Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พริ้วไหวบาติกเมืองใต้-compressed

พริ้วไหวบาติกเมืองใต้-compressed

Description: พริ้วไหวบาติกเมืองใต้-compressed

Search

Read the Text Version

1

กองบรรณาธิการ ที่ปรึกษา นางสาววิมลลักษณ์ ชูชาติ ที่ปรึกษา ผู้อำ�นวยการสำ�นักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย บรรณาธิการ นางสาวนาถนิศา สุขจิตต์ กองบรรณาธิการ ที่ปรึกษาด้านส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กองบรรณาธิการ นางสาวสุวิมล วิมลกาญจนา กองบรรณาธิการ ผู้อำ�นวยการศูนย์เครือข่ายสัมพันธ์และแหล่งทุน กองบรรณาธิการ นายบุญสืบ ขลิบเพ็ง นักเขียน นักวิชาการวัฒนธรรมชำ�นาญการพิเศษ นักเขียน นางธิติพร จินดาหลวง ภาพถ่าย และภาพเคลื่อนไหว นักวิชาการวัฒนธรรมชำ�นาญการ นางแสงทิวา นราพิชญ์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำ�นาญการ นางสาวณัฏฐิกา ณ ระนอง นักวิชาการวัฒนธรรมชำ�นาญการ ณายิบ อาแวบือซา ซะการีย์ยา อมตยา อรรถพล นอวัฒน์ ๒

พร้วิ ไหวบาตกิ เมอื งใต้ FLUTTER SOUTHERN BATIK Contemporary Southern Batik by OCAC ๓

สารผอู้ �ำ นวยการส�ำ นกั งานศลิ ปวฒั นธรรมรว่ มสมยั ส�ำ นกั งานศลิ ปวฒั นธรรมรว่ มสมยั กระทรวงวฒั นธรรม ไดด้ �ำ เนนิ โครงการผา้ ไทยรว่ มสมยั ชายแดนใตด้ ว้ ยเลง็ เหน็ ถงึ คณุ คา่ ของความหลากหลายทางวฒั นธรรมทม่ี ใี นพน้ื ท่ี ๓ จงั หวดั ชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ มรดกทางภมู ปิ ญั ญาประเภทสง่ิ ทอทม่ี คี วามหลากหลายและมเี อกลกั ษณท์ โ่ี ดดเดน่ ในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้(ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) และ ๔ อำ�เภอของสงขลา (จะนะ เทพา นาทวี สะบ้าย้อย)ตามความต้องการตามแผนชุมชนหมู่บ้าน(จุลภาค) โดย กองอ�ำ นวยการรกั ษาความมน่ั คงภายในภาค ๔ สว่ นหนา้ (กอ. รมน. ๔ สน.) โดยใหค้ วามรคู้ วามเขา้ ใจ ในงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยแก่ชุมชน ๒๔ ชุมชนมีการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ลายผา้ รปู แบบใหม่ เพอ่ื ใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ การด�ำ รงชวี ติ ของชมุ ชนตนเอง และเกดิ การสรา้ งรายได้ ทั้งนี้ ยังผลให้เกิดการสร้างจิตสำ�นึกรักและความภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นซึ่งผลสำ�เร็จ ของโครงการคร้งั น้ี ทำ�ให้เกิดการพัฒนาลวดลายผ้าร่วมสมัยหลากหลายรูปแบบเกิดการสร้างรายได้ เพ่มิ ให้กับชุมชนจากผ้ปู ระกอบการด้านการออกแบบและตัดเย็บเคร่อื งแต่งกายท่ใี ห้ความสนใจ ในระดับกว้างข้ึนมีผลงานออกสู่ตลาดได้จริง หนังสือ “พร้ิวไหวบาติกเมืองใต้” เป็นผลผลิต จากโครงการของส�ำ นักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมยั กระทรวงวฒั นธรรม ที่ไดร้ วบรวมองคค์ วามรู้ จากกจิ กรรมออกแบบลายผา้ ไทยรว่ มสมยั ชายแดนใต้ และการพฒั นาผลติ ภณั ฑจ์ ากลายผา้ ไทยรว่ มสมยั ชายแดนใตร้ ะหวา่ งนกั ออกแบบและกลมุ่ ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชนทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการ เปน็ การเผยแพรแ่ นวคดิ และแบง่ ปนั ประสบการณ์ ไปยังนกั ศึกษาและผู้สนใจ ด้านการออกแบบเครือ่ งแต่งกาย จดุ ประกาย ไปสกู่ ารสรา้ งสรรคผ์ ลงานจากผา้ ไทยในรปู แบบของตนเองในอนาคต ขอขอบคณุ นกั ออกแบบทง้ั ๖ รายและกลมุ่ ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชนทง้ั ๒๔ ชมุ ชนทใ่ี หค้ วามรว่ มมอื ในการดำ�เนินโครงการอย่างดีย่งิ หวังเป็นอย่างย่งิ ว่าผลงานออกแบบในหนังสือเล่มน้จี ะต่อยอดไปสู่ การสร้างสรรค์ศิลปวัฒนธรรมสาขาอ่ืน ๆ เพ่ือการสร้างมูลค่าเพ่ิมจากทุนทางวัฒนธรรม ของประเทศไทยต่อไป (นางสาววมิ ลลกั ษณ์ ชูชาต)ิ ผอู้ �ำ นวยการสำ�นกั งานศลิ ปวัฒนธรมร่วมสมัย ๔



“Th“eควjoาyมรo่ืนfรdมrยe์ใsนsอinาgภบรisณทaน์เปnำ�็นaศrลิt.ป”ะ-ปJรoะhกnารGหaนlงึ่ li”ano มีเร่อื งเล่าว่า มนุษย์ค่แู รกใช้ชีวิตในสรวงสวรรค์ปราศจากอาภรณ์ห่มคลุมกาย ต่อมาท้งั สองถกู อปั เปหจิ ากสรวงสวรรคเ์ พราะไปฝา่ ฝนื ค�ำ สง่ั พระผสู้ รา้ ง ดว้ ยการปลดิ ผลไมต้ อ้ งหา้ มมากดั กนิ จนเกิดความตระหนักรู้จนเกิดอาการเขินอาย จึงได้หยิบฉวยใบไม้ใกล้ ๆ ตัวมาปกปิดกาย หากน่คี ือปฐมอาภรณ์ของมนุษยชาติ ก้าวแรกของศิลปะการแต่งกายได้เร่มิ ข้นึ แล้ว มนุษย์ไม่ได้ หยุดเพียงใช้ใบไม้และวัสดุจากธรรมชาติหรือหนังสัตว์มาคลุมปกป้องร่างกายจากสภาพอากาศ ทว่า ก้าวไกลกว่ามนุษย์ค่แู รก จึงเกิดนวัตกรรมถักทอวัตถุดิบจากธรรมชาติจนกลายเป็นผืนผ้าท่นี ำ�ไปสู่ การออกแบบ ตัดเย็บ กลายเป็นศาสตร์เฉพาะทางและเป็นสุนทรียะในการสวมใส่อาภรณ์ในท่สี ุด ในทางศิลปะแล้วส่ิงท่ีขาดเสียมิได้น้ันคือสุนทรียศาสตร์ ซ่ึงจะนำ�ไปสู่ความงาม ท่ีได้รับการรังสรรค์ผ่านการคิดจินตนาการ บนฐานข้อมูลความรู้ท่ีส่ังสมมา ปัจจุบันศิลปะ การออกแบบเส้ือผ้าอาภรณ์มิได้มุ่งแต่ความงามเพียงประการเดียว ทว่าความงามประกอบ ด้วยคุณค่าและความหมาย รวมถึงเร่ืองเล่าท่ีอยู่เบ้ืองหลังก่อนช้ินงานจะผลิตออกมา การสวมใส่อาภรณ์นอกจากเพ่ือความสวยงามแล้วยังบ่งถึงตัวตนของผู้ใส่อีกด้วย แต่อาจเป็นท้ังการส่ือสาร การรวมกลุ่ม คำ�ประกาศและบทสนทนาระหว่างมนุษย์ด้วยกัน รูปแบบหรือสไตล์การแต่งกายอาจบอกให้เห็นถึงรากเหง้าทางความคิด รวมถึงกระแส ค ว า ม เ ค ล่ื อ น ไ ห ว ข อ ง โ ล ก แ ห่ ง ศิ ล ป ะ ซ่ึ ง ยึ ด โ ย ง ผู้ ค น ผ่ า น สุ น ท รี ย ะ แ ห่ ง ก า ร แ ต่ ง ก า ย กระทรวงวัฒนธรรมโดยสำ�นักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ให้ความสำ�คัญและ เลง็ เหน็ ถงึ คณุ คา่ ของผา้ ไทยอนั เปน็ ภมู ปิ ญั ญาทส่ี บื ทอดกนั มา และจากความส�ำ เรจ็ ของโครงการผา้ ไทย ร่วมสมัยชายแดนใต้เม่ือปี ๒๕๕๘ จึงได้ดำ�เนินการต่อยอดเพ่ือให้เกิดความต่อเน่ือง จ น เ กิ ด เ ป็ น โ ค ร ง ก า ร “ พั ฒ น า ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ แ ล ะ อ อ ก แ บ บ ล า ย ผ้ า ไ ท ย ร่ ว ม ส มั ย ช า ย แ ด น ใ ต้ ” (Contemporary Southern Batik by OCAC) ขน้ึ ในปี ๒๕๖๑ โดยรว่ มงานกบั ผปู้ ระกอบการ และกลุ่มแม่บ้านในท้องถ่ิน๓จังหวัดชายแดนใต้ผนวกพ้ืนท่ีในจังหวัดสงขลากับนักออกแบบ เคร่ืองแต่งกายและนักออกแบบผลิตภัณฑ์ช้ันแนวหน้าชาวไทย ๖ ท่าน ซ่ึงเดินทางลงพ้ืนท่ี เพ่ือทำ�ความรู้จักและศึกษาจนเกิดความเข้าใจอัตลักษณ์ของพ้ืนท่ี ทดลองร่วมกันกับ แต่ละกล่มุ จนเกิดเป็นผลงานลวดลายผ้าใหม่ ๆ ท่ถี ูกนำ�มาใช้ในการออกแบบตัดเย็บเคร่อื งแต่งกาย ตลอดจนถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ ผ่านมุมมองและเทคนิคของนักออกแบบจนเกิดเป็น ผลงานท่ีมีความร่วมสมัยและยังคงความซ่ือตรงต่ออัตลักษณ์ของแต่ละพ้ืนท่ีไว้อย่างงดงาม ๖

เม่อื พูดถึงผ้าบาติกมักนึกถึงจังหวัดชายแดนภาคใต้เพราะเอกลักษณ์ทางผืนผ้าท่โี ดดเด่น ด้วยลวดลายสีสันและเร่ืองราวบรรยากาศของชายทะเลหากจะกล่าวถึงจุดเร่ิมแรกของการทำ� บาติกในประเทศไทยนนั้ เรมิ่ มาจากการทำ�ผ้าบาตกิ ลายพมิ พเ์ ทยี นมาก่อน กลา่ วคือ ในปี ๒๔๘๓ ชาวไทยมุสลิมซ่ึงเคยทำ�งานในโรงงานบาติกในประเทศมาเลเซียได้กลับมาทำ�ผ้าบาติก ท่ีอำ�เภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ในยุคแรกใช้วิธีแกะสลักลวดลายบนมันเทศและ มันสำ�ปะหลังมาทำ�เป็นแม่พิมพ์ต่อมาได้ใช้แม่พิมพ์โลหะท่ีผลิตในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ดังน้ันลายผ้ายุคแรกจึงมีลักษณะศิลปะแบบมาเลเซีย ต่อมาในปลายปี ๒๕๒๓ ได้เร่ิม มีการทำ�ผ้าบาติกลายเขียนระบายสี (PaintingBatik) ซ่ึงเป็นผ้าติกท่ีเขียนลายเทียน ด้วยจันต้ิง (Canting) ระบายสีลวดลายบนผืนผ้าท้ังผืนด้วยพู่กันโดยไม่มีการย้อมสี และมี การบรรจุเป็นหลักสูตรสอนการทำ�ผ้าบาติกแก่นักศึกษาวิทยาลัยครูยะลาในปี ๒๕๒๔ ซ่งึ ต่อมา กลายเป็นแหล่งบ่มเพาะและเรียนรู้จนเกิดผู้ประกอบการผ้าบาติกในพ้ืนท่ีอย่างมากมาย จ า ก ค ว า ม สำ � เร็ จ ข อ ง โ ค ร ง ก า ร ผ้ า ไ ท ย ร่ ว ม ส มั ย ช า ย แ ด น ใ ต้ เ ม่ือ ปี ๒ ๕ ๕ ๘ กระทรวงวัฒนธรรม โดยสำ�นักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ได้ดำ�เนินการต่อยอดเพ่อื ให้เกิดความ ต่อเน่ืองจนเกิดเป็นโครงการ“พัฒนาผลิตภัณฑ์และออกแบบลายผ้าไทยร่วมสมัยชายแดนใต้” (Contemporary Souther Batik by OCAC) ข้นึ ในปี ๒๕๖๑ โดยเป็นการร่วมงานระหว่าง ผู้ประกอบการท้องถ่ินจาก ๔ จังหวัดชายแดนใต้ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และพ้ืนท่ี ในจงั หวดั สงขลารว่ มกับนักออกแบบเครอ่ื งแตง่ กายชาวไทย ๓ ทา่ น ไดแ้ ก่ ศรนั ยร์ ัตน์ พรรจิรเจริญ byEverydayKarmakarmet,ธรี ะฉนั ทสวสั ด,์ิ วชิ ระวชิ ญ์อคั รสนั ตสิ ขุ และนกั ออกแบบผลติ ภณั ฑ์ ๓ ทา่ น ไดแ้ ก่ แบรนด์ 56th Studio, แบรนด์ This Means That และ หริ ญั กฤษฏ์ิ ภทั รบรบิ รู ณก์ ลุ ผปู้ ระกอบการจ�ำ นวน ๒๔ รายทเ่ี ขา้ รว่ มโครงการครง้ั นป้ี ระกอบไปดว้ ยผปู้ ระกอบการทเ่ี คยเขา้ รว่ ม โครงการพฒั นาผลติ ภณั ฑผ์ า้ ไทยรว่ มสมยั ชายแดนใต้ ปี ๒๕๕๘ ของส�ำ นกั งานศลิ ปวฒั นธรรมรว่ มสมยั กระทรวงวัฒนธรรมจำ�นว น ๑๒ ราย และเป็นผู้ประกอบการและกลุ่มแม่บ้านท่เี พ่งิ เข้าร่วม โครงการอีก ๑๒ ราย ความร่วมมือในคร้ังน้ีอาศัยการเดินทางลงพ้ืนท่ีของนักออกแบบ เพ่อื ทำ�ความร้จู ักและศึกษาจนเกิดความเข้าใจอัตลักษณ์และคุณค่าของแต่ละพ้นื ท่กี ่อนจะมีการ ทดลองรว่ มกนั สรา้ งสรรค์ จนเกดิ เปน็ ผลงานลวดลายผา้ ใหม่ ๆ ทถ่ี กู น�ำ มาใชใ้ นการออกแบบตดั เยบ็ เครอ่ื งแตง่ กายตลอดจนถงึ การออกแบบผลติ ภณั ฑผ์ า่ นมมุ มองและเทคนคิ ของนกั ออกแบบท้งั ๖ ทา่ น จนเกิดเป็นผลงานท่มี ีความร่วมสมัยโดยคงความซ่อื ตรงต่ออัตลักษณ์ของแต่ละพ้นื ท่ไี ว้อย่างงดงาม ๗

ผา้ บาติกของทอ้ งถน่ิ ยะลา จงั หวดั ยะลาเปน็ จงั หวดั เดยี วใน ๔ จงั หวดั ชายแดนใตท้ ม่ี ลี กั ษณะทางภมู ศิ าสตรไ์ มต่ ดิ ทะเล เป็นจังหวัดท่ีเต็มไปด้วยขุนเขาดิบช้ืนท่ีอุดมไปด้วยพรรณไม้แบบป่าเขตร้อน ทำ�ให้ลวดลาย บาติกของจังหวัดยะลามีลักษณะท่ีแตกต่างจากจังหวัดอ่ืนอยู่บ้าง กล่าวคือผ้าบาติกของ จังหวัดยะลาจะแสดงออกถึงลวดลายของพรรณไม้และภูเขามากกว่าท่ีจะเป็นเร่ืองราว ลวดลายท่ีเก่ียวข้องกับทะเล ซ่ึงตรงกับแนวคิดของนักออกแบบท่ีต้องการให้ผู้ประกอบการ นำ�เสนอความเป็นตัวเอง เล่าเร่อื งผ่านพ้นื ท่ขี องตัวเอง โดยนักออกแบบเพียงแต่ดึงเอาเทคนิคหลัก ของผ้ปู ระกอบการแต่ละท่มี าร่วมกับกระบวนการออกแบบ เพ่อื นำ�ไปส่กู ารสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ จากการท่ีมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลาหรือวิทยาลัยครูยะลาเดิมท่ีเปิดหลักสูตร สอนการทำ�ผ้าบาติกมาอย่างยาวนานต้ังแต่ พ.ศ.๒๕๒๔ และผู้ประกอบการหลายท่าน ของจังหวัดยะลาส่วนหน่ึงผ่านการศึกษาและเรียนรู้การทำ�ผ้าบาติกจากสถานศึกษาแห่งน้ี ซ่ึงอาจจะเป็นส่วนหน่ึงท่ีทำ�ให้ผู้ประกอบการบาติกของจังหวัดยะลาหลายท่านมีทักษะและ ฐานความร้กู ารทำ�ผ้าบาติกในระดับสูง มีเทคนิคท่หี ลากหลายและลวดลายท่คี ่อนข้างจะร่วมสมัย ก ลุ่ ม ท่ี เ ค ย ร่ ว ม โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ผ้ า ไ ท ย ร่ ว ม ส มั ย ช า ย แ ด น ใ ต้ ของสำ�นักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรมในปี ๒๕๕๘ ในเขตจังหวัดยะลา คือ อาดือนันบาติก, เก๋บาติก และศรียะลาบาติก ซ่งึ งานบาติกของท้งั สามกล่มุ น้มี ีความเฉพาะตัวท่ี โดดเด่น อันเน่ืองมาจากประสบการณ์งานศิลปะและเทคนิคการทำ�บาติกท่ีสะสมมานับสิบปี สามารถท่ีจะร่วมออกแบบลายร่วมกับนักออกแบบได้ดี โดยผู้ประกอบการตีความคำ�ตอบจาก โจทย์ของนักออกแบบตามมุมมองและความเข้าใจของแต่ละคน และรังสรรค์ผลิตงานผ่านเทคนิค ท่แี ต่ละคนมีความชำ�่ ชองชำ�นาญ ท่ถี ึงแม้จะทำ�ให้คำ�ตอบต่างกัน แต่ก็มีเสน่ห์ของคำ�ตอบแต่ละคน กลุ่มอาดำ�บาติก, อิบรอเฮงบาติกและมายาบาติก เป็นกลุ่มที่เพิ่งเข้าร่วมโครงการ “พัฒนาผลิตภัณฑ์และออกแบบลายผ้าไทยร่วมสมัยชายแดนใต้ (Contemporary Southern Batik by OCAC) ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ครั้งนี้ ๘

