16. หมายเลขส่งิ อุปกรณ์ ( Stock No.) ปรากฏอยู่ที่ขอบระวางตอนล่างสุดทางด้านขวา หมายเลขส่ิงอุปกรณ์จะเป็นเครื่องบอกให้ทราบถึง ชนิดของแผนที่ต่าง ๆ ใช้เพ่ือความมุ่งหมายในการ เบิกแผนท่ีเท่าน้ัน หมายเลขส่ิงอุปกรณ์ประกอบด้วย 15 ตาแหน่ง ประกอบด้วยหมายเลขชุด หมายเลข ระวาง และคร้ังที่การพิมพ์ 5 ตาแหน่งแรกแทน หมายเลขชุด ถ้าหมายเลขชุดไม่ครบ 5 ตาแหน่งให้ แทนด้วยเครื่องหมาย \"X“ ตาแหน่งที่ 6-13 เป็น หมายเลขระวางและใช้เลขอารบิกแทนเลขโรมันและ ถ้าหมายเลขระวางไม่ครบ 8 ตาแหน่ง ให้แทนด้วย เคร่ืองหมาย (*) ตาแหน่งท่ี 14 และ 15 สอง ตาแหน่งน้ีใช้แทนครั้งที่การพิมพ์เร่ิมจาก 01 ไป เรือ่ ยๆ เช่น แผนทีช่ ุด L7014หมายเลขระวาง 9543 I พิมพค์ รงั้ ที่ 1 STOCK NO 7014 95431 *** 01
16. หมายเลขส่งิ อุปกรณ์ ( Stock No.)
เครือ่ งหมายแผนที่ คือ เครื่องหมายท่ีใช้แสดงความหมายของสิ่ง ต่าง ๆ บนผิวพิภพที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและท่ี มนุษย์สร้างข้ึน เคร่ืองหมายที่ใช้นี้ ต้องพยายามให้ ผู้ใช้แผนที่เกิดมโนภาพต่อลักษณะของรายละเอียด ต่างๆ อย่างถูกต้องใกล้เคียงความจริง ตามความ เป็นจรงิ แลว้ รายละเอยี ดหรือลัษณะภูมิประเทศต่างๆ ควรปราฏอยู่บนแผนที่ในลักษณะสมจริง ทั้งในทาง ส่วนสัด ที่ต้ัง และรูปร่าง แต่ในทางปฏิบัติแล้วย่อม ไม่สามารถกระทาได้ ท้ังน้ีเนื่องจากลักษณะภูมิ ประเทศหลายแห่งจะขาดความสาคัญลงไป และบาง แห่งอาจมองไม่เห็นเน่ืองจากได้ย่อขนาดลงไปเล็ก มาก ฉะน้ันผู้ทาแผนที่จึงจาเป็นต้องใช้เครื่องหมาย หรือสัญลกั ษณต์ ่างๆ แทนลักษณะภูมปิ ระเทศ
เครอ่ื งหมายแผนที่ ลักษณะของสิ่งต่างๆ ในภูมิประเทศ นอกจากใช้ เ ค ร่ื อ ง ห ม า ย ข อ ง แ ผ น ที่ เ ขี ย น แ ท น แ ล้ ว ยั ง ใ ช้ สี ประกอบในการเขียนเครื่องหมายแทนอีกด้วย ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. สดี า แสดงส่งิ ทีม่ นษุ ยส์ ร้างขน้ึ 2. สนี า้ เงิน แสดงลักษณะภูมิประเทศที่เปน็ น้า 3. สีเขียว แสดงพชื พนั ธไุ์ ม้ต่างๆ 4. สนี ้าตาล แสดงความสงู และทรวดทรง 5. สีนา้ ตาลแดง แสดงถนนสายหลกั ๆ 6. บางคร้ังอาจจะใช้สีอ่ืนๆ เพื่อแสดงรายละเอียด ต่างๆ ก็ได้ตามหลักแล้วการใช้สีอื่นๆ น้ีจะต้องแสดง ไว้ใหท้ ราบท่รี ายละเอยี ดขอบระวางด้วย
เรอ่ื งท่ี 2 การกาหนดพิกดั บนแผนท่ี
ระบบพิกดั พิกัดภูมิศาสตร์ 1. พิกัดภูมิศาสตร์ 1 . 1 ร ะ บ บ พิ กั ด ภู มิ ศ า ส ต ร์ ( GEOGRAPHIC COORDINATE) เป็นการบอกค่าพิกัดทางราบท่ีอาศัยค่า ละติจูดและลองติจูด ระบบน้ีเป็นระบบท่ีคิดข้ึนใช้ตั้งแต่สมัย โบราณ ซึ่งนับว่าเป็นระบบท่ีเก่าแก่ท่ีสุด ที่ยอมรับนับถือใช้ เหมือนกันทุกประเทศในโลกท้ังอดีตและปัจจุบัน คือการบอก ตาแหน่งของจุดใดๆ ถ้าบอกเป็นค่าละติจูดแล้วจะเป็นท่ีรู้กัน ทว่ั โลกว่าจดุ นน้ั อยู่ ณ ท่ใี ดบนผิวพิภพ 1.2 ระบบพิกัดภูมิศาสตร์นี้ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยเห็น นามาใช้ในกิจการทหารของกองทัพบ่อยนัก แต่เราก็มีความ จาเป็นทีจ่ ะตอ้ งศึกษาใหเ้ ข้าใจไวเ้ ปน็ อยา่ งดที ั้งน้ี เพราะมีหลาย โอกาสที่เราจะต้องประสานกับเหล่าทัพอ่ืนที่ใช้ระบบพิกัดนี้ รวมทง้ั หนว่ ยพลเรอื นท่ีเกยี่ วขอ้ งอีกดว้ ย 1.3 คาศพั ท์ที่ควรรู้เกีย่ วกับระบบพกิ ดั ภมู ศิ าสตร์ 1.3.1 เส้นศูนย์สูตร (EQUATOR) คือ วงกลมใหญ่ที่ ลากรอบโลก และแบ่งครึ่งโลกออกเป็น ซีกโลกเหนือและซีก โลกใตเ้ ท่าๆ กนั
