วันนอกนั้นมาก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นอีก เห็นก็เห็นเหมือนกันแต่มันเปลี่ยนสภาพการเห็นไป เรือ่ ย ๆ แต่เราก็ไมไ่ ดอ้ าลัยเสยี ดายว่าอยากให้มนั เป็นอยา่ งนนั้ อยา่ งนี้ มนั เปน็ ยังไงกใ็ หเ้ หน็ ใหเ้ ปน็ ไปตามเรอ่ื ง พจิ ารณาในวงปัจจบุ นั ไปเร่อื ยๆ ความเหน็ กเ็ หน็ ไปเร่อื ยๆ จนกระท่ังกายหมดความ หมาย หมดความจ�ำเปน็ เมือ่ จิตรู้เทา่ ทันหมดแลว้ และกลายเปน็ อากาศธาตุ ว่างเปลา่ ไปหมด จิต กว็ า่ งจะวา่ ไง มนั รเู้ ทา่ กายดว้ ยและกว็ า่ งไปดว้ ย การพจิ ารณาเราไมส่ งสยั เพราะเปน็ กบั เจา้ ของเอง อยา่ งชัดเจน สญั ญากบั สงั ขารนีส่ �ำคญั พิจารณากันปอ๊ บแปบ๊ ๆ อยู่อย่างนั้น พจิ ารณาไปๆ จนเข้าใจ จติ ว่างหมดเลยทีน่ ี่ น่ีว่างตามฐานของจติ อยเู่ ฉยๆ ก็วา่ ง ไม่ไดภ้ าวนาก็วา่ ง จะอยใู่ นอิริยาบถใดก็วา่ ง ว่างหมด ตน้ ไมภ้ ูเขามองเหน็ อยดู่ ว้ ยตา อยา่ งศาลาน้มี องเห็นอยดู่ ้วยตา แต่ใจมันทะลุไปหมด เห็น เป็นเพยี งเงาๆ มนั ว่างไปหมดเมือ่ ถงึ ขัน้ ว่างแล้ว พอพูดถงึ ข้ันนแ้ี ล้วกท็ ำ� ใหค้ ิดถึงอนตั ตลกั ขณสตู ร จติ ผมไม่ทราบเป็นยังไง มนั ขดั ๆ กนั อยู่ นะกบั อนตั ตลกั ขณสตู รตอนปลาย ถามเจา้ คณุ ….ทา่ นกว็ า่ มนั กส็ มบรู ณเ์ ตม็ ทแี่ ลว้ ตามทที่ า่ นเรยี น มาน้ันเสีย แต่เราถามทา่ นด้วยความจรงิ ทางภาคปฏบิ ตั ิตา่ งหาก ผมก็เลยไมถ่ ามตอ่ ไปอกี เพราะ สูตรที่สมบรู ณเ์ ต็มทีเ่ ราเห็นอยู่น่ี ดงั อาทิตตปรยิ ายสูตร ลงถงึ ขนั้ มนสมฺ ปึ ิ นพิ ฺพินทฺ ติ, ธมฺเมสุปิ นพิ ฺพนิ ฺทต,ิ มโนวิญญฺ าเณปิ นิพพฺ นิ ทฺ ติ, มโนสมผฺ สฺเสปิ นิพพฺ นิ ฺทติ, ยมปฺ ทิ ํ มโนสมผฺ สฺสปจจฺ ยา อุปฺ ปชชฺ ติ เวทยติ ,ํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสขุ ํ วา, ตสมฺ ปึ ิ นพิ ฺพินทฺ ติ. น่ัน มนั ถึงใจเหลือเกนิ นะ อาทิตตปริยายสตู รน่ะ เบ่อื หนา่ ยในรูป แลว้ กใ็ นเสยี งพร้อมกัน เบือ่ หน่ายทั้งความสมั ผสั รับร้ทู ่เี กดิ ขึ้นระหว่างตากับรูปกระทบกัน เกดิ สุขขน้ึ มากต็ าม ทุกข์ขึ้นมา ก็ตาม สุขํ วา ทกุ ฺขํ วา อทกุ ฺขมสุขํ วา รู้ ๆ ตสฺมปึ ิ นิพฺพนิ ฺทติ คอื เบ่อื หนา่ ยในสง่ิ น้ี ทั้งตา ทงั้ รปู ทั้ง สง่ิ ทีเ่ ขา้ มาเกย่ี วขอ้ ง แลว้ เปน็ วญิ ญาณขึน้ มา จนถึงกบั เกดิ เวทนา เบ่ือหน่ายทั้งหมด แลว้ กส็ รปุ ลง มนสมฺ ปึ ิ นพิ พฺ ินทฺ ติ เบ่ือหนา่ ยในจติ ในอารมณ์ท่เี กิดจากจติ ทกุ ประเภท นเ่ี บ่อื หน่ายครอบไปหมด และถอนกันทั้งรากไม่มีเหลืออะไรไว้เลย กระทั่งอวิชชากับจิตก็ทะลุเข้าไปหมดไม่มีเกาะมีดอน นี่เรามาเทียบเคียงกับการปฏิบัติของเรานะ มนสฺมึปิ นิพฺพินฺทติ เบ่ือหน่ายในใจ มน น่ันใจ เบ่ือหน่ายในจิตในใจ ธมฺเมสุปิ นิพฺพินฺทติ เบื่อหน่ายในธรรมารมณ์ท้ังหลาย มโนวิญฺญาเณปิ นิพฺพินฺทติ เบ่ือหน่ายในความรู้ที่เกิดข้ึนจากจิต วิญญาณท่ีรับทราบกับอารมณ์แห่งธรรม เป็น อารมณแ์ ห่งธรรม มโนสมผฺ สเฺ สปิ นิพพฺ นิ ทฺ ติ เบือ่ หน่ายทงั้ ความสมั ผัส ยมฺปทิ ํ มโนสมผฺ สสฺ ปจฺจยา อปุ ฺปชฺชติ เวทยติ ํ มันเกิดข้นึ ให้เสวย สุขํ วา ทกุ ขฺ ํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม ไม่ใช่ สขุ ทกุ ข์ก็ตาม ตสฺมึปิ นิพพฺ นิ ทฺ ติ นนั่ เบือ่ หน่ายทงั้ หมด นมี่ นั ถงึ ใจจรงิ ๆ นะ พอ นพิ พฺ นิ ทฺ ติ แล้ว 72 ก็ นพิ ฺพินฺทํ วิรชฺชติ ละท่ีน่ี
เมือ่ เบอ่ื หน่ายย่อมคลายกำ� หนดั วริ าคา วมิ ุจจฺ ต.ิ วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมติ ิ ญาณํ โหต,ิ ขณี า ชาติ, วุสติ ํ พฺรหมฺ จรยิ ํ, กตํ กรณยี ํ, นาปรํ อติ ถฺ ตตฺ ายาติ ปชานาตตี .ิ อทิ มโวจ ภควา. อตตฺ มนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสติ ํ อภนิ นทฺ .ํ อมิ สฺมญิ ฺจปน เวยยฺ ากรณสฺมึ ภญญฺ มาเน, ตสสฺ ภิกขฺ ุสหสฺสสสฺ อนุปา ทาย, อาสเวหิ จิตตฺ านิ วิมุจฺจึสูติ. อตตฺ มนา เต ภกิ ขฺ ู ภควโต ภาสติ ํ อภนิ นทฺ ุง ภกิ ษทุ ้งั หลายนั้นได้มคี วามร่นื เริงในธรรมทัง้ หลาย เมอื่ พระองคไ์ ดต้ รสั ธรรมะ เวยยฺ ากรณ กค็ อื ตรสั ธรรมะทย่ี อดเยยี่ มเหลา่ นน้ั อยู่ จติ แหง่ ภกิ ษุ หนึ่งพนั ตสฺส ภิกฺขุสหสสฺ สสฺ นนั้ ไดพ้ น้ แลว้ จิตฺตานิ วิมจุ ฺจสึ ูติ จิตหลดุ พน้ แลว้ อาสเวหิ จิตตฺ านิ วิมุจฺจึสูติ จิตหลุดพ้นแล้วจากอาสวะท้ังปวง น่ันมันถึงใจนะแต่อนัตตลักขณสูตรไม่เป็นอย่างน้ัน เวลาปฏบิ ตั กิ ไ็ มไ่ ดเ้ ปน็ อยา่ งนน้ั น่ี มนั แยง้ กนั อยู่ เราเขา้ ใจวา่ เกจอิ าจารยท์ ท่ี า่ นแตง่ นท้ี า่ นจะตดั ออก นะ ถ้าไม่ตัด จิตจะต้องอยู่น้ันแน่ ๆ เบ่ือหน่ายในรูป เบ่ือหน่ายในเวทนา เบ่ือหน่ายในสัญญา เบ่อื หนา่ ยในสงั ขาร เบื่อหน่ายในวิญญาณ รูปสฺมปึ ิ นิพฺพินฺทติ, เวทนายปิ นพิ พฺ ินฺทต,ิ สญญฺ ายปิ นพิ ฺพนิ ทฺ ต,ิ สงฺขาเรสุปิ นพิ พฺ นิ ทฺ ติ, วญิ ญฺ าณสมฺ ึปิ นพิ พฺ นิ ทฺ ต,ิ นพิ พฺ นิ ทฺ ํ วริ ชชฺ ต.ิ วริ าคา วมิ จุ จฺ ติ เมอ่ื เบอื่ หนา่ ยในขนั ธท์ งั้ หา้ จติ ยอ่ มคลายก�ำหนดั ไปเลยเวลาปฏิบัติมันไม่เป็นอย่างนั้น รู้เท่าเร่ือง อาการทงั้ หา้ น่ี เขา้ ใจชดั ๆ ไมม่ ที างถอื เอา จะใหพ้ จิ ารณาอะไรอกี กพ็ จิ ารณาหมดแลว้ นี่ รปู เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ ท่มี นั ปรากฏอยูน่ ้ี รู้มนั ทั้งเกดิ ทงั้ ดบั ว่าเปน็ อนตตฺ า ลว้ น ๆ มันลง อนตฺตา นะสำ� หรบั นสิ ยั ของผม อนจิ จฺ ํ ทกุ ขฺ ํ มนั ไมว่ า่ เสยี แลว้ มนั ลงเปน็ อนตตฺ า ลว้ น ๆ รปู ํ อนตตฺ า, เวทนา อนตฺตา, สญฺญา อนตฺตา,สงฺขารา อนตฺตา, วิญฺญาณํ อนตฺตา. เวลาจะรวมยอดของมันมันมีแต่ ธมฺมา อนตฺตา ทง้ั นนั้ รวมแล้วเป็น ธมมฺ า อนตตฺ า ทงั้ หา้ อย่างนเ้ี ป็น ธมมฺ า อนตฺตา แต่มันก็ไม่แล้วนะ ขันธ์ห้าน่ีเป็น อนตฺตา มันไม่แล้วในจิตมันจะ นิพฺพินฺทํ วิรชฺชติ ได้ยงั ไง เม่ือเบือ่ หนา่ ยย่อมคลายกำ� หนดั เม่ือคลายก�ำหนัดจติ ยอ่ มหลดุ พ้น เม่อื จิตหลุดพ้น ญาณ ความรู้แจ้งชัดว่าจิตหลุดพ้นแล้วเกิดขึ้น เรามันไม่มี เพียงแต่รู้เท่าขันธ์ห้าเท่าน้ันมันไม่เบื่อหน่าย มนั ไมค่ ลายกำ� หนดั ทัง้ มวลไดถ้ ้ามันไมเ่ ขา้ ถงึ จติ เสียก่อน น่ัน พอท้ังหา้ อาการนม้ี ันปลอ่ ยหมดแลว้ มันก็ยังเหลือจิตดวงเดียวท่ีน่ี จิตก็เข้าพิจารณาน้ันอีก เพราะจิตดวงน้ันตัดอาการออกหมดแล้ว สมนุ ของอวชิ ชา ทางเดินของอวิชชา หรือเครอ่ื งมอื ของอวิชชา ได้แกร่ ปู เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ นมี้ นั ถูกตดั ออกหมดแลว้ คือเรารู้เทา่ ทนั แล้ว ยังเหลอื แตค่ วามรู้อันเดียว เราไม่ปรากฏว่าได้คลายก�ำหนัด หรือได้หลุดพ้นในขณะท่ีจิตอยู่นอกขันธ์ห้าน้ันเลย 73 มันต้องพิจารณาฟาดฟันจิตเสียจนแหลก จนอันนี้แตกกระจายไปหมดแล้ว จากน้ันแล้วจะว่า นิพพฺ นิ ทฺ ํ วิรชชฺ ต,ิ วิราคา วมิ จุ ฺจติ. มันหมดปญั หา ทคี่ ้านกนั นนั้ มนั คา้ นกันอย่างน้ี มนั ค้านในภาค
ปฏบิ ตั ิ ส่วนอาทิตตปรยิ ายสตู ร เรายอมรับทันทเี ลย คอื ปฏบิ ัติจนกระท่งั เข้าถึงจิต เข้าเบ่ือหนา่ ย ในจติ อีก ไม่เพียงเบื่อหน่ายในส่ิงภายนอกเทา่ นั้น ยงั ตอ้ งเข้าไปเบือ่ หนา่ ยในจิต อารมณท์ เี่ กดิ จาก จิต อะไรๆ เลยเบอ่ื หน่ายในนัน้ เสรจ็ เลย เบ่อื หน่ายในธรรมารมณ์ เบื่อหนา่ ยในสิ่งท่มี าสมั ผัสกับ จิตคอื ธรรมารมณ์ เป็นสุขเปน็ ทุกข์ เบื่อหนา่ ยพร้อมทงั้ หมดเลย ตสมฺ ปึ ิ นิพฺพนิ ฺทติ เลย น่ัน ตสฺมึปิ หมายถึงรวบเอาหมด ถ้าเป็นภาษาบาลีก็หมายถึงวา ยกสรรพนามข้ึน ตสฺมึปิ คือไม่ต้องพูดอีก หลายหน เช่น ชือ่ คนนัน้ ช่ือคนน้ี เอาเขาขนึ้ เลย โส แปลว่า เขา เปน็ สรรพนามใช้แทนตัวไดแ้ ล้ว โส แปลวา่ เขาว่ามัน นี่ ตสฺมึปิ นิพพฺ นิ ฺทติ คอื เบอื่ หน่ายในสง่ิ นนั้ ทั้งหมด นพิ ฺพนิ ฺทํ วริ ชชฺ ติ ไปตลอด นจ่ี ิตก็เป็นเช่นนนั้ เมอ่ื พจิ ารณาอันนี้เข้าใจแล้วก็ตามเขา้ ไปถึงจติ อีก จนทะลใุ นจิตแลว้ มนั ถงึ ผา่ น พอพจิ ารณาขันธห์ า้ เขา้ ใจหมดแลว้ มนั ยังผ่านไม่ไดน้ ่ี ถา้ ไม่เขา้ ไปถึงจติ เสียกอ่ นมนั ผ่านไม่ ได้ ปัญหานี่จงึ ขวางอยใู่ นหวั ใจเกีย่ วกบั อนตั ตลักขณสตู ร ส่วนอาทิตตปรยิ ายสตู รน้ันไม่มีปัญหา ใดๆ เลย ส�ำหรบั คนจิตหยาบอยา่ งจิตผมนะ่ ยอมรับอย่างหมอบราบ สว่ นอนัตตลักขณสตู รกย็ ก ใหน้ ักปราชญท์ า่ นเสยี ก็แล้วกนั แต่ผ้ปู ฏิบตั คิ วรถอื เปน็ ข้อคดิ ไว้ เวลาปฏบิ ตั ไิ ปเจอเข้าจะไดม้ ีทาง คดิ ทางออก จะไม่จนตรอกถา่ ยเดียว อุจฺฉนิ ทฺ สเิ นหมตตฺ โน กุมทุ ํ สารทกิ วํ ปาณนิ า สนฺติมคฺคเมว พฺรหู ย นิพพฺ านํ สคุ เตน เทสิตํ. จงเด็ดเย่อื ใยของตนเสีย เหมอื นเอาฝา่ มอื เด็ดบวั ในฤดูแล้ง จงเพมิ่ พูนทางสงบ (ให้ถึง) พระนิพพานทพ่ี ระสุคตแสดงแล้ว ขุ. ธ. ๒๕/๕๓. 74
องค์หลวงตา ฟังกัณฑ์เทศน์ “บ๋อยกลางเรือนของกิเลส” จากเทป Cassettte แลว้ เขยี นบนั ทึกไว้บนปกเทป ด้วยลายมือองค์ทา่ นเอง 75
สภาพธรรมชาตแิ ละสัตว์ ในวดั ป่าบา้ นตาด 76
เทศนอ์ บรมพระ ณ วัดปา่ บา้ นตาด วนั ที่ ๓๑ ตลุ าคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๑ ธรรมทายาท จิตธรรมดายงั หาหลกั หาเกณฑไ์ ม่ได้ ไม่ว่าจิตของใครทัง้ นนั้ พอมีสง่ิ ถไู ถลากไปลากมาใน ทางที่ไม่ดีก็กล้ิงไปตามอารมณ์นั้นไม่หยุดหย่อน จนหาหลักยึดพอจะประทังความสงบสุขไว้ไม่ได้ ตามหลกั ธรรมทา่ นวา่ กเิ ลส เราจะเหน็ ไดจ้ ากเวลาเรมิ่ ฝกึ หดั อบรมเบอ้ื งตน้ จติ มนั ลม้ ลกุ คลกุ คลาน ไมย่ อมไปตามอรรถตามธรรมเลยเพราะกเิ ลสมนั รนุ แรง ผมจำ� ไมล่ มื เลยตงั้ แตอ่ อกปฏบิ ตั ทิ แี รกจน กระทัง่ ปัจจบุ ัน เพราะมนั เป็นเรอ่ื งสัจธรรมฝังอยู่ในจิตจะลืมได้อย่างไร ตอนปฏบิ ตั ทิ แี รกกเ็ อาจรงิ เอาจงั และนสิ ยั เรามนั จรงิ ดว้ ยไมใ่ ชเ่ ลน่ ๆ หยอกๆ ถา้ ปกั ลงตรง ไหนแลว้ ตอ้ งเปน็ อยา่ งนน้ั ทนี พ้ี อออกปฏบิ ตั แิ ลว้ มหี นงั สอื ปาฏโิ มกขพ์ กอยเู่ ลม่ เดยี วเทา่ นนั้ ตดิ ยา่ ม ไป คราวนี้จะเอาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเต็มเหตุเต็มผล เอาเป็นเอาตายเข้าว่าเลย อย่างอื่นไม่หวัง ท้ังหมด หวงั ความพ้นทกุ ขอ์ ยา่ งเดยี วเท่านัน้ จะใหพ้ น้ ทกุ ข์ในชาตนิ ้ีแน่นอน ขอแตท่ ่านผูห้ น่ึงผใู้ ด ไดช้ แี้ จงใหเ้ ราทราบเรอื่ งมรรคผลนพิ พานวา่ มอี ยจู่ รงิ เทา่ นน้ั เราจะมอบกายถวายชวี ติ ตอ่ ผนู้ นั้ และ มอบกายถวายชีวิตต่ออรรถต่อธรรมด้วยข้อปฏิบัติอย่างไม่ให้มีอะไรเหลือหลอเลย ตายก็ตายไป กบั ขอ้ ปฏบิ ัตไิ มไ่ ด้ตายดว้ ยความถอยหลัง นน่ั จติ มนั ปกั ลงเหมอื นหนิ หัก 77
ออกมาทแี รกก็มาจำ� พรรษาโคราช อ�ำเภอจักราช เพราะตามทา่ นอาจารย์มน่ั ไม่ทนั ก็เรง่ ความเพียรต้ังแต่มาถึงทีแรก ไม่นานจิตก็ได้ความสงบ เพราะท�ำทั้งวันท้ังคืนไม่ยอมท�ำงานอะไร ทง้ั นนั้ นอกจากงานสมาธภิ าวนาเดนิ จงกรมอยา่ งเดยี ว ตามประสาของคนลม้ ลกุ คลกุ คลานนน่ั แหละ จติ มนั กส็ งบได้ ก็เร่งใหญเ่ ลย แตก่ ด็ ังทเี่ คยเลา่ ใหฟ้ ังแล้ว มันก็มาเสื่อมตอนทำ� กลด ตอนนนั้ สมาธิ ไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ แน่นปึ๋งเลยเทียว แน่ใจว่ามรรคผลนิพพานมีแล้วเพราะจิตมันแน่นปึ๋ง ไม่สะทกสะท้านกับอะไร แมข้ นาดนั้นกย็ งั เสือ่ มได้แค่ทำ� กลดหลังเดียวเท่าน้นั พอไปถึงท่านอาจารย์มั่น ท่านช้ีแจงแสดงอรรถธรรมให้ฟังเหมือนกับว่าถอดออกมาจาก จิตใจ ไม่ได้มีค�ำว่า เห็นจะๆ เพราะถอดออกมาจากใจท่านแท้ๆ ที่ท่านรู้ท่านเห็นท่านปฏิบัติมา อย่างไร เหมอื นอยา่ งวา่ นีน่ า่ ๆ อยู่อย่างน้นั เหน็ หรือไมเ่ หน็ รหู้ รือไม่รู้ นี่นา่ มรรคผลนิพพานอยู่ ทไ่ี หน อยทู่ ่ีน่ีๆ จติ มันก็ฝงั ลกึ ฝังจรงิ ๆ จากนั้นมาก็ตัง้ สจั จอธษิ ฐาน หากวา่ ท่านยงั มีชวี ติ อย่ตู ราบ ใดแล้วเราจะไม่หนจี ากท่าน จนกระทงั่ วนั ทา่ นล่วงไปหรอื เราล่วงไป แตก่ ารไปเท่ียวเพอื่ ประกอบ ความพากเพยี รตามกาลเวลานนั้ ขอไปตามธรรมดา แต่ถือทา่ นเป็นหลัก เหมอื นกับวา่ บา้ นเรอื น อยกู่ ับท่าน ไปท่ีไหนตอ้ งกลบั มาหาท่าน เร่งความเพยี รจนเต็มเหนี่ยว ความฝนั เรากไ็ มล่ มื ความฝนั นก้ี เ็ คยเลา่ ใหห้ มเู่ พอื่ นฟงั แลว้ แตก่ ร็ สู้ กึ วา่ มนั ดดู ดม่ื พอใหพ้ ดู ได้อกี เหมือนกัน ไปอยกู่ ับทา่ น พอตัง้ สัจจอธิษฐานแลว้ ดว้ ยความลงใจของเรา เชอ่ื ตอ่ ทา่ นเต็มเม็ด เตม็ หนว่ ยหาทแ่ี ยง้ ไมไ่ ด้ ไมว่ า่ ทา่ นจะแสดงออกมาภายนอกภายในตรงกบั หลกั ธรรมวนิ ยั เปง๋ ๆ ไมม่ ี ออ้ มคอ้ ม จงึ ไดป้ ลงใจอธษิ ฐานวา่ จะอยกู่ บั ทา่ น หากวา่ ทา่ นยงั มชี วี ติ อยจู่ นกระทง่ั ปา่ นนผี้ มกย็ งั ไม่ หนี ผมตอ้ งอย่กู บั ทา่ น แตก่ ารไปเทยี่ วท่ีน่ันทน่ี ี่กเ็ ปน็ ธรรมดาดังทค่ี ิดไว้ ไปอยกู่ บั ทา่ นไดป้ ระมาณสกั ๔-๕ คนื เทา่ นนั้ กระมงั ความฝนั นกี้ เ็ ปน็ ความฝนั เรอ่ื งอศั จรรย์ เหมือนกนั ฝนั วา่ ได้สะพายบาตร แบกกลด ครองผา้ ดว้ ยดไี ปตามทางอันรกชัฏ สองฟากทางแยก ไปไหนไมไ่ ดม้ ีแต่ขวากแตห่ นามเตม็ ไปหมด นอกจากจะพยายามไปตามทางทเี่ ปน็ เพียงด่านๆ ไป อย่างนัน้ แหละ รกรงุ รงั หากพอรู้เง่ือนพอเปน็ แถวทางไป พอไปถึงท่ีแห่งหน่ึงก็มกี อไผห่ นาๆ ลม้ ทบั ขวางทางไว้ หาทางไปไมไ่ ด้ จะไปทางไหนก็ไปไม่ได้ มองดสู องฟากทางก็ไมม่ ีทางไป เอ นี่เรา จะไปยงั ไงนา เสาะทนี่ นั่ เสาะทนี่ ไ่ี ปกเ็ ลยเหน็ ชอ่ ง ชอ่ งทท่ี างเดนิ ไปตรงนน้ั แหละ เปน็ ชอ่ งนดิ หนอ่ ย พอทีจ่ ะบกึ บนึ ไปใหห้ ลวมตัวกบั บาตรลูกหน่ึง พอไปได้ เม่ือไม่มีทางไปจริงๆ ก็เปลื้องจีวรออก มันชัดขนาดนั้นนะความฝัน เหมือนเราไม่ได้ฝัน เปลื้องจีวรออกพับเก็บอย่างท่ีเราพับเก็บเอามาวางน้ีแล เอาบาตรออกจากบ่าเจ้าของก็คืบคลาน ไป แลว้ กด็ งึ สายบาตรไปดว้ ย กลดกด็ งึ ไปไวท้ พี่ อเออ้ื มถงึ พอบนื ไปไดก้ ล็ ากบาตรไปด้วย ลากกลด 78
ไปด้วย แล้วกด็ งึ จีวรไปดว้ ย บนื ไปอยู่อย่างนัน้ แหละยากแสนยาก พยายามบกึ บึนกันอยูน่ ั้นเปน็ เวลานาน พอดเี จา้ ของก็พน้ ไปได้ เดีย๋ วกค็ ่อยดงึ บาตรไป บาตรก็พ้นไปได้ แล้วกด็ ึงกลดไป กลดก็ พ้นไปได้ พยายามดึงจีวรไปจีวรก็พ้นไปได้ พอพ้นไปได้หมดแล้วก็ครองผ้า มันชัดขนาดน้ันนะ ความฝนั ครองจวี รแลว้ กส็ ะพายบาตร นกึ ในใจวา่ เราไปไดล้ ะทนี่ ี่ กไ็ ปตามดา่ นนน้ั แหละ ทางรกมาก พอไปประมาณสกั ๑ เส้นเท่านนั้ สะพายบาตร แบกกลด ครองจีวรไป ตามองไปขา้ งหนา้ เปน็ ทเี่ วง้ิ วา้ งหมด คอื ขา้ งหนา้ มนั เปน็ มหาสมทุ ร มองไปฝง่ั โนน้ ไมม่ ี เหน็ แตฝ่ ง่ั ทเี่ จา้ ของยนื อยเู่ ทา่ นนั้ และมองเหน็ เกาะหนงึ่ อยโู่ นน้ ไกลมาก มองสดุ สายตาพอมองเหน็ เปน็ เกาะดำ� ๆ นแ่ี หละ นเี่ ราจะไปเกาะนนั้ พอเดนิ ลงไปฝง่ั นนั้ เรอื ไมท่ ราบมาจากไหน เรากไ็ มไ่ ดก้ ำ� หนด วา่ เรอื ยนตเ์ รอื แจวเรอื พายอะไร เรอื มาเทยี บฝง่ั เรากข็ นึ้ นงั่ เรอื คนขบั เรอื เขากไ็ มไ่ ดพ้ ดู อะไรกบั เรา พอลงไปนงั่ เรอื แลว้ กเ็ อาบาตรเอาอะไรลงวางบนเรอื เรอื กบ็ งึ่ พาไปโนน้ เลยนะโดยไมต่ อ้ งบอก มนั อะไรกไ็ ม่ทราบ บง่ึ ๆๆ ไปโนน้ เลย ไมร่ สู้ กึ ว่ามีภยั มีอันตรายมคี ลืน่ อะไรทงั้ นั้นแหละ ไปแบบเงียบๆ ครเู่ ดียวเทา่ นนั้ ก็ถึงเพราะเป็นความฝนั นี่ พอไปถงึ เกาะน้ันแลว้ เรากข็ นของออกจากเรอื แลว้ ข้นึ บนฝ่ัง เรือกห็ ายไปเลยไม่ได้พดู กนั สักค�ำเดียวกับคนขับเรือ เราก็สะพายบาตรขึ้นไปบนเกาะนั้น พอปีนเขาข้ึนไปๆ ก็ไปเห็นท่าน อาจารย์มั่นก�ำลังน่ังอยู่บนเขาบนเตียงเล็กๆ ก�ำลังน่ังต�ำหมากจ๊อกๆ อยู่ พร้อมกับมองมาดูเราท่ี ก�ำลงั ปนี เขาขน้ึ ไปหาทา่ น อา้ ว ทา่ นมหามาได้ยังไงนี่ ทางสายน้ใี ครมาได้เม่ือไหร่ ทา่ นมหามาได้ ยังไงกัน กระผมนั่งเรือมา ขน้ึ เรอื มา โอ้โฮ ทางนมี้ นั มายากนา ใครๆ ไม่กลา้ เสย่ี งตายมากันหรอก เอา้ ถา้ อยา่ งนน้ั ตำ� หมากให้หน่อย ทา่ นก็ย่นื ตะบันหมากให้ เราก็ต�ำจ๊อกๆๆ ได้ ๒-๓ จ๊อก เลยรสู้ กึ ตวั ตืน่ แหม เสียใจมาก อยากจะฝนั ตอ่ ไปอกี ให้จบเร่อื งกอ่ นคอ่ ยต่นื ก็ยงั ดี 79