อาดอื นันบาติก ๒๕๕๑ จ.ยะลา ​ด้วยสำ�เร็จการศึกษาทางศิลปะ กอปรกับได้แรงบันดาลใจจากการเห็นคุณลุงทำ�ผ้าบาติก และเหน็ อปุ กรณก์ ารท�ำ ผา้ บาตกิ ของคณุ ลงุ ทห่ี ลงเหลอื อยใู่ นบา้ น จงึ เกดิ ความสนใจและมงุ่ มน่ั ทจ่ี ะท�ำ ผา้ บาตกิ ดว้ ยจงั หวดั ยะลาไมม่ ที ะเล จงึ พยายามคน้ หาลายอน่ื ๆ จากพน้ื ทจ่ี นไดค้ น้ พบลายหนิ ออ่ น คดิ คน้ พฒั นาจนเกดิ ทกั ษะ และกลายเปน็ ลายหนิ ออ่ นทง่ี ดงามจนกลายเปน็ เอกลกั ษณข์ องอาดอื นนั บาตกิ ในทส่ี ดุ นอกจากลายหนิ ออ่ นแลว้ งานพมิ พผ์ า้ ของอาดนิ นั บาตกิ ยงั ใชว้ ธิ กี ารพมิ พด์ ว้ ยโลหะใหก้ ลายเปน็ ลายทแ่ี ปลก แทรกดว้ ยงานศลิ ปะประยกุ ตล์ งไปในผา้ ท�ำ ใหม้ มี ติ แิ ปลกใหมท่ ง้ั รปู แบบสี ลายเสน้ ผนื ผวิ นอกจากนน้ั ยงั ใชเ้ ทคนคิ เพน้ ตส์ นี �ำ้ แบบเปยี กบนเปยี ก (ใชแ้ ปรง พกู่ นั ชมุ่ ๆ ระบายบนผา้ ชมุ่ ๆ ) เปยี กบนแหง้ (สชี มุ่ ๆ ลงบนผนื ผา้ ทย่ี งั ไม่โดนน้ �ำ ) แหง้ บนแหง้ (สหี นดื ๆ เหนยี ว ๆ ลงบนผา้ ยงั ไม่โดนน�ำ ้ ) รวมถงึ การใชพ้ กู่ นั หมาด ๆ จิ้มสีผงท่ยี ังไมล่ ะลายนำ�้ และยงั ใชซ้ ลิ เิ กตในการเขียน วาดระบายอกี ด้วย อาดอื นนั กาปา ประธานกลมุ่ อาดอื นนั บาตกิ เลา่ วา่ เรม่ิ ท�ำ ผา้ บาตกิ ในแบบทเ่ี ขยี นดว้ ยจนั ตง้ิ ฟองน�ำ ้ แปรง และเศษผา้ ในการเขยี นลวดลาย ซง่ึ เมอ่ื ท�ำ ไประยะหนง่ึ กพ็ บวา่ สนิ คา้ ทเ่ี ปน็ ผา้ บาตกิ จะมลี กั ษณะคลา้ ย ๆ กนั มลี วดลายเหมอื นกนั ไมว่ า่ จะเปน็ ลายดอกไม้ หรอื ลายอน่ื ๆ ดงั นน้ั อาดอื นนั จงึ มาคิดใหม่ว่าจะทำ�อยา่ งไรให้บาตกิ ของตนมีความแตกตา่ งไปจากบาตกิ รายอน่ื ๆ ต่อมาจึงพยายาม สรา้ ง สรรคผ์ า้ บาตกิ สรา้ งเอกลกั ษณ์ อตั ลกั ษณข์ องกลมุ่ จนไดค้ ดิ คน้ ลายหนิ ออ่ นขน้ึ มา เนอ่ื งจากในพน้ื ท่ี จงั หวัดยะลามีภูเขาหินปนู และหนิ ออ่ น และหินอ่อนยะลาเป็นหนิ อ่อนที่มีชื่อเสียง ในช่วงแรก ๆ ทห่ี ดั ท�ำ ลายหนิ ออ่ นกล็ องผดิ ลองถกู บนผา้ โดยน�ำ เรอ่ื งราวของหนิ ออ่ นมาอยบู่ นผา้ แตไ่ มป่ ระสบความส�ำ เรจ็ กระทง่ั หาเทคนคิ ในการลงลายหนิ ออ่ นไดใ้ นชว่ งปลายปี ๕๔ จนถกู คดั เลอื กใหเ้ ปน็ สนิ คา้ โอทอป ระดบั ๕ ดาว ของจงั หวดั ยะลา จากนน้ั กไ็ ดม้ กี ารท�ำ ผลติ ภณั ฑผ์ า้ บาตกิ ลายหนิ ออ่ นเรอ่ื ย ๆ และไดร้ บั ความสนใจ จากลกู คา้ เปน็ อยา่ งมาก เพราะผา้ บาตกิ ลายหนิ ออ่ นทต่ี นคดิ ขน้ึ ถอื เปน็ แหง่ เดยี วในประเทศไทย อาดอื นนั บาตกิ มคี วามโดดเดน่ ในการท�ำ ผา้ บาตกิ ลายเขยี นทม่ี คี วามแปลกแทรกงานศลิ ปะ ประยกุ ต์ ลงไปในผา้ ใหม้ มี ติ คิ วามแปลกใหมท่ ง้ั รปู แบบ สี ลายเสน้ พน้ื ผวิ โดยมลี กั ษณะลวดลายในเชงิ นามธรรม มากกวา่ ทจ่ี ะเปน็ ลายตามขนบทน่ี ยิ มทว่ั ไป จากความเชย่ี วชาญในเทคนคิ การสรา้ งลายแบบนามธรรม จึงทำ�ให้อาดือนันบาติกสามารถประยุกต์มาเป็นผ้าบาติกลายหินแตก ซึ่งเป็นลายท่ีเป็นเอกลักษณ์ ของกลมุ่ ในปจั จบุ นั ๙

ศรยี ะลาบาตกิ ๒๕๔๘ จ.ยะลา ​ศรยี ะลาบาตกิ เปน็ กลมุ่ อนรุ กั ษแ์ ละรอ้ื ฟน้ื ผา้ พน้ื ถน่ิ รอ้ื ฟน้ื ลายโบราณ เชน่ ผา้ ปอื ลางงิ หรอื ปะลางงิ ซง่ึ ไดส้ ญู หายไปจากทอ้ งตลาดตง้ั แต่ ปี ๒๔๗๕ ปจั จบุ นั กลายเปน็ ผา้ ทถ่ี กู สะสม ดว้ ยความโดดเดน่ ทาง เทคนิคด้วยการใช้แม่พิมพ์ไม้แบบโบราณ การใช้สีแบบโบราณ ใช้สีธรรมชาติ การทำ�ผ้าปะลางิง ลายดง้ั เดมิ แรงบนั ดาลใจจากการพบผา้ โบราณและพดู คยุ กบั ผรู้ หู้ ลาย ๆ ทา่ น แนะน�ำ ใหร้ อ้ื ฟน้ื ผา้ ปะลางงิ ในฐานะนกั ออกแบบและความตอ้ งการทจ่ี ะอนรุ กั ษผ์ า้ ปะลางงิ ปยิ ะ สวุ รรณพฤกษ์ ไดท้ �ำ การคน้ ควา้ ความรเู้ รอ่ื งผา้ ปะลางงิ จากหอสมดุ แหง่ ชาตแิ ละแหลง่ ความรอู้ น่ื เพม่ิ เตมิ ท�ำ ใหท้ ราบวา่ ผา้ ปะลางงิ (Kain Pelangin) เปน็ ผา้ ทค่ี น้ พบครง้ั แรกเมอ่ื ปี ๒๔๗๒ พบในขบวนรบั เสดจ็ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลท่ี ๗) ทม่ี ณฑลปตั ตานี โดยผทู้ เ่ี ขา้ รว่ มขบวนรบั เสดจ็ จ�ำ นวนมากตา่ งกแ็ ตง่ กายและใสเ่ สอ้ื ผา้ ท่ี ตดั เยบ็ จากผา้ ปะลางงิ ใชว้ ธิ กี ารดว้ ยการคาด หรอื วธิ นี งุ่ บางคนใชว้ ธิ กี ารท�ำ เปน็ ผา้ หม่ แบบสไบ ปยิ ะ อธบิ ายวา่ “ผา้ ปะลางงิ ” เปน็ ผา้ ทอมอื ทใ่ี ชเ้ ทคนคิ การพมิ พล์ ายบนผนื ผา้ ดว้ ยแมพ่ มิ พไ์ ม้ ทแ่ี กะสลกั เปน็ ลวดลายตา่ ง ๆ ผา้ ปะลางงิ เปน็ ผา้ หลากสี มหี ลายเทคนคิ อยใู่ นผา้ หนง่ึ ผนื ตง้ั แตเ่ ทคนคิ การมดั ยอ้ มเพอ่ื ใหเ้ กดิ ตวั ลายขน้ึ มากอ่ น และเทคนคิ การเขยี นเทยี นปดิ ตวั ลาย หลงั จากนน้ั กเ็ ปน็ เทคนคิ ลา้ งเอาสที ย่ี อ้ มออก ใหเ้ หลอื แตส่ ที ต่ี ดิ ตวั ลายไว้ หลงั จากนน้ั ถงึ จะลงสพี น้ื แลว้ ถงึ เรม่ิ ขบวนการพมิ พล์ าย เมอ่ื พมิ พเ์ สรจ็ แลว้ จงึ จะท�ำ การเพน้ ต์ และท�ำ การปดิ เทยี นในหวั ผา้ ใสแ่ สงเงาในตวั หวั ผา้ ซง่ึ ผา้ ปะลางงิ หนง่ึ ผนื จะมหี ลากหลายสี แตโ่ ทนสจี ะเปน็ คสู่ ตี ดั กนั ผา้ ปะลางงิ จงึ เปน็ ผา้ ทม่ี เี ทคนคิ การผลติ คอ่ นขา้ งยงุ่ ยากและหลายขน้ั ตอน จดุ เดน่ ของผา้ ปะลางงิ ทส่ี �ำ คญั คอื ตวั ลวดลายทอ่ี ยบู่ นผนื ผา้ เพราะลายผา้ ปะลางงิ โดยทล่ี ายทอของผา้ ไดถ้ อดแบบมาจากแมพ่ มิ พไ์ ม้ แลว้ มาเขยี นกราฟ ซง่ึ จะมคี วามแตกตา่ งกนั และการ ทอกม็ ลี กู เลน่ ในลายเนอ้ื ผา้ มกี ารใชว้ ฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ มาเปน็ ตวั เลา่ เรอ่ื งผา้ เชน่ ตวั ลวดลายทแ่ี กะไม้ ออกมากม็ าจากลวดลายชอ่ งลมโบราณ ลวดลายกนั สาด ลวดลายราวประตู กระเบอ้ื งโบราณ หรอื ลวดลายจากสถาปตั ยกรรมในทอ้ งถน่ิ มาถา่ ยทอด มาเลา่ เรอ่ื งผา่ นลายผา้ ทส่ี ะทอ้ นเอกลกั ษณภ์ มู ปิ ญั ญา ทอ้ งถน่ิ ทม่ี คี วามเชอ่ื มโยงเกย่ี วพนั กบั วถิ ชี วี ติ ในพน้ื ท่ี จากการท่ี ปิยะ ค้นคว้าเร่อื งราวของผ้าปะลางิง และฟ้นื ฟูข้นึ มาใหม่ ทำ�ให้ผลิตภัณฑ์จาก ศรยี ะลาบาตกิ เช่น กระเปา๋ เครื่องนอนและตกุ๊ ตา มจี ุดเด่นในเร่ืองลวดลายและเทคนคิ ท่ีแตกต่าง จากผปู้ ระกอบการรายอน่ื ซง่ึ นอกจากจะมลี ายดอกไม้ พชื พรรณบนผนื ผา้ ปะลางงิ แลว้ ยงั มลี วดลาย วงั โบราณ แมพ่ มิ พข์ นม เครอ่ื งทรง ปรากฏบนผนื ผา้ ของศรยี ะลาบาตกิ อกี ดว้ ย ๑๐

เกบ๋ าตกิ ๒๕๔๙ จ.ยะลา จากกลุม่ เยาวชนแฮนดเ์ พน้ ต์ในเริม่ แรกทร่ี วมกลมุ่ กัน ๓ - ๕ คน เพอ่ื ผลิตขายในท้องถ่นิ เปน็ อาชพี เสรมิ หลงั จากวา่ งงาน และพฒั นาไปสกู่ ารท�ำ ผา้ บาตกิ ทเ่ี ปน็ อาชพี หลกั จนกลายเปน็ แบรนด์ เก๋บาติกซึ่งมีอัตลักษณ์เป็นผ้าบาติกงานเขียนลายเพ้นต์ด้วยมือ และพัฒนารูปแบบสินค้า ให้มคี วามหลากหลายเปน็ ทต่ี อ้ งการของลกู คา้ จนถงึ ปจั จบุ นั มสี มาชกิ หลกั ประมาณ ๑๐ คน และเปน็ เยาวชนฝกึ งาน ๑๐ คน โดยปกตแิ ลว้ ผปู้ ระกอบการบาติกท่ัวไปมกั จะใชแ้ มพ่ ิมพ์ ทัง้ แม่พมิ พไ์ มแ้ ละแมพ่ มิ พโ์ ลหะ ในการท�ำ ลวดลายเปน็ หลักในการพมิ พ์ลวดลายบนผนื ผา้ และใชจ้ นั ติง้ ในการลงเทยี นร้อนเพ่อื กนั สี ในการสรา้ งผนื ผา้ บาตกิ แตช่ น้ิ งานผา้ ของเกบ๋ าตกิ ใชก้ ารเขยี นลวดลายบนผนื ผา้ โดยการเขยี นมอื ทง้ั ผนื ซง่ึ ในระยะแรกทก่ี อ่ ตง้ั กลมุ่ ใชจ้ นั ตง้ิ และเทยี นรอ้ นในการเขยี นลวดลายเหมอื นกลมุ่ ผปู้ ระกอบการบาตกิ รายอน่ื ๆ แตป่ จั จบุ นั ไดพ้ ฒั นาจนกลายเปน็ คอนเสป็ อโิ คดไี ซน์ (eco-design การออกแบบทเ่ี ปน็ มติ ร กบั สง่ิ แวดลอ้ ม) โดยการใชเ้ ทยี นเยน็ ใสใ่ นหลอดบบี แทนการใชเ้ ทยี นรอ้ นทต่ี อ้ งตม้ นอกจากการเขยี นลาย ดว้ ยมอื ลว้ นแลว้ กย็ งั ใชบ้ ลอ็ กพมิ พอ์ ยบู่ า้ ง ผลติ ภณั ฑจ์ ากผา้ บาตกิ ถกู แปรรปู กลายเปน็ ผา้ ชน้ิ ผา้ แฟชน่ั ผา้ นงุ่ ผา้ พนั คอ ผา้ ผนื กระเปา๋ เสอ้ื แฟชน่ั ของทร่ี ะลกึ เปน็ ตน้ จุดเด่นผลิตภัณฑ์ของกลุ่มเก๋บาติกคือ การวาดลายเส้นที่พริ้วไหว เป็นการวาดลวดลาย แบบการใชล้ ายเสน้ อสิ ระ (Free hand) เปน็ หลกั ซง่ึ ตอ้ งอาศยั ทกั ษะสงู ในการบงั คบั มอื เพอ่ื ทจ่ี ะสามารถ วาดลายเสน้ ใหส้ วยงามไดต้ ามตอ้ งการ และใชเ้ ทคนคิ บาตกิ ซอ้ นสี ลงในชน้ิ งาน ท�ำ ใหช้ น้ิ งานแตกตา่ งจาก ผปู้ ระกอบการรายอน่ื ดว้ ยความทจ่ี งั หวดั ยะลาเปน็ จงั หวดั ทไ่ี มต่ ดิ ทะเล ลวดลายของเกบ๋ าตกิ จงึ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลและแรงบนั ดาลใจจากธรรมชาตขิ องสภาพแวดลอ้ มทเ่ีปน็ ภเูขา เชน่ ตน้ ไม้ ใบหญา้ ปา่ เขา ล�ำ เนาไพร เปน็ ตน้ ๑๑