1.3.2 เส้นขนาน (PARALLELS) คือ วงกลมเล็กท่ี ลากรอบโลก และขนานกบั เสน้ ศูนยส์ ูตร 1.3.3 เส้นเมอริเดียน (MERIDIAN) คือ เส้นที่ลาก เชื่อมโยงระหว่างขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ และปลายของเส้น เมอริเดยี นทกุ เสน้ จะบรรจบกนั ทข่ี ้วั โลกทงั้ สอง 1.3.4 เส้นเมอริเดียนหลัก (PRIME MERIDIEN) คือ เส้นเมอริเดียนเริ่มแรก ที่ถือเป็นหลักหรือจุดเริ่มต้น ได้แก่ เส้น 0 องศา ทลี่ ากผ่านตาบลกรนี ชิ ใกล้กรงุ ลอนดอน ประเทศ อังกฤษ ค่ามมุ ของลองตจิ ดู เริ่มตน้ จากเสน้ นี้ 1.3.5 เส้นเขตวัน (INTERNATIAL DATE LINE) คือ เสน้ เมอริเดียน 180 องศา ท่ีอยู่ตรงข้ามกับเส้นเมอริเดียนหลัก นั่นเอง ถือวา่ เปน็ เส้นเขตวันระหว่างชาติ เป็นเส้นส้ินสุดวันเก่า และเรม่ิ วนั ใหม่ 1.3.6 ละตจิ ูด (LATITUDE) คือการวัดระยะในเชิงมุม จากเสน้ ศูนย์สตู รไปทางเหนอื และใต้ โดยวัดไปถึงขั้วโลกเหนือ 90 องศา และข้ัวโลกใต้ 90 องศา 1.3.7 ลองติจูด (LONGTITUDE) คือการวัดระยะใน เชิงมุม จากเส้นเมอริเดียนหลักไปทางตะวันออกและทาง ตะวันตก ขา้ งละ 180 องศา มีขอ้ ควรจาดังนี้
1.3.7.1 เสน้ สมมตุ ทิ ี่ลากผ่านค่าของมุมละติจูดทุกเส้น เป็น “เส้นขนาน” และลากผ่านค่าของมุมลองติจูดทุกเส้นเป็น “เสน้ เมอรเิ ดียน” แต่ละตจิ ดู และลองตจิ ูดเป็น “ค่าของมมุ ” 1.3.7.2 เส้นเมอริเดียนทุกเส้นเมื่อต่อกันเข้าจะเป็น วงกลมใหญ่ (GREAT CIRCLE) 1.3.7.3 ค่าของมุมละติจูดและลองติจูด มีหน่วยวัด เป็นองศา ( ๐ ) ลิปดา ( ' ) และ พิลิปดา ( '' ) โดยแบ่ง 1 องศา ออกเปน็ 60 ลปิ ดา 1 ลปิ ดา ออกเป็น 60 พลิ ปิ ดา 1.3.7.4 ค่าของมุมละติจูดและลองติจูด 1 องศา บริเวณเส้นศูนย์สูตร คิดเป็นระยะทางบนผิวพิภพประมาณ 111 กิโลเมตร(69 ไมล์) และ 1 พิลิปดา มีระยะทางประมาณ 30.48 เมตร(100 ฟุต)แตค่ า่ ทางระยะของลองติจูดจะน้อยลงๆ เม่อื ห่างจากบริเวณศนู ยส์ ูตรไปทางขัว้ โลกเหนือและใต้ 1.3.7.5 ค่าของมุมลองติจูด 180 องศาตะวันออก และ 180 องศาตะวันตก อยทู่ ี่เส้นเมอรเิ ดยี นเดยี วกัน
รปู แสดงละตจิ ดู และลองตจิ ดู ของผวิ พภิ พ
1.4 หลกั การอา่ นพกิ ดั ภูมศิ าสตรบ์ นแผนท่ี 1.4.1 อ่านค่าของมุมละติจูด (เส้นในแนวนอน) ก่อน แลว้ อา่ นคา่ ของมุมลองตจิ ูด (เส้นในแนวยืน) ตามหลงั 1.4.2 คา่ ของมุมละตจิ ูด จะตอ้ งกากับด้วยตัวอักษร N (เหนือ) หรือ S (ใต)้ ส่วนค่าของมมุ ลองติจูดจะต้องกากับด้วย ตัวอกั ษร E (ตะวันออก) หรือ ตวั อกั ษร W (ตะวนั ตก) เสมอ 1.4.3 ตัวอย่างการอ่านพิกัดภูมิศาสตร์ เช่น “LAT.12 ๐ 30 ' 05 \"´ N” “LONG 99 ๐ 08 ' 55´ \" ´ E” 1.5 วิธีอา่ นพกิ ดั ภูมิศาสตร์บนแผนท่มี าตราส่วนกลาง แผนท่ีมาตราส่วนกลางที่ใช้เป็นมาตรฐานใน ทบ.น้ัน คือแผนท่ีมาตราสว่ น 1 : 250,000 ลาดับชุด 1501 เป็นแผนท่ี ยุทธการร่วม บนแผนท่ีชนิดน้ีได้เขียนเส้นโครงพิกัดภูมิศาสตร์ ไว้ด้วย เส้นสีดาทุกๆ ตาราง 15 x 15 ลิปดา และบนเส้นโครง ทุกเส้นจะเขียนเส้นขีดสั้น (TICKS) ไว้ทุกๆ 1 ลิปดา ในแนวตัง้ ฉากพรอ้ มทง้ั ได้เนน้ ด้วย
รปู ตวั อยา่ งการอา่ นพิกดั ภมู ิศาสตร์บนแผนที่มาตราส่วนกลาง
