150 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เม่ือตะวันออกพบตะวันตก : 151 พพิ ธิ สมบัติพระราชา ณ วงั หน้า ผ้ากราบปักลายพระปน่ิ และอกั ษรพระบวรราชวัง ศิลปะ/อายสุ มัย ศลิ ปะรัตนโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๔ พ.ศ. ๒๓๙๔ ชนิด ผ้าสักหลาด ขนาด กวา้ ง ๕๘.๕ เซนติเมตร ยาว ๑๐๕ เซนติเมตร ประวัติ เป็นของพระบาทสมเด็จพระปน่ิ เกล้าเจ้าอยู่หัว สถานท่เี ก็บรักษา พระทนี่ ัง่ พรหมเมศธาดา (บน) พพิ ิธภัณฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร ผ้ากราบลายพระป่ิน ประดิษฐานบนพานแวน่ ฟา้ (พานทอง ๒ ชน้ั ) ภายใต้สปั ตปฎลเศวตฉตั ร (ฉตั รขาว ๗ ชนั้ ) และอกั ษร “พระบวรราชวงั ” ในกรอบลายพนั ธ์ุพฤกษา เปน็ ตราประจำ� พระองคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระป่ินเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ซึง่ รับบวรราชาภิเษกเสด็จประทบั ยงั พระบวรราชวงั สรา้ งขน้ึ ครงั้ แรกเพอ่ื ถวายเป็นไทยธรรมแกพ่ ระสงฆ์ คร้ังงานบวรราชาภิเษก พ.ศ. ๒๓๙๔ ใช้เป็นเครอ่ื งยศสำ� หรบั สงฆต์ ามทพี่ ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ทรง ประกาศสงั ฆาณัติ วา่ ดว้ ยเรือ่ งถือตาลปิ ตั แลหม่ ผา้ ในวนั จนั ทร์เดอื น ๗ ขนึ้ ๑๐ ค�ำ่ ปีกนุ พ.ศ. ๒๓๙๔ ใหพ้ ระสงฆ์ ทไี่ ด้รบั พระราชทานไตรจีวร และกราบพระที่มีตราบรมราชาภิเษก และพระบวรราชาภเิ ษก ถ้าจะมกี จิ ธุระเขา้ มาใน พระบรมมหาราชวงั และพระบวรราชวงั กใ็ หค้ รองเขา้ มา โดยความนยิ มพระสงฆไ์ ทยสมยั กอ่ นมกั พาดผา้ กราบบนบา่ ซา้ ย เป็นเครือ่ งประกอบสำ� หรบั ยศ๑ นอกจากนี้ผ้ากราบตราพระปิ่นและอักษรพระบวรราชวัง ใช้เป็นเคร่ืองไทยธรรมในการพระราชพิธี และ การบำ� เพญ็ พระราชกศุ ลฝา่ ยพระราชวังบวร ปรากฏหลกั ฐานในเอกสาร พระราชพิธฝี ่ายพระราชวงั บวรสถานมงคล ครั้งรัชกาลท่ี ๔ เช่น พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ถวายผ้ากราบแพรต่วนปักลายพระปิ่นและอักษรพระบวร ราชวังแก่พระสงฆส์ วดพระปริต การพระราชกศุ ลเทศนามหาชาติและจตุราริยสจั เครอ่ื งกัณฑ์เทศน์ ถวายผ้ากราบ ลายพระป่ินตพี มิ พ์ แก่พระสงฆถ์ วายเทศนาอริยสัจและเทศนามหาชาติ เป็นตน้ ผบู้ ันทกึ เด่นดาว ศลิ ปานนท์ ๑ ประกาศสงั ฆาณตั ิในรัชกาลที่ ๔ ปกี ุญ พ.ศ. ๒๓๙๔ ปีชวด พ.ศ. ๒๓๙๕ แลปฉี ลู พ.ศ. ๒๓๙๖.
152 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : 153 พพิ ิธสมบัตพิ ระราชา ณ วงั หนา้ ผ้าทรงพระพุทธรูป ศิลปะ/อายุสมัย ศิลปะรัตนโกสินทร์ รชั กาลที่ ๔ ชนดิ ผา้ ขนาด กว้าง ๑๘ เซนตเิ มตร ยาว ๑๔๗ เซนติเมตร ประวัติ เปน็ ของพระบาทสมเด็จพระปน่ิ เกลา้ เจ้าอยู่หัว สถานท่เี ก็บรักษา พระที่น่งั พรหมเมศธาดา (บน) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ผ้าห่ม หรือ ผ้าทรงพระพุทธรูป พุทธศาสนิกชนนิยมถวายเป็นการกุศลแด่พระพุทธรูปซึ่งประดิษฐานอยู่ ภายในพระอุโบสถ พระวิหาร หรือหอพระ ตัดเย็บเป็นรูปสี่เหล่ียมผืนผ้ายาวแบบผ้าสไบ ใช้ห่มเฉวียงบ่า ผ้าทรง พระพุทธรปู มกั มีสีเดยี วกบั จีวร สำ� หรบั ผ้าทรงพระพทุ ธรูปของหลวง หรือของเจา้ นายถวาย มกั ตัดเย็บด้วยผา้ มรี าคา สูงทสี่ ่งั เข้ามาจากตา่ งประเทศ เชน่ ผ้าเยียรบับ อัตลัต ผ้าแพร ตกแต่งลายปักดว้ ยไหมหลากสี หรือปกั ดนิ้ เงนิ ด้นิ ทอง และติดชายกรยุ ผ้าทรงพระพุทธรูปของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เดิมถวายพระพุทธรูปองค์ใดไม่ปรากฏ หลกั ฐาน สันนิษฐานวา่ ถวายไวส้ ำ� หรบั พระพทุ ธภายในพระที่นัง่ พุทไธสวรรย์ หรือหอพระเจ้า ภายในพระบวรราชวัง ลักษณะเปน็ ผ้าทอพ้นื สีเหลอื ง ยกดอกทรงพุ่มสีแดง ตดิ ชายครยุ ด้ินทอง ชายขา้ งหนึ่งมีรอ่ งรอยปักเป็นตราพระปนิ่ ประดิษฐานบนพานแว่นฟา้ ภายใต้พระเศวตฉัตร อันตราประจำ� พระองค์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกลา้ เจ้าอยู่หัว ผู้บนั ทึก เด่นดาว ศลิ ปานนท์
154 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เม่อื ตะวันออกพบตะวันตก : 155 พพิ ิธสมบตั ิพระราชา ณ วงั หน้า ผา้ ทรงพระพุทธรปู ศลิ ปะ/อายสุ มยั ศิลปะรัตนโกสนิ ทร์ รัชกาลท่ี ๔ ชนดิ ผา้ ขนาด ๓๕ เซนตเิ มตร ยาว ๑๐๗ เซนตเิ มตร ประวตั ิ เป็นของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกลา้ เจา้ อยู่หวั สถานที่เก็บรกั ษา พระทนี่ ัง่ พรหมเมศธาดา (บน) พิพิธภัณฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร ผ้าทรงพระพุทธรูป เป็นของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวถวายพระพุทธรูปองค์ใดไม่ปรากฏ เดิมคงเปน็ ของถวายพระพทุ ธรปู ภายในพระที่นงั่ พุทไธสวรรย์ หรือหอพระเจา้ ภายในพระบวรราชวัง ลักษณะเปน็ ผ้าทอพ้ืนสีเหลือง ยกดอกทรงพุ่มสีแดง ยอดดอกสีเขยี ว ชายครยุ ดน้ิ ไหม ซบั ใน ผา้ แพรสแี ดงเลอื ดหมูชายข้างหน่ึง มีร่องรอยปักเป็นตราพระปิ่น ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า ภายใต้พระเศวตฉัตร อันตราประจ�ำพระองค์พระบาท สมเดจ็ พระป่นิ เกล้าเจา้ อยู่หวั ผู้บันทึก เดน่ ดาว ศิลปานนท์
156 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เมอ่ื ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : 157 พิพธิ สมบัตพิ ระราชา ณ วงั หน้า พระแทน่ บรรทมจีนประดับมุก ศิลปะ/อายุสมัย ศลิ ปะจนี พุทธศตวรรษท่ี ๒๔ ชนดิ ไมป้ ระดบั มกุ และหนิ อ่อน ขนาด กวา้ ง ๑๒๓.๕ เซนตเิ มตร ยาว ๑๙๕ เซนตเิ มตร สูง ๒๓๑ เซนตเิ มตร ประวตั ิ พระแท่นบรรทมของพระบาทสมเด็จพระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยู่หัว สถานทเ่ี ก็บรักษา คลังกลางพพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ส่งให้ราชบัณฑิตยสภา เม่ือ พ.ศ. ๒๔๖๙๑ น�ำไปจัดแสดงที่ พพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา เม่อื วนั ท่ี ๒๘ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๒๒ พระนคร ตอ่ มาพิพธิ ภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา ไดส้ ง่ มาเก็บรกั ษาในคลงั พิพธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาติ เมอื่ วันที่ ๓ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ สถานที่เก็บรักษา คลัง ๒ ห้องประณีตศิลป์ คลังกลาง ส�ำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ต�ำบลคลองห้า อำ� เภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พระแทน่ บรรทมไมป้ ระดับมกุ ขาคู้ มีเพดาน ฝมี ือช่างจีน ตวั เสาสลักลายโปร่ง เป็นลายเครอื เถาแบบจีน ตัวดอกไม้ประดับมุก บางดอกมีอักษร “ซังฮี” ซึ่งเป็นอักษรมงคลและเป็นสัญลักษณ์มงคลตามคติความเชื่อของ ชาวจีน หมายถึงความสุข ความยินดี ๒ เท่า นิยมใช้เป็นสัญลักษณ์ของงานแต่งงาน ตัวพระแท่นมีพนัก ๓ ด้าน พนักแบง่ เป็นช่อง ดา้ นกว้าง ๒ ชอ่ ง และดา้ นยาว ๓ ชอ่ ง ดา้ นในประดบั หินอ่อน ด้านนอกไม่มกี ารตกแต่ง สภาพ เพดานไมแ้ กะสลักด้านบนหกั ช�ำรุด ผ้บู ันทกึ เดน่ ดาว ศิลปานนท์ ๑ “แจ้งความราชบัณฑติ ยสภา,” ราชกิจจานุเบกษา เลม่ ๔๓ ตอน ๐ง วนั ท่ี ๑๘ กรกฎาคม ๒๔๖๙, ๑๖๕๐.