อบิ รอเฮงบาติก ๒๕๔๕ จ.ยะลา กลมุ่ อบิ รอเฮงบาตกิ เปน็ กลมุ่ วสิ าหกจิ ชมุ ชนทร่ี วบรวมสมาชกิ ในอ�ำ เภอกรงปนิ งั จงั หวดั ยะลา เพอ่ื ผลติ ผา้ บาตกิ ตง้ั แตป่ ี ๒๕๔๘ โดยชาวบา้ นไดม้ ารวมกลมุ่ กนั ท�ำ ผา้ บาตกิ มสี มาชกิ จ�ำ นวน ๒๕ คน ผลติ เสอ้ื ผา้ เชด็ หนา้ ของช�ำ รว่ ยตา่ ง ๆ โดยจะผลติ ตามความตอ้ งการของตลาด เพอ่ื จ�ำ หนา่ ยในพน้ื ท่ี และน�ำ ไปจ�ำ หนา่ ยเปน็ สนิ คา้ โอทอปของจงั หวดั ยะลา ส�ำ หรบั จดุ เดน่ ของผา้ บาตกิ จะเปน็ ทล่ี ายผา้ ซง่ึ เปน็ เอกลกั ษณใ์ นพน้ื ท่ี มลี วดลายเสน้ เทยี นเลก็ และเทา่ กนั หมดไดส้ ที ส่ี วยงามตามธรรมชาติ และเปน็ ประเภทแฮนดเ์ มดเนอ่ื งจากอ�ำ เภอกรงปนิ งั เปน็ อำ�เภอรอบนอกตัวเมืองที่ชาวบ้านมีอาชีพหลักคือเกษตรกรรม กอรปกับอำ�เภอกรงปินังเป็นพื้นที่ ทม่ี เี หตกุ ารณร์ นุ แรงหรอื เปน็ พน้ื ทส่ี แี ดง ดว้ ยความทส่ี มาชกิ จะมอี าชพี อน่ื ดว้ ย เชน่ การท�ำ สวนยางพารา และสวนผลไม้ จงึ มีข้อจำ�กัดในเร่ืองเวลาในการท�ำ ผลติ ภณั ฑแ์ ละการวางจ�ำ หนา่ ยผลิตภัณฑท์ ไี่ ม่ได้ วางจ�ำ หนา่ ยในตวั จงั หวดั ​กอ่ นจะก�ำ เนดิ กลมุ่ อบิ รอเฮงบาตกิ นายอบิ รอเฮง มดี ามี ผกู้ อ่ ตง้ั ไดไ้ ปฝกึ ท�ำ งานเปน็ ลกู มอื ในโรงงานบาติกในประเทศมาเลเซยี เป็นเวลาหา้ ปี เมอ่ื กลบั มาอยบู่ ้านทีอ่ ำ�เภอกรงปนิ งั จึงไดร้ เิ ริม่ ชกั ชวนชาวบา้ นใกล้เคียงมาฝกึ ทำ�ผ้าบาติก โดยอบิ รอเฮงไดน้ �ำ ความรู้ที่ไดม้ าถา่ ยทอดและสอนแก่ ชาวบา้ น เพอ่ื เปน็ อาชพี เสรมิ สรา้ งรายไดใ้ หแ้ กช่ าวบา้ นในชมุ ชน งานของกลมุ่ อบิ รอเฮงบาตกิ ในระยะแรก จึงได้รับอิทธิพลทั้งเทคนิคและลวดลายของมาเลเซีย โดยลายของผ้าบาติกในระยะเริ่มแรกมาจาก การทอ่ี บิ รอเฮงไดซ้ อ้ื แมพ่ มิ พด์ อกลาย “อนิ ตนั ไบดรู ี (Intan Baiduri)” ซง่ึ เปน็ ลายผา้ โบราณจากประเทศ มาเลเซีย จำ�นวน ๑๑ บล็อกมาผลิตเป็นผ้าบาติก ซึ่งเป็นลายที่อิงตามความนิยมของตลาดที่นั้น แต่เมื่อเปิดกิจการทำ�ผ้าบาติกได้เริ่มสังเกตสภาพแวดล้อมในพื้นที่จนสามารถจับสิ่งรอบตัว มาสร้างให้กลายเป็นจุดเด่น ด้วยลวดลายธรรมชาติ ใบไม้ เป็นต้น ปัจจุบันได้ทดลองการทำ�ลาย แนวศิลปะสะบัดเทียน ทำ�ให้เกิดรูปแบบลายใหม่ ๆ ฉีกออกจากแนวเดิม จากผลิตภัณฑ์ผ้าบาติก ไดแ้ ปรรปู เปน็ สนิ คา้ เชน่ ผา้ ชน้ิ เปน็ เครอ่ื งแตง่ กาย เสอ้ื ล�ำ ลอง แขนสน้ั แขนกดุ เปน็ ตน้ ๑๒

กลมุ่ ผา้ มดั ยอ้ มสมี ายา ๒๕๕๘ จ.ยะลา ปจั จบุ นั ในสงั คมทน่ี ยิ มและแสวงหาความเปน็ ธรรมชาติ เราสามารถหาสยี อ้ มธรรมชาตทิ ม่ี าจาก พืชพรรณต่าง ๆ แต่หากสีย้อมผ้าที่มาจากดินนั้นเชื่อได้ว่าจะไม่สามารถหาได้จากที่ใด นอกจาก “กลมุ่ ยอ้ มสธี รรมชาตศิ รมี ายา” ต�ำ บลหนา้ ถ�ำ้ อ�ำ เภอเมอื ง จงั หวดั ยะลา ชุมชนตำ�บลหน้าถำ�้ อำ�เภอเมือง จังหวัดยะลา เป็นชุมชนที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากร ทางธรรมชาติ ประเพณี วัฒนธรรม ภูมิปัญญา อาหาร ผลไม้และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ของพระพทุ ธไสยาสน์ ทป่ี ระดษิ ฐานอยภู่ ายใน“วดั คหู าภมิ ขุ ” หรอื “วดั หนา้ ถ�ำ้ ” ซง่ึ มจี ติ รกรรมฝาผนงั ถ�ำ ้ ศลิ ปอ์ ายมุ ากกวา่ ๑,๐๐๐ ปี และจากการรวมตวั ของแมบ่ า้ น ทส่ี นใจศลิ ปะการมดั ยอ้ มโดยพยายามใช้ สธี รรมชาตแิ ละวตั ถดุ บิ ทม่ี อี ยใู่ นทอ้ งถน่ิ ต�ำ บล หนา้ ้ ถ�ำ มายอ้ มผนื ผา้ สรา้ งผลติ ภณั ฑ์ ทางกลมุ่ ไดผ้ ลติ ผา้ ส�ำ หรบั ตดั เยบ็ เสอ้ื ผา้ กระเปา๋ สะพาย ผา้ พนั คอ ผา้ คลมุ ไหล่ และมดั ยอ้ มเสอ้ื ยดื เปน็ ตน้ แรกเรม่ิ ทาง กลมุ่ ไดแ้ รงบนั ดาลใจจากวทิ ยาลยั ชมุ ชนทเ่ี สนอใหม้ กี ารผลติ ของทร่ี ะลกึ ส�ำ หรบั นกั ทอ่ งเทย่ี วทม่ี าเยอื น ต�ำ บลห้ นา้ ถ�ำ จงึ เปน็ ทม่ี าของการรวมกลมุ่ เพอ่ื คน้ หาสง่ิ ทม่ี อี ยใู่ นชมุ ชนหรอื จดุ เดน่ ของชมุ ชนนน่ั กค็ อื ดนิ สมี ายาทส่ี ามารถยอ้ มผา้ ไดด้ จี นกลายเปน็ เอกลกั ษณข์ องกลมุ่ มดั ยอ้ มสมี ายาในทส่ี ดุ เนาวรตั น์ นอ้ ยพงษ์ ประธานกลมุ่ สธี รรมชาตสิ มี ายา เลา่ วา่ เดมิ ทกี ลมุ่ สมาชกิ รวมตวั กนั ผลติ ผา้ มดั ยอ้ มสจี ากธรรมชาติโดยทัว่ ๆ ไป ตัดเยบ็ เป็นเคร่อื งแต่งกายประเภทเสอื้ ยดื เส้อื เช้ติ ผา้ คลมุ ผ้าเช็ดหน้าซง่ึ รปู แบบไมแ่ ตกตา่ งจากผลติ ภณั ฑท์ ว่ี างจ�ำ หนา่ ยตามทอ้ งตลาดทว่ั ไปทม่ี กั จะผลติ ออกมา คลา้ ย ๆ กนั ท�ำ ใหต้ อ้ งแขง่ ขนั แยง่ ตลาดกนั เอง ทางกลมุ่ จงึ พยายามคดิ หาจดุ ขายใหม่ ๆ ใหส้ นิ คา้ และจาก การสงั เกตวา่ “ดินมายา” ท่ีมาจากในถำ�้ ซ่ึงเกดิ จากการทับถมของสง่ิ มีชวี ติ เป็นหมนื่ ปีจนกลายเป็น ดินน้นั มสี สี วย และเมอ่ื ผา้ สขี าวทส่ี วมใสต่ ดิ ดนิ มายาแลว้ จะลา้ งออกยาก สมาชกิ จงึ ไดน้ �ำ ดนิ มายาซง่ึ มี ลกั ษณะจ�ำ เพาะอยู่ในภเู ขาถ�ำ้ และภเู ขาก�ำ ปน่ั ซง่ึ เปน็ ภเู ขาหนิ ปนู ทม่ี ถี �ำ้ โบราณทอ่ี ยใู่ นชมุ ชนมาเปน็ วตั ถดุ บิ ในการท�ำ สยี อ้ มผา้ และน�ำ ลายจติ รกรรมจากฝาผนงั ถ�ำ้ ศลิ ปโ์ บราณอายกุ วา่ ๑,๐๐๐ ปี มาสรา้ งเปน็ ลาย บนผนื ผา้ จนเกดิ เปน็ ผลติ ภณั ฑท์ ม่ี สี แี ละลวดลายเปน็ เอกลกั ษณข์ องกลมุ่ ทส่ี ะทอ้ นถงึ อตั ลกั ษณเ์ ฉพาะถน่ิ ไดอ้ ยา่ งโดดเดน่ ขน้ั ตอนการยอ้ มผา้ ของกลมุ่ สมี ายา ขน้ั ตอนแรกคอื การเตรยี มผา้ เสน้ ใยธรรมชาตคิ ณุ ภาพดี และไมผ่ า่ นการฟอกสมี าพบั บดิ และผกู ดว้ ยยาง เพอ่ื เปน็ การสรา้ งลวดลาย จากนน้ั จงึ น�ำ มาแชไ่ วใ้ น ‘น�ำ้ ดนิ มายา’ ทม่ี าจากกระบวนการสกดั สจี ากดนิ สมี ายา โดยน�ำ ดนิ มาตม้ จนไดส้ ี กรองแยกเศษดนิ จน เหลอื เฉพาะน�ำ้ เพอ่ื น�ำ ไปยอ้ มสผี า้ ตามลวดลายทต่ี อ้ งการ ขน้ั ตอนการกรองเปน็ สง่ิ ทส่ี �ำ คญั ทต่ี อ้ งกรองซ�ำ ้ จนกวา่ จะมน่ั ใจวา่ สะอาดจรงิ เนาวรตั น์ เลา่ วา่ “การสกดั สจี ากดนิ สมี ายาจะไดส้ ยี อ้ มผา้ เปน็ สโี ทนสม้ ออ่ นๆ คลา้ ยสกี อ้ นอฐิ เมอ่ื กรองหลายครง้ั กจ็ ะไดส้ สี นั ทแ่ี ตกตา่ งกนั ออกไปตามความเขม้ ออ่ นของดนิ ” ปัจจุบันกลุ่มสีมายามีลวดลายที่ใช้ในการผลิตชิ้นงานของผ้าทั้งหมด ๘ แบบ คือ ๑.ลายใยแมงมุม ๒.ลายปล้องไผ่ ๓.ลายดอกทานตะวัน ๔.ลายข้าวหลามตัด ๕.ลายดอกพิกุล ๖.ลายขดลวด ๗.ลายรวิ้ ทอง และ ๘.ลายที่มาจากภาพเขียนบนผนังภายในถำ�้ ซึ่งเป็นภาพวิถีชีวิต ของคนในสมยั โบราณก�ำ ลงั ลา่ สตั ว์ มาแกะเปน็ บลอ็ กสกรนี ลงบนผนื ผา้ ๑๓

อาดำ�บาตกิ ๒๕๕๑ จ.ยะลา ​ผลติ ภณั ฑผ์ า้ บาตกิ ของรา้ นอาด�ำ บาตกิ มตี ง้ั แต่ ของฝาก ของช�ำ รว่ ย ของทร่ี ะลกึ ผา้ ชน้ิ ผา้ พนั คอ เสอื้ ส�ำ เร็จรปู เปน็ ตน้ นอกจากจะผลิตผ้าขนึ้ มาเองแลว้ ยังมีการน�ำ เข้าผ้าปาเต๊ะอินโดมาออกแบบ ตดั เยบ็ เปน็ สนิ คา้ ของรา้ นอกี ดว้ ย รวมทง้ั ยงั ผลติ ผา้ ตามฤดกู าล หรอื เทศกาล โดยพยายามดงึ จดุ เดน่ จากเอกลกั ษณข์ องจงั หวดั ตา่ ง ๆ มาสรา้ งสรรคเ์ ปน็ ลวดลาย เชน่ กรชิ ผกั กดู พืชพรรณ นกกรงหวั จกุ เรอื กอและ เปน็ ตน้ นำ�้ เงคินวามม่วแงตเกขตียา่วงทกโ่ีลดุ่มดโเทดน่นขสอีมงืดผลเชติ ่นภณั สฑีดผ์ำ�า้ สขีเอทงากลสมุ่ ีนอำ�้าเดง�ำินบดาำ�ตกิแคลอื ะสกีโาทรในชสส้ วโี ท่านงใเนยน็รูปเปแน็ บหบลหกั วเชานน่ สีฟ้า ในลกั ษณะของสแี นว Pastel รวมทง้ั การดอกลายทเ่ี ลก็ ประณตี คลา้ ยดอกลายผา้ ปาเตะ๊ ทน่ี ยิ มใชก้ นั ในหมชู่ าวจนี เปอรานากนั หรอื ชาว “บะบา๋ ยะหยา” ในภเู กต็ ท�ำ ใหผ้ นื ผา้ ทผ่ี ลติ โดยกลมุ่ อาด�ำ บาตกิ เมอ่ื น�ำ ไปตดั เยบ็ เปน็ เสอ้ื ผา้ แลว้ จะมลี กั ษณะทส่ี วยงามแปลกตาและโดดเดน่ ตา่ งจากผา้ บาตกิ อน่ื และ นอกเหนือจากการผลิตผืนผ้าบาติกที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองแล้ว กลุ่มอาดำ�บาติกยังผลิตตามแบบ ทล่ี กู คา้ ตอ้ งการ รวมถงึ การรบั ตดั เยบ็ เปน็ เสอ้ื ผา้ ส�ำ เรจ็ รปู ตามลกู คา้ สง่ั ซง่ึ ตลาดโดยมากมกั จะเปน็ องคก์ ร และหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ของรฐั ทง้ั ในและนอกพน้ื ท่ี นอกจากรา้ นอาด�ำ บาตกิ จะเปน็ แหลง่ ผลติ และจ�ำ หนา่ ยผลติ ภณั ฑบ์ าตกิ แลว้ ยงั เปน็ สถานท่ี ดงู านของนกั ศกึ ษาศลิ ปะและผสู้ นใจศกึ ษากระบวนการผลติ ผา้ บาตกิ อกี ดว้ ย จากเดมิ เปดิ เพยี งคหู าเดยี ว ปจั จบุ นั กจิ การมคี วามกา้ วหนา้ และรงุ่ เรอื งจงึ เปดิ เปน็ สองคหู าตง้ั อยโู่ ดดเดน่ ตรงหวั มมุ ถนนผงั เมอื ง ๖ ต�ำ บลสะเตง อ�ำ เภอเมอื ง จงั หวดั ยะลา ๑๔

ผา้ บาตกิ ของปัตตานี จงั หวดั ปตั ตานเี ปน็ จงั หวดั ทม่ี อี ตุ สาหกรรมการท�ำ ประมงขนาดใหญแ่ หง่ หนง่ึ ของประเทศไทย มีหมู่บ้านชาวประมงตลอดชายฝ่ังในหลายอำ�เภอ เป็นเมืองเก่าแก่ท่ีผู้คนอยู่ร่วมกันในสังคม พหุวัฒนธรรมอย่างยาวนาน ผ้าโบราณท่ีมีช่ือเสียงของจังหวัดปัตตานีคือผ้าลีมาหรือ ผ้าจวนตานี ซ่ึงเป็นผ้าทอพ้ืนเมืองโบราณท่ีประณีตสวยงามและหาได้ยากย่ิงในปัจจุบัน สำ�หรับผ้าบาติกในจังหวัดปัตตานี ส่วนใหญ่เร่มิ ทำ�หลังจากเกิดกล่มุ ผ้ปู ระกอบการบาติก ในจังหวัดนราธิวาส ส่วนหน่งึ มาจากผ้ปู ระกอบการในนราธิวาสท่แี ยกตัวมาทำ�ในจังหวัดปัตตานี สว่ นหนง่ึ มาจากการไดศ้ กึ ษาความรจู้ ากมหาวทิ ยาลยั ราชภฎั ยะลา บางกลมุ่ ไดร้ บั การอบรมหรอื ศกึ ษา จากสถาบันกัลยาณิวัฒนา และคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และมหี ลายกลมุ่ ทเ่ี กดิ จากการรวมตวั และไดร้ บั การสง่ เสรมิ จากภาครฐั เดิมทีลวดลายบาติกในจังหวัดปัตตานีก็ไม่ได้แตกต่างจากบาติกในพ้ืนท่ีอ่ืนมากนัก ท้ังในเร่ืองลวดลาย โทนสีและเทคนิคการทำ�บาติก ผลิตเพ่ือเป็นของท่ีระลึกและตัดเย็บ เป็นเสื้อผ้าสำ�หรับหน่วยงานราชการเป็นหลัก ภายหลงั จากทไ่ี ดเ้ ขา้ รว่ มโครงการผา้ ไทยรว่ มสมยั ชายแดนใตข้ องส�ำ นกั งานศลิ ปวฒั นธรรมรว่ มสมยั กระทรวงวัฒนธรรม ในปี ๒๕๕๘ ผู้ประกอบการ ๓ กลุ่ม คือ บาติก เดอนารา, รายาบาติก และบาราโหมบาตกิ ไดพ้ ฒั นาลวดลายและเทคนคิ การท�ำ บาตกิ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งเสมอมา โดยมเี รอ่ื งราว ท่ีสะท้อนเสน่ห์ของพ้ืนท่ีจังหวัดชายแดนใต้ในรูปแบบท่ีร่วมสมัยมากข้ึน และในโครงการ “พัฒนาผลิตภัณฑ์และออกแบบลายผ้าไทยร่วมสมัยชายแดนใต้” ปี ๒๕๖๑ ในคร้ังน้ี ผู้ประกอบการสามารถใช้เทคนิคเฉพาะตัวของแต่ละกลุ่มในการทำ�งานร่วมกันกับนักออกแบบ เข้าใจแนวคิดของนักออกแบบและใช้ประสบการณ์ท่ีมียาวนานมาสร้างสรรค์ช้ินงานท่ีร่วมสมัย และก้าวข้ามความเป็นจารีตพื้นถิ่นได้อย่างสวยงาม เชน่ เดยี วกบั ทจ่ี งั หวดั อน่ื โครงการ“พฒั นาผลติ ภณั ฑแ์ ละออกแบบลายผา้ ไทยรว่ มสมยั ชายแดนใต”้ ปี ๒๕๖๑ ในคร้งั น้ี มีผ้ปู ระกอบการใหม่ท่มี าร่วมโครงการด้วยเช่นกัน คือ กล่มุ ผ้าบาติกเมืองยอน, บางเก่าบาติก และกลุ่มตันหยงปาตานี ๑๕

