใจและมีความมงุ่ มนั่ • พยายามเลกิ การเลยี นแบบและเรม่ิ เล่นตามกฎ 6. ค�ำแนะน�ำเก่ยี วกับการฝึก • สนุกสนานด้วยวธิ หี ลากหลายกอ่ นการฝึก • เรียนรตู้ ามหลกั การทว่ั ไป • ใช้แบบฝกึ ให้เหมาะสม • ต้องให้ความรแู้ ละห้ามคดิ ว่าผูเ้ ล่นรแู้ ล้ว กล่มุ อายุระหว่าง 12-16 ปี 1. ลกั ษณะส�ำคัญทางกาย • เริม่ โตเข้าส่วู ยั รุ่น • อายุกับโครงสรา้ งยังไมส่ มบรู ณ์ • โครงสร้างยังบอบบาง • ไมส่ มดลุ กับรูปรา่ ง 2. สมรรถภาพทางกาย ก�ำลัง • เพม่ิ งานและปรบั ส่วนของกลา้ มเนื้อ ความเรว็ • แยกฝกึ ระหว่างปฏกิ ิริยากับเกมการฝึกซอ้ ม ความอดทน • ฝกึ รว่ มกนั ระหว่าง ใช้และไมใ่ ช้ประโยชนจ์ ากออกซิเจน (Aerobic- Anaerobic) • เพิม่ อัตราความเขม้ ใหส้ ูง ความออ่ นตวั • เปน็ สิ่งสำ� คญั เพราะชว่ ยเพิ่มประสทิ ธิภาพผู้เล่น 3. การฝึกเทคนิค • พัฒนาเก่ยี วกับท่าทางและเทคนิค • ฝกึ ให้มีไหวพรบิ เรยี นรูเ้ กีย่ วกบั การเคลอื่ นไหวเคล่อื นท่ี • ดัดแปลงจากเกมการเล่น การแขง่ ขนั เพ่ือไปสกู่ ารแข่งขัน คูม่ ือผฝู้ กึ สอนกีฬาฟุตซอล T-Certificate 47
4. ยทุ ธวธิ ีการเล่น • ทำ� ใหเ้ ราเข้าใจเร่อื งระบบการเลน่ • ปรบั ปรงุ การเลน่ รุกและโตก้ ลับ • การเคลอ่ื นทลี่ กั ษณะเฉพาะ (ทแยง ขนาน หมุนต�ำแหน่ง) 5. จิตวิทยา • ต้องท�ำให้คิดแบบผู้ใหญ่ 6. ขอ้ แนะน�ำเกีย่ วกับการฝึก • พจิ ารณาการฝึกซ้อมจากพ้ืนฐานอายุ • ให้ความสำ� คัญท่าทางเกีย่ วกับเทคนิคการเล่น กลมุ่ อายรุ ะหว่าง 16-18 ปี 1. ลกั ษณะส�ำคัญทางกาย • เติบโตเขา้ สูว่ ยั รุ่นขนาดรา่ งกายใหญ่ขน้ึ • โครงสรา้ งทางกายเริ่มสมบูรณ์มากขึ้น • มคี วามสามารถมากขน้ึ จะไดร้ บั คดั เลอื กเขา้ สทู่ มี เพอ่ื สรู่ ะบบการแขง่ ขนั 2. สมรรถภาพทางกาย ก�ำลงั • ฝกึ ตามปกติ แต่ตอ้ งระวงั เรือ่ งกระดูกสันหลงั • การฝกึ ทเี่ ก่ียวกบั พลงั ระเบิดและความอดทน ความอดทน • ฝกึ ท้ังกิจกรรมทีใ่ ช้และไม่ใช้ประโยชน์จากออกซเิ จน (Aerobic-Anaerobic) 3. การฝึกเทคนคิ • ประยุกต์เทคนคิ จากเกมการเลน่ จรงิ มาใช้ • ตอ้ งชดั เจน แมน่ ยำ� และรวดเรว็ 48 คูม่ ือผฝู้ ึกสอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate
4. ยทุ ธวธิ กี ารเลน่ • ความสามารถในการมองและพรอ้ มท่จี ะเลอื กเล่น • ตดั สินใจเล่นจากการมองเห็น • การใช้ยทุ ธวิธีการเลน่ ในสถานการณ์ตา่ งๆ • ระบบการเลน่ 5. จิตวิทยา • จะซบั ซอ้ นขนึ้ (ทำ� ใหก้ ระจา่ งปราศจากข้อสงสยั ) • ทำ� ให้มีความเชื่อมั่นและเคารพตนเอง 6. ค�ำแนะน�ำเก่ยี วกับการฝึกซ้อม • ให้มสี ่วนรว่ มในการฝกึ ให้มาก • อยา่ ให้มีหรือต้องจดั การกบั “พวกท่ชี อบยืนด”ู ในเวลาฝึก • ฝึกใหแ้ ตล่ ะคนมคี วามช�ำนาญสูงสุด • ฝกึ ซ้อมอย่างสนุกสนานและใหเ้ ปน็ หน่ึงเดียวกัน การเร่ิมต้นท่ีถูกต้องอย่างเป็นล�ำดับข้ันตอนและเหมาะสมกับเกณฑ์วุฒิภาวะของผู้เล่น ถงึ จะเปน็ ขน้ั ตอนทชี่ า้ แตก่ ส็ ามารถทำ� ใหผ้ เู้ ลน่ รนุ่ เยาวท์ ง้ั หลายมพี นื้ ฐานทม่ี นั่ คงและเกดิ พฒั นาการ เป็นไปตามล�ำดับที่ถูกต้อง เม่ือเติบโตข้ึนส่ิงท่ีเพาะบ่มก็จะแสดงผลที่ดีสุดยอดออกมาให้เห็น แต่ส่ิงส�ำคัญต้องมีความถูกต้องเป็นขั้นเป็นตอนหลักการ อย่าใจร้อนเร่งรัดผู้เล่นด้วยวิธีการที่ผิด เพราะจะไดผ้ ลแคช่ ่วงระยะสัน้ ๆ เท่านนั้ คู่มอื ผฝู้ ึกสอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate 49
ส มรรถภาพทางกาย สมรรถภาพทางกาย คือ ความสามารถด้านร่างกายในการท�ำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ ซึ่งมผี ลจากการฝกึ ซอ้ มร่างกายให้มีความพร้อมตอ่ การท�ำกจิ กรรมนั้นๆ เปน็ อยา่ งดี การสร้างสมรรถภาพทางกายเพ่ือน�ำไปใช้ในการเล่นและการแข่งขันกีฬา จะต้องค�ำนึงถึงชนิดของ สมรรถทางกายทจี่ ำ� เป็นตอ่ การนำ� ไปใช้ในกีฬานน้ั ๆ ดว้ ย ชนิดของสมรรถภาพทางกาย สมรรถภาพทางกาย แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คอื 1. สมรรถภาพทางกายท่วั ไป (General Condition) 2. สมรรถภาพทางกายเฉพาะ (Special Condition) สมรรถภาพทางกายทัว่ ไป (General Condition) สมรรถภาพทางกายท่ัวไปเป็นความสมบรู ณพ์ นื้ ฐานทางกาย แบ่งออกเปน็ 9 ประการ คอื (อนนั ต์ อัตช,ู 2538. หน้า 2) 1. ความแขง็ แรงของกลา้ มเนอื้ (Muscular Strength) หมายถงึ ความสามารถของกลา้ มเนอ้ื ทห่ี ดตวั เพอ่ื ตา้ นนำ้� หนกั หรอื เคลอ่ื นนำ้� หนกั เพยี งครงั้ เดยี วโดยไมจ่ ำ� กดั เวลา เชน่ แรงบบี มอื แรงเหยยี ดขา ซง่ึ เปน็ ประสทิ ธภิ าพของการใชแ้ รงของกลา้ มเนอ้ื เพอื่ ทจ่ี ะเอาชนะความตา้ นทานตา่ งๆ โดยสามารถ เพม่ิ ไดโ้ ดยใหก้ ลา้ มเนอื้ ทำ� งานตดิ ตอ่ กนั ความแขง็ แรงของกลา้ มเนอื้ สามารถดไู ดจ้ ากความใหญข่ อง มัดกล้ามเนือ้ หรือดทู ่พี น้ื ท่หี นา้ ตดั ของกลา้ มเนือ้ 2. พลงั ของกลา้ มเนอ้ื (Muscular Power) หมายถงึ ความสามารถของกลา้ มเนอ้ื ทหี่ ดตวั ไดแ้ รงทท่ี ำ� ใหว้ ตั ถหุ รอื รา่ งกายเคลอื่ นทอี่ อกไปเปน็ ระยะทางมากทส่ี ดุ ในเวลาจำ� กดั เชน่ ทมุ่ นำ�้ หนกั ยืนกระโดดไกล 3. ความทนทานของกลา้ มเนอ้ื (Muscular Endurance) หมายถงึ ความสามารถของกลา้ มเนอ้ื ทสี่ ามารถทำ� งานตดิ ตอ่ กนั ไดน้ าน โดยไมเ่ สอ่ื มประสทิ ธภิ าพ ซงึ่ เปน็ การแสดงถงึ คณุ ภาพของกลา้ มเนอื้ ที่สามารถต่อต้านสภาวะความเมื่อยล้าและหรือสามารถเคล่ือนระยะของการเม่ือยล้าให้เกิดขึ้นได้ ช้ากว่าปกติ 4. ความคลอ่ งตวั (Agility) หมายถงึ ความสามารถของรา่ งกายในการควบคมุ เปลย่ี นทศิ ทาง การเคลอ่ื นไหวไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และตรงเปา้ หมาย เชน่ การวงิ่ ซกิ แซก็ การวง่ิ เกบ็ ของและการวง่ิ กลบั ตวั เป็นต้น 50 คมู่ อื ผ้ฝู ึกสอนกฬี าฟตุ ซอล T-Certificate
5. ความอ่อนตัว (Flexibility) หมายถึง ความสามารถในการเคลื่อนไหวให้ได้มุมของ การเคลอื่ นไหวอยา่ งเตม็ ทขี่ องขอ้ ตอ่ แตล่ ะขอ้ ตอ่ เชน่ การนงั่ กม้ ตวั ไปขา้ งหนา้ ซงึ่ เปน็ ความสามารถ ในการเคลอื่ นไหวของขอ้ ตอ่ ตลอดชว่ งการเคลอ่ื นทข่ี องขอ้ ตอ่ (Full Range of motion) โดยอาจจะเปน็ ขอ้ ตอ่ สว่ นใดสว่ นหนึง่ หรอื การทำ� งานของหลายขอ้ ต่อรวมกัน 6. ความเรว็ (Speed) หมายถงึ ความสามารถของกล้ามเน้อื ท่สี ามารถท�ำงาน (เคลอื่ นท)่ี ซ้�ำกันได้อย่างรวดเร็ว เช่น การว่ิง 50 เมตร ซ่ึงเป็นความสามารถในการเคลื่อนที่ของส่วนต่างๆ ของร่างกายจากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหน่ึงได้เร็วท่ีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เป็นความเร็วของการหดตัว ของกลา้ มเนอ้ื ความแขง็ แรงของกลา้ มเนอื้ ทเ่ี ปน็ ผลมาจากการทำ� งานประสานกนั ของระบบประสาท กบั กล้ามเน้อื 7. ความสมดลุ ของรา่ งกาย (Balance) หมายถงึ ความสามารถในการควบคมุ ทา่ ของรา่ งกาย ให้อย่ใู นลกั ษณะที่ตอ้ งการทัง้ ในระหวา่ งการอยูก่ ับที่และการเคลอ่ื นไหว เชน่ การทรงตัวบนมา้ ยาว ซ่งึ เป็นความสามารถทจ่ี ะรกั ษาสถานการณ์การทรงตัวหรือความสมดลุ ของรา่ งกายอยกู่ ับท่ี 8. การทำ� งานประสานกนั ระหว่างระบบประสาทกล้ามเน้อื (Muscular Coordination) หมายถึง การควบคุมให้ร่างกายตอบสนองการสั่งงานของระบบประสาทอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การโยนลูกบอล 3 ลูก ดว้ ยมือ 2 มอื เป็นการทรี่ ่างกายสามารถแสดงออกในกิจกรรมตา่ งๆ ได้อยา่ งราบเรยี บกลมกลนื และสามารถเคล่ือนไหวในอริ ิยาบถตา่ งๆ ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ 9. ความทนทานของระบบไหลเวียนโลหิตและระบบการหายใจ (Cardio Respiratory) หมายถึง ความสามารถหรือประสิทธิภาพของการน�ำเอาออกซิเจนเข้าสู่ปอดแล้วขนถ่าย ผา่ นระบบการไหลเวยี นโลหติ นำ� ไปใชใ้ นการทำ� งานของระบบกลา้ มเนอื้ ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพสงู สดุ สมรรถภาพทางกาย 9 ประการ ดังกล่าว เป็นพื้นฐานทางความสามารถของร่างกาย โดยทั่วไปในการท�ำกิจกรรมต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างย่ิงเป็นพ้ืนฐาน เบอื้ งตน้ ส�ำหรบั การเลน่ กฬี าชนดิ ตา่ งๆ ต่อไป สมรรถภาพทางกายเฉพาะ (Special Condition) สมรรถภาพทางกายเฉพาะ คือ ความสามารถทางร่างกายของนักกีฬาที่น�ำไปใช้ใน การเล่นกีฬาชนดิ ต่างๆ โดยเฉพาะ ดังนั้น การเลน่ กฬี าแต่ละชนิดกีฬา นักกฬี าจึงมีความต้องการ ในการสร้างสมรรถภาพทางกายทแ่ี ตกต่างกัน กล่าวคอื นกั กฬี าฟตุ ซอลตอ้ งมสี มรรถภาพทางกาย เฉพาะท่ีแตกตา่ งไปจากนกั กรฑี า นกั เทนนสิ นักวอลเลยบ์ อล หรือนกั มวย เปน็ ตน้ คมู่ ือผฝู้ ึกสอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate 51