พอตนื่ เชา้ มากเ็ ลยไปเลา่ ความฝนั ใหท้ า่ นฟงั ทา่ นพดู ทำ� นายไดด้ มี าก เออ้ ทฝี่ นั นเ้ี ปน็ มงคล อย่างย่ิงแล้วนะ น้ีเป็นแบบเป็นฉบับในปฏิปทาของท่านไม่เคลื่อนคลาดนะ ให้ท่านด�ำเนินตาม ปฏิปทาที่ท่านฝันน้ี เบื้องต้นจะยากล�ำบากท่ีสุดนะ ท่านว่าอย่างน้ัน ท่านต้องเอาให้ดี ท่านอย่า ทอ้ ถอย เบอื้ งตน้ นล้ี ำ� บาก ดทู า่ นลอดกอไผม่ าทงั้ กอ นนั่ แหละลำ� บากมากตรงนนั้ เอาใหด้ อี ยา่ ถอย หลงั เป็นอันขาด พอพ้นจากนน้ั ไปแลว้ ก็เว้ิงวา้ งไปได้สบายจนถึงเกาะ ท่านวา่ อยา่ งนน้ั อันนน้ั ไม่ ยาก ตรงน่ีตรงยากนา เราฟงั เราฟังจรงิ ๆ นมี่ ันถึงใจๆ เป็นกบั ตายทา่ นอยา่ ถอยตรงน้ี ครงั้ แรกนย้ี ากทีส่ ุด พอดี กบั ตอนจติ เจรญิ จติ เสอื่ ม ตอนนน้ั แหละมนั ยากจนจะเอาหวั ฟาดใสภ่ เู ขาไปโนน้ แนะ่ มนั โมโห เจรญิ แลว้ กเ็ สอื่ มๆ ทา่ นกแ็ นะไวอ้ ยา่ งนนั้ พอพน้ จากนแี้ ลว้ ทา่ นจะไปดว้ ยความสะดวกสบายไมม่ อี ปุ สรรค อนั ใดเลย มเี ทา่ นัน้ แหละ เบอื้ งตน้ เอาใหด้ อี ยา่ ถอยนะ ท่านวา่ อยา่ งนี้ ถ้าถอยตรงน้ีไปไม่ได้นะ เอ้ า เปน็ กเ็ ป็นกนั ตายก็ตาย ฟาดมนั ให้ได้ตรงน้ีนะ่ ในนมิ ิตบอกแลว้ ว่าไปไดน้ ี่ มนั จะยากแค่ไหนมนั กไ็ ปได้น่ี อย่าถอยนะ จำ� ไดฝ้ งั ใจ ดใี จพอใจ ถงึ ไดด้ �ำเนนิ ตามนนั้ เรอื่ ยมา จนถงึ เดอื นเมษายนจติ มนั กเ็ สอื่ มมาตง้ั แต่ ตน้ เดอื นอา้ ย เดอื นย-่ี ปกี ลาย จนถงึ เดอื นอา้ ยเดอื นยข่ี า้ งหนา้ และถงึ เดอื นเมษายนนมี่ นั ยงั ไมเ่ จรญิ นะ เจรญิ ขึน้ ไปเตม็ ท่ีแลว้ เสอ่ื มลงๆ เป็นปีแน่ะ พอถึงเดือนเมษายนถงึ ไดห้ าอบุ ายก�ำหนดวธิ ีใหม่ เอาอยา่ งหนกั แน่น จากนั้นมากน็ งั่ หามรุ่งหามค่�ำได้ จิตก็ลงไดเ้ ตม็ ที่ ถึงได้เรง่ ต้ังแตน่ ั้นมา น่พี ูดถึง เรอ่ื งความยาก มันยากขนาดนน้ั จริงๆ สำ� หรับผมเอง 80
พอจากนั้นจิตเป็นสมาธิแล้ว จิตไม่เส่ือมละ ทีนี้เร่ืองความเสื่อมนั้นมันเป็นครูเอกทีเดียว จะเสอ่ื มไปไมไ่ ดอ้ กี เปน็ อนั ขาดวา่ อยา่ งนน้ั เลย ถา้ เสอื่ มเมอื่ ไรเราตอ้ งตาย เราจะทนอยใู่ นโลกแบก กองทกุ ขแ์ ห่งความเสอื่ มนีต้ ่อไปอกี ไมไ่ ด้ เพราะเราเคยเสือ่ มมาแล้ว ทุกขห์ นักแสนสาหัสเป็นเวลา ปกี วา่ ไมม่ ที กุ ขอ์ นั ใดทจ่ี ะแผดเผายงิ่ กวา่ ความทกุ ขเ์ พราะจติ เสอื่ ม หากยงั จะเสอื่ มตอ่ ไปอกี ไดแ้ ลว้ เราตอ้ งตายอยา่ งเดยี วเทา่ นนั้ เพราะฉะนน้ั การระมดั ระวงั เจา้ ของจากนน้ั ไปแลว้ จงึ เขม้ งวดกวดขนั ที่สุดไมย่ อมใหเ้ สื่อมได้ จติ ก็เจริญเร่อื ยๆ ตอนที่เห็นความอัศจรรย์ก็เห็นตอนนั่งภาวนาตลอดรุ่ง ต้ังแต่เร่ิมคืนแรกเลยพิจารณา ทุกขเวทนา แหม มันทุกข์แสนสาหัสนะ ทีแรกก็ไม่นึกว่าจะน่ังสมาธิภาวนาตลอดรุ่ง น่ังไปๆ ทกุ ขเวทนาเกิดขึ้นๆ พิจารณายงั ไงก็ไม่ได้เรอ่ื ง เอะ๊ มนั ยงั ไงกันนี่ว่ะ เอ้า วันน้ตี ายกต็ าย เลยตัง้ สัจ จอธิษฐานในขณะนั้น เริ่มนงั่ ตัง้ แต่บดั นไ้ี ปจนถงึ สว่างถึงจะลุก เอา้ เปน็ กเ็ ปน็ ตายก็ตาย ฟาดกนั เลยทีเดียว จนกระท่ังจิตซึ่งไม่เคยพิจารณา ปัญญายังไม่เคยออกแบบนั้นนะ แต่พอเวลามันจน ตรอกจนมมุ จรงิ ๆ โอ๋ย ปญั ญามนั ไหวตวั ทันเหตกุ ารณท์ กุ แงท่ ุกมมุ จนกระท่งั รู้เท่าทุกขเวทนา รู้ เทา่ กาย รเู้ รอื่ งจติ ตา่ งอนั ตา่ งจรงิ มนั พรากกนั ลงอยา่ งหายเงยี บเลย ทงั้ ๆ ทเ่ี ราไมเ่ คยเปน็ อยา่ งนน้ั มาก่อนเลย กายหายในความรู้สึก ทุกขเวทนาดับหมด เหลือแต่ความรู้ท่ีสักแต่ว่ารู้ ไม่ใช่รู้เด่นๆ ชนดิ คาดๆ หมายๆ ไดน้ ะ คอื สกั แตว่ า่ รเู้ ทา่ นนั้ แตเ่ ปน็ สง่ิ ทล่ี ะเอยี ดออ่ นทสี่ ดุ อศั จรรยท์ สี่ ดุ ในขณะ น้นั พอถอนข้นึ มากพ็ ิจารณาอกี แตก่ ารพิจารณาเราจะเอาอบุ ายตา่ งๆ ท่เี คยพิจารณามาแล้วมา ใชใ้ นขณะนนั้ ไมไ่ ดผ้ ล มนั เปน็ สญั ญาอดตี ไปเสยี ตอ้ งผลติ ขนึ้ มาใหมใ่ หท้ นั กบั เหตกุ ารณใ์ นขณะนน้ั จิตกล็ งไดอ้ ีก คืนนนั้ ลงได้ถึง ๓ ครง้ั ก็สวา่ ง โอย๋ อศั จรรย์เจ้าของละซิ รุง่ เช้ามาพอไดโ้ อกาสกข็ ้ึนไปกราบเรยี นท่านอาจารยม์ ่ัน ซงึ่ ตามปกตมิ คี วามกลัวทา่ นมาก แตว่ นั นน้ั ไม่ได้กลวั เลย อยากจะกราบเรียนเร่ืองความจรงิ ใหท้ า่ นทราบ ใหท้ า่ นเห็นผลแห่งความ จริงของเรา วา่ ปฏิบตั ิมาอย่างไรจึงได้ปรากฏเชน่ น้ี พูดขน้ึ มาอยา่ งอาจหาญเลย ทั้งๆ ท่ีเราไมเ่ คย พดู กบั ทา่ นอยา่ งนน้ั พดู ขงึ ขงั ตงึ ตงั ใสเ่ ปรย้ี งๆ ทา่ นฟงั แลว้ กพ็ ดู วา่ มนั ตอ้ งอยา่ งนนั้ วา่ อยา่ งนนั้ เลย เชยี ว ทา่ นเอาหนกั อธบิ ายใหฟ้ งั จนเปน็ ทพี่ อใจ เรากเ็ หมอื นหมาตวั หนง่ึ พอทา่ นยอบา้ งยบุ า้ ง หมา เราตัวโง่นี้ก็ทั้งจะกัดทั้งจะเห่า พอเว้นคืนหนึ่งสองคืนก็นั่งตลอดรุ่งอีก เว้น ๒-๓ คืนเอาอีก จน กระท่ังจิตอัศจรรย์ เรื่องความตายน้ีหายหมดเวลามันรู้จริงๆ แล้ว แยกธาตุแยกขันธ์ดูความเป็น ความตาย ธาตุส่ี ดิน น้�ำ ลม ไฟ สลายตวั ไปแลว้ กเ็ ปน็ ดนิ เปน็ น้ำ� เป็นลม เปน็ ไฟตามเดิม อากาศ ธาตุก็เป็นอากาศธาตุตามเดิม ใจที่กลัวตายก็ยิ่งเด่น มันเอาอะไรมาตาย รู้เด่นขนาดน้ีมันตายได้ ยังไง ใจกไ็ มต่ าย แล้วมนั กลวั อะไร มันโกหกกนั โลกกเิ ลสมนั โกหกกันตา่ งหาก (ค�ำว่าโกหกกันน้นั หมายถงึ กเิ ลสโกหกสัตวโ์ ลกให้กลวั ตายทัง้ ทค่ี วามจรงิ ไม่มีอะไรตาย) 81
พจิ ารณาวันหนึง่ ไดอ้ บุ ายแบบหนึง่ ขึน้ มา พจิ ารณาอกี วนั หนึง่ ได้อุบายแบบหนง่ึ ข้นึ มา แต่ มันมีอุบายแบบเผ็ดๆ ร้อนๆ แบบอัศจรรย์ท้ังน้ัน จิตก็ย่ิงอัศจรรย์และกล้าหาญจนถึงขนาดท่ีว่า เวลาจะตายจริงๆ มนั จะเอาเวทนาหน้าไหนมาหลอกเราวะ ทุกขเวทนาทุกแง่ทุกมมุ ท่แี สดงในวนั นเ้ี ปน็ เวทนาที่สมบูรณ์แล้ว จากน้ีก็ตายเทา่ นัน้ ทกุ ขเวทนาเหลา่ นเี้ ราเหน็ หนา้ มนั หมด เขา้ ใจมนั หมด แก้ไขมนั ไดห้ มด แลว้ เวลาจะตายมันจะเอาเวทนาหนา้ ไหนมาหลอกเราใหห้ ลงอีกวะ หลงไป ไมไ่ ด้ เวทนาตอ้ งเวทนาหนา้ นเี้ อง พดู ถงึ เรอ่ื งความตายกไ็ มม่ อี ะไรตาย กลวั อะไรกนั นอกจากกเิ ลส มันโกหกเราให้หลงไปตามกลอุบายอันจอมปลอมของมันเท่านั้น แต่บัดนี้ไปเราไม่หลงกลของมัน อกี แลว้ นน้ั ละจิตเวลามนั รู้ และมนั รชู้ ัดต้ังแตค่ นื แรกนะ ทวี่ า่ จิตเจริญแลว้ เสื่อมๆ ก่อนมาภาวนา จนนั่งตลอดรุ่งคนื แรกมนั กไ็ มเ่ สื่อม ตง้ั แตเ่ ดอื นเมษายนมาก็ไม่เสือ่ ม แต่มันกย็ งั ไมช่ ัด พอมาถงึ คนื วนั นน้ั แลว้ มนั ชดั เจน เออ้ มันตอ้ งอยา่ งนไ้ี ม่เส่ือม เหมอื นกบั วา่ มนั ปีนขนึ้ ไปตกลงๆ พอปีนขึ้นไป เกาะตดิ ปบ๊ั รอ้ ยเปอรเ์ ซน็ ตไ์ มเ่ สอ่ื ม มนั รแู้ ลว้ จงึ ไดเ้ รง่ เตม็ ทเ่ี ตม็ ฐาน ในพรรษานนั้ นงั่ ภาวนาตลอด รุ่งถึง ๙ คนื ๑๐ คืนกว่าๆ แต่ไม่ติดกนั โดยเวน้ ๒ คืนบา้ ง ๓ คนื บ้าง บางทีกเ็ ว้น ๖-๗ คนื ก็มี จน เปน็ ทแี่ นใ่ จในเรอื่ งของทกุ ขเวทนาหนกั เบามากนอ้ ย เขา้ ใจวธิ ปี ฏบิ ตั ติ อ่ กนั หลบหลกี ปลกี ตวั แกไ้ ข กันไดท้ นั ท่วงทไี ม่มสี ะทกสะทา้ น แมจ้ ะตายก็ไมก่ ลัว เพราะไดพ้ ิจารณาด้วยอุบายแยบคายเต็มท่ี แล้ว สตปิ ัญญาทนั ความตายทุกอย่าง ถา้ พูดเร่อื งความเพยี รของผม พรรษาที่ ๑๐ คือเร่ิมตั้งแต่เดอื นเมษายนนี่ ๙ พรรษาไปถึง พรรษาที่ ๑๐ เป็นความเพียรที่หกั โหมทีส่ ดุ เลย ในชีวิตนี้ไมม่ คี วามเพยี รใดเก่ียวกบั เรื่องร่างกายท่ี จะหกั โหมยง่ิ กวา่ พรรษาท่ี ๑๐ ใจกห็ กั โหม รา่ งกายกห็ กั โหมเตม็ ที่ หลงั จากนน้ั มาแลว้ กเ็ จรญิ เรอ่ื ยๆ จนจิตน้รี าวกับเป็นหนิ ไปเลย คือความแน่นหนามน่ั คงของสมาธมิ นั ช�ำนาญพอ จนเปน็ เหมือนกบั หนิ ทั้งแทง่ ไม่หวั่นไหวอะไรงา่ ยๆ เลย ติดสมาธนิ อ้ี ยถู่ ึง ๕ ปีเตม็ ๆ พอออกจากสมาธิ ด้วยอำ� นาจธรรมอันเผด็ รอ้ นของทา่ นอาจารย์มน่ั เขกเอาอยา่ งหนัก จึง ออกพิจารณา พอพิจารณาทางด้านปัญญาก็ไปได้อย่างคล่องตัวรวดเร็ว เพราะสมาธิพร้อมแล้ว เหมอื นกบั เครอื่ งทพั สมั ภาระทจ่ี ะมาปลกู บา้ นสรา้ งเรอื นนมี้ พี รอ้ มแลว้ เปน็ แตเ่ พยี งเราไมป่ ระกอบ ใหเ้ ปน็ บ้านเป็นเรอื นเทา่ นัน้ มันก็เปน็ เศษไม้อยเู่ ปล่าๆ ไมเ่ กดิ ประโยชนอ์ ะไร น่ีสมาธิก็เป็นสมาธิ อยอู่ ยา่ งนน้ั เมอื่ ไมน่ ำ� มาประกอบใหเ้ ปน็ สตปิ ญั ญามนั กห็ นนุ อะไรไมไ่ ด้ จงึ ตอ้ งพจิ ารณาตามอยา่ ง ทีท่ า่ นอาจารยใ์ หญท่ า่ นเขกเอา พอท่านเขกเทา่ นนั้ มนั ก็ออก พอออกเท่านั้นมันกร็ ู้เรอื่ งรู้ราว ฆา่ กเิ ลสตวั นน้ั ได้ ตดั กเิ ลสตวั นไี้ ดโ้ ดยลำ� ดบั ๆ เกดิ ความตนื่ เนอ้ื ตนื่ ตวั ขนึ้ มา โธ่ เราอยใู่ นสมาธเิ รานอน ตายอยูเ่ ฉยๆ มากป่ี กี ่ีเดอื นแล้วไมเ่ ห็นไดเ้ รอ่ื งไดร้ าวอะไร คราวนี้กเ็ ร่งทางปญั ญาใหญ่ หมนุ ต้ิวท้ัง กลางวันกลางคืนไมม่ ีห้ามล้อบ้างเลย 82
แต่ผมมันนิสัยโลดโผนน่ะ ถ้าไปแง่ไหนมันไปแง่เดียว พอด�ำเนินทางปัญญาแล้วมันก็มา ต�ำหนสิ มาธิว่า มานอนตายอยู่เปล่าๆ ความจริงสมาธกิ ็เปน็ เครือ่ งพกั จิต ถา้ พอดีจริงๆ กเ็ ป็นอย่าง นนั้ น่ีมันกลบั มาต�ำหนสิ มาธวิ ่า มานอนตายอยู่เปลา่ ๆ กป่ี ไี ม่เห็นเกดิ ปญั ญา กเ็ ร่งทางดา้ นปญั ญา เรง่ ทางกายนกี้ อ่ น ตอนอสภุ ะนสี่ ำ� คญั อยมู่ ากนะ สำ� คญั มากจรงิ ๆ พจิ ารณาอสภุ ะนม่ี นั คลอ่ งแคลว่ แกล้วกล้า มองดูอะไรทะลไุ ปหมด ไมว่ า่ จะหญิงจะชายจะหน่มุ จะสาวขนาดไหน เอ้า พดู ใหเ้ ตม็ ตามความจรงิ ทจ่ี ติ มนั กลา้ หาญนะ่ (ตอ้ งขออภยั ดว้ ยถา้ พดู ตามความจรงิ นม้ี นั เกดิ ผดิ ไป และขออภยั ทกุ ๆ เพศทเี่ กยี่ วโยงกนั ) ไมต่ อ้ งใหม้ ผี หู้ ญงิ เฒา่ ๆ แกๆ่ ละ ใหม้ แี ตห่ ญงิ สาวๆ เตม็ อยใู่ นชมุ นมุ นน้ั นะ่ เราสามารถจะเดินบุกเขา้ ไปในท่ีนน่ั ได้ โดยไม่ให้มีราคะตณั หาอนั ใดแสดงขึ้นมาได้เลย นั่น ความ อาจหาญของจิตเพราะอสภุ ะ มองดูคนมีแต่หนังห่อกระดูก มีแต่เน้ือแต่หนังแดงโร่ไปหมด มันเห็นความสวยความงาม ที่ไหน เพราะอ�ำนาจของอสุภะมันแรง มองดูรูปไหนมันก็เป็นแบบน้ันหมด แล้วมันจะเอาความ สวยงามมาจากไหนพอให้กำ� หนัดยินดี เพราะ ฉะน้ัน มันจึงกล้าเดินบุก เอ้า ผู้หญิงสาวๆ สวยๆ นนั้ แหละ (ตอ้ งขออภยั ไปเรอื่ ยๆ จนเรอื่ ง บา้ ของปา่ จะยตุ ลิ ง) บกุ ไปไดอ้ ยา่ งสบายเลยถงึ คราวมันกล้า เพราะเช่ือก�ำลังของตนเอง แต่ ความกลา้ นกี้ ไ็ มถ่ กู กบั จดุ ทจี่ ติ อมิ่ ตวั ในขน้ั กาม ราคะ จึงได้ต�ำหนิตัวเอง เม่ือจิตผ่านไปแล้ว ความกลา้ นม้ี นั กบ็ า้ อนั หนงึ่ เหมอื นกนั แตต่ อน ทด่ี ำ� เนนิ ก็เรยี กว่าถกู ในการด�ำเนนิ เพราะต้อง ด�ำเนินอย่างน้ัน เหมือนการต�ำหนิอาหารใน เวลาอิ่มแล้วนั่นแล จะผิดหรือถูกก็เข้าใน ท�ำนองน้ี การพิจารณาอสุภะอสุภังพิจารณาไปจน กระทั่งว่าราคะนี้ไม่ปรากฏเลย ค่อยหมดไปๆ และหมดไปเอาเฉยๆ ไม่ได้บอกเหตุบอกผล บอกกาลบอกเวลา บอกสถานที่ บอกความ แนใ่ จเลยวา่ ราคะความกำ� หนดั ยนิ ดใี นรปู หญงิ รปู ชายนี้ ไดห้ มดไปแลว้ ตงั้ แตข่ ณะนน้ั เวลานนั้ สถานท่ีน้ัน ไม่บอก จึงต้องมาวินิจฉัยกันอีก 83
ความหมดไปๆ เฉยๆ นไ้ี มเ่ อา คือจติ มันไมย่ อมรบั ถา้ หมดตรงไหนกต็ อ้ งบอกวา่ หมด ใหร้ ู้ชัดว่า หมดเพราะเหตนุ น้ั หมดในขณะนนั้ หมดในสถานทนี่ นั้ ตอ้ งบอกเปน็ ขณะใหร้ ซู้ ิ ฉะนนั้ จติ ตอ้ งยอ้ น กลบั มาพิจารณาหาอบุ ายวิธตี า่ งๆ เพื่อแก้ไขกันอีก เมอ่ื หมดจรงิ ๆ มันท�ำไมไม่ปรากฏชัดว่าหมด ไปในขณะน้ันขณะนี้นะ พอมองเห็นรูปมันทะลุไปเลย เป็นเนื้อเป็นกระดูกไปหมดในร่างกายน่ัน ไมเ่ ปน็ หญงิ สวยหญงิ งาม คนสวยคนงามเลย เพราะอำ� นาจของอสภุ ะมกี ำ� ลงั แรงเหน็ เปน็ กองกระดกู ไปหมด มนั จะเอาอะไรไปก�ำหนดั ยินดเี ลา่ ในเวลาจติ เป็นเช่นนน้ั ทีน้ีก็หาอุบายพลิกใหม่ ว่าราคะนี้มันส้ินไปจนไม่มีอะไรเหลือน้ันมันส้ินในขณะใดด้วย อุบายใด ทำ� ไมไม่แสดงบอกให้ชัดเจน จงึ พจิ ารณาพลิกใหม่ คราวนีเ้ อาสุภะเข้ามาบงั คบั พลิกอัน ทว่ี า่ อสุภะทีม่ ีแตร่ า่ งกระดกู นน้ั ออก เอาหนังหุ้มห่อให้สวยให้งาม นเ่ี ราบังคับนะ ไมง่ น้ั มนั ทะลไุ ป ทางอสภุ ะทนั ทเี พราะมนั ชำ� นาญน่ี จงึ บงั คบั ใหห้ นงั หมุ้ กระดกู ใหส้ วยใหง้ าม แลว้ นำ� เขา้ มาตดิ แนบ กบั ตวั เอง นวี่ ธิ กี ารพจิ ารณาของเรา เดนิ จงกรมกใ็ หค้ วามสวยความงามรปู อนั นน้ั นะ่ ตดิ แนบกบั ตวั ติดกับตัวไปมาอยู่อย่างน้ัน เอ้า มันจะกินเวลานานสักเท่าไร หากยังมีอยู่มันจะต้องแสดงขึ้นมา หากไมม่ ีก็ให้รวู้ า่ ไม่มี เอาวิธีการนีม้ าปฏิบตั ไิ ด้ ๔ วันเตม็ ๆ ที่มนั ไมแ่ สดงความกำ� หนดั ยนิ ดขี ึ้นมาเลย ท้งั ๆ ท่ีรปู นส้ี วยงามทสี่ ดุ มนั กไ็ มแ่ สดง มนั คอยแตจ่ ะหยงั่ เขา้ หนงั หอ่ กระดกู แตเ่ ราบงั คบั ไวใ้ หจ้ ติ อยทู่ ผี่ วิ หนงั น่ี พอถึงคืนท่ี ๔ น้ำ� ตารว่ งออกมา บอกว่ายอมแลว้ ไม่เอา คือมันไมย่ ินดนี ะ มนั บอกว่ายอมแล้ว ด้านทดสอบก็ว่ายอมอะไร ถ้ายอมว่าสิ้นก็ให้รู้ว่าส้ินซิ ยอมอย่างนี้ไม่เอา ยอมชนิดน้ีย่อมมี เล่หเ์ หล่ียม เราไม่เอา กำ� หนดไป กำ� หนดทุกแง่ทกุ มมุ นะ แง่ไหนมุมใดทมี่ ันจะเกดิ ความกำ� หนัด ยนิ ดี เพื่อจะรู้วา่ ความก�ำหนัดยินดนี ม้ี ันจะข้นึ ขณะใด เราจะจับเอาตัวแสดงออกมาน้ันเป็นเครื่อง พิจารณาถอดถอนต่อไป พอดกึ เข้าไปๆ ก�ำหนดเข้าไปๆ แตไ่ ม่กำ� หนดพิจารณาอสภุ ะนะตอนนั้น พิจารณาแต่สภุ ะอย่างเดยี วเทา่ นน้ั ๔ วันเต็มๆ เพราะจะหาอุบายทดสอบหาความจรงิ มันใหไ้ ด้ พอสัก ๓-๔ ทมุ่ ลว่ งไปแลว้ ในคนื ที่ ๔ มันก็มลี ักษณะยุบยับ เป็นลกั ษณะเหมือนจะกำ� หนดั ในรูปสวยๆ งามๆ ทเี่ รากำ� หนดติดแนบกบั ตวั เป็นประจ�ำในระยะน้ัน มนั มลี ักษณะยุบยบั ชอบกล สตทิ นั นะเพราะสติมอี ยตู่ ลอดเวลานี่ พอมีอาการยุบยับก็กำ� หนดเสริมขนึ้ เรื่อยๆ น่นั มนั มีลกั ษณะ ยบุ ยับ เหน็ ไหม จับเจา้ ตวั โจรหลบซอ่ นได้แลว้ ทนี่ ี่ น่ันเหน็ ไหม มันส้ินยังไง ถา้ สิ้นท�ำไมจึงตอ้ งเป็น อยา่ งน้ี ก�ำหนดขนึ้ ๆ คือ ค�ำวา่ ยุบยบั นน้ั เปน็ แตเ่ พียงอาการของจติ แสดงเพียงเล็กนอ้ ยเทา่ นนั้ ไม่ ไดท้ ำ� อวยั วะใหไ้ หวนะ มนั เปน็ อยภู่ ายในจติ พอเสรมิ เขา้ ๆ มนั กแ็ สดงอาการยบุ ยบั ๆ ใหเ้ ปน็ ทแ่ี นใ่ จ วา่ เอ้อ นี่มนั ยังไม่หมด เมื่อยงั ไมห่ มดจะปฏบิ ตั ิยงั ไง 84