บาตกิ เดอ นารา ๒๕๓๗ จ.ปตั ตานี ​จดุ เรม่ิ ตน้ ของความสนใจในผา้ บาตกิ จากนราธวิ าสเปน็ ของฝากแกเ่ พอ่ื นๆ จนรสู้ กึ ไดว้ า่ ผา้ บาตกิ ไดร้ บั การตอ้ นรบั อยา่ งดจี ากผคู้ น แตด่ ว้ ยความทอ่ี ยากไดผ้ า้ บาตกิ ในแบบของตนเอง เชน่ สที อ่ี ยากเหน็ ลายทอ่ี ยากเหน็ จงึ รเิ รม่ิ คดิ ท�ำ ผา้ บาตกิ เอง ดว้ ยเทคนคิ การเขยี นดว้ ยมอื ทกุ ขน้ั ตอน โดยมแี นวทางในการ พฒั นาไปสกู่ ารผลติ สง่ิ ทอเพอ่ื การตกแตง่ อยา่ งชดั เจน ผลติ ภณั ฑบ์ าตกิ เดอ นารา มที ง้ั เสอ้ื ผา้ ส�ำ เรจ็ รปู ผา้ คลมุ ไหล่ ผา้ พนั คอ ปลอกหมอนองิ และของแตง่ บา้ น โดยใชส้ โี ดดเดน่ ดว้ ยสพี าสเทลนวลตา หลงั จาก ผา่ นประสบการณย์ าวนาน ผา่ นโครงการตา่ ง ๆ ทม่ี นี กั ออกแบบมาใหค้ �ำ แนะน�ำ บาตกิ เดอ นารา เรม่ิ ผนั ตวั เองจากงานตลาดเปน็ งานพรเี มย่ี ม โดยค�ำ นงึ ถงึ กระแสนยิ มแตล่ ะฤดกู าลดว้ ย บาตกิ เดอ นารา นบั เปน็ กลมุ่ ผปู้ ระกอบการบาตกิ เจา้ แรก ๆ ทม่ี กี ารปรบั สผี า้ บาตกิ ใหอ้ อ่ นลง จากสสี นั ฉดู ฉาดใหเ้ ปน็ โทนพาสเทลและเอริ ท์ โทน รวมทง้ั การประยกุ ตป์ รบั เปลย่ี นการใชง้ านผา้ บาตกิ ให้ หลากหลายกว่าเดิม โดยออกแบบให้เป็นผ้าพันคอกับผ้าคลุมไหล่เพื่อขายให้ลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็น ชาวตา่ งชาติ และเปลย่ี นวสั ดจุ ากผา้ ไหมมาใชผ้ า้ เรยอน (ไหมสงั เคราะห)์ เพอ่ื ลดตน้ ทนุ และขายเปน็ ผา้ ชน้ิ ตดั เสอ้ื ซง่ึ ไดร้ บั การตอบรบั ทด่ี ี รอวยี ะ หะยยี ามา ผกู้ อ่ ตง้ั บาตกิ เดอ นารา เคยเขา้ รว่ มโครงการผา้ ไทยรว่ มสมยั ชายแดนใตข้ อง สำ�นักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม เมื่อปี ๒๕๕๘ ซึ่งครั้งนั้นเธอได้ทำ�งานกับ นกั ออกแบบคดิ ลวดลายผา้ ดอกดาหลาทป่ี ระยกุ ตจ์ ากลายดง้ั เดมิ จนกลายเปน็ ลายยอดนยิ มทบ่ี าตกิ เดอ นารา ผลติ ขายมาถงึ ปจั จบุ นั จากการทไ่ี ดท้ �ำ งานกบั นกั ออกแบบท�ำ ให้ รอวยี ะ มวี ธิ คี ดิ ทเ่ี ปลย่ี นไป คอื เรม่ิ สรา้ งแรงบนั ดาล ใจในการออกแบบคอลเลคชน่ั ใหม่ และเรม่ิ คดิ ถงึ เทรนดแ์ ฟชน่ั ซง่ึ ปรากฏวา่ ไดร้ บั การตอบรบั ทด่ี ขี น้ึ จาก กลมุ่ ลกู คา้ และเมอ่ื สนิ คา้ มเี รอ่ื งเลา่ ท�ำ ใหผ้ า้ มคี ณุ คา่ น�ำ ไปสกู่ ารเพม่ิ มลู คา่ มากขน้ึ ซง่ึ รอวยี ะ เลา่ วา่ “เมอ่ื มี กระบวนการคดิ เขา้ มาในการออกแบบผา้ ท�ำ ใหผ้ า้ ผนื นน้ั มเี รอ่ื งราว ไมใ่ ชแ่ คว่ าดแลว้ ปา้ ยสลี งไปไดเ้ ลย แตก่ วา่ จะไดผ้ า้ ผนื หนง่ึ ตอ้ งผา่ นการคดิ วเิ คราะหแ์ ละทดลองมากอ่ น ซง่ึ เปน็ สง่ิ ทช่ี าวบา้ นทไ่ี มไ่ ดเ้ รยี นดไี ซนม์ า เรม่ิ คดิ ตามและท�ำ ตาม และกลายเปน็ เรอ่ื งสนกุ มากกวา่ แคท่ �ำ ธรุ กจิ ” ๑๖

รายาบาติก ๒๕๔๕ จ.ปัตตานี บาตกิ ทเ่ี หน็ ทว่ั ไปมกั จะมลี วดลายทไ่ี มแ่ ตกตา่ งกนั เทา่ ใดนกั แตก่ ลมุ่ “รายา บาตกิ ” ถอื เปน็ กลุ่มผ้าบาติกที่มีความแตกต่างออกไปด้วยลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำ�ให้ผ้าบาติกของ กลมุ่ รายาบาตกิ มคี วามโดดเดน่ ไมเ่ หมอื นใคร ฮานี ชเู มอื ง ประธานกลมุ่ “รายา บาตกิ ” กลา่ วถงึ ทม่ี าของกลมุ่ วา่ มฐี านเรม่ิ มาจากการทฮ่ี านี ไดโ้ ควตาศกึ ษาตอ่ ทางดา้ นศลิ ปกรรม แขนงออกแบบประยกุ ตศ์ ลิ ป์ จากสถาบนั ราชภฏั ยะลา ประกอบกบั ฮานนี น้ั ชน่ื ชอบและหลงรกั ในเสนห่ ข์ องผา้ บาตกิ จงึ ตง้ั ใจศกึ ษาประวตั ิ และแนวทางของการท�ำ ผา้ บาตกิ อยา่ งลกึ ซง้ึ โดยมแี รงผลกั ดนั ในการคน้ ควา้ คอื ศาสตราจารย์ ดร.นนั ทา โรจนอ์ ดุ มศาสตร์ เปน็ คนแรก ทน่ี �ำ เอาการท�ำ ผา้ บาตกิ มาเผยแพรใ่ นประเทศไทย และไมห่ ยดุ ทจ่ี ะพฒั นาเทคนคิ วธิ กี ารตา่ ง ๆ ในการท�ำ ผา้ บาตกิ ฮานจี งึ เรม่ิ ศกึ ษาการท�ำ ผา้ บาตกิ จากการเปดิ อบรมของหนว่ ยงานตา่ ง ๆ เรม่ิ จากการท�ำ ผา้ บาตกิ ตามแนวขนบจนคดิ สรา้ งสรรค์ และคน้ พบการใชเ้ ทคนคิ พเิ ศษดว้ ยการซอ้ นสหี ลายชน้ั บนผา้ สามารถ พฒั นาเฉดสที ห่ี ลากหลาย และพยายามฉกี แนวดว้ ยการวาดลวดลายใหม่ ๆ แปลกตา เชน่ ภาพคนปดิ หนา้ รปู สตั ว์ รายาบาตกิ เหมอื นก�ำ ลงั ท�ำ งานศลิ ปะจติ รกรรมผา่ นงานบาตกิ และจดุ เรม่ิ ตน้ ทท่ี �ำ ใหเ้ รม่ิ จดั ตง้ั กลมุ่ รายาบาตกิ ขน้ึ กลุ่มรายาบาติกมีการคิดค้น เทคนิค ลวดลาย รูปแบบ ที่มีความทันสมัยอยู่เสมอ เพอ่ื ตอบโจทยค์ วามตอ้ งการของตลาด โดยมรี ปู แบบธรุ กจิ แบบกลมุ่ ผผู้ ลติ ชมุ ชน (วสิ าหกจิ ชมุ ชน) และมกี าร ดำ�เนินงานโดยกลุ่มสมาชิกเอง ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด ๒๔ คน เป็นเยาวชน ๑๖ คน ซ่งึ เยาวชนเหล่านีจ้ ะเปน็ ก�ำ ลงั ส�ำ คญั ในการตอ่ ยอดสง่ิ เหลา่ นไ้ี มใ่ หส้ ญู หายไป ​รายาบาติกผลิตผ้าบาติกสำ�หรับเส้อื ผ้าสำ�เร็จรูป ผ้าช้นิ และแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์ เช่น ปลอกหมอนองิ ผา้ มา่ น ดว้ ยลวดลายและสสี นั แปลกตา เพอ่ื จ�ำ หนา่ ยสนิ คา้ ใหแ้ กก่ ลมุ่ ลกู คา้ และหนว่ ยงาน ราชการตา่ ง ๆ ตลอดจนเขา้ รว่ มแขง่ ขนั และการประกวดผา้ บาตกิ จนเปน็ ทร่ี จู้ กั จนสนิ คา้ ของกลมุ่ รายาบาตกิ เปน็ สนิ คา้ โอทอป ระดับ ๔ ดาวของจังหวัดปตั ตานี แม้สนใจและทดลองรปู แบบและลวดลายแนว รว่ มสมยั ขณะเดยี วกนั กไ็ มไ่ ดท้ ง้ิ กระบวนการและลวดลายแนวจารตี ๑๗

บาราโหมบาตกิ ๒๕๔๕ จ.ปตั ตานี ​ดว้ ย ไมตรี หะยยี ามา ผกู้ อ่ ตง้ั กลมุ่ บาราโหมบาตกิ มที กั ษะการวาดรปู ตง้ั แตว่ ยั เยาว์ เมอ่ื เกษยี ณ อายจุ ากการรบั ราชการในต�ำ แหนง่ พฒั นากรจงั หวดั ท�ำ ใหไ้ มตรสี ามารถฝกึ การท�ำ บาตกิ ดว้ ยตนเอง โดยอาศยั ทกั ษะสว่ นตวั ตลอดจนการเรยี นรเู้ พม่ิ เตมิ และประสบการณจ์ ากการท�ำ งานในหนว่ ยงานรฐั จนสามารถกอ่ ตง้ั กลมุ่ บาราโหมบาตกิ และพฒั นาลายอนั เปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะของตนเองทบ่ี า้ นเกดิ ไดใ้ นทส่ี ดุ แรกเรม่ิ กลมุ่ บาราโหมบาตกิ ผลติ ผนื ผา้ หลาส�ำ หรบั จ�ำ หนา่ ย ตอ่ มาเรม่ิ ผลติ เสอ้ื ผา้ ชดุ กระโปรง ผ้าเช็ดหน้า ผา้ คลุมผม(ฮญิ าบ) ผา้ พนั คอ และกระเปา๋ ซ่งึ ในชว่ งกอ่ นปี ๒๕๔๗ นน้ั สินค้าของกล่มุ บาราโหมบาตกิ ขายดี เพราะมนี กั ทอ่ งเทย่ี วเดนิ ทางมาถงึ รา้ น แตห่ ลงั เกดิ เหตคุ วามไมส่ งบจงึ ตอ้ งเปลย่ี น แนวการทำ�ตลาด มาใช้จุดขายในการเป็นสินค้าโอทอป ไปจำ�หน่ายนอกพื้นที่ ผลิตตามคำ�สั่งซื้อ ของหนว่ ยราชการและลกู คา้ จากประเทศมาเลเซยี จุดเด่นของบาราโหมบาติก คือ การนำ�เรื่องราวของศิลปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชุมชน เปน็ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ มาบอกเลา่ บนผนื ผา้ เชน่ ลวดลายดอกชบา เรอื กอและ กรชิ และลวดลายดง้ั เดมิ พน้ื ถน่ิ ซง่ึ เปน็ ลวดลายทค่ี นุ้ ตาและเปน็ อตั ลกั ษณข์ องพน้ื ทม่ี าเขยี นเปน็ ลายผา้ ตอ่ มาไดป้ ระยกุ ตล์ วดลาย ทม่ี ตี ามขนบพน้ื ถน่ิ ทม่ี มี าดง้ั เดมิ นน้ั มาเปน็ ลายกราฟกิ เพอ่ื ใหเ้ ขา้ กบั ยคุ สมยั และเหมาะกบั รสนยิ มของ คนนอกพน้ื ท่ี รปู แบบการเขยี นลวดลายจะเขยี นดว้ ยมอื ลวดลายจงึ ไมซ่ �ำ้ กนั เทคนคิ พเิ ศษทเ่ี ปน็ เอกลกั ษณ์ ของบาราโหม บาตกิ คอื การเขยี นลวดลายบนผนื ผา้ ดว้ ยเสน้ ทอง ซง่ึ เปน็ การเขยี นลายเส้นทองพริ้วไหว โดดเด่น มีความเรียบหรู คลาสสิค และหาได้ยากในหมู่ผลิตภัณฑ์บาติกจากจงั หวดั ชายแดนใต้ จนกลายเปน็ ลายเซน็ ของบาราโหมบาตกิ แหง่ เมอื งปตั ตานี ๑๘

กลุม่ บาตกิ เมืองยอน ๒๕๕๔ จ.ปัตตานี ฟาตเิ มาะ อาแด แกนน�ำ กอ่ ตง้ั และเลขานกุ ารกลมุ่ ฯ เลา่ วา่ จากการทว่ี ถิ ชี วี ติ ของเดก็ สาว บา้ นเมอื งยอนนน้ั มอี าชพี หลกั คอื รบั จา้ งกรดี ยางพาราและท�ำ นา ซง่ึ มเี วลาวา่ งในแตล่ ะวนั อยพู่ อสมควร บางคนว่างงานอยู่กับบ้านเฉย ๆ แต่ละคนมีรายได้เฉลี่ยประมาณ ๑๘,๕๐๐ บาทต่อปี ไม่พอ ต่อการเลีย้ งชีพจงึ คดิ อยากจะรวมกลมุ่ หาอาชพี เสรมิ ดว้ ยการผลติ ผา้ บาตกิ ซง่ึ เปน็ เอกลกั ษณข์ องภาคใต้ ตอนลา่ ง เพอ่ื เพม่ิ รายไดใ้ หแ้ กต่ วั เอง และครอบครวั สมาชกิ เมอ่ื เรม่ิ แรกกอ่ ตง้ั กลมุ่ มี ๒๕ คน โดยไดร้ บั การ สนับสนุนการฝึกอบรมทำ�ผ้าบาติกจากวิทยากรของจังหวัดนราธิวาส รวมถึง ประชาสงเคราะห์ จังหวัดปัตตานีได้ช่วยประสานงานในการขอเงินกู้จากธนาคารโลก (WORLD BANK) จำ�นวน ๑๒๐,๐๐๐ บาทเพอ่ื พฒั นากลมุ่ สรา้ งอาคารโรงเรอื น รวมถงึ ซอ้ื อปุ กรณ์ ​เริ่มตน้ จากการอบรมกับวทิ ยากรที่มาให้การอบรมการท�ำ ผา้ บาติกและเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง โดยหลกั แลว้ สมาชกิ กลมุ่ บาตกิ เมอื งยอนมอี าชพี หลกั ในทอ้ งถน่ิ อยแู่ ลว้ แตร่ วมกลมุ่ ใชเ้ วลาชว่ งบา่ ยมาท�ำ ผา้ บาตกิ ผลติ สนิ คา้ เปน็ ชน้ิ ผา้ ผา้ คลมุ่ ไหล่ กระเปา๋ และตดั เยบ็ เสอ้ื ผา้ ลวดลายของกลมุ่ บาตกิ เมอื งยอน จะเน้นดอกไม้ พชื พรรณ เป็นหลกั ในทางเทคนคิ ยังใชก้ ารวาดกนั้ ลวดลายด้วยเทียน สสี นั ยังคงใช้ สจี ดั จา้ นสดใสในขนบบาตกิ จดุ เดน่ ของผา้ บาตกิ ของกลมุ่ บาตกิ เมอื งยอนคอื จะมลี วดลายละเอยี ด เนน้ ลายเกย่ี วกบั ดอกไม้ ทอ้ งทะเล และสตั วน์ �ำ้ เนอ้ื ผา้ มลี กั ษณะคลา้ ยผา้ ไหม สเี นน้ โทนสดใส และทส่ี �ำ คญั สไี มต่ ก โดยไดร้ บั การ การนั ตคี ณุ ภาพดว้ ยรางวลั ชนะเลศิ ผา้ บาตกิ ในงานกาชาดจงั หวดั ปตั ตานี ปี ๒๕๔๕ อกี ทง้ั ไดร้ บั คดั เลอื ก เปน็ สนิ คา้ โอทอป ระดบั ๓ ดาวของ จ.ปตั ตานี ปัญหาสำ�คัญของกลุ่มบาติกเมืองยอนในปัจจุบัน คือ แม้จะมีออร์เดอร์สั่งเข้ามา จำ�นวนมากแต่ผลิตไม่ทัน เพราะปัจจุบัน เหลือสมาชิกเพียง ๑๒ คน เนื่องจากสมาชิกส่วนหนึ่ง เมอ่ื มคี รอบครวั กม็ กั จะตอ้ งยา้ ยตามสามไี ปท�ำ งานทอ่ี น่ื ซง่ึ คงตอ้ งชกั ชวนสมาชกิ เพม่ิ ใหม้ ากขน้ึ อกี ตอ่ ไป ๑๙