1.5.2 พิจารณาค่าละติจูด (ถา้ อยทู่ างซกี โลกเหนือ) 1.5.2.1 อ่านค่าองศาด้วยตัวเลของศาที่เส้นโครง แผนทีใ่ ตจ้ ดุ นัน้ 1.5.2.2 อ่านค่าลิปดาด้วยการนับช่องลิปดาขึ้น ข้างบน(เหนือ) 1.5.2.3 อ่านค่าพิลิปดาด้วยการแบ่งช่อง 1 ลิปดา ในกรอบออกเป็น 10 ส่วนด้วยสายตา แล้วเอาส่วนที่แบ่งได้ คูณดว้ ย 6 พิลิปดา กจ็ ะได้จานวนพลิ ิปดาของจดุ นนั้ 1.5.2.4 เขียนอักษร N กากับคา่ ละตจิ ดู ท่อี ่านได้ 1.5.3 พิจารณาคา่ ลองตจิ ูด (ถ้าอยทู่ างซีกโลกตะวันออก) 1.5.3.1 อ่านค่าองศาดว้ ยตัวเลขขององศาที่เส้นโครง แผนท่ี ทางซ้ายของจดุ นัน้ 1.5.3.2 อ่านค่าลิปดาด้วยการนับช่องลิปดาไป ทางขวา (ตะวนั ออก) 1.5.3.3 อ่านค่าพิลิปดาด้วยการแบ่งช่อง 1 ลิปดา ในกรอบออกเป็น 10 ส่วนด้วยสายตา แล้วเอาส่วนที่แบ่งได้ คูณด้วย 6 พิลิปดา ก็จะไดจ้ านวนพลิ ิปดาของจดุ นน้ั 1.5.3.4 เขียนอักษร E กากบั ค่าลองตจิ ดู ที่อ่านได้
1.6 วธิ ีอ่านพกิ ดั ภมู ศิ าสตรบ์ นแผนที่มาตราสว่ นใหญ่ 1.6.1 เมื่อต้องการทราบพิกัดภูมิศาสตร์ของจุดหนึ่ง จดุ ใดบนแผนท่ี 1.6.1.1 ขีดเสน้ กรอบ 5 ลปิ ดา (ทง้ั ละตจิ ดู และ ลองตจิ ดู ) ให้คร่อมจุดที่ตอ้ งการอา่ น 1.6.1.2 ใช้บรรทัดวัดพิกัดภูมิศาสตร์ที่สามารถ จัดทาขึ้นใช้เองได้ โดยใช้แถบกระดาษหรือพลาสติกท่ีมีความ ยาวมากกว่าช่วงห่างระหว่างเส้นกรอบ 5 ลิปดา แต่ก็ควรจะ สนั้ กว่าความยาวของเส้นทะแยงมุม แลว้ จะแบง่ แถบกระดาษนี้ ออกเปน็ กี่ส่วนนัน้ ขึน้ อยู่กบั ความกบั ความตอ้ งการดงั น้ี 1.6.1.2.1 ถ้าต้องการให้วัดพิกัดได้ โดยตรงเป็น 1 ลิปดา ให้แบ่งแถบกระดาษออกเป็น 5 ส่วน เทา่ ๆ กัน ส่วนหนง่ึ ๆ ถือว่ามีค่า 1 ลิปดา เม่ือนาไปวัดพิกัดบน แผนที่แล้วสามารถประมาณระยะ (ด้วยสายตา) เพิ่มเติมได้ รายละเอียดถงึ 6 พลิ ิปดา (1 ใน 10 ส่วนของลปิ ดา)
1.6.1.2.2 ถ้าต้องการให้วัดพิกัดได้โดยตรงเป็น 10 พิลิปดา ขั้นต้นให้แบ่งแถบกระดาษออกเป็น 5 ส่วนเท่าๆ กันแล้วค่อยแบ่งแต่ละส่วนออกเป็น 6 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนหน่ึงๆ ถือว่ามีค่า 10 พิลิปดา เมื่อนาไปวัดพิกัดบนแผนที่ แล้ว สามารถประมาณระยะ (ด้วยสายตา) เพิ่มเติมได้ละเอียด ถึง 1 พิลิปดา (1 ใน 10 สว่ นของพิลิปดา) 1.6.1.2.3 ถ้าต้องการให้วัดพิกัดได้โดยตรง เป็น 1 พิลิปดา ขั้นต้นให้แบ่งแถบกระดาษออกเป็น 5 ส่วนเท่าๆ กัน แล้วค่อยแบ่งแต่ละส่วนออกเป็น 60 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วน หน่ึงๆ ถือว่ามีค่า 1 พิลิปดา ความยาวของแถบกระดาษท่ีนา มาแบ่งส่วนตามข้อน้ีจาเป็นจะต้องยาวมากกว่าเส้นทะแยงมุม ซงึ่ สามารถใช้ไมบ้ รรทดั ทม่ี คี วามยาว 30 ซม. แทนได้ 1.6.1.3 วางแถบกระดาษหรือไม้บรรทัดให้ขีด 0 ทับ เส้นกรอบละติจูด ท่ีมีค่าองศาน้อย ขีด 5 หรือ 300 ทับเส้น กรอบละติจูดที่มีค่าองศามาก โดยให้ขอบของแถบกระดาษ หรือไม้บรรทัดทับตาแหน่งกึ่งกลางของจุดท่ีต้องการ แล้วอ่าน ค่าละตจิ ูดบนแถบกระดาษ หรอื ไมบ้ รรทัดเป็น “ลปิ ดา” และ ” พลิ ปิ ดา”
รปู ตวั อย่างการวดั LONGITUDE (เสน้ แวง)