ฟุตซอลเป็นกีฬาที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวหลายรูปแบบ ดังนั้น กีฬาฟุตซอลจึงต้องอาศัย ความสามารถทางด้านรา่ งกายทัง้ สมรรถภาพทางกายทั่วไปและสมรรถภาพทางกายเฉพาะร่วมกนั เพ่ือน�ำไปใช้ในการแข่งขัน เช่น ความทนทานตลอดระยะเวลาการเล่นครึ่งละ 20 นาที 2 คร่ึง รวม 40 นาที โดยไม่เหนื่อย ซ่ึงในระยะการเล่นนัน้ มีการสลบั การหยดุ พักในขณะลกู บอลอยู่นอก การเล่น การขอเวลานอก รวมทัง้ การเปล่ยี นตัวออกมาพกั แล้วเปลยี่ นกลับไปเลน่ ใหม่อกี นอกจาก ความทนทานแล้วในขณะเล่นต้องมีการวิ่งเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว การกระโดด การว่ิงหาที่ว่าง การเปล่ียนทิศทางการเคล่ือนที่ การเล้ียงลูกบอลเพื่อการหลบหลีก และการยิงประตู เป็นต้น จะเห็นว่าการเคลื่อนไหวต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นในขณะครอบครองลูกบอลหรือไม่ได้ ครอบครองลกู บอลอยกู่ ับตัวกต็ าม ลว้ นแต่ต้องใชส้ มรรถภาพทางกายทง้ั ส้ิน การแบ่งชนิดของสมรรถภาพทางกายออกเป็น 2 ชนิด ดังกล่าวข้างต้น ยังสามารถ แบง่ ชนดิ ของสมรรถภาพตามคุณลกั ษณะของการเคลือ่ นไหวได้เป็น 2 ลักษณะ ดังนี้ 1. การเคลอื่ นไหวเบื้องต้น (Basic Motors Qualities) 2. การเคลอื่ นไหวทซ่ี ับซ้อน (Complex Motors Qualities) การเคลื่อนไหวทัง้ 2 ลกั ษณะ แบ่งประเภทของสมรรถภาพทางกายออกเป็น 8 ประเภท ตามแผนภมู ติ อ่ ไปนี้ (German Football Federation, 1994. P. 61) การเคลือ่ นไหวเบ้ืองตน้ ความเร็ว ความแข็งแรง ความทนทาน ความออ่ นตัว+ทกั ษะ (Basic Motors Qualities) การเคล่ือนไหวท่ซี ับซอ้ น ความแข็งแรง ความเรว็ ความแข็งแรง ความคล่องแคลว่ (Co mplex M o t o r s Q u a li t i e s ) รวดเร็ว ทนทาน ทนทาน วอ่ งไว แผนภูมแิ สดงองค์ประกอบของสมรรถภาพทางกาย (Components of Physical Conditon) 52 คมู่ อื ผูฝ้ ึกสอนกฬี าฟตุ ซอล T-Certificate
ขั้นตอนการสร้างสมรรถภาพทางกาย การสร้างสมรรถภาพทางกายดำ�เนินการตามขั้นตอน 3 ประการ ดงั นี้ คอื 1. การอบอุ่นร่างกาย (Warming Up) 2. การฝึกตามกลา้ มเนอื้ ท่ฝี กึ (Main Part) 3. การผ่อนคลายหรอื การคลายอนุ่ (Cooling Down) การอบอ่นุ ร่างกาย (Warming Up) การอบอนุ่ ร่างกายเป็นสงิ่ จำ�เปน็ อย่างย่งิ สำ�หรับการฝึกซ้อม ค่มู ือผู้ฝกึ สอนกีฬาฟุตซอล T-Certificate 53
การอบอ่นุ รา่ งกาย ทำ�ดว้ ยตนเอง ทำ�โดยไม่มีอุปกรณ์ ยืดกลา้ มเน้อื (Warming Up) (Individual) หรือทำ�ตัวเปล่า (Stretching) ทำ�ควบคฝู่ ึก ทำ�โดยมีอปุ กรณ์ เชน่ (Partner) - ลูกบอล - เมดดซิ ินบอล - เชอื กกระโดด - ร้ัวกระโดด แผนภมู ิแสดงรปู แบบของการอบอนุ่ รา่ งกาย การฝึกตามเนอื้ หาที่ฝึก (Main Part) ภายหลังจากข้ันตอนของการอบอุ่นร่างกายเสร็จแล้วจะเข้าสู่ข้ันการฝึกตามเน้ือหา ที่จะท�ำการฝึก ซ่ึงในการฝึกกีฬาฟุตซอลน้ันสามารถแยกได้เป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ การฝึก สมรรถภาพทางกาย การฝึกเทคนิคและการฝึกยุทธวิธีการเล่น แล้วแต่การวางแผนการฝึกซ้อม ของผ้ฝู ึกสอนในขั้นตอนนจ้ี ะใช้เวลาประมาณ 1 ช่ัวโมง ถึง 1 ช่วั โมง 30 นาที ระหวา่ งการฝกึ น้ี จะแยกแบบฝกึ ออกเปน็ หลายกจิ กรรม ตอ้ งพงึ ระลกึ เสมอวา่ ภายหลงั จากการฝกึ ในแตล่ ะกจิ กรรมแลว้ นกั กฬี าตอ้ งทำ� การยดื เหยยี ดกลา้ มเนอ้ื (Stretching) เพอ่ื ใหก้ ลา้ มเนอื้ ไดผ้ อ่ นคลายและเกดิ ความพรอ้ ม ในการท�ำกิจกรรมอ่ืนตอ่ ไป ส�ำหรับการฝึกสมรรถภาพทางกายในข้ันตอนน้ี ขึ้นอยู่กับผู้ฝึกสอนว่าจะวางแผนการฝึก ไวว้ า่ จะฝกึ สมรรถภาพดา้ นใด เชน่ ความแขง็ แรง ความแขง็ แรงรวดเรว็ ความแขง็ แรงทนทาน ความเรว็ ความทนทาน ความทนทานพ้นื ฐานหรอื ความทนทานเฉพาะ เป็นตน้ ซง่ึ การฝึกจะปฏบิ ัตติ ามหลัก และวิธีการฝกึ ท่จี ะนำ� เสนอต่อไป การผอ่ นคลายหรือการคลายอุน่ (Cooling Down) เม่ือฝึกตามข้ันตอนการฝึกตามเนื้อหาที่ฝึกจบลงก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการผ่อนคลาย หรือการคลายอุ่น ซ่ึงในข้ันน้ีจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที เพ่ือท�ำให้กล้ามเนื้อที่ท�ำงานหนัก มากอ่ นหนา้ นไ้ี ดผ้ อ่ นคลายและระบบการหายใจกบั ระบบไหลเวยี นโลหติ จะคอ่ ยๆ กลบั คนื สภู่ าวะปกติ การผ่อนคลายหรอื คลายอุน่ ท�ำโดยใหน้ กั กฬี าวง่ิ เหยาะช้าๆ เดิน ยืดเหยียดกล้ามเนอ้ื ในตอนทา้ ย ของข้ันตอนนี้ผู้ฝึกสอนสามารถสนทนากับนักกีฬาในเรื่องต่างๆ ของการฝึกหรือการแข่งขันที่เป็น ข้อดีและขอ้ บกพร่อง รวมทง้ั สิ่งที่ตอ้ งแกไ้ ขโดยใช้ระยะเวลาส้นั ๆ ไมค่ วรนานจนเกินไปนกั 54 คมู่ อื ผ้ฝู ึกสอนกฬี าฟตุ ซอล T-Certificate
หลกั การและวธิ กี ารสร้างสมรรถภาพทางกาย การสร้างสมรรถภาพทางกายมีหลักการพ้ืนฐาน 3 ประการ คือ (ชลัช ภิรมย์, 2540. หน้า 15-18) 1. หลกั เกีย่ วกับเวลาการฝึก (Duration Method) 2. หลกั เกย่ี วกบั การท�ำซำ�้ (Repetition Method) 3. หลักเกี่ยวกบั การฝึกเปน็ ช่วง (Interval Method) หลักเกย่ี วกับเวลาการฝึก (Duration Method) เปน็ การฝกึ ซอ้ มโดยใชเ้ วลาฝกึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง โดยไมม่ สี งิ่ รบกวน ซง่ึ แบง่ ออกเปน็ 3 วธิ ี คอื 1. วธิ ีการฝกึ แบบตอ่ เนื่อง (Continuous Method) เปน็ การวิง่ อยา่ งตอ่ เน่อื งโดยไม่มี การหยุดพัก เชน่ วิ่ง 30 นาที เปน็ การกำ� หนดเวลาเทา่ น้ันแตไ่ มไ่ ด้ก�ำหนดระยะทางและความเร็ว 2. วธิ กี ารฝกึ แบบสลบั ชว่ ง (Alternate Method) เปน็ วธิ กี ารฝกึ แบบเปลย่ี นความเขม้ ขน้ ของการฝึกสลับกันไป มกี ารวง่ิ เร็ว วิง่ ช้า เดินหรอื กจิ กรรมอ่นื ๆ ซ่งึ เปน็ การก�ำหนดการเคล่อื นไหว เอาไวว้ า่ แตล่ ะชว่ งตอ้ งทำ� อะไร อาจมกี ารพกั ชว่ งแตข่ ณะพกั ตอ้ งทำ� กจิ กรรมตา่ งๆ ดว้ ย เชน่ ยดื กลา้ มเนอื้ กระโดดตบ ก้มแตะสลบั ฯลฯ 3. วิธีการฝกึ แบบเปลยี่ นจงั หวะความเร็ว (Fartlek Method) เปน็ การฝกึ ทเ่ี ขม้ ขน้ กวา่ 2 แบบแรก เพราะเปน็ การวง่ิ ทม่ี กี ารเปลยี่ นจงั หวะความเรว็ ตลอดไมว่ า่ จะเหยาะชา้ ๆ วงิ่ เรว็ ปานกลาง หรอื เพ่มิ ความเร็วข้ึน โดยไม่มกี ารเดนิ และการพกั องค์ประกอบของจ�ำนวนการฝึกโดยการใช้หลักเกี่ยวกับเวลาการฝึกต้องเป็นไป ตามหลกั การ ดังนี้ 1. ความเข้มข้น (Intensity) ใช้ความเข้มข้นแบบต่�ำถึงปานกลาง 25-75% โดยก�ำหนด ระยะเวลาหรือระยะทาง เช่น การฝึกแบบตอ่ เนอื่ งวงิ่ 30 นาที ให้ได้ระยะทาง 10 กิโลเมตร หรือ ในการฝึกแบบสลับช่วงและแบบเปล่ียนจังหวะความเร็วก�ำหนดไว้เลยว่าในช่วงน้ันๆ ต้องท�ำอะไร และภายในกำ� หนดระยะเวลาเท่าใด 2. การพัก (Recovery) ไมม่ กี ารพกั ผ่อน 3. ปรมิ าณการฝกึ (Volume) ใชป้ รมิ าณการฝกึ สงู เชน่ วงิ่ หลายๆ กโิ ลเมตร ระยะทางไกล ซ่ึงจะสัมพนั ธ์กับการเพ่มิ เวลาการฝกึ ให้ยาวนานขน้ึ ด้วย 4. เวลาการฝกึ (Duration) ใช้ระยะเวลายาวนาน 5. ผลของการฝกึ (Training Effect) 5.1 ความทนทานพ้ืนฐาน (Basic Endurance) เป็นการพัฒนาความสามารถ ทางร่างกายในการใช้ออกซิเจนในการออกก�ำลังกาย (Aerobic Capacity) โดยใช้วิธีการฝึก แบบตอ่ เนอื่ ง คูม่ ือผู้ฝกึ สอนกีฬาฟุตซอล T-Certificate 55
5.2 ความทนทานเฉพาะ (Special Endurance) เป็นการพัฒนาความสามารถ ทางร่างกายในการออกก�ำลังกายแบบไมใ่ ช้ออกซิเจน (Anaerobic Endurance) โดยใชว้ ธิ ีการฝึก แบบเปล่ยี นจงั หวะความเรว็ เปน็ หลกั และอาจใชแ้ บบฝกึ สลับเป็นชว่ งได้ดว้ ย หลกั เก่ียวกบั การทำ� ซำ�้ (Repetition Method) เปน็ หลกั การฝกึ ซอ้ มโดยการทำ� ซำ�้ หลายๆ เทยี่ ว ซงึ่ มอี งคป์ ระกอบของจำ� นวนการฝกึ ดงั นี้ 1. ความเข้มขน้ (Intensity) ใช้ความเขม้ ขน้ สูงสดุ 90-100% เป็นการกระทำ� กิจกรรม อย่างเตม็ ที่ 2. การพกั (Recovery) เวลาในการพกั ขน้ึ อยกู่ บั ปรมิ าณงานหรอื ระยะทางทท่ี ำ� กจิ กรรม ถา้ ปรมิ าณงานมากหรอื ระยะทางมากกใ็ ช้เวลาในการพักมากตามไปดว้ ย 3. ปรมิ าณการฝกึ (Volume) ขน้ึ อยกู่ บั ปรมิ าณงานหรอื ความยาวของระยะทางในการฝกึ เช่น ระยะส้ันอาจฝึกได้หลายๆ เที่ยว แต่ถ้าระยะทางยาวจ�ำนวนเที่ยวต้องลดลง ตัวอย่าง เช่น ระยะทาง 20-30 เมตร ฝกึ 6 เท่ียว ระยะทาง 60-100 เมตร ฝึก 3 เทย่ี ว เปน็ ต้น 4. เวลาการฝึก (Duration) ใชร้ ะยะเวลาสน้ั ๆ 5. ผลของการฝกึ (Training Effect) 5.1 ความเร็วสงู สุด (Maximum Speed) 5.2 ความแขง็ แรงรวดเร็ว (Explosive Strength) 5.3 ความแข็งแรงสงู สุด (Maximum Strength) 5.4 ความทนทานเฉพาะ (Special Endurance) หลักเกี่ยวกับการฝึกเปน็ ช่วง (Interval Method) เปน็ หลักการฝกึ ซอ้ มโดยแบง่ การฝึกออกเปน็ ช่วง แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ 1. การฝกึ เปน็ ชว่ งแบบไมเ่ ข้มข้น (Explosive Interval) 2. การฝึกเปน็ ช่วงแบบเข้มข้น (Intensive Interval) การฝึกเป็นชว่ งแบบไมเ่ ขม้ ข้น (Extensive Interval) 1. ความเขม้ ขน้ (Intensity) การใชค้ วามเขม้ ขน้ ในการฝกึ ซอ้ มประเภทวง่ิ ใชแ้ บบปานกลาง ถงึ ค่อนขา้ งหนกั คอื 60-80% สว่ นในประเภทใช้ความแขง็ แรงใช้แบบปานกลาง 50-60% 2. การพัก (Recovery) เมื่อท�ำครบจ�ำนวนการฝึกแล้วพัก 45-90 วินาที โดยชีพจร จะลดลงถึง 120 คร้ังต่อนาที 3. ปริมาณการฝึก (Volume) ท�ำซ�้ำหลายๆ คร้ัง 20-30 คร้ัง ในแตล่ ะกิจกรรม ยกเว้น ในประเภทการว่ิง 56 คมู่ อื ผูฝ้ ึกสอนกฬี าฟตุ ซอล T-Certificate