กลุ่มบางเก่าบาติก ๒๕๓๕ จ.ปัตตานี บางเกา่ เปน็ หมบู่ า้ นชาวประมงเลก็ ๆ แหง่ หนง่ึ ใน ต�ำ บลปะเสยะวอ อ�ำ เภอสายบรุ ี จงั หวดั ปัตตานี ซึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านบางเก่าประกอบอาชีพรับจ้างที่เกี่ยวเนื่องในอุตสาหกรรมประมง ในขณะทค่ี นหนมุ่ สาวบางสว่ นออกไปท�ำ งานรบั จา้ งในประเทศมาเลเซยี ซง่ึ บางครง้ั ประสบกบั ปญั หา ในเรอ่ื งการเป็นแรงงานผิดกฎหมาย เชน่ เดยี วกบั อบั ดลุ เลาะ ยู สมาชกิ คนส�ำ คญั ของกลมุ่ บางเกา่ บาตกิ ทเ่ี คยฝกึ งานและท�ำ งาน ในโรงงานท�ำ ผา้ ปาเตะ๊ ผา้ โสรง่ ในประเทศมาเลเซยี แลว้ กลบั มาชกั ชวน ปราณี ยโู ซะ๊ ประธานกลมุ่ ฯ และสมาชิกคนอื่น ๆ สร้างกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและเปิดกิจการที่บางเก่า อำ�เภอสายบุรี โดยผลิต ชิ้นผ้า และตัดเย็บเสื้อผ้าสำ�เร็จรูป กระโปรง ผ้าเช็ดหน้า โสร่ง ผ้าถุง ด้วยลวดลายดอกไม้และ พืชพรรณ และรบั ออรเ์ ดอรเ์ ขยี นลายตามทล่ี กู คา้ ตอ้ งการ กลมุ่ บาตกิ บางเกา่ ไดถ้ า่ ยทอดองคค์ วามรทู้ ม่ี ใี ห้ กบั ชาวบา้ นในพน้ื ทน่ี น้ั และพน้ื ทใ่ี กลเ้ คยี ง สรา้ งงานใหก้ บั ชาวบา้ นในชมุ ชนทเ่ี คยวา่ งงาน เปน็ แรงงาน ในอตุ สาหกรรมประมงและแรงงานในประเทศมาเลเซยี ซง่ึ มรี ายไดไ้ มม่ ากนกั จนกลายเปน็ อาชพี หลกั ท่ี สามารถเลย้ี งครอบครวั ได้ ในดา้ นเทคนคิ การเขยี นลายยงั คงใชเ้ ทคนคิ การวาดลายดว้ ยจนั ตง้ิ แบบดง้ั เดมิ และเทคนคิ การใชส้ แี บบทไ่ี ดร้ บั ความนยิ มในประเทศมาเลเซยี ดว้ ยสถานทป่ี ระกอบการบางเกา่ บาตกิ เปน็ อาคารโลง่ ๆ กวา้ ง ๆ กอปรกบั ไมไ่ กลจากทะเล จงึ มลี มทะเลพดั ไอกลน่ิ เกลอื กลน่ิ ทะเลหอบมาชว่ ยสรา้ งบรรยากาศ การสรา้ งสรรคง์ านจงึ เปน็ บรรยากาศ ทม่ี ที วิ ทศั นท์ างความรสู้ กึ ใหอ้ ารมณท์ ะเล ซง่ึ เปน็ แรงบนั ดาลใจทถ่ี า่ ยทอดลงสผู่ นื ผา้ ดว้ ยความสนุ ทรยี ะ ๒๐ และรน่ื รมย์

กลมุ่ ตนั หยงปาตานี ๒๕๕๘ จ.ปตั ตานี ​เรมิ่ ตน้ จากการค้นหาอาชีพ โดยไดแ้ รงบันดาลใจจากการเห็นช่วงหนึง่ ผู้คนนยิ มใชผ้ ้าไทย จงึ เรม่ิ ตน้ ดว้ ยการน�ำ ผา้ ปาเตะ๊ จากทอ้ งตลาดมาตดั เยบ็ เสอ้ื ผา้ และน�ำ เขา้ ผา้ ปาเตะ๊ จากประเทศอนิ โดนเี ซยี และจากโรงงานผา้ ปาเตะ๊ ในประเทศไทยมาวางขาย โดยกลมุ่ ตนั หยงปาตานจี ะเนน้ ผา้ ปาเตะ๊ ลายพรรณไม้ และลายดอกสหี วานสดใสและสใี นกลมุ่ โทนสพี าสเทล เพอ่ื เนน้ ตลาดทเ่ี ปน็ คนรนุ่ ใหม่ ทง้ั ขายเปน็ ผนื และ น�ำ มาตดั เยบ็ เปน็ เสอ้ื ผา้ พน้ื เมอื ง และน�ำ สว่ นเศษผา้ ทเ่ี หลอื จากการตดั เยบ็ น�ำ มาสรา้ งสรรคช์ น้ิ งานสนิ คา้ อน่ื ๆ เช่น ตา่ งหู ดอกไม้ กระเปา๋ เป็นตน้ และดว้ ยความอยากมีสินคา้ ที่เป็นเอกลกั ษณข์ องตนเอง จงึ เรม่ิ พมิ พผ์ า้ ขน้ึ เอง โดยการไปแกะรอยจากลวดลายของสถาปตั ยกรรมเกา่ ๆ ในพน้ื ท่ี เชน่ ลวดลาย ลายชอ่ งลม ลวดลายแกะสลกั ลายฉลุ ของสถาปตั ยกรรมพน้ื ถน่ิ ทย่ี งั หลงเหลอื อยใู่ นพน้ื ท่ี แลว้ สง่ ไป พมิ พผ์ า้ ปาเตะ๊ แบบโบราณทโ่ี กลก กลายเปน็ ลวดลายทม่ี เี อกลกั ษณไ์ มซ่ �ำ้ ซอ้ นกบั ใคร เมอ่ื กลมุ่ ตนั หยงปาตานหี นั มาท�ำ ผา้ บาตกิ ควบคกู่ บั การน�ำ เขา้ โสรง่ ปาเตะ๊ กลมุ่ ตนั หยงปาตานี ผลิตผ้าบาติกโดยใช้แม่พิมพ์โลหะปั๊มลวดลายที่พยายามสืบค้นจากลวดลายโบราณที่ปรากฏ ตามทต่ี า่ ง ๆ ในพน้ื ท่ี และในระยะหลงั กลมุ่ ตนั หยงปาตานจี งึ เรม่ิ ผลติ ผา้ บาตกิ ทม่ี ลี วดลายรว่ มสมยั ตาม ความตอ้ งการของตลาดมากขน้ึ โดยใชเ้ ทคนคิ การวาดดว้ ยพกู่ นั ระบายสโี ดยทไ่ี มก่ นั ดว้ ยเทยี น ใชเ้ ทคนคิ การเพน้ ตส์ ที เ่ี รยี กวา่ เทคนคิ เปยี กในเปยี ก และใชเ้ ทคนคิ การโรยเกลอื หวานทม่ี เี ฉพาะจงั หวดั ปตั ตานี มาโรยบนผนื ผา้ บาตกิ ทก่ี �ำ ลงั เขยี นลวดลาย เทคนิคการโรยเกลือนี้ เกลือจะดูดนำ�้ และไล่เฉดสีออกไปจนเกิดคราบสีขาวเป็นวงรัศมี จากอ่อนไปสู่สีที่เข้มขึ้น ซึ่งเทคนิคนี้จะต้องใช้ทักษะในการสังเกตกระบวนการแห้งของสี โดยต้องกะระยะเวลาในการโรยเกลือในขณะที่สีไม่เปียกและไม่แห้งจนเกินไป รอจนกระทั่งสี และคราบเกลอื แหง้ สนทิ จงึ ปดั เกลอื ออกไป ๒๑

ผ้าบาติกของนราธวิ าส จงั หวดั นราธวิ าสนา่ จะเปน็ จงั หวดั แรก ๆ ในภาคใตข้ องไทยทเ่ี รม่ิ ท�ำ ผา้ บาตกิ ดว้ ยความทอ่ี ยตู่ ดิ ชายแดนประเทศมาเลเซยี ทท่ี �ำ อตุ สาหกรรมบาตกิ และพมิ พผ์ า้ ปาเตะ๊ กอ่ นประเทศไทย มแี รงงานขา้ มถน่ิ ทท่ี �ำ งานขา้ มชายแดนอยตู่ ลอดเวลา จงึ ท�ำ ใหม้ แี รงงานฝมี อื จากจงั หวดั นราธวิ าสเขา้ ไปอยใู่ นอตุ สาหกรรม บาตกิ ในรฐั กลนั ตนั ของประเทศมาเลเซยี ฝกึ ฝนจนช�ำ นาญและกลบั มาเปดิ อตุ สาหกรรมแบบครวั เรอื นท่ี บา้ นเกิดในทส่ี ุด ท�ำ ให้ลวดลายและเทคนิคของผ้ปู ระกอบการบาตกิ ของจงั หวัดนราธิวาสในยุคแรก มกี รอบความเปน็ จารตี ตามแบบกลนั ตนั จนตอ่ มาเมอ่ื มเี ทคนคิ การ “เพน้ ต”์ ดว้ ยสบี นผนื ผา้ กอปรกบั สภาวะการแขง่ ขนั ทางการตลาดจากการทม่ี ผี ปู้ ระกอบการเพม่ิ จ�ำ นวนมากขน้ึ ผปู้ ระกอบหลายกลมุ่ จงึ หนั มาคน้ หาและใชเ้ ทคนคิ ใหมม่ ากขน้ึ จนเกดิ เปน็ อตั ลกั ษณท์ โ่ี ดดเดน่ แตกตา่ งกนั ไป กลมุ่ ญาดาบาตกิ อา่ วมะนาวบาตกิ และบาตกิ บา้ นบาโง เปน็ ๓ กลมุ่ ของจงั หวดั นราธวิ าส ทเ่ี คยเขา้ รว่ มโครงการพฒั นาผลติ ภณั ฑผ์ า้ ไทยรว่ มสมยั ชายแดนใตข้ องส�ำ นกั งานศลิ ปวฒั นธรรมรว่ มสมยั กระทรวงวฒั นธรรมในปี ๒๕๕๘ มากอ่ น จงึ เปน็ กลมุ่ ทม่ี คี วามเขา้ ใจในงานของส�ำ นกั งานศลิ ปวฒั นธรรมรว่ มสมยั และทำ�งานสอดประสานกับนักออกแบบได้ดีในระดับหน่ึง ประกอบกับเป็นกลุ่มมีทักษะสูง มีการ ใชเ้ ทคนคิ ผสมผสานอยา่ งหลากหลาย เมอ่ื รว่ มผลติ ชน้ิ งานกบั นกั ออกแบบทม่ี ากประสบการณ์ จงึ มี ชน้ิ งานทโ่ี ดดเดน่ และมคี วามรว่ มสมยั อยา่ งมเี อกลกั ษณ์ ส่วนกลุ่มสุมาตราบาติก กลุ่มผ้ามัดย้อมมังกิส และกลุ่มอัลฮามีน เป็นกลุ่มที่เพิ่งเข้าร่วม โครงการ“พัฒนาผลิตภัณฑ์และออกแบบลายผ้าไทยร่วมสมัยชายแดนใต้”(Contemporary Southern Batik by OCAC) ปี ๒๕๖๑ ครั้งนี้ ๒๒

อ่าวมะนาวบาติก ๒๕๓๖ จ.นราธิวาส ​เริ่มที่ชุมชนบ้านอ่าวมะนาว จากครอบครัวเล็ก ๆ ขยับขยายโดยให้ชาวบ้านในชุมชน ซึ่งสนใจร่วมฝึกทำ�งานบาติก ก่อนเกิดสถานการณ์ความรุนแรงในปี ๒๕๔๗ อ่าวมะนาวเป็น แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว การจ�ำ หนา่ ยผลติ ภณั ฑอ์ ยใู่ นสภาพคลอ่ งตวั หลงั เกดิ เหตกุ ารณค์ วามรนุ แรงจ�ำ เปน็ ตอ้ ง ยา้ ยมาปกั หลกั ท�ำ งานและเปดิ รา้ นในตวั เมอื งนราธวิ าส ผา้ บาตกิ กลมุ่ อา่ วมะนาวมกี ารผสมผสานเทคนคิ การเขยี นสแี ละการเขยี นเทยี นเขา้ กบั งานฝมี อื ปกั ดน้ิ เงนิ ดน้ิ ทอง สว่ นผลติ ภณั ฑ์ นอกจากการตดั เยบ็ เสอ้ื ผา้ ตามทต่ี ลาดตอ้ งการแลว้ ยงั มกี ารผลติ กระเปา๋ เสอ้ื ผา้ ส�ำ เรจ็ รปู ของฝาก เปน็ ตน้ ทางกลมุ่ พยายามผลติ สนิ คา้ ใหม้ คี วามหลากหลายและพฒั นาลวดลายใหต้ อบโจทยก์ ลมุ่ ลกู คา้ วยั รนุ่ อกี ดว้ ย สมาชกิ กลมุ่ ในตอนเรม​่ิ แรกมดี ว้ ยกนั ๖ คน ผลติ เปน็ ผา้ โสรง่ ปาเตะ๊ ออกจ�ำ หนา่ ย แตไ่ มไ่ ดร้ บั การยอมรบั จากตลาด จงึ หนั มาผลติ บาตกิ แทน ป​จั จบุ นั มสี มาชกิ กลมุ่ ๑๕ คน สามารถน�ำ ผา้ บาตกิ มาแปรรูปได้กว่า ๓๐ ชนิด โดยที่มีจุดเด่นในการใช้เทคนิคการโรยเกลือเพื่อซึมซับสี และการวาดเส้นสที องบนผนื ผา้ บาตกิ ผลติ ภณั ฑข์ องกลมุ่ อา่ วมะนาวบาตกิ เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ โอทอป ระดบั ๕ ดาวของจงั หวดั นราธวิ าส ซง่ึ เปน็ ผลงานบาตกิ จดั อยใู่ นขน้ั ยอดเยย่ี ม สง่ ขายทง้ั ในเมอื งไทยและตา่ งประเทศ โดยลวดลายสว่ นใหญ่ ที่วาดบนผืนผ้า จะเขียนเป็นภาพธรรมชาติ ดอกไม้ ท้องทะเล อันเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของ ชาวบา้ นทซ่ี มึ ซบั จากบรรยากาศแวดลอ้ มในหมบู่ า้ นชาวประมงรมิ ชายฝง่ั ๒๓

ญาดาบาตกิ ๒๕๔๕ จ.นราธวิ าส ​การประมงคอื อาชพี หลกั ของผชู้ ายในชมุ ชนกบู ู สว่ นผหู้ ญงิ ไมค่ อ่ ยมอี าชพี หลกั จงึ เกดิ การ รวมตวั กนั ของกลมุ่ แมบ่ า้ นในชมุ ชนราว ๆ ๒๐ คน แลว้ ของบประมาณจากศนู ยพ์ ฒั นาฝมี อื แรงงานกลาย เปน็ กลมุ่ สตรปี กั จกั รบา้ นกบู ู รวมกบั กลมุ่ เยาวชนท�ำ ผา้ บาตกิ ตอ่ มาพฒั นากลายเปน็ ศนู ยฝ์ กึ อาชพี ญาดา โดยใชแ้ บรนดญ์ าดาบาตกิ ผลติ สนิ คา้ เชน่ ตดั เยบ็ เสอ้ื ผา้ ชดุ กระโปรง เสอ้ื ทรงปกี คา้ งคาว ผา้ พนั คอ และ กระเปา๋ เปน็ ตน้ นอกจากนน้ั ยงั สรา้ งสรรคผ์ ลติ ภณั ฑต์ กแตง่ บา้ นและโรงแรม งานบาตกิ กลายเปน็ อาชพี หลกั ของแมบ่ า้ นและเยาวชน แรกเรม่ิ ท�ำ ผา้ บาตกิ ตามแนวขนบใชก้ ารวาดลายดว้ ยเทยี น พฒั นาเทคนคิ การเพน้ ตล์ วดลายดว้ ยพกู่ นั เปน็ ลายเสน้ งดงามออ่ นชอ้ ยราวกบั งานวาดศลิ ปะ จนกลายเปน็ เอกลกั ษณ์ เฉพาะของญาดาบาตกิ ในทส่ี ดุ ยไู นดา มะดอื แระ๊ ประธานกลมุ่ ญาดาบาตกิ เลา่ วา่ วตั ถปุ ระสงคท์ ก่ี อ่ ตง้ั กลมุ่ คอื ตอ้ งการให้ ชาวบา้ นและเยาวชนในหมบู่ า้ นมงี านท�ำ มรี ายได้ และไมเ่ ขา้ ไปยงุ่ เกย่ี วกบั ยาเสพตดิ สมาชกิ สว่ นใหญ่ จะเปน็ คนทอ่ี ยใู่ นชมุ ชนบา้ นกแู บยู สว่ นเดก็ และเยาวชนทเ่ี ขา้ รว่ มเครอื ขา่ ยจะไดร้ บั การฝกึ ฝนทกั ษะฝมี อื เกย่ี วกบั งานผา้ บาตกิ กอ่ เกดิ เปน็ ความรคู้ วามสามารถ ตอ่ ยอดเปน็ อาชพี สรา้ งรายไดแ้ กต่ นเองและชมุ ชน กลมุ่ ญาดาบาตกิ เรม่ิ ตน้ ดว้ ยการเขยี นลายเหมอื นการท�ำ ผา้ บาตกิ พน้ื ทอ่ี น่ื ๆ แตเ่ มอ่ื การแขง่ ขนั สงู ขน้ึ จงึ ตอ้ งหาจดุ ขายทแ่ี ตกตา่ ง นบั ตง้ั แตป่ ี ๒๕๕๐ เปน็ ตน้ มา ญาดาบาตกิ จงึ เปลย่ี นเปน็ เทคนคิ การ “เพน้ ต”์ ดว้ ยสบี นผนื ผา้ เปน็ ลวดลายจากธรรมชาตแิ ละลวดลายกราฟกิ อยา่ งงดงาม ผลติ ภัณฑ์ของญาดาบาติก มี ๒ กลมุ่ หลัก คือ ผ้าบาตกิ และผ้าคลุมผม ซงึ ผลิตภณั ฑ์ ประเภทเสอ้ื ผ้าท่ขี ึน้ ชือ่ ของกลุม่ ญาดาบาตกิ คือ ชุดแสก็ สีสันสดใส ทั้งชดุ สายสปาเกตต่ี ชดุ แขนกดุ ชดุ ปกี คา้ งคาว นน้ั เปน็ ซกิ เนเจอรห์ รอื ลายเซน็ ส�ำ คญั ของญาดาบาตกิ ๒๔