ทน่ี ี่ต้องปฏบิ ตั ดิ ้วยอบุ ายใหมโ่ ดยวธิ ีสบั เปล่ยี นกนั ทง้ั นี้เพราะทางไมเ่ คยเดินส่ิงไมเ่ คยรู้ จึง ลำ� บากต่อการปฏบิ ัติอยู่มาก พอเราก�ำหนดไปทางอสภุ ะนีส้ ภุ ะมันดบั พึบเดยี วนะ มนั ดบั เร็วทสี่ ดุ เพราะความช�ำนาญทางอสุภะมาแล้ว พอก�ำหนดอสุภะมันเป็นกองกระดูกไปหมดทันที ต้อง กำ� หนดสภุ ะความสวยงามขนึ้ มาแทนที่ สบั เปลย่ี นกนั อยนู่ นั้ นก่ี เ็ ปน็ เวลานานเพราะหนทางไมเ่ คย เดนิ มนั ไมเ่ ข้าใจกต็ อ้ งทดสอบดว้ ยวธิ ตี ่างๆ จนเปน็ ทแ่ี นใ่ จ จึงจะตดั สินใจลงทางใดทางหน่งึ ได้ทีน้ี วาระสดุ ทา้ ยนะ เวลาจะไดค้ วามจรงิ กน็ ง่ั กำ� หนดอสภุ ะไวต้ รงหนา้ จติ กำ� หนดอสภุ ะไวใ้ หต้ ง้ั อยอู่ ยา่ ง นนั้ ไมใ่ หเ้ คลอ่ื นไหวเปลย่ี นแปลงเปน็ อยา่ งหนงึ่ อยา่ งใด คอื ตง้ั ใหค้ งทขี่ องมนั อยนู่ น้ั ละ จะเปน็ หนงั ห่อกระดูกหรือว่าหนังออกหมดเหลือแต่กองกระดูก ก็ให้มันรู้อยู่ตรงหน้านั้น แล้วจิตเพ่งดูด้วย ความมีสติจดจ่ออยากรอู้ ยากเห็นความจรงิ จากอสภุ ะนน้ั ว่า เอา้ มนั จะไปไหนมาไหน กองอสุภะ กองนจ้ี ะเคลอื่ นหรอื เปลี่ยนตวั ไปไหนมาไหน คือเพง่ ยงั ไงมันก็อย่อู ยา่ งนั้นละ เพราะความช�ำนาญ ของจติ ไมใ่ หท้ ำ� ลายมนั กไ็ มท่ ำ� เราบงั คบั ไมใ่ หม้ นั ทำ� ลาย ถา้ กำ� หนดทำ� ลายมนั กท็ ำ� ลายใหพ้ งั ทลาย ไปในทันทีนะ เพราะความเร็วของปัญญา แต่น่ีเราไม่ให้ท�ำลาย ให้ตั้งอยู่ตรงหน้าน้ันเพื่อการฝึก ซอ้ มทดสอบกันหาความจริงอนั เปน็ ที่แนใ่ จ 85
พอก�ำหนดเขา้ ไปๆ อสภุ ะทตี่ งั้ อยูต่ รงหน้านั้น มันถกู จติ กลนื เขา้ มาๆ อมเข้ามาๆ หาจิตน้ี สดุ ทา้ ยเลยรู้เหน็ ว่าเป็นจติ เสยี เองเปน็ ตัวอสุภะน้นั น่ะ จิตตัวไปก�ำหนดวา่ อสภุ ะนน้ั นะ่ มันกลนื เขา้ มาๆ เลยมาเป็นตัวจิตเสียเองไปเปน็ สภุ ะและอสภุ ะหลอกตวั เอง จติ ก็ปล่อยผลวั ะทันที ปล่อยอสภุ ะ ข้างนอก ว่าเข้าใจแล้วท่ีน่ีเพราะมนั ขาดจากกนั มันต้องอยา่ งนซ้ี ิ น่มี นั เป็นเรอ่ื งของจติ ตา่ งหากไป วาดภาพหลอกตัวเอง ตื่นเงาตวั เอง อนั น้ันเขาไมใ่ ชร่ าคะ อันนัน้ ไมใ่ ช่โทสะ ไมใ่ ชโ่ มหะ ตัวจติ นีต้ ่าง หากเปน็ ตวั ราคะ โทสะ โมหะ ทนี พี้ อจติ รเู้ รอื่ งนช้ี ดั เจนแลว้ จติ กถ็ อนตวั จากอนั นน้ั มาสภู่ ายใน พอ จติ แย็บออกไปมันก็ร้วู า่ ตัวน้อี อกไปแสดงต่างหาก ทนี ีภ้ าพอสุภะน้นั มันก็เลยมาปรากฏอยภู่ ายใน จติ โดยเฉพาะ ก�ำหนดอยู่ภายในพิจารณาอยู่ภายในจิต ทีนี้มันไม่เป็นความก�ำหนัดอย่างน้ันน่ะซิมันผิด กนั มาก เรอื่ งความกำ� หนดั แบบโลกๆ มนั หมดไปแลว้ มนั เขา้ ใจชดั วา่ มนั ตอ้ งขาดจากกนั อยา่ งน้ี คอื มนั ตดั สนิ กนั แลว้ เขา้ ใจแลว้ ทนี ก้ี ม็ าเปน็ ภาพปรากฏอยภู่ ายในจติ กก็ ำ� หนดอยภู่ ายในนน้ั พอกำ� หนด อยู่ภายในมนั กท็ ราบชัดอีกวา่ ภาพถา่ ยในนี้กเ็ กดิ จากจติ มันดบั มันกด็ บั ไปทีน่ ี่ มันไม่ดับไปที่ไหน พอกำ� หนดขนึ้ มนั ดบั ไป พอกำ� หนดไมน่ านมนั กด็ บั ไป ตอ่ ไปมนั กเ็ หมอื นฟา้ แลบนน่ั เอง พอกำ� หนด พบั ขน้ึ มาเปน็ ภาพกด็ บั ไปพรอ้ ม ๆ กนั เลยจะขยายใหเ้ ปน็ สภุ ะอสภุ ะอะไรไมไ่ ด้ เพราะความรวดเรว็ ของความเกดิ ดบั พอปรากฏขนึ้ พบั กด็ บั พรอ้ มๆ ตอ่ จากนนั้ นมิ ติ ภายในจติ กห็ มดไป จติ กก็ ลายเปน็ จติ วา่ งไปเลย สว่ นอสภุ ะภายนอกนน้ั หมดปญั หาไปกอ่ นหนา้ นแี้ ลว้ เขา้ ใจแลว้ ตง้ั แตข่ ณะทมี่ นั กลนื ตัวเขา้ มาสู่จิต มนั ก็ปล่อยอสุภะข้างนอกทนั ทีเลย รูป เสยี ง กลิน่ รส อะไรข้างนอกมนั ปลอ่ ยไป หมด เพราะอนั น้ไี ปหลอกตา่ งหากน่ี เมอ่ื เข้าใจตวั นีช้ ัดแลว้ อันนน้ั ไม่มปี ัญหาอะไร มนั เขา้ ใจทนั ที และปลอ่ ยวางภายนอกโดยสนิ้ เชิง หลงั จากภาพภายในดับไปหมดแลว้ จิตก็ว่าง ว่างหมดท่ีนี่ กำ� หนดดอู ะไรก็ว่างหมด มองดู ตน้ ไมภ้ เู ขาตึกรามบา้ นช่องเหน็ เป็นเพยี งรางๆ เปน็ เงาๆ สว่ นใหญ่คือจิตนมี้ นั ทะลุไปหมด วา่ งไป หมด แม้แต่มองดูร่างกายตัวเองมันก็เห็นแต่พอเป็นเงาๆ ส่วนจิตแท้มันทะลุไปหมด ว่างไปหมด ถึงกบั ออกอุทานในใจว่า โอ้โฮ จิตนี้ว่างถึงขนาดนี้เชยี วนา วา่ งตลอดเวลา ไม่มอี ะไรเข้าผ่านในจติ เลย ถึงมันจะว่างอย่างนั้นมันก็ปรุงภาพเป็นเคร่ืองฝึกซ้อมอยู่เหมือนกัน เราจะปรุงภาพใดก็แล้ว แต่เถอะ เปน็ เคร่อื งฝกึ ซอ้ มจติ ใจใหม้ ีความวา่ งช่�ำชองเขา้ ไป จนกระทงั่ แย็บเดยี วว่างๆ พอปรุงข้นึ แย็บมันกว็ ่างพรอ้ มๆ ไปหมด ตอนน้ีแหละตอนท่จี ิตว่างเต็มท่ี ความรู้อนั นจ้ี ะเดน่ เตม็ ทที่ นี่ ่ี คือรปู กด็ ี เวทนากด็ ี สญั ญา กด็ ี สังขารกด็ ี วญิ ญาณก็ดมี นั ร้รู อบหมดแลว้ มันปลอ่ ยของมันหมดไมม่ ีอะไรเหลอื เหลือแตค่ วามรู้ อันเดียว มันมีความปฏิพัทธ์ มันมีความสัมผัสสัมพันธ์อ้อยอิ่งอยู่อย่างละเอียดสุขุมมาก ยากจะ 86
อธบิ ายใหต้ รงกับความจริงได้ มนั มีความดูดดืม่ อยกู่ ับความรูอ้ ันนี้อย่างเดียว พออาการใดๆ เกิด ข้ึนพับมันก็ดับพร้อม มันดูอยู่นี่ สติปัญญาขั้นนี้ถ้าครั้งพุทธกาลท่านก็เรียก มหาสติ มหาปัญญา แตส่ มยั ทกุ วนั นเ้ี ราไมอ่ าจเออื้ มพดู เราพดู วา่ สตปิ ญั ญาอตั โนมตั กิ พ็ อตวั แลว้ กบั ทเ่ี ราใชอ้ ยู่ มนั เหมาะ สมกนั อยู่แลว้ ไม่จ�ำเป็นจะตอ้ งให้ชื่อใหน้ ามสงู ยงิ่ ไปกวา่ นั้น มนั กไ็ มพ่ น้ จากความจรงิ ซง่ึ เปน็ อยนู่ ้ี เลย จิตดวงนถ้ี งึ ได้เดน่ ความเด่นอันน้ีมันทำ� ใหส้ ว่างไปหมด วนั หนง่ึ เดนิ จงกรมอยทู่ างดา้ นตะวนั ตกวดั ดอยธรรมเจดยี ์ เราอดอาหารมาได้ ๓-๔ วนั แลว้ วันนั้นเขาจะมาใส่บาตรวันพระในวัด เราก็ไปเดินจงกรมอยู่โน้นตั้งแต่สว่างจนกระทั่งถึงเวลาไป บิณฑบาตท่ีบริเวณหน้าศาลาวัดถึงได้มา ตอนยืนร�ำพึงอยู่ทางจงกรม มันเกิดความอัศจรรย์ พลิ กึ พลิ ั่น ถึงกบั อทุ านออกมาว่า แหม จติ นี้ท�ำไมถงึ อศั จรรย์นักหนานะ มองดอู ะไรแม้แผ่นดินที่ เหยียบไปมานี้ก็เห็นอยู่ชดั ๆ ด้วยตา แต่ท�ำไมจติ ซึง่ เปน็ สว่ นใหญม่ ันว่างไปเสยี หมด ตน้ ไม้ ภูเขา ไมม่ ใี นจติ มนั วา่ งไปหมดไมม่ อี ะไรเหลอื เลย เหลอื แตค่ วามวา่ งอยา่ งเดยี วเตม็ หวั ใจ ยนื รำ� พงึ อยสู่ กั ประเด๋ียวความรู้ชนดิ หนง่ึ เกดิ ขึ้น “ถา้ มจี ดุ มตี อ่ มแหง่ ผรู้ ้อู ยู่ทใ่ี ด นนั้ แลคือตวั ภพ” วา่ อยา่ งนัน้ เรา งงเลย ความจรงิ คำ� วา่ จดุ กห็ มายถงึ จดุ ผรู้ นู้ นั้ เอง ถา้ เราเขา้ ใจปญั หานตี้ รงตามความจรงิ ทผี่ ดุ บอก ข้ึนมา มนั ก็ดับกันไดใ้ นขณะน้ันแหละ แตน่ ้มี ันกลับงงไปเสียแทนทจ่ี ะเข้าใจ เพราะเราไมเ่ คยรเู้ คย เหน็ ถา้ มีจดุ ก็จดุ ผ้รู ู้ ถ้ามตี ่อมก็หมายถึงต่อมผรู้ ู้ อยสู่ ถานที่ใดก็ท่จี ติ ดวงรๆู้ นน้ั แลคอื ตัวภพ อบุ าย ทผ่ี ุดขึ้นภายในจติ นน้ั ก็บอกชัดๆ แล้วไม่ผิดอะไรเลย แต่เรามนั งงไปเอง เอะ๊ นี่มนั ยงั ไงกันนะไป เสียอีก จึงไม่ได้ประโยชน์จากอุบายท่ีผุดขึ้นบอกนั้นเลยในเวลาน้ัน ปล่อยให้เวลาผ่านไปเปล่าๆ เป็นเวลา ๓ เดอื นกวา่ ทัง้ ท่ปี ญั หานั้นก็แบกอยใู่ นจิตนน่ั แล ยงั ปลงวางกันไม่ได้ ทีนี้ถึงเวลามันจะรู้นะ ก็พิจารณาจิตอันเดียวไม่ได้กว้างขวางอะไร เพราะสิ่งต่างๆ ท่ีเป็น สว่ นหยาบมนั รหู้ มด รปู เสยี ง กลน่ิ รส เครอ่ื งสมั ผสั ทว่ั โลกธาตมุ นั รหู้ มดเขา้ ใจหมด และปลอ่ ยวาง หมดแล้ว มันไม่สนใจพจิ ารณา แมแ้ ต่รปู เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ยังไมย่ อมสนใจพิจารณา เลย มนั สนใจอยู่เฉพาะความรู้ท่เี ดน่ ดวงกับเวทนาส่วนละเอียดภายในจิตเท่าน้ัน สตปิ ัญญาสมั ผสั สัมพนั ธ์อยกู่ ับอันน้ี พิจารณาไปพิจารณามา แต่ก็พึงทราบว่าจุดที่ว่านี้มนั ยงั เปน็ สมมุติ มันจะสงา่ ผ่าเผยขนาดไหนกส็ งา่ ผา่ เผยอยู่ในวงสมมุติ จะสวา่ งกระจ่างแจง้ ขนาดไหนก็สว่างกระจา่ งแจง้ อยู่ ในวงสมมตุ ิ เพราะอวิชชายงั มอี ย่ใู นนน้ั 87
อวิชชานนั้ แลคอื ตัวสมมุติ จดุ แหง่ ความเดน่ ดวงน้ันกแ็ สดงอาการล่มุ ๆ ดอนๆ ตามข้นั แหง่ ความละเอยี ดของจิตใหเ้ ราเห็นจนได้ บางทกี ม็ ลี กั ษณะเศร้าหมองบา้ ง ผอ่ งใสบ้าง ทกุ ขบ์ า้ ง สุข บ้าง ตามขั้นละเอียดของจิตภูมินี้ให้ปรากฏพอจับพิรุธได้อยู่นั่นแล สติปัญญาขั้นนี้เป็นองครักษ์ รักษาจิตดวงนี้อย่างเข้มงวดกวดขัน แทนท่ีมันจะจ่อกระบอกปืนคือสติปัญญาเข้ามาท่ีน่ีมันไม่จ่อ มนั สง่ ไปทอ่ี วชิ ชาหลอกไปโนน้ จงึ ไดว้ า่ อวชิ ชานแี้ หลมคมมาก ไมม่ อี ะไรแหลมคมมากยง่ิ กวา่ อวชิ ชา ซง่ึ เป็นจุดสดุ ทา้ ย ความโลภมนั กห็ ยาบๆ พอเข้าใจและเห็นโทษไดง้ า่ ย โลกยงั พอใจกนั โลภคิดดซู ิ ความโกรธกห็ ยาบ ๆ โลกยังพอใจโกรธ ความหลง ความรกั ความชัง ความเกลยี ดความโกรธอะไร เป็นของหยาบ ๆ พอเข้าใจและเห็นโทษไดง้ ่าย โลกยังพอใจกนั อนั น้ไี มใ่ ชส่ งิ่ เหลา่ นั้น มันเลยมาหมด ปลอ่ ยมาได้หมด แตท่ �ำไมมันยังมาติดความสว่างไสว ความอศั จรรยอ์ นั นี้ ทนี อ้ี ันน้ีเมื่อมันมอี ยู่ภายในน้ี มันจะแสดงความอบั เฉาข้ึนมานดิ ๆ แสดงความ ทกุ ขข์ นึ้ มานดิ ๆ ซงึ่ เปน็ ความเปลยี่ นแปลง ไมแ่ นน่ อนไมค่ งเสน้ คงวา ใหจ้ บั ไดด้ ว้ ยสตปิ ญั ญาทจ่ี ดจอ่ ต่อเน่ืองกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ลดละความพยายามอยากรู้อยากเห็นความเป็นต่างๆ ของจิตดวงน้ี สดุ ทา้ ยกห็ นไี มพ่ น้ ตอ้ งรกู้ นั จนไดว้ า่ จติ ดวงนไี้ มเ่ ปน็ ทแ่ี นใ่ จตายใจได้ จงึ เกดิ ความรำ� พงึ ขนึ้ มาวา่ จติ ดวงเดียวนี้ท�ำไมจึงเป็นไปได้หลายอย่างนักนะ เด๋ียวเป็นความเศร้าหมอง เด๋ียวเป็นความผ่องใส เดยี๋ วเปน็ สขุ เดย๋ี วเปน็ ทกุ ข์ ไมค่ งทดี่ งี ามอยไู่ ดต้ ลอดไป ทำ� ไมจติ ละเอยี ดถงึ ขนาดนแ้ี ลว้ จงึ ยงั แสดง อาการตา่ งๆ อยไู่ ด้ พอสตปิ ญั ญาเร่ิมหนั ความสนใจเข้ามาพจิ ารณาจติ ดวงนี้ ความรูช้ นดิ หนึ่งทีไ่ ม่คาดไมฝ่ ันก็ ผุดขนึ้ มาภายในใจว่า ความเศรา้ หมองก็ดี ความผ่องใสก็ดี ความสุขก็ดี ความทกุ ข์กด็ ี เหล่าน้เี ปน็ สมมุติท้ังส้ิน และเป็นอนัตตาท้ังมวลนะ เท่าน้ันแลสติปัญญาก็หย่ังทราบจิตท่ีถูกอวิชชาครอบง�ำ อยนู่ ้นั ว่า เป็นสมมตุ ทิ ค่ี วรปล่อยวางโดยถ่ายเดยี วไมค่ วรยึดถอื เอาไว้ หลงั จากความรู้ทีผ่ ดุ ขึ้นบอก เตือนสติปัญญาผู้ท�ำหน้าที่ตรวจตราอยู่ขณะน้ัน ผ่านไปครู่เดียว จิตและสติปัญญาเป็นราวกับว่า ต่างวางตวั เปน็ อุเบกขามัธยัสถ์ ไม่กระเพ่ือมตวั ทำ� หนา้ ทใี่ ดๆ ในขณะนัน้ จิตเปน็ กลางๆ ไมจ่ ดจอ่ กบั อะไร ไมเ่ ผลอส่งใจไปไหน ปัญญาก็ไมท่ ำ� งาน สติกร็ ู้อยู่ธรรมดาของตนไม่จดจอ่ กับสิ่งใด ขณะจิต,สติ,ปญั ญา ทัง้ สามเปน็ อเุ บกขามัธยัสถน์ ้นั แล เป็นขณะท่ีโลกธาตุภายในจิตอันมี อวชิ ชาเปน็ ผเู้ รอื งอำ� นาจไดก้ ระเทอื น และขาดสะบน้ั บรรลยั ลงจากบลั ลงั กค์ อื ใจ กลายเปน็ วสิ ทุ ธจิ ติ ขน้ึ มาแทนท่ี ในขณะเดยี วกนั กบั อวชิ ชาขาดสะบนั้ หน่ั แหลกแตกกระจายหายซากลงไปดว้ ยอำ� นาจ สติปัญญาที่เกรียงไกร ขณะที่ฟ้าดินถล่มโลกธาตุหวั่นไหว (โลกธาตุภายใน) แสดงมหัศจรรย์บั้น สุดท้ายปลายแดนระหว่างสมมุติกับวิมุตติ ตัดสินความบนศาลสถิตยุติธรรม โดยวิมุตติญาณทัส 88
สนะเปน็ ผตู้ ดั สนิ คู่ความ โดยฝ่ายมชั ฌิมาปฏปิ ทา มรรคอริยสจั เป็นฝา่ ยชนะโดยสิ้นเชงิ ฝา่ ยสมทุ ยั อรยิ สัจเปน็ ฝ่ายแพ้นอ็ กแบบหามลงเปล ไม่มที างฟน้ื ตัวตลอดอนันตกาลส้นิ สุดลงแลว้ เจา้ ตัวเกิดความอัศจรรยล์ ้นโลก อทุ านออกมาวา่ โอ้โห่ ๆ อัศจรรย์หนอๆ แต่กอ่ นธรรมน้ี อยูท่ ่ีไหนๆ มาบดั นธี้ รรมแท้ ธรรมอัศจรรย์เกินคาด(เกนิ โลก) มาเปน็ อยูท่ ี่จิต และเป็นอันหน่ึงอัน เดยี วกันกบั จิตไดอ้ ย่างไร และแตก่ ่อนพระพทุ ธเจา้ พระสงฆ์สาวกอยทู่ ่ีไหน มาบัดนี้องค์สรณะที่ แสนอศั จรรยม์ าเปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกบั จติ ดวงนไี้ ดอ้ ยา่ งไร โอโ้ ห่ ธรรมแท,้ พทุ ธะแท,้ สงั ฆะแทเ้ ปน็ อยา่ งนี้หรือ ไม่อยู่กบั ความคาดหมายดน้ เดาใดๆ ทัง้ สนิ้ แตเ่ ป็นความจรงิ ล้วนๆ อยกู่ ับความจรงิ ลว้ นๆ อย่างเดียว หลังจากน้ันก็เกิดร�ำพึงเป็นลักษณะท้อใจต่อเพ่ือนร่วมโลกร่วมทุกข์ เก่ียวกับธรรมท่ีเป็น อยูใ่ นใจว่า เมือ่ ธรรมแทเ้ ปน็ เชน่ นี้ จะนำ� ออกสอนใครให้รใู้ ห้เขา้ ใจไดอ้ ยา่ งไร อยู่คนเดียวพอถึงวนั ขนั ธ์แตกธาตสุ ลายไป ไม่เหมาะสมกวา่ การบอกกล่าวสัง่ สอนใครละหรือ พอรำ� พงึ เช่นนี้กม็ ีความรู้ ชนิดหนงึ่ ผุดขน้ึ มาวา่ พระพุทธเจา้ ทรงรเู้ ห็นธรรมอัศจรรย์น้ีเพยี งคนเดียว แตเ่ ป็นศาสดาสัง่ สอน สตั วไ์ ดต้ ง้ั สามโลกธาตุ ทำ� ไมเวลาเราสอนตนยงั สอนได้ สอนคนอน่ื จะทอ้ ใจสอนไมไ่ ดอ้ ยา่ งไร เพราะ แนวทางสอนแนวทางร้มู อี ย่มู ไิ ดป้ ดิ บังล้ลี บั พอทราบเช่นน้ี ความร้สู ึกทอ้ ใจทีจ่ ะพูดกบั เพอื่ นฝูงจงึ คอ่ ยๆ คล่ีคลายออกมา เรอ่ื งทงั้ นย้ี งั ทำ� ใหร้ ะลกึ ถงึ องคศ์ าสดาขณะตรสั รทู้ แี รก ทรงท�ำความขวนขวายนอ้ ย อดิ หนา 89 ระอาพระทัยในการที่จะน�ำธรรมอันประเสริฐในพระทัยออกส่ังสอนโลก เพราะทรงเห็นว่าเหลือ วิสัยที่จะรเู้ ห็นตามได้ ท้งั ทที่ รงปรารถนาเปน็ ศาสดาเพอ่ื ส่งั สอนโลกอยู่แลว้ เพราะเห็นว่าธรรมท่ี ทรงรู้ทรงเห็นน้ัน เป็นธรรมสุดเอื้อมหมดหวังท่ีโลกจะยอมรับนับถือและปฏิบัติเพ่ือรู้เห็นตามได้ แตเ่ มอ่ื ทรงพจิ ารณายอ้ นหลงั ถงึ ปฏปิ ทาทที่ รงด�ำเนนิ มาจนถงึ ความรแู้ จง้ กท็ ราบไดว้ า่ ไมเ่ ปน็ ธรรม ทสี่ ดุ เออ้ื มหมดหวงั ยงั จะเกดิ ประโยชนแ์ กโ่ ลกอยา่ งมหาศาลไมม่ ปี ระมาณ เพราะการสงั่ สอนตาม แนวทางของธรรมที่เคยเห็นผลมาแล้วไม่สงสัย จึงปลงพระทัยในการที่จะสั่งสอนสัตว์โลกต่อไป เราที่เป็นในลักษณะนี้เพราะเป็นธรรมไม่เคยรู้เคยเห็น และเป็นธรรมอัศจรรย์สุดส่วน เม่ือมองดู เฉพาะผลในปัจจุบัน ไม่มองสาวไปถึงเหตุที่ด�ำเนินมาจึงท�ำให้ท้อถอยปล่อยวางในการที่จะพูด สนทนากบั ใครๆ ตลอดการเทศนาวา่ การตา่ งๆ เกยี่ วกับธรรมนี้ ต่อเมื่อไดพ้ ิจารณาสาวถงึ เหตคุ อื ปฏปิ ทาเครื่องดำ� เนนิ มาแลว้ จงึ ทำ� ให้มีแกใ่ จในการท่ีจะพดู คยุ ตลอดการแสดงออกแห่งธรรมแง่ ตา่ งๆ ตามขนั้ ภมู ขิ องผมู้ าเกยี่ วขอ้ งศกึ ษาอบรมดว้ ยเรอ่ื ยมา จนกลายเปน็ อาจารยแ์ บบปลอมๆ ขน้ึ มา ดว้ ยความเสกสรรของประชาชน,พระเณรทั้งหลายดังทีเ่ ป็นอย่นู ีแ้ ล เมอื่ เป็นเชน่ นก้ี จ็ ำ� ต้องได้ พูดจาปราศรยั เทศนาวา่ การดุด่าว่ากล่าวกนั ไปตามความหนกั เบาทีค่ วรแสดง