158 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เมอ่ื ตะวันออกพบตะวันตก : 159 พิพิธสมบัติพระราชา ณ วังหนา้ พระแทน่ จีนของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกลา้ เจา้ อยู่หัว ศลิ ปะ/อายสุ มัย ศลิ ปะจนี พทุ ธศตวรรษที่ ๒๔ - ๒๕ ชนิด ไม้จำ� หลกั ทาชาดปดิ ทอง ขนาด กวา้ ง ๘๖ เซนตเิ มตร ยาว ๘๘ เซนติเมตร สงู ๑๕๔ เซนติเมตร ประวตั ิ อยู่ในพพิ ิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติมาแตเ่ ดิม (เดมิ จัดแสดงในพระท่ีนั่งบวรบรวิ ตั )ิ สถานทเี่ ก็บรักษา พระท่นี ่ังอศิ เรศราชานสุ รณ์ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระแท่นราชบัลลังก์ทรงเก้าอี้จีน ท�ำด้วยไม้แกะสลักปิดทองร่องชาด ขาคู้ ขาและที่นั่งจ�ำหลักรูปมังกร ดั้นเมฆกับมุกไฟ ตามคติจีนหมายถึงพลัง อ�ำนาจ ความยิ่งใหญ่ เป็นลายมงคลส�ำหรับกษัตริย์และผู้ทรงศักดิ์สูง พน้ื ทาชาดทบึ พนกั หลงั และพนกั ขา้ งทรงสเี่ หลยี่ มสงู หลนั่ ลงมาเปน็ ลำ� ดบั ๓ ชน้ั กรอบพนกั สลกั ลายมงั กร ปลายกรอบ จำ� หลกั เปน็ รปู เศียรมังกร ตวั พนกั สลกั เป็นช่องปะกน ภายในทำ� ลวดลายมงคลอย่างจีน พนกั หลังด้านหน้าเป็นลาย มงคลสำ� หรับกษตั รยิ ์ กงึ่ กลางจ�ำหลกั ลายมงั กร ๕ เล็บดน้ั เมฆเล่นมกุ ไฟภายในกรอบทรงกลม มีรศั มแี ผอ่ อกโดยรอบ ลอ้ มรอบดว้ ยลายเมฆและลายคา้ งคาว ๕ ตวั ดา้ นลา่ งเปน็ ลายคลน่ื หนนุ เทอื กเขา ยอดคลน่ื ประกอบดว้ ยลายเมฆแหง่ ความรุ่งเรือง หมายถึงลายคลื่นทะเลทเ่ี กิดจากการเลน่ น้�ำของมงั กร ชาวจีนเช่ือวา่ มงั กรจะขน้ึ จากทะเลไปอยู่บนเมฆ เหนอื ทอ้ งฟา้ ในฤดใู บไมผ้ ลหิ รอื ฤดชู งุ ครน้ั ถงึ ฤดใู บไมร้ ว่ งหรอื ฤดชู วิ จงึ กลบั ไปอยทู่ ส่ี ะดอื ทะเล ภาพนจี้ งึ มคี วามหมาย ถงึ ฤดชู งุ อนั เปน็ ฤดแู หง่ ความเจรญิ งอกงามของพชื พนั ธธ์ุ ญั ญาหาร ลายมงั กรดน้ั เมฆยงั เปน็ สญั ลกั ษณข์ องการเกดิ ฝน มีความหมายโดยรวมถึงความอุดมสมบูรณ์ ลายเมฆซึ่งลอ้ มรอบลายมงั กร หมายถึง โชค สันติภาพและความสขุ และ ลายค้างคาว ๕ ตัว ภาษาจนี เรยี กว่า “โหงวฮก” หมายถงึ ความสขุ ๕ ประการ คอื ความมอี ายยุ นื สุขภาพแข็งแรง ความมง่ั คงั่ มคี ณุ ธรรม และการตายดี เปน็ การใหพ้ รในสง่ิ พงึ ปรารถนาสงู สดุ สำ� หรบั มนษุ ย์ สว่ นลวดลายคลน่ื ทะเลใหญ่ หนนุ เทือกเขาและมลี ายเมฆร่งุ เรอื งทีป่ ลายคลน่ื มีความหมายมงคลส�ำหรบั ผู้ปกครองประเทศ ใหท้ �ำคุณแกแ่ ผน่ ดิน พนกั ดา้ นหลงั จ�ำหลักรูปอกั ษรจนี ตวั “ฮก” (บุญ) “ลก” (บารม)ี และ “ซ่วิ ” (อายยุ นื ) ค้างคาว ๒ ตัว เปน็ คำ� อวยพรให้มโี ชค ๒ เท่า หรอื โชคซ้อน และลายมังกรคู่ หมายถึงการเปล่ยี นแปลงไปสู่ส่ิงที่ดีกวา่ ส่วนพนกั ข้างด้าน หน้า ๔ ชอ่ ง สลกั เป็นภาพมงคล“โปย๊ เซียน” หรอื เทพยดาท้ังแปด และลายสงิ่ ของมงคล คอื กระเช้าดอกไม้ พดั ใบ กล้วย มว้ นภาพวาด แส้ หนงั สอื คู่ ดาบ ความหมายของภาพสลักบนพระแทน่ จนี ทั้งส้นิ คือค�ำอวยพร สำ� หรับพระเจ้า แผ่นดิน ใหม้ คี วามสขุ และปกครองอาณาประชาราษฎรด์ ว้ ยความเปน็ ธรรม สะท้อนใหเ้ หน็ พระราชนยิ มในพระบาท สมเด็จพระป่ินเกล้าเจ้าอย่หู ัว ท่ีนำ� แบบอย่างงานศลิ ปกรรม ตลอดจนคตนิ ยิ มอยา่ งจีนมาใชภ้ ายในพระบวรราชวัง พระแทน่ จีนสนั นษิ ฐานว่าสรา้ งสำ� หรับพระท่ีนัง่ เกง๋ จีนองคแ์ รก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระป่ินเกล้าเจา้ อยู่หัว โปรดใหส้ รา้ งขน้ึ ใหมเ่ ปน็ พระราชมณเฑยี รทป่ี ระทบั ภายในพระราชวงั หนา้ กอ่ นจะรอื้ สรา้ งพระนงั่ วงั จนั ทร์ (พระทน่ี งั่ อศิ เรศราชานุสรณ)์ อันเปน็ อาคารแบบตะวันตก เป็นทป่ี ระทับต่อมาจนเสดจ็ สวรรคต ผู้บันทึก เดน่ ดาว ศลิ ปานนท์