1.6.2 เมื่อต้องการทราบจุดหนึ่งจุดใดบนแผนท่ีโดย อาศัยค่าพิกดั ภมู ิศาสตร์ 1.6.2.1 ขีดเส้นกรอบ 5 ลิปดา (ทั้งละติจูดและ ลองตจิ ดู ) ให้คร่อมพิกัดท่ีทราบแล้ว 1.6.2.2 วางแถบกระดาษหรือไม้บรรทัดให้ขีด 0 ทับเส้นกรอบละติจดู ท่ีมีค่าองศาน้อย ขีด 5 หรือ 300 ทับเส้น กรอบละติจูดทมี่ คี ่ามากแล้วปฏิบัติต่อไปดงั น้ี 1.6.2.2.1 ทาเครื่องหมาย (จุด) บนแผนท่ีตรง คา่ ละตจิ ดู ที่ทราบแลว้ ใหช้ ิดขอบของกระดาษหรือไมบ้ รรทดั 1.6.2.2.2 เลื่อนแถบกระดาษ หรือไม้บรรทัดไป ทางซ้าย หรือขวาในแนวขนานและให้ห่างจากจุดเดิม พอประมาณแลว้ ทาเคร่ืองหมาย(จุด)บนแผนท่ีท่ีตรงค่าละติจูด เหมอื นข้อ 1.6.2.2.1 1.6.2.2.3 ขีดเส้นตรงเชื่อมโยงระหว่าง เคร่อื งหมาย (จดุ ) ท้ังสอง
รปู ตวั อยา่ งการวัด LAT 12 ° 31 ' 40 \" N
1.6.2.3 วางแถบกระดาษหรือไม้บรรทัดให้ขีด 0 ทับ เส้นกรอบลองติจูด ท่ีมีค่าองศาน้อย ขีด 5 หรือ 300 ทับเส้น กรอบลองตจิ ูดทมี่ คี ่าองศามาก แลว้ ปฏิบัติตอ่ ไปนี้ 1.6.2.3.1 ทาเครื่องหมาย (จุด) บนแผนที่ ตรงค่าลองติจูด ท่ีทราบค่าแล้วให้ชิดขอบของแถบกระดาษ หรือไมบ้ รรทัด 1.6.2.3.2 เล่ือนกระดาษหรือไม้บรรทัดข้ึน บน หรือลงล่างในแนวขนาน และให้ห่างจากจุดเดิม พอประมาณแล้วทาเคร่ืองหมาย (จุด) บนแผนที่ตรงค่าลอง ติจดู เหมือนขอ้ 1.6.2.2.1 1.6.2.3.3 ขีดเส้นตรงเช่ือมโยงระหว่าง เคร่อื งหมาย (จุด) ทั้งสอง (ดรู ูปท่ี 10) 1.6.2.4 จุดที่เส้นตรงละติจูดตัดกับเส้นตรงลองติจูด คอื “จดุ ที่ตอ้ งการทราบ”
รปู ตวั อยา่ งการวัด LONG 99 ° 46 ' 35 \" S
ระบบอ้างพิกัดภูมศิ าสตร์ GEORAF 1. ระบบอ้างพิกัดภูมิศาสตร์ GEOREF (The World Geographic Reference System) เป็นระบบท่ีกาหนดข้ึนใช้ เพื่อความมุ่งหมายในการ ปฏิบัติการร่วมอากาศ-พ้ืนดิน อีกระบบหนึ่ง ปกติใช้กับแผนท่ี มาตราส่วนกลาง 1 : 250,000 ชุด 1501 ซ่ึงเป็นแผนท่ี ยทุ ธการรว่ ม ( JOG – A และ JOG – G ) 2. การกาหนดระบบพกิ ัด GEOREF 2.1 แบ่งโลกตามแนวเส้นแกนต้ัง (แนวเส้นแวง) จาก 180° ตะวันตก – 180° ตะวันออก เปน็ ส่วนๆ ซึ่งเรียกวา่ โซนๆ ละ 15° ได้ 24 โซน แตล่ ะโซนกากับด้วยตัวอักษร A – Z (เว้น I และ O) จาก 180 ° ตะวันตก เรยี งตามลาดับอักษร และแบ่ง โลกตามแนวเส้นแกนราบ (แนวเส้นรุ้ง) จาก 90 ° องศาใต้ – 90 ° องศาเหนือ เป็นส่วนๆ ละ 15 ° ได้ 12 ส่วน แต่ละส่วน กากบั ดว้ ยอกั ษร A - M (เวน้ I ) จาก 90 ° ใต้ เรียงตามลาดับ อักษร เส้นที่แบ่งตามแนวเส้นตั้ง และแนวเส้นราบจะตัดกัน เป็นรูปจตุรัสๆ ละ 15 ° และเรียกช่ือจตุรัสน้ีด้วยตัวอักษร 2 ตัว เชน่ “UG”
รปู การแบ่งจตั รุ สั 15 องศา (288 จตั รุ สั )
2.2 แบ่งจตุรัส 15 ° ตามแนวเส้นแกนต้ังออกเป็นส่วนๆ ละ 1 ° ได้ 15 สว่ น แตล่ ะสว่ นกากบั ด้วยตัวอักษร A-Q (เว้น I และ O) จากตะวันตกไปตะวันออกเรียงตามลาดับอักษร และ ตามเส้นแกนราบ ปฏิบัติเช่นเดียวกับ การแบ่งส่วนตามแนว เส้นกรดิ ตง้ั เสน้ ทแ่ี บ่งสว่ นดังกล่าวแล้วจะตัดกนั เป็นรูปจตุรัสๆ ละ 1 ° และเรยี กชอื่ จตุรสั น้ีด้วยอักษร 2 ตัว เชน่ “KN” รปู การแบง่ จัตรุ ัส 2 องศา (225 จัตรุ ัส)
2 . 3 แ บ่ง จ ตุรั ส 1 5 ° ตา ม แน วเ ส้น แก น ต้ัง แล ะ เส้นกริดนอนออกเป็นส่วนๆ ละ 1 ลิปดา ได้ด้านละ 60 ส่วน แต่ละส่วนกากับด้วยตัวเลข 00 - 59 จากตะวันตกไป ตะวันออกเรียงตามลาดบั ตวั เลข เสน้ ท่ีแบ่งส่วนท้ังแนวแกนตั้ง และแนวแกนราบจะตัดกันเป็นรูปจตุรัสๆ ละ 1 ลิปดา และ เรียกช่ือจตุรัสน้ีด้วยตัวเลข 4 ตัว เช่น “3505” ( .142) นอกจากนั้นแต่ละจตุรัสอาจแบ่งด้วยสายตาออกเป็น 10 ส่วน (โดยประมาณ) อีกก็ได้ ซึ่งวิธีน้ีจะ ทาให้สามารถอ่านได้ ใกลเ้ คียงถึง .1 ลปิ ดา