ตอ้ งขออภยั กบั ทา่ นผฟู้ งั ,ผอู้ า่ นมากๆ ดว้ ย ทจี่ ะเรยี นแบบเถรตรงเกนิ ไปจนนา่ เกลยี ดนี้ คอื ในเวลาพระเศษเดนเท่ียวหัวซุกหัวซุนด้วยความทุกข์แสนสาหัสเพราะการฝึกทรมานตนอยู่ในป่า ในเขา ด้วยความตะเกียกตะกายโดยอาการต่างๆ แทบไปแทบอยู่ แบบไม่มีกุสลามาติกาตามส่ง เสียบา้ งเลย เพราะความทกุ ข์ทรมานรอ้ ยแปดพันประการนั้น ไม่มใี ครทราบและสนใจคิดกนั บา้ ง นอกจากคนในป่าในเขาที่ไปอาศัยเขาอยู่พอประทังชีวิตไปในวันหน่ึงๆ ที่เขาอาจพอทราบได้บ้าง เป็นบางสว่ นบางอาการ ดังนนั้ คำ� วา่ พระพุทธเจา้ ทรงบำ� เพ็ญพระองคถ์ งึ ขั้นสลบไสลกอ่ นตรสั รู้นน้ั จงึ เปน็ ธรรมที่ ผปู้ ฏิบัติเพื่ออรรถเพือ่ ธรรม เพ่อื มรรคผลนิพพานด้วยความมงุ่ มัน่ ถึงใจ ตอ้ งยอมรบั และเช่ืออย่าง ถงึ ใจไมม่ คี วามกงั ขา นอกจากผไู้ มเ่ คยปฏบิ ตั แิ ละไมส่ นใจปฏบิ ตั เิ ลย หรอื ปฏบิ ตั แิ บบเอาเสอื่ หมอน มัดติดหลังติดคอรอให้กิเลสตาย และขุดหลุมฝังศพกิเลสด้วยการนอนคอยตักตวงเอามรรคผล นิพพานอยู่ท่าเดียวเท่านั้น จะไม่ยอมเชื่อการด�ำเนินด้วยความล�ำบากของพระพุทธเจ้าแลสาวก ทงั้ หลายเลย ยิ่งสมยั น้เี ป็นสมัยคนฉลาดมาก อะไรท่ีขดั ต่อความเป็นปราชญข์ องตน แม้ส่ิงน้ันจะ ถกู จะดวี เิ ศษวโิ สเพยี งไรกไ็ มส่ นใจรบั นำ� สงิ่ ทดี่ นี น้ั เขา้ มาเทยี บเคยี งความเปน็ ปราชญข์ องตน สดุ ทา้ ย ความเป็นปราชญน์ ัน้ ก็ไมพ่ ้นจากความพาลแกต่ นและส่วนรวมจนได้ ฉะนั้น วถิ ีทางเดินของความ ตำ่� ทรามแหง่ จติ ใจกบั วถิ ที างเดนิ แหง่ ความมธี รรมในใจจงึ ตา่ งกนั มากทา่ นนกั ปฏบิ ตั ิ ตามหลกั ธรรม ท่านว่า เปน็ นกั พิจารณาใคร่ครวญทกุ แง่ทกุ มมุ ทง้ั ทางธรรมและทางโลกดว้ ยความไมป่ ระมาท ไม่ ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด อยู่ในสถานท่ีใด ควรมีสติปัญญาประคองตัวอยู่เสมอ ไม่สนใจกับความ บกพรอ่ งหรอื สมบรู ณท์ างมรรยาทความประพฤตดิ -ี ชว่ั ตลอดการใหค้ ะแนนตดั คะแนนของผใู้ ด ยงิ่ กว่าความสนใจกับความบกพร่องหรือสมบูรณ์ทางมรรยาทความประพฤติดี-ช่ัว ตลอดการให้ คะแนนหรอื ตดั คะแนนตวั เราเอง นค่ี อื ทางเดนิ ของธรรมสำ� หรบั ผปู้ ระพฤตธิ รรม มธี รรมประจำ� ตวั ถ้าตรงข้ามเป็นทางเดินฝ่ายต่�ำส�ำหรับผู้ใจต่�ำหาความเป็นธรรมเข้าแทรกมิได้ นี่เป็นค�ำเตือนท่าน นกั ปฏบิ ตั ทิ มี่ าศกึ ษาอบรมไดเ้ ขา้ ใจอยา่ งถงึ ใจโดยทว่ั กนั ธรรมทก่ี ลา่ ววนั นสี้ ว่ นมากเปน็ เรอื่ งสว่ นตวั เปน็ ธรรมไมส่ มควรนำ� ออกแสดงในทส่ี าธารณะชน ซงึ่ มคี วามรสู้ กึ ในแงห่ นกั เบาตา่ งกนั อาจมสี ว่ น เสียทางโลกวชั ชะสำ� หรับผแู้ สดง และมีสว่ นเสียทางจติ ใจของผฟู้ งั ผ้อู ่านไดเ้ ม่ือถอดเทปออกพมิ พ์ เป็นอกั ษร นอกจากฟงั ในวงเฉพาะทคี่ วรฟงั และเขา้ ใจกนั ไดด้ ีเทา่ นนั้ กณั ฑน์ จี้ งึ รู้สกึ ฝืนใจฝืนนสิ ยั ของผู้แสดงอยู่ไม่น้อย เท่าท่ีน�ำออกก็ด้วยความเห็นใจท่านผู้มาศึกษาอบรมด้วยความเป็นธรรม ขอร้องให้น�ำออก เพื่อเป็นแนวทางแก่ผู้ปฏิบัติทั้งหลายจะได้ยึดเป็นแนวปฏิบัติต่อไปตลอดกาล นาน หากผดิ พลาดประการใดจงึ ขออภยั จากทา่ นผอู้ า่ นทง้ั หลายโดยทว่ั กนั ดว้ ย โดยคดิ วา่ ทา่ นผทู้ รง ธรรมทางด้านปฏิบัติจิตตภาวนายังมีอยู่มากท้ังปัจจุบันและอนาคต ซึ่งอาจได้รับประโยชน์จาก ธรรมกณั ฑ์แหวกแนวนีบ้ า้ ง ผู้แสดงจึงทนอายในการขายความโงข่ องตนไวใ้ นกัณฑ์น้ี 90
องคห์ ลวงตา ฟังกัณฑเ์ ทศน์ “ธรรมทายาท” จากเทป Cassettte แลว้ เขียนบันทกึ ไว้บนปกเทป ดว้ ยลายมอื องคท์ ่านเอง 91
92
เทศน์อบรมพระ ณ วัดปา่ บ้านตาด วนั ท่ี ๑๒ เมษายน พุทธศกั ราช ๒๕๓๐ ความลกึ ลบั ซบั ซอ้ นของจติ วญิ ญาณ จิตวิญญาณแต่ละดวงๆ ในสัตวแ์ ต่ละประเภทแต่ละราย ๆ เปน็ ส่ิงทล่ี ้ีลบั และสลบั ซบั ซอ้ น มากทีเดียว ไม่มีใครสามารถจะค้นคิดเห็นตามความจริงของส่ิงเหล่านี้ได้ นอกจากวิชาธรรมท่ี สมั ปยตุ ดว้ ยการปฏบิ ตั ทิ ดสอบ ประหนง่ึ วา่ แยกธาตแุ ยกขนั ธด์ ว้ ยภาคปฏบิ ตั เิ ทา่ นนั้ จงึ จะสามารถ รไู้ ดเ้ ปน็ ลำ� ดบั ลำ� ดา ดงั พระพทุ ธเจา้ ทา่ นทรงรทู้ รงเหน็ ไมม่ สี งิ่ ใดปดิ บงั ลล้ี บั ได้ ในบรรดาจติ วญิ ญาณ แต่ละดวงๆ ทพี่ ระองคจ์ ะไม่ทรงทราบ ถา้ ไมม่ วี ชิ าธรรม คอื ถา้ ไมม่ ศี าสดาผทู้ รงรทู้ รงเหน็ อยา่ งรแู้ จง้ แทงทะลมุ าแลว้ สง่ิ เหลา่ นจ้ี ะ เปน็ ปญั หาปดิ บงั โลกอยตู่ ลอดไป ไมม่ จี ติ วญิ ญาณดวงใดจะเลด็ ลอดผา่ นพน้ จากตาขา่ ยของภพชาติ ทมี่ กี เิ ลสเครอื่ งแทรกหรอื บงั คบั ใจนี้ ใหห้ ลดุ พน้ ไปได้ เพราะธรรมชาตนิ เี้ ปน็ สง่ิ ทล่ี ะเอยี ดมากจรงิ ๆ จนไม่มใี ครจะพสิ ูจน์พินจิ พิจารณาโดยลำ� พงั ตนเองได้ และไม่มีแกใ่ จจะคิด ไมส่ ะดดุ ใจเลย 93
มพี ระพทุ ธเจา้ เทา่ นนั้ เปน็ พระองคแ์ รก อนั ดบั ตอ่ มากพ็ ระสาวกทไี่ ดร้ แู้ จง้ แทงทะลใุ นธรรม ท้ังหลาย ก็เท่ากับรู้แจ้งแทงทะลุกิเลสเคร่ืองปิดบังนี้ไปด้วยกัน เราลองถามดูซิว่าในโลกอันนี้น่ะ ทง้ั ๆ ท่ีความจรงิ น้นั ในจิตวิญญาณของแต่ละราย ๆ เปน็ นักท่องเท่ียวท่ีสลบั ซบั ซอ้ นมากทสี่ ุด ไมม่ ี อะไรเกินดวงวิญญาณที่สับเปลี่ยนวนเวียนเกิดตาย กอไผ่กอหน่ึง ๆ น้ันรากของมันสลับซับซ้อน มากขนาดไหน ทรี่ ากหนาทสี่ ดุ กค็ อื กอไผ่ ถา้ เรานำ� มาเทยี บจติ วญิ ญาณแตล่ ะดวงนนั้ ดวงหนง่ึ ทส่ี รา้ งความ เกิดแก่เจ็บตายในภพน้อยภพใหญ่ สลับซับซ้อนวกไปเวียนมานั้น มากย่ิงกว่ารากไผ่ในกอไผ่กอ หนงึ่ ๆ เปน็ ไหนๆ เพราะเกดิ แลว้ ตายเลา่ ๆ มานกี้ กี่ ปั กกี่ ลั ปแ์ ลว้ จงึ ไมส่ ามารถทจ่ี ะนบั ได้ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นว่า อเนกชาตสิ สํ ารํ นนั้ มีชาตเิ ป็นอเนก เราฟังซิ ถ้าหากไมม่ ธี รรมะมาเปน็ เครอ่ื งสกดั ตัดตอน ออก ปล่อยให้จิตวิญญาณดวงน้ีถูกกิเลสผลักไสเกิดแล้วตายเล่าอยู่อย่างน้ี จะมากมูนที่สุดหา ประมาณไม่ไดเ้ ลย ทว่ี า่ รากกอไผแ่ ตล่ ะกอๆ สบั สนขนาดไหนนนั้ นห่ี มายถงึ หลายกอหลายราก เมอ่ื เทยี บแลว้ ยงั สจู้ ติ วญิ ญาณของแตล่ ะดวงทส่ี รา้ งความสบั สนใสต่ วั เอง เพราะอ�ำนาจของกเิ ลสเพยี งอนั เดยี วน้ี เท่านัน้ ยงั มากยง่ิ กวา่ กอไผ่กอหน่งึ ๆ เปน็ ไหนๆ เพราะสร้างมากีก่ ัปก่ีกัลป์แลว้ และยงั จะเปน็ ต่อ ไปอีกไมม่ ีประมาณ ถา้ ไมม่ ธี รรมเปน็ เคร่อื งตดั ฟันให้ขาดจากภพจากชาติเสยี แลว้ อยา่ งไรจะไมม่ ี ทางยุติไดใ้ นการสร้างภพสรา้ งชาติ นบั แล้วนบั เลา่ ยิ่งกวา่ รากไผเ่ ปน็ ไหนๆ เสยี อีก ที่ธรรมท่านกล่าวไว้ว่าความมืดด�ำของสัตว์ ก็คือความมืดด�ำในเร่ืองภพชาติความเป็นมา ของตวั เองนนั่ แล ไมม่ ใี ครจะสามารถทราบได้ กเิ ลสตวั สรา้ งภพชาตนิ จี้ งึ สนกุ สรา้ งภพชาตโิ ดยถา่ ย เดียว ไมม่ คี �ำว่าตัดภพตัดชาตใิ หแ้ กส่ ตั วท์ ้งั หลาย ถ้าธรรมไม่มเี ลยสตั ว์ทง้ั หลายก็ไมม่ ีทาง จะเปน็ อยา่ งนไ้ี ปตลอดไมม่ เี ง่อื นตน้ เง่อื นปลาย ไม่มคี ำ� วา่ หนึ่ง สอง สาม คอื นบั ไมไ่ ด้ ถงึ ขนาดน้ัน พระพทุ ธเจา้ ทา่ นมาตรสั รแู้ ตล่ ะพระองคๆ์ กค็ อื มาเปดิ ชอ่ งเปดิ ทางใหส้ ตั วท์ ง้ั หลาย ผทู้ เี่ คย สรา้ งความดไี วด้ ว้ ยอรรถดว้ ยธรรมของพระพทุ ธเจา้ แตล่ ะพระองคๆ์ นน้ั ใหไ้ ดส้ รา้ งความดเี พมิ่ ขน้ึ และเปิดทางให้ได้หลุดพ้นไปดังพระอรหันต์ท่าน น่ีเป็นผู้แน่นอนแล้วว่าหลุดพ้นได้โดยสิ้นเชิง นอกจากน้ันพระอริยบุคคลต้ังแต่ขั้นต่�ำข้ึนมา นี่เป็นความแน่นอนในภพชาติ อย่างมากเพียง ๗ ชาตเิ ท่านน้ั กย็ ตุ ิลงได้ หมดปัญหาในการเกิดแก่เจ็บตาย ไม่มีอกี แล้วตลอดกาลไหนๆ ผู้ทสี่ รา้ งความดีไว้กเ็ หมือนต้นไม้ที่ไดร้ ับการบ�ำรงุ จากปยุ๋ ท้งั หลาย ยอ่ มเจรญิ เตบิ โตข้นึ มา จติ ใจทม่ี คี วามดเี ป็นเครื่องอุดหนนุ หรอื สนับสนุนหล่อเลีย้ ง กเ็ ปน็ จติ ใจทจ่ี ะแนน่ อนต่อความหลดุ 94 พน้ ของตน นล่ี ะการมธี รรม กค็ อื การสรา้ งความหมาย การสรา้ งธรรมชาตทิ คี่ วรยตุ ไิ ดใ้ หแ้ กส่ ตั วท์ งั้ หลาย
ภพชาตินี้ได้ส้ันหรือลดลงมาโดยล�ำดับ จนกระทั่งถึงผ่านพ้นไปได้ ถ้าไม่มีธรรมเลยก็ไม่มี ทางออกเลย ในจติ วญิ ญาณนเ้ี ราไมจ่ ำ� เปน็ จะตอ้ งไปพรรณนาถงึ เรอื่ งพระพทุ ธและพระอรหนั ตท์ ง้ั หลาย โดยถา่ ยเดยี ว โดยท่ีมองข้ามหัวใจตนเองซ่งึ เคยเปน็ อย่างนั้นมาแลว้ การที่จะให้ทราบเรือ่ งเหลา่ นี้ อยา่ งชดั เจน กค็ อื การปฏบิ ตั ติ ามหลกั ธรรมของพระพทุ ธเจา้ ทท่ี รงพาดำ� เนนิ มาแลว้ และสงั่ สอนไว้ แลว้ นี้เปน็ ลำ� ดับไป ท่เี รยี กว่า สาวโก ผสู้ ดบั ตรบั ฟงั แลว้ พยายามแกะไปตามรอ่ งรอยแห่งศาสดา ท่วี างไว้แลว้ นั้น กจ็ ะถึงฝั่งแห่งความพน้ ทกุ ขโ์ ดยไม่ตอ้ งสงสยั ในกาลใดกาลหนง่ึ จนได้ ย้อนเขา้ มาถึงตวั ของเราเองในการปฏบิ ตั ิ จะไมส่ งสัยเม่อื ถงึ ขน้ั ของจิตทจี่ ะไม่สงสัยตนเอง แล้ว ย่อมจะรู้ชัดเจนไปโดยล�ำดับ และสามารถท่ีจะตีแผ่ไปถึงจิตวิญญาณท้ังหลายได้โดยไม่ต้อง สงสัยเช่นเดียวกัน เพราะสภาพสิ่งท่ีแวดล้อมหรือปิดบังน้ันเหมือนกัน และจะเบาบางลงไปด้วย การปฏิบตั ิ กำ� จัดสง่ิ ทห่ี นาแนน่ ปิดบังท้ังหลายนอี้ อกไปไดโ้ ดยล�ำดับ เมื่อธรรมชาติท่ีปิดบังนี้ค่อยจางออกไปๆ จากจิตใจ ในขณะเดียวกันจิตใจก็จะเริ่มทราบ เรื่องของตัวเอง ทราบเรื่องสิ่งเก่ียวข้องพัวพันไปได้โดยล�ำดับ และสามารถท่ีจะก�ำจัดออกได้โดย สนิ้ เชงิ ไมม่ สี ง่ิ ใดเหลอื อยภู่ ายในใจนแ้ี ลว้ ในบรรดาเชอ้ื ทจ่ี ะพาใหว้ กเวยี นเกดิ ตายอยอู่ ยา่ งทเี่ คยเปน็ มาน้ัน เป็นใจที่บรสิ ุทธห์ิ ลุดพน้ ด้วย สนทฺ ิฏฐฺ ิโก ของผู้ปฏบิ ัติ จะพงึ รู้เองเห็นเองโดยไม่ตอ้ งไปถาม ผู้หนึง่ ผูใ้ ดเลย แมพ้ ระศาสดาประทับอยู่ตรงหน้ากไ็ ม่ทูลถามทา่ น เพราะความชดั เจนนนั้ พระพุทธเจ้าชัดเจนในพระองค์ฉันใด เราผู้ตัดกิเลสให้ขาดสะบ้ันจากจิตใจของเราเอง ก็ ชัดเจนในตัวเองฉันนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นบรรดาพระสาวกท้ังหลายท่ีได้บรรลุธรรมแล้ว จึง ไม่ปรากฏวา่ พระสาวกองค์ใดเกดิ ความสงสัย แล้วไปทลู ถามความบรรลุของตน ไม่มเี ลย นั่น เพราะความรู้แจ้งเห็นชัดในหัวใจของผู้ปฏิบัตินั้น มีน�้ำหนักเท่ากันกับความรู้แจ้งของ พระองค์ และพระองคท์ รงทราบพระองคโ์ ดยเดน่ ชดั มนี ำ้� หนกั เทา่ กนั เพราะฉะนน้ั จติ ดวงทบี่ รสิ ทุ ธ์ิ เต็มท่ีแล้วนี้ จึงสามารถตีแผ่กระจายไปในบรรดาจิตท้ังหลายที่ยังไม่บริสุทธ์ิ และท่ีวกเวียน เปลย่ี นแปลงเกดิ ตายสบั สนปนเปในภพนอ้ ยภพใหญ่ ไมท่ ราบกภ่ี พกช่ี าตกิ ภ่ี มู ิ ทสี่ ามารถรแู้ จง้ แทง ทะลุไปโดยตลอดท่ัวถงึ ไม่สงสัย เพราะเราเปน็ ผ้ทู ี่ผ่านมาแล้วทัง้ นน้ั ส่ิงทีผ่ ่านมาท้งั หมดนปี้ รากฏ อยูก่ บั ใจ ปรากฏอยู่กบั ความรขู้ องเราผู้ปฏิบัติ เหน็ ไดอ้ ย่างชดั เจน เม่อื เราได้เหน็ อยา่ งชดั เจนภายในจิตใจของเราแลว้ เราจะปฏเิ สธสตั วท์ ัง้ หลายว่าไมเ่ กิดไม่ ตาย ไม่เปลี่ยนภพเปลย่ี นภมู ิไดอ้ ยา่ งไร ความเปลยี่ นภพเปลยี่ นภมู นิ นั้ เปน็ ส่งิ เคลอื บแฝงอยกู่ ับใจ 95
ไมใ่ ชใ่ จแท้ เพราะฉะนนั้ สิง่ เหล่านีจ้ งึ เคลือบแฝงได้ เชน่ เดยี วกบั ผา้ ของเราทย่ี อ้ มดว้ ยสีตา่ งๆ เช่น นัน้ จิตใจจึงมคี วามเปล่ยี นแปลงไปไดใ้ นภพนอ้ ยภพใหญ่สูงๆ ต�่ำๆ ลมุ่ ๆ ดอนๆ ดว้ ยเหตนุ บี้ รรดาภพใดภมู ใิ ด จงึ ไมว่ า่ งจากสตั วท์ งั้ หลายทจี่ ะไปเกดิ ไปถอื ปฏสิ นธใิ นภพภมู ิ นนั้ ๆ เพราะอำ� นาจแหง่ กรรมของตนหมนุ ไปเอง ตวั ของเราสรา้ งเอง แลว้ มีสงิ่ ผลกั ดันใหพ้ าสรา้ ง กรรม ใหพ้ าเกดิ คอื กเิ ลสตวั ทลี่ ะเอยี ดแหลมคมทส่ี ดุ ไดแ้ กอ่ วชิ ชา นเี่ ปน็ เชอ้ื ของจติ ทจี่ ะใหเ้ กดิ ตาย โดยไม่ต้องสงสัย ผู้ปฏิบัติเท่าน้ันท่ีจะทราบเชื้อของจิตอันนี้ได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจนไม่สงสัย เช่นเดียวกับ พระพทุ ธเจา้ ไมท่ รงสงสยั ในพระองค์ แลว้ ประกาศสอนธรรมใหโ้ ลกทงั้ หลายไดท้ ราบ ตามความจรงิ ทเ่ี ปิดเผยขน้ึ แล้วในพระทยั เราเองผูป้ ฏบิ ัติก็เปน็ เชน่ น้นั ไมส่ งสยั ในความเป็นของตน ไม่สงสยั ใน ความเป็นมาของตน และไม่สงสัยในความทจ่ี ะเป็นไปอีกตอ่ ไป เพราะขณะนี้ได้ขาดสะบ้นั ไปหมด แลว้ ไม่มีเง่ือนต่อทีจ่ ะให้เกิดภพเกดิ ชาติดงั ทเี่ คยเป็นมาแล้ว ประจักษก์ ับใจไมส่ งสยั การทแ่ี สดงออกดว้ ยความรคู้ วามเหน็ อยา่ งจรงิ จงั ไมส่ งสยั จะสะทกสะทา้ นทตี่ รงไหน ไมม่ ี คำ� ว่าสะทกสะทา้ น ไม่มีคำ� ว่าลูบๆ คลำ� ๆ เพราะเป็นสิ่งท่ผี า่ นความรู้น้มี าแลว้ ดว้ ยกนั ท้ังนนั้ ไม่วา่ จะเป็นเรือ่ งใดก็ตาม ความรู้น้ีเปน็ ธรรมชาตทิ ตี่ อ้ งยอมรับว่ารู้ รไู้ ปตลอด เปน็ แตเ่ พยี งว่ารู้ในระยะ หน่งึ เป็นรู้ท่ีสบั ปนไปด้วยส่งิ จอมปลอมทง้ั หลาย รใู้ นระยะสดุ ท้ายเป็นความรทู้ ่ีบริสทุ ธิ์ สามารถท่ี จะแทงทะลุปรุโปรง่ ไปไดอ้ ยา่ งไมถ่ ามผู้ใด 96
น่ีละพระพุทธเจ้าทรงประกาศธรรมสอนโลก พระองค์ทรงถือพระทัยของพระองค์เองนี้ เป็นพนื้ เป็นฐาน เป็นเรอ่ื งเปน็ ราว เป็นภพเปน็ ชาติ สบั เปลย่ี นวกเวยี นเกิดแกเ่ จบ็ ตายในภพน้อย ภพใหญ่ พระองคถ์ อื เรอ่ื งของพระองคน์ ท้ี ส่ี มบรู ณแ์ ลว้ กบั สง่ิ ทง้ั หลายทเี่ คยเปน็ มานน้ั ออกสงั่ สอน โลก เพราะจิตใจของโลกมีธรรมชาติอย่างเดียวกันน้ีทั้งนั้นเป็นเคร่ืองปกปิดก�ำบัง และพาให้เกิด แกเ่ จบ็ ตาย ทกุ ขม์ ากทกุ ขน์ อ้ ยเรอื่ ยมา เมอ่ื เปน็ เชน่ นนั้ พระองคจ์ ะสงสยั ทต่ี รงไหน สงั่ สอนโลกดว้ ย ความรู้แลว้ จงึ สั่งสอน เหน็ แลว้ จงึ สอน จะลบู คล�ำไปที่ไหน ส่งิ ทรี่ นู้ ั้นเปน็ ของจรงิ เห็นแล้วร้แู ลว้ ประจักษ์ สิ่งท่ีควรละกล็ ะแลว้ สิง่ ท่ีควรบ�ำเพ็ญก็บำ� เพญ็ ใหเ้ ตม็ พระทยั แล้ว สงสัยที่ตรงไหน การสอนโลกดว้ ยความไม่สงสัย สอนโลกด้วยโลกวิทู รู้แจง้ ทงั้ โลกนอกโลกในตลอดทว่ั ถึง จนกระท่งั ถงึ วมิ ตุ ติหลุดพน้ จะเอาความสงสัยมาจากไหน ไม่สงสัย การไมส่ งสยั สอนออกมาดว้ ย ความไม่สงสัยจึงมีน�้ำหนักมากทีเดียว ด้วยเหตุน้ีบรรดาผู้ที่ต้องการความจริงอยู่แล้ว เช่น พวก อคุ ฆฏติ ญั ญู วปิ จติ ญั ญู ซงึ่ พรอ้ มแลว้ ทจี่ ะรทู้ จ่ี ะเหน็ ธรรมทงั้ หลาย พรอ้ มแลว้ ทจ่ี ะหลดุ พน้ จากทกุ ข์ เมอื่ ไดฟ้ ังธรรมของจรงิ ท่พี ระองคแ์ สดงออกอย่างเปดิ เผย ด้วยความจริงเตม็ ส่วนจากพระทัยแลว้ ผทู้ ต่ี อ้ งการความจรงิ ทงั้ หลายอยา่ งเตม็ หวั ใจอยแู่ ลว้ ยอ่ มรบั ไดเ้ ตม็ หวั อก และสลดั ปดั ทง้ิ สง่ิ ทเ่ี ปน็ ข้าศกึ อย่างสุดเหวี่ยง แลว้ กห็ ลุดพน้ ไปได้ น่ีละธรรมของพระพุทธเจา้ เปน็ อย่างนี้ ธรรมน้ีแลเป็นเครื่องท่ีจะก�ำจัดปัดเป่า หรือตัดฟันส่ิงท่ีเคยเป็นเชื้ออยู่ภายใน ให้สัตว์ ทั้งหลายได้รับความทุกข์ทรมาน พาเกิดแก่เจ็บตายในภพนั้นภพนี้สูง ๆ ต�่ำ ๆ ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เมอ่ื ธรรมไดท้ ะลอุ อกไปหมดแลว้ สงิ่ เหลา่ นก้ี ห็ มดไมม่ สี ง่ิ ใดเหลอื อยเู่ ลย นลี่ ะพระพทุ ธเจา้ ทา่ นทรง สอนโลกท่านสอนอยา่ งนี้ ผทู้ ตี่ อ้ งการของจรงิ อยแู่ ลว้ กร็ บั อยา่ งเตม็ หวั ใจ และรตู้ ามลำ� ดบั ลำ� ดา ไมม่ สี งิ่ ใดทจี่ ะปดิ บงั ลล้ี บั ความรอู้ นั น้ีได้ เพราะความรูก้ ็รจู้ รงิ ๆ สง่ิ ท่ีมใี ห้ความร้รู ับทราบกันสัมผัสกันกม็ จี ริงๆ จึงไม่มี อนั ใดเปน็ โมฆะ เช่น บาปมี บญุ มี นรกมี กเิ ลสมี พูดง่ายๆ ขน้ึ กเิ ลสมีก่อน เมือ่ กิเลสมีในหัวใจมัน จะพาให้ไปท่ีไหนบ้างเป็นไปได้ท้ังน้ัน อ�ำนาจของกิเลสไม่มีสิ่งใดปิดบังได้ ไม่มีสิ่งใดหักห้ามได้ นอกจากธรรมเทา่ นั้น ทก่ี เิ ลสจะพาไปไม่ไดไ้ มม่ ี เอา สรา้ งความชวั่ สรา้ งลงไป ทคี่ วามชวั่ จะพาไปไมไ่ ดน้ ไี้ มม่ ี ใครจะอวดดอี วดเกง่ ขนาดไหน กต็ ามเถอะ อยา่ งไรกไ็ มพ่ น้ ทจ่ี ะถกู ความชว่ั นผี้ ลกั ลงในสง่ิ ทไ่ี มพ่ งึ ปรารถนา มากนอ้ ยหนกั เบาตาม กำ� ลงั แหง่ ความชวั่ ทตี่ นสรา้ งมานน้ั โดยไมต่ อ้ งสงสยั ความดกี เ็ ชน่ เดยี วกนั มอี ำ� นาจไปคนละทศิ ละทาง อ�ำนาจความดีก็เสริมให้ไปดีโดยถ่ายเดียวเท่านั้น อ�ำนาจแห่งทางช่ัวก็กดลงไปให้สู่ชั่ว โดยถ่ายเดียว 97