4. เวลาการฝกึ (Duration) ใชเ้ วลาประมาณ 14-70 วนิ าที ในประเภทการวง่ิ ซงึ่ ขนึ้ อยกู่ บั ระยะทาง ส�ำหรับประเภทความแข็งแรงท�ำตามจ�ำนวนครั้งท่ีก�ำหนด 5. ผลการฝกึ (Training Effect) 5.1 ความแข็งแรงทนทาน (Strength Endurance) เป็นการพัฒนาความสามารถ ทางรา่ งกายด้านความแข็งแรงทนทานโดยตรง 5.2 สามารถน�ำไปใช้พัฒนาความสามารถทางร่างกายด้านความทนทานพ้ืนฐาน (Basic Endurance) และความทนทานเฉพาะ (Special Endurance) ได้ด้วย โดยการปรับ องคป์ ระกอบของจ�ำนวนการฝึกบางประการ การฝกึ เป็นช่วงแบบเขม้ ข้น (Intensive Interval) การฝกึ เป็นชว่ งแบบเขม้ ขน้ มอี งค์ประกอบของจ�ำนวนการฝึก ดังนี้ 1. ความเข้มข้น (Itensity) ใช้ความเข้มข้นปานกลาง 75% ในประเภทความแข็งแรง สว่ นในประเภทวิง่ ใชค้ วามเขม้ ขน้ คอ่ นขา้ งหนัก 80-90% 2. การพัก (Recovery) ใช้เวลาในการพัก 90-180 วินาที 3. ปรมิ าณการฝกึ (Volume) ขนึ้ อยกู่ บั กจิ กรรมทท่ี ำ� โดยประมาณ 10-12 เทย่ี ว สำ� หรบั ในประเภทความแข็งแรงประมาณ 8-12 เท่ยี ว 4. เวลาการฝึก (Duration) ใช้เวลา 12-60 วนิ าที ในประเภทการวิ่ง และ 8-15 วินาที ในประเภทความแข็งแรง 5. ผลของการฝกึ (Training Effect) 5.1 ความเรว็ ทนทาน (Speed Endurance)และความทนทานเฉพาะ (Special Endurance) เปน็ วธิ กี ารทใี่ ชพ้ ฒั นาความสามารถทางรา่ งกายในดา้ นความเรว็ ทนทาน และความทนทานเฉพาะโดยตรง 5.2 สามารถใชพ้ ฒั นาความสามารถทางรา่ งกายดา้ นความเรว็ สงู สดุ (Maximum Speed) และความแขง็ แรงรวดเรว็ (Explosive Strength) ความแขง็ แรงสูงสุด (Maximum Strength) และ ความแขง็ แรงทนทาน (Strength Endurance) ได้ แตต่ อ้ งมกี ารปรบั องคป์ ระกอบของจ�ำนวนการฝกึ บางประการให้สอดคลอ้ งกนั คู่มือผู้ฝึกสอนกฬี าฟตุ ซอล T-Certificate 57
ชสนมรดิ รขถอภงาวพธิ ทกี าางรกใสทนามากยงรากรรถาสยภราา้ พง วิธีฝึก วธิ ีการฝกึ แบบเป็นช่วง วธิ กี ารฝกึ แบบการใช้เวลาการฝกึ แบบท�ำซ้�ำ แบบ แบบ แบบ แบบ แบบ ไม่เข้มขน้ เขม้ ขน้ ต่อเนอ่ื ง สลบั ช่วง เปลย่ี นจงั หวะ ความเร็วสูงสุด O X O X O ความเรว็ ทนทาน O ความแข็งแรงรวดเร็ว O X ความแขง็ แรงสูงสดุ O X ความแข็งแรงทนทาน O X ความทนทานพื้นฐาน X ความทนทานเฉพาะ O X O หมายเหตุ O หมายถงึ วิธีการฝกึ ท่ีใช้สร้างสมรรถภาพทางกายในด้านนน้ั ไดโ้ ดยตรง X หมายถงึ วธิ ีการฝึกทีใ่ ช้สรา้ งสมรรถภาพทางกายในด้านน้นั ไดใ้ นทางอ้อม โดยตอ้ งมีการนำ�ไปประยุกต์กอ่ นใช้ แผนภมู ิแสดงชนดิ ของสมรรถภาพทางกาย และวธิ กี ารในการสรา้ งสมรรถภาพทางกาย การฝึกสมรรถภาพทางกาย และวธิ ีการฝึก 1. ความเรว็ (Speed) ใชว้ ิธกี ารทำ� ซำ�้ (Repetition Method) ความเข้มข้น : ความเขม้ ข้น 95-100% วธิ กี ารฝกึ : 3-5 วินาที ครอบคลุมระยะทาง 5-40 เมตร การพกั : พกั แบบสมบรู ณ์ ชพี จรลดลงจาก 180 ครงั้ ตอ่ นาที ลดลงมาเหลอื 80-90 ครั้งตอ่ นาที ปริมาณการฝกึ : 6-10 ครงั้ จำ� นวนการฝึก : 3-5 ชดุ 58 คู่มอื ผ้ฝู ึกสอนกีฬาฟุตซอล T-Certificate
2. ความแข็งแรงรวดเรว็ (Explosive Strength) ใชว้ ธิ กี ารทำ� ซ้�ำ (Repetition Method) ความเข้มข้น : คอ่ นขา้ งหนกั 75-90% การฝึก : พักแบบสมบรู ณ์ เวลาการพัก : 5-10 วินาที ปริมาณการฝกึ : 5-6 คร้งั จำ� นวนการฝกึ : 3-4 ชุด ตวั อยา่ งการฝึก 1. การโหม่งลูกบอล 10 ครั้ง จากต�ำแหน่งการนั่งราบกับพ้ืน ไปให้กับผู้ส่งลูกบอล ตรงดา้ นหน้าโดยใหม้ กี ารพัก 180 วินาที 2. การเตะลกู บอล 15 ลกู ทวี่ างอยแู่ นวเดยี วกบั จดุ โทษจดุ ทสี่ องใหเ้ ขา้ ประตู หลงั จากการเตะ แตล่ ะครงั้ ผู้เล่นจะต้องว่ิงกลบั มาด้านหลัง 3 เมตร กอ่ นทจ่ี ะทำ� การเตะครั้งตอ่ ไป 3. ความแข็งแรงทนทาน (Strength Endurance) ใช้วิธีการฝึกเปน็ ช่วงแบบไมเ่ ข้มข้น (Extensive Interval) ความเขม้ ข้น : ความเข้มขน้ ปานกลาง 60-70% การฝกึ : แบบไมส่ มบรู ณ์ 45-90 วนิ าที ชพี จรลดลงถงึ 120 ครงั้ ตอ่ นาที แล้วเริ่มทำ� ต่อ เวลาการพัก : 15-45 วนิ าที ปรมิ าณการฝกึ : 20-30 ครัง้ จำ� นวนการฝกึ : 3-5 ชดุ ตวั อยา่ งการฝึก 1. การฝึกแบบวงจร (Circuit Training) 2. การฝกึ กับเมดดิซินบอล 3. การฝึกกับคฝู่ กึ 4. การโหมง่ ลูกบอลแขวนสำ� หรับกระโดดโหมง่ 5. การเล่น 3 คน ใน 1 กลุ่ม : A และ C คอยส่งบอลให้ B โหม่งกลับคืนมาให้ ภายใน 60 วินาที คูม่ อื ผ้ฝู ึกสอนกีฬาฟตุ ซอล T-Certificate 59
4. ความทนทานพนื้ ฐาน (Basic Endurance) เป็นความทนทานแบบใชอ้ อกซเิ จนในการออกกำ� ลงั กาย (Aerobic Endurance) 4.1 การฝกึ แบบตอ่ เนือ่ ง (Continuous Method) ความเขม้ ขน้ : ตำ่� /ปานกลาง 40-60% เวลาการฝึก : 25 นาที และมากกว่า การพกั : ไม่มีการพกั จ�ำนวนการฝกึ : 1 ชุด 4.2 การฝึกเปน็ ช่วงแบบไมเ่ ข้มขน้ (Extensive Interval) ความเข้มขน้ : ปานกลาง ชพี จร 150 ครั้งตอ่ นาที เวลาการฝกึ : 30-40 วนิ าที การพัก : แบบไมส่ มบูรณ์ ชพี จรลดลงถึง 120 ครั้งตอ่ นาที ปริมาณการฝึก : 8-40 ครง้ั จำ� นวนการฝึก : 1 ชุด ตวั อย่างการฝกึ ว่ิง 200 เมตร ภายในเวลา 35 วินาที (ชีพจร 150-160 ครั้งต่อนาที) จากน้นั วิ่งเหยาะ 200 เมตร (ชพี จร 120 ครง้ั ตอ่ นาที) 5. ความทนทานเฉพาะ (Special Endurance) ความทนทานในการออกก�ำลังกายโดยไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic Endurance) ใชว้ ิธกี ารฝึกเปน็ ชว่ งแบบเข้มข้น (Intensive Interval) ความเขม้ ข้น : ค่อนขา้ งหนกั 80-90% ชพี จร 180-200 คร้ังตอ่ นาที เวลาการฝึก : 20-120 วนิ าที การพัก : แบบไม่สมบรู ณ์ ชพี จรลดลงถงึ 120 คร้งั ตอ่ นาที ปริมาณการฝึก : 4-12 ครงั้ จำ� นวนการฝึก : 1-2 ชดุ 6. ความเร็วทนทาน (Speed Endurance) ใชว้ ธิ กี ารฝกึ เปน็ ชว่ งแบบเขม้ ขน้ (Intensive Interval) เชน่ เดยี วกบั ความทนทานเฉพาะ 60 คมู่ ือผู้ฝกึ สอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate
7. ความแขง็ แรงสงู สุด (Maximum Strength) ใช้วธิ กี ารฝึกแบบการท�ำซ้ำ� (Repetition Method) ความเขม้ ขน้ : คอ่ นข้างหนักถงึ 80-100% การพัก : แบบสมบูรณ์ 3-5 นาที เวลาการฝึก : ไม่ก�ำหนดขึ้นอยู่กับน้�ำหนัก ถ้าน�้ำหนักเบาท�ำอย่างเร็ว ถ้าน้�ำหนกั มากท�ำช้าๆ ปริมาณการฝกึ : 1-3 คร้งั จำ� นวนการฝึก : 3-5 ชุด คมู่ ือผฝู้ ึกสอนกีฬาฟุตซอล T-Certificate 61
ก ารวางแผนการฝึกซอ้ ม การทผี่ เู้ ลน่ จะสามารถพฒั นาขดี ความสามารถใหไ้ ปสรู่ ะดบั สงู ไดน้ น้ั ตอ้ งมาจากการฝกึ ซอ้ ม ทเี่ ป็นระบบที่ผฝู้ กึ สอนได้เปน็ ผกู้ ำ� หนดและวางแผนการฝกึ ไว้ ฉะนนั้ ในการเตรียมแผนการฝึกซอ้ ม จงึ มปี จั จยั ทสี่ ำ� คญั คอื ความสามารถในงาน ซงึ่ มหี ลายปจั จยั และองคป์ ระกอบหลายอยา่ งทจ่ี ะเขา้ มา เกยี่ วข้องกับการเตรยี มแผนการฝกึ ในระดบั ต่างๆ ในการฝกึ ซ้อมทุกครัง้ จะมปี ัจจัยทเ่ี กี่ยวข้องอยู่ 5 ประการ คือ 1. ปจั จยั ทางดา้ นรา่ งกาย (Physical) มอี งคป์ ระกอบพนื้ ฐานทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั การเลน่ กฬี า ดังน้ี • ความแขง็ แรงของร่างกาย (Strength) • ความอดทน (Endurance) • ความเร็ว (Speed) • ความออ่ นตวั (Flexibility) • ความว่องไว (Agility) 2. ปจั จยั ทางดา้ นเทคนคิ (Technical) คอื ความสามารถทผี่ เู้ ลน่ จะปฏบิ ตั ไิ ดด้ ว้ ยตวั เอง กับลูกบอลและเคล่อื นไหวเคลอื่ นท่ไี ด้อย่างถกู ตอ้ งดว้ ยสมรรถภาพทางกายท่ีดี 3. ปจั จยั ทางดา้ นยทุ ธวธิ ี (Tactical) คือ การเรียนรู้และการใช้วิธใี นการเลน่ ได้อยา่ งมี ประสทิ ธิภาพ โดยใชเ้ ทคนคิ เปน็ เคร่ืองมอื 4. ปัจจัยทางด้านจิตใจ (Mental) คือ การฝึกท่ีท�ำให้ผู้เล่นเกิดความมุ่งมั่น มีสมาธิ กบั สง่ิ ทที่ ำ� มไี หวพรบิ และสตปิ ญั ญาแกไ้ ข พลกิ สถานการณต์ า่ งๆ ทเี่ ผชญิ อยไู่ ดอ้ ยา่ งมสี ตดิ ว้ ยยทุ ธวธิ ี การเล่นมเี ทคนคิ เป็นเครือ่ งมือและขับเคลือ่ นดว้ ยสมรรถภาพทางกายทีด่ ี 5. ปจั จยั ทางดา้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรม (Moral) คอื การสรา้ งวนิ ยั และความประพฤตทิ ด่ี ี ใหร้ จู้ ักเคารพในกฎเกณฑ์ เคารพตัวเอง ผอู้ ืน่ และเชือ่ ฟังผอู้ ่ืนในทุกโอกาส ปจั จยั ดงั กลา่ วเปน็ สง่ิ สำ� คญั ทผี่ ฝู้ กึ สอนจะกำ� หนดใหม้ ใี นแผนการฝกึ ทกุ ครง้ั เพราะทกุ ครง้ั ผู้เล่นได้เข้าร่วมในการฝึกก็จะได้รับและปฏิบัติเพ่ือซึมซับในสิ่งที่จะช่วยให้ผู้เล่นเกิดพัฒนาการ ในทกุ ดา้ น ในอนาคตสง่ิ ทไ่ี ดร้ บั จากการปลกู ฝงั กจ็ ะชว่ ยขดั เกลาใหเ้ ปน็ ผทู้ มี่ คี ณุ ภาพทง้ั ในและนอกสนาม 62 ค่มู อื ผฝู้ กึ สอนกีฬาฟตุ ซอล T-Certificate
องค์ประกอบของการวางแผนการฝึก 1. วัตถปุ ระสงค์ หรือจดุ มุ่งหมายของการฝึก เพ่ือแข่งขนั เพ่ือทักษะพื้นฐาน เพื่อมวลชน หรอื เพื่อสขุ ภาพ 2. ระดบั ของนักกีฬาที่จะเขา้ ร่วมรบั การฝึก อายุ เพศ ความสามารถ จำ� นวน 3. สถานที่ สภาพพืน้ ท่ี พื้นผวิ ขนาด ในรม่ หรอื กลางแจ้ง 4. อปุ กรณ์ เพอื่ การฝกึ ซ้อม เพือ่ การแข่งขนั และหรอื อุปกรณ์เสรมิ 5. เวลา นาที ชว่ั โมง วัน สปั ดาห์ เดอื น หรอื ปี องค์ประกอบเหล่าน้ีเป็นส่ิงท่ีผู้ฝึกสอนต้องค�ำนึงถึงเสมอเมื่อจะวางแผนการฝึก เพราะเปน็ สง่ิ ส�ำคัญในการใชก้ �ำหนดรปู แบบของการฝึก ความหนักเบาของงาน เพ่ือท่ีจะให้เกิดผล ตามทีต่ ้องการ ในการจัดการเกี่ยวกับแผนการฝึกในระดับนี้ จะไม่กล่าวถึงการวางแผนการฝึก เพื่อความเป็นเลิศหรือแข่งขัน แต่จะเก่ียวข้องกับฝึกเทคนิคและทักษะเพื่อการพัฒนาเป็นหลัก และใช้เพียงแค่พัฒนาเทคนิค ทักษะเท่าน้ัน สิ่งท่ีจะต้องปฏิบัติควบคู่กันไปในการฝึก เพื่อพัฒนา เทคนคิ ทกั ษะพน้ื ฐาน คอื การพฒั นาการทำ� งานการประสานกนั ระหวา่ งระบบประสาทกบั ระบบกลา้ มเนอื้ ความสมดุลของร่างกายในขณะท่ีเคลื่อนไหวเคล่ือนท่ีท้ังขณะที่ควบคุมลูกบอลและไม่ได้ควบคุม และไม่ลมื ทจี่ ะปรับปรงุ ในเร่ืองของการมองและความว่องไว การฝกึ ทกุ ครั้งสง่ิ ทผี่ ูฝ้ ึกสอนต้องท�ำ คือ การทำ� ให้ผู้เล่นเกิดความรคู้ วามเข้าใจจากสิง่ ทป่ี ฏบิ ตั ิ ในเหตแุ ละผล และจากสงิ่ ทเี่ หน็ การคาดคะเน การแกไ้ ขปญั หา การตดั สนิ ใจ ความสนกุ สนาน การทา้ ทาย ตลอดจนเกมเพอื่ สง่ เสรมิ การฝกึ โดยบางครงั้ ตอ้ งรจู้ กั เรยี นรจู้ ากการลองผดิ ลองถกู บา้ ง สิ่งท่ผี ้ฝู กึ สอนตอ้ งทำ� ทกุ ครง้ั ในการฝกึ 1. ต้องปฏบิ ตั ิให้บรรลุจดุ มงุ่ หมายเพอ่ื การรุก หรอื การป้องกัน 2. ตอ้ งปฏบิ ตั ซิ ำ�้ ๆ ใหม้ าก เชน่ การควบคมุ บอล การกำ� บงั ลกู บอลและอนื่ ๆ การฝกึ ปฏบิ ตั ิ ต้องฝึกกบั ลกู บอลตลอด และต้องมกี ารวางแผนให้เหมาะสม คมู่ อื ผู้ฝกึ สอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate 63