กล่มุ บาตกิ บ้านบาโง ๒๕๔๖ จ.นราธิวาส ๓๐ ปที แ่ี ลว้ สถานทท่ี �ำ การของกลมุ่ บาตกิ บา้ นบาโงเคยเปน็ โรงงานท�ำ ผา้ บาตกิ ขนาดใหญแ่ ละ เป็นศูนย์การเรียนรู้การทำ�ผ้าบาติก เมื่อผู้ประกอบการเดิมประสบปัญหาทางธุรกิจและ ศนู ยก์ ารเรยี นรฯู้ ลดขนาดการท�ำ งานเลก็ ลง จงึ เกดิ การรวมตวั เปน็ กลมุ่ บาตกิ บา้ นบาโง โดยไดข้ อใชพ้ น้ื ท่ี ของโรงงานเดมิ ซง่ึ มขี นาดใหญใ่ นการท�ำ งาน และกจิ กรรมของกลมุ่ ฯ ใชเ้ ทคนคิ การลงเทยี นดว้ ยมอื ตอ่ มาพฒั นาการสกรนี เทยี น(บลอ็ กซลี คส์ กรนี โดยใชเ้ ทยี นเยน็ ) รวมถงึ การใชเ้ ทคนคิ สะบดั สี สะบดั เทยี น แตย่ งั คงการเขยี นดว้ ยมอื ผลติ ภณั ฑท์ ผ่ี ลติ ออกมามที ง้ั ขายผนื ผา้ และตดั เยบ็ เสอ้ื ผา้ ชดุ ล�ำ ลอง เสอ้ื เชต้ิ เสอ้ื ทรงปกี คา้ งคาว ลวดลายยงั คงเปน็ ลวดลายดอกไม้ เถาวัลย์ เป็นต้น เมื่อเข้าร่วมโครงการจึงเกิดการทดลองใหม่ ๆ เช่นการลงสีแบบอิมโปรไวส์ (Improvise สด ๆ โดยไมไ่ ด้เตรียมการล่วงหน้า) จุดเด่นของกลุ่มบาตกิ บ้านบาโง คอื การใช้เทียน ในการเขยี นสลี วดลายบนผนื ผา้ หลายชน้ั กลายเปน็ ชน้ิ งานทส่ี ดใหม่ เปน็ การออกจากเทคนคิ ขนบเดมิ สามารถตอ่ ยอดจนเปน็ เอกลกั ษณข์ องกลมุ่ ในทส่ี ดุ จากประสบการณ์ยาวนานท่เี คยท�ำ ในโรงงานขนาดใหญ่ทำ�ให้กลมุ่ บาตกิ บา้ นบาโงมีทกั ษะ ในการท�ำ งานบาตกิ สเกลใหญไ่ ดอ้ ยา่ งช�ำ่่ ชอง ท�ำ ใหง้ านบาตกิ ของบา้ นบาโงมคี วามสามารถผลติ ชน้ิ งาน อลงั การ ๒๕

กลมุ่ อัลฮามนี บาตกิ ๒๕๔๔ จ.นราธิวาส ​เกิดจากการรวมตัวกันของพนักงานท่ีมีประสบการณ์ทำ�ผ้าบาติกในโรงงานทำ�ผ้าบาติก ขนาดใหญ่เมอ่ื กจิ การของโรงงานเดมิ ปดิ ตวั ลง สมาชกิ กลมุ่ อลั ฮามนี บาตกิ จงึ เกดิ ขน้ึ จากการรวมตวั ของ พนกั งานโรงงานทจ่ี �ำ เปน็ ตอ้ งหาอาชพี ใหม่ จงึ รวมตวั กนั กอ่ ตง้ั กลมุ่ อลั ฮามนี ขน้ึ มา ซง่ึ แตล่ ะคนทร่ี วมกลมุ่ มคี วามเชย่ี วชาญและทกั ษะในกระบวนการท�ำ ผา้ บาตกิ แตกตา่ งกนั ออกไป กลมุ่ อลั ฮามนี ผลติ ชน้ิ งานผา้ บาตกิ ในหลาย ๆ เทคนคิ ในเรอ่ื งลวดลายการท�ำ ผา้ บาตกิ นน้ั ใช้ท้งั วิธีการวาดลายเส้นเทียนด้วยมือ บล็อกโลหะ และเพ้นต์สี ช่วงแรกยังคงใช้เทียนเหมือนการทำ� บาตกิ ทว่ั ๆ ไป คอื การใชจ้ นั ตง้ิ และเทยี นรอ้ นวาดลายเสน้ ลวดลาย ตอ่ มาไดค้ ดิ คน้ การผสมกาวใชห้ ลอดบบี ซ่งึ มีส่วนผสมของสีในตัว จึงทำ�ให้เกิดเทคนิคใหม่จุดท่เี คยเป็นเส้นสีขาวกลายเป็นสีตามท่กี ำ�หนดไว้ เรอ่ื งลวดลายมที ง้ั ดอกไม้ เชน่ ดอกบานบรุ ี กหุ ลาบ ดอกบวั ลายกน้ หอย ลายเสน้ โคง้ เปน็ ตน้ ในสว่ นของ ผลติ ภณั ฑไ์ ดผ้ ลติ ผา้ ชน้ิ ตดั เยบ็ เสอ้ื ส�ำ เรจ็ รปู กางเกง ผา้ คลมุ ไหล่ ผา้ เชด็ หนา้ กระเปา๋ ชดุ นอน เสอ้ื เชต้ิ ผา้ ถงุ เปน็ ตน้ ๒๖

กลุ่มผา้ มัดย้อมมังกสิ จ.นราธิวาส ​กลมุ่ ผา้ มดั ยอ้ มมงั กสิ เกดิ จากกลมุ่ แมบ่ า้ นทอ่ี �ำ เภอศรสี าครไดร้ บั การอบรมเรยี นรเู้ ทคนคิ มดั ยอ้ มโดยศนู ยก์ ารศกึ ษานอกโรงเรยี นไดเ้ ปดิ การอบรมการมดั ยอ้ มผา้ ตอ่ มาเกดิ เปน็ กลมุ่ มดั ยอ้ มขน้ึ มา โดย สมาชกิ ลงทนุ คนละ ๒๐๐ ซ้ือผ้ามัสลินฝึกท�ำ มัดย้อม เมอ่ื ไดส้ ินค้ามาแลว้ เอาไปขายต่อยอดด้วยการ ซ้ือผา้ เพิม่ แรกซอ้ื ผา้ เปน็ หลา ตอ่ มาซอ้ื เปน็ มว้ น ซลิ เิ กตจากทซ่ี อ้ื เปน็ กโิ ล ตอ่ มาซอ้ื เปน็ แกลลอน ท�ำ การ ทดลองจนเกดิ ทกั ษะการมดั ยอ้ มในแบบของตนเอง นอกจากการศกึ ษาเทคนคิ จากการอบรมแลว้ กลมุ่ นไ้ี ดพ้ ยายามศกึ ษาผา่ นโลกออนไลน์ เชน่ ศกึ ษาเทคนคิ การมดั ยอ้ มจากยทู บุ (Youtube) สว่ นผลติ ภณั ฑ์ นน้ั จะผลติ ผา้ ละหมาด กระเปา๋ เสอ้ื ผา้ ผา้ ปโู ตะ๊ แตเ่ นน้ การแปรรปู มากกวา่ การขายผนื ผา้ การขายสนิ คา้ นอกจากขายในพน้ื ทแ่ี ลว้ จะเนน้ การออกบธู แสดงสนิ ค้ โอทอป ตามสถานทต่ี า่ ง ๆ กลมุ่ ผา้ มดั ยอ้ มมงั กสิ เนน้ ในเรอ่ื งของการใชส้ ที ไ่ี ดจ้ ากธรรมชาตมิ าใชใ้ นการยอ้ มผา้ โดยการหาจาก วัสดุตามธรรมชาติท่ีมีอยู่ในท้องถ่ิน ท้ังส่วนต่าง ๆ ของพรรณไม้ และวัสดุเหลือใช้จากผลไม้ ตามฤดกู าล เชน่ ใชส้ เี ทาทไ่ี ดม้ าจากฝกั ของตน้ ราชพฤกษ์ โดยน�ำ ฝกั ราชพฤกษม์ าเคย่ี วในน�ำ้ รอ้ น จะได้ สีเทาสวยที่มาด้วยกรรมวิธีพื้นบ้าน ใช้ใบของต้นหูกวางมาต้มและเจือจางด้วยนำ�จะสามารถให้ สีเหลืองสวยแปลกตา ใช้สีม่วงจากเปลือกมังคุด และสีจากวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ โดยเลี่ยงที่จะใช้ สที ี่มาจากเคมภี ณั ฑเ์ พอ่ื ความเปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ มและเปน็ มติ รกบั ผสู้ วมใส่ เนอ่ื งจากกระบวนการผลติ ทใ่ี ชส้ ที ไ่ี ดจ้ ากธรรมชาตเิ ปน็ หลกั ผลติ ภณั ฑข์ องกลมุ่ ยอ้ มผา้ มสั กสิ โดยสว่ นใหญแ่ ลว้ จงึ มกั ไมม่ ผี ลติ ภณั ฑท์ ส่ี เี จดิ จา้ บาดตา ผลติ ภณั ฑข์ องกลมุ่ มงั กสิ มกั จะใหส้ ที มึ ในโทน น�ำ้ เงนิ เทา และถงึ แมจ้ ะมกี ารใชส้ โี ทนสวา่ ง เชน่ สแี ดง สสี ม้ สเี หลอื ง ในการสรา้ งสรรคช์ น้ิ งาน กเ็ ปน็ สที ่ี ไมส่ วา่ งบาดตาตามลกั ษณะของ ผา้ บาตกิ ทว่ั ๆ ไป อนั เนอ่ื งมาจากการใชส้ ที ไ่ี ดม้ าจากธรรมชาตนิ น่ั เอง ๒๗

สมุ าตราบาตกิ ๒๕๕๒ จ.นราธวิ าส ​สุมาตราบาติกได้แรงบันดาลใจจากการเห็นข้อจำ�กัดของการใช้ผ้าบาติกที่โดยมากมัก ผลติ ผา้ บาตกิ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ผา้ โสรง่ ผา้ ถงุ ส�ำ หรบั ผหู้ ญงิ เปน็ หลกั จงึ ไดร้ เิ รม่ิ เปลย่ี นโดยการผลติ ผา้ บาตกิ เพอ่ื ตดั เยบ็ เสอ้ื ผา้ เพอ่ื เปดิ ตลาดใหก้ วา้ งขน้ึ สมุ าตราบาตกิ ใชเ้ ทคนคิ การพมิ พล์ ายดว้ ยแมพ่ มิ พโ์ ลหะ(เหลก็ ) จุดเด่นมักจะหาแลนด์มาร์คของสถานท่ที ่องเท่ยี วต่าง ๆ มาออกแบบลาย เพ่อื ขายเป็นท่รี ะลึกให้นัก ทอ่ งเทย่ี วทไ่ี ดไ้ ปเยอื นสถานทน่ี น้ั ๆ เชน่ หากจ�ำ หนา่ ยทเ่ี กาะสมยุ กจ็ ะผลติ ลายตน้ มะพรา้ ว จ�ำ หนา่ ยท่ี นราธิวาสก็ผลิตลายเรือกอและ จำ�หน่ายท่ยี ะลาก็ออกแบบเป็นลายกริช เป็นต้น นอกจากน้นั จุดเด่น ของสุมาตราบาติกคือการใช้การพิมพ์เทคนิคเก่า แต่สร้างสรรค์ลวดลายใหม่ ๆ โดยไม่ยึดติดกับ ขนบลายโบราณ แตพ่ รอ้ มจะปรบั เปลย่ี นตามกระแสความนยิ มและความตอ้ งการของตลาด สมุ าตราบาตกิ เรม่ิ ตน้ จากการถา่ ยทอดความรขู้ องนายอดศิ กั ด์ิ แวเตะ๊ ใหช้ มุ ชน โดยถา่ ยทอด ความรทู้ เ่ี ขาไดซ้ มึ ซบั จากประสบการณส์ ว่ นตวั ทง้ั การผลติ แมพ่ มิ พ์ และการท�ำ ผา้ บาตกิ จนมาสกู่ ารท�ำ กจิ การบาตกิ ทม่ี สี ว่ นรว่ มกบั ชมุ ชน ทง้ั การถา่ ยทอดความรแู้ ละการใชค้ นท�ำ งานเปน็ คนในชมุ ชน เปน็ การ สรา้ งอาชพี กบั คนในพน้ื ท่ี เพอ่ื ใหผ้ ลติ ภณั ฑม์ คี วามทนั สมยั เหมาะกบั ยคุ ปจั จบุ นั อดศิ กั ด์ิ จงึ ใชเ้ ทคโนโลยกี ารผลติ ใหม้ ี ความแตกตา่ งไปจากทอ้ งตลาด โดยการออกแบบดว้ ยบลอ็ กพมิ พท์ เ่ี ปน็ ลวดลายตามความตอ้ งการของ ลกู คา้ แทนการเขยี นดว้ ยมอื ซ่ึงอดิศักด์เิ ล่าวา่ “บล็อคพมิ พล์ ายทำ�มาจากปปี๊ ขนมปังโดยฝีมอื คนใน ชมุ ชนซง่ึ ลายทอ่ี อกแบบเปน็ ลายทอ่ี อกแบบเฉพาะของรา้ น ผา้ ตดิ ตลาดกถ็ อื วา่ ชว่ ยชมุ ชนดว้ ย” ความโดดเดน่ ของสมุ าตราบาตกิ คอื ผลติ ภณั ฑท์ ม่ี สี ฉี ดู ฉาด สดใส มลี วดลายทนั สมยั คงความ เป็นเอกลักษณส์ ามจงั หวัดโดยทล่ี วดลายบนผ้าเปน็ ลายทอี่ อกแบบมาใหม่ ซึ่งจะมสี ญั ลกั ษณ์ท�ำ ให้ นกึ ถงึ ๓ จงั หวดั เชน่ รปู วา่ วบลู นั ลายใบยางทอ่ี อกแบบเฉพาะของลายสมุ าตรา รปู ใบไมเ้ งนิ ใบไมท้ อง ลายดอกชบา และลายอน่ื อกี ประมาณสบิ กวา่ ลาย ซง่ึ เปน็ ลายทบ่ี ง่ บอกทง้ั ความทนั สมยั และเอกลกั ษณท์ ่ี สะทอ้ นความเปน็ ๓ จงั หวดั ๒๘

ผา้ บาติกจากสงขลา จงั หวดั สงขลาเปน็ จงั หวดั รมิ ฝง่ั ทะเลอา่ วไทยทเ่ี ปน็ ทง้ั แหลง่ อตุ สาหกรรม แหลง่ ทอ่ งเทย่ี ว และ ยา่ นธรุ กิจทสี่ �ำ คญั ของภาคใต้ตอนลา่ ง มคี นไทยเชือ้ สายจีนมาตง้ั รกรากทีส่ งขลานบั ๑๐๐ ปี ท�ำ ให้ มีศลิ ปวฒั นธรรมแบบจนี มาผสมผสานในวถิ ชี วี ติ อยไู่ มน่ อ้ ย มหี มบู่ า้ นชาวประมงซง่ึ สว่ นใหญเ่ ปน็ มสุ ลมิ อยู่ ในอ�ำ เภอจะนะ เทพา และบรเิ วณแหลมสมหิ ลา ขณะเดยี วกนั อ�ำ เภอสะบา้ ยอ้ ยและอ�ำ เภอนาทวกี ลับ เป็นพื้นที่ป่าเขาท่ีอยู่ใกล้กับชายแดนประเทศมาเลเซีย มีอำ�เภอหาดใหญ่ที่เป็นแหล่งธุรกิจขนาด ใหญ่ทช่ี าวมาเลเซยี และสงิ คโปรแ์ วะมาเยอื นเพอ่ื ทอ่ งเทย่ี ว และประกอบธรุ กจิ อยเู่ สมอ ผา้ บาตกิ ของ ๔ อ�ำ เภอจงั หวดั สงขลา จงึ มคี วามหลากรปู แบบและลวดลาย อนั เนอ่ื งมาจาก สภาพทแ่ี ตกตา่ งกนั ของพน้ื ทท่ี ง้ั ชายฝง่ั ทะเลและพน้ื ทป่ี า่ เขา รวมทง้ั การมพี น้ื ทธ่ี รุ กจิ และแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วทอ่ี น่ื อยา่ งไรกต็ าม บาตกิ ของพน้ื ทส่ี งขลากย็ งั มกี ารคงไวซ้ ง่ึ เทคนคิ การใชแ้ มพ่ มิ พแ์ บบเกา่ และมี ลกั ษณะของลวดลายตามจารตี ของศลิ ปะแบบจนี อยบู่ า้ งโดยเฉพาะในเขตเมอื ง แตใ่ นพน้ื ทท่ี ห่ี า่ งไกลเมอื ง ทเ่ี ปน็ ปา่ เขาและพนื้ ทห่ี มบู่ า้ นชาวประมง มกั ใชเ้ ทคนคิ ของการมดั ยอ้ มมาผลติ ผนื ผา้ มากกวา่ กล่มุ ผ้ปู ระกอบการท่เี คยร่วมโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไทยร่วมสมัยชายแดนใต้ของ ส�ำ นกั งานศลิ ปวฒั นธรรมรว่ มสมยั กระทรวงวฒั นธรรมในปี ๒๕๕๘ ในเขตจงั หวดั สงขลามากอ่ นและมา ร่วมต่อยอดในโครงการ “พัฒนาผลิตภัณฑ์และออกแบบลายผ้าไทยร่วมสมัยชายแดนใต้” (Contemporary Southern Batik by OCAC) ปี ๒๕๖๑ ครง้ั น้ี คอื เฟอ่ื งฟา้ บาตกิ หาดใหญบ่ าตกิ สงขลาบาติก และมีกลุ่มผู้ประกอบการรายใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมโครงการ คือ กลุ่มมีดีที่นาทับ กลุ่มกระเป๋าผ้าปาเต๊ะและศิลปะมัดย้อมบ้านหัวควน และกลุ่มเทพาบาติก ๒๙