160 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เมอื่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : 161 พิพธิ สมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้ พระปา้ ยถวายชัยมงคลอักษรจนี ศลิ ปะ/อายสุ มยั ศิลปะจนี สมยั รชั กาลที่ ๔ ชนดิ ไม้ ขนาด กว้าง ๕๒.๘ เซนติเมตร สงู ๒๒๙ เซนตเิ มตร ประวตั ิ ไมป่ รากฏทีม่ า เดมิ จัดแสดงในพระท่ีนงั่ บวรบรวิ ตั ิ สถานที่เกบ็ รักษา เกง๋ นกุ ิจราชบริหาร พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร พระปา้ ยถวายชยั มงคล ๑ คู่ สรา้ งขน้ึ ตามธรรมเนยี มจนี ในวาระสำ� คญั อนั เปน็ มงคล ตวั ปา้ ยแกะสลกั จากไม้ กรอบจ�ำหลักลาย “ก่วยจื่อหลง” หรือลายมังกรกลาย มีความหมายเป็นสิริมงคล๑ คั่นด้วยลาย “หัวเมฆ” หรือ “อวนิ๋ โถว” มคี วามหมายถึงความสมปรารถนา๒ สลบั กบั ลายดอกไม้สีก่ ลบี ทาสีปิดทอง ตวั ปา้ ยแบง่ ออกเปน็ ชอ่ งลกู ฟกั ๓ ชอ่ ง ชอ่ งบนและและชอ่ งลา่ งจำ� หลกั ลาย “เครอื่ งตง้ั ” หรอื เครอ่ื งมงคลจนี ต่างๆ หลายชนิด เรียกว่า “จ๋าเป่า” เชื่อว่ามีอ�ำนาจในการขจัดภูติผีปีศาจและช่วยให้สมปรารถนา๓ ช่องกลาง ขนาดใหญ่ จารึกอกั ษรจีนปิดทอง อันเปน็ เครอ่ื งหมายสำ� หรบั ผมู้ ยี ศศักดิส์ งู ใตแ้ ถวอักษรตกแต่งลายทองรปู ขุนนาง ถือเครื่องหมายมงคลอยู่เคียงกับสัตว์มงคล คือ นกกระเรียนและกวาง ซ่ึงมีความหมายอวยพรให้มีอายุยืนยาว ยง่ิ ดว้ ยยศศกั ด์ิ (นกกระเรียน เปน็ สญั ลกั ษณแ์ หง่ ความย่ังยนื แทนคำ� วา่ “ซว่ิ ” ส่วนกวางเปน็ สัญลักษณ์แหง่ ความมี ยศศักดิ์ แทนค�ำว่า “ลก”๔ ขอ้ ความทจี่ ารกึ เปน็ คำ� กลอนถวายพระพรชัยมงคล มีคำ� อ่านและแปลความไดว้ ่า ป้ายแรก อายรุ อ้ ยปี ประชาราษฎรเ์ กษมส�ำราญ เฉลิมฉลองสันติสขุ ปา้ ยท่ี ๒ บุญบารมยี นื ยาวพนั ปี ประชาราษฎร์เกษมสขุ สรรเสรญิ ท่วั หล้า ใต้ปา้ ยแรก สถาปนาเมื่อฤดูร้อน ใต้ป้ายที่ ๒ กาลเวลาปี ซิน ไฮ้ (นบั เป็นรอบ ๖๐ ปี อาจไดแ้ ก่ พ.ศ. ๒๔๕๔ หรือ พ.ศ. ๒๓๙๔)๕ พระปา้ ยถวายชยั มงคล สนั นษิ ฐานวา่ เปน็ ของพระราชทานจากราชสำ� นกั จนี แดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว เพ่ือเฉลิมพระเกยี รตเิ นอ่ื งในวโรกาสมงคลบวรราชภิเษก เม่อื วันท่ี ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๙๔ ผบู้ นั ทึก เดน่ ดาว ศิลปานนท์ ๑ พรพรรณ จนั ทโรนานนท์, ฮก ลก ซิ่ว โชค ลาภ อายยุ นื , พิมพ์ครง้ั ท่ี ๔ (กรุงเทพฯ : สำ� นักพิมพม์ ตชิ น, ๒๕๔๙), ๑๕๘ - ๑๕๙. ๒ เรื่องเดียวกัน, ๒๙๔ - ๒๙๕. ๓ เรือ่ งเดียวกนั , ๒๗๑ - ๒๗๒. ๔ เรอื่ งเดียวกนั , ๒๔ - ๒๕. ๕ สธุ ี เตชะวริ ยิ ะทวสี นิ ส�ำนักหอสมุดแห่งชาติ อา่ นและแปลความ.
162 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เม่อื ตะวันออกพบตะวนั ตก : 163 พิพธิ สมบัติพระราชา ณ วงั หน้า โคมสอ่ งน�ำเสด็จ ศลิ ปะ/อายุสมยั รตั นโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๔ ชนดิ ไมแ้ กะสลัก ลงรกั ปดิ ทอง และหวาย ขนาด กว้าง ๒๓ เซนติเมตร สูง ๔๒ เซนติเมตร ประวตั ิ เปน็ ของพระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจ้าอยหู่ ัว อย่ใู นพิพิธภณั ฑสถานแห่งชาติมาแตเ่ ดิม สถานทเี่ ก็บรักษา ต�ำหนกั แดง พพิ ิธภัณฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร โคมส่องน�ำเสด็จของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงหกเหล่ียม ครอบบนและฐานท�ำด้วยไม้ จ�ำหลกั ลงรกั ปิดทองทึบ ครอบบนโคมแบง่ เปน็ ช่องตามรปู เหลยี่ ม ภายในชอ่ งจำ� หลกั ลายหน้าสิงห์ ขอบดา้ นข้างแกะ เปน็ แถวลายเน่อื ง ๒ แถว แถวบนลายเม็ดประค�ำและแถวลา่ งลายกลมมไี สล้ าย ฐานโคมท�ำเป็นขาสิงห์ แกะลวดลาย ประดบั ทกี่ าบเทา้ สงิ ห์ ปากสงิ หแ์ ละนมสงิ ห์ บงั ลมสานดว้ ยไมไ้ ผ่ จบั ขอบดว้ ยไมล้ งรกั ปดิ ทอง บงั ลมขา้ งหนง่ึ ทำ� เปน็ ฝา เปดิ – ปิดได้ เพือ่ วางประทปี (เทยี นหรอื ตะเกยี ง) ไวภ้ ายใน ใช้สำ� หรบั ส่องน�ำเสด็จภายในพระราชวงั เวลากลางคนื มี พนกั งานชวาลาเปน็ เจา้ พนกั งานหวิ้ โคมนำ� เสดจ็ ๒ คน เรยี กวา่ “สอ่ งโคม” โดยกำ� หนดธรรมเนยี มเดยี วกบั พระราชวงั หลวง ซงึ่ บญั ญตั ิใหผ้ ู้สญั จรภายในพระราชวังตอ้ งถอื เทียนหรือโคมส่องสวา่ งเป็นเครอ่ื งแสดงตน เป็นการระวังรักษา ความปลอดภยั มใิ หผ้ อู้ ื่นปลอมปนเขา้ ในพระราชฐาน ธรรมเนยี มพนกั งานส่องโคมน�ำเสด็จ อาจไดร้ ับแบบอยา่ งมาจากจีน เห็นไดจ้ ากในสมัยรัชกาลท่ี ๔ โปรด ให้ส่ังพนักงานส่องโคมเข้ามาจากประเทศจีน ๔ คน เป็นพนักงานส่องโคมอยู่จนถึงรัชกาลที่ ๕ พนักงานเหล่านี้ แต่งตวั นงุ่ ผ้าลายใสเ่ สื้อห่มแพรตามสมัย๑ ผู้บันทกึ เด่นดาว ศลิ ปานนท์ ๑ หมอ่ มเจา้ หญงิ จงจติ รถนอม ดศิ กลุ , บนั ทกึ ความจำ� ของหมอ่ มเจา้ หญงิ จงจติ รถนอม ดศิ กลุ (กรงุ เทพฯ : วชั รนิ ทรก์ ารพมิ พ,์ ๒๕๒๒), ๗๒ - ๗๓.