3. ต้องจัดแบ่งกลุ่มผู้เล่นตามเพศ อายุ ความสามารถ ประสบการณ์และใช้อุปกรณ์ ให้เหมาะสม 4. ตอ้ งฝกึ สอนอยา่ งเหมาะสม ถกู ตอ้ ง สาธติ ใหเ้ หน็ ภาพในการฝกึ การจงู ใจมอี ทิ ธพิ ลตอ่ ผเู้ ลน่ มกี ารถามตอบปัญหาเพ่อื ให้เกดิ ความร้คู วามเขา้ ใจ 5. สังเกตการปฏิบตั ขิ องผ้เู ล่นตามวัตถุประสงค์ 6. วิเคราะห์สิง่ ท่ีเกิดขน้ึ 7. ประเมินผลหลงั การฝึก โครงสร้างโปรแกรมการฝกึ ซอ้ มประจำ� วัน 1. การอบอุ่นรา่ งกาย (warm up) ใช้เวลา 15-20 นาที • อบอนุ่ ร่างกายทัว่ ไป • ยืดเหยยี ดกล้ามเน้อื (Stretching) • เตรียมร่างกายเฉพาะต�ำแหน่ง 2. ฝึกเทคนิค ทกั ษะ (Sport Skill) ใช้เวลา 40-45 นาที • ทบทวนทกั ษะเดิม • ทักษะใหม่ • ทกั ษะเฉพาะบคุ คล 3. สมรรถภาพทางกาย (Physical Fitness) ใชเ้ วลา 15-20 นาที • ท่ัวๆ ไป • เฉพาะสว่ น • เฉพาะบุคคล 4. การผอ่ นคลายหลังการฝกึ (Cool Down) ใช้เวลา 10-15 นาที • การกลบั สูส่ ภาพปกติ (จากเร็วสู่ชา้ ) • การยดื เหยียดกลา้ มเนื้อ (Stretching) 5. สรุปสดุ ท้ายหลงั การฝึก ควรมีการพูดคุยซักถามถึงปัญหาในการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความชัดเจน พูดถึงสิ่งท่ีได้ จากการฝึกและข้อบกพร่อง ผู้ฝึกสอนควรให้รางวัลในความตั้งใจด้วยการกล่าวชมและไม่ลืม ท่จี ะเสริมในเรือ่ งของจริยธรรมด้วย 64 คู่มอื ผฝู้ ึกสอนกีฬาฟตุ ซอล T-Certificate
การวางแผนการฝึกซ้อมในระดับนี้ต้องค�ำนึงถึงการพัฒนาเป็นองค์ประกอบที่ส�ำคัญ ดงั น้นั จึงตอ้ งมีการวางแผนระยะยาว และแผนการฝึกซอ้ มควรแบง่ เปน็ 2 ช่วง ดังน้ี ช่วงท่ี 1 ชว่ งการฝกึ ซ้อมทว่ั ๆ ไป (Genaral Training) เปน็ การฝึกเบือ้ งต้นเกี่ยวกบั เทคนคิ ทกั ษะการจดั การกบั ลกู บอล การปรบั ปรงุ พนื้ ฐานในสว่ นของเทคนคิ ทกั ษะและสมรรถภาพ ทางกาย การเคลอ่ื นไหวเคลอ่ื นทีท่ ี่เกยี่ วข้องกบั การเล่นส่วนบุคคล ช่วงที่ 2 ช่วงการฝึกเฉพาะเจาะจง (Specific Training) เป็นผลต่อเน่ืองจาก การฝึกเบ้ืองต้นเก่ียวกับเทคนิค ทักษะทั่วไป แล้วมาพัฒนาสู่ยุทธวิธีการเล่นเฉพาะบุคคลหรือยุทธวิธี การเล่นกีฬาฟุตซอล ซึ่งผู้เล่นต้องเรียนรู้และมีความเข้าใจในต�ำแหน่งและหน้าท่ีของผู้เล่นใน สนามทุกต�ำแหน่งและทุกสถานการณ์ เพราะกีฬาฟุตซอลเป็นเกมท่ีมีการเคล่ือนที่เปล่ียนแปลง ตำ� แหนง่ การเลน่ เกอื บตลอดเวลา หากผเู้ ลน่ รแู้ ละมคี วามเขา้ ใจจะสามารถทเี่ ลน่ ไดท้ กุ ตำ� แหนง่ ทกุ พนื้ ท่ี ของสนาม และทกุ สถานการณ์ เมอ่ื มกี ารปรบั ปรงุ และพฒั นาสงู ขน้ึ สคู่ วามสมบรู ณผ์ เู้ ลน่ กจ็ ะเปน็ ผเู้ ลน่ ท่ีมคี ุณภาพทม่ี นั่ คงต่อไป คู่มอื ผู้ฝึกสอนกฬี าฟตุ ซอล T-Certificate 65
ก ตกิ าฟตุ ซอลของสหพันธ์ ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) กติกาขอ้ 1 สนามแขง่ ขนั (The Pitch) พื้นผวิ สนามแขง่ ขนั (Pitch Surface) การแข่งขันต้องเล่นบนพ้ืนสนามราบเรียบและไม่มีรอยสึกกร่อน ใช้วัสดุจ�ำพวกไม้ หรือยางสังเคราะห์ เพ่ือให้สอดคล้องกับระเบียบของการแข่งขัน ควรหลีกเลี่ยงการใช้พื้นปูน หรือยางมะตอย ไม่อนุญาตให้ใช้สนามหญ้าเทียม (Artificial Turf) ในการแข่งขันระหว่างตัวแทน ทมี ของสมาชกิ สมาคม สมาชกิ ทผี่ กู พนั กับสหพนั ธฟ์ ตุ บอลนานาชาตหิ รอื การแขง่ ขันสโมสรนานาชาติ การทำ� เสน้ สนามแข่งขัน (Pitch Markings) สนามตอ้ งเปน็ รปู สเ่ี หลย่ี มมมุ ฉาก ประกอบดว้ ยเสน้ ตา่ งๆ เสน้ เหลา่ นน้ั เปน็ พน้ื ทข่ี องเขตนนั้ ๆ ต้องเขียนให้ชัดเจนและแตกต่างจากสีของสนามแข่งขัน เส้นด้านยาวสองเส้น เรียกว่า “เส้นข้าง” (Touch Lines) ด้านส้ันสองเส้น เรียกว่า “เสน้ ประต”ู (Goal Lines) เสน้ ทกุ เสน้ ตอ้ งมคี วามกวา้ ง 8 เซนตเิ มตร 66 คมู่ ือผู้ฝึกสอนกฬี าฟตุ ซอล T-Certificate
สนามแข่งขันแบ่งออกเป็นสองคร่ึงเท่าๆ กัน โดยเส้นแบ่งแดน (A Halfway Line) ที่ก่ึงกลางของเส้นแบ่งแดน มีจุดกึ่งกลางสนาม (Center Mark) และมีวงกลมรัศมี 3 เมตร ล้อมรอบจุดน้ีไว้ ทำ� เสน้ ตงั้ ฉากกบั ระยะประตไู วด้ า้ นนอกสนามโดยวดั หา่ งจากสว่ นโคง้ มมุ สนามเปน็ ระยะหา่ ง 5 เมตร เพอื่ ใหแ้ นใ่ จวา่ ในขณะมกี ารเตะจากมมุ ผเู้ ลน่ ฝา่ ยรบั ไดป้ ฏบิ ตั ใิ หถ้ กู ตอ้ งตามระยะน้ี ความกวา้ ง ของเครื่องหมาย 8 เซนติเมตร ทำ� จุด 2 จุด มีระยะหา่ งจากจุดโทษท่ีสองไปทางด้านซ้ายและด้านขวา ดา้ นละ 5 เมตร เพอ่ื เป็นที่แนใ่ จวา่ มีการถอยหา่ งในระยะทีถ่ กู ต้อง เมอื่ มกี ารเตะโทษจากจุดโทษทสี่ อง ความกวา้ ง ของจุดน้ี 8 เซนติเมตร 8cm 3m 8cm ขนาดสนาม (Dimensions) สนามแข่งขันต้องเป็นรูปส่ีเหล่ียมผืนผ้า ความยาวของเส้นข้างต้องยาวกว่าความยาว ของเส้นประตู เส้นทุกเสน้ ตอ้ งมีความกว้าง 8 เซนตเิ มตร การแขง่ ขนั ทัว่ ไป ความยาว (เส้นข้าง) ตำ่� สดุ 25 เมตร สงู สุด 42 เมตร ความยาว (เสน้ ประต)ู ต�่ำสุด 16 เมตร สงู สดุ 25 เมตร การแขง่ ขันระหวา่ งชาติ (International Matches) ความยาว (เส้นข้าง) ตำ่� สดุ 38 เมตร สงู สุด 42 เมตร ความยาว (เส้นประตู) ต�ำ่ สดุ 20 เมตร สูงสุด 25 เมตร r=0.25m 5m 5m 5m 10m 5m 3m 6m 5m 5m คู่มอื ผู้ฝกึ สอนกีฬาฟตุ ซอล T-Certificate 67
เขตโทษ (Penalty Area) วดั จากดา้ นนอกของเสาประตแู ตล่ ะขา้ งมคี วามยาวขา้ งละ 6 เมตร บนเสน้ ประตเู ขยี นสว่ นโคง้ รศั มี 6 เมตรจากเสาประตดู า้ นนอกเขา้ ไปในพนื้ ทขี่ องสนามจนปลายสว่ นโคง้ ครบ 1/4 ของวงกลม และจะมาบรรจบกันโดยลากเส้นตรง 3.16 เมตร ขนานกับเส้นประตูเช่ือมต่อจากปลายของส่วนโค้ง พื้นท่ีภายในเขตและเส้นประตูนี้เรียกว่า “เขตโทษ” พื้นท่ีภายในเขตโทษแต่ละด้าน ท�ำจุดโทษ ระยะ 6 เมตรจากจดุ ก่งึ กลางประตทู ีม่ ีระยะหา่ งเทา่ กนั จากเสาประตูท้ังสองข้าง 3.16 เมตร 6 เมตร 3 เมตร 15.16 เมตร จดุ โทษ (Penalty Mark) จากจดุ กง่ึ กลางประตแู ตล่ ะขา้ ง วดั เปน็ แนวตงั้ ฉากเขา้ ไปในสนามแขง่ ขนั เปน็ ระยะทาง 6 เมตร และให้ท�ำจดุ แสดงไว้ จุดนี้ เรียกวา่ จุดโทษ 6m จุดโทษท่สี อง (Second Penalty Mark) จากจุดก่ึงกลางประตูแต่ละข้าง วัดเป็นแนวต้ังฉากเข้าไปในสนามแข่งขันเป็นระยะทาง 10 เมตร และใหท้ ำ� จดุ แสดงไว้ จุดนี้ เรียกวา่ จดุ โทษที่สอง 10 เมตร 68 คู่มือผฝู้ ึกสอนกีฬาฟุตซอล T-Certificate
เขตมมุ (Corner Area) จากมุมสนามแต่ละด้าน เขียนเส้นส่วนโค้งเศษ 1 ส่วน 4 ของวงกลมไว้ในสนามแข่งขัน ท้งั 4 มุม โดยมรี ัศมี 25 เซนตเิ มตร 25cm ประตู (Goal) ประตูต้องตั้งไว้ตรงกลางของเส้นประตูแต่ละด้าน ประตูประกอบด้วยเสาสองข้าง ที่มีระยะห่างจากมุมแต่ละด้านเท่าๆ กันและเช่ือมต่อยอดบนด้วยคานเป็นแนวขนานกับพ้ืน เสาประตูและคานประตูต้องท�ำจากไม้ โลหะหรือวัสดุอื่นที่เหมาะสม ต้องเป็นรูปทรงส่ีเหล่ียม จัตุรัส ส่ีเหลี่ยมผืนผ้า ทรงกลม ทรงรีและต้องไม่เป็นอันตรายต่อผู้เล่น วัดจากด้านในระยะ ระหว่างเสาประตูยาว 3 เมตรและระยะใตค้ านถึงพน้ื สนาม 2 เมตร เสาทงั้ สองขา้ งและคานประตู มีความกว้าง 8 เซนติเมตรเท่ากัน ตาข่ายต้องท�ำด้วยปอ ป่าน ไนลอนหรือวัสดุอ่ืนท่ีเหมาะสม ติดไว้ด้านหลังเสาประตูและคานประตู ยึดด้วยอุปกรณ์ท่ีเหมาะสมและต้องไม่เป็นอันตราย และกดี ขวางผู้รักษาประตู 0.08m 3m 2.08m 2m 0.08m 3.16m 0.08m เสาประตูและคานประตูต้องมีสีแตกต่างจากสนามแข่งขัน มีระบบยึดติดกับพ้ืนสนาม เพ่ือป้องกันการล้ม สามารถเลือกใช้ประตูที่เหมาะสม แต่อยู่บนเง่ือนไขของความปลอดภัย และกตกิ าทีก่ �ำหนด ค่มู อื ผ้ฝู ึกสอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate 69
เขตเปลี่ยนตัว (Substitution Zones) เขตเปลยี่ นตวั อยบู่ รเิ วณเสน้ ขา้ งของสนามแขง่ ขนั ตรงดา้ นหนา้ บรเิ วณทนี่ งั่ ของทมี (กำ� หนดไว้ ในกตกิ าขอ้ 3) 1. ต�ำแหน่งของเขตเปลี่ยนตัวอยู่ตรงด้านหน้าพ้ืนท่ีเขตเทคนิค มีความยาว 5 เมตร เขตเปลี่ยนตัวท�ำเครื่องหมายแต่ละด้านยาว 80 เซนติเมตร โดยวัดจากขอบเส้นด้านนอกเข้าไป ในสนาม 40 เซนตเิ มตรและวัดออกดา้ นนอกสนาม 40 เซนติเมตร ความกวา้ งของเสน้ 8 เซนติเมตร 5m 40cm 5m 40cm 80 cm 2. ตำ� แหน่งของเขตเปลยี่ นตัวของแต่ละทมี อยใู่ นพนื้ ฝ่ายรับของทีมตนเองและเปลีย่ นใน ครงึ่ เวลาหลงั ของการแขง่ ขนั และชว่ งตอ่ เวลาพเิ ศษ (ถา้ ม)ี 5m 5m 80 cm 70 คูม่ อื ผฝู้ กึ สอนกฬี าฟตุ ซอล T-Certificate
3. ระหว่างเขตเปลย่ี นตวั ทง้ั สองขา้ งตรงเส้นแบง่ แดนและเสน้ ข้างจะมชี ่องวา่ งระยะ 5 เมตร ตรงด้านหนา้ โตะ๊ ผู้รกั ษาเวลา 5m 5m 5m 5m ขอ้ ตกลง (Decision) เขตเทคนคิ ตอ้ งเปน็ ไปตามความตอ้ งการของประกาศ เกย่ี วกบั เขตเทคนคิ (Techical area) 1m Bench 1m Technical area 0.75 m 5m 5m คู่มือผู้ฝกึ สอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate 71