เฟ่ืองฟา้ บาติก จ.สงขลา ​เฟอ่ื งฟา้ บาตกิ เกดิ จากการรวมตวั ของศลิ ปนิ บาตกิ รนุ่ ใหมใ่ นจงั หวดั สงขลา เรม่ิ ตน้ จากการ สรา้ งสรรคผ์ ลติ ภณั ฑบ์ าตกิ ในรปู แบบผลติ ภณั ฑข์ องฝากทอ้ งถน่ิ ชน้ิ เลก็ ๆ ประเภทเสอ้ื ยดื ผนื ผา้ บาตกิ และกระเปา๋ โดยการใชล้ วดลาย เทคนคิ และสสี นั แบบดง้ั เดมิ แตก่ เ็ ปดิ กวา้ งส�ำ หรบั แรงบนั ดาลใจและ แนวคดิ สรา้ งสรรคใ์ หม่ ๆ เพอ่ื สรา้ งรปู แบบและผลติ ภณั ฑใ์ หม่ ๆ ใหก้ บั งานสง่ิ ทอทอ้ งถน่ิ เนอ่ื งดว้ ยสมาชกิ กลมุ่ เฟอ่ื งฟา้ บาตกิ สว่ นใหญเ่ ปน็ คนรนุ่ ใหม่ ลวดลายทป่ี รากฏบนผนื ผา้ บาตกิ ทเ่ี กดิ จากการสรา้ งสรรคข์ องกลมุ่ จงึ มกั เปน็ งานบาตกิ ทค่ี อ่ นขา้ งจะรว่ มสมยั มากกวา่ ทจ่ี ะเปน็ ลวดลาย ดง้ั เดมิ หรอื แมก้ ระทง่ั การใชส้ กี ใ็ ชโ้ ทนสที แ่ี ตกตา่ งจากงานบาตกิ แบบเกา่ จดุ ทโ่ี ดดเดน่ บนผลติ ภณั ฑข์ อง กลุม่ เฟ่อื งฟ้าบาตกิ ก็คือการน�ำ เอาลวดลายสมัยใหม่ท่เี ปน็ สากล เช่น ลายดอกกหุ ลาบมาวาดลงบน ผืนผ้าบาติก และมกั จะสร้างสรรคล์ วดลายทแี่ ปลกใหม่ รว่ มสมยั เพอ่ื มาใชใ้ นการสร้างผลิตภัณฑ์ให้ เกิดมลู คา่ และตลาดทก่ี วา้ งขน้ึ ๓๐

หาดใหญบ่ าตกิ ๒๕๔๕ จ.สงขลา ​เดมิ ทหี าดใหญบ่ าตกิ ผลติ ผา้ บาตกิ แนว สดใส จดั จา้ น ตอ่ มาเรม่ิ จบั งานแนวมดั ยอ้ มสธี รรมชาติ ผสมเทคนคิ บาตกิ ปม้ั เทยี น โดยพยายามคงคอนเสป็ ความเปน็ บาตกิ เปน็ เทคนคิ ผสมจนคน้ พบแนว ของตนเองในทส่ี ดุ มากไปกวา่ นน้ั พยายามผสมผสานเทคนคิ แปลกใหม่ เชน่ การโรยวตั ถบุ นผา้ ลายฉลุ และบลอ็ กไม้ นอกจากผลติ ชน้ิ ผา้ จ�ำ หนา่ ยกย็ งั ผลติ เสอ้ื ผา้ ส�ำ เรจ็ รปู กระเปา๋ หมวก ผา้ พนั คอ ผา้ คลมุ ไหล่ วอลเปเปอรฝ์ าผนงั จากเทคนคิ บาตกิ ดว้ ยมที กั ษะทางศลิ ปะเปน็ ตน้ ทนุ เดมิ จงึ มคี วามกลา้ ทจ่ี ะทดลองกบั วตั ถหุ รอื วสั ดใุ หม่ ๆ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ลายใหม่ ๆ ทง้ั ยงั ไดแ้ รงบนั ดาลใจรอบตวั ในทอ้ งถน่ิ ชาญวทิ ย์ ดารามติ ร เลา่ วา่ เขาชน่ื ชอบงานศลิ ปะมาตง้ั แตเ่ ดก็ ตอ่ มาจงึ ไดศ้ กึ ษาตอ่ ทว่ี ทิ ยาลยั เพาะชา่ งในสาขาภาพพมิ พ์ และเปน็ อาจารยส์ อนศลิ ปะทโ่ี รงเรยี นแหง่ หนง่ึ ในจงั หวดั เชยี งใหม่ และได้ เปิดร้านเพ้นต์ภาพท่ีตลาดไนท์บาซาร์ ซ่ึงสร้างรายได้อย่างงดงาม ทำ�งานอยู่ท่ีเชียงใหม่ได้ ๑๒ ปี ก็กลับไปเปิดร้านท่บี ้านเกิดจังหวัดปัตตานี แต่ไม่ประสบความสำ�เร็จ จึงมาเปิดร้านเพ้นต์ภาพขายท่ี อำ�เภอหาดใหญ่ และเป็นอาจารย์สอนวิชาศิลปะท่โี รงเรียนดรุณศึกษา จนได้ศึกษาการทำ�ผ้าบาติก กบั อาจารยฝ์ กึ สอนทโ่ี รงเรยี นดรณุ ศกึ ษา และสรา้ งกลมุ่ หาดใหญบ่ าตกิ ในทส่ี ดุ จุดเด่นของหาดใหญ่บาติกคือ ฝีมือที่มีความประณีต มีลายเส้นท่ีสวยงามอ่อนช้อยเป็น ลวดลายท่ีเปน็ เอกลกั ษณ์เฉพาะตัว ใชก้ ระดุมท่ีทำ�มาจากกะลา โดยเลือกวัสดุทน่ี ำ�มาใช้ในช้ินงาน รอ้ ยละ ๘๐ จะเปน็ วสั ดทุ ม่ี อี ยใู่ นหาดใหญ่ หาดใหญบ่ าตกิ ผลติ ผา้ บาตกิ ทเ่ี ปน็ มติ รกบั สง่ิ แวดลอ้ ม เพราะ ยอ้ มสดี ว้ ยผลติ ภณั ฑจ์ ากธรรมชาติ เชน่ ใชส้ ฟี า้ และน�ำ ้ เงนิ จากคราม สนิ คา้ ทข่ี ายดที ส่ี ดุ ของหาดใหญบ่ าตกิ คอื เสอ้ื เชต้ิ เพราะตลาดมคี วามตอ้ งการสงู ในกลมุ่ ลกู คา้ ขา้ ราชการ หาดใหญ่บาตกิ มีการทำ�การตลาดโดยแบง่ งานกันทำ�ระหวา่ งฝา่ ยผลิตและฝา่ ยขาย โดยจะผลติ ทห่ี าดใหญ่ มฝี า่ ยขายประจ�ำ อยทู่ ก่ี รงุ เทพฯ จดั แสดงและวางจ�ำ หนา่ ยยงั พน้ื ทต่ี า่ ง ๆ ทง้ั ทาง ภาคกลาง ภาคเหนอื และภาคอสี าน โดยสนิ คา้ ทกุ ชน้ิ ทจ่ี ะออกสตู่ ลาดจะตอ้ งผา่ นการตรวจคณุ ภาพ ทกุ ชน้ิ มรี าคาทค่ี วามเหมาะสม ๓๑

สงขลาบาตกิ ๒๕๔๐ จ.สงขลา ​ ​ดว้ ยมฐี านการเรยี นศลิ ปะเปน็ ทต่ี ง้ั ท�ำ ใหส้ งขลาบาตกิ มโี อกาสทดลองทง้ั เทคนคิ และวธิ กี ารตา่ ง ๆ อยา่ งหลากหลาย จนกลายเป็นประสบการณ์ โดยเริ่มผลิตผา้ บาติกด้วยการวาดรปู ทว่ั ๆ ไปกอ่ น จนค้นพบทิศทางของตนเองและนำ�ไปสู่การปรับเปลี่ยนจนสามารถสร้างนวัตกรรมการใช้ยางพารา แทนเทียนเพ่ือลดการใช้สารเคมีและทำ�ให้กระบวนการทำ�งานปลอดจากสารพิษและไม่ทำ�ลาย ส่งิ แวดล้อมรวมท้งั มีความพยายามปรับตัวด้านลวดลายให้ตอบรับกับยุคสมัยใหม่ เช่นการใช้เทคนิค สไลด์สีแนวอาร์ต แนวแอบสแตร็ค พยายามฉีกแนวเพ่ือข้ามความจำ�เจของงานบาติกแนวขนบ ในด้านผลิตภัณฑ์ผลิตท้ังเส้อื ผ้าสำ�เร็จรปู กระเป๋า ผ้ามา่ น ผา้ คลมุ ไหล่ เปน็ ตน้ จดุ เรม่ิ ตน้ ของความส�ำ เรจ็ มาจากการท่ี สรุ ศกั ด์ิ ศริ โิ วหาร เกบ็ เกย่ี วความรู้ และไดแ้ รงบนั ดาล ใจมาจากการเล่าเรียนทางด้านศิลปะจากการเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ซ่งึ หลงั จากท่เี รยี นจบแลว้ กม็ าเปน็ อาจารย์ กอ่ นท่จี ะลาออกมาเปดิ รา้ น ทำ�ธุรกจิ ผา้ บาตกิ เต็มตวั โดยทส่ี รุ ศกั ดช์ิ กั ชวนรนุ่ นอ้ งทจ่ี บโดยตรงจากคณะเดยี วกนั มารว่ มงาน โดยเหตผุ ลทว่ี า่ รนุ่ นอ้ งสว่ นใหญ่ จะมีความสนใจและถนัดในงานท่ีได้เรียนมา จึงสนใจท่ีจะมาทำ�งานที่ร้านบาติก และ มีฝีมือดี เกี่ยวกับงานด้านนี้ด้วย สงขลาบาติก ถือได้ว่าเป็นร้านดั้งเดิมท่ีจำ�หน่ายและทำ�ผ้าบาติก วาดลวดลายกับมือ ของตัวเองลายทว่ี าดสว่ นใหญก่ จ็ ะเปน็ ลายทเ่ี กย่ี วกบั ภาคใต้ เปน็ ลายดอกไมส้ ว่ นใหญ่ งานทกุ ชน้ิ จะเนน้ ความประณตี มคี ณุ ภาพสงู ลวดลายของสงขลาบาตกิ แตกตา่ งจากรา้ นอน่ื ตรงทจ่ี ะคดิ ลายเอง มแี บรนด์ สนิ คา้ เปน็ ของตวั เอง โดยเนน้ จ�ำ หนา่ ยเปน็ ผา้ ชน้ิ ไวส้ �ำ หรบั ตดั ชดุ เพราะจะมยี อดขายสงู กบั หนว่ ยงาน ราชการและภาครฐั สนิ คา้ ในรา้ นมตี ง้ั แตเ่ สอ้ื บาตกิ ส�ำ เรจ็ รปู ผา้ ชน้ิ ส�ำ หรบั ตดั กระโปรง ผา้ พนั คอลายเกๆ๋ ผา้ คาดผมเสอ้ื ส�ำ เรจ็ รปู โคมไฟ เครอ่ื งประดบั สตรี และกระเปา๋ หลากหลายรปู แบบ นอกจากนน้ั ยงั มลี ายท่ี ออกแบบตามเทศกาล ทล่ี กู คา้ มาสง่ั ท�ำ สงขลาบาตกิ มคี วามแตกต่างจากร้านอ่นื ในด้านวัสดุในการท�ำ บาตกิ ด้วย เชน่ สที ีใ่ ชเ้ ปน็ สขี องเยอรมนั แท้ มคี วามปลอดภยั สงู ตอ่ ผบู้ รโิ ภคและสง่ิ แวดลอ้ ม ไมม่ ผี ลกระทบตอ่ ผทู้ ส่ี วมใส่ ซกั แลว้ สไี มต่ ก เมอ่ื รวมกบั รปู แบบทแ่ี ตกตา่ งในเรอ่ื งของการดไี ซน์ รปู แบบไอเดยี ทห่ี ลากหลาย ราคาทเ่ี หมาะ สมกบั ชน้ิ งาน ท�ำ ใหผ้ ลติ ภณั ฑข์ องสงขลาบาตกิ เกดิ ความดงึ ดดู ใจและไดร้ บั ความนยิ มอยา่ งแพรห่ ลาย โดยลกู คา้ สว่ นใหญ่ เปน็ คนในหนว่ ยงานราชการ ตง้ั แตโ่ รงเรยี น อบต. เทศบาล อบจ. ตามพน้ื ทอ่ี �ำ เภอ และทอ้ งถน่ิ ตา่ ง ๆ ๓๒

กลมุ่ บก้ารนะเหปัวา๋ คผวา้ ปนา๒เต๕ะ๊ ๖แล๐ะศจลิ.สปงะขมลดั ายอ้ ม กลมุ่ กระเปา๋ ผา้ ปาเตะ๊ และศลิ ปะมดั ยอ้ มบา้ นหวั ควน เปน็ กลมุ่ อาชพี ทก่ี อ่ ตง้ั มาไมน่ านนกั เมือ่ เทยี บกบั กลุ่มอ่ืน แตด่ ้วยความมงุ่ มัน่ ของกล่มุ ฯ ทำ�ให้กลมุ่ กระเป๋าผ้าปาเต๊ะและศลิ ปะมัดยอ้ ม บา้ นหัวควนเตบิ โตอย่างรวดเรว็ สามารถตอ่ ยอดจากผลติ ภณั ฑเ์ ดมิ ทม่ี เี พยี งการท�ำ มดั ยอ้ ม แตกเปน็ ผลติ ภณั ฑใ์ หมท่ ม่ี ากขน้ึ กวา่ เดมิ ศริ ิมา โสระเนตร์ เริม่ มีความสนใจผา้ บาตกิ จากการท่เี หน็ ผ้คู นสวมใส่ ศริ มิ า จงึ ศกึ ษา ด้วยการซื้อหนังสือเกี่ยวกับการมัดย้อม อ่าน และลองปฏิบัติ และไปฝึกอบรมกับหน่วยงาน ที่สง่ เสรมิ อาชพี เชน่ ศนู ยพ์ ฒั นาอาชพี พกิ ลุ ทอง สามารถท�ำ ผา้ บาตกิ ได้ จนมคี วามช�ำ นาญ ในระดบั ท่ี สามารถเปน็ วทิ ยากรตามโรงเรยี นและปอเนาะโดยทศ่ี ริ มิ าไมร่ บั คา่ วทิ ยากร แตเ่ พอ่ื ตอ้ งการทกั ษะตา่ ง ๆ ให้กับตัวเองต่อมาจึงชักชวนสมาชิกต้ังกลุ่มผลิตผ้ามัดย้อมและเสื้อยืดมัดย้อม ซ่ึงในระยะแรก เปน็ การท�ำ เสอ้ื ยดื มดั ยอ้ มเปน็ หลกั ในเวลาตอ่ มาเมอ่ื มที กั ษะและประสบการณจ์ ากการดงู านหลาย ๆ แหง่ น�ำ มาสกู่ ารทดลองใชส้ ธี รรมชาตมิ าสรา้ งผลติ ภณั ฑ์ เชน่ ตดั เยบ็ เสอ้ื ผา้ กระเปา๋ ผา้ ผา้ พนั คอ เปน็ ตน้ ปัจจุบันกำ�ลังทดลองใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติมาผลิตสีเพ่อื การมัดย้อม สีมัดย้อมท่ผี ลิตจากธรรมชาติ แมย้ งั ไมม่ คี วามเสถยี รแตก่ ใ็ หค้ วามงามออกมาเปน็ สเี อริ ธ์ โทน (Earth tone) และมนิ มิ อล (minimal) ๓๓