รปู การเขยี นกรอบ 1 ลิปดา บนแผนที่มาตราส่วน 1 : 250,000
ระบบ UTM กรดิ และระบบการอา้ งกริดทางทหาร 1. กลา่ วท่วั ไป 1.1 แผนท่มี าตราสว่ นกลางและมาตราส่วนใหญ่ ปกติแล้ว จะมีระบบในการอ่านอีกระบบหน่ึงนอกจากระบบพิกัด ภมู ิศาสตร์ ระบบนเ้ี รียกวา่ “ระบบกริด” 1.2 ระบบกริดเป็นระบบที่ประกอบไปด้วยเส้นขนานตรง 2 ชดุ ตัดกนั เปน็ มุมฉาก และมีระยะหา่ งเท่าๆ กนั 1.3 การวัด และหน่วยในการวัดตามระบบกริด ปกติใช้ หน่วยเป็น “เมตร” ระยะห่างของเส้นกริด แต่ละเส้นจะทราบ ได้จากรายละเอียดขอบระวาง ของแผนทนี่ ั้นๆ 2. ระบบ UTM กริด (UNIVERSAL TRANSVERSE MERCATOR GRID) 2.1 ระบบ UTM กริด เป็นระบบกริดที่ใช้ในการทาแผนที่ บริเวณระหว่างเส้นขนาน (เส้นรุ้ง) 80 ° ใต้ และ 84 ° เหนือ จากเส้นเมอริเดียน (เส้นแวง) 180 ° ตะวันตก ถึง 180 ° ตะวันออก โดยแบ่งโลกออกเป็น 60 ส่วนเท่าๆ กัน แต่ละ ส่วนกว้าง 6 ° ส่วนต่างๆ เหล่าน้ีเรียกว่า “โซน” โซนท่ี 1 จะ เร่ิมจากเส้นเมอริเดียน 180 ° ตะวันตก ต่อไปตามลาดับทาง ตะวันออก จนถึงโซนท่ี 60 ซึ่งอยู่ที่เส้นเมอริเดียน 180 ° ตะวันออก
รปู การแบง่ โซน
2.2 แต่ละโซนจะมีเส้นแบ่งคร่ึงโซน ซ่ึงตั้งฉากและตัดกับ เส้นศูนย์สูตร เส้นแบ่งครึ่งโซนน้ีเรียกว่า “เส้นเมอริเดียนย่าน กลาง” ตรงจุดท่ีเส้นเมอริเดียนย่านกลางตัดกับเส้นศูนย์สูตร ถือเสมือนเป็นจุดศูนย์กาเนิดหรือจุดเร่ิมต้น การกาหนดจุด ต่างๆ สามารถจะกาหนดว่าจุดน้ันๆ อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตร ไปทางเหนือหรือใต้ และตะวันออกหรือตะวันตกของเส้นเม อรเิ ดียนยา่ นกลางของโซนเปน็ ระยะเทา่ ไร แต่อย่างไร ก็ตามวิธี นี้ยังต้องใช้คาว่า เหนือ, ใต้, ตะวันออกและ ตะวันตก จึง จาเป็นต้องกาหนด “ค่าตัวเลข” ขึ้นท่ีศูนย์กาเนิด เพื่อให้การ อา่ นมคี า่ ในทาง + (บวก) ทกุ ๆ จดุ ภายในโซนหนึ่งๆ 2.3 การกาหนดค่าตัวเลขท่ีจุดศูนย์กาเนิด โดยกาหนด ค่าท่ีเส้นเมอริเดียนย่านกลาง เป็นระยะ 500,000 เมตร ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ระยะทางตะวันตกของโซนมีค่าเป็น –(ลบ) นั่นเอง ค่านี้จะเพิ่มตามลาดับจากตะวันตกไปตะวันออก ทางซีกโซน เหนือจะกาหนดค่าที่เส้นศูนย์สูตรเป็น 0 เมตร จะเพิ่ม ตามลาดบั ไปทาง ขัว้ โลกเหนอื สาหรับทางซกี โลกใตก้ าหนดให้ ค่าที่เส้นศูนย์สูตรเป็นระยะ 10,000,000 เมตร และน้อยลง ตามลาดับไปทางขั้วโลกใต้ ค่าของตัวเลขเหล่านี้เป็นค่าที่ สมมตขิ ึน้ เพอื่ ใชเ้ ป็นจดุ กาหนดของระบบกริดนี้เทา่ น้ัน
รปู การกาหนดคา่ สมมตใิ นแตล่ ะโซน