กตกิ าขอ้ 2 ลูกบอล (The Ball) คณุ ลกั ษณะและหน่วยการวัด (Qualities and Measurements) ลูกบอลตอ้ ง 1. เป็นทรงกลม 2. ทำ� จากหนังหรือวัสดอุ น่ื ทเ่ี หมาะสม 3. เส้นรอบวงไมน่ ้อยกวา่ 62 เซนติเมตร และไมเ่ กนิ กวา่ 64 เซนตเิ มตร 4. ในขณะเร่มิ การแขง่ ขัน น�ำ้ หนกั ไมน่ อ้ ยกว่า 400 กรัมและไม่เกินกวา่ 440 กรมั 5. ความดนั ลมเมอ่ื วัดที่ระดบั น�ำ้ ทะเล 0.6 – 0.9 (600 – 900 กรัม/ตารางเซนติเมตร) 6. ลกู บอลตอ้ งกระดอนจากพน้ื สนามไมต่ ำ�่ กวา่ 50 เซนตเิ มตรและไมเ่ กนิ กวา่ 65 เซนตเิ มตร ในการกระดอนครงั้ แรก โดยปลอ่ ยจากความสงู 2 เมตร การเปลีย่ นลูกบอลที่ช�ำรุด (Replacement of a Defective Ball) ถา้ ลกู บอลแตกหรอื ช�ำรุดระหวา่ งการแข่งขัน ต้องหยดุ การแขง่ ขัน 1. การแขง่ ขนั เรมิ่ เลน่ ใหมโ่ ดยทำ� การปลอ่ ยลกู บอลทเี่ ปลย่ี นใหม่ ยกเวน้ การเลน่ ไดห้ ยดุ ลง ขณะลกู บอลอยภู่ ายในเขตโทษ กรณนี ผ้ี ตู้ ดั สนิ จะปลอ่ ยลกู บอลบนเสน้ เขตโทษกบั จดุ ทลี่ กู บอลชำ� รดุ ในขณะทีก่ ารเล่นได้หยุดลง 2. การแขง่ ขนั เรม่ิ เลน่ ใหมโ่ ดยการเตะโทษ ถา้ ลกู บอลแตกหรอื ชำ� รดุ ในขณะทมี่ กี ารเตะโทษ โดยไม่มีการตงั้ กำ� แพง เตะจากจดุ โทษท่สี อง หรอื เตะจากจดุ โทษ ถ้าลูกบอลแตกหรือช�ำรุดในขณะที่ลูกบอลไม่ได้อยู่ในการเล่น (เม่ือเตะเร่ิมเล่น การเล่น ลกู บอลจากผรู้ กั ษาประตู เตะจากมมุ การปลอ่ ยลกู บอล การเตะโทษ ณ จดุ เตะโทษหรอื ลกู บอล ออกนอกสนามเข้ามาในสนามแข่งขัน) การแขง่ ขันจะเริม่ ตามทีร่ ะบุไว้ในกตกิ าการแขง่ ขันกฬี าฟุตซอล ในขณะแขง่ ขนั จะเปล่ยี นลกู บอลไม่ได้ นอกจากไดร้ ับอนุญาตจากผตู้ ดั สนิ 72 ค่มู ือผฝู้ กึ สอนกีฬาฟุตซอล T-Certificate
สญั ลกั ษณข์ องลกู บอลท่ีรบั รอง (Logo on Balls) นอกจากกตกิ าขอ้ 2 ลกู บอลทไ่ี ดร้ บั การยอมรบั ใหใ้ ชส้ ำ� หรบั การแขง่ ขนั อยา่ งเปน็ ทางการ ภายใตก้ ารดแู ลและความรบั ผดิ ชอบของสหพนั ธฟ์ ตุ บอลนานาชาติ มเี งอ่ื นไขอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. มสี ัญลักษณ์ “FIFA APPOVED” 2. มีสญั ลกั ษณ์ “FIFA INSPECTED” 3. มสี ัญลักษณ์ “INTERNATIONAL MATCHBALL STANDARD” สญั ลกั ษณท์ ร่ี ะบไุ วบ้ นลกู บอลเปน็ สงิ่ แสดงวา่ ไดผ้ า่ นการทดสอบความเหมาะสม และไดท้ ำ� ตาม ความต้องการทางเทคนิคท่ีระบุไว้ ตามความแตกต่างแต่ละประการแล้วและเป็นไปตามรายละเอยี ด ในขนั้ ตำ่� สดุ ตามทร่ี ะบไุ วใ้ นกตกิ าขอ้ 2 รายการตา่ งๆ ทร่ี ะบเุ พมิ่ เตมิ ในแตล่ ะสญั ลกั ษณต์ อ้ งไดร้ บั การ รับรองจากสหพันธ์ฟตุ บอลนานาชาตกิ อ่ น สถาบันท่ีควบคุมการทดสอบเป็นไปตามความเห็นชอบ ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ ในการแข่งขันของสมาคมฟุตบอลแห่งชาติต่างๆ อาจเลือกใช้ลูกบอลที่มีสัญลักษณ์ อยา่ งใดอย่างหนง่ึ ดงั น้ี การโฆษณา (Advertising) ในการแข่งขันต่างๆ ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติและการแข่งขันภายใต้การดูแล รับผิดชอบของสหพันธ์ฟุตบอลต่างๆและสมาคมฟุตบอลแห่งชาติ ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณา สนิ คา้ ใดๆ บนลกู บอล ยกเวน้ ตราสญั ลกั ษณข์ องการแขง่ ขนั เครอ่ื งหมายการคา้ ของคณะกรรมการ และผู้มีอ�ำนาจในการจัดการแข่งขัน ระเบียบการแข่งขันอาจจะจ�ำกัดขนาดและจำ� นวนของแต่ละ เครือ่ งหมายกไ็ ด้ คู่มอื ผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตซอล T-Certificate 73
กตกิ าขอ้ 3 จ�ำนวนผ้เู ลน่ (The Number of Players) ผ้เู ลน่ (Players) การแขง่ ขนั ประกอบดว้ ยผเู้ ลน่ 2 ทมี แตล่ ะทมี จะมผี เู้ ลน่ จำ� นวนไมเ่ กนิ 5 คน ตอ้ งมี 1 คน เป็นผู้รักษาประตู ไม่อนุญาตให้ท�ำการแข่งขัน ถ้าผู้เล่นทีมใดมีจ�ำนวนน้อยกว่า 3 คน หรือ ถา้ ทมี ใดทมี หน่งึ มจี ำ� นวนผูเ้ ลน่ นอ้ ยกวา่ 3 คนการแขง่ ขันจะถกู ยกเลกิ การแข่งขันอยา่ งเป็นทางการ (Official Competition) ในการแข่งขันที่เป็นทางการภายใต้การดูแลรับผิดชอบของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ สมาพันธ์หรือสมาคมแห่งชาติ จะมีผู้เล่นส�ำรองจ�ำนวนไม่เกิน 9 คน ในระหว่างการแข่งขัน สามารถเปลีย่ นตวั ผูเ้ ลน่ ไดไ้ ม่จ�ำกดั จ�ำนวน การแข่งขนั อืน่ ๆ (Other Matches) ในการแข่งขันระดับนานาชาติ อาจจะมีจ�ำนวนผู้เล่นส�ำรองมากท่ีสุดจ�ำนวน 10 คน ในการแขง่ ขันรายการอื่นทกุ รายการ จ�ำนวนผเู้ ล่นสำ� รองอาจมีจำ� นวนมากกวา่ นีภ้ ายใต้เง่ือนไข 1. ทีมท่เี ขา้ แขง่ ขันตกลงเหน็ ชอบในจำ� นวนผเู้ ลน่ สำ� รองมากท่ีสดุ 2. ผตู้ ดั สินตอ้ งได้รับแจง้ กอ่ นการแข่งขัน ถา้ ผตู้ ดั สนิ ไมไ่ ดร้ บั แจง้ หรอื ไมไ่ ดร้ บั ความเหน็ ชอบตามขอ้ ตกลงกอ่ นการแขง่ ขนั จะอนญุ าต ใหม้ จี ำ� นวนผ้เู ล่นสำ� รองได้ไมเ่ กนิ 10 คน 74 คู่มอื ผู้ฝึกสอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate
การแข่งขนั ทุกรายการ (All Matches) ในการแข่งขันทุกรายการ บัญชีรายช่ือผู้เล่นส�ำรองต้องส่งให้ผู้ตัดสินก่อนที่การแข่งขัน จะเริ่มขนึ้ ผู้เล่นส�ำรองท่ีไมม่ ีช่ือในบัญชรี ายช่ือส่งใหผ้ ้ตู ัดสนิ จะไมส่ ามารถเข้ารว่ มการแข่งขนั คร้งั น้ันได้ ข้ันตอนการเปลีย่ นตวั (Substitution Procedure) ผเู้ ลน่ สำ� รองสามารถเปลย่ี นตวั ไดต้ ลอดเวลา ในขณะทล่ี กู บอลอยใู่ นการเลน่ และอยนู่ อกการเลน่ การเปลี่ยนตัวผู้เล่นส�ำรองเขา้ เลน่ แทน อยู่ภายใตเ้ งื่อนไขดงั ตอ่ ไปนี้ 1. ผู้เล่นท่ีออกนอกสนามต้องออกท่ีบริเวณเขตเปลี่ยนตัวของทีมตนเอง ภายใต้เงื่อนไข ของกติกาการแขง่ ขันกฬี าฟุตซอล 2. หลังจากผู้เล่นในสนามแข่งขนั ออกมา ผเู้ ลน่ ส�ำรองจะเขา้ ไปแทนที่ 3. ผ้เู ลน่ ส�ำรองจะเข้าสนามได้ท่บี ริเวณเขตเปลี่ยนตัว 4. การเปลย่ี นตวั จะสมบรู ณเ์ มอ่ื ผเู้ ลน่ สำ� รองไดเ้ ขา้ ไปในสนามแขง่ ขนั บรเิ วณเขตเปลยี่ นตวั 5. ช่วงเวลานั้นผู้เล่นส�ำรองท่ีเปลี่ยนตัวจะกลายเป็นผู้เล่นทันที และผู้เล่นท่ีเปลี่ยนตัวออก จะส้นิ สุดการเปน็ ผเู้ ลน่ 6. ผเู้ ล่นสำ� รองสามารถกลับไปเล่นไดอ้ ีก 7. การเปล่ียนตัวทุกครั้งอยู่ในอ�ำนาจและการตัดสินใจของผู้ตัดสินว่าจะอนุญาต ให้เข้าเล่นหรือไม่ 8. ถา้ มกี ารเพมิ่ เวลา สำ� หรบั การเตะโทษ การเตะจากจดุ โทษทส่ี องหรอื เตะโทษโดยไมม่ กี าร ตัง้ กำ� แพงทมี ฝา่ ยปอ้ งกันสามารถเปล่ยี นตัวผรู้ ักษาประตไู ด้ คมู่ ือผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตซอล T-Certificate 75
การเปลีย่ นหน้าท่กี ับผ้รู ักษาประตู (Changing the Goalkeeper) 1. ผู้เล่นส�ำรอง อาจจะเปลี่ยนหน้าที่กับผู้รักษาประตูโดยไม่แจ้งให้ผู้ตัดสินทราบ หรอื รอให้การแข่งขันได้หยดุ ลง 2. ผู้เลน่ คนอ่ืนๆ อาจจะเปล่ยี นหน้าทกี่ ับผู้รักษาประตู 3. ผเู้ ลน่ เปลย่ี นหนา้ ทก่ี บั ผรู้ กั ษาประตู ตอ้ งทำ� การเปลย่ี นหนา้ ทก่ี นั ในขณะทก่ี ารเลน่ ไดห้ ยดุ ลง และตอ้ งแจง้ ใหผ้ ู้ตัดสนิ ทราบก่อนท�ำการเปลีย่ นหนา้ ทกี่ ัน 4. ผเู้ ลน่ สำ� รองทเ่ี ปลยี่ นตวั ลงมาทำ� หนา้ ทผี่ รู้ กั ษาประตแู ละผเู้ ลน่ ตอ้ งสวมเสอ้ื ผรู้ กั ษาประตู ท่ีมีหมายเลขของตนเองอยู่ดา้ นหลงั การกระทำ� ผดิ และบทลงโทษ (Infringement and Sanction) ถ้าผู้เล่นส�ำรองเข้าไปในสนามก่อนผู้เล่นที่จะถูกเปล่ียนตัวออกหรือในขณะท่ีท�ำการเปลี่ยนตัว ผูเ้ ล่น เขา้ ไปในสนามนอกเขตเปลย่ี นตัว 1. ผตู้ ดั สนิ สง่ั หยดุ การเลน่ (ไมห่ ยดุ ทนั ทถี า้ สามารถประยกุ ตก์ ารใหเ้ ปน็ ลกู ไดเ้ ปรยี บการเลน่ ) 2. ผตู้ ดั สนิ คาดโทษผเู้ ลน่ ทก่ี ระทำ� ผดิ ขน้ั ตอนการเปลย่ี นตวั และสง่ั ใหอ้ อกจากสนามแขง่ ขนั ถ้าการเล่นได้หยุดลงโดยผู้ตัดสิน การเล่นจะเริ่มเล่นใหม่โดยให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้ เตะโทษโดยออ้ ม ณ จดุ ทล่ี กู บอลอยใู่ นขณะทก่ี ารเลน่ ไดห้ ยดุ ลง (กตกิ าขอ้ 13 ตำ� แหนง่ ของการเตะโทษ) ถ้าผู้เล่นส�ำรองหรือทีมของเขากระท�ำผิดหรือละเมิดกติกา การเริ่มเล่นใหม่ให้ปฏิบัติตามข้อตกลง ท่ีไดอ้ ธิบายไว้ในกติกาการแขง่ ขนั ฟุตซอลและคำ� แนะนำ� ส�ำหรับผู้ตดั สนิ (กติกาขอ้ 3) ในขณะที่ท�ำการเปล่ียนตัว ผู้เล่นได้ออกจากสนามแข่งขันโดยไม่เป็นไปตามเง่ือนไขของ กตกิ าการแขง่ ขนั และนอกเขตเปล่ยี นตวั 1. ผตู้ ดั สนิ สงั่ หยดุ การเลน่ (ไมห่ ยดุ ทนั ทถี า้ สามารถประยกุ ตก์ ารใหเ้ ปน็ ลกู ไดเ้ ปรยี บการเลน่ ) 2. ผตู้ ดั สินคาดโทษผเู้ ล่นที่กระทำ� ผิดขั้นตอนการเปลี่ยนตัว ถ้าการเล่นได้หยุดลงโดยผู้ตัดสิน การเล่นจะเร่ิมเล่นใหม่โดยให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ไดเ้ ตะโทษโดยออ้ ม ณ จดุ ทลี่ กู บอลอยใู่ นขณะทกี่ ารเลน่ ไดห้ ยดุ ลง (กตกิ าขอ้ 13 ตำ� แหนง่ ของการเตะโทษ) ในการกระทำ� ผดิ อืน่ ๆ ของกติกา 1. ผู้เลน่ ต้องถูกคาดโทษ 2. การเล่นจะเริ่มเล่นใหม่โดยให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้เตะโทษโดยอ้อม ณ จุดที่ลูกบอล อยู่ในขณะท่ีการเล่นได้หยุดลง (กติกาข้อ 13 ต�ำแหน่งของการเตะโทษ) ในสถานการณ์พิเศษ การเริ่มเล่นใหม่ท้ังนี้ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงท่ีได้อธิบายไว้ในกติกาการแข่งขันกีฬาฟุตซอล และคำ� แนะน�ำสำ� หรับผู้ตดั สนิ (กตกิ าข้อ 3) 76 คมู่ ือผ้ฝู กึ สอนกฬี าฟตุ ซอล T-Certificate