กลมุ่ ผ้าบ๒า๕ต๔กิ ๕มดั จย.ส้องมขมลดีาที ี่นาทับ นาทบั เปน็ หมบู่ า้ นชาวประมงเลก็ ๆ ในอ�ำ เภอจะนะ จงั หวดั สงขลา ทไ่ี มค่ อ่ ยมผี คู้ นภายนอก เขา้ ถงึ มากนกั ดว้ ยอยบู่ นเสน้ ทางสายรองและหา่ งไกลจากตวั เมอื งพอสมควร และดว้ ยแรงบนั ดาลใจ ทอ่ี ยากใหผ้ คู้ นรจู้ กั ต�ำ บลนาทบั จนั ทนา ธรรมโชติ จงึ รวมกลมุ่ ชาวบา้ นในพน้ื ทม่ี าอบรมและสรา้ งสรรคง์ าน บาตกิ มดั ยอ้ มทม่ี กี ลน่ิ อายและสสี นั แหง่ ทอ้ งทะเลดง่ั ทต่ี �ำ บลนาทบั ตง้ั อยตู่ ดิ ชายทะเล เรม่ิ ตน้ จากการใชผ้ า้ ในการมดั ยอ้ มเลน่ สี ลวดลาย แลว้ เรม่ิ ผลติ ผลติ ภณั ฑ์ เสอ้ื ผา้ กระเปา๋ กระเปา๋ เป้ ชดุ นอน สว่ นลวดลาย ไดส้ รา้ งสรรคโ์ ดยการใชเ้ ทคนคิ ซอ้ นเทคนคิ บางครง้ั ใชส้ ามเทคนคิ เรม่ิ ดว้ ยสอี อ่ น สกี ลาง และสเี ขม้ ในทส่ี ดุ โดยพยายามคงความเปน็ ผา้ มดั ยอ้ มผสมผา้ บาตกิ กลุ่มผ้ามัดย้อม มีดีท่ีนาทับ เน้นการทำ�ผ้ามัดย้อมท่ีสีสันเจิดจ้า สดใส และสนุกสนาน ในแบบชมุ ชนชายทะเล ควบคไู่ ปกบั การท�ำ ผา้ บาตกิ ทใ่ี ชเ้ ทคนคิ ของการเพน้ ทส์ แี บบอสิ ระ ไมม่ กี ารใช้ เทยี นมากน้ั สี ปลอ่ ยใหส้ ที ร่ี ะบายลงบนผนื ผา้ กระจาย ซมึ ไป และไลเ่ ฉดสอี ยา่ งอสิ ระ ท�ำ ใหไ้ ดล้ วดลาย ทค่ี อ่ นขา้ งเปน็ นามธรรม กล่มุ ผ้ามัดย้อม มีดีท่นี าทับ ทำ�การตลาดโดยเน้นการจัดบูธจัดจำ�หน่ายในงานต่าง ๆ และ สนิ คา้ โอทอป และนอกเหนอื จากการรวมกลมุ่ เพอ่ื ผลติ ผนื ผา้ บาตกิ จนั ทนา ยงั เปน็ วทิ ยากรในการอบรม และเปน็ ครสู อนศลิ ปะทส่ี อดแทรกการสอนวธิ กี ารท�ำ ผา้ มดั ยอ้ มและผา้ บาตกิ ใหก้ บั เดก็ นกั เรยี นอกี ดว้ ย ๓๔

กลมุ่ เทพาบาตกิ ๒๕๕๓ จ.สงขลา ​ดว้ ยการชอบวาดภาพและอยากอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมการท�ำ ผา้ บาตกิ และจากท่ี แพรว้ สรอ้ ยซม้ิ ประธานกล่มุ เทพาบาติกเคยเห็นผ้าบาติกได้รับความนิยมในจังหวัดนราธิวาส และภูเก็ตแล้วร้สู ึกว่า เรานา่ จะท�ำ ได้ จงึ รวมตวั เปน็ กลมุ่ เลก็ ๆ ในชมุ ชนท�ำ เปน็ งานอดเิ รก หลงั จากมวี ทิ ยากรจากวทิ ยาลยั ชมุ ชนสงขลามาใหก้ ารอบรมการท�ำ ผา้ บาตกิ กลมุ่ เทพาบาตกิ จงึ เกดิ ขน้ึ โดยหลกั ๆ ใชว้ ธิ กี ารวาดลวดลาย ดว้ ยเสน้ เทยี น และคงการลงสจี ดั จา้ น ดว้ ยลวดลายดอกไม้ เชน่ ดอกบวั กหุ ลาบ ใบไม้ ทะเล ภาพววิ เปน็ ตน้ สว่ นผลติ ภณั ฑม์ ที ง้ั เสอ้ื ยดื บาตกิ ผา้ ชน้ิ ผา้ เชด็ หนา้ ผนื ใหญ่ ลักษณะผลิตภัณฑ์บาติกของกลุ่มเทพาบาติก มีลักษณะที่เป็นบาติกที่มีลักษณะ แบบชายทะเลตามเมืองท่องเที่ยว ซึ่งมีการใช้ลวดลายพระอาทิตย์ ต้นมะพร้าว ชายหาด และ ลายคลน่ื ทะเลใชส้ สี ดใสเจดิ จา้ ในกลมุ่ โทนสรี อ้ นซง่ึ เปน็ ลกั ษณะเดน่ ของบาตกิ ทบ่ี อกเลา่ เรอ่ื งราวชายทะเล ๓๕

ศรันรัตน์ พรรจิรเจริญ by Everyday Karmakarmet นักออกแบบและสไตลิสต์ผู้ผ่านประสบการณ์งานออกแบบทั้งเครื่องแต่งกาย และ เครื่องประดับที่หลากหลาย เจ้าของรางวัล Designer of the Year Awards 2015 สาขาการออกแบบผ้า และเส้นใย (Textile and Fabric Design) ศรนั รตั น์ พดู ถงึ การท�ำ งานในโครงการ “พฒั นาผลติ ภณั ฑแ์ ละออกแบบลายผา้ ไทยรว่ มสมยั ชายแดนใต”้ (Contemporary Southern Batik by OCAC) ครง้ั นว้ี า่ เปน็ โครงการของส�ำ นกั งาน ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม เดินตามพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลท่ี๙ ที่ทรงส่งเสริมพัฒนาผ้าไทยทุกภาคต้ังแต่ต้นนำ�้ ถึงปลายนำ�้ อนาคตผ้าไทยเป็นทย่ี อมรบั ในตลาดสากลมากขนึ้ ในมุมมองของนักออกแบบ ศรันรัตน์ พูดถึงผ้าบาติกว่าเป็นงานท้องถิ่นท่ีมีอัตลักษณ์ และความงาม สามารถพัฒนาต่อยอดได้มากมาย นักออกแบบเพียงดึงเอาจุดเด่นมาปรับให้ ส่อื สารและสรา้ งความสนใจกบั คนภายนอกไดม้ ากขนึ้ งานออกแบบของศรันรัตน์ในครั้งน้ี บอกเล่าเรื่องราวบรรยากาศท้องทะเลผ่านเป็น บทสนทนาผา่ นบรรยากาศทะเลเกาะสมยุ ซง่ึ เปน็ ท่ี ศรนั รตั น์ เตบิ โตและมโี อกาสได้สงั เกตผ้คู น จนไดส้ มั ผสั ถงึ ความหลากหลาย และความแตกตา่ ง ซง่ึ ศรนั รตั นค์ น้ พบวา่ ความแตกตา่ งทง้ั หลายนน้ั เป็นเพียงการเลือก ความเชื่อ ความสนใจของผู้คน แต่สุดท้ายแล้วล้วนเป็นมนุษย์เหมือนกัน ทั้งส้นิ จงึ เลอื กที่จะน�ำ เสนอเรอ่ื งราวของการเรียนรู้ที่จะรกั ดว้ ยการเปิดกว้าง ยอมรับและไม่ตัดสนิ ซ่งึ กันและกันผา่ นลวดลายบนผนื ผ้าบาตกิ ศรนั รตั น์ ไดด้ ึงศกั ยภาพของผู้ประกอบการบาติกในพื้นที่ ทัง้ เทคนคิ ทีผ่ ู้ประกอบการ ถนดั และลวดลายเดมิ ที่เคยทำ� รว่ มกบั ศกั ยภาพและทักษะในการออกแบบของเขา เพ่อื พฒั นา สร้างสรรค์ผืนผ้าบาติกที่ก้าวพ้นความเป็นจารีตเฉพาะถิ่น แต่ยังคงซึ่งเสน่ห์ของบาติกและ ๓๖ อัตลักษณข์ องท้องถ่ินไว้ เพอ่ื น�ำ มาสู่ผลงานการออกแบบเสอื้ ผา้ ทีม่ ีความร่วมสมยั ได้อยา่ งลงตัว

เทพาบาติก ๓๗ อา่ วมะนาวบาตกิ อา่ วมะนาวบาตกิ หาดใหญ่บาตกิ

๓๘ กลุ่มบาตกิ บ้านบาโง เทพาบาตกิ กลุ่มบาตกิ บ้านบาโง กล่มุ อัลฮามนิ

๓๙ กลุ่มผา้ มดั ย้อมมงั กิส สุมาตราบาตกิ กล่มุ อลั ฮามนี สุมาตราบาตกิ

๔๐ ญาดาบาตกิ หาดใหญ่บาติก กล่มุ ผ้ามดั ยอ้ มมังกสิ ญาดาบาตกิ

ธีระ ฉนั ทสวัสด์ิ ๔๑ (T-Ra Chantasawasdee) ตลอดระยะเวลาหลายปีในวงการแฟชั่น ธีระ ฉันทสวัสดิ์ มีความเชี่ยวชาญและ ประสบการณ์ในการทำ�งานกับผ้าอย่างยาวนาน โดยเฉพาะการสร้างงานหัตถกรรมบนผืนผ้า ก่อนที่จะนำ�มาตัดเย็บ ธีระ เป็นดีไซน์เนอร์รุ่นบุกเบิกที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องผ้าไทย ทั้งผ้าไหมมัดหมี่และผ้าประเภทอ่นื แม้จะคร่ำ�หวอดในวงการแฟชั่นมาเป็นเวลานาน แต่การสร้างสรรค์ผลงานคร้ังน้ีเป็น ความทา้ ทายคร้ังใหม่ของ ธรี ะ โดยคอลเลคช่ันน้ีมีจดุ เรมิ่ ต้นมาจากการท�ำ ความเขา้ ใจเอกลักษณ์ ของวัสดุทแ่ี ตกต่างกันของแต่ละกลุ่มผู้ประกอบการ ก่อนที่จะออกแบบลวดลายและเลือก เทคนิคการตัดเย็บให้สอดคล้องกับธรรมชาติของเนื้อผ้านั้น ๆ ซึ่งเอกลักษณ์ของเนื้อผ้าจาก บางกลมุ่ ที่ได้นัน้ นำ�ไปสกู่ ารออกแบบเสื้อผา้ ส�ำ หรบั ผชู้ าย ซ่งึ ธีระไม่เคยทำ�มาก่อน ธีระ มีประสบการณ์จากการเคยเป็นอาจารย์และวิทยากรที่ได้รับเชิญให้ร่วมงานกับ กลุม่ ผผู้ ลติ ผา้ ไทยจากท้องทตี่ า่ ง ๆ ทัว่ ประเทศ ทำ�ใหธ้ ีระ มคี วามเขา้ ใจกระบวนการคิดและ ข้อจำ�กัดของกลุ่มผู้ประกอบการผ้าไทยในพ้ืนท่ีต่าง ๆ ซ่ึงเป็นเร่ืองง่ายท่ี ธีระจะสื่อสารกับ ผปู้ ระกอบการในพื้นท่เี พอ่ื พัฒนาเทคนิคและลวดลายร่วมกันบนผืนผ้าบาติกในโครงการน้ี การพัฒนางานผา้ ไทยน้ัน ธีระ เหน็ ช่องโหว่ในเรอ่ื งทผี่ ู้ประกอบการในระดับชาวบ้าน ส่วนใหญไ่ มม่ ีความรู้เรื่องแฟชน่ั การออกแบบ ความตอ้ งการของตลาด ผปู้ ระกอบการอยากจะ กา้ วขา้ มความเปน็ โอทอป แตไ่ มม่ ใี ครลงไปถงึ จดุ นน้ั ได้ จนมาเกดิ เปน็ โครงการ “พฒั นาผลติ ภณั ฑ์ และออกแบบลายผา้ ไทยร่วมสมยั ชายแดนใต”้ (Contemporary Southern Batik by OCAC) ของส�ำ นักงานศลิ ปวัฒนธรรมรว่ มสมยั กระทรวงวัฒนธรรม ครั้งนท้ี ี่สามารถทจี่ ะเป็นจุดเช่ือมต่อ ให้ผปู้ ระกอบการสามารถพฒั นางานให้รว่ มสมัย และสามารถผลกั ดันไปสตู่ ลาดโลกได้ ส�ำ หรบั คอลเลคชั่นน้ี ธีระ ได้ลงพื้นท่เี พ่อื รว่ มงานกับกลุ่มผู้ประกอบการท่ีผลติ ผ้าบาติก พื้นเมืองใน ๔ จังหวัดภาคใต้หลายกลุ่ม โดยเข้าไปช่วยแนะนำ�การออกแบบท้ังในด้านรูปแบบ ลวดลาย สีและใช้เทคนิคง่าย ๆ ในรูปแบบใหม่ เพื่อก้าวพ้นกรอบจารีตท่ีช่างบาติกเคยทำ� อยา่ งยาวนานจนกลายเปน็ ขนบทค่ี นุ้ ชนิ เพ่ือให้เกิดผลติ ภัณฑใ์ หม่ท่รี ว่ มสมัยมากขึ้น

๔๒ เฟื่องฟ้าบาตกิ รายาบาติก รายาบาติก บาราโหมบาตกิ

กล่มุ บาตกิ ตนั หยง กลมุ่ บาตกิ ตนั หยง เแสจอ้ื กเเชกติ้ ็ตเบฟา่อื ตงิกฟเา้ ดบอาตนกิารา กลมุ่ บาติกเมอื งยอน ๔๓

๔๔ บาตกิ เดอ นรา เดรสจากกลมุ่ กระเป๋าผ้าปาเต๊ะและ เส้ือนอกจากกลุ่มศลิ ปะมดั ยอ้ มบ้านหัวควน กระโปรงกลุ่มบาติกเมมืองยอน บาติก เดอ นรา

กลุ่มบาติกเมอื งยอน กลมุ่ กระเปา๋ ผ้าปาเตะ๊ และ กล่มุ ศลิ ปะมัดยอ้ มบ้านหวั ควน เสอ้ื กลมุ่ บางเก่าบาตกิ ๔๕ บาราโหมบาตกิ

วชิ ระวชิ ญ์ อคั รสนั ตสิ ขุ (WISHARAWISH) วิชระวชิ ญ์ อัครสันตสิ ขุ เปน็ หนึ่งในดีไซเนอร์ชาวไทยที่เปน็ ท่ีร้จู กั ในเวทีแฟชัน่ ระดับ สากลโดยเฉพาะในยุโรป วิชระวิชญ์เคยได้รับรางวัลชนะเลิศในงานประกวดการออกแบบ Mango Fashion Awards 2012 ทีเ่ มืองบาร์เซโลนา่ ประเทศสเปน ซึง่ เป็นคนไทยคนแรกทไี่ ด้ รบั รางวลั ซง่ึ สง่ ผลให้ วชิ ระวชิ ญไ์ ดม้ โี อกาสรว่ มแสดงผลงานบนรนั เวยแ์ ฟชน่ั ระดบั โลกอกี หลายเวที ด้วยความสนใจด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ทำ�ให้ วิชระวิชญ์ เป็นนักออกแบบท่ีมี มมุ มองลมุ่ ลกึ และนำ�เอาความร่วมสมัยมาสอดแทรกในงานออกแบบเคร่อื งแต่งกายของเขาเสมอ จากการที่วิชระวิชญ์ ศกึ ษางานแฟช่ัน ทำ�ให้เขาเห็นถงึ ความเปน็ ไปของยุคสมัย และการกา้ วผา่ น ของส่ิงตา่ ง ๆ ทเี่ ปลย่ี นแปลงไปบนโลก เห็นถึงความคดิ สร้างสรรค์ และการด�ำ รงอยขู่ องชวี ิต” ความสนใจด้านหตั ถกรรม ท�ำ ให้ ‘วชิ ระวิชญ’์ ร่วมทำ�โครงการ “พัฒนาผลิตภัณฑ์ และออกแบบลายผา้ ไทยร่วมสมยั ชายแดนใต้” (Contemporary Southern Batik by OCAC) ของสำ�นักงานศิลปวัฒนธรรมร่วสมัย กระทรวงวัฒนธรรม โดยนำ�ศิลปะสมัยใหม่มาผนวก เข้ากบั เทคนิคดั้งเดิม จนเกดิ เปน็ เป็นเครอื่ งแต่งกายร่วมสมยั ท่โี ดดเดน่ โดย วชิ ระวชิ ญ์ ลงพืน้ ท่ีไป คลกุ คลกี บั เหลา่ ผปู้ ระกอบการผา้ บาตกิ ในพน้ื ท่ี ๔ จงั หวดั ภาคใต้ เพอ่ื ท�ำ ความรจู้ กั ท�ำ ความเขา้ ใจ ข้ันตอนต่าง ๆ ในการทำ�ผ้าบาติกที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องที่ นั่นรวมไปถึงความเช่ือมโยง ระหว่างผ้าบาติกกับวิถีชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นด้วย การร่วมกันพัฒนาลวดลายผ้าจนมาสู่ การออกแบบและตัดเย็บเปน็ เคร่อื งแต่งกาย บนฐานของการเคารพความหลากหลาย เมอ่ื เกดิ การ ต่อยอดเปน็ ช้ินงานจึงยังคงไว้ซงึ่ ท้ิงเรอ่ื งราว และเอกลกั ษณข์ องท้องถิ่นเหลา่ นนั้ ส�ำ หรบั คอลเลคชน่ั น้ี วชิ ระวชิ ญ์ น�ำ เสนอมมุ มองการปรบั ใชผ้ า้ ทม่ี รี าคาไมส่ งู เหลา่ นเ้ี สยี ใหม่ ผสนิ่าคนา้เแทฟคชนน่ั ิควทา่ ่ีเคขวารชใหำ�นน้ �ำา้ หญนจกั นทเจ่ี กดุ ิดใดเปเ็นพยีงางในดทตี่ทง้ั ้าแทตว่าสัยดแุ กลาะรตอั้องคกแำ�บถบามกตา่อรขตดันเบยบ็ในไกปาจรนใถหงึ ้คกุณารคใช่าง้ ตาน่อ ๔๖

อาดำ�บาตกิ ศรียะลาบาติก สงขลาบาตกิ อิบรอเฮงบาติก ๔๗

อาดำ�บาตกิ ้ ๔๘ กลุม่ สีมายาบาติก อาดอื นนั บาตกิ กลมุ่ มดี ที ่ีนาทบั

ศรียะลาบาติก กลุ่มสมี ายาบาตกิ เกบ๋ าติก กลุ่มมีดที น่ี าทับ ๔๙

๕๐ อาดือนันบาตกิ อบิ รอเฮงบาตกิ เก๋บาติก สงขลาบาตกิ