164 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เม่ือตะวนั ออกพบตะวนั ตก : 165 พพิ ธิ สมบตั ิพระราชา ณ วงั หนา้ พระป้ายฉลองพระองคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระป่ินเกลา้ เจา้ อยู่หวั ศิลปะ/อายุสมยั รัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๔ ชนิด ไม้ ขนาด กว้าง ๙ เซนติเมตร ยาว ๑๕ เซนตเิ มตร สูงพรอ้ มฐาน ๓๒ เซนตเิ มตร ประวตั ิ เป็นของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตมิ าแตเ่ ดิม สถานทเี่ ก็บรักษา พระทีน่ ง่ั อศิ เรศราชานสุ รณ์ พพิ ิธภัณฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร พระปา้ ย ภาษาจนี เรยี กวา่ “เจียเสริน” แปลตามศัพท์ว่า “เทพประจำ� บ้าน”๑ หมายถึงปา้ ยช่ือบรรพบุรุษ ชาวจนี จดั ทำ� ไวป้ ระจำ� บา้ นสำ� หรบั ใหล้ กู หลานเคารพบชู า เปน็ การแสดงความกตญั ญตู อ่ บรรพบรุ ษุ และเชอ่ื วา่ ผปู้ ฏบิ ตั ิ จะมคี วามสขุ ความเจริญ พระปา้ ยฉลองพระองคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั สรา้ งบชู าในพระราชวงั ภายหลงั จากพระองค์ เสด็จสวรรคตเมอื่ พ.ศ. ๒๔๐๘ ตัวพระป้ายท�ำด้วยไม้แกะสลกั จารกึ อกั ษรปดิ ทอง ฐานสงิ ห์ กรอบพระปา้ ยฉลลุ าย มงั กร ๒ ตวั ทะยานขนึ้ จากทะเล ชมู กุ ไฟทกี่ งึ่ กลางยอด ตอนลา่ งเปน็ ลายคลนื่ หนนุ เทอื กเขา อนั เปน็ ภาพมงคลสำ� หรบั ผูป้ กครอง ตัวป้ายท�ำซอ้ น ๒ ชั้น แยกเป็น ๒ แผน่ ชน้ั นอกจารึกอกั ษรปิดทอง ๒ แถว แถวกลางจารึกพระปรมาธิไธย และแถวขวาจารึกผู้เซ่นสรวงบูชา ชั้นในหรือล้ินพระป้าย เขียนอักษรจีนภาษาจีนด้วยหมึกสีด�ำ มีอักษร ๓ แถว แถวกลางเปน็ พระปรมาธิไธย แถวขวาบอกวนั ประสูติ แถวซ้ายบอกวนั สวรรคต มีขอ้ ความ ดงั น๒้ี ๑. อักษรจีนท่ปี า้ ยจารึกพระปรมาภไิ ธย แปลเปน็ ไทยว่า ปา้ ยสถิตพระวิญญาณของพระราชบดิ า ผ้เู ปน็ พระเจ้าแผ่นดินพระองคท์ ี่ ๒ ในสมัยราชวงศ์ชิง ทรงพระนามวา่ เจง้ิ (เจยี่ ) แซเ่ จงิ้ (แต)้ ชายผู้นอ้ ยทัง้ หลายซง่ึ เป็น พระองค์เจ้า เรยี กวา่ วิชัย เป็นตน้ ร่วมกันบวงสรวงเซ่นไหวพ้ ระป้ายนี้ ๒. อักษรจนี ทล่ี ิน้ พระป้าย แปลเป็นไทยว่า มีพระบรมราชโองการแตง่ ตง้ั พระมหากษตั ริย์ ทรงพระนาม เจิ้ง (เจีย่ ) แซ่เจง้ิ (แต)้ ทรงเปน็ กษัตรยิ พ์ ระองคท์ ี่สองแหง่ ประเทศสยามพระองคห์ นึง่ ท่ีทรงเจรญิ พระชนมายุ คำ� อ่านและค�ำแปลอกั ษรจีนท่ลี ้นิ พระป้าย แถวขวา จารกึ วันพระราชสมภพ แปลความว่า พระราชสมภพ เม่ือ ๑๕ (๑๕ ค่�ำ) เดือน ๑๐ (เดือนแปดตามปฏทิ ินจนี ) ปมี ะโรง (ปอี ูเ้ ฉินตามปฏทิ นิ จีน) เวลา ๕ ทมุ่ คำ� อา่ นและคำ� แปลอกั ษรจนี ทลี่ น้ิ พระปา้ ย แถวขวา จารกึ วนั สวรรคต แปลวา่ เสดจ็ สวรรคต เมอื่ พระชนมายุ ได้ ๕๗ พรรษา ๔ เดอื น ๕ วนั ค�ำนวณเปน็ เวลา ๒๐,๙๘๓ วนั กบั ๑ ชัว่ โมง ผู้บนั ทกึ เดน่ ดาว ศิลปานนท์ ๑ สมั ภาษณ์ นวรตั น์ ภักดคี �ำ วนั ที่ ๑๒ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๙. ๒ นวรัตน์ ภกั ดคี �ำ อา่ นและแปลความ วันท่ี ๓๑ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๙.
166 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เม่ือตะวนั ออกพบตะวนั ตก : 167 พพิ ิธสมบัตพิ ระราชา ณ วงั หนา้ ปา้ ยเทพารกั ษ์ ศลิ ปะ/อายุสมยั รัตนโกสนิ ทร์ รัชกาลที่ ๔ ชนิด ไม้ ขนาด กวา้ ง ๑๑ เซนติเมตร ยาว ๒๒ เซนตเิ มตร สงู พรอ้ มฐาน ๕๓ เซนตเิ มตร ประวตั ิ เปน็ ของพพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติมาแต่เดิม สถานท่เี ก็บรักษา พระที่นัง่ อิศเรศราชานุสรณ์ พิพธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร ป้ายเทพารักษ์ ประดษิ ฐานร่วมกับป้ายฉลองพระองคพ์ ระบาทสมเด็จพระปนิ่ เกลา้ เจ้าอยู่หวั มีจารึกระบุ ว่าสรา้ งขึ้นบชู าเทพประจ�ำพระราชวังหน้า ซึ่งนา่ จะได้แก่พระภูมิ ท้ังนโี้ ดยธรรมเนยี มการต้ังศพและการเซน่ ไหว้บูชา ป้ายบรรพบุรุษของชาวจีน ต้องต้ังพระภูมิด้วย กล่าวคือเม่ือต้ังศพมกี ารเซ่นเวลาเชา้ เยน็ ตอ้ งจดั เครอื่ งเซ่น ๒ ที่ เซน่ พระภมู ิท่ี ๑ และเซ่นศพท่ี ๑ เมอ่ื ฝังศพเสร็จแลว้ จึงจัดทำ� ปา้ ยสำ� หรับเซน่ ไหว้ ผทู้ ่มี ัง่ มีมักท�ำป้ายพระภมู ติ ง้ั ไวด้ ้วย เวลาเซน่ ไหว้กจ็ ดั เคร่ืองเซน่ เป็น ๒ ท่ี คือ เซน่ พระภูมทิ ่ี ๑ เซ่นป้ายผทู้ ี่ลว่ งลบั ไปแลว้ ท่ี ๑๑ ป้ายเทพารักษ์ประจ�ำพระราชวังบวรสถานมงคล ต้ังบนฐานเท้าสิงห์ กรอบสลักลายลายพันธุ์พฤกษา ซุ้มจ�ำหลักลายฉลุโปร่งเป็นรูปมังกรห้าเล็บ ๔ ตัว กงเล็บกุมสิ่งของมงคลต่างๆ ของจีน กึ่งกลางจารึกอักษรจีน ภาษาจีน ปิดทอง ๑ แถว อ่านและแปลความว่า พระป้ายบูชาเทพยดาอารักษ์ประจ�ำพระราชวังอันเป็นฐานก�ำลัง ทหารของประเทศสยาม)๒ ผูบ้ ันทึก เดน่ ดาว ศิลปานนท์ ๑ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ กรมพระยานรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ์ และสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำ� รงราชานภุ าพ, สาสน์ สมเด็จเล่ม ๒ (องคก์ ารค้าของคุรุสภา, ๒๕๐๕), ๒๑๐. ๒ นวรัตน์ ภกั ดคี �ำ อ่านและแปลความ วนั ท่ี ๓๑ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๙