การไลผ่ เู้ ลน่ และผเู้ ลน่ สำ� รองออกจากการแขง่ ขนั (Players and Substitutes Sent off) ผเู้ ล่นคนใดถูกไล่ออกก่อนการเตะเริม่ การแขง่ ขัน (Kick off) สามารถเปลย่ี นผู้เลน่ สำ� รอง ทีม่ ีช่อื อยู่ในบญั ชีรายชอ่ื เข้าเลน่ แทนได้ ผเู้ ลน่ สำ� รองทมี่ ชี อื่ อยใู่ นบญั ชรี ายชอื่ ถกู ไลอ่ อกทงั้ กอ่ นการเตะ เรม่ิ การแขง่ ขนั หรอื ภายหลงั ท่ีการแข่งขันไดเ้ ร่ิมข้นึ จะเปล่ยี นตวั แทนกนั ไม่ได้ ผเู้ ลน่ สำ� รองสามารถเปลยี่ นตวั ลงไปแทนในสนามแขง่ ขนั ได้ เมอื่ ครบเวลา 2 นาที ภายหลงั การไล่ออก ยกเว้นเมื่อทีมเสียประตูก่อนครบเวลา 2 นาทีและบนเง่ือนไขว่าได้รับอนุญาตจาก ผรู้ ักษาเวลาแลว้ ใหด้ ำ� เนนิ การดังนี้ 1. ถา้ มจี ำ� นวนผเู้ ลน่ 5 : 4 คน และทมี ทม่ี จี ำ� นวนผเู้ ลน่ มากกวา่ ทำ� ประตไู ด้ ทมี ทมี่ จี ำ� นวน ผ้เู ลน่ 4 คน สามารถเพิม่ จ�ำนวนผ้เู ลน่ ใหค้ รบ 5 คนได้ 2. ถ้าท้ังสองทีมเล่นโดยมีจ�ำนวนผู้เล่น 4 : 4 คน หรือ 3 : 3 คนและมีการท�ำประตู ไดท้ ้ังสองทีมยงั คงจำ� นวนผู้เลน่ อยูเ่ ท่าเดิม 3. ถ้ามีจ�ำนวนผู้เล่น 5 : 3 คน หรือ 4 : 3 คนและทีมที่มีจ�ำนวนผู้เล่นมากกว่า ทำ� ประตูได้ ทีมทม่ี ีจำ� นวนผู้เลน่ นอ้ ยกว่าสามารถเพ่มิ จ�ำนวนผูเ้ ล่นได้จำ� นวน 1 คน 4. ถ้าทีมท่ีมีจ�ำนวนผู้เล่นน้อยกว่าท�ำประตูได้ การเล่นจะด�ำเนินต่อไปโดยไม่มี การเปลยี่ นแปลงจำ� นวนผ้เู ลน่ คมู่ อื ผ้ฝู กึ สอนกฬี าฟตุ ซอล T-Certificate 77
กติกาข้อ 4 อุปกรณข์ องผูเ้ ล่น (Player’s Equipment) ความปลอดภัย (Safety) ผเู้ ลน่ ตอ้ งไมใ่ ชอ้ ปุ กรณก์ ารเลน่ หรอื สวมใสส่ ง่ิ ตา่ งๆ ทจี่ ะทำ� ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื (รวมทง้ั เครอ่ื งประดับต่างๆ ทุกชนดิ ) อปุ กรณ์เบอื้ งตน้ (Basic Equipment) อปุ กรณ์ของผเู้ ล่นทเี่ ปน็ ข้อบงั คบั เบือ้ งตน้ แยกตามข้อตอ่ ไปนี้ 1. เส้ือยืดหรือเส้ือเชิ้ต ถ้าใส่เส้ือไว้ข้างใน สีของแขนเสื้อจะต้องเป็นสีเดียวกันกับสี ท่เี ปน็ สหี ลกั ของแขนเสอื้ ชั้นนอก 2. กางเกง ถ้าใส่กางเกงไว้ภายใน สีของกางเกงจะต้องเป็นสีเดียวกันกับสีที่เป็นหลัก ของกางเกงชน้ั นอก ผูร้ กั ษาประตูอนุญาตให้ใส่กางเกงขายาวได้ 3. ถุงเท้า 4. สนบั แข้ง 5. รองเทา้ รองเทา้ ผา้ ใบหรอื รองเทา้ หนงั นมิ่ หรอื รองเทา้ ออกกำ� ลงั กาย ทพ่ี น้ื ทำ� ดว้ ยยาง หรือวสั ดคุ ล้ายคลงึ กนั สนบั แขง้ (Shin Guards) 1. ตอ้ งอยภู่ ายในถงุ เทา้ ยาว 2. ท�ำจากยาง พลาสติกหรือวัสดุอุปกรณ์คล้ายคลึงและ เหมาะสม 3. มีความเหมาะสมทจ่ี ะใช้ในการป้องกนั ไดอ้ ยา่ งดี สีเส้อื (Colures) 1. ทงั้ สองทมี ตอ้ งสวมชดุ ใหม้ สี แี ตกตา่ งกนั และแตกตา่ งจากผตู้ ดั สนิ และผชู้ ว่ ยผตู้ ดั สนิ ดว้ ย 2. ผรู้ กั ษาประตแู ตล่ ะทมี ตอ้ งสวมชดุ ทม่ี สี แี ตกตา่ งจากผตู้ ดั สนิ ผชู้ ว่ ยผตู้ ดั สนิ และผเู้ ลน่ คนอน่ื ๆ 78 คมู่ อื ผฝู้ ึกสอนกีฬาฟตุ ซอล T-Certificate
การกระทำ� ผิดและการลงโทษ การกระทำ� ผดิ ใดของกติกาขอ้ ต่อไปน้ี 1. ไมจ่ �ำเปน็ ตอ้ งหยุดการเล่น 2. ผเู้ ลน่ ทกี่ ระทำ� ผดิ จะถกู ผตู้ ดั สนิ แนะนำ� ใหอ้ อกจากสนามแขง่ ขนั ไปเพอื่ ทำ� การแกไ้ ขอปุ กรณ์ ของตนเองใหถ้ กู ตอ้ ง และกลบั เขา้ มาในสนามแขง่ ขนั เมอื่ ลกู บอลอยนู่ อกการเลน่ และแกไ้ ขอุปกรณ์ ให้ถูกต้องเรียบร้อยแล้ว 3. ผเู้ ลน่ คนใดถกู ใหอ้ อกจากสนามไปเพอื่ แกไ้ ขอปุ กรณใ์ หถ้ กู ตอ้ ง จะกลบั เขา้ มาเลน่ ใหมไ่ ด้ ตอ้ งได้รบั อนญุ าตจากผตู้ ัดสนิ หรอื ผู้ตดั สนิ ท่ี 3 4. ผตู้ ดั สนิ หรอื ผตู้ ดั สนิ ที่ 3 ทำ� การตรวจดวู า่ อปุ กรณข์ องผเู้ ลน่ นนั้ แกไ้ ขถกู ตอ้ ง กอ่ นทจ่ี ะอนญุ าต ใหเ้ ขากลบั เข้ามาในสนามแขง่ ขนั ใหม่ 5. จะอนุญาตให้ผู้เล่นท่ีไม่ใช่ผู้เล่นส�ำรองกลับเข้าไปในสนามแข่งขันได้ ต่อเม่ือลูกบอล อยนู่ อกการเลน่ เท่านัน้ หรือได้รบั อนุญาตจากผูต้ ัดสนิ ที่ 3 เม่ือลกู บอลอยใู่ นการเลน่ ผ้เู ลน่ ที่ถกู ใหอ้ อกจากสนามแข่งขันเน่อื งจากการกระท�ำผิดกตกิ าขอ้ น้ีและไดม้ าสมทบ หรือกลับเข้ามาสมทบในสนามแข่งขัน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสินและผู้ตัดสินที่ 3 ก่อน จะตอ้ งคาดโทษ การโฆษณาอุปกรณ์ (Advertising on Equipment) ผเู้ ลน่ ตอ้ งไมเ่ ปดิ เผยใหเ้ หน็ เสอื้ ดา้ นในทม่ี สี โลแกนหรอื โฆษณาสนิ คา้ อปุ กรณบ์ งั คบั เบอ้ื งตน้ ตอ้ งไม่เกยี่ วข้องกับการเมือง ศาสนา หรือขอ้ ความส่วนบคุ คล ผเู้ ลน่ ทถี่ อดเสอื้ แลว้ เปดิ เผยใหเ้ หน็ สโลแกนหรอื โฆษณาสนิ คา้ จะถกู ลงโทษโดยฝา่ ยจดั การ แขง่ ขัน ผู้เล่นของทีมที่มีข้อความโฆษณาเกี่ยวกับการเมือง ศาสนาหรือสโลแกนส่วนบุคคล จะถูกลงโทษโดยฝา่ ยจัดการแข่งขนั หรือสหพันธฟ์ ุตบอลนานาชาติ คูม่ ือผฝู้ ึกสอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate 79
กติกาข้อ 5 ผู้ตดั สนิ (The Referees) อ�ำนาจหน้าท่ขี องผู้ตัดสนิ (The Authority of the Referee) การแข่งขันแต่ละคร้ัง ถูกควบคุมโดยผู้ตัดสินท้ังสองคน ผู้ตัดสินและผู้ตัดสินท่ี 2 ซง่ึ มี อำ� นาจหนา้ ทอ่ี ยา่ งเตม็ ทใ่ี นการปฏบิ ตั ใิ หเ้ ปน็ ไปตามกตกิ าการแขง่ ขนั ทเ่ี กย่ี วขอ้ ง อำ� นาจและหน้าที่ (Power and Duties) ผ้ตู ัดสินต้อง 1. ปฏิบตั ติ ามกตกิ าการแข่งขนั 2. ควบคมุ การแขง่ ขนั โดย ผชู้ ว่ ยผตู้ ดั สนิ คอยใหค้ วามรว่ มมอื และชว่ ยเหลอื ตามความเหมาะสม 3. แน่ใจว่าลกู บอลทกุ ลูกท่ีใช้แขง่ ขนั ถกู ตอ้ งตามขอ้ กำ� หนดของกติกาขอ้ 2 4. แนใ่ จวา่ อุปกรณข์ องผเู้ ลน่ ถกู ต้องตามขอ้ ก�ำหนดของกติกาข้อ 4 5. ทำ� บันทกึ รายงานการแข่งขนั 6. หยุดการแข่งขนั ในทุกกรณีท่มี ีการกระทำ� ผิดกตกิ าการแขง่ ขนั 7. หยดุ การแขง่ ขนั เพราะว่ามสี งิ่ รบกวนจากภายนอกทุกชนิด 8. สง่ั หยดุ การแขง่ ขนั ถา้ เหน็ วา่ ผเู้ ลน่ บาดเจบ็ สาหสั และแนใ่ จวา่ ผเู้ ลน่ นน้ั ไดถ้ กู เคลอื่ นยา้ ย ออกจากสนามแข่งขันไปแล้ว ผู้เล่นท่ีบาดเจ็บอาจจะกลับเข้ามาในสนามได้ หลังจากการเริ่มเล่นใหม่อีกคร้ัง 9. อนุญาตให้การเล่นดำ� เนนิ ต่อไปจนกว่าลูกบอลจะอยูน่ อกการเล่น ถา้ พิจารณาเหน็ วา่ ผู้เลน่ มีการบาดเจ็บเพียงเล็กนอ้ ยเทา่ น้นั 10. แน่ใจว่าผู้เล่นที่มีเลือดไหลออกจากบาดแผลได้ออกจากสนามแข่งขันไปแล้ว และผเู้ ลน่ นนั้ จะกลบั เขา้ ไปเลน่ ใหมไ่ ดเ้ มอื่ ไดร้ บั สญั ญาณจากผตู้ ดั สนิ ซงึ่ ตอ้ งแนใ่ จแลว้ วา่ เลอื ดทไ่ี หล ออกมาน้นั ไดห้ ยดุ แลว้ 11. อนุญาตให้การเล่นด�ำเนินต่อไป เม่ือทีมท่ีถูกกระท�ำผิดจะเกิดประโยชน์จากการให้ ได้เป็นลูกได้เปรียบการเล่นและถ้าการคาดคะเนในการให้เป็นลูกได้เปรียบ การเล่นนั้นไม่เป็นไป ตามท่ีคาดไวใ้ นขณะนนั้ ก็สามารถกลับมาลงโทษตามความผดิ คร้ังแรกได้ 12. ลงโทษความผดิ ทรี่ า้ ยแรงกวา่ ในกรณที ผ่ี เู้ ลน่ กระทำ� ผดิ มากกวา่ 1 อยา่ ง ในเวลาเดยี วกนั 13. ลงโทษความผิดท่ีร้ายแรงกว่าในกรณีที่ประพฤติผิดมากกว่า 1 อย่าง ในเวลาเดียวกัน 80 คู่มอื ผู้ฝกึ สอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate
14. ควบคมุ ระเบยี บวนิ ยั โดยแสดงการตอ่ ตา้ นตอ่ ผเู้ ลน่ ทกี่ ระทำ� ผดิ ตอ้ งไดร้ บั การคาดโทษ (Cautionable) และไลอ่ อกจากการแขง่ ขนั โดยไมไ่ ดถ้ กู บงั คบั วา่ ตอ้ งกระทำ� ในทนั ทที นั ใด แตต่ อ้ ง ทำ� ทนั ทเี มอ่ื ลกู บอลอย่นู อกการเล่นแลว้ 15. แสดงการต่อต้านเจ้าหน้าท่ีทีมที่ขาดความรับผิดชอบในการควบคุมความประพฤติ ปฏิบตั ติ นทดี่ ี และอาจพจิ ารณาไล่ออกจากสนามแขง่ ขันและบริเวณแวดล้อมในทนั ที 16. แนใ่ จว่าไม่มีบคุ คลอ่ืนๆ ท่ไี ม่ได้รับอนญุ าตเขา้ ไปในสนามแขง่ ขัน 17. ใหท้ �ำการเร่มิ เล่นใหมเ่ มือ่ การเลน่ ได้หยุดลง 18. อธิบายสัญญาณตามหัวขอ้ สญั ญาณของผูต้ ัดสินและผู้ช่วยผู้ตดั สิน 19. ต�ำแหน่งของผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสิน อธิบายไว้ในหัวข้อต�ำแหน่งเม่ือลูกบอล อยใู่ นการเลน่ ซง่ึ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของการตคี วามของกตกิ าการแขง่ ขนั กฬี าฟตุ ซอลและคำ� แนะนำ� สำ� หรบั ผ้ตู ดั สนิ (กติกาขอ้ 5 ผตู้ ดั สิน) เม่ือต้องปฏบิ ตั ิ 20. เขียนรายงานการแข่งขันเสนอต่อผู้มีอ�ำนาจหน้าที่ที่แต่งตั้ง โดยรวบรวมข้อมูลเกี่ยว กบั การควบคุมระเบียบวินัยทุกอย่างที่กระท�ำต่อผู้เล่น และ/หรือเจ้าหน้าท่ีทีมและเหตุการณ์อื่นๆ ทกุ กรณีทเ่ี กดิ ขน้ึ กอ่ นการแข่งขนั ระหว่างการแข่งขนั หรอื ภายหลงั การแขง่ ขนั ผตู้ ัดสนิ (The Referees) 1. ทำ� หนา้ ทเี่ ปน็ ผรู้ กั ษาเวลาและผตู้ ดั สนิ ท่ี 3 ในกรณที ผ่ี ชู้ ว่ ยผตู้ ดั สนิ ทงั้ สองไมม่ าทำ� หนา้ ท่ี 2. การยตุ กิ ารแขง่ ขนั หรอื ยกเลกิ การแขง่ ขนั ตอ้ งกระทำ� ดว้ ยความสขุ มุ รอบคอบ สำ� หรบั การละเมิดกตกิ าการแขง่ ขันกฬี าฟุตซอล 3. การยตุ ิการแข่งขนั หรอื ยกเลิกการแข่งขัน เพราะมสี ิง่ รบกวนจากภายนอกทุกชนดิ คมู่ อื ผู้ฝกึ สอนกีฬาฟตุ ซอล T-Certificate 81