2.4 ระยะหา่ งของเสน้ กริดบนแผนที่ ซง่ึ เป็นระยะทก่ี าหนด จากค่าตัวเลขท่ีสมมติขึ้นนี้ โดยปกติแผนท่ีมาตราส่วนใหญ่ ระยะห่างของเส้นกริดแต่ละเส้นจะห่างกัน 1,000 ม. แผนที่ มาตราส่วนกลาง 10,000 ม. และแผนที่มาตราส่วนเล็ก 100,000 ม. 2.5 การเขียนตัวเลขที่เส้นกริดทุกๆ เส้น แผนท่ีซึ่งมีระยะ เส้นกริดทุกๆ เส้น แผนที่ซึ่งมีระยะห่างเส้นกริด 1,000 ม. จะเว้นเลขศูนย์ข้างท้ายไว้ 3 ตาแหน่ง (000) และค่าตัวเลข ของเส้นกริดจะพิมพ์ด้วยตัวเลขใหญ่ 2 ตัว ซึ่งเรียกว่า \"เลข หลัก\" สาหรับแผนท่ีซ่ึงมีระยะห่างเส้นกริด 10,000 ม. จะเวน้ เลขศนู ย์ขา้ งทา้ ยไว้ 4 ตาแหน่ง (0000) 2.6 หลักการและวธิ ีอ่าน 2.6.1 อ่านไปทาง “ขวา” และขน้ึ “บน” 2.6.2 อ่านเลขหลักของเส้นกริดตงั้ ทางซ้ายของจุด 2.6.3 อ่านเลขพิกัดส่วนย่อยของเส้นกริดต้ังไป ทางขวา 2.6.4 อ่านเลขหลกั ของเส้นกรดิ ราบข้างล่างของจดุ 2.6.5 อ่านเลขพิกัดส่วนย่อยของเส้นกริดราบขึ้น ข้างบน
3. ระบบการอา้ งกริดทางทหาร (MILITARY GRID REFERENCE SYSTEM) 3.1 ระบบการอ้างกริดทางทหาร เป็นระบบที่จะต้อง นามาใช้เกีย่ วกบั การอา้ งจุดทางทหารเสมอ เมื่อใช้แผนที่ระบบ UTM หรอื UPS กริด 3.2 เพื่อสะดวกในการอ้าง จึงแบ่งโลกออกเป็นพ้ืนที่ รองลงมาอีกเป็น “กริดโซน” แต่ละกริดโซน จะมีเครื่องแสดง ความแตกต่างไว้ภายในกริดโซนต่างๆ เหล่านี้จะแบ่งออกเป็น จตุรัส 100,000 เมตร และกาหนดความแตกต่างไว้ เช่นเดยี วกัน 3.3 การกาหนดกริดโซนระหว่าง 80 ° ใต้ และ 84 ° เหนือ จะแบ่งโลกออกเป็นพื้นที่กว้าง 6 ° ตะวันตก-ตะวันออก และยาว 8 ° เหนือ-ใต้ แต่ละกริดโซนกาหนดด้วย “เลขและ อักษร” หรือเรียกว่า “เลขอักษรประจากริดโซน” ตัวเลขน้ีคือ ตัวเลขจากจากโซนท่ี 1 – 60 นั่นเอง สาหรับอักษรน้ันจะเร่ิม ตั้งแต่เส้น 80 ° ใต้ ไปจนถึง 84 ° เหนือโดยเร่ิมตั้งแต่อักษร C – X (เว้น I และ O) การกาหนดกริดโซฯแต่ละกริดโซนท่ีมี ความกว้าง 6 ° ตะวันตก-ตะวันออก และยาว 8 ° เหนือ-ใต้ น้ี กาหนดให้อ่านเลขของโซนในทางด่ิงก่อน แล้วจึงอ่านอักษร ของแถวทางระดบั ตามหลัก เช่น 47 P เป็นต้น
รปู การกาหนดกรดิ โซน
3.4 การกาหนดจัตุรัส 100,000 เมตร ระหว่างพ้ืนท่ี 80 ° ใต้ และ 84 ° เหนือ ในแต่ละกริดโซน จะแบ่งออกเป็นจตุรัส 100,000 เมตร แตล่ ะเส้นดง่ิ และเส้นระดับของจตุรสั 100,000 เมตร จะกาหนดด้วยอกั ษร เสน้ ดิ่งจะเริ่มต้นจากเส้นเมอริเดียน 180 ° ตะวันตกไปตะวันออก ตามลาดับอักษร A – Z (เว้น I และ O) อักษรในทางดิ่งนี้จะซ้ากับทุกๆ 3 โซน หรือ 18 ° สาหรับเส้นระดับจะเริ่มจากทางใต้ไปเหนือตามลาดับ ด้วย อักษร A – V (เว้น I และ O) อักษรน้ีจะซ้ากันทุกๆ 2,000,000 เมตร โดยปกติโซนค่ีจะเริม่ A ท่เี สน้ ศนู ย์สูตรแต่ถ้า เป็นโซนคู่ จะเร่ิม A ใต้เส้นศูนย์สูตร 500,000 เมตร จัตุรัส 100,000 เมตรนี้ กาหนดด้วย “อักษร 2 ตัว” โดยถือหลักการ อ่าน “ไปทางขวาและขึน้ บน” เชน่ เดียวกัน
รปู การกาหนดอกั ษรประจาจตั ุรสั 100,000 เมตร
รปู อักษรประจาจตั ุรสั 100,000 เมตร ท่คี ลมุ ประเทศไทย
4. การอ้างกริดทางทหาร 4.1 การอ้างกริดทางทหาร ประกอบด้วยอักษรและตัวเลข ซึ่งแสดง.- 4.1.1 เลขอกั ษรกรดิ โซน 4.1.2 อกั ษรจตุรสั 100,000 เมตร 4.1.3 เลขพิกัดกรดิ ของจุดทีต่ ้องการ 4.2 ตารางอ้างกริดที่ขอบระวางของแผนท่ี แต่ละระวาง จะมีลาดับข้ันในการอ้างจุด และการใช้ระบบการอ้างกริดทาง ทหารอยู่เรียบร้อยแล้ว ตารางนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วน ทางซ้ายแสดงเลขอักษรกริดโซน ส่วนทางขวา จะอธิบาย วธิ ีใชก้ ริดและตวั อย่างการอ้างจุดบนแผนท่ี 4.3 ตวั อย่างการอ้างกริดทางทหาร 47 P กาหนดกรดิ โซนภายในพน้ื ที่ 6 ° x 8 ° 47 PNP กาหนดพืน้ ทภ่ี ายในจตรุ ัส 100,000 เมตร 47 PNP 96 กาหนดพ้นื ทภ่ี ายในจตรุ สั 10,000 เมตร 47 PNP 9868 กาหนดพนื้ ท่ีภายในจตรุ ัส 1,000 เมตร 47 PNP 987685 กาหนดพืน้ ทภ่ี ายในจตุรัส 100 เมตร 47 PNP 98706854 กาหนดพน้ื ท่ีภายในจตุรสั 10 เมตร