168 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เม่อื ตะวันออกพบตะวนั ตก : 169 พพิ ธิ สมบตั พิ ระราชา ณ วงั หนา้ ป้ายบชู าพระศรีอาริยเมตไตรยบรมโพธสิ ตั ว์ ศิลปะ/อายุสมยั รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลที่ ๔ ชนดิ ไม้ ขนาด กวา้ ง ๑๒ เซนติเมตร ยาว ๑๒ เซนติเมตร สงู พรอ้ มฐาน ๒๑ เซนติเมตร ประวตั ิ เปน็ ของพิพิธภณั ฑสถานแห่งชาติมาแต่เดิม สถานทเี่ กบ็ รกั ษา พระทน่ี ัง่ อศิ เรศราชานสุ รณ์ พิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ พระนคร ป้ายพระโพธสิ ตั ว์ ต้ังอยบู่ นฐานบัว ประดษิ ฐานในซ้มุ เรอื นแกว้ แบบเกง๋ จนี ผนงั ๓ ดา้ นฉลโุ ปร่ง เปน็ ลาย แจกนั ดอกไม้ กับค้างคาวลายกระหนก มคี วามหมายถงึ ความสุข ความมีอายยุ นื นาน จารกึ หนังสอื จีน ๓ ตวั อ่านว่า “หมเี ลอ่ เตยี้ น” แปลตามศพั ท์ คือ “วงั พระเมตไตรย” หรอื ทส่ี ถิตของพระโพธิสัตวศ์ รีอารยิ เมตไตรยนน่ั เอง๑ พระโพธิสัตว์เมตไตรย คือพระอนาคตพุทธเจ้า ซึ่งจะบังเกิดสืบต่อจากพุทธกาลของพระศากยมุนี ได้รับ ความนิยมนับถือในหมู่พุทธศาสนิกชนชาวจีนอย่างมาก มักประดิษฐานไว้บูชายังห้ิงพระประจ�ำบ้าน แยกต่างหาก จากทบี่ ชู าปา้ ยบรรพบรุ ษุ และพระภมู ิ เดมิ พระปา้ ยพระโพธสิ ตั วศ์ รอี ารยิ เมตไตรย คงประดษิ ฐานไวย้ งั หงิ้ พระประจำ� พระที่น่งั บวรบรวิ ตั ร ตอ่ มาน�ำมาเกบ็ รกั ษาไวก้ ับพระปา้ ยฉลองพระองค์และพระปา้ ยเทพารักษ์ ผู้บันทึก เดน่ ดาว ศิลปานนท์ ๑ นวรตั น์ ภักดคี �ำ อา่ นและแปลความ วันท่ี ๓๑ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๙
170 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เมื่อตะวันออกพบตะวนั ตก : 171 พิพธิ สมบัติพระราชา ณ วังหน้า พระแท่นบรรทมคู่ ศลิ ปะ/อายุสมัย ศิลปะฟื้นฟโู กธิคแบบองั กฤษ อายุราวพทุ ธศตวรรษที่ ๒๔ – ๒๕ ชนิด ไมแ้ กะสลกั ทาสีเขยี วออ่ น ขนาด กวา้ ง ๑๑๔ เซนติเมตร ยาว ๒๔๓ เซนตเิ มตร สงู ๒๙๐ เซนตเิ มตร ประวตั ิ เป็นของพระบาทสมเดจ็ พระปิน่ เกล้าเจา้ อยหู่ ัวมาแต่เดมิ สถานทเี่ กบ็ รกั ษา พระทีน่ ัง่ อิศเรศราชานสุ รณ์ พพิ ธิ ภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระแทน่ บรรทมนี้ เดิมพระบาทสมเด็จพระป่นิ เกล้าเจา้ อยู่หวั ทรงส่ังทำ� มาจากตา่ งประเทศ๑ ลักษณะเป็น เตยี งไม้ ๔ เสา มหี ลงั คาคลมุ ซง่ึ โดยปกตจิ ะมพี ระวสิ ตู ร(มา่ น) คลมุ ทง้ั ๔ ดา้ น มพี นกั หวั ทา้ ยยกยอดตรงกลางชดู อกบวั ตมู บนพนกั ของพระแทน่ บรรทมทงั้ ดา้ นหวั และทา้ ยสลกั ตราชา้ งเผอื กยนื แทน่ ๒ ขนาบดว้ ยพระวสิ ตู รทง้ั สองขา้ ง ในกรอบ วงกลมบนโล่รปู สี่เหลยี่ มยอดแหลม อันเป็นสญั ลกั ษณ์ของพระเจา้ แผน่ ดินสยาม ประดบั อยูท่ ั้งสององค์ เสาทง้ั ๔ ตน้ สลกั เปน็ มดั ตน้ กกและหวั เสาสลกั เปน็ รูปใบปาลม์ รองรับหลงั คาซ่งึ ยกขอบสูงที่ตกแต่งดว้ ยชายคาฉลุลาย นอกจากการฉกี แนวออกไปจากขนบเดมิ ทนี่ ยิ มใชพ้ ระแทน่ แบบไทยหรอื จนี แลว้ ยงั แสดงถงึ สนุ ทรยี ศาสตร์ ของศิลปะในยุคฟื้นฟูในยโุ รปอีกดว้ ย ซง่ึ เป็นการนำ� จดุ เด่นของศลิ ปะยุคเก่า อาทเิ ชน่ ศิลปะอียปิ ต์โบราณ กรีกโรมนั เรอเนสซองส์ บารอ็ ค รอคโกโกและนโี อคลาสสิคในท่ีสุด มาปรับปรุงผสมผสานตามแบบรสนยิ มในชว่ งพทุ ธศตวรรษ ที่ ๒๔ ซ่งึ พระแท่นบรรทมนี้ประกอบกนั ได้อยา่ งลงตวั และงดงามยิง่ เปน็ การผสมผสานลวดลายสลกั เลยี นแบบผา้ ฉลุ โปรง่ ประดบั โดยรอบหลงั คาอย่างศิลปะโกธคิ ในขณะที่เสาทั้ง ๔ ตน้ สลกั ลายตน้ กกมดั เขา้ ดว้ ยกันและทยี่ อดเสาน้ัน เปน็ รูปใบปาลม์ อยา่ งอียปิ ตโ์ บราณ รวมท้งั ยงั ใชส้ วี รรณะเยน็ ทน่ี ่มุ นวลอบอุ่นอยา่ งนีโอคลาสสิคมาทาตกแต่งอกี ดว้ ย ทีส่ �ำคัญยังนำ� ลวดลายแบบไทยมาออกแบบเป็นตรา (Coat – of – Arm) ประดบั บนพนกั ได้อย่างกลมกลนื และลงตัว ทส่ี ดุ ทง้ั นอ้ี าจนบั ไดว้ า่ พระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงนำ� ตราแบบนมี้ าใชใ้ นสยามเปน็ พระองคแ์ รกกเ็ ปน็ ได้ ผ้บู ันทึก ศภุ วรรณ นงนชุ ๑ สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ำรงราชานุภาพ, ตำ� นานวังหนา้ , (๒๕๓๖), ๑๓๑. ๒ เรือ่ งเดิม. หน้าเดยี วกนั .
172 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เมื่อตะวนั ออกพบตะวนั ตก : 173 พิพธิ สมบตั พิ ระราชา ณ วงั หน้า พระฉาย ศิลปะ/อายุสมยั ศิลปะฟ้ืนฟูบารอก-รอคโกโก อายรุ าวพทุ ธศตวรรษที่ ๒๔ - ๒๕ ชนดิ ไมแ้ กะสลักทาสที อง, กระจก ขนาด กว้าง ๑๑๙ เซนติเมตร สูง ๒๖๐ เซนตเิ มตร ประวตั ิ เป็นของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มาแต่เดิม เคยน�ำไปจัดแสดงท่ีพระรามราชนิเวศน์ เมื่อวันท่ี ๑๓ มีนาคม ๒๕๓๕ และภายหลงั น�ำกลบั มาจดั แสดง ณ หอ้ งบรรทมใหญ่ พระท่ีนัง่ อศิ เรศราชานสุ รณ์ เมื่อวันที่ ๑๔ กนั ยายน ๒๕๓๗ สถานทเี่ ก็บรักษา พระทนี่ งั่ อิศเรศราชานุสรณ์ พพิ ิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร กระจกบานใหญ่รูปส่ีเหล่ียมผืนผ้าในกรอบไม้จ�ำหลักลาย ด้านบนแกะเป็นพรรณพฤกษาทอดยอดตีวง โค้งม้วนเป็นยอดสูงสุด (Rocaille) แล้วทอดกิ่งก้านลงมาคลุมทั้งซ้ายขวาของกรอบกระจก เช่ือมลวดลายระหว่าง กรอบนอกดว้ ยลายรกั รอ้ ยเปน็ สายลงมาบรรจบกบั กรอบดา้ นในซงึ่ มจี ดุ ศนู ยก์ ลางเปน็ รปู มงกฎุ ทวี่ างบนเปลอื กหอยมกุ (Rocaille) และพรรณพฤกษายอดของมงกฎุ ประดบั ด้วยไมก้ างเขน กรอบกระจกรองรบั ดว้ ยขาต้ัง ๒ ขา ขนาบด้วย เสาเกลยี วซ่ึงมียอดเป็นแจกันฝร่ัง (Urn) ที่ลายดา้ นลา่ งสลกั ลายเปลอื กหอยมกุ ลายรกั ร้อยและพรรณไม้ทที่ อดเลื้อย รองรับกรอบทั้งสองข้างจนจรดกับขาต้ัง นอกจากน้ียังปรากฏว่า มีการแทรกลายประจ�ำยามรอบกรอบท้ังส่ีด้าน อกี ด้วย ส�ำหรับลวดลายท่ีปรากฏบนกรอบกระจกซ่ึงมีการผสมผสานระหว่างลวดลายจากศิลปะตะวันตกอย่าง บารอก – รอคโกโก กับลวดลายไทย แสดงใหเ้ ห็นวา่ เป็นการออกแบบและสง่ั ทำ� ไมใ่ ช่สินคา้ ทม่ี จี ำ� หนา่ ยทัว่ ไปใน ขณะนนั้ ทง้ั นอี้ าจมคี วามเกยี่ วเนอ่ื งกบั คณะศาสนาจารยท์ เี่ ขา้ มาเผยแพรศ่ าสนาครสิ ตก์ เ็ ปน็ ได้ เนอื่ งจากสญั ลกั ษณไ์ ม้ กางเขนกบั มงกฎุ (Cross and Crown) หมายถงึ รางวลั จากสวรรค์ (มงกฎุ ) ทไ่ี ดม้ าจากการผา่ นการทดสอบ (กางเขน) บนโลกมนษุ ย์ อนั เปน็ สญั ลกั ษณข์ องนกิ ายโรมนั คาธอลกิ รวมทง้ั อศั วนิ เทมพลาร์ (Knight Templar) กบั กลมุ่ ฟรเี มสนั (Freemasonary) ดว้ ย ผู้บนั ทึก ศุภวรรณ นงนุช