ส่ิงเหล่าน้ีเป็นของมีได้ เพราะธรรมชาติท่ีจะให้สร้างบาปสร้างกรรมคือการกระท�ำ การกระทำ� ท่เี รียกว่ากรรมน้มี ีอยใู่ นหวั ใจ ทา่ นจึงวา่ กิเลสเป็นสาเหตใุ หส้ ัตว์ท้ังหลายท�ำกรรม น่ัน ทา่ นบอกไวแ้ ลว้ อยา่ งชดั เจน มกี เิ ลสนเ้ี ทา่ นนั้ ทจี่ ะผลกั ดนั ใหส้ ตั วท์ ง้ั หลายไดท้ ำ� กรรม เมอื่ ทำ� กรรม แลว้ ยอ่ มจะตอ้ งไดร้ บั ผลของกรรมโดยไมต่ อ้ งสงสยั และวกเวยี นกนั ไปกนั มาอยอู่ ยา่ งนไ้ี มส่ นิ้ ไมส่ ดุ พอกรรมน้ีจะหมดกรรมนนั้ ตัวกส็ ร้างขึน้ มาอกี แลว้ ต่อกนั ไปเร่อื ย ๆ เป็นลกู โซ่ ตวั เองเป็นผูส้ ร้าง กรรมมามากนอ้ ย ตวั เองนน้ั แลไมส่ ามารถทจ่ี ะนบั อา่ นกรรมของตนมากนอ้ ยได้ เพราะมากตอ่ มาก สิง่ เหลา่ นเี้ ปน็ ของมีอย่เู ป็นอยู่ เหตุใดพระพทุ ธเจ้าจะทรงทราบไม่ได้ นีท่ รงทราบต้นเหตุท่ี จะให้สตั ว์ทำ� กรรมน้ี แลว้ ก็ทรงทราบเร่ืองกรรมของสตั ว์ และผลแหง่ กรรมทพ่ี าสัตว์ใหไ้ ปเกดิ ในที่ ตา่ งๆ โดยหาประมาณไมไ่ ดอ้ ยา่ งชดั เจนในพระทยั แลว้ จงึ สอนโลกอยา่ งองอาจกลา้ หาญ ไมว่ า่ ภพ ใดภมู ิใดท่ีความรู้ของพระพุทธเจา้ จะไม่หยงั่ ถงึ นนั้ ไมม่ ี ไม่สดุ วสิ ยั ของพระพทุ ธเจ้า อยใู่ นวสิ ัยของ ศาสดาเอก ท่จี ะทรงทราบตามส่ิงที่มอี ยูท่ ้ังหลายนั้น ไมม่ ีอันใดปดิ บงั ได้ นีล้ ะพระพทุ ธเจา้ ทรงน�ำธรรมมาสอนโลก นำ� มาจากความจริงทท่ี รงสัมผสั สมั พนั ธ์แลว้ ทง้ั ดที งั้ ชว่ั ทงั้ สถานทอี่ ยแู่ ละทงั้ ของความดคี วามชว่ั ของคนดคี นชว่ั บาปบญุ เปน็ สงิ่ ทจี่ ะผลกั ดนั เปน็ ส่ิงท่ีจะหนุนให้ไป และย้อนหลังมาจากน้ันก็คือกิเลสเป็นธรรมชาติที่ให้สัตว์สร้างกรรม นี่แหละ หมุนกนั ไปอยา่ งน้ี จึงทรงทราบทุกสงิ่ ทุกอย่าง คำ� วา่ พระสพั พัญญรู ู้ตลอดท่วั ถึง ในบรรดาสงิ่ ท่ีมี ในโลกสมมตุ ิท้งั หลายนที้ รงทราบ แล้วทรงนำ� สงิ่ ทีท่ ราบน้ันมาสั่งสอนโลกทัง้ ฝ่ายดีฝา่ ยช่วั สัตว์ผู้ ที่คอยที่จะรับความจริงทั้งดีท้ังชั่วอยู่แล้วย่อมจะถึงใจทันที และพอใจละพอใจบ�ำเพ็ญเต็มหัวใจ ด้วยกนั นีล่ ะท่ีหลุดพน้ ไปได้เพราะเหตุนี้ ท่นี ่ีผ้ปู ฏิบัติเม่อื ถงึ ข้ันที่หยงั่ ทราบโดยลำ� พงั ตนเองแล้วกป็ ิดไมอ่ ยู่ ตามก�ำลงั ความสามารถ ทเ่ี รยี กวา่ สามญั วสิ ยั หรอื สาวกวสิ ยั พทุ ธวสิ ยั วสิ ยั ของพระพทุ ธเจา้ นนั้ ยกไวเ้ สยี เพราะภมู ขิ องศาสดา ทนี ภ้ี มู สิ าวกวสิ ยั ภมู ขิ องสาวกกส็ ดุ เหวย่ี งของทา่ นเหมอื นกนั แตล่ ะองค์ ๆ มคี วามสามารถแกก่ ลา้ ที่จะรู้ในสิ่งท้ังหลาย เต็มสติก�ำลังความสามารถวาสนาของตน และสุดท้ายก็ได้ความจริงมาพูด อย่างเต็มปากหรือเต็มหัวใจ รู้เต็มหัวใจเช่นเดียวกัน สาวกก็เต็มหัวใจสาวก พระพุทธเจ้าก็เต็ม พระทยั ของพระพทุ ธเจา้ ในบรรดาทที่ รงรแู้ ละรสู้ งิ่ ทง้ั หลายซงึ่ มอี ยใู่ นแดนโลกธาตนุ ้ี ปดิ บงั ลลี้ บั ไม่ ได้ แนะ่ ทา่ นนำ� สิ่งท่เี ปน็ อยูภ่ ายในจิตใจ และสง่ิ ท่ใี จสัมผัสนแ้ี ลออกมาส่งั สอนโลก ทา่ นจะอุตริมา จากทีไ่ หน เราอยากทราบชัดเร่ืองความจริงของพระพุทธเจา้ วา่ ทรงสงั่ สอนโลกไมม่ ีอันใดอตุ รหิ ลอก ลวงโลกเช่นเดยี วกบั กเิ ลสอะไรเลยอย่างนี้ ให้เราดูหวั ใจของเรา ปฏิบตั ิใจของเราให้เปิดเผยออกซิ เมอื่ เปดิ เผยออกแลว้ สง่ิ ทแี่ ตก่ อ่ นเราไมร่ มู้ นั รไู้ ดน้ ี่ กเ็ หมอื นอยา่ งเวลาเราหลบั ตาอยนู่ ี้ มอี ะไรเราไม่ เหน็ เมอื่ หลบั ตาแลว้ ไมว่ า่ วตั ถหุ ยาบละเอยี ดขนาดไหนมองไมเ่ หน็ ทง้ั นน้ั ใหญโ่ ตยง่ิ กวา่ ภเู ขากม็ อง 98
ไมเ่ หน็ เพราะหลบั ตา แตล่ มื ตาออกดซู เิ ปน็ ยงั ไง วสิ ยั ของตาทจี่ ะรจู้ ะเหน็ สง่ิ ใดแลว้ ปดิ ไมอ่ ยู่ สามารถ ที่จะรไู้ ด้ตลอดทวั่ ถงึ ตามกำ� ลังแห่งความสามารถของตาของหตู นนั่นแหละ นก่ี เ็ หมือนกันเช่นนน้ั เมื่อถึงภมู ทิ ี่จิตใจจะรูแ้ ล้วตอ้ งรู้ ในขณะท่ีมสี ง่ิ ปกปดิ กำ� บังเชน่ เดียว กับเราหลบั ตานัน้ ก็หมายถึงกิเลสอวชิ ชาน่ันแลมันปิดหวั ใจไว้ สิ่งที่มีอยมู่ ันกไ็ ม่ให้เห็นไม่ให้รู้ แนะ่ สิง่ ทค่ี วรจะท�ำมันไมใ่ ห้ท�ำ สง่ิ ทีค่ วรจะอยากมนั ไม่ให้อยาก แตส่ ิง่ ไม่ควรอยากมันใหอ้ ยาก ทีนเี้ รา มอี ำ� นาจนอ้ ยกวา่ มนั เรากเ็ หมอื นกบั สตั วต์ ัวหนง่ึ ถกู จงู กนั ไปอยา่ งนน้ั แหละ จงู ไปจนจมกู ขาดกย็ งั ไมร่ ้วู ่าตนว่าได้ถกู จูง น่ีท่านจงึ เรียกว่าโง่ โง่อย่างนี้เอง เพราะเหตุไร เพราะพระพทุ ธเจ้าก็ดี พระ อรหนั ต์กด็ ี เมอ่ื ถึงขัน้ รแู้ ลว้ ท่านไม่ได้โงเ่ ลย กเิ ลสจะละเอยี ดขนาดไหนท่านสามารถรู้ได้หมด และ ละได้โดยสิ้นเชงิ ไมม่ เี หลอื สังหารใหแ้ หลกไปหมดจากใจ แตก่ อ่ นใจนเี้ ปน็ ทเี่ หยยี บยำ�่ ทำ� ลาย ทขี่ บั ทถี่ า่ ยของกเิ ลสทกุ ประเภท แตเ่ วลาไดส้ รา้ งธรรม ขน้ึ มาโดยลำ� ดบั ลำ� ดาไมท่ อ้ ถอยแลว้ ธรรมมกี �ำลงั มากกส็ ามารถสงั หารสง่ิ เหลา่ นอี้ อกจนไมม่ เี หลอื ภายในจติ ใจแลว้ ใจกส็ วา่ งโรไ่ ปหมด สง่ิ ทไ่ี มเ่ คยรกู้ ร็ ู้ สงิ่ ไมเ่ คยเหน็ กเ็ หน็ ขนึ้ ทน่ี ่ี เชน่ เดยี วกบั เราเปดิ หเู ปิดตาขึ้นมา ทำ� ไมไม่ใช่คนตาบอดหหู นวก อยู่ในวิสัยท่จี ะรจู้ ะเหน็ แท้ ๆ ทำ� ไมจะไม่เหน็ โลกเรา นำ� ใช้กนั มาตลอดทกุ รูปทกุ นาม ด้วยตาด้วยหูทีม่ ีอยูเ่ หน็ อยู่ ไม่ใชค่ นตาบอดพอจะไม่เหน็ นคี่ วามรภู้ ายในจติ ใจทจี่ ะสอ่ งมองทะลใุ นสงิ่ ทง้ั หลายซง่ึ ควรแกว่ สิ ยั ของตน ตอ้ งรตู้ อ้ งเหน็ ปดิ ไมอ่ ยู่ นลี่ ะเปน็ เครอื่ งกระจายถงึ องคศ์ าสดา พระสาวกไมย่ อมแตเ่ พยี งความบรสิ ทุ ธอิ์ ยา่ งเดยี ว ยังยอมสิ่งทั้งหลายที่เก่ียวข้องกับจิตที่จะสัมผัสสัมพันธ์รู้เห็นกันได้ เช่น นรก บาปบุญ คุณโทษ สวรรค์ พรหมโลก นพิ พาน ปิดไดย้ งั ไง ใจดวงนจี้ ะไมร่ ใู้ จดวงน้ีจะไม่เห็น ปิดได้ยังไง 99
ท่นี ผ่ี ูท้ ีไ่ ม่รู้ไม่เห็นท�ำยังไงมนั ก็ไม่เห็น มนั หลบั ตาอยูน่ ีจ่ ะวา่ ไง บอกวา่ นีน่ ะ่ ๆ มนั ก็ไมเ่ หน็ เหมอื นกบั เราบอกคนตาบอด บอกวา่ นนี่ ะ่ สแี สงเปน็ อยา่ งน้ี วตั ถนุ เี้ ปน็ อยา่ งนม้ี นั กไ็ มเ่ หน็ บอกคน หูหนวกมันก็ไม่ได้ยินอีกเหมือนกัน ถึงระยะมันบอดถึงระยะมันหนวกเวลาหลับตาเอาไว้มันก็ไม่ เหน็ เมอ่ื ถงึ ขนั้ มนั เปดิ เผยแล้วปดิ ไม่อยู่ ท่านจึงเรยี กวา่ โลกวิทู รแู้ จง้ โลกนอกโลกใน ไม่ว่าเพียง ศาสดาพระองคเ์ ดียวเทา่ น้นั จะร้จู ะเหน็ ว่าเปน็ โลกวิทู สาวกทั้งหลายท่านมีความสามารถตามภมู ิ ของท่านเช่นเดียวกัน ท่ีจะรู้โลกนอกโลกในตลอดท่ัวถึง ตามอุปนิสัยความสามารถของตนปิดไม่ อยู่ เมอื่ ถึงขัน้ จะรู้แลว้ เปน็ เช่นนั้น เหมือนอย่างว่ากิเลสเต็มหัวใจ เม่ือถึงข้ันสังหารกิเลสจนเกลี้ยงภายในจิตใจแล้ว จะเอา อะไรมามใี นใจ นัน่ ใจของพระพทุ ธเจ้าบรสิ ุทธๆิ์ อย่างไร มองดหู วั ใจเจา้ ของบรสิ ุทธิ์อย่างไรกอ็ นั เดยี วกัน ยอมรับกนั ทนั ทๆี เลย น่ัน นลี่ ะธรรมของจรงิ เป็นอยา่ งน้ี แต่จะต้องมาทราบกนั ที่ภาค ปฏิบัติ เพียงแต่ได้ยนิ ได้ฟังหรือไดอ้ า่ นต�ำรบั ตำ� ราเฉย ๆ เราไม่ได้พสิ จู นด์ ว้ ยภาคปฏบิ ัติกเ็ ปน็ เพยี ง ความบอกเล่า เป็นเพียงความจ�ำ แม้จะเช่ือก็เชื่อด้วยความส�ำคัญ เช่ือด้วยสัญญา เชื่อด้วยจาก ความบอกเลา่ ไมไ่ ดเ้ ชอ่ื ดว้ ยความเหน็ จริง ไดย้ นิ จริง สัมผัสสัมพันธ์จริง ๆ ด้วยตัวของเราเอง ถ้าลงไดส้ ัมผสั สมั พันธด์ ้วยตัวของเราแล้ว ไม่ว่าจะสมั ผัสทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิน้ ทางกาย ทางใจ ตอ้ งรูห้ มด เม่อื ไดส้ มั ผัสแลว้ ปฏิเสธไม่ได้วา่ สงิ่ นั้นไมม่ ี สิง่ นั้นมีรูปลกั ษณะอยา่ งไร สมั ผสั สมั พนั ธก์ นั แลว้ มคี วามสขุ ความทกุ ขล์ ะเอยี ดหยาบตา่ งกนั อยา่ งไร ใจจะเปน็ ผบู้ อกจากความ สมั ผสั นน้ั ๆ โดยไมต่ อ้ งสงสยั นลี่ ะสาวกทง้ั หลายยอมรบั พระพทุ ธเจา้ ยอมรบั อยา่ งนี้ ดว้ ยภาคปฏบิ ตั ิ ถ้าปฏิบัติแล้วก็ต้องได้เห็น ถ้าปฏิบัติแบบเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่แบบหลับหูหลับตากินแล้ว นอนกอนแล้วนิน ไม่สนใจกับอะไร มแี ต่ชอ่ื แต่นามว่าปฏบิ ัติเทา่ น้นั ไมเ่ ป็นท่า เพราะไมข่ ้นึ อย่กู บั คำ� เสกสรรปน้ั ยอเอาเฉยๆ การปฏบิ ตั ติ อ้ งขน้ึ อยกู่ บั การปฏบิ ตั จิ รงิ นล่ี ะสว่ นสำ� คญั อยทู่ ตี่ รงน้ี ธรรมะ ของพระพุทธเจา้ นนั้ น่ะสด ๆ รอ้ น ๆ ไม่ได้มคี ำ� วา่ อดีตอนาคต ไมม่ คี �ำว่าไกล ทา่ นจึงเรยี กว่า อกา ลโิ ก เปน็ ของมอี ยแู่ ลว้ ขอใหป้ รบั ธรรมชาตทิ คี่ วรจะรใู้ นสง่ิ ทม่ี อี ยแู่ ลว้ นน้ั ใหพ้ อเหมาะพอควรทจ่ี ะ พงึ ทราบกนั เปน็ ลำ� ดบั ลำ� ดาเถดิ จะทราบไปโดยลำ� ดบั ลำ� ดา จนกระทง่ั ทราบโดยตลอดทว่ั ถงึ ทราบ เตม็ หวั ใจไมม่ อี ะไรจะสงสยั เลย ทา่ นจงึ ไมเ่ รยี กวา่ สภาพทง้ั หลายเปน็ ของไกลเปน็ ของใกล้ มอี ยไู่ กล มีอยลู่ ึก จิตหยง่ั ไมถ่ ึงอยา่ งน้ีไมม่ ี จติ เปน็ ธรรมชาตไิ มม่ กี าลสถานทเ่ี วลำ่� เวลา เปน็ ธรรมชาตทิ ร่ี อู้ ยตู่ ลอดเวลาฉนั ใด สภาพทง้ั หลายซ่ึงเปน็ ของมีอยตู่ ลอดเวลา เมอื่ เปิดใจออกรบั กนั แล้วทำ� ไมจะรู้จะเหน็ ไม่ได้ วา่ ใจจะหยงั่ ไม่ ถึงมที ไี่ หน อะไรจะละเอียดแหลมคมยงิ่ กว่าใจ ขอให้ปรับใจให้ถึงเถดิ ไมเ่ คยรกู้ ็รู้ ไม่เคยเห็นก็เห็น 100
แต่จะพดู ออกมาเสยี ทุกแงท่ กุ มุมไมค่ ำ� นึงถงึ เหตถุ งึ ผลนน้ั ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งของผ้รู ู้ ไมใ่ ช่เรือ่ งของปราชญ์ ไม่ใช่เรื่องของผู้รู้โดยอรรถโดยธรรม ไม่ใช่ผู้ทรงธรรมโดยหลักธรรมชาติแท้ อันเป็นความส�ำคัญ ถ้าเป็นอยา่ งนนั้ ใชไ้ ม่ได้ ไม่ใช่ความรู้แท้ มีความหิวความกระหาย ไมม่ ีเหตุมผี ลบันดลบันดาล มีแต่ ความหวิ ความกระหายบนั ดลบนั ดาล มนั กเ็ ปน็ แบบโลกๆ ไปเสยี ไมใ่ ชแ่ บบธรรม ถา้ แบบธรรมแลว้ รเู้ ทา่ ไรกเ็ หมอื นไมร่ ู้ เมอ่ื ไมถ่ งึ กาลสถานทเี่ วลำ่� เวลา หรอื บคุ คลทคี่ วรจะพดู ใหฟ้ งั หนกั เบามากนอ้ ย เพียงไร อย่างพระพุทธเจ้าท่านสอนโลกซิ เบื้องต้นก็แสดงอนุปุพพิกถา น่ันเราเห็นไหมในต�ำรับ ต�ำรามีอย่แู ล้ว ผู้ที่ควรจะรบั อนุปุพพกิ ถา ๕ ประการก็ต้องทรงสอนนนั้ ไปกอ่ น ดังทเี่ คยแสดงแล้ว อนปุ พุ พกิ ถา ๕ ไมจ่ ำ� เปน็ จะตอ้ งจาระไนตอ่ ไปอกี ทรงแสดงธรรมไปโดยลำ� ดบั เหมอื นกนั กบั เครอื่ ง บนิ เหนิ ฟ้า ขนึ้ จากสนามแลว้ เหนิ ขน้ึ ๆ สูงลิบลับไปเลย ตัง้ แต่ธรรมพน้ื ๆ ฟอกจิตใจข้นั พ้ืน ๆ ไป โดยล�ำดบั ลำ� ดาจนกระทั่งถึงวิมตุ ตหิ ลุดพ้น ทีเ่ หมือนกบั เรือบินเหนิ ฟ้า รายใดทีค่ วรจะแสดงลงใน อริยสัจ ๔ ใหไ้ ดอ้ ย่างรวดเร็วถงึ อยา่ งรวดเร็วพระองคก์ ็ไมร่ อ ทรงแสดงธรรมะนี้เท่านน้ั ไม่ต้องไป พูดถงึ อนุปพุ พกิ ถา คนทอ่ี ยใู่ นภูมิน้นั จะตอ้ งพูดอย่างนั้นสอนอย่างนัน้ สอนอยา่ งอื่นไมไ่ ด้ น่ีละใครจะเกินพระพุทธเจ้าเร่ืองความเฉลียวฉลาดในการสั่งสอนคน ทีน้ีเราจะไปพูดทุก แงท่ กุ ภมู ใิ หค้ นฟงั เสยี ไมท่ ราบประเภทใด คนภมู ใิ ดขน้ั ใด พดู ไปหมดทง้ั ๆ ทเี่ ขาไมร่ วู้ า่ บญุ บาปเปน็ ยังไง นรกสวรรคเ์ ป็นยังไง ศลี เป็นยงั ไง สมาธเิ ปน็ ยงั ไง ปัญญาเป็นยังไง ก็จะแสดงแต่เร่อื งน้ีให้เขา ฟงั อย่างเดยี วกไ็ มไ่ ด้ มนั ไม่เขา้ ใจไม่เกดิ ประโยชนอ์ ะไร แสดงความโงเ่ จ้าของให้โลกเขาเหน็ เสียอกี เพราะไม่รจู้ ักประมาณ ไม่รู้จกั ความพอดี เมื่อถงึ ขัน้ ทีค่ วรจะแสดงขนั้ ใดภูมิใด บคุ คลประเภทใด นำ� ออกเองเปน็ เอง ร้จู ักความเหมาะสมเอง นนั่ สมกบั ผูร้ ู้ธรรมเหน็ ธรรมโดยแท้ เปน็ อย่างนน้ั เราเคยเห็นไม่ใช่เหรออย่างพระอัสสชิกับพระสารีบุตร พระอัสสชิท่านแสดงตัวแสดง ลวดลายออกอะไรบ้าง ไม่แสดง เมื่อถึงขั้นที่พระสารีบุตรจะทราบภูมิของพระอัสสชิแล้วไม่ต้อง บอก พระสารีบุตรก็เป็นองค์ทีฉ่ ลาดแหลมคมรองพระพุทธเจา้ ไดร้ บั เอตทัคคะทางปญั ญา เฉลียว ฉลาดพอตวั ยอ่ มจะทราบเรอื่ งของพระอสั สชวิ า่ ถงึ ขน้ั ใดภมู ใิ ด เปน็ พระประเภทใดโดยไมต่ อ้ งสงสยั นน่ั ได้ทราบว่าพระอัสสชอิ ยู่ในทศิ ใดแดนใด พระสารบี ตุ รจะต้องยกมอื ไหว้อาจารยข์ องตัวเองใน ทศิ น้นั ภูมนิ ้ัน ทิศทางโน้นทางไหนกต็ าม อย่ตู ลอดจนกระทง่ั วนั นพิ พาน นนั่ เปน็ ยงั ไง ท่านรูภ้ มู ิกนั ทา่ นร้จู ักความเหมาะสมของกนั และกัน ไม่จ�ำเปน็ จะตอ้ งมาเปดิ ว่า อาตมานคี้ อื พระอัสสชิ ไดส้ �ำเร็จพระอรหัตอรหนั ตแ์ ล้ว พูดไป 101 อะไร แสดงเพยี งเหตทุ จ่ี ะใหเ้ กดิ ผลใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ กผ่ ฟู้ งั เทา่ นน้ั พระสารบี ตุ รกร็ บั ไดแ้ ลว้ สำ� เรจ็ พระโสดาขน้ึ มา นนั่ เปน็ จดุ ทผ่ี ฟู้ งั จะไดร้ บั ประโยชน์ ทา่ นแสดงออกในจดุ นน้ั ทา่ นไมจ่ ำ� เปน็ จะตอ้ ง
บอกวา่ อาตมาเป็นพระอรหันต์ เพราะคำ� นี้จะเป็นคำ� เสนียดจญั ไรส�ำหรับพระสารีบุตรในเวลานนั้ หรือบุคคลผู้ใดก็ตามท่ียังไม่สมควรจะแสดงให้ฟัง ไปแสดงก็เป็นความผิดของผู้น้ันซ่ึงไม่รู้จัก ประมาณในการแสดงธรรม น่ันละธรรมะจึงมปี ระมาณ ไมใ่ ชจ่ ะพูดทกุ บททุกบาททุกแง่ทกุ มุม เราดูอยา่ งพระพทุ ธเจา้ แสดงกับสาวกซิ พระสาวกองคใ์ ดไปรเู้ หน็ สิ่งใดมา พวกเปรตพวกผีอยใู่ นสถานท่ใี ดแดนใด แลว้ ก็ มากราบทูลพระพทุ ธเจา้ เลา่ ถวายพระองค์ พระองค์กท็ รงรับสงั่ วา่ เออ้ เร่ืองสิง่ เหล่านี้ ๆ เราเห็น แลว้ ต้งั แต่สมัยโน้น ๆ ปโี น้น พ.ศ.โนน้ ถ้าวา่ พ.ศ. เพราะเปน็ อดีตทลี่ ่วงมาแล้ว แต่เราตถาคตไม่ พดู ไมเ่ หน็ เกดิ ประโยชนจ์ ะพดู ไปทำ� ไม เมอื่ มผี พู้ ดู ผเู้ หน็ ดว้ ยแลว้ ตถาคตกพ็ ดู นตี่ ถาคตไดท้ ราบมา กอ่ นแลว้ นนั่ ฟงั ซิ นน่ั มนั เหมาะสมเมอ่ื ไร ทไี่ หน กบั บคุ คลผใู้ ด พระองคก์ ท็ รงสงั่ สอนใหท้ ราบ ทรง เล่าใหฟ้ ัง ภาษาของเราเปน็ อยา่ งนัน้ นก่ี เ็ หมอื นกนั ธรรมจะเตม็ หวั ใจกใ็ หเ้ ตม็ อยซู่ ิ ธรรมแทไ้ มห่ วิ ไมโ่ หย ไมด่ นิ้ รนกระวนกระวาย ไม่เหมือนกิเลส ถ้ากิเลสมีมากมีน้อยต้องด้ินรนกระวนกระวาย อยากแสดงตัว อยากแสดงออก เสมอ น่นั เรือ่ งของกิเลส แลว้ กช็ อบอวดตวั ท้ังๆ ท่ีหยาบทส่ี ุดเลวที่สดุ ก็ชอบพูดว่าดีท่สี ุด ว่าฉลาด แหลมคมทีส่ ุด ค�ำว่าดๆี ไมม่ ีอะไรเกนิ กเิ ลส ทง้ั ๆ ท่กี เิ ลสนัน้ ชวั่ ทสี่ ุด แต่ชอบยกตนเป็นเช่นน้ัน แต่ เรอ่ื งของธรรมไม่ เหตผุ ลกลไกควรจะเปน็ อยา่ งไรกแ็ สดงไปตามเหตตุ ามผล เหมอื นกบั มดี ทค่ี มกลา้ ทสี่ ดุ แลว้ เกบ็ ไวใ้ นฝกั ใสฝ่ กั เอาไว้ เวลาตอ้ งการจะใช้ ถอดมาจากฝกั แลว้ ใช้ เสรจ็ แลว้ เกบ็ เขา้ ในฝกั เหมือนไม่เคยได้ฟันอะไรเลยธรรมกับจิตก็เหมือนกัน เม่ือถึงกาลที่จะแสดงให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ส�ำหรบั ผฟู้ งั จะได้เตม็ ภมู ขิ องตัวเองแลว้ ก็แสดงออกเสยี ไม่มอี ะไรเหลอื เลย เอาใหเ้ ตม็ ภมู ิ เม่ือยงั ไม่ถงึ ข้นั น้นั ควรจะแสดงขั้นใดออกก็ต้องแสดงขัน้ นน้ั นจ่ี งึ ชอ่ื ว่าผูป้ ฏบิ ตั ิ รู้เรอ่ื งแลว้ รจู้ ักปฏิบตั ิต่อ เรอื่ งราวทง้ั หลาย ตลอดผู้มาเกี่ยวข้องเปน็ คนประเภทใด กาลสถานทเี่ วลำ่� เวลาหรือบุคคลเปน็ สิง่ ทจ่ี ำ� เป็นจะต้องใช้ ในกาลสถานท่เี วล�ำ่ เวลาหรือบุคคลน้ัน ๆ นัน่ ละธรรม เพราะฉะนน้ั ธรรมอนั นจี้ งึ เปน็ ของสำ� คญั ทผ่ี ปู้ ฏบิ ตั จิ ะพงึ ปฏบิ ตั ิ ใหร้ เู้ องเหน็ เองนนั้ ละมาก ท่ีสดุ เป็นแตเ่ พยี งทา่ นแนะแนวทางให้ ดังทีอ่ ธิบายมาเหลา่ นีก้ ค็ อื แนวทางแหง่ ธรรม เอ้า มนั จะ ปดิ ไปไหนลองดูซิ บาปพระพุทธเจา้ ว่ามี เอา้ ๆ พจิ ารณาลงไปในทางจติ ตภาวนาของเรา มันจะไม่ เหน็ อย่างไร บาปจะสมั ผสั ทไ่ี หนถา้ ไมส่ ัมผสั ท่ีใจ บญุ จะสมั ผสั ท่ไี หนถา้ ไม่สัมผัสท่ใี จ รูปจะสัมผสั ท่ไี หนถ้าไม่ใช่สัมผัสท่ีตา เอา้ นรกสวรรค์จะสัมผสั ทไี่ หน ถา้ ไมส่ ัมผสั ทีใ่ จที่มีญาณหยั่งทราบนีจ่ ะ ไปสมั ผสั ทตี่ รงไหน พระพทุ ธเจา้ ทา่ นสมั ผสั ทตี่ รงไหนสาวกกต็ อ้ งสมั ผสั ทตี่ รงนนั้ เพราะมเี ครอ่ื งรบั เหมือนกันนี่ เป็นแต่เพียงว่าลึกตื้นหยาบละเอียดต่างกันไปเท่านั้นเอง แต่ส่วนที่ให้เห็นปิด ไม่อยู่ นั่น 102