มาตราส่วน และการวดั ระยะ 1. มาตราส่วน คือ อัตราส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างระยะ แผนที่กับระยะภมู ิประเทศ 1.1 สตู รมาตราสว่ น = ระยะแผนที่/ระยะภมู ิประเทศ 1.2 มาตราสว่ นที่ปรากฏทขี่ อบระวางของแผนท่ีอาจแสดง ได้ดงั น้ี 1/25,000 หรือ 1 : 25,000 ซ่ึงหมายความว่าระยะ บนแผนท่ี 1 หน่วยจะเท่ากับระยะในภูมิประเทศ 25,000 หน่วย 2. มาตราสว่ นเส้นบรรทดั 2.1 มาตราส่วนเส้นบรรทัดอยู่ที่ขอบระวางของแผนท่ี ใช้สาหรบั วัดระยะในภมู ปิ ระเทศบนแผนที่ 2.2 มาตราส่วนเส้นบรรทัดของแผนท่ีทหารปกติมี 3 ชนิด คอื ไมล์, เมตร และหลา
3. มาตราสว่ น สามารถแยกแผนท่ีทางทหารออกได้ดงั นี้ 3.1 แผนท่ีมาตราส่วน 1 : 600,000 และเล็กกว่าเป็น “แผนท่มี าตราสว่ นเล็ก” 3.2 แผนที่มาตราส่วนใหญ่กว่า 1:600,000 แต่เล็กกว่า 1:75,000 เปน็ “แผนท่มี าตราส่วนกลาง” 3.3 แผนที่มาตราส่วน 1 : 75,000 และใหญ่กว่า เป็น “แผนท่ีมาตราสว่ นใหญ่” 4. การหามาตราส่วนของแผนที่ 4.1 โดยเปรียบเทยี บกับระยะในภูมิประเทศ 4.2 โดยเปรียบเทียบกับแผนท่ีบริเวณเดียวกับท่ีทราบ มาตราสว่ นแล้ว 5. ขอ้ พงึ ระวงั ในการคานวณหามาตราสว่ น 5.1 เปล่ียนหน่วยวัดระยะใหเ้ ป็นหนว่ ยเดยี วกัน 5.2 ทอนเศษให้เหลอื 1 เสมอ 5.3 คดิ สว่ นใกล้เคียง 1,000
ตัวอยา่ งการคานวณ รปู การหามาตราสว่ นโดยการเปรยี บเทียบระยะบนแผนท่ีกับ ระยะในภูมิประเทศ
ตัวอยา่ งการคานวณ รปู การหามาตราสว่ นโดยการเปรยี บเทียบระยะบนแผนท่ีกับ ระยะในภูมิประเทศ
การวดั ระยะ 1. การวดั ระยะทางตรง ใช้แถบกระดาษทาบระหว่างจุดทั้ง สองที่ต้องการวัดทาเคร่ืองหมายท่ีแถบกระดาษตรงจุดก่ึงกลาง ของแต่ละจุด แล้วนากระดาษไปทาบที่มาตราส่วนเส้นบรรทัด ตามหนว่ ยวัดระยะ ท่ีตอ้ งการ 2. การวัดระยะทางของถนน ( เส้นทางที่ไม่ตรง ) ใช้แถบ กระดาษทาบไปตามถนน ท่ีขีดแบ่งถนนในส่วนที่เป็นระยะ ทางตรง พร้อมกับขีดท่ีแถบกระดาษด้วย นากระดาษไปทาบ ท่ีมาตราส่วนเส้นบรรทัด ที่ต้องการแล้วอ่านระยะจากขีด เร่มิ ต้นถึงขีดสุดท้ายที่แถบกระดาษ 3. ข้อควรจา 3.1 วัดระยะท่จี ุดกงึ่ กลางของตาบลทีต่ ้องการวดั 3.2 ใชม้ าตราสว่ นเสน้ บรรทัดใหถ้ ูกตอ้ ง 3.3 การวดั ถนนให้วดั ด้านหน่งึ ดา้ นใดโดยเฉพาะ
รปู การวัดระยะทางตรงและทางโคง้
เรื่องท่ี 3 การเขยี นสญั ลักษณ์ ทางทหาร
สัญลักษณ์ และสตี ่างๆ ของแผนที่ ก. สัญลักษณ์ของแผนที่ คือ เครื่องหมายแบบมาตรฐานท่ี พิมพ์ไว้บนแผนท่ี เพื่อแสดงลักษณะของส่ิงต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึน ตามธรรมชาติ และท่ีมนุษย์สร้างข้ึน สัญลักษณ์ต่างๆ ที่ใช้นี้ จะต้องพยายามให้มีลักษณะเหมือนของจริงมากท่ีสุดเท่าที่จะ ทาได้ แต่จะต้องให้เหมือนกบั ทไี่ ดม้ องเห็นมาจากข้างบน ข. สัญลักษณ์ต่างๆ ท่ีแสดงไว้บนแผนท่ีน้ัน จะต้องย่อ ขนาดรูปร่างลงอย่างเหมาะสม แต่ก็ย่อมประสงค์ที่จะรักษา ความชัดเจนของสัญลักษณ์ไว้เป็นหลัก ด้วยเหตุนี้จะเห็นว่า สัญลักษณ์ต่างๆ จึงต้องเขียนโตกว่ามาตราส่วนไปบ้าง แต่ยังคงยึดหลักว่า สัญลักษณ์ใดที่เขียนโตกว่ามาตราส่วนใน การวางตาแหน่งลงบนแผนที่ ถ้าสามารถทาได้จะต้องให้ ก่ึงกลางของสัญลักษณ์น้ันๆ อยู่ตรงที่ตั้งจริงเสมอ เว้น ไว้แต่ สัญลักษณ์ดังกล่าวน้ี จะไปอยู่ใกล้กับถนนสายใหญ่ ซ่ึงถ้าถนน นั้นมีความโตกว่ามาตราส่วนก็จาเป็นต้องเลื่อนสัญลักษณ์ของ สงิ่ นน้ั ใหห้ ่างจากทีต่ ้งั จรงิ ดว้ ย