174 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เมอ่ื ตะวันออกพบตะวนั ตก : 175 พพิ ธิ สมบตั พิ ระราชา ณ วงั หน้า แท่นวางประติมากรรม ศิลปะ/อายุสมัย ศิลปะแบบอดมั สมยั พระนางเจ้าวคิ ตอเรีย อายรุ าวพุทธศตวรรษท่ี ๒๔ ชนิด ไมม้ ะฮอกกานแี กะสลกั ขนาด สงู ๑๑๔.๕ เซนติเมตร ประวัติ ไม่ทราบทม่ี า สถานทเ่ี ก็บรักษา ห้องทรงพระอักษร พระทนี่ งั่ อศิ เรศราชานสุ รณ์ พพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ลักษณะเป็นไม้เสาเดียวต้ังบนฐานสี่เหล่ียมจัตุรัส ล�ำต้นเสาสลักเซาะร่อง รองรับยอดทรงหม้อน�้ำ ซึ่งมี แผ่นรองรปู สเ่ี หล่ียมจัตุรสั สำ� หรบั วางส่ิงของอกี ชนั้ หนึ่ง ในชว่ งพทุ ธศตวรรษที่ ๒๓ มกี ารฟน้ื ฟรู ปู แบบศลิ ปะโบราณมาปรบั ปรงุ ใหมโ่ ดยมพี นี่ อ้ งตระกลู อดมั เปน็ ตน้ แบบ ทำ� ให้มีการน�ำลวดลายและจดุ เด่นของสมัยตา่ งๆ มาใชร้ ่วมกัน และแพรห่ ลายออกไปในทวีปยุโรปและประเทศ ต่างๆ ในเอเชยี ท่ีมีการตดิ ตอ่ กบั ชาติตะวนั ตกด้วย แทน่ ประติมากรรมนีเ้ ป็นตวั อยา่ งทีด่ ี ซ่งึ แสดงให้เหน็ ถงึ การน�ำเสา เซาะรอ่ งแบบกรกี โรมันมาใชร้ ว่ มกบั หม้อน้�ำหรือแจกันฝรง่ั (Urn) ผ่านการออกแบบท่ีเรียบง่ายและเหมาะกบั หน้าที่ ใช้สอยได้อยา่ งดี ผ้บู ันทึก นางสาวศภุ วรรณ นงนชุ
176 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เมอื่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : 177 พิพธิ สมบตั พิ ระราชา ณ วังหนา้ โตะ๊ กลมสามขา ศลิ ปะ/อายสุ มยั ศลิ ปะแบบนีโอคลาสสคิ อายุราวพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๔ ชนิด งาแกะสลกั ฝงั ลายไม้ ขนาด เสน้ ผ่านศูนย์กลาง ๔๙ เซนตเิ มตร กวา้ ง ๔๙.๗ เซนติเมตร สงู ๗๒ เซนติเมตร ประวตั ิ ไม่ทราบที่มา สถานทีเ่ ก็บรกั ษา พระทน่ี งั่ อศิ เรศราชานสุ รณ์ พิพิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร ลักษณะเป็นโต๊ะกลม ๓ ขา ตัวโต๊ะ เสา และขารองท�ำจากงาแกะสลัก ด้านหน้าโต๊ะเป็นพ้ืนงาตกแต่ง ด้วยการฝังไม้และงาช้างเป็นรูปหกเหลี่ยม ตรงกลางฝังเส้นงาเป็นรูปช้างเผือกยืนแท่นอย่างที่พบบนพนักแท่น พระบรรทมของสมเดจ็ พระป่นิ เกล้าเจา้ อยู่หัว เทคนิคการฝังลวดลายบนเนื้อไม้หรืองาช้าง น้ี เรยี กวา่ marquetry หรือ marqueterie เทคนคิ ฝงั ลายไมน้ ี้ เกดิ ข้นึ ในเมอื งฟลอเรนซ์ ประเทศอติ าลี ช่วงพทุ ธศตวรรษที่ ๒๑ และกลบั มานิยมแพร่ ในสหราชอาณาจักร ประเทศฝรัง่ เศสและเบลเยย่ี ม ราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๒๓ – ๒๔ ซึ่งวัตถทุ ี่จะนำ� มาฝงั ตกแตง่ บนผิวโต๊ะนั้นมักจะใช้แผ่นไม้สีเข้มและอ่อน งาช้าง เปลือกหอยมุก รวมท้ังกระดองเต่าด้วย ลวดลายท่ีนิยมใช้มัก เปน็ ตราต่างๆ วงกลมรปู พดั พรรณพฤกษา โดยเฉพาะรปู ทรงสมมาตรต่างๆ และยังน�ำมาผสมผสานกับการตกแต่ง ขอบเครื่องเรือนด้วยทองเหลืองอีกด้วย ส�ำหรับโต๊ะสามขาตัวน้ีคงส่ังท�ำมาจากทางสหราชอาณาจักร ซึ่งมีช่างท�ำ เครอ่ื งเรอื นทีไ่ ด้รบั อิทธพิ ลของศลิ ปะแบบนีโอคลาสสคิ ทีแ่ พรห่ ลายในห้วงเวลานัน้ ผ้บู ันทึก ศุภวรรณ นงนชุ
178 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เม่ือตะวันออกพบตะวันตก : 179 พิพธิ สมบตั พิ ระราชา ณ วังหนา้ แทน่ สามขา ศลิ ปะ/อายสุ มัย ศลิ ปะตะวนั ตกแบบฟืน้ ฟบู ารอก - รอคโกโก อายรุ าวพุทธศตวรรษที่ ๒๔ ชนดิ ไมม้ ะฮอกกานแี กะสลกั ขนาด เสน้ ผ่านศนู ยก์ ลาง ๓๒ เซนตเิ มตร กว้าง ๕๐ เซนตเิ มตร สงู ๑๐๕ เซนตเิ มตร ประวตั ิ ไม่ทราบท่มี า สถานที่เก็บรักษา พระท่นี ง่ั อิศเรศราชานุสรณ์ พิพธิ ภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร แท่นหรือขาต้ังกระถางต้นไม้น้ี ท�ำจากไม้แกะสลัก ซ่ึงประดับลวดลายผสมผสานกันระหว่างศิลปะแบบ ตะวันตกผสมผสานกับศิลปะตะวันออก กล่าวคือ ขารอง ๓ ขานั้นสลักเลียนแบบรูปร่างของช้างท่ีย่ืนงวงออกมา คำ้� ยนั รองรบั เสาเกลยี วทห่ี มุ้ ดว้ ยกาบใบอะแคนธสั และรองรบั วงหว่ งดว้ ยดอกบวั ทคี่ อเสา และกา้ นพวงมะกอกซง่ึ ยนื่ ออกมารองรบั เอาหว่ งสำ� หรบั รดั ปากกระถาง การนำ� รปู แบบศลิ ปะอยา่ งตะวนั ออก โดยเฉพาะแบบจนี มาผสมผสานกบั ศลิ ปะตะวนั ตกในชว่ งพทุ ธศตวรรษ ที่ ๒๒ เป็นต้นมา น้ัน เรียกว่า Chinoiserie คือ การสร้างงานศิลปะแบบตะวันตกท่ีมีอิทธิพลแบบจีนเข้ามาผสม ทงั้ ในงานจติ รกรรม ประตมิ ากรรมและสถาปตั ยกรรม อยา่ งไรกต็ าม ความนยิ มทยี่ าวนานกส็ ง่ ผลออกมาในงานทสี่ รา้ งขนึ้ ในชว่ งพุทธศตวรรษท่ี ๒๓ - ๒๔ เชน่ กัน ผู้บนั ทกึ นางสาวศภุ วรรณ นงนุช
180 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เม่อื ตะวนั ออกพบตะวันตก : 181 พพิ ธิ สมบตั ิพระราชา ณ วงั หนา้ ตะเกียงน�้ำมัน ศลิ ปะ/อายสุ มยั ศลิ ปะแบบวคิ ตอเรียน อายรุ าวพทุ ธศตวรรษที่ ๒๔ ชนดิ ทองเหลอื ง ขนาด สูงพร้อมฐาน ๘๐ เซนติเมตร ประวตั ิ เปน็ ของพระราชวังบวรสถานมงคลมาแต่เดิม สถานที่เกบ็ รักษา พระทน่ี ่ังอิศเรศราชานุสรณ์ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตะเกยี งทองเหลอื งคนู่ ท้ี ำ� จากทองเหลอื งหลอ่ เปน็ เสา ซง่ึ ตง้ั อยบู่ นฐานสเี่ หลยี่ ม สว่ นยอดรองรบั โคมตะเกยี ง ทม่ี ชี อ่ งใสน่ ำ�้ มนั และมปี มุ่ ไขทำ� เปน็ รปู จกุ กลมและดอกไม้ ๖ กลบี เพอ่ื ปรบั เพมิ่ ลดไสต้ ะเกยี ง จะชว่ ยใหส้ วา่ งขนึ้ หรอื มืดลงได้ ผู้บนั ทึก ศุภวรรณ นงนุช