เอา้ นพิ พานละเอียดขนาดไหนทำ� ไมสาวกรู้ได้ นนั่ เราดซู ิ อะไรสมั ผัส ใจน่นั แหละสัมผัส นิพพาน ใจนั่นแหละสัมผัสความส้ินกิเลส ใจน่ันแหละเป็นคลังกิเลส เวลาเปิดอันน้ีออกหมด ถอดถอนอันน้อี อกหมดแล้ว กลายเปน็ ใจทบ่ี ริสทุ ธ์ิ ทำ� ไมจะไม่ทราบว่าตนบรสิ ทุ ธิ์ และท�ำไมจะไม่ ทราบเร่ืองของพระนิพพาน ถามใครท�ำไม นี่ให้พากันจ�ำเอา ถ้าอยากจะทราบเร่ืองความเป็นมา ของตน ดังที่กลา่ วแลว้ ตะกน้ี ใ้ี นเบอ้ื งต้นวา่ จิตวญิ ญาณแต่ละดวง ๆ น้ัน ความสลับซับซ้อนแหง่ ความเกดิ แก่เจบ็ ตาย หมุนเวยี นเปลีย่ นแปลงในภพนอ้ ยภพใหญ่มากก่ี ัปนบั ไม่ถว้ นนน้ั จะมคี วาม หนาแน่นสับสนย่ิงกว่ากอไผ่ทั้งกอ เพียงวิญญาณดวงเดียวนี้เท่าน้ันก็มากย่ิงกว่ารากกอไผ่ทั้งกอ นั้นแล้ว แลว้ เราจะทำ� ยงั ไง หรอื ยงั จะยนิ ดสี ง่ั สมรากไผ่ คอื ความเกดิ แกเ่ จบ็ ตายของเรานใี้ หม้ ากมนู ขนึ้ ไปกวา่ น้ี แลว้ ใครจะเปน็ คนแบกคนหาม ใครจะเปน็ คนรบั ผดิ ชอบแบกหามในกองทกุ ขท์ งั้ หลาย ในภพนอ้ ยภพใหญ่ ทเี่ กดิ ขึน้ จากความเกดิ ความตายเป็นสำ� คัญ ถา้ เราไม่รบี สลดั เสียตั้งแตบ่ ดั นีซ้ ่ึง เป็นกาลอนั ควร อัตภาพกอ็ ำ� นวย จิตใจกอ็ �ำนวย เพศกอ็ �ำนวยอยแู่ ล้ว เราขดั ขอ้ งอะไรเวลานี้ พจิ ารณาเจ้าของซมิ ันขดั ข้องอะไร ถา้ ไม่ขัดข้องเพราะอำ� นาจของ กิเลสเหยียบยำ�่ ทำ� ลาย หรือกดี ขวางไม่ให้กา้ วเดินนีเ้ ท่านั้นไมม่ อี ะไรมาขดั ข้อง ดินเปน็ ดนิ น�้ำเปน็ น�ำ้ ลมเปน็ ลม ไฟเป็นไฟ อากาศเป็นอากาศ ทุกส่งิ สรรค์ในโลกอันนี้เปน็ ธรรมชาติของตัวเอง จรงิ อยตู่ ามหลกั ธรรมชาติ ไมม่ ีสิ่งใดมากีดขวาง มากั้นกางหวงหา้ มเหมือนกเิ ลสทฝ่ี ังอยใู่ นหวั ใจน้ี เป็น ผู้กีดผู้ขวางอยู่โดยหลักธรรมชาติของตัวตลอดเวลาน้ีเท่าน้ัน ไม่มีอะไรเป็นเคร่ืองกีดขวางจิตใจ น่ีละมันไม่พร้อมเพราะกิเลสไม่พาให้พร้อม และอย่าเข้าใจว่ากิเลสจะพาให้พร้อมในการปฏิบัติ ธรรม ถา้ ไมฝ่ ืนไม่ตอ่ ยกันแล้วจะไมเ่ ห็นฤทธเิ์ หน็ เดชระหวา่ งกิเลสกับเราเลย ว่าใครเป็นผ้มู อี �ำนาจ เหนือกนั ระหวา่ งกเิ ลสกบั ธรรมะทเ่ี ราจะน�ำมาต่อกรกันนัน้ มเี ทา่ นี้ ท่านทั้งหลายเห็นความเกิดแก่เจ็บตายเป็นของประเสริฐเลิศเลอท่ีตรงไหน เอ้า เอามา พจิ ารณาดูซิ ทุกคนทกุ รูปทกุ นามน้เี กง่ กว่ารากไมไ้ ผน่ น้ั แล้วแหละไม่นา่ จะสงสยั นเ้ี ปิดใหฟ้ งั อยา่ ง ชดั เจน ถงึ จะตัวเท่าหนูกต็ ามเถอะผมไม่สงสัยจรงิ ๆ พูดออกมาอย่างเปดิ เผยเต็มหวั ใจ หัวใจดวง นีพ้ อเทียบไดก้ ับรากไผน่ ่ันแหละ น่พี อเทียบไดเ้ ฉย ๆ นะ แต่ยังไมม่ ีเพียงเทา่ นี้ ยังมากกวา่ นอ้ี กี หากพอเทยี บกนั เปน็ ขอ้ เปรยี บเทยี บได้ ทเี่ ราจะนำ� มาพสิ จู นต์ วั ของเรา แลว้ หาอบุ ายวธิ ที จี่ ะตดั ราก ไผ่นีอ้ อกไมใ่ หม้ นั สืบต่อไปอีกให้มากย่ิงกวา่ ทเ่ี ปน็ อยู่น้ี ทนี ี้ เอ้าฟาดใหม้ ันขาดสะบ้ันลงไป รากไผเ่ กา่ ที่มอี ย่ขู นาดไหนมนั จะผจุ ะพังไปหมด ขอให้ กิเลสอวิชชาตัณหาน้ีพังทลายลงไปจากหัวใจเถอะ ซากเก่าซากใหม่มีเท่าไรจะกลายเป็นอดีต 103
เรอื่ งผา่ นไปแลว้ ท้ังนั้น ไม่เขา้ มายื้อแย่งแข่งดกี ับเราอีกต่อไป เหมือนดงั กเิ ลสที่ยือ้ แยง่ แขง่ ดกี ับเรา อยู่เวลานีเ้ ลย ให้เอาตรงน้นี ะ จติ เปน็ ของส�ำคัญ กิเลสเปน็ ของส�ำคัญ การทจี่ ะฆา่ กเิ ลสเพอื่ ไม่ใหม้ ีเยอ่ื ใยต่อไป แบกกอง ทกุ ขต์ ่อไป มีอยู่กบั หวั ใจของเรา มีอยู่กบั ผู้มคี วามเพียรในการประพฤตปิ ฏบิ ตั ิธรรมนี้เท่าน้ัน เรา อย่าเห็นอะไรเป็นของวิเศษ รากไผ่วิเศษไหมพิจารณาซิ ความเกิดแก่เจ็บตายของเราวิเศษที่ตรง ไหน ถา้ วเิ ศษกพ็ วกเรามันพวกรากไผ่ อาจารยข์ องรากไผ่มาพอแลว้ หนายิ่งกว่ารากไผแ่ ล้ว ควร จะวิเศษไปเสียนานแล้ว เด๋ียวน้ีเป็นยังไง อะไรพาไม่ให้วิเศษอยู่เวลาน้ี อะไรพาให้เป็นรากไผ่ ก็กิเลสนน่ั ซิ กิเลสนน่ั ละตวั สำ� คัญ ทีนีฟ้ ันกนั ลงไป เอาใหม้ นั เหน็ ดำ� เหน็ แดงดูซิ ให้เราระวังตั้งแต่เรื่องของกิเลส มนั เร็วทส่ี ุด นะ ในขณะที่กิเลสเร็ว ในขณะทกี่ เิ ลสเรืองอำ� นาจ เอะอะจะออกก่อนเพื่อน ๆ แลว้ ทำ� ลายเรานั้น แหละ ทำ� ลายธรรมในใจของเราทคี่ วรจะเกิด ความเพยี รกล็ ม้ เหลว สติสตงั ก็ล้มเหลว อะไร ๆ ขน้ึ ช่ือวา่ เป็นธรรมแลว้ ล้มเหลว ๆ มแี ต่กิเลสเหยยี บเอา ๆ เมื่ออยใู่ นกาลเวลาของมนั ท่ีมีอ�ำนาจ เรือง อำ� นาจ เปน็ อยา่ งนนั้ จรงิ ๆ ในการปฏบิ ตั นิ แี้ หละ มนั รตู้ วั ของมนั และรตู้ วั ของเราดว้ ย เวลามนั ออ่ น เปยี กสกู้ เิ ลสไมไ่ ดเ้ ปน็ ยงั ไง มนั รอู้ ยใู่ นหวั ใจ อนั นเ้ี ปน็ สจั ธรรม ไมใ่ ชจ่ ะเปน็ ความจำ� พอจะใหห้ ลงลมื ได้ ผ้ปู ฏิบัติจะตอ้ งเจอในส่งิ เหลา่ น้ี เพราะพวกเรานสี้ ว่ นมากเปน็ ทกุ ขา ปฏปิ ทา ทนั ธาภญิ ญา ทง้ั ปฏบิ ตั ลิ ำ� บากทงั้ รไู้ ดช้ า้ เมอ่ื 104 เป็นเช่นนั้นแล้วท�ำไมจะไม่สนุกต่อยกันกับกิเลส กิเลสต่อยเราท�ำไมจะไม่สนุกทุกข์ล่ะ แบกทุกข์
จนไปไม่ไหวไปไมร่ อดแลว้ และตายทีหน่งึ ๆ และขน้ึ มาแบกอกี ตาย ๆ อยู่อยา่ งนน้ั ท�ำไมจะไมแ่ จ้ง ท�ำไมจะไม่รู้ ก็หวั ใจดวงน้ที ถี่ กู อวชิ ชาใส่ล่มิ สลกั เขา้ ไป แทงเขา้ ไปตรงน้ัน ใหพ้ าเกดิ แกเ่ จ็บตายอยู่ ตลอดเวลาเรายังไม่เข็ดไมห่ ลาบ เราจะไปเขด็ หลาบเมอ่ื ไร ธรรมของพระพทุ ธเจา้ เปน็ ธรรมทสี่ อนใหเ้ ขด็ หลาบทงั้ นน้ั เพราะพระองคท์ รงรทู้ รงเหน็ ทกุ สงิ่ ทุกอยา่ งแลว้ ท้ังโทษทัง้ คณุ ของกเิ ลสและของธรรม เหตุใดเราจะมาสงสัยสง่ิ เหลา่ น้ีอยู่ และวนั ตายมันไม่แน่นะ หมดลมหายใจเท่านั้นก็ตายไม่ว่าชาติชั้นวรรณะใด นั้นสมมุติกันไปตามข้ันตาม ภมู ิ สงิ่ ส�ำคัญทเ่ี ปน็ เครอ่ื งประกันอยูเ่ วลาน้ีคอื ลมหายใจน้ีเทา่ นั้น เอา้ ถ้าลมหายใจหมดเมื่อไรแลว้ นงั่ อยู่กต็ าย นอนอยูก่ ต็ าย เวลานเี้ รายงั มลี มหายใจอยู่ เอา้ สซู้ ิสกู้ เิ ลส ถ้าเหน็ ว่ากเิ ลสเป็นภยั ตาม หลกั ธรรมทส่ี อนไว้ และเหน็ วา่ ธรรมเปน็ คณุ นำ� มาตอ่ สกู้ เิ ลสใหบ้ รรลยั ลงไปซิ นล่ี ะการปฏบิ ตั ธิ รรม อยา่ ท้อแทเ้ หลวไหลหรอื อ่อนแอใหเ้ ห็นอยู่ สอนหม่สู อนเพ่อื นนี้สอนดว้ ยความจริงอกจรงิ ใจ สอน ดว้ ยความเมตตาสงสาร และสอนดว้ ยความผา่ นมาของเจา้ ของ ลม้ ลกุ คลกุ คลานมายงั ไงกเ็ คยสอน หมเู่ พอื่ นแลว้ เปน็ อยา่ งไร บางทจี นแทบวา่ จะเปน็ จะตายจรงิ ๆ ตายกไ็ มม่ กี สุ ลาแหละ นไ่ี มร่ กู้ คี่ รง้ั กหี่ นเรอื่ งสกู้ บั กเิ ลส เพราะฉะนน้ั จงึ กลา้ พดู ไดว้ า่ ไมม่ สี ง่ิ ใดทจ่ี ะเหนยี วแนน่ แกน่ ทฉ่ี ลาดทสี่ ดุ ยง่ิ กวา่ กิเลส เพราะสติปัญญาเราเคยใช้ในโลกในสงสารก็ไม่เท่าไรนัก แต่เวลาน�ำมาใช้ต่อสู้กับกิเลสเพ่ือ ใหม้ นั บรรลยั ไปจากจติ ใจนี้ แหม มเี ท่าไรเป็นทุ่มกันหมด ๆ ชีวิตจิตใจทมุ่ ลงไปหมด เอ้า เปน็ ก็เป็น ตายกต็ าย ทุกข์แสนทกุ ข์ มหาทุกขก์ เ็ คยทกุ ขม์ าแลว้ ในการต่อสกู้ ิเลส น่ีก็ได้พูดให้ฟังทุกส่ิงทุกอย่าง ไม่ได้มาหลอกลวงหมู่เพ่ือนนี่วะ สอนอย่างเต็มอกเต็มใจท่ี เจา้ ของเป็นมายงั ไง จะวา่ โอว้ า่ อวดก็ เอ้า ใครจะว่าอะไรก็ว่าไป แต่เราไมไ่ ดโ้ อไ้ ด้อวดใคร เราพดู ดว้ ยความเมตตาสงสาร พดู ดว้ ยความจงรกั ภกั ดตี อ่ หมตู่ อ่ เพอ่ื นทเ่ี หน็ มาอยดู่ ว้ ยมากมายเทา่ ไร จะ พูดออกมาอันหน่ึงก็ขัดอันหนึ่ง จะพูดออกมาอันหนึ่งก็ขัดอันหน่ึงอยู่อย่างน้ีละ แล้วตกลงก็เต็ม วดั ๆ นี้จะวา่ ยังไง แลว้ ยงั จะมาอวดหมูเ่ พ่อื นอยเู่ หรอ การสอนอรรถสอนธรรมน้ยี งั จะมาอวดกนั เล่นๆ อยู่เหรอ การรบั หม่เู พอ่ื นไวด้ ว้ ยความสงสารเห็นอกเหน็ ใจ เทียบหวั ใจเราหัวใจท่านทัง้ หลายใสก่ นั 105 ดังทเ่ี ราเคยพดู ใหฟ้ งั วา่ ไปเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์น้ี แหม แทบล้มแทบตาย พอไปถึงหลวงปู่ มนั่ เทา่ นน้ั ละไมอ่ ยากไดย้ นิ เลยคำ� ทวี่ า่ นท่ี น่ี เี่ ตม็ แลว้ รบั ไมไ่ ดแ้ ลว้ กลวั วา่ หวั อกมนั จะแตก ถงึ ขนาด นั้น เรายังไมล่ ืมนะคำ� พดู ของท่าน คำ� น้ันเป็นสด ๆ ร้อน ๆ วา่ นพี่ อดีนะนี่ เมอื่ วานนี้ทา่ นเนตรไป จากนี้ แล้ววันนท้ี า่ นมหาก็มา ไมเ่ ช่นนนั้ กไ็ ม่ได้อยู่ กุฏไิ ม่วา่ ง นน่ั ฟงั ซิทา่ นพูด อู๋ย มนั เสยี วซจิ ะตาย เขา้ ถงึ หวั ตบั โนน่ น่ะ ท้งั ๆ ทจี่ ะได้อยู่อยนู่ ะ ฟังซิ นี่ละนำ� มาพินจิ พิจารณาถงึ หมู่เพ่ือน เพอื่ นฝงู ทั้ง หลาย มากนอ้ ยกท็ นเอา ๆ นอกจากมันเหลือก�ำลงั แล้ว หมเู่ พอ่ื นกค็ วรจะพจิ ารณาในความเหมาะ สมความพอดี นี่อนั หน่ึง แลว้ ยงั จะมาสอนหมเู่ พื่อนด้วยความหลอกลวงอยู่เหรอ
เวลาทกุ ข์กท็ ุกข์อย่างนั้นนะ ผมพดู ไดเ้ ต็มปากว่าในชวี ติ ของผม ไมเ่ คยมีอะไรหนกั ยิ่งกวา่ การตอ่ สกู้ บั กเิ ลส เอาขนาดนน้ั เชยี วนะ บางทเี ดนิ ไปนไี่ ปขอ้ งหนามขอ้ งเครอื นดิ หนง่ึ ลม้ โครมลงไป แล้ว เพราะไมม่ กี ำ� ลังจะกา้ วขาแต่ใจไมถ่ อย นั่นไม่รู้ก่ีครงั้ กหี่ นจะเป็นจะตาย ไดเ้ คยพูดใหฟ้ งั จน กระทง่ั เขาแตกบา้ นแตกเมอื งออกไปดเู รา เขาวา่ เราตายแลว้ ไมก่ นิ ขา้ ว กว่ี นั ๆ อดกนั ไปๆ นานเขา้ ๆ มนั กผ็ ิดสงั เกตซิคนเรา ก็ต้องเปน็ ไปได้แหละ เขากต็ ้องไปดู นน่ั ฟงั ซิ นีเ้ อามาอวดหมเู่ พ่ือนเหรอนี่ ผมไมไ่ ดอ้ วด พดู ถึงเรอื่ งของกิเลสเวลาหนักหนกั หนา เวลา ต่อสูก้ เิ ลสถึงขนาดนั้นเชยี วนะ เจา้ ของยงั ไมร่ ู้วา่ จะตาย คนอน่ื เขายงั มาดู รู้วา่ เราจะตายน้แี หก่ นั ออกมาดเู ห็นไหม นี่บางคร้ังเปน็ อยา่ งนัน้ จรงิ ๆ ผมไมไ่ ดอ้ ตุ รมิ าหลอกลวงหมู่เพ่ือน น่ขี ัน้ ตอ่ กรกนั ถึงขนาดน้นั แลว้ ก็นลี้ ะเปน็ พื้นเป็นฐานทจี่ ะให้เรามที ุนเป็นลำ� ดบั ลำ� ดา และเปน็ กำ� ไรขึ้นในวนั น้นั วันนี้ หนุนกันขนึ้ ๆ สมาธิไมม่ ีก็คอ่ ยมีขึ้นมา เอ้า เม่อื มขี ึน้ มาแลว้ จิตจนกระทัง่ กลายเป็นสมาธิด้วยความ ขยนั หมนั่ เพยี ร ดว้ ยความอตุ สา่ หพ์ ยายาม เสรมิ กนั ขน้ึ ๆ ตอ่ จากนน้ั กฟ็ ดั กนั ทางปญั ญา เอา้ ปญั ญา ไมม่ ีครบู าอาจารย์กอ็ อกไมไ่ ด้ มันตดิ ตดิ สมาธิ เพราะสมาธนิ ี้เป็นความสขุ ทีพ่ อจะใหต้ ดิ ได้ถึงตดิ ได้คนเรา ความสุขในสมาธิก็พออยู่พอกนิ แลว้ จิตใจไม่ฟ้งุ ซา่ นร�ำคาญ พอจติ หยง่ั เขา้ สคู่ วามร้อู นั เดยี วแนว่ อยูอ่ ย่างน้ัน ไมอ่ ยากออกย่งุ กับอะไรเลย ตาไม่อยากมองดู หไู มอ่ ยากฟงั มนั เปน็ การยงุ่ กวน รบกวนจติ ใจของเราให้กระเพ่อื มเปล่าๆ เมอ่ื จติ ได้แน่วอยใู่ นสมาธินน้ั อยูส่ กั กชี่ ั่วโมงกอ็ ยไู่ ด้ น่ลี ะมันตดิ ได้อย่างน้ีเอง สดุ ท้ายก็นึก วา่ ความรู้ท่เี ดน่ ๆ อยู่นีเ้ องจะเปน็ นพิ พาน อนั นจ้ี ะเป็นนพิ พาน จ่อกนั อยนู่ นั้ ว่าจะเป็นนิพพาน ๆ สดุ ทา้ ยมนั กเ็ ปน็ สมาธอิ ยอู่ ยา่ งนน้ั ละ จนกระทงั่ วนั ตายกจ็ ะตอ้ งเปน็ สมาธิ และตดิ สมาธจิ นกระทง่ั วันตายถา้ ไมม่ ีครบู าอาจารย์มาฉดุ มาลากออก ผมเองกค็ ือหลวงปู่ม่นั มาฉดุ มาลาก เถียงกันเสียจนตาด�ำตาแดง จนกระทั่งพระทั้งวัดแตกฮือกันมาเต็มอยู่ใต้ถุน น่ีเพราะฟัง การโตก้ บั หลวงปูม่ ่ัน ไม่ใชโ่ ต้ดว้ ยทฐิ มิ านะอวดรู้อวดฉลาดนะ โตด้ ว้ ยความท่ีเรากเ็ ข้าใจวา่ จรงิ อนั หนึง่ ของเรา ทา่ นก็จรงิ อันหนง่ึ ของทา่ น สุดท้ายกห็ วั เราแตก เพราะทา่ นรนู้ ี่ เราพดู ทงั้ ๆ ทก่ี เิ ลส เต็มหัวใจ แต่เข้าใจว่าสมาธิน่จี ะเปน็ นิพพาน แลว้ สุดท้ายก็ทา่ นมาไลอ่ อก เห็นไหม สมาธิมีความสุขมากขนาดไหน หือเท่าไร แล้วเนื้อติดฟันมีความสุขขนาดไหน วา่ ซี สมาธกิ เ็ หมอื นกับเนื้อตดิ ฟนั น้ันแหละ มนั สุขขนาดไหนเน้ือตดิ ฟนั ทา่ นรไู้ หมๆ น้เี ราไม่ลืมนะ จากนั้นมา ท่านร้ไู หมว่าสมาธิทัง้ แท่งนน้ั ละคอื ตัวสมทุ ยั ท้ังแทง่ ทา่ นร้ไู หมๆ น่ัน ตรงนี้มนั กต็ ่อย 106 กับท่านอีก ดูซิ ถ้าหากว่าสมาธิเป็นตัวสมุทัยแล้ว สัมมาสมาธิจะให้เดินท่ีไหน นั่นเอาซิโต้ท่าน
มันกไ็ ม่ใช่สมาธิตาย นอนตายอย่อู ยา่ งน้ีซิ สมาธขิ องพระพุทธเจา้ สมาธติ อ้ งรสู้ มาธิ ปญั ญาตอ้ งรู้ ปญั ญา อนั นีม้ ันเอาสมาธเิ ปน็ นิพพานเลย มนั บ้าสมาธินี่ น่ันเห็นไหมท่านใส่เขา้ ไป สมาธินอนตาย อยนู่ ้เี หรอเป็นสัมมาสมาธิน่ะ เอ้าๆ พดู ออกมาซิ มนั ก็ยอมล่ะซิ พอออกจากทา่ นไปแล้ว โห นี่เราไปเก่งมาจากทวีปไหนนี่ เรามามอบกายถวายตัวต่อทา่ น เพือ่ ศึกษาอรรถศึกษาธรรมหาความจริง ทำ� ไมวนั นี้จงึ มาโต้กันกับท่านยิง่ กวา่ มวยแชมเปยี้ นเขาน่ี มนั เปน็ ยงั ไงเรานี้ มนั ไมเ่ กนิ ครเู กนิ อาจารยไ์ ปแลว้ เหรอ และทา่ นพดู นนั้ ทา่ นพดู ดว้ ยความหลงหรอื ใครเป็นคนหลงละ่ เอาละท่นี ่ีย้อนเขา้ มาหาตวั เอง ถา้ ไมต่ ง้ั ใจประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตามท่ีทา่ นสอนนม้ี า หาทา่ นทำ� ไม ถา้ วา่ เราวเิ ศษวโิ สแลว้ ทำ� ไมเราจงึ ตอ้ งมาหาครบู าอาจารยท์ ต่ี นวา่ ไมว่ เิ ศษละ่ แตเ่ รา ก็ไม่เคยดูถกู ท่านแหละ นีห่ มายความว่าตีเจ้าของ ย้อนคืนมาเขน่ เจา้ ของ สดุ ทา้ ยกก็ า้ วออกทางดา้ นปญั ญา เมอ่ื กา้ วทางดา้ นปญั ญามนั กผ็ งึ เลยทนี่ ่ี ไมผ่ งึ ยงั ไงกส็ มาธิ พอตวั แลว้ ถา้ เป็นประเภทอาหารกค็ ือว่า ผักก็มี เน้ือกม็ ี ปลาก็มี อะไรๆ เครือ่ งท�ำครัวมีหมดแลว้ จะท�ำให้เป็นแกงเปน็ อะไรกไ็ ด้ เปน็ หุงเป็นตม้ อะไรได้หมด เพราะเครอื่ งท่จี ะทำ� ครัวครบแลว้ เปน็ แตเ่ พยี งว่าเอามาแชไ่ วเ้ ฉยๆ ต่อไปสงิ่ เหล่านก้ี ็จะเนา่ เฟะไปละซี มันไม่เปน็ แกงให้ อนั นี้ก็เหมือนกัน สมาธิกเ็ หมือนกบั เครอ่ื งครัวท่เี ราเอามาพร้อมแลว้ นั่น แต่ไมป่ รงุ ให้เป็น สติปญั ญา ใหเ้ ปน็ มรรคผลนพิ พานขน้ึ ไป มันก็ไม่เป็นละซี ทนี ้พี อออกทางดา้ นปญั ญาเท่าน้นั มนั ก็ ผึงเลยทีเดียวท่ีน่ี เพราะพร้อมอยู่แล้วน่ี สมาธิพร้อมอยู่แล้ว ไม่ว่าเคร่ืองท�ำครัวอะไรพร้อมหมด แลว้ จะทำ� ใหเ้ ปน็ แกงประเภทใด อาหารประเภทใด พรอ้ มแลว้ ๆ นี่ นก่ี เ็ หมอื นกนั เอา้ จะพจิ ารณา ทางด้านปัญญา จะพิจารณายงั ไงมันพรอ้ มแล้วน่ี เพราะสมาธหิ นนุ ตวั อยเู่ ตม็ ท่แี ลว้ ทำ� ไมจงึ จะมา กนิ สมาธวิ า่ เปน็ มรรคผลนพิ พาน ทำ� ไมจงึ มากนิ ผกั กนิ หญา้ เขา้ ใจวา่ แกงละ่ ทงั้ ๆ ทย่ี งั ไมไ่ ดป้ รงุ เปน็ แกง นน่ั ฟดั กนั เจา้ ของนัน่ แหละ พอออกจากน้แี ล้วปัญญาก็กา้ วละทนี่ ี่นะ ก้าวแล้วก็ยงั กลบั ไปส้กู ับทา่ นอกี นะ คอื เวลามนั ออกทางดา้ นปญั ญานีเ้ อาอกี แลว้ กลางคืนไม่ได้นอน บางคนื ๒ คืน ๓ คืนมนั ไม่ยอมนอน กลาง วันยังไม่ยอมนอนอกี เอา้ กนู จี่ ะตายละนะวา่ เจ้าของ กนู ่มี ันจะตายละนะ มนั ยังไงนี่ บทเวลานอน อยูใ่ นสมาธมิ นั ก็อย่อู ย่างน้ัน ทนี ้เี วลาออกกอ็ อกอย่างนที้ �ำไงนี่ แล้วกข็ ้นึ ไปหาท่านอกี ทพ่ี อ่ แม่ครู อาจารยว์ า่ ใหอ้ อกทางดา้ นปญั ญา เวลานอี้ อกแลว้ นะ ถงึ ขนาดทวี่ า่ ไมไ่ ดน้ อนสองสามคนื แลว้ นน่ี ะ กลางวันก็ไมไ่ ด้นอน น่นั ละมนั หลงสังขาร ฟงั ซีทา่ นพูดนะ ก็ถ้าไมไ่ ด้คดิ ไม่ไดพ้ ิจารณามนั ก็ไม่เกิด ปญั ญา 107