ผ้ตู ัดสินที่ 2 (The Second Referee) ท�ำหนา้ ทแ่ี ทนผู้ตดั สิน ในกรณีท่ผี ตู้ ดั สนิ ไดร้ ับบาดเจบ็ หรือเจ็บป่วย การพิจารณาตัดสนิ ใจของผู้ตัดสิน (Decisions of the Referee) การพจิ ารณาตดั สนิ ใจของผตู้ ดั สนิ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั สภาพความเปน็ จรงิ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในการแขง่ ขนั รวมถึงการนับประตู หรอื ไม่นบั ประตแู ละผลของการแขง่ ขนั ถือเป็นขอ้ ยุติ ผตู้ ดั สนิ อาจกลบั คำ� ตดั สนิ ได้ ถา้ พจิ ารณาแลว้ วา่ สงิ่ ทท่ี ำ� ไปนนั้ ไมถ่ กู ตอ้ ง หรอื ไดพ้ จิ ารณาตาม ความช่วยเหลือของผชู้ ว่ ยผู้ตัดสนิ โดยมีเงอื่ นไขว่า การเรมิ่ เลน่ ใหมย่ งั ไม่ไดเ้ รมิ่ ขน้ึ ถ้าการตัดสินของผู้ตัดสินและผู้ตัดสินท่ี 2 ขัดแย้งกัน จะต้องท�ำตามการตัดสินใจของ ผตู้ ดั สนิ กรณีท่ีผู้ตัดสินท่ี 2 หรือผู้ช่วยผู้ตัดสินปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมาะสมหรือประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง ผู้ตัดสินสามารถเปล่ยี นการปฏิบตั หิ น้าที่ของผู้ตัดสินท่ี 2 หรอื ผชู้ ว่ ยผตู้ ดั สนิ ได้ โดยตอ้ งทำ� รายงานเสนอ ผมู้ อี ำ� นาจหนา้ ทตี่ อ่ ไป ความรบั ผดิ ชอบของผูต้ ัดสินทงั้ สอง (Responsibilities of the Referees) ผูต้ ดั สนิ หรือปฏิบัติหนา้ ท่ีผู้ช่วยผตู้ ัดสิน จะไม่มหี น้าทร่ี ับผดิ ชอบ 1. การบาดเจ็บทกุ อยา่ งท่ผี ู้เล่น เจ้าหน้าท่ี หรอื ผู้ชมได้รบั 2. ความเสยี หายตอ่ ทรพั ยส์ นิ ทุกอยา่ ง 3. ความเสียหายทุกอย่างที่ได้รับโดยบคุ คล สโมสร บรษิ ัท สมาคม หรืออวยั วะของร่างกาย จะเปน็ โดยตรงหรอื เนอ่ื งจากการตดั สนิ ใจในขอบเขตของกตกิ าการแขง่ ขนั หรอื ในการพจิ ารณาดำ� เนนิ การ ช่วยเหลือตามปกติ ทงั้ ในการเล่นและการควบคุมการแข่งขันรวมถึงสิ่งตา่ งๆ ตอ่ ไปน้ี 3.1 ตัดสินใจว่าสภาพสนามแข่งขัน สภาพแวดล้อมหรือสภาพภูมิอากาศเช่นน้ี จะอนญุ าตหรอื ไมอ่ นญุ าตใหแ้ ข่งขัน หรอื เลือ่ นการแขง่ ขัน 3.2 ตัดสนิ ใจยกเลกิ การแข่งขันไม่วา่ เหตุผลใดก็ตาม 3.3 ตัดสินใจเก่ียวกับสภาพส่ิงของที่ติดต้ังหรืออุปกรณ์สนามแข่งขันและลูกบอล ทีถ่ ูกใช้ระหวา่ งการแขง่ ขนั 3.4 ตดั สนิ ใจหยดุ หรอื ไมห่ ยดุ การแขง่ ขนั เนอื่ งจากผชู้ มเขา้ มารบกวนหรอื ปญั หาอนื่ ๆ ทีเ่ กี่ยวกบั ผชู้ ม 3.5 ตัดสินใจหยดุ หรอื ไม่หยดุ การเลน่ เพ่อื นำ� ผู้เลน่ ทบ่ี าดเจ็บออกจากสนามแขง่ ขนั เพ่อื ทำ� การปฐมพยาบาล 82 คู่มือผ้ฝู กึ สอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate
3.6 ตดั สนิ ใจเกย่ี วกบั การรอ้ งขอหรอื เรยี กรอ้ งใหผ้ เู้ ลน่ ทบ่ี าดเจบ็ ออกจากสนามแขง่ ขนั เพื่อทำ� การปฐมพยาบาล 3.7 ตดั สนิ ใจอนญุ าตหรอื ไมอ่ นญุ าตใหผ้ เู้ ลน่ สวมใสเ่ ครอ่ื งแตง่ กาย เครอื่ งประดบั หรอื อุปกรณ์บางอยา่ ง 3.8 ตดั สนิ ใจอนญุ าตหรอื ไมอ่ นญุ าตใหบ้ คุ คลอนื่ ใด (รวมถงึ เจา้ หนา้ ทหี่ รอื เจา้ หนา้ ทสี่ นาม เจ้าหนา้ ที่รักษาความปลอดภัย ชา่ งภาพ หรอื ผู้บรรยายสอื่ มวลชนต่างๆ) อยใู่ นบรเิ วณสนามแข่งขนั 3.9 ตัดสินใจอ่ืนๆ ที่สอดคล้องกับกติกาการแข่งขันหรือสอดคล้องกับหน้าท่ี ของผู้ตัดสินตามเงื่อนไขของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ สมาพันธ์ สมาคมหรือกฎระเบียบของ การแขง่ ขัน หรือกฎข้อบงั คับภายใต้การแข่งขนั ที่ก�ำลงั เล่นอยู่ การแขง่ ขันนานาชาติ (International Matches) ในการแข่งขันระดับนานาชาติ เน้นข้อบังคบั ต้องมีผตู้ ัดสินท่ี 2 ผูช้ ว่ ยผตู้ ัดสินสำ� รอง (Assistant Referees) ในการแข่งขันแบบทัวร์นาเม้นท์หรือการแข่งขันอื่นท่ีก�ำหนดผู้ช่วยผู้ตัดสินส�ำรองไว้ บทบาทและหน้าที่ของผู้ช่วยผู้ตัดสินส�ำรองต้องสอดคล้องกับข้อแนะน�ำที่ก�ำหนดไว้ โดยประกาศ ของคณะกรรมการสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ คมู่ อื ผฝู้ กึ สอนกฬี าฟตุ ซอล T-Certificate 83
กตกิ าขอ้ 6 ผชู้ ่วยผู้ตัดสนิ (The Assistant Referees) อำ� นาจหนา้ ทข่ี องผู้ชว่ ยผตู้ ดั สนิ (The Authority of the Assistant Referees) ผู้ช่วยผู้ตัดสินท้ังสองคนต้องเป็นผู้ได้รับการแต่งต้ัง (ผู้ตัดสินท่ี 3 และผู้รักษาเวลา) ต้องปฏิบัติหน้าท่ีให้สอดคล้องกับกติกาการแข่งขัน ต�ำแหน่งอยู่ด้านนอกสนามแข่งขันท่ีแนวเดียว กับเส้นแบ่งแดนด้านเดียวกันข้างเขตเปลี่ยนตัว ผู้รักษาเวลาจะน่ังอยู่ท่ีบริเวณโต๊ะผู้รักษาเวลา ในขณะที่ผูต้ ัดสินที่ 3 อาจจะปฏบิ ตั ิหน้าท่ดี ้วยการยนื หรอื การนงั่ ผู้รักษาเวลาและผู้ตัดสินท่ี 3 ต้องมีอุปกรณ์ประกอบด้วย นาฬิกาที่เท่ียงตรงและเหมาะสม และจ�ำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่แสดงให้เห็นการท�ำผิดกติการวม โดยที่สมาคมหรือสโมสรที่เป็น เจา้ ของสนามทีใ่ ช้ในการแขง่ ขนั เปน็ ผ้จู ดั เตรยี มไว้ให้กอ่ นเริม่ การแขง่ ขันไว้ อำ� นาจและหน้าที่ (Power and Duties) ผูต้ ัดสนิ ท่ี 3 1. ชว่ ยเหลือผู้ตดั สนิ และผูร้ กั ษาเวลา 2. บันทกึ ผูเ้ ล่นทีล่ งทำ� การแข่งขัน 3. ดแู ลการเปลย่ี นลกู บอลเมอ่ื ผตู้ ัดสินตอ้ งการ 4. ท�ำการตรวจอุปกรณข์ องผเู้ ลน่ สำ� รองกอ่ นเข้าไปในสนามแขง่ ขัน 84 คมู่ ือผู้ฝกึ สอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate
5. บันทึกผทู้ ีท่ ำ� ประตูได้ 6. แจง้ ผรู้ กั ษาเวลาในการขอเวลานอก เมอื่ เจา้ หนา้ ทที่ มี ตอ้ งการขอเวลานอก (ตามกตกิ า ขอ้ 7 ระยะเวลาของการแขง่ ขนั ) 7. ผู้รักษาเวลาจะให้สัญญาณเสียงการขอเวลานอก เม่ือได้รับการขอเวลานอกจากทีม เพอ่ื แจ้งให้ผู้ตดั สนิ และทมี ที่ขอเวลานอกไดท้ ราบ 8. บันทกึ การขอเวลานอกเม่อื มีการร้องขอ 9. บันทึกการกระท�ำผิดกติการวมของแต่ละทีม ซึ่งมีการแจ้งมาโดยผู้ตัดสินในแต่ละ ครงึ่ เวลาของการเลน่ 10. แจ้งสญั ญาณการกระท�ำผดิ กติการวมครบ 5 ครง้ั ของทมี ในช่วงเวลาของการเล่น 11. จัดวางโต๊ะผู้รักษาเวลาให้มองเห็นชัดเจน เพื่อแสดงให้ทีมเห็นการกระท�ำผิดกติกา รวมครบ 5 ครงั้ ในช่วงเวลาของการเลน่ 12. บนั ทึกชื่อและหมายเลขของผเู้ ลน่ ทถี่ กู คาดโทษและถกู ไลอ่ อก 13. ต้องส่งป้ายการขอเวลานอกให้กับเจ้าหน้าที่ทีมก่อนเร่ิมการแข่งขันในแต่ละคร่ึง เวลาของการเล่น ซึ่งเขาร้องขอการขอเวลานอกและเก็บป้ายขอเวลานอกกลับคืนมาเมื่อหมดเวลา การแข่งขันในแตล่ ะครงึ่ เวลาถ้าไมม่ กี ารร้องขอ 14. ต้องส่งป้ายการถูกไล่ออกให้กับเจ้าหน้าที่ทีม เพ่ือใช้เมื่อผู้เล่นส�ำรองเข้าไปในสนาม แทนทีผ่ ูเ้ ล่นท่ถี กู ไลอ่ อก 15. ดูแลการเข้าออกจากสนามแข่งขันของผู้เล่นที่ออกมาเปล่ียนอุปกรณ์ให้ถูกต้อง ภายใตก้ ารดูแลของผตู้ ดั สิน 16. ดแู ลการเขา้ ออกสนามแขง่ ขนั ของผเู้ ลน่ ทไ่ี ดร้ บั บาดเจบ็ ใหถ้ กู ตอ้ งภายใตก้ ารดแู ลของ ผู้ตัดสนิ 17. แจ้งสัญญาณให้ผู้ตัดสินทราบ ถ้าผู้ตัดสินลงโทษผู้เล่นโดยคาดโทษหรือไล่ออก ผดิ พลาด หรือมกี ารประพฤตผิ ดิ กติกาอยา่ งร้ายแรงเกิดข้นึ โดยผตู้ ัดสินมองไมเ่ ห็น 18. ดูแลพฤติกรรมการแสดงออกของบุคคลท่ีอยู่ในพื้นที่เขตเทคนิคและท่ีนั่งส�ำรอง ในกรณีท่มี ีบคุ คลแสดงความประพฤติไม่เหมาะสมใหแ้ จ้งผู้ตดั สนิ ทราบ 19. บันทึกการหยุดเล่นในการแข่งขันและเหตุผลที่ต้องหยุดการเล่น เน่ืองจากมีสิ่งรบกวน จากภายนอก 20. เตรียมขอ้ มูลอน่ื ๆ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับการแข่งขนั คมู่ อื ผฝู้ ึกสอนกฬี าฟตุ ซอล T-Certificate 85
21. ต�ำแหน่งของผู้ตัดสินท่ี 3 เมื่อปฏิบัติหน้าท่ีจะอยู่ด้านข้างสนาม ตามค�ำอธิบาย ในหวั ขอ้ สถานการณพ์ เิ ศษ “ตำ� แหนง่ ลกู บอลอยนู่ อกการเลน่ ” ซงึ่ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของ “การตคี วามกตกิ า การแขง่ ขนั ฟตุ ซอล และคำ� แนะนำ� ส�ำหรบั ผ้ตู ดั สิน” (กตกิ าข้อ 5 ผตู้ ดั สนิ ท่ี 3) 22. ทำ� หนา้ ทแี่ ทนผตู้ ดั สนิ ท่ี 2 ในกรณที ผ่ี ตู้ ดั สนิ หรอื ผตู้ ดั สนิ ที่ 2 ไดร้ บั บาดเจบ็ หรอื เจบ็ ปว่ ย ผู้รกั ษาเวลา (The Timekeeper) 1. แน่ใจวา่ ระยะเวลาของการแข่งขนั สอดคลอ้ งกับกตกิ าข้อ 7 ระบไุ ว้ โดย 1.1 เร่ิมจบั เวลาภายหลังจากการเตะเริ่มเล่นอยา่ งถูกตอ้ ง 1.2 หยุดเวลาเม่ือลกู บอลอย่นู อกการเลน่ 1.3 เริ่มจับเวลาใหม่ ภายหลังจากเร่ิมเล่นใหม่อีกครั้ง หลังจากการเตะเข้าเล่น การเล่นลูกบอลจากผู้รักษาประตู การเตะจากมุม การเตะเริ่มเล่น การเตะโทษ การเตะจากจุดโทษ หรือการเตะจากจดุ โทษทีส่ อง หรอื การปลอ่ ยลกู บอล 2. บนั ทกึ การทำ� ประตู การกระทำ� ผดิ กตกิ ารวมและระยะเวลาของการเลน่ บนสกอรบ์ อรด์ (ถา้ ม)ี 3. แสดงสัญญาณนกหวีดหรือสัญญาณเสียงอื่นๆ ที่มีความแตกต่างจากที่ผู้ตัดสิน คนใดคนหนง่ึ ในขณะท่ีมีการขอเวลานอก หลังจากผู้ตัดสนิ ท่ี 3 ได้แจ้งให้ทราบ 4. สญั ญาณเสยี งแสดงการขอเวลานอก 1 นาที 5. สญั ญาณเสยี งแสดงการหมดเวลาของการขอเวลานอก 1 นาทดี ว้ ยสญั ญาณทแ่ี ตกตา่ ง จากนกหวดี หรอื สัญญาณเสยี งทแ่ี ตกตา่ งจากผตู้ ดั สนิ 6. สญั ญาณเสยี งแสดงเมอื่ ทมี มกี ารกระทำ� ผดิ กตกิ ารวม 5 ครง้ั ดว้ ยสญั ญาณทแี่ ตกตา่ งจาก นกหวีดหรือสญั ญาณเสยี งทแ่ี ตกต่างจากผตู้ ดั สนิ หลังจากผ้ตู ดั สินที่ 3 ไดแ้ จง้ ใหท้ ราบ 7. แสดงสัญญาณเวลา 2 นาที ในการลงโทษผเู้ ลน่ ที่ถกู ไล่ออก 8. แสดงสญั ญาณเสยี งการหมดเวลาครง่ึ เวลาแรก ครงึ่ เวลาหลงั ของการหมดเวลาการแขง่ ขนั หรอื หมดเวลาของการตอ่ เวลาพเิ ศษ (ถา้ ม)ี ด้วยสญั ญาณทีแ่ ตกต่างจากนกหวดี หรอื สญั ญาณเสียง ท่แี ตกตา่ งจากผูต้ ดั สิน 9. ต�ำแหน่งของผู้รักษาเวลาเม่ือปฏิบัติหน้าที่จะอยู่ด้านข้างสนาม ตามค�ำอธิบายในหัวข้อ สถานการณ์พิเศษ “ตำ� แหนง่ ลกู บอลอยนู่ อกการเลน่ ” ซงึ่ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของ “การตคี วามของกตกิ า การแขง่ ขนั ฟตุ ซอลและค�ำแนะน�ำส�ำหรับผู้ตดั สนิ ” (กติกาข้อ 5 ผู้ตดั สิน) 10. ปฏบิ ตั หิ น้าทีช่ ว่ ยเหลือผตู้ ัดสินท่ี 3 ในการแขง่ ขัน 11. เตรยี มขอ้ มลู อนื่ ๆ ทกุ อย่างทีเ่ กีย่ วขอ้ งกบั การแขง่ ขนั 86 คมู่ ือผฝู้ กึ สอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate
การแขง่ ขันนานาชาติ (International Matches) ในการแข่งขนั ระดบั ชาติ เป็นข้อบังคบั ต้องมีผู้ตดั สนิ ท่ี 3 และผู้รกั ษาเวลา ส�ำหรับการแข่งขันระดับนานาชาติ นาฬิกาที่ใช้ต้องมีความเที่ยงตรง รวมทั้งมีอุปกรณ์ รวมหลายๆ อย่าง (นาฬิกาจับเวลาเท่ียงตรงแม่นย�ำ อุปกรณ์นาฬิกาจับเวลา 2 นาที ที่เกี่ยวกับ การถูกไล่ออกมีจ�ำนวน 4 อันและอุปกรณ์ที่แสดงให้เห็นการกระท�ำผิดกติการวมของแต่ละทีม ในแตล่ ะครึ่งเวลาของการแข่งขัน) คู่มอื ผูฝ้ ึกสอนกีฬาฟุตซอล T-Certificate 87
กตกิ าขอ้ 7 ระยะเวลาของการแข่งขัน (The Duration of the Match) ช่วงเวลาของการเล่น (Periods of Play) การแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ครึ่งๆ ละ 20 นาที ยกเว้นได้มีการตกลงร่วมกันท้ัง 2 ฝ่าย ระหว่างผู้ตัดสินกับทั้ง 2 ทีม การตกลงต่างๆ ต้องท�ำการแก้ไขก่อนเร่ิมท�ำการแข่งขันและท�ำตาม ระเบียบของการแขง่ ขนั ดว้ ยการลดเวลาของแตค่ รง่ึ เวลาในการแข่งขนั การหมดเวลาของแตล่ ะครึง่ เวลา (Ending the periods of play) ผู้รักษาเวลาแสดงสัญญาณการหมดเวลาแต่ละคร่ึงเวลาด้วยสัญญาณเสียงที่แตกต่าง หรือสัญญาณนกหวีด หลังจากผู้รักษาเวลาให้สัญญาณเสียงที่แตกต่างหรือสัญญาณเสียงนกหวีด ผตู้ ดั สนิ จะใหส้ ญั ญาณหมดเวลาการแขง่ ขนั แตล่ ะครงึ่ เวลาของการแขง่ ขนั ดว้ ยสญั ญาณเสยี งนกหวดี ตามมา 1. อนญุ าตใหม้ กี ารเพมิ่ เวลาออกไป ถา้ มกี ารเตะจากจดุ โทษทสี่ องหรอื การเตะโทษโดยตรง จากการกระทำ� ผิดกติการวมครง้ั ที่ 6 และครั้งต่อไป จนกระทัง่ การเตะไดเ้ สร็จส้นิ 2. อนญุ าตใหม้ กี ารเพมิ่ เวลาออกไป ถา้ มกี ารเตะจากจดุ โทษจนกระทงั่ การเตะไดเ้ สรจ็ สนิ้ ถ้าลูกบอลถูกเตะออกไปเพื่อท�ำประตู ผู้ตัดสินต้องรอผลจนกระทั่งการเตะเสร็จ ก่อนผูร้ กั ษาเวลาจะให้สญั ญาณทีแ่ ตกตา่ งหรอื สญั ญาณเสยี งนกหวีด การหมดเวลาการแข่งขนั เมอื่ 1. ลูกบอลตรงไปที่ประตแู ละนบั เป็นประตู 2. ลูกบอลอยนู่ อกสนาม 3. ลกู บอลสมั ผสั ผรู้ กั ษาประตู เสาประตู คานประตหู รอื ขา้ มเสน้ ประตแู ละนบั เปน็ ประตู 4. ผู้รักษาประตูฝ่ายรับหยุดลูกบอลหรือกระดอนจากเสาประตู หรือคานประตู และไมข่ า้ มเสน้ ประตู 88 คมู่ อื ผ้ฝู กึ สอนกีฬาฟตุ ซอล T-Certificate
ถ้าไม่มีการละเมิดหรือกระท�ำผิดกติกา ให้มีการเตะโทษโดยตรงหรือการเตะโทษ ณ จดุ เตะโทษใหม่ หรอื ในระหวา่ งทศิ ทางการเคลอ่ื นทขี่ องลกู บอล และทมี ใดทมี หนง่ึ ไมไ่ ดก้ ระทำ� ผดิ หรือถูกลงโทษกับการเตะโทษโดยตรง เริ่มเล่นด้วยการกระท�ำผิดกติกาครั้งท่ี 6 หรือการเตะโทษ ณ จุดเตะโทษ เม่อื ใกลห้ มดเวลา 5. ลูกบอลสัมผัสผู้เล่นอื่นนอกเหนือจากผู้รักษาประตู หลังจากการเตะตรงไปยังประตู ฝ่ังตรงขา้ ม การขอเวลานอก (Time-Out) ในแต่ละคร่ึงเวลาของการแข่งขัน แต่ละทีมมีสิทธ์ิขอเวลานอกได้ 1 นาที โดยให้ปฏิบัติ ตามเงอื่ นไขดงั นี้ 1. เจ้าหน้าท่ีทีมมีสิทธ์ิร้องขอกับผู้ตัดสินที่ 3 หรือผู้รักษาเวลา ถ้าไม่มีผู้ตัดสินท่ี 3 ส�ำหรับการขอเวลานอก 1 นาที 2. ผู้รักษาเวลาเป็นผู้แสดงการอนุญาตส�ำหรับการขอเวลานอก ในขณะท่ีลูกบอล อยนู่ อกการเลน่ และทมี ครอบครองลกู บอล โดยการใหส้ ญั ญาณทแ่ี ตกตา่ งจากสญั ญาณเสยี งนกหวดี หรอื สัญญาณอืน่ ๆ ทแี่ ตกตา่ งจากเสียงสญั ญาณทผี่ ูต้ ดั สนิ ใช้อยู่ 3. ขณะอนุญาตให้เป็นเวลานอก ผู้เล่นยังคงอยู่ในสนามหรือออกนอกสนามเพื่อมาด่ืมน�้ำ ผเู้ ลน่ ต้องออกจากสนามแขง่ ขนั 4. ขณะอนญุ าตใหเ้ ป็นเวลานอก ผู้เลน่ ส�ำรองต้องอยู่นอกสนาม 5. ขณะอนญุ าตให้เปน็ เวลานอก ไม่อนุญาตใหเ้ จ้าหน้าทีเ่ ขา้ ไปสอนในสนามแขง่ ขัน 6. การเปลยี่ นตวั สามารถทำ� ได้ หลงั จากสญั ญาณเสยี งหรอื สญั ญาณเสยี งนกหวดี หลงั จาก หมดเวลาในการขอเวลานอก 7. ถ้าทีมไม่ใช้สิทธ์ิร้องขอเวลานอกในคร่ึงเวลาแรกของการแข่งขัน จะยังคงมีสิทธิ์ ร้องขอเวลานอกได้ 1 นาที เท่านัน้ ในครึ่งเวลาหลงั 8. ถา้ ไม่มผี ู้ตดั สินที่ 3 ผรู้ กั ษาเวลา เจา้ หนา้ ทีท่ ีม อาจรอ้ งขอเวลานอกจากผู้ตัดสิน 9. ไม่มกี ารขอเวลานอกในระหว่างการต่อเวลาพเิ ศษ คู่มือผูฝ้ ึกสอนกีฬาฟุตซอล T-Certificate 89
การพักครง่ึ เวลา (Half Time Interval) 1. ผ้เู ล่นทุกคนมีสทิ ธ์ไิ ด้พกั ครง่ึ เวลา 2. การพักครึ่งเวลาตอ้ งไม่เกิน 15 นาที 3. ระเบยี บการแข่งขันตอ้ งระบไุ วใ้ หช้ ัดเจนวา่ เวลาที่ใช้ในการพกั ครง่ึ เวลาเท่าใด 4. ระยะเวลาในการพักครึ่งเวลา อาจมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ แต่ต้องข้ึนอยู่กับ ความเหน็ ชอบของผูต้ ดั สนิ เทา่ นน้ั การยกเลิกการแข่งขนั (Abandoned Match) การยกเลิกการแข่งขันจะต้องท�ำการแข่งขันใหม่ ยกเว้นระเบียบการแข่งขันจะระบุไว้ เป็นอย่างอ่นื 90 คูม่ ือผ้ฝู ึกสอนกฬี าฟตุ ซอล T-Certificate
กตกิ าขอ้ 8 การเรม่ิ การแขง่ ขนั และการเรม่ิ เลน่ ใหม่ (The Start and Restart of Play) การเตรียมการเบือ้ งตน้ (Preliminaries) ท�ำการเสี่ยงเหรียญ และทีมที่ชนะการเสี่ยงจะเป็นฝ่ายเลือกประตูท่ีจะท�ำการรุก ในครง่ึ เวลาแรกของการแขง่ ขนั อกี ทมี จะเปน็ ฝา่ ยเตะเรม่ิ เลน่ เพอ่ื เรม่ิ ตน้ การแขง่ ขนั ทมี ทช่ี นะการเสย่ี ง จะท�ำการเตะเร่ิมเล่น เพื่อเริ่มต้นในครึ่งเวลาหลังของการแข่งขัน ทั้งสองทีมจะเปล่ียนแดนกัน และทำ� การรุกประตตู รงขา้ มในครึ่งเวลาหลงั ของการแขง่ ขัน การเตะเร่ิมเล่น (Kick Off) การเตะเร่มิ เล่นเพอื่ เริ่มต้นการแข่งขันหรอื เพอ่ื เร่มิ เล่นใหม่ 1. เพ่อื เร่มิ ตน้ การแข่งขนั 2. ภายหลงั จากมกี ารทำ� ประตไู ด้ 3. เมือ่ เรม่ิ ตน้ การแข่งขนั ครงึ่ เวลาหลงั 4. เม่ือเร่ิมต้นการแข่งขันแต่ละครึ่งเวลาของการต่อเวลาพิเศษที่น�ำมาใช้ ไม่สามารถ ท�ำประตูไดโ้ ดยตรงจากการเตะเรม่ิ เลน่ ขั้นตอนในการดำ� เนนิ การ (Procedure) 1. ผู้เลน่ ทกุ คนต้องอยูใ่ นแดนของตนเอง 2. ผเู้ ลน่ ฝา่ ยตรงขา้ มกบั ทมี ทกี่ ำ� ลงั เตะเรม่ิ เลน่ ตอ้ งอยหู่ า่ งจากลกู บอลอยา่ งนอ้ ย 3 เมตร จนกว่าลูกบอลจะอยใู่ นการเล่น คู่มอื ผู้ฝกึ สอนกีฬาฟุตซอล T-Certificate 91
3. ลูกบอลต้องวางนง่ิ อยบู่ นจดุ กึ่งกลางสนาม 4. ผู้ตัดสินให้สญั ญาณเสียงนกหวีด 5. ลูกบอลอย่ใู นการเล่นเมอ่ื ถกู เตะและเคลือ่ นท่ีไปขา้ งหนา้ แล้ว ภายหลังท่ีทีมหนึ่งท�ำประตูได้ ภายใต้เงื่อนไขระยะเวลาของการแข่งขันยังไม่หมดเวลา อีกทีมหนึง่ จะเปน็ ฝา่ ยได้เตะเรมิ่ เล่น การกระทำ� ผดิ และบทลงโทษ (Infringement / Sanction) ถ้าลูกบอลอยู่ในการเล่น ผู้เตะได้สัมผัสลูกบอลเป็นครั้งที่ 2 (ยกเว้นสัมผัสด้วยมือ) ก่อนทจ่ี ะถกู สมั ผัส โดยผูเ้ ลน่ คนอ่นื • จะให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้เตะโทษโดยอ้อม โดยเตะจากต�ำแหน่งท่ีลูกบอลอยู่ เมอ่ื การกระทำ� ผดิ กตกิ าเกดิ ข้ึน (กตกิ าข้อ 13 ต�ำแหนง่ การเตะโทษ) ถา้ ลกู บอลอยใู่ นการเลน่ ผเู้ ตะไดส้ ัมผัสลกู บอลดว้ ยมอื กอ่ นทีจ่ ะถูกสัมผัสโดยผู้เล่นคนอ่ืน • จะให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้เตะโทษโดยตรง โดยเตะจากต�ำแหน่งท่ีลูกบอลอยู่ เม่ือการกระท�ำผิดกติกาเกิดข้ึน (กติกาข้อ 13 ต�ำแหน่งการเตะโทษ)และทีมจะถูกลงโทษ นับเป็นการกระทำ� ผดิ กตกิ ารวม • การกระท�ำผิดอื่นๆ ทุกกรณีจากการเตะเริ่มเล่น มีข้ันตอนในการด�ำเนินการดังน้ี โดยใหท้ ำ� การเตะเริม่ เลน่ ใหมแ่ ละไม่สามารถประยกุ ตก์ ารให้เป็นลูกไดเ้ ปรียบได้ การปล่อยบอล (Dropped Ball) ขณะที่ลูกบอลอยู่ในการเล่น ผู้ตัดสินได้ส่ังหยุดการเล่นช่ัวคราว ส�ำหรับเหตุผลอ่ืนๆ ท่ไี มไ่ ด้ระบุไวใ้ นกติกาการแข่งขันกีฬาฟุตซอล การเรม่ิ เล่นใหมข่ องการแขง่ ขนั โดยการปล่อยลูกบอล ภายใตเ้ ง่อื นไขกตกิ าการแข่งขนั กีฬาฟตุ ซอล 45 92 คู่มอื ผฝู้ กึ สอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate
ขัน้ ตอนในการด�ำเนนิ การ (Procedure) ผู้ตัดสินหรือผู้ตัดสินที่ 2 ปล่อยลูกบอล ณ จุดที่ลูกบอลอยู่ในขณะที่ส่ังหยุดการเล่น ยกเว้นลูกบอลอยู่ภายในพ้ืนที่เขตโทษ ซ่ึงในกรณีน้ีผู้ตัดสินท�ำการปล่อยลูกบอลบนเส้นเขตโทษ ณ จุดทใ่ี กล้ลูกบอลมากทส่ี ุด ในขณะการเลน่ ไดห้ ยุดลง การเร่ิมเล่นใหม่เม่ือลูกบอลสัมผัสพื้นภายในสนามแข่งขัน ภายหลังการเร่ิมเล่น ถา้ ลกู บอลออกจากสนามแขง่ ขนั โดยไมไ่ ดส้ มั ผสั ผเู้ ลน่ คนหนง่ึ คนใด การปลอ่ ยลกู บอลจะถกู ปลอ่ ย ณ จดุ เดมิ ทปี่ ลอ่ ยลูกบอล การกระท�ำผิดและบทลงโทษ (Infringement & Sanction) ตอ้ งทำ� การปล่อยลกู บอลใหม่ในต�ำแหน่งเดมิ ทีซ่ ่ึงได้ปล่อยลูกบอลครัง้ แรก 1. ถ้าลูกบอลถกู สมั ผสั โดยผู้เล่นคนหนงึ่ คนใดก่อนท่ีจะสัมผสั พน้ื สนาม 2. ถ้าการกระท�ำผดิ อน่ื ๆ ก่อนทีล่ กู บอลจะสมั ผสั พ้นื สนาม คู่มอื ผู้ฝกึ สอนกฬี าฟุตซอล T-Certificate 93
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242