182 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เม่ือตะวนั ออกพบตะวนั ตก : 183 พพิ ิธสมบัตพิ ระราชา ณ วงั หนา้ เชิงเทียนพร้อมโคมแกว้ ศลิ ปะ/อายุสมยั ศิลปะแบบฟื้นฟใู นองั กฤษ ยุคอาณานคิ ม อายรุ าวพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๔ ชนิด ทองเหลือง,แกว้ ขนาด สงู ๗๕.๕ เซนติเมตร ประวตั ิ ไม่ปรากฏทีม่ า สถานท่เี กบ็ รกั ษา พระท่ีนั่งอศิ เรศราชานุสรณ์ พิพิธภัณฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร เชงิ เทยี นพร้อมโคมแก้ว มีดา้ มทำ� จากแก้วหล่อประกอบกบั กา้ นทองเหลอื งลายใบอะแคนธสั แตกออกเปน็ สองกง่ิ สามชอ่ ครอบดว้ ยโคมแกว้ ทรงทิวลปิ สลักลายชอ่ ดอกไมท้ ง้ั สามโคม ในช่วงพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๔ มคี วามตื่นตวั อย่างมากในการน�ำรูปแบบศลิ ปะใหมๆ่ มาผสมผสานกนั สำ� หรบั เชงิ เทยี นชดุ น้ี มีความนยิ มแพร่หลายอยูใ่ นสหรัฐอเมรกิ า สหราชอาณาจักร ฝรัง่ เศส เบลเย่ยี ม และอกี หลายประเทศ ในยุโรป ความสวยงามขึ้นอยู่กับการเจียระไนที่ด้ามและการตกแต่งลวดลายบนโคมแก้วด้วยการกัดกรด แหล่งผลิต ทีส่ ำ� คญั อยู่ในเมอื งบัคคาราต์ (Baccarat) ประเทศฝรงั่ เศส รวมถึงเมอื งอนื่ ๆ ในยโุ รปดว้ ย ผู้บันทึก ศุภวรรณ นงนุช
184 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เมอ่ื ตะวันออกพบตะวนั ตก : 185 พพิ ิธสมบตั ิพระราชา ณ วงั หนา้ พระฉาย ศลิ ปะ/อายุสมยั ศลิ ปะยคุ ฟนื้ ฟใู นอังกฤษ อายรุ าวพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๔ ชนดิ กระจกและปนู ปัน้ ขนาด กวา้ ง ๑๑๖ เซนตเิ มตร สูง ๒๐๐ เซนตเิ มตร ประวัต ิ เป็นของพระบาทสมเดจ็ พระป่นิ เกลา้ เจา้ อยูห่ ัว อยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มาแต่เดิม สถานทเ่ี ก็บรักษา พระทน่ี งั่ อศิ เรศราชานสุ รณ์ พพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กระจกส่ีเหลี่ยมโค้งภายใตก้ รอบท่ีปั้นขึ้นจากปูนปลาสเตอร์ ลวดลายปูนปั้นด้านบนสดุ เป็นภาพดอกไม้ใน กระเช้า จากนน้ั ทอดกิ่งกา้ นวนไปตามกรอบของกระจกพรอ้ มกบั พวงผลไม้ตลอดแนว ซงึ่ ท้งั หมดนี้ถกู พันด้วยริบบนิ้ อย่างสวยงาม การน�ำลวดลายจากศิลปะในอดีตมาปรับใช้กับเครื่องเรือนต่างๆ นั้น นิยมแพร่หลายเป็นอย่างมากช่วง พุทธศตวรรษที่ ๒๓ - ๒๔ ส�ำหรับกรอบกระจกน้ีเป็นการผสมผสานระหว่างลวดลายอย่างกรีกโรมัน ลวดลายของ ยุคบารอก - รอคโกโก กลายมาเป็นศลิ ปะฟื้นฟูในแบบต่างๆ กัน ผบู้ นั ทึก ศุภวรรณ นงนุช
186 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : 187 พิพธิ สมบตั พิ ระราชา ณ วังหนา้ ภาพเหมอื นประธานาธบิ ดยี อร์ช วอชิงตัน ศิลปะ/อายุสมยั ศลิ ปะนีโอคลาสสิค อายุราวพทุ ธศตวรรษท่ี ๒๔ ชนิด สีนำ้� มนั บนผ้าใบ ขนาด กวา้ งพร้อมกรอบ ๗๙ เซนติเมตร สูงพร้อมกรอบ ๙๓ เซนติเมตร ประวตั ิ เคร่ืองราชบรรณาการจากประธานาธิบดีแฟรงกลิน เพียร์ซ แห่งสหรัฐอเมริกา ถวายแด่พระบาทสมเด็จ พระป่ินเกล้าเจา้ อยหู่ ัว เนือ่ งในโอกาสลงพระปรมาภิไธยในสนธสิ ญั ญาไทย - อเมรกิ า เม่ือ พ.ศ.๒๓๙๙ สถานที่เก็บรักษา พระทน่ี ั่งอิศเรศราชานุสรณ์ พิพิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร ภาพเหมอื นประธานาธบิ ดยี อรช์ วอชงิ ตนั วาดโดยศลิ ปินชาวอเมริกนั ชอ่ื เรมบรานท์ พลี (Rembrandt Peale, 1778–1860) เม่ือราว พ.ศ. ๒๓๙๓ เทคนิคสีน�้ำมันบนผ้าใบ โดยศิลปินได้รับแรงบันดาลใจจากภาพของ ศลิ ปินช่ือ กลิ เบิรต์ สจว๊ รต์ (Gilbert Stuart) ซงึ่ วาดภาพประธานาธิบดคี นแรกของสหรฐั อเมริกา เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๓๘ ซง่ึ ต่อมากลายเป็นตน้ แบบท่ีพิมพล์ งในธนบตั ร ๑ ดอลล่าร์ ภาพน้ีเปน็ ๑ ใน ๗๙ ภาพ ซง่ึ เรมบรานท์ พีล ได้วาดไวใ้ นช่วงทีเ่ ขามีชวี ิตอยู่ โดยสร้างมาตรฐานของทว่ งท่า และหน้าตาของประธานาธิบดีคนแรกของสหรฐั อเมรกิ าใหก้ ับศิลปินร่นุ ตอ่ ๆ มาดว้ ย เครื่องราชบรรณาการจากประธานาธิบดีแฟรงกลิน เพียร์ซ แห่งสหรัฐอเมริกา ถวายแด่พระบาทสมเด็จ พระปิน่ เกลา้ เจ้าอยูห่ ัว เนือ่ งในโอกาสลงพระปรมาภิไธยในสนธสิ ัญญาไทย - อเมรกิ า เมอ่ื พ.ศ.๒๓๙๙ ผ้บู ันทึก ศภุ วรรณ นงนชุ
188 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เมอ่ื ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : 189 พพิ ิธสมบัติพระราชา ณ วังหนา้ กระจกเงารปู วงรี ศิลปะ/อายสุ มัย ศลิ ปะตะวันตกพุทธศตวรรษที่ ๒๔ ชนดิ กระจกเงา กรอบท�ำด้วยไม้ ขนาด กว้าง ๑๖๔ เซนตเิ มตร สงู ๑๔๕ เซนตเิ มตร หนา ๑๖ เซนตเิ มตร ประวัติ เป็นเครื่องราชบรรณาการจากประธานาธิบดีแฟรงกลิน เพียร์ซ (Franklin Pierce) แห่งสหรัฐอเมริกา ถวายแดพ่ ระบาทสมเด็จพระปน่ิ เกลา้ เจา้ อย่หู วั พระเจ้าแผ่นดนิ สยาม องค์ท่ี ๒ สถานท่เี ก็บรักษา พระท่ีน่ังอศิ เรศราชานสุ รณ์ พิพธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร กรงุ เทพฯ เป็นกระจกเงา รูปวงรีหรือรูปทรงไข่ มีขนาดใหญ่ กรอบกระจกท�ำด้วยไม้เน้ือแข็งแกะสลักอย่างประณีต และปดิ ทอง ในบนั ทึกรายวันของเทาเซนด์ แฮรีส๑ กล่าวว่า “วันองั คารท่ี ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๓๙๙ (ค.ศ. ๑๘๕๖) เปิด กลอ่ งบรรจกุ ระจกสอ่ งรปู ไขส่ ำ� หรบั ถวายพระเจา้ แผน่ ดนิ องคท์ ส่ี อง เพอ่ื ลบรอยเครอ่ื งหมายบางรอยซงึ่ ทำ� ไว้ เพอื่ แยก ใหท้ ราบว่าเปน็ ของถวายพระเจา้ แผ่นดนิ องคไ์ หนในระหว่างสองพระองค์ ขา้ พเจ้าโล่งใจไปทีเดียว เมื่อเปิดกลอ่ งแลว้ พบวา่ กระจกเงาอยใู่ นสภาพเรยี บรอ้ ยดี และกรอบทองยงั วาวระยบั เหมอื นเมอื่ ขา้ พเจา้ ไดเ้ หน็ ในนวิ ยอรค์ ขา้ พเจา้ เคย เกรงวา่ การถูกกระทบกระเทอื นจากการยงิ สลุตของเรอื อาจทำ� ให้แผ่นกระจกแตก (เหมอื นทม่ี กี รณเี ชน่ นบี้ ่อยๆ) แต่ ทุกสิง่ ทกุ อยา่ งกเ็ รียบร้อย”๒ ผ้บู ันทกึ รกั ชนก โคจรานนท์ ๑ นายเทาเซนด์ แฮรสี ไดร้ บั การแต่งตง้ั จากประธานาธบิ ดีแฟรงกลิน เพียรซ์ แห่งสหรฐั อเมรกิ าใหเ้ ปน็ ทูตมาประเทศไทยในรชั กาล พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจา้ อย่หู ัว เม่ือพทุ ธศกั ราช ๒๓๙๙ ๒ กรมศิลปากร, บนั ทกึ รายวนั ของเทาเซนด์ แฮรีส, (โรงพมิ พก์ ารศาสนา, ๒๕๑๕), ๖๖.