นพี่ ดู ถงึ เรอื่ งปญั ญา เมอ่ื ถงึ ขนั้ หมนุ แลว้ เปน็ อยา่ งนนั้ นลี่ ะจงึ วา่ สมาธเิ ปน็ เครอื่ งหนนุ ปญั ญา เปน็ อยา่ งนเี้ อง เหน็ ชัดๆ เราไมส่ งสัย ติดสมาธเิ ราก็ไมส่ งสยั เราเคยติดแลว้ ถงึ ขนาดที่พอ่ แมค่ รู อาจารย์ไลอ่ อกนั่น ทแี รกไปหาท่านเมือ่ ไร ท่านถามว่าสบายดเี หรอ สงบดีเหรอ สงบดีอยเู่ ราก็ว่า อยา่ งนี้ ทา่ นกไ็ มว่ า่ อะไร พอนานเขา้ ๆ กอ็ ยา่ งวา่ นนั่ แหละ เปน็ ยงั ไงทา่ นมหาสบายดเี หรอ..ใจ สบาย ดีอยู่ สงบดีอยู่ ท่านจะนอนตายอยูน่ นั้ เหรอ ฟังซิ ทีน้ีขึน้ ละนะ พลกิ เปล่ียนไปหมดสหี นา้ สตี าอะไร แสดงท่าทางออกหมดแลว้ นะน่ี จะเอา เต็มท่ีละ จะเขกเต็มที่ละ ท่านจะนอนตายอยู่น้ันเหรอ(ท่านว่า) ท่านรู้ไหมสุขในสมาธิเหมือนกับ เนอื้ ติดฟนั ทา่ นรู้ไหม นีล่ ะท่นี กี่ ็ไปอยา่ งท่ีว่าน่ันละ พอเอากันอยา่ งจัง ๆ แลว้ ออกไปก็พิจารณา ทางด้านปัญญา เม่ือออกมนั กอ็ อกจริง ๆ เพราะมนั พรอ้ มแล้วนี่ทีจ่ ะเกดิ ปัญญา มันหมุนติว้ ๆ ท้งั วันทัง้ คนื เดินจงกรมไม่รูจ้ ักหยุด เดินต้ังแต่เช้าตั้งแตฉ่ ันจงั หนั แล้วจนกระทง่ั ถึงปัดกวาด ฟงั ซิ ไมไ่ ด้ รูว้ า่ เหนือ่ ยว่าอะไร เพราะมันหมุนติ้วๆ อยนู่ ่ี งานอยู่น้ี เดินเข้าไป บางทีเดนิ จงกรมน้ี โนน่ เซซัด เขา้ ไปในป่าโนน่ โครมครามในปา่ โน่น เพราะจิตมนั ไมอ่ อกตาก็มดื มวั ไปหมดละซี มแี ต่ขากา้ วไปๆ กเ็ ขา้ ไปโนน่ แลว้ ออกมาอกี เอาอกี อยงู่ นั้ ไมม่ คี ำ� วา่ นำ�้ ทา่ อะไรๆ ไมส่ นใจทงั้ นนั้ เมอื่ ถงึ ขน้ั ตะลมุ บอน กัน น่ีละปัญญาเปน็ อย่างนั้น 108
ท่ีเราพูดตะก้ีนี้ว่า พ่อแม่ครูจารย์ให้ออกพิจารณาทางด้านปัญญา ทีน้ีพิจารณาละท่ีน่ี ไม่ได้นอนได้สองสามคืนแล้ว กลางวันมันยังไม่นอนอีก (ท่าน)น่ันละมันหลงสังขาร (เรา)ถ้าไม่ พิจารณามนั กไ็ ม่รู้นี่นา (ท่าน)น่ันละบ้าสังขาร บ้าหลงสังขาร แลว้ กเ็ อาใหญเ่ ลย (เรา)พอคราวน้ี หมอบเลยนะ งูเหา่ ค่อยหมอบลง ทีนม้ี ันอาจจะถูกอย่างท่ที า่ นว่าน่นั แหละ เรานกึ ในใจนะ ทนี กี้ ็ นง่ิ พอออกไปก็ ถงึ อยา่ งน้นั ก็ตามเถอะ มนั ก็หมุนต้ิว ๆ ของมันเหมือนกัน แต่บทเวลาจะตายแล้ว กเ็ ขา้ สมาธไิ ดด้ ว้ ยบงั คบั นะ ถา้ ธรรมดาแลว้ มนั จะไมย่ อมเขา้ เพราะเหน็ วา่ ….ทนี มี้ นั ไมพ่ อดนี ะ เหน็ ว่าสมาธิน่ีนอนตายอยูเ่ ฉย ๆ ไมเ่ หน็ ได้ผลได้ประโยชน์อะไร นอนตายอยเู่ ฉย ๆ…สมาธิ ปญั ญาต่าง หากได้ผลทีน้ีก็จะเอาปัญญาแบบไม่หยุดอีกแหละ ว่าการท�ำงานได้งาน การพักไม่ได้งานก็ไม่พัก จะท�ำงาน กจ็ ะตายอีกเหมอนกนั ทนี ี้เวลามันเต็มทีเ่ ตม็ ฐานแลว้ มันจะไปไมร่ อดเพราะมนั ออ่ นไป หมดสกลกาย การท�ำงานด้วยปัญญา การคดิ ด้วยปญั ญาเป็นอัตโนมตั กิ ต็ าม แต่กเ็ ป็นงานของจิต ควรทจี่ ะไดพ้ กั เหน็ ว่ามนั หนกั เกนิ ไปแล้วก็บังคบั ถึงขนาดทไี่ ด้บริกรรมนะ พุทโธ ๆ ถ่ยี ิบไม่ยอม ให้ออก คือออกจะท�ำงาน ไม่ใช่ออกฟุ้งซ่านร�ำคาญไปท่ีไหนนะ ออกจะออกไปหางานท่ีท�ำยังไม่ เสร็จ บังคบั ไว้ ๆ จนกระทงั่ สดุ ทา้ ยจติ กล็ งแน่ว เงียบเลย และปรากฏวา่ ก�ำลังวงั ชานี้ โอ้โห เพิ่ม ขนึ้ มา ทีน้ีเลยพดู ไมถ่ ูกนะ พอใจมกี ำ� ลงั ในการพกั สมาธแิ ลว้ พอถอนผงึ เทา่ นน้ั ละโดดผงึ ไปเลย ทนี ม้ี นั กเ็ หมอื นยงั กบั วา่ เราไดพ้ กั ผอ่ นนอนหลบั เสยี แลว้ นพี่ ดู ถงึ การงานนะ หรอื ไดร้ บั ประทานอาหารมกี ำ� ลงั วงั ชาแลว้ ทำ� งานทำ� การ งานชนิ้ นน้ั แหละแตม่ นั เสรจ็ ไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ นกี้ เ็ หมอื นกนั ไมท้ อ่ นนน้ั แหละ ปญั ญา อนั นี้แหละ ฟันลงไปมนั ขาดสะบน้ั ลงไปเลย เพราะปัญญาได้พกั ตวั นัน่ แต่ถ้าไมจ่ �ำเปน็ จริง ๆ มัน ไมอ่ ยากจะพกั นะ ตอ้ งฝนื เอาเฉย ๆ แมร้ ะลกึ ถงึ คำ� ของทา่ นพดู มนั หลงสงั ขารนนั้ อยเู่ สมอ แตอ่ ำ� นาจ แหง่ การเพลนิ ในการพจิ ารณานมี้ ีกำ� ลงั มากกวา่ มนั ถงึ ไมย่ อมพกั ง่าย ๆ อยากใหห้ มเู่ พอ่ื นไดร้ ูเ้ อาไวเ้ รอ่ื งเหล่าน้ี ไมผ่ ดิ ที่สอน นแ้ี นใ่ จ เวลามนั เลยเถิดมันเลย เช่น อย่างท่านว่า อุทธัจจกุกกุจจะ หมายความว่าอย่างไรในสังโยชน์เบ้ืองบน คือความเพลินในการ พิจารณา เพลินในงานของตน ไม่มกี ารพักผ่อนในจติ ให้พอเหมาะพอดเี ลย นกี่ เ็ ป็นสงั โยชน์เครอื่ ง ขอ้ งอันหนง่ึ ท�ำให้เนิ่นชา้ อันหนง่ึ ความหมายว่าอยา่ งนน้ั แต่เวลามนั ผ่านแลว้ ก็รูเ้ อง นีถ่ ึงไดบ้ อก ไวก้ อ่ นเลย ทนี เี้ มอ่ื เวลาถงึ ข้ันนั้นแล้วมนั กห็ มุนตวิ้ ๆ เลย เอาละทน่ี น่ี ะ กเิ ลสมีอยูท่ ่ไี หน ดงั ทเี่ คยพูด แล้วในอาการของจิตท่ีพลิกแพลงเปล่ียนแปลงเคล่ือนไหวอะไรๆ มีแต่เรื่องการฆ่ากิเลส ตามฆ่า 109
กเิ ลสทงั้ นนั้ ถงึ ขน้ั ทเ่ี กรยี งไกรแลว้ เปน็ อยา่ งนนั้ กเิ ลสนห้ี มอบโผลอ่ อกมาไมไ่ ด้ โผลอ่ อกมาถา้ เทยี บ ออกมาแล้ว เหมือนหัวขาดทันทีๆ เลย ทีน้ีเวลากิเลสไม่โผล่ก็ต้องค้นหาล่ะซี น่ันละค้นหาก็เป็น งานอนั หนง่ึ พอเจอกิเลสแล้วไดง้ านแลว้ เอาอกี อนั หนึ่ง น่นั สดุ ท้ายก็หมนุ ต้ิวๆ ทัง้ วนั ทงั้ คนื จนถงึ ขนาดทว่ี า่ เอ๊ นท่ี ำ� ยงั ไงจติ ของเรานน้ี ะ่ เวลาเราคดิ ไวเ้ บอื้ งตน้ วา่ จติ มคี วามสงบเยอื ก เย็น สงบไปมากเพียงไร ละเอียดมากเทา่ ไร จติ จะมีความสะดวกสบายมากขน้ึ ๆ งานการทั้งหลาย จะน้อยลงๆ นี่มันคดิ เอาเฉยๆ ไม่ได้ตรงกบั ความจริงที่เป็นอยูเ่ ดีย๋ วนี้ ความจริงท่ีเป็นอยูเ่ ดย๋ี วน้ีมนั ยงุ่ มากทีส่ ุดก็คืองานขน้ั น้ี น่ัน แล้วเมอ่ื ไรมนั จะได้สงบตัวลงสกั ที ใหพ้ ักผ่อนสบาย พอคิดหยดุ ลง เทา่ นั้นมันกผ็ างเข้ากันอีกแลว้ ตะลุมบอนกนั อกี แลว้ ๆ อยู่อย่างนั้น จนกระทง่ั เอาใหก้ เิ ลสพงั ลงเสยี หมดไมม่ อี ะไรเหลอื เลย เอา้ จติ จะดบั ใหด้ บั ไป อะไรจะดบั .. ดบั ไมม่ อี ะไรทจี่ ะเอาเหลอื ไวเ้ ลย สมมตุ วิ า่ เราเปน็ อรหนั ตน์ ะ ใหเ้ ปน็ อรหนั ตห์ วั ตอไมม่ คี วามรู้ เอา ให้มันเห็น ฟัดกันลงหมดไม่มีอะไรเหลือไว้เลย ไม่สงวนอะไรไว้มันจะเป็นการสงวนกิเลส แม้เช่น นน้ั มนั กไ็ ปลมื ตวั อยจู่ นไดน้ น่ั แหละ ความสงวน ความรกั ความออ้ ยองิ่ ความอศั จรรย์ ความแปลก ประหลาด มนั โผลห่ นา้ ขน้ึ มาไมร่ ตู้ วั เลย ตดิ จนไดเ้ หน็ ไหม อวชิ ชาเกง่ ไหม ทงั้ ๆ ทถี่ งึ ขนาดนน้ั ปญั ญา ยังไปหมอบราบกบั อวชิ ชา เป็นองครักษอ์ วชิ ชาไวอ้ ีก นนั่ แตก่ ไ็ มน่ านเพราะสติปัญญาขน้ั น้ีไมใ่ ช่ เปน็ ขน้ั นอนใจ อะไรๆ กระดกิ พลกิ แพลงนดิ ๆ จะทราบทนั ทๆี เศรา้ หมองนดิ ทราบทนั ที คอื ธรรมดา ค�ำว่าผ่องใส จะต้องมเี ศร้าหมองเปน็ คู่กนั มันทราบทันทๆี เพราะมนั ละเอียดทนั กนั ๆ สุดทา้ ยมัน กไ็ มน่ อนใจกับธรรมชาติอันนี้ เอ๊ ท�ำไมธรรมชาตอิ นั นี้จงึ เปน็ อย่างนี้ ถึงเปน็ อย่างน้ี นัน่ ละท่ีน่ี พอ เห็นว่าอนั นี้เป็นอย่างนแี้ ลว้ มนั ไมไ่ วใ้ จละทีน่ ่ี ไมน่ อนใจ ไมไ่ ว้ใจ เห็นว่าอันนจี้ ะเป็นขา้ ศึกอะไรอนั หนึ่งจนได้แล้วแล้วน่ี สติมันก็ปักเข้าไป ปัญญาปักเข้าไปตรงน้ัน พังทลาย เอ้าที่นี่ไล่ฆ่ามัน หมุนต้วิ ๆ ต่อไปก็ไมห่ มุนน่ี มาเดย๋ี วนี้ เดนิ จงกรมทงั้ วนั มนั กไ็ มย่ อมเดนิ จะวา่ ไง มนั ขเี้ กยี จ นน่ั ถงึ ขน้ั ขเ้ี กยี จมนั ขเี้ กยี จได้ เดนิ จงกรมอยกู่ บั ปา่ กบั รกไมไ่ ดเ้ ลน่ กบั อะไรแหละ เลน่ กบั นกกบั สตั วไ์ ปอยา่ งนน้ั ทนี่ ่ี แทนทจ่ี ะเดนิ จงกรมหัวปักหัวป�ำเหมือนแต่ก่อนมันไม่เอา เดินจงกรมเป็นแบบเล่นไปเฉยๆ จะฆ่าอะไร เอา้ พูดอย่างอยากให้มนั เหน็ นี่ เอา้ ฆา่ อะไร สู้กับอะไร แน่ะ ใหม้ นั ถงึ นัน้ ซี ถา้ หากมันหมดแล้ว หามาซกี เิ ลสตวั ไหน ถา้ ว่ามนั หมดจริง ๆ แล้ว ยงั หาเจออยู่จะเรียกว่า มนั หมดเหรอ เอ้า ไม่ว่าความโกรธ ไมว่ า่ ความโลภ ไมว่ า่ ความหลง ไมว่ า่ อาการใดของกิเลส ถา้ ลง ได้หมดแล้วค้นเท่าไรก็ไม่มี จึงเรียกว่าหมดละซี ทีนี้จะสู้กับอะไรเมื่อมันหมดแล้ว ท�ำไมจะไม่รู้ 110
สภาพป่าและสัตว์ ภายในวัดป่าบ้านตาด สนฺทิฏฺฐิโก ทรงแสดงไว้แล้วทุกบททุกบาททุกแง่ทุกมุมทุกรายของผู้ปฏิบัติ ท�ำไมจะไม่รู้ สงสัย พระพุทธเจา้ ทต่ี รงไหน ความจริงเหมือนกนั สงสยั ทตี่ รงไหน มนั ก็รเู้ องนั่นละเร่ืองเหล่านี้ ความเพยี รไอท้ ว่ี า่ เมอื่ ไรจะไดห้ ยดุ ไดย้ ง้ั เสยี ทไี มต่ อ้ งบอก มนั ขเ้ี กยี จยงิ่ กวา่ อะไร มนั ไมอ่ ยาก ทำ� เดนิ จงกรมไปกเ็ ลน่ กบั สตั ว์ เหน็ กงิ้ กา่ กเ็ ลน่ กบั กง้ิ กา่ เหน็ จง้ิ จกกเ็ ลน่ กบั จงิ้ จก เหน็ กระแตกเ็ ลน่ กับกระแต เห็นนกก็เล่นกับนกไปเสีย แต่มันมีความหมายหนึ่งนะ ค�ำว่าเล่นน้ีคืออะไร คือจิต วญิ ญาณอยู่ในนั้น น่ัน โอ๋ ให้เสวยไปเสยี ก่อนเถอะ จิตดวงน้เี ป็นอยา่ งนี้เอง ความหมายว่าอยา่ ง นัน้ นะ จะเปน็ สตั วเ์ ป็นนกเปน็ อะไรกต็ าม หยาบละเอยี ดของรา่ งของสัตว์นนั้ น่ะ มจี ติ วญิ ญาณอยู่ น้ันๆ ท้ังหมด นั่นมันจับเอาน้ันนะที่มาเล่น เล่นด้วยความสงสารต่างหากไม่ใช่เล่นด้วยความ เพลิดเพลิน นน่ั ละเร่ืองของมนั ขอให้ท่านทง้ั หลายจ�ำไวน้ ะแลว้ ปฏิบัติ มนั หลอกไหมผสู้ อนอยเู่ วลาน้ี หลอกทา่ นทง้ั หลาย ไหม แล้วทำ� ไมจงึ มาเหลาะ ๆ แหละ ๆ การประพฤติปฏิบัตทิ �ำไมจงึ มาเหลาะๆ แหละๆ ให้กเิ ลส เหยียบหัวอยู่ กิเลสมันวิเศษนักเหรอ กิเลสมันท�ำลายสัตวโลกมาสักเท่าไรแล้ว รากไผ่เป็นยังไง อะไรเป็นคนทำ� เปน็ รากไผ่ ฟังเอาซิ พจิ ารณา เอาละเหนอื่ ยแลว้ 111
รมณยี านิ อรญฺญานิ ปา่ ท้ังหลายอันไม่เปน็ ทยี่ ินดีของมหาชน ยตฺถ น รมติ ชโน, ย่อมเป็นที่นา่ ร่นื รมย์ วีตราคา รเมสสฺ นฺติ, สมณะผมู้ ีราคะไปปราศแล้ว จักยนิ ดใี นป่าเหล่าน้นั , น เต กามคเวสโิ น. เพราะเธอทัง้ หลาย หาเป็นผ้แู สวงหากามไม่. ทางเดนิ ภายในเขตสงฆ์ วัดป่าบา้ นตาด 112
เทศนอ์ บรมฆราวาส ณ วดั ปา่ บา้ นตาด วันที่ ๑๗ กันยายน พุทธศกั ราช ๒๕๔๑ พดู เปิดอกในสภา เมื่อวานน้ีเอาของไปส่งโรงพยาบาลนายูง ได้อยู่เม่ือไร สถานีรถไฟเรียบร้อยแล้วยัง ใคร ผา่ นไปผา่ นมาสถานรี ถไฟอดุ รฯ ยงั ไมเ่ สรจ็ เหรอ นกี่ น็ ายสถานรี ถไฟยกขบวนมาขอซอ่ มสถานรี ถไฟ เราก็เลยวา่ ใหบ้ ้าง สถานรี ถไฟเปน็ สถานีแผ่นดินนี่นะ ควรอยู่ในความรบั ผิดชอบของงบประมาณ อย่างนอ้ ยไมไ่ ดเ้ หรอ วา่ ไมไ่ ด้ เอาเงนิ ส่วนตัวไปซ่อมหมดไปหลายแสนแล้ว ก็เลยหมดเงนิ มองหา ใครกไ็ มเ่ หน็ เหน็ แตห่ ลวงตา จงึ ยกขบวนมาขอ เรากเ็ ลยใหซ้ อ่ มหมดสถานรี ถไฟ ทง้ั ทำ� หอ้ งนำ�้ หอ้ ง สว้ มใหม่นะ ท�ำไปหมด เปดิ ให้เลย ถ้าวา่ ให้แล้วก็เปิดใหเ้ ลย เพราะนั้นเป็นจดุ รวมใหญน่ ่ีนะ เรา เหน็ ความส�ำคัญของสว่ นรวมใหญ่ก็เลยตอ้ งชว่ ย ชว่ ยมาก สถานรี ถไฟนชี่ ่วยมาก เพราะเปน็ สถานี รถไฟจังหวัดดว้ ย สถานีใหญ่ ซ่อมหมด แถวน้ันซอ่ มจนหมดเลยจนกระทั่งสถานรี ถไฟ 113
เข้าในป่าในเขาท่ีไหนไปหมดแล้ว ทีนี้ย้อนมามาตีตลาดสถานีรถไฟอุดรฯ ของเล่นเม่ือไร เงนิ เปน็ ลา้ นๆ นะไม่ใช่น้อยๆ เดีย๋ วน้ีโรงเรยี นกต็ ้งั สามโรงส่โี รง..โรงเรียนนะ อย่างน้นั ละมาทุกดา้ น ชว่ ยตลอดเวลา โรงเรียนแต่ละหลังเงินเป็นลา้ น ๆ ขน้ึ ไปเลย สองช้นั ก็หลายลา้ น ชั้นหนงึ่ กม็ ี สอง ช้นั กม็ ี ให้ทง้ั โตะ๊ ทัง้ เตียงท้ังอะไรหมดก็มี ให้หมดเลยกม็ ี เด๋ียวน้ยี งั อยสู่ องสามโรง.โรงเรียน ระลึก ไม่ได้นะ เหน็ บลิ มาถงึ รู้ บลิ มารบั เงนิ ถึงรู้ อ๋อ ท่นี ่ัน..จ่าย เพราะตอบรบั กันเรยี บร้อยแลว้ ตกลงกนั แลว้ แตเ่ ราลมื ไปเฉยๆ มาทางนั้น เดย๋ี วมาทางนี้ ตอ้ งดูบลิ มาจากไหน คอื มากต่อมาก นลี่ ะอำ� นาจแหง่ ความเมตตา ดเู อาซพิ น่ี อ้ งทงั้ หลาย ความเมตตาไปถงึ ไหนเยน็ ไปถงึ นน้ั ถา้ ตา่ งคนตา่ งมคี วามเสยี สละ ตา่ งคนตา่ งมคี วามเมตตาเหน็ อกเหน็ ใจกนั แลว้ โลกนจ้ี ะไมค่ อ่ ยรอ้ นนกั นะ จะพอมนี ำ�้ ดบั ไฟเยน็ กนั ตามจดุ ตามแหลง่ ไปละ อนั นมี้ แี ตค่ วามเหน็ แกต่ วั ความตระหนถ่ี เี่ หนยี ว เขากก็ วาดเขา้ มา เรากก็ วาดเขา้ มา ทจี่ ะกวาดใหก้ นั ไมม่ ี โลกกร็ อ้ น นล่ี ะโลกของกเิ ลส ทา่ นวา่ กเิ ลส กบั ธรรม เหมอื นอยา่ งสมยั ปจั จบุ นั นเี้ ขาวา่ มา่ นเหลก็ มา่ นประชาธปิ ไตย กค็ อื ประชาธปิ ไตยหมาย ถงึ ธรรม มา่ นเหลก็ หมายถงึ กเิ ลส อยคู่ นละฟากม่าน มา่ นของกเิ ลสไปไหนร้อนทนี่ น่ั เป็นไฟไปหมดเลย มา่ นเหล็กรปู ร่างเราเหน็ ไหม เมืองไทย เราจนจะแตก ครกู บั นกั เรยี นก็ไลก่ ันออกจากโรงรำ่� โรงเรียน แตกกระจดั กระจาย เหน็ ไหมเกง่ ไหม ไฟนรก น่ีละเขาเรยี กม่านเหล็ก ไปทีไ่ หนร้อนทน่ี ่ันเลย เดย๋ี วน้ีกส็ งบไป คงจะเหน็ โทษของมันง่าย ถา้ ไมเ่ ห็นโทษของมนั งา่ ยก็จมไปเลย โลกนกี้ ็เป็นโลกสตั ว์ลว้ นๆ เลยแหละ เอาหางไปตดิ เสียหมด เลยมนษุ ย์เรา หางหมาน่ี หมาอยใู่ นวดั ในบา้ นไมไ่ ดน้ ะ ว่ิงเข้าป่าหมดเลย ไม่ง้นั คนไปแยง่ หางหมา มาใส่ซี เปน็ หมาแล้วไมม่ หี างเขา้ กบั หมาไม่ไดซ้ ิ อยากเข้ากบั หมาก็ไปแย่งหางหมามา ไปพิจารณาซิ ทพี่ ดู เหลา่ นีใ้ หพ้ จิ ารณานะน่ี นล่ี ะถา้ เรอ่ื งฟืนเร่อื งไฟไปไหนเป็นอยา่ งนน้ั ละ เผาไปเลยไม่มีเว้น เผาไปได้ท้ังนัน้ ถา้ ธรรมไปท่ีไหนเย็นไปหมด ไมม่ คี �ำว่าสงู วา่ ต่ำ� ชาติช้ันวรรณะ ไมม่ ี ลงในคำ� เดียวว่า สพเฺ พ สตฺตา อันวา่ สตั วท์ ้ังหลาย เปน็ เพือ่ นทกุ ข์เกดิ แกเ่ จบ็ ตายดว้ ยกนั หมด ท้งั ส้นิ ครอบหมดเลย เสมอภาค เหน็ อกเหน็ ใจกันทัว่ ถึงหมดเลย นี่ละธรรมพระพทุ ธเจา้ ฟงั เอาซิ คำ� ว่า สพเฺ พ สตตฺ า อันว่าสัตว์ท้งั หลาย เปน็ เพือ่ นทกุ ขเ์ กิดแก่เจบ็ ตายดว้ ยกันหมดทั้งส้ิน คือสตั ว์ ทุกตัวเกิดมาด้วยอ�ำนาจของกรรมท้ังนั้น ไม่ได้เกิดข้ึนด้วยอ�ำนาจของชาติชั้นวรรณะ ยศถา บรรดาศักดอ์ิ ะไร เกดิ ขึ้นมาด้วยอำ� นาจของกรรม กรรมเป็นพนื้ ฐานท่จี ะใหเ้ กิด นอกนน้ั ก็แตกเป็น แขนงออกไป สุจรติ บา้ ง ทุจรติ บ้าง แล้วแตจ่ ะเกิด น่ันเป็นเรือ่ งนอกต่างหาก 114
หลักของกรรมน้ีเปน็ หลักใหญ่ เพราะฉะนั้นท่านจงึ ไม่ให้ดถู กู เหยยี ดหยามกนั แม้แต่สัตว์ เดรจั ฉานทา่ นกไ็ มใ่ หด้ ถู กู เขา เวลานเ้ี ขาเสวยกรรมอยใู่ นวาระของกรรมของเขาอยา่ งนนั้ ๆ เปน็ ชนั้ ๆ ไปเลย ทา่ นจงึ ไมใ่ หป้ ระมาท มนั เปน็ วาระ ๆ เวลาพน้ แลว้ เขาสงู กวา่ เราก็ได้ กเ็ หมอื นอยา่ งคนลง มาจากบ่อนำ�้ ลงมาจากหลมุ จากบอ่ แล้วข้นึ ภูเขา ทแี รกเขาอยู่กน้ บอ่ พอขน้ึ มาแลว้ เขาขน้ึ ภเู ขาสูง กวา่ เราอีก กรรมไมแ่ นน่ อนแลว้ แต่ใครสรา้ งของใครเอาไว้ นีเ้ ปน็ หลกั ตายตัวธรรมชาติของวฏั วนเป็น อย่างน้ี นอกวัฏวนแล้วหมดปัญหาโดยประการทั้งปวง นิพพานไม่มีที่ว่าอย่างนี้ เพราะฉะน้ันผู้ บริสุทธิแ์ ลว้ จงึ เสมอกันหมดเลย เปน็ อนั เดียวกันเลย ไมม่ วี ่าสงู วา่ ต�่ำ แตอ่ ยูใ่ นกฎของวัฏจกั รแล้ว ต้องมสี ูงมีต�่ำตามอ�ำนาจของกรรม กรรมเป็นหลักใหญม่ ากทส่ี ุดเลย ชาวพทุ ธเราจงึ อยา่ มองขา้ มกรรมนะ ถา้ อยากอยดู่ ว้ ยกนั เปน็ สขุ ใหเ้ ชอื่ กรรมทกุ คน ใครจะ สงู จะตำ่� อยา่ ดถู กู เหยยี ดหยามกนั มนั เปน็ ตามขนั้ ตามตอนของกรรมทไ่ี ดเ้ สวยแตล่ ะราย ๆ ไป ดถู กู กันน้ีกเ็ ทา่ กับดูถกู เจา้ ของ เป็นคนลมื ตวั ละ ดูถกู คนอน่ื เหยยี ดหยามคนอ่ืน นคี่ นลืมตัว คนนี้คน จะจม ไมใ่ ชข่ องดนี ะ การดถู กู เหยยี ดหยาม กันไม่ใช่ของดี คือเหยียบย�่ำตัวเองนั่น แหละไมใ่ ช่เหยยี บย�่ำใคร ลมื ตวั ทนั ที คดิ ดพู ระพทุ ธเจา้ ทา่ น พระปว่ ย ปู ติคัตตติสสะ แปลว่า ร่างกายเน่าหมดทั้ง ตวั เลย จนพระไมก่ ลา้ จะอปุ ถมั ภ์อุปัฏฐาก ได้ ดูแลไม่ไหว เน่าหมดทั้งตัว ก็เปน็ กรรม ของท่านอันหน่ึงมา อุปนิสัยของท่านสูง เปน็ ผา้ ขร้ี วิ้ หอ่ ทองนะ รา่ งกายเปอ่ื ยเนา่ ไป หมด แต่ใจน้ันพร้อมท่ีจะบรรลุเป็นพระ อรหนั ต์ พระพทุ ธเจา้ เสดจ็ มาทรงอปุ ฏั ฐาก เองเทียวนะ มาดูแลเอง ท้ังที่พระพทุ ธเจา้ กบั ปตู ิคตั ตตสิ สะ รา่ งกายเนา่ เปน็ กเิ ลส แล้วกไ็ มส่ มควรอย่างยิ่ง ที่พระพทุ ธเจ้าจะ 115