รปู ความสมั พนั ธ์ของลกั ษณะภมู ปิ ระเทศจริง กบั สญั ลกั ษณบ์ นแผนท่ี
สัญลกั ษณ์ และสตี ่างๆ ของแผนที่ ค. สัญลักษณ์ต่างๆ ที่พิมพ์ไว้บนแผนที่น้ัน จาเป็นจะต้อง ใช้สเี พิ่มเติม เพื่อให้เดน่ ชัดยิง่ ขนึ้ ทงั้ น้ีเพ่อื ตอ้ งการจะใหส้ ะดวก และง่ายในการพิจารณา สีของสัญลักษณ์ที่ใช้เป็นมาตรฐาน ไดแ้ ก่ สีต่อไปนี้ 1. สดี า แสดงสิง่ ทม่ี นษุ ย์สรา้ งข้นึ 2. สีน้าตาลแดง แสดงถนนสายหลัก 3. สเี ขียว แสดงพชื พนั ธุ์ไม้ต่าง ๆ 4. สนี า้ เงิน แสดงลักษณะภูมปิ ระเทศทเ่ี ป็นนา้ 5. สนี า้ ตาล แสดงความสูงและทรวดทรง คาอธิบายเก่ียวกับสัญลักษณ์ต่างๆ ของแผนที่นั้น ถ้าตอ้ งการจะทราบรายละเอยี ด ใหห้ าดไู ดจ้ าก รส.21 – 31
สญั ลกั ษณ์ทางทหาร 1. คาจากดั ความ สั ญ ลั ก ษ ณ์ ท า ง ท ห า ร เ ป็ น สั ญ ลั ก ษ ณ์ อ ย่ า ง ห นึ่ ง ประกอบด้วยภาพแผนผัง ตัวเลข ตัวอักษร คาย่อ สีหรือส่ิงท่ี กล่าวแล้วผสมกัน เพ่ือแสดงถึงหน่วยทหาร กาลัง ที่ตั้ง หรือ กจิ กรรมใด ๆ อันเก่ยี วกับกจิ กรรมของทหาร 2. การใช้ 2.1 สญั ลักษณ์ทางทหารปกติจะใชเ้ ขียนกบั สิ่งต่อไปนี้ 2.1.1 แผนท่สี ถานการณ์ 2.1.2 แผนทสี่ งั เขป และแผน่ บริวาร 2.1.3 ภาพถ่ายทางอากาศ 2.1.4 แผนผงั การจดั กาลัง 2.2 สัญลักษณ์ทางทหาร เป็นภาพเขียนท่ีช่วยแสดง รายการต่างๆ อย่างถูกต้องท่ีเก่ียวกับความสนใจในการ ปฏิบัติการทางทหาร การเขียนควรพยายามใช้เคร่ืองหมายที่ ทราบกันอยู่แล้วโดยทั่วไป ถ้าเป็นสัญลักษณ์ที่เขียนข้ึนเพื่อใช้ เอง จะต้องทาหลักฐานใหค้ าอธบิ ายความหมายไว้ด้วยทุกคร้งั
สญั ลักษณ์ทางทหาร 2.3 สญั ลกั ษณท์ างทหารจะไม่เกิดคุณประโยชน์เลย หากมี รายละเอียดปลีกย่อยท่ีไม่จาเป็นมาแทรกหรือยุ่งเหยิงมาก เกินไป ความมงุ่ หมายและระดบั การบงั คับบัญชาการฝกึ และภูมิ หลังของเจ้าหน้าที่ ตลอดจนสถานการณ์ทางยุทธวิธี จะเป็น เคร่ืองพิจารณาจานวนข่าวสารท่ีต้องการเขียนสัญลักษณ์ หน่วยและตาบลที่ตั้งต่าง ๆ ระบบท่ีจะศึกษาต่อไปน้ี ผู้ใช้ สามารถจะนาไปดัดแปลงแก้ไขให้เหมาะสมตามความต้องการ ได้ ตัวอย่างท่ีเขียนไว้ในเอกสารน้ี เป็นเพียงการศึกษาพื้นฐาน เท่านั้น ยังมีข่าวสารนอกเหนือจากนี้อีกมาก อย่างไรก็ตาม การนาไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์น้ัน เจ้าหน้าที่ที่เก่ียวข้อง จะต้องพยายามบ่งถึงแก่นสาคัญในเร่ืองที่ต้องการเท่าน้ัน โดย ถือหลกั นยิ มในการเขยี นสญั ลักษณ์ทางทหารท่ดี ี คือ 2.3.1 ใหม้ คี วามง่าย 2.3.2 เปน็ แบบเดยี วกัน 2.3.3 มีความชดั เจน
สญั ลกั ษณ์ทางทหาร 3. องค์ประกอบของสญั ลกั ษณ์ทหาร โดยท่วั ไปประกอบด้วย 3.1 สัญลกั ษณ์หลัก 3.2 สัญลักษณข์ นาดหน่วย 3.3 สัญลักษณ์เหล่า และ/หรือ สัญลักษณ์ของการ ปฏบิ ัติการ 3.4 หนว่ ย ตาบล หรือกิจการ 3.5 รายการอน่ื ๆ (ถา้ มี)
สญั ลกั ษณห์ ลกั
สญั ลกั ษณ์ขนาดหนว่ ย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189