190 เมือ่ ตะวันออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหน้า บรรณานกุ รม กรมแพทยท์ หารเรอื . เทดิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั . กรงุ เทพฯ : กรมแพทยท์ หารเรอื , ๒๕๔๗. กรมศลิ ปากร. ข้อคดิ เหน็ ส่อื มวลชน เรือ่ ง คณะทตู สยาม ณ ประเทศอังกฤษ (พ.ศ. ๒๔๐๐ – พ.ศ. ๒๔๐๑). กรงุ เทพฯ : สำ�นักวรรณกรรมและประวตั ิศาสตร์, ๒๕๕๖. . บันทึกรายวนั ของเซอร์ จอหน์ เบาริง. กรงุ เทพฯ : หจก. ไอเดีย สแควร,์ ๒๕๓๒. .บันทึกรายวนั ของเทาเซนด์ แฮรีส. โรงพิมพก์ ารศาสนา, ๒๕๑๕. .ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๓๑, ๕๑, ๕๒. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นางสุดา พันธคุ์ งช่นื , ๒๕๓๔. .ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๒ เรื่อง ทูตฝรั่งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์. คณะข้าราชการกระทรวง ต่างประเทศพิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายเทียม ลดานนท์. พระนคร : โรงพิมพ์ พระจันทร์, ๒๕๐๖. .ประชมุ ภาพประวัตศิ าสตร์แผน่ ดินพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ วั . กรงุ เทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๘. .ลัทธธิ รรมเนียมต่าง ๆ. พระนคร : คลังวทิ ยา, ๒๕๑๕ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. รวมพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เร่ือง ประชุมประกาศรชั กาลที่ ๔. กรงุ เทพฯ : องคก์ ารค้าของครุ สุ ภา, ๒๕๔๘. .ชมุ นุมพระบรมราชาธิบาย. พระนคร : กรมศลิ ปากร, ๒๕๐๘. จลุ จักรพงษ์, พระเจ้าวรวงศ์ เธอพระองคเ์ จ้า. เจา้ ชีวิต พงศาวดาร ๙ รชั กาลแห่งราชวงศจ์ ักรี. กรงุ เทพฯ : บริษัท สำ�นักพมิ พร์ เิ วอร์ บ๊คุ ส์ จำ�กดั , ๒๕๕๔. ณฐั วฒุ ิ สุทธิสงคราม. กษตั ริยว์ งั หน้า พระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกล้าเจ้าอยู่หัว. กรงุ เทพฯ : สร้างสรรค์บคุ๊ ส,์ ๒๕๕๒. นรศิ รานวุ ดั ตวิ งศ,์ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ เจ้าฟา้ กรมพระยา และ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ กรมพระยา ดำ�รงราชานุภาพ. สาสน์ สมเด็จ เลม่ ๑๑. กรงุ เทพฯ : องคก์ ารค้าของครุ ุสภา, ๒๕๐๔. ดำ�รงราชานุภาพ, สมเดจ็ ฯ กรมพระยา. ตำ�นานวงั หนา้ . พระนคร : โรงพิมพ์กรุงเทพบรรณาคาร, ๒๔๘๐. .นทิ านโบราณคดี, กรงุ เทพฯ : ไทยควอลติ บี้ ุ๊คส์ (๒๐๐๖), ๒๕๕๖. .เรอื่ งประวตั วิ ัดมหาธาตุ. พระนคร : โรงพมิ พ์โสภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๖๑. .ความทรงจำ�. กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๔๖.
เมื่อตะวนั ออกพบตะวันตก : 191 พิพธิ สมบตั ิพระราชา ณ วงั หน้า ทพิ ากรวงศ,์ เจา้ พระยา. พระราชพงศาวดารรชั กาลท่ี ๔. พระนคร : โรงพิมพค์ ุรุสภา, ๒๕๐๔. ทพิ ากรวงศมหาโกษาธบิ ดี (ขำ� บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรตั นโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๔. พมิ พค์ รั้ง ท่ี ๖. กรงุ เทพฯ : บรษิ ัท อมรนิ ทร์พริน้ ติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำ�กัด (มหาชน), ๒๕๔๘. น.ม.ส. ผสมผสานชดุ ที่ ๑. อักษรเพชรเกษม : กรุงเทพฯ, ๒๕๑๔ นนั ทนา ตันติเวสส แปล. บนั ทกึ รายวนั ของ เซอร์จอหน์ เบารงิ . กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๓๒. ฝา่ ยจดั การสมั มนาทางวชิ าการดา้ นสนธสิ ญั ญาและการตา่ งประเทศ งานฉลอง ๒๐๐ ปี วนั คลา้ ยวนั ประสตู พิ ระเจา้ บรม วงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนทิ . เอกสารสัมมนาทางวิชาการ เรอื่ ง สนธิสญั ญาและการต่างประเทศ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั : ผลสบื เน่ืองจากสยามเก่าสโู่ ลกาภิวัตน.์ ปทุมธานี : โรงพิมพม์ หาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร,์ ๒๕๕๒. พิทยาลงกรณ,์ กรมหมื่น. สามกรุง. กรงุ เทพฯ : รวมสาส์น, ๒๕๑๖. พระราชหัตถเลขา ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้านการต่างประเทศ. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงาน พระราชทานเพลงิ ศพ หม่อมเจา้ วงศานุวตั ร เทวกุล. กรุงเทพฯ : บรษิ ัท จนั วาณิชย์ จำ�กดั , ๒๕๓๔. เพง่ พ.ป. บนุ นาค. หนังสอื เรอ่ื ง เซอร์ยอนโบว์ริงเข้ามาเมอื งไทย. พมิ พเ์ ป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลงิ ศพ หม่อมนุ่ม วฒั นวงศ์ ณ อยธุ ยา ในพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมขุนมรุพงศศ์ ิริพัฒน์ ณ เมรวุ ัดมกฏุ กษตั ริยาราม วันที่ ๕ กนั ยายน พุทธศักราช ๒๕๐๙. โรงพิมพช์ วนพมิ พ,์ ๒๕๐๙. ราชบัณฑิตยสภา. อธิบายว่าด้วยหอพระสมุดวชิรญาณ และพิพิธภัณฑสถาน สำ�หรับพระนคร. พระนคร : โรงพิมพโ์ สภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๗๐. สมบตั ิ พลายนอ้ ย. เจา้ ฟา้ จฑุ ามณ ี : พระบาทสมเดจ็ พระปนิ่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั . กรงุ เทพฯ : บรษิ ทั รวมสาสน์ (๑๙๗๗), ๒๕๓๖. .พระบาทสมเด็จพระปนิ่ เกลา้ เจา้ อย่หู ัวกษัตริย์วังหน้า.กรุงเทพฯ : มตชิ น, ๒๕๔๓ สมมตอมรพนั ธ,ุ์ กรมพระ. จดหมายเหตเุ รอื่ งทรงตงั้ พระบรมวงศานวุ งศก์ รงุ รตั นโกสนิ ทร.์ กรงุ เทพฯ : กรมศลิ ปากร, ๒๕๔๕. สขุ ุมาลยม์ ารศรี พระอคั รราชเทวี, สมเดจ็ พระนางเจา้ . สขุ ุมาลนพิ นธ์ / พระนิพนธ์กาพย์กลอนและร้อยแก้วของ สมเดจ็ พระปติ จุ ฉาเจา้ สขุ มุ าลย์มารศรีพระอคั รราชเทวี. พระนคร : โสภณพพิ รรฒธนากร, ๒๔๗๐ สนุ ิสา ม่ันคง. พระราชวังบวรสถานมงคล. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๕๖. อรณุ สนั ธนาภรณ์ ผเู้ รยี บเรยี งและรวบรวม. พระบวรราชานสุ รณพ์ ระบาทสมเดจ็ พระปวเรนทราเมศ มหศิ เรศรงั สรรค์ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ๗ มกราคม ๒๕๕๔. กรุงเทพฯ : ชมรมกองทุนพระบวรราชานุสรณ์พระบาท สมเดจ็ พระป่นิ เกลา้ เจ้าอยู่หวั , ๒๕๕๔.
192 เมอื่ ตะวนั ออกพบตะวันตก : พิพิธสมบตั พิ ระราชา ณ วงั หนา้ เอกสารการสัมมนาทางวิชาการเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองศุภวาระ ๒๐๐ ปี แห่งพระราชสมภพพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เร่ือง พระอัจฉริยคุณในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. โรงพิมพ์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์, ๒๕๔๘. อำ�พัน ตัณฑวรรธนะ. พระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระปวเรนทราเมศมหิศเรศรังสรรค์ พระป่ินเกล้า เจา้ อยูห่ วั . พระนคร : โรงพิมพ์จนั หวา่ , ๒๕๑๑ _________________________
คำ� ส่งั ส�ำนกั พพิ ิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ
194 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เมอ่ื ตะวนั ออกพบตะวันตก : 195 พิพธิ สมบัติพระราชา ณ วังหน้า
196 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เมอ่ื ตะวนั ออกพบตะวันตก : 197 พิพธิ สมบัติพระราชา ณ วังหน้า
198 เมือ่ ตะวนั ออกพบตะวนั ตก : พิพิธสมบัตพิ ระราชา ณ วังหนา้
เมอ่ื ตะวนั ออกพบตะวันตก : 199 พิพธิ สมบัติพระราชา ณ วังหน้า
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202