มาคลุกเคล้ากับสิ่งเหล่านี้ มันจะไปอย่างนั้นนะกิเลส แต่พระพุทธเจ้าว่า อย่าว่าส่ิงเหล่านั้น ของเราก็มเี หมอื นกนั กับนี้ มันเน่าอยู่ภายในไม่เนา่ อยู่ภายนอก น้อี อกมาภายนอกตา่ งหาก นน่ั ละธรรมเปน็ อยา่ งนน้ั ดทู ว่ั ถงึ หมด มาทรงอปุ ฏั ฐากเอง ตม้ นำ้� ตม้ ทา่ ชโลมทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ ง ทรงทำ� เอง พระกร็ มุ กนั มาเลย เห็นพระพุทธเจ้ามาทรงท�ำเอง ในชาดกต�ำรามอี ยา่ งนนั้ เหน็ ไหม พระพุทธเจา้ ถือสูงถือต�่ำทีไ่ หน ออกจากนนั้ แลว้ กท็ รงใหโ้ อวาทสั่งสอนเรอ่ื งกรรมเปน็ ยังไง ๆ นล่ี ะ ไมใ่ หด้ ถู กู กนั ดซู นิ กี่ รรมแสดงไมใ่ ชอ่ ะไรทไี่ หนมาแสดง กรรมของตวั เองมาแสดง แตก่ รรมดกี แ็ สดง อย่ภู ายใน ที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานกอ็ ยภู่ ายใน อันน้ีกรรมท่ีเสวยมาตามระยะๆ ของธาตุของขันธ์ของวิบากกรรมอันน้ีมันก็เป็นอย่างน้ี วิบากกรรมอันดีของภายในจติ ก็เปน็ อย่างนน้ั ไมไ่ ด้คละเคล้ากนั นีน่ ะ พอเทศนาวา่ การจบลงแลว้ เป็นพระอรหันต์ บรรลุธรรมปึ๋งข้ึนเลย นั่นละผ้าข้ีริ้วห่อทอง กรรมท่ีวิบากสร้างมาก็เป็นของมัน เอง จนกระทัง่ ร่างกายเนา่ ใครดูไมไ่ ดเ้ ลย พระเณรแตกหนีหมด พระพุทธเจ้าทรงมาอปุ ฏั ฐากเอง ภายในกพ็ ระพทุ ธเจา้ ทรงอปุ ฏั ฐากเองจนกระทง่ั บรรลธุ รรม นน่ั ละมนั ไมเ่ หมอื นกนั นะขา้ งนอกขา้ ง ใน เหน็ เขางุม่ งา่ มตว้ มเตีย้ ม ๆ อยา่ ไปตำ� หนิเขานะ ภายในเป็นอนั หนึง่ ของหัวใจแตล่ ะคนๆ ทา่ น จงึ ไมใ่ หด้ ถู กู เหยยี ดหยามกนั ดกู นั ใหด้ ดู ว้ ย สพเฺ พ สตตฺ า อยา่ ไปดดู ว้ ยการดถู กู เหยยี ดหยาม ทำ� ลาย ตวั เอง เมืองไทยเราเปน็ เมืองพุทธ ใหเ้ สมอภาคกัน เชอื่ กรรมแล้วเสมอภาค อยู่ด้วยกนั เป็นสุข ไม่ วา่ ใครจะอยบู่ า้ นนอกในเมอื ง ในปา่ ในเขาทไ่ี หนกต็ าม อยไู่ ดด้ ว้ ยอำ� นาจของกรรมๆ ดว้ ยกนั ทงั้ นน้ั ท่านจงึ ไม่ให้ดถู ูกกัน อย่ตู ามอ�ำนาจแหง่ กรรมของตน เสวยตามวาระๆ ไป พระพุทธเจา้ จงึ ไมใ่ ห้ ประมาท หา้ มทีเดียวนะ สัตว์อยู่ในท้องก็ยงั ไม่ให้ไปท�ำลายคิดดูซิ ขนาดนั้นนะพระพุทธเจ้าเคารพ เคารพกรรมอนั นี้ กรรมของสตั ว์ พระพทุ ธเจา้ ทรงสงั่ สอนเอง แลว้ กท็ รงทำ� หนา้ ทขี่ องศาสดาทเ่ี ตม็ ไปด้วยเมตตาเสมอภาคกนั กับสตั ว์ทั้งหลาย ตา่ งกันอย่างน้นั นะ พอพูดถึงนี้แล้วก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในกรุงเทพ ทุกข์จนมาก น่ีก็กรรมอันหน่ึงของแก เหมอื นกนั ไปทไ่ี หนเขาบยุ้ ปากเลยๆ เขาไมอ่ ยากใหเ้ ขา้ ไปหนา้ รา้ นเขาเลย เขามาพดู ใหฟ้ งั ไมใ่ ชเ่ รา เอาคำ� พูดสุม่ ส่สี ุ่มหา้ มาเล่า เวลาเขาจนมองเห็นเขากินขา้ ว โฮ้ (ว่างัน้ นะ) น�้ำลายไหล มองหาอะไร ท่ีจะกนิ ก็ไมม่ ี ความจนกจ็ น ความหิวก็หวิ ลูกก็อยอู่ กแม่ แมก่ ็จะตาย ลูกก็จะตาย เขาเล่าให้ฟัง 116
ทีแรกออกทางหนังสือพิมพ์ก่อนเร่ืองผู้หญิงคนน้ี จากน้ันเราก็สืบเสาะไปจนกระทั่งถึงตัว ให้นัก หนังสือพิมพ์นักข่าวไปติดต่อให้จนกระท่ังถึงตัว แล้วได้ตัวมาคุยกัน พูดตามความสัตย์ความจริง ท้ังพดู ทัง้ นำ้� ตารว่ งพูดตามความเป็นจรงิ น่นั ละเวลาแกเสวยกรรมของแกกเ็ ปน็ อยา่ งนัน้ ไปท่ีไหน เขาบุ้ยปากเลย เขาถม่ นำ้� ลาย เขาไม่ให้เขา้ รา้ นเขา เขาดูถกู เขามาเล่าให้ฟงั เราก็สงสาร เลยช่วย เลยแหละ ชว่ ยขนึ้ ปจั จบุ นั เลยนะไมใ่ ชธ่ รรมดา ซอื้ บา้ นใหท้ งั้ หลงั เลย บา้ นราคากแ่ี สน ขดั ขอ้ งอะไร ใหห้ มดเลย ผงึ ผงั ดดี ขนึ้ ทนี ้ีรา้ นทีบ่ ุ้ยปากก็มาประจบประแจงแก มาเลียแขง้ เลยี ขาแก เห็นวา่ แกมีฐานะ อย่างน้นั ซเิ วลาน้ันก็บ้ยุ ปากใส่เขา ถ่มนำ้� ลายใสเ่ ขา ทีน้ีกม็ าเลียแข้งเลยี ขาเขา นเี่ หน็ ไหมโลกสกปรก เหน็ เขาอยูใ่ นสภาพนนั้ กเ็ หยยี บย�่ำลงไปอีกนะ แทนทจ่ี ะยกยอเขาขึน้ ดว้ ยความเมตตาสงสารเขากลับ เหยยี บยำ�่ ลงไปอกี ทนี เี้ วลาเหน็ เขาดขี น้ึ มาแลว้ มาประจบประแจงเลยี แขง้ เลยี ขาเขาอกี นเี้ ขากม็ า พดู ให้ฟงั เห็นประจักษ์อย่างนี้เอง เราช่วยจรงิ ๆ ช่วยจนฟ้ืนได้เลย รา้ นขายของกซ็ ือ้ ให้ เป็นรา้ น ทขี่ ายของดเี ขาจะเซ้งใหก้ ็ซือ้ ใหเ้ ลย เขากเ็ ข้าทำ� หนา้ ท่แี ม่ค้าใหญ่ตรงน้นั เลยเทยี ว บา้ นซื้อให้ราคา หลายแสน 117
ไดฟ้ งั สภาพอยา่ งนั้นแลว้ สงสาร เราช่วยทนั ทีเลย แล้วพวกทีบ่ ยุ้ ปากถม่ นำ้� ลายใสเ่ ขา กลบั มาประจบประแจงเลียแขง้ เลยี ขาแก เหน็ ไหมความหยาบของคนมันหยาบทั้งสองดา้ น เวลาบ้วน น�้ำลาย ใส่เขาบุ้ยปากใส่เขาก็เป็นต่�ำประเภทหนึ่ง ทีน้ีมาประจบประแจงเขาอีกก็ต่�ำอีกประเภท หนงึ่ นลี่ ะอยา่ งนเี้ ราชว่ ยโลก เวลามาสมั ผสั เรากพ็ ดู ทไ่ี มพ่ ดู มากกวา่ นน้ี ะ ทำ� นองเดยี วกนั นมี้ เี ยอะ เพราะฉะนัน้ เราจะเอาเงินมาจากไหนพิจารณาซิ มนั ก็อย่างนจ้ี ะวา่ ไง เราจะหามาจากไหน ไม่ใช่ แม่น�้ำมหาสมุทรทะเลหลวง แตค่ วามเมตตานน้ั อยา่ มาเทียบแม่น�้ำมหาสมุทรทะเล ข้ีปะตว๋ิ วา่ งัน้ เลย ครอบโลกธาตจุ ะวา่ ไง เราทำ� นเี้ ราทำ� ดว้ ยความเมตตานะทำ� ตอ่ โลก เพราะฉะนนั้ เราถงึ ไดบ้ อก บางคน อยา่ ลมื เนื้อลืมตวั เหน็ เราประกาศก้องเกย่ี วกับให้ช่วยชาติบา้ นเมอื งอะไร เราไปทไ่ี หน ถามหาแตท่ องคำ� ถามหาแตเ่ งนิ บางคนกจ็ ะมาคดิ ไปแบบบยุ้ ปาก วา่ หลวงตานเ้ี ปน็ คนขอทาน ไปบ้าง ไม่ไดค้ ดิ วา่ เราแบกมันขน้ึ จากหลม่ ลึกเลย บางคนลืมตัวได้นะ ไม่รู้ว่าเราแบกคนทั้งประเทศข้ึนจากหล่มลึกด้วยวิธีการอย่างน้ี ก็จะเหน็ วา่ เราเป็นคนขอทานไป เราบอกตรงๆ เราไม่ไดบ้ กพร่องอะไร เราพอทุกอย่างแล้วเราพูด ตรงๆ เราช่วยโลกด้วยความเพยี งพอของเรา เราไมม่ บี กพร่อง สมบรู ณเ์ ตม็ ทเ่ี ลย ไม่มีอะไรจะเพิ่ม เตมิ อกี แลว้ เราพดู ตรงๆ ธรรมเรากไ็ มห่ าแลว้ วา่ งนั้ เลย แตก่ อ่ นเราหาธรรมแทบเปน็ แทบตาย เดยี๋ ว นเ้ี ราไมห่ าแลว้ ทำ� ไมจงึ พดู อยา่ งนนั้ ไดฟ้ งั ซิ กธ็ รรมกบั หวั ใจเปน็ อนั เดยี วกนั แลว้ หาอนั ใดหาทไ่ี หน อีก ความหมายก็วา่ อยา่ งนัน้ ธรรมกบั ใจเปน็ อนั เดยี วกนั แลว้ แลว้ หาอะไร หามาใสท่ ี่ไหน มนั เปน็ อันเดยี วกันแลว้ จะไปหามาใส่อะไร เราชว่ ยโลกอย่างน้นั เราช่วยดว้ ยความเมตตาจริงๆ ไมไ่ ด้ช่วยเล่นๆ ใครจะพจิ ารณายงั ไง กพ็ จิ ารณาซเิ วลายงั มผี นู้ ำ� อยู่ เรากบ็ อกแลว้ วา่ ผนู้ ำ� ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งเลก็ นอ้ ยนะ เราหาแลว้ หาผนู้ ำ� หากอ่ น ใครแลว้ ก่อนทีจ่ ะมาแสดงตวั นี้ หาจนไม่มชี อ่ งทจี่ ะหา หมดทางทจ่ี ะหา หาทางออกไม่ได้ จงึ ได้วก เวียนมาหาเจ้าของเอง จึงได้แสดงตัวอย่างนี้ออกมา บางคนก็จะลืมตัวซิ เห็นเราพูดอย่างนั้น ว่าหลวงตานี่เป็นคนขอทาน เป็นคนยากไร้เข็ญใจคนไมม่ รี าค�ำ่ ราคา คนขอทาน ไปที่ไหนคนแตก ฮอื ๆ ก็จะคดิ ไปอยา่ งนัน้ ไปท่ีไหนความจนแตกฮือต่างหาก เราไปท่ีไหนให้ความจนแตกฮือต่างหาก ความ สมบรู ณพ์ นู ผลหนนุ ขน้ึ แทนที่ ๆ ตา่ งหาก ทเ่ี ราพาดำ� เนนิ ดำ� เนนิ อยา่ งนน้ั ไมไ่ ดด้ ำ� เนนิ เพอื่ ความ ล่มจมแก่บา้ นแก่เมอื งแก่ตัวเองนะ คนผคู้ ิดอยา่ งนั้นมันกค็ ดิ ได้นะ เพราะมนั คิดตน้ื ๆ คนหน่ึงไมไ่ ด้ 118
คิดตนื้ แบกคนทัง้ ประเทศตื้นเมอ่ื ไร กอ่ นทีจ่ ะมาแบกคนทงั้ ประเทศคิดจนอกจะแตกแลว้ ฟงั ซินะ่ ไม่มีทางออกจงึ ไดเ้ อาตัวมาเป็นตวั ประกนั ยกชาติไทยของเราขึ้น นี่ถ้าหากว่าเรามีนะ เราจะไม่กวนชาวบ้านชาวเมืองเลย แต่ของเราคนเดียวพอแล้ว ตูม เดียวท่ัวประเทศไทย ช่ัวโมงเดียวหมด เรียบวุธหมดเลย แต่นี้เราไม่มีนั่นซิจึงได้เรียกร้องให้ช่วย เหลือซง่ึ กนั และกัน ชว่ ยกันเพื่อยก ถ้าเรามแี ลว้ โอ๊ย ไม่ยาก เราไม่ถามใครใหล้ ำ� บากเสยี เวลำ่� เวลา ยกตูมเดียวเลยทว่ มปุ๊บเลยเทยี ว ความจนลงทะเลหลวงมองตามหลงั ไมท่ ันเลย มนั จมไปเลย แต่ นกี้ ็เพราะไม่มนี ั่นเองจงึ ได้ขอร้องจากพี่น้องทง้ั หลายให้ชว่ ยกนั อนั นีไ้ ม่ใชก่ �ำลงั ของคนคนเดยี วจะ ยกได้ มนั ก�ำลงั ของทกุ คนทีจ่ ะยกชาตขิ องตนขนึ้ ถึงถูก ถึงตอ้ งได้พยายามอยา่ งน้ี เม่ือมันหนักมากก็พักไปเป็นระยะๆ เพราะเวลาน้ีแก่มากแล้ว เดินไปก็โซซัดโซเซแล้ว กำ� ลงั วงั ชาไมม่ ี แตจ่ ติ ใจนนั้ แขง็ แกรง่ ตลอดเวลา ไมง่ นั้ ไปไมไ่ ดน้ ะ นเ้ี ราไปดว้ ยอำ� นาจกำ� ลงั ใจกำ� ลงั ความเมตตาตา่ งหาก ทเี่ ราตะเกียกตะกายอยทู่ ุกวันน้ี ใจเปน็ สำ� คัญมากนะ ใจเปน็ สุขรา่ งกายจะ เปน็ ไรกเ็ ปน็ อกี อย่างหน่งึ ใจซ่ึงเป็นส่วนใหญเ่ ป็นสำ� คญั มาก 119
การทพี่ ระอรหนั ตท์ า่ น เวลาทา่ นนพิ พานแลว้ ทา่ นตายไปแลว้ อฐั ขิ องทา่ นถงึ กลายเปน็ พระ ธาตุ คืออัฐิของท่านเป็นร่างกายส่วนหยาบก็ตาม แต่ได้รับการซักฟอกจากจิตท่ีบริสุทธ์ิแล้ว เลย กลายเปน็ รา่ งกายทลี่ ะเอยี ด เวลาตายแลว้ อฐั กิ ก็ ลายเปน็ พระธาตไุ ด้ เพราะอฐั นิ น้ั ไดร้ บั การซกั ฟอก จากจติ ทบี่ รสิ ทุ ธเ์ิ รยี บรอ้ ยแลว้ เวลาทย่ี งั ครองรา่ งอยู่ เวลาตายแลว้ อฐั ทิ า่ นจงึ กลายเปน็ พระธาตุ คอื จิตทบี่ ริสุทธฟ์ิ อกรา่ งกายนีโ้ ดยหลักธรรมชาติเอง คอื เป็นเองอยูใ่ นนัน้ ยงิ่ ทา่ นเขา้ สมาธสิ มาบตั แิ ลว้ กย็ ง่ิ เปน็ การซกั ฟอกรอ้ ยเปอรเ์ ซน็ ตเ์ ลย ๆ ถา้ ทา่ นอยธู่ รรมดา ครองขันธ์ธรรมดา ก็เป็นการซักฟอกอยู่โดยอัตโนมัติ ทีน้ีร่างกายก็สะอาด สะอาดตามส่วนของ ธาตทุ หี่ ยาบ สะอาดภายใน เวลาตายแลว้ อฐั กิ ก็ ลายเปน็ พระธาตุ อยา่ งของพอ่ แมค่ รจู ารยม์ นั่ นี้ โห พสิ ดารมากนะ สมท่านครองขนั ธ์ด้วยจติ ท่บี ริสทุ ธิ์มานาน ทา่ นได้หลกั สำ� คัญก็คอื พรรษา ๒๒ อยู่ ถำ�้ สารกิ า ท่ที ่านวา่ จติ ของทา่ นรวมนี้ โอ๋ย โลกธาตรุ าบเปน็ หนา้ กลองเลย สว่างจา้ ทา่ นเล่าใหฟ้ งั เรากพ็ ูดตามหลักความจรงิ ใครจะวา่ โอ้ว่าอวดเราไมส่ นใจ เพราะธรรมเป็นของจริง ออกตลาด ได้ ทุกแงท่ ุกมุมไม่สะทกสะทา้ น จึงเรียกว่าเปน็ ของจริง ถ้าเปน็ ของปลอมแลว้ จะลอบๆ มองๆ เชน่ อยา่ งเงนิ ปลอมไปซื้อของเขาอย่างนี้ ย่านไหนตลาดไหนทม่ี ีคนฉลาดมาก ไมก่ ลา้ เข้าไปซอ้ื ของนะ เดยี๋ วเขาจับได้ ถ้าท่ไี หนเซอ่ ๆ เขามกั จะเอาเงินปลอมไปซ้ือของตามทคี่ นเซอ่ ๆ นน่ั ละถา้ เป็นของ ปลอมมนั จะเลอื กเขา้ ทน่ี น่ั ทน่ี ไี่ มส่ งา่ ผา่ เผย ถา้ เปน็ ของจรงิ เดก็ ถอื ไปกไ็ ด้ ธนบตั รจรงิ เดก็ ถอื ไปกไ็ ด้ ใชไ้ ด้หมด ถ้าเปน็ ของปลอมไมว่ ่าเดก็ ไม่ว่าผูใ้ หญ่ถือไปปลอมทง้ั น้นั อันนี้ธรรมของจริงไม่ว่าส่วนย่อยส่วนใหญ่ ไม่ว่าใครรู้ใครเห็นใครเป็นแสดงออกได้ท้ังนั้น ไมส่ ะทกสะทา้ น เพราะผนู้ น้ั เอาของจรงิ มาพดู ไมไ่ ดป้ ลอมเหมอื นกเิ ลส กเิ ลสมนั ปลอม แตเ่ ราตา่ ง คนต่างเสกเป็นบ้ากันไปเลยให้เป็นของจริง มันจะจริงได้ยังไง ขี้หมาต้องเป็นข้ีหมาอยู่น้ันแหละ เสกยงั ไมถ่ ึงใจกเ็ อามาดมดูซิ เปน็ ยังไงขีห้ มามนั หอมหรือมันเหม็น เอามาดมดูซิ ถา้ ยงั ไม่ถึงใจอีกก็ ฟาดเข้าในปากเลย เคยี้ วเลย เอาๆ ใหเ้ หน็ ชดั ๆ อย่างนี้ซิ น่นั ละธรรมท่านเปรียบเทียบเข้าไปเป็น ขั้นๆ เข้าไป น่ันละของปลอมเป็นอย่างน้ัน อยู่ไหนก็ปลอมไปหมด ถ้าของจริงอยู่ที่ไหน ก็จริงไปหมด ท่านอยู่ถ�้ำสาริกา น่ันเวลาท่านได้รับความทุกข์นะ น่ีละคนเราเวลาจนตรอกจนมุมจริงๆ ช่วยตวั เองไดน้ ะ ปญั ญามาเอง ของท่านก็เหมอื นกัน ทา่ นเปน็ โรคท้อง ยานีก้ เ็ คยบ�ำบัดกนั ไดเ้ ป็น ระยะๆ ไปทา่ นว่า แล้วไปอยใู่ นถ้ำ� สาริกา กเ็ ป็นยาสมุนไพรมีอยู่ตามท่ีท่านพกั เขาก็บอกแล้วก่อน 120
ทีท่ ่านจะขึน้ ไปวา่ พระตาย ๔ องคแ์ ล้วถ�ำ้ นี้ เขาจึงถามว่านีท่ า่ นจะตายองค์ที่ ๕ เหรอ เขาบอก ท่านไม่ฟงั ท่านบอกใหเ้ ขาพาไปส่งข้ึนถ�ำ้ สารกิ า นี่ท่านจะตายองค์ที่ ๕ เหรอ เขาว่าอยา่ งนัน้ โอย๋ ที่ไหนกไ็ มว่ า่ แหละ (ทา่ นวา่ อยา่ งนั้น) ขอไปดู ควรอยกู่ ็อยู่ นน่ั ฟงั ซิ ท่านพดู ถอ่ มตนของท่าน ควร อยู่ก็อยู่ ควรลงกล็ ง ใหไ้ ปดูเสยี ก่อน ทางจติ ทา่ นไมไ่ ดเ้ ปน็ อยา่ งนนั้ ทา่ นเลา่ ใหฟ้ งั ทไี่ หนมนั ไมต่ ายนะ่ ทา่ นวา่ อยา่ งนน้ั ทเี ดยี วนะ ถ�ำ้ ไม่ถ�ำ้ มนั ตายทั้งนนั้ น่นี ะ ป่าชา้ มีอย่ทู ว่ั ไป นน่ั ในใจของท่าน แตเ่ วลาพูดออกมา เขา้ ไปดูเสยี ก่อน มันควรอยูก่ อ็ ยู่ ไม่ควรอยู่กล็ งเสีย ทา่ นว่าอยา่ งน้นั พอข้นึ ไปแล้วโรคกก็ �ำเรบิ ใหญ่เลย น่ีเรานจี่ ะ เป็นองค์ท่ี ๕ จรงิ ๆ เหรอท่านกว็ ่าอย่างนนั้ เอ้า ห้ากห็ ้า ทา่ นไมไ่ ด้ถอย เอา้ ห้ากห็ า้ ว่างนั้ เลย เอา ยาอะไรมาฉนั กไ็ ม่ มนี ำ�้ ยาเลยแหละ สดุ ทา้ ยทา่ นบอกวา่ ยากำ� อยนู่ ป้ี าเขา้ ปา่ มนั เปน็ อะไร เอา้ เปน็ กเ็ ปน็ ตายก็ตาย ยาท่กี �ำน้เี อามาตม้ แลว้ ปาเขา้ ป่าเลย ทิ้งหมด เข้าในถ้ำ� เลย ถำ้� เลก็ ๆ เราไปดูหมด แหละ ทท่ี า่ นบอกตรงไหนไปดู ทีน้ีเวลามันเอาจริงๆ มันก็หนักจริงๆ หนักก็ฟัดกันเลย..ทุกขเวทนา เอากันเต็มเหนี่ยว เอา้ เป็นก็เป็น ตายก็ตาย เอาสนามรบนเี่ ป็นป่าช้า สนามรบกับความทุกขค์ วามทรมาน กบั กิเลส ตณั หาทเี่ กดิ ความฟงุ้ ซา่ นวนุ่ วายตา่ ง ๆ ขนึ้ ในนน้ั ฟดั กนั ในนน้ั เลย เอา้ เปน็ กเ็ ปน็ ตายกต็ าย พอได้ ทม่ี นั กพ็ รบึ เลย พอลงไดจ้ งั หวะแลว้ พรบึ ทนั ที ดบั หมดเลยโลกธาตสุ วา่ งจา้ ไปหมดเลย ไมม่ อี ะไร ปดิ บงั ลล้ี ับ สวา่ งจา้ ไปหมดเลย ท่ีเราพดู ถงึ เรื่องผีใหญท่ ีม่ นั จะมาตีทา่ น อยา่ งนัน้ แลว้ เหน็ ไหม ล่ะ แบกเหมือนทอ่ นเหลก็ จะมาตที า่ น ดังที่เขยี นในประวัติ เด๋ยี วนล้ี มื แลว้ นกี่ ็เป็น นีล่ ะความจริง ปพี รรษา ๒๒ ทา่ นได้หลกั เกณฑไ์ ม่หวัน่ ไหวตรงน้ันละ ท้ัง ๆ ทีก่ ิเลสมอี ยู่นะ แต่วา่ หลกั ธรรมนี้เขา้ ส่ใู จแลว้ ไมห่ ว่นั ไหวเลย เช่ือแนต่ อ่ มรรคผลนิพพาน กล้าหาญตง้ั แตน่ ้ันมา ไปไดห้ ลกั เกณฑอ์ นั ใหญ่หลวงทถ่ี ้ำ� สารกิ า สิ่งเหล่านี้มันมีตั้งแต่คร้ังน้ันเหรอ ทุกวันนี้ก็ท�ำลงไปซิใครจะท�ำ ส่ิงท่ีจะเจอของจริงมีอยู่ เปน็ แตเ่ พยี งวา่ หลบั ตาดูเฉย ๆ ไม่เหน็ เวลาลมื ตาป๊บั กเ็ หน็ อยา่ งท่านเหน็ เราพูดไม่ใช่อวดนะ จน ได้ไปเลา่ ใหพ้ ่อแม่ครจู ารย์ฟัง อยู่หนองผือ พิจารณาร่างกายนีแ้ หละ พิจารณาลงไป ๆ ดึก ๆ นะ พิจารณาลงไป ๆ ร่างกายมันเป็นของมนั เอง เวลามนั จะเป็นข้นึ มา มนั แปลกนะ ไม่มใี ครชว่ ยไม่มี ใครตกใครแตง่ มนั หากเปน็ ของมนั เอง พอจติ จอ่ ลงไปจดุ เดยี วเทา่ นน้ั รา่ งกายจะทำ� งานของมนั เอง 121
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194